Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 02 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เเละเครือข่าย

02 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เเละเครือข่าย

Description: 02 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เเละเครือข่าย

Search

Read the Text Version

บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 41 2.3.4 ขอ้ ควรค�ำนึงในการวางแผนพฒั นา การวางแผนเปน็ การหาทางเลอื กทดี่ ที ส่ี ดุ ในการปฏบิ ตั งิ าน โดยใชป้ จั จยั ตา่ งๆ และมเี หตผุ ลเพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ งานของกลมุ่ หรอื องคก์ ร เปน็ ไปอยา่ งเรยี บรอ้ ยและมปี ระสทิ ธภิ าพ การวางแผนทด่ี แี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรคำ� นึงถงึ 1) ขอ้ มูลต้องแม่นย�ำและเช่ือถือได้ 2) การวางแผนตอ้ งมองไปถงึ อนาคตและสามารถเกดิ ขน้ึ ได้จริง 3) เวลาและคา่ ใช้จา่ ย 4) ความเขม้ งวดของการด�ำเนนิ งาน 5) การต่อต้านการเปลย่ี นแปลงของสมาชกิ 6) ปจั จัยภายนอกท่ีมีผลต่อการวางแผน 7) ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และ วฒั นธรรมขององคก์ ร 2.4 การน�ำแผนไปสู่การปฏบิ ตั ิ 2.4.1 หลกั การนำ� แผนส่กู ารปฏบิ ัติ การด�ำเนินการเม่ือแผนผ่านมาจากความเห็นชอบของ สว่ นรวมแลว้ ตอ้ งพรอ้ มและสามารถปฏบิ ตั ไิ ดท้ นั ที เนอื่ งจากเปน็ แผนแบบ พง่ึ พาตนเอง ดำ� เนนิ การตามศกั ยภาพของตนเองเทา่ ทจ่ี ะดำ� เนนิ การไดก้ อ่ น ขอรบั การสนบั สนนุ จากแหลง่ ทนุ และปจั จยั ภายนอก ภายใตก้ ารสนบั สนนุ และเปน็ พเ่ี ลีย้ งจากเจ้าหนา้ ที่และหน่วยงานตา่ งๆ ทง้ั ในด้านวชิ าการ ความรู้

42 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย และทกั ษะเพ่อื ปฏบิ ตั ิงานตามแผนรวมทงั้ การบรหิ ารจัดการ การน�ำแผนไปสู่ การปฏิบัติเป็นการน�ำโครงการกิจกรรมที่ได้ก�ำหนดไว้ในแผนไป ดำ� เนินการให้บรรลุเปา้ หมายซึ่งมีแนวปฏบิ ัติ คือ 123456 กำ� หนดมาตรฐาน ก�ำหนดวิธี การปฏบิ ัตงิ าน ดำ� เนนิ การให้ ท�ำตาราง ชดั เจน การปฏิบตั งิ าน กำ� หนดบคุ คล การปรบั ปรงุ แกไ้ ข ก�ำหนดกรอบ รับผิดชอบ ใหเ้ หมาะสมกบั การติดตามและ สถานการณ์ ประเมนิ ผลอยา่ ง เปน็ ระบบ

บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 43 2.4.2 ความรู้ ทกั ษะ เพื่อปฏบิ ตั งิ านตามแผน แผนถอื วา่ เปน็ กรอบแนวทาง หรอื แมบ่ ทในการปฏบิ ตั งิ าน ของกลุ่มหรือองค์กรที่จะท�ำให้โครงการ/กิจกรรมท่ีก�ำหนดไว้ประสบ ผลสำ� เรจ็ จงึ ต้องอาศยั ความรูแ้ ละทกั ษะ คือ 1) การท�ำความเขา้ ใจกับส่วนประกอบต่างๆ ของแผน 2) การจดั เตรียมบุคคลผ้ปู ฏิบตั ใิ หเ้ หมาะสม 3) การเตรยี มการดำ� เนินการตามแผน 4) การประสานงาน 5) การแปลความหมายของแผน 6) การช้แี จงรายละเอียดเกย่ี วกับแผน 7) การรวบรวมข้อมูล 8) การตรวจสอบและประเมินข้อมูล 9) การปรบั ปรงุ แผนใหเ้ หมาะสม 10) การแก้ไขปญั หา 11) การรายงานผลการปฏบิ ตั งิ านตามแผนจนสน้ิ สดุ แผน

44 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ข่าย 2.4.3 การบริหารจัดการแผน เปน็ การกำ� หนดทศิ ทางในการใชท้ รพั ยากรทงั้ หลายอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายขององคก์ ร โดยคำ� นงึ ถงึ ++ คน งาน งบประมาณ ผ้ทู ่ีมสี ว่ นร่วมในการ แผนงานท่ี ความเหมาะสมของ ด�ำเนินการตามแผน กำ� หนดตามแผน งบประมาณทใ่ี ช้ ในการด�ำเนนิ งานตาม แผนซึ่งต้องมกี าร ควบคุมก�ำกบั ดูแล และ ตดิ ตามประเมินผล อยา่ งเปน็ ระบบ

บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 45 2.5 การประเมนิ ผล 2.5.1 หลักการและแนวคิดประเมนิ ผลกลุ่มหรอื องค์กร การดำ� เนนิ งานของกลมุ่ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครือข่าย จ�ำเป็นต้องมีการติดตามและประเมินผล ด�ำเนินการด้วย ตนเองเป็นหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพ่ือรับทราบความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค และหาทางแก้ไข การติดตาม และประเมินผลเป็น กระบวนการทส่ี ำ� คญั กระบวนการหนง่ึ ของกระบวนการจดั การองคก์ ร ซง่ึ การ ตดิ ตามประเมนิ ผลเปน็ กระบวนการสำ� หรับการประสานและบรู ณาการใน การใช้ทรพั ยากรเพอื่ การบรรลเุ ปา้ หมายขององคก์ รด้วยการใชค้ น ซง่ึ คน จะใช้เทคนิคและข่าวสารในโครงสร้างขององค์กร การประเมินผลท่ีมี ประสิทธภิ าพจะใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกตอ้ ง เทยี่ งตรง และเชอ่ื ถอื ได้ สำ� หรับการ ตัดสินใจเพื่อน�ำมาปรับแนวทางการจัดการองค์กรให้สอดคล้องกับสภาพ ตามความเปน็ จริงทพี่ บ การประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบความก้าวหน้า ของแผนงาน/โครงการ ตลอดจนการพิจารณาผลสัมฤทธ์ิของแผนงาน/ โครงการนน้ั ๆ วา่ มมี ากนอ้ ยเพยี งใด เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั เกณฑท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ จึงเป็นกระบวนการบ่งช้ีถึงคุณค่าของแผนงาน/โครงการว่าได้ผลตาม วตั ถปุ ระสงคข์ องแผนงาน/โครงการนน้ั หรอื ไมเ่ พยี งใด สามารถดำ� เนนิ การ ไดต้ งั้ แตก่ อ่ นตดั สนิ ใจจดั ทำ� แผนงาน/โครงการ ขณะดำ� เนนิ งานในจดุ ตา่ งๆ และเมอ่ื สน้ิ สดุ แผน หรอื แผนงาน/โครงการดำ� เนนิ การแลว้ เสรจ็ สามารถ ดำ� เนนิ การได้ คอื

46 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 1 3 ติดตาม ด�ำเนินการ นเิ ทศ ประเมนิ ผล ตามแผนปฏบิ ัติ แบบมีสว่ นรว่ ม 2 4คใวนกแากำ�มลหาะกรนอดา้ ดงวำ� คหใเนหนก์ ้มินรา้ ทงกี ป่ีเาากนญัรยี่รใหวหาายขก้ อ้งับองาหุปนไนดส่ว้รรยบัรงคทารนาบ ติดตาม นเิ ทศ อย่างสมำ�่ เสมอ

บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 47 2.5.2 การใชป้ ระโยชนจ์ ากผลการประเมนิ 1) ท�ำให้ทราบปัญหาและความต้องการที่แท้จริง สามารถจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ของปัญหาและแกไ้ ขปญั หาทนั ที เพ่ือนำ� ไปสู่ การพฒั นาขององคก์ ร 2) ท�ำให้วางแผน/โครงการได้ตรงเป้าหมาย แก้ปัญหา ไดถ้ กู จดุ และพฒั นาได้ตรงตามนโยบาย 3) ช่วยให้ด�ำเนินการตามแผนได้ราบรื่น สามารถ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขปญั หาอปุ สรรคอยา่ งไดผ้ ลหรอื ปรบั แผนใหเ้ หมาะสมมากขน้ึ 4) ท�ำให้ทราบผลการด�ำเนินงานตามแผนงานและ โครงการอยา่ งชดั เจน อะไรประสบผลส�ำเรจ็ แล้ว สิ่งใดยงั ต้องทำ� ตอ่ ไป จ�ำนวนเทา่ ไรอนั จะเปน็ ข้อมูลไปสกู่ ารตดั สินใจในโอกาสตอ่ ไป

เครือขา่ ยไม่เพยี งแต่เปน็ เครอ่ื งมอื ในการเช่ือมโยง องคก์ รเกษตรกร และวิสาหกิจชมุ ชนให้เกิดการเชอ่ื มโยงกัน ไมโ่ ดดเดี่ยวในการขบั เคล่ือนการพฒั นาตนเองเท่าน้นั แตเ่ ครอื ขา่ ยยังสรา้ งพลงั อ�ำนาจการตอ่ รองระหวา่ งเครือขา่ ย กับกลมุ่ ภายนอก ทำ� ใหเ้ กิดการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ เกดิ การทำ� งานร่วมกนั

บทท่ี 3การสร้างเครอื ข่าย

บ3ทท่ี การสรา้ งเครือข่าย50 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย 1. การเตรียมการของนักส่งเสริม การเกษตรเพอื่ สร้างเครือขา่ ย ในการสง่ เสรมิ องคก์ รเกษตรกร และวสิ าหกจิ ชมุ ชน การสรา้ งเครอื ขา่ ยเปน็ เครอ่ื งมอื หนง่ึ ในการขบั เคลอ่ื นการ พฒั นาใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย เครอื ขา่ ยไมเ่ พยี งแตเ่ ปน็ เครอื่ งมอื ในการเชอื่ มโยงองคก์ รเกษตรกร และวิสาหกจิ ชุมชนให้ เกิดการเชื่อมโยงกัน ไม่โดดเดี่ยวในการขับเคลื่อนการ พัฒนาตนเองเท่าน้ัน แต่เครือข่ายยังสร้างพลังอ�ำนาจ การตอ่ รองระหวา่ งเครอื ขา่ ยกบั กลมุ่ ภายนอก ทำ� ใหเ้ กดิ การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เกิดการทำ� งานรว่ มกัน การเตรียมการในการสร้างเครือข่ายต้องศึกษา ท�ำความเข้าใจความหมาย ความส�ำคัญของเครือข่าย แนวคิดทฤษฎีการเกิดเครือข่าย ต้องเรียนรู้และเข้าใจ พัฒนาการของเครือข่ายระยะต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย

บทท่ี 3 การสร้างเครือขา่ ย 51 ระยะเตรยี มการ/กอ่ เกดิ ระยะกอ่ ตงั้ ระยะการดำ� เนนิ กจิ กรรม ระยะขยาย เครือข่าย และระยะการปรบั ตวั ของเครือขา่ ย นอกจากความเข้าใจเกีย่ วกับเครือขา่ ยเองแลว้ ในการเตรยี มการเพื่อ สร้างเครือข่าย ยังต้องศึกษาข้อมูลสถานการณ์ท่ีเกี่ยวข้อง การส่งเสริม การเกิดเครอื ข่าย รวมไปถึงเทคนคิ การท�ำงานกบั เครือข่ายตามระยะของ พฒั นาการดว้ ยเพอ่ื ใหม้ คี วามเขา้ ใจอยา่ งครบถว้ น สามารถสง่ เสรมิ การเกดิ เครือข่ายและทำ� งานกับเครือข่ายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2. การเกิดเครอื ข่าย 2.1 การสร้างความเข้าใจและเป้าหมายรว่ มกนั 2.1.1 แนวคิดทฤษฎกี ารเกิดเครอื ขา่ ย ในการสร้างและพัฒนาเครือข่ายองค์กรเกษตรกรและ วสิ าหกิจชมุ ชนใหป้ ระสบผลสำ� เร็จ ต้องเขา้ ใจแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกบั การ เกดิ เครือข่าย หลักการสรา้ งและพฒั นาเครือข่าย เทคนิคการสง่ เสริมการ เกิดเครือข่ายและการท�ำงานกับเครือข่ายแต่ละช่วง ระยะของพัฒนาการ เพอื่ ชว่ ยเปน็ ตวั เชอ่ื ม หรอื ผกู้ ระตนุ้ ใหเ้ ครอื ข่ายดำ� เนนิ งานไปไดอ้ ยา่ งมน่ั คง

52 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครือขา่ ย จากการวิเคราะห์ที่มาและอธิบายการเกิดเครือข่ายของ นฤมล นิราการ (2543) ไดเ้ สนอทฤษฎแี ละแนวคิดในการสร้างเครือข่ายไว้ 3 แนวคดิ คอื 1) ทฤษฎกี ารแลกเปล่ียน (exchange theory) อธิบายถึง เหตผุ ลหลกั ทจี่ ะทำ� ใหเ้ กดิ เครอื ขา่ ย เรอื่ งของ “การแลกเปลยี่ นผลประโยชน์ ระหว่างกัน” แต่ละฝ่ายจะต้องมองเห็นประโยชน์ที่ตนจะได้รับจากการ เขา้ รว่ มเครือข่าย ทำ� ใหม้ คี วามเตม็ ใจทจี่ ะประสาน หรอื ร่วมเปน็ เครอื ขา่ ย 2) แนวคิดการรวมพลัง (synergy) การรวมพลังใน ลักษณะนี้จะเกิดผลท่ีได้รับในลักษณะ “ทวีคูณ” ก่อให้เกิดความเข้มแข็ง มากกวา่ แตล่ ะองคก์ รทท่ี ำ� งานโดดเดย่ี ว แลว้ เอาผลงานมารวมกนั แตผ่ ลของ เครือข่ายในลักษณะการรวมพลังนี้จะมีค่าทวีคูณ มากกว่า 1+1 = 2 องค์กรเกษตรกรและวสิ าหกจิ ชมุ ชนท่ีเขา้ ใจหลักการน้ี จงึ จะมีความสนใจ ท่จี ะสรา้ ง ประสานเครือข่ายเพอ่ื ประโยชน์ขององค์กร 3) แนวคดิ เกย่ี วกบั การตดิ ตอ่ สอื่ สาร (communication) เครอื ขา่ ยจะชว่ ยใหอ้ งคก์ รเกษตรกรและวสิ าหกจิ ชมุ ชน มโี อกาสแลกเปลยี่ น เรียนรู้ เกิดการสือ่ สารระหว่างสมาชิก องค์กร ภาคเี ครือข่าย เป็นส่งิ ทจ่ี ะ ช่วยรกั ษาสมั พันธภาพระหว่างกนั 2.1.2 ขอ้ มูล สถานการณท์ ี่ควรศึกษาเพ่ือเตรยี มการสร้างเครือขา่ ย ข้อมูลและสถานการณ์ท่ีควรให้ความส�ำคัญในการศึกษา วิเคราะห์ มี 3 ส่วน คอื

บทท่ี 3 การสรา้ งเครอื ข่าย 53 1) สถานการณข์ องกลมุ่ (ปจั จยั ภายใน) ไดแ้ ก่ ทรพั ยากร ศักยภาพของกล่มุ ซงึ่ หมายถงึ จดุ อ่อน จดุ แข็ง ข้อดีท่มี หี รอื ปญั หาทพี่ บ ปญั หาใดไมส่ ามารถจดั การไดใ้ นระดบั กลมุ่ ปญั หาใดตอ้ งการแนวรว่ มชว่ ย จัดการ ความต้องการหรือแนวทางพัฒนาของกลุ่มท่ีจะผลักดันให้เกิดขึ้นได้ โดยเครอื ข่าย 2) สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่ม (ปัจจัย ภายนอก) คือสภาพหรือสถานการณ์ภายนอกท่ีมีผลกระทบต่อ การขบั เคลื่อนการดำ� เนนิ งานของกลุ่ม เชน่ ผนู้ ำ� ชมุ ชน หน่วยงานทเี่ ขา้ มา ส่งเสริม สนบั สนุน 3) แนวรว่ ม หมายถงึ กลมุ่ เปา้ หมายทม่ี คี วามสนใจรว่ มกนั เชน่ กลมุ่ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนอน่ื ๆ ภาคที เี่ กยี่ วขอ้ ง สถาบนั ตา่ งๆ ในหมู่บ้าน เพ่ือวิเคราะห์ปัญหาความต้องการร่วม น�ำไปสู่การสร้าง เช่อื มโยงเครือข่าย 2.1.3 ข้อก�ำหนดหรือเงือ่ นไขเบ้อื งต้นในการสรา้ งและพัฒนาเครือขา่ ย 1) กลุ่ม/องค์กรท่ีจะสร้างเครือข่ายจะต้องพูดคุย วิเคราะหร์ ่วมกนั เพอื่ ให้เขา้ ใจและเกดิ ส�ำนกึ อยา่ งจริงจงั ว่า ● ทำ� ไมเราจงึ อยตู่ ามลำ� พังไมไ่ ด้ ● เหตใุ ดจงึ ตอ้ งเชอื่ มโยงกบั องคก์ รอน่ื เพอ่ื พงึ่ พาอาศยั กนั สมาชกิ ตอ้ งเหน็ ความสำ� คญั หรอื ความจำ� เปน็ เกดิ สำ� นกึ ข้ึนจากการวิเคราะห์ด้วยตนเอง หรือการช่วยกระตุ้นของนักส่งเสริม การเกษตร แต่ไม่ใช่การขอร้องหรือบังคบั (โดยประธาน/คนในกลุม่ หรือ คนนอกกล่มุ ) ให้เชอื่ มโยงเครอื ขา่ ย

54 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 2) สมาชิกต้องเข้าใจเป้าหมาย ของการรวมกลุ่ม และ การประสานงานอย่างชดั เจน 3) มีการจัดระบบในรูปแบบขององค์กร เพื่อการ ประสานงานทแี่ นน่ อนในระดบั หนงึ่ หากไมม่ กี ารจดั ระบบ การสรา้ งเครอื ขา่ ย จะเปน็ ไปไมไ่ ด้ 4) ต้องกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวหรือมีกิจกรรมอยู่ เสมออยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพราะเครอื ขา่ ยจะมคี วามเปน็ โครงสรา้ ง (Structured) น้อยกว่ากลุ่มหรือองค์กรและอาจจะเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มท่ีอยู่ห่าง ไกลกัน หากไมม่ กี ิจกรรม การเคลือ่ นไหวอย่างต่อเน่อื ง อาจจะเกดิ การ ถดถอย อยา่ งรวดเร็ว 2.2 การเชอ่ื มโยงให้เกดิ เครือข่าย แนวทางการเช่ือมโยงเครอื ขา่ ย เมื่อมีการสร้างความเข้าใจ ทั้งนักส่งเสริมการเกษตร องค์กรเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ในเร่ืองของพัฒนา ทฤษฎีแนวคิด ความส�ำคัญ เง่ือนไขของการเกิดเครือข่าย และองค์กรเกษตรกร และ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ไดก้ ำ� หนดเปา้ หมายรว่ มกนั ในการทจี่ ะสรา้ งพฒั นาเครอื ขา่ ย เพอื่ ใหเ้ กดิ การประสานพลงั ในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร และวสิ าหกจิ ชมุ ชน สู่ความย่ังยืนแล้ว ต้องศึกษาให้เข้าใจถึงหลักการส�ำคัญที่จะยึดถือเป็น แนวทางในการเชือ่ มโยงใหเ้ กิดเครือขา่ ย ดงั น้ี

บทที่ 3 การสรา้ งเครอื ขา่ ย 55 1 การศึกษาชมุ ชน และสภาพการณ์ภายในชมุ ชน 2 การคน้ หาผนู้ ำ� กลมุ่ ยอ่ ยๆ เพอื่ ปรกึ ษาหารอื แนวทางการทำ� งาน รว่ มกัน เพื่อสร้างเครอื ขา่ ย 3 การกระตุน้ หรอื จดั เวทีให้องค์กรเกษตรกร และวิสาหกิจชมุ ชน มีการสื่อสารพูดคุยท�ำความเข้าใจถึงความจ�ำเป็นที่ต้องมีการ เช่อื มโยงเป็นเครือขา่ ย 4 พัฒนากจิ กรรมและยกระดบั ความสัมพันธ์ 5 พฒั นาระบบขอ้ มูล ขา่ วสาร เพอื่ ให้เกิดการตดิ ตอ่ ส่อื สารอย่าง ต่อเนือ่ ง ภายหลังการสร้างเวทีพบปะ 6 ส่งเสริมกระบวนการเรยี นร้ขู ององค์กรเกษตรกร และ วิสาหกจิ ชมุ ชนในการสร้างเครอื ข่าย 7 สรปุ บทเรยี น และขยายกระบวนการเครอื ข่าย

56 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชุมชน และเครอื ขา่ ย 3. การพฒั นาเครือข่าย 3.1 การบรหิ ารจัดการเครือขา่ ย 3.1.1 แนวคิดในการจดั การเครือข่าย การเกดิ เครอื ขา่ ย เปน็ การรวมกลมุ่ ทท่ี ำ� ใหอ้ งคก์ รทเี่ คยเปน็ คแู่ ข่งกนั ใหห้ นั หนา้ เขา้ หากัน ผนวกความรว่ มมือ จนเปน็ พนั ธมติ รทีเ่ ออื้ ประโยชน์กันในทางธุรกิจ ยึดจุดหมายร่วมและการจัดสรรผลประโยชน์ ระหว่างกัน ดังนั้น ในการจัดการเครอื ขา่ ยมแี นวคดิ อยู่ 6 ประการ คอื 1) จุดมุ่งหมายร่วม การท�ำงานเครือข่ายจะเกิด ประสทิ ธภิ าพสูงถา้ ทุกฝ่ายสามารถก�ำหนดจดุ หมายรว่ มกนั ได้ 2) จิตสำ� นกึ รว่ ม บคุ คลทเ่ี กีย่ วขอ้ งต้องมีจติ ส�ำนึกร่วมกัน ท่ีจะช่วยพัฒนาเครอื ข่าย มีส่วนรว่ มในกระบวนการท�ำงาน รวมทง้ั ได้รับ ผลประโยชนจ์ ากความเป็นสมาชิกในเครอื ขา่ ย 3) การเชอื่ มโยง การทำ� งานของเครอื ขา่ ยตอ้ งมยี ทุ ธศาสตร์ การเช่ือมโยงท่ีเหมาะสม อาจเช่ือมโยงผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ ศูนยป์ ระสานงาน หรือเชื่อมต่อเทคโนโลยี 4) การสร้างความรู้สึกร่วม หลังจากการเข้าร่วมเป็น เครือข่ายแล้ว ทุกฝ่ายจะต้องมีความรู้สึกร่วมกับกระบวนการท�ำงานของ เครือข่าย เพอ่ื ให้เกดิ พลงั ผลักดัน 5) การพฒั นาระบบทีโ่ ปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ระบบการ ท�ำงานของเครือข่ายต้องเปน็ ระบบบริหารจดั การท่ีโปร่งใส ตรวจสอบได้ จากทุกฝา่ ยสร้างความรูส้ ึกทดี่ ีตอ่ ผทู้ ่รี ่วมเป็นเครอื ขา่ ย

บทท่ี 3 การสรา้ งเครือข่าย 57 3.1.2 หลกั การบรหิ ารจดั การเครอื ขา่ ยองคก์ รเกษตรกร และวสิ าหกจิ ชมุ ชน การบริหารจัดการเครือข่ายเป็นจุดก่อให้เกิดความร่วมมือ ของความเปน็ เครอื ขา่ ย การบรหิ ารจดั การตอ้ งพฒั นาใหเ้ กดิ ขน้ึ ทงั้ ภายใน และภายนอกเครอื ขา่ ย เครอื ขา่ ยองคก์ รเกษตรกรและวสิ าหกจิ ชมุ ชน นบั เปน็ เครือข่ายในระดับชุมชน การบริหารจัดการจึงต้องด�ำเนินการภายใต้ หลกั การ 4 ขอ้ คือ 1) การจัดการต้องอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการ เรยี นร้ขู องคนในชมุ ชน 2) เปน็ การจดั การทสี่ อดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ และวฒั นธรรม ของชมุ ชน 3) เปน็ การจดั การทเ่ี หมาะสมกบั บรบิ ทและสถานการณ์ ทเ่ี กิดขน้ึ ในระดับชุมชน 4) การจดั การระบบข้อมลู ข่าวสาร ระบบตดิ ต่อสื่อสาร และสารสนเทศ เปน็ ส่งิ สำ� คัญยิ่งต่อความยั่งยืนของเครอื ข่าย เพราะจะ ชว่ ยใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และทราบถงึ ความเคลอื่ นไหวของเครอื ขา่ ย แนวคิดการจัดการเครือขา่ ยทั้ง 4 ประการ สามารถน�ำมา เป็นเปา้ หมายของการทำ� งานในเชิงรกุ ของเครือข่ายได้

58 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 3.1.3 ข้นั ตอนการบรหิ ารจัดการเครือข่าย เมอ่ื ทำ� ความเขา้ ใจในหลกั การบรหิ ารจดั การและแนวคดิ ใน การบรหิ ารจดั การเครอื ขา่ ยแลว้ การดำ� เนนิ การสามารถดำ� เนนิ การอยา่ ง เป็นขั้นตอนเพ่ือให้เกิดความสะดวกในการบริหารจัดการ การวางแผน ด�ำเนนิ งานจะเป็นไปอยา่ งมรี ะบบ การบริหารจดั การเครอื ขา่ ย มขี น้ั ตอน หลกั อยู่ 7 ข้ันตอนดงั น้ี 1) การก�ำหนดวัตถปุ ระสงค์ และข้อตกลงรว่ ม 2) การกำ� หนดบทบาทหน้าท่ี และการวางผังเครือข่าย 3) การเสรมิ สร้าง และพัฒนาผูน้ ำ� 4) การจัดระบบการตดิ ต่อสื่อสาร 5) การสง่ เสริมกระบวนการเรยี นรทู้ ี่ตอ่ เนือ่ ง 6) การตดิ ตาม และประเมนิ ผลแบบมีส่วนร่วม 7) การรกั ษาผลประโยชน์ และรกั ษาความสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั 3.2 พระราชบัญญัติสง่ เสริมวิสาหกิจชมุ ชน พ.ศ.2548 กับการพัฒนาเครอื ข่าย การพฒั นาเครอื ขา่ ยในพระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน พ.ศ. 2548 พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน พ.ศ. 2548 ใหค้ วามสำ� คญั กับการส่งเสริมความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชนโดยการใช้กระบวนการ เครือขา่ ยเป็นเครอื่ งมือหนง่ึ มกี ารกำ� หนดประเด็นท่เี กี่ยวข้องไว้ ดงั น้ี

บทที่ 3 การสรา้ งเครอื ขา่ ย 59 1) ใหม้ กี ารจดทะเบยี นเครอื ขา่ ยวสิ าหกจิ ชมุ ชน ซง่ึ ตอ้ งประกอบดว้ ย วิสาหกจิ ชุมชนตั้งแต่ 2 วสิ าหกิจชมุ ชนข้นึ ไปมารวมตวั กนั มีวัตถุประสงค์ เพอ่ื ทำ� กจิ กรรมทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชน โดยอาจมบี คุ คลภายนอก ท่ีมีความสามารถให้ความรู้ ช่วยเหลือ สนับสนุน หรือท�ำประโยชน์ ต่อวสิ าหกิจชุมชนมารว่ มด้วย 2) บทบาทของเครอื ขา่ ยวสิ าหกจิ ชมุ ชน คอื ใหค้ ำ� แนะนำ� ชว่ ยเหลอื วสิ าหกิจชุมชนในดา้ นตา่ งๆ คือ ● กจิ กรรมภายใน ช่วยเหลือในการจดั ตั้ง ศกึ ษาวิจยั ให้ความรู้ ฝึกอบรม ปรับปรุงพฒั นาการผลติ บรกิ าร การบริหารจดั การ การหาทุน การตลาด ● กิจกรรมภายนอก คือ เป็นคนกลางติดต่อส่วนราชการ องค์กรของรฐั เอกชน เพ่ือสง่ เสริมสนับสนุนวิสาหกจิ ชมุ ชน ประสานกับ เครือข่ายอน่ื เพ่อื แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ 3) เครือข่ายวสิ าหกิจชุมชน เป็นศนู ย์กลางในการส่งเสริมความ สามคั คีและช่วยเหลือเก้อื กลู กัน 4) เครือข่ายสามารถเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการส่งเสริม วสิ าหกจิ ชมุ ชน เกยี่ วกบั นโยบาย หรอื มาตรการในการสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน

60 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือขา่ ย 3.3 รปู แบบการสร้าง และพัฒนาเครอื ข่ายองค์กรเกษตรกร และวิสาหกจิ ชุมชน และกรณตี ัวอยา่ ง 3.3.1 รูปแบบการสร้าง และพัฒนาเครือขา่ ยแบบแนวราบ ลกั ษณะเครอื ข่ายแบบแนวราบ เครือข่ายแนวราบเป็นการประสานบุคคลท่ีอยู่ในระดับ เดียวกัน อาชีพเดียวกัน ให้มาเชื่อมโยงประสานเป็นเครือข่ายกัน เช่น เครอื ขา่ ยเกษตรกร เครอื ขา่ ยนกั พฒั นา เครอื ขา่ ยนกั วจิ ยั รปู แบบของการ กอ่ เกดิ คงอยู่ และขยายตวั ของเครอื ขา่ ยแบบแนวราบ มอี ยู่ 3 ลกั ษณะ คอื 1) การพฒั นาเครอื ขา่ ยจากกลมุ่ กจิ กรรมยอ่ ยหลายกลมุ่ เช่อื มโยงกันเปน็ เครอื ข่าย การพัฒนาเครือข่ายจากกลุ่มกิจกรรมย่อยหลายกลุ่ม เชอื่ มโยงกนั เปน็ เครอื ขา่ ยเปน็ การสรา้ งและพฒั นาการเครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ จาก การทกี่ ลมุ่ กจิ กรรมยอ่ ยๆ ทที่ ำ� กจิ กรรมทแ่ี ตกตา่ งกนั แตม่ บี างอยา่ งทต่ี อ้ ง พึ่งพาแลกเปล่ียนกัน ท�ำให้กลุ่มย่อยต้องมาประสานเชื่อมโยงกัน โดยมี กลมุ่ ทเี่ ปน็ ตวั เชอื่ มหรอื เปน็ แกนกลางในการบรหิ ารจดั การ หรอื ใชก้ จิ กรรม ของกลุ่มแกนกลางเปน็ ตัวรอ้ ยใหเ้ กดิ การเช่ือมประสาน เช่น การพัฒนา เครอื ขา่ ยธนาคารชมุ ชนสรา้ งถอ่ นอ้ ย อำ� เภอหวั ตะพาน จงั หวดั อำ� นาจเจรญิ ท่ีเกดิ จากกลุ่มกิจกรรมยอ่ ยๆ ตา่ งๆ ในต�ำบลสร้างถอ่ นอ้ ย ไดแ้ ก่ กลุ่มเล้ยี งโค กลุ่มโรงสีข้าวชุมชน กลุ่มเจียรไนพลอย กลุ่มทอผ้าไหม กลุ่มท่องเท่ียว กลมุ่ โฮมสเตย์ กลมุ่ จกั สาน กลมุ่ เกษตรอนิ ทรยี ์ ซง่ึ บางสว่ นเปน็ กลมุ่ ยอ่ ยๆ ที่ประสานเช่ือมโยงกันอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ประสบปัญหาในการ

บทท่ี 3 การสร้างเครือขา่ ย 61 ทำ� กจิ กรรมในเรอื่ งของหน้สี ิน มหี นีส้ นิ รวมกนั ประมาณถงึ 59 ลา้ นบาท สมาชกิ กลมุ่ กจิ กรรมตา่ งๆ จมปลกั อยใู่ นภาวะหนส้ี นิ ธกส.รว่ มกบั สว่ นงาน ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง จงึ รว่ มกนั ชกั จงู ใหป้ ระธานกลมุ่ กจิ กรรมตา่ งๆ ปรกึ ษาหารอื กนั เพื่อหาหนทางแก้ปัญหาโดยการประสานพลังสร้างเครอื ขา่ ย โดยร่วมกัน จัดต้ังธนาคารชุมชนข้ึน เป็นแกนกลางในการประสานและขยายผลของ กจิ กรรมจากธนาคารชมุ ชน เปน็ กลมุ่ กจิ กรรมเพ่ิมเติม เพอื่ เปน็ ตัวร้อยให้ การเชอ่ื มประสานเกดิ ความมน่ั คง ยง่ั ยนื แสดงใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยๆ ตามแผนภาพ ต�ำบลสร้างถอ่ น้อย ศูนย์รวมข้าวกล้อง กลมุ่ เลยี้ งโค กล่มุ โรงสขี ้าว รา้ นคา้ ชมุ ชน ธกส. กล่มุ เกษตรอนิ ทรยี ์ ชุมชน ธนาคาร กลุ่มผลติ กล่มุ ทอผา้ ชุมชน ดอกไมจ้ นั ทน์ กลมุ่ เจยี รไนพลอย สวสั ดกิ าร และพวงหรดี ชุมชน กลมุ่ ผลติ ตะกรา้ กลุ่มจักสาน ของขวญั กลุ่มท่องเทีย่ ว โฮมสเตย์ แผนภาพ : แสดงการเช่ือมโยงเครอื ขา่ ยธนาคารชมุ ชนสร้างถอ่ นอ้ ย อำ� เภอหัวตะพาน จังหวดั อ�ำนาจเจรญิ

62 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชุมชน และเครือข่าย 2) การพฒั นาเครอื ขา่ ยจากกลมุ่ ใหญแ่ ยกเปน็ กลมุ่ กจิ กรรม ยอ่ ยๆ และเชือ่ มโยงกัน การพฒั นาเครอื ขา่ ยจากกลมุ่ ใหญแ่ ยกเปน็ กลมุ่ กจิ กรรม ยอ่ ยๆ และเชื่อมโยงกนั เป็นการพัฒนาท่แี ยกกิจกรรมยอ่ ยๆ จากกลุ่มใหญ่ เนือ่ งจากกลมุ่ มีปัญหาในการทำ� กิจกรรม จึงมีการตัง้ กลมุ่ ยอ่ ยเข้ามาช่วย แก้ปัญหา โดยกลุ่มย่อยจะมีแกนน�ำซึ่งแยกตัวจากกลุ่มใหญ่ เป็นผู้น�ำใน การบริหารจัดการและเป็นแกนหลักในการประสานเชื่อมโยงกับกลุ่มใหญ่ หรอื กลุ่มอน่ื ๆ ในเครือขา่ ย การพฒั นาเครอื ขา่ ยในลกั ษณะนี้ ตวั อย่างเช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลอดช่องบางคนที ต�ำบลกระดังงา อ�ำเภอบางคนที จงั หวดั สมทุ รสงคราม จากเดมิ เปน็ กลมุ่ แมบ่ า้ นเกษตรกรวดั ไทรสรา้ งสรรค์ สมาชกิ เรม่ิ แรก 15-18 คน รวมตวั กนั ทำ� กจิ กรรมอาหารแปรรปู เลก็ นอ้ ย เป็นรายได้เสริม จ�ำหน่ายในชุมชน ต่อมากลุ่มสามารถด�ำเนินการผลิต สินคา้ ไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพ เรยี นรูร้ ะบบบัญชรี ับ-จา่ ย ระบบกลมุ่ ออมทรพั ย์ และระบบตลาด สามารถหาตลาดรบั ซอ้ื สนิ คา้ ทแ่ี นน่ อนได้ จนถงึ มชี อ่ งทาง ขยายสู่ตลาดภายนอก จึงขยายกิจการขึ้น และเพ่ิมชนิดกิจกรรมเพ่ิม รายได้ตัวท่ี 2 ท่ี 3 ขนึ้ เรือ่ ย กจิ กรรมทีด่ ำ� เนนิ การคือการทำ� หอมเจยี ว ตอ่ มาเพม่ิ การผลติ ลอดชอ่ งสงิ คโ์ ปรอ์ บแหง้ และซาหรม่ิ อบแหง้ เมอ่ื สามารถ ผลักดันกิจกรรมสู่ตลาดต่างประเทศได้ ปริมาณการผลิตมากข้ึน ก�ำลัง การผลติ ไมเ่ พยี งพอ จงึ ขยายเครอื ขา่ ยไปสกู่ ลมุ่ สมาชกิ ในหมบู่ า้ น เปน็ กลมุ่ กจิ กรรมย่อยๆ เชน่ กลุม่ ผูป้ อกหอม กลุ่มรา้ นค้าชุมชน เพื่อทำ� การตลาด ปจั จบุ นั มสี มาชกิ ในหมบู่ า้ นตา่ งๆ เปน็ เครอื ขา่ ยของกจิ กรรมตา่ งๆ รวมทงั้ สนิ้ 96 คน รวม 45 ครวั เรอื น แต่ละกจิ กรรมจะมกี องทนุ หมุนเวยี นมกี าร

บทท่ี 3 การสร้างเครอื ขา่ ย 63 บรหิ ารจัดการโดยมคี ณะกรรมการยอ่ ยในแตล่ ะกจิ กรรม แสดงโครงสร้าง การเชือ่ มโยงในแผนภาพ วิสาหกิจชมุ ชน ลอดชอ่ งบางคนที กิจกรรมลอดชอ่ ง กจิ กรรมใหบ้ รกิ าร สิงคโปรอ์ บแหง้ รำ� กลองยาวยอ้ นยคุ กิจกรรมผลิตหอมเจียว กจิ กรรมผลติ ซาหร่มิ รวมมติ รอบแหง้ กลุ่มจดั การ กลมุ่ ปอกหอม กลมุ่ เจยี วหอม บรรจุภัณฑ์และ ขนส่ง แผนภาพ : แสดงการเชือ่ มโยงเครอื ข่ายวิสาหกจิ ชมุ ชนลอดช่องบางคนที ต�ำบลกระดงั งา อำ� เภอบางคนที จงั หวัดสมุทรสงคราม 3) การพฒั นาเครอื ขา่ ยแบบผสม การพฒั นาเครอื ขา่ ยแบบผสม มกี ารพฒั นาเครอื ขา่ ยทงั้ 2 รปู แบบ คือ จากกลุม่ เลก็ ที่มอี ยู่ในชมุ ชนโยงกันเปน็ กลมุ่ ใหญ่ และจาก กลมุ่ ใหญแ่ ยกกจิ กรรมออกเปน็ กลมุ่ ยอ่ ยตามสภาพปญั หาของกลมุ่ ตวั อยา่ ง การพฒั นาเครือขา่ ยน้ี ได้แก่

64 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย กลมุ่ เพาะเหด็ บา้ นไมย้ า ตำ� บลไมย้ า อำ� เภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย เปน็ หนงึ่ ในสมาชกิ ของเครอื ขา่ ยกลมุ่ เพาะเหด็ ตำ� บลไมย้ า ซึ่งชาวบ้านในต�ำบลมีการเพาะเห็ดจ�ำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย สามารถ สร้างรายได้แกต่ �ำบลในแต่ละปมี มี ูลค่าหลายลา้ นบาท จดุ เรมิ่ แรกของการรวมกลมุ่ การเพาะเหด็ จนเปน็ อาชพี เกดิ จากการทชี่ าวบา้ นคนหนง่ึ ในหมบู่ า้ นดงั กลา่ ว เคยทำ� งานกบั ฟารม์ เหด็ อรัญญิก และในปี 2540 ไดก้ ลบั มาอยบู่ า้ น จงึ ไดน้ �ำความรู้มาเพาะเหด็ ขายในหมบู่ า้ น ไดร้ บั ความนยิ มบรโิ ภคในชุมชนมาก เริ่มจากเห็ดนางฟ้า เหด็ นางรม เปน็ อนั ดบั แรก ตอ่ มาปี 2542 ผนู้ ำ� ในหมบู่ า้ นเหน็ ความสำ� คญั จึงปรึกษาหารือกันในการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีการจัดท�ำแผนเสนอขอ งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนต�ำบลในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งจกั รทจ่ี �ำเปน็ มาให้บรกิ ารสมาชิก กลุม่ เพาะเหด็ บ้านไม้ยา หมู่ที่ 2 จงึ ถูกก่อตงั้ ขนึ้ จากการรวมตวั กันของชาวบ้าน เปน็ กลุ่มหลกั โดยมสี มาชิก จากหลายหมู่บ้านในต�ำบลไม้ยาเป็นศูนย์กลางในการประสานงานการใช้ เครอื่ งจกั รและเทคโนโลยีตา่ งๆ ท้ังการค้นหาวิธีเพาะเช้ือ การแปรรูปเห็ด ต่อมาสมาชิกท่ีหมอู่ ่นื ไมส่ ะดวกในการมารว่ มกจิ กรรม จงึ ไดไ้ ปต้ังกลุ่มใน หมขู่ องตน ขยายเครอื ขา่ ยเปน็ กลมุ่ เพาะเหด็ ยอ่ ยๆ ในหมตู่ า่ งๆ เพอ่ื รองรบั การสนับสนุนเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์ และเงินทุนจากท้องถิ่นที่ให้การ สนับสนุนวิสาหกจิ ในชมุ ชน เงินทุนหลกั ๆ ทไ่ี ดร้ ับคือ งบประมาณกระตนุ้ เศรษฐกจิ จากอำ� เภอเมง็ ราย ผา่ นองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลไมย้ า ชมุ ชนโดยรอบ

บทท่ี 3 การสรา้ งเครือข่าย 65 มีความสนใจจึงจัดตั้งกลุ่มเพาะเห็ดข้ึนและเข้ามาเป็นสมาชิกเครือข่าย เพือ่ เชือ่ มโยงด้านข่าวสาร ความรู้ การเช่ือมโยงตามแผนภาพ กลุม่ เพาะเห็ด กลุ่มเพาะเห็ด ห้วยกาง หมู่ 12 หว้ ยก้างกลาง หมู่ 19 กลุ่มเพาะเห็ด กลมุ่ เพาะเหด็ ห้วยเดื่อ หมู่ 1 ห้วยกา้ ง หมู่ 8 กลุ่มเพาะเหด็ กลุ่มเพาะเหด็ กลุ่มเพาะเหด็ บา้ นไมย้ า หมู่ 9 บ้านไมย้ า หมู่ 2 บ้านไม้ยา สันโค้ง หมู่ 7 กลุ่มเพาะเหด็ บา้ นไมย้ า สันโคง้ หมู่ 12 แผนภาพ : แสดงการเช่ือมโยงเครอื ข่ายของกลุ่มเพาะเห็ดบ้านไม้ยา อำ� เภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย : กลมุ่ ย่อยที่ตงั้ ขึน้ ใหม่ : มีการเชือ่ มโยงดา้ นขา่ วสาร ความรู้ และเปน็ เครอื ข่ายดา้ นการผลติ : กลุม่ ยอ่ ยที่ขยายจากกลมุ่ ใหญ่ เนือ่ งจากปญั หาความไมส่ ะดวกในการทำ� กิจกรรม : มกี ารเชอ่ื มโยงดา้ นขา่ วสาร ความรู้

66 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครือข่าย 3.3.2 รูปแบบการสรา้ งและพฒั นาเครือข่ายแบบแนวต้ัง รูปแบบการสรา้ งเครอื ขา่ ยแบบแนวตง้ั เนื่องจากสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนองค์กร เกษตรกรหรอื วสิ าหกิจชุมชน ไม่สามารถอยู่รอดไดอ้ ยา่ งโดดเด่ียว ตอ้ งมี การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยหาพันธมิตรในการด�ำเนินกิจกรรม รว่ มกนั การสรา้ งเครอื ขา่ ยในแนวตง้ั เปน็ การประสานเชอื่ มโยงทกุ ภาคสว่ น ท่เี ก่ยี วข้อง ทง้ั การผลิตวัตถุดิบ การแปรรูป หรือการผลติ ใหเ้ ป็นสินคา้ การจ�ำหน่าย ไปจนถงึ การส่งออกไปจ�ำหน่ายตา่ งประเทศ การจดั รปู แบบ เครอื ขา่ ยแนวตง้ั จะจดั รปู แบบใดกไ็ ด้ โดยการเชอื่ มโยงผคู้ นจากหลากหลาย อาชีพมาเปน็ เครอื ขา่ ยกนั เช่น เกษตรกร นกั วิชาการ นกั วิจยั นกั พฒั นา นกั ธุรกิจ นกั การเมอื ง องคก์ รชมุ ชน ตวั อยา่ งการเช่ือมโยงเครอื ข่ายแบบ แนวตั้งท่ีเห็นได้เด่นชัด คือ การพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์ ชมรมชาวสวนมะม่วง จังหวัดฉะเชิงเทรา การเช่ือมโยงตามแผนภาพ ตัวอยา่ งการพัฒนารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยแบบแนวตั้ง

วิสาหกิจชุมชนผูผ้ ลติ มะมว่ ง เครอื ข่ายวสิ าหกิจชมุ ชนสหกรณ์ ตลาด อำ� เภอต่างๆ ของ ชมรมชาวสวนมะม่วง ทอ้ งถ่นิ /ชุมชน จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา จังหวัดฉะเชงิ เทรา ไปรษณยี ์ เกษตรกรผผู้ ลติ มะม่วง เครอื ข่ายการผลิต (รบั order มะมว่ งและสง่ ) ซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศ กลมุ่ /องค์กรเกษตรกร นักวชิ าการ เครอื ข่ายการตลาด ผผู้ ลติ มะม่วง บรษิ ัทส่งออกตา่ งประเทศ องคก์ รชมุ ชน เครือข่ายวิชาการ เอกชน (บริษทั สง่ ออก) หนว่ ยงานของรฐั นกั วิจยั สนบั สนุนปัจจยั การผลิต บทท่ี 3 การสร้างเครอื ขา่ ย 67 และเทคโนโลยี เพอื่ ให้ได้คุณภาพ แผนภาพ : แสดงการเชื่อมโยงเครอื ขา่ ยของวสิ าหกิจชุมชนสหกรณ์ชมรมชาวสวนมะม่วง จังหวดั ฉะเชงิ เทรา

การปฏบิ ตั งิ านไมว่ า่ จะเปน็ การปฏบิ ตั งิ านกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน หรอื เครอื ขา่ ยตา่ งๆ นกั สง่ เสรมิ การเกษตรควรเรยี นรหู้ ลกั 2 ประการ คอื หลกั การทำ� งานแบบมสี ว่ นรว่ ม และ การเรยี นรกู้ ลมุ่ ทจ่ี ะเขา้ ทำ� งาน

บทที่หลักการทำ� งานกบั องคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน 4และเครือขา่ ย

70 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย บทที่ หลกั การทำ� งานกับองคก์ รเกษตรกร 4วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย 1. หลักการท�ำงานของนักส่งเสริม การเกษตร 1.1 แนวคดิ การทำ� งานของนกั สง่ เสรมิ การเกษตร การปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงานกับ องค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน หรือเครือขา่ ยต่างๆ นกั ส่งเสรมิ การเกษตรควรเรยี นร้หู ลัก 2 ประการ คอื 1.1.1 หลกั การทำ� งานแบบมีส่วนร่วม โดยหลกั การแลว้ นกั สง่ เสรมิ การเกษตร ควรได้เรียนรู้ถึงวิธีการท�ำงานพ้ืนฐานท่ีเหมือนกันใน การเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั หนว่ ยตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ องคก์ ร เกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน หรอื เครือขา่ ย เพยี งแตเ่ มื่อมี ความแตกต่างของหน่วยองค์กร ซึ่งอาจมีลักษณะท่ี แตกตา่ งกนั ออกไปตามแตจ่ ดุ มงุ่ หมาย หรอื จดุ ประสงค์

บทที่ 4 หลักการท�ำงานกับองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ข่าย 71 ของการรวมตวั เพอ่ื ใหเ้ ปน็ องคก์ รเกษตรกร ในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ กลมุ่ แมบ่ า้ น เกษตรกร กลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตร กลุม่ ยุวเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรืออาจรวมตัวกันประกอบกิจการในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน จนถึง การสร้างเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายการเรียนรู้ เครือข่ายการผลิต เครือข่ายการตลาด 1.1.2 การเรียนรู้กลุ่มทีจ่ ะเข้าทำ� งาน นอกจากนักส่งเสริมการเกษตร ต้องเรียนรู้หลักการมี สว่ นรว่ มกบั กลมุ่ แลว้ สง่ิ สำ� คญั อกี สงิ่ หนง่ึ คอื ตอ้ งเรยี นรกู้ ลมุ่ ทจ่ี ะเขา้ ไปรว่ ม ท�ำงานด้วย โดยต้องศึกษากลุ่มที่จะเข้าไปท�ำงาน และจ�ำเป็นต้องมี องค์ความรู้เพ่ิมขึ้นในการท�ำงานร่วมกับกลุ่มในระดับต่างๆ ซึ่งหลักการ ท�ำงานกบั กล่มุ ตา่ งๆ ในทีน่ ้ีจะแบง่ ออกเป็น 3 ระดบั คือ กลุ่มพ้ืนฐาน กลุ่มก้าวหนา้ และเครือขา่ ย โดยจะกลา่ วถงึ ในตอนตอ่ ๆ ไป

72 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 1.2 วิธกี ารปฏิบตั ิงานของนักส่งเสริมการเกษตร เพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ มาตรฐานและมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็ กลางในการเรม่ิ ท�ำงานกับหน่วยต่างๆท่ีกล่าวมาข้างต้นส่ิงท่ีส�ำคัญ คือ การเรียนรู้ท่ีจะ เขา้ ไปทำ� งาน การสรา้ งความสมั พนั ธท์ เ่ี ปน็ มติ ร ตลอดจนการใหค้ ำ� แนะนำ� พื้นฐานสำ� หรบั องคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครือข่ายไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพ โดยบทบาทหนา้ ทขี่ องนกั สง่ เสรมิ การเกษตรสามารถแบง่ ได้ ใน 2 สถานะ คอื 1.2.1 วธิ กี ารทำ� งานในฐานะผเู้ ขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั กลมุ่ มวี ธิ กี ารทำ� งาน พ้นื ฐาน ดงั นี้ 1) ศกึ ษาขอ้ มลู พนื้ ฐานของกลมุ่ ทต่ี อ้ งการเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม และปฏบิ ัตงิ าน 2) ขอพบบคุ คลท่มี คี วามสำ� คัญของกลุ่มองค์กรนนั้ ๆ เช่น ประธานกล่มุ เป็นตน้ 3) แนะน�ำตัว บอกวัตถุประสงค์ในการท�ำงาน และขอ ค�ำแนะนำ� เบอื้ งต้นในการทำ� งานกบั กลุม่ 4) น�ำข้อแนะน�ำไปวิเคราะห์ถึงแนวทางการเข้าไปมี ส่วนรว่ มกับกลุ่ม 5) การแสดงความจริงใจในการติดต่อสื่อสารกบั กลุ่ม 6) ยิ้มเสมอแม้เจอกบั ปัญหาหรอื ข้อวพิ ากษว์ จิ ารณ์ 7) ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน อดทนตอ่ สถานการณท์ เี่ ปลยี่ นแปลง 8) ท�ำงานด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเราเพ่ือความเข้าใจ และเพอ่ื ทราบข้อจ�ำกดั ในการปฏิบัติงาน

บทท่ี 4 หลักการท�ำงานกบั องคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย 73 1.2.2 วธิ กี ารทำ� งานในฐานะผใู้ หค้ ำ� แนะนำ� ปรกึ ษา จำ� เปน็ ตอ้ งมเี ทคนคิ ในการใหค้ ำ� ปรกึ ษา ซึง่ เจา้ หน้าทค่ี วรมลี ักษณะ ดงั นี้ สร้างบุคลกิ ภาพทนี่ า่ เช่ือถือ มคี วามสม�่ำเสมอ มีความร้จู ริงในเรอื่ ง ในการตดิ ตามผล ทจ่ี ะให้คำ� ปรึกษา หรือ การให้ค�ำแนะน�ำเป็นระยะ สามารถหาแนวทาง ให้คำ� แนะน�ำสมาชกิ เพ่ือ เพื่อใหค้ �ำปรึกษาได้ การแกไ้ ขปัญหาโดย รูบ้ ุคลิกภาพ เสนอแนวทางและ ฐานะทางเศรษฐกิจ ใหก้ ลุม่ ตัดสินใจ สงั คม ความเชื่อของ ผทู้ ่รี บั คำ� ปรึกษา เป็นผู้รับฟงั ทดี่ ีเกีย่ วกบั ปญั หา เปน็ ผรู้ ่วมวเิ คราะหป์ ญั หาร่วมกบั กลุ่ม ทม่ี ีผนู้ �ำมาปรกึ ษา หรือองคก์ รท่ีเขา้ มาปรึกษาเพ่ือหา แนวทางแกไ้ ข

74 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 2. หลกั การทำ� งานกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 2.1 หลักและวธิ ีการทำ� งานกบั กลุม่ พ้นื ฐาน 2.1.1 หลกั การและแนวคดิ ในการทำ� งานกับกลุ่มพนื้ ฐาน กลุ่มพื้นฐานในที่น้ีเป็นไปตามนิยามของค�ำว่ากลุ่มในระดับ พื้นฐาน ซ่ึงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มยุวเกษตรกร กลุ่ม สง่ เสริมอาชีพ วิสาหกิจชมุ ชนทเี่ ริม่ การท�ำกจิ กรรม หรอื ประกอบการใน ระดบั พนื้ ฐานสง่ิ ทจี่ ำ� เปน็ ทค่ี วรเปน็ พนื้ ฐานในการปฏบิ ตั งิ านของนกั สง่ เสรมิ การเกษตรตอ่ กลมุ่ ระดบั พน้ื ฐาน เพอื่ ใหก้ ลมุ่ หรอื วสิ าหกจิ ชมุ ชนเกดิ ความ เข้มแข็งในระดับการพ่งึ พาตนเองได้ มหี ลกั การใหญ่ๆ อยู่ 2 เร่อื ง คอื 1) หลกั การพ่งึ พาตนเอง การพ่งึ พาตนเองมิไดห้ มายถึง การมีเพียงแค่การพออยู่พอกินไม่กระตือรือร้นขวนขวาย แต่การพ่ึงพา ตนเองหมายถึงลดการพ่ึงพาจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นองค์กรเกษตรกร หรอื วิสาหกจิ ชุมชนยอ่ มใช้หลักการเชน่ เดียวกนั นั่นหมายถึง นักสง่ เสรมิ การเกษตรตอ้ งมสี ว่ นรว่ มในการเขา้ ไปสรา้ งแนวคดิ สำ� หรบั กลมุ่ พนื้ ฐานให้ กล่มุ ไดเ้ รียนรใู้ นการพ่ึงพาตนเอง ลดรายจา่ ย เพิ่มรายได้ อนั เป็นพืน้ ฐาน ของการอยรู่ อดขององคก์ ร ตอ้ งสามารถอยรู่ อดไดโ้ ดยทไี่ มต่ อ้ งพงึ่ พงิ ปจั จยั ภายนอกหรอื องคก์ รอนื่ โดยอาศยั ความรว่ มมอื ของสมาชกิ ในการวเิ คราะห์ ตนเอง ความช่วยเหลือภายในกลุ่ม การแบ่งปันระหว่างสมาชิก ท้ังน้ี เบอ้ื งลกึ ของกระบวนการมสี ว่ นรว่ มตอ้ งเกดิ จากความพรอ้ มทางครอบครวั

บทที่ 4 หลักการท�ำงานกับองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย 75 \" หลักการพึ่งพาตนเอง การพงึ่ พาตนเองมไิ ดห้ มายถงึ การมีเพยี งแค่ การพออยู่พอกินไม่กระตือรือรน้ ขวนขวาย แต่การพึ่งพาตนเองหมายถึง ลดการพงึ่ พาจากภายนอกไมว่ ่าจะเป็นองคก์ รเกษตรกร หรือวสิ าหกจิ ชุมชน \"ยอ่ มใช้หลกั การเชน่ เดียวกนั ของสมาชกิ และแบ่งปันสภู่ ายนอกในลกั ษณะการมีส่วนรว่ มของกลุ่มหรือ องค์กร ต้องสร้างความเข้าใจให้กับสมาชิกในการลดรายจ่ายที่ไม่จ�ำเป็น และการออมในหมู่สมาชิก ซึ่งการพ่ึงพาตนเองมีได้หลายระดับทั้งระดับ บุคคลและชมุ ชน สามารถผนั เปลีย่ นไดต้ ามความเหมาะสมตามที่ไดศ้ ึกษา มาแล้วในบทที่ 2 2) หลกั การสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ สำ� หรบั นกั สง่ เสรมิ การเกษตรแลว้ การทจ่ี ะใหก้ ลมุ่ ตา่ งๆเกดิ ความเขม้ แขง็ จำ� เปน็ ตอ้ งเรยี นรใู้ น เรอื่ ง การสรา้ งกระบวนการเรยี นรสู้ ำ� หรบั กลมุ่ องคก์ รทจี่ ะเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม การสรา้ งกระบวนการเรยี นรมู้ หี ลายวธิ กี าร แตส่ ว่ นใหญส่ ำ� หรบั นกั สง่ เสรมิ การเกษตรแลว้ จะใช้วิธกี ารสรา้ งกระบวนการเรียนรูห้ ลักๆ 3 วิธี คือ (1) การจดั เวทีแลกเปล่ียนเรยี นรู้ของเกษตรกร ไม่ว่า จะเป็นการจัดประชุมกล่มุ ย่อย จัดประชุมสมั มนา หรือจัดเวทเี ปิดการเรียนรู้ (2) การพาเกษตรกรไปศึกษาดงู านกลมุ่ หรือองค์กร ทีป่ ระสบผลสำ� เรจ็ (3) การจัดการฝึกอบรมให้ตามความสนใจของ เกษตรกร

76 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือขา่ ย 2.1.2 วิธีการท�ำงานกบั กล่มุ พนื้ ฐาน วธิ กี ารปฏบิ ตั งิ านกบั กลมุ่ พน้ื ฐานนกั สง่ เสรมิ การเกษตรตอ้ ง มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเปน็ พน้ื ฐานในลกั ษณะของกลมุ่ ทด่ี ำ� เนนิ การ โดยปกติ แลว้ ควรมีวิธีการปฏิบตั ิ ดังนี้ 1) นกั สง่ เสรมิ การเกษตรควรไดท้ ำ� การศกึ ษาวจิ ยั รว่ มกบั กลมุ่ พ้ืนฐานเก่ียวกับการน�ำวตั ถุดบิ ทรัพยากร หรือภูมิปญั ญาของชุมชน มาใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรมขององคก์ ร กจิ การวสิ าหกจิ ชมุ ชนและสภาพ ทอ้ งถ่นิ นั้นๆ 2) การใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ขบวนการผลติ และการบรหิ าร จดั การในเบ้ืองต้น 3) การจดั หาแหลง่ ทนุ หรอื ประสานดา้ นการตลาด และ หน่วยงานตา่ งๆ ที่เกย่ี วข้อง ท้ังน้ี เปน็ ไปเพื่อใหก้ จิ กรรม หรอื กิจการของกลมุ่ นนั้ ๆ มี ความเขม้ แข็งและพ่ึงพาตนเองได้ 2.2 หลกั และวธิ กี ารท�ำงานกับกลุ่มกา้ วหนา้ 2.2.1 หลกั การและแนวคดิ ในการทำ� งานกบั กลมุ่ ก้าวหน้า กลุ่มก้าวหน้าในที่นี้ หมายถึง องค์กรเกษตรกร หรือ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ทม่ี คี วามเขม้ แขง็ และสามารถพง่ึ พาตนเองไดใ้ นระดบั หนง่ึ แลว้ สามารถกา้ วหนา้ ไปในระดบั การพฒั นาทสี่ ามารถเขา้ สรู่ ะบบการแขง่ ขนั ได้ โดยมแี นวคดิ และหลกั การพนื้ ฐาน สำ� หรบั การทำ� งานกบั กลมุ่ กา้ วหนา้ ดงั นี้

บทท่ี 4 หลกั การท�ำงานกับองค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชน และเครือขา่ ย 77 1) หลักการพงึ่ พาตนเอง เช่นเดียวกบั กลมุ่ พ้ืนฐาน 2) หลักการสร้างกระบวนการเรียนรู้ 3) หลักการประสานงาน โดยหลักการประสานงานน้ีมี ความจ�ำเป็นส�ำหรับการท่ีจะเป็นแรงหนุนน�ำหรือส่งเสริมการท�ำงานกับ กลุ่มก้าวหน้า เพื่อให้กลุ่มท่ีพัฒนาสู่ระดับการแข่งขันสามารถประสาน ประโยชนก์ บั คคู่ า้ ได้ ศลิ ปะการเจรจาตอ่ รอง การเสรมิ สรา้ งประสบการณ์ ในการประสานกับหน่วยงานต่างๆ จ�ำเป็นที่นักส่งเสริมการเกษตรต้องมี เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมสำ� หรับกลมุ่ กา้ วหน้า 4) หลกั การทางวชิ าการ ดา้ นการสรา้ งมลู คา่ เพม่ิ สำ� หรบั สนิ คา้ ทางการเกษตร เนอ่ื งจากนอกจากคณุ ภาพของสินค้าแลว้ รูปลกั ษณ์ ภายนอกของสินค้าหรือที่เรียกว่าบรรจุภัณฑ์ เป็นส่ิงส�ำคัญในการสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย การให้ความรู้หรือการให้หลักทางวิชาการน้ี ไม่จ�ำเป็นที่นักส่งเสริมการเกษตรต้องเป็นผู้รู้เอง แต่สามารถใช้หลักการ ประสานงานกบั หน่วยงานตา่ งๆ เพื่อเสรมิ สรา้ งความรู้ทางวชิ าการให้กบั เกษตรกรได้ เชน่ การประสานงานกบั กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อใหค้ วามรู้ เรอื่ งการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ เปน็ ต้น 5) หลกั การสรา้ งองคค์ วามรเู้ พมิ่ เตมิ ใหก้ บั กลมุ่ องคก์ ร วสิ าหกจิ ชมุ ชน โดยเฉพาะองคค์ วามรดู้ า้ นการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการแขง่ ขนั นักส่งเสริมการเกษตรจ�ำเป็นต้องเพิ่มองค์ความรู้ให้กับตนเองและกลุ่มใน ระดับกา้ วหนา้ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ การเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการแขง่ ขนั ใน ปัจจุบันผู้ที่ได้เปรียบในการแข่งขันจึงจะสามารถอยู่ในระบบการแข่งขัน

78 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชน และเครอื ข่าย ทางการคา้ ไดโ้ ดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเปดิ ตลาดการคา้ เสรอี าเซยี นทำ� ใหก้ ลมุ่ สินค้าด้านการเกษตรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ศักยภาพในการแข่งขัน เปน็ สงิ่ สำ� คญั ทจ่ี ะนำ� มาซง่ึ ความอยรู่ อดของกลมุ่ องคก์ รในระบบการแขง่ ขนั ทางการคา้ หากกลมุ่ หรอื องคก์ รขาดศกั ยภาพหรอื ศกั ยภาพทางการแขง่ ขนั ไม่เพียงพอจะท�ำให้กลุ่มหรือองค์กรไม่สามารถเข้าสู่ระบบการแข่งขัน ทางการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพการ ให้ความส�ำคัญต่อการเช่ือมโยง เศรษฐกิจภายในประเทศและภายนอกประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและ รู้เท่าทัน มีการปรับโครงสร้างการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีและวิทยาการ สมัยใหม่เพือ่ เพม่ิ ผลผลติ แทนการเพมิ่ การใชป้ ัจจัยการผลติ กอ่ ให้เกดิ การ เชอ่ื มโยงกจิ กรรมในภาคเกษตร อตุ สาหกรรมและบรกิ าร เพอ่ื สรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ของภาคการผลิตและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาดภายในและ ภายนอกประเทศตลอดจนสรา้ งความแปลกใหม่ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและยง่ั ยนื ใหค้ วามสำ� คญั กบั การเพมิ่ ผลผลติ และการ สร้างมูลคา่ เพ่ิมของสินค้า ทีม่ ่งุ เนน้ การพฒั นาในเชิงคุณภาพควบคไู่ ปกบั การกระจายผลประโยชนอ์ ยา่ งทวั่ ถงึ ซงึ่ ลว้ นแตเ่ ปน็ องคค์ วามรทู้ เ่ี จา้ หนา้ ที่ ต้องเสาะแสวงหาเพื่อร่วมกับกลุ่มในการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มให้อยู่ใน ระดบั แข่งขนั ได้

บทที่ 4 หลกั การท�ำงานกับองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชุมชน และเครอื ขา่ ย 79 2.2.2 วธิ กี ารทำ� งานกับกลมุ่ กา้ วหน้า นอกจากแนวคิดและวิธีการท�ำงานกับกลุ่มพื้นฐานแล้ว นักส่งเสริมการเกษตรจ�ำเป็นต้องมีวิธีการปฏิบัติงานกับกลุ่มก้าวหน้าเพ่ือ ให้การพฒั นากลุ่มเข้าสรู่ ะบบการแขง่ ขนั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ดังน้ี 1) นักส่งเสริมการเกษตรต้องให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง และให้การสนับสนุนในการท�ำกิจกรรม หรือประกอบกิจการของกลุ่ม ก้าวหน้าตามความพร้อม และความต้องการของกลุ่ม เชน่ สง่ เสริมและ พฒั นาผลิตภัณฑใ์ หท้ ันสมัยตรงความต้องการของตลาด เป็นต้น 2) ใหค้ วามรว่ มมอื และรว่ มศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาเทคโนโลยี ท่ีเหมาะสมในด้านต่างๆ ท้ังด้านคุณภาพ การผลิต การจัดการ และ การตลาด ในแต่ละประเภทของกิจการกลมุ่ 3) สร้างความพร้อมให้กับกลุ่มก้าวหน้าในทุกด้าน ดว้ ยการเพ่ิมเตมิ องคค์ วามรู้ใหมๆ่ การประสานงานกับหนว่ ยงานต่างๆ ไมว่ า่ ด้วยการสง่ ผ้แู ทนกลมุ่ องคก์ ร วสิ าหกิจชมุ ชน เขา้ ร่วมการอบรมเพม่ิ เติม ความรู้ การพฒั นาทางด้านเทคโนโลยเี พอ่ื การผลติ สินค้าทมี่ คี ุณภาพหรือ อ่ืนๆ เพอ่ื นำ� ส่ตู ลาดการแข่งขนั ในระดบั สากล 4) สง่ เสริม สนบั สนนุ หรือใหค้ �ำปรึกษา เก่ยี วกับการ รกั ษาคุณภาพสินคา้ ผลติ ภณั ฑ์ การรบั รองเกยี่ วกบั แหลง่ ก�ำเนดิ การจด ทะเบียนสิทธิบัตร เพ่ือใหก้ จิ การของกลุม่ ก้าวหนา้ เปน็ ทนี่ า่ เช่อื ถือ สำ� หรับ ผู้บริโภคหรอื ผู้ใชบ้ รกิ าร

80 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย 2.3 หลกั และวิธีการท�ำงานกบั เครือขา่ ย 2.3.1 หลักการและแนวคิดในการทำ� งานกบั เครอื ขา่ ย การท�ำงานกับเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายองค์กร เกษตรกร หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโดยหลักการสร้างเครือข่ายใน บทที่ 3 ซึง่ พัฒนาการของเครือขา่ ยแบง่ เป็น 4 ระยะ คือ ระยะเตรยี มการ/ กอ่ เกดิ ระยะจดั ตง้ั เครอื ข่าย ระยะด�ำเนนิ การ และระยะขยายเครือขา่ ย ซึ่งแต่ละระยะนักส่งเสริมการเกษตรนอกจากต้องทราบข้อมูลพ้ืนฐานของ องคก์ รทจี่ ะเปน็ เครอื ข่าย หาจดุ รว่ มของการเกดิ เครอื ขา่ ยทราบวตั ถปุ ระสงค์ และข้อตกลงรว่ มกันของเครอื ขา่ ย ระบบการตดิ ต่อสื่อสารระหวา่ งสมาชกิ เครอื ข่าย การจดั กิจกรรมรว่ มกันของเครอื ขา่ ย การบริหารจดั การข้อมลู เครือข่ายเพ่ือให้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเครือข่ายใน การท�ำกิจกรรม หรือประกอบกจิ การร่วมกันแล้ว ยงั มวี ธิ ีการปฏิบตั ิอน่ื ๆ ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การทำ� งานของนกั สง่ เสรมิ การเกษตรดว้ ยซงึ่ จะกลา่ วถงึ ในประเดน็ ตอ่ ไป 2.3.2 วธิ ีการทำ� งานกับเครอื ข่าย การท�ำงานร่วมกับเครือข่ายซึ่งเกิดจากการเชื่อมโยงกัน ของกลุ่มในลักษณะเครือข่ายท้ังแนวตั้งและแนวนอน การท�ำงานของ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสริมการเกษตร จึงควรมีแนวทางปฏบิ ตั ิงาน ดังน้ี

บทที่ 4 หลกั การท�ำงานกับองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 81 1) ระยะเตรียมการ/ก่อเกิด นักส่งเสริมการเกษตรควรมีวิธีการ ปฏิบตั งิ าน ดังน้ี 12 3 ตอ้ งศกึ ษาข้อมูล ร่วมค้นหากล่มุ เปา้ หมาย สง่ เสรมิ การประสานงาน กลุ่ม องคก์ ร ท่จี ะเข้าร่วม ทส่ี นใจในวัตถุประสงค์ กนั ระหว่างกลมุ่ องคก์ ร เปน็ เครือข่าย การสร้างเครือข่ายเดียวกัน เพอ่ื ให้เกดิ การแลกเปลย่ี น ข้อมูลก่อนการตัดสนิ ใจ สรา้ งเครือข่าย 2) ระยะจัดตัง้ เครือข่าย 1 3ปกระ�ำสหานนดงวาัตนเถพปุ ่อืระใสหงเ้ กคดิ ์แกลาะร ข้อตกลงรว่ มกนั ส่งเสรผมิ ู้นกำ� าขรอสงรเ้าคงรแอื ลขะา่พยัฒนา 2 4รว่ มวางผังเครอื ข่าย จัดเวทแี ลกเปลย่ี นเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการพบปะกนั ระหว่างเครือข่าย

82 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครือข่าย 3) ระยะดำ� เนนิ การ นกั สง่ เสรมิ การเกษตรควรมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั งิ าน ดงั น้ี 1 2 3สง่ เสรมิ และ สง่ เสรมิ การรว่ มท�ำ สนบั สนนุ การ 4จดั ตง้ั เครอื ขา่ ย 5กระตุ้นเพอ่ื สรา้ ง ประสานงาน กิจกรรมของ เพื่อให้เกิดความ เครอื ข่ายและการจัด รว่ มมือระหว่าง กจิ กรรมอย่าง ส่งเสริมการร่วมท�ำ ต่อเนื่อง กิจกรรมของ เครอื ข่าย แรงจูงใจระหวา่ ง เครอื ข่ายและการจัด กจิ กรรมอยา่ ง 6 7เครอื ข่าย ตอ่ เนอ่ื ง ส่งเสริมการบริหาร สง่ เสรมิ การสรา้ ง จัดการขอ้ มูลอย่าง ผู้น�ำอย่าง ต่อเนอื่ ง ตอ่ เนอื่ ง

บทที่ 4 หลกั การท�ำงานกบั องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือขา่ ย 83 4) ระยะขยายเครอื ขา่ ย นกั สง่ เสรมิ การเกษตรควรมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั งิ าน ดังน้ี ตอ้ งเป็นผู้เช่ือมประสาน หรือสง่ เสริมการ ประสานความร่วมมือระหวา่ งเครอื ขา่ ย 1 สง่ เสรมิ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง เครอื ข่ายใหเ้ ขม้ แข็ง 2 พัฒนาตอ่ ยอดการสร้างเครอื ขา่ ย ท้ังแนวราบและแนวตั้ง 3 มสี ่วนรว่ มในการติดตามประเมินผล 4 การพฒั นาเครือขา่ ย ทั้งนี้ เครือข่ายไม่จ�ำเป็นต้องเกิดจากกลุ่มพื้นฐานกับกลุ่มพ้ืนฐาน กลมุ่ กา้ วหนา้ กบั กลมุ่ หนา้ กลมุ่ ทปี่ ระกอบกจิ การ หรอื ทำ� กจิ กรรมใกลเ้ คยี งกนั แตเ่ ครอื ขา่ ยอาจเกดิ จากกลมุ่ ในหลายๆระดบั มารวมเปน็ เครอื ขา่ ยเกอื้ หนนุ ซง่ึ กนั และกนั กจิ การทตี่ า่ งกนั ท่เี ก้อื หนนุ กนั กส็ ามารถเปน็ ได้ ขนึ้ กับความ ตอ้ งการของสมาชกิ เครอื ขา่ ยซง่ึ นบั เปน็ พนั ธมติ รในการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ซง่ึ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรจำ� ตอ้ งเขา้ ใจในรปู แบบการสรา้ งเครอื ขา่ ย ต่างๆ เพ่ือให้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการท�ำงานร่วมกับเครือข่ายได้ อย่างเหมาะสม

การประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย เปน็ เครอ่ื งมอื หนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยใหท้ ราบถงึ ประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธผิ ล ของระบบงานตา่ งๆ วา่ อยใู่ นระดบั ทเี่ หมาะสม สอดคลอ้ งกบั สถานการณป์ จั จบุ นั เพยี งใด

บทท่ีการประเมนิ องค์กรเกษตรกร 5วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย

86 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ขา่ ย บทท่ี การประเมนิ องค์กรเกษตรกร 5วิสาหกิจชมุ ชน และเครือข่าย 1. แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินองค์กร เกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครือขา่ ย 1.1 ความหมาย และความส�ำคัญการประเมิน องค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 1.1.1 ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น อ ง ค ์ ก ร เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ขา่ ย หมายถึง กระบวนการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู เพอื่ ตรวจสอบการทำ� งานขององคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย และพจิ ารณาผลสมั ฤทธ์ิ ว่ามีมากน้อยเพียงใดเม่ือเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ท่ีกำ� หนดขนึ้ แล้วมกี ารตัดสินใจ ซง่ึ เป็นกระบวนการ ที่บ่งชี้ถึงคุณค่าว่า องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย ด�ำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ ก�ำหนดไว้ หรือมปี ระสทิ ธิภาพหรอื ไม่เพียงใด สามารถ เขียนเป็นแผนภูมิงา่ ยๆ ดงั นี้

บทที่ 5 การประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย 87 เกณฑ/์ มาตรฐาน การเปรยี บเทยี บ การตัดสินใจ งาน/ข้อมลู 1.1.2 ความส�ำคัญของการประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย การประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย เปน็ เครอื่ งมอื หน่ึงทจ่ี ะชว่ ยใหท้ ราบถึงประสิทธภิ าพ และประสิทธผิ ลของ ระบบงานตา่ งๆ วา่ อยใู่ นระดบั ทเี่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั สถานการณป์ จั จบุ นั เพยี งใด

88 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือข่าย ความสำ� คญั ของการประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ขา่ ย สามารถกล่าวเปน็ ประเดน็ ได้ ดงั น้ี 1) เปน็ เครอ่ื งมอื ลดความขดั แยง้ เพราะการประเมนิ ผลทำ� ใหเ้ กดิ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั 2) ท�ำให้รู้ถึงสถานะขององค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและ เครือข่าย วา่ อยู่จุดไหน สถานการณเ์ ป็นอยา่ งไร 3) ท�ำให้ทราบปัญหา หรือคาดการณ์ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นใน อนาคต และทราบความตอ้ งการทแี่ ท้จริง 4) ท�ำให้กลุ่มองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย วางแผนกลยทุ ธ์ได้ชดั เจน 5) ช่วยถ่ายทอดเปา้ หมาย วสิ ัยทศั น์ กลยทุ ธใ์ หก้ ับสมาชกิ ไดร้ บั รู้ 6) ชว่ ยใหก้ ารดำ� เนนิ งานตามแผนเปน็ ไปอยา่ งราบรนื่ และแกไ้ ข ปญั หาไดท้ นั ทว่ งที 7) ท�ำให้ทราบผลสัมฤทธิ์การด�ำเนินงานของกลุ่มองค์กร เกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย 8) เปน็ เครอ่ื งมอื หนงึ่ ทใ่ี ชใ้ นการรบั รองคณุ ภาพดา้ นประสทิ ธภิ าพ/ ความเขม้ แข็งของกลมุ่ องค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย 9) ชว่ ยใหไ้ ดข้ อ้ มลู ซง่ึ เปน็ สารสนเทศทมี่ คี ณุ คา่ สำ� หรบั หนว่ ยงาน หรือบุคคลทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

บทที่ 5 การประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย 89 2. ตัวชี้วัดเก่ียวกับการประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย ตวั ชว้ี ดั และเกณฑใ์ นการประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และ เครอื ข่าย มปี ระโยชนใ์ นการช่วยกำ� หนดข้อมูลทต่ี ้องเกบ็ รวบรวม ให้ตรง กับวัตถุประสงค์ เป็นเคร่ืองมือหรือเคร่ืองชว่ ยในการวิเคราะห์การตัดสินใจ ว่าผลไดห้ รอื ผลทเี่ กิดขน้ึ จรงิ เปน็ อยา่ งไร เมื่อเปรยี บเทยี บกบั เกณฑท์ ่ตี ้ังไว้ 2.1 ตวั ชวี้ ดั การประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 2.1.1 ความหมายตวั ชีว้ ดั หมายถงึ คณุ ลกั ษณะยอ่ ยของสงิ่ ทต่ี อ้ งการวดั ตามเกณฑ์ ท่กี �ำหนดไว้ ซงึ่ สามารถวัดและสงั เกตได้ โดยมลี ักษณะส�ำคญั ดงั น้ี 1) ตัวชี้วัดต้องสามารถให้ค่า บอกคุณลักษณะของสิ่งที่ วัดไดว้ ่ามีปรมิ าณหรือคุณลักษณะอยา่ งไร โดยเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์หรือ มาตรฐาน 2) ค่าของตัวช้วี ดั เปน็ ค่าช่ัวคราวไมถ่ าวร มีการผนั แปร ไปตามเงอื่ นไขของเวลา และสถานท่ี

90 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 2.1.2 ลกั ษณะของตวั ช้วี ดั ท่ีดี ลักษณะทวั่ ไปของตวั ชีว้ ดั ท่ดี มี คี ณุ ภาพ ควรมีคุณลกั ษณะท่ี สำ� คญั ดังน้ี 1) มคี วามทนั สมยั ทนั เหตกุ ารณ์ เหมาะสมกบั เวลา และ สถานท่ี 2) ตรงกบั ความตอ้ งการและจดุ มงุ่ หมายของการใชง้ าน 3) มีความตรง (validity) ความเที่ยง (reliability) ความเป็นปรนยั (objectivity) - ความตรง หมายถงึ ความสามารถวดั ในสงิ่ ทคี่ วรวดั ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ครบถ้วน ตรงประเด็น - ความเทย่ี งหรอื ความเชอื่ มน่ั หมายถงึ ความสามารถ ในการวัดท่ีให้ค่าท่ีวัดได้ มีความน่าเชื่อถือ แม่นย�ำทั้งเชิงปริมาณและ คณุ ภาพ การวดั สงิ่ เดยี วกนั ไมว่ า่ ผวู้ ดั จะเปน็ ใครกต็ ามจะวดั ซำ้� กคี่ รงั้ กใ็ หผ้ ล เชน่ เดมิ ไดค้ า่ ตรงกันหรอื ใกล้เคยี งกัน - ความเปน็ ปรนยั หมายถึง มคี วามถกู ต้อง แน่นอน ชัดเจน ตีความได้ตรงกนั ทงั้ ผู้ที่ถกู วดั และผวู้ ัด 4) มีความเปน็ ไปไดใ้ นการวัดและใช้ปฏบิ ตั ิได้จรงิ 5) มีเกณฑก์ ารวัดที่มีความเป็นกลาง มีความเป็นสากล 6) มคี วามไวสามารถแสดงความแตกตา่ งได้ แมส้ ถานการณ์ ท่วี ดั จะเปลี่ยนแปลงไปเลก็ น้อย 7) ความเฉพาะเจาะจง จะเปลยี่ นแปลงกเ็ ฉพาะสถานการณ์ ท่เี กี่ยวข้องกับการวดั โดยตรงเทา่ น้ัน 8) มคี วามสะดวกและงา่ ยตอ่ การเก็บข้อมลู