Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 03 การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม

03 การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม

Description: 03 การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม

Search

Read the Text Version

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 91 เป็นใคร มีช่วงระยะเวลาการด�ำเนินการเมื่อใด มีการประสานงานกัน อยา่ งไร โครงการกำ� หนดแนวทางการตดิ ตามประเมนิ ผลไวอ้ ยา่ งไร เปน็ ตน้ และทสี่ ำ� คญั คอื ตอ้ งวเิ คราะหด์ วู า่ กจิ กรรมและแผนการปฏบิ ตั งิ านเหลา่ นน้ั สอดคลอ้ งกับสถานการณ์และเปา้ หมายของโครงการเพยี งใด (4) ความต้องการของผบู้ ริหารโครงการ ที่ตอ้ งการจะ รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม หรือต้องการให้ตรวจสอบหรือประเมินจุดใดของ โครงการเปน็ พเิ ศษ การวเิ คราะหต์ อ้ งมองภาพรวมของโครงการ และจำ� แนกใหเ้ หน็ Input Process Output และ Outcome ของโครงการทช่ี ดั เจน ซึ่งมี ความสมั พันธต์ อ่ เน่อื งกนั ดังนี้ Input Process Output Outcome เมื่อเราสามารถแยกส่วนประกอบของโครงการออกมาได้ใน ลกั ษณะเชน่ นแี้ ลว้ เราสามารถทจี่ ะศกึ ษา และวเิ คราะหโ์ ครงการใหล้ ะเอยี ด และลกึ ซงึ้ มากยง่ิ ขน้ึ ได้ โดยเราไมส่ บั สนและไมห่ ลงทาง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในโครงการท่ีมีความซับซ้อนและมีกิจกรรมมากๆ นอกจากน้ี การท่ีเรา แยกสว่ นประกอบของโครงการในลักษณะนี้ จะท�ำให้เรามองเหน็ ภาพของ การประเมินผลได้ชัดเจนขึ้น และท�ำให้เราสามารถเลือกส่วนท่ีจะท�ำการ ประเมนิ ผลไดง้ า่ ยขนึ้

92 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม 2) การก�ำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการติดตามและประเมินผล เมอื่ ศกึ ษาและวเิ คราะหโ์ ครงการแลว้ จะทำ� ใหเ้ ราเหน็ แนวทาง ว่าเราควรจะท�ำการติดตามและประเมินผลในเรื่องใดหรือในส่วนใดของ โครงการบ้างและควรจะท�ำในระดับใดหรือใช้รูปแบบหรือแบบแผนใด นนั่ คอื เราสามารถท่ีจะก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมนิ ผลได้แล้ว วตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำ� หนดขนึ้ จะเปน็ กรอบในการตดิ ตามและประเมนิ ผลได้อย่างถูกต้อง ไม่ไขวเ้ ขว ซงึ่ เรอื่ งน้ีมีความจำ� เปน็ มาก โดยเฉพาะอย่างย่งิ เมื่อการติดตามและประเมินผลน้ันมีผู้ร่วมด�ำเนินงานหลายคนหรือหลาย หนว่ ยงาน นอกจากนน้ั วตั ถปุ ระสงค์ยังเปน็ ส่งิ ทบ่ี อกใหเ้ ราทราบวา่ เราจะ ต้องเกบ็ ขอ้ มลู อะไรบ้างอันเป็นขน้ั ตอนท่จี ะกลา่ วถึงต่อไป การก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการติดตามและประเมินผล โดยท่ัวไปจะเป็นผลทีส่ ืบเนือ่ งมาจากความต้องการใน 2 นัย คือ (1) โครงการมีความก้าวหน้าตามแผนท่ีก�ำหนดไว้หรือไม่ มปี ญั หาและอปุ สรรคในการดำ� เนนิ งานเพยี งใด และมแี นวทางแกไ้ ขอยา่ งไร (2) เมอ่ื โครงการสนิ้ สดุ ลงแลว้ โครงการประสบผลสำ� เรจ็ หรอื ไม่เพียงใด และโครงการสมควรกระทำ� ตอ่ เน่อื งหรอื ไม่ ส�ำหรับหลักเกณฑ์ในการก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการติดตาม และประเมนิ ผลนนั้ มลี กั ษณะและหลกั เกณฑค์ ลา้ ยกบั การกำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์ ของโครงการทวั่ ไป ซ่งึ มีหลักเกณฑท์ ่สี ำ� คัญ คอื

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 93 (1) วตั ถปุ ระสงคใ์ นการตดิ ตามและประเมนิ ผลจะตอ้ งสอดคลอ้ ง กับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการที่จะประเมิน หรือจะต้อง สอดคล้องกับเร่ืองราวหรอื เนื้อหาของโครงการท่ีจะประเมิน (2) วัตถปุ ระสงค์ในการตดิ ตามและประเมนิ ผลจะต้องระบุให้ ชดั แจ้ง เพื่อป้องกันมิใหเ้ ขา้ ใจหรือตีความเป็นอย่างอนื่ (3) วตั ถปุ ระสงคใ์ นการตดิ ตามและประเมนิ ผลจะตอ้ งกำ� หนด ใหค้ รอบคลมุ ในเนอ้ื หาท่จี ะท�ำการประเมิน (4) วัตถุประสงค์ในการติดตามและประเมินผลจะต้องอยู่ใน วสิ ยั ท่จี ะปฏบิ ัติได้ หรอื สามารถประเมินได้ในภาวการณข์ ณะน้ัน โดยสรปุ แลว้ เมอื่ เราตง้ั วตั ถปุ ระสงคใ์ นการประเมนิ ผลขน้ึ มาแลว้ วตั ถปุ ระสงคน์ นั้ ควรจะประกอบไปดว้ ย ความเปน็ ไปได้ สามารถวดั ได้ ระบุ สิ่งทต่ี ้องการทราบ มเี หตุผล และมีขอบเขตของเวลา 3) การกำ� หนดขอ้ มูลทจี่ ะตอ้ งรวบรวม เมื่อก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการติดตามและประเมินผลได้แล้ว ขน้ั ตอ่ ไปกค็ อื ตอ้ งกำ� หนดวา่ จะตอ้ งใชข้ อ้ มลู อะไรบา้ งทนี่ ำ� มาประมวลวเิ คราะห์ แล้วสามารถตอบ อธิบาย หรือชี้แจงวัตถุประสงค์ในการติดตามและ ประเมนิ ผลนนั้ ได้ การพจิ ารณาขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการรวบรวมนนั้ ควรแยกพจิ ารณา ไปตามวัตถุประสงคใ์ นการตดิ ตามและประเมนิ ผลแต่ละข้อ

94 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีส่วนรว่ ม วิธีการท่นี ยิ มใช้ในการกำ� หนดข้อมลู ทีจ่ ะต้องรวบรวม คอื การใช้ ตัวช้วี ดั (Indicators) เข้ามาช่วยในการกำ� หนดสงิ่ ท่ตี อ้ งการวดั และข้อมูล ทตี่ อ้ งจดั เกบ็ และตวั ชว้ี ดั ยงั เปน็ ตวั บอกดว้ ยวา่ จะตอ้ งทำ� การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ท่ีจัดเก็บมานน้ั ในลักษณะใด ตัวช้ีวัด (Indicator) หมายถึง ตัวแปรท่ีก�ำหนดขึ้นเพื่อใช้วัด การเปลย่ี นแปลง หรอื บง่ บอกสถานภาพ หรอื สะทอ้ นลกั ษณะการดำ� เนนิ งาน สามารถนำ� มาใชว้ ดั ความสำ� เรจ็ หรอื ผลการดำ� เนนิ งานทเ่ี กดิ ขนึ้ ตวั ชว้ี ดั มใิ ช่ เปา้ หมายของการพฒั นาแตเ่ ปน็ เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการตรวจสอบความสำ� เรจ็ วา่ เป็นอย่างไร ตวั ชวี้ ดั ผลการดำ� เนนิ งานหลกั (Key Performance Indicator : KPI) หมายถึง ตัวชี้วัดที่ใช้วัดผลการด�ำเนินงานส�ำคัญๆ และต้องแสดงให้ เห็นถึงผลงานหรือความกา้ วหนา้ ของงานทเ่ี กิดขึน้ ได้อยา่ งชดั เจน ถกู ต้อง และน่าเชอ่ื ถอื IndiIncdaicattoorr IndiKey Perfomancecator

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 95 โดยทั่วไปตวั ช้ีวดั ที่สรา้ งข้ึนจะตอ้ งครอบคลมุ ทง้ั 4 องคป์ ระกอบ ของการด�ำเนินงาน คือ 1.InpuItndicator ตัวชีว้ ดั ปจั จัยทใ่ี ช้ในการด�ำเนนิ งาน 2.ProcIensdsicator ตัวชี้วัดกจิ กรรมหรือกระบวนการดำ� เนินงาน 3.OutoInudt icator ตวั ชว้ี ัดผลผลติ ท่เี กิดข้นึ จากการดำ� เนินงาน 4.OutcIonmdiecator ตัวชี้วัดผลลัพธ์ทเ่ี กิดขึน้ กับบุคคลเป้าหมาย คุณลกั ษณะของตัวชวี้ ัดที่ดีควรเป็น ดังนี้ (1) ใชว้ ดั สิ่งทีต่ ้องการจะวัดไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง (2) ใหผ้ ลตรงกนั ไมว่ า่ จะวดั ในเวลาและสถานทใ่ี ด และใครเปน็ คนวดั (3) มกี ารเปลย่ี นแปลงใหเ้ หน็ ได้ในทนั ทที ี่สถานการณเ์ ปล่ยี นไป (4) มีลกั ษณะเฉพาะตัวขน้ึ กบั ขอ้ มลู ทีม่ อี ยู่ (5) ใหผ้ ลคมุ้ กับเวลาและงบประมาณท่ีใชใ้ นการจดั หา (6) สามารถรวบรวมขอ้ มูลได้เรว็ พอ

96 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนรว่ ม ตัวอยา่ ง ตวั ชวี้ ัด (1) ตวั ช้ีวัดปัจจัยทใ่ี ช้ในการดำ� เนินงาน (Input Indicator) เช่น - รอ้ ยละของงบประมาณท่สี ามารถเบกิ จ่ายได้ ตามแผนการใชจ้ ่ายเงนิ - ร้อยละของเจ้าหนา้ ท่ีที่มคี วามรูค้ วามเข้าใจโครงการ - จ�ำนวนต้นกล้าผกั ท่ีจัดส่งให้จงั หวดั ไดต้ ามกำ� หนด (2) ตวั ชว้ี ัดกิจกรรมหรอื กระบวนการด�ำเนินงาน (Process Indicator) - จ�ำนวนครง้ั ของการจัดประชุมชแี้ จงโครงการ - จ�ำนวนกิจกรรมท่ีด�ำเนินการไดต้ ามแผนปฏิบัติงาน - จ�ำนวนจังหวัดที่รับข้ึนทะเบียนเกษตรกรได้ทันตามท่ี ก�ำหนด (3) ตัวชว้ี ดั ผลผลติ ท่ีเกดิ ขึน้ จากการด�ำเนนิ งาน (Output Indicator) - จ�ำนวนเกษตรกรท่ไี ด้รับการอบรม - จำ� นวนศนู ยเ์ รยี นรทู้ ไี่ ด้รับการพฒั นา - จำ� นวนครง้ั ของการใหบ้ ริการขอ้ มูลขา่ วสาร (4) ตวั ชว้ี ัดผลลัพธท์ ี่เกิดขน้ึ กบั บุคคลเป้าหมาย (Outcome Indicator) - จำ� นวนผลผลติ เฉล่ียตอ่ ไร่ท่ีเพิ่มขึน้ - ร้อยละของเกษตรกรที่น�ำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไป ปฏิบัติตาม - ระดับความพึงพอใจของเกษตรกรที่มีต่อการให้บริการของ เจ้าหน้าท่ี

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 97 เมอื่ กำ� หนดตวั ชวี้ ดั ไดแ้ ลว้ ตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะใชข้ อ้ มลู อะไรในการ ตอบตัวชี้วดั นน้ั เชน่ จำ� นวนผลผลิตเฉล่ีย (กก./ไร่) ต้องใช้ข้อมลู 2 ตัว ประกอบกัน คือ ผลผลิตทั้งหมด และพื้นที่ปลูก แล้วน�ำมาวิเคราะห์หา คา่ เฉล่ยี เป็นต้น ทำ� ใหเ้ ราสามารถกำ� หนดข้อมลู ท่ีจะตอ้ งรวบรวมได้ และ พอมองเห็นลักษณะของคำ� ถามทีจ่ ะใชแ้ ละวธิ ีการวิเคราะหด์ ้วย 4) การกำ� หนดแหลง่ ขอ้ มลู เมอื่ รแู้ ลว้ วา่ จะตอ้ งรวบรวมขอ้ มลู อะไรบา้ ง ขน้ั ตอ่ ไปคอื พจิ ารณา ว่าข้อมลู เหลา่ น้นั จะหาได้จากใครหรือจากทไ่ี หน ต้องเลือกแหล่งข้อมูลหรือ ผู้ให้ข้อมลู ท่ีเหมาะสมทส่ี ดุ โดยค�ำนงึ ถงึ (1) ความถูกตอ้ งแม่นยำ� ของข้อมลู (2) เวลา แรงงาน และงบประมาณทต่ี อ้ งใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู ถ้าผู้ให้ข้อมูลมีเป็นจ�ำนวนมาก ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลจาก ผใู้ หข้ อ้ มลู ทง้ั หมดได้ ตอ้ งใชเ้ ทคนคิ ทจ่ี ะชว่ ยลดจำ� นวนผใู้ หข้ อ้ มลู ลงใหอ้ ยใู่ น วสิ ยั ทจี่ ะทำ� ได้ โดยใชว้ ธิ กี ารสำ� รวจดว้ ยกลมุ่ ตวั อยา่ ง (Sample Survey) คอื การเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลเพียงส่วนหน่ึง ในฐานะที่เป็นตัวแทนของผู้ให้ ขอ้ มลู ทั้งหมด ซึ่งมีเรอ่ื งทต่ี ้องพิจารณา 2 ประเดน็ คอื จ�ำนวนตัวอย่าง (Sample Size) และวธิ กี ารคดั เลอื กตวั อยา่ ง (Sampling Technique) หากจำ� เปน็ ตอ้ งใชว้ ิธกี ารส�ำรวจดว้ ยกลุม่ ตัวอยา่ งควรศกึ ษาเพม่ิ เติมจากต�ำราทางสถติ ิ

98 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม 5) การกำ� หนดเคร่อื งมอื และวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล หลงั จากกำ� หนดว่าจะตอ้ งเกบ็ ขอ้ มลู อะไร จากแหลง่ ใดหรอื จาก ใครแลว้ กต็ อ้ งเลอื กวา่ จะใชเ้ ครอื่ งมอื อะไรหรอื วธิ กี ารใดในการเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู เหลา่ นน้ั ซง่ึ จะตอ้ งเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ขอ้ มลู ทจี่ ะรวบรวม และแหลง่ หรอื บคุ คลทเ่ี ปน็ ผใู้ หข้ อ้ มลู เครอื่ งมอื ทนี่ ยิ มใชก้ นั แพรห่ ลายคอื แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์ แบบสอบถาม เปน็ การรวบรวมขอ้ มลู โดยอาศยั ภาษาหนงั สอื เปน็ สอื่ กลางในการถามและตอบ ข้อดคี ือสามารถเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลได้ อย่างรวดเร็วและประหยัด ส่วนจุดอ่อนท่ีส�ำคัญคือผู้ตอบต้องมี ความชำ� นาญในการอา่ นและเขยี นพอทจ่ี ะอา่ นเขา้ ใจเนอ้ื หาและเขยี นตอบได้ ผตู้ อบอาจจะไมใ่ ชบ่ คุ คลเปา้ หมายทแ่ี ทจ้ รงิ เพราะใหผ้ อู้ น่ื ตอบแทน นอกจากนน้ั แบบสอบถามจะตอ้ งสน้ั กระชบั ขอ้ คำ� ถามตอ้ งชดั เจนไมซ่ บั ซอ้ น การใชถ้ อ้ ยคำ� สำ� นวนตอ้ งสามารถทำ� ความเขา้ ใจไดง้ า่ ย ทำ� ใหก้ ารสรา้ งแบบสอบถามทำ� ไดย้ าก และตอ้ งทำ� ด้วยความประณตี การสัมภาษณ์ เป็นการรวบรวมข้อมูลโดยอาศัยภาษาพูด เป็นหลัก โดยผ้รู วบรวมขอ้ มลู จะเปน็ ผจู้ ดหรือบนั ทกึ ขอ้ มูลที่ได้รบั ลงใน แบบสัมภาษณ์ที่จัดเตรียมไว้ จุดเด่นคือผู้สัมภาษณ์สามารถอธิบาย ขอ้ คำ� ถามและซกั ถามคำ� ตอบเพม่ิ เตมิ ได้ และผตู้ อบกส็ ามารถอธบิ ายคำ� ตอบ หรอื ซกั ถามในสว่ นทไ่ี มเ่ ขา้ ใจได้ นอกจากนน้ั ผสู้ มั ภาษณย์ งั สามารถสงั เกต กรยิ าทา่ ทางและขอ้ มลู อนื่ ๆประกอบไดอ้ กี ดว้ ย ทำ� ใหใ้ ชร้ วบรวมขอ้ มลู ทเี่ ปน็

บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 99 รายละเอียดและมีความซบั ซ้อนไดด้ กี วา่ แบบสอบถาม จดุ ออ่ นคือสิ้นเปลอื ง เวลา แรงงาน และงบประมาณ และอาจเกดิ ความผดิ พลาดอนั เนอื่ งมาจาก ตัวผสู้ ัมภาษณ์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กรณที ใ่ี ชพ้ นักงานสมั ภาษณห์ ลายคน การสงั เกตการณ์ เปน็ การใชเ้ ทคนคิ หลายอยา่ งประกอบกนั ทัง้ การสอบถาม การพดู คยุ และการสงั เกต จุดเดน่ คือสามารถสงั เกต พฤตกิ รรมไดช้ ดั เจนกวา่ วิธกี ารอ่นื สว่ นจุดออ่ นคือตอ้ งใช้ผสู้ งั เกตการณ์ ที่มีความช�ำนาญ ค่าใช้จ่ายสูง และอาจเกิดความผิดพลาดท่ีตัว ผสู้ งั เกตการณ์ได้ การเลอื กใชเ้ คร่ืองมือและวธิ กี ารใดนน้ั ต้องคำ� นงึ ถึง (1) ประเภทของขอ้ มลู เชน่ ข้อมูลท่ีมคี วามยงุ่ ยาก ซับซ้อน ยอ่ มไม่เหมาะที่จะใช้แบบสอบถามเป็นเครอ่ื งมือ (2) ประเภทของแหลง่ ขอ้ มูลหรือผใู้ หข้ อ้ มูล เช่น ผู้ใหข้ อ้ มูล ไมม่ คี วามช�ำนาญในการอ่าน-เขยี น ก็ไมค่ วรใชแ้ บบสอบถามเป็นเครือ่ งมือ (3) เวลา แรงงาน และงบประมาณ (4) จุดเด่นและจดุ ออ่ นของเคร่ืองมือแต่ละชนดิ ในการติดตามและประเมินผลเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง อาจต้องใช้ เครอื่ งมอื หลายชนดิ ประกอบกนั ทงั้ นเี้ พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทมี่ คี ณุ ภาพและตรงกบั ความต้องการมากท่ีสุด

100 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม วธิ กี ารสรา้ งเครอื่ งมอื ทจ่ี ะใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู นนั้ ขนึ้ อยู่กับชนิดของเครื่องมือที่ใช้ ซึ่งโดยท่ัวไปเม่ือรู้ว่าจะต้องเก็บข้อมูลอะไร บา้ งแลว้ กท็ ำ� การยกรา่ งคำ� ถามแบบครา่ วๆ ตรวจสอบขอ้ คำ� ถามวา่ ถกู ตอ้ ง ตามเจตนาที่ตอ้ งการหรือไม่ หลังจากนนั้ จึงเรียงล�ำดบั คำ� ถามตามความ เหมาะสมและความต่อเน่ืองในเนื้อหา แล้วจึงแก้ไขส�ำนวนและภาษาท่ีใช้ และขน้ั สดุ ทา้ ยคอื การวางรปู แบบการพมิ พข์ อ้ คำ� ถามใหม้ คี วามสวยงามและ สะดวกในการใช้ถามและตอบ ต่อจากนั้นต้องท�ำการทดสอบและแก้ไข เครื่องมือท่ีได้สร้างข้ึน ซ่ึงส่วนใหญ่ใช้วิธีการน�ำเครื่องมือที่สร้างข้ึนไป ทดลองใช้กับกลุ่มคนท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มเป้าหมาย ที่เราจะไป รวบรวมขอ้ มลู แต่ตอ้ งไมใ่ ชก่ ลุ่มคนทจ่ี ะเปน็ ผู้ใหข้ ้อมลู จรงิ ๆ 4.2.2 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1) การวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมลู การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เปน็ ขนั้ ตอนทตี่ อ้ งใชง้ บประมาณและ แรงงานมากที่สุด และส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของข้อมูลที่ได้รับ จึงควรมีการวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลให้รัดกุมและมีประสิทธิภาพ ควรกำ� หนดวนั และสถานทด่ี ำ� เนนิ การ เจา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบในหนา้ ทต่ี า่ งๆ ยานพาหนะ เสน้ ทางการเดินทาง การตดิ ต่อประสานงาน งบประมาณ และเรอื่ งอ่ืนๆ ทจี่ ำ� เป็น

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 101 2) การด�ำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การเกบ็ รวบรวมข้อมูลเปน็ ขน้ั ตอนส�ำคัญทีส่ ุดทีจ่ ะทำ� ให้ได้ ข้อมลู มาใช้ในการวเิ คราะหแ์ ละแปลความ ผทู้ ีร่ ับผิดชอบการเก็บรวบรวม ข้อมูลจะต้องท�ำการรวบรวมข้อมูลให้ได้ตามที่ก�ำหนด และข้อมูลที่ได้จะ ตอ้ งมคี ุณภาพ ถูกตอ้ ง และน่าเชือ่ ถือ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลนน้ั มเี ทคนิค แตกต่างกันออกไปตามชนิดของเคร่ืองมือ และวิธีการใช้เครื่องมือนั้นๆ ซงึ่ ในทนี่ จี้ ะกลา่ วถงึ เฉพาะการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยวธิ กี ารสมั ภาษณเ์ ทา่ นนั้ ทั้งน้ีเพราะเป็นวิธีท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการติดตามและประเมิน ผลงานทางดา้ นส่งเสรมิ การเกษตร ในการสมั ภาษณน์ น้ั ผรู้ วบรวมขอ้ มลู หรอื ผสู้ มั ภาษณค์ วรจะ ต้องปฏบิ ัติดังน้ี (1) การเตรียมตวั ก่อนการสมั ภาษณ์ จะตอ้ งศกึ ษาเพือ่ ใหเ้ ขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคใ์ นการรวบรวมข้อมูลอยา่ งชัดแจง้ เข้าใจคำ� ถามและ จดุ มงุ่ หมายของคำ� ถามตา่ งๆ อยา่ งแท้จรงิ และตอ้ งเขา้ ใจวิธีการคัดเลือก กลมุ่ ตวั อย่างเพอื่ เตรยี มแกป้ ญั หาในกรณที ผี่ ใู้ หข้ อ้ มลู ไมส่ ามารถใหข้ อ้ มลู ได้ ในบางคร้ังจ�ำเป็นต้องมีการอบรมพนักงานสัมภาษณ์ด้วย ทั้งน้ีเพื่อท่ีจะ ลดความคลาดเคล่อื นอันเกดิ จากการสมั ภาษณ์

102 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนรว่ ม (2) การคัดเลือกผู้ให้ข้อมูล ผู้สัมภาษณ์จะต้องสัมภาษณ์เฉพาะ ผู้ท่ีมีช่ืออยู่ในบัญชีรายช่ือผู้ให้ข้อมูลเท่านั้น ในกรณีท่ีไม่พบผู้ให้ข้อมูล ในขณะนนั้ กต็ อ้ งรอหรือหาทางพบใหไ้ ด้ หรือแจ้งให้ผูค้ วบคุมการสัมภาษณ์ ทราบเพอื่ พจิ ารณาเปลี่ยนตัวผู้ใหข้ อ้ มลู (3) การด�ำเนินการสมั ภาษณ์ เป็นขน้ั ตอนที่จะต้องใชศ้ ิลปะ ในการด�ำเนนิ การเป็นอยา่ งมาก ซึ่งผสู้ ัมภาษณค์ วรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ - การสร้างความเปน็ กันเองกบั ผใู้ หข้ ้อมลู - การสร้างความมน่ั ใจวา่ เราจะไม่เปน็ พษิ เปน็ ภยั ต่อเขา - การสัมภาษณอ์ ย่าออกนอกล่นู อกทางมากเกนิ ไป - อย่าใช้ค�ำถามแบบนำ� ค�ำตอบ - พยายามถามเร่ืองทตี่ อบงา่ ยๆ ก่อน - อย่ารีบเร่งให้ผู้ตอบ ต้องตอบในทันทีทันใด ควรให้เวลา เขาคดิ บ้าง - จะตอ้ งวางตัวเปน็ กลางต่อค�ำตอบทกุ ค�ำตอบ - ไม่ตัดสินคำ� ตอบทไี่ ดร้ ับว่าถูกหรอื ผดิ - การบนั ทกึ ขอ้ มลู ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง - ควรพิจารณาความสมั พนั ธข์ องค�ำตอบทไี่ ด้รบั ด้วย - อย่าปิดบงั การจดบันทกึ ถา้ ผูต้ อบตอ้ งการดู - อย่าแสดงท่าทไี ม่ไว้ใจผูต้ อบ - อย่าแสดงท่าดหู มนิ่ เมือ่ เขาตอบค�ำถามไมไ่ ด้ - เม่ือจับได้ว่าเขาโกหก ให้หาทางแก้ไขให้น่ิมนวลพยายาม หลกี เล่ยี งอย่าใหผ้ ูอ้ นื่ มารบกวน - ถ้าต้องใชเ้ วลานาน ควรชวนคุยเรอื่ งอ่นื ๆ สลับบ้าง

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 103 (4) การตรวจสอบข้อมูล เม่ือถามครบทุกค�ำถามแล้ว ผู้สัมภาษณ์จะต้องตรวจสอบดูว่าได้ถามครบหมดทุกข้อหรือไม่ ลืมบันทึก ขอ้ มลู สว่ นไหนบา้ งหรอื ไม่ เทคนคิ ประการหนง่ึ ทใี่ ชไ้ ดด้ ี คอื คยุ ไปดว้ ยพรอ้ ม กับการเปิดตรวจสอบแบบสัมภาษณ์ไปด้วย คล้ายๆ กับการพูดคุยก่อนจะ ลากลับ (5) การยุติการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ท่ีดีจะไม่จบ การสัมภาษณ์และลากลบั โดยทนั ทีทันใด แต่จะพูดคุยเรือ่ งอื่นๆ ตอ่ ไปสักครู่ เพ่ือคงไวซ้ ง่ึ ความสัมพันธอ์ ันดี ในขณะเดยี วกันก็ตรวจสอบขอ้ มลู ตามทร่ี ะบุ ในขอ้ ที่ (4) ไปดว้ ย 4.2.3 การวิเคราะหแ์ ละรายงาน 1) การประมวลผลและการวิเคราะห์ขอ้ มลู การตรวจสอบข้อมูล เป็นขั้นตอนแรกท่ีกระท�ำกับข้อมูล หลงั จากเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เรยี บรอ้ ยแลว้ เปน็ การตรวจสอบขอ้ มลู ทย่ี งั อยใู่ น แบบเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพอ่ื ดวู า่ มคี วามผดิ พลาดหรอื บกพรอ่ งทจ่ี ดุ ใด สามารถ แก้ไขหรอื ปรับปรุงไดห้ รอื ไม่ หรือจะต้องตัดข้อมูลส่วนนน้ั ออก การเรยี บเรยี งหรอื ประมวลข้อมลู เปน็ การแจงนับหรอื รวม ขอ้ มูลเขา้ ดว้ ยกัน การวเิ คราะหข์ ้อมลู เป็นการน�ำขอ้ มลู มาแยกแยะและค้นหา คุณลกั ษณะตา่ งๆ ของข้อมลู เพื่อให้สามารถตอบค�ำถามทตี่ ้องการได้ และ ต้องจัดท�ำอย่างเป็นระบบ โดยปกติจะใช้วิธีการทางสถิติเข้ามาช่วยในการ วเิ คราะห์ ซ่งึ ต้องเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับเจตนาในการวเิ คราะหแ์ ละลกั ษณะ หรอื ประเภทของขอ้ มลู

104 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม การติดตามและประเมนิ ผลแบบง่ายๆ นใ้ี ช้สถิติ พืน้ ฐานในการวเิ คราะหก์ เ็ พยี งพอ เช่น ผลรวม ค่าเฉลยี่ รอ้ ยละ สดั ส่วน เป็นต้น ส่วนการใช้สถิติขั้นสูงข้ึนไปควรศึกษาจากหนังสือหรือต�ำราทาง สถิติตา่ งๆ เพิ่มเติม 2) การแปลความและการรายงาน เปน็ การนำ� เอาขอ้ มลู และการวเิ คราะหต์ า่ งๆ ทไี่ ดร้ บั มาอธบิ าย ให้ความหมาย และชีแ้ นะหรือตง้ั ขอ้ สังเกตในประเดน็ ต่างๆ โดยแสดงให้ ทราบถงึ ขอ้ เทจ็ จรงิ ตามตวั เลขทไ่ี ดร้ บั และทำ� ใหอ้ อกมาเปน็ ภาษาสามญั ท่ี บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใจได้ตรงกัน จุดส�ำคัญของการแปลความก็คือ จะตอ้ งตอบ อธบิ าย หรอื ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ ผลไดอ้ ยา่ งชดั เจน ครบถว้ น และถูกตอ้ ง การแปลความจะต้องตรงไปตรงมา ใช้ภาษาท่ีกระจ่างแจ้ง ไมก่ ำ� กวม ตอ้ งพจิ ารณาวา่ จดุ ใดควรแปลกอ่ นหลงั ตอ้ งพยายามใชถ้ อ้ ยคำ� สำ� นวน ความมเี หตผุ ล ความรอบรตู้ า่ งๆ ตลอดจนแนวความคดิ มาผสมผสาน กนั เพื่อปรงุ แต่งเปน็ ค�ำอธิบายขอ้ เท็จจรงิ ทไ่ี ด้รับจากการวเิ คราะหข์ ้อมูล คณุ ภาพของการแปลความนนั้ นอกจากขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของขอ้ มลู การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู แลว้ ยงั ขน้ึ อยกู่ บั สามญั สำ� นกึ ประสบการณ์ พ้ืนความรู้ ความสามารถ และความซอื่ สัตยท์ างวชิ าการ ของผ้แู ปลความดว้ ย

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 105 ข้อควรระวังในการแปลความ คอื (1) ไม่แปลความหมายเกนิ ขอบเขตของข้อมูลทไี่ ดร้ บั (2) การแปลผลการวิเคราะห์ต้องค�ำนึงถึงขอบเขตของการ ประเมนิ ผลทก่ี ำ� หนดไวเ้ สมอ และตอ้ งตระหนกั วา่ ขอ้ มลู ทไี่ ดร้ บั เป็นจริงสำ� หรบั ขอบเขตน้นั ๆ เทา่ น้ัน (3) ผแู้ ปลความควรระบใุ หช้ ดั เจนว่าสว่ นไหนเปน็ ความคดิ เหน็ ของ ผู้แปลความ เพ่ือผู้อ่านจะได้สามารถเลือกใช้และพิจารณา ผลการประเมนิ ไดถ้ กู ต้องยิ่งขึ้น (4) ระวังการใชห้ ลักเหตุผลที่ผิด (5) ระวงั เกิดความล�ำเอียง (Bias) ลกั ษณะของการแปลความนนั้ อาจทำ� การแปลความอยา่ งละเอยี ด อย่างหยาบๆ หรอื แปลความโดยสรปุ กไ็ ด้ ข้นึ อย่กู ับผู้ประเมนิ แนวทาง ในการเขยี นรายงาน และผทู้ จ่ี ะใชผ้ ลการประเมนิ นนั้ และมกั จะเสนอตาราง กราฟ หรือรูปภาพประกอบไปด้วย ซ่ึงจะช่วยให้เกิดความชัดเจนใน การแปลความย่งิ ขน้ึ

106 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม การจัดท�ำรายงานเพ่ือเสนอผลการติดตามและประเมินผลให้ผู้อ่ืน ไดท้ ราบและน�ำไปใช้ประโยชน์ ต้องค�ำนึงถงึ (1เร)แ่ือ คง่ไทผห่ีทู้อน�ำ่ากนาเรปต็นิดใตคารมแมลีพะื้นปรคะเวมามินรผู้ใลน (2ไปแ) กใเกอชาหไ้ รโ้ปขรานคปอืไรำ�ปรระเผโบังพใยลกปชยีชารก้ใงนรงุนาเกรพ์กตาเอ่ืารชดิ รดท่นวตรำ� าเาางนบมเโอนิผแคางลลไราสะปนงปำ�ใกรโเชคะราเ้ใจ็รมรนงใขนิ หอกกผาามงรลร่

บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 107 (3รา)รย ูปรงแูปาบนแบแบอบบื่นบกๆยาอ่รราแยบงบาลนะเอเชยี ่นด จัดท�ำ หรือ (4ม)คคี ใอืเวหขาตยี้ผมอ้นดิ สงใเมซหพบอื่้ไีย้ดรูตนณ้ครไงวป์ ถาไจมกูมาตแ่ชกกัดอ้ขไ้้อเงขจเเแปทนลล็จกยี่จะะททนรส่ีดัแิงำ�ปรคดัลญัง (5แป)ล ระกะสเาดารมรน็ าายตรงถ่าางอนๆธผิบทลา่อีตยอ้าหจงรเมอื ปคี ชน็ วี้แปาจมญั งนหใา่ นาเไชดอ่ื ้ถอื

194.43108 การจดั ทำ� แผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม แนวทางการสง่ เสรมิ การมีสว่ นร่วมของชุมชน เรม่ิ ตน้ จากการพฒั นา ระดับบคุ คลใหม้ คี วามสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา การวางแผน และ การตดั สนิ ใจ ต่อจากนนั้ ตอ้ งพัฒนาใหเ้ กิดการรวมกลมุ่ กนั เพือ่ ให้มีพลังในการ แกไ้ ขปัญหาในชุมชนของตนเอง และเช่ือมโยงกลุ่มต่างๆ เขา้ เป็นเครอื ข่าย เพือ่ แกไ้ ขปัญหาในระดบั ท้องถ่ินและในระดับทีส่ งู ขน้ึ

186.50 บทท่ี 1 บทนำ� 109 บทท่ี222.78 กระบวนการ มสี ว่ นร่วมในการจัดท�ำ 4แผนพฒั นาการเกษตร

110 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม บทท่ี กระบวนการมสี ่วนรว่ ม 4ในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร \" เน้ือหาในบทน้เี กี่ยวกบั สาระทางวชิ าการของกระบวนการมีส่วนร่วม การใช้ กระบวนการมสี ว่ นร่วมในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร\" ในบทที่ผ่านๆ มา ได้กล่าวถึงกระบวนการจัดท�ำ แผนพัฒนาการเกษตรไปแล้ว ในบทน้ีเป็นการอธิบาย กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดน้ ำ� เอากระบวนการ จัดท�ำแผนและกระบวนการมีส่วนร่วมมาผสมผสานเข้า ดว้ ยกนั เปน็ การจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม เนอ้ื หาในบทนเี้ กยี่ วกบั สาระทางวชิ าการของกระบวนการ มีส่วนร่วม การใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดท�ำ แผนพัฒนาการเกษตร บทบาทของเจ้าหน้าท่ีส่งเสริม การเกษตรในการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมี ส่วนร่วม และได้น�ำกระบวนการจัดท�ำแผนชุมชน ตามแนวทางของกรมส่งเสริมการเกษตรมาเสนอไว้เพื่อ ให้น�ำไปประยุกต์ใช้ในการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตร แบบมีสว่ นรว่ มตอ่ ไป

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 111 1. กระบวนการมสี ่วนร่วม บทเรียนในตอนน้มี เี รอื่ งหลักที่อธบิ ายอยู่ 3 เรือ่ ง คือ ความหมาย และความสำ� คญั ของการมีสว่ นรว่ ม การใช้กระบวนการมีสว่ นรว่ มในการ จดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร และบทบาทของเจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตร ในกระบวนการมีส่วนร่วม ซ่ึงคาดหวังว่าเม่ือได้ศึกษาบทเรียนตอนนี้ จบแลว้ ผเู้ รียนจะสามารถน�ำเอากระบวนการมีสว่ นรว่ มไปใช้ในการจัดทำ� แผนพฒั นาการเกษตรได้ 1.1 ความหมายและความส�ำคัญของการมีสว่ นร่วม กอ่ นอนื่ ตอ้ งเขา้ ใจวา่ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มคอื อะไร มคี วามสำ� คญั อย่างไร และมแี นวทาง วิธีการ หรอื เทคนคิ ท่ีจะท�ำให้เกิดกระบวนการมี สว่ นรว่ มไดอ้ ย่างไร ซง่ึ เปน็ ความรพู้ นื้ ฐานโดยทว่ั ไปกอ่ นทจี่ ะนำ� เอาไปใชใ้ น การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรตอ่ ไป

112 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม 1.1.1 ความหมายของการมีส่วนร่วม การมสี ว่ นรว่ ม (Participation) หมายถงึ การทผ่ี มู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ ง กบั เรื่องนั้นๆ ทุกฝา่ ย ไดเ้ ขา้ มามีสว่ นร่วมในทกุ ข้ันตอนของการด�ำเนนิ งาน โดยมีส่วนร่วมคิด ร่วมตัดสนิ ใจ ร่วมด�ำเนินการ และร่วมรบั ผล ปารชิ าติ วลยั เสถยี ร และคณะไดอ้ า้ งถงึ อคนิ รพพี ฒั น์ (2531, น.49) ว่ากระบวนการมีสว่ นร่วมของชาวบ้านในการพัฒนามี 5 ระดบั คอื 1) ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา การพจิ ารณาปัญหา และจดั ลำ� ดับความส�ำคญั ของปัญหา 2) ชาวบ้านมสี ่วนร่วมในการค้นหาสาเหตุแห่งปญั หา 3) ชาวบา้ นมสี ว่ นรว่ มในการคน้ หาและพจิ ารณาแนวทางวธิ กี าร ในการแก้ปญั หา 4) ชาวบ้านมีสว่ นรว่ มในการด�ำเนนิ กจิ กรรมเพ่ือแก้ปัญหา 5) ชาวบา้ นมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ผลของกจิ กรรมการพฒั นา การมสี ว่ นรว่ มมไี ดห้ ลายลกั ษณะทง้ั ทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและนามธรรม เช่น การร่วมเปน็ สมาชกิ หรอื เป็นกรรมการ การร่วมประชมุ หรอื ปรึกษาหารือ การรว่ มออกความคดิ เหน็ หรอื ให้ข้อมูล การรว่ มออกเงินหรือ วสั ดุสง่ิ ของ การร่วมออกแรงหรือลงมือทำ� การร่วมงานหรือกิจกรรม การรว่ มบรโิ ภค การรว่ มชกั ชวนคนอ่นื การร่วมรบั ผดิ หรอื รบั ชอบ การร่วมใหก้ �ำลังใจ ฯลฯ

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 113 1.1.2 ความสำ� คัญของการมีส่วนร่วม 1) เกดิ ความร้สู ึกเป็นเจา้ ของและผกู มัดกับเร่ืองน้ันๆ 2) เกดิ กระบวนการเรยี นรรู้ ว่ มกนั รจู้ กั คดิ วเิ คราะห์ และตดิ ตาม สถานการณ์ 3) เกดิ ผู้น�ำท่มี ีคุณภาพในชมุ ชน 4) เกิดการรวมกลมุ่ และเชอ่ื มโยงเครือขา่ ยในระดบั ต่างๆ 5) ชมุ ชนพฒั นาการรับรู้ สตปิ ัญญา และความสามารถในการ ตัดสินใจกำ� หนดชีวติ ด้วยตนเอง 6) ชมุ ชนมคี วามเข้มแขง็ พ่ึงตนเอง และเกิดการพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน 1.1.3 การสร้างให้เกดิ การมสี ว่ นรว่ ม ส่วนส�ำคัญของการท�ำให้เกิดการมีส่วนร่วมคือการติดต่อส่ือสาร ระหว่างผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ดังนั้นการสร้างกระบวนการมี สว่ นรว่ มกค็ อื การสรา้ งใหเ้ กดิ โอกาสในการตดิ ตอ่ สอื่ สารสรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกนั และพัฒนาไปสู่การร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมด�ำเนินการ และร่วมรับผล เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตามทตี่ อ้ งการหรอื ตามทกี่ ำ� หนดไว้ ทงั้ นกี้ ระบวนการ มีส่วนร่วมอาจจะต้องมีแรงกระตุ้นจากภายนอก และต้องสร้างส�ำนึกและ แรงจงู ใจใหต้ ระหนกั ถงึ การเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นา อนั จะเปน็ การพฒั นา ท่สี ามารถพงึ่ พาตนเองและเกดิ ความย่ังยืน แนวทางการสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน เรม่ิ ตน้ จากการพฒั นา ระดบั บคุ คลใหม้ คี วามสามารถในการวเิ คราะหป์ ญั หา การวางแผน และการ ตัดสินใจ ต่อจากน้ันต้องพัฒนาให้เกิดการรวมกลุ่มกันเพื่อให้มีพลังในการ แกไ้ ขปัญหาในชุมชนของตนเอง และเช่ือมโยงกลมุ่ ตา่ งๆ เข้าเป็นเครือข่าย เพอื่ แกไ้ ขปญั หาในระดบั ทอ้ งถนิ่ และในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ โดยจะตอ้ งมกี ารจดั เวที

114 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การจัดทัศนศึกษาดูงาน การจัดฝึกอบรม การลงมือปฏิบัติ และการสรุปบทเรียนอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนา การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนนม้ี กี ระบวนการทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานสำ� คญั 2 กระบวนการ คอื กระบวนการเรยี นรู้ และกระบวนการกลมุ่ 1) ปัจจยั พนื้ ฐานในการมีส่วนรว่ มของประชาชน คือ (1) สงิ่ จงู ใจ คอื การมองเหน็ วา่ จะไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการเขา้ ไป มีส่วนร่วม (2) ช่องทางในการเข้าไปมีส่วนร่วม ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน และทกุ กลมุ่ ในชมุ ชนเข้าไปมสี ่วนรว่ มไดโ้ ดยตรงหรือโดยตวั แทน 2) สถานการณ์ที่ท�ำให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชน มีได้ 2 ลกั ษณะ คอื (1) กรณีที่มีสถานการณ์เร่งด่วนเกิดขึ้นในชุมชน เช่น ความเดอื ดรอ้ นจากภยั ธรรมชาติ จากความไมเ่ ปน็ ธรรม ฯลฯ ทม่ี ผี ลกระทบ ต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงหรืออย่างรุนแรง ในสถานการณ์เช่นน้ีการมี ส่วนรว่ มจะเกิดขึ้นไดเ้ รว็ และเกดิ ข้ึนได้เองในชุมชน เช่น การชุมนมุ ประทว้ ง การเดนิ ขบวน การเสนอขอ้ เรยี กรอ้ ง การเจรจาตอ่ รอง การสรา้ งพนั ธมติ ร การใชส้ ัญลักษณ์ การประกอบพิธกี รรม เป็นต้น (2) กรณที ไ่ี มม่ สี ถานการณเ์ รง่ ดว่ นในชมุ ชน ในสถานการณ์ เช่นนี้การมีส่วนร่วมจะเกิดข้ึนได้ต้องมีแรงกระตุ้นหรือแรงเสริม โดยการ สร้างแรงจงู ใจในสงั คมและการสรา้ งความภมู ิใจให้เกิดขน้ึ กับสมาชิก 3) เทคนคิ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การมสี ว่ นรว่ ม แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 วธิ กี าร หลกั ๆ ดงั นี้ (1) เทคนิคทางจิตวทิ ยา - การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ โดยการกระตุ้นและให้การ ศกึ ษาแบบไมเ่ ปน็ ทางการ เชน่ การจบั กลมุ่ พดู คยุ การถกเถยี งปญั หา ฯลฯ

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 115 - การสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ เพ่ือกระตุ้นให้รวมกลุ่ม กนั ท�ำงาน - การสร้างความภูมิใจให้กับสมาชิก โดยผู้น�ำต้องให้ ความสนใจต่อสมาชิกในกล่มุ เท่าๆ กนั (2) เทคนคิ การประชาสมั พนั ธ์ - การใช้สื่อบุคคลในการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง เช่น การประชุม การพบปะ การตดิ ตอ่ ผา่ นผ้นู ำ� ฯลฯ - การใช้สื่อมวลชน เชน่ เสียงตามสาย - การใช้ส่ือบุคคลหรือสื่อมวลชนต้องขึ้นกับสภาพ ทางกายภาพและความสัมพันธข์ องคนในชุมชน - ขอ้ มูลท่นี ำ� เสนอต้องมคี วามถูกต้องและชัดเจน - ในกลุ่มคนยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส จะต้องกระตุ้น ให้เกิดการมีส่วนร่วมโดยการช่วยเหลือหรือสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น เงิน สงิ่ ของ วสั ดอุ ุปกรณ์ เปน็ ตน้ (3) เทคนคิ การบริหาร - การศึกษาชุมชน - การวางแผนบนพนื้ ฐานความตอ้ งการของชมุ ชน - การใช้กระบวนการกลุม่ - การจัดโครงสร้างองค์กรท่เี ป็นอสิ ระ - การพฒั นาผ้นู ำ� ในชมุ ชน - การจดั โครงข่ายข้อมลู ท่ีมีประสิทธิภาพ - การสนบั สนนุ ทรัพยากร - พฤตกิ รรมของผนู้ �ำ คอื เป็นกลาง ซ่อื สัตยส์ จุ รติ และ เสียสละ - การเรยี นรวู้ ธิ กี ารทำ� งานจากชมุ ชนทปี่ ระสบความสำ� เรจ็

116 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนรว่ ม 1.2 การใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตร เม่ือได้เข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมแล้ว ในล�ำดับต่อไป กค็ ือวธิ กี ารที่จะน�ำเอากระบวนการมสี ว่ นรว่ มเข้าไปใช้ในกระบวนการจดั ท�ำ แผนพฒั นาการเกษตรได้อยา่ งไร ซ่งึ จะไดอ้ ธบิ ายดังตอ่ ไปนี้ 1.2.1 แนวคิดในการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม หมายถึง การด�ำเนินการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรโดยผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วมในทุกข้ันตอน เป็นกระบวนการวิเคราะห์และประเมิน ตนเอง สรา้ งกระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณร์ ว่ มกนั และทำ� งานรว่ ม กันเพื่อให้บรรลุผลส�ำเร็จตามที่มุ่งหวัง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องมีส่วนร่วม ต้ังแต่การค้นหาปัญหาและสาเหตุ การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลและ สถานการณ์ท่ีเก่ียวข้อง การก�ำหนดแผนงานโครงการต่างๆ รวมถึง การกำ� หนดแนวทางในการตดิ ตามและประเมนิ ผลดว้ ย 1) หวั ใจสำ� คญั ของการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบ 1มสี ว่ นร่วม คอื ผเู้ กย่ี วขอ้ งทกุ ฝา่ ยตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั และทำ� ความเขา้ ใจ ร่วมกันให้ชดั เจน 2 ยึดหลกั การมีส่วนรว่ มของทุกฝ่ายที่เกี่ยวขอ้ ง เกดิ การแลกเปลย่ี น ความรู้ บนพื้นฐานของความจริง และมีความหลากหลายของ ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และ ความคดิ เหน็

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 117 3 ไมย่ ดึ มาตรฐานของใครคนใดคนหนงึ่ แตเ่ คารพในการแลกเปลยี่ น ประสบการณร์ ่วมกัน 4 ไมม่ กี ารชถ้ี กู ชผี้ ดิ แตม่ งุ่ เนน้ กระบวนการเรยี นรรู้ ว่ มกนั เพอ่ื ปรบั ปรงุ การท�ำงานให้ดยี ง่ิ ขึน้ 2) ลักษณะส�ำคัญของการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมี ส่วนรว่ ม ได้แก่ 1 มีส่วนร่วมกันอยา่ งแทจ้ ริงของทุกฝ่ายทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 2 เสรมิ สรา้ งการเรียนรูร้ ว่ มกนั และเกิดการพฒั นาทตี่ ่อเนื่อง 3 มคี วามตอ่ เนอ่ื ง คือต้องเร่มิ ต้นและจบลงแบบมสี ว่ นรว่ ม และน�ำ ไปสกู่ ารด�ำเนนิ งานตามแผนงานโครงการแบบมีสว่ นรว่ มด้วย 4 ใช้วิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลาย ยืดหยุ่น ใช้ข้อมูลท้ัง เชงิ ปริมาณและคณุ ภาพ 5 เน้นการใช้ประโยชน์ ท้ังการใช้โดยตรงในเชิงการบริหาร และ การใช้โดยอ้อมอันเกิดจากการเรียนรู้และน�ำไปปรับใช้โดยตัวของ ผเู้ กี่ยวข้องเอง ซึง่ การนำ� ไปใช้ในลักษณะนเ้ี กิดขึน้ จากความเขา้ ใจ และความตระหนกั ในความสำ� คญั จากสงิ่ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้ 6 ไดค้ วามจรงิ เปน็ ข้อมลู เชงิ ลกึ ครอบคลุมหลากหลายมิตมิ มุ มอง 7 เกดิ การยอมรับร่วมกนั มีความรู้สึกเปน็ เจ้าของรว่ มกนั

118 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม 3) ข้อจ�ำกัดของการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมี สว่ นร่วม 1 ใช้เวลา แรงงาน และงบประมาณมาก และต้องด�ำเนินการ อยา่ งต่อเนอ่ื ง 2 ผู้เกี่ยวข้องในการด�ำเนินงานไม่เข้าใจเร่ืองนี้ดีพอ และไม่ค่อยให้ ความสำ� คญั 3 ขาดผู้รู้ ผ้เู ชี่ยวชาญในเรื่องนี้ 4 มักจะใช้ในโครงการพัฒนาขนาดเล็ก ระดับกลุ่ม ระดับชุมชน ยังไม่มีความชดั เจนในการใชใ้ นโครงการพฒั นาขนาดใหญ่ 1.2.2 แนวทางในการจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนรว่ ม ในการจัดท�ำแผนงานโครงการโดยทั่วไปมีขั้นตอนหลักๆ อยู่ 4 ขนั้ ตอน คือ (1) การระบุปัญหาและสาเหตุหรือการก�ำหนดสิ่งท่ี มงุ่ หวงั เปน็ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสถานการณท์ ง้ั ภายในและภายนอกเพอ่ื ค้นหาปัญหาและสาเหตุของปญั หา หรือคน้ หาวา่ สง่ิ ที่เราหรือชมุ ชนมุ่งหวัง ตอ้ งการให้เกดิ ข้นึ คอื อะไร (2) การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์ ที่เก่ียวข้องหรือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายใน-ภายนอก และใน เชิงบวก-เชงิ ลบ รวมถึงการวเิ คราะห์แนวโน้มสถานการณ์ในอนาคตดว้ ย

บทท่ี 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 119 (3) การกำ� หนดแผนงานโครงการหรอื การกำ� หนดกลยทุ ธ์ โดย ใช้ข้อมูลต่างๆ ทไี่ ดร้ วบรวมและวิเคราะหไ์ ว้มาประกอบการพินจิ พิจารณา เลอื กกิจกรรมดำ� เนินงานหรอื กลยทุ ธท์ ่ีดแี ละเหมาะสมที่สุด (4) การกำ� หนดแนวทางการตดิ ตามและประเมนิ ผลหรอื แนวทาง การขับเคลื่อนแผน เพอ่ื ทำ� ให้แผนท่ีกำ� หนดขนึ้ มีความชดั เจนเป็นรูปธรรม และพร้อมท่จี ะปฏิบัตไิ ด้จรงิ ดังนั้น การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม ก็คือ การใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มเข้าไปดำ� เนนิ การใน 4 ขน้ั ตอนดงั กล่าว โดย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วม ซ่ึงโดยท่ัวไปผู้มีส่วนเก่ียวข้อง หลักๆ ท่ีจะต้องเขา้ มามสี ่วนร่วมอยา่ งมากมีอย่างน้อย 2 ฝา่ ย คอื - บุคคลเป้าหมายของโครงการ เช่น เกษตรกร - ผปู้ ฏิบตั ิงานโครงการ เชน่ เจ้าหนา้ ทสี่ ง่ เสริมการเกษตร นอกจากนม้ี ผี ้มู สี ่วนเก่ยี วขอ้ งทค่ี วรจะต้องเขา้ มามสี ่วนรว่ มด้วย เชน่ ผูบ้ รหิ ารโครงการ ผู้สนับสนนุ งบประมาณ ทป่ี รึกษาหรือผอู้ าวุโส นกั วชิ าการ ผู้เชีย่ วชาญ ผู้ทรงคณุ วุฒิ ผรู้ ู้ ท่เี กี่ยวข้องกบั โครงการ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับประเด็นหรือเนือ้ หาของ โครงการ บุคคลหรือหน่วยงานที่ ผนู้ ำ� ท้องถ่ิน รว่ มดำ� เนินงาน ผู้ไดร้ บั ผลกระทบจากโครงการ ผู้ประเมนิ จากภายนอก ฯลฯ

120 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม 1.2.3 วิธกี ารหลักในการสร้างการมสี ่วนร่วม คอื การจัดเวทรี ูปแบบตา่ งๆ วธิ กี ารหลกั ในการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มคอื การจดั เวทรี ปู แบบตา่ งๆ ท้ังแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการในทุกข้ันตอนของการจัดท�ำ แผนพฒั นาการเกษตรตามทไ่ี ด้กลา่ วมาแลว้ โดยมเี จตนาเพื่อ - ทำ� ความเขา้ ใจร่วมกันให้ชดั เจน - น�ำเสนอหรอื อธิบายข้อมูลหรอื สถานการณ์ - ระดมและแลกเปลยี่ นข้อมลู ความคดิ เห็นร่วมกนั - แบง่ งานและมอบงานใหด้ �ำเนินการ ซึ่งผู้ท�ำหน้าที่หลักในการจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตร ต้องจด บันทึกความคิด ความเห็น ข้อตกลง หรือข้อสรุปจากเวทีการมีส่วนร่วม ต่างๆ ที่จัดข้ึน แล้วท�ำการประมวล เรียบเรียง และน�ำไปใช้ด�ำเนินการ ในขน้ั ตอนต่อไป เทคนิควิธีการที่ใช้ในการสร้างการมีส่วนร่วม เช่น การประชุม เชิงปฏิบัติการ การใช้เทคนิคการประชุมแบบต่างๆ การจัดกลุ่มสนทนา การอภปิ ราย การเสวนา การจัดเวที/พดู คยุ กล่มุ ยอ่ ย การสัมภาษณ์กล่มุ เป็นต้น สำ� หรับในเร่ืองของการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูล แบบมีส่วนร่วม นิยมใช้ทั้งวิธีการเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพประกอบกัน อาจใชว้ ธิ กี าร/ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณในเบอื้ งตน้ แลว้ ใชว้ ธิ กี าร/ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ เสริมให้สามารถอธิบายได้กระจ่างชัดมากข้ึน การเลือกใช้เทคนิควิธีการ ใดนนั้ ข้นึ กับลกั ษณะของโครงการ ลักษณะของข้อมลู ความเหมาะสมของ สถานการณ์ ทกั ษะและความสนใจของผเู้ กย่ี วขอ้ ง ความชำ� นาญของผทู้ ำ� หนา้ ท่ี นำ� กระบวนการ เปน็ ตน้ เชน่ บางคนอาจถนดั ทจี่ ะใชว้ ธิ กี ารเกบ็ และวเิ คราะห์ ข้อมูลโดยการเล่านิทาน การวาดภาพ การท�ำแผนที่ การแสดงบทบาท สมมติ แตบ่ างคนอาจถนัดที่จะใชแ้ บบสำ� รวจ แบบสอบถาม การสมั ภาษณ์ เชงิ ลึก หรอื การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 121 1.3 บทบาทของเจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรในกระบวนการมสี ว่ นรว่ ม ในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ มใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ และประสิทธิผล จ�ำเป็นต้องเกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน โดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรมีบทบาทส�ำคัญในการชักจูงให้ทุกคนมี สว่ นรว่ ม ดงั นี้ 1.3.1 การมสี ่วนรว่ มในการศึกษาข้อมลู และสถานการณช์ ุมชนหรือ การรว่ มศึกษาชุมชน 1) เจา้ หนา้ ทแี่ ละชมุ ชนควรกำ� หนดกรอบการศกึ ษาชมุ ชน ใหช้ ัดเจนวา่ จะศกึ ษาประเด็นใดบา้ ง 2) ควรเลือกหรือผสมผสานเทคนิคการศึกษาชุมชนให้ เหมาะสมตามสถานการณแ์ ละประเด็นที่จะศึกษา เจา้ หนา้ ทค่ี วรมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเทคนคิ ตา่ งๆ สามารถเลอื กใชแ้ ละดดั แปลงเทคนคิ ทเ่ี หมาะสมได้ 3) ในการศึกษาชุมชนเจ้าหน้าท่ีควรลงไปท�ำงานร่วมกัน เปน็ ทีม เพ่อื ท�ำให้การศึกษาชุมชนชัดเจนและได้ผลดีข้ึน ควรเตรียมการ กอ่ นการเขา้ ไปศึกษาชมุ ชน ท้ังดา้ นเทคนิคที่จะใช้ วัสดอุ ปุ กรณ์ และทีม เจา้ หน้าทค่ี วรซักซอ้ มวิธีปฏบิ ตั แิ ละข้นั ตอนตา่ งๆ ด้วย 4) เน่อื งจากสภาพแต่ละชุมชนไม่ไดห้ ยดุ นิ่งอยกู่ ับที่ แต่มี ความเคลอ่ื นไหวเปลยี่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา เจา้ หนา้ ทจ่ี งึ ควรเขา้ ใจแบบแผน การเปลี่ยนแปลงของชุมชน แนวโน้ม และแรงผลกั ดันที่จะเกดิ ขึ้น หรอื อาจจะมีการศึกษาชมุ ชนซ้ำ� อกี เปน็ ระยะตามความเหมาะสม 5) ในปจั จบุ นั ไดม้ รี ะบบการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู พนื้ ฐานของ ชมุ ชนอยา่ งเป็นระบบในหลายหน่วยงาน ถ้าหากได้มกี ารศกึ ษาขอ้ มลู เหล่าน้ี ก่อนจะสามารถท�ำให้เข้าใจพ้ืนฐานของชุมชนเกษตรกรพอสมควร และ อาจจะไม่ตอ้ งทำ� การเกบ็ ข้อมูลใหมท่ ง้ั หมด

122 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนรว่ ม 6) เจ้าหน้าท่ีต้องตระหนักว่า ในทุกชุมชนมีความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกับภายนอก จึงจ�ำเป็นต้องมีความเข้าใจและศึกษาลักษณะ ความสมั พันธ์ ความใกลช้ ดิ และการตดิ ตอ่ กบั ภายนอกดว้ ย 7) เจ้าหนา้ ทคี่ วรชว่ ยเกษตรกรสรปุ ขอ้ มลู และนำ� เสนอขอ้ มลู ใน ระดบั ต่างๆ 8) การศกึ ษาขอ้ มลู หมบู่ า้ น จะตอ้ งศกึ ษาจากอดตี ปจั จบุ นั และ แนวโน้มในอนาคต เพื่อให้เหน็ ความเปล่ยี นแปลงและความเคลือ่ นไหวของ ชมุ ชน 9) ในการศึกษาชุมชน เจ้าหน้าที่ควรจัดล�ำดับค�ำถาม แบบตอ่ เนอ่ื ง ดทู ที า่ ของเกษตรกร เปดิ โอกาสใหเ้ กษตรกรมกี ารซกั ถาม และ เจา้ หนา้ ทต่ี อ้ งคดิ วเิ คราะหต์ ามไปดว้ ย พรอ้ มทงั้ สรา้ งบรรยากาศใหเ้ กษตรกร มคี วามสนกุ กับการมีส่วนร่วม 1.3.2 การมสี ว่ นร่วมในการวิเคราะหป์ ญั หาและสาเหตุ 1) ควรใชก้ ระบวนการกลมุ่ คอื ใชเ้ กษตรกรรว่ มในการวเิ คราะห์ ปญั หาและสาเหตุ 2) ระหว่างการศึกษาชุมชน ควรต้ังประเด็นค�ำถามและ เชอื่ มโยงขอ้ มลู รว่ มกบั เกษตรกร เพอื่ วเิ คราะหป์ ญั หาและสาเหตจุ ากฐานขอ้ มลู ที่เกษตรกรได้ท�ำร่วมกัน และประเด็นค�ำถามจะต้องเปิดกว้างเป็นระบบ ทำ� ใหเ้ กดิ ขอ้ คดิ และผถู้ ามจะตอ้ งวเิ คราะหแ์ ละจบั ประเดน็ จากการพดู คยุ กบั เกษตรกรใหไ้ ด้ 3) ควรเรมิ่ จากประเดน็ ปญั หาทไี่ มย่ ากเกนิ ไปและใกลต้ วั เกษตรกร 4) ควรจะมกี ารจดั กลมุ่ ยอ่ ยวเิ คราะหป์ ญั หา เพอื่ สามารถไดข้ อ้ มลู รายละเอียดและประเด็นที่ชัดเจนข้ึน และควรแยกว่าประเด็นปัญหานั้นๆ ควรแกท้ ร่ี ะดบั ชมุ ชน ระดับกลุ่ม หรือระดับครอบครวั

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 123 1.3.3 การมีสว่ นร่วมในการเลือกแนวทางแกไ้ ขปญั หาและการวางแผน 1) ให้ความส�ำคัญและน�ำภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถ่ินมา ใชใ้ นการวเิ คราะห์แนวทางแก้ไขปัญหา 2) การเลอื กแนวทางและจัดท�ำแผนเพอื่ แกไ้ ขปญั หา ควรผ่าน กระบวนการวเิ คราะหก์ ารเรยี นรอู้ ย่างชดั เจนกอ่ น โดยใชก้ ระบวนการกลมุ่ 3) ให้เกษตรกรได้เลือกแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นประเด็นท่ี เกษตรกรสนใจ มคี วามสำ� คญั และเปน็ ประเดน็ รว่ มของกลมุ่ และชมุ ชนเอง 4) เสนอแนะและรว่ มวิเคราะห์ โดยให้ความส�ำคัญกบั ประเดน็ ทเี่ กษตรกรสามารถทำ� ได้ด้วยตนเอง 5) ให้ความส�ำคัญกับแผนของเกษตรกร โดยไม่แยกว่าเป็น แผนทเ่ี กย่ี วข้องกับหน้าท่ีโดยตรงของหนว่ ยงานหรอื ไม่ ซ่ึงเจา้ หนา้ ทีค่ วร เข้าไปมีบทบาทช่วยในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน เรื่องนนั้ ๆ ไม่ใช่มุ่งแต่จะเอางานของหนว่ ยงานตนเองไปปฏิบัตใิ นหมู่บ้าน เทา่ น้ัน 6) ควรเสรมิ ขอ้ มลู ทางเลอื กใหเ้ กษตรกรพจิ ารณา ใชส้ อื่ ต่างๆ ประกอบตามความเหมาะสม ท้ังสื่อวิดิทัศน์ ภาพน่ิง หรือส่ือบุคคล โดยประสานงานเกษตรกรหรอื องคก์ รเกษตรกรทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ หรอื มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาในประเด็นน้ันๆ มาร่วมเสนอทางเลือก ใหก้ บั เกษตรกร 7) ให้เกษตรกรจัดทำ� แผนการดำ� เนินงานทช่ี ดั เจน ไมว่ ่าแผน ในระดับบุคคล แผนของกลุ่ม หรอื แผนชุมชน และมกี ารบนั ทกึ ขอ้ มูลไว้ ด้วยเพ่อื ใชใ้ นการติดตามผลและประเมนิ ผลตอ่ ไป

124 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม 1.3.4 การมสี ว่ นรว่ มดำ� เนนิ การตามแผน 1) ควรให้เกษตรกรมีส่วนร่วมลงทุน ไม่ว่าเป็นการร่วมทุน ลงแรง หรือก�ำลังทรพั ยห์ รือวัสดุตามความเหมาะสม 2) เจา้ หนา้ ที่ควรประสานแหล่งสนบั สนนุ ทั้งดา้ นเงนิ ทนุ และ ความรู้แกเ่ กษตรกร 3) ควรรว่ มกบั แกนนำ� ชาวบา้ นประเมนิ สถานการณค์ วามพรอ้ ม ของกลมุ่ อยูเ่ สมอ และไม่ควรเรง่ รดั ให้เกษตรกรท�ำงานตั้งแต่เริ่มงานทนั ที หากเกษตรกรไม่พรอ้ มให้รอดูทา่ ทีกอ่ น 4) ระหวา่ งการด�ำเนินงาน เจ้าหน้าทคี่ วรเขา้ ไปเยีย่ มเยียนให้ ข้อมูลท้ังด้านการจัดการและเทคโนโลยีแก่ชาวบ้าน และร่วมวิเคราะห์หา แนวทางแกไ้ ขหากการด�ำเนนิ งานมปี ญั หา 5) หากมีความขัดแย้ง ไม่ว่าในองค์กรด้วยกันเองหรือ กับภายนอกองคก์ ร ควรให้ทกุ ฝ่ายรว่ มจัดการกับปญั หาความขัดแยง้ นัน้ ๆ ทนั ที 1.3.5 การมสี ว่ นร่วมตดิ ตามประเมนิ ผล 1) จัดเวทีและกระตุ้นให้เกษตรกรมีการติดตามประเมินผล การปฏิบตั งิ านของตนเองอยูเ่ สมอ 2) การวัดผลสำ� เรจ็ ควรวดั จากเกษตรกร และใหเ้ กษตรกรมี สว่ นรว่ มดว้ ย

บทท่ี 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 125 3) ควรร่วมกับเกษตรกรท�ำการประเมินผลท้ังในเชิงปริมาณ และคณุ ภาพ และใหเ้ กษตรกรรว่ มคดิ วา่ จะประเมนิ เรอื่ งอะไร วธิ ไี หน 4) ควรมีการช้ีแจงสรุปผลการติดตามและประเมินผล ท้ังใน ส่วนของตัวเกษตรกรเอง สมาชิกกลุ่ม หรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องเพ่ือ การวิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละก�ำหนดแผนงานตอ่ ไป 5) เปดิ โอกาสใหเ้ กษตรกรไดป้ ระเมนิ ผลงานของเขาดว้ ยความ เป็นจรงิ และยอมรับความผิดพลาดหากงานนน้ั มีการพาดพงิ ถงึ เจา้ หนา้ ท่ี และตอ้ งพรอ้ มท่ีจะปรับปรงุ แก้ไข 6) จดั ใหม้ กี ารตดิ ตามประเมนิ ผลในลกั ษณะเปน็ ทมี โดยเปน็ การ เรยี นร้รู ่วมกนั ไปดว้ ย ในการทำ� งานแบบมสี ่วนรว่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนห์ ลายประการ ท้งั ตอ่ เกษตรกร ตอ่ ชมุ ชน และตอ่ ตัวเจา้ หน้าท่เี อง เชน่ เกดิ ความสมั พันธ์ อันดี มีความรู้สกึ ผกู พันต่องานและชมุ ชน เกษตรกรยอมรบั การพัฒนา ทำ� ไดง้ า่ ยขน้ึ ผลงานมคี ณุ ภาพ เกดิ ทมี งานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ไดป้ ระสบการณ์ และการเรยี นรใู้ หมๆ่ การมสี ว่ นรว่ มเปน็ กระบวนการทตี่ อ้ งทำ� ใหเ้ กษตรกร เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เข้ามาร่วมอย่างเข้มแข็งและสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วมไม่ใช่แค่การให้ความร่วมมือ แต่ต้องเชื่อในศักยภาพของ เกษตรกรและมีพื้นฐานมาจากความคิดแบบประชาธิปไตย

126 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม 2. กระบวนการจัดทำ� แผนชุมชน บทเรียนในตอนนีไ้ ด้นำ� เอากระบวนการจัดท�ำแผนชมุ ชนตามแนวทาง ของกรมส่งเสริมการเกษตรมาเสนอไว้ มีอยู่ 9 ขั้นตอน เป็นแนวทาง กวา้ งๆ งา่ ยๆ เนน้ กระบวนการในการนำ� ไปใชป้ ฏบิ ัติจริงในพนื้ ที่ ซงึ่ เมือ่ ได้ ศกึ ษาบทเรยี นในตอนนจี้ บแลว้ จะเหน็ แนวทางทเี่ ปน็ รปู ธรรม และสามารถ น�ำไปประยุกต์ใช้ในการจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ มตอ่ ไป 2.1 แนวคดิ ในการจัดท�ำแผนชุมชน การพัฒนาที่ผ่านมาไม่ประสบผลส�ำเร็จเท่าท่ีควร โดยเฉพาะ การแกป้ ญั หาในระดบั พน้ื ทแี่ ละชมุ ชน เพราะไมไ่ ดม้ กี ารพฒั นาการเกษตรและ องค์กรเกษตรกรให้มีขีดความสามารถในการบริหารจัดการชุมชนของ ตนเอง ในระยะตอ่ มาการพฒั นาไดม้ งุ่ เนน้ ใหค้ นเปน็ ศนู ยก์ ลางในการพฒั นา และใหค้ วามสำ� คญั กบั กระบวนการเรยี นรแู้ ละการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ในการพฒั นาทกุ ระดบั ตง้ั แตก่ ารคดิ รเิ รมิ่ การศกึ ษาวเิ คราะห์ การวางแผน การด�ำเนนิ กจิ กรรม ตลอดจนการตดิ ตามประเมนิ ผล กรมสง่ เสรมิ การเกษตรไดป้ รบั กระบวนการทำ� งาน เนน้ การพฒั นา คุณภาพคนและองค์กรภาคเกษตรด้วยการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของเกษตรกรผ่านศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกษตรประจำ� ตำ� บล สง่ิ สำ� คญั ทปี่ รบั เปลย่ี นคอื กระบวนการทำ� งานของ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรในระดบั พนื้ ทที่ เ่ี นน้ การเสรมิ สรา้ งกระบวนการ เรียนรู้ร่วมกับเกษตรกร โดยใช้ “กระบวนการจัดท�ำแผนชุมชน” เป็น เครื่องมือ ซ่ึงมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และ บรหิ ารจดั การภายในชมุ ชน เพอ่ื สามารถแกไ้ ขปญั หาไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ ของชมุ ชน

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 127 2.2 แนวทางในการจดั ท�ำแผนชุมชน แผนชุมชน คือ แผนท่ีเกิดจากชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน บนพ้ืนฐานของความจำ� เปน็ และความตอ้ งการของชมุ ชน ซ่ึงประกอบด้วย กจิ กรรมการพฒั นาในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ดา้ นเกษตร ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม ด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน ฯลฯ โดยผู้แทนชุมชนจากทุกสาขาอาชีพ และ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ดำ� เนนิ การรว่ มกนั นบั ตง้ั แตก่ ารสำ� รวจชมุ ชน การประเมนิ ทรัพยากรและศักยภาพของชุมชน การวิเคราะห์ปัญหาสาเหตุ และการ สร้างความฝันเพอ่ื กำ� หนดเปน็ แผนชมุ ชนร่วมกนั 1 กระบวนการจดั ท�ำแผนชุมชน มี 9 ข้นั ตอน ดงั น ี้ คน้ หาผนู้ ำ� อาสาสมคั ร โดยทป่ี รกึ ษาหรอื พเี่ ลย้ี งประสานกบั แกนน�ำชุมชนในแต่ละหมู่บ้าน เพ่ือชี้แจงท�ำความเข้าใจ แนวคิดและกระบวนการในการพัฒนาและมอบหมายให้ แกนน�ำเหล่าน้ันไปด�ำเนินการค้นหาผู้น�ำอาสาสมัครใน หมู่บ้านของตนเองหรืออาจจะมีการจัดเวทีระดับต�ำบลใน การทำ� ความเขา้ ใจกบั แกนนำ� หมูบ่ ้านต่างๆ และมอบหมาย ให้แกนน�ำไปด�ำเนินการค้นหาผู้น�ำอาสาสมัครในหมู่บ้าน ตนเองตอ่ กไ็ ด้ โดยจะตอ้ งชแี้ จงภารกจิ และบทบาทของผนู้ ำ� อาสาสมคั รใหท้ ุกคนเขา้ ใจ

128 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม 2 สร้างจิตส�ำนกึ ร่วมและกระบวนทศั นใ์ หม่ ของการพัฒนา โดยการจัดเวทีเรียนรู้ระดับต�ำบลเพื่อสร้างจิตส�ำนึกร่วม เรอ่ื งแนวคดิ กระบวนการพฒั นาแบบมสี ว่ นรว่ มและพงึ่ ตนเอง ของชุมชน ต้ังแต่เร่ิมคิด ศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน ด�ำเนินการ จนถงึ ติดตามและประเมนิ ผล 3 เรียนรู้พัฒนาการของชุมชน โดยให้ชุมชนได้เรียนรู้การ พัฒนาชุมชนของตนเองในอดีตท่ีผ่านมาและสถานการณ์ ปจั จุบัน ซ่ึงจะเปน็ การทบทวนตนเอง เข้าใจตนเอง พรอ้ มทัง้ ให้ชุมชนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอดีต-ปัจจุบัน วา่ มขี อ้ ดขี อ้ ดอ้ ยอะไร และผลทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ชมุ ชนเปน็ อยา่ งไร ประเด็นที่ควรน�ำมาทบทวนและวิเคราะห์ ไดแ้ ก่ ประเดน็ ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นการผลติ ทางการเกษตร ดา้ นสงั คม และ ดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ตน้

บทที่ 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 129 4 ประเมนิ ศักยภาพของชุมชน ใหช้ ุมชนไดค้ น้ หาและเรยี นรู้ ศกั ยภาพของชมุ ชนตนเอง โดยการสำ� รวจขอ้ มลู ในเรอื่ งจดุ แขง็ หรือของดีในชุมชน เพ่ือให้ชุมชนตระหนักถึงคุณค่าของดี ทมี่ อี ยู่ พรอ้ มทจ่ี ะพฒั นาจากพนื้ ฐานทมี่ ใี หเ้ กดิ การพฒั นาใน ด้านต่างๆ ซ่ึงมีประเด็นท่ีจะต้องเรียนรู้ คือ ภูมิปัญญา ท้องถิ่น คน (ในด้านผู้รู้ ผนู้ ำ� ปราชญช์ าวบ้าน) ทรัพยากร ชมุ ชน ขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรม กฎระเบยี บ ของชุมชน และองค์กรตา่ งๆ ในชุมชน 5 การศึกษาดงู านพ้ืนทีต่ น้ แบบ โดยให้ชมุ ชนได้แลกเปลย่ี น เรียนรู้กับพ้ืนท่ีประสบผลส�ำเร็จในการพัฒนา เพ่ือกระตุ้น และใหช้ มุ ชนไดเ้ รยี นรขู้ อ้ มลู นอกชมุ ชน อนั จะนำ� ไปสกู่ ารพฒั นา ที่ย่ังยืน ในประเด็นการบริหารจัดการชุมชนแนวใหม่ แบบพ่ึงพากันเอง การจัดกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน แนวคดิ การพฒั นาชมุ ชนแบบพงึ่ พาตนเอง การพฒั นาชมุ ชน แบบมีส่วนร่วม และการอยู่ภายใต้กฎระเบียบของสังคมที่ ทกุ คนรว่ มคิด

130 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม 6 กำ� หนดแผนชมุ ชนระดบั ตำ� บล แผนชมุ ชนเกดิ จากความคดิ ของคนในชุมชนท่ีร่วมกันคิดแบบมีส่วนร่วมและจัดท�ำข้ึน โดยคนที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมใน วธิ คี ดิ มากอ่ นซงึ่ จะบอกถงึ ทศิ ทางการพฒั นาชมุ ชนวา่ จะเดนิ ไปในทิศทางใด แผนชุมชนมีโอกาสน�ำไปสู่การปฏิบัติได้ หากคดิ บนพนื้ ฐานการพง่ึ พาตนเอง การพฒั นาจากภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถน่ิ การดำ� เนนิ การแบบพออย-ู่ พอกนิ -พอใช้ ดำ� เนนิ การ ในลักษณะกลุ่มหรือองค์กร ด�ำเนินการเพ่ือลดรายจ่าย เพม่ิ รายได้ สรา้ งมลู คา่ เพม่ิ ใชข้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ นั และเปน็ แผนท่ีมีลักษณะองค์รวม มีความเช่ือมโยงสอดคล้องและ เก้ือกูลในทุกๆ ด้าน ซ่ึงข้อมูลที่ใช้ในการจัดท�ำแผนชุมชน เป็นข้อมูลที่ชุมชนได้เรียนรู้จากการจัดกระบวนการเรียนรู้ 7 ต่างๆ มที ้งั ขอ้ มูลในชมุ ชนและข้อมูลนอกชุมชน ประชาพจิ ารณแ์ ผนชมุ ชน ผนู้ ำ� อาสาสมคั รในแตล่ ะหมบู่ า้ น หรอื ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการประสานงานและสรา้ งความเขา้ ใจ กับสมาชิกในหมู่บ้านเป็นเบ้ืองต้น และจัดเวทีระดับต�ำบล เป็นเวทีในการประชาพิจารณ์แผนชมุ ชน โดยเปดิ โอกาสให้ สมาชกิ ของทงั้ ตำ� บลไดม้ สี ว่ นในการรบั รู้ แสดงความคดิ เหน็ และผแู้ ทนจากทกุ สว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ งไดใ้ หข้ อ้ คดิ เหน็ ในการดำ� เนนิ การและเพื่อการประสานในการสนับสนุนการด�ำเนินงาน ตามแผนของชมุ ชนตอ่ ไป

บทท่ี 4 กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 131 8 การดำ� เนนิ งานตามแผน เมอื่ ผา่ นกระบวนการประชาพจิ ารณ์ แผนแล้วต้องพร้อมและสามารถปฏิบัติได้ทันที เพราะเป็น แผนแบบพง่ึ พาตนเอง ด�ำเนนิ การตามศักยภาพของตนเอง เท่าท่ีจะด�ำเนินการได้ ก่อนที่จะขอรับการสนับสนุนจาก แหลง่ ทนุ และปจั จยั ภายนอก ดงั นนั้ เจา้ หนา้ ทแี่ ละหนว่ ยงาน ตา่ งๆ จะตอ้ งเขา้ มาชว่ ยสนบั สนนุ ใหแ้ ผนสามารถดำ� เนนิ การ ไดต้ ่อไป โดยการสนับสนุนทงั้ ในด้านวิชาการ ความรู้ และ ทักษะเพอ่ื ปฏิบตั งิ านตามแผน รวมทงั้ การบรหิ ารจดั การ 9 ติดตาม นิเทศ และประเมนิ ผล โดยชุมชนจะต้องเป็นหลกั ในการตดิ ตาม นิเทศ และประเมนิ ผลรว่ มกบั หน่วยงานท่ี เกยี่ วขอ้ ง เพอ่ื รบั ทราบความกา้ วหนา้ ปญั หาอปุ สรรค และ หาแนวทางแกไ้ ข

132 การจดั ทำ� แผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม 194.43

186.50 บทสรปุ 133 222.78บทสรุป

134 การจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม บทสรุป อาจกล่าวได้ว่า หัวใจส�ำคัญของการวางแผนในงานพัฒนาก็คือ การวินิจฉัยชุมชน ซึ่งในทางปฏิบัติจะเห็นได้ว่า การวินิจฉัยชุมชนนี้ท�ำให้ ทราบข้อบกพรอ่ ง รวมทงั้ ศักยภาพ และส่งิ ที่ยังต้องปรบั ปรุงแก้ไข เพื่อจะได้ วางแผนหาลทู่ างในการเตรยี มชมุ ชนกอ่ นทจ่ี ะไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ติ ามแผนพฒั นา ชมุ ชน สว่ นแผนทน่ี ำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ะเปน็ โครงการทมี่ รี ายละเอยี ดเนอื้ หา สาระครบถ้วน ชัดเจน และจ�ำเพาะเจาะจง โดยแตล่ ะส่วนมีความสมั พันธ์กัน สามารถนำ� ไปปฏิบตั ิไดจ้ รงิ และตดิ ตามและประเมินผลได้ การด�ำเนินการโครงการเป็นสิ่งที่ส�ำคัญในการด�ำเนินงานโครงการใน ปัจจุบัน ต้องเน้นการบูรณาการของหน่วยงานที่เก่ียวข้องทั้งในระดับส่วน กลาง และหนว่ ยงานระดบั พนื้ ที่ รวมทง้ั การบรหิ ารจดั การงบประมาณ ซง่ึ นบั เปน็ หวั ใจหลกั ในการขับเคลอื่ นโครงการ ทั้งน้ี การบรู ณาการโครงการ นอกจากจะช่วยสรา้ งความรสู้ ึกทีด่ ี ตอ่ กนั ป้องกันการทำ� งานท่ีซำ�้ ซอ้ นและ ขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือหน่วยงานแล้ว ยังช่วยในการประหยัด การใชท้ รพั ยากรตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งคมุ้ คา่ และเหมาะสม ทง้ั น้ี เมอื่ วเิ คราะห์ ความเสย่ี งและกำ� หนดแนวทางการบรหิ ารจดั การความเสยี่ งไดแ้ ลว้ ตอ้ งนำ� เอาแนวทางทก่ี ำ� หนดขนึ้ นผ้ี นวกเขา้ กบั แนวทางการดำ� เนนิ งานโครงการและ ดำ� เนินการใหเ้ สมอื นเปน็ สว่ นหนึง่ ของโครงการ ซง่ึ การดำ� เนนิ งานในเรอื่ ง ของความเสย่ี งนจี้ ำ� เปน็ ตอ้ งดำ� เนนิ การอยา่ งตอ่ เนอื่ งเพราะเราไมร่ วู้ า่ เหตกุ ารณ์ ตามความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดข้ึนเม่ือใด และต้องคอยตรวจสอบข้อมูลและ ประสานความรว่ มมอื กบั ผเู้ กยี่ วขอ้ งในการตดิ ตามสญั ญาณบง่ ชถ้ี งึ อาการท่ี จะนำ� ไปสู่เหตกุ ารณ์ตามความเส่ียงที่อาจจะเกิดขน้ึ ได้ตลอดเวลา

บทสรปุ 135 การตดิ ตามและประเมนิ ผล เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการบรหิ ารจดั การ สามารถใหข้ ้อมลู ดา้ นความกา้ วหนา้ ประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธิผล และช้ใี ห้ เห็นปัญหาขอ้ ขัดขอ้ งตา่ งๆ ที่เกดิ ขนึ้ หรอื คาดว่าจะเกดิ ข้ึน เปรียบเสมือน เปน็ หเู ปน็ ตาใหก้ บั ฝา่ ยบรหิ าร ชว่ ยใหม้ ขี อ้ มลู ประกอบการตดั สนิ ใจ สามารถ ตัดสนิ ใจไดถ้ ูกต้องมากขน้ึ คอื ตัดสนิ ใจบนพน้ื ฐานของขอ้ มลู ไมต่ ดั สินใจ โดยใชค้ วามรสู้ กึ ซงึ่ เจตนารมณข์ องการตดิ ตามและประเมนิ ผล เพอื่ ควบคมุ และปรบั ปรงุ การดำ� เนนิ งานใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ตามทกี่ ำ� หนด ไมไ่ ดม้ เี จตนา เพอ่ื การ “จบั ผดิ ” โดยมขี น้ั ตอนในการตดิ ตามและประเมนิ ผล ประกอบดว้ ย 3 ขัน้ ตอนหลกั ๆ คือ ข้นั ที่ 1 การออกแบบการติดตามและประเมนิ ผล เมอ่ื กำ� หนดวา่ จะทำ� การตดิ ตามหรอื ทำ� การประเมนิ ผลงานหรอื โครงการ ใดแล้ว จะตอ้ งทำ� การศึกษาและวิเคราะห์งานหรือโครงการนน้ั ๆ ให้เข้าใจ อย่างถ่องแท้ ต้องมองในลักษณะของภาพรวมและจ�ำแนกให้เห็น Input Process Output และ Outcome ของโครงการท่ีชดั เจน อันจะน�ำไปสู่ การกำ� หนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการตดิ ตามและประเมนิ ผล ซง่ึ จะเปน็ การกำ� หนด ใหแ้ นช่ ดั วา่ เราจะตดิ ตามหรอื ประเมนิ อะไร เนอ้ื หาทจี่ ะตดิ ตามหรอื ประเมนิ นน้ั กวา้ งขวางครอบคลุมเพยี งใด และเม่ือท�ำการติดตามและประเมนิ แล้ว จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และขั้นตอนต่อไปคือการก�ำหนดข้อมูลท่ีจะต้อง รวบรวมว่าจะตอ้ งรวบรวมข้อมลู อะไรบา้ ง โดยการใชต้ วั ชวี้ ัด (Indicators) เขา้ มาช่วยในการก�ำหนดสิง่ ที่ต้องการวัดและข้อมูลท่ีต้องจดั เก็บ และตอ้ ง พจิ ารณาวา่ ข้อมูลเหล่านนั้ จะเก็บไดจ้ ากท่ไี หนหรอื จากใคร ดว้ ยวิธใี ด และ ใชเ้ ครอ่ื งมอื อะไรในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู พรอ้ มทง้ั ทำ� การสรา้ งเครอื่ งมอื ท่ีจะใช้ข้ึนมา

136 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม ข้นั ท่ี 2 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ขนั้ ตอนตอ่ ไปคอื การดำ� เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตามวธิ กี ารและแหลง่ ของข้อมลู ทีไ่ ด้ก�ำหนดไว้ โดยใชเ้ ครอ่ื งมือที่จดั ท�ำขน้ึ ซ่งึ จำ� เปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมี การวางแผนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ใหร้ ดั กมุ และมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะเปน็ ขั้นตอนท่ีต้องใช้งบประมาณและแรงงานมากที่สุด และส่งผลต่อปริมาณ และคุณภาพของขอ้ มูลที่ไดร้ บั ขัน้ ท่ี 3 การวิเคราะห์และรายงาน เม่ือได้ข้อมลู มาแล้วก็ตอ้ งทำ� การประมวลผลและวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดย การน�ำข้อมูลมาเรียบเรียงให้อยู่ในลักษณะที่สามารถอ่านได้ และใช้สถิติ เขา้ มาชว่ ยในการวเิ คราะห์ จากนนั้ กท็ ำ� การแปลความและจดั ทำ� เปน็ รายงาน เสนอผู้เก่ียวข้องต่อไป ขน้ั ตอนตา่ งๆ ตามทก่ี ลา่ วมาน้ี กเ็ พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทดี่ มี คี ณุ ภาพและตรง ประเดน็ สามารถนำ� มาใชป้ ระมวลวเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บกบั เกณฑห์ รอื เป้าหมายที่ก�ำหนด และท�ำการตีความและสรุปผล ให้สอดคล้องกับ วตั ถปุ ระสงค์ของการติดตามและประเมินผล และในทา้ ยท่สี ุดคอื นำ� เสนอ ผเู้ กย่ี วขอ้ งโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ คอื ผบู้ รหิ ารใหน้ ำ� ผลการตดิ ตามและประเมนิ ไปใช้ประโยชนใ์ นการพฒั นาการดำ� เนินงานให้บรรลุผลส�ำเรจ็ ตอ่ ไป ความส�ำเร็จของการมีส่วนร่วมอยู่ท่ีประชาชนในชุมชนต้องเข้ามามี สว่ นรว่ มในกระบวนการอยา่ งเปน็ อสิ ระในทกุ ขน้ั ตอนตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ จนบรรลผุ ล ภายใตก้ ระบวนการเรยี นรรู้ ว่ มกนั และเนน้ การทำ� งานในรปู กลมุ่ หรอื องคก์ ร ชุมชนที่มีวัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมกันอย่างชัดเจน ซ่ึงพลังความรู้และ พลงั กลมุ่ ในลกั ษณะของพลงั รว่ มกนั ของประชาชนในชมุ ชนน้ี จะเปน็ ปจั จยั ส�ำคัญที่ท�ำให้งานพัฒนาต่างๆ บรรลุผลส�ำเร็จตามความมุ่งหมายและ

บทสรปุ 137 เกดิ ความยงั่ ยนื สงิ่ ทไ่ี ดจ้ ากการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม ก็คือ แผนพัฒนาการเกษตรที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับสภาพปัญหาและ ความต้องการ และเป็นแผนของชุมชนอย่างแท้จริง และเม่ือมีแผนแล้วก็ ต้องน�ำไปสู่การด�ำเนินงานตามแผนและการควบคุมก�ำกับให้เป็นไป ตามแผน ซง่ึ ตอ้ งใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มดว้ ยเชน่ กนั จงึ จะเปน็ การพฒั นา แบบมสี ว่ นรว่ มทเ่ี ต็มรูปแบบ ดังนั้น การด�ำเนินการตามกระบวนการจัดท�ำแผนชุมชน สามารถ ยดื หยนุ่ ปรบั เปลย่ี นไดต้ ามสถานการณแ์ ละสภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะชมุ ชน แตท่ สี่ ำ� คญั คอื ตอ้ งยดึ ชมุ ชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง และชมุ ชนมบี ทบาทเปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การหลกั สว่ นเจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ “ทป่ี รกึ ษา” หรอื “พี่เลี้ยง” ในการกระตุ้นและสนับสนุนให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้ท่ีจะน�ำไป สู่การเพมิ่ ขีดความสามารถในด้านต่างๆ ของชมุ ชน ซ่ึงกระบวนการจัดท�ำแผนชุมชนนี้ ไมไ่ ดม้ ุ่งเน้นที่จะดำ� เนนิ การเพื่อให้ ได้แผนชุมชนออกมา แต่ให้ความส�ำคัญกับเร่ืองของกระบวนการเรียนรู้ ร่วมกัน และเป็นกระบวนการเตรียมความพร้อมของชุมชน อันจะท�ำให้ กิจกรรมการพฒั นาและแก้ไขปญั หาของชมุ ชนมคี วามมน่ั คงยัง่ ยืน Model แสดงกระบวนการในการจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตร กระบวนการมีสว่ นรว่ ม ข้อมูลสำ� หรับการจัดท�ำ การจัดท�ำแผนงาน ในการจดั ทำ� แผน แผนพัฒนาการเกษตร โครงการและการติดตาม พฒั นาการเกษตร ประเมนิ ผล การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม

194.43138 การจดั ทำ� แผนพัฒนาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม บรรณานกุ รม

186.50 บรรณานกุ รม 139 บรรณานกุ รม222.78 กรมส่งเสริมการเกษตร. 2548. ชุดเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อการจัดท�ำผลงานวิชาการ เรื่อง การวิจัยชุมชน. กรงุ เทพมหานคร : กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร. 2545. แนวทางการจัดท�ำตัวช้ีวัดระดับหน่วยงานย่อย. กรงุ เทพมหานคร : กรมส่งเสรมิ การเกษตร กองวิจยั และพัฒนางานสง่ เสรมิ การเกษตร. 2546. เอกสารวชิ าการ กระบวนการจัดทำ� แผนชุมชน. กรมส่งเสริมการเกษตร. คณะท�ำงาน KM ส�ำนักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. แผนท่ีความคิด (MIND MAP). แหลง่ ที่มา : http://www.ayutthaya.doae.go.th/KM/bestayut0002.doc คณะทำ� งานประสานและเตรยี มความพรอ้ มวิทยากรกระบวนการ แนวทางการดำ� เนนิ งาน. โครงการบรู ณาการแผนชมุ ชนเพ่ือความเขม้ แขง็ ของชุมชนและอาชนะความยากจน. ดิเรก ฤกษห์ ร่าย. 2543. การวินิจฉัยชมุ ชนเพ่อื นำ� การเปล่ยี นแปลงสังคมไทยกับการ ส่งเสริมการเกษตร เลม่ 3 หนว่ ยที่ 11-15. นนทบุรี : สาขาวิชาสง่ เสริมการเกษตร และสหกรณ์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช เดชา ภู่ลออ, พีรพร พร้อมเทพ และดวงพร สุวรรณกุล. 2534. การประเมินผล. กรุงเทพมหานคร : กรมส่งเสริมการเกษตร นิรนาม. ไม่ปรากฏปีทพี่ ิมพ์. การวนิ จิ ฉยั ชุมชน. แหล่งท่มี า : http://medinfo2.psu.ac.th/ commed/activity/year2/a1communitydiagnosis.pdf บำ� เพ็ญ เขียวหวาน. 2551. การวจิ ยั ชุมชนและการวางแผนพฒั นาชมุ ชน (Community Research and Community Development Planning). กรุงเทพมหานคร : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ บำ� เพ็ญ เขียวหวาน. 2555. เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการเป็นขา้ ราชการทด่ี ี กรมสง่ เสรมิ การเกษตร รนุ่ ท่ี 2/2555 เรอื่ งการคิด. (อัดสำ� เนา) ปกรณ์ ปรียากร. 2553. การวางแผน การบริหาร และการประเมินผลโครงการ แหล่งท่มี า : https://sites.google.com/site/gaiusjustthink/nida-mpa/pa780/part-2 ปารชิ าติ วลยั เสถยี ร. 2543. กระบวนการและเทคนคิ การทำ� งานของนกั พฒั นา. กรงุ เทพฯ : ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ัย. 432 หนา้ พรี พร พรอ้ มเทพ. 2554. เทคนคิ การบริหารโครงการสคู่ วามสำ� เร็จ. (อดั ส�ำเนา)

140 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม บรรณานกุ รม พรี พร พรอ้ มเทพ. 2554. เอกสารประกอบการสอนวชิ าการบรหิ ารและจดั การงานสง่ เสรมิ การเกษตร ประจ�ำภาคปลาย ปีการศึกษา 2554 โครงการปริญญาโทส่งเสริม การเกษตรส�ำหรับผู้บริหาร ภาคพิเศษ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การวางแผน หลกั การ วธิ กี าร กระบวนการในการวางแผนงานสง่ เสรมิ การเกษตร มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช สาขาวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตรและสหกรณ.์ 2553. เอกสาร การสอนชดุ วชิ า ความรทู้ ว่ั ไปเกย่ี วกบั การสง่ เสรมิ การเกษตร ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์. 2555. เอกสารการสอนชดุ วิชา ประสบการณว์ ชิ าชพี ส่งเสริมการเกษตร รองศาสตราจารย์บำ� เพญ็ เขยี วหวาน. ไมร่ ะบปุ ีท่พี มิ พ์. การวจิ ัยชมุ ชนและการวางแผน พัฒนาชุมชน. สาขาสง่ เสรมิ การเกษตรและสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วรภทั ร์ ภเู่ จริญ. 2546. การคดิ อยา่ งเป็นระบบและเทคนคิ การแก้ปัญหา. กรงุ เทพฯ : อรยิ ชน วนั รตั น์ จนั ทกจิ . 2547. 17 เครอ่ื งมอื นักคิด. กรงุ เทพฯ : สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ศริ วิ รรณ หวงั ดี. 2551. ต้นไม้ปัญหา. (อดั สำ� เนา). แหล่งทมี่ า : http://personnel.mju. ac.th/edoc/forms/s_4.doc สถาบนั สง่ เสรมิ การเรยี นรเู้ พอื่ การพฒั นาทยี่ งั่ ยนื มลู นธิ พิ ฒั นาภาคเหนอื . 2541. แนวทาง การตดิ ตามประเมนิ ผลงานพฒั นาแบบมสี ว่ นรว่ ม โครงการศกึ ษาประสบการณแ์ ละ สรุปบทเรียนการติดตามประเมินผลงานพัฒนาแบบมีส่วนร่วม. เชียงใหม่ : บเี อสการพิมพ์ สมศกั ดิ์ ศรีสนั ตสิ ขุ . 2537. สังคมวิทยาชุมชน หลกั การศึกษาวิเคราะหแ์ ละปฏบิ ัตงิ าน ชุมชน. ขอนแกน่ : โรงพมิ พ์มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ สำ� นักพฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลย.ี 2552. คมู่ ือการดำ� เนนิ งานศูนย์บรกิ ารและ ถา่ ยทอดเทคโนโลยี การเกษตรประจำ� ตำ� บล (ศบกต.) อนุวฒั น์ ศภุ ชุตกิ ุล. 2543. เครอื่ งมอื พฒั นาคณุ ภาพ. กรงุ เทพฯ : ดีไซร.์ แหลง่ ทม่ี า : http://cdn.learners.in.th/assets/media/files/000/062/708/original_Fish Bone.doc?1285560123