บทที่ 2 ขอ้ มลู สำ� หรบั การจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 41 บ�ำเพ็ญ (2551) ได้กล่าวถึงข้ันตอนของการด�ำเนินการ จดั ท�ำแผนผังตน้ ไมป้ ัญหา 7 ขั้นตอน ดังน้ี 1() ก�ำหนดปัญหาส�ำคัญ (Major problems) ภายใน สถานการณน์ ้ันๆ รว่ มกนั 2() คัดเลอื กปัญหาหลัก (Core problem) จากปญั หาที่ได้ ระบุไว้ โดยเขยี นในบัตรขอ้ ความในรปู ประโยคสน้ั ๆ 3() หาสาเหตุ (Cause) ที่ทำ� ให้เกิดปญั หาหลกั ทัง้ ในสว่ น ของสาเหตุใหญ่ สาเหตยุ อ่ ย และสาเหตุยอ่ ยๆ 4() หาผลตา่ งๆ (Effect) ท่เี กิดขึน้ จากปญั หาหลัก ว่ามผี ล อะไรบา้ งท่เี กิดข้นึ จากปญั หาหลัก 5() เขยี นแผนผงั แสดงความสมั พนั ธเ์ ชงิ เหตแุ ละผลในรปู ของ ต้นไมป้ ัญหา (Problem tree) 6() พจิ ารณาทบทวนแผนผังโดยส่วนรวม โดยพจิ ารณาว่า มีความสมเหตุสมผลและสัมพันธ์กันหรือไม่ ท้ังสาเหตุ ปญั หา และผลทเ่ี กิดขึ้น 7( ) ก�ำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสาเหตทุ ี่ได้
42 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนรว่ ม 3) แผนทีค่ วามคดิ (Mind Map) พัฒนาข้นึ โดย Tony Buzan เป็นเครื่องมอื ช่วยในการเชอื่ มโยง จดั หมวดหมู่ และจัดระบบความคิด การใช้ แผนที่ความคิดเริ่มต้นจากการก�ำหนดหัวข้อหรือแก่นของความคิดจาก จดุ ศนู ยก์ ลางของหนา้ กระดาษ แลว้ คดิ ประเดน็ หลกั แยกเปน็ กง่ิ ออกมาจาก จดุ ศนู ยก์ ลาง จากประเดน็ หลกั จะแตกกง่ิ กา้ นสาขาความคดิ ทเ่ี ชอื่ มโยงกนั ออกมาเปน็ กงิ่ ยอ่ ยๆ เปน็ ลำ� ดบั ไป อาจมกี ารใชส้ รี ปู รา่ งหรอื สญั ลกั ษณช์ ว่ ย ให้เขา้ ใจและจดจำ� ไดง้ า่ ย เป็นวิธีการบันทึกความคิดเพ่ือให้เห็นภาพของความคิด ที่หลากหลายมุมมอง ท่ีกว้างและท่ีชัดเจน โดยยังไม่จัดระบบระเบียบ ความคดิ ใดๆ ทงั้ สน้ิ เปน็ การเขยี นตามความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ขณะนนั้ การเขยี น มลี กั ษณะเหมอื นต้นไม้แตกก่ิงก้าน สาขาออกไปเรื่อยๆ ทำ� ใหส้ มองไดค้ ิด ได้ทำ� งานตามธรรมชาตแิ ละมีจนิ ตนาการกวา้ งไกล แผนทค่ี วามคดิ ยงั เปน็ วธิ กี ารหนงึ่ ทใ่ี ชใ้ นการบนั ทกึ ความคดิ จากการอภิปรายกลุ่มหรือการระดมความคิด โดยให้สมาชิกทุกคนเสนอ ความคดิ เหน็ และวิทยากรจะทำ� การจดบันทกึ ดว้ ยค�ำส้ันๆ คำ� โตๆ ใหท้ ุกคน มองเห็น พร้อมท้ังโยงเข้าหากิ่งก้านที่เกยี่ วข้องกนั เพือ่ รวบรวมความคดิ ท่ีหลากหลายของทุกคนไว้ในแผ่นกระดาษแผ่นเดียว ท�ำให้ทุกคนได้เห็น ภาพความคดิ ของผอู้ ่ืนได้ชดั เจน และเกดิ ความคิดใหม่ต่อไปได้
บทที่ 2 ขอ้ มลู สำ� หรบั การจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 43 หลักการเขียน Mind Map - ใชก้ ระดาษแผน่ เดยี ว - การเขียนใชส้ ีสนั หลากหลาย - ใชโ้ ครงสรา้ งตามธรรมชาตทิ ีแ่ ผ่กระจายออกจากจดุ ศูนยก์ ลาง - ใช้เส้นโยง มเี ครอื่ งหมาย สญั ลกั ษณ์ และรปู ภาพทผ่ี สมผสานร่วม กันอย่างเรียบง่าย สอดคลอ้ งกับการทำ� งานตามธรรมชาตขิ องสมอง MCaauisnes
44 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม วิธกี ารเขียน Mind Map - เตรยี มกระดาษเปลา่ ทไี่ มม่ เี สน้ บรรทดั และวางกระดาษภาพแนวนอน - วาดภาพสหี รอื เขยี นคำ� หรอื ขอ้ ความทส่ี อ่ื หรอื แสดงถงึ เรอ่ื งทจี่ ะทำ� Mind Map กลางหนา้ กระดาษ โดยใชส้ อี ยา่ งนอ้ ย 3 สี และต้องไม่ตกี รอบดว้ ย รูปทรงเรขาคณิต - คดิ ถงึ หวั เรอ่ื งสำ� คญั ทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบของเรอื่ งทท่ี ำ� Mind Map โดยใหเ้ ขยี นเปน็ คำ� ทมี่ ลี กั ษณะเปน็ หนว่ ย หรอื เปน็ คำ� สำ� คญั (Key Word) สน้ั ๆ ท่ีมีความหมายบนเส้น ซึ่งเส้นแต่ละเส้นจะต้องแตกออกมาจากศูนย์กลาง ไม่ควรเกิน 8 กง่ิ - แตกความคดิ ของหวั เรอื่ งสำ� คญั แตล่ ะเรอ่ื งออกเปน็ กง่ิ ๆ หลายกง่ิ โดยเขียนค�ำหรือวลีบนเสน้ ที่แตกออกไป ลกั ษณะของกงิ่ ควรเอนไมเ่ กนิ 60 องศา - แตกความคดิ รองลงไปทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบของแตล่ ะกงิ่ โดยเขยี น คำ� หรือวลเี สน้ ทีแ่ ตกออกไป ซ่งึ สามารถแตกความคดิ ออกไปเรอ่ื ยๆ - การเขยี นคำ� ควรเขียนดว้ ยค�ำท่เี ป็นคำ� ส�ำคัญ (Key Word) หรือ คำ� หลัก หรอื เป็นวลที ม่ี ีความหมายชัดเจน - คำ� วลี สญั ลกั ษณ์ หรอื รปู ภาพใดทตี่ อ้ งการเนน้ อาจใชว้ ธิ กี ารทำ� ให้ เด่น เช่น การลอ้ มกรอบ หรอื ใสก่ ล่อง เป็นต้น - ตกแต่ง Mind Map ท่ีเขียนด้วยความสนุกสนานท้ังภาพและ แนวคิดทเ่ี ชอื่ มโยงตอ่ กนั
บทท่ี 2 ขอ้ มลู สำ� หรบั การจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตร 45 โครงสรา้ งของการเขยี น Mind Map ประเดน็ หลกั เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการวินจิ ฉัยชมุ ชนทก่ี ลา่ วมาแล้วนน้ั เป็นเพยี งวิธีการ บางวิธีเท่านั้น เทคนิควิธีการในแต่ละวิธีก็มีจุดดีและจุดด้อยแตกต่างกัน นักพัฒนาสามารถเลือกใช้ได้หลายวิธีให้เหมาะสมกับสถานการณ์และ วตั ถปุ ระสงค์ รวมทงั้ ควรทำ� การศกึ ษาวธิ กี ารเพมิ่ เตมิ และเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสม ตอ่ ไป
194.4346 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม การที่จะจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ มได้นน้ั จ�ำเปน็ ต้องมี พืน้ ฐานความรู้ความเขา้ ใจในเรื่องของแผนงาน โครงการ และการตดิ ตาม ประเมนิ ผลก่อน ซ่ึงในบทนีจ้ ะได้อธิบายแนวคิดและวธิ กี ารในการจดั ท�ำแผน การจัดทำ� โครงการและการบรู ณาการโครงการ การบริหารความเสี่ยง และ การติดตามและประเมนิ ผล เพือ่ ให้สามารถน�ำไปประยุกต์เขา้ กบั กระบวนการมี ส่วนรว่ มและจดั ท�ำเป็นแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ มท่มี ีคณุ ภาพต่อไป
186.50 บทท่ี 1 บทนำ� 47 บทที่222.78 การจัดท�ำแผนงาน 3โครงการ และการตดิ ตามประเมินผล
48 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนรว่ ม บทที่ การจดั ทำ� แผนงาน โครงการและการติดตาม 3ประเมินผล \"แผนพฒั นาการเกษตรมีลกั ษณะเปน็ แผนเฉพาะด้าน และในขณะเดยี วกนั ก็ เป็นแผนทสี่ ามารถจ�ำแนกตามระดบั พ้ืนทไี่ ด้ด้วยขน้ึ อยกู่ บั ว่าจะทำ� แผน ในระดับใด ซึง่ มีได้ตัง้ แต่ระดบั ชาตจิ นถึงระดับตำ� บลหรือชุมชน\" การทจี่ ะจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นรว่ ม ได้น้ันจ�ำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในเร่ือง ของแผนงาน โครงการ และการตดิ ตามประเมนิ ผลกอ่ น ซึ่งในบทน้ีจะได้อธิบายแนวคิดและวิธีการในการ จัดท�ำแผน การจัดท�ำโครงการและการบูรณาการ โครงการ การบริหารความเสย่ี ง และการตดิ ตามและ ประเมินผล เพื่อให้สามารถน�ำไปประยุกต์เข้ากับ กระบวนการมีส่วนร่วมและจัดท�ำเป็นแผนพัฒนาการ เกษตรแบบมสี ่วนร่วมท่ีมคี ณุ ภาพตอ่ ไป
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 49 1. การจดั ทำ� แผนหรือการวางแผน แผน เปน็ เครอื่ งมอื สำ� คญั ในการบรหิ าร และการทำ� งานทกุ อยา่ งหรอื แม้แตใ่ นชวี ติ ประจ�ำวันหากต้องการท�ำใหส้ �ำเร็จลลุ ว่ งอย่างมีประสิทธภิ าพ แลว้ จำ� เปน็ ตอ้ งมแี ผนหรอื ใชแ้ ผนเปน็ เครอื่ งมอื ซงึ่ แผนมไี ดห้ ลายแบบหลาย ระดับและมีเทคนคิ วิธีการท�ำได้หลายวิธี แผนในทีน่ ค้ี อื แผนพฒั นาการเกษตร ซึ่งจะต้องเรม่ิ ต้นทีก่ ารนยิ าม ให้ชดั ว่าแผนพฒั นาการเกษตรคอื อะไร เป็นแผนระดับไหน แล้วอธิบายวธิ ี การขน้ั ตอนในการจดั ทำ� วา่ ทำ� อยา่ งไร และเมอื่ ทำ� เสรจ็ แลว้ แผนทไี่ ดม้ รี ปู รา่ ง หนา้ ตาอยา่ งไร ทง้ั น้พี นื้ ฐานแนวคดิ ในการจัดทำ� แผนทีจ่ ะได้กล่าวถงึ ตอ่ ไปนี้ ยึดหลักการของ “แผนกลยุทธ์” เป็นส�ำคัญ เน่ืองจากแผนกลยุทธ์เป็น ที่นิยมอยา่ งมากในปจั จุบัน มีประสิทธภิ าพ ยดื หย่นุ และไมซ่ บั ซ้อน เหมาะท่ี จะนำ� มาใชใ้ นการจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรระดบั ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
50 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม 1.1 ความหมายและความส�ำคญั ของแผน แผนมีความส�ำคัญในการท�ำงานทุกระดับ มีความหมายท่ีกว้าง และใช้กันในหลายวงการ จึงต้องอธิบายความหมายและรายละเอียดของ แผนพฒั นาการเกษตรทใ่ี ช้กันในทน่ี ี้ไวใ้ หช้ ัดเจน 1.1.1 ความหมายของแผน 1) แผน มผี ใู้ หค้ วามหมายของแผนไวต้ า่ งๆ มากมาย แตส่ ามารถ สรปุ แบบง่ายๆ ไดว้ ่า แผน คือ สิง่ ทกี่ ำ� หนดว่าจะตอ้ งท�ำอะไรในอนาคต เพื่อให้บรรลุผลตามทต่ี อ้ งการ และการวางแผน ก็คือการคดิ กอ่ นทำ� และ ตอ้ งคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ มหี ลกั การ อยบู่ นพน้ื ฐานของขอ้ มลู และขอ้ เทจ็ จรงิ และมีจินตนาการ แผนสามารถจำ� แนกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ไดห้ ลายแบบ เชน่ - จ�ำแนกตามรูปแบบ เชน่ แผนแบบไม่เปน็ ทางการ แผนแบบเปน็ ทางการ - จำ� แนกตามความถี่ เชน่ แผนแบบใชค้ รง้ั เดยี ว แผนที่ ใช้ตอ่ เนอ่ื งหรือถาวร - จ�ำแนกตามระดับการบริหาร เช่น แผนบริหาร ราชการแผ่นดนิ แผนแม่บท แผนปฏิบตั กิ าร - จ�ำแนกตามระดับพ้ืนที่ เช่น แผนระดับชาติ แผนระดบั ภาค แผนระดบั จังหวัด แผนระดบั ตำ� บล - จำ� แนกตามระดบั หนว่ ยงาน เชน่ แผนระดบั กระทรวง แผนระดับส่วนราชการ แผนระดับหนว่ ยงานย่อย
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 51 - จ�ำแนกตามระยะเวลา เช่นแผนระยะส้นั แผนระยะยาว - จำ� แนกตามคณุ ลกั ษณะ เชน่ แผนเฉพาะดา้ น แผนองคก์ ร แผนบุคคล แผนธรุ กิจ แผนฟาร์ม แผนการตลาด แผนการเรียนการสอน แผนรองรบั สถานการณ์ฉุกเฉนิ 2) แผนพัฒนาการเกษตร แผนพัฒนาการเกษตรมีความหมายตรงตามช่ือท่ีเรียก อยู่แล้ว คือเปน็ แผนที่ใชเ้ พือ่ พัฒนาดา้ นการเกษตร ส่วนจะเปน็ การเกษตร ในเรื่องใดน้ันก็คงจะเปิดกว้างไว้ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ท�ำให้แผนที่ใช้ชื่อเช่นน้ีมี ความยดื หยุ่นไม่ถูกตกี รอบทจี่ ำ� กดั มากเกนิ ไป แผนพฒั นาการเกษตรมลี กั ษณะเปน็ แผนเฉพาะดา้ น และ ในขณะเดียวกันก็เป็นแผนท่ีสามารถจ�ำแนกตามระดับพื้นที่ได้ด้วยข้ึนอยู่กับว่า จะทำ� แผนในระดบั ใด ซึง่ มไี ดต้ ้ังแตร่ ะดับชาตจิ นถึงระดับต�ำบลหรอื ชุมชน เชน่ - แผนพฒั นาการเกษตรภายใตแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ สงั คมแห่งชาติ เป็นแผนระดับชาติท่ีจัดท�ำโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - แผนพฒั นาการเกษตรระดบั ตำ� บล เปน็ แผนระดบั ตำ� บล ท่ีกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนให้ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกษตรประจำ� ตำ� บลจดั ทำ� ขน้ึ ในแตล่ ะตำ� บล เพอื่ เชอ่ื มโยงกบั แผนพฒั นา ตำ� บลขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น
52 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม นอกจากตวั อยา่ งทก่ี ลา่ วมานี้ ในจงั หวดั และอำ� เภอบางแหง่ มกี ารจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรของตนเองขน้ึ มาดว้ ย สว่ นแผนยทุ ธศาสตร์ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ซงึ่ เปน็ แผนระดบั สว่ นราชการทก่ี รมสง่ เสรมิ การเกษตร จดั ทำ� ขน้ึ และมเี นอ้ื หาสาระสว่ นใหญเ่ กยี่ วกบั การสง่ เสรมิ /พฒั นาการเกษตรนนั้ ไม่ถือเป็นแผนพฒั นาการเกษตรเนอ่ื งจากมลี กั ษณะเป็นแผนหน่วยงานหรอื แผนองค์กร ไม่ใชแ่ ผนเฉพาะดา้ น ท่ีกล่าวมาน้ี เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจว่าแผนพฒั นาการเกษตรไมไ่ ด้ หมายความเฉพาะแผนพฒั นาการเกษตรระดบั ตำ� บลหรอื ระดบั ชมุ ชนเทา่ นนั้ แต่ยงั รวมถงึ แผนในระดับท่ีสงู กวา่ ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม เนอ้ื หาสาระในวชิ าน้ี จะเน้นที่แผนพัฒนาการเกษตรระดับต�ำบลเป็นหลัก ซ่ึงเจ้าหน้าที่ส่งเสริม การเกษตรส่วนใหญ่ต้องเข้าไปเก่ียวข้องและเป็นตัวจักรส�ำคัญในการจัดท�ำ แตห่ ากจะตอ้ งใชใ้ นการจดั ทำ� แผนพฒั นาการเกษตรระดบั อำ� เภอหรอื จงั หวดั กส็ ามารถนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ ชน่ กนั ตา่ งกนั ทก่ี ารมองภาพทกี่ วา้ งขนึ้ และมี ผูเ้ กี่ยวข้องท่ีหลากหลายขน้ึ เทา่ นัน้ 3) แผนกลยุทธ์ แผนกลยทุ ธ์หรอื แผนยทุ ธศาสตร์ (Strategic Planning) เปน็ แผนทใ่ี ชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายในกจิ การทางทหารการศกึ สงคราม ในดา้ น การเมอื งระหวา่ งประเทศ และโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในการบรหิ ารธรุ กจิ เอกชน นน้ั นบั วา่ เปน็ แผนทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ สงู มากและมกี ารพฒั นากา้ วหนา้ ไปมาก ปจั จบุ นั นแ้ี ผนกลยทุ ธไ์ ดแ้ พรห่ ลายเขา้ มาในวงงานตา่ งๆ รวมทง้ั ภาคราชการ มากขึ้น
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 53 แผนกลยทุ ธเ์ ปน็ เรอ่ื งของวธิ คี ดิ เปน็ สำ� คญั เปน็ เครอื่ งมอื การบรหิ าร จดั การสมัยใหม่ท่นี ยิ มใช้และมีประสิทธภิ าพ เปน็ การมองไปในอนาคตท่ไี ม่ ยึดติดกับอดีตและไม่เอาปัญหาเป็นตัวต้ัง มีจินตนาการที่เป็นไปได้ โดยอยู่บนพืน้ ฐานของขอ้ เท็จจรงิ และสภาพแวดล้อมทเี่ กิดขนึ้ จริง แผนกลยุทธม์ อี งคป์ ระกอบที่ส�ำคัญอยู่ 4 องค์ประกอบ คือ มีส่งิ ท่มี ่งุ หวัง มกี ารวเิ คราะห์ มกี ลยทุ ธ์ มีแนวทางการขบั สภาพแวดลอ้ ม เคลอ่ื นให้เกิดการ 1 3 2 4ปฏิบตั ิ จากองคป์ ระกอบทงั้ 4 องคป์ ระกอบนี้ ทำ� ใหแ้ ผนกลยทุ ธม์ คี ณุ ลกั ษณะ และจุดเด่นทส่ี �ำคญั ดังน้ี (1) มที ศิ ทางและเปา้ หมายทชี่ ดั เจน โดยใหค้ วามสำ� คญั กบั สง่ิ ทม่ี งุ่ หวงั (2) มสี งิ่ มงุ่ เนน้ สำ� คญั ทต่ี อ้ งทำ� ซงึ่ ไมใ่ ชง่ านทงั้ หมดทตี่ อ้ งทำ� และ ส่ิงทีม่ ุง่ เน้นนนั้ ตอ้ งทำ� ให้เกดิ การเปล่ียนแปลงอยา่ งมนี ยั สำ� คัญ (3) มกี ารวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ มและสถานการณ์อยา่ งรอบดา้ น ทั้งภายในภายนอก เชงิ บวกเชิงลบ (4) มกี ลยทุ ธท์ ่เี หมาะสม เปน็ ไดจ้ รงิ สร้างสรรคท์ างเลือกใหม่ๆ คดิ นอกกรอบ และท้าทาย
54 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ่วนรว่ ม (5) มมี ุมมองที่ครอบคลุมในทุกมติ ิที่เก่ียวขอ้ ง (6) เป็นแนวคิดง่ายๆ ไมซ่ บั ซ้อน และน�ำไปสู่การปฏบิ ัตไิ ด้จริง (7) สามารถน�ำไปใช้ได้ในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับบุคคลจนถึง ระดับประเทศ (8) เปน็ แผนทีย่ ดื หยนุ่ ปรบั เปล่ียนไดง้ ่ายตามสถานการณ์ 1.1.2 ความสำ� คัญของแผน แผนเปน็ เครอื่ งมอื สำ� คญั เปน็ ทย่ี อมรบั กนั โดยทว่ั ไปในการบรหิ าร จดั การซง่ึ จะขาดเสยี ไมไ่ ด้ การวางแผนเปน็ งานลำ� ดบั แรกๆ ในกระบวนการ บริหารและมีบทบาทเกี่ยวข้องสัมพันธ์หรือแทรกเข้าไปอยู่ในกระบวนการ บรหิ ารอน่ื ๆ อยเู่ สมอ ไดม้ ผี ใู้ หค้ วามสำ� คญั ของแผนและการวางแผนไวเ้ ปน็ จำ� นวนมาก พอทจ่ี ะประมวลในสว่ นสำ� คญั ทเ่ี กยี่ วกบั แผนพฒั นาการเกษตรได้ ดงั น้ี 1) มจี ดุ มงุ่ หมายทช่ี ดั เจนและชว่ ยใหเ้ หน็ ภาพรวมของงานทงั้ หมด 2) เปน็ เสมอื นพมิ พเ์ ขยี วของการประกอบการ และเปน็ เครอ่ื งมอื ในการตัดสนิ ใจ 3) มคี วามมัน่ ใจในความสำ� เร็จ และชว่ ยลดความเสีย่ ง 4) ชน้ี ำ� การทำ� งาน มเี ปา้ หมายและมแี นวทางทช่ี ดั เจน สามารถ ใชก้ �ำหนดวิธีการและข้ันตอนท่ีเหมาะสม และเช่ือมโยงงานตา่ งๆ เขา้ ด้วย กันได้ 5) รู้งานท้ังหมดท่ีจะต้องท�ำ ไม่ตกหล่นหรือลืมในบางเรื่อง หรือบางข้ันตอน
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 55 6) สามารถกำ� หนดชว่ งเวลาตา่ งๆ ทชี่ ดั เจน กจิ กรรมไมซ่ อ้ นทบั กนั 7) มคี วามแนน่ อนในการใชท้ รพั ยากร สามารถกระจายแรงงาน และการใช้จ่ายเงินในการลงทนุ 8) รงู้ บประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยทจี่ ะตอ้ งใช้ และสามารถประมาณการณ์ รายไดแ้ ละกำ� ไร ดงั นั้น แผนเปรียบเสมอื นหางเสอื ของเรือ ถ้าการด�ำเนนิ งานใดๆ ปราศจากการวางแผน กเ็ ปรยี บไดก้ บั เรอื ทข่ี าดหางเสอื ยอ่ มแลน่ ไปอยา่ งไร ทิศทางวกไปวนมาตามกระแสน้�ำและลม และอาจจะไปไม่ถึงฝั่งที่เป็น เป้าหมายปลายทาง หรอื ชนกบั หนิ โสโครกอับปางไปกอ่ น 1.2 วธิ กี ารจดั ท�ำแผน วธิ กี ารจดั ทำ� แผนหรอื การวางแผนในทน่ี ใ้ี ชแ้ นวคดิ ของแผนกลยทุ ธ์ เปน็ หลัก และเน้นทก่ี ารจดั ทำ� แผนพัฒนาการเกษตรระดับต�ำบล ซึ่งมวี ิธี การงา่ ยๆ คอื ตอ้ งจดั ทำ� เนอื้ หาสาระตามองคป์ ระกอบทง้ั 4 องคป์ ระกอบ ของแผนกลยุทธ์ให้ได้ก่อน แล้วน�ำเนื้อหาสาระท่ีได้มาเรียบเรียงให้อยู่ใน รูปแบบตามที่ก�ำหนด ส�ำหรับวิธีการให้ได้มาซ่ึงเน้ือหาสาระดังกล่าวนั้น สามารถใช้วิธีการต้ังค�ำถามแล้วให้ผู้มีส่วนเก่ียวข้องร่วมกันหาค�ำตอบ ซึง่ เปน็ วธิ ีที่เป็นท่ีนิยมและสอดคล้องกับกระบวนการมีสว่ นร่วม
56 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนรว่ ม 1.2.1 ขน้ั ตอนการจดั ทำ� แผน การจดั ทำ� แผนสามารถกำ� หนดเปน็ ขนั้ ตอนหลกั ๆ ได้ 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1) การเตรียมการจัดท�ำแผน เป็นการเตรียมความพร้อม ในทกุ ๆ ดา้ น ทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ การกำ� หนดพนื้ ที่ การหาผรู้ ว่ มดำ� เนนิ การและ กำ� หนดผมู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ ง การวางแผนดำ� เนนิ การ การศกึ ษาวเิ คราะหข์ อ้ มลู และวินิจฉัยชุมชนตามที่ได้กล่าวไว้ในบทที่ 2 นอกจากน้ียังมีเร่ืองอ่ืนๆ ทต่ี อ้ งจัดเตรียมอกี เชน่ วัสดุอปุ กรณ์ สถานที่ เอกสาร ประชาสมั พันธ์ งบประมาณ ฯลฯ วธิ กี ารทใ่ี ชค้ อื การจัดเวทีประชมุ หารือทำ� ความเข้าใจ และระดมความคิดร่วมกัน และมีการแบ่งงานและมอบหมายงานให้ไป ดำ� เนนิ การในเรอื่ งต่างๆ ตามทก่ี ำ� หนด 2) การระบุสิ่งที่มุ่งหวัง เป็นการก�ำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) และเป้าประสงค์ (Goal) หรือวัตถุประสงค์หลัก (Objective) เพ่ือแสดงให้เห็นทิศทางและเป้าหมายของแผน โดยการ ต่อยอดจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและวินิจฉัยชุมชนเพ่ือให้รู้อดีต ทผี่ ่านมา สถานการณ์ปัจจุบนั แนวโนม้ ของสง่ิ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคต และ ที่ส�ำคัญก็คือต้องอภิปรายระดมความคิดความเห็นจากข้อมูลต่างๆ ทก่ี ลา่ วมาแล้วใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ รว่ มกนั ว่า สงิ่ ที่แผนพฒั นาการเกษตรมงุ่ หวงั ให้ เกดิ ขน้ึ คอื อะไร จะเกดิ ผลส�ำเรจ็ ขึน้ ในระยะเวลากี่ปี และอะไรเปน็ ภารกจิ พน้ื ฐานหลกั ๆ ทจี่ ำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ในการทำ� ใหเ้ กดิ สง่ิ ทมี่ งุ่ หวงั นซ้ี ง่ึ จะตอ้ งเปน็ ภารกิจที่อยู่ภายใต้บทบาทหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด�ำเนินการตามแผนน้ี
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 57 ตัวอย่างของภารกิจพ้ืนฐาน เช่น การถ่ายทอดความรู้ การให้บริการ ทางการเกษตร การศึกษาวิจัย การเรียนการสอน การใช้มาตรการ ทางสังคมและกฎระเบยี บของชมุ ชน การจัดหาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน เป็นตน้ 3) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม เป็นการต่อยอดการศึกษา วเิ คราะหข์ ้อมูลและวนิ จิ ฉัยชมุ ชน ในลกั ษณะทีเ่ จาะลึก โดยแยกแยะใหเ้ ห็น สภาพแวดลอ้ มภายในภายนอกทงั้ ในเชงิ บวกและเชงิ ลบ ซงึ่ เครอื่ งมอื ทนี่ ยิ มใช้ คอื การวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จดุ ออ่ น โอกาส และอปุ สรรค (SWOT Analysis) ซ่งึ อธิบายได้ดงั นี้ (1) สภาพแวดลอ้ มภายใน คอื สภาพตา่ งๆ ทเี่ ปน็ เรอ่ื งของ ตวั เราเอง และเราสามารถควบคุมได้ - จุดแข็ง (Strength) คือสภาพแวดลอ้ มภายในท่ีเปน็ เชงิ บวก เชน่ อยใู่ กลต้ ลาด มีนำ้� อุดมสมบูรณ์ มแี รงงานในชุมชน เปน็ ต้น - จุดอ่อน (Weakness) คือสภาพแวดล้อมภายใน ทเี่ ป็นเชิงลบ เช่น มเี งนิ ทุนจำ� กดั ขาดความร้ทู างวิชาการ สภาพดินเลว เปน็ ตน้
58 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม (2) สภาพแวดลอ้ มภายนอก คอื สภาพต่างๆ ท่เี ป็นเรอ่ื ง ภายนอกหรอื เรื่องของคนอ่ืน ซ่งึ เราไมส่ ามารถควบคุมได้ - โอกาส (Opportunity) คอื สภาพแวดลอ้ มภายนอก ที่เป็นเชงิ บวก คือจะส่งผลดตี อ่ เรา เชน่ ต่างประเทศมีความต้องการสงู มเี ทคโนโลยีใหมๆ่ ในการผลติ รฐั บาลใหค้ วามสำ� คัญ เป็นต้น - อปุ สรรค (Threat) คอื สภาพแวดลอ้ มภายนอกทเี่ ปน็ เชิงลบ คอื จะส่งผลเสียตอ่ เรา เช่น ราคาไม่แน่นอน ประสบภยั ธรรมชาติ เป็นประจ�ำ มคี ู่แข่งมาก เป็นตน้ 4) การก�ำหนดกลยุทธ์ เป็นการเลือกกิจกรรมหรือวิธีการ ที่เหมาะสมท่ีสุดในการบรรลุสิ่งที่มุ่งหวังภายใต้สภาพแวดล้อมตามท่ีได้ วเิ คราะห์ไว้ หลักการวิเคราะหเ์ พื่อก�ำหนดกลยทุ ธ์โดยทั่วๆ ไปมีดังน้ี (1) กลยทุ ธท์ ใี่ ชป้ ระโยชนจ์ ากสภาพแวดลอ้ มเชงิ บวก คอื จดุ แข็ง โอกาส และการจบั คกู่ ันของจุดแขง็ กบั โอกาส กลยทุ ธล์ กั ษณะน้ี เป็นกลยุทธ์เชิงรุกและก้าวกระโดด เป็นการเลือกใช้สภาวะเชิงบวกให้เกิด ประโยชนส์ งู สดุ หรอื หาวธิ ที ำ� ใหส้ ภาวะเชงิ บวกมาชว่ ยเสรมิ แรงกนั ไดอ้ ยา่ งไร แต่ต้องระวังอย่าเลือกกลยุทธ์ที่ท�ำให้จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อนหรือโอกาส กลายเปน็ อุปสรรคแทน (2) กลยุทธ์ที่รองรับสภาพแวดล้อมเชิงลบ คือจุดอ่อน อปุ สรรค และการจับคู่กนั ของจดุ ออ่ นกบั อปุ สรรค กลยทุ ธ์ลักษณะน้ีเปน็ กลยุทธ์เชิงรับและปกป้อง เพ่ือท่ีจะหลีกเล่ียงหรือเตรียมรับมือกับสภาวะ เชงิ ลบตา่ งๆ ใหด้ ที ส่ี ดุ อยา่ งไรกต็ ามภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มเชงิ ลบมนั กอ็ าจ
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 59 จะมีเชิงบวกแฝงอยู่ขา้ งในด้วย ถา้ เราหาพบก็จะสามารถเปลย่ี นจุดอ่อนให้ เปน็ จุดแข็ง หรือเปลีย่ นอุปสรรคใหเ้ ปน็ โอกาสได้ ซง่ึ นับเปน็ สุดยอดของ กลยทุ ธ์ (3) กลยุทธ์ที่เก้ือกูลกันระหว่างสภาพแวดล้อมเชิงบวก กับเชิงลบ คือการจับคกู่ นั ของของจดุ แข็งกบั จดุ ออ่ น จดุ แขง็ กบั อุปสรรค โอกาสกับจุดอ่อน และโอกาสกับอปุ สรรค เป็นการใช้สภาวะเชงิ บวกเพอื่ ลดทอนหรือแกป้ ญั หาสภาวะเชงิ ลบ หรือเมื่อจับคกู่ ันแลว้ อาจส่งผลใหเ้ กดิ การเกอ้ื หนนุ หรอื เสรมิ แรงซึ่งกนั และกนั กเ็ ปน็ ได้ การกำ� หนดกลยทุ ธเ์ ปน็ เรอ่ื งของวธิ คี ดิ มมุ มอง และประสบการณ์ ของผวู้ างแผนเปน็ สำ� คญั และใชจ้ นิ ตนาการเขา้ มาชว่ ยแตอ่ ยา่ ใหก้ ลายเปน็ เรอ่ื งเพอ้ ฝนั ตอ้ งฝกึ คดิ วา่ เราจะทำ� อะไร ทำ� อยา่ งไร ภายใตส้ ภาวะแวดลอ้ ม เหลา่ น้ี ต้องมองหลายๆ มุม หลายๆ ดา้ น อย่าติดยึดอยกู่ บั สิ่งเดิมๆ มอง ออกไปนอกกรอบ ตอ้ งคดิ แบบกลา้ เปลย่ี นแปลง ตอ้ งมองเชิงท้าทายบ้าง ส่งิ ท่ีตอ้ งระวงั คือ ตอ้ งคดิ อยู่บนพนื้ ฐานของความเป็นจริง ไม่ หลอกตัวเอง และต้องศึกษาหาขอ้ มลู และความรใู้ นเร่ืองนน้ั ๆ ให้ดี อยา่ “คิดไปเอง” หรอื เชือ่ ตามท่ี “เขาบอกวา่ ” โดยไม่คดิ พิจารณาให้ดีก่อน และ อกี ประเดน็ หนง่ึ คอื กลยทุ ธท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ นเี้ พยี งพอตอ่ การบรรลสุ งิ่ ทมี่ งุ่ หวงั หรือไม่ หรอื เลือกใช้กลยทุ ธท์ ีม่ ากเกินจ�ำเป็นหรอื ไม่
60 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม 5) การก�ำหนดแนวทางการขับเคล่ือนให้เกิดการปฏิบัติ เปน็ สว่ นของแผนทกี่ ำ� หนดรายละเอยี ดตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ รปู ธรรม โดยลงลกึ ใน แตล่ ะกลยทุ ธ์หรือกิจกรรมทีเ่ ลอื กดำ� เนนิ การ โดยทว่ั ไปมีการจดั ทำ� ใน 3 ลกั ษณะ คอื • แผนปฏบิ ัตงิ าน • โครงการ • แนวทางการติดตามและประเมินผล ในส่วนของแผนปฏิบตั งิ าน เปน็ ส่วนส�ำคญั ท่แี สดงรายละเอียด ของงานท่ีจะต้องท�ำท้ังหมด โดยจัดหมวดหมู่ของงานให้ชัดเจน แสดง ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติ มีระยะเวลา ก�ำหนดผู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ก็อาจจะ กำ� หนดสถานทดี่ ำ� เนนิ การ และงบประมาณไวด้ ว้ ยกไ็ ด้ โดยทวั่ ไปแผนปฏบิ ตั ิ งานจะต้องตอบค�ำถามวา่ ใคร ท�ำอะไร ที่ไหน เมอ่ื ไหร่ จำ� นวนเท่าไร และนยิ มจัดทำ� ในรูปตารางที่เรียกว่า Gantt’s Chart ตามตัวอย่าง ดังน้ี กจิ กรรม/ขั้นตอน ปริมาณงาน ระยะเวลาดำ� เนินการ (เดอื นท)ี่ ผูป้ ฏิบตั ิ
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 61 1.2.2 รูปแบบของแผน รปู แบบหรอื หน้าตาของแผนพฒั นาการเกษตรในบทเรยี นนี้ ยดึ รปู แบบของแผนพฒั นาการเกษตรระดบั ตำ� บลของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร เปน็ หลัก โดยประกอบด้วยประเดน็ สำ� คญั 6 ประเด็น ดังนี้ 1) บทน�ำ ไดแ้ ก่ หลกั การและเหตผุ ล วตั ถุประสงค์ ผลที่ คาดวา่ จะไดร้ บั พน้ื ทเ่ี ป้าหมาย ระยะเวลาดำ� เนนิ การ งบประมาณทใี่ ชแ้ ละ แหลง่ ทม่ี า 2) สภาพพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ของชมุ ชน ประกอบด้วยขอ้ มลู 4 ดา้ น ดังน้ี (1) ดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่ ทต่ี ง้ั และอาณาเขตของหมบู่ า้ น หรอื ชุมชน ประชากร การใชป้ ระโยชน์ทด่ี ิน สภาพภมู ปิ ระเทศ สภาพภูมิ อากาศ ปรมิ าณน�้ำฝน แหล่งน�ำ้ ระบบชลประทาน เส้นทางคมนาคม ชดุ ดิน ขอ้ มลู สาธารณปู โภค ขอ้ มลู สงิ่ กอ่ สรา้ งตา่ งๆ โครงสรา้ งพนื้ ฐาน ภยั ธรรมชาติ เปน็ ต้น (2) ดา้ นชวี ภาพ ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ด้านการผลติ พชื ปศสุ ตั ว์ ประมง ฯลฯ โดยในแตล่ ะชนดิ ประกอบดว้ ย พ้นื ท่ีเพาะปลูก การผลติ ชนดิ พนั ธ์ุ เทคโนโลยกี ารผลิต ภูมปิ ญั ญา ระบบการผลติ การเขตกรรม การป้องกันก�ำจัดโรคและแมลง ปริมาณผลผลติ ผลผลติ เฉลย่ี เปน็ ต้น
62 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม (3) ดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ ขนาดพ้ืนทถ่ี อื ครอง สทิ ธิ์ใน ทด่ี ินทำ� กิน แรงงาน รายรบั รายจา่ ย บญั ชฟี ารม์ บัญชีครวั เรือน ราคา ผลผลิต แหลง่ จำ� หนา่ ย ระบบการตลาด วธิ กี ารตลาด เงนิ ลงทนุ แหล่ง เงนิ ทนุ กองทนุ อาชีพนอกภาคเกษตรและในเกษตร เป้าหมายการผลติ ภาระหนี้สนิ เคร่อื งทุ่นแรง เป็นต้น (4) ดา้ นสังคม ไดแ้ ก่ ความเปน็ มาของชมุ ชน รูปแบบ การต้ังถ่ินฐาน ระดับการศึกษา การรวมกลุ่ม กลุ่มในชุมชน ผู้น�ำการ ประกอบอาชีพ วถิ ีการดำ� รงชวี ติ ขนาดครวั เรือน ประชากร โรคภยั ไข้เจบ็ สุขภาพ วัฒนธรรมประเพณี ศาสนา การเมือง เปน็ ต้น 3) สถานการณข์ องชมุ ชน เปน็ การใหช้ มุ ชนอธบิ ายเปรยี บ เทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งอดตี ปจั จบุ นั และอนาคต และวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่ืออธิบายสภาพปัญหาของชุมชน (ในด้านกายภาพ/ชีวภาพ/เศรษฐกิจ/ สงั คม/ส่ิงแวดล้อม) ศกั ยภาพของชมุ ชน (ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ /จุดขายของ ทอ้ งถน่ิ /ภาพฝนั ในอนาคตทช่ี มุ ชนอยากเหน็ วา่ เปน็ อยา่ งไร ทงั้ ดา้ นกายภาพ/ ชีวภาพ/เศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดลอ้ ม) รวมถึงวสิ ยั ทัศนข์ องชมุ ชน 4) สังเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วยข้อมูลหลักๆ ท่ีต้อง สงั เคราะห์ 4 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ประวตั กิ ารประกอบอาชพี ของชมุ ชน ลกั ษณะ ของการผลติ เทคนิค ระบบปจั จยั เงื่อนไขในการผลติ ผลตอบแทนท่ไี ด้ และกลยุทธ์ทางเลือก
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 63 5) แนวทางพฒั นาชมุ ชน เปน็ การวางแผนปรบั ปรงุ พฒั นา อาชพี การเกษตร รายได้ ขอ้ มลู พนื้ ฐานของตำ� บล ประกอบไปดว้ ยประเดน็ หลกั 2 ประเดน็ คือ (1) แผนพัฒนาการเกษตรของตำ� บล ได้แก่ แผนการ ถ่ายทอดเทคโนโลยี แผนลงทุนเชิงธุรกิจหรือแผนวิสาหกิจชุมชน และ แผนปรบั ปรงุ ฟ้นื ฟูทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม (2) สรปุ แผนพฒั นาการเกษตรระดบั ตำ� บล (แผน 3 ป)ี 6) รูปแบบการเขียนโครงการหรอื กิจกรรม ประกอบไป ด้วยประเด็นหลักๆ 11 ประเด็น ได้แก่ ช่ือโครงการ หลักการเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย วิธีด�ำเนินการ ระยะเวลาด�ำเนินการ สถานที่ ดำ� เนนิ การ ผู้รับผิดชอบโครงการ งบประมาณ แผนปฏบิ ตั ิงาน และผลท่ี คาดวา่ จะไดร้ บั 1.2.3 รูปแบบของแผนพัฒนาการเกษตรระดับต�ำบลท่ีก�ำหนดไว้น้ี ประกอบดว้ ยแผนหลกั 3 ด้าน ซึง่ มีรายละเอยี ด ดังน้ี 1) แผนการถา่ ยทอดเทคโนโลยี เป็นองค์ประกอบส�ำคญั ในการพฒั นาอาชพี ดังนนั้ เมื่อได้พิจารณาศกั ยภาพต่างๆ ของชมุ ชนและ มกี ารนำ� ชมุ ชนไปศกึ ษาดงู านเบอื้ งตน้ แลว้ ควรไดม้ กี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยี ในหัวข้อที่เป็นความต้องการจริงของชุมชน มิใช่น�ำโครงการปกติหรือ โครงการตามนโยบายเป็นตัวต้ัง ควรมกี ารคดั เลือกโครงการท่ีสอดคลอ้ ง
64 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม หรือสนับสนนุ กบั โครงการตามความต้องการของเกษตรกรเป็นหลัก และ ผสมผสานการถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความ เหมาะสม นอกจากนน้ั ในการจดั ท�ำแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีควรใช้วธิ ี การถา่ ยทอดทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั กลมุ่ บคุ คลเปา้ หมาย วถิ ชี วี ติ และ วัตถุประสงค์ในการถ่ายทอด สนับสนุนการใช้วิธีการโรงเรียนเกษตรกร เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของชุมชน ทั้งน้ีต้องพิจารณา ความสอดคลอ้ งในเรอ่ื ง • นโยบายของทางราชการ • ทิศทางของชุมชน/ปัญหาและความตอ้ งการ • การผสมผสานเทคโนโลยกี บั ความถนดั และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ • เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม 2) แผนลงทุนเชิงธุรกิจหรือแผนวิสาหกิจชุมชน เป็นกลยุทธ์หรือ แนวทางพฒั นาทชี่ มุ ชนไดร้ ว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ลว้ วา่ มศี กั ยภาพสงู เชน่ มกี ลมุ่ ผู้ผลิตรองรบั ผูผ้ ลติ มคี วามชำ� นาญ มวี ตั ถดุ บิ ในชุมชน สามารถระดมทนุ จากสมาชิกกลุ่ม มีตลาดภายใน/ภายนอกชุมชนรองรับ มีโอกาสในการ เพิ่มผลผลิต/พัฒนาคุณภาพผลผลิตหรือแปรรูปเพ่ือเพ่ิมมูลค่า สามารถ พฒั นาเปน็ ผลติ ภณั ฑห์ ลกั ใหเ้ ปน็ แหลง่ รายไดข้ องชมุ ชนได้ จงึ ควรนำ� มาจดั ทำ� เปน็ แผนลงทุน โดยเน้นการระดมทนุ จากกลุม่ ผู้ผลติ มาสมทบด้วย และ เน้นการบริหารจัดการในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ ให้สมาชิกมีส่วนร่วม ในการบริหารและตัดสนิ ใจ มใิ ชเ่ ป็นเพยี งแรงงาน สรา้ งความเสมอภาค/
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 65 เปน็ ธรรมแกส่ มาชกิ และความยงั่ ยนื ในการดำ� เนนิ ธรุ กจิ ดงั กลา่ วของชมุ ชน นอกจากนนั้ ยงั สามารถเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยกบั กลมุ่ อน่ื ๆ ภายนอกชมุ ชนเพอ่ื เสรมิ การดำ� เนนิ ธรุ กจิ ดงั กลา่ วได้ ทง้ั นตี้ อ้ งพจิ ารณาความสอดคลอ้ งในเรอื่ ง • ความเปน็ ไปได้ในทางธรุ กิจ • การมีส่วนรว่ มของชมุ ชนดา้ นการเงนิ และอน่ื ๆ • การออมเพ่อื การลงทุน 3) แผนปรบั ปรงุ ฟืน้ ฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นเร่ืองทีต่ ้องให้ ความส�ำคัญอย่างมาก เน่ืองจากการประกอบอาชีพเกษตรจะด�ำเนินการ ต่อไปอย่างยั่งยืนได้ต้องอาศัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางการเกษตร ทเี่ หมาะสม ดงั นนั้ การแกป้ ญั หาและพฒั นาองคป์ ระกอบทางกายภาพ เชน่ นำ้� ดิน ปา่ ไม้ เป็นเรอ่ื งส�ำคัญทีช่ มุ ชนตอ้ งพจิ ารณา ตง้ั แต่ระดับทช่ี มุ ชน สามารถรว่ มกันดำ� เนนิ การได้ เช่น การขดุ ลอกคลองชลประทาน การปลกู ป่า การกำ� หนดขอ้ ตกลงในการใชท้ รพั ยากรของชมุ ชน และการฟน้ื ฟสู ง่ิ แวดลอ้ ม เพอื่ ความยง่ั ยนื จนถงึ สง่ิ ทต่ี อ้ งขอรบั การสนบั สนนุ จากระดบั สงู ขน้ึ ไป เชน่ การท�ำฝายน�้ำล้น เป็นต้น ซึ่งแผนฟื้นฟูน้ีจะเน้นการปรับปรุงทรัพยากร และสง่ิ แวดลอ้ มของชมุ ชนโดยรวม ทง้ั นตี้ อ้ งพจิ ารณาความสอดคลอ้ งในเรอื่ ง • ความเป็นไปไดท้ างวศิ วกรรม • การมีส่วนร่วมในการฟนื้ ฟูทรัพยากรปา่ ไม้ • ความจ�ำเป็นในการปรบั ปรุงทรัพยากรดิน น้�ำ และอนื่ ๆ
66 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม การจัดท�ำโครงการ/กิจกรรมต่างๆ ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตร ระดับต�ำบลนั้น ควรก�ำหนดวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของการด�ำเนิน โครงการ/กิจกรรมให้ชัดเจน นอกจากนี้แล้ว การจัดท�ำแผนพัฒนาการ เกษตรระดับต�ำบลยังต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนในการลงทุนในแต่ละ กจิ กรรม ทง้ั ดา้ นปรมิ าณผลผลติ ทเี่ พม่ิ ขนึ้ เพมิ่ รายได้ ลดรายจา่ ย เกดิ ความ พงึ พอใจของสมาชกิ กลุ่ม พัฒนาคุณภาพชวี ิต และเสรมิ สร้างความเขม้ แข็ง ให้กับชมุ ชนอยา่ งแทจ้ ริงด้วย จึงสรุปได้ว่า การจัดท�ำแผนในท่ีนี้ใช้แนวคิดของแผนกลยุทธ์ เปน็ หลกั และรปู แบบหรอื รปู ร่างหน้าตาของแผนใชร้ ูปแบบของแผนพฒั นา การเกษตรประจ�ำต�ำบลเป็นหลกั ซึ่งสว่ นประกอบของแผนตอ้ งมีส่ิงม่งุ เน้น มีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายใน-ภายนอก และเชิงบวก-เชิงลบ ตอ้ งเลอื กใชก้ ลยทุ ธท์ เี่ หมาะสม และทส่ี ำ� คญั กค็ อื แผนตอ้ งนำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ ไม่ใชเ่ ปน็ เพยี งกระดาษสวยๆ ทเี่ อาไวอ้ วดคนอ่ืนเทา่ นัน้
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 67 2. การจดั ทำ� โครงการและการบูรณาการโครงการ \"การท่ีจะด�ำเนนิ งานเพ่อื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคห์ รือจุดมุ่งหมายนน้ั ผู้เก่ยี วขอ้ งจะต้องมคี วามเข้าใจว่าโครงการหมายถงึ อะไร และมีความสำ� คญั อยา่ งไร เพอ่ื ทจี่ ะไดม้ ีความตระหนกั ในการด�ำเนนิ งานโครงการตอ่ ไป\" การด�ำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาการเกษตร นอกจากจะมีโครงการที่ดีแล้ว การบูรณาการ (ร่วมมือกันท�ำงาน) ของหน่วยที่เก่ียวข้องหรือหน่วยงานสนับสนุนที่ดีจะท�ำให้การด�ำเนินงาน พัฒนาการเกษตรตามโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมาย ทก่ี �ำหนดไว้ การจัดท�ำโครงการและการบูรณาการโครงการ เป็นการกล่าวถึง ความหมายของโครงการ วิธีการจัดท�ำโครงการ ลักษณะของโครงการ ทด่ี ี และการบรู ณาการโครงการ
68 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม 2.1 ความหมายและความส�ำคัญของโครงการ การทจี่ ะดำ� เนนิ งานเพอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคห์ รอื จดุ มงุ หมายนน้ั ผเู้ กย่ี วขอ้ งจะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจวา่ โครงการหมายถงึ อะไร และมคี วามสำ� คญั อย่างไร เพอ่ื ท่จี ะไดม้ คี วามตระหนักในการด�ำเนนิ งานโครงการตอ่ ไป 2.1.1 ความหมายของโครงการ โครงการ หมายถึง แผนที่จัดท�ำข้ึนอย่างมีระบบ ประกอบด้วยกิจกรรมหรืองานย่อยหลายกิจกรรมที่ต้องใช้ทรัพยากรและ คาดหวังท่ีจะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า มีจุดเริ่มต้นและจุดส้ินสุด มวี ัตถปุ ระสงคห์ รือจดุ ม่งุ หมายอยา่ งชัดเจน การบูรณาการ หมายถึง การร่วมมือกันท�ำงานของ หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งหรอื สนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานโครงการใหเ้ ปน็ ไปตาม วัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมาย การบูรณาการมีทั้งบูรณาการด้านกลไก บุคลากร กระบวนการ เครอ่ื งมอื แผนงาน และงบประมาณ และสามารถ บูรณาการไดท้ ง้ั ระดับส่วนกลาง สว่ นภมู ิภาค และระดบั ท้องถิ่น
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 69 ความแตกต่างของนโยบาย แผน และโครงการ นโยบาย เปน็ กรอบหรอื แนวทางกว้างๆ แผน มรี ายละเอยี ดมากขน้ึ เปน็ เพยี งสาระทก่ี ำ� หนดไวใ้ นเอกสาร โครงการ เปน็ หลกั มีความยืดหย่นุ กวา่ โครงการ แต่ยังไมส่ ามารถ นำ� ไปปฏิบตั ไิ ด้จริง เป็นระดับของการน�ำไปปฏิบัติได้จริง ถูกก�ำหนด อย่างเจาะจง เปน็ รูปธรรม มีระยะ เวลาก�ำหนดแน่นอน 2.1.2 ความสำ� คัญของโครงการ นโยบาย/แผนตา่ งๆจะประสบผลสำ� เร็จไดห้ รือไม่นัน้ โครงการ มคี วามส�ำคญั มาก เพราะจะเปน็ ตวั ขับเคลอื่ นซงึ่ เปรียบเสมือนมอื และเท้า หรอื เหลา่ ทหารทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั งิ านใหบ้ รรลตุ ามนโยบายและแผนทกี่ ำ� หนดไว้ จงึ สรปุ ไดว้ า่ โครงการคอื กลมุ่ ของกจิ กรรมทด่ี ำ� เนนิ การรว่ มกนั เพอ่ื ใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ เดยี วกนั มคี วามเปน็ รปู ธรรมทพ่ี รอ้ มจะปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ และไมใ่ ชง่ านประจำ� ทง้ั นี้ เป็นรปู ธรรม หมายถงึ มีขอบเขตวัตถปุ ระสงค์ ทช่ี ัดเจน มขี อบเขตการด�ำเนนิ งานทชี่ ดั เจน และมรี ะยะเวลาที่ชัดเจน
70 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม 2.2 วิธกี ารจัดท�ำโครงการ หลักส�ำคัญในการจัดท�ำโครงการ จะต้องแสดงให้เห็นถึง การปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคว์ า่ จะตอ้ งทำ� อะไร ทำ� ทไี่ หน มวี ธิ กี ารหรอื ขนั้ ตอนอยา่ งไร ใชง้ บประมาณเทา่ ใด มรี ะยะเวลานานแคไ่ หน และใครเปน็ ผู้รับผิดชอบ การจัดท�ำโครงการก็คือการเรียบเรียงเน้ือหาสาระใน องคป์ ระกอบของโครงการใหค้ รบถว้ นและมคี วามเชอ่ื มโยงเปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั 2.2.1 องค์ประกอบของโครงการ 1) ช่ือโครงการ การเขียนชื่อโครงการจะต้องต้ังชื่อให้ เหมาะสม มีความหมายชดั เจน แสดงให้เหน็ วา่ จะทำ� อะไร กับใคร ที่ไหน 2) หลักการเหตุผล การเขียนหลักการและเหตุผลเป็น การแสดงใหเ้ หน็ ข้อเท็จจรงิ สภาพปญั หาภมู หิ ลงั ความจำ� เป็นหรือเหตุผล ความสำ� คัญในการจัดท�ำโครงการ จะต้องเขยี นให้กระชับตรงประเด็น 3) วตั ถปุ ระสงค์ การเขยี นวตั ถปุ ระสงค์ เปน็ การบอกให้ ทราบว่าการด�ำเนินงานตามโครงการต้องการก่อให้เกิดผลอะไร ภายใน ระยะเวลาเม่ือใด โดยใช้ถ้อยค�ำท่ีวัดได้ในเชิงปริมาณ ชี้ให้เห็นผลลัพธ์ ทต่ี ้องการ สว่ นมากนยิ มเขียนวัตถุประสงคเ์ พียง 1 - 3 ข้อ 4) เปา้ หมาย เปน็ การกำ� หนดเปา้ หมายทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ จากการดำ� เนนิ โครงการ เชน่ ระบจุ ำ� นวน ใครจะดำ� เนนิ การใดบา้ ง ภายใน ระยะเวลาเท่าใด โดยแสดงใหเ้ หน็ ในรูปจ�ำนวนหรือตวั เลข และต้องเขยี น ใหส้ อดคล้องกับวัตถุประสงค์
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 71 5) วิธีด�ำเนินการ เป็นการก�ำหนดแนวทางขั้นตอนวิธี การด�ำเนินงาน โดยระบุระยะเวลาและผู้รับผิดชอบ ควรก�ำหนดล�ำดับ ขน้ั ตอนหรอื กจิ กรรมเปน็ ขอ้ ๆ เรม่ิ ตงั้ แตเ่ สนอโครงการไปจนถงึ ขนั้ ตอนสนิ้ สดุ โครงการ 6) ระยะเวลาด�ำเนินการ เป็นการระบุระยะเวลาในการ ดำ� เนินโครงการ ตั้งแต่ขัน้ ตอนเรมิ่ ต้นจนสิน้ สดุ ขัน้ ตอนการด�ำเนนิ งาน โครงการ 7) สถานที่ด�ำเนินการ เป็นการก�ำหนดสถานท่ีในการ ดำ� เนนิ การตามโครงการ โดยจะตอ้ งระบสุ ถานทด่ี ำ� เนนิ โครงการใหช้ ดั เจน 8) ผู้รับผิดชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่า หน่วยงานใด บุคคลใดเป็นเจ้าของหรือรับผิดชอบโครงการ ในบางคร้ัง บางโครงการจะมีหน่วยงานท่รี ่วมดำ� เนนิ การหรอื ใหก้ ารสนับสนนุ ซ่ึงจะ ต้องระบไุ วด้ ้วย เพ่อื เปน็ แนวทางแกผ่ ู้อนมุ ตั หิ รอื ผูป้ ฏบิ ัติในการบรู ณาการ การท�ำงานตอ่ ไป 9) งบประมาณ เป็นการก�ำหนดรายละเอียดค่าใช้จ่าย ต่างๆ ท่ีจะเกิดข้ึนของโครงการ ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง โดย ยดึ หลกั อตั ราค่าใชจ้ า่ ยตามระเบียบทกี่ �ำหนด และควรระบุแหล่งที่มาของ งบประมาณไวด้ ว้ ย
72 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม 10) แผนปฏิบัติงาน เป็นการจัดท�ำในรูปแบบตารางปฏิทิน ปฏิบัติงาน โดยระบุรายละเอียดของงาน/กิจกรรม ช่วงระยะเวลาการ ดำ� เนนิ งาน งบประมาณ และผรู้ ับผดิ ชอบ ควรกำ� หนดล�ำดับขน้ั ตอนหรอื กจิ กรรมเปน็ ขอ้ ๆ เรมิ่ ตงั้ แตเ่ สนอโครงการไปจนถงึ ขนั้ ตอนสนิ้ สดุ โครงการ 11) ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั เปน็ การกำ� หนดผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั หลงั จากการดำ� เนนิ โครงการแลว้ เสรจ็ ตอ้ งเขยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ โครงการ และมีการก�ำหนดตวั ชีว้ ัดไว้ดว้ ย โดยตัวช้วี ดั อาจจะระบเุ ปน็ การ วดั ท้งั ดา้ นปรมิ าณหรอื ดา้ นคุณภาพ 2.2.2 ลกั ษณะของโครงการทด่ี ี โครงการเปน็ ส่วนทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถึงการปฏิบตั เิ พอ่ื ใหบ้ รรลุตาม วัตถปุ ระสงค์ของแผน ว่าตอ้ งท�ำอะไร ทำ� ที่ไหน มวี ธิ ีการขั้นตอนอยา่ งไร มใี ครเกยี่ วขอ้ งบา้ ง ใชง้ บประมาณเทา่ ใด มรี ะยะเวลานานแคไ่ หน ลกั ษณะ ของโครงการท่ีดมี อี งค์ประกอบที่ส�ำคญั ดังน้ี 1 ตอบสนองตอ่ เปา้ ประสงคข์ องแผนหรอื นโยบาย จะตอ้ งบอก ให้ทราบว่าการด�ำเนินโครงการน้ันท�ำอะไรหรือต้องการให้ เกิดอะไรข้นึ 2 สามารถแกป้ ัญหา ตรงกับความตอ้ งการหรอื ตอบสนองตอ่ สง่ิ ท่มี ุง่ หวงั
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 73 3 มขี อบเขตของงาน มีรายละเอยี ดทีค่ รบถว้ น ชัดเจนเพียงพอ ทจี่ ะนำ� ไปปฏิบัติไดจ้ รงิ และมคี วามเปน็ ไปได้ โดยโครงการ จะตอ้ งมกี ารวางแผนวา่ มกี จิ กรรมใดบา้ งทจี่ ะตอ้ งดำ� เนนิ งาน ระบุสถานทดี่ ำ� เนนิ โครงการอย่างชัดเจน มีการก�ำหนดชว่ ง เวลาจดุ เรม่ิ ตน้ และสนิ้ สดุ โครงการทชี่ ดั เจน และมกี ำ� หนดวา่ ชว่ งเวลาใดจะท�ำกจิ กรรมอะไร ใครเป็นผรู้ ับผดิ ชอบ 4 อยู่บนพ้ืนฐานของข้อมูลความจริง และการวิเคราะห์ อยา่ งรอบคอบ 5 อ่านแล้วเขา้ ใจได้งา่ ย ไม่ซับซ้อน มีความเปน็ เหตเุ ป็นผล มีความสัมพันธ์กัน 6 สามารถติดตามและประเมนิ ผลได้ 7 เปน็ งานริเริ่มหรอื งานพัฒนา ไมใ่ ชง่ านประจำ�
74 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ่วนร่วม 2.3 การบูรณาการโครงการ เป็นการท�ำงานร่วมกันของบุคคล/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ ด�ำเนินงานโครงการ เพ่ือให้การด�ำเนินงานในเรื่องเดียวกัน/เป้าหมาย เดียวกัน เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกัน มีความสอดคลอ้ งและสนบั สนุนซ่ึงกนั และกัน การร่วมมือกันท�ำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงาน สนับสนุนจะส่งผลให้การด�ำเนินงานโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรอื จดุ มงุ่ หมาย การบรู ณาการโครงการมที งั้ บรู ณาการดา้ นกลไก บคุ ลากร กระบวนการ เครอื่ งมือ แผนงาน และงบประมาณ สามารถบูรณาการได้ ทง้ั ระดบั สว่ นกลาง ส่วนภูมิภาค และระดบั ทอ้ งถ่นิ วัตถปุ ระสงค์ของการบรู ณาการโครงการ 1) ลดความทบั ซอ้ นของหนว่ ยงานในการดำ� เนนิ การเรอ่ื งเดยี วกนั 2) เพอื่ ใหท้ กุ ภาคสว่ นดำ� เนนิ งานมงุ่ สเู่ ปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค์ เดยี วกนั 3) รว่ มดำ� เนินงานด้วยกัน 4) ติดตามผลการดำ� เนินงานร่วมกัน
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 75 ตัวอย่าง โครงการบูรณาการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการจดั ระบบการปลกู ขา้ ว ปงี บประมาณ พ.ศ.2555 งบประมาณ 880.04 ลา้ นบาท กรมการขา้ วเปน็ หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบหลกั โดยมหี นว่ ย งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการดำ� เนนิ โครงการทงั้ หมด 5 หนว่ ยงาน ตามกจิ กรรม การด�ำเนินงาน ดังน้ี กจิ กรรม งบประมาณ ผูร้ ับผิดชอบ - การประชาสัมพันธ์และ งบประมาณ 60.00 ล้านบาท กรมการข้าว อำ� นวยการ - จดั เวทีชมุ ชนและการ งบประมาณ 60.00 ลา้ นบาท กรมชลประทาน วิเคราะหข์ อ้ มูล - การจัดอบรม งบประมาณ 66.42 ลา้ นบาท กรมส่งเสริมการเกษตร - การสนับสนนุ เมล็ดพนั ธ์ุ งบประมาณ 573.50 ลา้ นบาท กรมวชิ าการเกษตร - สนบั สนนุ ปยุ๋ พชื สด งบประมาณ 118.80 ลา้ นบาท กรมพัฒนาทีด่ ิน - การประเมนิ ผลโครงการ งบประมาณ 1.32 ลา้ นบาท ส�ำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร ส�ำหรับในรายละเอียดแผนปฏิบัติงาน จะต้องก�ำหนดให้ชัดเจนว่า ในแต่ละกิจกรรม หน่วยงานท่ีรับผิดชอบจะต้องด�ำเนินงานในช่วงใดบ้าง ซ่งึ จะต้องสอดคลอ้ งและสง่ ผลให้การด�ำเนนิ งานโครงการตอ่ เนื่องกัน
76 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม 3. การบรหิ ารความเส่ยี ง \"การบริหารความเส่ยี งโครงการจึงเปน็ กระบวนการตัดสินใจภายใต้สภาวะทีม่ ี ความเส่ียงตามข้อมูลที่ได้รับ กบั การตัดสนิ ใจภายใต้สภาวะทมี่ ี ความไมแ่ น่นอนของปจั จยั ทคี่ วบคุมไม่ได้\" ความเสยี่ งเป็นสิง่ ทอี่ าจจะเกิดขึน้ หรือไม่เกดิ ขึ้นกไ็ ด้ ซง่ึ ถ้าเกิดขึ้นแลว้ จะสง่ ผลทำ� ใหไ้ มบ่ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคใ์ นการดำ� เนนิ งานหรอื เกดิ ความเสยี หาย ดงั นน้ั จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารบรหิ ารความเสยี่ งเพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ งานโครงการ บรรลุผลส�ำเร็จตามที่มุ่งหวัง โดยมีขั้นตอนหลักๆ คือการวิเคราะห์ ความเสีย่ ง และการก�ำหนดแนวทางบริหารจัดการความเส่ยี ง 3.1 ความหมายของการบรหิ ารความเส่ยี ง ความเสีย่ ง หมายถงึ เหตกุ ารณท์ ี่มีโอกาสเกดิ ข้ึนในอนาคต และ อาจส่งผลในดา้ นลบท่ีไมต่ ้องการ ดังนนั้ การตัดสนิ ใจกระท�ำการใดๆ โดย ไม่มีข้อมูลหรือไม่มีการวางแผนใดๆ จึงสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการเส่ียง ตัดสนิ ใจในสภาวะของความเสี่ยง ความเสย่ี งโครงการ คอื เหตกุ ารณค์ วามไมแ่ นน่ อนทห่ี ากเกดิ ขน้ึ แลว้ จะเปน็ ผลใหก้ ารดำ� เนนิ การ ตามโครงการไมป่ ระสบความสำ� เรจ็ ภายใต้ กรอบระยะเวลาทีก่ ำ� หนด การบรหิ ารความเสยี่ งมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ งานโครงการ ประสบความสำ� เรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และระยะเวลาตามทก่ี ำ� หนด หรอื ยอมให้เกิดความเสียหายใหน้ อ้ ยทีส่ ดุ
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 77 การบรหิ ารความเสยี่ งโครงการจงึ เปน็ กระบวนการตดั สนิ ใจภายใต้ สภาวะท่ีมีความเสี่ยงตามข้อมูลท่ีได้รับ กับการตัดสินใจภายใต้สภาวะท่ีมี ความไมแ่ นน่ อนของปัจจยั ทคี่ วบคุมไมไ่ ด้ จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าความเส่ียงเป็น สง่ิ ทห่ี ลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ แตส่ ามารถเตรยี มการปอ้ งกนั และควบคมุ เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ หรือลดความสูญเสียและผลกระทบที่มีต่อการด�ำเนินงานโครงการลงได้ การบริหารความเส่ียงจ�ำเป็นต้องท�ำอย่างต่อเนื่องและอาศัยข้อมูลและ ความร่วมมอื จากผทู้ ่เี กยี่ วขอ้ ง 3.2 วิธกี ารบริหารความเสีย่ ง การบรหิ ารความเส่ียงมีขัน้ ตอนทีส่ �ำคัญอยู่ 2 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 3.2.1 การวิเคราะห์ความเสี่ยง การวเิ คราะหค์ วามเสยี่ งประกอบไปดว้ ยเนอ้ื หา 2 ประเดน็ หลกั ไดแ้ ก่ การระบคุ วามเสย่ี ง และการประเมนิ ความเสีย่ ง โดยมีรายละเอียด ดังน้ี 1) การระบุความเสี่ยง เป็นการพิจารณาก�ำหนดว่ามี ความเส่ยี งอะไรที่มโี อกาสเกิดขน้ึ ได้ และความเส่ียงน้นั ๆ สง่ ผลกระทบตอ่ โครงการอยา่ งไรบ้าง ในการระบุความเสยี่ งของโครงการควรมีการศกึ ษา อย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้ความส�ำคัญกับการระบุความเส่ียงที่จะต้องเผชิญ ในการดำ� เนนิ โครงการทกุ ขนั้ ตอน ควรระบคุ วามเสยี่ งใหม้ ากทส่ี ดุ เทา่ ทจ่ี ะ มากได้เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาหากลยุทธ์จัดการกับความสูญเสีย
78 การจดั ท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม ท่ีจะเกิดข้ึน ในข้ันตอนนี้ควรเก็บข้อมูลความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายใต้ การดำ� เนนิ งานโครงการทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั เพม่ิ เตมิ ในรปู ของความถ่ี และ ความรนุ แรงของความสูญเสยี ตลอดจนขอ้ มลู การดำ� เนนิ การใดๆ เพื่อลด ความสญู เสียที่เกดิ ในอดตี ท้ังทปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ และปญั หาอุปสรรค ตวั อย่าง การระบุความเส่ยี งโครงการผลติ ขา้ วปลอดภยั จากสารพิษ ผลกระทบต่อดา้ นตา่ งๆ ของโครงการการผลติ ข้าวปลอดภัยจากสารพิษ ทีม่ าของความเส่ยี ง/ วตั ถปุ ระสงค์ การ ทรพั ย์สนิ การเงิน เกษตรกรที่ ความสนใจ/ ปจั จัยเสีย่ ง ของ ด�ำเนินการ เข้าร่วม ความเข้าใจ ภยั ธรรมชาติ โครงการ โครงการ ของชุมชน √ √ √√ เกษตรกรไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื √ √ √√ √ √ √√ เจา้ หนา้ ทขี่ าดความรู้ ความ เขา้ ใจในการดำ� เนนิ การ √ √√ ถกู ตัดงบประมาณ/ ได้รบั งบประมาณล่าช้า หมายเหตุ : ในการระบคุ วามเส่ยี งนี้เปน็ เพียงตัวอยา่ งทสี่ มมตขิ ้ึนมา เพ่ือให้ผู้เรียน เขา้ ใจในเนอ้ื หาวชิ านม้ี ากขนึ้ ทม่ี าของความเสย่ี ง/ปจั จยั เสย่ี ง ผลกระทบตอ่ ดา้ นตา่ งๆ ยอ่ มแตกตา่ งไปตามลักษณะการด�ำเนนิ งานของโครงการ และของแต่ละสภาพพนื้ ที่ ด�ำเนนิ การ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งยดึ ตดิ กับประเด็นการวิเคราะห์ตามโครงการดงั กล่าว
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 79 2) การประเมินความเสย่ี ง (1) ความถ่ี ของการเกิดความสูญเสียเป็นมาตรวัด จำ� นวนครงั้ ทจ่ี ะเกดิ ความสญู เสยี สำ� หรบั ความเสย่ี งแตล่ ะประเภท อาจจำ� แนก เปน็ ระดับต�่ำ ปานกลาง สงู หรือเป็นคะแนนท่ลี ะเอยี ดยง่ิ ขึ้น เชน่ คะแนน 1 ถึง คะแนน 5 หรือร้อยละของโอกาสท่อี าจจะเกิดข้นึ ได้ ในการประเมิน ความถีข่ องความสูญเสียทไ่ี มไ่ ด้เกดิ ขน้ึ บอ่ ยนักในอดีต ไม่ควรทีจ่ ะองิ ข้อมลู ในอดตี เพยี งอยา่ งเดยี ว แตค่ วรใชก้ ารวเิ คราะหป์ จั จยั เสย่ี งของโครงการ โดย รวบรวมข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ความเสี่ยงภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปได้ ทั้งหมด การศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมจากการด�ำเนินการโครงการในลักษณะ คลา้ ยคลงึ กนั จะชว่ ยเสรมิ ใหก้ ารประเมนิ ความถข่ี องความสญู เสยี เปน็ ไปได้ อย่างสมเหตุสมผลมากข้นึ และถงึ แมจ้ ะเป็นความเส่ยี งทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ ประจำ� กต็ าม การวเิ คราะหป์ จั จยั เสย่ี งปจั จบุ นั ของโครงการกเ็ ปน็ สงิ่ สำ� คญั อยา่ งยงิ่ (2) ผลกระทบหรือความรุนแรง หากความเสี่ยงน้ัน เกดิ ขน้ึ ความเสยี หายมคี วามรนุ แรงนอ้ ย ปานกลาง หรอื เสยี หายมาก หรอื ใช้คะแนนเป็นมาตรวดั ท่ลี ะเอยี ดยิ่งขนึ้ เช่น คะแนน 1 ถงึ คะแนน 5 การประเมินความรุนแรงของความสูญเสียเป็นการคาดการณ์มูลค่า ความสญู เสยี เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณข์ น้ึ กบั การดำ� เนนิ โครงการ การทจ่ี ะสามารถ ระบุได้ว่าความสูญเสียจะมีความรุนแรงมากหรือน้อยต้องอาศัยปัจจัย ประกอบการพจิ ารณาหลายปจั จัยดว้ ยกนั เชน่ มูลคา่ ความสญู เสยี ในอดีต ขนาดความสญู เสยี ทสี่ ามารถรองรับได้โดยไม่ทำ� ใหเ้ กดิ การหยดุ ชะงกั
80 การจดั ท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม ตวั อยา่ ง การประเมินความเส่ยี งภายใตค้ วามรนุ แรงและความถี่ โครงการผลิตขา้ วปลอดภัยจากสารพิษ ในตวั อยา่ งนจี้ ะประเมนิ ความเสย่ี งจาก 2 แหลง่ ทมี่ าของความเสยี่ ง และแบง่ ระดบั ความถ่ีและความรุนแรง ดังนี้ - ความถ่ี ใช้ คะแนน : 1 = ต่ำ� สดุ และคะแนน : 5 = สงู สดุ - ความรุนแรง ใช้ คะแนน : 1 = ต�่ำสุด และคะแนน : 5 = สูงสุด 1. แหลง่ ท่ีมาของความเส่ียง คือ ภัยธรรมชาติ ผลกระทบ รายละเอยี ดของความสูญเสยี ความถี่ ความรุนแรง วตั ถุประสงค์ ท�ำให้โครงการไมป่ ระสบความส�ำเร็จเท่าทีค่ วรและไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ 1 4 ของโครงการ การด�ำเนินการ ทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ การในแตล่ ะกจิ กรรมไมต่ รงตามชว่ งระยะเวลาทก่ี ำ� หนด 1 3 ทรัพยส์ นิ วัสดอุ ปุ กรณเ์ สียหาย เช่น พันธ์ุขา้ ว ปยุ๋ อินทรยี ์ เปน็ ตน้ 24 การเงนิ เงินท่ตี ้องใช้ในการจัดซ้อื วัสดุอปุ กรณ์ต่างๆ 15 2. แหลง่ ท่มี าของความเสีย่ ง คอื เจา้ หนา้ ทข่ี าดความรูค้ วามเขา้ ใจในการดำ� เนินการ ผลกระทบ รายละเอียดของความสูญเสีย ความถ่ี ความรุนแรง วตั ถปุ ระสงค์ ไม่บรรลวุ ตั ถุประสงคโ์ ครงการ เชน่ เกษตรกรผูเ้ ข้ารว่ มโครงการได้รับ 2 5 ของโครงการ ความรใู้ นการผลติ ข้าวทปี่ ลอดภยั จากสารพษิ ทผี่ ดิ ไมม่ เี กษตรกรเข้ารว่ ม โครงการหรือไม่สนใจในโครงการน้ี การดำ� เนินการ ทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ การในแตล่ ะกจิ กรรมไมต่ รงตามชว่ งระยะเวลาทก่ี ำ� หนด 3 4 ผิดพลาดหรอื มขี ้อบกพรอ่ งทำ� ให้โครงการไมป่ ระสบผลส�ำเรจ็ เกษตรกรทเี่ ขา้ รว่ ม เกษตรกรผเู้ ขา้ รว่ มโครงการได้รบั ความรใู้ นการผลติ ข้าวท่ีปลอดภัย 2 4 โครงการ จากสารพิษที่ผดิ ความสนใจ/ความ เกษตรกร/ชุมชนไมเ่ ข้าใจผลประโยชน์ของโครงการนี้ 35 เขา้ ใจของชมุ ชน หมายเหตุ : ในการประเมนิ ความเสยี่ งนเี้ ปน็ เพยี งตวั อยา่ งทสี่ มมตขิ นึ้ มา เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น เขา้ ใจในเนอ้ื หาวชิ านมี้ ากขน้ึ ทมี่ าของความเสย่ี ง/ปจั จยั เสย่ี ง ผลกระทบตอ่ ดา้ นตา่ งๆ และการประเมนิ ความเสย่ี ง ยอ่ มแตกตา่ งไปตามลกั ษณะการดำ� เนนิ งานของโครงการ และของแต่ละสภาพพื้นท่ีด�ำเนินการ ไม่จ�ำเป็นต้องยึดติดกับประเด็นการวิเคราะห์ ตามโครงการดงั กล่าว
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 81 (3) แผนภูมิความเส่ียง เมื่อสามารถระบุความถี่และ ความรนุ แรงครบทุกแหลง่ ท่มี าของความเสี่ยงแลว้ จะเห็นถึงความส�ำคัญ ทไี่ มเ่ ทา่ กนั ของความเสย่ี งแตล่ ะเรอ่ื งทจี่ ะเกดิ ในอนาคต ทำ� ใหส้ ามารถสรา้ ง แผนภมู ิความเสย่ี งของโครงการได้ เพอ่ื จะไดเ้ หน็ ภาพว่าเมื่อรวมทุกแหลง่ ที่มาของความเส่ียงแล้วการด�ำเนินโครงการจะเผชิญกับความเสี่ยงจาก รายการใดมากท่ีสดุ และจากนน้ั จะสามารถจดั ล�ำดบั ของความเสยี่ งท่คี วร ได้รับการจดั การก่อนหลงั ตามความเหมาะสมได้ ตัวอยา่ ง แผนภมู ิความเสีย่ ง 1. ความเส่ียงดา้ นภยั ธรรมชาติ สงู สุด ความถี่ (คะแนน) สงู ปานกลาง 1 23 4 5 ต�่ำ 5 การเงิน ต�่ำสุด การดำ� เนินการ สูงสดุ ความรนุ แรง 4 วตั ถปุ ระสงค์ ทรพั ยส์ นิ สูง (คะแนน) ของโครงการ ปานกลาง ต�่ำ 3 ต่�ำสดุ 2 1 2. ความเส่ียงดา้ นเจ้าหน้าทข่ี าดความรูค้ วามเขา้ ใจในการดำ� เนนิ การ ความถี่ (คะแนน) 1234 5 ความรุนแรง 5 วตั ถุประสงค์ ความสนใจ/ (คะแนน) 4 ของโครงการ ความเขา้ ใจของ ชมุ ชน เกษตรกรท่ี การด�ำเนนิ การ เข้าร่วมโครงการ 3 2 1
82 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม ความเสย่ี งแตล่ ะรายการทไ่ี ด้รับการระบุว่าเป็นความเสีย่ งและ ไดร้ ับการประเมนิ ความถ่ี และความรุนแรงของความเสย่ี ง จะถกู น�ำมาจัด ไวต้ ามชอ่ งทเ่ี หมาะสมในแผนภมู คิ วามเสยี่ งขา้ งตน้ เพอื่ ใหเ้ หน็ ภาพรวมของ แตล่ ะแหลง่ ความเสย่ี งวา่ มผี ลกระทบตอ่ การดำ� เนนิ โครงการในดา้ นใดบา้ ง และมากน้อยเพียงใดในรูปความถี่และความรุนแรง การสร้างแผนภูมิน้ี จะท�ำให้สามารถมองภาพรวมของการด�ำเนินโครงการ และความเส่ียงที่ ระบไุ วจ้ ะสง่ ผลกระทบกบั ดา้ นตา่ งๆ ของการดำ� เนนิ โครงการมากนอ้ ยเพยี ง ใดตามล�ำดบั ระดับของสีต่างๆ ที่แสดงไว้ในแผนภูมิความเสี่ยงน้ี เป็น เคร่ืองแสดงให้ทราบถึงล�ำดับความส�ำคัญของความเส่ียงที่ควรได้รับการ ดูแลจดั การกอ่ นตั้งแต ่ จนถึงความเส่ียงทอ่ี งคก์ รสามารถรบั ความเสย่ี ง ไวไ้ ดเ้ องในพนื้ ท ่ี ทง้ั น้ี ลำ� ดบั ของความเสย่ี งในแผนภมู คิ วามเสย่ี งนส้ี ามารถ ปรบั ไดต้ ามความเหมาะสมและความสามารถในการรองรบั ความเสย่ี งของ โครงการ
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 83 3.2.2 การกำ� หนดแนวทางบรหิ ารจัดการความเสย่ี ง เมอ่ื ไดว้ เิ คราะหค์ วามเสย่ี ง โดยการระบคุ วามเสยี่ งและประเมนิ ความถ่ีและความรนุ แรงของความเส่ียงไดแ้ ลว้ ขน้ั ตอนตอ่ มาคือการเลือก หาวิธีการที่จะจัดการกบั ความเส่ยี งตามท่ีไดว้ เิ คราะห์ไว้ การพจิ ารณาทาง เลอื กในการดำ� เนนิ การตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความเสย่ี งทยี่ อมรบั ไดแ้ ละตน้ ทนุ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เปรยี บเทยี บกบั ผลประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั โดยเลอื กวธิ กี ารอย่างใดอย่างหนง่ึ หรือหลายวิธีร่วมกันเพ่ือให้การบริหารจัดการความเส่ียงมีประสิทธิภาพ สูงสดุ แนวทางบริหารจดั การความเสีย่ งสามารถสรุปได้ 4 แนวทางหลัก ดังน้ี 1) การหลีกเล่ียงความเส่ียง เป็นการด�ำเนินการหรือไม่ ดำ� เนนิ การในการทจี่ ะทำ� ใหไ้ มต่ อ้ งเผชญิ กบั เหตกุ ารณท์ ท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ความเสย่ี ง เช่น เลือกพื้นที่ปลูกที่น้�ำไม่ท่วม ไม่เล้ียงไก่ในพื้นท่ีท่ีเคยมีการระบาดของ ไข้หวดั นก การขดุ บ่อบาดาลเพื่อใหม้ นี ำ้� ใชเ้ พยี งพอในฤดแู ลง้ เปน็ ต้น 2) การควบคุมความเสี่ยง เป็นการหาวิธีที่จะควบคุม ความสญู เสีย มี 2 วิธหี ลัก คือ (1) การปอ้ งกนั การเกดิ ความสญู เสยี เปน็ การดำ� เนนิ การ เพ่ือไม่ให้เกิดความสูญเสียก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ตามความเส่ียงที่คาด การณ์ไว้ เช่น การท�ำคันดินล้อมรอบแปลงเพือ่ ป้องกันน้�ำท่วม การตดิ ต้ัง เครื่องตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ การทำ� วัคซนี ในไกเ่ พื่อป้องกันโรคระบาด เป็นตน้
84 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมสี ว่ นร่วม (2) การควบคุมขนาดของความสูญเสีย เป็นวธิ ีการลด ความรนุ แรงของความสญู เสีย เมอื่ เกิดเหตุการณท์ ีท่ ำ� ให้เกดิ ความสูญเสีย ขึ้นแลว้ เชน่ การทำ� ลายไก่ที่เป็นโรค การใช้สารเคมใี นการก�ำจัดศตั รูพชื เมื่อเกดิ การระบาด การซือ้ น�ำ้ มารดตน้ ไม้ผลให้พออยรู่ อดในภาวะภัยแล้ง เป็นต้น 3) การถ่ายโอนความเส่ียง เป็นการหาบุคคลอ่ืนหรือ หนว่ ยงานอ่นื มารบั ความเส่ยี งแทนหรือช่วยแบง่ เบาความสูญเสยี ท่เี กิดขึ้น เช่น การท�ำประกันภัย การจ้างที่ปรึกษาหรือผู้เช่ียวชาญมาท�ำงานแทน เปน็ ตน้ 4) การยอมรับความเสย่ี ง เป็นความจำ� เปน็ ที่จะต้องยอมรับ ความสูญเสยี ทเ่ี กิดข้นึ ไวเ้ อง เช่น กรณีที่ได้มกี ารบริหารจัดการความเสยี่ ง ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ ไวแ้ ลว้ แตย่ งั คงมโี อกาสทจี่ ะเกดิ ความสญู เสยี ไดอ้ กี กต็ อ้ ง ทำ� ใจท่จี ะยอมรบั และอาจทำ� แผนฉุกเฉนิ และฝึกซ้อมเตรียมรับสถานการณ์ ไวด้ ว้ ย หรอื กรณที ต่ี น้ ทนุ ในการบรหิ ารจดั การความเสย่ี งสงู มากไมค่ มุ้ กบั การลงทุน ก็จ�ำเป็นท่ีจะต้องยอมรับความสูญเสียหากเกิดเหตุการณ์ตาม ความเส่ียงท่ีคาดการณ์ไว้ หรือในกรณีที่ความเสี่ยงน้ันส่งผลให้เกิด ความสูญเสียหรือกระทบ ต่อโครงการไม่มากนัก เราก็อาจยอมรับ ความเสี่ยงนนั้ ไวเ้ องได้
บทท่ี 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 85 4. การติดตามและประเมินผล \"การติดตามและประเมนิ ผลเปน็ ส่วนหนงึ่ ในกระบวนการวางแผนมสี ่วนเกีย่ วขอ้ ง สมั พันธ์กันอย่างใกลช้ ิดจะขาดสง่ิ ใดส่ิงหนึง่ ไม่ได้ เป็นเครือ่ งช่วยใหผ้ ูบ้ รหิ าร สามารถตดั สินใจปรับปรุงการด�ำเนนิ งานและแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งทันท่วงที และ ทำ� ให้ผู้ปฏบิ ัติงานมีความเอาใจใสแ่ ละตืน่ ตวั อยเู่ สมอ\" การตดิ ตามและประเมนิ ผลเปน็ สว่ นหนง่ึ ในกระบวนการวางแผนมสี ว่ น เก่ยี วขอ้ งสมั พันธก์ ันอยา่ งใกลช้ ดิ จะขาดส่ิงใดส่งิ หนงึ่ ไมไ่ ด้ เปน็ เครอื่ งช่วย ให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจปรับปรุงการด�ำเนินงานและแก้ไขปัญหาได้ อย่างทันท่วงที และท�ำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเอาใจใส่และต่ืนตัวอยู่เสมอ ข้ันตอนในการติดตามและประเมินผลมีหลายขั้นตอนซึ่งจะต้องท�ำความ เข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลการติดตามและประเมินผล ที่ตรงกับความเป็นจริงสามารถน�ำไปใช้ในการพัฒนาการด�ำเนินงานให้ บรรลุผลสำ� เร็จต่อไป 4.1 ความหมายและความส�ำคัญของการติดตามและประเมนิ ผล การติดตามและประเมินผลมีบทบาทส�ำคัญในการให้ข้อมูล ด้านความคืบหน้าและผลส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน การท่ีจะน�ำไปใช้ให้ เกดิ ประโยชน์อยา่ งเต็มทผ่ี ู้บรหิ ารตอ้ งรู้ เขา้ ใจ ใหค้ วามส�ำคัญ และนำ� ไป ใช้อย่างสรา้ งสรรค์เพ่อื การพัฒนางานอยา่ งแทจ้ ริง
86 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีสว่ นร่วม 4.1.1 ความหมายของการติดตามและประเมินผล การตดิ (Mตาoมnitoring) หมายถงึ กระบวนการในการตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของการด�ำเนินงานเป็นระยะๆ ว่าเป็นไปตาม แผนงานทกี่ ำ� หนดไวห้ รอื ไม่ และมกี ารรายงานปญั หา ที่เกดิ ข้นึ การประเมนิ ผล หมายถงึ กระบวนการในการใช้ดลุ พินิจ และ/หรอื (Evaluation) คา่ นยิ มในการพจิ ารณาตดั สนิ คณุ คา่ ความเหมาะสม ความคมุ้ คา่ หรอื สมั ฤทธผิ ลของเหตกุ ารณ์ โครงการ หรือสิ่งอื่นใด หลังจากท่ีมีการเปรียบเทียบผลที่ วัดได้ด้วยวิธีการใดๆ กับเป้าหมาย วัตถุประสงค์ หรือเกณฑท์ ่กี ำ� หนดไว้ นอกจากนี้มีอีก 2 ค�ำที่มีความหมายเก่ียวข้องหรือใกล้เคียงกันและ อาจท�ำให้เกิดความสับสนขนึ้ ได้ จงึ ควรทำ� ความเข้าใจความหมายใหช้ ัดเจน คือ การ(วMดั easurement) หมายถึง กระบวนการในการก�ำหนดค่า ตัวเลข หรือคุณลกั ษณะใหก้ บั สงิ่ หน่งึ สิง่ ใด หรือเหตกุ ารณ์ ใดๆ อยา่ งมีกฎเกณฑ์ การนิเ(ทSศupervision) หมายถงึ กระบวนการสนบั สนนุ ใหค้ ำ� ปรกึ ษา แนะนำ� รว่ มมอื และประสานงาน เพอื่ การปรบั ปรงุ งานและ พฒั นาบคุ ลากรใหส้ ามารถทำ� งานไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ โดยใช้ ทรพั ยากรทม่ี อี ยใู่ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ และสอดคลอ้ ง กับวตั ถุประสงคแ์ ละนโยบายของหนว่ ยงาน
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 87 4.1.2 ความแตกต่างของการตดิ ตามกับการประเมินผล การติดตาม และการประเมินผล เป็นกิจกรรมท่ีด�ำเนินการ ควบคกู่ นั ไปและมคี วามเกยี่ วเนอื่ งกนั อยา่ งใกลช้ ดิ ทงั้ สองกจิ กรรมเปน็ เรอื่ ง ของการวัด แต่ต่างกนั ทีเ่ จตนาของการวดั ส่งิ ทว่ี ดั และช่วงเวลาทท่ี ำ� การวดั การติดตาม เป็นการวัดการใชท้ รพั ยากรหรอื ปัจจยั (Input) การด�ำเนนิ กจิ กรรม (Process) และผลผลติ ทีเ่ กดิ ขนึ้ (Output) จากการ ดำ� เนนิ กจิ กรรม โดยวดั เปน็ ระยะๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ งในระหวา่ งการดำ� เนนิ งาน โครงการ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหข้ อ้ มลู ทแี่ สดงถงึ สถานการณข์ องการดำ� เนนิ งานโครงการทงั้ เชงิ บวกและเชงิ ลบ และชปี้ ระเดน็ ปญั หาอปุ สรรคทเี่ กดิ ขนึ้ หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นให้เร็วท่ีสุดเท่าที่จะเร็วได้ อันจะน�ำไปสู่การตัดสินใจ ในการบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิด ประสทิ ธิผล การประเมินผล เป็นการวัดในระดับของผลผลิต (Output) และผลลพั ธ์ (Outcome) ในภาพรวมของโครงการ รวมถงึ การวดั ผลกระทบ (Impact) ท่ีเกดิ ข้นึ จากการดำ� เนนิ โครงการทม่ี ีต่อชมุ ชนหรอื สงั คมด้วย โดยปกติจะประเมินผลเม่ือเสร็จส้ินโครงการ แต่อาจจะมีการประเมินผล เปน็ คร้ังๆ ในระหว่างโครงการด้วยกไ็ ด้ วตั ถุประสงคเ์ พ่อื ทราบผลสำ� เร็จ ของการด�ำเนินงานว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ หรือไมเ่ พยี งใด และน�ำไปสกู่ ารตดั สนิ ใจทจ่ี ะต่อเน่ืองโครงการ ปรับปรงุ โครงการ ยกเลกิ โครงการ หรือกำ� หนดโครงการใหมท่ ดแทน
88 การจัดท�ำแผนพฒั นาการเกษตรแบบมีสว่ นรว่ ม 4.1.3 ความส�ำคญั ของการติดตามและประเมินผล การดำ� เนนิ งานตา่ งๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ งานในลกั ษณะโครงการ ซึง่ ไมใ่ ช่งานประจ�ำ มีปญั หาท่ีพบอยู่เสมอคือการด�ำเนนิ งานไม่เป็นไปตาม ท่ีก�ำหนด หรือผลส�ำเร็จของการด�ำเนินงานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ วางไว้ ซ่ึงถา้ มกี ารติดตามและประเมนิ ผลอยา่ งเปน็ ระบบแลว้ จะช่วยลด หรือบรรเทาปญั หาดังกล่าวนี้ลงได้ สรปุ แล้วการตดิ ตามและประเมินผลมี ความส�ำคัญ ดังนี้ 1) ทราบความก้าวหน้าและผลส�ำเร็จในการด�ำเนินงาน ให้ ขอ้ มูลดา้ นประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล 2) ทราบปญั หาและขอ้ ขดั ขอ้ ง ชว่ ยใหส้ ามารถปอ้ งกนั หรอื แกไ้ ข ปญั หาอุปสรรคต่างๆ ไดล้ ่วงหนา้ หรอื อยา่ งทันทว่ งที 3) ใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการ เป็นเคร่ืองช่วยในการ ตดั สินใจของผูบ้ รหิ าร 4) ช่วยประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ย 5) ชว่ ยกระตุ้น จูงใจ และสรา้ งขวญั กำ� ลังใจแก่ผู้ปฏิบัตงิ าน 6) ช่วยให้ผู้เก่ียวข้องได้เข้าใจเป้าหมาย วัตถุประสงค์ หรือ มาตรฐานของงานได้ชดั เจนขึน้
บทที่ 3 การจดั ทำ� แผนงานโครงการและการตดิ ตามประเมนิ ผล 89 4.1.4 องค์ประกอบและคณุ ลักษณะทีด่ ีของการติดตามและประเมนิ ผล ในการติดตามและประเมินผลโดยทั่วไป มีองค์ประกอบ สำ� คัญทจี่ ะขาดส่วนใดส่วนหน่ึงไม่ได้ คือ 1) การรวบรวมข้อมลู 2) การเปรียบเทียบขอ้ มูล 3) การตีความและสรปุ ผล การตดิ ตามและประเมนิ ผลทด่ี ี อยา่ งนอ้ ยควรมคี ณุ ลกั ษณะ ดังนี้ 1) มคี วามถูกต้อง แมน่ ยำ� และนา่ เช่อื ถอื 2) ครอบคลุมเน้ือหาสาระตามความต้องการของผู้ใช้ ประโยชน์ 3) นำ� เสนอในเวลาท่เี หมาะสม 4) สามารถน�ำไปใช้ประกอบการพิจารณาตดั สนิ ใจได้ 4.2 ขน้ั ตอนการติดตามและประเมนิ ผล การติดตามและประเมินผลมีข้นั ตอนใหญๆ่ อยู่ 3 ข้ันตอน คอื การออกแบบการติดตามและประเมนิ ผล การเกบ็ รวบรวมข้อมูล และการ วิเคราะหแ์ ละรายงาน โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี
90 การจัดท�ำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม 4.2.1 การออกแบบการตดิ ตามและประเมนิ ผล 1) การศึกษาและวเิ คราะหโ์ ครงการ เปน็ ขนั้ ตอนของการศกึ ษาหาความรเู้ กีย่ วกับโครงการที่จะ ทำ� การประเมนิ ผล อนั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทจี่ ะทำ� ใหเ้ รามองเหน็ ภาพและแนวทาง ในการประเมินผล การศึกษาและวิเคราะห์โครงการนี้อาจท�ำได้โดยการ ศกึ ษาจากเอกสารโครงการ การพดู คุยกับเจ้าหน้าทโี่ ครงการรวมท้ังการ ไดอ้ อกไปดกู ารด�ำเนินโครงการในพนื้ ท่ดี ้วย ยิ่งศึกษาได้ละเอยี ดและเขา้ ใจ โครงการไดล้ กึ ซงึ้ มากเพยี งใดกจ็ ะมผี ลทำ� ใหก้ ารประเมนิ ผลมคี ณุ ภาพดขี นึ้ เพียงนั้น ในการวเิ คราะหโ์ ครงการทจี่ ะทำ� การประเมนิ ผลนนั้ อยา่ งนอ้ ย ท่สี ุดควรจะไดท้ ำ� การวเิ คราะห์ในประเด็นดงั ต่อไปนี้ (1) การวเิ คราะหส์ ถานการณท์ ว่ั ไป เปน็ การวเิ คราะหว์ า่ โครงการนั้นมีพ้ืนฐานความเป็นมาอย่างไร โครงการมุ่งหวังท่ีจะท�ำอะไร หรือเพือ่ แก้ปญั หาอะไร มหี ลักการ เหตุผลและแนวความคดิ ของโครงการ เปน็ อยา่ งไร (2) การวเิ คราะหว์ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงการ โดยดูว่าโครงการมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างไร สอดคล้องกับ สถานการณ์ทว่ี ิเคราะห์ไดห้ รอื ไม่ มกี ารกำ� หนดเป้าหมายไวช้ ดั เจนเพยี งใด (3) การวเิ คราะหแ์ ผนการปฏบิ ตั งิ าน เปน็ การดวู า่ โครงการ มีกิจกรรมอะไรบ้าง มีขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติอย่างไร ใครเป็น ผปู้ ฏบิ ตั แิ ละรบั ผดิ ชอบ บคุ คลเปา้ หมายของโครงการหรอื ของแตล่ ะกจิ กรรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154