1 นวัตกรรมการจัดการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิการเรียนเรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อนกจิ กรรมเป็นฐานของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านทา่ คูณ) นางสาวพิจาริน เมืองตาแกว้ โรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 กระทวงศึกษาธกิ าร การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิการเรียนเรอื่ งชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
ก2 คำนำ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนเรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์การเรียนเรื่องชนิคของคำไทยก่อนและหลัง โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานของนักเรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 4 2) เพื่อศกึ ษาความคิดเห็นของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ทมี่ ีต่อการเรียนรู้เร่ืองชนิด ของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนรู้ในรายวิชาภาษาไทย ซึ่งเป็น เนื้อหาที่ได้มาจากการดำเนินการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ประกอบในการดำเนินกิจกรรม และในการนี้ขอขอบพระคุณนางสาวนิศารัตน์ จันทร์เลี้ยง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) ที่ได้สนับสนุนและให้คำแนะนำในการ ดำเนินกิจกรรม ตลอดจนคณะครูที่มีส่วนร่วมทุกท่านที่มีส่วนช่วยให้การดำเนินกิจกรรมนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอขอบใจนกั เรยี นทุกคนทต่ี ั้งใจเรียนและให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ผู้จัดทำหวังว่านวัตกรรมเล่มนี้คงมีประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาไม่มากก็น้อย และเพื่อเป็นการนำ ผลงานเผยแพรต่อสาธารณชน หากมขี ้อบกพรอ่ งประการใดต้องขออภยั มา ณ โอกาสนี้ พจิ าริน เมืองตาแกว้ ครูชำนาญการ ผ้จู ดั ทำ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์กิ ารเรยี นเร่ืองชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
สารบญั ข3 คำนำ หน้า สารบัญ ก 1 ความสำคัญของนวตั กรรม ข 2 วัตถุประสงค์ 4 3. ขอบเขตเนื้อหา 6 4 ข้นั ตอนการพัฒนานวัตกรรม 6 5 การทดลองใช้นวตั กรรม 7 6 ผลสำเรจ็ ของการพัฒนานวตั กรรม 11 12 บรรณานกุ รม 20 ภาคผนวก 21 22 แผนจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 73 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นเร่ืองชนดิ ของคำไทย 78 แบบสอบถามความคดิ เห็น 80 ภาพประกอบอ่นื ๆ การพัฒนาผลสัมฤทธ์กิ ารเรยี นเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
4 รายงานผลการดำเนนิ งาน 1.ความสำคัญของนวัตกรรม ในศตวรรษท่ี 21 มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตลอดจนความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีทกุ ๆ ดา้ น กระแสการปรบั เปล่ียนทางสงั คมทเ่ี กดิ ขน้ึ ในศตวรรษท่ี 21 ส่งผลต่อวถิ ีการดำรงชีพของ ทกุ คนในสังคมอยา่ งทั่วถงึ ครจู ึงตอ้ งมีความตื่นตวั และเตรียมพรอ้ มในการจัดการเรียนร้เู พือ่ เตรยี มความพร้อม ใหน้ กั เรยี นมที กั ษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ทีเ่ ปลย่ี นไปจากศตวรรษท่ี 19 และ 20 จากบทความเรื่องวิถีการสร้างการเรียนรู้เพ่ือศิษย์ เขียนโดย ศ.นพ.วจิ ารณ์ พานชิ (2555: 18-21) ได้กล่าวว่า การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยและตลอดชีวิต คือ 3R x 8C ซึ่งการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 จะต้องเป็นการเรยี นรูภ้ ายใต้บรบิ ทการสอนความรู้วิชาหลัก ควบคู่ไป กับการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น และหนึ่งในทักษะที่สำคัญใน 8C ที่มีความจำเป็นและถูกกล่าวถึงในการพัฒนา ผู้เรียนไปสู่ศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ รู้เท่าทันสื่อ ความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ ำ มีทกั ษะการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละรเู้ ทา่ ทนั เทคโนโลยี Active Learning หรือเรียกย่อ AL เป็นแนวคิดใหม่ที่เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปลายศตวรรษท่ี 21 โดย รูปแบบนี้เป็นแนวคิดกว้าง ๆ ที่เน้นความมีส่วนร่วมและบทบาทในการเรียนรู้ของผู้เรียน ครอบคลุมวิธีการ เรียนการสอนหลากหลายวิธี เช่น การเรียนรู้ด้วยการค้นพบ (Discovery Learning) การเรียนรู้จากกรณี ปัญหา (Problem-Based Learning) การเรียนรู้จากการสืบค้น (Inquiry-Based Learning) และการเรียนรู้ จากการทำกจิ กรรม (Activity-Based Learning) เปน็ ตน้ การจัดการเรียนรู้แบบการเรยี นรู้เชิงรุกท้ังกิจกรรม วธิ ีการหรือรูปแบบการสอน ทำให้ผเู้ รยี น สนใจบทเรียนและทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึ้น ดังน้ันในการ จัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จึงควรจัดกิจกรรมที่เป็นการเรียนรู้เชิงรุก และเน้นการ ปฏบิ ตั ใิ ห้นกั เรียนได้เรียนรูจ้ ากประสบการณโ์ ดยตรง เพอ่ื ให้นกั เรียนไดเ้ รียนรู้โดยการลงมอื ปฏิบัติ ( learning by doing ) เพื่อให้เป็นการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไทยให้บรรลุ “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” (21st Century skills) ที่เน้นทักษะการใช้ชีวิตและการเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้ ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อ หรือ กจิ กรรมการเรียนรู้ ทีม่ คี รผู ู้สอนเป็นผแู้ นะนำ กระต้นุ หรอื อำนวยความสะดวกใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรยี นร้ขู ้ึนโดย กระบวนการคดิ ขนั้ สงู ผลการทดสอบระดับชาตขิ ้ันพ้นื ฐาน (o-net) โรงเรยี นอนบุ าลโกสมั พีนคร (บ้านทา่ คณู ) ช่วงชนั้ ที่ 2 ปีการศึกษา 2562 คะแนนเฉลี่ยในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียน มีคะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 43.32 (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.2562) และเมื่อพิจารณาดูเป็นสาระการเรียนรู้พบว่า สาระ การเรยี นที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย ยงั มีคะแนนที่ต่ำและอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าพอใจ การจดั กิจกรรมการเรียนการ สอนขาดการมุ่งให้ผู้เรียนมีความสามารถด้านหลักภาษาและการใช้ภาษา เพื่อให้นักเรียนสามารถแสวงหา ความรู้ด้วยตนเองสามารถนําความรู้ไปใช้ในการพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นกระบวนการจัดการ เรียนรู้ของครูควรได้รับการพัฒนาและสอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูผู้สอนต้องเน้นให้ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4
5 นักเรียนได้คิด ลงมือทำ และการค้นคว้าหาความรู้มากกว่าการสอนที่มุ่งเน้นเนื้อหาเพียง อย่างเดียว โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาระดับช่วงชัน้ ที่ 2 ชั้นประถมศึกษา ปที ี่ 4 เปน็ เรื่องที่เขา้ ใจยากและไม่ค่อยไดใ้ ช้ในชีวติ ประจำวนั นักเรยี นสว่ นใหญ่เรียนรู้โดยการจำ ไมไ่ ด้เข้าใจ อย่างลึกซึ้งว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร มีความหมายอย่างไร รวมไปถึง ให้นักเรียน สามารถนําไปใช้ได้ถูกต้องตามความหมาย และถกู กาลเทศะดว้ ย กระบวการสอนทน่ี ิยมใชใ้ นการช่วยสอนให้ นักเรียนมีความรู้ที่คงทน คือการให้นักเรียนได้เรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติ การจัดการเรียนรู้แบบ Learning by Doing นั้นใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบเชิงรุกหรือ \"กิจกรรม Activity\"เป็นหลัก โดยการ \"ลงมือ ปฏิบัติจริง หรือ Doing\" ในทุกขั้นตอนของการเรยี นรูเ้ ปน็ การเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่วนครูผู้สอนทำหน้าท่เี ป็นผู้ อำนวยความสะดวกในแต่ละกิจกรรม กิจกรรมการเรียนรู้ที่นำมาใช้นี้ต้องมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้เนื้อหา นั้น ๆ มีจุดมุ่งหมาย สนุกสนาน และมีความน่าสนใจดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจกิจกรรม ไม่ซ้ำซากจนก่อให้เกิด ความเบื่อหน่าย ดังนั้นครูจึงเป็น\" นักออกแบบกิจกรรม Activity Designer\" มีออาชีพ ที่สามารถ \"มองเห็น ภาพกจิ กรรม\"ได้ ทันที เมอื่ ครูศกึ ษาเน้ือหาจบลงสิ่งครูต้องลงมือทำ คอื \"สร้าง Constructed\" ให้เกิดมีข้ึนใน ตัวครู สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ \"ความคิดวิเคราะห์ Critical Thinking\" เพื่อจะได้รู้ความต้องการและความคิด แท้จริงของนักเรียน เพื่อเข้าใจความต้องการของนักเรียน ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ตกยุค คุณครูต้องมี \"ความคิด สร้างสรรค์ Creative Thinking\" เพื่อจะได้มีความสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ที่ใหม่และน่าสนใจ อยสู่ มอ การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน (Activity-Based Learning) เป็นวิธีการจดั การเรยี นรูท้ ี่พัฒนามา จากแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เผยแพรในปลายศตวรรษท่ี 20 ที่เรียกว่าการเรียนรู้ที่เน้นบทบาท และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน หรือ \"การเรียนรู้เชิงรุก\" (Active Learning) ซึ่งหมายถึงรูปแบบการจัดการ เรียนการสอน ที่มุ่งเนั้นส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และ บทบาทในการเรียนรูจ้ ากกิจกรรมมาก ที่สุด หรือ \"ใช้กิจกรรมเป็นฐาน\" หมายถึงการใช้กิจกรรมเป็นที่ตั้งในการจัดการเรียนสอน เพื่อฝึกฝนหรือ พัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนด (สุทัศน์ เอกา, 2562) การ เรยี นรู้โดยใชก้ ิจกรรมเป็นฐาน มนี กั วชิ าการหลายทา่ นได้ระบุขัน้ ตอนการจัดกิจกรรมไว้หลากหลาย เนื่องจาก เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และมีบทบาทในการเรียนรู้ โดยใช้ กิจกรรมเป็นฐาน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจในเนื้อหาบทเรียน ผ่านกิจกรรมที่ผู้เรียน เป็นผู้ลงมอื ปฏบิ ัติดว้ ยตนเองผา่ นกจิ กรรมหลากหลาย ผูว้ ิจยั จงึ ไดส้ ังเคราะห์และสรปุ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม มาประยกุ ต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียน เพ่อื พฒั นาผลสัมฤทธิ์การเรียนเร่ืองชนิคของคำไทย ของนักเรียนโดยมีขั้นตอน 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นทบทวนประสบการณ์ 2) ขั้นกิจกรรม 3) ขั้นสะท้อน ความคิด 4) ข้ันประเมนิ ผลและประยกุ ตใ์ ช้ สภาพปัญหาที่ผู้วิจัยพบจากประสบการณ์การสอน เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำคือ นักเรียนไม่ พยายามที่จะเรียนรู้และมีข้ออ้างว่าเป็นคำที่ยากแก่การทำความเข้าใจ ทำให้นำชนิดและหน้าที่ของคำมาใช้ อย่างผิด ๆ เนื่องจากไม่ทราบความหมาย ในส่วนของปัญหาที่เกิดจากครู คือ ครูผู้สอนจะบอกว่าเป็นเนื้อหา เพียงเล็กน้อยจึงให้นักเรียนอ่านแลว้ ผ่านเลย ไม่ได้สอนให้รู้ถึงความสำคัญของชนิดและหน้าทีข่ องคำ ครูขาด ส่ือการเรยี นการสอนท่จี ะทำใหน้ ักเรียนเกดิ การเรียนรู้ตามเป้าหมายของหลักสูตร ซึ่งเปน็ สงิ่ สำคญั เพราะสาระ การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 การจัดการเรียนรู้ การพฒั นาผลสัมฤทธิ์การเรยี นเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4
6 เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำในระดับชั้นประถมศึกษา เป็นการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนได้นําไปใช้ประโยชน์ใน การแสวงหาความรแู้ ละนําไปใช้ในการศึกษาระดบั สูงขึ้นไป การปรบั ทศั นคตเิ ก่ียวกบั การเรียนหลักภาษาไทย โดยให้นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนหลักภาษาไทยในเรื่องคำและ ชนิดของคำไม่ใช่เรื่องยาก แต่ครูผู้สอควรปรับกลวิธใี นการสอนของครเู สียก่อน ดังนั้น ผู้วิจัย จึงได้นำรูปแบบที่จะสามารถให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตวั เองเกิดการพัฒนาทกั ษะ ต่าง ๆ ร่วมกับการบริหารจัดการการทำงานเป็นทีม ในการทำงานร่วมกันให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย มาปรับใช้กับขั้นตอนในกระบวนการเรียนรู้ โดยการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ Active Learning ใช้วิธี สอนกิจกรรมเป็นฐานในการเรียนรู้เรอื่ งชนดิ ของคำไทย โดยใช้สำหรบั นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียน อนุบาลโกสมั พีนคร (บา้ นทา่ คูณ) มาปรับปรงุ การเรียนการสอนใหเ้ กิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากท่ีสุด ซง่ึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เปน็ ชนั้ แรกของชว่ งชัน้ ท่ี 2 ในการจะพัฒนาทักษะความรตู้ ่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ตอ่ ยอด ในระดับขั้นสูงสุดของชว่ งช้ันนี้ คือ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 และเขา้ รบั การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ัน พนื้ ฐาน (O-net) 2. วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์กิ ารเรยี นเรื่องชนิดของคำไทยกอ่ นและหลังเรียน โดยใช้วิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 2. เพ่อื ศึกษาความคิดเห็นของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ทมี่ ีต่อการเรยี นรเู้ รอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อนกิจกรรมเปน็ ฐาน 3.ขอบเขตเนอ้ื หา การดำเนินงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนเรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานของ นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นอนบุ าลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) มขี อบเขตดังนี้ 1.ขอบเขตด้านเนื้อหา เน้อื หาทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ครั้งนี้มจี ำนวน 3 ชนิดไดแ้ ก่ 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานในการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เนื้อหาประกอบด้วยชนิดของคำไทย จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ 1) คำนาม 2) คำสรรพนาม 3) คำกริยา 4) คำวิเศษณ์ ซ่งึ เนือ้ หาเปน็ ร้อยแก้วมาจากหนังสือเรยี นภาษาพาที และตรงตาม ตัวช้วี ัดในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในสาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษา 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องชนิดของคำไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ ประกอบด้วยชนิดของคำไทย จำนวน 4 ชนิด ไดแ้ ก่ 1) คำนาม 2) คำสรรพนาม 3) คำกรยิ า 4) คำวเิ ศษณ์ 3. แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำ ไทยโดยใชว้ ธิ ีสอนกิจกรรมเป็นฐาน มลี ักษณะเป็นมาตรประเมินค่า ซึ่งแบ่งเปน็ 4 ดา้ นดังนี้ ด้านเน้ือหาสาระ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นเร่ืองชนดิ ของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
7 จำนวน 4 ข้อ ด้านกิจกรรมการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 3 ข้อ ด้านประโยชน์ท่ีได้รบั จำนวน 4 ข้อ และ ดา้ นการมีส่วนรว่ มของนกั เรียน จำนวน 6 รวมท้งั หมด 17 ข้อ 2. ขอบเขตดา้ นกลุ่มเปา้ หมาย กลุ่มเป้าหมายใช้ในการดำเนินกิจกรรม ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาล โกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 12 คน ได้มาโดยวธิ ีการสมุ่ โดยวธิ เี จาะจง ( Purposive sampling ) 4.ขัน้ ตอนการพัฒนานวตั กรรม ระยะเวลาในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องชนิดของคำไทยของนักเรยี นชั้นประถมศึกษา ปที ่ี 4 ผูว้ จิ ยั ดำเนนิ การในภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 6 แผน เป็นเวลา 3 สปั ดาห์ สปั ดาห์ละ 3 ชวั่ โมง จำนวน 9 ชัว่ โมง การทดสอบก่อนเรยี น 1 ช่วั โมง ทดสอบหลงั เรียน 1 ช่ัวโมง รวมระยะเวลาท้ังสิ้น 11 ช่วั โมง แบง่ การดำเนินการ ดงั นี้ ระยะแรกเวลาในการสร้างและพัฒนา ใช้เวลาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ดำเนินการสร้าง และพัฒนาเครื่องมือคือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน 2) แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 40 ข้อ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน มีวิธีดำเนินการสร้างเครื่องมือ และตรวจสอบเครื่องมือในการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ดงั นี้ 1. การสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานในการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 6 แผน จำนวน 11 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้นี้ประกอบด้วย สาระสำคัญ ผลการเรียนรู้ที่คาคหวัง เนื้อหาสาระ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ กระบวนการวัค และประมนิ ผล และบันทึกหลังการสอน มีลำดบั ขนั้ ตอนในการจดั กจิ กรรมดังนี้ 1.1. ขน้ั ทบทวนประสบการณ์ หมายถงึ เป็นการทบทวนและสำรวจความรูเ้ ดมิ กระตุ้นให้ นักเรยี นเกิดความสนใจกอ่ นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1.2. ขั้นกิจกรรม หมายถึงการจัดกิจกรรมที่นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ทำงานร่วมกัน ตามกจิ กรรมท่ีครูจัดเตรียมไวโ้ ดยกิจกรรมท่ีจัดเตรยี มสามารถเป็นได้ท้ังกจิ กรรมเด่ียวและกจิ กรรมกลุ่ม มีการ สรา้ งสรรค์ชิ้นงานซึง่ มาจากทกั ษะท่ีจำเป็น 1.3. ขั้นสะท้อนความคิด ให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดและองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วม กิจกรรมโดยคิดวิเคราะห์สถานการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่เข้าร่วมกิจกรรม และนำเสนอ ผลงานของตนเองหรอื ของกลุ่ม 1.4. ขั้นประเมินผลและประยุกต์ใช้ ประเมินผลการเรียนรู้มา นำสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรูน้ ำมาใช้ใน สถานการณ์ใหม่หรือสถานการณ์ใกลเ้ คียงกับสิ่งท่ไี ด้เรยี นรมู้ า สร้างสรรคช์ ิน้ งานจากความรู้แบบองคร์ วม การพฒั นาผลสัมฤทธิ์การเรยี นเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
8 แผนการจัดการเรียนรโู้ ดยใชว้ ธิ ีสอนกิจกรรมเป็นฐานในการเรยี นรู้เร่ืองชนิดของคำไทย ของนักเรียน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 มวี ิธกี ารสรา้ งดงั นี้ 1.1.1 ศกึ ษาหลกั สตู รการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานพุทธศักราช 2551 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย แบบฝกึ หัด จากหนังสอื เรียนภาษาพาทชี น้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 1.1.2 ศกึ ษาตำรา เอกสาร คมู่ ือ ในการสร้างแผนการ จดั การเรียนรู้ 1.1.3 ศึกษาวิธีสอนและขั้นตอนการสอน โดยการและเอกสารที่เกี่ยวกับ การสอนเรื่องชนิดของคำไทย จากหนังสอื แบบเรยี นชุดพื้นฐานภาษา เลม่ 2 กระทรวงศึกษาธกิ าร กรมวิชาการ เอกสารและตำราทเี่ กย่ี วขอ้ ง 1.1.4 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทย จำนวน 6 แผน ใช้เวลาสอน 9 ชั่วโมง นำแผนการ จดั การเรยี นรู้ท่ปี รับปรงุ แลว้ เป็นฉบับจรงิ นำไปใชก้ ับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 2. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เรือ่ งชนดิ ของคำไทยกอ่ นหลังเรยี น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องชนิดของคำไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ท่ี เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ (Multiple Choice) 4 ตัวเลือกจำนวน 40 มีคำตอบที่ถูกต้องเพยี ง คำตอบเดยี วผู้วจิ ยั ได้ดำเนนิ การตามข้ันตอน ดังนี้ 2.1 ศึกษาคน้ คว้าวิธีการสร้างแบบทดสอบ การเขียนข้อสอบ และวธิ กี ารผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรือ่ งชนิดของคำไทย จากเอกสารและงานวิจยั ท่เี กี่ยวข้อง รวมถึงศึกษาสาระการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั ท่ีเก่ียวข้อง 2.2 กำหนดกรอบโครงสรา้ งขอ้ สอบ และจัดทำร่างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เรื่อง ชนิดของคำไทย 2.3 ดำเนินการเขียนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องชนิดของคำไทย โดยให้ สอดคล้องกับเนอื้ หาและจุดประสงคท์ างการเรยี นรู้ จำนวน 40 ขอ้ ตรวจสอบและแกไ้ ขความถูกตอ้ ง 2.4 พิมพ์แบบทดสอบวัดวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่องชนิดของคำไทย ฉบับจริงเพื่อนำไปใช้ กบั กลุ่มเป้าหมาย 3. แบบสอบถามความคดิ เหน็ แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ทีม่ ีตอ่ การเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ตามแนวคิดของ Likert มีลักษณะเป็นมาตรประเมินค่า (Rating scale) มี 3 ระดับ ซึ่งแบ่งเป็น 4 ดา้ น โดยมีขนั้ ตอนในการสร้างและพัฒนาดังน้ี 3.1 ศึกษาแนวทางการสร้างแบบสอบถามและการพัฒนาข้อคำตอบ ขึ้นตามแนวคิดของ Likert ซง่ึ กำหนดคา่ ระดับของขอ้ ความในแบบสอบถาม 3 ระดับ ดงั รายละเอยี ดดงั น้ี เหน็ ดว้ ยมากท่ีสดุ มีคา่ ระดับเท่ากบั 3 เห็นดว้ ยปานกลาง มคี ่าระดับเท่ากบั 2 เหน็ ด้วยนอ้ ย มีค่าระดบั เทา่ กบั 1 โดยผู้วจิ ยั ไดก้ ำหนดการแปลความหมายไว้ดงั น้ี คะแนนเฉลยี่ 2.50-3.00 หมายถึง ความคดิ เหน็ ตอ่ การเรยี นรู้เรือ่ งชนดิ ของคำไทยโดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานในระดบั มาก คะแนนเฉลย่ี 1.50-2.49 หมายถงึ ความคดิ เห็นต่อการเรยี นรู้เร่อื งชนิดของคำไทยโดยใชว้ ิธสี อน กิจกรรมเปน็ ฐานในระดับปานกลาง การพัฒนาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนเร่อื งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
9 คะแนนเฉล่ีย 1.00-1.49 หมายถึง ความคดิ เหน็ การเรียนรู้เรอื่ งชนิดของคำไทยโดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานในระดับน้อย 3.2 สร้างแบบสอบถามความคิดเหน็ ที่มีต่อการเรยี นรู้เร่อื งชนิดของคำไทยโดยใชว้ ธิ ีสอนกิจกรรมเป็น ฐานสำหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สามารถสรุปกรอบเนอื้ หาในการสร้างแบบสอบถามได้ 4 ดา้ นดังนี้ ดา้ นเนือ้ หาสาระ จำนวน 4 ขอ้ ด้านกจิ กรรมการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 3 ข้อ ดา้ นประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั จำนวน 4 ข้อ และดา้ นการมีสว่ นรว่ มของนักเรยี น จำนวน 6 รวมทง้ั หมด 17 ขอ้ โดยกำหนดประเด็นการ สรา้ งแบบสอบถามให้ครอบคลุมด้านเนอื้ หา รูปแบบ และการนำไปใช้ สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์ ทางการเรยี นรู้ 3.3 นำแบบสอบถามความคิดเหน็ ทม่ี ีต่อการเรยี นรู้เร่ืองชนดิ ของคำไทยโดยใช้วิธสี อนกจิ กรรมเป็น ฐานสำหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 มาปรบั ปรงุ แก้ไข 3.4 พมิ พ์แบบแบบสอบถามความคิดเหน็ ทม่ี ตี ่อการเรยี นรู้เรื่องชนดิ ของคำไทยโดยใชว้ ิธสี อนกจิ กรรม เป็นฐานสำหรับนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ฉบับจรงิ เพื่อนำไปใช้ ระยะท่ี 2 เวลาสำหรบั การนำไปใชก้ ับกลุ่มเป้าหมาย กำหนดไวใ้ นภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยใช้ ประชากร ซึ่งเป็นนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนอนบุ าลโกสัมพีนคร (บา้ นท่าคณู ) จำนวน 12 คน ทส่ี รา้ งข้ึน และผ่านการปรับปรุงแกไ้ ขจากการดำเนินงานในระยะที่ 1 มาแลว้ นั้น แล้วดำเนินการโดยมขี ัน้ ตอน การดำเนินการคอื นำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในการเรยี นรู้เร่ืองชนดิ ของคำไทย ของนกั เรยี น ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 มาทดสอบก่อนเรยี น จากน้ันจึงนำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วธิ ีสอนกิจกรรมเป็น ฐานมาใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้กบั กล่มุ เปา้ หมาย หลงั จากการสอนเสร็จส้นิ แล้วนำแบบทดสอบวดั ผล สัมฤทธทิ์ างการเรียน ในการเรยี นรู้เร่ืองชนดิ ของคำไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 มาทดสอบ ซึง่ เปน็ ชดุ เดยี วกบั ก่อนเรียน และสอบถามความคดิ เหน็ ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ทมี่ ีต่อการเรยี นรู้เรื่องชนิด ของคำไทยโดยใชว้ ิธสี อนกจิ กรรมเปน็ ฐาน การพัฒนาผลสมั ฤทธกิ์ ารเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
10 กรอบข้ันตอนการพัฒนา/การดำเนินงาน จากทส่ี ังเคราะห์งานวจิ ัยและเอกสารทเ่ี ก่ียวข้องจึงไดข้ ้ันตอนการดำเนินงานดังน้ี การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อนกิจกรรมเป็นฐาน 1. ศกึ ษาเอกสาร ตำราที่ 1.แผนจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เกย่ี วขอ้ งเพ่ือเตรยี มวางแผน 2.แบบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น 3.แบบสอบถามความคดิ เหน็ 2.กำหนดรปู แบบวธิ กี าร เคร่ืองมอื เนื้อหา กจิ กรรม ดำเนินกจิ กรรม สอื่ นวัตกรรมท่ีใช้ประกอบ การ จัดการเรียนรู้ ทดสอบก่อนเรยี น 3. ตรวจสอบความถูกต้อง แก้ไข วธิ ีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ปรับปรงุ 1) ขัน้ ทบทวนประสบการณ์ 4. นำไปใชก้ บั กลุ่มเปา้ หมาย 2) ขนั้ กิจกรรม 3) ขน้ั สะท้อนความคดิ 6.รวบรวมขอ้ มลู 4) ขนั้ ประเมินผลและประยกุ ตใ์ ช้ วิเคราะห์ และสรุปผล หลงั ดำเนนิ กจิ กรรมเสรจ็ ส้ิน การจดั กิจกรรม 1.ประเมินผลหลังจากจดั กิจกรรมการ เรียนรู้โดยกิจกรรมเปน็ ฐาน เพ่อื เปรียบเทยี บคะแนนความกา้ วหน้าจาก แบบทดสอบหลงั เรียน 2.สอบถามความคิดเห็นหลังจากเสร็จ สิน้ กจิ กรรม การพฒั นาผลสัมฤทธก์ิ ารเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
11 4. การทดลองใชน้ วัตกรรม เวลาสำหรับการนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย กำหนดไว้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยใช้ ประชากร ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) จำนวน 12 คน ใช้เครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และผ่านการปรับปรุงแก้ไขจากการดำเนินงานในระยะแรกมาแล้วนั้น ดำเนนิ การโดยมขี ั้นตอนการดำเนินการคือ นำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ในการเรยี นรู้เร่ืองชนิด ของคำไทย ของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 มาทดสอบก่อนเรียน จากนั้นจึงนำแผนการจัดการเรียนร้โู ดย ใชว้ ิธสี อนกจิ กรรมเป็นฐานมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรกู้ ับกลุ่มเป้าหมาย หลงั จากการสอนเสร็จสิ้นแล้ว นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย ของนักเรียนช้ันประถมศึกษา ปีที่ 4 มาทดสอบ ซึ่งเป็นชดุ เดียวกับก่อนเรียน และสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน จากนั้นรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ นเรยี น - หลงั เรียนเพอื่ ดู้ความกา้ วหน้า และสรุปผลการจัดกจิ กรรม • ปรนัย 4 ตวั เลือก 2. วิธสี อนกจิ กรรมเป็นฐาน • ปรนัย 4 ตวั เลือก 4.สอบถามความ จาํ นวน 40 ข้อ จาํ นวน 40 ขอ้ คดิ เหน็ 1. ทดสอบก่อนเรยี น แผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3.ทดสอบหลังเรยี น จำนวน 9 ช่ัวโมง ความคิดเหน็ ต่อการ 1) ขัน้ ทบทวนประสบการณ์ เรยี นรเู้ รอ่ื งชนิดของ 2) ขั้นกจิ กรรม คำไทย 3) ขัน้ สะท้อนความคดิ 4) ขัน้ ประเมนิ และประยกุ ต์ใช้ การพฒั นาผลสัมฤทธิก์ ารเรียนเร่อื งชนิดของคำ โดยใช้วธิ ีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 การพัฒนาผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
12 5. ผลสำเรจ็ ของการพฒั นานวัตกรรม 1.ผลสัมฤทธิ์การเรียนเรื่องชนิดของคำไทยก่อนและหลังเรียน โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านท่าคูณ) พบว่า คะแนนจากการทดสอบ ผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (������̅=12.31 ,S.D = 4.04) สูงกว่าก่อนเรียน (������̅=9.37 ,S.D = 3.89) แสดงให้เห็นวา่ การ เรียนโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ความก้าวหน้าของคะแนนกอ่ นเรยี นกบั หลังเรียน เท่ากับ 2.93 ค่าเฉล่ียความก้าวหนา้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 24.41 2.ความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธี สอนกจิ กรรมเปน็ ฐานสำหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 อยใู่ นระดบั มาก (������̅ = 2.74, S.D. = 0.51) ผวู้ ิจัยไดน้ ำเสนอผลการวิเคราะห์ ซ่งึ เป็นผลสำเรจ็ ของข้อมูล ดังนี้ ตอนท่ี 1 ผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นเรื่องชนิดของคำไทยก่อนและหลังเรียนโดยใชว้ ิธสี อนกิจกรรมเปน็ ฐาน ของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นอนบุ าลโกสัมพีนคร (บ้านทา่ คูณ) ตอนท่ี 2 ความคิดเหน็ ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ท่ีมตี ่อการเรียนรูเ้ รื่องชนิดของคำไทยโดย ใชว้ ิธสี อนกจิ กรรมเป็นฐาน ตอนที่ 1 ผลสัมฤทธ์ิการเรียนเร่ืองชนิดของคำไทยก่อนและหลังเรียน โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็น ฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นอนุบาลโกสัมพีนคร (บ้านทา่ คณู ) รายละเอียดดัง ตาราง 1 ตาราง 1 ผลการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นเร่อื งชนิดของคำไทยก่อนและหลงั เรียน โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นอนุบาลโกสัมพนี คร (บา้ นท่าคณู ) ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน N (������̅) S.D. t p-Value กอ่ นเรียน 12 9.34 3.89 19.60 .05* หลังเรียน 12 12.31 4.07 * มนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 จากตารางที่ 2 ผลสัมฤทธ์กิ ารเรยี นเรือ่ งชนิดของคำไทยกอ่ นและหลังเรยี น โดยใชว้ ธิ สี อนกจิ กรรม เป็นฐานของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลโกสัมพนี คร (บา้ นทา่ คูณ) พบวา่ คะแนนจาก การทดสอบผลสัมฤทธท์ิ างกอ่ นเรียนและหลัง หลังจากฝึกปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในครบทั้ง 3 เล่ม พบวา่ คา่ เฉลี่ย ก่อนเรียน (������̅) มีค่าเท่ากับ 9.34 สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) อย่ทู ่ี 3.89 และคะแนนเฉลี่ยหลงั เรยี น (������̅) มคี ่าเท่ากับ 12.31 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) อยู่ที่ 4.07 โดยคะแนนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอยู่ท่ี 2.97 คะแนน แสดงให้เหน็ วา่ การเรยี นโดยใชว้ ธิ ีสอนกจิ กรรมเปน็ ฐาน ส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นดีขน้ึ อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ่ี 0.05 การพฒั นาผลสมั ฤทธก์ิ ารเรยี นเรือ่ งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
13 ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ตาราง 2 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ทม่ี ีต่อการเรียนรเู้ รื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อนกิจกรรมเปน็ ฐาน ลำดับ รายการประเมนิ S.D. ระดับ ลำดบั ดา้ นเนอื้ หาสาระ 2.93 0.26 มาก 1 1. มกี จิ กรรมมคี วามหลากหลายไม่นา่ เบื่อ 2.83 0.44 มาก 3 2.69 0.56 มาก 8 2. เนื้อหาท่สี อนทนั สมยั นำไปใชไ้ ด้จริง 2.79 0.42 มาก 5 3. เน้ือหาเข้าใจงา่ ย 2.83 0.44 มาก 3 4. แบบฝกึ หดั เหมาะสมกับเนือ้ หา 2.64 0.76 2.86 0.35 มาก ด้านกจิ กรรมการเรยี นการสอน 9 5. ครูตั้งใจสอน ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ อำนวยความ 2.76 0.53 สะดวกแกน่ ักเรยี นในการทำกิจกรรม 2.81 0.55 มาก 2 6. มีส่งเสรมิ ใหน้ ักเรียนมคี วามคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์และ 2.74 0.51 รว่ มกนั แสดงความคิดเห็น 2.52 0.71 มาก 6 7. นกั เรยี นชอบเกมต่าง ๆ ทน่ี ำมาใช้ประกอบกิจกรรม มาก 4 2.74 0.51 มาก 7 ดา้ นประโยชน์ท่ีไดร้ ับ มาก 10 8. นกั เรียนมคี วามต้ังใจเรียนวิชาภาษาไทยเพมิ่ ข้ึน 2.76 0.53 มาก 9. นกั เรยี นมคี วามรู้ในเรือ่ งที่เรียนเพ่ิมขึ้น 7 10. กจิ กรรมท่ีสอนส่งเสริมทักษะการคิดเช่อื มโยง มาก 6 11. เนอ้ื หาท่ีสอนสามารถนำไปต่อยอดในด้านอื่น ๆ ด้านการมสี ว่ นร่วมของนักเรียน 12. ครูส่งเสริมให้นักเรียนทำงานรว่ มกันเป็นกลมุ่ และ รายบุคคล 13. กจิ กรรมการเรียนการสอนเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ส่งเสรมิ ให้นกั เรียนลงมือปฏบิ ัติจริง การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิการเรียนเรอื่ งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
14 ตอ่ ตารางที่ 2 ลำดับ รายการ S.D. ระดบั ลำดบั 14. เปิดโอกาสนกั เรียนซักถามปัญหาหรือมคี ำถามกระตุน้ 2.83 0.44 มาก การคดิ 3 15. นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการประเมินผลการเรียน 2.44 0.69 มาก 11 16. มีการแจง้ ผลการทำแบบทดสอบและแบบฝกึ หดั ให้ 2.76 0.58 มาก นักเรยี นทราบความก้าวหน้าของตนเอง 6 17. นกั เรียนเรียนร้อู ยา่ งมีความสุข เรยี นดว้ ยความสนุก 2.86 0.35 มาก 2 รวมทั้งหมด 2.74 0.51 มาก จากตารางที่ 2 ผลการศกึ ษาความคดิ เหน็ ของนักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ท่มี ีต่อการเรียนรู้เร่ือง ชนดิ ของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน สามารถสรุปไดว้ า่ กลุ่มเปา้ หมายมีความคิดเหน็ ของนักเรียนต่อ การเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานอยู่ในระดับ มาก คือค่าเฉลี่ยความคิดเห็นท้ัง ฉบับอยู่ท่ี 2.74 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ท่ี 0.51 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความคิดเห็นของนักเรียน ต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยโดยใชว้ ิธีสอนกจิ กรรมเป็นฐาน โดยสามารถแยกสรุปผลเป็น รายข้อคำถาม ได้ดังน้ี ด้านเนื้อหาสาระ กิจกรรมมีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ (������̅ = 2.93, S.D. = 0.26) อยู่ระดับมากที่สดุ ส่วนลำดบั ท่สี องมีค่าเฉล่ยี เทา่ กนั 2 ข้อ คอื ด้านกจิ กรรมการเรยี นการสอน นกั เรียนชอบเกมตา่ ง ๆ ท่ีนำมาใช้ ประกอบกิจกรรม และด้านการมีส่วนร่วม นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข เรียนด้วยความสนุก (������̅ = 2.86, S.D. = 0.35) อยู่ระดับมาก ลำดับที่สามมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน จำนวน 3 ข้อ คือ เนื้อหาที่สอนทันสมัยนำไปใช้ได้ จริง , ครูตั้งใจสอน ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่นักเรียนในการทำกิจกรรม, เปิดโอกาส นักเรยี นซกั ถามปัญหาหรอื มีคำถามกระตนุ้ การคดิ สนกุ (������̅ = 2.83, S.D. = 0.44) อยู่ระดับมาก ลำดับตอ่ มา มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน 2 ข้อ คือ กิจกรรมท่ีสอนส่งเสริมทักษะการคิดเชื่อมโยง และ ครูส่งเสริมให้นักเรียนทำงาน รว่ มกนั เปน็ กลมุ่ และรายบคุ คล (������̅ = 2.81, S.D. = 0.55) อยู่ระดับมาก จากคา่ เฉล่ยี ท่รี ากฎแสดงใหเ้ หน็ วา่ ความคิดเห็นของนักเรียนตอ่ การเรียนรู้เร่ืองชนิดของคำไทยโดย ใช้วิธสี อนกิจกรรมเป็นฐานและมคี วามเหน็ ใหเ้ พ่ิมเวลาการเรยี นรู้โดยใชว้ ิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานเพมิ่ ขน้ึ ดว้ ย การพัฒนาผลสัมฤทธก์ิ ารเรียนเร่อื งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4
15 การศึกษาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนเร่ืองชนิดของคำไทยก่อนและหลงั เรยี น โดยใชว้ ธิ สี อนกิจกรรมเป็นฐาน ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นอนุบาลโกสมั พนี คร (บ้านทา่ คณู ) พบวา่ คะแนนจากการทดสอบ ผลสัมฤทธ์ิหลังเรียน (������̅=12.31 ,S.D = 4.04) สูงกว่าก่อนเรียน (������̅=9.37 ,S.D = 3.89) โดยมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 0.05 เป็นผลเช่นนี้อาจเป็นเพราะ นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง จึงทำให้เกิดทักษะ และค้นคว้า ช่วยพัฒนาให้นักเรียนฝึกการทำงานตามลำพัง ส่งเสริมความสามารถและความแตกต่างของแต่ละบุคคล นักเรียนไม่เคร่งเครียดในการเรียน เนื่องจากไม่ได้กำหนดเวลาในการทำกิจกรรม เมื่อทำกิจกรรมไม่ถูกต้อง สามารถกลับมาทำใหม่ได้อีก และท่สี ำคัญเป็นการจัดกิจกรรมท่ยี ดึ นักเรียนเปน็ ศูนย์กลางในการศึกษาค้นคว้า นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมครบทุกคน จึงทำให้แบบฝึกทักษะ เรื่องชนิดของคำไทยสร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพเปน็ ไปตามท่ีกำหนด สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีท้ังนี้เน่ืองมาจาก เหตผุ ลดังตอ่ ไปน้ี ประการที่ 1 การเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน มีกระบวนการสอนที่ชัดเจน เข้าใจง่าย มี การกำหนดวัตถุประสงค์ปลายทางได้อย่างครอบคลุมตวั ชว้ี ัด รวมถงึ กจิ กรรมการเรียนการสอนเริ่มจากง่ายไป หายาก มีการใช้คำถามกระตนุ้ ในการจัดกจิ กรรมทุกครัง้ เพื่อใหน้ กั เรียนไดฝ้ กึ ฝนการคิด วิเคราะห์ ท้งั ยังมีการ ทำกิจกรรมกลุ่มและเป็นรายบุคคล เน้นกิจกรรมที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง และมีการเรียนด้วยแบบฝึก ทักษะประกอบ เปน็ การเรยี นรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง ทำให้นกั เรียนรูจ้ กั คิดและปฏิบัติเป็นขัน้ ตอน ไดล้ งมอื ปฏิบัติด้วย ตนเองตามความสนใจ สามารถควบคมุ บทเรียนและลำดบั ข้นั ตอน ไดเ้ รียนตามความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีปัญญานิยม ตามแนวคิดของ Chomsky ซึ่งสอดคล้องกับสาลี ทองประสาร (2551) ได้ ศึกษาการพัฒนาชุดการสอน เรื่องชนิดของคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการวิจัยพบว่า ชุดการสอนวิชาภาษาไทย เรื่องชนิดของคำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สร้าง ขึ้นมีประสิทธิภาพ 83.57/87.83 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และยังสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ วิมลนาฏ วิทูรางกูร (2556, หน้า 1) ได้ศึกษาการสร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ชนิดของคำ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย สาหรบั นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรยี นดอนแรดวทิ ยาผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ชนิดของคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนดอนแรดวิทยา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.01/86.47 ซึ่งถือว่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ กำหนดไว้ ประการท่ี 2 ผลการพฒั นารปู แบบการเรียนการสอนมอี งคป์ ระกอบดงั นี้ 1) หลักการ 2) วัตถปุ ระสงค์ ของรูปแบบการเรียนการสอน 3) ขั้นการจัดการเรียนการสอน มี 4 ขั้น คือ (1) ทบทวนประสบการณ์ (2) ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม (3) สะท้อนความคิด (4) ประเมนิ และประยุกต์ใช้ เม่อื ประเมินองคป์ ระกอบของรูปแบบนี้ พบวา่ มีความเหมาะสมในระดบั มากสามารถนำไปใชไ้ ด้ เน่อื งจากมปี ระสทิ ธิผลของรปู แบบการเรียนการสอน แบบกจิ กรรมเปน็ ฐาน นั้นสง่ เสริมคณุ ลักษณะการเรียนด้วยการนำตนเอง สง่ ผลใหม้ ผี ลสมั ฤทธ์ิการเรียนรู้หลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรยี นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทรี่ ะดับ 0.05 ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั พรพมิ ล คำนวณศิลป์ (2549) กล่าววา่ การเรยี นร้เู ชงิ ประสบการณช์ ่วยใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้โดยการปฏบิ ัติจริงเป็นการเรียนรู้แบบมีส่วน ร่วมเพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่วัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์ เรียนรู้ร่วมกันทำให้มีคณุ ภาพชวี ติ ทีด่ ีจุดเด่นขององค์ประกอบนี้ คือ การจัดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ทำให้ ผเู้ รียนได้ใชป้ ระสบการณ์เดมิ ของผูเ้ รยี น โดยเช่อื มโขงกบั ประสบการณ์ใหมด่ ้วยการปฏิบัตกิ ิจกรรมทีอ่ าจารย์ การพฒั นาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนเร่ืองชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
16 ประการที่ 3 สูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ที่กล่าวว่า กระบวนการจัดการเรียนรู้ตาม แนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพื่อช่วย ให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรอื กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ข้ึน โดยกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher order thinking) กล่าวคือ ผู้เรียนมีการวิเคราะห์สังเคราะห์ และการ ประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมาย และนำไปใช้ใน สถานการณ์อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีที่ดีต่อการเรียนรู้เพราะกระตุ้นความสนใจได้ดี ช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดการโต้เถียงกันในกลุ่มและสามารถร่วมกันคิดได้อย่างสร้างสรรค์ เป็นการศึกษาที่มุ่งให้นักเรียนรู้จกั การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น กล้าคิด กล้าแสดงออก จะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนได้พัฒนาความคิด สร้างสรรค์ของตนเองอย่างเต็มที่สอดคล้องกับ ณัชนัน แก้วชัยเจริญกิจ (2550) นักเรียนจะมีความ กระตือรือร้นในการเรียนยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทีน่ ักเรียนได้ร่วมปฏบิ ตั ิกจิ กรรมจะทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาท่ี เรยี นลึกซ้งึ รวมไปถงึ ระหวา่ งการทำกจิ กรรมนักเรียนไดร้ ะดมสมองในการคดิ แสดงความคดิ เห็นรว่ มกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มทำใหไ้ ด้แลกเปลยี่ นความรซู้ ึ่งกนั และกัน เป็นการเรยี นรทู้ ี่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง กล่าวโดยสรุป การเรียนรู้โดยใชว้ ิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน เป็นกระบวนการคิดจะช่วยพัฒนาการอ่าน ของผู้เรียนได้ เพราะในแต่ละกระบวนการจะมีขั้นตอนของการคิดและอ่านตามลำดับโดยใช้เหตุผลในการ พจิ ารณา ซ่ึงแตกตา่ งจากการจดั การเรียนรู้แบบปกติที่ครผู ู้สอนเป็นผู้ป้อนข้อมูลให้นักเรยี น ส่วนใหญ่เป็นการ ตีกรอบความคิดของนักเรียน ทำให้นักเรียนไม่มีโอกาสที่จะฝึกคิดอย่างมีอิสระเท่าที่ควร นักเรียนจึงคิดได้ เพียงมุมเดียวคือคิดตามที่ครูผู้สอนชี้นำเท่านั้น จึงทำให้บางครั้งนักเรยี นไม่สามารถจะหาเหตุผลมาสนับสนนุ ความคิดของตนได้ดีเพยี งพอ การเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน เป็นการจัดกิจกรรมท่ีให้นักเรยี นได้มี ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผอู้ ืน่ รูจ้ กั การปรับตัว 2. ความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานของนักเรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 อยู่ในระดับมาก เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายพบว่า ดา้ นที่มคี า่ เฉลย่ี มากท่ีสุด คือ ด้านเนื้อหา สาระ รองลงมาคือด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านประโยชน์ที่ได้รับและด้านการมีส่วนร่วมของนักเรียน ตามลำดับ ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ที่มีต่อการเรียนรู้เรื่องชนิดของคำ ไทยโดยใชว้ ิธีสอนกจิ กรรมเป็นฐาน สามารถสรปุ ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีความคิดเห็นของนกั เรียนต่อการเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐานอยู่ในระดับมาก คือค่าเฉลี่ยความคิดเห็นทั้งฉบับอยู่ท่ี 2.74 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.51 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความคิดเห็นของนักเรียนต่อการ เรยี นรู้เรอ่ื งชนิดของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน โดยสามารถแยกสรปุ ผลเปน็ รายขอ้ คำถามได้ดังนี้ ด้านเนื้อหาสาระ กิจกรรมมีความหลากหลายไมน่ ่าเบ่ือ (อยู่ระดับมากที่สุด ส่วนลำดับที่สองมีคา่ เฉลี่ยเทา่ กนั 2 ข้อ คอื ดา้ นกิจกรรมการเรียนการสอน นกั เรียนชอบเกมต่าง ๆ ท่ีนำมาใช้ประกอบกจิ กรรม และด้านการมี ส่วนร่วม นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข เรียนด้วยความสนุก อยู่ระดับมาก ลำดับที่สามมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน จำนวน 3 ข้อ คือ เนื้อหาที่สอนทันสมัยนำไปใช้ได้จริง , ครูตั้งใจสอน ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ อำนวยความ สะดวกแกน่ กั เรยี นในการทำกิจกรรม, เปิดโอกาสนกั เรียนซกั ถามปัญหาหรือมคี ำถามกระตุ้นการคดิ สนกุ อยู่ ระดับมาก ลำดับต่อมา มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน 2 ข้อ คือ กิจกรรมท่ีสอนส่งเสริมทักษะการคิดเชื่อมโยง และ ครู ส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและรายบุคคล อยู่ระดับมาก ที่เป็นแบบเนื่องจากการพัฒนา การพัฒนาผลสมั ฤทธกิ์ ารเรยี นเรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วิธสี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
17 ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้เรือ่ งชนดิ ของคำไทยโดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ซึ่งเป็นการออกแบบกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ เรื่องชนิดของคำได้ดีมากขึ้นมีส่วนช่วยพัฒนา ความเข้าใจและการจำความหมายและชนิดของคำได้เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการเรียนรู้ ชนดิ ของคำไทยโดยใช้วธิ ีสอนกจิ กรรมเป็นฐาน อยใู่ นระดบั มาก โดยใช้วิธีสอนกิจกรรมเปน็ ฐานนเี้ ป็นการสร้าง บรรยากาศที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำและก่อให้เกิดความเพลิด เพลินสนุกสนาน ให้กับทั้งนักเรียนและสร้างกระบวนการจำคำศัพท์ให้เพิ่มขึ้นจึงเป็นที่มาของ Activity-Based Leaning และ ยังเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนตามห ลักการเรียนรู้ที่เน้นกิจกรรมเป็นฐาน มีความสำคัญกับการ เรยี นรู้ของผู้เรียน ราะสามารถทำให้ผเู้ รียนเกิดความกระตือรือร้นในกระบวนการเรียนรู้ (Active) ผ่านการทำ กจิ กรรมท่ีผเู้ รยี น ได้ลงมือปฏบิ ตั ิเอง ซึง่ จะทำใหผ้ เู้ รียนเกิดความรแู้ ละทักษะที่คงทนยั่งยนื ยาวนาน สอดคล้อง กับราตรี พชิ ยั พงค์ (2558) กล่าวว่า การเรียนเชงิ รุกคอื การจัดการเรียนรู้ท่ีกระตุ้นใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนรว่ มและเป็น ส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้เรียนจะได้เชื่อมโยงความรู้เดิม และความรู้ใหม่ จากการได้คิด ได้ ปฏบิ ัติระหว่างการเรียนการสอน ประการที่สองการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนบรรยากาศในชั้นเรียนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความ สนใจใคร่รู้ใคร่เรียนให้แก่ผู้เรียน โดยที่ผู้วิจัยนำเกมมาใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละเพื่อสร้าง ความคุ้นเคยกับชนิดของคำไทยให้แก่นักเรียน นอกจากนี้การทบทวนสิ่งที่เคยเรียนมาแล้วบ่อย ๆ จะทำให้ ผู้เรียนจดจำได้แม่นขึ้นซึ่งเป็นวิธีช่วยจำเพื่อให้เกิดความคงทนทางการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับวชิราภรณ์ คำ คล้าย (2551) การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ คือ สถานที่ที่ใช้ในการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็น ห้องเรียน อาคารเรียน บรรยากาศบริเวณโรงเรียนที่สะอาด และมีการจัดบรรยากาศท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น การจัดป้ายนิเทศโดยป้ายนิเทศสามารถเป็นเนื้อหาที่ใชใ้ นการเรยี นการสอนในแต่ละบทจะทำให้นักเรยี นเกดิ การเรียนรู้ได้ตลอดเวลาจากการดูและสังเกต การจัดมุมวิชาการ การจัดโต๊ะ เก้าอ้ี และการเสริมแรง (Reinforcement) ทำให้นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมการเรียนรูท้ ีเ่ กิดข้ึนแลว้ มคี วามคงทนถาวรต่อไปเรอื่ ย ๆ เม่อื ได้รับผลที่พึงพอใจ ซึ่งการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานเป็นการเรียนรู้โดยการเสริมแรงทางบวก ผู้วิจัย ออกแบบกิจกรรมตา่ ง ๆ ให้มีความหลากหลาย สนุกสนาน ไม่น่าเบือ่ ทำให้นักเรียนเกิดความพึงพอใจในการ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักเรียนมีความจำเนื้อหาที่คงทนถาวรจึง ส่งผลให้คะแนนสอบหลงั เรียนหลังผ่านไปแล้ว 3 สปั ดาหเ์ พ่ิมขน้ึ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนเรอ่ื งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
18 ผลงานท่เี กิดจาการประยกุ ต์ใช้ความรู้เป็นแผนผังความคดิ การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
19 ผลงานท่เี กิดจาการประยกุ ต์ใช้ความรู้เป็นแผนผังความคดิ การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใช้วิธีสอน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
20 บรรณานุกรม กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551) การจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ตาม หลกั สตู รการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ :โรงพิมพ์ครุ สุ ภา ลาดพร้าว. ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ. (2553) .Active Learning. ขา่ วสารวชิ าการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ประจำเดอื นพฤศจิกายน. 2553. ณัชนัน แกว้ ชัยเจริญกจิ . (2550) .บทบาทของครูผสู้ อนในการจดั กิจกรรมและวิธกี ารปฏิบัตติ าม แนวทางของ Active Learning. สืบค้น 25 พฤศจกิ ายน 2563, จาก https://www.ite.org ฐะปะนยี ์ นาครทรรพ. (2548) อา่ นเปน็ : เรยี นก่อนสอนเกง่ . กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คสพ์ ับลิเคชัน่ ส์, นลิ ุบล วรวชิ ญ์ธนเลศิ . (2555). การเรยี นรโู้ ดยใช้กิจกรรมเปน็ ฐาน (Activity – Base Learning). ค้นเม่ือ 3 ,มกราคม 2564, จาก https://dputhp.wordpress.com/2013/. บญุ ชม ศรีสะอาด. (2548).วิธที างสถิติสำหรับการวิจยั . พิมพ์ครง้ั ที่ 2 กรุงเทพฯ : สุวีรยาสน์ , ปริญญา เทวานฤมิตรกุล.(2542).เทคนิคการสอนแบบ Active Learning เพ่อื การเรยี นร้อู ยา่ ง สร้างสรรค์. เอกสารประกอบการบรรยาย โครงการอบรมเพื่อพฒั นาศักยภาพอาจารยมหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบญั ญัติการศกึ ษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542. ราตรี พิชยั พงค.์ (2558). การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น เร่ือง ชนิดและหนา้ ที่ของคำในประโยค ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีเนน้ ทกั ษะการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนรว่ มกบั การจัดการเรยี นรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรคั ติวิซึม. วิทยานิพนธ์ ค.ม. นครราชสีมา:มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา. วรรณี โสมประยรู . การสอนภาษาไทยระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ , 2544. วิจารณ์ พานิช .วิถีสร้างการเรียนรูเ้ พ่อื ศิษย์ ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : มลู นิธสิ ดศรี-สฤษดว์ิ งศ์, 2555. วิมลนาฏ วทิ ูรางกูร. (2556). การสร้างและพัฒนาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง ชนิดของคำกลุม่ สาระ การเรยี นรู้ภาษาไทย สาหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบ้านดอนแรดวทิ ยา. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สาลี ทองประสาร. (2551). การพฒั นาชดุ การสอน เร่ือง นดิ ของคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. อบุ ลราชธานี:มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ อบุ ลราชธานี การพัฒนาผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
21 ภาคผนวก การพัฒนาผลสมั ฤทธิก์ ารเรยี นเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
22 แผนจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ตามแนวทางการจดั กจิ กรรมเชิงรกุ Active Learning ประกอบการพฒั นาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใช้วิธสี อนกจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นอนบุ าลโกสมั พนี คร (บ้านท่าคณู ) นางสาวพจิ ารนิ เมืองตาแก้ว โรงเรียนอนบุ าลโกสมั พนี คร (บา้ นทา่ คณู ) สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 กระทวงศึกษาธิการ การพฒั นาผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นเร่อื งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
23 แผนการจดั การเรียนรู้ Active Learning กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 นทิ านแสนสนุก จำนวน 9 ชวั่ โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง คํานาม เวลา 1 ช่วั โมง ครูผู้สอน นางสาวพจิ ารนิ เมืองตาแก้ว 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั สาระท่ี 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 4. เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของ ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้ เปน็ สมบตั ิของชาติ ตวั ช้ีวัด ป.4/2 ระบุชนดิ และหนา้ ท่ีของคำในประโยค 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด คำนาม เปน็ คำที่แสดงความหมายถงึ ชื่อ บุคคล สตั ว์ สิ่งของ สภาพ อาการ ลกั ษณะ ทง้ั มชี วี ติ และ ไม่มชี วี ิต ทีเ่ ป็นรูปธรรม และนามธรรม จำแนกไดห้ ลายชนิด แตล่ ะชนดิ มีหนา้ ที่ และวธิ กี ารใช้แตกต่างกัน ออกไป จึงต้องศกึ ษาใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจสามารถนำไปใชไ้ ด้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม เพอื่ ชว่ ยให้ใชภ้ าษา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - อธบิ ายความหมาย ลักษณะ ประเภทและหนา้ ทข่ี องคำนามได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) - จำแนกคำนามทว่ั ไปกับคำนามเฉพาะได้ 3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ใชค้ ำนามประเภทต่าง ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความหมายของคำนาม 4.2 คำนามท่วั ไป 4.3 คำนามเฉพาะ 4.4 หนา้ ทีข่ องคำนาม การพฒั นาผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนเรือ่ งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
24 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการสงั เกต - ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี นิ ยั 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 ม่งุ ม่ันในการทำงาน 7. ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 1. ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ 2. ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 3. ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธกี าร วธิ ีการสอนโดยการจดั การเรียนร้แู บบกิจกรรมเป็นฐาน ขนั้ ตอนการปฏบิ ัติ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นทบทวน 1.ครนู ำเสนอภาพเสื้อผา้ ขนม และอปุ กรณ์การเรยี นใหน้ ักเรียนดูและถาม ประสบการณ์ คำถามนักเรียนวาส่ิงเหลาน้เี รียกวาอะไร 2. ครูสุ่มรายช่ือโดยใชว้ งลอ้ หรรษาสมุ่ เลขท่ี ตอบคำถามท่ี 2 คอื เพอ่ื นเลขท่ี ข้ันท่ี 2 ข้นั กิจกรรม 1 – 5 ชื่อว่าอะไรบ้าง 3.ครถู ามคำถามนักเรียน ดังน้ี นักเรียนทราบไหมวาชือ่ ส่ิงตาง ๆ ท่ีนักเรยี นเรียกกัน คือคำอะไร ? 4. ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียน เรื่อง คํานาม ให้นักเรียนทราบ 5.ครเู ปิดเพลง คำนามเดอะซีรีส์ให้นักเรียนฟัง 1 รอบ และให้นักเรียนช่วยกนั พจิ ารณาเน้ือเพลงวา่ กลา่ วถึงคำนามก่ชี นิด 6.ครูอธบิ ายประเภทของคำนามให้นกั เรียนเขา้ ใจและชีแ้ จงให้นักเรียนทราบ วา่ วันนี้จะเรียนคำนาม 2 ประเภท คือ คำนามทวั่ ไปและคำนามเฉพาะ 7.ครใู ห้นักเรียนศึกษาใบความรทู้ ่ี 3 เรื่องคำนาม ดว้ ยตนเองเปน็ เวลา 5 นาที แล้วครูสมุ่ ถามนักเรียนเก่ยี วกับเน้ือหาในใบความรู้ที่ 3เรื่องคำนาม เช่น - คำนามหมายถึงอะไร / คำนามท่ีนกั เรียนเรยี นมีกีช่ นดิ การพัฒนาผลสมั ฤทธกิ์ ารเรยี นเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
25 ข้ันตอนการปฏบิ ัติ วธิ กี าร ข้นั ที่ 3 ข้นั สะทอ้ น - หนา้ ทขี่ องคำถามมีอะไรบ้าง เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น เสรจ็ ความคดิ แลว้ ครูอธบิ ายความหมายของคำนาม ชนิดและหน้าท่ีของคำนามพร้อม ยกตวั อย่างให้นักเรยี นเข้าใจ ขัน้ ท่ี 4 ประเมนิ ผล และประยุกตใ์ ช้ 8.แบ่งกลมุ่ นักเรียน กลมุ่ ละ 3 คน จัดกจิ กรรมให้นักเรยี นแยกประเภทของ คำนามทั่วไปและคำนามเฉพาะ โดยใชบ้ ัตรภาพและบัตรคำ และแจกธงสแี ดง กับสเี ขยี วให้นกั เรยี นทุกคน มีข้ันตอนการจัดกจิ กรรมดงั น้ี - ครูหยบิ บตั รภาพขน้ึ มา1 บัตร นักเรยี นพจิ ารณาวา่ เปน็ คำนามทวั่ ไปหรือ คำนามเฉพาะ - คำนามทว่ั ไปให้ยกธงเขียว - คำนามเฉพาะใหย้ กธงแดง - ครหู ยิบบัตรภาพและบัตรคำ ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมไปเรื่อย ๆ จนจบ 9.ครชู ีแ้ จงการทำใบงานท่ี 6 เรอื่ ง ค้นควา้ คำนามครูมอบหมายให้นักเรียน ปฏิบัตกิ จิ กรรมในใบงานที่ 6 เร่อื ง ค้นควา้ คำนาม 10. ครใู ห้นักเรยี นออกมานำเสนอผลงานจากใบงานที่ 6 เรื่องค้นคว้าคำนาม 11. ครูใหน้ กั เรยี นอภปิ รายสรปุ ความรู้เร่ืองคำนามท่วั ไปและคำนามเฉพาะ รว่ มกนั และใหน้ ักเรียนบอกความสำคญั ของการใช้คำให้ถกู ตอ้ งตามชนดิ และ หนา้ ที่ของคำ และเพ่ิมเติมเรื่องคำนามชนิดอืน่ ๆ 12. ครูใหน้ กั เรียนมทบทวนความรูผ้ ่านการเลน่ เกม Kahoot 13. มอบหมายให้นกั เรยี นไปทบทวนเปน็ การบ้านโดยจดั ทำผังความคดิ และ นำมาสง่ ในคาบตอ่ ไป (นกั เรยี นสามารถไปทบทวนความรู้ได้ตามลิงก์สื่อการ สอนออนไลนไ์ ด้) 9.การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน - ประเมินการตอบ 1. คำถามสำคัญ ประเดน็ การประเมนิ คำถามในช้นั เรียน 2. แบบบันทึกคะแนน - ผ่านเกณฑก์ าร ประเมนิ ร้อยละ 60 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - ประเมนิ ใบงานท่ี 6-7 - แบบประเมินใบงาน ข้ึนไป - อธิบายความหมาย ลักษณะ เรือ่ ง ค้นควา้ คำนาม ที่ 6-7 เร่ือง ค้นควา้ - ผา่ นเกณฑ์การ ประเภทและหน้าท่ีของคำนาม คำนาม ประเมนิ ร้อยละ 60 - ประเมนิ ใบงานที่ 6-7 - แบบประเมนิ ใบงาน ข้นึ ไป ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) เร่อื ง คน้ คว้าคำนาม ที่ 6-7 เรื่อง คน้ คว้า - ผา่ นเกณฑ์การ - จำแนกคำนามทั่วไปกับ คำนาม ประเมินร้อยละ 60 คำนามเฉพาะ ขน้ึ ไป ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ใชค้ ำนามประเภทต่าง ๆ การพฒั นาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนเรือ่ งชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ ีสอน กจิ กรรมเป็นฐานของนกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4
26 ประเด็นการประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน - แบบประเมิน - ผา่ นเกณฑ์การ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ประเมนิ การทำงาน คณุ ลกั ษณะอนั พึง ประเมินระดบั คุณภาพ ประสงค์ “ผา่ น”ขนึ้ ไป 1. มีวินัย และ การปฏบิ ตั ิ - แบบประเมิน - ผา่ นเกณฑ์การ 2. ใฝ่เรียนรู้ กิจกรรมในช้นั เรียน สมรรถนะสำคัญของ ประเมินระดับคุณภาพ ผู้เรียน “ผ่าน”ขึน้ ไป 2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน - ประเมนิ 1. ความสามารถในการ ความสามารถ สื่อสาร ในการคดิ และการ 2. ความสามารถในการคิด สือ่ สาร 11.ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ 1) สื่อนำเสนอ PowerPoint เร่อื ง คำนาม 2) วงลอ้ หรรษา 3) ใบความรู้ท่ี 3 เร่อื ง คำนาม 4) บัตรภาพสิง่ ของ สตั ว์ พืช ฯลฯ 5) บตั รคำคำนาม 6) เพลงคำนามเดอะซรี สี ์ 7) ใบงานที่ 6 -7 เร่ือง คน้ ควา้ คำนาม 8) เกม Kahoot 9) ลิงก์สอ่ื การสอนออนไลน์ การพัฒนาผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเป็นฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
27 12. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... .......... .................................................................................................................. ............................................... ความสำเรจ็ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................ ................................................................................... ................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. .............................................. ขอ้ จำกัดการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แก้ไข ......................................................................................................................................... ............................... .................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................................ .................................................................. .......... ........................................................................................................................................ ................................ ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (นางสาวพจิ าริน เมืองตาแก้ว) ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................. ......................................................... ลงชื่อ ...................................................... ผตู้ รวจ (นางสาวนิศารัตน์ จนั ทร์เกล้ียง) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนอนุบาลโกสมั พีนคร (บา้ นทา่ คูณ) การพัฒนาผลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นเรือ่ งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
28 ใบความรเู้ รอื่ ง คำนาม ความหมายของคำนาม คำนาม คือ คำที่ใชเ้ รียกช่ือ คน สตั ว์ พชื สง่ิ ของ สถานท่ี สภาพ อาการ ลักษณะทัง้ ที่ เปน็ สง่ิ มชี วี ิต หรอื ส่ิงไม่มชี วี ิต ทง้ั ที่เปน็ รปู ธรรมและนามธรรม เชน่ คำว่า คน ปลา ตะกร้า ไกป่ ระเทศไทย การศกึ ษา ความดี ความงาม กอไผ่ กรรมกร ฝงู ตัว 1. สามานยนาม (คำนามทว่ั ไป) คอื คำนามท่ีใช้เป็นช่อื ทั่วไปโดยไม่เฉพาะเจาะจง 2. วสิ ามานยานาม (คำนามเฉพาะ) คอื คำนามทีใ่ ช้เป็นชื่อเฉพาะเจาะจงลงไปให้รู้ชดั เจน เปน็ คำนามที่ตง้ั ขึน้ เพื่อเรียกคนเดียวหรอื ส่ิงเดียว การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนเรอื่ งชนิดของคำไทย โดยใช้วิธสี อน กิจกรรมเปน็ ฐานของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
29 การพัฒนาผลสมั ฤทธก์ิ ารเรยี นเรอ่ื งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4
30 จงั หวดั กำแพงเพชร จงั หวดั กำแพงเพชร การพฒั นาผลสัมฤทธิ์การเรียนเร่อื งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
31 ใบงานท่ี 6 เรอ่ื ง คน้ คว้าคำนาม ขึ้นอยูก่ ับดุลยพนิ จิ ของครู ช่อื -สกุล.....................................................เลขท.ี่ ............ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรยี นเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4
32 ใบงานที่ 7 เรอ่ื ง คน้ คว้าคำนาม ช่ือ-สกุล.....................................................เลขท.ี่ ............ การพัฒนาผลสัมฤทธิก์ ารเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
33 เฉลยใบงานท่ี 7 เรอ่ื ง คน้ ควา้ คำนาม ญี่ปุน่ รถไฟ วัดพระแกว้ นกเงอื ก ถนนมิตรภาพ ชลบรุ ี อัครพล สุดสาคร คาบสมทุ ร มลพารยะู อภัยมณี ชอ่ื -สกลุ .....................................................เลขท.ี่ ............ การพัฒนาผลสัมฤทธกิ์ ารเรียนเรื่องชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
34 แผนการจัดการเรียนรู้ Active Learning กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 นิทานแสนสนกุ จำนวน 9 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง การจำแนกคำนาม เวลา 1 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นางสาวพิจารนิ เมอื งตาแก้ว 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด สาระที่ 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 4. เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของ ภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวช้วี ัด ป.4/1 สะกดคาํ และบอกความหมายของคําในบรบิ ทตาง ๆ ป.4/2 ระบุชนดิ และหนา้ ทีข่ องคำในประโยค 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การรจู ักชนิดของคาํ และหนาท่ขี องคำนาม ทำใหสามารถนําคํามาเรียบเรยี งเป็นประโยคได้ถกู ต้อง ตามหลกั เกณฑทางภาษา คำนามจำแนกไดห้ ลายชนิด แต่ละชนิดมีหน้าที่ และวธิ ีการใช้แตกต่างกนั ออกไป จงึ ตอ้ งศึกษาใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจสามารถนำไปใช้ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม เพอื่ ชว่ ยให้ใช้ภาษาได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - อธิบายความหมายของคำนามทป่ี รากฏ และหนา้ ทข่ี องคำนามได้ 3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) - จำแนกชนิดของคำนามได้ถูกต้อง 3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) - ใชค้ ำนามประเภทต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ชนิดของคำนาม 4.2 อาการนาม 4.3 ลักษณะนาม 4.4 หน้าท่ขี องคำนาม การพฒั นาผลสมั ฤทธิก์ ารเรยี นเรื่องชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
35 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการสังเกต - ทักษะการเปรยี บเทียบ 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินัย 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ 2. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 3. ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ัญหา 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยการจัดการเรยี นรู้แบบใชก้ จิ กรรมเปน็ ฐาน ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ วิธกี าร ขัน้ ท่ี 1 ข้ันทบทวน 1.ทบทวนความรูเกีย่ วกับ เรอื่ ง คาํ นาม ประสบการณ์ 2.ใหนักเรียนแตล่ ะแถวแขงขันกนั ออกมาเขยี นคาํ นาม บนกระดานดำ แถวใด เขยี นไดม้ ากท่ีสดุ และถูกตองทีส่ ุดเป็นผู้ชนะ ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ กจิ กรรม 2. นกั เรยี นอา่ นคำนามทเ่ี ขียนบนกระดานดำ และชวยกันสรุปความหมาย ของคาํ นาม 3.ครถู ามคำถามนักเรียน ดงั น้ี นักเรียนทราบไหมวา คำนามมีหน้าที่อะไร ทำไมถึงต้องมีคำนาม ? 4. นำเสนอภาพให้นักเรียนช่วยกันดู วา่ ภาพ (สมดุ หนงั ต้นไม้ รถจกั รยาน ดอกไม้ ขนม) คอื อะไร เราเรียกลักษณะของภาพที่ปรากฏนี้ ว่า อะไร ใหน้ ักเรยี นไดร้ ะดมความคดิ และตอบคำภาม กอ่ นจะเฉลยใหฟ้ ัง 5. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน จำนวน 4 กลมุ่ 6. นำภาพทีค่ รเู ตรียมมาแจกใหแ้ ต่ละกลุ่ม จากนน้ั อธิบายวิธีการเล่นเกม คือ ใหน้ กั เรียนช่วยกันเลือกภาพท่ีมลี ักษณะเหมือนกันใหอ้ ยหู่ มวดเดียวกัน การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิการเรยี นเรอ่ื งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ ีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
36 ข้นั ตอนการปฏบิ ัติ วิธีการ 7. ครูต้ังคำถามว่าหนา้ ท่ขี องคำนามมีอะไรบา้ ง เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรยี น เสรจ็ แลว้ ครอู ธบิ าย ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคำนาม นอกเหนือจากคราว ทแ่ี ลว้ พรอ้ มยกตัวอย่างใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ ข้ันท่ี 3 ขน้ั สะท้อน 8.ครใู ห้นกั เรียนแยกประเภทของลกั ษณะนามและอาการนาม โดยใชบ้ ัตร ความคดิ ภาพและบตั รคำนามใหน้ ักเรยี นทุกคน โดยให้นกั เรียนจบั คู่บัตรภาพกับบัตร คำนามท่ีไดร้ ับให้ถกู ต้อง เตมิ ลงไปในใบงานท่ี 9 9.ครูช้แี จงการทำใบงานที่ 10 เร่อื ง ค้นควา้ คำนามครูมอบหมายให้นักเรยี น ปฏิบตั ิกจิ กรรมในใบงานท่ี 10 เรอ่ื ง คน้ ควา้ คำนาม 2 ขัน้ ที่ 4 ข้ันประเมนิ ผล 10. ครูให้นกั เรียนออกมานำเสนอผลงานจากใบงานท่ี 9 เรื่องคน้ คว้าคำนาม2 และประยุกต์ใช้ 11. ครใู หน้ ักเรียนอภปิ รายสรปุ ความรเู้ รอื่ งลักษณะนามและอาการนาม ร่วมกัน และใหน้ ักเรียนบอกความสำคัญของการใชค้ ำให้ถูกต้องตามชนิดและ หน้าทีข่ องคำ และครสูรปความรเู้ พ่ิมเติม 12. ครทู บทวบความรโู้ ดยเลน่ เกม quizizz คำนาม 13. มอบหมายใบงานที่ 11 ให้นกั เรยี นไปทบทวนเป็นการบา้ นและนำมาส่ง ในคาบต่อไป (นักเรียนสามารถไปทบทวนความรไู้ ดต้ ามลิงก์สอื่ การสอน ออนไลน์ได้) 9.การวดั และประเมินผล ประเดน็ การประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - ประเมินการตอบ 1. คำถามสำคัญ - ผ่านเกณฑ์การ - อธิบายความหมายของคำนาม คำถามในชนั้ เรยี น 2. แบบบนั ทึกคะแนน ประเมนิ ร้อยละ 60 ท่ปี รากฏ และหนา้ ที่ของคำนาม ขึ้นไป ได้ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) - ประเมนิ ใบงานที่ - แบบประเมนิ ใบ - ผา่ นเกณฑก์ าร งานท่ี 9 -10เร่อื ง ประเมนิ ร้อยละ 60 - จำแนกคำนามทว่ั ไปกบั 9-10 คน้ ควา้ คำนาม2 ขน้ึ ไป คำนามเฉพาะ เรอื่ ง คน้ คว้าคำนาม - แบบประเมนิ ใบงาน - ผ่านเกณฑ์การ ท่ี 9-10 เร่ือง ค้นควา้ ประเมินร้อยละ 60 ด้านคุณลักษณะ เจตคติ - ประเมินใบงานที่ คำนาม2 ข้ึนไป คา่ นิยม (A) 9-10เรือ่ ง ค้นควา้ - แบบประเมิน - ผา่ นเกณฑ์การ คุณลกั ษณะอันพงึ ประเมนิ ระดบั คุณภาพ - ใชค้ ำนามประเภทต่าง ๆ คำนาม ประสงค์ “ผา่ น”ข้นึ ไป คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - ประเมินการทำงาน 1. มีวินัย และ การปฏบิ ตั ิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ กจิ กรรมในชั้นเรียน 2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน การพฒั นาผลสมั ฤทธิก์ ารเรียนเรือ่ งชนิดของคำไทย โดยใช้วิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ประเด็นการประเมนิ วิธกี าร เคร่ืองมือ 37 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน - ประเมิน - แบบประเมนิ เกณฑ์การประเมิน 1. ความสามารถในการ ความสามารถ สมรรถนะสำคัญ -ผา่ นเกณฑ์การ สื่อสาร ในการคดิ และการ ประเมินระดับคุณภาพ 2. ความสามารถในการคิด สอ่ื สาร ของผูเ้ รียน “ผา่ น”ขึน้ ไป 11.ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ 1) สือ่ นำเสนอ PowerPoint เรอื่ ง คำนาม 2) ภาพประกอบ (สมุด หนงั ตน้ ไม้ รถจกั รยาน ดอกไม้ ขนม) 3) บตั รภาพ 4) บตั รคำคำนาม 5) เกม quizizz คำนาม 6) ใบงานที่ 9 -11 เรอื่ ง คน้ คว้าคำนาม 7) ลงิ กส์ ื่อการสอนออนไลน์ การพัฒนาผลสมั ฤทธิก์ ารเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4
38 12. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... .......... ............................................................................................................................................................... ความสำเร็จ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .............................................. ขอ้ จำกัดการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ลงช่ือ......................................................ผู้สอน (นางสาวพจิ ารนิ เมืองตาแกว้ ) ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ......................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ลงช่ือ ...................................................... ผตู้ รวจ (นางสาวนิศารตั น์ จันทร์เกลีย้ ง) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลโกสมั พีนคร (บ้านทา่ คูณ) การพัฒนาผลสัมฤทธก์ิ ารเรียนเรอ่ื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
39 ภาพประกอบ (กลว้ ย หนังสือ ตน้ ไม้ รถจักรยาน ดอกไม้ ขนม) การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนเรอื่ งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
40 ใบงานท่ี 9 เรอ่ื ง ค้นควา้ คำนาม ชอื่ -สกุล.....................................................เลขท.่ี ............ การพฒั นาผลสมั ฤทธก์ิ ารเรียนเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กิจกรรมเป็นฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
41 ใบงานที่ 10 เรอื่ ง ค้นควา้ คำนาม ชอื่ -สกุล.....................................................เลขท.ี่ ............ การพฒั นาผลสัมฤทธกิ์ ารเรียนเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
42 ใบงานที่ 11 เรอ่ื ง ค้นควา้ คำนาม ชื่อ-สกลุ ....................ก..า..ร..พ..ฒั ...น..า.ผ..ล..ส..มั..ฤ..ท...ธ.ิก์..า..ร.เเรลยี ขนทเร.่ี .่ือ..ง.ช..น..ิด..ข..องคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
43 เฉลยใบงานท่ี 9 เรอื่ ง คน้ คว้าคำนาม ความสามัคคี ความดี การพดู การทำงาน การคา้ ความรัก การเรียน การคำนวณ ความประมาท ความเคารพ ชือ่ -สกลุ .....................................................เลขท.ี่ ............ การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิการเรียนเรอื่ งชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
44 เฉลยใบงานที่ 10 เรอ่ื ง ค้นควา้ คำนาม เคร่อื ง คนั สาย ดา้ ม แทง่ เล่ม ฉบับ ชาม เลม่ ลำ ฟอง ช่อื -สกุล.....................................................เลขท.ี่ ............ การพฒั นาผลสมั ฤทธิ์การเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4
45 เฉลยใบงานที่ 11 เรอ่ื ง คน้ คว้าคำนาม องค์ องค์ โรง เล่ม วง บาน หลัง ปาก ปาก ตวั กระบอ บาน กอัน คัน ตน องค์ รปู กระบอ ก ตับ ช่ือ-สกลุ .....................................................เลขท.ี่ ............ การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์การเรียนเร่อื งชนิดของคำไทย โดยใชว้ ธิ สี อน กิจกรรมเปน็ ฐานของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
46 แผนการจดั การเรียนรู้ Active Learning กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 นิทานแสนสนุก จำนวน 9 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง คาํ สรรพนาม เวลา 1 ช่วั โมง ครผู ้สู อน นางสาวพจิ าริน เมืองตาแก้ว 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั สาระที่ 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 4. เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ ภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ชีว้ ดั ป.4/2 ระบุชนดิ และหน้าที่ของคำในประโยค 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด คำสรรพนาม คือ คำทีใ่ ช้เรยี กแทนคำนามท่ผี ูพ้ ูด หรอื ผูเ้ ขยี นได้กลา่ วถึง ใช้แทนช่อื ทเ่ี ข้าใจกนั อยแู่ ลว้ ไม่ต้องยกมากลา่ วซำ้ อกี ซ่ึงประโยคสื่อสารต่างๆ ทเ่ี ราใชก้ ันในชีวติ ประจำวนั ก็มักจะมีคำสรรพนามแทน บุคคลประกอบอยดู่ ว้ ยเสมอ คำสรรพนามแตล่ ะชนิดมหี นา้ ที่ และวธิ กี ารใชแ้ ตกต่างกันออกไป จึงตอ้ งศึกษา ให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจสามารถนำไปใช้ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม เพ่ือช่วยใหใ้ ช้ภาษาได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - อธบิ ายความหมาย ลักษณะ ประเภทและหนา้ ทข่ี องคำสรรพนามได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) - จำแนกคำสรรพนามได้ 3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) - เหน็ ความสำคัญการใช้คำสรรพนามประเภทต่าง ๆ ได้อยา่ งถกู ต้อง 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความหมายของคำสรรพนาม 4.2 บุรษุ สรรพนาม 4.3 หน้าทีข่ องคำสรรพนามนาม การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิการเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
47 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการสังเกต - ทักษะการเปรียบเทียบ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินัย 6.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 6.3 มุ่งม่ันในการทำงาน 7. ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 1. ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ 2. ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 3. ทักษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ ีการสอนโดยการจัดการเรยี นรแู้ บบใชก้ ิจกรรมเปน็ ฐาน ขนั้ ตอนการปฏิบัติ วิธีการ ขั้นท่ี 1 ข้นั ทบทวน 1.ทบทวนความรู้เดมิ เรื่องคำนามจากการเรียนในชวั่ โมงที่ผ่านมา โดยให้ ประสบการณ์ นักเรียนนำเสนอคำนาม 4- 6 ประโยค และบอกวา่ เปน็ คำนามประเภทใด จากน้นั ให้นักเรียนพจิ ารณาประโยคต่อไปน้ี ข้นั ที่ 2 ขน้ั กิจกรรม - เจ้าด่างชอบกดั รองเทา้ เจ้าด่างจึงถกู แมต่ ีบ่อย ๆ - คณุ ตาชอบดมื่ กาแฟคุณตาจึงมกั บ่นว่านอนไม่หลบั - มะลิชอบรบั ประทานขา้ วผัดมากมะลิจึงฝกึ ทำดว้ ยตวั เอง -ผูช้ ายคนน้ันใส่เสือ้ สีสม้ ผ้ชู ายคนนน้ั จงึ ดูเดน่ กวา่ คนอื่น ๆ 2. ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาว่ามีคำใดบ้างทใี่ ช้คำซำ้ กันในประโยค 3.ครูถามคำถามนกั เรยี น ดงั น้ี นกั เรียนคดิ ว่าถ้าต้องการใช้คำอื่นมาแทนคำวา่ “เจ้าด่าง”“คุณตา” “มะลิ” และ “ผูช้ ายคนนน้ั ” สามารถทำได้หรือไม่ และใหน้ ักเรียนลองคิดคำท่ีจะ นำมาแทนคำเหลา่ น้ันเพ่ือไมใ่ ห้ใช้คำนามซ้ำในประโยค 5.อธบิ ายใหน้ กั เรียนทราบว่าคำทนี่ ำมาแทนคำนามที่กล่าวมาแล้วในประโยค เรียกวา่ คำสรรพนาม และแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนเรือ่ งคำสรรพนามให้ นกั เรยี นทราบ การพฒั นาผลสัมฤทธิก์ ารเรยี นเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใชว้ ธิ ีสอน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4
48 ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ วิธกี าร 6.นักเรียนศกึ ษาความร้เู ก่ียวกับคำสรรพนาม ไดแ้ ก่ - ความหมาย - ประเภทของบรุ ุษสรรพนาม - หน้าทีข่ องคำสรรพนาม 7.นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง คำสรรพนามประกอบคำอธบิ ายของครู และอภิปรายความรู้เร่ืองคำสรรพนามกับเพื่อนในช้ันเรียน 7.ครยู กตัวอย่างประโยคให้นักเรียนวเิ คราะห์คำบุรุษสรรพนามในประโยคว่า เปน็ บุรุษสรรพนามท่ีเท่าไร ข้ันที่ 3 ขั้นสะท้อน 8.ใหน้ ักเรยี นเล่นเกมบิงโกคำสรรพนาม วิธกี ารเลน่ โดยแจกบตั รบิงโกให้ ความคดิ นกั เรียน ภายในบัตรบงิ โก จะมคี ำสรรพนามอยเู่ ปน็ ช่อง ๆ ถ้าครจู บั สลากได้ คำไหนก็อ่านใหน้ ักเรยี นฟงั ถ้านกั เรยี นมีคำทค่ี รูอา่ นก็ใหน้ ักเรยี นวงกลมไวถ้ ้า นกั เรียนมีคำที่ครูอ่านครบแถวหรือบงิ โกแลว้ ให้นกั เรียนยกมือและบอกไดว้ า่ เป็นบรุ ษุ สรรพนามที่เทา่ ไรได้ถกู ต้องก็จะเป็นผู้ชนะ 9.ครชู ี้แจงการทำใบงานท่ี 12 เร่ือง วเิ คราะห์คำสรรพนาม มอบหมายให้ นักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมในใบงานที่ 12 เรื่อง วเิ คราะห์คำสรรพนาม ขัน้ ท่ี 4 ข้ันประเมนิ ผล 10. นักเรยี นเฉลยใบงานที่ 12 เรอ่ื ง วิเคราะห์คำสรรพนามและอภิปราย และประยุกตใ์ ช้ คำตอบรว่ มกนั 11. นักเรียนพดู สรปุ ความรแู้ ละอธบิ ายความสำคญั ของการใชค้ ำใหถ้ กู ตอ้ ง ตามชนิดและหนา้ ทขี่ องคำ 12. นักเรียนทบทวนความรู้ผ่านเกม quizizz คำสรรพนาม 13. มอบหมายใหน้ ักเรียนทำแผนผงั ความคดิ เร่ือง คำสรรพนาม เพื่อทบทวน เปน็ การบา้ นและนำมาสง่ ในคาบตอ่ ไป (นักเรยี นสามารถไปทบทวนความรู้ได้ ตามลงิ กส์ อื่ การสอนออนไลน์ได)้ การพฒั นาผลสมั ฤทธิก์ ารเรยี นเร่อื งชนิดของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กจิ กรรมเป็นฐานของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
49 9.การวดั และประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ 1. คำถามสำคัญ - ผา่ นเกณฑก์ าร ประเดน็ การประเมิน - ประเมนิ การตอบ 2. แบบบนั ทึกคะแนน ประเมินร้อยละ 60 คำถามในช้ันเรยี น ขึ้นไป ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - แบบประเมนิ ใบ - อธบิ ายความหมาย ลักษณะ - ประเมนิ ใบงานที่ 12 งานที่ 12 เรือ่ ง - ผา่ นเกณฑก์ าร ประเภทและหนา้ ทข่ี องคำสรรพ เร่ือง วเิ คราะห์คำ วิเคราะหค์ ำสรรพนาม ประเมินร้อยละ 60 นาม สรรพนาม ขึน้ ไป ประเมนิ ใบงานท่ี 12 แบบประเมินใบงาน - ผ่านเกณฑ์การ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) เรื่อง วิเคราะห์คำ ท่ี 12 เร่ือง ประเมนิ ร้อยละ 60 - จำแนกคำสรรพนามได้ สรรพนาม วเิ คราะหค์ ำสรรพนาม ขน้ึ ไป - แบบประเมิน ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ - ประเมนิ การ คุณลกั ษณะอันพึง - ผา่ นเกณฑ์การ ค่านิยม (A) ทำงานและ การ ประสงค์ ประเมินระดบั คุณภาพ - ใชค้ ำนามประเภทต่าง ๆ ปฏิบัติกิจกรรมในชั้น “ผ่าน”ขึน้ ไป คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรยี น - แบบประเมิน 1. มีวินยั สมรรถนะสำคัญของ - ผา่ นเกณฑก์ าร 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ประเมนิ ผ้เู รยี น ประเมนิ ระดับคุณภาพ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน ความสามารถ “ผ่าน”ขึน้ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ในการคดิ และการ 1. ความสามารถในการส่อื สาร สื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 11.สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ 1) ส่อื นำเสนอ PowerPoint เร่อื ง คำสรรพนาม 2) ใบความรู้ท่ี 4 เร่อื ง คำสรรพนาม 3) เกมบิงโกคำสรรพนาม 4) ใบงานที่ 12 เร่อื ง ค้นควา้ คำนาม 5) เกม quizizz คำสรรพนาม 6) ลงิ กส์ ่ือการสอนออนไลน์ การพฒั นาผลสัมฤทธกิ์ ารเรียนเรือ่ งชนดิ ของคำไทย โดยใช้วธิ สี อน กิจกรรมเป็นฐานของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
50 12. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... .......... ................................................................................................................................................................ ความสำเร็จ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ....................................................................................................................... .................................................... ........................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................. ข้อจำกดั การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุงแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ลงช่ือ......................................................ผู้สอน (นางสาวพิจารนิ เมืองตาแกว้ ) ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ลงช่ือ ...................................................... ผู้ตรวจ (นางสาวนิศารตั น์ จนั ทร์เกลี้ยง) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอนุบาลโกสมั พีนคร (บา้ นท่าคูณ) การพฒั นาผลสัมฤทธกิ์ ารเรยี นเร่ืองชนิดของคำไทย โดยใชว้ ิธสี อน กจิ กรรมเปน็ ฐานของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
Search