ห น้ า | ๑ รา่ งหนงั สอื สุจริตชน เพ่ือเสริมสร้างบา้ นเมอื งสจุ ริต (ฉบบั ปรับปรงุ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔) สถาบันพระปกเกลา้ คณะกรรมการเสรมิ สร้างบ้านเมอื งสุจรติ สภาผแู้ ทนราษฎร ๒๕๖๔
ห น้ า | ๒ ร่างหนงั สอื สุจรติ ชน เพ่อื เสริมสรา้ งบา้ นเมอื งสจุ รติ
ห น้ า | ๓ คานา หนังสือน้ีจัดพิมพ์ข้ึน โดยดาริของ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาสถาบัน พระปกเกลา้ โดยมคี วามมุ่งหวังให้เป็นคู่มือสาหรับนักศึกษาสถาบัน พระปกเกลา้ ตลอดจน เยาวชน และ ประชาชนท่ัวไป ได้เรียนรู้และ เกิดความตระหนักถึงความสาคัญของการประพฤติปฏิบัติตนเป็น คนดซี ่ึงจะทาให้สงั คมและบา้ นเมืองเกิดความสุจรติ สถาบันพระปกเกล้า และคณะกรรมการเสริมสร้าง บ้านเมอื งสุจริต สภาผูแ้ ทนราษฎร ขอกราบขอบพระคุณ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาสถาบัน พระปกเกล้า ที่เป็นผู้คิดริเริ่มและได้กรุณาให้คาแนะนาเพื่อเป็น แนวทางในการจัดทาหนังสือเล่มนี้ คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หนังสือเล่มนี้จะมีส่วนสาคัญยิ่งในการสร้างความตระหนักแก่ สาธารณะชนเกี่ยวกับเร่ืองความสุจริตซื่อตรง และเสริมสร้าง คุณภาพความเป็นพลเมืองท่ีดี อันเป็นรากฐานของการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มคี วามเป็นปกึ แผน่ มัน่ คงสืบไป คณะผจู้ ดั ทำ ๒๕๖๔
ห น้ า | ๔ สารบัญ หนา้ ส่วนที่ ๑ บทนา สว่ นที่ ๒ การประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นท่ีดเี พอ่ื เสริมสรา้ ง บ้านเมืองสุจรติ ๒.๑ การยดึ มน่ั ในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ๒.๒ การยดึ มน่ั ในคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ๒.๓ การมีจติ สานึกดี ๒.๔ การมสี านึกรับผิดชอบ ๒.๕ การมจี ิตสาธารณะ ๒.๖ ความมวี ินัยและเคารพกฎหมาย ๒.๗ ความมีเหตุผล ๒.๘ การมสี ว่ นร่วม สว่ นที่ ๓ การมผี ูน้ าท่ีดีกบั การเสริมสรา้ งบา้ นเมอื งสจุ ริต ๓.๑ การมีวสิ ยั ทศั น์ผู้นา ๓.๒ การยึดตามหลักธรรมาภบิ าล ๖+๑ ๓.๓ การยดึ ประโยชน์ส่วนรวม ๓.๔ การใชอ้ านาจอยา่ งเปน็ ธรรม ๓.๕ การทาตนเป็นแบบอยา่ งที่ดี
ห น้ า | ๕ สว่ นที่ ๑ บทนา สังคมไทยในปจั จบุ นั นี้ เรามกั จะได้ยนิ เสยี งผู้คนใน สงั คมเรยี กรอ้ งถามถงึ “ความสจุ รติ ” เพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ือง เป็นเครอ่ื งสะท้อนว่า สังคมไทยยงั คงอยู่ในวังวนของปัญหา การทุจริตในทุกระดับ ซึ่งพ้ืนฐานสาคัญท่ีสุดมาจาก “คน” หากบ้านเมืองเราประกอบไปด้วยคนดีเป็นส่วนใหญ่แล้ว สังคมย่อมมีการทุจริตน้อย ประเทศก็จะมีความ เจรญิ กา้ วหนา้ ในทุกภาคส่วน ดังน้ัน การส่งเสริมคนทุกคน ให้เป็นคนดี ย่อมเป็นหนทางที่ทาให้เกิดบ้านเมืองสุจริตข้ึน ได้ นอกจากน้ี เรายังต้องการคนดีในสังคมให้มาก เพ่ือเป็น แบบอย่างแก่บตุ รหลานได้เรยี นรู้และซึมซับแนวการปฏิบัติ ที่ดี เพ่ือสร้างสังคมให้เกิดความสุจริตอย่างย่ังยืน แต่เม่ือ ถามว่าคนดีมีลักษณะอย่างไร กลับพบคาตอบที่ไม่ชัดเจน มีความแตกต่างกนั ไป เพราะน่ันคือสิ่งท่ีดูเหมือนจะตอบได้ ยาก และแต่ละคนก็อาจจะตอบต่างกัน ด้วยเหตุที่คนดีใน สายตาของคนหน่ึงอาจไม่ใช่คนดีในสายตาของอีกคนหน่ึง ก็ได้ หรือคนดีในสังคมหน่ึงก็อาจจะไม่ใช่คนดีในอีกสังคม หนึ่ง ด้วยเหตนุ ี้ จึงควรเร่ิมต้นด้วยการกล่าวถึงคุณลักษณะ ของคนดีทส่ี ังคมสมควรจะยกย่องน้นั เปน็ เชน่ ไร
ห น้ า | ๖ ค น ดี จ ะ ต้ อ ง มี คุ ณ ส ม บั ติ ท่ี พึ ง ป ร ะ ส ง ค์ ซึ่ ง คุณลักษณะที่สาคั ญ สามารถจา แนกได้โ ดยเป็ น คุณลักษณะที่ต้องมี พึงมี และไม่ควรมี ทั้งนี้ คุณลักษณะ ของคนดีเป็นทั้งคุณลักษณะท่ีแสดงออกสู่สายตาของคน ภายนอก รวมท้ังคุณลักษณะที่อยู่ในจิตใจที่คนอื่นมองไม่ เห็น แต่ถ้าเป็นคนดีในจิตใจแล้ว การแสดงออกก็จะนามา ซึง่ สงิ่ ดีและเป็นท่พี งึ ปรารถนาของสงั คมนัน้ ด้วย ด้วยเหตุน้ี คนดีจึงมักเป็นคนท่ีดารงชีวิตอย่างมี คุณภาพ มีจติ ใจท่ดี งี าม มคี ุณธรรมจริยธรรม มคี ุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ ท้ังด้านจิตใจหรือพฤติกรรมท่ีแสดงออก เช่น มีวินัย มีความรู้เพื่อเกื้อกูล มีเหตุผล รู้หน้าท่ี ซ่ือสัตย์ ซ่ือตรง พากเพียร ขยัน ประหยัด มีจิตใจที่เป็น ประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นและสิทธิของผู้อ่ืน มีความเสียสละ รักษาส่ิงแวดล้อมและทรัพย์สมบัติ สว่ นรวม สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอ่ืนอย่างสันติสุข ซึ่งต่าง จาก “คนเก่ง” ท่ีเป็นคนที่มีความสามารถสูง ในการ ดาเนินชีวิต มีความสามารถด้านใดด้านหนึ่ง หรือรอบด้าน หรือมีความสามารถพิเศษเฉพาะ แต่มิได้หมายความว่า คนเก่งจะเปน็ คนดกี นั ทุกคน ท้ังน้ี มีผู้ให้คาจากัดความของคาว่าคนดีและ คุณลักษณะของคนดีมากมาย เพื่อเกิดความเข้าใจ
ห น้ า | ๗ ท่ีใกล้เคียงกัน และเป็นแนวปฏิบัติเพื่อนามาสู่สังคมที่อยู่ ร่วมกันอย่างมีความสุข สถาบันพระปกเกล้าจึงได้จัดทา คู่มือคนดีขึ้นเพ่ือเป็นแนวทางในการปฏิบัติและเป็นการให้ คาแนะนากับคนรุ่นใหม่ เพราะคนดีมิได้เกิดข้ึนโดย ธรรมชาตแิ ตต่ ้องมีการฝกึ ฝนเรยี นรู้ ต่อไปนี้ คือ การรวบรวมแนวคิดของคนดี ซ่ึงมี การศกึ ษาจากหลายแหลง่ ดังนี้ กรอบคิดของคนดีในพระพุทธศาสนา: คนดี คือ “คนคดิ ดี คนพูดดี และ คนทาดี” “คนคิดดี” คือ คนไม่ประกอบด้วยมโนทุจริต ๓ อย่าง ได้แก่ (๑) คนมุ่งคิดละโมบ และแสวงหาช่องทาง แสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรมีควรได้ (๒) คนมุ่งพยาบาท อาฆาตมาดร้าย และมุ่งทาลายคนอื่น (๓) คนที่เห็นผิด ทานองคลองธรรม เห็นกงจักรเปน็ ดอกบัว เห็นช่ัวเปน็ ดี ไม่ ร้วู ่าอะไรควรไมค่ วร ไมร่ ูว้ ่าอะไรถูกหรอื ผิด “คนพูดดี” คือ คนไม่ประกอบด้วยวจีทุจริต ๔ อย่าง ได้แก่ (๑) คนท่ีพูดปดมดเท็จจนก่อให้เกิดความ เกลียดชัง (Hate Speech) (๒) คนท่ีพูดเหน็บแนมเสียดสี คนอื่น (๓) คนท่ีพูดจาหยาบคายก้าวร้าว (๔) คนท่ีพูดจา เรือ่ ยเปื่อยตลบแตลงขาดความน่าเชอ่ื ถือ
ห น้ า | ๘ “คนทำดี” คือ คนไมท่ ากายทจุ รติ ๓ อย่าง ได้แก่ (๑) คนท่ีเบียดเบียนเพ่ือนมนุษย์ สัตว์ และธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม (๒) คนทีไ่ ม่ทุจริตคอรัปชั่นสมบัติสาธารณะมา เปน็ สมบัติส่วนตน และ (๓) คนไม่หมกมุ่นในกามคุณ หรือ สง่ิ ยัว่ ยวนจติ ใจ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระบรม ราโชวาทที่กล่าวถึงลักษณะคนดีไว้อยู่ในหนังสือเล่มต่าง ๆ เช่น หนังสือด่ังสายธาร ศรีนครินทร์แห่งแผ่นดิน หนังสือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หนังสือพระมา มลายโศกหล้า เหลือสุข หนังสือ ๘๐พรรษาแม่ฟ้าหลวง หนังสือสมเด็จย่า ๘๕ พรรษา ซึ่งได้ประมวลไว้ในหนังสือ “เรียนร้คู าสอนแม่ฟ้าหลวง” ดังน้ี “เราจะทาอะไรกพ็ ยายามที่จะทาให้ในทางซ่ือสัตยส์ จุ รติ เพราะว่าถ้าคนเราคนหนึ่งทาโดยความซอ่ื สัตย์สุจรติ และ คนอนื่ ๆ ทาดว้ ย ก็เลยเปน็ ประโยชนส์ ่วนรวม นั่นก็จะเป็น ความเจรญิ ของประเทศ” (จากหนังสือ ด่ังสายธาร ศรนี ครินทรแ์ หง่ แผ่นดนิ )
ห น้ า | ๙ “ถ้าจะเปน็ คนดี จะมีอะไรอยา่ งเดยี วไม่ได้ ตอ้ งมีอยา่ งละนิด อยา่ งละหน่อยแล้วแตส่ ังคม อยา่ งไรก็ตาม มี Principle งา่ ยๆ หลักการหน่งึ หลกั การ ใด เช่น ฉนั จะไม่ใหล้ ูกฉันเปน็ คนโกหก ขโมยหลักการใหญ่ๆ ทางจรยิ ธรรมต้องมแี นน่ อน” (จากหนงั สือ สมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนน)ี “สอนใหเ้ ด็ก honest คอื พูดความจริงเทา่ นัน้ ถา้ จะพดู ไป ทุกอยา่ งมาจากทูลกระหม่อม (สมเดจ็ พระ บรมราชชนก) ทลู กระหมอ่ มต้ังพระทัยทจ่ี ะ ทาอะไรเพอ่ื ใหป้ ระเทศดีขึน้ มคี วามต้ังใจอยา่ งเดียวเพ่ือจะ ทาสงิ่ ท่ีดใี หป้ ระเทศ เพราะฉะนั้น คอื ต้องใหเ้ ป็นคนดี แม่ไมใ่ ชค้ ามาก คือ ต้องเป็นคนดี” (จากหนงั สอื พระมามลายโศกหล้า เหลือสขุ ) แผนพัฒนาข้าราชการพลเรือนให้เป็นคนดี พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กาหนดนิยาม “คนดี” สาหรับข้าราชการ ๔ ข้อ ไว้วา่ คนดี คือ คนท.่ี .. (๑) มีคณุ ธรรม (Virtue) คือ มีความดีงามในจิตใจ ซึ่งทาใหเ้ คยชนิ ประพฤตดิ ี (๒) มีจริยธรรม (Ethics) คือ มีจิตสานึกในความ ถูกต้องเหมาะสม และมีพฤติกรรมตามมาตรฐานในสังคม
ห น้ า | ๑๐ (๓) มีจรรยา (Etiquette) คือ มีจิตสานึกในความ ถูกต้องเหมาะสม และมีพฤติกรรมตามมาตรฐานในการ ประกอบวิชาชีพ และ (๔) มีวินัย (Discipline) คือ มีการควบคุมตนเอง ให้ปฏบิ ตั ติ ามแบบของขา้ ราชการท่ีดี จากสาระที่นาเสนอในบทนานี้ พอสรุปได้ถึง ความคิดร่วมกันของลักษณะพ้ืนฐานของ “การเป็นคนดี” ได้ว่า คนดีต้องเร่ิมต้นดีจากภายใน คือ การมีความคิดท่ีดี เมื่อคิดดีแล้วก็จะส่งผลให้เกิดการกระทาท่ีดีออกมา ดังนั้น เม่ือทุกคนเป็นคนดีแล้ว แม้อยู่ในบทบาทใดหรือทาอาชีพ อะไรกเ็ ป็นงานทส่ี ุจริต หากสง่ เสรมิ ให้คนดีได้ทาหน้าที่เป็น ตัวแทนในการปกครองบ้านเมือง ทาหน้าที่ในการบริหาร ราชการแผ่นดิน ถ้าเป็นนักการเมืองก็จะทาให้มีการ ตัดสินใจใช้ทรัพยากรของส่วนรวมที่เป็นไปเพ่ือประโยชน์ ของส่วนรวมอย่างแท้จริง ตลอดจน สังคมน้ันก็จะเป็น สังคมท่ีพึงปรารถนา เพราะทุกคนล้วนเป็นคนดีที่น่ายก ย่อง ซ่ึงในส่วนต่อไปของหนังสือเล่มนี้จะได้หยิบ ยกตัวอย่างต่าง ๆ ประกอบการอธิบายถึงแนวทางท่ีจะทา ให้บ้านเมืองสุจริตจะต้องประกอบไปด้วยความสาคัญของ การประพฤติปฏิบัติตนท่ีดีของทุกภาคส่วนในบ้านเมือง และการมีผู้นาท่ีดีกับการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริตเพื่อ นาเสนอแก่ผู้อา่ นเป็นลาดบั ตอ่ ไป
ห น้ า | ๑๑ “ในบ้ำนเมืองนัน้ มีทัง้ คนดแี ละคนไมด่ ี ไม่มใี ครจะทำใหท้ กุ คนเป็นคนดีไดท้ ง้ั หมด กำรทำใหบ้ ำ้ นเมอื งมีควำมปรกตสิ ุขเรียบรอ้ ย จงึ มิใชก่ ำรทำใหท้ ุกคนเป็นคนดี หำกแต่อย่ทู ่ีกำรส่งเสรมิ คนดี ใหค้ นดไี ด้ปกครองบ้ำนเมือง และควบคมุ คนไม่ดีไมใ่ หม้ อี ำนำจ ไม่ให้ก่อควำมเดอื ดร้อนวุ่นวำยได้” พระบรมรำโชวำท พระบำทสมเดจ็ พระบรมชนกำธเิ บศร มหำภมู พิ ลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร ในพิธเี ปิดงำนชมุ นมุ ลูกเสอื แห่งชำติ ครั้งท่ี ๖ วันที่ ๑๑ ธนั วำคม ๒๕๑๒ ณ คำ่ ยลกู เสือวชริ ำวธุ อำเภอศรีรำชำ จังหวดั ชลบุรี
ห น้ า | ๑๒ ดังท่ีได้เกร่ินไว้ในเบื้องต้นว่า หนังสือเล่มน้ีมีจุดเร่ิมต้นจาก ดาริของ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ประธานสภาสถาบนั พระปกเกลา้ ทมี่ งุ่ หวงั ให้ผู้คนในสังคมทุกระดับ เกิดความตระหนักถึงความสาคัญของการประพฤติปฏิบัติตนเป็น คนดี อันเป็นรากฐานที่สาคัญท่ีจะทาให้สังคมและบ้านเมืองเกิด ความสุจริต คณะผู้จัดทาหนังสือเล่มน้ี จึงได้ร่วมกันสืบค้นข้อมูล หลักการ นิยาม แนวคิด และ ตัวอย่างการปฏิบัติท่ีดีท่ีเก่ียวข้องใน ประเด็นดังกล่าว ท้ังจากองค์กรและสถาบันหลักต่าง ๆของ สังคมไทยที่มีการดาเนินการด้านการเสริมสร้างความสุจริตในสังคม อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สานกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ในภาครฐั (ป.ป.ท.) ศนู ยค์ ณุ ธรรม (องค์การมหาชน) องค์กรต่อต้าน คอร์รัปชัน (ประเทศไทย) สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพล เรือน (ก.พ.) คณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น ตลอดจน การศึกษาข้อมูลกิจกรรมโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ โครงการโรงเรียนสุจริตของสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โครงการโรงเรียน คณุ ธรรม ของมูลนิธยิ วุ สถริ คุณ เปน็ ตน้ หลงั จากนนั้ คณะผู้จัดทาได้ ประชุมหารือกันหลายครั้ง โดยได้ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูล ต่าง ๆ เพอ่ื สงั เคราะหป์ ระเดน็ สาคญั และได้มาซง่ึ ข้อสรุปว่า การจะ เสริมสร้างบ้านเมืองให้สุจริตน้ัน มีทั้งส่วนที่ทุกคนในสังคมต้องเริ่ม ประพฤติปฏิบัติและคนท่ีเป็นผู้นาของแต่ละภาคส่วน โดยเฉพาะ
ห น้ า | ๑๓ นักการเมืองและข้าราชการที่จะมีการประพฤติการปฏิบัติเป็นการ เฉพาะ โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ ส่วนที่ ๒ การประพฤติปฏิบัติตนที่ดีเพื่อเสริมสร้างบ้านเมือง สจุ รติ ตอ้ งยอมรับว่า การจะทาให้บ้านเมืองเกิดความสุจริตได้นั้น เป็นเร่ืองที่ท้าทายและจาเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายด้าน แต่สิ่ง สาคัญที่สุดในการที่จะเห็นเร่ืองน้ีบังเกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม กค็ ือ ตอ้ งเรม่ิ ต้นจากการการประพฤติปฏิบัติตนท่ีดีของคนทุกคนใน สงั คม แต่ด้วยในความเป็นจริงท่ีสังคมของแต่ละประเทศมีรากเหง้า ทางสงั คม การเมอื ง ศาสนา วฒั นธรรม และความเช่ือท่ีแตกต่างกัน กรอบท่ีเป็นพื้นฐานของการประพฤติปฏิบัติจึงย่อมแตกต่างกันด้วย สาหรบั สงั คมไทย ในช่วงก่อน พ.ศ. 2475 มีการปกครองในระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซ่ึงต่อมาได้เปลี่ยนแปลงมาสู่ระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขท่ีนับถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลาเกือบเก้าทศวรรษแล้ว ดังนั้น การเสริมสร้างบ้านเมือง สุจริต จึงต้องเริ่มต้นจากการมีความเข้าใจในระบบการเมืองน้ีว่ามี ท่มี าและความสาคัญอย่างไรกว่าท่ีบ้านเมืองจะดาเนินมาถึงยุคสมัย ปัจจุบัน นอกจากระบบการเมืองการปกครองแล้ว ด้วยบริบทด้าน สังคมอนื่ ๆ รวมทัง้ อิทธิพลของศาสนาและวัฒนธรรมทั้งของท่ีมีอยู่ ด้ังเดิมและการไหลเข้ามาตามกระแสโลกาภิวัตน์ ได้ทาให้เกิด
ห น้ า | ๑๔ การจัดระเบียบของสังคมที่นามาสู่แนวทางของการประพฤติปฏิบัติ ท่ีดีในการอาศัยอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย ซ่ึงคณะผู้จัดทา หนังสือไดป้ ระมวลและสรปุ ข้อมูล พบวา่ การประพฤติปฏิบัติตนที่ดี เพ่ือเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริตน้ัน นอกจากต้องเสริมสร้างให้ทุกคน ยดึ มั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้ว ยังต้องมีการเสริมสร้างในเร่ืองอื่นด้วย ได้แก่ การยึดม่ันใน คุณธรรมจรยิ ธรรม การมีจิตสานกึ ดี การมีสานึกรับผิดชอบการมีจิต สาธารณะ ความมีวินัยและเคารพกฎหมาย ความมีเหตุผล และ การมสี ว่ นรว่ ม ซงึ่ ในแตล่ ะหัวขอ้ มรี ายละเอียด ดังน้ี ๒.๑ การยดึ มนั่ ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ ทรงเป็นประมขุ กว่าท่ีประเทศไทยจะมีการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังเช่น ทุกวันนี้ ระบบการปกครองของไทยมีพัฒนาการของการ เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยนับแต่ที่ได้เริ่มมีการติดต่อกับ ประเทศตะวันตก และเริ่มมีคนไทยไปรับการศึกษาใน ต่างประเทศในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนกระทั่งปรากฏ ชัดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุ ลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ท่ีทรงเริ่มวางรากฐานของการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมา โดยลาดับในรชั สมัยของพระองค์
ห น้ า | ๑๕ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยเข้าใกล้การ เปล่ียนแปลงสกู่ ารเป็นประชาธิปไตยอย่างมาก ท้ังด้วยเป็น พระประสงค์ของพระองค์เองอันมีพื้นฐานจากการที่ได้ทรง ศึกษามาจากประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแม่แบบของประเทศ ประชาธิปไตย ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมภายนอกใน ช่วงเวลา สะท้อนไดจ้ ากหลักฐานหลายประการ เช่น ทรงมี พระราชดาริทจ่ี ะจัดตั้งเมืองจาลองประชาธิปไตย ท่ีรู้จักกัน นาม“ดุสิตธานี” ขึ้น เพ่ือปลูกฝังแนวคิดของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยให้แก่ขุนนาง ข้าราชการระดับสูง และข้าราชบริพารเสียก่อน ซึ่งได้มีการทดลองใช้รูปแบบ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยหลายเรื่อง ได้แก่ การจัดการปกครองโดยใช้ธรรมนูญลักษณะปกครอง คณะนครภิบาลในการปกครองภายในดุสิตธานี ซึ่งการใช้ ธรรมนูญน้ีเสมือนการทดลองนา “รัฐธรรมนูญ” มาใช้เป็น กฎหมายแม่บทในการปกครอง, การจัดตั้งพรรคการเมือง ขึ้นเพ่ือให้ประชาชนที่อาศัยในดุสิตธานีได้เลือกตั้งผู้แทน เพ่ือทาหน้าท่ีบริหารเมือง, การให้จัดทาหนังสือพิมพ์ เผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ ในเมือง ซึ่งเสมือนเป็นการสร้าง บรรยากาศประชาธิปไตย เป็นต้น แม้ว่าการดาเนินงาน ของดสุ ิตธานอี าจไมส่ ามารถเปน็ ไปตามพระราชประสงค์ได้ มากเท่าที่ค วร แต่ถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นสาคัญใน การวางรากฐานประชาธิปไตยของไทยอยา่ งเปน็ รปู ธรรม
ห น้ า | ๑๖ ถัดมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระองค์ทรงมีแนวพระราชดาริใน การวางรากฐานประชาธิปไตยแกป่ วงชนชาวไทยอย่างค่อย เป็นค่อยไปเช่นเดียวกันกับพระราชปณิธานของล้นเกล้า รัชกาลที่ ๖ ประกอบกบั เปน็ ชว่ งท่ีทั่วโลกตื่นตัวกับกระแส แห่งประชาธิปไตย รวมท้ัง ผู้ท่ีไปเรียนต่อยังประเทศ ประชาธิปไตยแถบตะวันตกเริ่มทยอยเดินทางกลับมายัง ประเทศไทย และได้ไปทางานในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทาให้เกิดการถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าวออกไปเป็นวงกว้าง พระองคท์ รงปลูกฝงั แนวคดิ และการให้ความรู้ทางการเมือง แก่ประชาชน ทรงสนับสนุนและปรับปรุงการปกครอง ท้องถ่ิน ทรงปรับปรุงสถาบันทางการเมืองเพ่ือรองรับ การเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ท้ังการต้ังอภิรัฐมนตรีสภา เสนาบดีสภา และ สภากรรมการองคมนตรี รวมทั้ง การเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นที่มิใช่เช้ือพระวงศ์เข้ามาศึกษา วิธีบริหารราชการแผ่นดินมากขึ้น ด้วยทรงตระหนักว่า หากทรงนาระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยมาใช้โดย ทันทีในขณะที่ประชาชนชาวไทยยังไม่พร้อมนั้น จะส่ง ผลร้ายมากกวา่ ผลดี น อ ก เ ห นื อ จ า ก พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ที่ ก ล่ า ว ม า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีพระราช ปณิธานแน่วแน่ท่ีจะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวงชน ชาวไทยด้วยพระองค์เอง ทรงเตรียมการอย่างเป็นลาดับ
ห น้ า | ๑๗ ขั้น โดยเร่ิมต้ังแต่ในปี พ.ศ.๒๔๗๒ ทรงมีพระบรมราช โองการให้เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศไปศึกษา ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเมืองในระบอบรัฐสภาที่ใช้ ปกครองประเทศชวาของประเทศฮอลันดา อีกสองปีถัดมา พระองคไ์ ดพ้ ระราชทานสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ในขณะที่ เสด็จประพาสท่ีประเทศสหรัฐอเมริกาว่า พระองค์จะทรง เปลี่ยนแปลงการปกครองไปส่รู ะบอบประชาธิปไตยและจะ พระราชทานรัฐธรรมนูญให้เป็นหลักในการปกครอง ประเทศแก่ปวงชนชาวไทย และในต้นปี พ.ศ.๒๔๗๕ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงการ ต่างประเทศไปศึกษาและดาเนินการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อ เตรียมพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย เน่ืองในโอกาส ครบรอบ ๑๕๐ ปี ของพระราชวงศจ์ กั รี แต่กระนั้น เมื่อมี การเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อท่ีประชุมอภิรัฐมนตรีสภา ก็ปรากฏผลไปในทิศทางที่คัดค้านต่อแนวพระราชดาริ มากกว่าท่ีจะสนับสนุน จึงทรงระงับเรื่องการพระราชทาน รฐั ธรรมนญู ไว้เป็นการชั่วคราวกอ่ น หากแต่จากนั้นไม่นาน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ เปล่ยี นแปลงการปกครองของคณะราษฎร เพื่อนาประเทศ ไ ท ย ไ ป สู่ ก า ร ป ก ค ร อ ง ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย โ ด ย มี รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และพระมหากษัตริย์ทรง เป็นพระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ในเหตุการณ์วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ ซึ่งจากที่กล่าวไว้ก่อนหน้าน้ีว่า
ห น้ า | ๑๘ ในความเป็นจริงเร่ืองน้ีเป็นพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว ประกอบกับ พระองค์ทรงมีพระประสงค์ท่ีจะไม่ให้เกิดความรุนแรง จึง ทรงยอมรับในการเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อวันท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ซ่ึงถือเป็นรัฐธรรมนูญ ถ า ว ร ฉ บั บ แ ร ก ข อ ง ไ ท ย แ ล ะ พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เ ป็ น พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญพระองค์แรก แต่ จากน้ันไม่นาน ในวันท่ี ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗ พระองค์ ทรงมีพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ ด้วยเหตุผลทาง การเมือง นับแต่นั้นเป็นต้นมา การเมืองในระบอบ ประชาธปิ ไตยของไทยกม็ พี ลวตั เรอ่ื ยมา นับเป็นเวลาเกือบเก้าทศวรรษที่ประเทศไทยได้ เข้าสู่เส้นทางการพัฒนาประชาธิปไตย ท่ีผ่านการลองผิด ลองถูก มีกระบวนการเรียนรู้ในวิถีประชาธิปไตยทั้ง ภาคการเมืองและภาคประชาชน ตลอดจน ดุลอานาจทาง การเมืองท่ีมีการหมุนเวียนเปล่ียนแปลง ท้ังการปกครอง ท่ีมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลอื กตั้ง และทม่ี าด้วยวิธีอ่ืน ๆ กระท่ังปัจจุบันท่ีเรามีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ ซ่ึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๒๐ เป็นกฎหมาย สูงสุดในการปกครองประเทศแล้วก็ตาม รากฐานสาคัญท่ี ทาให้ความเป็นชาติไทยยังคงธารงอยู่มาจนวันน้ี ย่อมเกิด จากบุญคุณของแผ่นดินและบรรพบุรุษไทยท้ังสิ้น ซ่ึงจาก
ห น้ า | ๑๙ สงิ่ ท่ีกล่าวมาในส่วนนี้ สะท้อนใหเ้ หน็ ว่า กว่าที่ประเทศไทย จ ะ มี ก า ร ป ก ค ร อ ง ใ น ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขน้ัน บรรพบุรุษของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันพระมหากษัตริย์ในพระบรม ราชจักรีวงศ์ เป็นหลักสาคัญในการผลักดันให้เกิดระบอบ ประชาธิปไตยของไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิง รัชสมัยของล้น เ ก ล้ า รั ช ก า ล ท่ี ๕ เ ป็ น ต้ น ม า ดั ง นั้ น ส ถ า บั น พระมหากษัตริย์จึงยังคงต้องธารงอยู่คู่กับระบอบการ ปกครองน้ี ในฐานะที่เปน็ สถาบันหลกั ของชาติท่ีมีคุณูปการ ตอ่ การกอ่ เกดิ ประชาธปิ ไตยของไทย และในฐานะท่ีเป็นคน ไทย จึงควรยิ่งที่ทุกคนในผืนแผ่นดินไทยต้องเคารพ สักการะและน้อมราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพ กษัตริย์ไทย ตลอดจน การมีความเช่ือม่ันและยอมรับการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมขุ ดว้ ยความเต็มใจ นอกจากน้ี การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยังมีส่วนสาคัญต่อการเสริมสร้างให้บ้านเมืองเกิดความ สุจริตได้ ถ้าหากทุกๆ คนมีความตระหนักและนาหลักการ ประชาธิปไตยในเร่ืองต่าง ๆ ไปใช้ ให้เป็นนิสัยใน ชีวติ ประจาวัน อันได้แก่ หลักความเสมอภาค ซึ่งยึดถือว่า ทุกคนท่ีเกิดมาจะมีความเท่าเทียมกันในฐานะการเป็น ประชากรของรัฐ ไดแ้ ก่ การมีสิทธิเสรภี าพ มหี นา้ ท่ีเสมอ ภาคกัน ไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือการเลือกปฏิบัติ การ
ห น้ า | ๒๐ ดารงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ข่มเหงรังแกคนท่ีอ่อนแอ หรือมีฐานะด้อยกว่า หลักความมีเหตุผล ได้แก่ การแสดง ความคิดอย่างมีเหตุผล การรับฟังข้อคิดเห็นของผู้อื่น การ ยอมรับเมื่อผู้อ่ืนมีเหตุผลท่ีดีกว่า การใช้เหตุผลที่ถูกต้องใน การตัดสินหรือยุติปัญหาในสังคม หรือ การใช้หลัก กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกัน เพื่อความสงบสุข ของสังคม ท่ีเรียกว่า หลักนิติธรรม รวมถึง หลักการถือ เสียงข้างมาก ซ่ึงใช้ในการลงมติโดยยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ในสังคมประชาธิปไตย โดยยังคงให้ความสาคัญกับเสียง ส่วนน้อย ตลอดจน การซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่ออาชีพท่ีทา โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน หากประพฤติปฏิบัติได้ดัง ว่าน้ี ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน สถานศึกษา ที่ทางาน หรืออยู่ใน กลุ่มเพ่ือน กลุ่มชุมชนสังคมต่าง ๆ ประชาธิปไตยก็จะ เกิดขึ้นในบ้านเมืองได้อย่างสมบูรณ์ สังคมไทยก็จะเกิด ความสุจริต ส่งผลให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมี ชวี ิตความเป็นอยู่ท่ีดี และมคี วามผาสุกเกดิ ขึ้น
ห น้ า | ๒๑ จากแนวคดิ ส่ตู ัวอย่างการปฏิบตั ิ ๑. ควำมคิดและจิตต้ังม่ันต่อระบอบประชำธิปไตยอันมี พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุขของนำยชวน หลีกภัย ประธำน รัฐสภำ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นบุคคล สาคัญของผู้ที่เช่ือม่ันและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทาตนเป็นแบบอย่างใน เร่อื งน้มี าโดยตลอด ทา่ นจะเน้นย้าเสมอถึงความสาคัญและให้ความ เชอ่ื มั่นต่อเร่ืองนี้ในโอกาสต่าง ๆ “ขอถอื โอกาสนี้ให้พ่นี อ้ งประชาชนทุกวัย ทุกหมู่เหล่า และ ทุกพื้นท่ี ขอให้มีความเชื่อม่ันการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเราตัดสินใจเลือกวิถีทางนี้ แล้ว เม่ือ ๘๘ ปี หลังจากการเปล่ียนแปลงการปกครอง ดังน้ัน เรา ไม่ควรไปคิดลังเลใจท่ีจะรับหรือไม่รับสถาบันนี้ ไม่ควร แต่เราควร ท่ีว่า หากมีอะไรที่เป็นจุดอ่อน ที่ควรปรับปรุงแก้ไข แต่ไม่ควร เปล่ียนแปลงเป็นแนวอย่างอ่ืน ระบบนี้เป็นระบบท่ีให้ความเคารพ นบั ถือสิทธขิ องประชาชน แตเ่ ราอย่าเรยี กรอ้ งสทิ ธิจนลมื หน้าที่ ต้อง ย้าเร่ืองหน้าท่ี เพราะฉะน้ันเยาวชนของเรา ประชาชนของเราต้อง
ห น้ า | ๒๒ สนใจหน้าท่ีว่าเรามีหน้าท่ีต้องทาอะไร๑...ในฐานะนักการเมือง ก็มี ความผูกพันกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในฐานะท่ีเป็นผู้แทนราษฎร ทีม่ าจากการเลอื กต้ัง ก็รัก และผูกพันกับระบอบน้ีตลอดมา และจะ พยายามรักษาระบอบน้ีไว้ให้ม่นั คงใหไ้ ด้๒” และนอกจากการเป็นแบบอย่างท่ีดีของนายชวน หลีกภัย ป ร ะ ธ า น รั ฐ ส ภ า ท่ี มี จิ ต ตั้ ง มั่ น ต่ อ ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา ยังมีอดีต นายกรัฐมนตรีท่ีข้ึนช่ือว่าเป็นผู้มีจิตยึดม่ันในระบอบประชาธิปไตย เป็นที่ประจักษ์ นายกรัฐมนตรีท่านนั้น ได้แก่ พล.อ.เกรียงศักด์ิ ชมะนันทน์ ผู้ซ่ึงเป็นนายกรัฐมนตรีถึง ๒ สมัย รวมเวลาการดารง ตาแหนง่ ๒ ปี ๑๑๓ วนั ๓ การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ตั้งแต่สมัย ท่ี ๑ ต่อเนื่องมาถึงสมัยท่ี ๒ นั้น ต้องประสบปัญหามากมายหลาย ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจ เกิดการผันผวนของ ราคาน้ามนั ในตลาดโลก สง่ ผลงานตอ้ งขึ้นราคาน้ามันภายในประเทศ อันนามาสู่การปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าและน้าประปา สร้างความไม่ ๑ นายชวน หลกี ภัย สัมภาษณ์พเิ ศษในหนังสอื มนุษย์ ฉบับปฐมฤกษ์ เร่อื ง การกระจายโอกาสทาง การศกึ ษา เนื่องในโอกาสงานเปิดตวั หอ้ งสมดุ มนุษย์ของหอ้ งสมดุ รฐั สภา วนั ที่ ๔ มนี าคม ๒๕๖๔ ๒ นายชวน หลกี ภยั ให้สมั ภาษณ์สอื่ มวลชนในโอกาสสง่ ทา้ ยการทางานในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ณ รัฐสภา ทีม่ า: https://www.naewna.com/politic/๕๔๒๒๗๘ ๓ นรนติ ิ เศรษฐบตุ ร, คนการเมอื ง, (กรุงเทพฯ : สถาบนั พระปกเกลา้ ), ๒๕๕๙. หนา้ ๑๐-๑๘.
ห น้ า | ๒๓ พอใจแกป่ ระชาชน ฉะน้ัน รัฐบาลจึงถูกมองว่าไม่มีความสามารถใน การแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และจากวิกฤตการณ์ดังกล่าวท่าน พยายามประคับประคองสถานะของรัฐบาล โดยการปรับ คณะรัฐมนตรีอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาหลัก คือ เร่ืองเศรษฐกิจได้ และเมื่อมีการปรับข้ึนราคาน้ามันในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จงึ นามาสู่การประท้วงอย่างกว้างขวาง มีการจัดชุมนุมครั้ง ใหญ่ทท่ี ้องสนามหลวง ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา สมัยที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๒๓ ในวัน ศุกร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึ่งในการประชุมคร้ังนี้ พล.อ. เกรยี งศกั ดิ์ ไดแ้ ถลงชี้แจงถึงปัญหาท่ีผ่านมา ตลอดจนปัญหา ต่าง ๆ ท่ีรัฐบาลต้องประสบจนยากที่จะบริหารงานของประเทศให้ บรรลุสู่เป้าหมายได้ และได้ประกาศลาออกจากตาแหน่ง นายกรฐั มนตรใี นช่วงทา้ ยของการช้แี จงดงั กล่าว ความวา่ “…การขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและรัฐสภาไม่เป็นสิ่งท่ีดี และ เช่ือว่าไม่ใช่สิ่งท่ีประชาชนปรารถนา ประชาชนบางส่วนที่อยู่ใน ชนบทไม่สนใจว่าใครจะมาบริหารประเทศ ขอให้ท้องอ่ิมก็แล้วกัน แตค่ วามขดั แยง้ กอ่ เกิดเพิม่ ข้ึนทับทวี จนยากท่ีรัฐบาลจะบริหารงาน ของชาติให้บรรลุสู่เป้าหมายได้ ฉะนั้นเพ่ือรักษาไว้ซ่ึงการปกครอง แบบประชาธิปไตยโดยระบบรัฐสภา กระผมจึงได้ตัดสินใจดังน้ี กระผมขอลาออกจากตาแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ระบบ รัฐสภาของประชาธิปไตยดารงอยูต่ ลอดไป ทงั้ น้เี พอ่ื เปิดโอกาสให้
ห น้ า | ๒๔ ท่านเลือกบุคคลที่มีความสามารถดีกว่า เข้ามาบริหารประเทศ และรบั ใช้ประชาชนและประเทศชาตติ อ่ ไป ขอบพระคุณ”๔ แม้ว่าจะมีการกล่าวว่า พล.อ.เกรียงศักดิ์ ตัดสินใจลาออก จากตาแหน่งนายกรัฐมนตรีเพ่ือเล่ียงการอภิปรายไม่ไว้วางใจท่ี กาลังจะเกิดขึ้น แต่หลังจากประกาศลาออกกลางรัฐสภา สมาชิก รฐั สภาพรอ้ มใจกนั ปรบมือใหเ้ กยี รติดังล่ันไปทั้งห้องประชุมสภาไม่ หยุด การตดั สนิ ใจของท่านนน้ั ได้รับการแซซ่ ้องสรรเสริญเป็นอย่าง มาก และแม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนาของ พล.อ.เกรียงศักด์ิ จะจบ ไม่สวย แต่ท่านก็กลายเป็นตานาน และ ยิ่งกว่าน้ัน คือ ท่านคือ สุภาพบุรุษทางการเมือง แม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจาก การปฏิวัติ แต่การตัดสินใจในวันนั้นทาให้ประชาธิปไตยเดินต่อไป ตามครรลองแหง่ ประชาธิปไตย ๒.๒ การยึดมัน่ ในคณุ ธรรมจริยธรรม “คุณธรรม” และ “จริยธรรม” นี้ เป็นคาที่เรามัก ใช้คู่กันเสมอทั้งในการพูดและการเขียน เน่ืองจากมีความ เช่ือมโยงเก่ียวเนื่องซึ่งกันและกัน หากแต่ความหมายตาม พจนานุกรมนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ โดยคุณธรรม ๔ รายงานการประชมุ รัฐสภา (สมัยวสิ ามญั สมยั ท่สี อง) คร้งั ที่ ๑/๒๕๒๓ ๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๓. หน้า ๗-๑๕.
ห น้ า | ๒๕ หมายถึง สภาพคุณงามความดี ส่วน จริยธรรม น้ัน หมายถึง ธรรมท่ีเป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ดังน้ัน อาจกล่าว ได้ว่า คุณธรรม เป็นเร่ืองของคุณงามความดีท่ีแต่ละบุคคล ยึดมั่นไว้เป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัย ส่วนจริยธรรมน้ัน คือ การประพฤติ ปฏิบัติตามคุณงาม ความดีที่ตนเองยึดมั่น เพ่ือการอยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่งท้ัง สองส่ิงนี้มคี วามสาคญั ต่อการดาเนินชีวิตของทุก ๆ คนเป็น อย่างมาก และเม่ือเรากาลังพูดถึงการเสริมสร้างบ้านเมือง สุจริตแล้ว ท้ังสองเร่ืองนี้จึงถือเป็นพื้นฐานสาคัญที่ควร ได้รับการปลูกฝังไปพร้อม ๆ กัน แต่เป็นที่ทราบดีว่า แม้มนุษย์จะเป็นทรัพยากรที่สามารถเรียนรู้และรับการ ฝึกอบรมได้ แต่การจะเสริมสร้างการมีคุณธรรมจริยธรรม ให้กับบุคคลนับว่าเป็นสิ่งท่ียาก ไม่สามารถใช้เพียงการพูด อบรมให้ความรู้เท่านั้น สิ่งท่ีจะต้องมีคู่กัน คือ การมี ตวั อยา่ งของการปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดเ้ หน็ จริงเพื่อสนับสนุนในคาพูด คาสอน ทาให้เกิดการคิดวิเคราะห์ และตระหนักถึงสิ่งที่ ควรทาและควรนาไปปฏบิ ตั ิ ซ่ึงตัวอย่างเหล่านั้น เกิดขึ้นได้ ท้ังในสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา ชุมชนท่ีตนอยู่ อาศัยการเมือง ศาสนา สอื่ มวลชน เป็นต้น หากเราทุกคน ยึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรมแล้ว ย่อมเป็นรากฐานสาคัญท่ี ช่วยส่งเสริมให้บ้านเมืองเกิดความสุจริตได้โดยงา่ ย
ห น้ า | ๒๖ จากแนวคดิ สตู่ ัวอยา่ งการปฏบิ ัติ ๑. “ควำมรู้กตัญญู” ของนำยชวน หลีกภัย ประธำน รัฐสภำ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ที่มี ความต้ังมั่นอยู่ในความกตัญญู ซ่ึงเป็นคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม สาคัญประการหน่ึงของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกตัญญู ต่อ “พระศาสนา” ในฐานะท่ีให้ท่ีพานักอาศัยเม่ือคร้ังยังเรียน หนังสือ และ “ประชาชน” ท่ีมีความสาคัญต่อตนเอง ในฐานะ นักการเมืองที่มาจากเสียงของประชาชน ดังท่ีกล่าวไว้แล้วคร้ังหนึ่ง ในเร่ือง การมีจิตสานึกดี ท่านก็กล่าวถึงความซาบซึ้งในบุญคุณของ ชาวบา้ น “ตอนที่ผมเรียน ผมก็ต้องมาอยู่วัด ฐานะทางบ้านไม่พร้อม ใหล้ กู เรียน มาอยู่หอพัก พอ่ ผมเปน็ ข้าราชการช้ันจัตวา เงินเดือนไม่ เหมือนครสู มยั นี้ สมัยกอ่ นครูเงินเดือนกไ็ มก่ ่รี ้อยบาท ส่งลูกเรียนคน เดียวก็หมดแลว้ สมยั ก่อนถ้าเรียนโรงเรียนในระดับกลาง ๔๐๐บาท ก็อยู่ได้ อยู่หอพัก ค่ากินทั้งเดือน แต่ผมได้เดือนละ ๒๐๐ บาท ก็ เลยต้องด้ินรนมาอยู่ท่ีรายจ่ายน้อยก็มาอยู่วัด ผมน่ีอยู่วัดนาน ๘ ปี ก็เป็นหนี้บุญคุณศาสนามาก...ในช่วงหลัง ถ้าผมจะประมวลก็จะมี ความเปลี่ยนแปลงท่ีมาจากระบบที่ไม่ตรงไปตรงมามากข้ึน ระบบ ใช้เงินมากขึ้น ทาให้เราต้องคิดกันหนักว่า ถ้าคนใช้เงินเข้ามาเป็น นักการเมือง แล้วไม่คิดหรือ ว่าคนน้ันจะมาเอาเงินเดือนแค่แสน บาท อย่างพวกผมนี่ กไ็ ด้แสนกว่าบาทหกั ภาษีแลว้ หักเงินเข้าพรรค
ห น้ า | ๒๗ แล้วก็เหลือ ๘๐,๐๐๐ บาท ถ้าซ้ือเสียงมา อยู่ได้เหรอ มันอยู่ไม่ได้ มันก็ต้องมีเร่ืองของการหาประโยชน์ ทุจริตประพฤติมิชอบเกิดขึ้น ในทางการเมืองอย่างท่ีเราเห็นอยู่มากมาย เราจึงต้องหาทางแก้ไข ไม่เพียงผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ต้องพยามสร้าง ภูมิคุ้มกันให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนัก เพราะว่าต้องยอมรับใน ฐานะเป็นนักการเมืองว่า เราถ้าไม่อาศัยเสียงของคนที่มีความ ซ่ือตรง ผมกค็ งไม่ได้เป็น ผมจงึ เป็นหน้ีบุญคุณคนมากว่า เขาไม่ยอม ขายเสียงเลือกเรา เพราะฉะนั้น จึงเป็นหน้ีบุญคุณเขาท้ังหมด ไม่ว่า ต่อหนา้ ลบั หลัง ผมจะถอื หลักว่า ผมเปน็ หนบี้ ญุ คณุ คนเหล่านี้”๕ นอกจากตัวอย่างของบุคคลผู้มีช่ือเสียงเป็นท่ีรู้จักและเป็น ผู้นาทางสังคมการเมืองแล้ว ยังมีประชาชนตัวเล็ก ๆ ไม่มีใครรู้จัก ไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัวสิ่งใดจากการกระทาของตน แต่เพราะ คุณธรรมท่ียึดมั่นนาไปสู่การประพฤติปฏิบัติตามคุณงามความดีที่ ตนยึดม่ัน เพ่ือการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังตัวอย่างของ หญิงม่าย ชาวกะเหรี่ยง ในอาเภอทุ่งสองยาง จังหวัดตาก ยึดม่ันคุณธรรม การช่วยเหลอื เพ่ือนมนษุ ยด์ ว้ ยการเลี้ยงดูเด็กท่ีถูกทอดท้ิงและอบรม ส่ังสอนเพื่อเติบโตเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ดังตัวอย่างคุณธรรม จรยิ ธรรมของหญงิ มา่ ยท่ีบ้านระเมิง๖ ๕ คาบรรยายพเิ ศษ นาย ชวน หลกี ภัย ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร ในหวั ขอ้ “จรยิ ธรรมของผู้นา” ในหลักสตู รประกาศนยี บัตรช้ันสูงการเมืองการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย สาหรับนักบรหิ าร ระดับสูง รุ่นที่ ๒๔ วันอังคารท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ย่อย ๑-๒ ฝง่ั อาคารเรียน สถาบนั พระปกเกล้า ๖ สบื ค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=๘i๙cuR๖tjio, https://www.youtube.com/
ห น้ า | ๒๘ เร่ิมต้นจากเมื่อ ๓๐ ปีก่อนรับอุปการะเด็กทารกคนหน่ึงที เกิดมาแล้วทาให้แม่เสียชีวิต สร้างความไม่พอใจให้ชุมชนท่ีมีความ เชื่อว่า เด็กที่เกิดมาแล้วทาให้แม่ตาย มีค่าน้อยกว่าวัชพืชและเป็น อัปมงคล และใครก็ตามที่ฝ่าฝืนเลี้ยงเด็กเอาไว้ จะถูกสังคมขับไส ออกจากกลุ่ม แต่หญิงผู้นี้กลับเข้าใจและเห็นว่าเด็กท่ีถูกทอดทิ้งจะ ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจและไร้ความหวัง และ ต้องการการเลีย้ งดไู ม่ต่างกบั เด็กอ่ืน ๆ จึงรับเลี้ยงเด็กคนน้ันคู่กับลูก ของตนเองจนเติบโต และจากวันน้ันบ้านของเธอกลายสถานท่ีท่ีมี ผู้นาเด็กถูกทอดทิ้ง เด็กยากไร้ เด็กท่ีพ่อแม่ไม่ต้องการ ส่งมาตลอด ซึ่งทาให้ประสบความยากลาบากเร่ืองค่าใช้จ่ายเพ่ือการดูแลเด็ก ท้ังหมดเพราะทั้งหมดคือสิ่งท่ีต้องดูแลโดยเธอเพียงคนเดียว และ เมื่อเด็ก ๆ ท่ีเธออุปการะไม่ยอมย้ายไปอยู่สถานสงเคราะห์อื่น ๆ และจะออกจากโรงเรียนเพ่ือรับจ้างทางานเลี้ยงสมาชิกในบ้าน ซ่ึงเธอไม่ต้องการและจึงพยายามหาทางสนับสนุนเพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสทางการศึกษาและมโี อกาสในชีวิตทด่ี ีขึ้น จนมีผู้สนับสนุน และตั้งเป็นบ้านเด็กกาพร้า Safe Haven Orphanage ท่ีบ้านระ เมิง อาเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ปัจจุบันมีเด็กกาพร้าในอุปถัมภ์ ๖๐ คน คุณธรรมแห่งความรักและเห็นค่าในชีวิตมนุษย์ การปฏิบัติ และดารงตนตามคุณธรรมความดีงามนั้น ทาให้เธอเป็นตัวอย่างท่ีดี ในทุก ๆ วันของชีวิต สร้างสถาบันครอบครัวแห่งความรักความเอา watch?v=K๔gHJVhGR-๔ และ https://hilight.kapook.com/view/๗๐๒๒๗?fbclid=IwAR๐ k๗X๑๒o-DTToR๘-uHAhAK๔๕k๕๘NEs๐TteBhAcpY๗๐๘sQPd๑Z๑ntX๒๓_aA
ห น้ า | ๒๙ ใจใส่ อบรมสั่งสอนให้เด็ก ๆ มีความตรงเวลา รู้หน้าที่ รับผิดชอบ ช่วยเหลือกัน สอนมีความรัก ความเข้าใจต่อผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม ชว่ ยคนอ่ืน รวมท้ังสง่ เสริมใหเ้ รยี นหนังสอื เพ่ือมีอนาคตท่ีดีและเป็น คนดขี องสงั คมด้วย ความมีคุณธรรมและและยดึ ม่นั ในจริยธรรมของ เธอ ยืนยันด้วยการเป็นเจ้าของรางวัลคนค้นฅน อวอร์ด คร้ังที่ ๓ สาขาคนเล็กหัวใจใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในระดับผู้นาของสังคมการเมือง หรือ เป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ ไม่มีทรัพยากรในชีวิตมากมาย แต่เพียงเป็นผู้ที่ยึดม่ันในคุณธรรมและปฏิบัติตามคุณธรรมอันดีงาม ก็สามารถเป็นรากฐานสาคัญที่ช่วยส่งเสริมให้บ้านเมืองเกิดความ สจุ ริตได้ ๒.๓ การมจี ติ สานกึ ดี “จิตสานึก” เป็นคาที่มีความหมายตามศัพท์ ราชบัณฑิตว่า เป็นภาวะที่จิตตื่นและรู้ตัวสามารถ ตอบสนองต่อส่ิงเร้าจากประสาทสัมผัสท้ัง ๕ แต่ในทาง ปฏิบัติ เม่ือกลา่ วถึงหรือได้ยินคาว่าจิตสานึก เราก็จะนึกไป ถึงเร่ืองของการมีความสานึกรับผิดชอบในทางที่ดี ดังนั้น เราจึงมักใช้คาว่า จิตสานึกดี ซึ่งเป็นพฤติกรรมในตัวบุคคล ที่เป็นท่ีคาดหวังของผู้อื่นหรือสังคมว่า บุคคลหน่ึงควร จะตอ้ งมจี ิตสานึกดใี นเรอ่ื งต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิง การมี
ห น้ า | ๓๐ จิตสานึกดีต่อสังคมส่วนรวม ซ่ึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและหาได้ ยากยิง่ ในสถานการณบ์ ้านเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน จ า ก ก ร ะ แ ส โ ล ก า ภิ วั ต น์ ที่ ผ ลั ก ดั น ใ ห้ สั ง ค ม ไ ท ย มุ่ ง แ ต่ ความสาเร็จโดยไม่คานึงถึงผู้อื่น ท้ังทางด้านเศรษฐกิจ คน จาน ว น ไม่น้ อย ก็แส ว ง หาอ าน าจ บ้า งก็แ สว งห า ผลประโยชน์ จนทาให้สังคมไทยเริ่มอ่อนแอลงเร่ือย ๆ แต่ สิ่งที่น่าวิตกกังวลท่ีสุด ก็คือ ปัญหาความเสื่อมถอยในด้าน คุณธรรมจริยธรรมของคนในประเทศ ดังน้ัน การส่งเสริม ให้เกิดการมีจิตสานึกดี ถือเป็นจุดเร่ิมต้นสาคัญของการ ประพฤติปฏิบัติดี กล่าวคือ ถ้าเรามีจิตสานึกท่ีดีแล้ว เมื่อ ได้รบั หน้าท่ีให้ทาการงานสิ่งใด ก็จะกระทาด้วยความต้ังใจ และมีความรับผิดชอบ คานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน ประโยชน์ส่วนตน จะใคร่ครวญและคานึงถึงผลกระทบที่ จะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติของตนเองที่จะมีต่อสังคม แม้ว่า ตนจะได้รับประโยชน์ถูกต้องชอบธรรม แต่หากมีจิตสานึก ท่ีดีก็จะไม่ละโมบโลภมาก อีกทั้งยังพร้อมที่จะเสียสละใน สง่ิ ท่ีตนเองพงึ ไดร้ บั ให้แก่สว่ นร่วม
ห น้ า | ๓๑ จากแนวคิดสตู่ ัวอยา่ งการปฏิบัติ ๑. กำรมีจิตสำนึกดีต่อชำติบ้ำนเมือง ของนำยชวน หลีกภัย ป ร ะ ธ ำ น รั ฐ ส ภ ำ ข ณ ะ ด ำ ร ง ต ำ แ ห น่ ง รั ฐ ม น ต รี ว่ ำ ก ำ ร กระทรวงกลำโหม นาย ชวน หลีกภัย ขณะดารงตาแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม ในช่วง พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔ นอกจากท่ีท่านจะ เป็นผู้ท่ีทุ่มเทให้กับหน้าทีท่ีของท่านแล้ว ท่านยังเป็นแบบอย่างใน ด้านการมีจิตสานึกท่ีดีต่อชาติบ้านเมือง ดังกรณีการใช้จ่ายเงิน แผ่นดินอย่างรู้คุณ แม้จะเป็นเงินราชการลับในส่วนที่ท่านสามารถ จะเบิกจ่ายไปใช้ได้ แต่ท่านก็มิได้ลุแก่อานาจ แต่มีจิตสานึกที่ดีท่ีจะ คนื เงินแผ่นดนิ สว่ นท่ไี มไ่ ดใ้ ช้ใหก้ ลับเปน็ ประโยชน์ของชาติ “ผมไปอยทู่ ไี่ หน ผมก็ต้องศึกษาเรียนรู้กติกาของหน่วยงาน นั้น ไปอยู่กระทรวงกลาโหม ผมก็ต้องอ่าน อ่านมากกว่าทหารอีก อ่านกระบวนการของทหาร ระเบียบอะไรเป็นอย่างไร แต่ว่า ความ ซ่ือตรงสุจริต อันนี้เป็นเรื่องที่แม้กระทั่งมีสิทธิผมก็ยังไม่เอาเลยนะ ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ๓ ปี เชื่อไหม วันสุดท้าย ผมมเี งนิ ราชการลบั ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ผมไม่ตอ้ งเชา่ บ้าน เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ทุกวันนี้ผมสามารถนาเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท นี้ไป ซือ้ คฤหาสน์ไดเ้ ลย แตผ่ มคืนหมด ยุ่งกนั ท้ังกระทรวง เพราะไม่เคยมี ใครคืนเงินราชการลับ ในท่ีสุดก็ไปหาระเบียบมา แล้วก็แบ่งให้ ๕
ห น้ า | ๓๒ หน่วยงาน หน่วยงานละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เจ้าหน้าท่ีผู้ใหญ่บอก ท่านปลัดบอก อันน้ีเงินท่านนะ ผมบอกผมรู้ เพราะผมเข้ามาป๊ับ รัฐมนตรีคนก่อนก็เบิกราชการลับไปหมดแล้วในปีน้ีช่วงนั้น ผมเข้า มา เพราะผมมาจากการเลือกต้ัง และผมเป็นหนี้บุญคุณชาวบ้าน เขาเลือกผมนี่ไม่ต้องจ่ายสักบาทหนึ่ง และผมต้องเป็นหน้ีเขา ใน ชีวิตท่ีตอบแทนบุญคุณได้ คือ ความซ่ือตรง ตั้งแต่วันแรก จนวัน สุดทา้ ย ซอื่ ตรงสจุ ริต เบยี้ บรรยาย เบี้ยประชุม ไม่ใช้เอง เอาไปเป็น ทุนเปน็ อะไรใหเ้ ดก็ เพราะเรามีแค่นี้ ก็ไม่ได้คิดจะมาสร้างฐานะทาง การเมอื ง”๗ การมีจิตสานึกดีรับผิดชอบต่อสังคม รวมท้ังการมุ่งมั่นทา ความดีเพ่ือส่วนรวม เป็นสิ่งท่ีทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ ประชาชนคนทั่วไปหรืออยู่ในสถานะใด ๆ ก็สามารถ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีจิตสานึกดีได้ หากพฤติกรรมหรือการกระทาของ บุคคลน้ัน ๆ เกิดจากความสานึกรับผิดชอบ เสียสละและเห็นแก่ ประโยชน์สว่ นรวม ดังตวั อยา่ งอดีตครู ผูไ้ ดฉ้ ายาตามอายุว่า “ครูปู่” เพราะเป็นครูจิตอาสาอายุกว่า ๘๐ ปี ที่อุทิศชีวิตหลังเกษียณนา วิชาชีพครูออกเดินทางไปสอนและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กเร่ร่อน เด็กข้างถนน เด็กในชุมชนแออัดผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในเมืองหลวง ๗ คาบรรยายพิเศษของ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในหลักสูตรการบริหาร ความมน่ั คงสาหรับผู้บริหารระดับสูง (สวป.มส.SML) รุ่นท่ี ๑ เร่ือง ธรรมาภิบาลและการต่อสู้กับ การทจุ รติ คอรปั ช่นั วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๐๐ – ๑๘.๐๐ นาฬิกา ณ วิทยาลัย ป้องกันราชอาณาจกั ร สถาบันวิชาการปอ้ งประเทศ
ห น้ า | ๓๓ เพียงหวังให้เด็กเร่ร่อนข้างถนนมีโอกาสได้ยกระดับจิตใจเป็นคนดี และเติบโตเป็นผ้ใู หญ่ที่มีคุณภาพ คุณความดีท่ีครูท่านนี้ทา ใช่ว่าจะ ไม่มีใครเห็น ท่านได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนและสังคม ได้รับ การสนับสนุนความร่วมมือจากจิตอาสาผู้มีอุดมการณ์ร่วม และ ได้รับการเชิดชูเกียรติจากรางวัลพระราชทาน ทาดีเพ่ือพ่อ อันเป็น เกยี รตอิ ยา่ งย่ิงแก่ครูปผู่ ้นู ี้ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในทุกสังคม มีท้ังผู้มีจิตสานึก ดี และผู้ขาดจิตสานึกรับผิดชอบที่ดี เห็นแก่ตัว ไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบข้อตกลงของสังคม มีความประมาทเลินเล่อ จน ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อชีวิต ทรัพย์สินและช่ือเสียงของคน อ่ืน ยกตัวอย่าง ดีเจชื่อดังติดเช้ือโควิด-๑๙ และจัดงานวันเกิดจน เป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-๑๙ จนกลายเป็นท่ี วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากของสังคม และท้ายที่สุดฝ่ายกฎหมายเอา ผิดดาเนินคดีกับดีเจท่านน้ัน อย่างไรก็ตาม กรณีน้ี ก็กระตุ้นให้คน ในสงั คมระมัดระวงั ในการดาเนนิ ชวี ติ ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชอื่ โควดิ -๑๙ มากยง่ิ ขึ้น ในกรณีข้าราชการทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถ่ิน ฝ่าฝืนไม่ ปฏิบตั ติ ามหลักเกณฑ์ระเบียบราชการ นาทรัพย์สินของทางราชการ มาใช้เพ่ือประโยชน์ส่วนตัว ถือว่าข้าราชการผู้น้ันขาดจิตสานึกที่ดี ตัวอย่างเช่น มีนายกเทศมนตรีแห่งหน่ึงนารถของเทศบาล ซึ่งถือ เปน็ รถของทางราชการไปใช้ในเร่ืองส่วนตัว และมีหลักฐานการเบิก ค่าน้ามันเชอื้ เพลิงกว่าคร่งึ แสน โดยในใบเบิกน้ามันระบุรายละเอียด
ห น้ า | ๓๔ เพียงว่าไปราชการ แต่ไม่ระบุว่าไปราชการเร่ืองอะไรและแม้ว่า ข้าราชการท้องถ่ินในเทศบาล ท้ังปลัดเทศบาล และสานักการคลัง ได้ตักเตือน ท้วงติงแล้วว่าเป็นการดาเนินการที่ผิดกับระเบียบฯ แต่ นายกเทศมนตรีผู้นั้นก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม รวมเป็นระยะเวลา กว่า ๔ ปี ภายหลังเม่ือมีการร้องเรียน สานักงานการตรวจเงิน แผ่นดินจึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการใช้รถเพื่อการ ส่วนตวั จรงิ และมีผลช้ีขาดใหน้ ายกเทศมนตรผี นู้ นั้ พน้ จากตาแหน่ง การกระทาความผิดในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืน หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้รถราชการและการเก็บรักษารถราชการ ตามท่ีกาหนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และ รักษารถยนตข์ ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประการ สาคัญการกระทาดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทาท่ีไม่พึงกระทาอย่าง ย่ิงเพราะเป็นการใช้อานาจในทางท่ีผิด เป็นการใช้ของและ งบประมาณของทางราชการเพอื่ ประโยชน์ส่วนตน ขาดจิตสานึกท่ีดี ต่อประชาชน เพราะตน คือ นักการเมืองท่ีมาจากการเลือกตั้ง และ ประชาชนม่งุ หวังใหบ้ ริหาร พัฒนาพื้นที่ให้เจริญ และทาให้คุณภาพ ชวี ิตของประชาชนให้ดขี นึ้
ห น้ า | ๓๕ ๒.๔ การมสี านกึ รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี “สานึกรับผิดชอบ” เป็นคาท่ีนักวิชาการบางกลุ่มท่ีสนใจ ในเรื่องธรรมาภิบาล แปลศัพท์ภาษาอังกฤษมาจากคาว่า “Accountability” ซงึ่ เป็นหลกั สาคัญขอ้ หนงึ่ ของหลกั ธรรมาภิบาล มีความหมายว่า ความพร้อมที่จะรับผิดชอบ ความพร้อมที่จะถูก ตรวจสอบได้ โดยการมเี ป้าหมายที่ชดั เจน การสร้างการเป็นเจ้าของ ร่วมกัน การทางานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการพฤติกรรมที่ไม่ เอ้ือต่อการทางาน การมีแผนการสารอง การติ ดตามและ ประเมินผลการทางาน ๘ ซ่ึงมีความหมายท่ีกว้างขวางกว่า คาว่า รบั ผดิ ชอบ ซง่ึ ตามศพั ท์ราชบณั ฑติ นยิ ามว่า เป็นการยอมรับผลทั้งท่ี ดีและไม่ดีในกิจการท่ีตนได้ทาลงไปหรือที่อยู่ในความดูแลของตน เมื่อนามาผนวกเข้ากับคาว่า “หน้าท่ี” ด้วยแล้ว จึงหมายถึงการยึด มน่ั และความซอื่ ตรงตอ่ หนา้ ทข่ี องตนเอง โดยมีความพร้อมรับผิดรับ ชอบในสิง่ ท่อี ยู่ในอานาจท่ีตนได้รบั ใหป้ ฏบิ ตั ิ ในเร่ืองของคาว่า “หน้าท่ี” น้ัน เป็นส่ิงท่ีมีความสาคัญกับ คนทุกระดบั ทุกคนก็มีหน้าที่ทั้งที่เป็นผลจากความเป็นมนุษย์ และ ผลจากการท่ีเปน็ ส่วนหน่งึ ของชีวิตผู้อ่ืน เหตุใดในส่วนน้ี จึงกล่าวว่า การรู้หน้าที่มีส่วนสาคัญที่จะช่วยทาให้บ้านเมืองเกิดความสุจริตได้ หากเร่ิมต้นศึกษานิยามของคาว่า “หน้าท่ี” ตามความหมายของ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน จะพบว่า หมายถึง กิจที่ต้องทา ด้วย “ความรับผิดชอบ” ดังน้ัน เมื่อการปฏิบัติใด ๆ กระทาบน ๘ ถวลิ วดี บุรกี ลุ (๒๕๕๘). ธรรมาภิบาล : กลไกสาคัญในการปฏิรูปเพอ่ื พัฒนาประเทศ ในหนงั สอื ดุลอานาจในการเมอื งการปกครองไทย. สถาบันพระปกเกลา้
ห น้ า | ๓๖ พืน้ ฐานของการรู้สานึกรับผดิ ชอบแล้ว ย่อมต้องส่งผลดี ตั้งแต่ระดับ ตนเอง องคก์ ร และ ยงั ผลดสี ูส่ งั คมโดยสว่ นรวม ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าราชการ ถือเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้อง กับคาว่า “หน้าท่ี” ในทางที่มีผลต่อความสุจริตของสังคมมากท่ีสุด เพราะ การมารับราชการจะมีข้อกฎหมายและระเบียบท่ีจะกาหนด ว่ามีหน้าท่ีท่ีจะต้องทาส่ิงใด และห้ามมิให้กระทาส่ิงใด โดยมี กฎหมายกาหนดโทษ หากไม่กระทาตามหน้าท่ี หรือ ใช้อานาจ หน้าที่ไปในทางมิชอบด้วย ดังน้ัน ความซ่ือตรงในหน้าท่ีจึงเป็นสิ่ง สาคัญกับข้าราชการทุกคน ดังจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนได้จากการท่ี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้าแก่ข้าราชการ ในสมัยน้ันให้ตั้งใจกระทากิจการ ซ่ึงได้รับมอบให้เป็นหน้าที่ของตน น้ันโดยซ่ือสัตย์ สุจริต ใช้ความอุตสาหวิริยภาพเต็มสติกาลังของตน ด้วยความมุ่งหมายให้กิจการนั้น ๆ บรรลุถึงซึ่งความสาเร็จโดย อาการอันงดงามท่ีสุดที่จะพึงมีหนทางจัดไปได้๙ เม่ือกล่าวถึงตรงน้ี คงพอจะทาให้เห็นว่า หากเราทุกคนพึงปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว จะมี ส่วนช่วยใหบ้ า้ นเมืองเกิดความสุจริตไดอ้ ย่างไร ๙ จากหนงั สือ “หลกั ราชการ” ซึง่ ไดพ้ ระราชนิพนธแ์ ละพมิ พพระราชทานแจกข้าราชการ ในการ พระราชพธิ ตี รุษสงกรานตพระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗
ห น้ า | ๓๗ จากแนวคิดสตู่ วั อย่างการปฏิบัติ ๑. กำรตระหนักต่อควำมสำคัญของกำรยึดม่ันในหน้ำท่ีของ นำยชวน หลกี ภยั นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ กลา่ วย้าในเรื่องความสาคัญของหน้าที่ ในแทบทุกโอกาสท่ี ได้ไปปาฐกถาพิเศษ บรรยาย หรือ การให้สัมภาษณ์ที่ใดก็ ตาม ท่านจะเน้นย้าถึงพระราชดารัสของในหลวงรัชกาลท่ี ๙ เมือ่ วนั ท่ี ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ อยู่เสมอ “เร่ืองที่พระองค์ท่านได้รับสั่งในปี ๒๕๕๒ กับปี ๒๕๕๓ ปกติในหลวงไม่รับส่ังซ้า แต่มี ๒ ปี ท่ีได้รับสั่งซ้า และท้ังหมดมาจากเรื่องของความรับผิดชอบ ทั้งหมด เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ของความไม่สงบและกระทบต่อ ประเทศชาติอย่างรุนแรง ก็คือ กรณีของการทาลายการ ประชุมท่พี ทั ยา มันเกดิ ไดอ้ ย่างไร เกิดจากคนกลุ่มหนึ่ง แต่ ก็ไม่สาคัญว่ากลุ่มไหน มีตารวจ มีทหาร มีฝ่ายปกครอง มี เจา้ หนา้ ทีท่ ุกฝา่ ย แต่ทาไมมันเกิดได้อยา่ งไร ทาไมจึงปล่อย ให้เกิดได้ ข้อสรุปก็คือความรับผิดชอบของคนที่มีหน้าที่ เหล่าน้ันไม่มี... วันนั้นคนท่ีมาก่อเหตุก็ไม่ใช่ว่าจะมีกาลัง กองทัพจากตา่ งประเทศ ไม่ใช่ว่ามีจานวนมากมายอะไรนัก ถา้ เจา้ หนา้ ท่เี ขา้ ไปสกัดก้นั ก็สกดั ได้ ไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้น เข้าไปไล่ผู้มาประชุม ซ่ึงเรียนว่า เหตุนี้ไม่เคยเกิดใน ประเทศไทยและไม่เคยเกิดท่ีไหนในโลกในอดีต ปัจจุบัน
ห น้ า | ๓๘ และเชื่อว่าในอนาคตก็ไม่มีที่ไหนในโลกเกิดเหตุอย่างนี้ ผู้ประชุมในห้องหนีกระเจิดกระเจิง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็มี ลงเรือก็มี ซ่ึงเป็นเร่ืองท่ีน่าเสียใจอย่างท่ีสุด เพราะฉะนั้น ๒ ปีทีพ่ ระองคท์ า่ นรับสง่ั กค็ อื ความรับผดิ ชอบ”๑๐ สานึกรับผิดชอบในหน้าท่ีน้ันเรียกร้องการมุ่งปฏิบัติงาน ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอย่างเต็มที่ ส่ิงนี้จะเห็นได้จากการปฏิบัติงาน จริง ดังตัวอย่างของข้าราชการตารวจท่านหน่ึง ซ่ึงปฏิบัติหน้าท่ีใน พื้นท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเข้มแข็งต่อเน่ืองเป็นเวลาเกือบ ๔๐ ปี โดยในห้วงเวลานั้น พื้นท่ีดังกล่าวเป็นเขตเคลื่อนไหวของ ขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน การก่อความรุนแรงแก่ เจา้ หน้าทีแ่ ละทรพั ยากรของรฐั เกดิ ขึ้นบ่อยครั้ง โดยนายตารวจท่าน น้ีเคยต่อสู้กับกลุ่มตรงข้ามรัฐหลายกลุ่ม ท้ังโจรจีนคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ท่านเคยผ่าน การยิงปะทะมาแล้วนับร้อยคร้ัง สามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม ยึดอาวุธปืน และที่พักเป็นจานวนมาก ซึ่งผลในการนากาลังเข้า ปะทะกับโจรก่อการร้ายดังกล่าว ทาให้ท่านได้รับบาดเจ็บท้ัง เล็กน้อยและสาหัสหลายครั้ง แต่นายตารวจท่านนี้ก็ยังยืนหยัด ปฏิบัติหน้าที่ในพ้ืนท่ีอยู่อย่างมุ่งม่ันถึงวาระสุดท้าย โดยขณะปฏิบัติ หนา้ ทล่ี าดตระเวนรักษาความสงบ ขบวนการแบง่ แยกดินแดนได้ซุ่ม ๑๐ คาบรรยายพิเศษของ นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในหลักสูตรการบริหาร ความมั่นคงสาหรบั ผู้บริหารระดับสูง (สวป.มส.SML) รุ่นที่ ๑ เร่ือง ธรรมาภิบาลและการต่อสู้กับ การทุจรติ คอรปั ช่ัน วนั เสารท์ ่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๐๐ – ๑๘.๐๐ นาฬิกา ณ วิทยาลัย ป้องกันราชอาณาจักร สถาบนั วิชาการป้องประเทศ
ห น้ า | ๓๙ โจมตีด้วยการวางระเบิดรถยนต์ และยิงถล่มซ้าด้วยอาวุธสงคราม เป็นเหตุให้ท่านได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างการนาตัวไป รักษา๑๑ การทุ่มเทชีวิตเพ่ือปฏิบัติหน้าที่เช่นน้ี สมควรได้รับการยก ย่องว่าเปน็ ผ้มู ีสานึกรับผิดชอบในหน้าท่ีอยา่ งสงู ในทางกลับกัน การปฏิบัติงานมี่ไม่ยึดโยงกับสานึกในการ รับผิดชอบต่อหน้าท่ี แต่กลับใช้อานาจที่ได้รับมาเพ่ือการทา ประโยชน์แก่ส่ว นรวมใช้ในการหาผล ประโยชน์ส่ว นตนโ ดยการ ทุจริต เป็นการทรยศต่อความรับผิดชอบท่ีตนมีอยู่ ดังตัวอย่างของ ข้าราชการท่านหนึ่ง ซ่ึงวางแผนช่วยเหลือบุคคลอ่ืนในการสอบเข้า เพ่ือบรรจุส่วนงานราชการ โดยได้อาศัยอานาจหน้าท่ีตาแหน่งทาง ราชการในการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ทาการทดสอบจานวนหนึ่งให้ผ่าน การคัดเลือก ด้วยการปลอมแปลงเอกสารกระดาษคาตอบและ จัดทาเอกสารอนั เปน็ เท็จ เพ่ือนามาแทนที่กระดาษคาตอบชุดเดิมท่ี มีอยู่ ทาให้ผู้เข้าสอบจานวนหน่ึงมีคะแนนมากกว่าบุคคลอื่น ๆ จน สามารถเข้าสู่กระบวนการในข้ันตอนถัดไปของการทดสอบได้ นอกจา กน้ีได้มี การ ลง นาม รับ รอง ผู้ผ่ านการ คัดเ ลือกโด ยมิ ชอ บ ต่อมามีผู้ร้องเรียนถึงพฤติการณ์ดังกล่าว จึงมีการฟ้องร้องและศาล ได้ตัดสินลงโทษในท่ีสุด ถือเป็นอุทาหรณ์ท่ีสาคัญแก่ข้าราชการผู้มี อานาจส่ังการหรือข้าราชการประจาท่ัวไปในการปฏิบัติหน้าที่และ การใช้อานาจบนฐานความถูกต้องและรับผิดชอบ ไม่เช่นน้ันจะ ๑๑ สบื ค้นจาก https://hilight.kapook.com/view/๔๗๐๔๒; https://www.thairath.co.th/content/๑๕๕๒๑๓; https://deepsouthwatch.org/th/node/๗๓๒
ห น้ า | ๔๐ ส่งผลให้ผู้กระทาเกินขอบเขตหน้าท่ีในทางมิชอบได้รับโทษตาม กฎหมายอยา่ งไม่มกี ารยกเวน้ ๑๒ ๒.๕ การมจี ิตสาธารณะ กระแสการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในยุคดิจิทัล ท่ีหลั่งไหลเข้า สู่ประเทศไทย ณ ขณะน้ี ส่งผลให้ค่านิยมในสังคมไทยเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว หรือ คนท่ัวไปมักกล่าวว่าเป็นยุควัตถุนิยม คนไทย จานวนมากมีค่านิยมยึดตนเองเป็นหลักมากกว่าการคานึงถึงสังคม ส่วนรวม ยอมรับคนท่ีฐานะมากกว่าคนดีมีคุณธรรม ดังนั้น การ ส่งเสริมเรื่องจิตสาธารณะจึงเป็นอีกเร่ืองหน่ึงที่มีความสาคัญกับ สงั คมในยุคปัจจุบนั “จิตสาธารณะ” หมายถึง การรู้จักเอาใจใส่เป็นธุระและ เข้าร่วมในเร่ืองของสว่ นรวมท่ีเป็นประโยชนต์ ่อประเทศชาติ มีความ สานึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงาม ละอายต่อ สิ่งผิด เน้นความเรียบร้อย ประหยัด และมีความสมดุลระหว่าง มนุษย์กับธรรมชาติ๑๓ ดังนั้น บุคคลที่จะมีจิตสาธารณะ ย่อมมี พื้นฐานมาจากการมีคุณธรรมจริยธรรมเป็นเคร่ืองยึดถือในการ ปฏิบตั ิ รวมถึงการมสี านึกรับผิดชอบด้วย ซึ่งหากเช่ือมโยงให้เห็นว่า ๑๒ สบื คน้ จาก https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_๕๐๐๙๐๓๓ ๑๓ สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาต.ิ (๒๕๔๒). วาระการวจิ ัยแหง่ ชาตใิ นภาวะวกิ ฤตเิ พือ่ ฟนื้ ฟู ชาติ. กรุงเทพมหานคร
ห น้ า | ๔๑ การมีจิตสาธารณะจะมีส่วนช่วยให้บ้านเมืองเกิดความสุจริตได้ อย่างไรน้ัน คงจะสรุปได้ว่า การท่ีเรามีความคิดท่ีไม่เห็นแก่ตัว มี ความตระหนกั รู้ถึงปญั หาท่ีเกิดขึน้ ในสังคม มีความต้องการท่ีจะช่วย แก้ปัญหาให้แก่สังคม โดยรับรู้ถึงสิทธิควบคู่ไปกับหน้าที่และความ รับผิดชอบ มีความสานึกถึงศักยภาพของตนว่า สามารถเป็นส่วน หนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหากับคนในสังคมแล้วน้ัน ย่อมเป็นพลัง สาคัญที่จะทาให้ปัญหาโดยรวมในสังคมลดน้อยลง เมื่อไม่เห็นแก่ ตัวการเบียดเบียนหรือคิดเอาแต่ได้ลดลง ก็ไม่เกิดการทุจริตคิดคด โกงผู้อื่นและสาธารณะสมบัติ หรือ นาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็น ของตนนัน่ เอง ในสงั คมไทยมีผู้คนไม่น้อยที่เป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ พบเห็น ได้จากการร่วมไม้ร่วมมือทากิจกรรมสาธารณะเพื่อช่วยเหลือ ส่วนรวมยามวิกฤต หรือ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื สังคมด้วยทรัพยากร ต่าง ๆ เท่าท่ีมีความสามารถท่ีจะอุทิศให้ได้ หรือ การริเริ่ม สร้างสรรค์กิจกรรมท่ีมุ่งม่ันนาประโยชน์สุขสู่ส่วนรวมและสร้าง ความยั่งยืนแม้ต้องเสียสละทรัพยากรบางส่ิงบางอย่างท่ีตนมี ฯลฯ ผู้กระทาการเหล่าน้ันล้วนเรียกได้ว่าเป็นผู้มีจิตสาธารณะอันเป็น บคุ คลใด ๆ ก็ได้ในสังคม โดยไม่จากัดอยู่ท่ีตาแหน่งหรือสถานะทาง สังคม
ห น้ า | ๔๒ จากแนวคิดส่ตู วั อยา่ งการปฏิบัติ ตัวอย่างท่ีนาเสนอในท่ีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลผู้มีจิต สาธารณะและมุ่งมน่ั ให้สงิ่ ทต่ี นทาเพอื่ ประโยชนส์ ว่ นรวมนัน้ ดารงอยู่ อยา่ งยงั่ ยืน เป็นประโยชนต์ ่อประเทศชาตแิ ละมนุษยชาติโดยรวม นักแสดงผู้มากความสามารถและมีผลงานหลากหลาย บทบาทคนหนึ่ง มีความสนใจในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการรักษา พันธสุ์ ตั วป์ ่า ซงึ่ สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมท่ีส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า และสิ่งมีชีวิตที่มีความสัมพันธ์กันในโลกน้ี สิ่งน้ีเป็นส่ิงที่เขาเรียนรู้ ต้ังแต่วัยเด็กและลงมือขับเคลื่อนเร่ืองการพิทักษ์สัตว์ป่าตั้งแต่เร่ิม เป็นนักแสดงโดยการระดมเงินทุนช่วยช้างป่าท่ีป่วย จนวันที่เขาจบ การศึกษาระดับปริญญาตรี เขาต้ังใจอุทิศตนเพื่อรักษาส่ิงแวดล้อม ต้ อ ง ก า ร ท า ง า น เ พ่ื อ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ จ ะ ป ลู ก ฝั ง จิ ต ส า นึ ก รั ก สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ใ ห้ เ ด็ ก แ ล ะ เ ย า ว ช น เ พ่ื อ เ ป็ น พ ลั ง แ ห่ ง ก า ร รั ก ษ า สง่ิ แวดล้อมให้ตอ่ เนอ่ื งต่อไป เขามองว่าการให้การศึกษากับเยาวชน เป็นสิง่ ท่สี ามารถสร้างการเปล่ียนแปลงในระยะยาวได้ ในการศึกษา ระดับปริญ ญาโ ทท่ี คณ ะสังคมศา สตร์และม นุษยศาสต ร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขาจึงเลือกทาวิทยานิพนธ์หัวข้อ \"การมีส่วน ร่วมของเยาวชนสาหรับการปกป้องสัตว์ที่เส่ียงต่อการสูญพันธุ์ใน ประเทศไทย กรณีศึกษา โครงการ Fighting Extinction\" และได้ กลายเป็นจุดเร่ิมต้นของการก่อต้ัง \"ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา\" หรือ Environmental Education Center หรือ EEC THAILAND
ห น้ า | ๔๓ ขึ้นมา ด้วยพันธกิจสร้างความตระหนักด้านส่ิงแวดล้อมให้กับเด็ก และเยาวชน ปลูกฝังให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ตระหนักและรักษ์ ส่ิงแวดล้อม โดยผลักดันเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม ห้องเรียนธรรมชาติ ห้องเรียนจริงท่ีปลุกจิตสานึกของเยาวชนและ เจ้าหน้าท่ีท้องถ่ินให้ดูแลธรรมชาติในพ้ืนที่ และผลิตนักสิ่งแวดล้อม คืนสู่สังคม เขายังรับเป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านส่ิงแวดล้อมให้กับ องค์กรและหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เขาเชื่อว่าเราต้อง ช่วยกนั ปกป้องส่ิงแวดลอ้ มดว้ ยความรู้ การเป็นผู้ท่ีใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ความรู้เพ่ือประโยชน์ สาธารณะและเพ่ือปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมด้วย สานึกจิตสาธารณะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมที่ตั้งใจมุ่งมั่น ทาให้ เขาได้รับการแต่งตั้งจาก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เป็นทูตสันถวไมตรีคนแรกประจาประเทศไทย เนื่องในวัน ส่งิ แวดลอ้ มโลก เมื่อ วนั ท่ี ๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๓๑๔ สาหรับบุคคลที่สมควรยกย่องและเป็นผู้ท่ีมีจิตสาธารณะ อีกผู้หน่ึงนั้น มีสานึกสาธารณะต้องการทาประโยชน์ให้กับแผ่นดิน โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก คาสอนในโครงการแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง อันเนื่องมาจากพระราชดาริของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ว่า “... ต้องใช้สอยทรัพยากรของท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องพ่งึ พาตนเองอยา่ งมีศักดิ์ศรี ความทุกข์ของชาวบ้าน คือ ภารกิจ ๑๔ สบื ค้นจาก https://www.sanook.com/news/๘๑๗๙๔๗๐/
ห น้ า | ๔๔ ท่ีเราต้องร่วมแก้ไข”๑๕ บุคคลผู้ซึ่งดารงยศดาบตารวจจึงลุกขึ้นมา ปลูกต้นไม้ ที่อาเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ อาเภอท่ีแห้งแล้ง กันดารเพราะน้าไม่เพียงพอ ทาให้ไมส่ ามารถทาไร่ทานาและยากจน ทส่ี ุดในประเทศไทย เขาเร่ิมต้นปลูกต้นไม้ด้วยความต้ังใจว่า ต้นไม้จะช่วยแก้ไข ปัญหาความแห้งแล้ง เป็นแหล่งน้า สร้างความอุดมสมบูรณ์ ลด ความทุกข์ยากให้ชาวบ้านและสรา้ งประโยชน์ให้กับชุมชนได้ในท่ีสุด ในระยะเร่ิมต้น เขาเผชิญกับความไม่เข้าใจของชาวบ้านท่ีมีบุคคล หน่งึ เดนิ ปลูกต้นไมท้ ั่ว ทั้งในที่ดินของตน ในพื้นท่ีสาธารณะ หรือใน ที่ดินของคนอ่ืน มีการตาหนิวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว มีการทาลาย ต้นไมท้ ่ีเขาปลกู เช่น ถอนทิ้ง เผาทิ้ง นาวัวความมาเหยียบ นารถไถ มาไถกลบ เขาต้องอดทนกับความไม่เข้าใจเหล่าน้ันและไม่หยุดย้ัง ความต้ังใจของตน เขามุ่งมั่น บากบั่นทาในส่ิงที่ทุกคนไม่เช่ือถือ ไม่ ศรัทธา จนในที่สุด ดินแดนปรางค์กู่ท่ีเคยแห้งแล้ง ก็กลับกลายเป็น ผืนดินท่ีอุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ปัจจุบันต้นตาล ยางนา แค สะเดา ขเี้ หลก็ ท่ี เขาปลกู เอาไว้ทาให้ชาวบา้ นได้เกบ็ เก่ียวส่วนต่างๆ ของตน้ ไปใช้ประโยชนม์ ากมาย “ผมปลกู ตน้ ไม้เพอ่ื คนทุกคนในอาเภอปรางค์กู่ ผมไม่ได้ทา เพ่ือตัวผมเอง ผมกล้าพูดอย่างน้ันครับ เพราะตลอดระยะเวลาที่ ผ่านมา ผมปลกู ตน้ ไมโ้ ดยไม่หวังผลตอบแทนจากใคร แต่สักวันหนึ่ง ๑๕ สบื ค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E๐%B๘%A๗%E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๘ A%E๐% B๘%B๑%E๐%B๘%A๒_%E๐%B๘%AA%E๐%B๘%B๘%E๐%B๘%A๓%E๐%B๘%B๔%E ๐%B๘%A๒%E๐ %B๘%B๘%E๐%B๘%๙๗%E๐%B๘%๙๘ และ https://www.thairath.co.th/content/ ๗๗๔๐๔๗
ห น้ า | ๔๕ ต้นไม้ท่ีผมปลูกมันจะกลายไปเป็นผลตอบแทนให้กับทุกคน” เขา กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ดาบตารวจวิชัย สุริยุทธ ได้รับ พระราชทานยศกรณีพิเศษ เป็น \"ร้อยตารวจตรี\" จากการทา คุณประโยชนใ์ หแ้ ก่ประเทศชาติ กรณีตัวอย่างที่สองกรณีแสดง ให้เห็นความเอาใจใส่เป็น ธรุ ะและเขา้ รว่ มในเรือ่ งของส่วนรวมท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่ิง ท่ีทายังส่งประโยชน์ต่อโลกและมนุษยชาติโดยรวมได้อีกด้วย กรณี แรก การท่ีพระเอกนักแสดงหรือบุคคลสาธารณะท่ีมีชื่อเสียงแสดง จิตสาธารณะต่อส่วนรวมและร่วมขับเคล่ือนส่งต่อการเข้ามาพิทักษ์ รักษาส่ิงแวดล้อมดังกล่าวย่อมมีอิทธิพลในการสร้างเปลี่ยนแปลงให้ เกิดขึ้นได้มาก ขณะท่ีข้าราชการตารวจได้ใช้ผลลัพธ์จากส่ิงท่ีการมี จิตสาธารณะของเขาได้สร้างข้ึนเปน็ บทพิสูจน์ ทงั้ สองกรณีคือบุคคล ตัวอย่างท่ีมีจิตสาธารณะที่สร้างประโยชน์และสร้างความย่ังยืนของ ประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งส่งผลต่อสภาวะแวดล้อมซ่ึงเป็นปัญหาระดับ โลกไดอ้ ีกด้วย ๒.๖ ความมีวินยั และเคารพกฎหมาย “วนิ ัย” ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตน้ัน หมายถึง ระเบียบแบบแผนและข้อบังคับ หรือ ข้อปฏิบัติ เม่ือ พิจารณาในเชิงปฏิบัติ ความมีวินัยจึงเป็นเร่ืองของการท่ีบุคคล ยึดถือการปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในสังคม เพ่ือให้
ห น้ า | ๔๖ เกดิ ความเรยี บรอ้ ย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่กระทบกระท่ังซึ่งกัน และกัน อันจะนาไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การอยู่ร่วมกัน เป็นหมู่เหล่าหรือเป็นชุมชน หากขาดระเบียบวินัย ต่างคนต่างทา อะไรตามอาเภอใจแล้ว ก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้น ทาให้ไม่มีความ สงบสุข การงานอันเปน็ ส่วนรวมท่ีทาก็จะเสียผล การเคารพกฎเกณฑ์เป็นหลักการพ้ืนฐานของการอยู่ ร่วมกันของคนในสังคม เป็นเร่ืองที่สังคมได้พิจารณาแล้วว่า เป็นส่ิง ที่ทกุ คนควรปฏบิ ตั เิ พอ่ื ความสงบสุขของส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นสังคม ระดบั ใด การอย่รู ว่ มกันของผู้คนเป็นจานวนมากตอ้ งอาศัยกฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือกาหนดกติกาของสังคม ซึ่งคนในสังคมน้ัน ๆ จาเป็นตอ้ งเรยี นรู้ พร้อมทั้งต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม ในสังคมที่มีการจัดระเบียบอย่างดีแล้วน้ัน การอบรมให้เรียนรู้ กฎเกณฑ์ของสังคมเป็นกระบวนการท่ีจะต้องกระทา เริ่มตั้งแต่วัย เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ในขณะ เดียวกันพ่อแม่ครอบครัวก็ต้องทาหน้าที่ เป็นตัวหลักที่สาคัญในการเลี้ยงดูเด็ก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในการ เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม เพื่อให้การดารงชีวิตอยู่ของสมาชิกใน สังคมได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งกฎเกณฑ์หลักในสังคมไทย ของเรา ก็คือ กฎหมาย ที่ทาหน้าท่ีเป็นกติกาของสังคม ดังนั้น เรา จึงควรฝึกฝนตนเองให้มีวินัยในการปฏิบัติตามกฎของสังคมท่ีเรามี ส่วนเก่ียวข้อง โดยเฉพาะการเคารพกฎหมาย ซึ่งก็เร่ิมต้ังแต่ การ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมีความรู้และความเข้าใจใน กฎเกณฑ์กติกาของสังคม การเคารพในสิทธิเสรีภาพของตนเองและ
ห น้ า | ๔๗ ผูอ้ ่ืน ตลอดจน การยอมรับและปฏิบัติตนตามกฎหมาย ก็ถือว่าเป็น ความมีวินัยขน้ั พ้นื ฐานท่สี าคญั ในการเสรมิ สรา้ งบ้านเมอื งสุจรติ ได้ จากแนวคิดสู่ตวั อย่างการปฏบิ ัติ ๑. กำรให้ควำมสำคัญตอ่ กำรมีวินัยและกำรเคำรพกฎหมำยแก่ สมำชิกสภำผ้แู ทนรำษฎร ของนำยชวน หลีกภัย๑๖ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความ มุ่งม่ันในการผลักดันเรื่องการมีวินัยและเคารพกฎหมายให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนเห็นถึงความสาคัญและตระหนักถึง ความสาคัญของการนาไปปฏิบัติเพ่ือให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม “อยากจะให้กาลังใจกับเพื่อนสมาชิก ชุดนี้ท้ังหมดห้าร้อย คน โดยเราจะได้ทาให้สถาบันนิติบัญญัติของเรามีความหมาย มากกว่าท่ีคนท่ัวไปคิด ผมได้พูดไว้ต้ังแต่วันแรกว่า ตามรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตราสามนั้น อานาจอธิปไตยเป็นของปวง ชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อานาจน้ัน ผ่านรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ อานาจที่ท่านเก่ียวข้องอยู่นั้น ก็คือ อานาจท่ีหนึ่งนี้ คือ อานาจนิติ ๑๖ นายชวน หลีกภยั ในการบรรยายพเิ ศษ เรอื่ ง บทบาทหนา้ ทสี่ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรกับการ สนับสนนุ การดาเนนิ งาน และการใหบ้ ริการของสานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร วัน พฤหสั บดีท่ี ๒๐ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๖๒ ณ หอประชมุ ทีโอที แจง้ วัฒนะ กรุงเทพมหานคร
ห น้ า | ๔๘ บัญญัติ ที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้อานาจผ่านทางรัฐสภา เราก็เป็น ส่วนหน่ึงของรัฐสภา คอื เราเป็นผู้แทนราษฎร และก็วุฒิสมาชิก สอง องค์กรนี้รวมกันเป็นรัฐสภา เป็นผู้ท่ีพระมหากษัตริย์ทรงใช้อานาจ ผ่านสถาบันของเรา สถาบันนิติบัญญัติเป็นฝ่ายออกกฎหมาย และ องค์กรน้ีเป็นองค์กรตง้ั รฐั บาลด้วยเสียงข้างมาก บทบาทองค์กรนี้จึง สาคัญมาก เราเป็นผู้ออกกฎหมายบังคับคนทั้งประเทศ ผมจึงได้ กล่าวในวันน้ันว่า เราจึงต้องเป็นแบบอย่างของผู้เคารพกฎหมาย เราออกกฎหมายบังคับคนอ่ืนทั้งประเทศ แต่ถ้าเราไม่เคารพ กฎหมาย จะโดยเพราะเราไม่รู้ระเบยี บกฎเกณฑก์ ติกา หรือด้วยเหตุ ใดก็ตาม เราไม่ได้ทาหน้าที่เราในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าเราจะให้ ความสาคัญกับเรื่องนี้ และเราก็จะประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซ่ึงเราเป็นตัวแทนของประชาชน ผมเช่ือว่า ความเข้าใจในบทบาทของสถาบันนิติบัญญัติจะมีความหมายมาก ข้นึ และผมได้เรยี นกับพวกเราไปตั้งแต่วันแรกว่า ผมตั้งใจในการมา เปน็ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎรคร้ังนี้ว่า ทาอย่างไรเราจึงจะสามารถ ยกระดับความเชื่อถือ ระดับความสาคัญน้ันไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ความเช่ือถือเชื่อม่ันท่ีองค์กรท้ังหลายและประชาชนมีต่อเราใน ทางบวกเพ่ิมมากข้ึน ผมได้บอกในวันน้ันว่า ห้าร้อยคน มีสิบคน ยี่สิบคน ไปทาเร่ืองเสียหายก็กระทบหมดท้ังห้าร้อยคน เราเป็น องค์กรที่เขาจับผิด เขาไม่ได้จับถูก ท่านทาอะไรเขาไม่ได้ชื่นชมถ้า เป็นสิ่งท่ีถูกต้องดีงามเขาก็เฉย แต่ถ้าพลาดนิดเดียวมีเรื่องเลย”
ห น้ า | ๔๙ การเรียนรู้เรื่องการเคารพระเบียบกฎเกณฑ์ในสังคม การ ไมล่ ะเมดิ สิง่ ทส่ี ังคมตัง้ ข้นึ เพ่ือเปน็ กติกาการอยู่ร่วมกัน ถูกปลูกฝังให้ ทุกคนในสังคมได้เรียนรู้และปฏิบัติตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่เคารพกฎระเบียบกฎเกณฑ์ท่ีตั้งข้ึน ไม่เป็นต้นเหตุให้ เกิดการขัดแย้งหรือเกดิ ความเดือดรอ้ นในสังคม บุคคลนั้นถือว่าเป็น ผู้มีวินัย และไม่ว่าจะอยู่ในสถานะหรือทาหน้าท่ีอะไร หากสามารถ รักษาวินัยได้ตลอดเวลา บุคคลน้ันก็ควรค่าแก่การยกย่องเชิดชู เกียรติ ดังตัวอย่างนักร้องนาของวงดนตรีร็อกวงหนึ่งที่เขาเป็นท้ัง ผู้ประพันธ์และโปรดิวเซอร์เพลงให้กับศิลปินหลายคน พื้นฐาน นกั รอ้ งทา่ นน้ีเปน็ นกั กฎหมายและได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียน มาเปิดบริษัทกฎหมายเล็ก ๆ ร่วมกับเพ่ือน เพื่อรับทาคดีให้กับผู้ที่ ต้องการความช่วยเหลือ นักร้องท่านนี้ได้ใช้ช่ือเสียงของการเป็น นักรอ้ งดัง ทาตวั เป็นตัวอย่างที่ดใี นการมีวนิ ยั เคารพกฎหมาย สร้าง ความตระหนักและต่ืนรู้ให้คนในสังคมได้หันมาเคารพกฎหมายและ กติกาสงั คมด้วย สง่ิ ที่นักร้องท่านนี้ทาคอื แจ้งให้ผับแห่งหนึ่งท่ีเขารับ งานไว้ชว่ ยกรองคนทอ่ี ายุไม่ถึง ๒๐ปี ออกจากร้านให้เรียบร้อยก่อน จึงจะเร่ิมการแสดง ซ่ึงในวันดังกล่าวมีผู้รอชมการแสดงของเขา จานวนร่วมสองพันคน แม้ข้อเรียกร้องของเขาจะถูกบางคน วิพากษ์วิจารณ์ว่าทาให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ท่ีจะเข้ามาร้านอย่าง ถูกต้อง บางคนวิจารณ์ว่าเขาและวงดนตรีนี้เร่ืองมาก ซึ่งสองวัน ต่อมา เขาได้ออกมาช้ีแจงในสื่อออนไลน์ว่า “การทาตามกฎหมาย นน้ั ถือเปน็ หน้าที่ของประชาชนทุกคน ไม่ใช่หน้าท่ีของใครคนใด
ห น้ า | ๕๐ คนหนึ่ง หลายคนอาจจะมองว่าตนโลกสวย แต่ในความเป็นจริง นั้น เราทกุ คนสามารถรว่ มมือกนั ทาได้คนละเล็กละนอ้ ย” การดารงชีวิตอยู่ของสมาชิกในสังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุขจาเป็นต้องมีกฎ กติกา และข้อตกลงเพื่อการอยู่ร่วมกัน เพื่อทาหน้าท่ีเป็นกรอบการดาเนินชีวิตของการอยู่ร่วมกันของ สมาชกิ ในสังคมนั้น ๆ การเป็นผู้ที่มีระเบียบวินัยยึดมั่นในกฎ กติกา มารยาท และกฎหมายร่วมกัน จึงเป็นส่ิงที่พึงปฏิบัติและต้องชักจูง ให้ทุกคนปฏิบัติร่วมกันด้วย กรณีของนักร้องท่านน้ี ได้แสดงให้เห็น ว่าทุกคนในสังคมร่วมกันสร้างบ้านเมืองให้ดีได้ และสามารถเร่ิมต้น ได้จากตัวเอง อย่างไรก็ตาม สังคมที่ไร้ซ่ึงกฎระเบียบ จะไร้ซ่ึงความสงบ สุข คนในสังคมจึงต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ เคารพหรือฝ่าฝืนก็ต้องรับการลงโทษ ทั้งจากตัวบทกฎหมายเอง และจากมาตรการทางสังคม (social sanction) ตัวอย่างเหตุการณ์ ท่ีนักแสดงและพิธีกรหนุ่มชื่อดังเกิดอุบัติเหตุรถยนต์หรูส่วนตัวถูก เฉี่ยวชนกับคู่กรณีท่ีขับรถจักรยานยนต์ โดยหลังการถูกเฉ่ียวชนจน รถยนต์ของตนเป็นรอย นักแสดงหนุ่มลงจากรถยนต์ มีปากเสียง และชกเขา้ ท่ีใบหนา้ คู่กรณี โดยอ้างวา่ ค่กู รณีไม่รับผิดชอบ พร้อมกับ ไปดึงตัวคู่กรณี สั่งให้คู่กรณีกราบรถหรูของตน ซ่ึงการกระทาของ นักแสดงข้างต้น เป็นการกระทาที่กระทบกับความรู้สึกของคนใน สังคม จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางและเป็นกระแสในโลก
Search