Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ปี2564

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ปี2564

Published by palmmy-my, 2022-08-12 07:24:19

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ปี2564

Search

Read the Text Version

๙๘ ภำคผนวก

๙๙ อภธิ ำนศพั ท์ ทศั นศิลป์ โครงสรำ้ งเคลือ่ นไหว (mobile) เป็นงานประติมากรรมท่ีมีโครงสร้างบอบบางจัดสมดุลด้วยเส้นลวดแข็งบาง ๆ ที่มีวัตถุรูปร่าง รูปทรงต่าง ๆ ที่ ออกแบบเชือ่ มตดิ กับเสน้ ลวด เปน็ เคร่อื งแขวนทีเ่ คลื่อนไหวไดด้ ้วยกระแสลมเพยี งเบา ๆ งำนสื่อผสม (mixed media) เป็นงานออกแบบทางทัศนศิลป์ท่ีประกอบด้วยหลายสื่อโดยใช้วัสดุหลาย ๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ สร้าง ความผสมกลมกลนื ด้วยการสรา้ งสรรค์ จงั หวะ (rhythm) เป็นความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น้าหนักในลักษณะของการซ้ากัน สลับไปมา หรือ ลักษณะล่ืนไหล เคลื่อนไหวไม่ขาดระยะจังหวะท่ีมีความสัมพันธ์ต่อเน่ืองกันจะช่วยเน้นให้เกิดความเด่น หรือทาง ดนตรีก็คอื การซ้ากันของเสียงในช่วงเท่ากันหรือแตกต่างกันจังหวะให้ความรู้สกึ หรือความพอใจทางสุนทรียภาพใน งานศิลปะ ทศั นธำตุ (visual elements) สิ่งที่เป็นปจั จัยของการมองเหน็ เป็นส่วนต่าง ๆ ท่ีประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ เส้น น้าหนัก ท่ีวา่ ง รปู ร่าง รูปทรง สี และลกั ษณะพืน้ ผิว ทัศนียภำพ (perspective) วิธีเขยี นภาพของวตั ถใุ หม้ องเหน็ ว่ามีระยะใกล้ไกล ทศั นศลิ ป์ (visual art) ศิลปะทร่ี บั รูไ้ ดด้ ้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และงานสร้างสรรคอ์ ื่น ๆ ทีร่ ับรดู้ ้วยการเห็น ภำพปะตดิ (collage) เป็นภาพท่ีทาขึ้นด้วยการใช้วัสดุต่าง ๆ เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะติดลงบนแผ่นภาพด้วยกาว หรอื แป้งเปยี ก วงสีธรรมชำติ (color circle) คือวงกลมซ่ึงจัดระบบสีในแสงสีรุ้งที่เรียงกันอยู่ในธรรมชาติ สีวรรณะอุ่น จะอยู่ในซีกท่ีมีสีแดงและเหลือง ส่วนสี วรรณะเยน็ อยู่ในซกี ทมี่ สี ีเขียว และสีมว่ ง สีคู่ตรงขา้ มกนั จะอยู่ตรงกนั ขา้ มในวงสี วรรณะสี (tone) ลักษณะของสีท่ีแบ่งตามความรู้สึกอ่นุ หรือเย็น เช่น สีแดง อยู่ในวรรณะอุ่น (warm tone) สีเขียวอยู่ในวรรณะเย็น (cool tone) สคี ูต่ รงขำ้ ม (complementary colors) สีท่ีอยู่ตรงกันข้ามกันในวงสีธรรมชาติเป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ท่ีตัดกันหรือต่างจากกันมากที่สุด เช่น สีแดงกับสีเขียว สี เหลืองกบั สีม่วง สนี า้ เงนิ กับสีสม้ องคป์ ระกอบศลิ ป์ (composition of art) วชิ าหรอื ทฤษฎีท่ีเกยี่ วกับการสร้างรปู ทรงในงานทศั นศิลป์ ดนตรี กำรดำเนินทำนอง (melodic progression) ๑. การก้าวเดนิ ไปขา้ งหน้าของทานอง ๒. กระบวนการดาเนินคอร์ดซึง่ แนวทานองขยบั ทีละขนั้ ควำมเขม้ ของเสยี ง (dynamic)

๑๐๐ เสยี งเบา เสียงดงั เสียงที่มีความเข้มเสียงมากกย็ ิง่ ดังมากเหมือนกับ loudness ด้นสด เป็นการเล่นดนตรีหรือขับร้อง โดยไม่ได้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เล่นมีอิสระในการกาหนดวิธีปฏิบัติ เครื่องดนตรีและขับร้อง บนพืน้ ฐานของเนอื้ หาดนตรที ี่เหมาะสม เช่น การบรรเลง ในอัตราความเร็วทยี่ ืดหยนุ่ การ บรรเลงด้วยการเพ่ิมหรอื ตดั โนต้ บางตัว บทเพลงไล่เลยี น (canon) แคนอน มาจากภาษากรีก แปลว่า กฎเกณฑ์ หมายถึงรูปแบบบทเพลงท่ีมีหลายแนวหรือดนตรีหลายแนว แต่ละ แนวมีทานองเหมือนกัน แต่เร่ิมไม่พร้อมกันแต่ละแนว จึงมีทานองที่ไลเ่ ลียนกันไปเป็นระยะเวลายาวกว่าการเลียน ทั่วไป โดยท่ัวไปไม่ควรต่ากว่า ๓ ห้อง ระยะขั้นคู่ระหว่างสองแนว ท่ีเลียนกันจะห่างกันเป็นระยะเท่าใดก็ได้ เช่น แคนอนคู่สอง หมายถึง แคนอนที่แนวทั้งสอง เริ่มท่ีโน้ตหา่ งกันเป็นระยะคู่ ๕ และรกั ษาระยะคู่ ๕ ไปโดยตลอดถือ เป็นประเภทของลลี าสอดประสานแนวทานองแบบเลียนทมี่ ีกฎเกณฑ์เข้มงวดทส่ี ดุ ประโยคเพลง (phrase) กลุ่มทานอง จังหวะที่เรียบเรียงเชื่อมโยงกันเป็นหน่วยของเพลงท่ีมีความคิดจบสมบูรณ์ในตัวเอง มักลงท้ายด้วยเค เดนซ์ เป็นหน่วยสาคญั ของเพลง ประโยคเพลงถำม - ตอบ เปน็ ประโยคเพลง ๒ ประโยคที่ต่อเน่ืองกันลีลาในการตอบรับ – ส่งล้อ – ล้อเลยี นกัน อย่างสอดคล้อง เปน็ ลักษณะ คล้ายกันกับบทเพลงรูปแบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงสั้น ๆ ซึ่งมักจะมีอัตราความเร็วเท่ากันระหว่าง ๒ ประโยค และความยาวเท่ากัน เชน่ ประโยคเพลงที่ ๑ (ถาม) มีความยาว ๒ ห้องเพลง ประโยคเพลงท่ี ๒ (ตอบ) กจ็ ะมีความ ยาว ๒ หอ้ งเพลง ซึง่ จะมลี ีลาต่างกัน แตส่ อดรบั กนั ได้กลมกลนื ผลงำนดนตรี ผลงานทสี่ ร้างสรรค์ขึ้นมาโดยมคี วามเกย่ี วข้องกับการนาเสนองานทางดนตรี เชน่ บทเพลง การแสดงดนตรี เพลงทำนองวน (round) เพลงทปี่ ระกอบด้วยทานองอย่างน้อย ๒ แนว ไล่เลียนทานองเดยี วกนั แต่ต่างเวลาหรอื จังหวะ สามารถไล่เลยี นกัน ไปได้อย่างต่อเนอ่ื งจนกลบั มาเร่ิมตน้ ใหม่ได้อีกไมม่ ีวันจบ รูปร่ำงทำนอง (melodic contour) รปู รา่ งการขึน้ ลงของทานอง ทานองที่สมดุลจะมีทศิ ทางการข้ึนลงท่ีเหมาะสม สีสนั ของเสียง ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียงผู้ชายจะมี ความทุ้มต่าแตกต่างจากสีสันของเสียงผู้หญิง ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียง ของเด็กผู้ชายคนหน่ึงจะมีความ แตกต่างจากเสียงเด็กผชู้ ายคนอ่ืน ๆ องคป์ ระกอบดนตรี (elements of music) ส่วนประกอบสาคัญทีท่ าให้เกิดเสยี งดนตรี ไดแ้ กท่ านอง จังหวะ เสียงประสาน สสี ันของเสียง และเน้อื ดนตรี อัตรำควำมเรว็ (tempo) ความชา้ ความเร็วของเพลง เชน่ อลั เลโกร(allegero) เลนโต (lento) ABA สัญลกั ษณบ์ อกรปู แบบวรรณกรรมดนตรแี บบตรีบท หรอื เทอรน์ ารี (ternary) ternary form สังคีตลักษณ์สามตอน โครงสร้างของบทเพลงที่มีส่วนสาคัญขยับทีละขั้นอยู่ ๓ ตอน ตอนแรกและตอนท่ี ๓ คือ ตอน A จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกันทั้งในแง่ของทานองและกุญแจเสียง ส่วนตอนท่ี ๒ คือ ตอน B เป็นตอนท่ี

๑๐๑ แตกต่างออกไป ความสาคัญของสังคีตลักษณ์น้ี คือ การกลับมา ของตอน A ซ่ึงนาทานองของส่วนแรกกลับมาใน กุญแจเสียงเดิมเป็นสังคีตลักษณ์ท่ีใช้มากท่ีสุดโดยเฉพาะในเพลงร้อง จึงอาจเรียกว่า สังคีตลักษณ์เพลงร้อง (song form) ก็ได้ นำฏศิลป์ กำรตีบท การแสดงท่าราตามบทร้อง บทเจรจาหรือบทพากย์ควรคานึงถึงความหมายของบท แบ่งเป็นการตีบท ธรรมชาติ และการตบี ทแบบละคร กำรประดิษฐ์ทำ่ การนาภาษาท่า ภาษานาฎศิลป์ หรือ นาฏยศัพท์มาออกแบบ ให้สอดคล้องสัมพนั ธก์ ับจังหวะทานอง บทเพลง บท ร้อง ลลี า ความสวยงาม นำฏยศพั ท์ ศัพท์เฉพาะทางนาฎศิลป์ ท่ีใช้เก่ียวกับการเรียกท่ารา กิริยาท่ีแสดงมีส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่ ส่วนแขนและมือ สว่ นของลาตวั ส่วนขาและเทา้ บคุ คลสำคัญในวงกำรนำฎศิลป์ เป็นผเู้ ชย่ี วชาญทางนาฎศิลป์ และภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นทส่ี ร้างผลงาน ภำษำทำ่ การแสดงท่าทางแทนคาพดู ใชแ้ สดงกิรยิ าหรอื อิริยาบถ และใชแ้ สดงถงึ อารมณ์ภายใน สว่ นขำและเท้ำ กริ ยิ าแสดง เชน่ กระทบ ยดื ยบุ ประเท้า กระดกเท้า กระทุ้ง จรด ขยบั ซอย วางส้น ยกเทา้ ถดั เท้า สว่ นแขนและมอื กริ ิยาทแี่ สดง เช่น จบี ตง้ั วง ล่อแกว้ ม้วนมอื สะบัดมือ กรายมือ ส่ายมือ สว่ นลำตัว ท่แี สดง เชน่ ยักตัว โย้ตัว โยกตวั ส่วนศรี ษะใบหนำ้ และไหล่ กิรยิ าที่แสดง เชน่ เอียงศีรษะ เอียงไหล่ กดไหล่ กลอ่ มไหล่ กล่อมหนา้ สง่ิ ท่เี คำรพ ในสาระนาฎศลิ ป์มีส่ิงที่เคารพสืบทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซ่งึ ผู้เรียนจะต้อง แสดงความเคารพ เม่ือเร่ิม เรียนและก่อนแสดง องค์ประกอบนำฎศลิ ป์ จงั หวะและทานองการเคลือ่ นไหว อารมณแ์ ละความรู้สกึ ภาษาทา่ นาฎยศพั ท์ รปู แบบของการแสดง การแต่งกาย องค์ประกอบละคร การเลือกและแต่งบท การเลือกผู้แสดง การกาหนดบุคลิกของผู้แสดง การพัฒนารูปแบบของ การแสดง การปฏิบตั ติ นของผ้แู สดงและผู้ชม

๑๐๒ แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น เปา้ หมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝัง เสริมสรา้ งคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พัฒนาทกั ษะตา่ งๆ อันเป็นสมรรถนะสาคัญให้ผเู้ รียนบรรลุตามเปา้ หมาย ๑. หลักกำรจดั กำรเรียนรู้ การจดั การเรียนรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีความรคู้ วามสามารถ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคัญ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรีย น กระบวนการจัดการเรยี นรูต้ ้องส่งเสริมให้ผู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถงึ ความ แตกต่างระหวา่ งบคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคัญท้ังความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนกำรเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็นเคร่ืองมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปญั หา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือ ทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา ลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ัน ผู้สอนจึงจาเป็นต้องศึกษาทาความ เข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพือ่ ใหส้ ามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ๓. กำรออกแบบกำรจัดกำรเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้ พฒั นาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนด ๔. บทบำทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดังน้ี ๔.๑ บทบำทของผู้สอน ๑) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นเป็นรายบุคคล แล้วนาขอ้ มลู มาใช้ในการวางแผน การจัดการเรียนรู้ ทที่ ้าทายความสามารถของผู้เรยี น ๒) กาหนดเปา้ หมายทต่ี ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ผู้เรยี น ดา้ นความร้แู ละทกั ษะ กระบวนการ ท่เี ปน็ ความคิดรวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทงั้ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่าง บคุ คลและพฒั นาการทางสมอง เพอื่ นาผู้เรยี นไปสเู่ ปา้ หมาย ๔) จัดบรรยากาศทเี่ ออื้ ต่อการเรยี นรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผ้เู รียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้

๑๐๓ ๕) จดั เตรียมและเลือกใชส้ ่ือใหเ้ หมาะสมกับกจิ กรรม นาภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผู้เรียนดว้ ยวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาตขิ องวิชาและระดบั พัฒนาการของผ้เู รยี น ๗) วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ มาใชใ้ นการซอ่ มเสริมและพฒั นาผู้เรยี น รวมทงั้ ปรบั ปรงุ การจดั การเรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบำทของผูเ้ รียน ๑) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรยี นรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถึงแหลง่ การเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ ความรู้ ตงั้ คาถาม คิดหาคาตอบหรือหาแนวทางแก้ปญั หาดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ ๒) ลงมือปฏิบตั ิจริง สรปุ ส่ิงทีไ่ ด้เรยี นรู้ด้วยตนเอง และนาความรไู้ ปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ๓) มปี ฏิสมั พนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกับกลุม่ และครู ๔) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอยา่ งต่อเนื่อง สอื่ กำรเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลอื กใชส้ ่ือควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรยี นรู้ที่หลากหลายของผูเ้ รียน การจัดหาส่ือการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คุณภาพจากส่ือต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพ่ือนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาใหผ้ ูเ้ รียน เกิดการเรียนรู้อย่างแทจ้ ริง สถานศึกษา เขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา หนว่ ยงานท่ีเก่ียวขอ้ งและผมู้ หี นา้ ทจี่ ัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดาเนินการดังน้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือข่าย การเรยี นรู้ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพท้งั ในสถานศกึ ษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาคน้ ควา้ และการแลกเปล่ยี นประสบการณ์ การเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถ่ิน ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดทาและจัดหาส่ือการเรยี นรู้สาหรบั การศึกษาค้นควา้ ของผู้เรยี น เสรมิ ความรใู้ หผ้ ู้สอน รวมทัง้ จัดหา สง่ิ ที่มอี ย่ใู นท้องถ่ินมาประยุกตใ์ ช้เป็นสอื่ การเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผู้เรียน ๔. ประเมินคณุ ภาพของสอื่ การเรยี นรูท้ ีเ่ ลอื กใช้อยา่ งเป็นระบบ ๕. ศึกษาคน้ คว้า วจิ ัย เพอ่ื พฒั นาส่ือการเรียนรใู้ หส้ อดคล้องกบั กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับส่ือและการใช้ส่ือ การเรียนรูเ้ ปน็ ระยะๆ และสมา่ เสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคณุ ภาพส่ือการเรียนรู้ทีใ่ ช้ในสถานศึกษา ควรคานงึ ถึงหลกั การ สาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความม่ันคงของชาติ ไม่ขัดต่อ ศีลธรรม มีการใช้ภาษาทีถ่ ูกตอ้ ง รูปแบบการนาเสนอทีเ่ ข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ กำรวดั และประเมินผลกำรเรียนรู้

๑๐๔ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การประเมินเพื่อ พัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนร้อู ย่างเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา และระดับชาติ มีรายละเอียด ดงั น้ี ๑. กำรประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การ ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพ่ือน ผ้ปู กครองร่วมประเมนิ ในกรณีท่ไี มผ่ ่านตัวชว้ี ัดใหม้ ี การสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็น ผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีส่ิงท่ีจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุง และส่งเสริมในด้านใดนอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุง การเรียนการสอนของตนด้วย ท้ังนี้โดย สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ัด ๒. กำรประเมินระดับสถำนศึกษำ เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการเพ่ือตัดสินผล การเรียน ของผู้เรียนเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ เรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของผู้เรียนใน สถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพ่ือ การปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทาแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัด การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน ผปู้ กครองและชมุ ชน ๓. กำรประเมินระดับเขตพืน้ ท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมนิ คุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานท่ีจัดทาและดาเนินการโดยเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือด้วยความร่วมมือ กบั หน่วยงานตน้ สังกัด ในการดาเนนิ การจดั สอบ นอกจากนีย้ ังไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมิน ระดับสถานศึกษาในเขตพื้นท่กี ารศึกษา ๔. กำรประเมินระดับชำติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการ ประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับ คุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเปน็ ข้อมลู สนับสนุน การตัดสนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ

๑๐๕ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจาแนกตาม สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนท่ีมี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม ผูเ้ รียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพกิ ารทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึง เป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนนิ การช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและ ประสบความสาเร็จในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน เพอื่ ให้บุคลากรทเ่ี ก่ียวขอ้ งทกุ ฝ่ายถือปฏิบัตริ ่วมกัน เกณฑ์กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี น ๑. กำรตัดสนิ กำรใหร้ ะดบั และกำรรำยงำนผลกำรเรียน ๑.๑ กำรตดั สินผลกำรเรยี น ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นนั้น ผสู้ อนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแตล่ ะคนเป็นหลัก และต้องเก็บ ข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนาจนเต็ม ตามศักยภาพ ระดบั ประถมศกึ ษำ (๑) ผเู้ รยี นต้องมเี วลาเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมด (๒) ผูเ้ รยี นต้องได้รับการประเมินทกุ ตัวช้ีวดั และผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด (๓) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า (๔) ผเู้ รยี นต้องไดร้ บั การประเมิน และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ระดบั มัธยมศกึ ษำ (๑) ตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกว่าร้อย ละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมดในรายวชิ าน้ัน ๆ (๒) ผเู้ รียนต้องไดร้ บั การประเมินทุกตวั ชวี้ ดั และผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด (๓) ผเู้ รยี นต้องได้รบั การตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า (๔) ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน การพิจารณาเลื่อนชั้นทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพจิ ารณาเห็นว่าสามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินจิ ของสถานศึกษาที่จะผ่อนผัน ให้เลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันท่ี สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าช้ันได้ ท้ังนี้ให้คานึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ๑.๒ กำรให้ระดบั ผลกำรเรียน

๑๐๖ ระดบั ประถมศกึ ษำ ในการตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถ ให้ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และระบบที่ใช้คาสาคญั สะทอ้ นมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผล การประเมนิ เป็น ดเี ยี่ยม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการเขา้ ร่วมกิจกรรมเป็นผา่ น และไม่ผ่าน ระดบั มธั ยมศกึ ษำ ในการตดั สินเพอื่ ให้ระดบั ผลการเรยี นรายวชิ า ใหใ้ ชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลการเรยี นเป็น ๘ ระดับ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การประเมินเปน็ ดีเย่ยี ม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผา่ น และไมผ่ ่าน กำรใหร้ ะดบั ผลกำรเรียน ๑ การตัดสินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบตัวช้ีวัดเลขแสดง ระดบั ผลการเรียนในแตล่ ะกล่มุ สาระ เปน็ ๘ ระดับ ดงั น้ี ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนเปน็ รอ้ ยละ ๔ ดเี ย่ยี ม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ดมี าก ๗๕ - ๗๙ ๓ ดี ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ค่อนขา้ งดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ปานกลาง ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ พอใช้ ๕๕ - ๕๙ ๑ ผ่านเกณฑข์ น้ั ต่า ๕๐ - ๕๔ ๐ ตา่ กว่าเกณฑ์ ๐ - ๔๙ ๒ การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น เป็นผา่ นและไมผ่ า่ นถา้ กรณี ทผี่ ่าน กาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเปน็ ดีเย่ยี ม ดี และผา่ น ดีเย่ยี ม หมายถงึ มีผลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นที่มี คะแนนตั้งแตร่ ้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป หรอื เขยี นท่มี คี ุณภาพดีเลศิ อย่เู สมอ ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนท่ีมี คะแนนระหวา่ งรอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ หรือเขยี นท่ีมคี ณุ ภาพเปน็ ทย่ี อมรบั ผ่ำน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนท่ีมี คะแนนระหว่างร้อยละ ๕๐ – ๕๙ หรือเขียนท่ีมีคุณภาพเป็นท่ียอมรับ แต่มีข้อบกพร่อง บาง ประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนท่ีมี คะแนนต่ากว่าร้อยละ ๕๐ หรือเขียนยังมีข้อบกพร่องที่ต้องการได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลาย ประการ

๑๐๗ ๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะเพื่อการเลื่อนช้ัน และ จบการศึกษา เป็นผา่ นและไม่ผา่ น ถ้ากรณีที่ผา่ น กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เปน็ ดีเย่ียม ดี และผ่าน และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี ดีเย่ียม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันเพ่ือประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับดี เย่ยี ม จานวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มคี ณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดบั ดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้เป็นการยอมรับของ สังคม โดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จานวน ๑ - ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมินตา่ กวา่ ระดับดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น หรอื ๓. ได้ผลการประเมินระดับดี จานวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมนิ ต่ากว่าระดับผา่ น ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรแู้ ละปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขทีส่ ถานศึกษากาหนดโดย พิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไมม่ ี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ น หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดับดี จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมนิ ต่ากว่าระดบั ผา่ น ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนท่ีสถานศึกษา กาหนด โดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดบั ไม่ผ่าน ต้ังแต่ ๑ คณุ ลักษณะ ๑.๓ กำรรำยงำนผลกำรเรยี น การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซ่ึงสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรือ อย่างน้อยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้ การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏบิ ัติของผู้เรียนทส่ี ะท้อนมาตรฐาน การเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๒. เกณฑก์ ำรจบกำรศกึ ษำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กาหนดเกณฑ์กลางสาหรับการจบการศึกษาเป็น ๓ระดับ คือ ระดับประถมศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๒.๑ เกณฑก์ ำรจบระดับประถมศึกษำ (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ท่ี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐานกาหนด (๒) ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐาน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทีส่ ถานศกึ ษากาหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมิน ตามท่ีสถานศึกษากาหนด

๑๐๘ (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากาหนด ๒.๒ เกณฑ์กำรจบระดบั มัธยมศกึ ษำตอนต้น (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติมไม่เกิน ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๓ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด (๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๖๓ หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกว่า ๑๔ หน่วยกิต (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์ การประเมนิ ตามท่สี ถานศกึ ษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ใหค้ ณะกรรมการ ของสถานศึกษา เขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา และผู้ทีเ่ ก่ียวข้อง ดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรตู้ ามหลักเกณฑใ์ น แนวปฏบิ ัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสาหรับกลุ่มเป้าหมาย เฉพาะ เอกสำรหลกั ฐำนกำรศกึ ษำ เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทกึ ผลการเรียน ขอ้ มลู และสารสนเทศ ท่ีเก่ียวข้องกับ พัฒนาการของผ้เู รียนในดา้ นตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังน้ี ๑. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำที่กระทรวงศึกษำธกิ ำรกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลกำรเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน ตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน สถานศกึ ษาจะตอ้ งบันทึกขอ้ มลู และออกเอกสารนใ้ี ห้ผู้เรียน เป็นรายบุคคล เม่ือผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖) จบการศึกษาภาคบังคับ(ช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ ๓) จบการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน(ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖) หรอื เม่ือลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี ๑.๒ ประกำศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพื่อรับรองศักด์ิและสิทธ์ิของผู้จบการศึกษา ท่สี ถานศกึ ษาให้ไวแ้ กผ่ ู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน ๑.๓ แบบรำยงำนผู้สำเร็จกำรศึกษำ เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและ ขอ้ มูลของผู้จบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) ผู้จบการศึกษาภาคบังคบั (ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๓) และผู้จบการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖) ๒. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำทีส่ ถำนศกึ ษำกำหนด

๑๐๙ เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทาขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญ เก่ียวกับ ผู้เรียน เชน่ แบบรายงานประจาตวั นักเรยี น แบบบันทกึ ผลการเรยี นประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผล การเรยี น และ เอกสารอืน่ ๆ ตามวตั ถุประสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้ กำรเทียบโอนผลกำรเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผเู้ รียนในกรณีต่างๆไดแ้ ก่ การยา้ ยสถานศึกษา การเปล่ียน รปู แบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเขา้ รับการศึกษาต่อ การศึกษาจากตา่ งประเทศ และขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้ อ่ืนๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ที่สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเน่ืองใน สถานศึกษาท่ีรับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจากการเทียบโอนควรกาหนด รายวิชา/จานวนหนว่ ยกิตที่จะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนินการได้ ดงั น้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอ่นื ๆ ทีใ่ ห้ขอ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถของผูเ้ รียน ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ท้ังภาคความรู้และ ภาคปฏบิ ัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ิในสภาพจรงิ การเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เอกสำรอ้ำงองิ

๑๑๐ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๔๔). หลักสตู รกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๔๔ . กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว. สภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ (๒๕๔๙). แผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติ ฉบบั ท่ี ๑๐. สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. (๒๕๔๗). ข้อเสนอยทุ ธศำสตรก์ ำรปฏริ ปู กำรศึกษำ. กรงุ เทพฯ: เซน็ จูร่ี. สานักนายกรฐั มนตร,ี สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. (๒๕๔๒). พระรำชบญั ญตั ิกำรศกึ ษำ แห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การรับสง่ สนิ ค้าและพัสดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.). สานักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมนิ ผล. (๒๕๔๘). กำรติดตำมปัญหำอุปสรรคกำรใชห้ ลักสตู ร กำรศึกษำข้ันพ้นื ฐำน พ.ศ. ๒๕๔๔. บันทึก ท่ี ศธ ๐๒๐๗/ ๒๖๙๒ ลงวนั ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘. สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๔๖ ก.). สรุปผลกำรประชุมวิเครำะห์หลกั สตู รกำรศึกษำ ขน้ั พ้นื ฐำน. ๒๗-๒๘ ตลุ าคม ๒๕๔๖ โรงแรมตรัง กรงุ เทพฯ. (เอกสารอดั สาเนา). สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๖ ข.). สรุปควำมเห็นจำกกำรประชมุ เสวนำหลักสูตร กำรศกึ ษำข้ันพืน้ ฐำน ๕ จุด. พฤศจิกายน ๒๕๔๖ (เอกสารอัดสาเนา). สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ก). รำยงำนกำรวจิ ยั กำรใช้หลักสตู รกำรศึกษำ ขัน้ พ้ืนฐำนตำมทัศนะของผู้สอน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพอ์ งค์การรบั สง่ สินคา้ และพัสดภุ ัณฑ์ (ร.ส.พ.). สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ข.). รำยงำนกำรวิจัยโครงกำรวิจัยเชิงทดลอง กระบวนกำร สร้ำงหลักสูตรสถำนศึกษำแบบอิงมำตรฐำน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สวุ มิ ล ว่องวาณิช และ นงลักษณ์ วริ ัชชัย. (๒๕๔๗). กำรประเมนิ ผลกำรปฎิรูปกำรเรียนรู้ ตำม พระรำชบัญญัติกำรศกึ ษำแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ พหกุ รณศี ึกษำ. เอกสารการประชุมทาง วิชาการการวิจัยเก่ียวกับการปฏิรูปการเรียนรู้ โดยสานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวง ศกึ ษาธกิ าร วนั ท่ี ๑๙- ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗. สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาปทมุ ธานีเขต2. “รักษป์ ทุม” กรอบสำระกำรเรยี นรทู้ ้องถ่ิน กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สพป.ปท.๒ เอกสารเผยแพร่ลาดับที่ ....../๒๕๖๓ Kittisunthorn, C., (๒๐๐๓). Standards-based curriculum: The first experience of Thai teachers. Doctoral Dissertation, Jamia Islamia University, Delhi, India. Nutravong, R., (๒ ๐ ๐ ๒ ) . School-based curriculum decision-making: A study of the Thailand reform experiment. Doctoral Dissertation, Indiana University, Bloomington. U.S.A. กลุ่มสำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ

๑๑๑ คณะผจู้ ดั ทำ ตราชู ประธาน คงชนะ รองประธาน ๑. นางสาวสมฤดี อรรถกฤษณ์ กรรมการ ๒. นายชาญชัย ผวิ ออ่ น กรรมการ ๓. นายธนัทภัทร เชยเดช กรรมการและเลขานุการ ๔. นายวรพงศ์ ๕. นางสาวฤดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook