ทฤษฎีเศรษฐศาสตรจลุ ภาค : EC 301 32 บทที่ 3 ทฤษฎกี ารผลติ และ ตน ทุนการผลิตตอนที่ 3.1 ความรทู ั่วไปเกี่ยวกบั ทฤษฎกี ารผลิต 3.2 แนวคดิ เกยี่ วกบั ฟง กช นั การผลิต 3.3 แนวคดิ เกยี่ วกบั ตนทุนการผลติแนวคิด 1. แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับทฤษฎีการผลิตประกอบดวยการผลิตในระยะสั้นจะตองเขาใจถึง การ เปลย่ี นแปลงของ ผลิตเฉลี่ย ผลผลิตเพิม่ และผลผลติ ทั้งหมดในระยะตา งๆ ของการผลิต 2. ฟงกชนั การผลติ ในระยะสัน้ จะอธบิ ายโดยการอยูภายใตกฎการลดนอยถอยลงของผลผลิต เพมิ่ สวนฟงกช ันการผลติ ในระยะยาวจะอยภู ายใตอิทธิพลของกฎผลไดตอขนาด 3. ตนทุนการผลิตในระยะส้ันจะประกอบดวยตนทุนคงท่ีและตนทุนแปรผันซึ่งเม่ือผูผลิต ตองการผลิตเพม่ิ ขึ้นจะทาํ ไดโ ดย การเพม่ิ ตนทนุ แปรผันเทา นั้น แตสําหรับกรณีการผลิตใน ระยะยาวผูผลิต สามารถเพ่ิมปจจัยไดทุกปจจัย เนื่องจากคาใชจายท่ีเกิดข้ึนทั้งหมดจะเปน ตน ทุนแปรผันทั้งส้นิวตั ถปุ ระสงค เมือ่ ศึกษาบทท่ี 3 จบแลว นักศกึ ษาตองสามารถ 1. อธบิ ายถึงความหมายและความแตกตา งระหวางการผลติ ในระยะส้ัน และระยะยาว 2. อธบิ ายถึงการผลิตในระยะสั้นวา ในแตระยะของ ของผลิต คาของผลผลิตรวม ผลผลิตเฉล่ีย และผลผลิตเพิ่มมีการเปลี่ยนแปลงอยางไรเพราะเหตุใดสวนสําหรับการผลิตในระยะยาว จะตองหาและอธิบายไดวา จุดที่ดีที่สุดของผูผลิต(ดุลยภาพของผูผลิต) เมื่อใชปจจัยการ ผลิตทีเ่ ปนเฉพาะปจ จัยแปรผนั ทม่ี คี า มากกวา 1 ชนิด อยู ณ. จุดใด 3. อธิบายและคํานวณหาคาของตนทุนการผลิตทั้งในระยะส้ันและระยะยาวกิจกรรมการเรียนการสอน 1. ทาํ แบบประเมินตนเองกอนเรยี น บทที่ 3 2. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน บทที่ 3 3. ฟงบรรยายในชั้นเรยี น 4. รวมอภปิ ราย ซักถาม และตอบคําถามในชัน้ เรียน 5. ทาํ แบบประเมนิ ตนเองหลังการเรียน บทที่ 3 6. สอบยอยในชนั้ เรียน
ทฤษฎีเศรษฐศาสตรจ ุลภาค : EC 301 33 บทท่ี 3 ทฤษฎีการผลติ และตน ทุนการผลิต3.1 ความรูท ั่วไปเกีย่ วกบั ทฤษฎีการผลติ หนว ยธุรกิจหรือผูประกอบการ จะตองแกปญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ผลิตอะไร อยางไร และเพ่ือใคร จึงใหกําไรสูงสุด โดยการใชปจจัยการผลิตท่ีเหมาะสม + เทคนิคการผลิตท่ีสอดคลองกับฟง กชนั การผลิตของสนิ คา ดังกลา ว เพอ่ื จะไดกาํ ไรสูงสุด รายรับ(Total Revenue) ข้ึนอยูกับการต้ังราคาในแตละตลาดและปริมาณผลผลิตท่ีจําหนายไดสูงสดุ จะใชปจ จยั การผลิตแตละชนดิ ในอัตราสวนเทา ไรดว ยเทคนคิ การผลติ ทีม่ จี ึงทาํ ใหต น ทนุ ตํ่าสดุ ฟงกชันการผลิตของหนวยธุรกิจ สามารถแสดงในรูปสมการทางคณิตศาสตรซึ่งเปนความสมั พันธระหวางปริมาณปจ จัยการผลติ ท่ีใชก บั ผลผลิตที่ได Q = ƒ(X1 , X2 , X3 , ………. , Xn) ปจ จัยการผลติ ท่ีสําคัญทเี่ ราทราบคือ ทนุ ทด่ี ิน แรงงาน ผปู ระกอบการ การกอสรางตึก ตอ งใช ปูนซเี มนต อฐิ ไม ตะปู เหลก็ เสน หิน ทราย แรงงาน ฯลฯปจจัยการผลติ ในชว งเวลาใดเวลาหน่งึ ปจจัยคงท่ี (Fixed Factors) ปจจัยแปรผนั (Variable Factors) การผลิตระยะสั้น ประกอบดวยปจจัยคงท่ีไมสามารถเพิ่มไดเพราะตนทุนจํากัดและจะเพิ่มปจจัยแปรผันเทาน้ันเม่ือตองการเพิ่มปริมาณการผลิตเชน เม่ือเปดโรงงานซ้ือเครื่องจักรตอนแรก 10เคร่ือง ถาตองการผลิตเพ่ิมขึ้นก็อาจทําไดโดยการจางคนงานทํา Overtime หรือจางคนงานเพิ่มแตไมสามารถซอื้ เคร่ืองจักรเพ่มิ หรือขยายโรงงานเพิม่ ได การผลิตระยะยาว ประกอบดวยปจจัยแปรผันเพียงอยางเดียวและเมื่อตองการเพ่ิมปริมาณการผลิตสามารถเพ่ิมปจจัยที่ใชในการผลิตไดทุกปจจัยโดยในระยะยาว มีการวางแผนและสามารถขยายขนาดของโรงงาน (plant size) ทําใหสามารถผลิตเพ่ิมได เชน ขยายอาคาร ซ้ือเคร่ืองจักรเพิ่ม เพ่ิมแรงงานก็ได ในตอนแรกเม่ือขยาย plant size จะเกิด economy of scale คือ ตนทุนท้ังหมดเฉล่ีย (ATC)จะลดลง (เกิดIncreasing Return to Scale) คือ ตนทุนท้ังหมดเฉลี่ย (ATC) จะลดลงจนเปน (ConstantReturn to Scale) นั้นแสดงวาตนทุนท้ังหมดเฉลี่ยจะมีคาตํ่าสุด (min) หลังจากนั้นถามีการขยาย
ทฤษฎีเศรษฐศาสตรจุลภาค : EC 301 34plant size อีกจะเกิดผลไดตอขนาดลดลง (decreasing Return to Scale) ตนทุนท้ังหมดเฉลี่ยจะมีคาเพ่มิ ขน้ึ หรือเกดิ diseconomy of Scale นัน่ เอง การผลิตในระยะส้ัน เราจะวิเคราะหหาจุดที่ดีท่ีสุดในการผลิตโดยใชทฤษฎีการผลิตซึ่งอยูภายใตอิทธิพลของกฏการลดนอยถอยลงของผลผลิตเพิ่ม (Law of diminishing marginal PhysicalReturn) การผลิตในระยะยาว เราจะวิเคราะห โดยใช การวิเคราะหเสนIQ , Isocost และกฎผลไดตอขนาด (Law of Returns to Scale ) โดยพิจารณาวาควรจะเพ่ิมปจจัยการผลิตK หรือLอีกหรือไมโดยดูจากเมอ่ื เพม่ิ ปจ จยั K และ Lในรอ ยละท่เี ทา กนั แลว ผลผลิตทีเ่ ปลยี่ นเพิ่มข้นึ มีผลไดตอ ขนาดอยางใด การผลิตโดยใชปจ จยั แปรผนั ชนดิ เดียว การผลิตในระยะสัน้ TFC และ TVC ถา จะเพมิ่ Q เพมิ่ ไดเพยี ง TVC Q = f ( K , L) โดยที่ Q คือ ปริมาณผลผลิตทัง้ หมดของสนิ คาชนิดหนงึ่ K คอื ปรมิ าณปจ จยั คงท่ี เชน เครอ่ื งจกั ร ,อาคาร , ที่ดนิ ฯ L คอื ปรมิ าณปจ จยั แปรผันท่ใี ช ฉะนั้นสรุปไดว า Q = f (L) กาํ หนดให เทคนคิ การผลิตคงท่ี TP MP TP= เพิม่ ในอัตราลด AP Law of Diminishing marginal Physical ReturnII II I I หนวยงานตา ง ๆหลายหนวยงาน AP=MP ของไทย ผลิตใน Stage ท่ีสามจงึ มี ประสทิ ธิภาพตา่ํ เพราะมี L มากเกนิ ไป •L1 L2 (L) ปริมาณปจจยั แปรผัน MP
ทฤษฎีเศรษฐศาสตรจ ุลภาค : EC 301 35ผลผลติ ทงั้ หมด(TP) = Total Productผลผลติ หนว ยสดุ ทาย หรอื ผลผลติ เพ่ิม (MP) = marginal Product = dTP หรือ ∆TPผลผลติ เฉลีย่ (AP) = Average Product = TP dL ∆L Lผลผลติ หนวยสุดทาย หรอื ผลผลติ เพิ่ม คอื ความชนั เสน TP นน้ั เองความชน้ั ของเสน AP AP = TP และ MP = dTP d AP = d TP/L L dL dL dLstage I ความชันของเสน AP เปน + เม่อื MP > APเร่มิ ตน stage II ,สิน้ สุด stage I ความชันของเสน AP = 0 เมื่อ MP = AP , AP max ความชนั ของเสน AP เปน - เมื่อ MP < APเร่ิมตน stage III,สิ้นสุด stage II เมือ่ MP = 0 TP สูงสุด TP ลดลง เมื่อ MP ติดลบ3.2 แนวคดิ เกย่ี วกับฟง กชนั การผลติ3.2 ความหมายของฟงกชันการผลิต Q = f (x1,x2) ฟงกชันการผลิตแสดงถึงปริมาณ ผลผลิตสูงสุดท่ีสามารถผลิตไดจากปริมาณปจจัยการผลิตชุดใด ๆ ภายใตเ ทคนคิ การผลิตที่กําหนดให Q = ปริมาณผลผลิต X1,X2 ปริมาณของปจจัยการผลิตสําหรับปริมาณการผลิต Q จะมีปริมาณสูงสุด Qmaxทีเ่ กิดจากการใชปจจยั การผลิตแตละชนิด 3.2.1 ฟงกช ันการผลิตในระยะสั้นและในระยะยาว Q = f (X1,X2,…………..,Xn)
ทฤษฎเี ศรษฐศาสตรจ ลุ ภาค : EC 301 36 ในระยะส้นั ฟงกชันการผลิตในระยะส้ันจะอยูภายใตอิทธิพลของกฎการลดนอยถอยลงของผลผลิตเพิ่ม(Law of Diminishing Maginal Physical Return) ในขณะที่ไมมีการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการผลิต ถาเพิ่มปริมาณปจจัยการผลิตชนิดหนึ่งขึ้นเรื่อย ๆโดยใหปริมาณปจจัยการผลิตชนิดอ่ืนอยูคงที่ ผลไดหรือผลผลิตหนว ยสุดทา ยท่ีไดรับจะคอยๆ ลดนอยถอยลงตามลําดับเมื่อเพ่ิมปริมาณปจจัยการผลิตชนิดหนึ่งน้นั จนถึงระดับหน่งึ แลว ในระยะยาว สําหรับฟงกชันการผลิตในระยะยาว จะอยูภายใตอิทธิพลของกฎท่ีไดตอขนาด (Law ofReturns to Scale) ซึ่งกลาวไดวา แมเทคนิคการผลิตจะไมเปลี่ยนแปลง แตถาเพ่ิมปริมาณปจจัยการผลิตทุกชนิดใหไดสัดสวนดวยรอยละท่ีเทากันของ K และ L แลวผลไดหรือผลิตผลท่ีไดรับเพิ่มขึ้น อาจจะเพิ่มข้นึ ในสดั สวนตางๆกันคืออาจเปน Increasing Return to Scale, Constant Return to Scaleหรือ Decreasing Return to Scale ฟง กช นั การผลติ ที่ใชกันมากในการวิเคราะห ทางเศรษฐศาสตร ไดแก ฟง กชันคอ็ บ-ดักลัส(Cobb-Douglas Function) ซงึ่ เปนฟง กชนั เอกพันธอ งศา 1 (Homogeneous function of degree 1) รูปแบบของฟง กช นั Cobb-Douglas ท่ใี ชป จ จยั การผลติ 2 ชนิด คือ Q = b Lα Kβเม่ือ Q คือ ปรมิ าณผลผลิต L, K คือ ปริมาณปจ จยั การผลิตสมมติวา เปนแรงงาน และทุนตามลาํ ดบั α, β คือ คา คงที่ ทีเ่ ปน เศษสวน > 0 b คอื คาคงท่ี ทีม่ คี า มากกวา 0Cobb-Douglas มีคุณสมบัตติ างๆ ที่นาสนใจ คอืฟง กช ัน Cobb - Douglas เปนฟง กช นั เสน ตรงในรูป logarithm โดยการ take log ของCobb - Douglas log Q = log (b Lα Kβ) log Q = log b + log Lα+ log Kβ log Q = log b + α log L + β log K ****
ทฤษฎีเศรษฐศาสตรจุลภาค : EC 301 37การผลิตโดยใชป จ จยั 2 ชนดิ ปจจยั KK1 AK2 ∆K B ∆L CK3 IQ = 100 L1 L2 L3 ปจ จยั L อัตราการทดแทนหนวยสุดทาย (Marginal Rate of Technical Substitution หรือ MRTSKL,MRTSLK) กําหนดใหฟ งกช ันการผลิต Q = f(K,L)Total derivative ของ Q มคี า คอื dQ = ∂f .dL + ∂f .dk (1) ∂L ∂Kจากคณุ สมบตั ขิ องเสน IQ ท่วี า ทุกๆ จุดบนเสน IQ เดียวกัน จะตองมีผลผลิต (Q) เทากัน ฉะน้ันบนเสน IQ เดยี วกัน dQ=0จาก (1) ได ∂f .dL + ∂f .dk = 0 ∂L ∂K ∂f .dL = − ∂f .dk ∂L ∂K − dk = ∂f / ∂L = MPPL dL ∂f / ∂K MPPK ∴ − ∆k = MRTS LK = MPPL * ∆L MPPK *ในทํานองเดยี วกนั ไดว า ∴− ∆L = MRTS KL = MPPK ∆K MPPL
ทฤษฎเี ศรษฐศาสตรจลุ ภาค : EC 301 38 ถา เพ่ิมปจจัยการผลิตชนิดหน่งึ โดยไมเ พิ่มปจ จัยการผลติ อีกชนดิ หน่ึงเรยี กวา เปน การเปลี่ยนแปลงปจ จัยการผลิตอยา งไมไดส ดั สว นกนั เปนลักษณะของการเปลยี่ นแปลงปจ จัยการผลิตในระยะสัน้ ผลไดหรอื ผลผลติ จะเพ่ิมขนึ้ ในอตั ราทเี่ พ่ิมข้ึนในระยะท่ี 1 และจะเพิ่มข้ึนในอตั ราลดลงในระยะที่ 2 และสูงสดุ เมอื่ สนิ้ สดุ ระยะท่ี 2 เมอื่ MP=0 ตอ จากนัน้ คาของ MP จะมคี าตดิ ลบในการผลติระยะท่ี 3 และคาของผลผลิตรวมจะมคี า ลดลง 3.3 แนวคดิ เก่ียวกบั ตน ทนุ การผลิต ตนทุนการผลิต (Cost of Production) หรือตนทุนทางเศรษฐศาสตร (Economic Cost) แตกตางจากตนทุนทางบัญชี(Explicit Cost) หรือตนทุนแจงชัดซึ่งตองใชจายเปนตัวเงินจริงๆ เพราะตนทุน ทางเศรษฐศาสตรตองรวมตนทุนไมแจงชัด (Implicit Cost) หรือตนทุนกําบังหรือตนทุนเสียโอกาส(Opportunity Cost) เขาดว ยกบั ตนทุนทางบัญชี (Explicit Cost) ตน ทนุ ทางบญั ชี (Accounting Cost) = Explicit Cost ตน ทุนทางเศรษฐศาสตร (Economic Cost) = Explicit Cost + Implicit Cost โดยท่วั ไป Economic Cost > Accounting Cost เพราะฉะนนั้ กําไรทางบญั ชีจึงมคี า มากกวากําไรทางเศรษฐศาสตรตวั อยาง การทําธุรกิจรานอาหารเชนตองเสียคาเชาตึกเพื่อทําธุรกิจรานอาหารกับมีตึกของพอแมใหทําธุรกจิ รา นอาหารฟรหี รอื ตอ งออกจากงานเพอ่ื มาดาํ เนินกิจการดว ยตวั เองกบั ทํางานที่อืน่ ไดเ งินเดอื น คาใชจายซอ้ื ปจ จัยคงท่ี คือ ตน ทนุ คงท่ี (Fixed Cost) คาใชจ ายซ้อื ปจ จัยแปรผัน คอื ตน ทุนแปรผัน (Variable Cost) การผลิตในระยะสั้นประกอบดวยตนทุนท้ังหมดมีคาเทากับตนทุนคงที่ทั้งหมด + ตนทุนแปรผนั ทั้งหมด ไมผ ลติ เลยก็เสียตนทุนคงท่ีท้ังหมด (TFC) เม่ือผลิต Q↑ ทําให TVC↑ (คาแรง, คาไฟฟา,คาวัตถดุ บิ เปนตน ) การผลติ ระยะยาว มแี ตเฉพาะตนทุนแปรผัน (TC = TVC)ตน ทนุ Explicit Cost , Implicit Cost (Opportunity Cost) , TC , TFC , TVC , ATC , AV C , AFC Private Cost = Economic Cost, Social Cost = Private Cost + ผลกระทบทางสังคม (External Cost หรอื External benefit)
ทฤษฎเี ศรษฐศาสตรจลุ ภาค : EC 301 39 แบบฝก หดั ทา ยบทที่ 31. จงอธิบายถึงข้ันตอนในการผลิตในระยะส้ันวาในแตละ Stage มีคาของ TP , MP และ AP เปล่ียนแปลงอยางไรและทําไมถึงเปล่ียนแปลงอยางนั้น พรอมอธิบายดวยวาทําไมตองทําการ ผลิตใน Stage ท่ี 2 จึงจะไดร ับกําไรสูงสดุ และผูผลติ จะไมท าํ การผลติ ใน Stage ท่ี 32. Laws of Returns to Scale คืออะไร ประกอบดวยชนดิ ใดบา งและหมายความวา อยา งไร3. จงอธิบายวา Economy of Scale และ Diseconomy of Scale หมายความวาอยางไร เกิดขึ้นในชวง ใดของการผลิตระยะยาวและมีความสัมพันธกับ กฎผลไดตอขนาด ( Law of Returns to Scale ) อยางไร4. ในการผลิต การไมประหยัดภายในและภายนอกคืออะไร มีผลตอการผลิตอยางไร จงอธิบาย พรอมยกตวั อยา งประกอบ5. ในการผลิต การประหยัดภายในและภายนอกคืออะไร มีผลตอการผลิตอยางไร จงอธิบายพรอม ยกตัวอยางประกอบ6. ตนทนุ การผลิตในระยะสน้ั และระยะยาวตางกนั อยา งไร จงอธบิ ายพรอ มเขยี นกราฟประกอบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: