Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น

ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น

Published by theerawat11042541, 2020-04-19 03:51:26

Description: กลุ่มสะเก็ดดาว

Search

Read the Text Version

การบรรลุธรรม แท้จริงไม่มีการบรรลุอะไร หรือทำ�อะไรให้ได้บรรลุธรรม ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน เปน็ สิง่ ท่ีมี เหมอื นไม่มเี รอ่ื งราวใดๆ 2เลม่ ท่ี กล่มุ สะเก็ดดาว ผเู้ ขยี น .. ตัวเห้ยี ..ทม่ี ีอสิ ระแล้ว



หนังสอื เล่มท่ี 2 ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น เป็นสิง่ ทีม่ ี เหมอื นไม่มเี รื่องราวใดๆ เนือ้ หาในหนังสอื เลม่ นี้ ขอทา่ นทง้ั หลายทไ่ี ด้อา่ น จงคอ่ ยๆ อ่านอย่างช้าๆ ที่ละประโยคทล่ี ะย่อหน้า โดยช่วงแรก เรอ่ื งวงเวียนแหง่ ชวี ิตท่ีรูส้ ึกได้แตะตอ้ งไมไ่ ด้ ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ ันซ้อนปัจจบุ ันข้ามปัจจุบันตนเอง เปน็ เรือ่ งราวทีซ่ บั ซ้อนมากของความรูส้ กึ ในช่วงแรก ท่ีต้องทำ�ความเขา้ ใจใหไ้ ด้จรงิ ๆ ในความร้สู กึ ของตนเอง ต้องใชค้ วามรสู้ ึกอยา่ งมากในการอา่ น ขอให้ทา่ นอ่านผา่ นภาษา แตใ่ ช้ความรสู้ กึ ตนเองจบั เข้าไปในเนอ้ื หาเร่อื งราวตรงนนั้ จดจ่อในความรู้สกึ ของตนเอง หยงั่ ลงไปใหถ้ งึ กลางใจอยา่ งช้าๆ ไม่ตอ้ งรบี อ่าน ขอใหต้ ั้งใจอา่ นจริงๆ กพ็ อ เพราะเน้ือหาเร่ืองราวตา่ งๆ ทใี่ ช้ในนี้ ไมเ่ คยมมี าก่อน เปน็ เพยี งคำ�กล่าวลอยๆ ท่ใี ช้แทนความรู้สึกเทา่ นั้น

ค�ำน�ำ หนังสือ ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน เป็นหนังสือเล่มที่สอง ที่มีเนื้อหาเรื่องราวที่ได้ขยายเน้ือหาเพ่ิมเติมในรายละเอียดจากเล่มแรก เรื่อง “คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง” ท่ีใช้เป็นแนวทางในการค้นหาตนเอง ของนกั เดนิ ทางทงั้ หลายทต่ี อ้ งการแสวงหาสจั ธรรม ความจรงิ ในธรรมชาตติ นเอง คอื เรอ่ื งราวอะไร ท่ตี นเองสงสัยอย่ใู นความรู้สึกตนเองมาตลอดเวลา ทง้ั จากการ เรียนรู้ และจากการปฏิบัติตนเองมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ก้าวหน้าไปไหนได้ แทจ้ รงิ เหมือนยำ�่ อย่กู ับท่ตี รงน้ัน คา้ งคาในความรสู้ ึกอย่แู บบนัน้ เนื้อหาที่บรรยายในหนังสือเล่มน้ีเป็นเพียงเรื่องราวตามภาษา ท่ีไม่มี ใครเป็นเจ้าของในเรอื่ งราวในความหมายใดๆ ท่ีทา่ นอ่านอยู่ รูอ้ ยู่ สิ่งที่บรรยาย มาทั้งหมดในหนังสือเล่มน้ีไม่ได้ต้องการให้ใครจดจ�ำใดๆ ในตัวหนังสือ เพียงใช้ ภาษาตัวหนังสือ สื่อให้ท่านเข้าถึงเร่ืองราวในตนเอง โดยท่านต้องใช้ความรู้สึก ของตนเอง อ่านแบบจดจ่อ และใช้ความรู้สึกตนเองในขณะน้ันหย่ังลงไปดูใน ความรู้สกึ ของเรื่องราวตา่ งๆ ภายในเนอ้ื หาของตนเอง ในขณะทีท่ ่านได้อา่ นอยู่ กบั เนอ้ื หาตรงนนั้ เทา่ นนั้ เอง ใหเ้ กดิ ประจกั ษแ์ จง้ ในความรสู้ กึ ตรงนนั้ ดว้ ยตนเอง จนเห็นความจริงท่ีเป็นธรรมชาติตนเองท่ีมีอิสระอยู่แต่ไม่รู้ในความรู้สึกตรงนั้น ท่านท้ังหลายจึงต้องอ่านแบบจดจ่อ และต้องข้ามในภาษาของตัวหนังสือตรงน้ี ใหไ้ ด้ อยา่ เข้าไปครอบครองใดๆ ในเน้อื หาทีบ่ รรยายมาโดยเดด็ ขาด ไม่เชน่ นั้น 4

เปน็ สง่ิ ทมี่ ีเหมอื นไม่มีเรื่องราวใดๆ ท่านจะติดกับดักในธรรมชาติตนเองตรงนั้นทันที ท่านจะปรุงต่อเติมเรื่องราว ในความรูส้ ึกตนเองลงไปโดยทไี่ ม่รสู้ กึ ตนเองเลย การบรรยายเนื้อหาตรงน้ีนั้น ไม่มีส่ิงที่ขัดขวางในความรู้สึกใดๆ ที่เป็น เคร่ืองกั้นเคร่ืองกีดขวางในความรู้สึกของใคร ที่จะเดินทางตามมาดูในเร่ืองราว ตนเอง หากท่านผู้มีปัญญาท้ังหลาย ที่มีมากมายเหลือเกิน ท่านจะกล้าเปิดใจ ยอมรับสิ่งที่ชี้และสะกิดให้ดูกับเน้ือหาเร่ืองราวที่บรรยายมาท้ังหมดในหนังสือ เล่มนี้ไหม เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง หากว่าท่านกล้าพอและ ยอมเปิดใจกว้างพอ เพื่อเข้ามาพิสูจน์ความจริงในความรู้สึกของท่าน ท่านอาจ จะได้พบสิ่งแปลกใหม่ท่ตี นเองไมเ่ คยรูก้ ็ได้ เพราะส่ิงที่บรรยายมาทง้ั หมดเป็นสง่ิ ท่ีท่านไม่เคยมีการเรียนรู้และจดจ�ำไว้มาก่อนในส่ิงท่ีบรรยายมาตรงน้ี ความรู้ ของท่านที่รู้แบบจ�ำๆ มาท้ังหมดในชีวิตตนเอง อาจจะไม่ถูกใจที่ต้องมาอ่าน เน้ือหาบทความตรงนี้ก็ได้ ความรู้สึกที่เกิดย้อนแย้งในความรู้สึกของท่านเอง ตรงน้ี ท่านจะต้องมีความกล้าหาญมากพอที่จะท�ำลายก�ำแพงตนเองลงก่อน เปดิ ใจใหก้ วา้ งขึ้น และจะต้องกล้าพอเพอื่ ทีจ่ ะได้เข้ามาพิสูจน์ในเนอ้ื หาเร่ืองราว แท้จรงิ ของตนเองตรงน ี้ การเข้ามาพิสูจน์น้ัน ท่านทั้งหลายต้องจ�ำค�ำเตือนเอาไว้ด้วย “อย่า ครอบครองเรื่องราวใดๆ ในภาษา ในเนื้อหาเรื่องราวท่ีอ่านมาทั้งหมด โดย เดด็ ขาด” ทา่ นจะตอ้ งใชเ้ พยี งความรสู้ กึ ในตนเองเทา่ นน้ั ผบู้ รรยายกใ็ ชค้ วามรู้สึก แตแ่ ทนค่าเปน็ ภาษา ฉะนัน้ ทา่ นต้องขา้ มในภาษาของตวั หนงั สอื แตจ่ บั ในความ รสู้ กึ สคู่ วามรสู้ กึ ภายในตนเอง ในขณะทอี่ า่ น เหมอื นไมม่ ตี วั ตนใครเปน็ ผมู้ าบรรยาย เหมือนไม่มีตัวตนใครเป็นผู้รับฟัง มีเพียงความรู้สึกสู่ความรู้สึกท่ีล่องลอยมา กระทบถึงกัน และรู้สึกถึงกันในเร่ืองราวท่ีอ่านขณะน้ัน เพียงดูผ่านความรู้สึก รูผ้ า่ นความรู้สกึ แต่เขา้ ถงึ เรอื่ งราวทอี่ ่านผ่านมาได้ แต่ไมแ่ บกไว้ในตัวหนังสือทม่ี ี 5

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น ตรงนน้ั หากใครท�ำไดก้ จ็ ะรไู้ ดเ้ ฉพาะตนเอง วา่ การมีปญั ญาแทจ้ ริงไมใ่ ช่มปี ัญญา ตามความเชื่อแบบทีเ่ คยจดจ�ำมา ก็หวังว่า จะมีผู้มีปัญญาแท้จริงที่เข้าถึงในสัจธรรมตนเองได้ และก็หวัง วา่ จะไดพ้ บไดเ้ จอกนั กบั บคุ คลเหลา่ นแี้ บบตวั เปน็ ๆ ทต่ี อ้ งมาฟงั การบรรยายสดๆ เพม่ิ เสรมิ ความเขา้ ใจใหล้ กึ ขนึ้ หยงั่ ลงไปใหถ้ งึ ทส่ี ดุ ดว้ ยความจรงิ ตนเองได้ ในสงิ่ ทมี่ ี เหมอื นไม่มเี ร่อื งราวใดๆ ในตนเอง ไดเ้ ปน็ อสิ ระแท้จรงิ ในธรรมชาตติ นเอง ขอธรรมทง้ั หลายเหลา่ น้ี ทบี่ รรยายมาจงเขา้ ถงึ แดผ่ หู้ ลงทาง ผทู้ แี่ สวงหา ทางเดินที่ถูกต้อง ท่ีจะเข้าถึงในธรรมชาติตนเอง จงพบหนทางท่ีสว่างในความ รู้สึกของตนเองกับความจริงท่ีเป็นธรรมชาติเดิมแท้ตนเองในที่สุด ด้วยสัจธรรม ที่บรรยายมาทั้งหลายน้ตี ามปรารถนาเทอญ สุดท้ายก็ต้องขอขอบใจกับทุกๆ ท่านในกลุ่มสะเก็ดดาวท่ีมีความมั่นคง เดด็ เดย่ี วหา้ วหาญ เกาะตดิ ผบู้ รรยายมาตลอด ไมย่ อมหนยี อมถอยหา่ งจากเรอ่ื งราว ท่ีชีแ้ ละสะกิดใหด้ ใู นธรรมชาติตรงนี้ จนผา่ นมาสองปี ก็เดนิ ทางตามกนั มาไดเ้ ร็ว และหยัง่ ลงความจริงในเหตุตนเองได้ ขอบใจในศรัทธาท่ีมีให้กับผู้บรรยาย กับ การเดินทางมาพบกนั ในทุกๆ เดอื นของทกุ คน มบี างคนเดนิ ทางขา้ มวันข้ามคืน มาตลอดไม่ท้อถอย ขอความส�ำเร็จจงบังเกิดมีแก่พวกท่านทุกคน ท่ีมีศรัทธา มี สัจจะ มีความเพียร และมคี วามอดทน ในการค้นหาตนเองทกุ ทา่ นเทอญ ...โชคด.ี ..% หมายเหตุ : ท่านใดที่ต้องการขอรับหนังสือเป็นรูปเล่มฉบับจริงของหนังสือ คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง และหนังสือ ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน สามารถติดต่อขอรับได้ที่ คุณเพ็ชร โทร. 083 115 5449 และคุณฝ้าย โทร. 086 816 5787 (มีค่าใช้จ่าย) 6

สารบัญ เหตุแห่งธรรมท่ีไม่มีผล จึงหมดเร่ืองราว ................................................................................................................ 8 เร่ืองราวตนเองท่ีเปรียบเหมือนวัฏจักร เป็นวงเวียนแห่งชีวิตที่หมุนวน ........................... 16 ธรรมชาติ ซ้อนความรู้สึกตนเอง ................................................................................................................................ 18 การช้ีให้ดู เหตุ และ ผล ในธรรมชาติแท้จริง ................................................................................................ 22 ความซับซ้อนของความรู้สึก ยากเกินจะหยั่งได้ในปัจจุบันตนเอง ......................................... 26 สิ่งที่เกิดเรื่องราวซ้อนปัจจุบัน จนข้ามปัจจุบันตนเอง ......................................................................... 30 การแตะต้องความรู้สึก ท่ีจะเปล่ียนเร่ืองราวตนเอง .............................................................................. 33 ส่ิงที่เคยบันทึกและจดจ�ำไว้แต่ไม่รู้สึกตัว .......................................................................................................... 40 ผลที่เกิดเป็นเหตุตัวใหม่ ท่ีรู้สึกเหมือนไม่ได้ปรุงแต่ง ........................................................................... 45 สิ่งที่มีเหมือนเป็นส่ิงท่ีไม่มี ในความรู้ตนเอง .................................................................................................. 49 ส่ิงท่ีหมดสงสัย เป็นเรื่องง่าย ง่ายจริงหรือ ....................................................................................................... 53 ผลลัพธ์ท่ีเกิดการยอมรับ และรองรับเร่ืองราวตนเอง .......................................................................... 58 เปอร์เซ็นต์ความส�ำเร็จ ต้องวัดด้วยก�ำลังใจ ................................................................................................... 64 เรื่องราวความเช่ือที่ฝังแน่นเป็นเน้ือเดียวกับความรู้สึกตนเอง .................................................. 68 บทสรุปสุดท้าย ก่อนจบการบรรยาย ................................................................................................................... 71 7

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมน้นั เหตุแห่งธรรมท่ีไม่มีผล จึงหมดเร่ืองราว เรื่อง เหตุแห่งธรรมท่ีไม่มีผล เป็นความจริงตามธรรมชาติเดิมแท้ท่ีมี อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครในยุคปัจจุบันน้ีที่จะสามารถเข้าถึงความจริงตรงนี้ได้ แบบง่ายๆ เพราะเร่ืองราวความมีของตนเองที่ขยายจากผลเกิดเป็นเหตุตัวใหม่ เกิดความรู้สึกใหม่ในความมีมากมายของตนเองที่ครอบครองไว้อยู่ตลอดเวลา เกิดเป็นเรื่องราวในธรรมชาติตนเองที่ซ้อนความจริงในความรู้สึกตนเองตรงนี้ ปรุงแต่งเร่ืองราวต่อจากความมีจนกลายเป็นสิ่งที่ข้ามเรื่องราวในเหตุเดิมแท้ ของตนเอง เกดิ เปน็ เหตุตัวใหม่ในความมีทีข่ ยายลงสู่ผลตวั ใหม่ และเกดิ เปน็ เหตุ และผลตัวใหม่อยู่ตลอดเวลาในความมีที่ตนเองแสวงหาและครอบครองไว้อยู่ ตลอดเวลา จนไมส่ ามารถมองผา่ นเรอื่ งราวความมขี องตนตรงนไ้ี ดแ้ ทจ้ รงิ เหตแุ หง่ ธรรมของตนเองจึงมีผลเป็นสิ่งรองรับการปรุงแต่ง เกดิ เร่อื งราวความมีในความ รสู้ กึ ตนเองอย่แู บบน้ีตลอดเวลา การบรรยายสจั ธรรม ธรรมทเ่ี ปน็ ความจรงิ ในธรรมชาตติ รงน้ี ขอสจั ธรรม ทง้ั หลายเหลา่ นจี้ งถงึ แกบ่ คุ คลผแู้ สวงหาในธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง ทต่ี อ้ งการ หมดสงสัยในเน้อื หาตนเอง เสน้ ทางการเดินทางที่ลดั ส้นั ตัดตรงของเน้อื ธรรมใน 8

เป็นสิง่ ท่ีมีเหมือนไม่มเี ร่อื งราวใดๆ หนังสือเล่มน้ี อาจจะเป็นเส้นทางใหม่ของผู้แสวงหาก็เป็นได้ ท่ีไม่มีใครเป็น เจ้าของในเนื้อหาใดๆ จึงเปรียบเหมือนไม่ได้มีผู้บรรยาย ไม่มีผู้รับฟัง ส่ิงที่รับรู้ เปน็ เพยี งเรอื่ งราวทใ่ี ชภ้ าษาแทนความรสู้ กึ ใช้ความรสู้ กึ สูค่ วามรสู้ กึ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ ในเน้ือหาธรรมตรงน้ีเท่าน้ัน จึงเป็นค�ำกล่าวลอยๆ ท่ีไม่มีใครเป็นผู้พูดใดๆ ไม่มีใครเปน็ ผรู้ บั ฟงั เปน็ เพยี งความร้สู กึ ท่ีใช้ความร้สู กึ ภายในของผ้รู บั ในการรับ รู้เรอื่ งราวผา่ นในภาษาของหนังสอื เล่มน้ี เหมือนเป็นสงิ่ ท่ีล่องลอยมาในอากาศท่ี มีมากระทบกับความรู้สึกของผู้รับในขณะนั้น ท่ีต้องใช้ความรู้สึกตนเองในการ รับรูแ้ ละปรับสภาพภายในเพอื่ จูนคลื่นความถ่ีของความรสู้ กึ ให้ตรงกนั ก็พอ เพอื่ มาพจิ ารณาในเนอื้ หาตรงนี้ใหแ้ ยบคายสดุ ก�ำลงั ใจตนเองในความจรงิ ตรงนั้น ใน การหย่งั ลงไปดูในธรรมชาตเิ ดิมแทข้ องตนเองทีเ่ ปน็ อสิ ระอยู่แล้วตลอดเวลา จน สามารถข้ามผ่านรูปแบบความเช่ือตามภาษาและเร่ืองราวเนื้อหาตรงน้ีแบบที่ เป็นอิสระเฉพาะตน เพราะเน้อื หาทง้ั หมดน้ันเปน็ เพยี งค�ำกล่าวอา้ งเป็นค�ำกล่าว ลอยๆ ทไี่ มเ่ คยมอี ยเู่ ปน็ อยจู่ รงิ ๆ ในธรรมชาตคิ วามจรงิ ของทา่ นเลย และไมม่ ใี คร ครอบครองเปน็ เจ้าของในเน้ือหาทงั้ หมดในหนงั สือเล่มนี้ เรื่องราวที่จะบรรยายเก่ียวกับเร่ืองธรรมชาติท่ีเป็นธรรมชาติเดิมแท้ที่ ไม่มีเรื่องราวใดๆ และไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของหรือเหตุแห่งธรรมของตนเองนั้น เป็นส่ิงท่ีอธิบายยากล�ำบากมากส�ำหรับตนเอง ทุกวันนี้เร่ืองราวท่ีเก่ียวกับเรื่อง ธรรมชาตกิ ารหมดสงสยั หรอื การบรรลธุ รรม กม็ ผี รู้ เู้ รอ่ื งราวมากมายไดเ้ คยบรรยาย ไว้ มอี ุบายวธิ ีบอกไว้ มีการบันทกึ ไว้ มีการเผยแพร่กันไว้อยา่ งกว้างขวางตอ่ เนอ่ื ง มเี รอื่ งราวและแนวทางตา่ งๆ มากมาย ทง้ั หลกั การสอน ทงั้ หลกั การปฏบิ ตั ขิ องผรู้ ู้ ของผสู้ อนตรงนนั้ เพอ่ื น�ำทา่ นไปสผู่ ลความส�ำเรจ็ แหง่ การปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดใ้ นสงิ่ ทเี่ ปน็ ธรรมสงู สุด หรอื เรยี กว่าการบรรลธุ รรม โดยมวี ธิ กี ารและอุบายมากมาย เพ่ือใช้ กันในแต่ละท่ี แตล่ ะแหง่ แต่ละสถานที่ จนมากมายในอบุ ายวิธีของการปฏิบัติ 9

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แห่งธรรมนนั้ ผบู้ รรยายเองกเ็ หมอื นเดก็ แรกเกดิ ทโี่ ชคดี ไดเ้ กดิ ในสถานทแ่ี หง่ การบรรลุ ธรรมแล้ว เพิ่งคลอดออกมาใหม่ได้ประมาณสองปี ในโลกแห่งธรรมท่ีมีอยู่จริง แต่เหมือนไม่มีเรื่องราวใดๆ ที่ต้องรู้อีกกับเร่ืองราวต่างๆ ตรงนั้น จึงไม่มีอุบาย หรือวิธีให้ใครต้องปฏิบัติใดๆ ในการเดินทางตามมาดูความจริงของตนเอง แต่ โดยฐานะทเ่ี ปน็ เดก็ ใหมเ่ หมอื นเดก็ แรกเกดิ เพงิ่ คลอด ความร้สู ึกท่ีไดเ้ กดิ ใหม่จาก สง่ิ ทเี่ รยี กวา่ เหนอื โลกเหนอื ธรรมจากประสบการณต์ า่ งๆ ของตนเองที่ได้กลับมา จากการเกดิ ใหมใ่ นครงั้ นนี้ น้ั เปน็ เรอื่ งราวทซ่ี บั ซอ้ นละเอยี ดออ่ นมาก แตก่ ลับไม่มี เรอื่ งราวใดๆ ในความรสู้ ึกทเี่ ปน็ เจา้ ของท่ีไดค้ รอบครองใดๆ ในธรรมชาตเิ ลย เหตแุ ห่งธรรม สง่ิ ๆ นแี้ ปลกมากในความรสู้ กึ ของผบู้ รรยายทก่ี ลบั มาใหม่ หรือคลอดออกมาใหม่ในส่ิงที่เรียกว่า “อิสระท่ีอยู่เหนือโลกเหนือธรรม” กับ เรื่องราวของธรรมชาติท่ีเป็นธรรมชาติเดิมแท้น้ัน ในเน้ือธรรมตรงน้ีถือว่าเป็น เรื่องแปลกใหม่มาก หากจะต้องมีการบรรยายกับนักธรรมะท้ังหลายท่ีมีโอกาส ไดห้ ยบิ หนงั สอื เลม่ นมี้ าอา่ น เพราะเรอ่ื งราวตา่ งๆ ในหนงั สอื เลม่ นมี้ เี นอื้ หาทแ่ี ปลก ที่ทา่ นทงั้ หลายไม่เคยได้บนั ทึกและจดจ�ำมาก่อน เหมอื นสิง่ ท่ีบรรยายในเน้ือหา ทง้ั หมดของภาษาเปน็ เพยี งค�ำกลา่ วลอยๆ ทไ่ี มต่ อ้ งการใหใ้ ครเชอ่ื และยดึ ตดิ ครอบ ครองเปน็ เจ้าของในเนื้อหาเรื่องราวใดๆ ในตวั หนังสือของภาษาตรงนี้ หากมีการเปรียบเทียบเกิดขึ้นในความรู้สึกของท่านท้ังหลายในความรู้ ตา่ งๆ กบั ธรรมะเรอ่ื งราวแบบนท้ี มี่ มี ากมายในเรอ่ื ง การหลดุ พน้ การพน้ ทกุ ข์ การ บรรลธุ รรม หรอื เน้อื หาท่คี ล้ายๆ กนั ที่เป็นแนวทางเดินให้ถึงท่ีสุดในหลักธรรม ของนักเดินทางประมาณน้ัน เร่ืองราวแบบน้ีจึงมีผู้รู้เรื่องราวมากมายท่ีได้เคย บรรยายไว้ สอนไวเ้ ปน็ แนวทางตา่ งๆ ทท่ี า่ นเคยไดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดอ้ า่ น ไดศ้ กึ ษากนั ไว้ อย่างกว้างขวาง ที่มีท้ัง พ่ีใหญ่ พ่ีบิ๊ก พ่ีเบ้ิม พ่ีๆ มากมายในวงการนักธรรมะ ทง้ั หลาย ทัง้ ที่เป็นทยี่ อมรบั นบั ถือ ทม่ี มี ากหนา้ หลายตา มีท้งั ประสบการณต์ า่ งๆ 10

เปน็ สิ่งท่ีมเี หมอื นไม่มีเรอ่ื งราวใดๆ ทตี่ า่ งกนั ไปในเนอ้ื หาเรอื่ งราวตรงนี้ จากการทท่ี า่ นทง้ั หลายไดเ้ คยศกึ ษาไว้ ปฏบิ ตั ิ มาจากการฟังการบรรยายในเน้ือหาสารธรรมต่างๆ แบบน้ี ก็ถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ี ดีงาม สวยงาม และสงา่ งาม แต่กลับเปน็ ความเช่ือทีท่ า่ นเชอื่ ตามอยเู่ ท่านน้ั เอง ส�ำหรับเนื้อหาเร่ืองราวของผู้บรรยายซ่ึงเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งคลอดออก มาในเรื่องราวธรรมชาติ คอื เหตุแห่งธรรมทอี่ ยู่เหนือธรรมชาติ พ้นการเวียนว่าย ตายเกิดแล้ว สองปีท่ีคลอดออกมาในโลกแห่งธรรมชาติเดิมแท้ของตนเอง ท่ีได้ เดินทางไปถึงเร่ืองราวในธรรมชาติตนเองจนประจักษ์แจ้งในธรรมตรงน้ัน ท่ี เปรียบเหมือนไมไ่ ดม้ ีการบรรลธุ รรมอะไรในธรรมชาตติ นเองเลย เปน็ สิ่งที่แปลก ที่ไม่ต้องอธิบายเรื่องราวตนเอง สิ่งท่ีประจักษ์แจ้งน้ันซ่ึงอาจจะเป็นเร่ืองราว ที่แปลกใหม่กับการมาบรรยายให้ผู้แสวงหาสัจธรรมได้เกิดความเข้าใจได้ในเร่ือง ราวตรงน้ี เพราะสิ่งท่ีเข้าไปถึงในเหตุแห่งธรรมตนเองน้ัน กลับไม่มีเหตุใดๆ ใน ตนเอง ผลจงึ หายไป เรอื่ งราวตา่ งๆ หมนุ วนมาปรากฏในความรสู้ กึ ทแี่ ปลก ตรงท่ี ไมม่ ใี ครได้ครอบครองใดๆ ในธรรมชาติ ธรรมชาติเดมิ แท้ทีเ่ ปน็ อิสระ จงึ ไมม่ ใี คร เปน็ เจา้ ของในความเปน็ อสิ ระ ไมม่ เี รอื่ งราวใดๆ ในอสิ ระ เปน็ เพยี งสงิ่ ทพี่ ง่ึ พาอาศยั อยูร่ ่วมกัน ไมม่ ใี ครเปน็ ผรู้ องรับในความร้สู ึกตลอดเวลา ส่ิงท่รี จู้ ึงมี เหมอื นไม่มี อะไรใหร้ ู้ จงึ เปรยี บเหมอื นไมม่ กี ารบรรลอุ ะไรในธรรมตรงนนั้ เปน็ เพยี งความรสู้ กึ สคู่ วามรู้สกึ ท่ีมอี สิ ระอย่รู ว่ มกนั เอง อุปมาเหมือนกลมกลืนกันในสง่ิ ที่รับรู้ตรงน้ัน ไมม่ เี หตทุ ต่ี อ้ งแสวงหา เปน็ เพยี งความรู้สกึ บางอย่างทขี่ าดแยกจากกันแต่รับรู้ได้ และรู้สึกได้ตลอดเวลา ท่ีไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครรองรับจึงไม่มีเรื่องราว ในตนเองตรงนนั้ จงึ ใช้แทนคา่ ในภาษาที่กล่าวไว้ลอยๆ ว่า หมดสงสยั การกลบั มาจากคลอดใหมค่ รง้ั น้ี จงึ ขอสง่ สารไปถงึ ผแู้ สวงหาในสจั ธรรม ตนเองทง้ั หลาย ทตี่ อ้ งการคน้ หาความจรงิ ของธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง วา่ คอื เร่ืองราวอะไร ในเนื้อธรรมที่บรรยายตรงน้ี ต้องการค้นหาผู้แสวงหาตัวจริงท่ี 11

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนนั้ ต้องการจะพบความจรงิ ของตนเอง ทม่ี ีความต้องการจรงิ ๆ ในการหมดสงสยั ใน ชวี ิตตนเอง และพรอ้ มจะเดนิ ทางลดั สนั้ ตดั ตรงสธู่ รรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเองใหไ้ ด้ ตรงนั้น บุคคลเหล่านน้ั จะตอ้ งเป็นผู้ที่ไม่มีขอ้ มลู ใดๆ ท่ีจดจ�ำมาในเร่ืองราวเดมิ ๆ หรือมีประสบการณ์ปฏิบัติใดๆ แบบเดิมๆ ที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ผู้ท่ีแสวงหา ทุกคนจะเข้าใจ และเข้าถงึ เรือ่ งราวธรรมชาตติ นเองทเี่ ป็นเดิมแทไ้ ด้นั้น ทา่ นจะ ตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ คี วามกลา้ หาญมากทส่ี ามารถท�ำลายก�ำแพงความเชอ่ื ตา่ งๆ ทเ่ี คยมที ่ี เคยบนั ทกึ และจดจ�ำมาลงได้ บอกไดเ้ ลยวา่ หากมบี คุ คลกลา้ มากแบบนท้ี ส่ี ามารถ ท�ำลายก�ำแพงตนเองตรงนลี้ งได้ และพรอ้ มท่จี ะเปดิ ใจรับฟงั เสียงท่ลี ่องลอยมา ในอากาศท่ีไม่มีผู้พูดผู้บรรยาย และไม่มีผู้ฟังในเน้ือหาตรงน้ี มีเพียงความรู้สึกสู่ ความรสู้ กึ เทา่ นนั้ ทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทาง ผู้แสวงหาในสัจธรรมตนเองเหลา่ นน้ั อาจได้ ของดี ของแถมทไ่ี มต่ อ้ งปฏบิ ตั ใิ ดๆ แตเ่ ขา้ ถงึ ไดด้ ว้ ยความรสู้ กึ ในแบบฉบบั ตนเอง การบรรยายในสภาวธรรมทไี่ ม่มเี รือ่ งราวใดๆ ในธรรมชาติเดิมแทต้ รงน้ี นนั้ ตนเองจงึ ไมส่ ามารถทจี่ ะบรรยายเนอื้ หาธรรมตามรปู แบบทเี่ หมอื นกบั ผอู้ นื่ ได้ เพราะเร่ืองราวแบบน้ีเป็นส่ิงท่ีรู้ได้เฉพาะตน แตเ่ นอ้ื หาเรือ่ งราวของผรู้ เู้ รื่องราว แบบเดมิ ยงั มคี วามเชอื่ ตา่ งๆ ในเรอื่ งราวทเี่ คยบนั ทกึ จดจ�ำไวแ้ ลว้ รวมไปถงึ เนอื้ หา เรอื่ งราวในต�ำราก็ดว้ ยเชน่ กนั เรอ่ื งราวตา่ งๆ ตรงนี้ จงึ ยังเปน็ สง่ิ ท่เี ช่ือไม่ได้ ในเหตุแห่งธรรมชาติเดิมแท้ของท่านท้ังหลายน้ันไม่ได้เก่ียวข้องกับ ความเชื่อใดๆ การชแ้ี ละสะกดิ ใหพ้ วกท่านดใู นธรรมชาติตรงน้ี เปน็ เรือ่ งราวจาก ประสบการณ์โดยตรงของผู้บรรยายซึ่งเป็นเร่ืองท่ีรู้เฉพาะตน ท่ีมีประสบการณ์ ตนเองตรงน้ีเหมือนกลับมาคลอดใหม่ในสภาวะแบบนี้ ยงั เป็นผู้เยาวอ์ ยู่ อาจจะ ด้อยประสบการณ์ทางโลก แต่โดยเนื้อหาสาระทางธรรมแล้วก็จ�ำเป็นที่ต้องใช้ ประสบการณ์ความสามารถโดยตรงท่ีเดินทางเข้าถึงด้วยตนเอง น�ำเอาเรอื่ งราว ทเ่ี ขา้ ถงึ แลว้ จากการเดนิ ทางไปถงึ ในเหตแุ หง่ ธรรมตรงนน้ั น�ำมาบรรยาย น�ำมาออก ขยาย ในสงิ่ ทม่ี ี เหมอื นไมม่ เี รอื่ งราวใดๆ ใหผ้ แู้ สวงหาไดเ้ ดนิ ตามมาดดู ว้ ยตนเอง 12

เปน็ สง่ิ ท่มี ีเหมือนไมม่ เี รือ่ งราวใดๆ การบรรยายนั้นจึงเป็นเพียงการช้ีและสะกิดให้ดูให้รู้ในความจริงของ ตนเองเทา่ นนั้ ไมไ่ ดม้ กี ารสอนใดๆ ใหก้ บั ใคร ไมไ่ ดต้ อ้ งการใหใ้ ครจดจ�ำกบั เรอื่ งราว ใดๆ ของเนือ้ หาธรรมท่บี รรยายตรงนี้ เป็นเพียงการช้ีให้ดูความจริงในธรรมชาติ ตนเองทรี่ ้สู กึ ได้ตลอดเวลา สะกดิ ให้ตนื่ จากความเชือ่ ในเร่อื งราวตา่ งๆ ท่ีลมุ่ หลง ผูกรัดเหน่ียวร้ังตนเองไว้ในการเดินทางของท่านทั้งหลายจากที่ผ่านมาให้ย�่ำอยู่ กับท่ีเดิมๆ ได้มีการขับเคล่ือนเดินหน้ากลับไปสู่เรื่องราวตนเองได้ในธรรมชาติ เดมิ แท้ของตนเองได้จริงๆ ในแบบเฉพาะตน ท่ีรไู้ ด้เฉพาะตน ผู้แสวงหาทั้งหลายจะได้พบเหตุแห่งธรรมชาติตรงนั้นด้วยตนเอง “ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนนั้ ” ธรรมตรงนจี้ ะเปน็ การพสิ จู นใ์ นเรอ่ื งราว เฉพาะตนเองเท่าน้ัน ส�ำหรับผู้แสวงหาในสัจธรรมตนเอง จะเข้าใจได้เองในค�ำ กล่าวลอยๆ ซึ่งไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของในค�ำกล่าวตรงน้ี ไม่มีใครเป็นเจ้าของใน ความรู้สึก ในภาษา หรือความหมายใดๆ ในเน้ือหาตรงน้ี เป็นเพียงความรู้สึก สคู่ วามรู้สกึ ที่รู้เฉพาะตน และก็ต้องวาง ต้องท้ิงในความร้สู ึกสูค่ วามรู้สกึ ตรงน้ี ที่ รู้เฉพาะตน ถงึ แม้จะรเู้ ฉพาะตนตรงนกี้ ็ตอ้ งทง้ิ รตู้ รงน้ลี งด้วย แปลกดีไหม ท่ีตอ้ ง ทงิ้ กบั เร่อื งราวทกุ อย่างไวต้ รงนี้ เพราะถา้ ไมท่ ง้ิ ไวท้ เ่ี ดมิ ทกุ ๆ ทา่ นจะยดึ มน่ั ถอื ครองกบั ภาษาและเรอื่ งราว ต่างๆ ตรงนี้เอาไว้อีก ท่ีผ่านมามีบุคคลมากมาย ท่ีรับรู้ในภาษาแบบน้ีที่เคยถูก สอนมา จึงเกิดความเข้าใจในภาษาไปแบบน้ัน แล้วก็ไล่จับ ไล่คว้า ครอบครอง เอาไว้แบบเงียบๆ “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น” การยึดม่ันถือครอง แบบเงยี บๆ ของบุคคลมากมายที่ถูกสอนมา จึงเหมอื นรูส้ ึกวา่ เร่ืองราวตรงนีน้ ้ัน เกิดมีความเข้าใจในเนื้อหาได้ทันที แล้วทุกคนก็เก็บเงียบกับความเข้าใจตนเอง ในการสอนตรงนี้เอาไว้เฉยเลย เชื่อได้ว่าท่านทั้งหลายทุกๆ คน พอมีใครกล่าว ค�ำพดู ออกมาแบบน้แี ล้ว ทั้งนกั ธรรมะ ท้ังนกั ปฏิบัตธิ รรมตา่ งๆ กเ็ ขา้ ใจไดท้ ันที เพราะเรือ่ งราวแบบน้ี มที ้ัง พี่ใหญ่ พ่ีบิ๊ก พี่เบิ้ม มีผู้รู้เรื่องราวมากมายมหาศาล ท่ี 13

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั ได้พูด ได้สอน กับเร่ืองราวแบบนี้ไว้ โดยเฉพาะในต�ำราท่ีเคยอ่าน ก็มีเขียน มี บนั ทึกไวเ้ ชน่ กนั เรอื่ งราวตา่ งๆ ทเ่ี ขา้ ใจตรงนี้เป็นสิ่งที่ยดึ มน่ั ในความเชื่อเท่าน้นั ส่ิงที่ต้องการย้�ำเตือนในการบรรยายตรงน้ีไม่ได้ต้องการให้ใครยึดม่ัน ครอบครอง กับความหมายหรือค�ำกล่าวลอยๆ ในภาษาตรงน้ี การช้ีให้ดูความ จริง และสะกิดให้เห็นแจ้งในการเดินทางไปสู่เร่ืองราวตนเอง บอกได้เลยว่าการ เดินทางที่จะประสบความส�ำเร็จแห่งการปฏิบัติในธรรมซ่ึงเป็นธรรมชาติเดิมแท้ นั้น ต้องเป็นธรรมชาติเดิมแท้ของตนเองเท่านั้น จะต้องเดินทางไปสู่เร่ืองราว ตนเองโดยล�ำพัง และต้องคิดเสมอว่าตนน้ันคือที่พ่ึงแห่งตน ไม่สามารถพึ่งพา อาศยั ใครได้ การเดนิ ทางเพอ่ื ไปสเู่ รอ่ื งราวตนเองทจี่ ะพบความส�ำเรจ็ ไดก้ บั เรอื่ งราว ที่ว่า “ตนต้องเป็นที่พ่ึงแห่งตน” ตรงนี้ ก็ต้องท�ำความเข้าใจกับเนื้อหาเร่ืองราว ของตนเอง โดยจะชี้และสะกิดให้ดูความจริงท่ีไม่มีใครเป็นเจ้าของความจริง แปลกข้นึ อกี กับค�ำพดู แบบน้ี “ท่ีไมม่ ใี ครเป็นเจ้าของความจริง” เพราะเน้อื หา ต่างๆ ท่ีบรรยายมาตรงนี้ไม่เคยมีอยู่ตามภาษาแบบน้ี ใช้เพียงความรู้สึกท่ีรับ สัมผัสด้วยความรู้สึกเท่านั้น เหมือนเสียงบรรยายที่ผ่านมาในอากาศไม่มีผู้รับ หรือรองรับใดๆ เพียงใช้ความรู้สึกตนเองเข้ารับสัมผัสกับเน้ือหาที่ลอยผ่านมา ไดร้ บั แล้วเขา้ ใจแล้วก็ปล่อยลอยผา่ นไป ไม่ได้เป็นเจา้ ของในส่งิ ๆ นน้ั เพยี งอาศยั พ่ึงพาในภาษา อาศัยเรื่องราวความรู้สึกต่างๆ ท่ีรับรู้ได้จึงหยิบมาดูสิ่งท่ีสงสัย ดูแล้วรู้แล้วไม่สงสัยแล้วก็ปล่อยกลับคืนไปในธรรมชาติตรงนั้น ชีวิตที่มีอิสระที่ เป็นธรรมชาติเดิมแท้นั้นคือเรื่องราว ท่ีดูผ่าน รู้ผ่าน แค่นี้เอง ชีวิตจึงเปรียบ เทียบได้เหมือนวัฏจักรท่ีหมุนวน เป็นวงเวียนแห่งชีวิต ที่รู้สึกได้ตลอดเวลา แต่ แตะต้องใดๆ ไม่ได้ในส่ิงท่ีรู้สึกกับเรื่องราวต่างๆ ในวงเวียนแห่งชีวิตตนเอง เหมอื นวฏั จกั รชวี ติ ทห่ี มนุ วนตง้ั แตแ่ รกเกดิ จนถงึ ปจั จบุ นั โดยไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ ใดๆ ในธรรมชาติตรงน้ันเลย 14

เรื่องราวตนเองเปรียบเหมือนเงาสะท้อน เกิดเป็นภาพที่มีเรื่องราวอยู่บนกระจก ความจริงของตนเองคือสิ่งที่รู้สึกได้แต่ไม่มีเรื่องราว สิ่งที่เห็นบนกระจกคือผลของการปรุงแต่ง ที่มีเรื่องราวตนเองอยู่ตลอดเวลา ท่านทั้งหลายเข้าใจได้ในเรื่องราวการปรุงแต่ง ที่เห็นอยู่ในเงาสะท้อนบนกระจกแค่นั้น แล้วครอบครองยึดมั่นไว้เรียบร้อยเลย สิ่งนี้คือเรื่องราวความมีที่เกิดขึ้นแล้วแต่ไม่รู้ สิ่งปรุงแต่งที่ซ้อนทับลงในเงากระจกเป็นผลของเรื่องราว หากท่านยังไม่เอ๊ะใจตรงนี้ก็จะติดกับดักตนเองทันที เป็นผู้ยอมรับและรองรับจากเงาที่สะท้อนให้เห็น จนเข้าใจได้เลยรู้สึกได้ในความจริงที่เห็นอยู่แบบนั้น ความเข้าใจตรงนี้คือความเชื่อที่ลึกมากมองไม่เห็น ท่านทั้งหลายต้องนำ�กระจกมาส่องดูเงาสะท้อนตนเอง จะเข้าใจเรื่องราวแท้จริงในความเชื่อที่ปรุงแต่งไว้แล้ว จนรู้สึกไม่ได้ไล่ตามไม่ทันในความจริงที่ไม่มีเรื่องราว 15

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั เรื่องราวตนเอง ท่ีเปรียบเหมือนวัฏจักร เป็นวงเวียนแห่งชีวิตท่ีหมุนวน มาเริ่มท�ำความรู้จักกับ วงเวียนแห่งชีวิตของตนเองกันก่อน วงเวียน แห่งชีวิตตนเองมีองค์ประกอบในตัวเองอยู่ตลอดเวลา หากมีความเช่ือม่ันว่า ตนเองเป็น ผรู้ ู้ อย่แู ลว้ เป็น พุทธะ อยแู่ ลว้ คือ ผ้รู ู้ ผตู้ ื่น ผู้เบกิ บาน หากใคร เข้าใจในความหมายในค�ำๆ นี้ ทีย่ งั เป็นค�ำกลา่ วลอยๆ อยู่ นนั่ แหละคอื อิสระท่ี เป็นอิสระภายในตนเองตลอดเวลา ผรู้ ู้ ผู้ตืน่ ผู้เบิกบาน แตใ่ นหนงั สือเล่มนไ้ี ม่ได้ ใช้ค�ำว่า ผู้รู้ หรือ พุทธะ แต่ใช้ค�ำแทนความรู้สึกว่า “ผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระอยู่ ภายในตลอดเวลา” คือความเป็นธรรมชาติเดิมแท้ของตนเองท่ีเปน็ หลักชยั ท่ีทกุ คนจะต้องเดินทางกลับมาสู่สิ่งๆ นี้ให้ได้ เปรียบเสมือนคือ ข้อหน่ึง ที่ไม่มีการ ปรุงแต่งใดๆ และไม่มีใครเป็นเจ้าของในธรรมชาติใดๆ คือเหตุหรือต้นเหตุ ใน เรอ่ื งวงเวยี นแห่งชวี ติ คือ สงิ่ ทีร่ ้สู กึ ได้ แต่แตะตอ้ งไมไ่ ด้ นั่นเอง ธรรมชาตทิ มี่ กี ารปรงุ แตง่ เรอ่ื งราวของชวี ติ ตนเองตลอดเวลา คอื เรอื่ งราว ต่างๆ ในความรสู้ กึ นกึ คิด ท่ซี ้อนทับกันกับธรรมชาติเดมิ แท้ตนเอง(ข้อหน่ึง) เปน็ ส่ิงที่พึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันเท่าน้ัน ธรรมชาติที่รู้สึกตลอดเวลาท่ีมีอยู่รอบตัวน้ัน 16

เป็นสงิ่ ท่ีมเี หมือนไม่มีเรอ่ื งราวใดๆ ได้มีการเรียนรู้ บันทึก จดจ�ำ จนเกิดความเข้าใจ มีความหมาย มีความคิด มี เร่ืองราวตา่ งๆ ที่ปรงุ แตง่ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนถึงปจั จบุ ัน อนั นคี้ ือ ธรรมชาติ ที่มีการปรุงแต่งเร่ืองราวของชีวิตตนเองตลอดเวลา เปรียบเสมือนคือ ข้อสอง หรอื ผลทเ่ี กดิ จากตน้ เหตุ นแ่ี หละเปน็ เรอ่ื งชวี ติ ทห่ี มนุ วนอยตู่ ลอดเวลาของตนเอง จะหมุนวนในธรรมชาติชีวิตตัวเองอยู่แบบน้ี เป็นสิ่งท่ีเกิดคู่กันท่ีมี ท่ีเป็นตาม ธรรมชาติของทุกชีวิตตลอดเวลา อุปมา คือ เหตุแหง่ ธรรม และผลในเหตุของ ธรรมน้นั แตถ่ า้ หากผแู้ สวงหาทา่ นใดไดเ้ ขา้ ใจวา่ ตนเองนนั้ เปน็ ผรู้ ู้ ผตู้ น่ื ผเู้ บกิ บาน เป็นผู้อาศัยท่ีมีอิสระอยู่ตลอดเวลาในตนเองอยู่แล้ว ท่านเหล่าน้ันจะไม่ยึดม่ัน ครอบครอง เป็นเจา้ ของเร่อื งราวใดๆ ใน ข้อสอง เลย เพราะขอ้ สองคือเรอื่ งราว ของผลในเหตขุ องธรรมทไ่ี ดม้ กี ารปรงุ แตง่ เรอ่ื งราวตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ อสิ ระตามธรรมชาติ ความเปน็ จรงิ เพอ่ื มารองรบั ในตน้ เหตทุ มี่ อี สิ ระอยแู่ ลว้ เปน็ สงิ่ ทขี่ ยายจากตน้ เหตุ ตนเองในเน้ือหาเรื่องราวต่างๆ ในขณะน้ันเพื่อความเป็นอยู่ จึงไม่ครอบครอง เร่อื งราวใดๆ ในความจริงตรงน้ัน เข้าใจในความรู้สกึ ทป่ี ระจกั ษแ์ จง้ ในความรูส้ ึก ทเ่ี ปน็ เดมิ แทข้ องตนเอง วา่ เปน็ สง่ิ ทมี่ กี ารปรงุ แตง่ อยตู่ ลอดเวลาแตไ่ มเ่ ขา้ ไปยดึ มน่ั ครอบครองการปรงุ แตง่ ในเรื่องราวใดๆ ความรู้สึกที่ประจักษ์แจ้งเป็นอิสระอยู่ตลอดเวลาน้ันคือต้นเหตุตนเอง ที่ตนเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของต้นเหตุตนเองหรือครอบครองความเป็นอิสระตรง น้ัน จึงมีความร้สู ึกอย่เู หนอื โลกเหนือธรรมไปเลย คือมตี วั ตนทไี่ ม่มตี วั ตน คอื มี เร่ืองราวทีไ่ มม่ ีเรือ่ งราวใดๆ ในความรู้สึก เหมือนสิง่ ท่ีมเี ปรยี บเหมอื นสิง่ ท่ีไมม่ ี ก็ คืออิสระท่ีเป็นอิสระเหนืออิสระตนเอง เพราะเมอ่ื ท่านทงั้ หลายเดนิ ทางไปถึงท่ี สุดได้ด้วยตนเองแล้ว จะประจักษ์แจ้งเข้าใจได้เองตามธรรมชาติตรงน้ันเลยว่า ตนเองไมเ่ คยเปน็ เจ้าของใดๆ ในธรรมชาติจรงิ ๆ 17

ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้ัน ธรรมชาติ ซ้อนความรู้สึกตนเอง สงิ่ ทมี่ กี ารปรงุ แตง่ อยตู่ ามธรรมชาตติ รงทเ่ี ปน็ ขอ้ สองนน้ั กเ็ ปน็ ธรรมชาติ ของข้อสองทป่ี รงุ แตง่ ทไ่ี ม่มีใครเปน็ เจา้ ของการปรุงแตง่ ในเรื่องราวใดๆ ด้วย ถึง จะเป็นเร่ืองราวท่ีมีการปรุงแต่งต่างๆ ก็ตามท่ีท่านรู้สึก และได้เคยมีการบันทึก เรือ่ งราวตนเองมาแล้วมากมายกต็ าม เคยจดจ�ำเรื่องราวในสง่ิ ตา่ งๆ มามากมาย ก็ตาม ธรรมชาติตรงน้ันก็เป็นธรรมชาติที่เป็นจริงอยู่แบบน้ัน ไม่ได้มีใครรองรับ เปน็ เจา้ ของในสง่ิ ทบ่ี นั ทกึ จดจ�ำมากบั ธรรมชาตติ รงนนั้ เลย ธรรมชาตติ รงนน้ั เปน็ ธรรมชาติที่ต้องใช้การปรุงแต่ง แต่การปรุงแต่งนั้นก็ปรุงแต่งไปเพียงเพ่ือความ เปน็ อยทู่ พ่ี งึ่ พาอาศยั อยรู่ ว่ มกนั ตามวถิ ที างแหง่ การใชช้ วี ติ ในการเกดิ จะน�ำไปเกดิ ท่ีหนึ่งที่ใด จะเกิดใหม่อีกก่ีคร้ังก็ต้องอยู่ในวงเวียนตรงน้ี และจะต้องอยู่ในข้อ สองแบบนี้ เมอ่ื ทา่ นทง้ั หลายเข้าใจได้แทจ้ ริงว่าข้อสอง กเ็ ปน็ เพยี งผล ทเ่ี กิดตาม มาจากข้อหนงึ่ และผลตรงนี้กไ็ มม่ ีใครเป็นผ้รู องรับในผล ผลท่ีเกดิ ขึน้ ในการปรุง แตง่ จงึ มเี รอื่ งราว ทเี่ หมอื นไมม่ เี รอื่ งราวในความรสู้ กึ ในขณะนน้ั เพราะไมม่ ตี วั ตน ไปรองรบั ในเรอ่ื งราว ตนเองกจ็ ะกลบั มาเปน็ ขอ้ หนงึ่ อยตู่ ลอดเวลาแคน่ เ้ี อง เหมอื น ท้ังข้อหนึ่ง และข้อสอง เป็นสิ่งท่ีเกิดคู่กันตามธรรมชาติตนเอง คือมีเหตุย่อมมี 18

เปน็ สง่ิ ทมี่ ีเหมอื นไมม่ ีเรื่องราวใดๆ ผลเป็นส่ิงคู่กันตามธรรมชาติ แต่ธรรมชาติที่เกิดคู่กันน้ัน ไม่มีตัวตน ไม่มีใคร เป็นผู้รองรับใดๆ ในความรู้สึกตรงน้ัน ธรรมชาติตรงนั้นจึงหมดเรื่องราว หรือ หมดสงสยั ในเนื้อหาตนเอง จงึ เป็นอสิ ระในตนเองอยตู่ ลอดเวลา แตท่ า่ นทั้งหลาย จะกลับมาเป็นขอ้ หนงึ่ แบบถาวรไมไ่ ด้ในตอนน้ี เพราะ ท่านทั้งหลายในขณะนี้ยังเดินทางไปไม่ถึงท่ีสุดในเรื่องราวเนื้อหาตนเอง จึงยัง ครอบครองเปน็ เจา้ ของกบั เรอ่ื งราวตา่ งๆ ของความรสู้ กึ ตนเองอยู่ และยงั มตี วั ตน เป็นผู้รองรบั ในความร้สู กึ กับเรอื่ งราวการปรุงแตง่ ในข้อสองตรงนี้ ทา่ นท้ังหลาย จึงเข้าไปยึดม่ันครอบครองเป็นเจ้าของในเรื่องราวต่างๆ ต่อทันที เข้าไปรองรับ กบั การปรงุ แตง่ ในขอ้ สองตรงนไ้ี วแ้ ลว้ จงึ ท�ำใหธ้ รรมชาตใิ นขอ้ สองเปลยี่ นเรอ่ื งราว ไป เพราะเกดิ มตี วั ตนทา่ นเขา้ มารองรบั เปน็ เจา้ ของในผลของการปรงุ แตง่ เรอ่ื งราว ต่อเตมิ ตรงน้ี ผลจึงแตกออกมาเกดิ เปน็ เหตตุ ัวใหม่ให้กับตนเองอีก ซง่ึ ในเรอื่ งราวขอ้ สองตรงน้ี ขอบอกทา่ นทงั้ หลายไดเ้ ลยวา่ เปน็ ธรรมชาติ ที่มีการปรุงแต่งตามที่มี ท่ีเป็น มีการหมุนวนในเร่ืองราวไม่มีที่สิ้นสุด หากเม่ือ ผู้แสวงหายังเดินทางไปไม่ถึงท่ีสุดของตนเองได้จริงๆ ก็จะไม่สามารถพบ ความจริงที่แท้จริงของตนเองได้ เว้นต่อเมื่อท่านท้ังหลายได้เดินทางไปถึงท่ีสุด จนสามารถประจักษ์แจ้งได้ด้วยตนเองจริงๆ แล้วเท่านั้น จะเห็นความจริงว่า เรอ่ื งราวในข้อสอง ท่เี ป็นความรูส้ กึ สู่ความรูส้ ึกตรงนท้ี ี่มีการปรงุ แต่งก็เปน็ ความ จริงตามธรรมชาติ ที่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของความจริงใดๆ ตามธรรมชาติเลย และก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเอง เป็นธรรมชาติท่ีหมุนวนอยู่ตามธรรมชาติ ที่มี ท่ีเป็น เป็นธรรมชาติเดิมแท้ท่ีเกิดอยู่คู่กัน คือ มีเหตุและมีผลตามมาแบบนี้ ไม่เคยมีการเปล่ียนแปลงใดๆ หรือเปล่ียนไปเลยกับธรรมชาติแห่งชีวิต ท่านจะ พบ จะเห็น จะรู้สึกได้ จะเขา้ ใจได้เองในเรอ่ื งราวของตนเองตามธรรมชาตติ รงนี้ ตามที่บรรยายท่ีช้ีและสะกดิ ใหด้ ู 19

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน เม่ือผู้แสวงหา ได้เดินทางมาถึงในความรู้สึกตรงนี้ได้ จะเห็นเองใน ความรู้สึกสู่ความรู้สึกตรงน้ีตามธรรมชาติตนเอง ความรู้สึกที่ประจักษ์น้ันจะ เปล่ยี นความรสู้ กึ ตนเองไปเลย จะเข้าใจธรรมชาติได้แท้จริงว่าไม่ได้เป็นเจ้าของ ใดๆ เลย ผู้แสวงหาจะท้ิง จะวาง เรื่องราวแบบน้ีเอาไว้กับธรรมชาติท่ีเป็นอยู่ มีอยู่ รู้อยู่ เข้าใจอยู่ คิดอยู่ ประจักษ์แจ้งอยู่ ตนเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของกับเร่ือง ราวใดๆ ในเนื้อหาธรรมแบบน้ีเลย กับเห็นความจริงในตนเองว่าก็แค่ ดูผ่าน รู้ ผ่าน แล้วก็วางส่ิงที่รู้ สิ่งที่ดู สิ่งที่เข้าใจ ส่ิงท่ีบันทึกจดจ�ำทุกอย่าง ความคิด เรื่องราว ความหมายทั้งหมดตรงนี้ ก็ปล่อย ก็ท้ิง ก็วาง ให้กลับไปสู่ธรรมชาติท่ี เปน็ จรงิ อยแู่ บบน้ี ตนเองก็จะกลับไปสู่อิสระของตนเอง เหมือนเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตามธรรมชาติท่ีไม่ต้องใช้ภาษาแทนความรู้สึกก็คือ ข้อหนึ่ง เป็นผู้ อาศยั ทเ่ี ปน็ อสิ ระอยตู่ ลอดเวลาในเรอ่ื งราวตนเอง นคี่ อื เหตแุ หง่ ธรรม ธรรมชาติ เดิมแท้จึงเป็นเร่อื งราวคลา้ ยๆ แบบนี้ แต่ตอนนี้ส�ำหรับการบรรยายท่ีต้องมาช้ีและสะกิด ก็จ�ำเป็นต้องดึง เร่ืองราวความรู้สึกในข้อสอง คือ ความรู้สึกสู่ความรู้สึกท่ีมีการปรุงแต่งอยู่ก่อน ตรงน้ัน เพื่อมาปรุงแต่งใหม่ น�ำออกมาขยายความเข้าใจแบบย้อนทวนหมุน กลับไปสู่ธรรมชาติเดิมแท้ของผู้แสวงหา ก็จ�ำเป็นต้องดึงเรื่องราวต่างๆ ของข้อ สองตรงนี้ออกมาปรุงแต่งใหม่ ให้ผู้แสวงหาได้ดูเรื่องราวต่างๆ เพื่อมาค้นหา ความจริงของการค้นหาตนเอง แต่การเล่นในส่ิงปรุงแต่งตรงน้ี ผู้บรรยายเป็น อิสระอยู่แล้ว จึงไม่ได้แบกกับความรู้สึกใดๆ ในข้อสองของการบรรยายตรงนี้ เพยี งเห็นวัฏจักรทีห่ มนุ วนอยแู่ บบนนั้ แตถ่ า้ หากไมด่ งึ เรอ่ื งราวการปรงุ แตง่ ตา่ งๆ ในข้อสองออกมาให้ดูกันให้รู้จริงในเร่ืองราวตรงน้ี ผู้แสวงหาก็ไม่มีทางจะเดิน ทางไปถึงเรื่องราวในข้อสองของตนเองตรงนี้ได้แท้จริง จึงต้องชี้สะกิดให้ดูกับ เร่ืองราวความจริงที่ปรุงแต่งของตนเองในเนอื้ หาแบบนี้ไปก่อน 20

เป็นสิง่ ท่มี เี หมือนไม่มีเรือ่ งราวใดๆ การที่ต้องดึงเร่ืองราวเนื้อหาในการปรุงแต่งของข้อสองออกมาตรงน้ี เหมือนกับว่าเร่ืองราวที่ได้ดึงออกมาตรงนี้นั้นก�ำลังเกิดเป็นวงเวียนวงใหม่ที่เกิด ขนึ้ มาแทนทใ่ี นความจรงิ ทมี่ กี ารรองรบั ในความรสู้ กึ ของผแู้ สวงหา ทท่ี า่ นทง้ั หลาย ก�ำลังเดินตามมาดูเร่ืองราวเนื้อหาตนเองอยู่ ความรู้สึกที่เป็นวงเวียนแรกคือ วง เวียนแหง่ ชีวิต ที่ร้สู ึกได้แต่แตะตอ้ งไมไ่ ด้ อนั นัน้ ยงั มอี ย่ใู นภายในตนเองทีเ่ ปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ แตส่ �ำหรบั วงเวยี นวงใหมท่ เ่ี กดิ ขน้ึ ในเนอ้ื หาตรงน้ี เปน็ สง่ิ ทซ่ี อ้ นกัน อยใู่ นความรู้สึกภายในของตนเองตลอดเวลาแคน่ ้ัน เรื่องราวที่ผู้แสวงหาที่ก�ำลังท�ำความเข้าใจในเนื้อหาเร่ืองราวตรงน้ี เป็นการรองรับความรู้สึกท่ีซ้อนความจริงของตนเองอยู่จนเกิดเป็น “วงเวียนวง ใหม่” ที่ซ้อนความรู้สึกกันอยู่กับวงเวียนแห่งชีวิตเดิมแท้ของตนเอง ที่รู้สึกได้ แต่แตะต้องไมไ่ ด้ เนื้อหาตรงน้ีจึงไม่เกี่ยวข้องกับวงเวียนวงแรกท่ีเป็นธรรมชาติเดิมแท้ ทร่ี สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ดข้ องตนเอง ห้ามแตะตอ้ งใดๆ กับสิง่ ทเ่ี ปน็ เดมิ แท้ทเ่ี ปน็ อยู่แล้วของตนเองโดยเด็ดขาด ธรรมชาติความจริงท่ีโดนธรรมชาติท่ีปรุงแต่งซ้อนความรู้สึกของตนเอง ตรงน้ี เรยี กงา่ ยๆ วา่ ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ทมี่ คี วามละเอยี ดซบั ซอ้ นในการบรรยาย ทตี่ อ้ งใช้ความรสู้ ึกแทนคา่ เปน็ ภาษา เพือ่ ให้ทา่ นท้ังหลายไดเ้ ห็นประจกั ษแ์ จง้ ใน ความรู้สึกของตนเอง ปัจจุบันซ้อนปัจจุบัน คือเหตุท่ีมีผลปรุงแต่งกับเร่ืองราว ตา่ งๆ ท่ีมอี ยูร่ ่วมกัน ไม่มีใครรองรบั ในเร่อื งราวปรงุ แต่งใดๆ กบั ธรรมชาติตรงน้ี จึงมีอิสระอยู่ร่วมกันเท่านั้น เป็นสิ่งท่ีรู้สึกได้เช่นกันในการปรุงแต่งท่ีเป็นอิสระ ไม่มีเจ้าของการปรุงแต่งตรงน้ี ท่านท้ังหลายต้องเดินตามมาดูเรื่อยๆ ในเนื้อหา เรื่องราวตนเองก่อน ท่านต้องใช้ความรู้สึกสู่ความสึกภายในตนเองหยั่งเข้าไปดู ให้พบความจรงิ ของตนเองให้ได้ 21

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนนั้ การชี้ให้ดู เหตุ และ ผล ในธรรมชาติแท้จริง การชใี้ หด้ เู หตแุ ละผลในธรรมชาตทิ ซี่ บั ซอ้ นนน้ั จ�ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งดงึ เรอ่ื งราว ท่ีเป็นเดิมแท้ของผู้แสวงหาในข้อสองตรงน้ีเอาออกมา เพ่ือมาท�ำให้เกิดเป็นวง เวยี นใหมใ่ นความรสู้ กึ ของผแู้ สวงหาเอง ทจี่ ะต้องเห็นกับเรือ่ งราวตนเอง จะต้อง ถอดถอน จะต้องวาง จะต้องท้ิง และจะต้องเกิดความเข้าใจกับเนื้อหาเรื่องราว แทจ้ รงิ ของตนเอง ความเข้าใจตรงนี้จะเปน็ อะไรทแ่ี ปลกมากๆ ความเขา้ ใจทีจ่ ะ เขา้ ใจในเนอื้ หาเรอ่ื งราวในสงิ่ ทจ่ี ะชแ้ี ละสะกดิ ใหด้ ตู รงน้ี จะไมไ่ ด้หมนุ ไปตามโลก แต่ความเข้าใจตรงนี้ที่จะชี้และสะกิดให้ดูนั้นจะหมุนทวนขึ้นไปอยู่เหนือโลก เหนอื ธรรม จะกลับไปสู่วงเวียนแรก คอื วงเวยี นแหง่ ชวี ิต ท่รี ูส้ กึ ได้แต่แตะตอ้ งไม่ ได้ตรงนั้นเลย คือความเป็นเดิมแท้ของผู้แสวงหานั่นเอง ท่ีเป็นอิสระอยู่ตลอด เวลา ก็คืออยู่เหนือโลกเหนือธรรมตรงน้ัน การอยู่เหนือโลกเหนือธรรมตรงนี้ ก็ยังเป็นค�ำกล่าวลอยๆ ไม่มีความหมายตามภาษาหรือบัญญัติอะไรตามท่ีเคย ท่องจ�ำมา จะใช้ภาษาไปแทนความรู้สึกอะไรท่ีจะไปสวมทับความเป็นอิสระ แท้จริงท่ีเป็นไม่ได้ แต่ก็ต้องบรรยายในเนื้อหาแบบน้ีไปก่อน เพราะไม่มีใคร สามารถจะเดนิ ทางไปถงึ ได้หรอก ถา้ หากไม่มีการบรรยาย ไม่มกี ารชี้และสะกดิ ให้ผู้แสวงหาได้เห็นความจริงในวงเวียนแห่งชีวิตจริงๆ จะไม่มใี ครเดนิ กลบั ไปสู่ 22

เปน็ ส่ิงที่มเี หมือนไมม่ ีเร่ืองราวใดๆ ต้นเหตุตนเองได้ เพราะขณะนี้เรื่องราวตรงนี้เป็นส่ิงที่มี เกดิ ข้นึ มาใหม่แล้วใน ความรู้สึกของผู้แสวงหาท้ังหลาย ที่ก�ำลังจะเล่นอยู่กับความจ�ำท่ีมีในเนื้อหา เรื่องราวตนเองตรงนี้ ตอนนี้เหมือนกบั วา่ วงเวยี นแห่งชวี ิตท่ีเปน็ อิสระอยู่แล้วเปน็ วงเวียนแรก ท่ีมีอยู่ภายในตนเอง ความรู้สึกของผู้บรรยายไม่ได้มีวงเวียนใดๆ แลว้ กบั ความ ร้สู กึ ของตนเอง เปน็ อิสระทีอ่ ยู่เหนือโลกเหนือธรรมไปแลว้ แต่ส�ำหรับผแู้ สวงหา สัจธรรมในตนเองท้ังหลาย เน้ือธรรมของท่านท้ังหลายตรงนี้ยังมีวงเวียนแห่ง ชีวิตอยู่ภายใน ซึ่งจะต้องอยู่กับเรื่องราวตนเองแบบน้ันจนกว่าจะประจักษ์แจ้ง จริงๆ ว่าแท้จริงแล้ว “รู้สึกได้แตะต้องไม่ได้คืออะไร” ตรงนี้ผู้แสวงหาท้ังหลาย ต้องเดินผ่าน เดินข้ามในภาษาสมมติบัญญัติต่างๆ หรือค�ำกล่าวลอยๆ แบบท่ี บรรยายมาให้ได้ เหมอื นสง่ิ ทรี่ บั รใู้ นขณะนเี้ ปน็ สงิ่ ทลี่ อยมาทางอากาศไมม่ ตี วั ตน คนบรรยายและตัวตนคนรับฟัง มีเพียงความรู้สึกท่ีรู้สึกถึงกัน ท่ีไม่เป็นเจ้าของ ใดๆ ต่อกัน ดูผ่าน รู้ผ่าน ไปตามธรรมชาติความจริงตนเอง แต่เข้าใจในสิ่งท่ี ลอยๆ มาในอากาศประมาณนั้น สง่ิ ทจี่ ะชีต้ รงน้ี จ�ำเปน็ ตอ้ งดงึ เรอ่ื งราวความมที ง้ั หลายของทา่ นในขอ้ สอง จากวงเวยี นทเี่ ปน็ เดมิ แทว้ งแรกนนั้ ออกมาเพอื่ บรรยาย สรา้ งเปน็ มโนภาพ ใหเ้ กดิ ข้ึนมาใหม่เป็นวงเวียนวงใหม่อีกวงหนึ่ง ซึ่งซ้อนกันอยู่ อาจจะบอกได้ว่าเป็น เรื่องของปจั จบุ ันซ้อนปัจจบุ ัน ก็ได้ เพราะทกุ คร้งั ท่ผี แู้ สวงหารู้สึกอยู่ตลอดเวลา นั้นคือความรู้สึกท่ีรู้สึกอยู่ ท่ีมีเกิดขึ้นอยู่ทุกขณะในความมีตรงน้ัน เรียกว่า ปจั จบุ นั หรอื ความรสู้ กึ ขณะหนง่ึ ปจั จบุ นั ตรงนน้ั หรอื ความรสู้ กึ ตรงนนั้ ไมไ่ ดม้ ใี คร เป็นเจ้าของในปัจจุบันของความมีใดๆ ตรงน้ัน มีเพียงความรู้สึกสู่ความรู้สึกใน เรื่องราวเท่าน้ัน ความรู้สึกในขณะน้ันจึงเป็นอิสระกับตนเอง และเป็นอิสระ ตลอดเวลาในปจั จุบันของความมีทที่ ่านมีความรูส้ กึ ตรงนน้ั 23

ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนัน้ แตเ่ พราะวา่ “มคี วามจำ� ในความรสู้ กึ ” ทท่ี า่ นเคยบนั ทกึ เรอื่ งราวเอาไว้ ก่อน จดจ�ำไว้แล้วในเน้ือหาตนเองที่ผ่านมาตลอดเวลา จึงเข้าไปแตะกับความ รู้สึกตรงนั้น หรือปัจจุบันตรงนั้น เมื่อเข้าไปสัมผัสกับความรู้สึกตรงน้ันพอรู้สึก อะไรปุ๊บ เหมือนได้เข้าไปแตะเลยทันทีแบบไม่ทันรู้สึกตัว เข้าไปแตะในความ รสู้ กึ ตรงนน้ั ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ นั ครงั้ แรกทท่ี า่ นรสู้ กึ ตรงนนั้ เปรยี บเหมอื นตน้ เหตุ ตน้ เหตุ ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ นั ของความมตี รงนนั้ ไมม่ กี ารปรงุ แตง่ ท่ไี มม่ ีใครเป็นเจา้ ของในต้นเหตุ ก็คอื เปน็ อสิ ระในตนเองทมี่ ีตลอดเวลา แต่พอผู้แสวงหาได้เข้าไปแตะในปัจจุบัน แบบไม่รูป้ ๊บุ ปจั จุบนั จะซ้อนเปน็ ปจั จบุ ันตวั ใหมเ่ กดิ ขึน้ ซ่ึงปัจจุบนั ตวั ใหมต่ ัวนกี้ ็ คอื ผลในเหตุ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในปจั จบุ นั ทเี่ ปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ นนั่ เอง เปน็ การซอ้ นตน้ เหตุ หรือเรียกวา่ ปัจจุบันซ้อนปัจจุบนั ตนเอง เรว็ จนไมร่ ู้สกึ เลย ปจั จบุ นั ตวั ใหมท่ ซี่ อ้ นตรงน้ี กค็ อื ผลลพั ธท์ ค่ี ณุ ไปแตะในปจั จบุ นั เดมิ แท้ ตรงต้นเหตุนั้น หากวา่ แตะเขา้ ไปแลว้ ตอ้ งท�ำความเขา้ ใจใหไ้ ดด้ ว้ ย การท�ำความ เข้าใจของผลลัพธ์ตรงนี้คือเหมือนเป็นการหมุนทวนย้อนกลับไปสู่ต้นเหตุเดิมแท้ ที่เป็นอสิ ระของตนเองที่มีอยแู่ ลว้ เพอื่ เห็นความจรงิ ของการซ้อนปัจจุบันในการ ปรุงแต่งตรงน้ีก็เป็นอิสระเช่นกันและวางผลท่ีแตะอยู่ตรงนั้นให้กลับคืนในสิ่งท่ีมี ทเี่ ปน็ ไมค่ รอบครองใดๆ ปจั จบุ นั ทซี่ อ้ นตวั ใหมท่ เ่ี ปน็ ผลนน้ั ผลในเหตนุ น้ั กจ็ ะวาง จะทง้ิ เร่ืองราวความมีลงเอง จึงไม่มีเหตุอนั ใดในผลตรงนี้ตามมา ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตัวใหม่ท่ีเป็นผลตรงน้ีเป็นสิ่งท่ีต้องแตะกันทุกครั้ง เป็นส่ิงท่ีไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะสง่ิ ๆ น้เี ป็นสิ่งท่เี กิดคกู่ ันตามธรรมชาตทิ ่ี หมนุ วนเปน็ วฏั จกั ร เมอื่ แตะในเหตแุ ลว้ กจ็ ะไดเ้ หน็ ผลลพั ธใ์ นทนั ทใี นสง่ิ ทซ่ี อ้ นกนั อยรู่ ะหวา่ งเหตแุ ละผล ทท่ี �ำงานรว่ มกนั ตลอดเวลา ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของกนั และกนั ต่างมีอิสระของใครของมันในปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตรงน้ัน สิ่งท่ีเป็นเดิมแท้ใน ธรรมชาติของผู้อยู่เหนือโลกเหนือธรรมแล้วจะไม่มีเรื่องราวของความหมายใน 24

เปน็ สง่ิ ท่ีมีเหมือนไมม่ เี รอ่ื งราวใดๆ ค�ำๆ น้ีเลย เหมอื นเปน็ ส่งิ ที่ล่องลอยอย่ใู นความรสู้ กึ ของธรรมชาตทิ ไ่ี ม่มีใครเปน็ เจ้าของ ท่ีรสู้ ึกอย่ตู ลอดเวลาแค่นี้เอง เอาล่ะท่านท้ังหลายผู้แสวงหาสัจธรรมความจริงของตนเองทุกท่าน การบรรยายจะขออธิบายย้อนมาใหมเ่ พอื่ ใหเ้ หน็ ภาพไดช้ ัดเจนข้นึ ความรสู้ กึ ทท่ี า่ นทง้ั หลายรสู้ กึ อยตู่ ลอดเวลาในขณะหนง่ึ ๆ นน้ั คอื ปจั จบุ นั หรอื ต้นเหตุ ตน้ เหตหุ รือความรสู้ กึ ทีร่ สู้ ึกเกดิ ขึน้ น้นั รู้สึกได้อยู่ตลอดเวลาท่ีท่าน ทั้งหลายรู้สึกอยู่ จะรู้สึกที่กาย รู้สึกที่ตา รู้สึกที่หู รู้สึกท้ังภายนอกหรือภายใน ความรู้สึกอันน้ันเดิมทีเป็นอิสระอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่พึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ได้ มใี ครเปน็ เจา้ ของในความรสู้ กึ ตรงนนั้ หรอื ไมไ่ ดม้ ใี ครเปน็ เจา้ ของในปจั จบุ นั ตรงนน้ั ไม่ไดม้ ใี ครเป็นเจ้าของในเหตุ ปัจจุบนั ทร่ี สู้ กึ ครงั้ แรกอันน้นั คอื ตน้ เหตุ แตท่ กุ ครัง้ ทคี่ วามรู้สึกเกดิ ปัจจบุ นั ตรงนนั้ จะซอ้ นปัจจบุ ันตนเองทนั ที ท่านทั้งหลายจะรู้สึกกับเรื่องราวที่รู้สึกเกิดข้ึนทันทีในความรู้สึกท่ีซ้อน กนั ตรงนัน้ เกิดเข้าใจได้เป็นปัจจุบันท่ีซ้อนปัจจุบันข้ึนมา ปจั จบุ นั ที่ซอ้ นปจั จุบนั ตรงนี้ก็คือ “ผลลัพธ์ที่เกิดมาจากเหตุ” ของปัจจุบันเดิมแท้ที่รู้สึกครั้งแรก เมื่อ ปัจจบุ นั เดมิ แท้คือตน้ เหตุ จะเกิดมีปัจจุบันท่ีซ้อนทับลงทันทีเรียกว่าผล ผลตรง นที้ ี่เกิดขึ้น ท่านท้ังหลายก็ไม่ต้องกังวลหรือวิตกอะไรกันหรอก ส่ิงท่ีเกิดนั้นเป็น ธรรมชาติของทกุ ชวี ิตที่จะตอ้ งเป็นแบบน้ีตลอดเวลา ห้ามไม่ได้ ยังไงซะท่านทั้ง หลายกต็ อ้ งแตะสงิ่ ทีซ่ ้อนปจั จบุ นั เหมือนๆ กนั ทุกคน แม้แต่ผทู้ ่ไี ปถึงทส่ี ดุ แล้ว ก็ ยังต้องเล่น ต้องแตะอยู่ดี แต่ผู้ท่ีไปถึงท่ีสุดแล้วกลับไม่ได้รู้สึกว่าได้เล่นหรือได้ แตะใดๆ ในปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ตรงนน้ั ความรสู้ กึ ทป่ี ระจกั ษแ์ จง้ เหน็ ชดั ในธรรม ตรงนนั้ เปน็ เพยี ง ดผู า่ น รผู้ า่ น เขา้ ใจกบั ธรรมชาตแิ บบทเี่ ปน็ จงึ ปลอ่ ยใหธ้ รรมชาติ ด�ำเนินไปตามธรรมชาติที่หมุนวนเป็นวัฏจักรตรงน้ัน ไม่ครอบครองเป็นเจ้าของ ใดๆ ในเร่อื งราวตรงนน้ั 25

ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนัน้ แตเ่ พราะว่าท่านทง้ั หลายยงั เป็นผู้แสวงหาทย่ี งั เดนิ ทางไปไมถ่ งึ ที่สุด จึง รู้สึกได้ไม่เหมือนกัน จึงมีเรื่องราวกับความรู้สึกท่ีตนเองก็มองไม่เห็น ตนเองยัง ไมเ่ ข้าใจ ในสงิ่ ท่ตี อ้ งแตะตอ้ งและรบั สมั ผสั จากตน้ เหตุทล่ี งมาสู่ผล ผลตรงนน้ั แม้ จะมเี รือ่ งราวในปัจจุบนั ที่ซ้อนปจั จุบันกันอยู่ เรอื่ งราวความร้สู กึ ทซ่ี อ้ นกนั อยนู่ ้นั กค็ ือเร่ืองราวทท่ี า่ นทง้ั หลายเคยจดจ�ำบันทกึ ไวใ้ นเหตตุ นเอง ความรู้สึกท่ีตนเอง เหน็ อะไรปุ๊บจะมีบนั ทึกทันที มกี ารจดจ�ำและบันทกึ มาแลว้ ท้ังนนั้ เลย คอื ความ จ�ำทเ่ี คยจ�ำกบั เรอื่ งราวความรสู้ กึ ทเี่ คยไดย้ นิ อยู่ กม็ บี นั ทกึ เรอื่ งราวทไ่ี ดย้ นิ ตรงนนั้ ของตนเองตลอดเวลา ความคดิ อารมณ์ ความหมาย เรอื่ งราวตา่ งๆ หรอื จะบอก วา่ จะเปน็ เรอื่ ง รปู เปน็ เรอ่ื ง นาม กม็ กี ารบนั ทกึ ไวท้ งั้ เรอ่ื งรปู ทเี่ หน็ และมกี ารบันทึก ไวท้ งั้ เรอื่ งนาม คอื ความรสู้ กึ ทรี่ สู้ กึ ไดต้ ลอดเวลา และเกดิ การตามดเู รอื่ งราวตนเอง ตรงนน้ั ตามรเู้ รอื่ งราวตรงนน้ั ครอบครองในเรอ่ื งราวทต่ี ามดู ตามรู้ ตรงนน้ั ไวแ้ บบ เงยี บๆ โดยไมร่ สู้ กึ ตนเอง จงึ ลงสสู่ งิ่ ทซ่ี อ้ นกนั ในปจั จบุ นั ทนั ที เรยี กวา่ ลงสผู่ ลของ ตนเอง ทมี่ ตี นเองเปน็ ผรู้ องรบั ในเรอื่ งราวของปจั จบุ นั เดมิ แทต้ รงนนั้ เกดิ การปรงุ แต่งตามธรรมชาติทมี่ ีทีเ่ ปน็ ตามหน้าที่ ตามความเป็นอยู่ ตามความรู้สึกท่เี กดิ ใน ขณะนัน้ ทีเ่ ป็นธรรมชาตใิ นเรอ่ื งราวของชวี ิตตนเอง ท่านก็ต้องปล่อยให้ธรรมชาติตรงน้ันด�ำเนินไปตามธรรมชาติท่ีมีท่ีเป็น จรงิ แบบนนั้ ทหี่ มนุ วนเปน็ วฏั จกั รตรงนนั้ ทเี่ ปน็ อสิ ระในตนเองไมม่ เี จา้ ของ ไมเ่ ขา้ ไป ครอบครองรองรบั ในเรือ่ งราวใดๆ ในความรสู้ ึกตรงนั้น แคน่ ้ี แตห่ ากวา่ ทา่ นเกิดความหลง ความโลภครอบง�ำ ในความร้สู ึกทต่ี ้องการ เปน็ เจา้ ของในเนอื้ หาเรอื่ งราวทปี่ รงุ แตง่ ในผลจากเหตขุ ณะนน้ั จะเกดิ การยอมรบั ซ้อนทับแทนท่ีในความรู้สึกข้ึนมาใหม่โดยทันที เกิดเป็นการซ้อนปัจจุบันข้าม ปจั จุบันตนเอง กลายเปน็ เรอ่ื งปรุงแตง่ ที่มกี ารปรุงแตง่ ตอ่ ในเนือ้ หาตนเอง จาก ผลท่ีเปน็ เดมิ แทต้ นเองถูกปรุงแตง่ ต่อเปน็ เหตตุ ัวใหมท่ ันที 26

เป็นส่ิงทม่ี ีเหมอื นไม่มเี รอ่ื งราวใดๆ ความซับซ้อนของความรู้สึก ยากเกินจะหยั่งได้ในปัจจุบันตนเอง ปัจจุบันเดิมแท้คือต้นเหตุ การลงสู่ผลก็คือเร่ืองปัจจุบันท่ีซ้อนปัจจุบัน ตนเอง เมอื่ มเี หตแุ ละมสี งิ่ รองรบั คอื ตวั ตนของตนเองจงึ ลงสผู่ ลในเรอ่ื งราวตรงนน้ั ในทนั ที และผลตรงนีก้ ็ไม่ไดม้ ีใครเป็นเจา้ ของในผลใดๆ ดว้ ยในเร่ืองราวขณะน้นั เนื้อหาตรงน้ีส�ำคัญมากนะท่านท้ังหลาย ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ หรือครอบ ครองในผลจากเหตุเดมิ แท้ เมื่อผู้แสวงหาเข้าใจในเร่ืองของผลตรงน้ีแล้วว่า ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของ กบั ผลในเหตุ เพราะผลตรงนีก้ ็เปน็ เรอื่ งราวที่จะตอ้ งเป็นไปตามธรรมชาตติ นเอง ทหี่ มนุ วนอยตู่ ลอดเวลาไมม่ ที สี่ น้ิ สดุ และไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ เปน็ เพียงสิ่งที่พึง่ พา อาศยั อยู่รว่ มกนั ในขณะหนง่ึ ทร่ี สู้ กึ เท่าน้ัน ผลตรงนี้กค็ ือเร่ืองราวทีท่ า่ นทง้ั หลาย เพียงรู้สึกได้แท้จริงว่าเป็นส่ิงที่พึ่งพาอาศัยจากเหตุคือปัจจุบันเดิมแท้ตรงน้ัน ท่ีจะตอ้ งมเี ร่อื งราวท่มี ีอยู่แบบน้ันร่วมกันกบั เหตุเท่านน้ั ผลที่เกดิ มาจากตน้ เหตุ เปน็ ปจั จบุ ันท่ซี ้อนปจั จุบัน ผล คือ เร่อื งราวปรุง แต่งท่ีมารองรับในต้นเหตุตนเองในขณะหน่ึงๆ ท่ีมีเร่ืองราวในตนเองตรงนั้น ที่ ใช้เป็นเพียงการด�ำเนินชีวิตเท่านั้น การปรุงแต่งในเน้ือหาเร่ืองราวต่างๆ ที่เป็น ผลตรงนี้ ถึงแม้จะเป็นการรองรับจากต้นเหตุเดิมแท้ของตนเอง แต่ผลตรงนี้ก็ เป็นธรรมชาติความจริงส่วนหนึ่งท่ีจะต้องเกิดคู่กับเหตุเสมอ เหมือนเป็นสิ่งที่ 27

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนัน้ เกดิ ค่กู นั ตามธรรมชาติ ท่เี รียกตามภาษาวา่ “เม่ือมีเหตุ ยอ่ มมีผลตามมา” สิง่ ที่ ตามมาเป็นผลน้ัน โดยธรรมชาติตนเองแล้วท่ีเป็นอิสระอยู่ตลอดเวลา จะรู้สึก ตามความเป็นจรงิ ในเหตุและผลท่ีตนเองไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ ของ ถึงแมจ้ ะมีการรองรบั ในความรู้สึกที่ปรุงแต่งที่เกิดจากผลก็ตาม การรองรับตรงน้ัน ตนเองก็ไม่ไป ครอบครองในสิง่ ทรี่ องรับ จึงเหมอื นเปน็ ส่งิ ทมี่ ีการรองรับอยู่ แต่ไมม่ ีเรอื่ งราวใน ส่ิงที่รองรับใดๆ ในธรรมชาติตนเอง เป็นเรื่องที่ท่านท้ังหลายจะรู้ได้เฉพาะตน เมอ่ื ส�ำเรจ็ ประโยชน์ตนเองแท้จรงิ จึงจะเห็นเรอ่ื งราวแบบนีไ้ ดจ้ ริงๆ ในความรสู้ กึ ของปจั จบุ นั ครง้ั แรกทซี่ ้อนปจั จบุ นั มาลงสู่ผลตรงนี้ และผล ตรงนีก้ ็ไม่ไดม้ ีใครเปน็ เจา้ ของในความรสู้ ึกของเร่ืองราวตา่ งๆ ท่เี กดิ ขึ้น เป็นอะไร ทตี่ อ้ งพง่ึ พาอาศยั ในเหตลุ งสผู่ ล เปรยี บเสมอื นมกี ารเกดิ และดบั ลงตามธรรมชาติ ความเป็นจริง ท่ีไม่มีใครเป็นผู้รองรับในความจริงที่เกิดและดับตรงนี้ เม่ือท่าน ทั้งหลายเห็นประจักษ์แจ้งได้ด้วยตนเองแล้ว จากเหตุมาสู่ผลตรงน้ีได้ เปรียบ เหมือนเป็นเร่ืองราวปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตนเอง ซึ่งเป็นการซ้อนกันที่เร็วมาก ผลท่เี ป็นสิง่ ทีซ่ อ้ นในปจั จุบนั ตรงนี้ กจ็ ะด�ำเนินไปตามวิถีทางของธรรมชาตทิ ่เี รา ไดม้ กี ารบนั ทกึ เรอ่ื งราวตา่ งๆ ไวใ้ นความรสู้ กึ ตรงนจี้ ากในอดตี เราจะตอ้ งท�ำความ เข้าใจในผลตรงนี้ (จะอธิบายเสริมเนื้อหาตรงน้ีในตอนท้ายเล่มให้เข้าใจ) และ เหน็ ใหไ้ ดต้ ามความเปน็ จรงิ วา่ เราเปน็ เพยี งผอู้ าศยั ผพู้ งึ่ พา ผอู้ ยรู่ ว่ มกนั ในปจั จบุ นั คือต้นเหตุ สิ่งที่ซ้อนปัจจุบันคือผลตามมาตรงน้ี ท่านทั้งหลายพึงเข้าใจตรงนี้ ดว้ ยว่าท่านทง้ั หลายไม่ไดเ้ ปน็ เจา้ ของในเหตใุ ดๆ ของปัจจบุ ันตนเองมาก่อนเลย แม้แต่ปัจจบุ ันทรี่ สู้ ึกอยู่ทกุ ขณะน้นั กไ็ มไ่ ด้เป็นเจา้ ของในเรือ่ งราวปัจจบุ นั ตนเอง แต่เพราะว่าปัจจุบันนั้นคือต้นเหตุ เม่ือต้นเหตุไม่มีการรองรับใดๆ ในความรู้สึก หรือไม่มีการครอบครองกับเนื้อเรื่องราว จึงไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เกิดขึ้น เหมือน ปจั จุบนั จะไม่มสี งิ่ ที่ซ้อนในปจั จุบันที่เป็นเรอ่ื งราวของตนเอง น่คี ือการเป็นอิสระ ทเี่ ปน็ อยู่ตลอดเวลา เพราะตนเองไม่เปน็ ผรู้ องรับในเรอื่ งราวของปัจจุบันตนเอง 28

เป็นส่ิงทมี่ ีเหมือนไมม่ ีเรอื่ งราวใดๆ ส่งิ ๆ น้ีคือการอยเู่ หนือธรรมชาติท่เี ปน็ ปัจจบุ ันตนเอง เปน็ อสิ ระแบบถาวร ก็คือ ไมม่ เี หตใุ นตนเอง เปรยี บเหมอื นสงิ่ สงู สดุ ในธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเอง เปน็ วงเวยี น แหง่ ชวี ิต ท่ีรสู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไม่ได้ คอื เรือ่ งราวในปัจจบุ ันท่รี สู้ กึ อยู่ตลอดเวลา คอื ต้นเหตุ แตไ่ ม่ได้เป็นเจา้ ของในเหตตุ รงนน้ั อันนีค้ ือสิ่งท่นี ักเดินทางผู้แสวงหา ทั้งหลายจะต้องพบเจอด้วยตนเอง เมื่อได้เดินทางมาถึงสิ่งท่ีสูงสุดของตนเอง ตามธรรมชาติ จนได้พบต้นเหตุแห่งธรรมในความจริงที่เป็นเดิมแท้ของตนเอง จนประจกั ษแ์ จง้ ในเรอื่ งราวตนเองแลว้ จะเขา้ ใจไดต้ ามความเปน็ จรงิ ในธรรมชาติ เดมิ แทข้ องตนเอง จะรไู้ ดเ้ ฉพาะตนเองเทา่ นนั้ เลยวา่ “ไมม่ กี ารเกิดดับในเนื้อหา เรื่องราวใดๆ ของตนเอง” แต่เพราะตอนนี้ผู้แสวงหาท้ังหลายยังเดินทางไปไม่ถึงที่สุดแห่งเส้นทาง ตนเองตรงน้ี จึงมีปัจจุบันคือต้นเหตุท่ีซ้อนปัจจุบันลงมาเป็นผล แตต่ อ้ งมคี วาม เข้าใจในต้นเหตุตรงนี้ไว้ก่อน คือปัจจุบันเดิมแท้ของตนเองนั่นคือสิ่งสูงสุดที่ผู้ แสวงหาท้ังหลายจะต้องเดินทางกลับไปเป็นสิ่งๆ น้ีให้ได้ด้วยตนเอง ที่จะต้อง พ่ึงพาตนเองเท่านัน้ จงึ จะส�ำเรจ็ ได้ แม้ตอนนี้ ยังไปเป็นส่ิงสูงสุดไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปกังวลใจอะไร ผู้แสวงหา ท้ังหลายก็ต้องปล่อยให้เรื่องราวตรงน้ีเป็นอิสระในแบบที่เป็น แบบที่มีตรงน้ี ไปก่อน ท่านท้ังหลายจงตระหนักเสมอว่าท่านท้ังหลายไม่ได้เป็นเจ้าของในเหตุ ใดๆ เลย ต้องเข้าใจเนือ้ หาตรงนีไ้ วด้ ว้ ยนะ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของใดๆ ในเหตุ แตต่ อน นี้ท่านทั้งหลายยังหยั่งลงไปไม่ได้ในความรู้สึกตรงนี้จริงๆ จึงมีความรู้สึกท่ียัง ครอบครองในต้นเหตุตนเองอยู่ ไม่สามารถรู้สึกเห็นได้ทันกับเร่ืองราวในสิ่งที่ บรรยายมาตรงนี้ได้ เร่ืองราวตรงนี้จึงมีผลในเหตุตัวท่านเอง เกดิ เปน็ ปจั จุบัน ซ้อนปัจจุบันข้ึนมาที่ซ้อนในความรู้สึกสู่ความรู้สึกตนเองที่ต้องท�ำความเข้าใจให้ ประจักษ์แจง้ ตรงนี้ แค่ท่านอย่าเข้าไปติดในกับดับตนเองจนไปยึดอยู่ในผลของ เหตุก็พอ 29

ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนัน้ ส่ิงท่ีเกิดเรื่องราวซ้อนปัจจุบัน จนข้ามปัจจุบันตนเอง ทา่ นทงั้ หลายตามมาดเู รอื่ งราวแบบนก้ี อ่ น ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั จากเหตุ ที่เกิดลงสู่ผล หรือจากปัจจุบันที่ซ้อนปัจจุบันตนเองตรงน้ี เพราะผู้ท่ีแสวงหา สัจธรรมตนเองทกุ ชีวติ จะรู้สึกอยู่ในเรือ่ งราวของส่งิ ท่ซี อ้ นปจั จบุ นั ตนเองเทา่ นน้ั ตลอดเวลา คอื ผลในเรอ่ื งราวตรงนี้ จะมองยอ้ นกลบั ไปไมถ่ งึ ตน้ เหตตุ นเองไดเ้ ลย เพราะท่านท้ังหลายยังไม่ได้เป็นอิสระแท้จริงในธรรมชาติตนเองตรงนี้ จะรู้สึก ได้เพียงแค่เร่ืองราวท่ีซ้อนปัจจุบันตนเองตรงนี้เท่านั้น และเรื่องราวตรงนี้ก็เป็น ความจริงที่เป็นเหมือนๆ กันในความรู้สึกของทุกๆ คนด้วย หากไม่มีการชี้และ สะกดิ ให้ดกู ไ็ มม่ ที างจะได้เหน็ เรอื่ งราวปัจจุบันซ้อนปัจจบุ นั ตนเองเลย ท่านทั้งหลายต้องเดินตามมาดูกับสิ่งที่ซ้อนปัจจุบันลงมาสู่ผลตรงนี้ให้ ได้ว่า ผลตรงน้ีคือเร่ืองราวอะไรท่ียังเป็นเจ้าของในเรื่องราวกันอยู่ กเ็ รอ่ื งราวที่ ตามดู ตามรู้ ในเหตตุ นเอง ทา่ นจึงหาทางกลบั ไปสูต่ น้ เหตุท่เี ปน็ ปัจจุบนั ตนเอง ไม่ได้เสียที เพราะอะไร? ก็เพราะว่าท่านทั้งหลายยังมีความรู้สึกท่ีไปรองรับใน ความรสู้ กึ กบั เรอ่ื งราวของปจั จบุ นั ตนเองอยู่ ในเรอ่ื งราวตนเองตรงนท้ี เี่ คยมบี นั ทึก เอาไว้แล้วแต่ไม่สามารถรู้สึกได้ด้วยตนเอง และมีการรองรับในความจดจ�ำของ เร่ืองราวตนเองเพ่ิมข้ึนอีกจนเกิดสงสัยในเร่ืองราวตนเองในขณะตรงนั้น เพราะ 30

เป็นสิง่ ท่มี ีเหมอื นไมม่ ีเร่อื งราวใดๆ ความไม่รู้ที่หลงทางเกิดตามดูตามรู้ในเน้ือหาตนเอง จนเกิดเป็นความเข้าใจ ที่ไหลไปตามเร่ืองราวท่ีจดจ�ำมา จึงเกิดเป็นปัจจุบันตัวใหม่ทันที ท่ีเลยข้าม ปจั จุบันตนเองไปอีก เนอ้ื หาตรงนจ้ี ะละเอยี ดมากและมีความซับซ้อนทีเ่ รว็ มาก และเร็วมากจนท่านท้ังหลายรู้สึกไม่ทันกับเรื่องราวตนเองเลย เนื้อหาตนเองท่ี เป็นเดิมแท้น้ันคือดูผ่าน รู้ผ่าน ในปัจจุบันซ้อนปัจจุบันเท่าน้ัน ก็เป็นอิสระแล้ว ตลอดเวลา การรองรบั ทม่ี ตี นเองเปน็ ผคู้ รอบครองในสงิ่ ทมี่ กี ารบนั ทกึ มากอ่ น ในสง่ิ ที่ เคยจดจ�ำไวใ้ นตน้ เหตุ จึงลงมาสผู่ ล ท่กี ลายเปน็ ซอ้ นปัจจบุ นั ลงมา คอื ผลทท่ี �ำให้ เราเกิดความเข้าใจในเร่ืองราวที่ตามดู ตามรู้ ความเข้าใจท่ีเกิดจากการตามดู ตามร้ขู องผลทีม่ ีการปรุงแต่งอยกู่ อ่ นตรงน้ี ท่ที ่านก�ำลังจะไหลตามเร่อื งราวการ ปรงุ แต่งอยูแ่ ตไ่ ม่รสู้ ึกตนเอง การไหลตามมาลงส่ผู ลทมี่ ีการปรุงแต่งอยกู่ อ่ นตอน น้ี คือการซ้อนปัจจุบันที่เลยปัจจุบันตนเองข้ึนมาอีกช้ันหนึ่ง และผลตรงน้ีเกิด ความเข้าใจในเน้ือหาตรงน้ีที่ปรุงแต่งขึ้นมา จึงเกิดเป็นปัจจุบันตัวใหม่ทันที ท่ี ข้ามปจั จบุ นั ตนเองมา เรียกว่าผลท่ีท�ำให้เกิดเหตุตัวใหม่ เกิดเป็นวงเวยี นวงใหม่ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวงเป็นวงท่ีสาม และวงเวียนใหม่ตรงนี้คือเนื้อหา การซ้อน ปจั จุบนั ที่เลยข้ามปัจจบุ นั ตนเองมาแลว้ มอี งคป์ ระกอบในเร่อื งราวเกดิ ขน้ึ เพิม่ เติมใหม่อีก คือการปรุงแต่งมีความคิดกับเร่ืองราวต่างๆ เกิดขึ้นจนเป็นเนื้อหา เร่ืองราวเพ่ิมเติม ท่ีขยายมาจากต้นเหตุคือปัจจุบันเดิมแท้ ข้ามเร่ืองราวท่ีซ้อน ปัจจุบันมาเป็นผล กลายเป็นปัจจุบันตัวใหม่ท่ีไม่เก่ียวกับปัจจุบันซ้อนปัจจุบัน ตนเองแล้ว จึงเกิดเป็นวงเวียนใหม่ข้ึนมาอีกวงหนึ่งมาแทนที่วงเวียนเดิมแท้ ตนเองแล้ว วงเวียนวงนี้จึงไกลออกมาจากวงเวียนชีวิตตนเองท่ีรู้สึกได้ แต่แตะ ตอ้ งไม่ได้ เมอื่ ไดบ้ รรยายมาถงึ เนอ้ื หาตรงนี้ จะขอทวนเรอ่ื งราวทพ่ี อจะสรปุ ใหท้ า่ น ผู้แสวงหาในสัจธรรมตนเองได้เกิดความเข้าใจท่ีชัดเจนเพิ่มขึ้น และเห็นภาพ 31

ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้นั ความจริงในธรรมชาติตนเองได้ชดั ขึ้น จึงขออธิบายเสริมความเข้าใจในเน้ือหาท่ี อธิบายผา่ นมาถงึ เร่ืองราวตรงนี้กันก่อน วงเวียนแห่งชีวิต คือเหตุแห่งธรรม ท่ีรู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ จึง เปรียบเสมือน “การบรรลธุ รรมทีไ่ มม่ กี ารบรรลุอะไร” คือการเข้าถึงธรรมชาติ ตนเองที่เป็นเหตุและผลแต่ไม่มีใครเป็นผู้รองรับในเหตุและผลตรงนั้น จึงหมด เร่ืองราวตนเอง หรือหมดสงสัยในธรรมชาติ ได้เข้าใจความเป็นเดิมแท้ของ ธรรมชาติตนเอง ส่ิงน้ีคือวงเวียนแห่งชีวิตตนเองที่มีอยู่ตลอดเวลา เหมือนค�ำ กลา่ วลอยๆ ที่วา่ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่มีใครเปน็ เจา้ ของในเร่อื งราวที่รู้ใดๆ ในเนือ้ หาตรงนั้น จึงมอี ิสระอย่ตู ลอดเวลา แต่เมื่อผู้แสวงหาทั้งหลายไดแ้ ตะต้องกับ วงเวียนทเ่ี ป็นเดมิ แทต้ รงน้ี จะ เกดิ การปรุงแต่งในเร่ืองราวตนเองทนั ที เกิดเป็นวงเวียนวงใหม่ท่ีซ้อนทับกับวงเวียนเดิมแท้ของตนเองข้ึนมา เพ่ิม เป็นวงเวียนที่สอง ที่ซ้อนกันอยู่ในความรู้สึกตรงน้ัน คือ ปัจจุบันซ้อน ปัจจุบันตนเอง หรือแทนค่าว่า ปัจจุบันคือต้นเหตุสิ่งที่ซ้อนปัจจุบันตนเองตรง นั้นคือผลที่เกิดจากต้นเหตุตรงนั้น ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตรงนี้เป็นสิ่งท่ีเกิดคู่กัน ตามธรรมชาติท่ีเป็นอิสระท่ีมีอยู่ร่วมกัน คือเหตุและผล ผลตรงน้ีคือเร่ืองการ ปรุงแต่งเน้ือหาต่างๆ แต่ไม่ได้ครอบครองในเนื้อหา เรื่องราวท้ังเหตุและผล ตรงน้ีก็ไม่มีใครมารองรับในเรื่องราวเนื้อหาตนเองตรงนี้ ผลที่มาจากเหตุตรงน้ี จงึ หายไปเปรียบเหมือนเป็นส่ิงท่ีมีแต่ไม่มีเรื่องราว และเหตุนั้นจึงไม่มี ปัจจุบัน ตนเองซ้อนปัจจุบันตรงน้ี จึงเป็นเหมือนธรรมชาติที่มี ท่ีเป็น ไปตามธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของในธรรมชาติตรงนี้ จงึ เปน็ อิสระท่มี รี ว่ มกนั อยตู่ ลอดเวลา คือ รู้สึกได้แต่แตะต้องในส่ิงท่ีรู้สึกใดๆ ไม่ได้เลย เปรียบเหมือนได้วางเร่ืองราวหรือ ทิ้งเรือ่ งราวไว้ทเี่ ดิม ตรงท่มี ี ทเ่ี ปน็ ไวต้ ามธรรมชาติตรงน้นั 32

เป็นส่ิงที่มีเหมือนไมม่ ีเรอ่ื งราวใดๆ การแตะต้องความรู้สึก ที่จะเปล่ียนเร่ืองราวตนเอง แตห่ ากผแู้ สวงหาเข้ามาแตะต้องตรงผลทีเ่ กิดจากเหตุเดมิ แท้ตนเอง จน เกิดการครอบครองเรื่องราวที่ซ้อนปัจจุบันตรงน้ันที่มีการปรุงแต่งอยู่ก่อนแล้ว ตรงน้ี จะเกดิ เปน็ วงเวยี นวงใหมข่ น้ึ มาเพมิ่ อกี หนง่ึ วงเปน็ วงทส่ี าม มาแทนทวี่ งเดมิ ทันที คอื สิ่งทซ่ี ้อนปจั จุบันและเกดิ ขา้ มปัจจุบนั ตนเองมา เปน็ เนื้อหาทตี่ นเอง ได้ปรุงแต่งเพิ่มเติมอีกและครอบครองในเร่ืองราวของการปรุงแต่งท่ีมาจากผลท่ี เกิดจากการตามดู ตามรู้ ในเร่ืองราวการปรุงแต่งในผลต่อเติมทันทีในเน้ือหา เร่ืองราวตนเองในขณะน้ัน จึงเกิดเป็นเหตุตัวใหม่ของผลตรงนั้น เรียกว่า ซ้อน ปจั จุบนั ข้ามปัจจบุ นั ตนเอง จากปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ขา้ มปจั จบุ นั ตนเองมา สงิ่ ทขี่ า้ มปจั จบุ นั ตนเอง ตรงนเ้ี ปน็ สง่ิ ทที่ า่ นยดึ มนั่ ถอื ครองในเรอื่ งราวการปรงุ แตง่ ทมี่ าจากผล เกดิ เปน็ เหตุ ตัวใหม่ที่มารองรับเร่ืองราวจากผลทันที จึงเกิดเป็นวงเวียนวงใหม่ท่ีซ้อนทับใน เร่ืองราวตนเอง ตามความเชื่อที่เคยเช่ือไว้ จนฝั่งแน่นไว้ในจิตใต้ส�ำนึกตนเอง เรื่องการปรุงแต่งที่เพิ่มข้ึนในความรู้สึกตรงน้ีที่ท่านทั้งหลายแทบจะรู้สึกไม่ได้ เลย เหมอื นเปน็ ความคนุ้ ชนิ ในความรสู้ กึ ตนเองมาตลอดเวลา ทเ่ี ร่ิมจากการตามดู 33

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แห่งธรรมนน้ั ตามรู้ในเร่ืองราวเนื้อหาท่ีตนเองปรุงแต่งในเร่ืองราวตนเอง ที่เคยมีการบันทึก จดจ�ำมาแลว้ จากการเรยี นรตู้ งั้ แตเ่ กดิ จงึ มเี รอ่ื งราวปรงุ แตง่ เนอื้ หาตนเองอยตู่ ลอด เวลา ผู้แสวงหาทั้งหลายจะติดอยู่ในวงเวียนที่ข้ามปัจจุบันตนเองมาในวงน้ีแทบ ทง้ั ส้นิ คอื สงิ่ ทขี่ า้ มปจั จุบนั ตนเองมาตลอดเวลา มีความหลงใหลและเข้าใจแบบ ไหลตามธรรมชาติตนเอง ยึดม่ันถือครองในเรื่องราวต่างๆ ของตนเองไว้ ผูกรัด ตนเองในเนื้อหาตา่ งๆ ทเ่ี รยี นรมู้ า จดจ�ำมา เชือ่ แบบฝงั ลกึ เหมอื นเป็นจติ ใต้ส�ำนึก ตนเองเลย จนมองไมเ่ หน็ ความจรงิ ทเี่ ปน็ ตน้ เหตขุ องตนเองได้ ทเี่ ปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ ตลอดเวลา หรอื ธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเอง แตเ่ กดิ ความเขา้ ใจทผ่ี ดิ ทางและไหลตาม ไปในเร่ืองราวตา่ งๆ ทเ่ี ลยปัจจบุ นั ตนเองมาไกลมาก จนไม่กล้าที่จะท้ิงจะวางลง เพราะเสยี ดาย จงึ แบกในความรูส้ กึ ปรุงแตง่ ของตนเองไวต้ ลอดเวลา เหมอื นเกบ็ สงิ่ ทไ่ี หลตามแบบนใี้ สล่ งเปต้ นเองไวเ้ รอื่ ยๆ และแบกไวก้ บั ตนเองตลอดเวลา เกบ็ เกย่ี วเรอ่ื งราวทกุ อยา่ งทเี่ ลยปจั จบุ นั ตนเองมาลงใสเ่ ปต้ นเองไวแ้ บบนี้ และไมร่ สู้ กึ ตนเองเสียด้วยซ้�ำ แต่กร็ ู้สกึ หนักใจ และหนักใจข้ึนเร่ือยๆ อยู่กับเร่อื งราวตนเอง ท่ีครอบครองไว้ตลอดเวลา เหมือนยิ่งรู้มากก็ยิ่งหนักใจมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จึง พยายามตั้งค�ำถามในใจ ถามใจตนเองตลอดเวลาว่า ยิง่ รู้มากขนาดน้ี กน็ ่าจะเบา ลงๆ สิ แตท่ �ำไมๆ ถึงไม่เบาลงเลย แปลกดีไหมท่านท้ังหลาย เอาละ่ ทา่ นทงั้ หลายผแู้ สวงหาในสจั ธรรมตนเองทกุ ทา่ น ทา่ นพอจะหยง่ั ในเนอื้ ธรรมทบี่ รรยายมาถงึ ตรงนกี้ นั ไดบ้ า้ งหรอื ยงั เนอื้ หาแบบนไี้ มเ่ คยมใี ครเขยี น ในต�ำรามากอ่ น และไม่เคยมีใครเคยมาบรรยายใหท้ า่ นฟงั มาก่อน เรอื่ งราวแบบ น้จี งึ เป็นสง่ิ ที่แปลกใหม่ในความรสู้ กึ ของทา่ น ที่ต้องใช้เพียงความรู้สึกหยั่งลงไป ในความร้สู กึ ตนเอง เหมือนไม่มีผู้บรรยายและไม่มีผู้รับฟงั เป็นสิ่งท่ีล่องลอยมา ในความรู้สึกท่ีต้องใช้ความรู้สึกตนเองเข้ามาดู มารู้ เพียงดผู ่าน รู้ผ่าน เรอ่ื งราว ไปเลย จบั เพยี งความรสู้ กึ ตนเองทใี่ ชค้ วามพยายามหยง่ั ลงดเู นอื้ หาเรอ่ื งราวภายใน ตนเองแบบจดจอ่ ในความรสู้ กึ ตรงนเ้ี ทา่ นน้ั พอแลว้ รแู้ ลว้ กป็ ลอ่ ยรผู้ า่ นไปเลย ไม่มี 34

เปน็ ส่งิ ทม่ี เี หมือนไมม่ ีเรอ่ื งราวใดๆ ใครเปน็ เจา้ ของใดๆ ในรู้ตรงน้ี ท่านทั้งหลายจึงจะพบอิสระที่เป็นเดิมแท้ตนเอง ได้ ท่ีบอกว่า รู้สกึ ไดแ้ ต่แตะตอ้ งไมไ่ ด้ คงพอจะเขา้ ใจแลว้ นะ กลบั มาในเรอ่ื งราวทบ่ี รรยายคา้ งไวต้ รงนกี้ นั อกี รอบหนงึ่ ในเรอื่ งของผลที่ เกิดจากต้นเหตุตนเองตรงน้ี หากผู้แสวงหาทั้งหลายเห็นกับเรื่องราวที่บรรยาย มาได้จริงๆ แล้วว่าผู้แสวงหาทั้งหลายเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของกับเร่ืองราวเน้ือหา โดยตรงในผลตรงน้นั จริงๆ ท่านจะเห็นได้เองตามธรรมชาติตนเอง และเข้าใจได้ เองแบบยอ้ นทวนเนอ้ื หาเรอื่ งราวตนเอง จนสามารถเดนิ กลับไปถงึ ต้นเหตุตนเอง ได้แท้จริง ทา่ นจะวาง จะทง้ิ เรอ่ื งราวในผลลงเองแบบธรรมชาตขิ องตนเอง เหมอื น กบั ไมไ่ ดท้ ง้ิ เรอ่ื งราวใดๆ อะไรเลย จะรสู้ กึ แปลกใจเมอ่ื เหน็ สง่ิ ทร่ี สู้ กึ ตรงนไี้ ด้ จะกลาย เปน็ ว่าการท้ิงกไ็ ม่ไดท้ ิ้ง การวางกไ็ มไ่ ดว้ าง เพยี งร้สู ึกว่าสิ่งทีม่ ตี รงนั้นเหมือนเป็น ส่งิ ท่ีไมม่ เี รื่องราว ตรงน้จี ะรู้ได้เฉพาะผ้เู ขา้ ถึงเน้อื หาตนเองแท้จรงิ เท่าน้ัน ผลท่เี กดิ จากตน้ เหตเุ ดมิ แท้ตรงน้ี จะหายไปเอง หายวบั ไปในความรสู้ กึ ตนเอง ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ตรงนี้ จะไมม่ เี รอื่ งราวสง่ิ ทซี่ อ้ นปจั จบุ นั ตนเองใหร้ สู้ กึ อกี เลย ความรสู้ กึ ทเี่ ขา้ ถงึ ไดใ้ นอารมณต์ รงนจี้ ะแปลกมากๆ ในความรสู้ กึ ของทา่ น ในทนั ทเี ลยจรงิ ๆ สิ่งนเ้ี รยี กว่าร้เู ฉพาะตนท่ีเข้าถงึ ความจริงตนเอง เมื่ออารมณ์ที่ รสู้ กึ อยกู่ ลบั ไปเหน็ ตน้ เหตตุ นเองทเ่ี ปน็ เดมิ แท้ ทา่ นทง้ั หลายจะอม่ิ เอมใจในความ รสู้ กึ ทเ่ี ปน็ อสิ ระในตนเอง เกดิ ความเขา้ ใจถกู ตอ้ งในความรสู้ กึ ตรงนน้ั ทนั ที จะเห็น วา่ ไมม่ กี ารรองรับใดๆ ทมี่ าลงสผู่ ลตนเองเลย อธบิ ายมาถงึ ตรงนี้ ทา่ นผแู้ สวงหาในสจั ธรรมตนเองทงั้ หลายพอจะคลาย ปมเชือกท่ีผูกรัดในการยึดม่ันถือครองเร่ืองราวตนเองลงได้บ้างแล้วหรือยัง มา อธบิ ายกนั ตอ่ จากตน้ เรอ่ื งในวงเลบ็ ทพี่ ดู คา้ งไว้ เมอื่ ทา่ นไดเ้ หน็ ผลลพั ธต์ รงนน้ั แลว้ ว่าผลก็คือการปรุงแต่งเร่ืองราวท่ีรองรับในความรู้สึกที่มาจากต้นเหตุ แต่การ ปรุงแต่งที่ปรุงแต่งตามธรรมชาติตรงนี้ ตนเองไม่ได้ครอบครองเรื่องราวในการ 35

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน ปรุงแต่งในเนื้อหาตนเอง แต่ก็ปรุงแต่งไปตามธรรมชาติในเรื่องราวตรงนั้นเพื่อ ความมี ความเป็น ในเนอ้ื หาเรอ่ื งราวในขณะนั้น แตไ่ ม่ได้ครอบครองเนื้อหาใดๆ เมือ่ ปรุงแต่งเร่ืองราวเสรจ็ ส้นิ จนเข้าใจในเรอื่ งราวเรียบรอ้ ย ก็วางเรื่องราวท่ีปรุง แต่งไวท้ ี่เดมิ ไม่เก็บเกีย่ วไม่ครอบครองใดๆ ในการปรงุ แต่งจากต้นเหตอุ กี ท่านท้ังหลายจะกลับไปอยู่กับอิสระที่เป็นในความรู้สึกแรกที่ท่านรู้สึก คือต้นเหตุตนเองหรือเหตุแห่งธรรมท่ีรู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ เหมือนกับท้ิง เหมือนกับวางเร่ืองราวท่ีเข้าไปเล่น เข้าไปรองรับเงียบๆ ในความร้สู กึ ที่ปรุงแตง่ ตรงนนั้ พอเกิดประจกั ษ์แจ้งแลว้ ในอารมณค์ วามรู้สกึ ตรงน้นั เหมอื นกบั วา่ ความ รู้สึกตนเองได้ถอยออกมาจากการปรุงแต่ง และคืนการปรุงแต่งไว้ที่เดิม ปล่อย กลับคืนสู่ธรรมชาติท่ีมี ท่เี ปน็ จะเหมือนกบั ว่าแตะต้องแต่ไมค่ รอบครอง อุปมา คลา้ ยกบั วา่ รสู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ดเ้ ชน่ กนั ทา่ นทง้ั หลายกจ็ ะกลบั ไปสเู่ รอื่ งราวเดมิ แทข้ องตนเอง ก็คือตน้ เหตตุ ัวท่านเอง และได้เห็นต้นตอตวั เองก็คือตน้ เหตุ หรอื ความรู้สึกเดิมแท้ในปัจจุบันคร้ังแรกท่ีรู้สึกอยู่แต่ไม่มีตนเองเป็นผู้รองรับใน ความรสู้ กึ ใดๆ จงึ เปน็ ปจั จบุ นั อยแู่ บบนนั้ ทไี่ มม่ ผี ลในตนเอง ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของใน ปจั จบุ นั ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในตน้ เหตุ ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในผลของเหตตุ รงนเ้ี ลย เม่ือท่านได้ประจักษ์แจ้งเร่ืองของผลท่ีเกิดจากต้นเหตุได้ หรือปัจจุบัน ซอ้ นปจั จบุ นั ตนเองตรงนไ้ี ดแ้ ลว้ ความรสู้ ึกของทา่ นทั้งหลายทยี่ ังมีอย่ใู นสง่ิ ทรี่ ู้สกึ ของเหตแุ ละผลเหมือนจะย้อนแยง้ กบั ความรู้สึกทา่ นขึน้ มาใหมอ่ กี ครง้ั เพราะจะ เกดิ ความสงสยั ในตน้ เหตตุ นเองทย่ี งั มเี รอ่ื งราวใหร้ สู้ กึ อยตู่ ลอดเวลา ถงึ แมว้ า่ ทา่ น ทงั้ หลายจะวางผลไดแ้ ล้ว แตเ่ รอ่ื งราวภายในตนเองยังไม่หมดสงสัย ยังไมจ่ บสน้ิ ในความรู้สึกทย่ี ังค้างคากบั ตน้ เหตุตนเองอยู่ เนอื้ หาตรงน้ี ทีท่ ่านทง้ั หลายคงร้สู กึ ตนเองอยวู่ ่าก�ำลังจะกลบั เข้าไปเล่น ใหม่ในต้นเหตุตนเองเพ่ิมเติมอีก เพราะยังมีความสงสัยในต้นเหตุตนเอง ตรงน้ี 36

เป็นส่งิ ท่มี เี หมอื นไม่มีเรอ่ื งราวใดๆ จะลึกและซับซ้อนลงไปอกี เปน็ ชนั้ ๆ ในความรู้สกึ ของท่าน การเดินทางกลับไปสู่ ในตน้ เหตตุ นเองตรงนี้ ตอนนี้ทา่ นจะกลับไปเลน่ กับตน้ เหตุตนเอง และจะตดิ อยู่ ในต้นเหตุตรงนี้อีก สิ่งที่ซับซ้อนในเร่ืองราวภายในตนเองที่มีขบวนการท่ีต้องใช้ ความจดจ่อแยบคายในความรู้สึกของตนเองท่ีจะต้องท�ำความประจักษ์แจ้งใน ต้นเหตตุ นเองตรงน้ี เหมอื นกบั วา่ ตน้ เหตตุ นเองยังมเี ร่ืองราวค้างคาอยู่ เหน็ ไหม วา่ ความยากในการบรรยายนนั้ อธบิ ายยากมากๆ ความรสู้ กึ กลบั กลายเปน็ วา่ เมอื่ ท่านวางผลในต้นเหตุได้ กลับไปสู่ต้นเหตุแล้ว ในความรู้สึกส่วนลึกของตนเอง ก็ยังมีความรู้สึกติดอยู่กับต้นเหตุตนเองตัวใหม่อีก ท่ีไม่สามารถจะวางต้นเหตุ ตนเองลงได้ พวกทา่ นทัง้ หลายทุกๆ คน ฉลาดกันมามากแล้วนะ ท่ีเดินทางตามมาดู ไดใ้ นเรอื่ งราวแบบทบ่ี รรยายมานี้ และสามารถหยงั่ เห็นเรอ่ื งราวในต้นเหตุตนเอง ได้ กต็ อ้ งขอบอกกบั ทา่ นทงั้ หลายผแู้ สวงหาสจั ธรรมตนเองทกุ ทา่ นวา่ ไมต่ อ้ งกงั วล ใจใดๆ หรอก ท่านต้องอยู่กบั ต้นเหตุตนเองแบบท่ีมี แบบทเ่ี ปน็ ตรงนต้ี ่อไป ท่าน ไปท�ำอะไรๆ กับต้นเหตุของตนเองไม่ได้ เพราะต้นเหตุนั้นรู้สึกได้ตลอดเวลา แต่ห้ามแตะต้องโดยเด็ดขาด หากแตะต้องเมื่อไรจะเกิดผลมารองรับกับความ รู้สึกในเรื่องราวทันที ต้องท�ำความเข้าใจในเรื่องตรงน้ีให้ได้จริงๆ ท่านจะต้องมี ความอดทนอยกู่ บั ตน้ เหตตุ นเองไปแบบน้ี ดผู า่ น รผู้ า่ นเรอ่ื งราวไปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ จะเหน็ ไดแ้ ทจ้ รงิ ตามธรรมชาตขิ องตนเอง วา่ เหตนุ น้ั กไ็ มม่ เี รอื่ งราวในตนเองจรงิ ๆ ท่านจะวางเหตตุ ัวเองได้แบบธรรมชาตติ นเอง ซึ่งตรงนี้ไม่มีรอบ ไม่มีระยะเวลา วา่ เมือ่ ไร เหมือนต้องเติมเต็มเรื่องราวตนเองไปเร่ือยๆ จนเต็มครบรอบทั้งหมด นนั่ แหละ ทา่ นจะรดู้ ว้ ยตนเองวา่ ไดอ้ ยเู่ หนอื โลกเหนอื ธรรมแลว้ เหมือนท้งิ ความรู้ ทงั้ หลายลงแตก่ ย็ งั รอู้ ยู่ แบบทไ่ี มต่ อ้ งรอู้ ะไรอกี สงิ่ นค้ี อื รเู้ ฉพาะตน ตามที่ศาสดา กล่าวไว้ 37

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนัน้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านท้ังหลายจะยังวางต้นเหตุตนเองไม่ได้อย่างถาวร ก็ถือว่าท่านท้ังหลายได้เห็นเร่ืองราวปัจจุบันที่ซ้อนปัจจุบันและข้ามปัจจุบัน ตนเองตรงนไี้ ดแ้ ลว้ เปน็ พนื้ ฐาน เป็นท่ีมั่นใจไดด้ ้วยความรู้สกึ ของตนเอง นบั ไดว้ า่ ท่านเป็นผู้โชคดีแล้ว ไม่เสียชาติเกิด และยังมีโอกาสท่ีจะหมดสงสัยในเรื่องราว ตนเองได้อยา่ งแท้จรงิ ในแบบฉบบั ตนเองดว้ ย แต่ถ้าหากท่านทั้งหลายได้ย้อนมองไปดูเร่ืองราวแบบน้ีในอีกมุมมอง หนงึ่ ทสี่ ลบั กนั กบั เรอ่ื งราวของคนทง้ั โลกทม่ี สี งิ่ คา้ งคาอยใู่ นเรอ่ื งของปจั จบุ นั ซอ้ น ปัจจุบันตอนนี้ บุคคลอีกเป็นจ�ำนวนมากมายมหาศาลท่ียังเดินทางมาไม่ได้เข้า ไมถ่ งึ กบั เรอ่ื งราวตนเองตรงนเ้ี ลย คอื ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั เขาเหลา่ นนั้ ยงั เลน่ สนุก อยกู่ บั เรอ่ื งราวท่ีข้ามปจั จบุ ันตนเองตรงนอ้ี ยู่เปน็ จ�ำนวนมาก ความรู้สึกของปัจจุบันครั้งแรกท่ีซ้อนปัจจุบันมาลงสู่ผลตรงน้ี และผล ตรงนก้ี ไ็ มไ่ ดม้ ใี ครเปน็ เจา้ ของในความรสู้ กึ ของเรอื่ งราวตา่ งๆ ท่เี กิดขึ้น เป็นอะไร ทตี่ อ้ งพึง่ พาอาศัยในเหตตุ นเองลงสู่ผลทีเ่ กิดข้ึน เปรยี บเหมอื นมกี ารเกิดและดับ ลงตามธรรมชาตคิ วามเปน็ จรงิ ท่ีไม่มีใครเปน็ ผู้รองรบั ในความจริงท่เี กิดและดับ ตรงน้ี เม่อื ท่านทงั้ หลายเห็นประจกั ษแ์ จ้งไดด้ ้วยตนเองแลว้ จากเหตมุ าสูผ่ ลตรง น้ไี ด้ เปรยี บเสมอื นเป็นเรอื่ งราวปจั จุบนั ซ้อนปจั จุบันตนเอง ซ่งึ เปน็ การซ้อนกัน ที่เร็วมาก เราจะต้องท�ำความเข้าใจในผลตรงน้ี และเหน็ ใหไ้ ดต้ ามความเป็นจรงิ ของตนเองด้วยวา่ ผลเป็นสิ่งท่ีซ้อนในปัจจุบันตรงน้ี จะด�ำเนินไปตามวิถีทาง ของธรรมชาติ ที่ได้มีการบันทึกเร่ืองราวต่างๆ ท่ีปรงุ แต่งไว้ในความรู้สกึ ตรง นี้ การปรงุ แตง่ ตรงน้ีไม่มีการรองรับใดๆ ในเร่อื งราวตนเอง กจ็ บในผล 38

การอยู่เหนือโลกเหนือธรรมชาติตนเอง สิ่งน้ีรู้ได้เฉพาะตนท่ีได้เดินทางสู่ความส�ำเร็จในที่สุด ได้ประจักษ์แจ้งในความมีท่ีไม่มีเรื่องราวใดๆ ของตนเอง ได้เห็นเหตุและผลท่ีเกิดและดับตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดคู่กันตลอดเวลาท่ีไม่มีใครเป็นเจ้าของ เหตุ คือสิ่งท่ีไม่มีเร่ืองราวใดๆ ท่ีไม่ต้องแสวงหาอีก ผล คือส่ิงท่ีแสวงหาการปรุงแต่งให้เกิดเข้าใจความจริง เมื่อเหตุท่ีไม่มีเรื่องราวจึงเป็นอิสระ เมื่อผลที่ปรุงแต่งเพื่อแสวงหาความจริง จนเข้าใจความจริงก็วางความจริงไว้ในธรรมชาติ ปล่อยกลับคืนให้ธรรมชาติการปรุงแต่งตรงน้ันไป ผลจึงเป็นส่ิงท่ีมี ที่กลับกลายเป็นส่ิงที่ไม่มีเรื่องราวใดๆ เมื่อเหตุและผลลงตัวในธรรมชาติความจริงตรงนั้น เรื่องราวทุกอย่างจึงมีเหมือนไม่มีเร่ืองราวในตนเอง ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมชาติจึงไม่มี คือความจริงท่ีรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น 39

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนนั้ สิ่งท่ีเคยบันทึก และจดจ�ำไว้แต่ไม่รู้สึกตัว เรอื่ งราวทจ่ี ะอธบิ ายเสรมิ เนอ้ื หาตรงนค้ี อื การบนั ทกึ เรอ่ื งราวตา่ งๆ นน้ั เร่ิมต้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร การบันทกึ เร่อื งราวตนเองมีเกิดข้นึ อย่ตู ลอดเวลาที่ รสู้ กึ มมี าตง้ั แตร่ สู้ กึ วา่ มชี วี ติ เกดิ ขน้ึ มาใหมต่ ง้ั แตอ่ ยใู่ นครรภ์ พอคลอดออกมาจาก ครรภก์ ารบนั ทกึ นนั้ กย็ งั มกี ารบนั ทกึ อยู่ มอี ารมณ์ มีความรูส้ ึกรองรับในเร่ืองราว ตรงนั้น ในรปู และนามทย่ี งั ไมม่ กี ารจดจ�ำในภาษาเกดิ ขน้ึ จงึ ยงั ไมม่ คี �ำอธบิ ายใดๆ ในเน้ือหาเร่ืองราวในขณะน้ัน เป็นเพียงความรู้สึกสู่ความรู้สึกเท่าน้ันท่ียังไม่ได้ ปรุงแต่งไปตามภาษาใดๆ แต่พอผ่านการคลอดออกมาได้ ผา่ นมาเป็นวนั ผา่ น มาเปน็ เดอื น ผา่ นมาเปน็ ปี จากวนั เปน็ เดอื นกเ็ รม่ิ มกี ารเรยี นรจู้ ากผรู้ เู้ รอื่ งราวตา่ งๆ บนโลกเร่ิมมาสอน เร่ิมมาอธิบายในเรื่อง รูป ที่เห็น เรื่องนาม ท่ีรู้สึก มาตอนนี้ เกิดการจดจ�ำและมีการบันทึกซ�้ำลงไปในเนื้อหาตนเองตรงนั้นทันที ผ่านจาก เดือนมาเป็นปี ความรู้สึกต่างๆ ในเรื่องรูปเรื่องนามเร่ิมมีชื่อตามภาษาท่ีเรียนรู้ เพ่ิมเติมเกิดขึ้นมาใหม่อีก จากผรู้ เู้ รอ่ื งราวมาสอนเพม่ิ ใหจ้ ดจ�ำและบนั ทกึ เพม่ิ ขน้ึ มาเร่ือยๆ อกี จากปีสู่ปีมาเร่ือยๆ จนถงึ ปจั จบุ ันตอนน้ี เรอ่ื งราวในรูปทเี่ หน็ มีช่อื มเี รื่องราวในรูปทุกอยา่ งจากการท่ีมีผู้รู้เรอื่ งราวตา่ งๆ มาสอนนน้ั เอง เร่อื งนามก็ เชน่ กนั เป็นสิ่งท่ีรสู้ กึ ตลอดเวลา แตส่ ่งิ ท่ีรู้สึกนน้ั ๆ กม็ ีชือ่ เกิดข้นึ ตามมาอีกเชน่ กนั 40

เป็นสง่ิ ท่มี ีเหมือนไมม่ เี รือ่ งราวใดๆ จากผู้รู้เร่ืองราวต่างๆ มาสอน และตนเองก็จดจ�ำบนั ทกึ ซำ้� แลว้ ซ�้ำเล่าจนคุน้ เคย จนชนิ ในสิง่ ท่เี ห็น ส่ิงท่รี บั สัมผัสทงั้ รปู และนาม จึงมกี ารขยายเรอ่ื งราวกบั ส่งิ ตรง นน้ั เปน็ ภาษาแทนความรสู้ กึ ตนเองไปเลย เพราะไดจ้ ดจ�ำไวจ้ นชินจนคุ้นเคยแลว้ ในรูปในนามที่รู้สึก จนไม่รู้สึกตนเองด้วยซ�้ำว่าเป็นเรื่องท่ีจ�ำมาท้ังน้ันเลย พอมี ใครพดู อะไรออกมากส็ ามารถตอบโตก้ ลบั ไดท้ นั ที จนเนือ้ หาตรงนัน้ เกดิ เป็นความ เข้าใจไดร้ ะหวา่ งกันและกนั ผสมผสานในเนื้อหาทป่ี รงุ แตง่ กนั แบบไมร่ ้สู ึกตนเอง ดว้ ยซ�้ำวา่ ปรงุ แตง่ เสรจ็ แล้ว หากจะเปรียบเทียบความรู้สึกตนเองท่ีเป็นเดิมแท้นั้นคือช่วงเวลาที่อยู่ ในครรภ์และช่วงท่คี ลอดออกมาใหม่ๆ ท่ีมีแต่ความรู้สึกสู่ความรู้สึกท่ีบริสุทธ์ิอยู่ มปี รุงแตง่ อยู่แต่ไมไ่ ดส้ นใจในการปรงุ แต่ง เพราะยังไม่ได้มีใครมาสอนให้ยอมรบั ในเร่ืองราวใดๆ ของความร้สู กึ ในขณะนัน้ เปรยี บเหมือนปัจจุบนั ตนเองทย่ี ังไม่มี การซ้อนปัจจุบนั พอเวลาผ่านมา เกดิ การยอมรบั ในสงิ่ ทถ่ี กู สอนจากผรู้ เู้ รอื่ งราวทสี่ อนยำ้� ๆ จนรสู้ กึ จดจ�ำได้ จงึ มตี วั ตนเปน็ ผรู้ องรับในเรื่องราวปัจจุบนั ตรงน้ันขึ้น กลายเป็น ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันของความรู้สึกขึ้นมา จากต้นเหตุท่ีไม่มีเร่ืองราวลงสู่ผลท่ี รองรับไวใ้ นเร่ืองราวทนั ที แตก่ ็ไม่รู้สกึ ตัวเลย ผ่านมาจากเดือนสู่ปีเป็นปีสู่ปี กเ็ ร่มิ มกี ารจดจ�ำบนั ทึกกบั เรื่องราวตา่ งๆ ทป่ี รงุ แตง่ ไว้รองรับในความรู้สกึ ตนเองจนเกิดความเขา้ ใจได้เลย ท้ังสิ่งท่ีเห็น ส่งิ ทไี่ ดย้ นิ ส่ิงท่ีรู้สึกท่ีกายท่ีรับสัมผัสต่างๆ จะเข้าใจได้ทันทีในเนื้อหาเรื่องราวทม่ี ี มากระทบตรงนั้น อธิบายเร่ืองราวต่างๆ ได้เป็นเร่ืองราวที่ปรุงแต่งส�ำเร็จรูปไว้ แล้วสมบรู ณแ์ บบเลย ทไี่ มร่ สู้ กึ ตนเองดว้ ยซำ้� วา่ จดจ�ำมาทงั้ นน้ั กบั เนอื้ หาเรอื่ งราว ตา่ งๆ สิ่งๆ นีเ้ ปน็ เร่ืองราวทซ่ี อ้ นปจั จุบนั ตนเองจนเลยขา้ มปจั จบุ นั ความจรงิ ของ ตนเองมา ท่ีตนเองได้ปรุงแต่งซ้อนการปรุงแต่ง เลน่ อยู่ รูอ้ ยู่ เข้าใจอยู่ ไหลตาม 41

ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้นั อยู่ ในความรู้สึกขณะหนึ่งๆ ตรงนั้น หากจะอธิบายเนอื้ หาตรงนี้ใหม้ มี โนภาพก็ ตอ้ งมกี ารสมมตเิ นอ้ื หาเรอื่ งราวใหม้ ภี าพความหมายเกดิ ขนึ้ เพ่ือให้ทา่ นทงั้ หลาย ได้เห็นภาพตามความรู้สึกจริงๆ ของท่านเอง ในเรื่องราวต่างๆ ตรงน้ันมีองค์ ประกอบในเนอ้ื หาอะไรบา้ ง เบอรศ์ นู ย์ ความเปน็ เดมิ แท้ ทไี่ มม่ กี ารปรงุ แตง่ เรอ่ื งราวใดๆ ของตนเอง เบอรห์ นง่ึ ความจำ� ที่จ�ำมาตลอดเวลาจากการบันทกึ เรอื่ งราวตนเอง เบอร์สอง ความเขา้ ใจ ในสิง่ ที่จ�ำไว้ จนคนุ้ เคยจนชนิ ในเรอ่ื งราวต่างๆ เบอร์สาม ความคิด ที่ปรุงแต่งเร่ืองราวที่เรียนรู้มาในเนื้อหาเรื่องราว ตนเองทค่ี นุ้ ทช่ี นิ ในความเขา้ ใจตรงนน้ั จงึ ใชค้ วามคดิ ทเี่ รว็ มากประกอบเปน็ เรอื่ งราว ประกอบเปน็ ภาษาใช้แทนความรูส้ กึ ใชโ้ ตต้ อบกันและกันได้เองในทนั ที เบอร์ส่ี ความหมาย ในเร่อื งราวท่ปี รงุ แต่งต่อเติมตามๆ มาอกี มากมาย จากความคดิ ตรงนน้ั ทใ่ี ชใ้ นการสอื่ สาร ใชใ้ นการถา่ ยทอดเรอื่ งราวจนเกดิ มโนภาพ ในความรสู้ กึ ที่มีร่วมกนั จนมีเรื่องราวหมุนวนสืบเน่ืองเป็นวัฏจักรชีวิตความมีเกิดข้ึนมาใหม่ ตลอดเวลา กลายเป็น เบอร์ห้า เบอร์หก ฯลฯ ไปเรื่อยๆ เกิดเปน็ วงเวยี นวงใหม่ ตลอดเวลาที่ซ้อนๆ ทับกันเป็นช้ันๆ ในเร่ืองราวมากมาย จนข้ามเน้ือหาความ จริงทเี่ ปน็ วงเวียนเดมิ แท้ตนเองไปเลย จากการทท่ี ่านทัง้ หลายได้เข้าไปแตะตอ้ ง ในเรื่องราวปรุงแต่งท่ีเป็นเดิมแท้ตนเอง คือวงเวียนแห่งชีวิต ที่รู้สึกได้แต่แตะ ต้องไมไ่ ด้ จากตน้ เหตสุ ผู่ ลทม่ี กี ารปรงุ แตง่ ตามเหตปุ จั จยั ทมี่ อี ยรู่ ว่ มกนั พง่ึ พาอาศยั กันเพื่อความเป็นอยู่ที่มีอิสระเท่าน้ัน ไม่ได้มีการรองรับในความรู้สึกของผลท่ีมี การปรุงแตง่ ใดๆ อยใู่ นขณะนัน้ จึงเปน็ เพยี งเหตุและผลท่ีเกดิ คู่กันตามธรรมชาติ 42

เป็นสงิ่ ทมี่ ีเหมอื นไมม่ ีเรื่องราวใดๆ ความจรงิ คือปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตามธรรมชาติ ทไ่ี มม่ ี ไม่เป็นเจ้าของใดๆ ต่อ กนั ในความร้สู ึกของธรรมชาติที่ร้สู กึ ในขณะนัน้ แตเ่ รอื่ งราวทยี่ งั ไมจ่ บลงในเนอ้ื หาตนเองตรงนี้ เพราะเกิดมีตัวตนข้ึนมา รองรบั ในความรสู้ กึ ของผลทม่ี กี ารปรงุ แตง่ อยใู่ นขณะนน้ั จึงปรงุ แต่งในผลต่ออกี จนมีเร่ืองราวเน้ือหาขยายต่อออกมาตรงนี้ ก็คือสิ่งท่ีท่านท้ังหลายได้แตะในผล ของต้นเหตุเดิมแท้ตนเองเรียบร้อยแล้ว จึงเกิดเป็นเหตุตัวใหม่ที่ขยายออกมา จากผลตรงนั้นทันที เกิดเปน็ วงเวยี นวงใหมท่ ่ซี ้อนๆ กันข้ึนมามากมาย เลยข้าม ปัจจุบันตนเองมาเร็วมาก เกิดการครอบครองความในรู้สึกของตนเองขน้ึ ใหมก่ ับ เน้ือหาเร่ืองราวตรงน้ันทันที ก็คือส่ิงที่ตนเองยังมีความเช่ือในส่ิงที่เคยมีบันทึก จดจ�ำไว้ จงึ มคี วามรสู้ ึกทยี่ ังอยากครอบครองอย่ใู นเรอื่ งราวทป่ี รุงแต่งต่างๆ ตรง น้นั ไว้ จนกลายมาเป็นส่ิงท่ีต้องการตอบสนองความอยากในใจตนเอง คือ อยาก มี อยากเป็น อยากได้ความรู้สึกท่ีเคยเชื่อตรงน้ันไว้ จึงพยายามตามดู ตามรู้ใน เรื่องราวความอยากของตนเองจนหาที่ส้ินสุดในเรื่องราวตนเองไม่เจอ จึงเกิด มีความสงสัยอยใู่ นใจตนเองตลอดเวลา เกดิ เคลอื บแคลงในความรู้สึกของตนเอง อยแู่ บบน้ัน การบันทึกเร่ืองราวต่างๆ ของท่านทง้ั หลายนั้นจึงเร่มิ ตน้ เกิดขนึ้ มาจาก เนอื้ หาเรอื่ งราวต่างๆ ท่กี ลา่ วมาแลว้ ประมาณแบบนี้ ท่านพอจะนึกภาพออกได้บ้างหรือยัง เร่ืองราววงเวยี นแหง่ ชีวติ ท่รี ูส้ กึ ได้แต่แตะต้องไม่ได้ คือความเป็นเดมิ แทน้ ัน้ โดนซ้อนทบั ดว้ ยปจั จบุ นั ทซ่ี อ้ นทบั กันอยู่ที่เป็นธรรมชาติของตนเอง คือเหตุและผลที่มีอิสระอยู่ร่วมกัน และโดน ปัจจุบันที่ข้ามปัจจุบันตนเองมาซ้อนทับๆ อีกเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงเวียนเกิด ใหมม่ ากมายทเ่ี กดิ ขนึ้ ในเนอื้ หาตนเองทป่ี รงุ แตง่ จนทา่ นทงั้ หลายมองหาวงเวียน เดมิ แทข้ องตนเองไมเ่ หน็ เลย 43

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แห่งธรรมนน้ั การที่บุคคลมากมายที่ยังติดอยู่ ยึดอยู่ ครอบครองอยู่ และยังเล่นอยู่ หลงอยู่ ในสงิ่ ทข่ี ้ามปัจจุบนั ตนเองมาตรงนี้ จะเกดิ ความฟุง้ ซ่านไปเลย แบบไม่รู้ สกึ ตนเองว่าก�ำลังเล่นอยู่กับสิ่งทขี่ า้ มปจั จบุ ันตนเองมาแล้ว ในผลท่ีเกิดเป็นเหตุ ตัวใหม่เสยี แล้วด้วยซ�ำ้ คือการยอมรับกับเร่ืองราวของผลที่เกิดจากเหตุเดิมแท้ จึงเข้ามาเล่นเข้ามาปรุงแต่งต่อและรองรับอยู่ในเร่ืองราวของผลตรงน้ันจนเป็น เหตตุ วั ใหม่ และเกิดเป็นผลตัวใหม่มารองรับอีก เกดิ เปน็ เหตตุ วั ใหมแ่ ละลงส่ผู ล อยูแ่ บบนไ้ี ปเรอ่ื ยๆ จนไม่รู้สึกตนเองได้เลย เปรยี บไดก้ บั การเลน่ สง่ิ ทเี่ กดิ แลว้ ดบั ในเรอื่ งราวตนเองทไี่ ม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร เหมอื นเนื้อหาเร่ืองราวตา่ งๆ น้ันเกิด เป็นเหตตุ วั ใหมล่ งสูผ่ ล และผลเกิดเปน็ เหตตุ วั ใหม่อยแู่ บบนตี้ ลอดเวลา เกดิ เป็น วฏั จกั รทห่ี มนุ วนในเนอื้ หาตนเองไปเลย จนหาทหี่ ยดุ หรอื ทส่ี นิ้ สดุ ไมไ่ ดข้ องความมี ทต่ี นเองไดร้ องรบั ไว้แล้ว จึงเกิดการหมุนวนอยู่ตลอดเวลาที่ตนเองเข้าไปแตะอยู่ ตลอดเวลาเชน่ น้ี เปน็ วงเวียนวงใหมท่ ีซ่ ้อนๆ ทับกันไมร่ ู้ท่สี น้ิ สุดเกิดข้นึ มาแทนท่ี แทนทก่ี ันอยแู่ บบนี้ จากปัจจุบันซ้อนปัจจุบันหรือเหตุสู่ผลท่ีเป็นธรรมชาติความจริงตนเอง ตรงน้ี ยังไมค่ ่อยนา่ กลวั ยงั ไม่คอ่ ยวิตกกงั วลใดๆ มาก แต่พอท่านท้ังหลายข้ามปัจจุบันตนเองมาแล้วรองรับถึงส่ิงปรุงแต่งตัว ใหม่ๆ ตรงน้ี ท่ีหมุนวนเร็วมากเกิดเป็นวัฏจักรข้ึนมาใหม่แทนความรู้สึกที่เป็น เดมิ แทข้ องตนเอง เนอื้ หาเรอื่ งราวทป่ี รงุ แตง่ ตอ่ ตรงนจี้ ะเปน็ สงิ่ ทนี่ า่ กลวั นา่ กงั วล ใจมากทีท่ ่านเข้าไปรองรับไว้ทุกอย่าง และยึดมัน่ ครอบครองในเรือ่ งราวท่ีไม่เคย มีจริงๆ จนเกิดมีเรื่องราวในตนเองขึ้นมาจริงๆ ตลอดเวลา แต่ตนเองก็ไม่รู้สึก ตนเองเสียด้วยซ�ำ้ ตรงนี้ น่ากลัวและน่ากังวลใจแทนกับผู้ที่ยังยึดตดิ อยูใ่ นวังวน ความเช่ือทีจ่ ดจ�ำบันทึกไว้ 44

เปน็ สง่ิ ท่มี เี หมือนไมม่ เี ร่อื งราวใดๆ ผลที่เกิดเป็นเหตุตัวใหม่ ท่ีรู้สึกเหมือนไม่ได้ปรุงแต่ง ทุกวันนี้คนท่ัวไปส่วนมากจะรู้สึกเล่นอยู่ในผลท่ีเกิดเป็นเหตุตัวใหม่ แทบท้ังส้ิน ก็คือการซ้อนปัจจุบันเลยข้ามปัจจุบันตนเองมา การเล่นในผลแล้ว เกดิ การรองรบั สง่ิ ปรงุ แตง่ จงึ เปน็ เหตตุ วั ใหมข่ น้ึ มาแทนท่ี ตรงนเ้ี ปน็ สงิ่ ทนี่ า่ กงั วลใจ มากเปน็ วงเวยี นวงใหมท่ เ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ โดยทท่ี า่ นทงั้ หลายไมร่ สู้ กึ ตนเองเสยี ดว้ ยซำ�้ จึงลืมเร่ือง เหตุสู่ผล ที่ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันตนเองที่ไม่มีเร่ืองราว แต่กลับก�ำลัง เลน่ ในผลทเี่ กดิ เปน็ เหตตุ วั ใหมแ่ ทนทใี่ นเรอ่ื งราวตนเอง เปน็ สงิ่ รองรบั ในความรสู้ กึ ตนเองทนี่ า่ กลัวมาก ทนี เี้ รอื่ งราวเนอ้ื หาตนเองจากสง่ิ ทเี่ ปน็ เดมิ แทจ้ งึ เปลยี่ นไปเลย กลายเปน็ ว่า การหมุนวนของความรู้สกึ ทเี่ ล่นอยู่กับปลายเหตุ เกิดเปน็ เหตุตัวใหม่ เหตตุ วั ใหมต่ รงนจี้ งึ เกิดเปน็ ผลตัวใหมไ่ มม่ ที ่ีจบลงได้เอง มคี วามคิดในเรือ่ งราวมากมาย มารองรับกับเร่ืองราวตนเอง ความเข้าใจท่ีไหลตามธรรมชาติตนเองมาเร่ือยๆ จงึ ผกู รัด เหนย่ี วร้ังกับความรู้สึกของผลทล่ี งมาสูเ่ หตุตวั ใหม่ เกดิ การเกดิ ดับๆ ใน เร่ืองราวในเหตุสู่ผลๆ แทนท่ีกันอยู่แบบน้ี ซึ่งท่านท้ังหลายอาจตามไม่ทันใน เรื่องราวตรงน้ีเลย จึงมองไม่เห็นในต้นเหตุเดิมแท้ของตนเองแล้ว คือความรู้สึก ที่เป็นปัจจุบันอันน้ันคือต้นเหตุเดิมแท้ หรือเหตุแห่งธรรม เหตุแห่งธรรมเปรียบ 45

ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนัน้ เหมอื นปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ทไ่ี มม่ ใี ครไปรองรบั กบั เรอ่ื งราวใดๆ จึงหมดเร่ืองราว ไปในธรรมชาติตรงนน้ั หากทา่ นทงั้ หลายเดนิ ตามมาดจู นเขา้ ใจในเนอ้ื หาตนเองไดจ้ รงิ ๆ จะรแู้ จ้ง ตามความจริงของตนเองท่ีว่า “ผล” จากต้นเหตุน้ัน ท่านก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ เร่ืองราวทมี่ กี ็จะคลายตัวลงเอง จนเรอื่ งราวความมตี รงน้หี ายไป เหมือนไดก้ ลับ ไปสตู่ ้นเหตุเดิมแทต้ นเองได้ แตต่ อนนี้ ทุกวันน้ี หรือปัจจบุ นั น้ีของคนอีกเป็นจ�ำนวนมากไม่ได้เข้าใจ อย่างท่ีบรรยายมาตามที่ชี้และสะกิดให้ดูความจริงในเร่ืองราวตนเอง พวกเขา เหลา่ นนั้ จงึ เขา้ ใจแบบไหลตามธรรมชาตทิ ปี่ รงุ แตง่ ในเรอ่ื งราวตนเองไป จึงเล่นกับ การซ้อนปจั จบุ ันและเลยปจั จุบันตนเองมาตลอดเวลา เขาเหล่านั้นข้ามปัจจุบันตนเองมาจนมองไม่เห็นเรื่องราวในปัจจุบัน ตนเองท่ีเป็นเดิมแท้ได้เลย เขาเล่นสนุกในผลท่ีเกิดเป็นเหตุตัวใหม่ เป็นวงเวียน วงใหม่เกิดขึ้น เป็นวงเวียนวงใหม่เกิดข้ึนเพิ่มอีกเพ่ิมข้ึนไปเร่ือยๆ ซ่ึงเนื้อหา เรอ่ื งราวตา่ งๆ ไมเ่ คยเกย่ี วขอ้ งกบั วงเวยี นแหง่ ชวี ติ วงแรกทเ่ี ปน็ เดมิ แทข้ องตนเอง เลย เร่ืองราวตรงนี้ท่ีเป็นอันตรายและน่ากังวลใจมากกับผู้แสวงหาที่หลงทาง เหล่านัน้ วงเวียนแห่งชวี ติ ทร่ี ูส้ ึกไดแ้ ตแ่ ตะต้องไม่ได้ ซ่ึงไมไ่ ด้มใี ครเป็นเจา้ ของใน วงเวียนวงนี้ที่เป็นเดิมแท้ในธรรมชาติตนเอง(วงเวียนที่หนึ่ง) มีองค์ประกอบที่มี รว่ มกนั คอื เหตุสู่ผล ผลก็คอื เร่อื งราวปรุงแตง่ ตามธรรมชาติตรงนน้ั ที่มีอสิ ระร่วม กันจึงไม่สงสยั ในธรรมชาตติ นเอง(วงเวียนที่สอง) จงึ มีอสิ ระท่ีมรี ว่ มกันตามความ เปน็ จรงิ แตก่ ารบรรยายตอ้ งดึงเรื่องราวความรสู้ ึกท่เี ป็นผลท่มี กี ารปรงุ แตง่ ออก มาเพื่อให้ท่านท้ังหลายได้เห็นเร่ืองการปรุงแต่งของตนเอง ท่ีมีเหมือนไม่มีการ ปรุงแตง่ ทเ่ี ปน็ เหตสุ ู่ผลตามธรรมชาติที่เปน็ อิสระ ความอิสระของผลในการปรุง แต่งตรงนี้ ทผ่ี บู้ รรยายตอ้ งดงึ ออกมาจากผลมาส่เู หตุตวั ใหม(่ เปน็ วงเวียนทสี่ าม) 46

เป็นสิง่ ทีม่ เี หมือนไม่มเี รื่องราวใดๆ เอาความร้สู กึ ของผลท่ซี อ้ นปัจจบุ นั ออกมาช้ีและสะกิดใหเ้ ห็นถึงการหมนุ วนใน ธรรมชาตขิ ณะน้นั เป็นวงเวียนอกี วงหนึง่ คือ วงที่ข้ามปัจจุบันตนเองมา ให้ท่าน ไดเ้ หน็ ในผลทเ่ี กดิ เปน็ เหตตุ วั ใหมต่ รงน้ี ทม่ี กี ารปรงุ แตง่ ตอ่ ทนั ทกี บั เรอ่ื งราวตนเอง และได้ครอบครองการปรงุ แต่งแบบเงยี บๆ ทนั ทีตรงนีไ้ ว้ จนตนเองก็ไมร่ ู้สึกดว้ ย ว่าได้ครอบครองเรอ่ื งราวปรุงแต่งตรงนไ้ี วเ้ ลย เป็นสิ่งท่ีธรรมชาติลวงความรู้สึก ไดแ้ นบเนยี นมาก หากใครสามารถฉุกคิดเฉลียวใจตนเองได้ในความรู้สึกตามที่บรรยาย มาตรงน้ี ท่านเหลา่ นน้ั กอ็ าจจะพบทางรอดไดเ้ ช่นกัน ทจ่ี ะไดร้ ูค้ วามจรงิ ทซ่ี อ้ นๆ กนั ในเร่ืองราวของธรรมชาตติ นเอง ที่ไมไ่ ด้มีใครเป็นเจ้าของในสง่ิ ทซี่ อ้ นปัจจุบนั และข้ามปัจจบุ ันตรงนมี้ าเชน่ กนั เรอื่ งราวเน้อื หาท่หี มนุ วนตามธรรมชาติตนเองตลอดเวลาเช่นน้ี ตามท่ีมี กลา่ วไวแ้ ลว้ ทำ� เหตุดยี ่อมไดร้ ับผลดี เหตุลงสผู่ ล ผล ทที่ า่ นไมไ่ ดค้ รอบครองใดๆ ก็จะกลับไปสู่ในต้นเหตุในตนเอง เป็นวงเวียนท่ีหมุนวนเป็นวงท่ีสองที่มีอิสระ เชน่ กนั ถงึ แมจ้ ะยอมรบั การปรงุ แตง่ ใหม้ จี นเกดิ เปน็ วงเวยี นทสี่ ามทปี่ รงุ แตง่ ตอ่ มา หากใครเข้าใจในเหตุเดิมแท้ตนเองก็จะย้อนทวนกลับไปสู่เรื่องราวภายในท่ีเป็น อสิ ระในตนเองไดเ้ ชน่ กนั จะประจกั ษแ์ จง้ แบบธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ ธรรมชาตทิ รี่ สู้ กึ เอง วา่ “เรอ่ื งราวตา่ งๆ ทไี่ ดป้ รงุ แตง่ ตอ่ มาตลอดเวลานน้ั กไ็ มใ่ ชเ่ รอ่ื งราวใดๆ ของ ตนเองเลย” ตนเองกไ็ มไ่ ดเ้ ป็นเจา้ ของใดๆ ในธรรมชาตทิ ่หี มนุ วนเปน็ วฏั จกั ร ตรงน้ี วงเวยี นท้งั หลายจะหายไปในความรสู้ กึ ตรงน้ันเอง เรื่องราวต่างๆ ท่ียดึ ไว้ ครอบครองไว้ ก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรอีกท่ีมาผูกรัดกับความรู้สึกตนเองที่ต้องไป รองรับ ตนเองจึงกลับมามีอิสระอีกคร้ังจากการที่ไม่ไปยึดติด ไม่ครอบครองใน เร่อื งราวปรุงแต่งของตนเองทีม่ ี ท่เี ป็น ตามสภาวธรรมตรงนนั้ 47

ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันสิ่งนี้ไม่เคยมีมาก่อน ข้ามปัจจุบันตนเองก็ไม่เคยมีอยู่เช่นกัน เรื่องราวความเข้าใจที่ผูดรัดตนเองมาตลอดเวลา คือความจ�ำท่ีเชื่อในภาษาจากการเรียนรู้มาตลอด จึงเป็นสิ่งที่ถอดถอนความเชื่อตรงนี้ลงได้ยาก หากท่านยังเช่ือจนหลงใหลตามภาษาที่มีในนี้ ก็ไม่สามารถเข้าถึงเรื่องราวความจริงของตนเองได้ ความจริงหรือความเข้าใจใดๆ ก็ยังมีเรื่องราว หาท่ีสุดแห่งความจริงของเร่ืองราวตรงนั้นไม่ได้ ส่ิงท่ีมีที่อธิบายมาท้ังหมดน้ันก็ไม่เคยมีใดๆ ธรรมชาติความเป็นอิสระนั้นจะรู้สึกได้ ก็ต่อเมื่อต้องวางความเชื่อในความจริงทั้งหลายลง ใช้ความรู้สึกตนเองภายในเพื่อดูความรู้สึกตนเอง อยู่กับเรื่องราวตนเองตรงน้ันโดยไม่ต้องใช้ภาษา เพราะเวลาท่ีได้เข้าถึงเรื่องราวตนเองแท้จริงภาษาก็ไม่มี

เปน็ สง่ิ ทมี่ เี หมอื นไมม่ เี รือ่ งราวใดๆ สิ่งท่ีมีเหมือนเป็นส่ิงท่ีไม่มี ในความรู้ตนเอง ท่านทัง้ หลายผูเ้ ป็นนกั เดนิ ทางผมู้ ปี ญั ญามากลน้ ทงั้ หลาย เร่ืองราวการ หมดสงสัยในธรรมชาตติ นเองนน้ั เปน็ ส่งิ ทง่ี ่าย ง่ายมาก และงา่ ยเกินไป จึงมีนอ้ ย คนนกั ทจี่ ะเดนิ ทางไปถงึ เรอ่ื งราวแบบนไ้ี ดแ้ ทจ้ รงิ ทา่ นทงั้ หลายลองมาดเู รอ่ื งราว ท่ีจะช้ีและสะกิดให้ดูในความง่ายตรงนี้ก่อน การหมดสงสัยน้ันเป็นสิ่งท่ีง่าย ท่านท้ังหลายผู้เป็นนักเดินทางผู้มีปัญญามากล้นท้ังหลายน้ันจะไม่สามารถเข้า ถึงเรอ่ื งราวแบบนไี้ ดจ้ รงิ ๆ เลย เพราะอะไร ? เพราะปัญญาของทา่ นนน้ั ยงั ไม่ใช่ ปัญญาท่ีเป็นเองตามธรรมชาติตนเอง แต่ปัญญาของท่านที่มีท่ีเป็นอยู่น้ัน เป็น ปัญญาเทียม ทไ่ี ด้ยึดม่นั ครอบครองเร่อื งราวในตนเองไว้ตามทเี่ รียนรู้และจดจ�ำ มา แต่ยงั รสู้ กึ ตนเองไมไ่ ด้ มองไมเ่ หน็ ในสิง่ ทย่ี ดึ เหน่ยี วในเรอื่ งราวตรงนี้ไว้ ท่าน จึงยอมรับกับเน้ือหาในค�ำกล่าวลอยๆ ท่ีว่า การหมดสงสัยเป็นส่ิงท่ีง่าย ค�ำว่า “งา่ ย” ค�ำๆ นี้ จงึ มเี รอ่ื งราว มีรปู ทรงในความรู้สึกของท่านขึน้ มาทนั ที จนกลาย เป็นความมีของภาษาที่มาแทนค่าในความรู้สึกตนเองทันที โอกาสที่จะเข้าใจใน เรอ่ื งราวตนเองจงึ มนี อ้ ยมาก จึงไม่สามารถเข้าถงึ เรอ่ื งราวความงา่ ยตามค�ำกล่าว ลอยๆ ของภาษาแบบน้ีได้จริงๆ 49

ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้นั ง่าย ค�ำๆ นี้ ผ้บู รรยายกลา่ วไว้ลอยๆ ท่ตี ้องใชค้ วามรูส้ กึ สู่ความร้สู กึ ของ ตนเองเข้าไปดู ไปรู้ ว่าความรู้สึกที่ว่าง่าย น้ันคือเรื่องราวอะไรในความรู้สึก ตนเองแบบของใครของท่าน สิ่งท่ีบอกว่าง่ายจะกลับกลายเป็นเร่ืองยากมากข้ึน ของนักเดินทาง นน้ั คอื ทา่ นทง้ั หลายไดย้ อมรบั กบั ภาษาและความเขา้ ใจในภาษา ตรงนี้ไปเรียบร้อย จึงเลยข้ามความจริงตนเองทันที ง่าย ค�ำนี้ต้องใช้ความรู้สึก ของตนเองเข้าไปสัมผัสในเน้ือหาเร่ืองราวตนเอง ไม่ใช่เข้าไปยอมรับกับภาษาท่ี ตนเองเรียนรู้มาจดจ�ำมาแล้วกับค�ำๆ นี้ เรอื่ งราวตนเองจงึ ไดผ้ ิดเพ้ยี นไปเลยกบั ความจ�ำท่ีตนเองจ�ำมาตลอดเวลา และยึดม่ันครอบครองความจ�ำจนเป็นความ เข้าใจตามท่เี คยเรียนรูม้ าตลอดของตนเองกบั ภาษาในค�ำวา่ งา่ ย ทนั ที สิ่งท่ีมีเหมือนไม่มีในความรู้สึกของตนเอง จึงเป็นสิ่งที่ยาก หากมีความ พยายามท่จี ะเข้าถึงในเรื่องราวของตนเอง ความพยายามของท่านจะข้ามความ รู้สึกเดิมแท้ตนเองเลยทันที เป็นเรื่องท่ีแปลกมาก ท่ีใครก็ตามที่ยังไปไม่ถึงท่ีสุด จะไมส่ ามารถเกดิ ความรแู้ จง้ เฉพาะตนตรงนไี้ ด้ ในความมที ไี่ มม่ ตี รงนี้ การยอมรบั ในความมีที่พยายามก�ำจัดออกไปหรือพยายามจะเข้าถึงในความรู้สึกของตนเอง นน้ั ยิ่งพยายามท�ำกย็ งิ่ มเี ร่อื งราวปรงุ แตง่ ต่อในความรู้สกึ ตนเองจนหาทีจ่ บไมไ่ ด้ ย่งิ เข้าใจในความมกี ็ย่งิ แสวงหาในเรอ่ื งราวทม่ี ีเพิ่มอกี เพราะเร่ืองราวตรงนี้ท่าน ผู้มีปัญญามากล้นทั้งหลายแต่เป็นปัญญาเทียมยังยึดม่ันครอบครองในความมีท่ี มองไม่เห็นความจริงของตนเองอยู่ แต่รู้สึกได้ตลอดเวลา เพราะปัญญาที่มีของ ตนเองตอนนี้ยังไม่ใช่ปัญญาแท้จริง ปัญญาแท้จริงไม่มีภาษา มีแต่ความรู้สึกที่ เห็นแจง้ ตามธรรมชาตใิ นขณะนน้ั แต่ด้วยปัญญาจากการจดจ�ำของท่านท่ียังมองไม่เห็นความจริงของ ตนเอง โดยมคี วามเชอ่ื ท่ีลึกมากทถ่ี ูกหล่อหลอมครอบง�ำตนเองไว้ ความรสู้ ึกของ ท่านจึงไล่จับเน้ือหาความมี แต่ไม่รู้สึกว่าก�ำลังไล่จับ ก�ำลังเล่นอยู่ในความรู้สึก 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook