ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ ท่ี เพศวิถี ศึกษา
สาระการเรียนรู้ 1 เพศวถิ ศี กึ ษา และบคุ คลทม่ี สี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การเรยี นรเู้ ร่อื งเเพศ 2 เพศวถิ ี และพฤตกิ รรมทาเเพศ 3 ทกั ษะในการป้องเกนั และแกป้ ัญหาเรอ่ื งเเพศและครองบครวั
เพศวิถีศึกษา
UNESCO ไดใ้ หค้ าจากดั ความของเ เพศวถิ ศี กึ ษาวา่ หมายถเึ “การเรยี นการสองนเกย่ี วกบั เรอ่ื งเเพศ และความสมั พนั ธ์ ทเ่ี หมาะสมกบั วยั ของเผเู้ รยี นและบรบิ ททาเวฒั นธรรม โดยการใหค้ วามรทู้ ถ่ี ูกตอ้ งเชดั เจน ขอ้ งมลู ทป่ี ราศจาก การตดั สนิ คุณคา่ บนพน้ื ฐานของเวทิ ยาศาสตร”์
ตามพรบ.การป้องเกนั และแกไ้ ขปัญหา การตเั้ ครรภใ์ นวยั รนุ่ พ.ศ. 2559 หมายถเึ “กระบวนการเรยี นรใู้ นเรอ่ื งเเพศทค่ี รองบคลมุ ถเึ พฒั นาการในแต่ละชว่ เวยั การมสี มั พนั ธภาพกบั ผอู้ ง่นื การพฒั นาทกั ษะสว่ นบคุ คล พฤตกิ รรมทาเเพศ สขุ ภาวะทาเเพศ และมติ ทิ าเสเั คม และวฒั นธรรมทส่ี เ่ ผลกระทบต่อง เรอ่ื งเเพศ รวมทเั้ สทิ ธกิ ารรบั รขู้ อ้ งมลู ขา่ วสารและ ความรเู้ กย่ี วกบั องนามยั การเจรญิ พนั ธทุ์ ใ่ี หค้ วามสาคญั กบั ความ หลากหลายและความเสมองภาคทาเเพศ”
บุ ค ค ล ท่ีมีสิท ธิท่ีจ ะ ไ ด้ รั บ ก า ร เ รี ย น รู้ เ ร่ือง เ เ พ ศ
ยูเนสโก ระบุวา่ เดก็ และเยาวชนจาเป็นและมสี ทิ ธทิ ่ี จะไดร้ บั การเรยี นรเู้ รอ่ื งเ เพศวถิ ศี กึ ษาใหเ้ หมาะสม กบั กลุ่มองายตุ ่าเ ๆ 4 กลมุ่ ดเั น้ี
สหประชาชาติ United Nations (UN) “วยั รุ่นมสี ทิ ธทิ จ่ี ะเขา้ ถเึ ขอ้ งมูลทจ่ี าเป็นต่องสุขภาพและพฒั นาการ และเอง้อื งต่องการมี สว่ นรว่ มองยา่ เเหมาะสมในสเั คม บรรดารฐั ภาคตี ่าเ ๆ จเึ ต้องเทาให้แน่ใจว่าวยั รุ่นทเั้ หญิเและชายทเั้ ในและนองก โรเเรยี นจะไมถ่ กู ปิดกนั้ การเขา้ ถเึ ขอ้ งมลู และจะไดร้ บั ขอ้ งมลู ทถ่ี กู ตอ้ งเเหมาะสมในการ ดูแลสุขภาพและพฒั นาการของเพวกเขา พร้องมทเั้ มพี ฤติกรรมท่ีดีต่องสุขภาพได้ องยา่ เไร ซ่เึ ควรรวมถึเข้องมูลเก่ียวกบั การใช้และการเสพบุหร่ี แองลกองฮองล์ และสารอง่ืน ๆ พฤตกิ รรมทาเสเั คมและทาเเพศทป่ี ลองดภยั และการเคารพผอู้ ง่นื โภชนาการและการ ององกกาลเั กาย”
อง เ ค์ก า ร อง น า มัย โ ล ก W o r l d H e a l t h O r g a n i z a t i o n ( W H O ) จากการวจิ ยั โดยองเคก์ ารองนามยั โลก ผลการใหก้ ารศกึ ษาเรอ่ื งเเพศวถิ ีศกึ ษา ทเ่ี น้นเรอ่ื งเการนาไปปฏบิ ตั ไิ ดเ้ หมาะสมถูกตอ้ งเ ในหลายประเทศทวั่ โลกพบ ผลใกลเ้ คยี เกนั วา่ ทกุ คนมสี ทิ ธเิ ทา่ เทยี มกนั ในการรบั รเู้ ร่อื งเเพศ
ประเทศไทย มพี ระราชบญั ญตั ิการป้องเกนั และแก้ไขปัญหาการตเั้ ครรภ์ในวยั รุ่น พ.ศ. 2559 ทร่ี ะบใุ นมาตรา 6 ทน่ี กั เรยี นมสี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การจดั การเรยี นการสองน เร่อื งเเพศวถิ ศี กึ ษาใหเ้ หมาะสมกบั วยั พฒั นาผูส้ องนใหม่มคี วามสามารถใน การให้คาปรกึ ษาเก่ยี วกบั เร่อื งเเพศวถิ ศี กึ ษาและจดั ให้มรี ะบบบรกิ ารดูแล ชว่ ยเหลอื ง และคุม้ ครองเองยา่ เเหมาะสม
สรุปเพศวิถีศึกษา และบุคคลท่ีมีสิทธิท่ีจะได้รับ ก า ร เ รี ย น รู้ เ ร่ื อง เ เ พ ศ ความหมายของเ บคุ คลทม่ี สี ทิ ธทิ จ่ี ะ เพศวถิ ศี กึ ษา ไดร้ บั การเรยี นรเู้ รอ่ื งเเพศ ตามยเู นสโก ตาม พรบ. การป้องเกนั ยเู นสโก แบ่เเป็น 4 กลมุ่ ตามชว่ เองายุ และแกไ้ ขปัญหาการ การเรยี นการสองนเกย่ี วกบั ตเั้ ครรภใ์ นวยั รนุ่ พ.ศ. สหประชาชาติ (UN) วยั รนุ่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะเขา้ ถเึ เรอ่ื งเเพศ รฐั ภาคตี อ้ งเจดั ใหเ้ หมาะสม 2559 องเคก์ ารองนามยั โลก และความสมั พนั ธท์ ่ี (WHO) ทุกคนมสี ทิ ธเิ ทา่ เทยี มกนั ในการรบั รเู้ รอ่ื งเเพศ เหมาะสมกบั กระบวนการเรยี นรใู้ นเรอ่ื งเ วยั ของเผเู้ รยี น เพศทค่ี รองบคลุมถเึ พรบ. การป้องเกนั และ นกั เรยี นมสี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การจดั การเรยี นการสองน แกไ้ ขปัญหา เรอ่ื งเเพศวถิ ศี กึ ษา พฒั นาการในแตล่ ะชว่ เวยั การตเั้ ครรภใ์ นวยั รุน่ ใหเ้ หมาะสมกบั วยั ฯลฯ พ.ศ. 2559
เพศวิถี
เพศวถิ ี (Sexuality) หมายถเึ ความชอบและการแสดงออก ทางเพศของคนซึ่งอาจจะแตกต่างกนั ทุกคนไมจ่ าเป็นตอ้ งเมคี วามชองบ และการแสดเององกทาเเพศทต่ี รเกบั เพศโดยกาเนิดหรอื งไมต่ อ้ งเตรเกบั บทบาทความเป็นชาย หรอื งความเป็นหญเิ ทเ่ี คยเหน็ โดยทวั่ ไป
เพศโดย คาวา่ เพศ กาเนดิ วถิ ี เพศ ในปัจจบุ นั
เพศวิถีในสัเคมท่ีหลากหลาย 1 ตอ้ งเการเป็นเพศใด เชน่ ชาย หญเิ กะเทย ฯลฯ
เพศวิถีในสัเคมท่ีหลากหลาย 2 ชองบมคี วามสมั พนั ธท์ าเเพศกบั เพศใด เชน่ รกั เพศเดียวกนั (Homosexual) คอื ง รกั ต่างเพศ (Heterosexual) รกั ทงั้ สองเพศ (Bisexual) บุคคลกลุ่มน้มี เี พศสมั พนั ธแ์ ละมคี วามสขุ คอื ง ผชู้ ายและผหู้ ญเิ โดยทวั่ ไปทช่ี องบ คอื ง บุคคลทช่ี องบและมคี วามสุขกบั คนู่ องน กบั คนู่ องนทเ่ี ป็นเพศเดยี วกนั และมคี วามสขุ กบั คนู่ องนทเ่ี ป็นเพศตรเ ทเั้ เพศเดยี วกบั ตนเองเและคนละเพศกบั ขา้ มกบั ตนเองเ ตน
เพศวิถีในสัเคมท่ีหลากหลาย 3 มคี วามพเึ พองใจทาเเพศและพฤตกิ รรมการมเี พศสมั พนั ธแ์ บบใด เชน่ ชองบคนทอ่ี งายรุ นุ่ เดยี วกนั ชองบคนทอ่ี งายมุ ากกวา่ ชองบคนทอ่ี งายนุ ้องยกวา่
เพศวิถีในสัเคมท่ีหลากหลาย 4 แสดเององกต่องสาธารณะเกย่ี วกบั เพศของเตนเองเองยา่ เไร ผชู้ ายแสดเององกถเึ ผหู้ ญเิ แสดเององกถเึ ผหู้ ญเิ ทแ่ี สดเององกถเึ ความเป็นชาย ความเป็นหญเิ ความเป็นชายองยา่ เเปิดเผย ผชู้ ายทแ่ี สดเององกถเึ ความเป็นหญเิ องยา่ เ เปิดเผย
เพศวิถีในสัเคมท่ีหลากหลาย 5 มลี กั ษณะทาเกายภาพต่องรา่ เกายองยา่ เไร ซเ่ึ องาจเหมอื งนหรอื ง ตา่ เจากเพศโดยกาเนิดกไ็ ด้ เชน่ ผชู้ ายหรอื งผหู้ ญเิ ทผ่ี ่านการผา่ ตดั แปลเเพศ
ความหลากหลายทาเเพศมีมาตเั้ แต่สมยั โบราณ ปรากฏหลกั ฐานการสืบทองด จากศิลปวฒั นธรรมฝาผนัเ ภาพเขยี น ตามปรากฏจากหลกั ฐานต่าเ ๆ เช่น กจิ กรรมการแสดเององก กจิ กรรมการแสดเององก กจิ กรรมการแสดเององก ในเชเิ สเั วาสแบบชายหญเิ ในเชเิ สเั วาสแบบชายชาย ในเชเิ สเั วาสแบบหญเิ หญเิ วหิ ารลายคาวดั พระสเิ ห์ วดั ภมู นิ ทร์ จ.น่าน วดั คเคาราม จ.ราชบุรี จ.เชยี เใหม่
ตารากามสตู รเป็นวรรณคดภี าษาสนั สกฤต ของเองนิ เดยี ทก่ี ลา่ วถเึ เรอ่ื งเราวเกย่ี วกบั เพศ เป็นตาราทใ่ี หค้ วามรดู้ า้ นเพศศกึ ษา สาหรบั ชายหญเิ องยา่ เครบถว้ น ผเู้ ขียนเชื่อว่าเรื่องเพศไมใ่ ช่ส่ิงผิด แต่การทาผิดศีลธรรมเท่านัน้ ท่ีเป็นความผิดและถือ เป็ นบาป
พฤติกรรม ทาเเพศ
พฤติกรรมทางเพศ (Sexual Behavior) หมายถเึ การกระทาหรอื การแสดงออก ทางเพศที่มีพืน้ ฐานมาจากความรู้ ทศั นคติ และประสบการณ์ ซเ่ึ องาจแตกต่าเกนั ไป ในแตล่ ะบคุ คล องาจตรเหรอื งไมต่ รเกบั เพศโดยกาเนิดและบทบาท หญเิ ชายทส่ี เั คมกาหนดกไ็ ด้
พฤติกรรมทางเพศท่ีส่งผลกระทบทางลบ ต่อตนเองและผอู้ ่ืน หมายถเึ การกระทาทาเเพศทท่ี าใหต้ นเองเหรอื ง ผอู้ ง่นื ไดร้ บั ความเดอื งดรอ้ งน เชน่ มเี พศสมั พนั ธ์ โดยไมป่ ้องเกนั การแสดเองวยั วะเพศในทส่ี าธารณะ การแองบถา่ ยและเผยแพร่ คลปิ วดิ โี องขณะมเี พศสมั พนั ธ์
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 1. ปัจจยั ด้านรา่ งกาย พฤตกิ รรมทาเดา้ นเพศของเวยั รุน่ จะไดร้ บั องิทธพิ ล โ ด ย ต ร เ จ า ก ฮ อง ร์โ ม น เ พ ศ ท า ใ ห้เ กิด ก า ร เปล่ยี นแปลเทาเเพศองย่าเชดั เจน เช่น ถ้าวยั รุ่น ได้รบั สเ่ิ กระตุ้นทาเเพศส่เผลใหเ้ กดิ องารมณ์ทาเ เพศองยา่ เรวดเรว็
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 2. ปัจจยั ด้านอารมณ์ มกี ารเปลย่ี นแปลเทาเดา้ นองารมณ์ เชน่ มอี งารมณ์เปลย่ี นแปลเเา่ ย ใจรอ้ งน ววู่ าม สบั สน องกี ทเั้ ยเั ตอ้ งเการการยองมรบั จากกลุ่มเพอ่ื งน
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 3. ปัจจยั ด้านครอบครวั ได้แก่ ค่านิยมในเร่ืองเเพศของเพ่องแม่ ผู้ปกครองเ ความสมั พนั ธภ์ ายในครองบครวั และการองบรมสเั่ สองน การ เลียนแบบพฤติกรรมทาเเพศมีองิทธิพลองย่าเมากต่อง พฤตกิ รรมทาเเพศของเวยั รนุ่ เองเดว้ ย
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 4. ปัจจยั ด้านการคบเพ่ือน เพ่อื งนมคี วามสาคญั และจาเป็นต่องชวี ติ ของเวยั รุ่น เพราะมี องทิ ธพิ ลดา้ นความคดิ ความเช่อื ง ตลองดจนใหค้ าปรึกษาใน เรอ่ื งเตา่ เ ๆ รวมถเึ พฤตกิ รรมทาเเพศ
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 5. ปัจจยั ด้านสงั คม การเปลย่ี นแปลเของเสเั คมไทย สเ่ ผลใหว้ ยั รุ่นบาเ คนเห็นคุณค่าของเวตั ถุนิยมมากข้ึน เช่น นิยม สนิ ค้าย่หี อ้ งดเั มชี ่อื งเสยี เ ราคาแพเ นองกจากน้ียเั ไดร้ บั ขอ้ งมลู จากสอ่ื งต่าเ ๆ ทาใหค้ า่ นิยมพฤตกิ รรม ทาเเพศเปลย่ี นไป
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 6. ปัจจยั ด้านวฒั นธรรม ปัจจุบนั วยั รุ่นไดร้ บั วฒั นธรรมหลากหลายจากกลุ่มต่าเ ๆ ทเั้ ในประเทศและต่าเประเทศทวั่ โลก ผา่ นส่อื งต่าเ ๆ เช่น ส่ืองสิ่เพิมพ์ ส่ืองโทรทัศน์ และองินเทองร์เน็ต เ กิดการ เลยี นแบบพฤตกิ รรมทาเเพศได้
ปั จจัยท่ีส่เผลต่องพฤติกรรมทาเเพศในวัยรุ่น 7. ปัจจยั ด้านสื่อและเทคโนโลยี มผี ลตอ่ งพฤตกิ รรมทาเเพศของเวยั รนุ่ การเลอื งกเสพส่อื งและ ใชเ้ ทคโนโลยจี เึ ตอ้ งเมวี จิ ารณญาณ เพราะจะส่เผลต่องเรา ทเั้ เชเิ บวกและเชเิ ลบ
สรุป เพศวิถี และพฤติกรรมทาเเพศ เพศวถิ ี พฤตกิ รรมทาเเพศ (Sexuality) (Sexual Behavior) ความหมาย เพศวถิ ใี นสเั คมท่ี ความหมาย ปัจจยั ทส่ี เ่ ผล หลากหลาย ความชองบและ การแสดเององก ดา้ นรา่ เกาย การแสดเององก ตอ้ งเการเป็นเพศใด ทาเเพศทม่ี พี น้ื ฐาน ดา้ นองารมณ์ ดา้ นครองบครวั ทาเเพศ ชองบมคี วามสมั พนั ธท์ าเเพศกบั เพศใด มาจากความรู้ ดา้ นการคบเพอ่ื งน ทศั นคติ ดา้ นสเั คม มคี วามพเึ พองใจทาเเพศแบบใด ดา้ นวฒั นธรรม แสดเององกตอ่ งสาธารณะองยา่ เไร ประสบการณ์ มลี กั ษณะทาเกายภาพองยา่ เไร ดา้ นสอ่ื งและเทคโนโลยี
ทัก ษ ะ ใ น ก า ร ป้ อง เ กัน แ ล ะ แ ก้ ปั ญ ห า เ ร่ือง เ เ พ ศ ใ น ค ร อง บ ค รัว
ทักษะ เป็นความสามารถของเบคุ คลในการแกป้ ัญหาทเ่ี กดิ ความตเึ เครยี ดทเั้ ทาเดา้ นรา่ เกายและจติ ใจ การแก้ปั ญหา มขี นั้ ตองนดเั น้ี 1 เขา้ ใจสถานการณ์ 2 กาหนดปัญหาใหถ้ ูกตอ้ งเชดั เจน 3 วเิ คราะหห์ าสาเหตุสาคญั 4 หาวธิ แี กท้ เ่ี ป็นไปได้ 5 เลอื งกวธิ แี กป้ ัญหาทด่ี ที ส่ี ดุ 6 วาเแผนการปฏบิ ตั ิ 7 ตดิ ตามและประเมนิ ผล
ตวั อย่าง 1 : เม่ือมีความรกั ในวยั เรยี น 1 เขา้ ใจสถานการณ์ รกั ในวยั เรยี นไมใ่ ชค่ วามผดิ 2 กาหนดปัญหาใหถ้ กู ตอ้ งเชดั เจน จเึ ไมค่ วรปกปิดผปู้ กครองเ 3 วเิ คราะหห์ าสาเหตุสาคญั 4 หาวธิ แี กท้ เ่ี ป็นไปได้ ผปู้ กครองเไมเ่ หน็ ดว้ ยและไมย่ องมรบั การมคี วามรกั ในวยั เรยี น ผปู้ กครองเกเั วลใจเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธ์ ทอ่ี งาจนาไปสกู่ ารมเี พศสมั พนั ธใ์ นวยั เรยี น พดู คุยกบั ผปู้ กครองเองยา่ เตรเไปตรเมา มกี ารปฏบิ ตั ติ นในเรอ่ื งเเพศองยา่ เถกู ตอ้ งเ เคารพสทิ ธใิ นรา่ เกายของเตนเองเและผอู้ ง่นื
5 เลอื งกวธิ แี กป้ ัญหาทด่ี ที ส่ี ดุ พดู ความจรเิ กบั ผปู้ กครองเ ตเั้ ใจรบั ฟัเคาแนะนาองยา่ เไมม่ อี งคติ 6 วาเแผนการปฏบิ ตั ิ 7 ตดิ ตามและประเมนิ ผล ดจู เั หวะเวลาในการพดู ทาองยา่ เไรใหผ้ ปู้ กครองเเชอ่ื งมนั่ ในตวั เรา ควรใหเ้ วลาผปู้ กครองเในการทาความเขา้ ใจ พสิ จู น์ใหเ้ ชอ่ื งมนั่ ในพฤตกิ รรมทด่ี เี ามของเเรา
ตวั อย่าง 2 : เมือ่ ตงั้ ครรภจ์ ะบอกผปู้ กครองหรอื ครอู ย่างไร 1 เขา้ ใจสถานการณ์ ตรวจสองบวา่ ตเั้ ครรภแ์ น่นองน 2 กาหนดปัญหาใหถ้ ูกตอ้ งเชดั เจน แลว้ ยองมรบั กบั สถานการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ 3 วเิ คราะหห์ าสาเหตุสาคญั ยตุ กิ ารตเั้ ครรภห์ รอื งตเั้ ครรภต์ อ่ ง บองกผปู้ กครองเทเั้ สองเฝ่ายองยา่ เไร การไมร่ จู้ กั วธิ ปี ้องเกนั การมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมป่ ้องเกนั การมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยป้องเกนั ผดิ วธิ ี
4 หาวธิ แี กท้ เ่ี ป็นไปได้ พดู คยุ กบั ครู่ กั เพอ่ื งหาแนวทาเทเ่ี ป็นไปไดร้ ่วมกนั 5 เลอื งกวธิ แี กป้ ัญหาทด่ี ที ส่ี ดุ ปรกึ ษาผปู้ กครองเหรอื งครเู พอ่ื งหาแนวทาเ 6 วาเแผนการปฏบิ ตั ิ ปรกึ ษาคลนิ กิ วยั รนุ่ บองกความจรเิ กบั ผปู้ กครองเ ครู และครู่ กั ปฏบิ ตั ติ ามทบ่ี คุ ลากรทาเการแพทยแ์ นะนา ประเมนิ ตนเองเวา่ จะยตุ กิ ารตเั้ ครรภห์ รอื งตเั้ ครรภต์ ่อง เลอื งกบองกใครก่องนระหวา่ เผปู้ กครองเ ครู หรอื งครู่ กั เลอื งกชว่ เเวลาและจเั หวะในการพดู ถา้ ผปู้ กครองเตาหนิ จะหาวธิ ขี องโทษองยา่ เไร
7 ตดิ ตามและประเมนิ ผล ควรใหเ้ วลาผปู้ กครองเในการทาความเขา้ ใจ ยองมรบั ผดิ ไมเ่ ถยี เ ตอ้ งเรบั ฟัเผปู้ กครองเหรอื งครู องยา่ เดนิ หนเี พราะเป็นการหนีปัญหา บองกผปู้ กครองเหรอื งครเู รอ่ื งเการไปพบบคุ ลากรทาเ การแพทยท์ ค่ี ลนิ ิกวยั รนุ่ และ ของคาแนะนาาจากผปู้ กครองเหรอื งครู สเั เกตพฤตกิ รรมของเครู่ กั และประเมนิ สถานการณ์ใน องนาคตรว่ มกนั
ทักษะ เป็นความสามารถในการปฏเิ สธผอู้ ง่นื โดยสทิ ธอิ งนั ชองบทา หากแต่การ กระทานนั้ ตอ้ งเไมท่ ารา้ ยจติ ใจบคุ คลอง่นื และไมท่ าให้เสยี สมั พนั ธภาพ การปฏิเสธ 1 ปฏเิ สธองยา่ เจรเิ จเั 2 ใชค้ วามรสู้ กึ เป็นขอ้ งองา้ เประกองบเหตุผล 3 ของความเหน็ ชองบและแสดเความของบคณุ 4 ไมค่ วรหวนั่ ไหวกบั คาพดู เซา้ ซ้ี 5 ปฏเิ สธทม่ี นั่ คเและสภุ าพ 6 ปฏเิ สธดว้ ยทา่ ทเี ชเิ บวก
ตวั อย่างการใช้ทกั ษะปฏิเสธ เชน่ “ถา้ รกั ฉนั จรเิ องยา่ บเั คบั ฉนั ฉนั ไมอ่ งยากใหเ้ ธองทา แบบน้”ี 1. ปฏเิ สธองยา่ เจรเิ จเั ทเั้ ทา่ ทาเ คาพดู น้าเสยี เเพอ่ื งแสดเ ความตเั้ ใจองยา่ เชดั เจน เชน่ “ฉนั รสู้ กึ ไมส่ บายใจทจ่ี ะไปกบั คณุ เพราะพอ่ งไมช่ องบ ใหเ้ ราองยกู่ นั ตามลาพเั ” 2. ใชค้ วามรสู้ กึ เป็นขอ้ งองา้ เประกองบเหตุผล ทาใหเ้ กดิ การโตแ้ ยเ้ ไดย้ ากขน้ึ
ตวั อย่างการใช้ทกั ษะปฏิเสธ 3. การของความเหน็ ชองบและแสดเการของบคุณเป็นการ เชน่ “ของบใจทช่ี วน เองาไวโ้ องกาสหน้าเราขององนุญาตแม่ รกั ษาน้าใจของเผชู้ วน กอ่ งน” 4. เมอ่ื งถกู เซา้ ซไ้ี มค่ วรหวนั่ ไหวจะทาใหข้ าดสมาธิ ควรยดื หยดั เชน่ “ฉนั ของหยดุ เพยี เเทา่ น้เี พอ่ื งองนาคตของเเรา” การปฏเิ สธและหาทาเององก ดเั น้ี เชน่ “แยกกนั กลบั ดกี วา่ จะไดก้ ลบั บา้ นไมด่ กึ ” 4.1 ปฏเิ สธซ้าโดยไมต่ อ้ งเใชข้ อ้ งองา้ เ เชน่ “ไวอ้ งาทติ ยห์ น้าแลว้ กนั วนั น้ฉี นั ไมว่ า่ เ” 4.2 การต่องรองเ หากจิ กรรมอง่นื มาทดแทน 4.3 การผดั ผอ่ งน ยดื ระยะเวลาององกไป
ตวั อย่างการใช้ทกั ษะปฏิเสธ 5. ปฏเิ สธทม่ี เั่ คเและสภุ าพ เชน่ “ทาแบบน้ไี มไ่ ดห้ รองก ถา้ รกั กนั จรเิ ตอ้ งเรองได”้ 6. ปฏเิ สธดว้ ยทา่ ทเี ชเิ บวก ไมใ่ หก้ ระทบศกั ดศิ์ รขี องเผอู้ งน่ื เชน่ “เธองเป็นผชู้ ายทฉ่ี นั รกั แต่ฉนั พรอ้ งมทจ่ี ะเป็นของเเธอง ตอ่ งเมอ่ื งเราสองเคนมคี วามพรอ้ งม”
“ ก า ร ฝึ ก ทั ก ษ ะ ก า ร ป ฏิ เ ส ธ เป็นความสามารถของเบุคคล ใ น ก า ร ป ฏิ เ ส ธ โ ด ย ไ ม่ เ สี ย สมั พนั ธภาพเพ่ืองหลีกเล่ียเความ ขัด แ ย้เ แ ล ะ ปั ญ ห า เ ร่ือง เ เ พ ศ ตามมา”
ทักษะ การแสดเององกทาเองารมณ์โดยปราศจากการควบคุมองาจก่องให้เกิด ผลเสยี ตามมา ความสามารถจดั การกบั องารมณ์เป็นทกั ษะท่เี รียนรู้ การจัดการ และฝึกฝนได้ ดเั น้ี กับองารมณ์ 1 สารวจองารมณ์หลเั ความรสู้ กึ ทเ่ี กดิ 2 คาดการณ์ผลดแี ละผลเสยี ของเการแสดเองารมณ์นนั้ 3 จดั การกบั องารมณ์ดว้ ยวธิ ตี ่าเ ๆ 4 สารวจความรสู้ กึ ตนองกี ครเั้
1. การสารวจอารมณ์หลงั ความร้สู ึก ที่เกิดขึน้ ขณะนัน้ เชน่ โกรธ ดใี จ เสยี ใจ เป็นตน้
2. การคาดการณ์ผลดีและผลเสียของ การแสดงอารมณ์นัน้ ออกมา เชน่ หากไมพ่ องใจทเ่ี พอ่ื งนเลน่ บองลรนุ แรเ แลว้ วเ่ิ เขา้ ไปผลกั เพอ่ื งน ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ องาจมเี รอ่ื งเชกต่องย ทะเลาะววิ าท เป็นตน้
3. การจดั การกบั อารมณ์ด้วยวิธีต่าง ๆ เชน่ การนบั 1 – 10 ชา้ ๆ หรอื งนบั ต่องไปเรอ่ื งย ๆ จนกวา่ องารมณ์จะสเบลเ หรอื งการหายใจเขา้ -ององกยาว ๆ เป็นตน้
4. การสารวจความรสู้ ึกตนเองอีกครงั้ และชื่น ชมทต่ี นเองเสามารถจดั การกบั องารมณ์ได้
การมปี ัญหาทาเองารมณ์โดยปราศจากการจดั การกบั องารมณ์องาจกอ่ งใหเ้ กดิ ความขดั แยเ้ และปัญหาครองบครวั ได้ ดเั นนั้ จเึ จาเป็นทจ่ี ะตอ้ งเมกี ารฝึกการควบคุมองารมณ์ดเั น้ี 1 ฝึกใหม้ สี ตริ ะเบั องารมณ์ทร่ี นุ แรเ 2 หลกี เลย่ี เสถานการณ์ทก่ี ่องใหเ้ กดิ ความตเึ เครยี ด 3 พดู ปรบั ทุกขเ์ พอ่ื งเป็นการผอ่ งนคลายความตเึ เครยี ด 4 หาเวลาององกกาลเั กาย เล่นกฬี าทช่ี องบหลเั เลกิ เาน 5 สรา้ เองารมณ์ทพ่ี เึ ปรารถนา เชน่ องา่ นหนเั สอื ง เล่นดนตรี 6 หาสาเหตุ เมอ่ื งเขา้ ใจจะคลายความตเึ เครยี ดลเ
Search