Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อีบุ๊คหน่วย4

อีบุ๊คหน่วย4

Published by sawan_1966, 2019-08-29 10:09:13

Description: อีบุ๊คหน่วย4

Search

Read the Text Version

แผนการสอน หน่วยเรยี นที่ 4 รหสั วิชา 2501-1005 ชอื่ วชิ า หลกั การเลย้ี งสตั ว์ จานวน 2 หน่วยกิต ชื่อหน่วย ชนดิ ประเภทและพนั ธ์สุ ัตวม์ าตรฐาน สอนคร้ังท่ี ชอื่ เรือ่ ง ชนิด ประเภทและพันธส์ุ ัตว์มาตรฐาน จานวน ชว่ั โมง หวั ข้อเรอื่ งและงาน 1. ประเภทและพันธ์สุ ตั วใ์ หญ่ 2. ประเภทและพนั ธุ์สัตวเ์ ล็ก 3. ประเภทและพนั ธ์สุ ตั วป์ กี 4. ประเภทและพันธ์สุ ัตว์เศรษฐกิจชนิดอ่นื ๆ สาระสาคญั การแบ่งกลมุ่ สัตวเ์ ศรษฐกจิ แบง่ ออกเปน็ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสตั วใ์ หญ่ กล่มุ สตั วเ์ ลก็ กลมุ่ สัตวป์ กี และกลุ่มสัตวอ์ ื่น ๆ ในการเรียนวชิ าหลกั การเล้ยี งสตั ว์ จะกลา่ วถงึ กลุ่มสัตว์ใหญ่ กลุ่มสตั วเ์ ล็ก กลมุ่ สัตว์ปกี และกลุ่มสตั ว์เศรษฐกิจชนดิ อ่ืน ๆ ท่ีมีความสาคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเทา่ น้นั จดุ ประสงค์การสอน จุดประสงคท์ ่ัวไป 1. มีความรู้เรอ่ื งการแบ่งกล่มุ สตั ว์เศรษฐกิจ 2. มคี วามรู้เร่อื งชนดิ ประเภทและพันธ์สุ ตั วใ์ นกล่มุ สัตวใ์ หญ่ 3. มีความรเู้ รื่องชนิดประเภทและพนั ธุ์สตั วใ์ นกลมุ่ สตั วเ์ ล็ก 4. มีความรเู้ รอื่ งชนดิ ประเภทและพันธุ์สัตว์ในกลมุ่ สัตวป์ ีก 5. มคี วามรู้เรอ่ื งชนดิ ประเภทและพันธ์สุ ตั ว์ในกลุ่มสัตวเ์ ศรษฐกิจชนดิ อื่น ๆ จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. แบ่งกลมุ่ สตั วเ์ ศรษฐกิจได้ถูกต้อง 2. บอกชนดิ ประเภทและพันธุ์สัตวใ์ นกลมุ่ สตั วใ์ หญไ่ ด้ 3. บอกชนดิ ประเภทและพนั ธุส์ ตั ว์ในกล่มุ สัตวเ์ ล็กได้ 4. บอกชนดิ ประเภทและพนั ธ์ุสตั วใ์ นกลุ่มสัตว์ปกี ได้ 5. บอกชนิดประเภทและพันธุ์สัตวใ์ นกลมุ่ สตั ว์เศรษฐกิจชนิดได้

บทท่ี 4 ชนิดประเภทและพนั ธุ์สัตวม์ าตรฐาน 1. การแบ่งประเภทสัตว์ สตั วเ์ ลยี้ งมีอย่ดู ว้ ยกันหลายประเภท ซง่ึ แตล่ ะประเภทกม็ ีความแตกตา่ งกนั ไปทง้ั ดา้ นการกนิ อาหาร แหลง่ ที่อยู่อาศัย และพฤติกรรม เราสามารถแบ่งประเภทของสัตวไ์ ด้ดงั นี้ ww1.1 แบง่ ตามจดุ ประสงค์ของมนุษย์ทจี่ ะนามาใชป้ ระโยชน์ ww 1.1.1 สัตว์ป่า (wild animals) ได้แก่ กวาง ช้าง แรด อเี กง้ นกปา่ เสอื สงิ โต งู ไก่ป่า ผ้งึ เต่า เปน็ ตน้ ww 1.1.2 สัตว์เลีย้ งในฟาร์ม (farm animals) ไดแ้ ก่ โค กระบือ แพะ แกะ สกุ ร ม้า ลา ล่อ เป็ด ไก่ หา่ น ไก่งวง นกกระทา เป็นต้น ww1.2 แบง่ ตามวัตถปุ ระสงค์ (purpose animals) ของการเล้ยี ง ww 1.2.1 เพือ่ เปน็ สตั วเ์ ศรษฐกิจ (economic animals) ได้แก่ โคเนื้อ โคนม กระบือ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด เปน็ ตน้ ww 1.2.2 เพ่ือเปน็ สตั วเ์ ศรษฐกิจทางเลือกใหม่ (new alternative economic animals) ไดแ้ ก่ นกกระจอกเทศ อูฐ จระเข้ กวาง วัวแดง ผง้ึ สกุ รปา่ จงิ้ หรีด เปน็ ต้น ww 1.2.3 เพอ่ื เป็นสัตวส์ วยงามและให้ความเพลิดเพลนิ (companion animals) ไดแ้ ก่ สุนัข แมว โคชน นกเขา กระตา่ ย นกสวยงาม เปน็ ต้น ww 1.2.4 เพื่อเป็นสัตวส์ งวนหรอื สตั วอ์ นุรักษ์พนั ธ์ุ (conservative animals) ไดแ้ ก่ วัวแดง กูปรี เปน็ ต้น ww1.3 แบง่ ตามสรีระ ระบบโครงร่างหรอื ขนาดของสตั ว์ ww 1.3.1 สตั วใ์ หญ่ ได้แก่ ชา้ ง ม้า โค กระบือ ลา ลอ่ เปน็ ต้น ww 1.3.2 สัตวเ์ ล็ก ไดแ้ ก่ สุกร แพะ แกะ กระตา่ ย สุนัข แมว เป็นตน้ ww 1.3.3 สัตวป์ ีก ได้แก่ ไก่ เป็ด ไกง่ วง หา่ น เปด็ เทศ นกกระทา นกกระจอกเทศ เป็นตน้ ww 1.3.4 สัตว์นา้ ได้แก่ ปลา กุง้ ปู หอย เป็นตน้ (จดั เป็นสตั ว์จาพวกการประมง) ww 1.3.5 สตั ว์อื่น ๆ ไดแ้ ก่ จระเข้ กบ เต่า ไหม ผงึ้ ตะพาบนา้ งู เปน็ ตน้ ww1.4 แบ่งตามสรรี ะ ระบบยอ่ ยอาหาร ww 1.4.1 สัตว์กระเพาะเดยี่ ว (simple stomach) ได้แก่ สุกร ไก่ มา้ ลา ล่อ กระตา่ ย หนู เป็นตน้ ww 1.4.2 สัตว์กระเพาะรวม (compound stomach) ได้แก่ โค กระบือ แพะ แกะ เปน็ ตน้ ww1.5 แบง่ ตามพฤติกรรมการกนิ ww 1.5.1 สัตวก์ ินพืช (herbivores) ไดแ้ ก่ โค กระบือ แพะ แกะ ชา้ ง มา้ อฐู เปน็ ต้น

ww 1.5.2 สตั ว์กินเนอ้ื (carnivores) ได้แก่ เสอื สงิ โต สนุ ัข แมว เปน็ ตน้ ww 1.5.3 สตั ว์กินพืชและกินเนื้อ (omnivores) ได้แก่ สกุ ร หนู เปน็ ต้น สัตว์ทน่ี ิยมเล้ยี งโดยมจี ุดประสงคเ์ พ่ือทารายไดใ้ ห้กบั ผเู้ ล้ียงในปจั จุบนั นี้มหี ลายชนิดดว้ ยกัน เช่น โค กระบือ แพะ แกะ สกุ ร ไก่ เป็ด เปน็ ต้น ซงึ่ สัตวแ์ ต่ละชนดิ ยงั แบ่งออกเปน็ หลายประเภทและหลายพันธ์ุซง่ึ พอจะจัดแบ่งไดเ้ ป็นกลุม่ ๆ ดังตอ่ ไปน้ี 1.1 สัตวป์ กี ไดแ้ ก่ ไก่ เป็ด หา่ น และนก เป็นต้น 1.2 สตั วเ์ ลก็ ได้แก่ สุกร แพะ แกะ และกระต่าย เปน็ ต้น 1.3 สตั วใ์ หญ่ ได้แก่ โค กระบอื และม้า เปน็ ต้น 1.4 สตั วเ์ ศรษฐกจิ ชนดิ อนื่ ๆ ได้แก่ จระเข้ กบ และตะพาบน้า เป็นต้น 2. ประเภทและพันธ์สุ ตั วใ์ นกลุ่มสตั ว์ปกี สตั ว์ปีก หมายถงึ สัตวป์ กี จาพวกนกท่มี ีรา่ งกายปกคลมุ ด้วยขน (feather) เปน็ สัตว์เลือดอนุ่ ออกลกู เป็นไข่ อุณหภมู ริ า่ งกายคอ่ นขา้ งสูง 105–109 องศาฟาเรนไฮด์ ท่ีมีความสาคัญทางเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ ไก่ เป็ด หา่ น นก 2.1 ไก่ (Hen) เป็นสัตว์ที่อยใู่ นวงศ์ตระกูล Phasianidae ปัจจุบนั มชี ่อื วทิ ยาศาสตร์วา่ Gallus domesticus รปู ที่ 1 กายวิภาคโครงสรา้ งกระดกู ของไก่

ลักษณะสขี องไก่ สขี าว (White) สดี า (black) สีดอกหมาก (dark gray) สีทอง (Black Tailed Buff) สีกระดาหรือลายขาวตอก สปี ระดู่ (Black Mottled) (Partridge Black red) ลักษณะของหงอนไก่ หงอนจักร หงอนกหุ ลาบ ไกแ่ บ่งได้ 4 ประเภทคือ

2.1.1 ประเภทไก่ไข่ (Egg type) ลกั ษณะทัว่ ไปมขี นาดเลก็ ปราดเปรียวว่องไว ตกใจง่าย น้าหนกั ประมาณ 1.5 กิโลกรมั ให้ไขด่ กไมช่ อบฟักไข่ คุณภาพเน้ือตา่ มีถ่ินกาเนิดแถบรอ้ นได้แก่ 1) พันธเ์ุ ล็กฮอร์น (Leghorn) มี 3 สี คือ สนี ้าตาล สีขาว นิยมเลีย้ งมากสีดา หงอนเปน็ แบบจักร และกหุ ลาบ หนังสขี าว แข้งเหลอื ง เปลอื กไขส่ ีขาว ภาพท่ี 1 ไกพ่ ันธเ์ุ ล็กฮอร์น 2) พันธ์ุแอนโคน่า (Ancona) มีสดี า หงอนเป็นแบบจกั ร และกุหลาบ เปลอื กไขส่ ขี าว หนังและแข้งสเี หลือง ภาพท่ี 2 ไก่พนั ธุ์แอนโคน่า 3) พันธุไ์ ก่ไข่ทีน่ ิยมเล้ยี งในปัจจบุ นั เปน็ ไก่ไข่พันธุล์ ูกผสม เปลอื กไข่สีนา้ ตาล ขนสีนา้ ตาล ไข่ดก กนิ อาหารน้อย ทนรอ้ นไดด้ ี ไดแ้ ก่พันธุ์ - นวิ ซปุ เปอร์ฮาโก้ - บราวน์นคิ - เอเอบราวน์ - ไฮเชคบราวน์ - อซี า่ บราวน์

2.1.2 ประเภทไก่เน้ือ (Meat type) ลกั ษณะเป็นไกท่ ่ีมีนา้ หนักมาก เคล่ือนไหวชา้ เจา้ เน้อื ไขไ่ ม่ดก ได้แก่ 1) พนั ธุ์ไลทบ์ ราม่า (Light Brahma) มี 2 สีคือ สดี าและสีขาว หงอนเปน็ แบบเมลด็ ถัว่ หนงั และแข้งสีเหลอื ง มขี นปกคลมุ จากแข้ง ถงึ เทา้ เปลือกไขส่ นี า้ ตาล ภาพท่ี 3 พันธ์ุไลทบ์ ราม่า 2) พนั ธโ์ุ คชนิ (Buff Cochins) มหี ลายสี เชน่ สีดา สีเหลอื อ่อน มีหงอนแบบจักร หนงั และแข้งสีเหลอื ง มขี นที่หน้าแขง้ เปลอื กไขส่ นี า้ ตาล ภาพท่ี 4 ไก่พันธโุ์ คชิน 3) พนั ธ์ุแลงชานดา (Black Langshans) มสี ีดา หงอนแบบจกั ร หนงั สีขาว แขง้ สีนา้ เงินแกม ดา มีขนทห่ี น้าแขง้ เปลือกไข่สนี ้าตาล ภาพที่ 5 ไก่พันธ์แุ ลงซานดา

4) พนั ธ์ุพลีมัทรอ๊ คขาว (White Plymouth Rocks) มีขนสขี าวหงอนแบบจักร หนงั และแข้ง สีเหลือง เปลือกไขส่ นี ้าตาล ภาพที่ 6 ไกพ่ ันธ์ุพลมี ทั ร๊อคขาว 5) พนั ธ์ุคอร์นชิ ขาว (White Cornish) มสี ีขาวและสีดาแกมสเี ขยี ว หงอนแบบเมล็ดถัว่ หนงั และแข้งสเี หลอื ง เปลือกไขส่ ีน้าตาล ภาพที่ 7 ไก่พนั ธค์ุ อรน์ ิชขาว 6) พันธุด์ อรก์ ิง้ (Dorking) มสี เี ทาปนเงนิ หงอนแบบจกั ร หนงั และแขง้ และเปลอื กไข่สี ขาว ภาพที่ 8 ไก่พันธุด์ อร์กิ้ง

7) ไกเ่ น้อื ท่ีนิยมเลย้ี งในปจั จุบนั เรยี กอกี อย่างวา่ ไก่กระทง สว่ นใหญ่เปน็ พันธ์ลุ ูกผสม ไดแ้ ก่ พนั ธุ์ เอเอ 707 ฮบั บาร์ด รอสวนั เอเนค อาซ่า เชฟเวอร์ สตาร์โบร ฯลฯ 2.1.3 ประเภทไก่กึง่ เนื้อกึ่งไข่ (Dual purpose type) ไก่ประเภทน้ีออกไขแ่ ละให้เนือ้ ค่อนขา้ งสงู ลกั ษณะปราดเปรยี วกว่าไก่เนื้อ ชา้ กว่าไก่ไข่ ขนาดโตกวา่ ไก่ไข่ แต่ออกไข่ชา้ ได้แก่พันธ์ุ 1) พนั ธโ์ุ รดไอรแ์ ลนด์แดง (Rhode Island Red) ขนสีแดงปนนา้ ตาล หงอนเป็นแบบ จักรและกุหลาบ หนังและแขง้ สีเหลือง ไขเ่ ปลือกสนี ้าตาล ปลายปีกหางสดี า ภาพท่ี 9 ไกพ่ ันธ์โุ รดไอร์แลนด์แดง 2) พันธุ์ พลีมัทรอ็ คลาย (Barred Plymouth Rocks) ขนลายดาสลบั ขาว หงอนเปน็ แบบจกั ร หนงั และแขง้ สีเหลอื ง เปลอื กไขส่ นี ้าตาล ภาพที่ 10 ไก่พนั ธุพ์ ลีมทั รอ็ กลาย 3) พนั ธุ์นวิ แฮมเชยี ร์ (New Ham shire) ขนสีแดงเหลอื ง ปรับปรงุ มาจากพนั ธ์ุ โรดไอรแ์ ลนด์แดง หงอนแบบจกั ร หนงั และแข้งสเี หลอื ง เปลอื กไข่สนี า้ ตาล ภาพที่ 11 ไก่พันธ์ุนิวแฮมเชยี ร์

2.1.4 ประเภทไกส่ วยงาม(Fancy type) ลักษณะตวั เต้ยี เลก็ สวยงามน่ารกั เลยี้ งไวด้ ูเล่นได้แก่ ไก่แจ้ไทย และไก่แจ้ญป่ี ุ่น ภาพท่ี 12 ไก่แจ้สายพันธ์ุไทย ภาพที่ 13 ไกแ่ จส้ ายพันธ์ญุ ีป่ นุ่ 2.2 เปด็ (Duck) เป็นสตั ว์ท่ีอยูใ่ นวงศต์ ระกูล Antidae ปัจจุบันมีช่ือวิทยาศาสตร์ว่า Anas platyrhuclus เปน็ สัตว์ชอบเล่นน้า ทขี่ นมีนา้ มันเคลือบทาให้กนั น้าและลอยอยบู่ นน้าได้ ทน่ี ยิ มเล้ียงในปัจจบุ ัน มี 2 กลุ่มคือ 2.2.1 พันธ์ุพืน้ เมืองของไทย ไดแ้ ก่ 1) พันธปุ์ ากน้า ขนสดี า อกสีขาว ปากดา เทา้ ดา ไข่ดก ไข่ฟองเลก็ รปู รา่ งเล็ก ตวั ผู้ หัวสเี ขียวบรอนซ์ ภาพท่ี 14 เปด็ พันธป์ุ ากนา้

2) พันธ์นุ ครปฐม ตวั เมยี ขนลายกาบอ้อย ตวั ผขู้ นสีเทา หัวสเี ขยี ว คอขว้ันขาว ปากสี เทา เท้าสีเหลืองแก่ หรอื สม้ ตวั โต ไขฟ่ องใหญแ่ ต่ไมด่ ก ภาพท่ี 15 เป็ดพันธ์นุ ครปฐม 2.2.2 พันธ์ุเป็ดตา่ งประเทศ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท ได้แก่ 1) เปด็ พันธไุ์ ข่ 1. พนั ธุก์ ากแี คมปเ์ บลล์ (Khaki Campbell) เปน็ เป็ดที่ไข่ดกทีส่ ดุ ตวั เมยี ขนสกี ากี ปากสีเขยี วแก่อมดา หางส้นั ขาและเท้าสกี ากี ตัวผขู้ นทหี่ ัวลาคอ ปลายหาง ปลายปีก สเี ขยี วแกม เหลอื ง ขนท่ลี าตัวและหน้าอกสีกากี ปากและเท้าสีเขียวจัด ภาพที่ 16 เปด็ พนั ธก์ุ ากีแคมป์เบลล์ 2. พนั ธุ์ อนิ เดียนรนั เนอร์ (Indian Runner) มี 3 ชนดิ คือ - พนั ธุส์ ีเทาแกมเหลืองหรอื นา้ ตาลอ่อนสลบั ขาว - พนั ธ์สุ ีขาว - พันธสุ์ ลี าย ไข่ดกรองจากพันธุ์กากแี คมปเ์ บลล์ เดินคล้ายนกเพนกวนิ

ภาพที่ 17 เป็ดพนั ธอุ์ ินเดยี นรนั เนอร์ 2) เป็ดพันธ์เุ นื้อ 1. พนั ธุ์มัสโควี (Muscovy) หรอื เปด็ เทศ มีถ่ินกาเนิด อเมริกาใต้ เปด็ พันธนุ์ บี้ นิ เกง่ ฟกั ลกู เก่ง ภาพที่ 18 เปด็ พันธ์มุ สั โควี 2. พนั ธ์บุ ารบ์ ารี (Barbary) เปน็ เปด็ เทศที่ได้รับการปรับปรงุ จากฝรัง่ เศสตวั สีขาว ภาพที่ 19 เปด็ พนั ธุ์บารบ์ ารี 3. พันธ์ุปกั ก่ิง (Pekin) ขนและเท้าสีหมากสุก จงอยปากสีเหลอื งไมฟ่ ักไข่ บินไม่เกง่

ภาพท่ี 20 เป็ดพนั ธปุ์ กั กง่ิ 4. พันธเุ์ อลสเบอร่ี (Aylesbury) ขนสีขาว ไข่ดก ชอบอากาศหนาวจัด ภาพที่ 21 เปด็ พันธเ์ุ อลสเบอรี่ 5. พันธ์รุ แู อง (Rouen) รสชาดเนือ้ ดีมาก แตเ่ ลยี้ งยากโตชา้ ภาพท่ี 22 เปด็ พันธ์รุ ูแอง 3) เป็ดพนั ธุ์สวยงาม ได้แก่พันธุ์ 1. คอลล์ (Call) 2.ไวทเ์ ครส (White Crested) 3. แบลคอิสต์อินเดียน(Black East Indian) 4.แมนดารนิ (Mandarin)

ภาพท่ี 23 เปด็ ประเภทสวยงามพนั ธุแ์ มนดารนิ 2.3 หา่ น (Geese) เป็นสตั ว์ทอ่ี ย่ใู นวงศต์ ระกลู Antidae ปัจจุบันมีช่อื วิทยาศาสตร์ว่า Anser anse หา่ นท่ีเลี้ยงในปัจจุบันเปน็ ห่านทีส่ บื เช้อื สายมาจากห่านปา่ สีเทา โดยมนุษย์นามาเล้ียงและปรบั ปรุงพนั ธ์ุ พนั ธห์ุ า่ นท่ีได้รับการยอมรบั ว่าเปน็ พันธมุ์ าตรฐาน ไดแ้ ก่พันธ์ุ 2.3.1 ทูเลาส์ (Toulouse) ภาพที่ 24 ห่านพันธท์ุ ูเลาส์ 2.3.2 เอ็มเดน (Emden) ภาพท่ี 25 ห่านพันธเุ์ อ็มเดน 2.3.3 อาฟริกัน (African) ภาพที่ 26 หา่ นพันธอ์ุ าฟรกิ ัน

2.3.6 อียิปต์ (Egyptian) ภาพที่ 27 หา่ นพนั ธอ์ุ ยี ิปต์ 2.3.5 แคนาดา (Canada) ภาพท่ี 28 หา่ นพันธแุ์ คนาดา 2.3.4 จนี (Chinese) ในการปรับปรงุ พันธ์แุ ละคัดเลือกพันธุ์นยิ มใชห้ า่ นพันธ์จุ นี เป็นแมพ่ ันธ์ุ เพราะจะไดล้ ูกผสม ที่มีลักษณะเจริญเติบโตเร็ว ให้ไขด่ ก อตั ราการผสมติด และฟกั ออกเปน็ ตัวสงู พันธห์ุ า่ นทนี่ ยิ มเล้ยี งใน ประเทศไทย คือ พันธุจ์ ีน ลักษณะประจาพนั ธ์ุคือมรี ูปรา่ งคล้ายหงส์ มี 2 ชนิด ได้แก่ ชนดิ สเี ทานา้ ตาล และชนิดสีขาว มีปมนูนเด่นที่ฐานปากเหนอื หัวตา ใหไ้ ข่เร็วและไขด่ กกวา่ พันธุอ์ น่ื ๆ โดยเฉลีย่ ปลี ะประมาณ 40-65 ฟอง หา่ นท้ัง 2 ชนิดมีการเจริญเตบิ โตเรว็ หา่ นเพศผนู้ ้าหนักประมาณ 4.55-5.45 กโิ ลกรัม และหา่ น เพศเมยี น้าหนักประมาณ 3.60- 4.55 กิโลกรมั ภาพที่ 29 หา่ นพันธุ์จีน 2.4 นกกระทา (Quail)

นกกระทา เป็นสัตวอ์ ยวู่ งศ์เดียวกบั ไก่และไก่ฟ้า นกกระทามีการเล้ยี งทัว่ ไปในทวปี เอเชยี ยโุ รป อาฟรกิ า และอเมริกา พนั ธุ์ท่นี ยิ มเลยี้ งและรู้จักกันมาก ได้แก่ 2.4.1 พันธเ์ุ วอร์จเิ นยี (Verginia) 2.4.2 พันธ์แุ คลฟิ อรเ์ นยี (Carifornia) 2.4.3 พันธุ์ญ่ีปนุ่ (Japanese) พนั ธุ์นกกระทาทน่ี ยิ มเลยี้ งในประเทศไทย คือ พันธ์ุญ่ีปุ่น ให้ไข่ดก ไขเ่ รว็ เลย้ี งงา่ ยแข็งแรง ไม่ค่อยมีปญั หาด้านโรค การเลีย้ งนกกระทายังไม่กระจายและมปี รมิ าณเทียบเท่าการเลีย้ งไก่และเปด็ แตก่ ็มี การเล้ียงนกกระทาเป็นอาชีพเพือ่ การผลิตไข่อยู่มาก สาหรบั นกกระทาไข่ท่ีคดั ท้ิงรวมทั้งนกกระทาเพศผู้จะ เลย้ี งเปน็ นกกระทาเน้ือเพื่อบรโิ ภค นอกจากน้ยี ังมีการเลย้ี งนกกระทาเพอื่ ใช้เปน็ สัตว์ทดลองในการศึกษาและ วจิ ยั ต่าง ๆ อีกดว้ ย ลักษณะท่ัวไปของนกกระทาญ่ปี นุ่ เมอื่ วยั หน่มุ สาวถงึ โตเต็มวัยนกกระทาตัวเมยี จะมนี า้ หนักประมาณ 110-150 กรัม สว่ นเพศผู้ จะมนี ้าหนักน้อยกว่าเล็กน้อย เม่ืออายุ 3 สัปดาห์ จะมสี แี ละลวดลายของสีขนแตกต่างกนั เห็นได้ชัด เพศผู้ ลวดลายสขี นบริเวณลาคอจะมีสนี ้าตาลปนแดงหรือดาสจี ะเข้มกวา่ เพศเมีย อายุ 42 วนั เริม่ ไข่ ภาพท่ี 30 นกกระทาพนั ธญ์ุ ่ีปนุ่ 2.5 นกกระจอกเทศ (Ostrich) เปน็ นกท่ีมีขนาดใหญ่ทสี่ ุดและบนิ ไม่ได้ มีถ่นิ กาเนิดในทวีปอาฟริกาเป็นสตั วใ์ นตระกลู Struthionilac ตวั ผู้เมอื่ โตเตม็ ท่จี ะมีความสูงถงึ 2.5 เมตร ก่ึงหน่งึ เปน็ ความสูงของลาคอและศีรษะมีน้าหนัก ประมาณ 155 กโิ ลกรมั ส่วนตัวเมียจะมีขนาดเลก็ กวา่ ไข่ของนกกระจอกเทศมีความยาวเฉลี่ย 150 มิลลิกรัม น้าหนกั ไข่ 1.35 กโิ ลกรมั จัดว่าเป็นไข่ท่ใี หญท่ ส่ี ดุ ของกลมุ่ สัตว์ปีกดว้ ยกนั ลกั ษณะท่วั ไป จะมีขนสดี า ส่วนหางและปกี เปน็ ขนสีขาว นกตวั เมียสว่ นมากจะมขี นสีนา้ ตาลสว่ น หวั มสี ีชมพแู ละฟ้า ส่วนขาไมม่ ขี น ศรี ษะเล็ก จงอยปากสนั้ และแบน ตาโตขนตามีสีนา้ ตาลปนดา ธรรมชาตขิ อง

นกกระจอกเทศมักชอบอยู่กนั เปน็ ฝงู ราว 5-10 ตวั กนิ พืชเป็นอาหาร สว่ นเทา้ มีนว้ิ 2 นิว้ แข็งแรงจนเป็นกีบ เมือ่ ตกใจหรอื ถูกรุกรานจากคนหรือสตั วก์ ินเนอื้ จะวงิ่ หนไี ด้ในอัตราความเรว็ 65 กิโลเมตร/ชว่ั โมง และในยาม คับขันจะใช้เท้าเป็นอาวุธเตะคู่ตอ่ สู้ สาหรบั นกกระจอกเทศที่ปรับปรงุ พันธขุ์ ้นึ มาเล้ยี งเปน็ การค้าในปจั จบุ นั แบง่ ออกเป็นสายพนั ธ์ุ ดว้ ยกัน คือ 2.5.1 พันธุ์คอแดง (Red Neck) นกกระจอกเทศสายพันธนุ์ ี้จะมีผิวสีชมพูเข้ม ตวั ผู้จะมีขนสดี าตลอดลาตวั ยกเวน้ ปลายหางและปลายปีกจะมสี ีขาว สว่ นตัวเมียจะมสี นี า้ ตาลเทา มีขนาดตวั ใหญ่มาก สงู 2.00-2.50 เมตร น้าหนกั 105-165 กโิ ลกรัม ใหผ้ ลผลิตเนอื้ มาก แตใ่ ห้ไขน่ ้อย ตวั ผ้คู อ่ นข้างดโุ ดยเฉพาะในฤดูผสมพนั ธุ์ 2.5.2 พนั ธคุ์ อนา้ เงิน (Blue Neck) นกกระจอกเทศสายพนั ธุ์นี้จะมีลกั ษณะผิวหนังสฟี ้าอมเทา สีขนจะเหมือนกบั พันธุ์ คอแดงแตต่ ัวจะเล็กกว่าเลก็ น้อย ให้เนื้อน้อยกวา่ พันธุค์ อแดง แต่ใหไ้ ขม่ ากกวา่ 2.5.3 พนั ธุค์ อดา (Black Neck or African Black) นกกระจอกเทศสายพันธ์นุ ้ีจะมีผวิ หนังสีเทาดา เท้าและปากสีดา ตวั เล็ก ใหผ้ ลผลิต เนือ้ น้อย แตใ่ ห้ไข่มากกวา่ พันธุอ์ ่นื ๆ และมีนสิ ยั เช่ือง ไมด่ รุ ้าย พันธุ์คอดาถือเป็นสายพนั ธุ์ทไี่ ดร้ ับความนิยม เลี้ยงมากท่ีสดุ ในปัจจบุ ันเนือ่ งจากใหไ้ ขไ่ ด้มาก ภาพท่ี 31 นกกระจอกเทศพนั ธุ์คอแดงและพนั ธค์ุ อดา 3. ประเภทและพันธุ์สัตวใ์ นกลมุ่ สัตว์เลก็ สตั วเ์ ลก็ หมายถึง สตั วท์ ี่เลีย้ งลูกดว้ ยนมช่วงชีวติ ปานกลาง ใหผ้ ลผลติ ระยะสัน้ มีทัง้ กระเพาะ เดี่ยวและกระเพาะรวม ท่เี ปน็ สัตวเ์ ศรษฐกิจ ได้แก่ สกุ ร แพะ แกะ กระต่าย 3.1 สกุ ร (Swine) สกุ รเป็นสัตว์อยู่ในตระกูล Suidae ปัจจุบนั มีช่ือวิทยาศาสตรว์ ่า Sus domesticus

ภาพที่ 32 กายวิภาคโครงกระดูกของสกุ ร สกุ รแบง่ ตามลักษณะและคุณสมบตั ิได้ 3 ประเภท คือ 3.1.1 สุกรประเภทเบคอน (Bacon type) ลกั ษณะทั่วไปลาตวั ยาวกว่าประเภทอน่ื ภาพที่ 33 เนือ้ เบคอน กล่มุ ประเทศแถบยโุ รปเล้ยี งไวเ้ พื่อทาผลิตภัณฑเ์ บคอนที่นิยมเลย้ี งในประเทศไทย ได้แก่ 1) พันธุ์แลนดเ์ รซ (Land race) กาเนิดในเดนมารค์ มีสขี าวทั้งตัว อาจมจี ุดดาบา้ ง ลาตัว ยาวกว่าอื่น ๆ หลงั คอ่ นขา้ งตรง หัวเล็ก ใบหูใหญป่ รกลงข้างหน้า

ภาพท่ี 34 สุกรพันธ์ุแลนดเ์ รซ 2) พนั ธุล์ าร์จไวท์ (Large White) กาเนดิ ในองั กฤษ ตัวใหญ่ สีขาว หูตง้ั ภาพท่ี 35 สุกรพันธลุ์ าร์จไวท์ 3) พนั ธุ์เปียแตรง (Pietrains) กาเนิดในเบลเยยี่ ม ตัวขาวมีปนื้ ดาใหเ้ นื้อแดงสูง เลี้ยงเพ่ือ ปรับปรงุ พันธ์ุ ภาพท่ี 36 สุกรพนั ธเุ์ ปยี แตรง 3.1.2 สุกรประเภทเนื้อ (Meat type) ลกั ษณะทั่วไป สนั ทดั ตัวสัน้ กว่าพันธเุ์ บคอน ลาตวั หนา ลกึ กวา่ เบคอน หลงั โคง้ คล้ายคนั ธนู ไหล่ และสะโพกใหญ่ ท่ีนิยมเลยี้ งในเมืองไทย ได้แก่ ภาพที่ 37 เนอ้ื สุกร

1) พนั ธ์ุ ดูรอ็ ค เจอร์ซี่ (Duroc Jersey) กาเนดิ ในอเมริกา มสี ีแดงตลอดลาตัว มีกลา้ มเน้ือหนา หลังโค้ง สะโพกใหญ่ หูตง้ั ปลายปรก นยิ มใช้เปน็ พ่อพันธุ์ ภาพที่ 37 สกุ รพนั ธ์ุดูรอ็ คเจอร์ซี่ 2) พันธแุ์ ฮมเชยี ร์ (Hamshire) กาเนดิ ในอเมรกิ า ตัวสีดามีคาดขาวชว่ งขาหนา้ หูต้ัง สามารถใช้อาหารหยาบในแปลงหญ้าแทนอาหารข้นได้ ภาพท่ี 38 สุกรพนั ธุ์แฮมเชยี ร์ 3.1.3 สุกรประเภทมนั (Lard type) สุกรประเภทนีไ้ ม่คอ่ ยนยิ มเลย้ี งเปน็ อาชีพ มมี นั มากกวา่ เนอื้ ตวั ส้นั หลังแอน่ ท้องยาน เลีย้ งง่าย หากินเก่ง ทนต่อสภาพแวดลอ้ มได้ดี

ภาพที่ 39 มันสกุ ร พนั ธุ์ส่วนใหญ่เป็นพนั ธุ์พ้นื เมอื งของไทย ได้แก่ พันธคุ์ วาย ราด ไหหลา พวง กระโดน ภาพที่ 39 สุกรประเภทมนั พนั ธ์คุ วาย ภาพท่ี 39 สุกรประเภทมนั พันธไุ์ หหลา ภาพท่ี 40 สุกรประเภทมนั พนั ธุ์พวง 3.2 แพะ(Goat) แพะมีชอื่ วิทยาศาสตร์ว่า Capra hircus เปน็ สัตว์เล้ยี งง่ายขยายพนั ธุเ์ ร็ว มีขนาดเลก็ สะดวก ต่อการเลยี้ งดู หากินเก่งใช้พ้ืนทีเ่ ล้ียงนอ้ ยปรบั ตวั เก่ง ทนตอ่ สภาพแวดลอ้ มได้ดี แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ 3.2.1 แพะนม ลกั ษณะปราดเปรยี ว ไม่คอ่ ยมเี นื้อ มนี ้านมมาก นา้ นมแพะมีประโยชน์เหมอื น น้านมโค แต่ยอ่ ยได้งา่ ยกว่า ที่นยิ มเลี้ยงมหี ลายพันธ์ุ ไดแ้ ก่ 1) พนั ธ์ุซาเนน (Saanen) กาเนดิ ในสวติ เซอร์แลนด์ มสี ีขาว ขนสัน้ หูต้ังให้นา้ นมมาก

ภาพท่ี 41 แพะนมพันธุซ์ าเนน 2) พันธ์ทุ ๊อกเกน็ เบิร์ก (Toggenberg) กาเนดิ ในสวิตเซอรแ์ ลนด์ ใหน้ ้านม ไขมันสูง ภาพที่ 42 แพะนมพันธ์ุท๊อกเก้นเบริ ์ก 3) พนั ธ์ุบรติ ิช แอลไพน์ (British Alpine) กาเนดิ บนเกาะบรเิ ทนใหญ่ สดี า ให้น้านมดี ไขมันสูง ภาพที่ 40 แพะนมพันธุ์บริตชิ แอลไพน์ 3.2.2 แพะเนื้อ 1) พันธุ์บอร์ (Boer) นาเขา้ มาจากประเทศแอฟรกิ าใต้ เมอื่ ปลายปีพ.ศ. 2539 เป็นแพะ เนอ้ื ขนาดใหญ่ ลกั ษณะเด่นคือมีลาตัวสขี าว หวั และคอจะมีสีแดงใบหูยาวปรก

ภาพท่ี 42 แพะเน้ือพนั ธ์บุ อร์ 2) พนั ธุ์แองโกลนเู บียน (Anglonubian) จากอังกฤษ ซ่งึ นิยมเล้ยี งมาก ที่เกิดจากการ ปรับปรงุ พนั ธุโดยผสมพนั ธุระหวางแพะอียปิ ต พนั ธุซาไรบี แพะอินเดีย พนั ธุจามนาปารี และแพะจาก สวสิ เซอรแลนด พันธุทอกเกน็ เบริ ก ภาพที่ 43 แพะเน้ือพนั ธุ์แองโกลนเู บยี น 3.2.3 แพะขน สว่ นใหญก่ าเนดิ ในเขตอากาศหนาวตามเทือกเขา พนั ธท์ุ ีน่ ิยมเล้ยี งได้แก่ 1) พนั ธแุ์ องโกรา่ (Angora) กาเนิดในเตอร์กี ตัวเลก็ ขนสขี าวครีม เสนขนเปนปุย ละเอียดออนนุม ภาพท่ี 44 แพะขนพันธแ์ุ องโกร่า 2) พันธุ์แคสเมยี ร์ (Cashmere) กาเนดิ ในอินเดีย ตัวใหญ่ ขนสขี าว เทาอ่อน และสี นา้ ตาล หนังจะมคี ุณภาพดีใชทา กระเปา เครอื่ งหนังไดดี ขนยาวละเอียดใชทอเปนเครื่องนุมหมได้

ภาพท่ี 45 แพะขนพันธุ์แคสเมียร์ 3.3 แกะ (sheep) แกะมีชื่อวิทยาศาสตรว์ า่ Ovis aries แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 3.3.1 แกะขน เปน็ แกะที่มขี น มี 3 ชนิด แกะขนยาวมาก (5 น้ิว -12 นิ้ว) ได้แก่พันธ์ุ 1) ลนิ คอล์น (Lincoln) กาเนิดในประเทศองั กฤษ มีขนยาวคุณภาพสงู และมกั จะถกู นาไปผสมพันธกุ์ ับแกะสายพันธุอ์ ื่น ๆ ภาพท่ี 46 แกะขนพนั ธล์ุ ินคอล์น 2) รอมเนย์มาร์ช (Romney Marsh) กาเนิดในประเทศองั กฤษ แตถ่ ูกนาไปเล้ียงท่ี นวิ ซีแลนด์จานวนมาก มขี นยาวสวย และสามารถเลย้ี งเป็นพนั ธุ์เน้ือไดด้ ว้ ย ภาพท่ี 47 แกะขนพันธ์ุรอมเนยม์ ารช์

แกะขนยาวปานกลาง (2 น้ิว – 5 นิว้ ) ไดแ้ ก่พันธุ์ 1) ดอร์เซส ฮอรน์ (Dorset Horn) มีเขายาวเมื่อโตเตม็ ท่ี ขนสวย ให้ลูกดก 2-4 ตัวตอ่ ปี ภาพที่ 48 แกะพันธดุ์ อร์เซส ฮอร์น 2) โคลัมเบีย (Columbia) กาเนิดในสหรัฐอเมริกา หน้าขาว ขายาว มีขนาดใหญ่ ภาพท่ี 49 แกะขนพันธุ์โคลมั เบีย แกะขนสน้ั (1นวิ้ – 4น้วิ ) ได้แก่พันธ์ุ 1) เมอรโิ น ออสเตรเลยี (Merino Australia) กาเนิดในออสเตรียเลีย ไม่มเี ขา ภาพท่ี 50 แกะขนพันธเ์ุ มอริโน ออสเตรเลยี 2) แรมบูเลต (Rambouillet) กาเนิดฝรง่ั เศส มขี นาดใหญ่ ขนยาว

ภาพที่ 51 แกะขนพันธุแ์ รมบเู ลต 3.3.2 แกะเนือ้ ท่นี ยิ มเล้ียงได้แก่พนั ธ์ุ 1) ซานตาอินเนส(Santa Ines) ภาพที่ 52 แกะเน้ือพันธ์ซุ านตาอนิ เนส 2) คาทารด์ นิ (Katahdin) ภาพที่ 53 แกะเน้ือพันธ์ุคาทารด์ นิ 3.4 กระตา่ ย (Rabbit) กระต่ายมชี ือ่ วทิ ยาศาสตร์ว่า Oryctolagus cuniculus เป็นสตั วก์ ระเพาะเดย่ี วท่ีกนิ หญ้าเปน็ อาหารหลกั โตเร็ว สามารถเล้ียงสวยงามหรือเปน็ อาหารได้ แบ่งตามขนาดได้ 3 ประเภท คือ

3.4.1 ขนาดเลก็ เปน็ กระต่ายทีโ่ ตเตม็ ที่ อายปุ ระมาณ 4 เดือน ขนาดน้าหนกั 1.40-2.50 กโิ ลกรัม ได้แก่พนั ธุ์ 1) หิมาลายนั (Himalayan) ภาพท่ี 54 กระตา่ ยพนั ธุห์ ิมาลายนั 2) เรก็ ซ์ (Rex) ภาพท่ี 55 กระต่ายพันธเุ์ ร็กซ์ 3) ไทย (Thai Rabbit) ภาพท่ี 56 กระตา่ ยพนั ธไ์ุ ทย 3.4.2 ขนาดปานกลาง เปน็ กระตา่ ยทีโ่ ตเตม็ ที่ อายุประมาณ 5-6 เดอื น ขนาดนา้ หนัก 5 กโิ ลกรมั ขึ้นไป ไดแ้ ก่พันธุ์ 1) แคลิฟอร์เนียน (Californian)

ภาพท่ี 57 กระต่ายพนั ธ์แุ คลิฟอรเ์ นียน 2) นวิ ซแี ลนด์ (New Zealand) ภาพท่ี 58 กระตา่ ยพันธ์ุนิวซแี ลนด์ 3.4.3 ขนาดใหญ่ เปน็ กระต่ายท่ีโตเต็มที่ อายปุ ระมาณ 6-7 เดอื น ขนาดนา้ หนัก 5 กิโลกรมั ข้นึ ไป ไดแ้ กพ่ นั ธุ์ เฟลมมติ ส์ ไจแอล (Flemist giant) ภาพท่ี 59 กระต่ายพนั ธุ์เฟลมมิตส์ ไจแอล 4. ประเภทและพนั ธสุ์ ัตว์ในกล่มุ สัตว์ใหญ่ ได้แก่ โค กระบอื และม้า สัตว์ใหญ่ หมายถงึ สัตว์ท่ีมีขนาดโตเตม็ ที่ มนี า้ หนักเกิน 500 กโิ ลกรมั มีท้ังกระเพาะรวม และ กระเพาะเดีย่ ว กนิ อาหารหยาบเป็นหลกั

ภาพท่ี 60 กายวภิ าคโครงกระดกู โค 4.1 โค (Cow) โคเปน็ สัตว์อยใู่ นตระกูล Bovidae เป็นสตั ว์กบี คู่ มีกระเพาะรวม 4 ชอ่ งหรอื เรียกวา่ สตั วเ์ ค้ยี ว เออ้ื ง (Ruminants) คอื กนิ อาหารจาพวกหญา้ แลว้ สารอกออกมาเคีย้ วใหม่อกี ครง้ั หนงึ่ มเี ขากลวง มชี อ่ื เผ่าหรือ สกุลวา่ Bos ปัจจุบันจดั เผ่าพนั ธุข์ องโค กระบอื เป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของโครงร่างทคี่ ลา้ ยคลงึ กันออกได้ 4 หมู่คอื 1. หมู่ Taurine เป็นหมโู่ คทีเ่ ล้ียงกันมากที่สุด ได้แก่ โคยุโรป (Bos taurus) และโคอินเดยี (Bos indicus) 2. หมู่ Bibovine เปน็ โคปา่ ทห่ี ลงเหลอื อยบู่ ้างในเขตเอเชียเพียงเล็กน้อย ได้แก่ วัวกระทงิ (Bos gaurus) ววั แดง (Bos bunteng) 3. หมู่ Bisontine ได้แก่ จามรี (Bos grunniens) และโคทุ่งของอเมรกิ า (Bos bison) 4. หมู่ Bubaline ได้แก่ กระบือทง้ั หมด (Bos bubalis) และกระบอื ทอ่ี ยู่ตามป่าในเอเชยี อีก หลายชนิด โคแบง่ ตามการใชง้ านได้ 4 ประเภท คือ 4.1.1 โคเน้ือ (Beef type)

ภาพที่ 61 แสดงการระดบั ไขมนั แทรกในเนื้อโคซง่ึ จะเปน็ ตัวบง่ ถงึ คุณภาพเน้อื ลกั ษณะท่วั ไป ดูดา้ นข้าง ด้านบน คลา้ ยรปู สเ่ี หลยี่ มผืนผ้า มีแนวท้องขนานกบั พ้ืนดนิ ลา ตัวหนา ยาว ลึก คอส้ัน มีกลา้ มเนือ้ เตม็ แน่นท้งั ตอนหน้าและบ้นั ทา้ ย เคลอ่ื นไหวชา้ พันธุท์ ่นี ยิ มเลีย้ งได้แก่ 1) พันธ์ชุ อรท์ ฮอร์น (Shorthorn) มถี นิ่ กาเนดิ ในองั กฤษ เป็นโคเน้ือขนาดใหญ่ ขาสัน้ มี 3 สายพนั ธุ์ คอื - พนั ธุ์ทีม่ สี ีขาว - พันธท์ุ ม่ี ีสีแดง - พนั ธท์ุ ี่มสี โี รน (Roan) ภาพท่ี 62 โคเน้อื พนั ธุช์ อรท์ ฮอรน์ 2) พนั ธุเ์ ฮียฟอรด์ (Hereford) มีถิ่นกาเนดิ ในองั กฤษ มรี ปู แบบของโคเนอ้ื ทสี่ มบูรณ์ แบบทีส่ ดุ มเี ขา ตัวสีแดง บรเิ วณหน้าสขี าว และพ้ืนท้อง พหู่ างสีขาว สามารถใช้อาหารทค่ี ณุ ภาพตา่ ได้ดี ทนสภาพแห้งแล้งไดด้ ี

ภาพที่ 63 โคเนอ้ื พนั ธุเ์ ฮยี ฟอร์ด 3) พนั ธุ์อะเบอร์ดีน แองกัส (Aberdeen Angus) มถี ่นิ กาเนดิ ในสกอ๊ ตแลนด์ ไม่มเี ขา สีดา คุณภาพเน้ือดมี าก ภาพท่ี 64 โคเนอื้ พันธ์อุ ะเบอร์ดนี แองกัส 4) พนั ธช์ุ าโรเลย์ (Charolais) มีถ่ินกาเนิดในฝรัง่ เศส มีสีขาวครมี ขาสั้น ตัวใหญม่ าก เนอ้ื มีคุณภาพดีพเิ ศษ ภาพท่ี 65 โคเนอ้ื พนั ธ์ุชาโรเลย์ 5) พนั ธแุ์ ซนตา้ เกอรท์ รูดีส (Santa gertrudis) ถ่นิ กาเนิดในรัฐแทกซัสของอเมริกา เกดิ จากการผสมพนั ธ์ุระหวา่ งโคพนั ธุ์ Shorthorn กบั โคพันธุ์ American Brahman มีท้ังท่ีมเี ขาและไม่มี เขา สีแดง เหนียงคอและผิวหนงั หยอ่ นยาน สามารถเลีย้ งในเขตรอ้ นได้ดี

ภาพท่ี 66 โคเนอื้ พันธุแ์ ซนต้า เกอร์ทรดู ีส 6) พนั ธ์ุอเมรกิ ันบราหม์ ัน (American Brahman) เป็นโคอนิ เดียทีอ่ เมริกานาไป ปรบั ปรงุ พันธุ์ มีตะโหนก เหนยี งคอ และหนังหยอ่ นยาน มีสขี าวปนเทา ทนร้อนได้ดี ภาพที่ 67 โคเนื้อพนั ธ์อุ เมริกนั บราห์มัน 7) พันธโ์ุ พลเฮยี ฟอรด์ (Poll Hereford) มกี าเนิดในอเมริกา มีลกั ษณะเหมือนพนั ธ์ุ เฮียฟอรด์ แต่ไมม่ เี ขา ภาพท่ี 68 โคเน้อื พันธโุ์ พลเฮียฟอร์ด 8) พนั ธ์ุโพลชอรท์ ฮอรน์ (Poll Short horn) มีถ่ินกาเนดิ ในอเมรกิ า มีลกั ษณะ เหมอื นพนั ธชุ์ อรท์ ฮอร์น แตไ่ ม่มีเขา ภาพที่ 69 โคเน้อื พนั ธโุ์ พลชอร์ทฮอรน์ 9) พันธ์อุ ินดบู ราซิล (Indu Brazil) เปน็ การนาโคอนิ เดียไปปรบั ปรุงพนั ธุท์ ีบ่ ราซิล

ภาพท่ี 70 โคเนอื้ พันธอุ์ ินดบู ราซิล 10) พันธุ์ซิมเมนทอล (Simmental) มีถ่ินกาเนิดในสก๊อตแลนด์ หน้าขาว ตัวสแี ดง ภาพท่ี 71 โคเนอื้ พันธ์ซุ ิมเมนทอล 11) พนั ธลุ์ ิมวั ซนี (Limousin) มีถนิ่ กาเนดิ ในฝร่ังเศส ลกั ษณะคลา้ ยพันธ์ชุ าโรเลย์ มีลาตัว สีนา้ ตาลอ่อน แดงเขม้ และสีดา ภาพท่ี 72 โคเนอื้ พนั ธ์ุลมิ ัวซนี 12) พันธ์ุเดร้าท์มาสเตอร์ (Drought master) เปน็ การผสมพนั ธ์โุ คยุโรป 50 เปอร์เซ็นต์ กับ พนั ธุโ์ คอนิ เดยี 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ตอนเหนือของทวปี ออสเตรเลียมีทง้ั สที องถงึ แดงเข้ม ภาพที่ 73 โคเนื้อพันธุ์เดร้าท์มาสเตอร์ 13) พนั ธแุ์ บรงกัส (Brangus) เปน็ การนาโคพนั ธุ์ American Brahman ผสมกบั พนั ธุ์ Angus ไมม่ เี ขา สดี าสนิท ปรบั ปรุงพนั ธใ์ุ นอเมริกา ภาพท่ี 74 โคเน้อื พันธ์ุแบรงกสั

14) พนั ธ์ุชารเ์ บรย์ (Charbray) เป็นการนาโคพันธ์ุ Charolasis ผสมกับโคพนั ธ์ุ American Brahman 75 เปอร์เซน็ ต์ กบั 25 เปอร์เซ็นต์ มสี ีขาวครีม ไม่มีเขา เหนียงและหนงั หย่อนยาน ภาพท่ี 75 โคเนอ้ื พันธุ์ชารเ์ บรย์ 15) พันธุ์อาฟรกิ นั เดอร์ (Africander) ถน่ิ กาเนดิ ในอาฟรกิ าใต้ มีความแขง็ แรงมาก สีแดงเข้ม ทนต่อสภาพแวดล้อมแหง้ แล้งไดด้ ี ภาพที่ 76 โคเน้ือพันธุ์อาฟริกันเดอร์ 16) พันธก์ุ าแพงแสน (Kamphaengsean) เปน็ โคทีม่ หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ปรบั ปรงุ พันธโ์ุ ดยมีเลอื ดของ โคพ้ืนเมอื ง 25 เปอร์เซน็ ต์ บราห์มัน 25 เปอรเ์ ซ็นต์ ชาร์ โรเลส์ 50 เปอร์เซน็ ต์ ภาพท่ี 77 โคเน้ือพนั ธุก์ าแพงแสน 4.1.2 โคนม (Dairy type) ลักษณะท่ัวไป มองคล้ายสามเหลย่ี มรูปลม่ิ ช่วงหนา้ อกเลก็ ผอม กระดูกบัน้ ท้ายใหญ่ มี เตา้ นมใหญ่ พันธ์ทุ ่ีนยิ มเล้ียงไดแ้ ก่ 1) พันธโ์ุ ฮลสไตน์ฟรีเชยี น (Holstein Friesian) มีถิ่นกาเนดิ ในประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ (ฮอลแลนด์) มสี ีดาสลบั ขาว ใหป้ ริมาณน้านมมาก แตไ่ ขมันต่า

ภาพท่ี 78 โคนมพนั ธโ์ ฮลสไตน์ฟรเี ชียน 2) พันธ์ุบราวนส์ วิส (Brown Swiss) มีถน่ิ กาเนิดในสวิสเซอรแ์ ลนด์ มสี นี ้าตาลอ่อน น้าตาลเข้ม และสดี า ทนร้อนได้ดใี หน้ า้ นมรองจากพนั ธุ์ Holstein Friesian ภาพท่ี 79 โคนมพนั ธุ์บราวน์สวิส 3) พันธ์ุเรดเดน (Red Dane) มีถิ่นกาเนดิ ในเดนมาร์ก มสี แี ดงตลอด จดั เปน็ โคก่ึงเน้อื กึ่งนมก็ได้ ภาพท่ี 80 โคนมพันธ์ุเรดเดน 4) พันธ์เุ จอร์ซี่ (Jersey) มถี ่ินกาเนิดบนเกาะเจอรซ์ ี่ของอังกฤษ มสี ีเหลืองปนเทา ปน น้าตาล ถึงเกือบดา มขี นาดเล็กสดุ ใหไ้ ขมันนมสงู สุด มีเต้านมทสี่ มบรู ณ์แบบท่ีสุด ภาพที่ 81 โคนมพันธเ์ุ จอรซ์ ่ี

5) พนั ธ์แุ อร์ไชร์ (Air shire) มีถิ่นกาเนิดในสก๊อตแลนด์ มสี ีแดงลายจดุ ขาว รปู รา่ ง จดั เปน็ โคนมในอุดมคติ ภาพที่ 82 โคนมพนั ธ์ุแอร์ไชร์ 6) พนั ธ์ุเรดซนิ ด้ี (Red Sindhi) มกี าเนดิ ในปากสี ถาน มีสแี ดงเข้ม สีแดง แดงอ่อน ถึงสเี หลือง ทนตอ่ โรคแมลงเขตร้อนไดด้ ี ภาพท่ี 83 โคนมพันธเ์ุ รดซินดี้ 7) ซาฮิวาล (Sahiwal) มีถิน่ กาเนิดในปากสี ถาน ลกั ษณะคล้ายพันธ์ุ เรดซินด้ี แต่มีสี ออ่ นกว่า ตัวใหญ่ ยาว ลกึ กวา่ ภาพที่ 84 โคนมพันธุ์ซาฮวิ าล 4.1.3 โคกงึ่ เนอื้ ก่งึ นม (Dual purpose type) ลักษณะ มีกล้ามเน้ือพอสมควร และเต้านมสมบูรณ์พอประมาณ พนั ธ์ทุ ่ีนิยมเลี้ยง ไดแ้ ก่ 1) พันธมุ์ ลิ ก้งิ ชอรท์ ฮอรน์ (Milking Short horn) มถี ิน่ กาเนดิ ในอังกฤษ มี 3 สี คือ สีขาว สีแดง สโี รน ตวั ผู้อว้ นกวา่ โคนม ตวั เมียเตา้ นมใหญ่พอประมาณ แต่มีเน้อื มากกวา่ โคนม

ภาพที่ 85 โคก่ึงเน้อื ก่ึงนมพันธุ์มิลก้ิง ชอร์ทฮอร์น 2) เรดโพล (Red Poll) มีถน่ิ กาเนดิ ในองั กฤษ ตัวสแี ดง ไม่มีเขามเี น้อื มากกว่าน้านม ภาพท่ี 86 โคกึง่ เนอ้ื กึ่งนมพนั ธ์เุ รดโพล 3) พันธ์ุเดวอน (Devon) มถี ิ่นกาเนดิ ในองั กฤษ มีขนสีแดง ผิวหนังสเี หลือง ภาพที่ 87 โคก่ึงเนื้อก่ึงนมพันธเ์ุ ดวอน 4.1.4 โคงาน (Draft type) ลักษณะทัว่ ไป ส่วนหน้าจะใหญห่ นา ส่วนท้ายเลก็ ขาหน้าลาคอแขง็ แรงมคี วามอดทน ในการทางาน ไดแ้ ก่ พนั ธโ์ุ คพ้ืนเมืองของไทยและโคอินเดียบางพนั ธุ์

1) โคพ้นื เมืองภาคอสี าน มสี ีแดง น้าตาลอ่อน นา้ ตาลแก่ ดา และด่าง มีขนาดเลก็ ภาพที่ 88 โคพืน้ เมืองอีสาน มีสแี ดง 2) โคพืน้ เมืองภาคใต้ (โคชน) มีสแี ดง น้าตาลอ่อน นา้ ตาลแก่ ดา และด่าง มี ขนาดเล็ก ใช้ในการแข่งขันชนววั ภาพท่ี 89 โคพื้นเมืองภาคใต้ 3) โคพ้ืนเมืองภาคเหนือ (ขาวลาพูน) มสี ขี าว ขนาดเล็ก ภาพท่ี 90 โคพื้นเมืองภาคเหนอื (ขาวลาพูน) 4) โคพ้นื เมืองภาคกลาง (ววั ลาน) สีแดง นา้ ตาลอ่อน นา้ ตาลแก่ ขนาดเลก็ ใชใ้ นการ แขง่ ขนั ว่งิ วัวลาน ใชง้ านและเทยี มเกวยี น ภาพที่ 91 โคพน้ื เมืองภาคกลาง (ววั ลาน)

ตารางที่ 4.1 แสดงความแตกตา่ งของรปู ร่าง ลักษณะและคุณสมบัติระหวา่ งโคยโุ รปและโคอนิ เดยี ลักษณะ โคยโุ รป โคอนิ เดีย ถิน่ กาเนิด มีกาเนดิ ในเขตอบอนุ่ มีถิ่นกาเนิดในเขตร้อน ตะโหนก ไมม่ ีตะโหนก มตี ะโหนก บางพนั ธม์ุ ขี นาดเลก็ แนวหลัง ตรง จรดโคนหาง หลังแอ่น บ้นั ท้ายสูงและหักลงโคน หาง บ้นั ทา้ ย หกั เป็นมุมฉากตรงโคนหาง บั้นท้ายลาดและมน กน้ กบอยตู่ า่ กวา่ สะโพก ระดับกระดกู สะโพกถงึ ก้น ระดบั เดยี วกนั กบ มีกระดูกจดปลายหาง ปลายหางราว8-9นิว้ ไม่มีกระดูก กระดูกปลายหาง สน้ั และมีนอ้ ย หย่อนยานมาก เหนียงคอ แน่นชิดลาตัว หย่อนยานหุม้ อวยั วะสบื พนั ธุ์ หนงั พ้ืนท้องตัวผู้ หนัง แนน่ ตงึ เนอื้ ท่ีผิวนอ้ ย หยอ่ น หลวม เน้อื ทผี่ ิวมาก หู สน้ั ตง้ั ปลายมน ยาวรปี ลายแหลม และมกั พับหอ้ ย ขา ส้นั เดนิ ช้า ยาว กา้ วยาวและเร็ว ต่อมเหงื่อ มนี อ้ ย มีมาก ช่วยระบายความรอ้ น เต้านม รูปกระทะ หวั นมกระจาย รปู กรวย หวั นมรวมเปน็ กระจุก ความทนรอ้ น ทนรอ้ นได้ไม่เกนิ 26. 7 องศา ทนรอ้ นได้ถึง 35.9 องศาเซลเซยี ส เซลเซยี ส ทนตอ่ โรคเมืองร้อน ไม่ทนทาน ทนทานได้ดี การสัน่ ผวิ หนังเพ่ือไล่แมลง ไมม่ ี มี เปรยี ว ประสาทไว ต่นื งา่ ย นสิ ยั เชื่องไม่ต่ืนงา่ ย กนิ ไมจ่ ุ ให้นมและเน้ือไมด่ ี การกินอาหาร กินอาหารจุ การให้ผลผลติ ให้นมและเนื้อดี 4.2 กระบือ (Buffalo) มีช่อื วทิ ยาศาสตร์วา่ Bos bubalis กาเนิดในเขตร้อน ชอบพืน้ ท่ีน้ามากกว่าแล้ง กระบือท่ี เลย้ี งในปจั จบุ ันมี 2 ประเภท คอื 4.2.1 กระบือแม่นา้ (River Buffalo) มเี ลย้ี งมากในอนิ เดีย เป็นกระบือท่ีนิยมบริโภคน้านม มี พนั ธ์ุ 1) มรู าห์ หรอื เดลฮี (Murrah or Dedhi) เปน็ พันธ์ุแรกท่ีนามาเล้ยี งในเมืองไทย 2) เซอร์ตี (Surti)

3) เมซาน่า (Mehsana) 4) นัจปูรี (Nagpuri) 5) สรุ ัต (Surat) 6) นิลี (Nili) 7) ราวี (Ravi) ภาพท่ี 92 กระบือแมน่ า้ 4.2.2 กระบอื หนองน้าหรือกระบอื ปลัก (Swamp Buffalo) เป็นกระบือเลยี้ งไวใ้ ช้งาน แถบ ทวีปเอเชยี ในประเทศไทยมหี ลายพนั ธคุ์ อื พนั ธอุ์ ทุ ยั ธานี ลาพูน แม่สอด ชมุ พร สชิ ล ภาพที่ 93 กระบือหนองน้าหรือกระบอื ปลัก 4.3 ม้า (Horse) ม้าเปน็ สัตวอ์ ยู่ในวงศต์ ระกูล Equidae ปัจจบุ นั มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ ่า Equus equus มา้ จาแนกตาม ขนาดโครงสรา้ งของรา่ งกาย และประโยชนท์ ใี่ ชไ้ ดด้ งั น้ี 4.3.1 มา้ ขับข่ี (Light horse) ใชข้ ับขี่ เทยี มรถ แขง่ ขัน ไดแ้ กพ่ นั ธ์ุ 1. อะราเบียน (Arabian) มีหนา้ แหลมคลา้ ยจิง้ จก จมูกเชดิ งอนขนึ้ และมคี างเปน็ สันกลม สังเกตไดช้ ัดตามภาษาอังกฤษทเี่ รียกว่า Dished Face จัดวา่ เปน็ ลักษณะเด่นโคนหางจะยกข้นึ เวลาวงิ่ เน่ืองจาก มีกระดูกโคนหางน้อยกวา่ สายอื่น มา้ สายพันธน์ุ ี้มีสว่ นสงู อย่างมากไม่เกนิ 15.2 แฮนด

ภาพที่ 94 มา้ อะราเบียน 2. เธอร์รัพเบรต (Thoroughbred) ลกั ษณะเดน่ ของมา้ Tb คือ สงู เพรยี ว แข้งขา ยาว ส่วนสงู ทีว่ ดั ได้ถึงตะโหนกประมาณ 15.2-17 แฮนด์ สีที่พบเห็นสว่ นใหญ่จะเปน็ สีเดียว เชน่ สี Bay , Brown ,Chestnut หรอื สี Greyสายเลือดร้อน หรือ Hot Blood ประเทศแหลง่ กาเนดิ คือประเทศ องั กฤษ ประโยชน์ใช้สอยคอื ใชแ้ ขง่ ขข่ี า้ มสิง่ กดี ขวาง ภาพที่ 95 ม้าเธอรร์ ัพเบรต 3. ลิปซิ านเนอร์ (The Lipizzaner) แรกเกดิ สดี า หรอื ออกเทา ๆ โตขน้ึ สจี างลงและ เปล่ียนเปน็ ขาวในทส่ี ดุ หางและขนแผงคอสขี าว หเู ล็ก ตากลมโต คอสน้ั หนา รปู ร่างกายาล่าสนั เปน็ มิตรกับ คนง่าย แข็งแรงทนทาน ภาพที่ 96 มา้ ลปิ ซิ านเนอร์ 4.3.2 มา้ ลากหรอื มา้ งาน (Draft horse) ใชเ้ พื่อบรรทกุ ลากเขน็ มขี นาดเลก็

ไชร์ (Shire) มตี น้ กาเนิดในประเทศองั กฤษ เป็นม้าท่ีมขี นาดใหญม่ ีความสูงเฉลยี่ อยู่ที่ 16- 17 แฮนด์ จัดไดว้ ่าเป็นม้าท่มี ีขนาดใหญ่เปน็ อันดับต้น ๆ ในสายพันธุ์ม้าดว้ ยกันและสามารถรับนา้ หนกั บรรทุก ได้มาก สีท่พี บ ดา ขาว เทา เปน็ ต้น ลกั ษณะพเิ ศษคือมขี นหุ้มบริเวณเท้า ภาพท่ี 97 ม้าไชร์ 4.3.3 มา้ เล็ก (Ponies) เป็นมา้ ขนาดเล็ก ใช้ขบั ข่ี เช่น ม้าแคระ ม้าแคระ (Miniature Horse) จะมีหัวและใบหน้าเล็ก ใบหูเลก็ สน้ั คอกลา้ มเนื้อ กระชับ รูปร่างอว้ นเตยี้ และส้ัน ขาแข็งแรง หางยาว ม้าเหล่าน้เี หมาะท่จี ะใช้ ช่วยเหลอื ผดู้ ้อยโอกาส เช่น ใช้จงู แทนสนุ ัข ใหเ้ ด็กข่เี ล่น หรือเลย้ี งไวเ้ พื่อความเพลิดเพลนิ ได้ หรอื เปน็ เคร่ืองเทียมลากและม้าของเดก็ มา้ แคระ เหลา่ นี้จะมีอายเุ ฉล่ียประมาณ 25-30 ปี การเลี้ยงดูกง็ ่าย เพราะมีคุณสมบตั เิ หมอื นม้าทกุ ประการ กนิ หญ้า ฟาง แครรอท เปน็ อาหาร ภาพท่ี 98 ม้าแคระ 5. ประเภทและพันธ์สุ ตั ว์เศรษฐกจิ ชนดิ อื่น ๆ สตั วเ์ ศรษฐกิจชนิดอืน่ ๆ หรือ สตั ว์เศรษฐกจิ ทางเลือก หมายถงึ สัตว์ที่ไดไ้ มไ่ ด้มีการเล้ียงเพอ่ื การ บรโิ ภคมาแตด่ ั่งเดมิ แต่พงึ่ มกี ารนามาเลี้ยงเชิงภาณชิ ย์เมื่อไม่ก่ีปมี านี้ ซง่ึ ตา่ งจาก สกุ ร โค ไก่ แพะ แกะ ทีม่ กี าร เลย้ี งมาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดยทวั่ ไปสัตว์เศรษฐกิจชนิดอ่นื ๆ เหล่าน้มี ักจะเปน็ สตั ว์ปา่ เปน็ ส่วนใหญ่ เชน่ จระเข้ 5.1 จระเข้ (Crocodile) อยู่ในวงศ์ตระกลู Crocodylidae เป็นสัตว์ครึง่ บกครง่ึ นา้ เลือดเย็น ถือเป็น สตั ว์ท่ีอยบู่ นสุดของหว่ งโซอ่ าาหร เนอื่ งจากเป็นสัตว์ผู้ลา่ กนิ เนอ้ื ขนาดใหญ่ ท่ไี มม่ ศี ัตรูตามธรรมชาติ ยกเว้น

จระเขใ้ นวัยอ่อน ท่ีตกเปน็ อาหารของสตั วข์ นาดใหญ่กวา่ ชนิดต่าง ๆ ได้ จระเขต้ ัวโตเต็มวยั จะมพี ฤติกรรมกนิ อาหารแบบหมุนตวั กล่าว คอื เมื่อจบั เหย่ือทีม่ ีขนาดใหญ่ขณะอยู่ใต้นา้ และต้องการกินเหย่ือจะใช้ปากงบั ไว้ และหมนุ ตวั เองเพ่ือฉีกเนอ้ื เหยอ่ื ออกเปน็ ชิน้ ผลิตภณั ฑท์ ี่สาคัญของจระเขค้ ือหนงั ซึง่ จะราคาดีที่สุด ภาพที่ 99 ผืนหนังจระเข้สว่ นท้องท่ผี า่ นการย้อมสีแล้ว 5.1.1 จระเข้น้าจืดไทย(Crocodilus siamensis) ลักษณะทว่ั ไป เปน็ สัตวก์ ลุ่มแรกทม่ี ีหวั ใจ 4 หอ้ ง มปี ากทู่กวา้ งและส้ัน ลาตวั มสี ีนา้ ตาลอมดาและเหลอื ง ท้องและปากมีสคี รีมอมเหลือง เมื่อโตเตม็ ท่ีมคี วาม ยาวประมาณ 3.50 เมตร มีลิน้ ท่หี นาและติดอย่กู ับขากรรไกรล่าง ชอบกินปลาและสัตว์เล็ก ๆ เปน็ อาหาร ภาพท่ี 100 จระเขน้ า้ จืดไทย 5.1.2 จระเข้นา้ เค็ม (Crocodilus porosus) ลกั ษณะท่ัวไป ลาตวั ยาวคอ่ นข้างกลม ทอ้ งแบน ราบ จะงอยปากยาวและส่วนปลายค่อนข้างแหลม บรเิ วณท้ายทอยไม่มีเกล็ดซ่ึงเปน็ ลกั ษณะพิเศษท่แี ตกต่าง จากจระเข้อืน่ มขี า 2 คู่ ใชเ้ ดินและวิ่ง ขาหน้ามีน้ิว 5 น้วิ ขาหลงั มนี ้วิ 4 นว้ิ ชอบกนิ เนื้อสัตว์ สัตว์นา้ และสตั ว์ บกเป็นอาหาร ภาพที่ 101 จระเข้น้าเคม็ 5.1.3 จระเขพ้ นั ธ์ุผสม จระเข้พันธ์ุผสมคือ จระเข้ที่เกิดจากการผสมพนั ธก์ุ นั ระหว่าง จระเข้ พันธุน์ า้ จดื หรอื พนั ธไุ์ ทย กบั จระเข้พนั ธ์ุนา้ เค็ม โดยจะถกู ผสมขน้ึ ในฟารม์ เพาะเลยี้ งจระเข้ ซ่ึงจะทาให้ ได้จระเขม้ ีขนาดที่ใหญ่แบบจระเขน้ ้าเคม็ แต่ไดโ้ ตเร็วตามแบบจระเข้น้าจดื

ภาพที่ 102 จระเข้พันธ์ุผสม 5.2 กบ (frog) เปน็ สัตว์ครึง่ บกครงึ่ น้าชนดิ หน่งึ มขี ายาวมักเคล่อื นไหวด้วยการกระโดด 5.2.1 กบจานหรือกบนา (Rana tigerina) ลกั ษณะทั่วไป หายใจดว้ ยผิวหนงั มีสนี า้ ตาลปน เขยี ว รมิ ฝีปากมีสีคลา้ มลี ายพาดสจี าง ๆ ตรงรมิ ฝีปาก ใต้คางอาจมจี ุดหรอื ลายร้วิ มีจดุ ประสดี าท่วั ตัว ขาหน้า สนั้ ชอบกนิ อาหารทีเ่ คล่อื นไหวเชน่ แมลง กุง้ ปู ปลา และกินพวกเดยี วกันเองท่ีอ่อนแอกวา่ ภาพที่ 103 กบจานหรือกบนา 5.2.2 กบบลู ฟรอ็ ก (Bullfrog) เปน็ กบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โตเต็มทีม่ ีนา้ หนักมากกว่า 1 กิโลกรัมข้ึนไปมถี ิ่นกาเนดิ ในทวปี อเมรกิ าเหนือทางดา้ นตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา ตกบบูลฟรอ็ กเม่ือ โตเต็มทดี่ า้ นหลงั มสี เี ขียว ปนสนี ้าตาลเข้ม มจี ดุ ประสนี า้ ตาลทว่ั ตัว สว่ นหัวดา้ นหน้ามสี เี ขียว ทข่ี ามลี ายพาด ขวาง มกี ลอ่ งเสียงทาใหส้ ามารถส่งเสียงรอ้ งดังคลา้ ยววั ได้ยินเป็นระยะ ภาพท่ี 104 กบบลฟู ร็อก 5.3 ตะพาบ (Soft-shelled turtle) ตะพาบ เป็นเตา่ ทม่ี ีลกั ษณะเดน่ คือ ลาตัวแบน จมูกแหลม กระดองออ่ นนม่ิ มกี ระดองหลังคอ่ นบ้างเรียบแบน กระดองมลี กั ษณะเป็นหนังทีค่ ่อนขา้ งแข็งเฉพาะใน สว่ นกลางกระดอง แต่บรเิ วณขอบจะมีลักษณะนิ่มแผน่ กระดองจะปราศจากแผ่นแข็งหรือรอยต่อ ซ่ึงแตกต่าง

จากกระดองของเต่าอยา่ งสนิ้ เชงิ ซึ่งขอบที่อ่อนนมิ่ นเ้ี รยี กว่า \"เชงิ \" กระดองสว่ นทอ้ งหุ้มด้วยผวิ หนังเรียบ มสี ่วน ท่ีเปน็ กระดูกน้อยมาก อาศยั อยูใ่ นน้ามากกวา่ บนบก 5.3.1 ตะพาบนา้ พันธ์ไุ ทย (Trionyx cartilageneus) ลกั ษณะทว่ั ไป มกี ระดองหลงั กลมเม่ือ ยังเลก็ อยู่ แต่เม่อื โตต็มทแ่ี ลว้ กระดองจะยาวรี มหี นังบนหลังรว้ิ นูนเป็นเสน้ เล็ก ๆ ขณะเล็กอยตู่ ามตวั จะเป็นสี ไพรแกมเทาอมเขยี ว หวั มีจุดเหลืองเป็นจดุ ใหญเ่ มอ่ื โตเต็มวัยจดุ เหลอื งจะหายไป ชอบกินต้นอ่อนของพชื และ เน้ือสัตว์ ภาพท่ี 105 ตะพาบน้าพนั ธุไ์ ทย 5.3.2 ตะพาบน้าไต้หวัน เปน็ ตะพาบทีพ่ บได้ในภูมภิ าคเอเชียตะวันออก ขนาดเล็กโตเต็มมี ขนาดกระดองประมาณ 25 เซนติเมตร มีนิสัยดุรา้ ยลักษณะกระดองเปน็ ทรงรีเล็กน้อย ลักษณะโครงร่างแบบ ผิวกระดองเรียบมกี ระดองสว่ นที่น่ิมหรือเชงิ ค่อนขา้ งมาก มหี วั ใหญ่ คอ ยาวมาก ปากแหลม ฟนั คมและ แข็งแรงบริเวณขอบตาจะมีสเี หลอื งเห็นไดช้ ัดเจน ตรงกลางกระดองจะมีรอยขีดขวางลาตัว 6-7 ขีด สว่ นท้อง อ่อนนุ่ม ภาพท่ี 106 ตะพาบพันธไุ์ ตห้ วัน

แบบทดสอบหน่วยที่ 4 คาสงั่ จงทาเครอื่ งหมายหน้าคาตอบทีถ่ ูกตอ้ งมากทีส่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว (10 คะแนน) 1. ไก่พันธุ์ไข่ ไดแ้ กพ่ ันธ์ดุ งั ต่อไปนี้ ก. แฮมเชยี ร์ , ไอแลนด์เรด ข. เล็กฮอร์น , เอบราวน์ ค. เฮยี ร์ฟอรด์ , แองกัส ง. มาริโน 2. ไก่พนั ธเ์ น้อื ได้แก่พนั ธ์ุดังต่อไปนี้ ก. คอร์นิชขาว , บรามา่ ข. ไอแลนด์เรด , เลก็ ฮอร์น ค. แบรงกัสดา ง. โคซนิ 3. เป็ดพนั ธ์ุไข่ไดแ้ ก่พนั ธ์ใด ก. พันธุ์กากีเคมปแ์ บลล์ ข. พันธมุ์ ัสโคว่ี ค. พันธ์ุบาบาร่ี ง. พนั ธุ์ปกั กง่ิ 4. เป็ดพนั ธ์เุ น้ือได้แก่พันธุ์ใด ก. พันธ์มุ ัสโคว่ี ข. พนั ธน์ุ ครปฐม ค. พนั ธุ์ปากน้า ง. พนั ธ์ุอินเดยี รนั เนอร์ 5. เปด็ พันธส์ุ วยงามได้แก่พนั ธุ์ใด ก. พันธบุ์ าบารี่ ข. พนั ธแุ์ มนดารนิ ค. พนั ธเ์ุ ป็ดเทศ ง. พันธเุ ป็ดนครปฐมละเปด็ ปากน้า

6. พันธใ์ุ นวชิ าหลกั การเลีย้ งสตั ว์หมายถึงข้อใด ก. กลมุ่ ของสตั ว์ท่มี ีลกั ษณะเหมือนกนั ในทางพันธุกรรม ข. กล่มุ ของสตั ว์เศรษฐกิจ ค. การแบ่งกล่มุ พนั ธ์ุสัตว์ ง. สตั ว์ใหญ่ สัตว์เลก็ สัตวป์ ีก และสตั ว์นา้ 7. หากนาสกุ รพนั ธ์ลาร์จไวท์ผสมกับสุกรพนั ธแุ์ ลนดเ์ รซลูกที่ไดจ้ ะมีเลือดอยา่ งไร ก. ได้สกุ รพันธลุ์ าร์จไวท์ มีเลอื ด 50 % ข. ไดส้ กุ รพันธแ์ุ ลนดเ์ รซ มเี ลอื ด 50 % ค. ได้สกุ รพันธ์ลุ ารจ์ ไวท์ และสกุ รพนั ธ์แุ ลนดเ์ รซ มเี ลือดอย่างละ 50 % ง. มีเลอื ด 100 % ทง้ั สองสายพันธ์ 8. สกุ รพันธใ์ุ ดจดั เปน็ สุกรประเภทเนื้อ ก.พันธ์แุ ลนดเ์ รซ ข.พันธ์ุลารจ์ ไวท์ ค.พันธุด์ ูรอ็ กเจอร์ซี่ ง.พันธเุ์ หมยซาน 9. สายพนั ธ์ดุ รู อ็ คมลี ักษณะพเิ ศษคือ ก. ลาตัวยาว ข. มีสีดาท่ีไหล่ ค. มีสีแดงเข้ม ง. ใบหูปรก 10. โคพนั ธขุ์ าวดา หมายถงึ โคพนั ธ์ุใด ก. โฮลสไตนฟ์ รีเชย่ี น ข. อเมรกิ นั บราห์มนั ค. เฮยี ร์ฟอรด์ ง. แองกัส 11. โคพันธ์กาแพงแสนเป็นโคพันธอ์ ะไร ก. เป็นโคนมลูกผสม ข. เปน็ โคเนอื้ ลกู ผสม ค. โคกึ่งเน้ือก่ึงนม

ง. พันธุโ์ คงาน 12. จงบอกความแตกตา่ งระหว่างโคยโุ รปกับโคอนิ เดียวา่ แตกตา่ งกันอยา่ งไร ก. โคยโุ รปมตี ระโหนก ใบหยู าว มเี หนียงหยอ่ นยาน ซ่งึ ตรงกนั ข้ามกบั อนิ เดีย ข. โคอินเดีย หนังตงึ ไมม่ เี หนยี ง ไมท่ นต่อเห็บและแมลงผิดกับโคยโุ รป ค. โคอนิ เดียหลงั แอน่ บ้นั ท้ายลาด ทนต่อแมลง ง. โคอินเดียและโคยุโรปเจรญิ เตบิ โตได้ดี 13. โคที่ได้รบั ฉายาว่า “ ราชินแี หง่ โคนม” ไดแ้ ก่พันธใ์ุ ด ก. พนั ธ์ุบราวนส์ วิส ข. พนั ธโุ์ ฮลสไตน์ฟรีเซีย่ น ค. พันธซ์ุ าฮวิ าล ง. พนั ธ์เุ ลอร์ซี 14.โคพนั ธใ์ุ นตระกลู โคอินเดยี ได้แก่พนั ธอ์ุ ะไรบ้าง ก. พันธุซ์ อ๊ ตฮอร์น, พนั ธุ์ชาโลเลย์ ข. พันธอุ์ เมรกิ นั บราห์มนั , พันธซุ์ าฮวิ าล ค. พนั ธเ์ุ คร้ามาสเตอร์, พันธล์ุ ีมูซนี ง. พันธบ์ุ ราวสวสิ , เฮยี ร์ฟอร์ด 15. โคพนั ธุใ์ ดที่นามาใชใ้ นพิธวี ันพชื มงคล จรดพระนังคลั แลกนาขวัญ ก. พันธชุ์ าโลเลย์ ข. พันธุ์อเมริกนั บราห์มนั ค. พันธ์ุกาแพงแสน ง. พนั ธ์ุขาวลาพนู 16. กระบอื หนองนา้ เรยี กอีกอยา่ งวา่ อะไร ก. กระบือพันธ์ุพม่า ข. กระบอื พันธอุ์ ินเดีย ค. กระบอื พันธปุ์ ากสี ถาน ง. กระบอื ปลัก

17. กระบือแมน่ ้าได้แก่ ก. พนั ธไ์ุ ทย ข. พันธก์ุ ระบอื พมา่ ค. พันธุ์กระบอื ลาพูน ง. พนั ธ์ุกระบอื มูราห์ 18. ลักษณะประจาพนั ธ์ุสกุ รพันธ์แุ ลนดเ์ รซ ก. มซี โ่ี ครงมากกว่าพันธุ์อน่ื 1-2 คู่ ข. สีแดงเข้มหรืออาจเป็นสที อง ค. โครงร่างใหญ่ ลาตวั สขี าว ง. ใบหูต้ังตรงลาตวั ยาวใหญ่ 19. พันธ์แุ พะพันธุ์ใดเป็นแพะพันธนุ์ ม ก. พนั ธุอ์ นิ เดีย ข. พันธลุ์ อไฮ ค. พันธุ์หิมาจายา ง. พันธซ์ุ าแนน 20. พันธุ์แกะพันธใุ์ ดเปน็ แกะพันธ์ุเน้ือไดแ้ ก่ ก. พันธุ์แองโกนูเบยี น ข. พนั ธซ์ุ าแนน ค. พนั ธุ์ซัลโพล์ด ง. พนั ธ์ุซานตาอเิ นส 21. ช่อื ใดเปน็ ช่อื สายพันธก์ุ ระตา่ ย ก. แองโกนเู บยี น ข. อินเดยี ลอไฮ ค. มาลโิ น ง. นวิ ซีแลนดไ์ วท์ 22. รปู ทรงเปน็ สามเหลย่ี มรูปลมิ่ เจ้ากระดูก บ้ันท้าย และเต้านมใหญเ่ ปน็ รูปกระทะ เป็นลักษณะของโคกลุ่ม ใด

ก.โคเนอ้ื ข. โคนม ค. โคงาน ง. โคกึ่งเนือ้ กึ่งนม เอกสารอา้ งอิง กรมอาชีวศึกษา การศึกษาธกิ าร. 2525. หลักการเลี้ยงสตั ว์ท่ัวไป. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์- อักษรเจริญทัศน์. 101 น. คานึง หนดู าษ. 2543. หลกั การเล้ียงสตั ว์ทั่วไป. กรุงเทพฯ : ศนู ย์วิจยั และพัฒนาอาชวี ศกึ ษา 5 กรมอาชีวศึกษา. 150 น. บุญเสรมิ ชวี ะอสิ ระกลุ และบุญลอ้ ม ชวี ะอิสระกลุ . 2542. พื้นฐานสตั วศ์ าสตร์. พมิ พ์ครงั้ ที่ 2. เชียงใหม่ :ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. 186 น. พานิช ทินนิมิตร. 2535. หลักการเลย้ี งสัตว์. สงขลา : ภาควชิ าสตั วศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. 224 น. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2521. หลกั การเล้ยี งสัตว์ทั่วไป. กรุงเทพฯ : ม.ป.พ. 352 น. สุวทิ ย์ เฑยี รทอง. 2530. หลกั การเล้ียงสัตว์. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์. 172 น.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook