แผนการสอนมุ่งเน้นสมรรถนะ วิชางานเครื่องยนต์ดีเซล รหัสวิชา 20101-2002 หลักสูตาประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชา อุตสาหกรรม การบำรุงรักษาและการตรวจสอบสหภน่าวพยททัี่่ว1ไป4 นายธนาธิป ทองศิริ เเผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคชุมพร
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 14 สอนครงั้ ท่ี 17
82 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 13 ชอ่ื วชิ า งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล เวลาเรียนรวม 126 ช่ัวโมง ชื่อหนว่ ย การบารงุ ระรักษาและการตรวจสภาพทว่ั ไป สอนครั้งที่ 17 ช่อื เร่ือง การบารุงระรกั ษาและการตรวจสภาพทวั่ ไป จานวนชว่ั โมง 7 ชว่ั โมง หวั ขอ้ เรอ่ื ง 1 การสึกหรอของเครื่องยนต์ 2 การซอ่ มก่อนเสยี 3 การบารุงรกั ษาระบบตา่ งๆของเครอ่ื งยนตด์ เี ซล 4 การตรวจสอบเบ้ืองต้นของระบบเคร่ืองยนต์ดเี ซล สาระสาคญั ก่อนทจ่ี ะทาการตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการนารถยนต์ไปใชง้ านในแตล่ ะวัน ผู้ขบั ข่ีควรจะทา การตรวจสอบหรอื บารุงรักษารถยนต์สว่ นทีม่ คี วามสาคัญ เพ่ือให้เกิดความปลอดภัยในการใชร้ ถยนต์ ซง่ึ ระบบต่างๆท่ีเราจะทาการตรวจสอบสภาพและบารงุ รักษาเคร่ืองยนต์ดเี ซล เชน่ ระบบระบายความร้อน ระบบหล่อลนื่ ระบบนา้ มันเชื้อเพลิง เปน็ ตน้ ระบบตา่ งๆเหลา่ นี้เปน็ ระบบท่มี ีความสาคัญอยา่ งมากสาหรับ เครอ่ื งยนตด์ ีเซล เพราะถา้ มปี ัญหาเกิดขึน้ หรือเกิดขน้ึ หรือเกิดข้อขัดขอ้ งเก่ียวกับระบบต่างๆ เหลา่ น้ี เครอ่ื งยนตจ์ ะไม่สามารถใชง้ านไดต้ ามปกติ หรือมีประสทิ ธิ์ภาพในการใช้งานลดลง สมรรถนะหลกั (สมรรถนะประจาหนว่ ย) 1 บารุงรักษาเครื่องยนต์ดีเซลแลการตรวจสภาพรถยนตเ์ บื้องตน้ 2 ถอดประกอบชิน้ สว่ นเคร่อื งดเี ซลตามคู่มือ 3 ตรวจสภาพชิน้ สว่ นเครือ่ งยนต์ดีเซลตามคู่มือ 4 บารงุ รกั ษาช้ินส่วนเคร่ืองยนต์ดเี ซลตามคู่มือ 5 ปรบั แตง่ เครอ่ื งยนต์ดเี ซลตามคมู่ ือ สมรรถนะยอ่ ย (สมรรถนะการเรยี นร)ู้ สมรรถนะทวั่ ไป (ทฤษฎี) 1 แสดงความรู้การสึกหรอของเครอ่ื งยนตด์ เี ซล 2 แสดงความรเู้ กีย่ วกบั การซ่อมก่อนเสยี ของเครอ่ื งยนต์ดีเซล 3 แสดงความรเู้ กี่ยวกบั การบารุงรกั ษาระบบตา่ งๆของเครื่องยนต์ดเี ซล สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ (ทฤษฎ)ี เมอ่ื ผู้เรยี นไดศ้ ึกษาเนอ้ื หาในบทนแ้ี ลว้ ผเู้ รยี นสามารถ 1 อธบิ ายถึงสาเหตุสกึ หรอของเครอื่ งยนต์ดีเซลได้ถูกต้อง 2 อธบิ ายถึงประโยชนก์ ารซ่อมก่อนเสียของเคร่ืองยนตด์ ีเซลได้ถูกต้อง 3 อธิบายถงึ การบารุงรักษาระบบต่างๆของเคร่ืองยนตด์ เี ซลได้ถูกต้อง
83 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13 ชอื่ วชิ า งานเครื่องยนตด์ เี ซล เวลาเรียนรวม 126 ช่ัวโมง ชื่อหน่วย การบารุงระรักษาและการตรวจสภาพทัว่ ไป สอนครงั้ ที่ 17 ชอื่ เร่อื ง การบารงุ ระรกั ษาและการตรวจสภาพทว่ั ไป จานวนชว่ั โมง 7 ชว่ั โมง สมรรถนะทวั่ ไป (ปฏิบตั ิ) 1 แสดงทกั ษะในการการตรวจสอบเบื้องต้นของระบบเคร่อื งยนต์ดเี ซล สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ (ปฏิบตั ิ) เมอ่ื ผ้เู รยี นไดศ้ กึ ษาเนื้อหาในบทนแ้ี ลว้ ผเู้ รยี นสามารถ 1 สามารถตรวจสอบเบื้องต้นของระบบเครื่องยนต์ดเี ซลได้ถกู ตอ้ งตามคู่มือ กจิ กรรมการเรียนการสอน ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชางานเคร่ืองยนต์ดีเซล ได้กาหนดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Active Learning Competency Based) ด้านเทคนิคการจัดการเรียนการสอนแบบ MAIP โดยมีขั้นตอนในการดาเนินกิจกรรมการเรียนการ สอน ดังนี้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน (สอนครัง้ ท่ี ๑ ) เวลา 7 ช่วั โมง/สัปดาห์ ๑. ผู้สอนชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคาอธิบาย รายวิชา การวัดและประเมินผลการเรียนรายวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของรายวิชา และข้อตกลงใน การจดั การเรยี นการสอนในรายวิชา ๒. ผสู้ อนแสดงตวั อย่างเกีย่ วกับการบารุงระรักษาและการตรวจสภาพท่ัวไป ๓. ผู้สอนถา่ ยทอดความรู้ในหนว่ ยที่ 14 เรื่องการบารุงระรักษาและการตรวจสภาพทว่ั ไป ๔. ผู้สอนแสดงใบงานเรอื่ งระบบหลอ่ ลื่นเครื่องยนต์และอธิบายขน้ั ตอนวิธกี ารในการ ปฏิบัติงานตามใบงานเร่อื งการบารงุ ระรักษาและการตรวจสภาพทั่วไป ๕. ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นปฏิบตั งิ านของตนตามใบปฏิบตั งิ านการบารุงระรกั ษาและการตรวจสภาพ ทวั่ ไป ๖. ผสู้ อนประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของผเู้ รยี นและให้ผู้เรียนสรุปสาระสาคญั ของเรื่องท่ีเรียน ประจาสัปดาห์ สอ่ื การสอน ๑. เอกสารประกอบการสอน ๒. เอกสารประกอบการเรียน ๓. สอื่ นาเสนอ PowerPointงานทมี่ อบหมาย/กจิ กรรม ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกเสรมิ ทักษะตามใบงานทา้ ยหนว่ ยการเรียนท่ี 14
84 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 13 ชอ่ื วิชา งานเครอื่ งยนต์ดเี ซล เวลาเรยี นรวม 126 ช่วั โมง ช่อื หนว่ ย การบารงุ ระรักษาและการตรวจสภาพทั่วไป สอนคร้งั ท่ี 17 ช่ือเร่อื ง การบารุงระรกั ษาและการตรวจสภาพทวั่ ไป จานวนชวั่ โมง 7 ชวั่ โมง วดั และประเมนิ ผล วดั ผล/ประเมนิ ผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ๑. สมรรถนะทพ่ี งึ - ทาแบบฝึกเสริมทักษะ - ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ ประสงค์ ทา้ ยหนว่ ย - แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะ ท้ายหน่วย - ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ๒. คณุ ลักษณะอนั พงึ - ประเมนิ คณุ ลักษณะอนั - แบบประเมนิ ประสงค์ (Attitude) พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพึง ประสงค์
85 ภาคผนวก ใบความรู้ – แบบทดสอบ ใบปฏิบตั งิ าน – สื่อการสอน
ใบความรู้เรื่องกาบารุงรักษาและการตรวจสภาพท่ัวไป 8.1 การสกึ หรอของเคร่ืองยนต์ ของเครอื่ งยนตแ์ บ่งออกเป็นสองประเภท คือ การสกึ หรอโดยปกติ และการสกึ หรอโดยผดิ ปกติ การสึกหรอโดยปกติน้ันจะเกดิ กับในชิ้นสว่ นท่มี ีการเสียดสีกนั จากการทางานของเครอ่ื งยนตโ์ ดยทวั่ ไปแลว้ สกึ หรอของเคร่ืองยนตจ์ ะเกิดขนึ้ กบั ชน้ิ สว่ นเหลา่ น้ี คือ แหวนลูกสูบ เสอ้ื สูบ วาล์ว ปลอกนาวาลว์ ลกู สบู รองเพลาหรอื แบร่งิ เปน็ ตน้ ชิ้นส่วนทมี่ กี ารสกึ หรอ การสกึ หรอท่ีผดิ ปกติ คือ การสึกหรอนอกเหนอื จากการทางานของเครือ่ งยนต์ ซ่ึงโดยทั่วไปแล้วจะเกดิ การ บารงุ รกั ษาหรือการใชง้ านเครือ่ งยนตผ์ ดิ วธิ ี เช่น การใช้นา้ มนั เคร่อื งไมถ่ ูกตอ้ ง ไม่เปล่ยี นถ่ายนา้ มนั เครอ่ื งตามคมู่ ือกาหนด หรอื ไมม่ ีการอุ่นเคร่อื งยนตก์ ่อนใช้งาน สง่ิ เหลา่ นสี้ ง่ ผลใหเ้ ครื่องยนตส์ ึกหรอหรือผดิ ปกติ และชารดุ ก่อนเวลาอันควร โดย ช้ินส่วนทีม่ ีการสกึ หรอมาก ไดแ้ ก่ กระบอกสบู แหวนลูกสบู ซลี และแบรง่ิ เทอรโ์ บชาร์จเจอร์ วาลว์ ปลอกนาวาล์ว และ แบริง่ เพลาขอ้ เหวี่ยง แบร่งิ กา้ นสบู เปน็ ตน้ ลกู สูบมีการสกึ หรอปกติ
8.2 การซอ่ มก่อนเสีย การวางแผนงานเพื่อการซอ่ มบารุงก่อนที่จะมีความเสยี หายเกดิ ขน้ึ จะใหป้ ระโยชนอ์ ย่างสูง เนือ่ งจากการซอ่ มหลงั จากท่ี มกี ารชารุดเสยี หายแล้ว อาจเสยี หายจนไมอ่ าจนามากลบั ไปใช้ได้อีก ทาให้ตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยสงู การละเลยไม่สนใจกบั อาการ บอกสาเหตขุ องเครอ่ื งยนต์และใช้งานต่อไป จนกระทัง่ ชน้ิ สว่ นชารดุ ซง่ึ สง่ ผลใหเ้ กดิ ความเสียหายมาก ส่วนกรณีของการซอ่ ม ก่อนเสียนัน้ เครือ่ งยนตจ์ ะไดร้ ับการบารงุ รักษาอยา่ งถูกต้องและผใู้ ช้คอยตรวจดสู ่งิ บอกอาการ ผใู้ ชจ้ ะรีบกาหนดวนั ซอ่ มแซม ทนั ที ก่อนท่จี ะเกดิ การชารดุ ลกุ ลาม ประโยชนข์ องการซ่อมกอ่ นเสยี มดี ังนี้ 1. ช่วยปอ้ งกนั ปญั หาไดก้ ่อนที่ความเสียหายจะลกุ ลามไปถึงช้นิ ส่วนอน่ื ๆของเครอ่ื งยนต์ 2. ช่วยลดค่าใช้จ่ายเกย่ี วกบั อะไหล่ในการบารงุ รกั ษา 3. ช่วยลดค่าแรงในการบารุงรักษา 4. ไม่ตอ้ งเสียเวลาในการซ่อมบารุงเปน็ เวลานาน 5. ช่วยปอ้ งกนั มใี หเ้ กิดความเคน้ (Stress)และความเสยี หายลกุ ลามตดิ ต่อไปยงั ชน้ิ ส่วนอนื่ ๆ วิธกี ารซอ่ มก่อนเสยี มีสามขนั้ ตอนดังน้ี 1. การบารงุ รกั ษาตามระยะกาหนดในคู่มอื 2. สงั เกตอาการผดิ ปกตขิ องเคร่ืองยนต์ 3. ดาเนินการซ่อมแซม 8.3 การบารุงรักษาและวนิ ิจฉยั ปญั หาระบบระบายความร้อน ความเสยี หายในเคร่อื งยนต์เปน็ ผลมาจากปัญหาในระบบระบายความรอ้ นมากกว่า 40% ระบบระบายความร้อนจึงเปน็ ตวั แปรสาคญั ตอ่ อายกุ ารใช้งานของเครือ่ งยนต์ เนือ่ งจากหนา้ ท่หี ลักของระบบระบายความร้อน คือ การรกั ษาอณุ หภมู ทิ ่ี เหมาะสมของเครอื่ งยนต์โดยระบายความรอ้ นท่เี กดิ จากการเผาไหมแ้ ละการเสยี ดสีออกไปจากระบบ พลงั งานความร้อนท่ี เกิดขน้ึ จากการเผาไหม้นัน้ ประมาณ 33% จะเปลย่ี นไปเป็นกาลังเคร่อื งยนต์ 7% จะระบายออกคามผวิ หน้าของเครอื่ งยนต์ 30% ระบายออกทางท่อไอเสียท่ีเหลืออีก 30% ถูกระบายออกโดยระบบระบายความรอ้ นน้าหล่อเย็นจะไหลผา่ นเครื่องยนต์ ไปตามทางเดินและดูดเอาความรอ้ นออกจากเคร่อื งไหลไปยงั หมอ้ น้า ซ่ึงเปน็ ท่รี ะบายความรอ้ นออกสอู่ ากาศ การวินิจฉัยปญั หาทเี่ กดิ กับระบบระบายความรอ้ น
8.4 เคร่อื งยนตร์ ้อนเกิดไป(Over Heat) เปน็ ปัญหาหลกั ระบบระบายความร้อน ถา้ ปล่อยทิง้ ไมแ่ กไ้ ขปญั หา มักจะทาให้ เครื่องยนต์ชารดุ เสียหายอยา่ งมาก บางครั้งเครือ่ งยนต์จะเสยี หายภายในระยะเวลาส้นั ๆหากปราศจากการระบายความร้อน อยา่ งถกู ตอ้ งแล้ว ภายในเครือ่ งยนต์จะเสยี หายภายในรวดเรว็ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง ตามบรเิ วณหอ้ งเผาไหม้ซงึ่ มจี ดุ ทมี่ คี วามร้อน สงู มาก ความร้อนจะทาใหช้ ิน้ ส่วนต่างๆขยายตวั ทาให้เกิดการเสยี ดสมี ากกวา่ ปกติ จงึ ร้อนยิง่ ขึ้น เครือ่ งยนตจ์ ะรอ้ นขึ้นเรือ่ ยๆ จนชิ้นส่วนไม่อาจเคล่อื นไหวได้และยดึ ตดิ กนั เช่น ลกู สบู จะขยายตัวจนคับกระสูบเตม็ ทีจ่ นกระท่งั ลกู สบู ติดบ่อยครั้งระบบ ระบายความร้อนไมท่ างาน และอาจจะเกดิ ข้นึ ไดภ้ ายในเวลาเพียงไมก่ ่ีนาที เครอ่ื งยนตร์ ้อนเกิดไป(Over Heat) 8.5 จดุ ทต่ี อ้ งตรวจสอบระบบระบายความร้อน 1. เทอรโ์ มสตทั เมอื่ เครื่องยนตย์ ังเยน็ อยู่ เทอรโ์ มสตัทจะชว่ ยให้เครื่องยนตร์ ้อนเรว็ ข้นึ จนถงึ อุณหภูมิทางานได้ อยา่ งรวดเร็ว ถา้ สังเกตด้วยสายตา จะไมส่ ามารถบอกไดว้ ่าเทอร์โมสตัททางานได้อยา่ งถูกต้องหรือไม่ แต่ถ้าเทอรโ์ มสตทั ทางาน ไมถ่ กู ต้อง จะมสี ิ่งบอกอาการบางอย่าง ในเวลาทอ่ี ากาศหนาวเยน็ ถา้ เทอร์โมสตทั จะถกู เปิด และใชเ้ วลาอุน่ เครือ่ งยนตน์ านมาก แต่ถ้าปิดเครอื่ งยนตก์ ็ร้อนจดั ในกรณีหลงั เครื่องยนตจ์ ะร้อนจัดแตห่ ม้อนา้ และทอ่ ยางต่างๆ จะยงั คงเยน็ แสดงใหท้ ราบว่านา้ หลอ่ เย็นไมไ่ หลผา่ นหมอ้ นา้ เทอร์โมสตทั (วาลว์ น้า)
2. เกจวัดอณุ หภมู นิ า้ หล่อเยน็ ต้องให้อยู่ในสภาพทส่ี มบรู ณเ์ สมอ สามารถแสดงผลไดต้ รงกับระดบั ระบายความร้อนท เกิดข้ึนภายในเครื่องยนต์ เกจวดั อณุ หภมู ินา้ หล่อเยน็ 8.6. หม้อนา้ และพัดลม และบริเวณโดยรอบจะตอ้ งปราศจากสงิ่ สกปรกปดิ คลมุ จงึ ระบายความรอ้ นไดด้ ี จงึ มนั่ ทา ความสะอาดบ่อยๆควรทาตามคาแนะนาของคู่มอื การใช้อย่างเครง่ ครดั มิฉะน้ันจะเกดิ ปญั หาการระบายความร้อนไมด่ ี เท่าท่คี วร หรือไมส่ ามารถใชง้ านได้ หมอ้ น้าและพดั ลม 8.7. ซีลฝาปิดฝาหม้อนา้ ซลี ยางในฝาปิดหม้อนา้ จะต้องมสี ภาพดีเพ่ือใหป้ ิดใหส้ นทิ และสร้างความดันที่เหมาะสม เพกบั ระบบระบายความร้อน ถ้าเห็นมีรอยรา้ วบนซลี หรอื รอ่ งรอยตามบรเิ วณปากหมอ้ นา้ ที่แสดงใหเ้ หน็ วา่ นา้ หลอ่ เย็น รอ้ นจนเดือดแลว้ ควรเปล่ียนฝาหม้อน้าใหม่ ซลี ฝาปดิ ฝาหมอ้ น้า
8.8. ป๊ัมน้า สิ่งทบี่ อกอาการว่ามกี ารสึกหรอในปัม๊ นา้ คือ มนี ้าระบายความร้อนหรอื นา้ มันร่ัวซึมออกมาทางรรู ะบายท่ี ดา้ นขา้ งของปมั๊ นา้ อาการดังกลา่ วแสดงวา่ ซลี ข้างในป๊ัมนา้ สกึ หรอ ต้องรีบซอ่ มแซมหรือเปล่ียนใหมท่ นั ที ปมั๊ นา้ 8.9. น้าหล่อเย็น เป็นส่วนผสมของนา้ และนา้ ยาป้องกนั การเดือดของน้า ในประเทศท่ีมีอากาศหนาวจัดและจะมี การผสมนา้ ยาปอ้ งกนั การแข็งตัว(Anti - freeze) และนา้ ยาปรับสภาพน้า ซึ่งจะชว่ ยปอ้ งกนั การเดือดของนา้ การแข็งตัวและ การเกิดสนิม นา้ หลอ่ เย็น 8.10. ระดับนา้ มนั เบรกควรตรวจเช็คดว้ ยสายตา สังเกตดูทีก่ ระปุกน้ามันเบรกมีคาวา่ MAX และ MIN ระดบั น้ามนั เบรกควร อยู่ท่รี ะดบั MAX อยู่เสมอ สาเหตทุ ่เี ป็นไปได้ ทม่ี ผี ลทาใหป้ รมิ าณนา้ มนั เบรกในกระปุกนา้ มนั เบรก ลดลงต่าลงมี 2 ขอ้ คอื - มีการร่วั ของน้ามนั เบรกออกจากระบบเบรก - การสึกหรอของผา้ เบรก ซึง่ ระดบั น้ามนั เบรกจะลดลงนอ้ ย และชา้ มาก ในกรณนี ้ไี มจ่ าเป็นต้องเติมนา้ มันเบรกถา้ พบว่าระดบั น้ามันเบรกในกระปุก น้ามันเบรก ลดลงต่าลงรวดเร็ว ควรนารถเข้าศนู ยบ์ ริการ เพื่อตรวจ เช็คสาเหตุ - ควรเปลยี่ นน้ามันเบรก ทุกๆ 40000 กิโลเมตร
8.11. ระดับน้ามนั คลัทช์ ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สงั เกตดูทีก่ ระปกุ น้ามนั คลทั ช์ จะมีคาวา่ MAX กับ MIN ระดับ นา้ มันคลชั ท์ ควรอยทู่ ร่ี ะดับ MAX เสมอ ถ้าพบวา่ ระดับ นา้ มันคลทั ชใ์ นกระปกุ ลดลงตา่ ลง ควรนารถเข้าศนู ย์ บรกิ าร เพอ่ื ตรวจเชค็ หาสาเหตุ 8.12. ระดับนา้ มันเกยี ร์ AUTOควรตรวจเชค็ ขณะทเ่ี ครื่องยนตต์ ิดอยู่ โดยการดึงกา้ นวดั น้ามนั เกยี ร์ AUTO ออกเช็ค น้ามนั เกียร์ ที่ตดิ ก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสยี บก้านวัด นา้ มันเกยี รค์ นื กลบั จดุ เดมิ ดึงกา้ นวัดออกมาอกี ครงั้ หนึ่ง เพื่อตรวจระดับ นา้ มนั เกียรท์ ่ีปลายก้านวดั ถา้ ระดบั นา้ มัน เกยี ร์อยู่ทข่ี ีด F พอดี แสดงว่าระดับนา้ มนั เกยี ร์ปกติ 8.13. ตรวจเชค็ ระดบั น้ามัน POWERควรตรวจเชค็ ขณะที่เครื่องยนตต์ ิดอยู่ โดยการหมนุ ฝาปดิ กระปกุ น้ามนั POWER จะตดิ อยู่กับฝากระปกุ น้ามนั POWER ทก่ี ้าน วัดจะมคี าว่า HOT และ COLD อย่คู นละดา้ น ถา้ วดั ตอนท่ี เคร่ืองยนต์ยังเย็นอยู่ ใหด้ ดู า้ น COLD ถ้าวดั ตอนเครื่อง รอ้ นใหด้ ดู า้ น HOT ถ้าเปน็ รุ่นใหมใ่ ห้ดูที่กระปุกนา้ มนั POWER จะเป็นพลาสตกิ ใส ที่กระปกุ จะมคี าว่า HOT และ COLD อยคู่ นละด้าน และมีขดี ระดับ MAX กับ MIN อยดู่ ้วยระดับน้ามนั POWER ควรอยู่ระดับ MAX เสมอ ถ้าดตู อนเครอ่ื งยนต์เยน็ ให้ดดู า้ น COLD และถ้าดตู อน เครื่องยนต์รอ้ นให้ดดู า้ น HOT
8.14. ตรวจเช็คสภาพของสายพาน โดยวธิ กี ารมองดทู ส่ี ายพานถา้ พบรอยแตกเกดิ ขน้ึ ควรทาการเปลย่ี นแต่เน่นิ ๆ เพ่ือที่จะใชร้ ถไดอ้ ย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็ควรตรวจดูความตงึ ของสายพานด้วย โดยการใชน้ วิ้ กดลงบนสายพานตรงกลาง ระหว่างมู่เลส่ องข้าง ถา้ สามารถกดลงได้เลก็ น้อย ประมาณ 10 มม. กน็ ่าจะพอใช้ได้ (ถา้ ไม่แนใ่ จควรใหช้ า่ งตรวจสอบ เพราะ การตรวจดว้ ยวธิ ดี ังกลา่ ว ผูต้ รวจตอ้ งมคี วามชานาญ พอสมควร) 8.15. ตรวจเช็คสภาพภายในหอ้ งเครื่อง โดยวิธกี ารมองดรู อบๆภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่า มีอะไรผิดปกติ หรอื ไม่ เชน่ ท่อยางหมอ้ น้ามคี ราบน้าซมึ หรอื ไม่ สายไฟภายใน ห้องเครอื่ งเรียบร้อยดีหรือไม่ มหี นขู นึ้ มากดั หรือไม่ มคี ราบ น้ามนั เครื่องรวั่ ซมึ หรอื ไม่ เปน็ ตน้ 8.16. ตรวจเชค็ ระบบไฟสอ่ งสว่าง และไฟสญั ญาณต่างๆ เปดิ ไฟท้งั หมดดูวา่ ทางานตามปกตหิ รือไม่ มหี ลอดไหนไม่ ตดิ หรือไม่ ถ้าพบว่ามไี ฟหลอดไหนไม่ตดิ ควรเปลี่ยน ให้อยสู่ ภาพพรอ้ มใช้งาน หรอื นารถเขา้ ศูนย์บริการเพ่ือตรวจเชค็
8.17.ตรวจเช็คทป่ี ัดนา้ ฝน ยางปดั น้าฝนเม่อื ใช้ไประยะหนึ่ง กอ็ าจมกี ารเสือ่ มสภาพ ซง่ึ เนือ่ งมาจากสาเหตุเหลา่ น้ี - ผวิ สมั ผสั สว่ นปลายมกี ารสกึ หรอ จากการทางานปกตขิ อง ใบปัด - มสี ่งิ สกปรก และหนิ ทรายละเอียดอยู่ระหวา่ งยางใบปดั กับกระจกทาใหย้ างปัดน้าฝนสกึ หรอ - เม่ือใบปัดนา้ ฝนผ่านการใช้งานนานๆ ยางใบปัดน้าฝน จะแข็งตวั การยดื หยนุ่ จะลดลง และความบกพรอ่ งในการ ปัดจะ เกิดขน้ึ เน่อื งจากหน้าสมั ผสั ระหวา่ งยางใบปัดกับ กระจกไมด่ ี รวมทั้งอาจเกดิ จากใบปดั น้าฝนเกิดอาการ ส่นั เต้น หรืออาการ อ่นื ๆ ถ้าพบอาการเหล่านค้ี วรเปลยี่ นยางปดั น้าฝนใหม่ 8.18. ตรวจเช็คยาง ควรเชค็ แรงดนั ลมยางอย่เู สมอๆ โดยใช้ ความดนั ลมยางตามทผ่ี ผู้ ลติ กาหนด และควรเช็คขณะที่ รถ ยังไม่ไดใ้ ช้งาน(ยางยงั ไม่ร้อน) ถ้าลมยางออ่ นผดิ ปกติ ควรนาไปตรวจสอบวา่ มตี ะปตู าหรือไม่ ดสู ภาพยางด้วยตา ดทู ผี่ ิวยาง มรี อยแตกเลก็ ๆ หรอื ไม่ ดกู ารสกึ หรอของดอกยาง กลา่ วคอื ดอกยางสกึ มากไปหรอื ยงั หรอื มกี ารสึกหรอผิด ปกติ เช่น ลกึ เฉพาะตรงกลางหนา้ ยาง (เตมิ ลมมากเกนิ ไป) สกึ เฉพาะขอบยางทง้ั 2 ขา้ ง (ลมยางอ่อนเกนิ ไป) หรือสกึ ดา้ นใดด้านหน่ึง ฯลฯ ซึง่ กรณีเหลา่ นี้ ควรปรึกษาช่าง เพราะ ควรจะมีการตรวจเชค็ ช่วงลา่ ง และศนู ย์ล้อ เอาเลบ็ มือกดดู ทเ่ี นือ้ ยางว่า นมิ่ หรอื แข็ง ถา้ ยางหมดสภาพ เนอื้ ยางจะกดไมล่ งจะแขง็ มาก การตรวจเช็คลมยางควรท่จี ะตรวจเช็คลมยางอยา่ งน้อยสัปดาหล์ ะคร้ังและควรเตมิ ลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่
8.19 สญั ลกั ษณร์ ะบบไฟเตอื น
การบารุงรักษาเคร่ืองยนต์ดเี ซลและการ ตรวจเช็คสภาพรถเบือ้ งต้น
การบารงุ รักษาเครอื่ งยนตด์ ีเซลและการตรวจเชค็ สภาพรถเบื้องต้น กอ่ นท่ีจะทาการตดิ เครื่องยนตแ์ ละการนารถยนต์ไปใชง้ านในแต่ละวนั ผูข้ ับขี่ควรจะทาการตรวจสอบ หรอื บารุงรกั ษารถยนต์สว่ นทมี่ ีความสาคัญ เพอ่ื ใหเ้ กิดความปลอดภัยในการใชร้ ถยนต์ ซง่ึ ระบบต่างๆท่ีเรา จะทาการตรวจสอบสภาพและบารงุ รกั ษาเครอ่ื งยนตด์ ีเซล เช่น ระบบระบายความรอ้ น ระบบหล่อล่นื ระบบน้ามนั เช้อื เพลิง เปน็ ต้น ระบบต่างๆเหลา่ น้ีเป็นระบบท่มี ีความสาคญั อย่างมากสาหรบั เครอ่ื งยนต์ ดเี ซล เพราะถา้ มีปัญหาเกิดข้ึนหรือเกดิ ขน้ึ หรือเกิดข้อขัดขอ้ งเกย่ี วกับระบบตา่ งๆ เหล่าน้ีเครอ่ื งยนต์จะไม่ สามารถใชง้ านได้ตามปกติ หรือมีประสิทธภ์ิ าพในการใชง้ านลดลง
การสึกหรอของเครื่องยนตด์ ีเซล การสึกหรอของเคร่อื งยนต์ ของเครื่องยนตแ์ บ่งออกเปน็ สองประเภท คอื การสึกหรอโดยปกติ และการสกึ หรอโดยผิดปกติ การ สึกหรอโดยปกตนิ ัน้ จะเกดิ กับในช้นิ สว่ นทีม่ ีการเสยี ดสีกันจากการทางานของเคร่ืองยนตโ์ ดยท่ัวไปแลว้ สกึ หรอของเครอ่ื งยนต์ จะเกดิ ข้นึ กับช้ินส่วนเหล่าน้ี คือ แหวนลูกสบู เสือ้ สูบ วาลว์ ปลอกนาวาล์ว ลกู สบู รองเพลาหรอื แบร่ิง เป็นต้น การสึกหรอท่ีผดิ ปกติ คือ การสึกหรอนอกเหนือจากการทางานของเคร่ืองยนต์ ซง่ึ โดยท่วั ไปแล้วจะเกิดการบารงุ รกั ษาหรือการ ใชง้ านเครือ่ งยนต์ผิดวิธี เช่น การใชน้ ้ามันเครือ่ งไม่ถกู ต้อง ไมเ่ ปล่ียนถา่ ยนา้ มันเครอ่ื งตามคมู่ อื กาหนด หรอื ไมม่ กี ารอนุ่ เคร่อื งยนต์ก่อนใช้งาน สงิ่ เหล่านสี้ ง่ ผลใหเ้ ครอ่ื งยนต์สึกหรอหรอื ผดิ ปกติ และชารุดก่อนเวลาอนั ควร โดยชนิ้ ส่วนทมี่ ีการสกึ หรอมาก ไดแ้ ก่ กระบอกสบู แหวนลูกสูบ ซีลและแบร่งิ เทอร์โบชารจ์ เจอร์ วาลว์ ปลอกนาวาล์ว และ แบร่งิ เพลาข้อเหวีย่ ง แบรงิ่ กา้ นสูบ เปน็ ตน้
การซอ่ มกอ่ นเสยี การซ่อมกอ่ นเสยี การวางแผนงานเพอ่ื การซอ่ มบารงุ กอ่ นที่จะมคี วามเสียหายเกดิ ขน้ึ จะให้ประโยชนอ์ ยา่ งสูง เนอื่ งจากการซอ่ มหลังจากที่มกี ารชารดุ เสยี หายแลว้ อาจเสยี หายจนไม่อาจนามากลบั ไปใชไ้ ด้อกี ทาให้ตอ้ งเสยี ค่าใชจ้ ่ายสงู การละเลยไม่สนใจกบั อาการบอกสาเหตขุ องเครอื่ งยนต์ และใชง้ านต่อไป จนกระท่งั ช้นิ สว่ นชารุดซึง่ ส่งผลใหเ้ กดิ ความเสียหายมาก ส่วนกรณีของการซอ่ มก่อนเสียน้ัน เครอ่ื งยนต์จะได้รับการ บารงุ รกั ษาอยา่ งถูกตอ้ งและผู้ใชค้ อยตรวจดูสิ่งบอกอาการ ผูใ้ ช้จะรีบกาหนดวันซอ่ มแซมทันที กอ่ นที่จะเกิดการชารุดลุกลาม ประโยชนข์ องการซอ่ มก่อนเสีย มีดังนี้ - ชว่ ยป้องกนั ปญั หาได้กอ่ นท่คี วามเสียหายจะลกุ ลามไปถึงชิน้ ส่วนอ่ืนๆของเครื่องยนต์ - ชว่ ยลดคา่ ใช้จา่ ยเกี่ยวกับอะไหล่ในการบารุงรกั ษา - ช่วยลดค่าแรงในการบารงุ รกั ษา - ไมต่ ้องเสียเวลาในการซอ่ มบารุงเป็นเวลานาน - ชว่ ยป้องกันมีให้เกดิ ความเคน้ (Stress)และความเสยี หายลกุ ลามตดิ ต่อไปยังช้ินส่วนอ่ืนๆ วธิ ีการซ่อมก่อนเสยี มีสามข้ันตอนดังน้ี - การบารุงรักษาตามระยะกาหนดในคู่มอื - สงั เกตอาการผดิ ปกติของเครือ่ งยนต์ - ดาเนินการซ่อมแซม
1. น้ำหล่อเย็น ควรตรวจเช็คระดบั น้ำหล่อเย็นใหอ้ ยู่ในระดบั FULL อย่เู สมอ โดยตรวจเช็คในขณะท่ีดบั เคร่ืองและเคร่ืองเย็น ถำ้ ระดบั น้ำลดลงเป็ นปริมำณมำก ก็อำจจะมีปัญหำอย่ำงใดอย่ำงหน่ึงเกิดข้ึนได้ ซ่ึงจำเป็ นอย่ำงย่ิง ที่จะตอ้ งพิจำรณำ หำสำเหตุ หรือนำรถเขำ้ ศนู ยบ์ ริกำร เพ่ือตรวจเช็คสำเหตแุ ละควรเปล่ียนน้ำยำหล่อเย็น ทกุ ๆ40000 กิโลเมตร (อย่ำลืมเติมน้ำก่อนนำรถไป)
2. ระดบั น้ำมนั เครือ่ ง(ควรจะเปลีย่ นน้ำมนั เครื่องทุกๆ 10000 กิโลเมตร) กำรตรวจเช็คระดบั น้ำมนั เครื่อง อุ่นเคร่ืองยนตจ์ นถึงอุณหภมู ิทำงำนแลว้ ดบั เคร่ือง เช็คระดบั น้ำมนั เคร่ืองโดยใชก้ ำ้ นวดั ระดบั น้ำมนั เคร่ือง - เพื่อใหก้ ำรตรวจเช็คถกู ตอ้ ง รถควรอยู่ในแนวระดบั เคร่ืองยงั รอ้ น และทำกำรวดั หลงั จำกดบั เคร่ือง 2-3 นำที เพื่อใหน้ ้ำมนั เคร่ืองไหลกลบั ลง ดำ้ นล่ำงก่อน - ดึงกำ้ นวดั น้ำมนั เคร่ืองออก เช็คน้ำมนั เคร่ืองท่ีติดกบั กำ้ นวดั ดว้ ยผำ้ - เสียบกำ้ นวดั น้ำมนั เคร่ืองคืนกลบั จุดเดิม - ดึงกำ้ นวดั ออกมำอีกครงั้ หนึ่ง เพ่ือตรวจสอบระดบั น้ำมนั เครื่องท่ีปลำยกำ้ นวดั ถำ้ ระดบั น้ำมนั เครื่องอยู่ระหว่ำง \"F\" กบั \"L\" แสดงว่ำระดบั น้ำมนั เคร่ืองปกติ ขอ้ ควรระวงั - หลีกเล่ียงการเติมน้ามนั เคร่ืองมากเกินไป เพราะ อาจ ทาใหเ้ คร่ืองยนตไ์ มม่ ีกาลงั และทาใหช้ ้ินสว่ น เคร่ืองยนตส์ ึกหรอเร็วกวา่ ปกติ - ตรวจเช็คระดบั น้ามนั เคร่ืองท่ีกา้ นวดั อีกครงั้ หลงั เติม น้ามนั เคร่ืองลงไป
3. ระดบั น้ำกลนั่ แบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดบั น้ำกลนั่ แบตเตอรี่ ใหอ้ ย่ใู นตำแหน่ง UPPER/LEVEL และไม่ควรเติมเกิน กว่ำระดบั UPPER/LEVEL เพรำะถำ้ เติม มำกเกินไป น้ำยำอิเลคโทรไลทซ์ ่ึงเป็ นสำรละลำยกรด ซลั ฟรู ิค จะเจือจำงทำให้ ประสิทธิภำพกำรทำงำนลดลง นอกจำกน้ี น้ำยำอิเลคโทรไลทอ์ ำจจะกระเด็นออกทำง รรู ะบำยไอ และไปกดั กร่อนช้ินส่วน ต่ำงๆ ในหอ้ งเคร่ืองยนตไ์ ดน้ ำที่จะเติมลงในแบตเตอรี่ควรท่ีจะเป็ นน้ำกลนั่ อย่ำงเดียว ขอ้ ควรระวงั - ปิดฝาเติมน้ากลน่ั ใหแ้ น่น - ขวั้ แบตเตอร่ีท่ีขวั้ บวกและลบขนั แน่น - แบตเตอร่ียึดแน่นกบั ฐานท่ีตง้ั
4. ระดบั น้ำมนั เบรก ควรตรวจเช็คดว้ ยสำยตำ สงั เกตดทู ี่กระปุกน้ำมนั เบรกมีคำว่ำ MAX และ MIN ระดบั น้ำมนั เบรกควร อยู่ที่ระดบั MAX อยู่เสมอ สำเหตทุ ่ีเป็ นไปได้ ที่มีผลทำใหป้ ริมำณน้ำมนั เบรกในกระปกุ น้ำมนั เบรก ลดลงตำ่ ลงมี 2 ขอ้ คือ - มีกำรรวั่ ของน้ำมนั เบรกออกจำกระบบเบรก - กำรสึกหรอของผำ้ เบรก ซ่ึงระดบั น้ำมนั เบรกจะลดลงนอ้ ย และชำ้ มำก ในกรณีน้ีไม่จำเป็ นตอ้ งเติมน้ำมนั เบรกถำ้ พบวำ่ ระดบั น้ำมนั เบรกในกระปกุ น้ำมนั เบรก ลดลงตำ่ ลงรวดเร็ว ควรนำรถเขำ้ ศนู ยบ์ ริกำร เพื่อตรวจ เช็คสำเหตุ - ควรเปล่ียนน้ำมนั เบรก ทุกๆ 40000 กิโลเมตร
5. ระดบั น้ำมนั คลทั ช์ ควรตรวจเช็คดว้ ยสายตา สงั เกตดูท่ีกระปุกน้ามนั คลทั ช์ จะมีคาวา่ MAX กบั MIN ระดบั น้ามนั คลชั ท์ ควรอยูท่ ่ีระดบั MAX เสมอ ถา้ พบวา่ ระดบั น้ามนั คลทั ชใ์ นกระปุกลดลงต่าลง ควรนารถเขา้ ศูนย์ บริการ เพ่ือตรวจเช็คหาสาเหตุ
6. ระดบั น้ำมนั เกียร์ AUTO ควรตรวจเช็คขณะท่ีเคร่ืองยนตต์ ิดอยู่ โดยกำรดึงกำ้ นวดั น้ำมนั เกียร์ AUTO ออกเช็คน้ำมนั เกียร์ ที่ติดกำ้ นวดั ดว้ ยผำ้ แลว้ เสียบกำ้ นวดั น้ำมนั เกียรค์ ืนกลบั จุดเดิม ดึงกำ้ นวดั ออกมำอีกครงั้ หนึ่ง เพื่อตรวจระดบั น้ำมนั เกียรท์ ี่ปลำยกำ้ นวดั ถำ้ ระดบั น้ำมนั เกียรอ์ ย่ทู ่ีขีด F พอดี แสดงว่ำระดบั น้ำมนั เกียรป์ กติ
7. ตรวจเช็คระดบั น้ำมนั POWER ควรตรวจเช็คขณะท่ีเคร่ืองยนตต์ ิดอยู่ โดยกำรหมนุ ฝำปิ ดกระปกุ น้ำมนั POWER จะติด อยู่กบั ฝำกระปกุ น้ำมนั POWER ท่ี กำ้ น วดั จะมีคำว่ำ HOT และ COLD อยู่คนละดำ้ น ถำ้ วดั ตอนที่ เครื่องยนตย์ งั เย็นอย่ใู หด้ ดู ำ้ น COLD ถำ้ วดั ตอนเครื่อง รอ้ นใหด้ ดู ำ้ น HOT ถำ้ เป็ นร่นุ ใหม่ใหด้ ทู ่ีกระปกุ น้ำมนั POWER จะเป็ นพลำสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่ำ HOT และ COLD อยู่คนละดำ้ น และมีขีดระดบั MAX กบั MIN อยู่ดว้ ยระดบั น้ำมนั POWER ควรอยู่ระดบั MAX เสมอ ถำ้ ดู ตอนเคร่ืองยนตเ์ ย็นใหด้ ดู ำ้ น COLD และถำ้ ดตู อน เครื่องยนตร์ อ้ นใหด้ ดู ำ้ น HOT
8. ตรวจเช็คสภำพของสำยพำน โดยวิธีกำรมองดทู ่ีสำยพำนถำ้ พบรอยแตกเกิดข้ึน ควรทำกำรเปลี่ยนแต่เนิ่นๆ เพื่อท่ีจะใชร้ ถไดอ้ ย่ำงปลอดภยั นอกจำกน้ีก็ ควรตรวจดคู วำมตึง ของสำยพำนดว้ ย โดยกำรใชน้ ้ิวกดลงบนสำยพำนตรงกลำง ระหว่ำงม่เู ล่สองขำ้ ง ถำ้ สำมำรถกดลงได้ เล็กนอ้ ย ประมำณ 10 มม. ก็น่ำจะพอใชไ้ ด้ (ถำ้ ไม่แน่ใจควรใหช้ ่ำงตรวจสอบ เพรำะกำรตรวจดว้ ยวิธีดงั กล่ำว ผูต้ รวจตอ้ ง มีควำมชำนำญ พอสมควร)
9. ตรวจเช็คสภำพภำยในหอ้ งเครือ่ ง โดยวิธีกำรมองดรู อบๆภำยในหอ้ งเครื่อง ใหส้ งั เกตดวู ่ำ มีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยำงหมอ้ น้ำมีครำบน้ำซึมหรือไม่ สำยไฟภำยใน หอ้ งเคร่ืองเรียบรอ้ ยดีหรือไม่ มีหนูข้ึนมำกดั หรือไม่ มีครำบ น้ำมนั เคร่ืองรวั่ ซึมหรือไม่ เป็ นตน้
10. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่ำง และไฟสัญญำณตำ่ งๆ เปิ ดไฟทงั้ หมดดวู ำ่ ทำงำนตำมปกติหรือไม่ มีหลอดไหนไม่ติด หรือไม่ ถำ้ พบว่ำมีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปล่ียน ใหอ้ ยู่สภำพ พรอ้ มใชง้ ำน หรือนำรถเขำ้ ศนู ยบ์ ริกำรเพ่ือตรวจเช็ค
11. ตรวจเช็คทีป่ ัดนำ้ ฝน ยำงปัดน้ำฝนเม่ือใชไ้ ประยะหน่ึง ก็อำจมีกำรเส่ือมสภำพ ซ่ึงเนื่องมำจำกสำเหตุเหล่ำน้ี - ผิวสมั ผสั ส่วนปลำยมีกำรสึกหรอ จำกกำรทำงำนปกติของ ใบปัด - มีสิ่งสกปรก และหินทรำยละเอียดอย่รู ะหว่ำงยำงใบปัดกบั กระจกทำใหย้ ำงปัดน้ำฝนสึกหรอ - เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่ำนกำรใชง้ ำนนำนๆ ยำงใบปัดน้ำฝน จะแข็งตวั กำรยืดหยุ่นจะลดลง และควำมบกพร่องในกำร ปัดจะเกิดข้ึน เนื่องจำก หนำ้ สมั ผสั ระหว่ำงยำงใบปัดกบั กระจกไม่ดี รวมทง้ั อำจเกิดจำกใบปัดน้ำฝนเกิดอำกำร สนั่ เตน้ หรืออำกำรอ่ืนๆ ถำ้ พบอำกำรเหล่ำน้ีควรเปล่ียนยำง ปัดน้ำฝนใหม่
12. ตรวจเช็คยำง ควรเช็คแรงดนั ลมยำงอยู่เสมอๆ โดยใช้ ควำมดนั ลมยำงตำมท่ีผูผ้ ลิตกำหนด และควรเช็คขณะที่รถ ยงั ไม่ไดใ้ ชง้ ำน(ยำง ยงั ไม่รอ้ น) ถำ้ ลมยำงอ่อนผิดปกติ ควรนำไปตรวจสอบว่ำ มีตะปตู ำหรือไม่ ดสู ภำพยำงดว้ ยตำ ดทู ่ีผิวยำงมีรอยแตกเล็กๆ หรือไม่ ดกู ำรสึกหรอของดอกยำง กล่ำวคือ ดอกยำงสึกมำกไปหรือยงั หรือมีกำรสึกหรอผิด ปกติ เช่น ลึกเฉพำะตรงกลำง หนำ้ ยำง (เติมลมมำกเกินไป) สึกเฉพำะขอบยำงทง้ั 2 ขำ้ ง (ลมยำงอ่อนเกินไป) หรือสึก ดำ้ นใดดำ้ นหน่ึง ฯลฯ ซ่ึงกรณี เหล่ำน้ี ควรปรึกษำช่ำง เพรำะ ควรจะมีกำรตรวจเช็คช่วงล่ำง และศนู ยล์ อ้ เอำเล็บมือกดดู ที่เน้ือยำงว่ำ น่ิม หรือ แข็ง ถำ้ ยำงหมดสภำพ เน้ือยำงจะกดไม่ลงจะแข็งมำก กำรตรวจเช็คลมยำงควรที่จะตรวจเช็คลมยำงอย่ำงนอ้ ยสปั ดำหล์ ะครง้ั และควรเติมลมยำงในขณะที่ยำงยงั เย็นอยู่
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแตง่ การติดเครื่องยนต์ จะตอ้ งมีการตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์หรือส่วนประกอบ ต่างๆ ของเคร่ืองยนตใ์ หส้ ภาพท่ีสามารถใชง้ านไดต้ ามปกติ เช่น การตรวจระดบั น้าในหมอ้ น้า ระบบน้ามนั เช้ือเพลิง ระบบระบายความร้อน ระบบหล่อล่ืน และระบบสตาร์ต เป็นตน้ การตรวจสอบระบบต่างๆ เหล่าน้ีเป็นสิ่งท่ีสาคญั มากสาหรับการติดเคร่ืองยนต์ เพอ่ื ใหก้ าร ติดเคร่ืองยนตไ์ ม่ก่อใหเ้ กิดความเสียหายและเคร่ืองยนตส์ ามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งสมบรรณ์
การตดิ เครื่องยนตแ์ ละการปรับแตง่ การตรวจขันนทั ท่สี าคญั ท่ีเป็นหัวใจของการตดิ เคร่ืองยนต์ การการตรวจขันนัท หลงั จากประกอบเครอ่ื งยนตแ์ ลว้ ทาก่อนทาการตดิ เครื่องยนตก์ ่ีสารวจตรวจสอบความเรียบรอ้ ยและความตงึ ในการขนั นทั สว่ นตา่ งๆของ เครือ่ งยนตม์ ีความจาเป็นเป็นอยา่ งย่งิ เพ่ือปอ้ งกนั ความเสยี หายท่ีอาจจะเกดิ ขนึ้ กบั เครื่องยนต์
ตรวจความตงึ ของสายพานหน้าเครอื่ งยนต์ การตรวจความตงึ ของสายพานหน้าเคร่ืองยนต์ โดยการกดสายพาน บริเวณก่ึงกลางระหวา่ งพลร เลย่ ์ หากพบวา่ สายพานหยอ่ นเกินไป ตอ้ งปรับต้งั ความตึง ใหม่ใหไ้ ดค้ า่ ความตึงตามคร่มือกาหนด การตรวจสอบความตึงสายพานตอ้ งทาให้ ขณะเคร่ืองเยน็ หรือหลงั จากดบั เคร่ืองแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 30 นาที เช่น แรงกด สายพาน 10 Kg เป็นตน้
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแต่ง ตรวจระดับนามันเครื่อง การตรวจระดบั นา้ มันเครื่อง คือการอนุ่ เครื่องยนตแ์ ละตรวจการร่วั ของนา้ มนั เครอ่ื งจากสว่ นตา่ งๆของเคร่อื งยนตแ์ ละตรวจดสุ ภาพนา้ มนั เคร่อื งหาก สกปรกควรเปล่ยี นใหมโ่ ดยเปิดฝาเติมนา้ มนั เครอื่ งและนทั ถ่าย เป็นตน้
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแต่ง ตรวจระดบั นาหลอ่ เย็น การตรวจระดับนา้ หล่อเยน็ หากพบวา่ เส่อื มสภาพหรอื สกปรก ควรเปลี่ยนใหมใ่ นขณะเคร่อื งยนตเ์ ยน็ ดงั นีแ้ ละ ทาการตรวจสภาพทอ่ ยาง การร่วั ซมึ และการชารุดของทอ่ นา้ และขอ้ ตอ่ ตา่ งๆท่ีสาคญั คือการเติมนา้ ใน อยใู่ นระดบั ท่ีพอเหมาะสาหรบั เครอ่ื งยนต์
การตดิ เครื่องยนตแ์ ละการปรับแตง่ ตรวจสภาพกรองนามนั เชอื เพลิง การตรวจสภาพกรองนา้ มันเชอื้ เพลงิ หากพบวา่ เส่อื มสภาพหรอื มีอายกุ ารใช้ งานตามระยะทางท่ีคมู่ ือกาหนดควรเปล่ยี นใหมเ่ ม่ือตามเลขไมลห์ รอื ตามอาการของ เคร่ืองยนต์
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแต่ง ตรวจสภาพกรองอากาศ การตรวจสภาพกรองอากาศ วา่ เส่อื มสภาพหรอื ไม่ หากสกปรกใหใ้ ช้ ลมเป่าเพ่ือทาความสะอาดหากพบวา่ เส่อื มสภาพใหท้ ากรเปล่ยี นใหม่
การตดิ เครื่องยนตแ์ ละการปรับแตง่ การตรวจขวั แบตเตอรี่ การตรวจขั้วแบตเตอรี่ สามารถตรวจไดโ้ ดยการสงั เกตดูท่ีบริเวณขวั้ แบตเตอร่ี ถา้ สกปรกมากใหถ้ อดออก และทาความสะอาดโดยใชแ้ ปรงลวดหรือ แปรงทองเหลืองขัดส่ิงสกปรกใหห้ มด ลว้ ใชจ้ าระบีทารอบๆขั้วแบตเตอร่ี ถา้ ขัว้ แบตเตอรห่ี ลวม ซง่ึ เป็นสาเหตหุ น่งึ ท่ีทาใหเ้ คร่อื งยนตส์ ตารต์ ไมต่ ิดท่ีสาคญั
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแต่ง การตรวจนากรดแบตเตอรี่ การตรวจนา้ กรดแบตเตอร่ี แบตเตอรี่ที่ใชใ้ นรถยนตจ์ ะตอ้ งมี น้ากรดอยใร่ นระดบั ท่ีกาหนด คือ อยรร่ ะหวา่ งระดบั สรงสุด(Upper level) และระดบั ต่าสุด(Lower level) หากพบวา่ ต่ากวา่ ระดบั ท่ี กาหนดควรเปิ ดฝาปิ ดแบตเตอร่ีทุกชิ่งเพื่อตรวจสอบระดบั น้ากรดและทา การเติมใหอ้ ยใร่ นระดบั สรงสุดเสมอ
การตดิ เคร่ืองยนตแ์ ละการปรับแตง่ การตรวจสอบระบบสตาร์ตของเคร่ือง การตรวจสอบระบบสตาร์ตของเครื่อง โดยการตรวจดรข้วั ตอ่ สายไฟตา่ งๆของระบบวา่ อยใร่ นตาแหน่งที่ถรกตอ้ ง และมีสภาพสมบรรณ์ หรือไม่ หากพบขอ้ บกพร่องใหท้ าการแกไ้ ข และตรวจดรเฟื องขบั ของ มอเตอร์สตาร์ตวา่ เฟื องมีการสึกหรอกหรือไม่ หลกั จากน้นั ทาการติด เคร่ืองยนต์ เม่ือเครื่องยนตต์ ิดแลว้ ควรเชค็ ส่ิงต่างๆบริเวณรอบๆเครื่องยนต์
แบบทดสอบเรอื่ งการบารงุ รักษาและการตรวจสถาพทั่วไป วชิ างานเครอื่ งยนตด์ เี ซล รหสั วิชา 20101 - 2002 คำส่งั จงเลือกคำตอบท่ีถูกตอ้ งทสี่ ุด (X) ลงในข้อสอบเพยี งคำตอบเดยี ว (10 คะแนน) 1. ข้อใดกลา่ วถงึ การสกึ หรอทผี่ ดิ ปกตขิ องเครือ่ งยนต์ได้ถูกต้อง ก. การสกึ หรออยา่ งรวดเร็ว ข. การสึกหรอเนื่องจากนามันเคร่ืองนอ้ ยเกินไป ค. การสกึ หรอเนื่องจากอุณหภูมสิ งู ง. กำรสึกหรอนอกเหนอื จำกกำรสึกหรอจำกกำรทำงำนของเครื่องยนต์ 2. ขอ้ ใดไม่ส่งผลให้เกิดการสกึ หรอผิดปกติ ก. การใช้นามันเคร่อื งไม่ถูกต้อง ข. ไมเ่ ปล่ยี นถ่ายนามันเครอ่ื งตามคมู่ ือ ค. ไม่มีการอนุ่ เคร่อื งยนต์ก่อนการใชง้ าน ง. ไม่มีกำรอนุ่ อำกำศก่อนเข้ำเคร่อื งยนต์ 3. ข้อใดกลา่ วถึง “การซอ่ มก่อนเสยี ” ได้ถูกต้อง ก. การตรวจซ่อมทุก ๆ 10,000 กโิ ลเมตร ข. กำรซอ่ มตำมอำยกุ ำรใชง้ ำน ค. การซ่อมจากการประเมนิ ของช่าง ง. การซอ่ มท่วั ไป 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชน์ของการซ่อมกอ่ นเสีย ก. ลดค่าใชจ้ า่ ยในการซ่อมบารุง ข. ลดคา่ แรงในการซอ่ มบารงุ ค. ป้องกันความเสยี หายลกุ ลาม ง. เพ่ิมระยะเวลำในกำรทำงำนของเครื่องยนต์ 5. เครอ่ื งยนต์ไดร้ ับความเสียหายจากการทางานผดิ พลาดของระบบใดมากที่สดุ ก. ระบบระบำยควำมรอ้ น ข. ระบบหลอ่ ล่นื ค. ระบบไฟชารจ์ ง. ระบบสตารต์ 6. ขอ้ ใดไมใ่ ชจ่ ุดทตี่ อ้ งตรวจสอบในระบบระบายความร้อน ข. เกจวัดควำมดนั ก. เทอรโ์ มสตทั ง. ฝาหมอ้ นา ค. เกจวดั อณุ หภมู ินาหล่อเย็น 7. ขอ้ ใดเปน็ ผลจากซีล (Seal) ฝาปดิ หมอ้ นาชารดุ ก. เครอ่ื งยนต์ไม่มกี าลัง ข. ควำมดนั หม้อนำผดิ ปกติ ค. ความเรว็ ในการหมุนป๊มั นาผดิ ปกติ ง. หมอ้ นาแตกเน่ืองจากความดนั สะสม 8. ขอ้ ใดคือผลของปริมาณนามนั ของระบบนามันเชอื เพลิงไมเ่ พียงพอ ก. เครื่องยนตช์ ารดุ ข. เครือ่ งยนตไ์ ม่มีกำลัง ค. เครือ่ งยนต์สึกหรออยา่ งรวดเรว็ ง. ไส้กรองนามนั เชอื เพลิงอดุ ตนั
Search