Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ok

แผน ok

Published by Mathira Yodwimol, 2022-07-03 03:14:13

Description: วัตถประสงค์ของการจัดการเรียนรู้
1.....................................(k)
2.....................................(p)
3.....................................(A)

Search

Read the Text Version

9 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 1 หน่วยท่ี 1 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ชื่อหน่วย คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. สาระสาคญั เทคโนโลยีและการส่ือสารได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในการดาเนินชีวิตประจาวนั ของมนุษย์ อุปกรณ์ส่อื สารและคอมพวิ เตอรไ์ ด้เขา้ มามบี ทบาทสาคญั ต่อการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ดว้ ยความสามารถของ อุปกรณ์ส่อื สารและประสทิ ธภิ าพของเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ทาใหอ้ งคก์ ารต่างๆ นาเทคโนโลยเี หล่าน้ีมาเขา้ มา ช่วยในการดาเนินงานขององค์การให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ไม่ว่าจะเป็ นการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสาร อิเล็กทรอนิกส์ การทาธุรกิจและให้บริการบนอินเทอร์เน็ต ตลอดจนการใช้เป็นเคร่อื งมือช่วยในการทางาน เพราะฉะนัน้ จากการท่เี ทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเข้ามามบี ทบาทต่อการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์ ดงั นนั้ การเรยี นรกู้ ารใชง้ านคอมพวิ เตอร์ การคน้ หาขอ้ มลู เพอ่ื นามาชว่ ยในการตดั สนิ ใจ การวเิ คราะห์ การจดั เกบ็ ขอ้ มลู จงึ เป็นสง่ิ จาเป็นพน้ื ฐานสาหรบั ทกุ คน สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ลกั ษณะสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 5. จรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบในการใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบสารสนเทศ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 2. บอกลกั ษณะสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 3. อธบิ ายองคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. บอกผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 5. บอกจรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบในการใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบสารสนเทศได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรยี น 1. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น 2. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-6 คน

10 ขนั้ สอน 3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศกึ ษาเน้อื หาจากในหนังสอื เรยี น เร่อื ง คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรยี นในหวั ขอ้ ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี • ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ • ลกั ษณะสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ • องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ • ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 5. นักเรยี นแต่ละกลุม่ คน้ ควา้ และร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง จรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบใน การใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบสารสนเทศ โดยสรุปมาเป็นขอ้ ๆ พรอ้ มกบั ใหเ้ หตุผล และตวั อย่างประกอบ แลว้ สง่ ตวั แทนนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 6. นักเรยี นซกั ถามปัญหาขอ้ สงสยั วเิ คราะหเ์ น้อื หาการเรยี นการสอนและหาขอ้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอดเพอ่ื นาไปประยุกตใ์ ชต้ อ่ ไป 7. นกั เรยี นตรวจการประเมนิ ผล บนั ทกึ คะแนนทไ่ี ด้ ส่งใหค้ รตู รวจสอบผลการประเมนิ 8. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเกบ็ คะแนนไวเ้ ปรยี บเทยี บผลการประเมนิ หลงั เรยี น สือ่ การเรียนการสอน 1. หนังสือเรียนวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (20001-2001) ของบริษัท สานักพมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น/หลงั เรยี นพรอ้ มเฉลย การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านกล่มุ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น/หลงั เรยี น 10 ขอ้ 3. แบบสงั เกตคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี นไมม่ เี กณฑผ์ า่ น เกบ็ คะแนนไวเ้ ปรยี บเทยี บกบั คะแนนทไ่ี ด้ จากการทดสอบหลงั เรยี น

11 3. แบบสงั เกตคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นักเรยี นเขา้ ไปคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ จากหอ้ งสมุด จดั ทาเป็นรายงานส่งครู 2. ทาแบบฝึกปฏบิ ตั แิ ละแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

12 ใบงำนที่ 1 เรอ่ื ง จริยธรรมและควำมรบั ผิดชอบในกำรใช้คอมพิวเตอรก์ บั ระบบสำรสนเทศ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 2. บอกลกั ษณะสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 3. อธบิ ายองคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. บอกผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 5. บอกจรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบในการใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบสารสนเทศได้ คำชี้แจง ใหห้ าขา่ วจากอนิ เทอรเ์ นต็ หนงั สอื พมิ พห์ รอื นติ ยสารทม่ี เี ร่อื งเกย่ี วกบั จรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบ ในการใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบสารสนเทศ และนามาอภปิ รายหน้าชนั้ เรยี น ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………

13 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแกป้ ัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

14 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 2 หน่วยที่ 2 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ชื่อหน่วย ระบบปฏิบตั ิการ จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. สาระสาคญั ระบบปฏิบตั ิการเป็นซอฟต์แวร์ท่เี คร่อื งคอมพิวเตอร์ทุกเคร่อื งต้องมี เพราะเป็นซอฟต์แวร์ท่มี หี น้าท่ี ติดต่อระหว่างซอฟต์แวร์อ่ืนๆ กบั ฮาร์ดแวร์ และยงั มหี น้าท่ใี นการจดั สรรทรพั ยากร ระบบปฏิบตั ิการมีหลาย แพลตฟอร์มท่ีใช้กันในปั จจุบัน เช่น Microsoft Windows, OS X Mountain Lion และ Ubuntu เป็ นต้น ระบบปฏบิ ตั กิ ารมกี ารพฒั นามาอย่างรวดเรว็ มปี ระสทิ ธภิ าพในการทางานและใชง้ านงา่ ยขน้ึ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของระบบปฏบิ ตั กิ าร 2. การใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 เบอ้ื งตน้ 3. การใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 เบอ้ื งตน้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมายของระบบปฏบิ ตั กิ ารได้ 2. ใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 เบอ้ื งตน้ ได้ 3. ใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 เบอ้ื งตน้ ได้ 4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู้สอนสา มารถ สงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น 2. นกั เรยี นบอกประโยชน์หรอื ขอ้ ดใี นการนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการประกอบอาชพี ขนั้ สอน 3. ครอู ธบิ ายส่วนประกอบภายนอกทส่ี าคญั ของคอมพวิ เตอร์ โดยมตี วั อย่างคอมพวิ เตอรช์ นดิ ตงั้ โตะ๊ ใหด้ เู ป็นตวั อยา่ งประกอบคาอธบิ าย

15 4. ครอู ธบิ ายโดยใชง้ านนาเสนอ (PowerPoint) มเี น้ือหาเกย่ี วกบั สว่ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ ความหมายของระบบปฏบิ ตั กิ าร ชนิดของระบบปฏบิ ตั กิ าร และการใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร โดย แสดงรปู ภาพประกอบ 5. ครสู าธติ การใชง้ านและการออกจากระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 และ Windows 8 พรอ้ มทงั้ อธบิ ายและสาธติ การใชง้ านสว่ นประกอบของระบบปฏบิ ตั กิ ารทงั้ สองชนดิ 6. นักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนการจดั การไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ ตามทผ่ี สู้ อนสาธติ 7. นักเรยี นคน้ ควา้ ถงึ ความแตกตา่ งของระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 กบั ระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 8. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั และร่วมกนั สรปุ ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ 9. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จบั คสู่ ลบั กนั ตรวจบนั ทกึ ผลการประเมนิ สง่ ใหค้ รู 10. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผล การประเมนิ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของ สานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. งานนาเสนอ (PowerPoint) เร่อื ง ระบบปฏบิ ตั กิ าร 3. เครอ่ื งคอมพวิ เตอรช์ นิดตงั้ โต๊ะ 1 เคร่อื ง 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น/หลงั เรยี นพรอ้ มเฉลย การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครือ่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. พฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ ่าน ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง

16 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 เกณฑผ์ า่ น ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 3. แบบสงั เกตคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทาแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 2. บนั ทกึ รายรบั -รายจ่ายประจาวนั บนั ทึกบญั ชีรายรบั -รายจา่ ย : บรู ณาการกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คาชี้แจง : ใหบ้ นั ทกึ บญั ชรี ายรบั -รายจ่ายตามความเป็นจรงิ นาย/นาง/นางสาว.......................................................................... ประจาภาคเรยี นท.่ี ..../.......ระหว่างเดอื น..............................ถงึ เดอื น..................................พ.ศ................. ตารางบญั ชรี ายรบั -รายจ่าย บนั ทึกเพ่ิมเติม ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

17 ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกสว่ นประกอบของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 2. บอกประเภทของระบบปฏบิ ตั กิ ารได้ คาชี้แจง ใหอ้ ธบิ ายสว่ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ โดยจดั หารปู ภาพพรอ้ มอธบิ ายคณุ สมบตั ขิ องอุปกรณ์จดั ทา ลงในกระดาษ A4 ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

18 ใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง ระบบปฏิบตั ิการ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกส่วนประกอบของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 2. บอกประเภทของระบบปฏบิ ตั กิ ารได้ 3. ใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 ได้ 4. ใชง้ านระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 ได้ คาชี้แจง ใหค้ น้ ควา้ ถงึ ความแตกต่างของระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 กบั ระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………

19 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแกป้ ัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

20 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 3 หน่วยที่ 3 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. 2010 สาระสาคญั โปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2010 เป็ นโปรแกรมในการจัดการเอกสารต่างๆ ท่ีมี ประสทิ ธภิ าพและมกี ารใชง้ านกนั อย่างแพรห่ ลาย มคี วามสามารถในการจดั การรปู แบบตวั อกั ษรและขอ้ ความใหม้ ี ความน่าสนใจ เหมาะสมกบั รปู แบบของเอกสารนนั้ ๆ และยงั สามารถปรบั ปรุงแกไ้ ข จดั เกบ็ ในรปู แบบต่างๆ เพ่อื นามาใชใ้ หม่ ทาใหก้ ารทางานมคี วามสะดวก รวดเรว็ สาระการเรียนรู้ 1. ประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 2. ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010 3. การสรา้ ง การเปิด ปิด และบนั ทกึ เอกสาร จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 2. บอกสว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3. สรา้ ง การเปิด ปิด และบนั ทกึ เอกสารได้ 4. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจ ใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กจิ กรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเข้ำส่บู ทเรยี น 1. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น 2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนา และแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การจดั ทาเอกสาร รายงาน ดว้ ยโปรแกรม สาหรบั พมิ พเ์ อกสาร Microsoft Word 2010 วา่ มปี ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง ดกี ว่าวธิ กี ารอ่นื อยา่ งไร 3. ครแู สดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ

21 ขนั้ สอน 4. ครสู าธติ การเรยี กใชง้ านโปรแกรม นักเรยี นเปิดโปรแกรม Microsoft Word 2010 ครอู ธบิ ายวธิ กี ารใช้ แถบคาสงั ่ แถบเคร่อื งมอื ตา่ งๆ ในหน้าต่างของโปรแกรม รวมถงึ คณุ สมบตั ใิ หมข่ องโปรแกรม รปู หน้าตา่ งของ word แสดง สว่ นประกอบของแถบคาสงั ่ 5. ครอู ธบิ ายถงึ วธิ กี ารในการพมิ พเ์ อกสาร สาธติ ใหน้ ักเรยี นดู และนักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน 6. ครูอธิบายวธิ ีการบันทึกเอกสาร การเปิด-ปิดเอกสาร และการออกจากโปรแกรม ครูสาธิตให้ นกั เรยี นดู และนักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนตามครู 7. ครกู าหนดหวั ขอ้ ใหน้ ักเรยี นพมิ พเ์ อกสาร หวั ขอ้ โปรไฟล์ของฉัน (My Profile) แล้วให้บนั ทกึ ไฟล์ ชอ่ื EX Profile แลว้ ใหน้ ักเรยี นทดลองใช้ คาสงั ่ save หรอื save as เพ่อื ใหเ้ หน็ ถงึ ความแตกต่าง ของคาสงั ่ 8. นักเรยี นนาเสนอผลงานของตนเองทห่ี น้าชนั้ เรยี น 9. ครแู ละนกั เรยี นสรปุ เน้อื หาสาระสาคญั ครเู สนอแนะเพมิ่ เตมิ ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 10. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั ครตู อบขอ้ สงสยั 11. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จบั ค่สู ลบั กนั ตรวจบนั ทกึ ผลการประเมนิ สง่ ใหค้ รู 12. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน 13. กรณมี นี กั เรยี นไมผ่ า่ นการประเมนิ ใหน้ ดั หมายเวลาเพ่อื ทาการสอนเสรมิ ตอ่ ไป สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (20001-2001) ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 4. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล

22 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 4. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการจดั ประสบการณส์ ่งเสรมิ การเรยี นรู้ คอื พอใช้ 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ า่ น ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ เกณฑผ์ ่าน 50% ขน้ึ ไป 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 เกณฑผ์ า่ น ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ทาแบบฝึกปฏบิ ตั แิ ละแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

23 ใบงำนท่ี 3.1 เรอ่ื ง ส่วนประกอบของโปรแกรม จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. บอกสว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 2. สรา้ ง การเปิด ปิด และบนั ทกึ เอกสารได้ คำชี้แจง ใหเ้ ตมิ ขอ้ ความลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง 1. ………………………. 2. ………………………. ภาพหน้าตา่ ง Microsoft Word 2010 พรอ้ มกบั ใส่กรอบขอ้ ความเปล่าสาหรบั เตมิ ขอ้ ความแสดงสว่ นตา่ งๆ

24 บนั ทึกหลงั กำรสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำที่พบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

25 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 4 หน่วยท่ี 3 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Word 2010 สาระสาคญั โปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2010 เป็ นโปรแกรมในการจัดการเอกสารต่างๆ ท่ีมี ประสทิ ธภิ าพและมกี ารใชง้ านกนั อยา่ งแพร่หลาย มคี วามสามารถในการจดั การรปู แบบตวั อกั ษรและขอ้ ความใหม้ ี ความน่าสนใจ เหมาะสมกบั รปู แบบของเอกสารนนั้ ๆ และยงั สามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ข จดั เกบ็ ในรปู แบบตา่ งๆ เพ่อื นามาใชใ้ หม่ ทาใหก้ ารทางานมคี วามสะดวก รวดเรว็ สาระการเรียนรู้ 1. การกาหนดขนาดเอกสาร 2. การปรบั คุณลกั ษณะของขอ้ ความ 3. การจดั รปู แบบย่อหน้าและการกนั้ ระยะ 4. การจดั ตาแหน่งกลมุ่ ขอ้ ความ 5. การกาหนดระยะบรรทดั 6. การใสส่ ญั ลกั ษณ์แสดงหวั ขอ้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. กาหนดขนาดเอกสารได้ 2. ปรบั คุณลกั ษณะของขอ้ ความได้ 3. จดั รปู แบบยอ่ หน้าและการกนั้ ระยะได้ 4. จดั ตาแหน่งกลมุ่ ขอ้ ความได้ 5. กาหนดระยะบรรทดั ได้ 6. ใส่สญั ลกั ษณแ์ สดงหวั ขอ้ ได้ 7. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ได้ ในด้านความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวนิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความ สนใจใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กจิ กรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1. ครกู ล่าวถงึ การจดั รปู แบบย่อหน้า กนั้ หน้า กนั้ หลงั ได้ 2 วธิ ี คอื วธิ ี 1 จดั รปู แบบโดยกาหนดจากเสน้ ไมบ้ รรทดั (Ruler) และวธิ ที ่ี 2 จดั รปู แบบโดยการใชเ้ มนูคาสงั ่

26 2. ครแู สดงความคดิ เหน็ ในการเลอื กใชแ้ ตล่ ะวธิ ี ขนั้ สอน 3. ครูอธบิ ายและสาธติ การกาหนดขนาดเอกสาร การปรบั คุณลกั ษณะของขอ้ ความ การจดั รปู แบบย่อ หน้าและการกนั้ ระยะ การจดั ตาแหน่งกลุ่มขอ้ ความ การกาหนดระยะบรรทดั โดยนักเรยี นแต่ละคน ปฏบิ ตั ติ ามในหน้าจอเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ของแต่ละบุคคล โดยดู PowerPoint ประกอบแต่ละหวั ขอ้ ใน ขณะทค่ี รสู าธติ 4. ครสู าธติ วธิ กี ารใสส่ ญั ลกั ษณ์แสดงหวั ขอ้ โดยใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามในหน้าจอเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ถงึ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการปรบั ตงั้ ค่าสญั ลกั ษณ์ 5. นกั เรยี นทากจิ กรรมในแบบฝึกปฏบิ ตั ทิ ่ี 1 ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 6. นักเรยี นสรุปการสรา้ งเอกสารและการตกแตง่ เอกสาร 7. ครตู อบขอ้ สงสยั 8. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จบั คสู่ ลบั กนั ตรวจบนั ทกึ ผลการประเมนิ ส่งใหค้ รู 9. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน 10. กรณมี นี ักเรยี นไม่ผา่ นการประเมนิ ใหน้ ัดหมายเวลาเพอ่ื ทาการสอนเสรมิ ตอ่ ไป สือ่ การเรียนการสอน 1. หนังสอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานักพมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. PowerPoint นาเสนอการสรา้ งและตกแตง่ เอกสาร การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 4. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบฝึกปฏบิ ตั ิ เกณฑผ์ า่ น 50%

27 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ ่าน ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 3 เกณฑผ์ ่าน ทาถกู ตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 4. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับ การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ นักเรยี นจดั ทาใบความรู้ เร่อื ง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยจดั รปู แบบเอกสารตามท่ไี ดศ้ กึ ษาไป แลว้ จานวน 1 หน้ากระดาษ A4

28 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

29 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 5 หน่วยท่ี 4 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ชื่อหน่วย การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Office Word 2010 สาระสาคญั การสร้างงานเอกสารเพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จาเป็นจะต้องประยุกต์ใช้เคร่อื งมอื ใน การจดั การเพื่อให้เอกสารมคี วามน่าสนใจและนาไปใช้ในการส่ือสารผ่านขอ้ ความ ภาพกราฟิก ตาราง แผนภูมิ สญั ลกั ษณ์ เป็นต้น โปรแกรม Microsoft Word 2010 มคี วามสามารถในการจดั การไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพและมรี ูปแบบสาเร็จรวมถึงการใชง้ านทง่ี ่าย สะดวก สาระการเรียนรู้ 1. การสรา้ งปกรายงาน 2. การแทรกรปู ภาพ ภาพตดั ปะ รปู ร่าง SmartArt แผนภมู ิ 3. การจบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสาร 4. การแทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษ หมายเลขหน้า จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สรา้ งปกรายงานได้ 2. แทรกรปู ภาพ ภาพตดั ปะ รปู รา่ ง SmartArt แผนภมู ไิ ด้ 3. จบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสารได้ 4. แทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษ หมายเลขหน้าได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น 2. ครสู นทนาถงึ คณุ สมบตั ใิ หมข่ อง Microsoft Word 2010 ชว่ ยใหเ้ ราสามารถสรา้ งปกรายงานได้ อยา่ งงา่ ยดาย และน่าสนใจดว้ ยรปู ภาพ ภาพตดั ปะ รปู รา่ งต่างๆ 3. ครเู ปิดหน้าจอคอมพวิ เตอรแ์ ละใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ติ าม เพ่อื ดตู วั อย่างของปกรายงาน ขนั้ สอน 4. ครอู ธบิ ายและสาธติ การสรา้ งปกรายงานตามขนั้ ตอน วธิ กี ารแทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษ และ หมายเลขหน้า โดยใชส้ อ่ื PowerPoint ประกอบ ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามตวั อยา่ ง 5. นักเรยี นออกแบบปกรายงาน 5 ปก โดยเลอื กวชิ าและหวั ขอ้ ตามทน่ี ักเรยี นสนใจใหส้ มั พนั ธก์ นั ให้ ใสช่ ่อื ครผู สู้ อนและใชเ้ คร่อื งมอื การสรา้ งปกอย่างงา่ ย แลว้ บนั ทกึ ช่อื ไฟลต์ ามหวั ขอ้ รายงาน ครใู ห้ ขอ้ เสนอแนะในการตงั้ ช่อื ไฟลท์ ถ่ี กู ตอ้ ง

30 6. ครอู ธบิ ายถงึ นามสกลุ ไฟลต์ ่างๆ วา่ เป็นขอ้ มลู ประเภทใด เพอ่ื ใหง้ า่ ยแก่การเลอื กใชแ้ ละการคน้ หา เชน่ การเลอื กใชร้ ปู ภาพ ใหด้ จู ากนามสกลุ ไฟล์ .JPG เป็นตน้ 7. ครสู าธติ การจบั ภาพหน้าจอมาแทรกลงในเอกสาร โดยใชป้ ่มุ Print screen ในการจบั ภาพหน้าจอ ทต่ี อ้ งการ แลว้ ใชค้ าสงั ่ วางภาพบนหน้าเอกสารไดอ้ ย่างงา่ ยดาย 8. นักเรยี นฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน ครเู ดนิ ตรวจผลงานและใหค้ าแนะนาแก่นักเรยี นทม่ี ขี อ้ สงสยั ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 9. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ การจดั ทารายงาน และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั สือ่ การเรียนการสอน 1. หนังสอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของสานักพมิ พเ์ อม พนั ธ์ 2. PowerPoint เร่อื ง การสรา้ งปกรายงาน วธิ กี ารแทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษและหมายเลขหน้า 3. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ า่ น ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 เกณฑผ์ ่าน ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ จดั หาขอ้ มลู การใชไ้ ฟฟ้าในแตล่ ะเดอื นจากใบเสรจ็ คา่ ไฟฟ้า 6 เดอื น นามาจดั ทาเป็นเอกสารโดยใช้ แผนภมู แิ สดงค่าใชไ้ ฟฟ้าในแต่ละเดอื น ตกแตง่ เอกสารใหส้ วยงามดว้ ยเทคนิคทไ่ี ดเ้ รยี นไปแลว้

31 ใบงานท่ี 4.1 เรอื่ ง การประยุกต์ใช้โปรแกรม Microsoft Word 2010 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. จบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสารได้ 2. แทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษ หมายเลขหน้าได้ คาชี้แจง นกั เรยี นจบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสาร เพอ่ื จดั ทาคาอธบิ ายเกย่ี วกบั การใชโ้ ปรแกรม Microsoft Word 2010 โดยตกแตง่ เอกสารดว้ ยการแทรกหวั กระดาษ ทา้ ยกระดาษ และหมายเลขหน้าใหส้ วยงาม ภาพหน้าตา่ งโปรแกรม Microsoft Word 2010 .............................................................................................................................. ............................................................................................................................... .............................................................................................................................. ............................................................................................................................... .............................................................................................................................. ...............................................................................................................................

32 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำที่พบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแกป้ ัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

33 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 6 หน่วยท่ี 4 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมประมวลผลคา จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Word 2010 สาระสาคญั การสรา้ งงานเอกสารเพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จาเป็นจะต้องประยุกต์ใช้เคร่อื งมอื ใน การจดั การเพื่อให้เอกสารมคี วามน่าสนใจและนาไปใช้ในการส่ือสารผ่านขอ้ ความ ภาพกราฟิก ตาราง แผนภูมิ สญั ลกั ษณ์ เป็นต้น โปรแกรม Microsoft Word 2010 มคี วามสามารถในการจดั การได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและมรี ูปแบบสาเรจ็ รวมถงึ การใชง้ านท่งี ่าย สะดวก สาระการเรียนรู้ 1. การแทรกกล่องขอ้ ความ อกั ษรศลิ ป์ ตวั อกั ษรหน้า ขอ้ ความขนาดใหญ่ 2. การแทรกสญั ลกั ษณ์พเิ ศษ และแทรกสญั ลกั ษณ์ คณติ ศาสตร์ 3. การแทรกลายน้าลงในเอกสาร 4. การสรา้ งขอบกระดาษเอกสาร 5. การแบ่งขอ้ ความเป็นคอลมั น์ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แทรกกลอ่ งขอ้ ความ อกั ษรศลิ ป์ ตวั อกั ษรหน้า ขอ้ ความขนาดใหญ่ได้ 2. แทรกสญั ลกั ษณ์พเิ ศษ และแทรกสญั ลกั ษณ์ คณิตศาสตร์ได้ 3. แทรกลายน้าลงในเอกสารได้ 4. สรา้ งขอบกระดาษเอกสารได้ 5. แบ่งขอ้ ความเป็นคอลมั น์ได้ กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเข้ำสบู่ ทเรยี น 1. ครแู นะนาใหน้ ักเรยี นรจู้ กั แบบตวั อกั ษรทเ่ี ป็นมาตรฐานในการทางานจรงิ เช่น การพมิ พจ์ ดหมาย การพมิ พร์ ายงาน หรอื การสรา้ งเอกสารทุกชนิดท่เี ป็นเอกสารดา้ นวชิ าการหรอื ทางราชการ ส่วน ใหญ่จะใชแ้ บบอกั ษรคอื Angsana TH Sarabun แต่ถ้าเป็นเอกสารอ่นื ๆ เพ่อื ใหไ้ ดร้ บั ความสนใจ เช่น คาโฆษณาเก่ยี วกบั ขายสนิ ค้า หรอื เอกสารท่เี ราต้องการเน้นขอ้ ความบางอย่างเพ่อื ให้เห็น ชดั เจนยงิ่ ๆ ขน้ึ ดงั นัน้ การออกแบบเอกสารจงึ จาเป็นตอ้ งรจู้ กั วธิ กี ารปรบั เปลย่ี นเพอ่ื ใหเ้ หมาะสม 2. ครูสนทนาเก่ียวกับการใช้กล่องข้อความ อักษรศิลป์ การแทรกสัญลักษณ์พิเศษ และแทรก สญั ลกั ษณ์คณิตศาสตร์ การแทรกลายน้าลงในเอกสาร การแบ่งขอ้ ความเป็นคอลมั น์ ซ่ึงเป็น สง่ิ จาเป็นในการพมิ พเ์ อกสารใหถ้ ูกตอ้ งตรงตามรปู แบบ

34 ขนั้ สอน 3. ครอู ธบิ าย เร่อื ง การกาหนดรปู แบบและขนาดอกั ษร การใชช้ ดุ เครอ่ื งมอื รปู วาดพน้ื ฐาน โดยให้ นักเรยี นฝึกปฏบิ ตั ติ ามตามขนั้ ตอน และดจู ากทค่ี รสู าธติ ประกอบ 4. ครแู นะนาใหน้ กั เรยี นรถู้ งึ หลกั การปฏบิ ตั งิ านวา่ บางครงั้ จาเป็นตอ้ งวาดรปู ขน้ึ มา เพ่อื ใหเ้ อกสารมี ความสมบูรณ์ รวมถงึ การป้องกนั เอกสารจากการถกู คดั ลอก ดว้ ยการใชล้ ายน้า นักเรยี นดกู ารสาธติ และปฏบิ ตั ติ าม 5. ครยู กตวั อยา่ งเกย่ี วกบั การใชข้ อ้ ความศลิ ป์ การแทรกรปู ภาพ การแทรกสญั ลกั ษณ์พเิ ศษ และ การพมิ พเ์ อกสารทเ่ี กย่ี วกบั วชิ าคณติ ศาสตร์ เชน่ เคร่อื งหมาย sum การพมิ พเ์ ศษสว่ น ตอ้ งใชค้ าสงั ่ Equation 6. ครใู หน้ ักเรยี นชม วดี โี อสาธติ และฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน และจากแบบฝึกปฏบิ ตั ทิ า้ ยบท ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 7. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั ครตู อบขอ้ สงสยั 8. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรหู้ ลงั เรยี น เสรจ็ แลว้ จบั ค่สู ลบั กนั ตรวจส่งผลการประเมนิ หลงั เรยี นใหค้ รู 9. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน 10.กรณมี นี ักเรยี นไมผ่ า่ นการประเมนิ ใหน้ ดั หมายเวลาเพ่อื ทาการสอนเสรมิ ตอ่ ไป สือ่ การเรียนการสอน 1. หนังสอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานกั พมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. ใบงานท่ี 4.2-4.3 4. วดิ โี อสาธติ การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 3. ตรวจใบงาน 4. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 3. ใบงาน 4.2-4.3

35 4. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล เกณฑผ์ ่าน ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 เกณฑผ์ ่าน ทาถกู ตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 3. ใบงาน เกณฑผ์ า่ น ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 4. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรยี นออกแบบแผน่ ป้ายโฆษณาเกย่ี วกบั การจดั งานตลาดสนิ คา้ เกษตรปลอดสารพษิ ขนาด กระดาษ A4 โดยใหม้ ขี อ้ มลู ครบถว้ นสมบรู ณ์

36 ใบงำนที่ 4.2 เรอื่ ง กำรกำหนดรปู แบบและขนำดอกั ษร จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. แทรกกล่องขอ้ ความ อกั ษรศลิ ป์ ตวั อกั ษรหน้า ขอ้ ความขนาดใหญ่ได้ 2. สรา้ งขอบกระดาษเอกสารได้ 3. แบง่ ขอ้ ความเป็นคอลมั น์ได้ คำสงั่ ใหน้ ักเรยี นพมิ พต์ ามแบบตอ่ ไปน้ี กำรกำหนดรปู แบบอกั ษร 1. ใหน้ กั เรยี นตงั้ ค่าหน้ากระดาษโดยการคลกิ ทเ่ี มนูแฟ้ม เลอื กคาสงั ่ ตงั้ ค่าหน้ากระดาษ และ กาหนดรายละเอยี ดดงั น้ี ขนาดกระดาษเทา่ กบั A4 ขอบกระดาษบน 2.5 ซม. ขอบกระดาษล่าง 2.5 ซม. ขอบกระดาษซา้ ย 3.0 ซม. ขอบกระดาษขวา 2.5 ซม. การบรโิ ภคอยา่ งยงั่ ยนื หมายถงึ การบรโิ ภคอยา่ งพอดี พอประมาณ ตามความจาเป็นพน้ื ฐานและนามาซง่ึ คุณภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ โดยคานงึ ถงึ ความสามารถทร่ี องรบั ได้ ของระบบนิเวศ ซง่ึ ก่อใหเ้ กดิ ความสมดลุ ระหวา่ งความสขุ ในการดาเนนิ ชวี ติ ทส่ี ามารถพง่ึ ตนเองได้ มีกำร แบ่งปันใหส้ งั คมและกำรรกั ษำฐำนทรพั ยำกร ใหส้ ามารถใชใ้ นกจิ กรรมการผลติ และบรกิ ารอยา่ งต่อเนอื่ ง จนถงึ กลุ่มคน ร่นุ หลงั การบรโิ ภคอย่างยงั่ ยนื หมายถงึ ระหวา่ งความสขุ ในการดาเนินชวี ติ ทส่ี ามารถ การบรโิ ภคอย่างพอดี พอประมาณ ตาม พง่ึ ตนเองได้ มกี ารแบ่งปันใหส้ งั คมและการ ความจาเป็นพน้ื ฐานและนามาซง่ึ คณุ ภาพชวี ติ รกั ษาฐานทรพั ยากร ใหส้ ามารถใชใ้ นกจิ กรรม ทด่ี ขี น้ึ โดยคานึงถงึ ความสามารถทร่ี องรบั ได้ การผลติ และบรกิ ารอย่างต่อเนอื่ ง จนถงึ กลุ่ม ของระบบนิเวศ ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความสมดลุ คนรนุ่ หลงั

36 ใบงำนท่ี 4.3 เรื่อง กำรประยุกต์ใชข้ ้อควำมศิลป์ เพ่อื กำรทำงำน จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ แทรกกล่องขอ้ ความ อกั ษรศลิ ป์ ตวั อกั ษรหน้า ขอ้ ความขนาดใหญ่ได้ คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นทาตามตวั อย่างใหถ้ ูกตอ้ งตามใบงานน้ี 1. 2. 3. 4. 5.

37 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

38 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 7 หน่วยที่ 5 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การใชโ้ ปรแกรมตารางงาน จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Excel 2010 สาระสาคญั โปรแกรม Microsoft Excel 2010 เป็นโปรแกรมสาหรบั งานทเ่ี กย่ี วกบั การคานวณตวั เลข โดยลกั ษณะ การคานวณนัน้ เป็นไปในรูปแบบตารางการคานวณทเ่ี ป็นช่องๆ ซง่ึ เรยี กว่า “เซลล”์ (Cell) มคี วามสามารถในการ ประมวลผลขอ้ มูลไดห้ ลากหลาย ทงั้ รูปแบบ ตวั เลข ตวั อกั ษร สูตรการคานวณ วนั ทแ่ี ละเวลา วธิ กี ารป้อนและ แก้ไขข้อมูลมคี วามยืดหยุ่นจากคุณสมบัติเซลล์ท่ีเป็นอิสระจากกนั จึงทาให้จดั การกับเซลล์ต่างๆ ได้ง่าย มี แผนงาน (Worksheet) ทเ่ี ปรยี บเสมอื นหน้ากระดาษคานวณ สาหรบั แบ่งงานออกจากกนั และสามารถเช่อื มโยง การทางานกนั ได้ สาระการเรียนรู้ 1. ส่วนประกอบของ Microsoft Excel 2010 2. การเปิด ปิด โปรแกรม 3. การสรา้ ง เปิด ปิด และบนั ทกึ แฟ้มงาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายส่วนประกอบของ Microsoft Excel 2010 ได้ 2. เปิด ปิด โปรแกรมได้ 3. สรา้ ง เปิด ปิด และบนั ทกึ แฟ้มงานได้ 4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ผี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่ รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น 2. ครสู นทนากบั นักเรยี นถงึ ความสามารถของโปรแกรม พรอ้ มทงั้ ยกตวั อย่างการใชง้ าน โดยใหด้ ู ตวั อย่างผลงานทท่ี าจากโปรแกรม Microsoft Excel 2010 ขนั้ สอน

39 3. ครูสาธิตการเรียกใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2010 โดยนักเรียนเปิ ดโปรแกรม และดู สว่ นประกอบของโปรแกรมตามคาอธบิ ายของครู รวมทงั้ การใชง้ าน Ribbon การสรา้ งสมุดงานใหม่ และใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ติ าม และทาใบงานทค่ี รแู จกให้ 4. นักเรยี นสรา้ งสมุดงานบนั ทกึ ประวตั ขิ องนักเรยี น ใช้เคร่ืองมอื และคาสงั ่ ของโปรแกรม ปรบั แต่งให้ สวยงาม ฝึกการบนั ทกึ ขอ้ มูลด้วยคาสงั ่ Save และ Save as ใหน้ ักเรยี นสงั เกตความแตกต่างของ คาสงั ่ ทงั้ สองแบบ 5. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเร่อื ง การเขา้ และออกจากตารางทางาน ครใู หน้ ักเรยี นหาไอคอนของกลุ่มโปรแกรม ไมโครซอฟออฟฟิศ แลว้ ใหน้ กั เรยี นเรยี กขน้ึ มาใชเ้ อง โดยใชค้ าสงั ่ File ในแถบเมนู แลว้ คลกิ เลอื กท่ี Exit เพ่อื เป็นการออกจากโปรแกรม 6. ครถู ามนกั เรยี นเกย่ี วกบั การปิด-เปิดโปรแกรม เพอ่ื ทบทวนสง่ิ ทค่ี รอู ธบิ ายอกี ครงั้ โดยฝึกปฏบิ ตั จิ าก แบบฝึกปฏบิ ตั ทิ า้ ยบท ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 7. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั 8. นกั เรยี นสรุปความรทู้ ไ่ี ด้ และบอกวธิ กี ารนาไปใชง้ านไดอ้ ยา่ งไร ครชู ว่ ยแนะแนะเพม่ิ เตมิ 9. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งของแบบการประเมนิ ก่อนเรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทราบ สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานกั พมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 3. ตวั อยา่ งผลงาน การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ า่ น ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 เกณฑผ์ ่าน ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป

40 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ กั เรยี นศกึ ษา รวบรวมวธิ ใี ชค้ าสงั ่ คยี ล์ ดั ของโปรแกรมกลุม่ Microsoft Office โดยสรา้ งในรปู แบบ ตาราง พรอ้ มรปู ภาพป่มุ ตา่ งๆ ในการทางานประกอบคาอธบิ ายสนั้ ๆ

41 ใบงานที่ 5.1 เรื่อง ส่วนประกอบของหน้าต่าง Microsoft Excel 2010 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายสว่ นประกอบของ Microsoft Excel 2010 ได้ 2. เปิด ปิด โปรแกรมได้ 3. สรา้ ง เปิด ปิด และบนั ทกึ แฟ้มงานได้ คาชี้แจง จากรปู หน้าต่างของโปรแกรมเอก็ เซลใหบ้ อกช่อื ส่วนประกอบของหน้าต่างเอก็ เซลตามหมายเลขทก่ี าหนด พรอ้ มกบั อธบิ ายความหมายของช่อื สว่ นประกอบนนั้ 12 2 34 คำอธิบำย …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… จงตอบคำถำม 1. จานวนแถวและแผน่ งาน (ชที ) ในโปรแกรมเอก็ เซลมที งั้ หมดกแ่ี ถวและมวี ธิ กี ารตรวจหาจานวนแถวทงั้ หมด ไดอ้ ยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………… 3. จานวนสดมภแ์ ต่ละแผ่นงาน (ชที ) ในโปรแกรมเอก็ เซลมที งั้ หมดกส่ี ดมภแ์ ละมวี ธิ กี ารตรวจหาจานวนสดมภ์ ทงั้ หมดไดอ้ ยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………

42 ใบงานที่ 5.2 เรือ่ ง ส่วนประกอบของหน้าต่าง Microsoft Excel 2010 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายส่วนประกอบของ Microsoft Excel 2010 ได้ 2. เปิด ปิด โปรแกรมได้ 3. สรา้ ง เปิด ปิด และบนั ทกึ แฟ้มงานได้ คาชี้แจง จากรปู หน้าตา่ งของโปรแกรมเอก็ เซลใหบ้ อกชอ่ื สว่ นประกอบของหน้าตา่ งเอก็ เซลตามหมายเลขท่ี 12 3 4 56 4.16 หมายเลข 1 คอื เซล…………………… 4.2 หมายเลข 2 คอื เซล………………… 4.3 หมายเลข 3 คอื เซล…………………… 4.4 หมายเลข 4 คอื เซล………………… 4.5 หมายเลข 5 คอื เซล…………………… 4.6 หมายเลข 6 คอื เซล………………… จงตอบคำถำม 1. เม่อื เขา้ ส่โู ปรแกรมเอก็ เซล จะไดส้ มดุ งานมา 1 เล่มซง่ึ ในสมดุ งาน 1 เล่มนจ้ี ะประกอบดว้ ยแผน่ งาน (ชที ) ทงั้ หมดกแ่ี ผ่น ………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................................ 2. พน้ื ทท่ี างานของโปรแกรมเอก็ เซลจะแบง่ เป็นเซล (Cell) ซง่ึ แต่ละเซลจะเกดิ จากการตดั กนั ระหว่างแถวและ สดมภใ์ นแต่ละเซลผใู้ ชง้ านมวี ธิ กี ารใส่ขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งไรจงอธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………

43 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

44 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 8 หน่วยท่ี 5 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทเพ่ืองานอาชีพ ชื่อหน่วย การใชโ้ ปรแกรมตารางงาน จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Excel 2010 สาระสาคญั โปรแกรม Microsoft Excel 2010 เป็นโปรแกรมสาหรบั งานทเ่ี ก่ยี วกบั การคานวณตวั เลข โดยลกั ษณะ การคานวณนัน้ เป็นไปในรูปแบบตารางการคานวณทเ่ี ป็นช่องๆ ซง่ึ เรยี กว่า “เซลล”์ (Cell) มคี วามสามารถในการ ประมวลผลขอ้ มูลได้หลากหลาย ทงั้ รูปแบบ ตวั เลข ตวั อกั ษร สูตรการคานวณ วนั ทแ่ี ละเวลา วธิ กี ารป้อนและ แก้ไขข้อมูลมคี วามยืดหยุ่นจากคุณสมบตั ิเซลล์ท่ีเป็นอิสระจากกนั จงึ ทาให้จดั การกับเซลล์ต่างๆ ได้ง่าย มี แผนงาน (Worksheet) ทเ่ี ปรยี บเสมอื นหน้ากระดาษคานวณ สาหรบั แบ่งงานออกจากกนั และสามารถเช่อื มโยง การทางานกนั ได้ สาระการเรียนรู้ 1. ชนดิ ของขอ้ มลู 2. การจดั การขอ้ มลู ในเซลล์ 3. การจดั การแถวและคอลมั น์ 4. การกาหนดรปู แบบเซลล์ 5. การจดั การแผน่ งาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกชนดิ ของขอ้ มลู ได้ 2. จดั การขอ้ มลู ในเซลลไ์ ด้ 3. จดั การแถวและคอลมั น์ได้ 4. กาหนดรปู แบบเซลลไ์ ด้ 5. การจดั การแผน่ งานได้ 6. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กจิ กรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเข้ำสบู่ ทเรยี น 1. ครูสนทนาถงึ การป้อนขอ้ มูลลงในเซลล์สามารถกาหนดหรอื จดั รปู แบบใหก้ บั เซลลท์ งั้ หมดหรอื จดั รูปแบบเซลล์แต่ละเซลลใ์ หม้ รี ูปแบบแตกต่างกนั ตามลกั ษณะของขอ้ มลู เม่อื มกี ารเลอื กชว่ ง

45 เซลล์แลว้ สามารถกาหนดรปู แบบเซลล์โดยใชค้ าสงั ่ ทโ่ี ปรแกรมไดจ้ ดั หมวดหม่มู าใหจ้ ากเมนูคาสงั ่ Home ซง่ึ เป็นเคร่อื งมอื คาสงั ่ พน้ื ฐานในการจดั รปู แบบได้ ขนั้ สอน 1. นักเรยี นเปิดโปรแกรม ครใู หน้ ักเรยี นคลกิ ทป่ี ่มุ การจดั รปู แบบในหน้าจอคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื เขา้ สู่ บทเรยี นการจดั การเซลล์ และการจดั การ worksheet 2. ครสู าธติ การจดั การเซลล์ และการจดั การ worksheet โดยนกั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามทลี ะขนั้ ตอน โดยดจู าก สอ่ื PowerPoint 3. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) ใหน้ ักเรยี นพมิ พข์ อ้ มลู พรอ้ มจดั รปู แบบเซลล์ ตงั้ ชอ่ื ไฟล์ Time Table และใสส่ ปี ระจาวนั ให้ สวยงาม 2) นักเรยี นสรา้ งตารางสอนตามรปู แบบทก่ี าหนดให้ 3) ป้อนขอ้ มลู วชิ าเรยี นตามตารางเรยี นของนักเรยี น 4) บนั ทกึ ไฟลง์ านและตงั้ ช่อื ใหเ้ รยี บรอ้ ย นาเสนอผลงานทห่ี น้าชนั้ เรยี น ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 4. ครกู าหนดปัญหาเกย่ี วกบั การจดั การเซลล์ โดยให้นกั เรยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบและสรปุ เน้อื หาทไ่ี ดเ้ รยี นจากบทเรยี น 5. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จบั ค่สู ลบั กนั ตรวจบนั ทกึ ผลการประเมนิ ส่งใหค้ รู 6. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน 7. กรณมี นี ักเรยี นไม่ผา่ นการประเมนิ ใหน้ ดั หมายเวลาเพ่อื ทาการสอนเสรมิ ตอ่ ไป 8. ครแู จง้ หวั ขอ้ เรอ่ื งทจ่ี ะทาการศกึ ษาแบง่ กลุ่มหวั ขอ้ อภปิ รายเรอ่ื งทจ่ี ะทาการสอนครงั้ ต่อไป สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานกั พมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สอ่ื PowerPoint การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4. เครอื่ งมอื วดั ผล

46 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 4. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ า่ น ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม เกณฑผ์ ่าน 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 เกณฑผ์ ่าน ทาถกู ตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 4. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนข้นึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรยี นสารวจขอ้ มลู ของเพ่อื นในชนั้ เรยี น แลว้ ทาตารางขอ้ มลู ดงั น้ี 1. ลาดบั 2. ชอ่ื -นามสกุล 3. ชอ่ื เล่น 4. วนั เดอื น ปีเกดิ 5. ตงั้ ชอ่ื Sheet เป็น Friend 6. เปลย่ี นสแี ทบ็ ตามสวี นั เกดิ ของนักเรยี น 7. จดั รปู แบบเซลล์ ไดแ้ ก่ ตวั อกั ษร รปู แบบวนั ท่ี ตาแหน่งของขอ้ มลู ใสเ่ สน้ ใหก้ บั ตารางและกาหนดสี ให้ เสน้ เพอ่ื เน้นขอ้ มลู และความสวยงาม เตมิ สใี หก้ บั เซลล์ 8. บนั ทกึ ไฟล์

47 ใบงานท่ี 5.3 เรือ่ ง การจดั การเซลลแ์ ละแผน่ งาน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกชนดิ ของขอ้ มลู ได้ 2. จดั การขอ้ มลู ในเซลลไ์ ด้ 3. จดั การแถวและคอลมั น์ได้ 4. กาหนดรปู แบบเซลลไ์ ด้ 5. การจดั การแผน่ งานได้ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเลอื กชว่ งขอ้ มลู โดยใชป้ ่มุ Ctrl กบั การคลกิ เมาสใ์ หไ้ ดพ้ น้ื ทต่ี ามตอ้ งการเป็นรปู ตวั อกั ษร ดงั ตวั อย่าง และเตมิ สใี หก้ บั เซลลท์ เ่ี ลอื ก ภาพหน้าตา่ ง Excel เลอื กเซลลเ์ ป็นรปู ตวั อกั ษร 3 ตวั เป็นช่อื ใส่สเี ทาใหก้ บั เซลล์

48 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

49 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 9 หน่วยที่ 6 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมตารางงาน จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Excel 2010 สาระสาคญั การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel 2010 สามารถใชไ้ ดก้ บั งานหลายประเภท การศกึ ษาการใช้ สตู รและฟังกช์ นั ใหม้ คี วามเขา้ ใจตงั้ แตข่ นั้ พน้ื ฐานจงึ มคี วามจาเป็น การสรา้ งงานดว้ ยเคร่อื งมอื คาสงั ่ สตู รและ ฟังกช์ นั จะชว่ ยใหเ้ กดิ ทกั ษะจนสามารถพฒั นาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานต่างๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและมปี ระโยชน์ สาระการเรียนรู้ 1. ประเภทของสตู ร 2. วธิ กี ารป้อนค่าสตู ร 3. การคานวณโดยใชส้ ตู ร จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประเภทของสตู รได้ 2. ป้อนค่าสตู รได้ 3. คานวณโดยใชส้ ตู รได้ 4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ไดใ้ นดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่ รคู้ วามรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น 2. ครูกล่าวถงึ การใชส้ ตู รของโปรแกรม Microsoft Excel 2010 จะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจพน้ื ฐานของการ ใชง้ านสตู ร โดยโปรแกรมจดั หมวดหม่เู พ่อื ใหม้ คี วามเขา้ ใจและใชง้ านไดง้ า่ ย 3. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั โปรแกรม Microsoft Excel 2010 แบง่ ชนดิ ของสตู รออกเป็น 4 ประเภท คอื 1) สตู รในการคานวณทางคณติ ศาสตร์ (Arithmetic Formula) 2) สตู รในการเปรยี บเทยี บ (Comparision Formula) 3) เคร่อื งหมายในการเชอ่ื มขอ้ ความสองขอ้ ความหรอื มากกว่านนั้ (Text Formula) 4) ตวั ดาเนินการอา้ งองิ (Reference Operator)

50 ขนั้ สอน 4. ครอู ธบิ ายชนิดของสตู ร และสาธติ วธิ กี ารป้อนคา่ สตู ร การคานวณโดยการใชส้ ตู ร โดยให้นกั เรยี น ปฏบิ ตั ติ าม และใชส้ ่อื PowerPoint ฉายใหด้ ปู ระกอบการสาธติ 5. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) พมิ พข์ อ้ มลู ตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) คานวณชอ่ งรวมขาย = จานวน * ราคา/คนั 3) ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ = รวมขาย * 7% 4) ชอ่ งรวมเงนิ = รวมขาย + ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ 5) ช่องสว่ นลด = รวมขาย * 2% 6) รวมรายรบั = รวมเงนิ – สว่ นลด 6. นักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) พมิ พข์ อ้ ความตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) ช่องโบนัสคานวณโดยมเี งอ่ื นไขถา้ ลาหยดุ ไม่เกนิ 5 วนั จะไดโ้ บนัส 1 เดอื น ถา้ หยดุ เกนิ 5 วนั จะไดร้ บั โบนสั เพยี งครง่ึ เดยี ว 3) ช่องรวมเงนิ = เงนิ เดอื น + โบนัส ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 7. นกั เรยี นสรุปชนดิ ของสตู ร วธิ กี ารป้อนค่าสตู ร และการคานวณโดยการใช้สตู ร โดยแสดงการสาธติ และถามตอบเป็นกลุ่ม และรายบุคคล 8. นักเรยี นทาแบบฝึกปฏบิ ตั ทิ า้ ยบท สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานักพมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. ส่อื PowerPoint การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6

51 3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล เกณฑผ์ ่าน ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 เกณฑผ์ ่าน ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ ทากจิ กรรมใบงานและแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

52 ใบงานท่ี 6.1 เร่อื ง การประยุกต์สตู รของ Microsoft Excel 2010 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประเภทของสตู รได้ 2. ป้อนค่าสตู รได้ 3. คานวณโดยใชส้ ตู รได้ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) ใหพ้ มิ พข์ อ้ มลู ตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) คานวณช่องรวมขาย = จานวน * ราคา/คนั 3) ภาษมี ลู คา่ เพมิ่ = รวมขาย * 7% 4) ช่องรวมเงนิ = รวมขาย + ภาษมี ลู ค่าเพม่ิ 5) ช่องสว่ นลด = รวมขาย * 2% 6) รวมรายรบั = รวมเงนิ – ส่วนลด ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ......................

53 ใบงานที่ 6.2 เรื่อง การประยกุ ต์สูตรของ Microsoft Excel 2010 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประเภทของสตู รได้ 2. ป้อนคา่ สตู รได้ 3. คานวณโดยใชส้ ตู รได้ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) ใหพ้ มิ พข์ อ้ มลู ตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) ชอ่ งโบนสั คานวณโดยมเี งอ่ื นไขถา้ ลาหยดุ ไม่เกนิ 5 วนั จะไดโ้ บนัส 1 เดอื น ถา้ หยุดเกนิ 5 วนั จะ ไดร้ บั โบนัสเพยี งครง่ึ เดยี ว 3) ชอ่ งรวมเงนิ = เงนิ เดอื น + โบนสั

54 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั กำรสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ปัญหำท่ีพบ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ แนวทำงแก้ปัญหำ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................

55 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 10 หน่วยท่ี 6 รหสั วิชา 20001-2001 วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ ช่ือหน่วย การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมตารางงาน จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. Microsoft Excel 2010 สาระสาคญั การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel 2010 สามารถใชไ้ ดก้ บั งานหลายประเภท การศกึ ษาการใช้ สตู รและฟังกช์ นั ใหม้ คี วามเขา้ ใจตงั้ แต่ขนั้ พน้ื ฐานจงึ มคี วามจาเป็น การสรา้ งงานดว้ ยเครอ่ื งมอื คาสงั ่ สตู รและ ฟังกช์ นั จะชว่ ยใหเ้ กดิ ทกั ษะจนสามารถพฒั นาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานต่างๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและมปี ระโยชน์ สาระการเรียนรู้ 1. ประเภทของฟังกช์ นั และฟังกช์ นั ทใ่ี ชง้ านบ่อย 2. การอา้ งองิ เซลล์ 3. การคานวณโดยใชฟ้ ังกช์ นั 4. ขอ้ ผดิ พลาดทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ในการกาหนดฟังกช์ นั และสตู ร จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประเภทของฟังกช์ นั ได้ 2. อา้ งองิ เซลลไ์ ด้ 3. คานวณโดยใชฟ้ ังกช์ นั ได้ 4. บอกขอ้ ผดิ พลาดในการใชง้ านของโปรแกรมได้ 5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถสงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญกู ตเวที กจิ กรรมการเรียนการสอน ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น 1. ครแู ละนกั เรยี นสนทนาถงึ การพมิ พง์ านในโปรแกรม Microsoft Excel 2010 จะตอ้ งมกี ารกาหนด ฟังกช์ นั พมิ พส์ ตู รในการคานวณลงไปเองในเซลลค์ ลกิ เลอื กเซลลท์ ่ตี อ้ งการจะใส่สตู ร และพมิ พ์ เคร่อื งหมาย = และตามดว้ ยฟังกช์ นั ทต่ี อ้ งการคานวณ เช่น = SUM (ช่วงของกลมุ่ เซลลท์ ต่ี อ้ งการ คานวณ) กดป่มุ Enter 2. นักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ และเปิดโอกาสใหแ้ ลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ระหว่างกนั

56 ขนั้ สอน 3. ครูอธิบายประเภทของฟังก์ชนั การอ้างอิงเซลล์ สาธิตการคานวณโดยใช้ฟังก์ชนั และการแจ้ง ข้อผิดพลาดในการใช้งานของโปรแกรม โดยให้นักเรียนปฏิบัติตามและฉายส่ือ PowerPoint ประกอบ 4. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) พมิ พข์ อ้ มลู ตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) ชอ่ งเกรดใหใ้ ชฟ้ ังกช์ นั IF โดยมเี งอ่ื นไขดงั น้ี - ถา้ ไดค้ ะแนน น้อยกว่า 50 จะไดเ้ กรด F - ถา้ ไดค้ ะแนน มากกวา่ หรอื เทา่ กบั 50 จะไดเ้ กรด D - ถา้ ไดค้ ะแนน มากกวา่ หรอื เท่ากบั 60 จะไดเ้ กรด C - ถา้ ไดค้ ะแนน มากกว่าหรอื เท่ากบั 70 จะไดเ้ กรด B - ถา้ ไดค้ ะแนน มากกว่าหรอื เท่ากบั 80 จะไดเ้ กรด A - ถา้ ไดค้ ะแนน มากกว่า 100 จะแสดงขอ้ ความเงนิ เดอื นเกนิ 3) ชอ่ งสถานะแสดงขอ้ ความ ไม่ผ่าน ถา้ ไดเ้ กรด F 4) ช่องผลสรุปใหแ้ สดงขอ้ ความตามเงอ่ื นไขดงั น้ี - ถา้ ไดเ้ กรด F จะแสดงขอ้ ความ ควรปรบั ปรุง - ถา้ ไดเ้ กรด D จะแสดงขอ้ ความ พอใช้ - ถา้ ไดเ้ กรด C จะแสดงขอ้ ความ ปานกลาง - ถา้ ไดเ้ กรด B จะแสดงขอ้ ความ ดี - ถา้ ไดเ้ กรด A จะแสดงขอ้ ความ ดมี าก 5. นักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) พมิ พข์ อ้ มลู ตามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ 2) เมอ่ื ป้อนรหสั จะปรากฏชอ่ื – สกุล และเพศขน้ึ มา โดยใชฟ้ ังกช์ นั Vlookup 3) ทช่ี ่องรายรบั สุทธิ = เงนิ เดอื น – ภาษี 6. นักเรยี นทาแบบฝึกปฏบิ ตั แิ ละใบงาน ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 7. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั และช่วยกนั สรุปโดยการสาธติ การคานวณโดยใชฟ้ ังกช์ นั เพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานอาชพี ต่อไป 8. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จบั ค่สู ลบั กนั ตรวจบนั ทกึ ผลการประเมนิ สง่ ใหค้ รู 9. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งและเปรยี บเทยี บผลการประเมนิ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นการสอน

57 สือ่ การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (20001-2001) ของบรษิ ทั สานักพมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั 2. เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. ส่อื PowerPoint การวดั และการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 3. การสงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล เกณฑผ์ า่ น ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6 เกณฑผ์ ่าน ทาถูกตอ้ ง 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นักเรยี นทากจิ กรรมใบงานและแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook