1 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 1 หนว่ ยที่ 1 สอนครง้ั ที่ 1 (1-2) รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวิธกี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชื่อหนว่ ย/เรอ่ื ง พน้ื ฐานความรูเ้ กี่ยวกบั กรรมวธิ ีการผลิต แนวคดิ กรรมวธิ กี ารผลติ เป็นการนาเคร่อื งมอื เครอ่ื งจกั รกล เทคโนโลยีและความรู้ ความสามารถมาผสมผสานกนั เพ่ือ ผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน สามารถแข่งขันกบั ผู้อ่ืนได้ กรรมวิธกี ารผลิตถ้าแบ่งตามประเภทของกรรมวิธี การผลิตจะแบ่งออกเป็นกรรมวิธีการผลติ แบบเปลย่ี นรูปร่าง กรรมวิธีการผลิตแบบใช้เคร่อื งจักรกล กรรมวิธีการผลิต โดยการเพม่ิขนาด กรรมวธิกาี รผลติโดยการเปลย่นี สมบตัทิางกายภาพของวสัดุ กรรมวธกิ ีารผลติโดยการตกแตง่ผิว ถ้าแบ่งตามกระบวนการผลิตได้แก่ กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง กระบวนการ ผลิตซา และกระบวนการผลิตแบบไมต่ อ่ เนอื่ ง อุตสาหกรรมในการผลิตจะมีการแบ่งออกเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมขนาดกลางและ อตุ สาหกรรมขนาดยอ่ม ถ้าแบ่งตามขนาดกาลังผลิต จะแบ่งออกเป็นการผลิตจานวนมาก ผลิตจานวนปานกลาง และ การผลตเิ ฉพาะงาน ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง 1.จาแนกประเภทของกรรมวิธกี ารผลิตได้ 2.อธบิ ายกระบวนการผลิตได้ 3.อธบิ ายความหมายของอุตสาหกรรมได้ 4.บอกประเภทของอุตสาหกรรมแบ่งตามขนาดของอตุ สาหกรรมได้ 5.อธิบายประเภทของอตุ สาหกรรมแบ่งตามขนาดของกาลงั ผลติ ได้ 6.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่ีครสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรอ่ื ง 6.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์ 6.8 การละเวน้ ส่งิ เสพติดและการพนนั 6.2 ความมีวนิ ัย 6.9 ความรกั สามัคคี 6.3 ความรบั ผิดชอบ 6.10 ความกตัญญกู ตเวที 6.4 ความซือ่ สตั ยส์ ุจริต 6.5 ความเชอื่ มน่ั ในตนเอง 6.6 การประหยดั 6.7 ความสนใจใฝร่ ู้ สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั การ กระบวนการ เลือกกรรมวธิ ีการผลิต ชนิ ส่วนและผลิตภัณฑใ์ นงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.กรรมวธิ ีการผลติ 1.1 ประเภทของกรรมวิธกี ารผลิต 1.2 กระบวนการผลิต 2อุตสาหกรรม
2 2.1 ประเภทของอตุ สาหกรรมท่ีแบง่ ตามขนาดของอตุ สาหกรรม 2.2 ประเภทของอตุ สาหกรรมท่ีแบง่ ตามขนาดของกาลงั ผลิต กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1.ครูแจ้งจุดประสงค์ สมรรถนะรายวิชา และคาอธิบายรายวิชาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ของ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แนวทางวัดผลและการประเมินผลการเรียนรู้ พร้อมทังให้ผเู้ รียนซักถามและ แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การเรยี น 2.ครูกล่าวถึงบอกจุดประสงค์ในการศึกษาวิชากรรมวิธกี ารผลิต เพอ่ื ให้รู้และเข้าใจหลกั การการผลิตชินส่วน ในงานอุตสาหกรรม เลือกกรรมวธิ ีการผลิตให้เหมาะสมกับการผลิตชินส่วนและผลิตภัณฑ์ในงานอุตสาหกรรม มีกิจนิ สิยัในการทางานอย่างมีระเบยี บแบบแผน สร้างสรรค์ มคี วามปลอดภยั มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและส่วนรวม 3.ครูกล่าวถงึ กรรมวธิ ีการผลิตโดยท่วั ๆ ไป ผู้เขียนตอ้ งมีความรู้ และความเข้าใจในกระบวนการผลิตให้ได้มา ซึง่ สนิ ค้าหรือผลติ ภัณฑท์ ีม่ คี ุณภาพที่ดี เช่น โทรทศัน์ โทรศพทั ์ เป็นตน้ ข้นั สอน 4.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เปน็ วิธสี อน ท่นี าอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศนว์ ัสดุ ไดแ้ ก่ VDO และ Power Point เพื่อ แสดงให้ผู้เรียนไดเ้ รียนรู้กรรมวิธีการผลติ 4.1 ประเภทของกรรมวิธกี ารผลิต 4.2 กระบวนการผลิต 5.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายให้ผูเ้ รยี นเป็นผู้ฟังและเปดิ โอกาส ให้ผู้เรียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเรอ่ื งกรรมวิธีการผลิต ซ่ึงหมายถึงกระบวนการผลิตให้ได้มาซ่ึง สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มคี ุณภาพท่ีดี มีมาตรฐานสูงขึน โดยการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรแรงงาน วิธีการบริหาร จัดการ โดยการนาเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทาให้มีความสามารถในการผลิตทส่ี ูงขึนลดค่าใช้จ่าย ลดขันตอนการผลิตให้ เหลือน้อยลง มคี วามปลอดภัยในการทางาน ทาให้ได้สนิ ค้าหรือผลิตภัณฑ์เพอื่ นามาบริโภคอุปโภค 6.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบการสาธิตเรื่องกรรมวิธีการผลิต โดยใช้ Power Point เป็นสื่อแสดงประเภทของ กรรมวิธกี ารผลติ และกระบวนการผลติ ไดแ้ ก่ 6.1 กรรมวิธีการผลติ เปลย่ี นแปลงรปู ร่างของวัสดุ ไดแ้ ก่ การถลงุ สินแร่ (Smelting) การหลอ่ (Casting) การตี (Forging) การรดี (Rolling) การอัดขึนรปู หรือการอัดไหล (Extruding) ก า ร ดึ ง ขึ น รู ป (Drawing) การป่ันหมุนขึนรูป (Spinning) การดันขึนรูป (Stretch Forming) การขึนรูปโลหะผง (Sintering Process) การขึนรูปพลาสติก (Plastic Forming) ฯลฯ 6.2 กรรมวิธีการผลติ โดยใชเ้ ครอื่ งจักรกล ในการเปลี่ยนขนาดและรปู ร่างตามแบบงานทก่ี าาหนด ได้แก่ การกลึง (Turning) การเจาะ (Drilling) การกัด (Milling) การเจียระไน (Grinding) การไส (Shaping และ Planning) ฯลฯ 6.3 กรรมวิธีการผลติ โดยการเพ่ิมขนาด โดยการประกอบชนิ งาน การต่อเชื่อมชินงานเขา้ ดว้ ยกัน ได้แก่ การประกอบ การจับยึดชินงานด้วยสลักเกลียว (Bolt) สลัก (Pin) ลิ่ม (Key) เป็นต้น การเชื่อม (Welding) การบัดกรีอ่อน (Soldering) การบัดกรีแข็ง (Brazing) การใช้หมุดยา (Riveting) การกดขึนรูป (Pressing) ฯลฯ
3 6.4 กรรมวธิ กี ารผลติ โดยการเปล่ียนแปลงสมบตั ิทางกายภาพของวัสดุไดแ้ ก่ การปฏิบตั ิงานแปรรูปหรือ ขนึ รูปโลหะสภาพรอ้ น (Hot Working) การปฏิบัตงิ านแปรรูปหรอื ขนึ รูปโลหะสภาพเย็น (Cold Working) 6.5 กรรมวิธีการเปลีย่ นแปลงสมบัติทางกายภาพ หรอื ตกแต่งผวิ วัสดุ ไดแ้ ก่ การชบุ เคลอื บผวิ โลหะดว้ ย ไฟฟ้า (Electroplating) การเคลือบผิวงานอะลูมิเนียม (Anodizing) การฉดี พ่นโลหะ (Metal Spraying) การ เคลือบผิวด้วยกรรมวิธีการทางเคมี (Parkerizing) การขัดผิววัสดุ (Polishing) การถูเรียบ (Lapping) การขัด ด้วยสายพานขัด (Abrasive Belt Grinding) หินขัด (Honing Stone) ทาจาก Corundum, Silicon carbide, Cubic boronnitride, Diamond ฯลฯ 7.ครใู ชเ้ ทคนิค Discussion Method การจัดการเรียนรแู้ บบอภิปราย คือกระบวนการทผ่ี ู้สอนมงุ่ ให้ผู้เรียนมี โอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเรื่อง กระบวนการผลิต โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคาตอบ แนวทางหรือแก้ปญั หาร่วมกนั ซึ่งผเู้ รียนร่วมกันอภปิ ราย โดยสรปุ ไดด้ งั นี กระบวนการผลติ โดยทว่ั ๆ ไป จะแบ่งออกได้ 3 แบบ คือ 7.1 กระบวนการผลติแบบต่อเน่ือง (Continuous Process Industry) 7.2 กระบวนการผลติ ซา (Repetitive Process Industry) 7.3 กระบวนการผลติแบบไม่ตอ่ เนื่อง (Intermittent Process Industry) 8.ครูใช้เทคนิค Discussion Method การจัดการเรียนรแู้ บบอภิปราย คือกระบวนการที่ผู้สอนมุง่ ให้ผเู้ รียนมี โอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองอุตสาหกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคาตอบ แนวทางหรือแก้ปญั หารว่ มกนั ซึง่ ผเู้ รียนรว่ มกันอภปิ รายเร่ืองอตุ สาหกรรม ซึ่งสรปุ ตามประเภทไดด้ ังนี 8.1 ประเภทของอุตสาหกรรมทแี่ บ่งตามขนาดของอุตสาหกรรม 8.2 ประเภทของอตุ สาหกรรมที่แบ่งตามขนาดของกาลงั ผลิต ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรม ที่นารายได้เข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆ มีการแบ่ง ประเภทของอตุ สาหกรรม ดังนี ประเภทของอุตสาหกรรมท่แี บ่งตามขนาดของอุตสาหกรรม ได้แก่ อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และ ขนาดย่อม ประเภทของอุตสาหกรรมท่ีแบ่งตามขนาดของกาลังผลิต ได้แก่ การผลิตจานวนมาก (Mass Production) การผลิตจานวนปานกลาง (Moderate Production) และการผลติเฉพาะงาน หรือการผลิตจานวนน้อย (Job Lot Production) 9.ผู้เรยี นบอกประเภทของกรรมวิธกี ารผลิต และกล่าวถึงวา่ ในปจั จบุ นั เครือ่ งจักรในการผลติ กรรมวิธกี ารผลิต มีการพัฒนาการทาางานในลักษณะใด 10.ผู้เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม ยกตัวอย่างกระบวนการผลติ ท่วั ๆ ไป ทัง 3 แบบประกอบ โดยคานงึ ถึง (1) เงื่อนไขความรู้ เป็นความรอบรู้เก่ียวกับวชิ าการต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง ความรอบคอบทจี่ ะนาความรู้เหล่านัน มาพิจารณาให้เช่อื มโยงกนั เพอื่ การวางแผน และความระมัดระวงั ในขันปฏบิ ตั ิ (2) เง่ือนไขคณุ ธรรม เปน็ ส่งิ ที่ตอ้ งเสรมิ สรา้ งใหม้ ีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสตั ยส์ จุ รติ และมีความ อดทน มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนนิ ชวี ิต 11.ครูให้ความรู้เก่ียวกับการทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย หมายถึง การจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เก่ียวกับการเงิน หรือบางส่วนเก่ียวข้องกับการเงิน โดยผ่านการวิเคราะห์ จัดประเภทและบันทึกไว้ในแบบฟอร์มที่กาหนด เพ่ือแสดง ฐานะการเงนิ และผลการดาเนนิ งานของตนเองหรอื ครอบครวั ในชว่ งระยะเวลาหนึง่
ตวั อยา่ งแบบบันทึกบัญชีรายรบั -รายจ่าย 4 ว.ด.ป. รายรับ จานวนเงิน ว.ด.ป. รายรับ จานวนเงิน บาท สต. บาท สต. ผู้เรยี นบันทกึ รายรบั -รายจ่ายในครวั เรอื นของตนเองในภาคเรียนนตี ามแบบฟอร์มท่ีกาหนดให้ หมายเหตุ ถา้ ไม่พอใหใ้ ช้กระดาษ A-4 ตีแบบฟอรม์ เพมิ่ เติมได้ สรุปและการประยุกต์ 12.ครูและผเู้ รียนสรปุ เนอื หาท่ีเรยี นวา่ ในปจั จบุ นั ไดม้ ีการพฒั นาเคร่ืองมือ เครื่องจักรในการผลิต ให้มีการ ผลิตที่เป็นอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพใช้งานง่าย มีกาลังการผลิตสูง บารุงรักษาง่าย เพื่อทาให้ผลิตสินค้าได้ตามความ ตอ้ งการของลกคู ้า ส่งมอบงานได้ตรงเวลา 13.ผูเ้ รยี นและครไู ด้การกล่าวสรุปถึงกรรมวิธกี ารผลิตทจี่ ะตอ้ งกล่าวถึง คือ อตุสาหกรรม ซึ่งมีหมายถงึ กิจกรรม เก่ยี วกบั การบริการ หรอื ผลิตสินค้า หรืองานอน่ื ๆ เชน่ การแปรรูปวตั ถดุ ิบ หรือสินค้ากึ่งสาเร็จรูป ให้ได้มาซึ่ง ผลิตภณั ฑ์ สินค้าตา่ งๆ ดว้ ยแรงงานและเทคโนโลยี การบริหารจัดการมาช่วย ทาให้ได้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่มี คุณภาพ มีผลผลิตมาก ลดต้นทนุ การผลติ อตุ สาหกรรมจึงมคี วามหมายกว้างและใชไ้ ด้กับงานต่างๆ เชน่ การทอ่ งเท่ียว กเ็ ปน็ อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวได้ 14.ผู้เรียนทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 15.ผเู้ รยี นวางแผนนาหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ทจ่ี าเปน็ โดยทวั่ ไป สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน วชิ ากรรมวิธีการผลติ ของสานักพมิ พ์เอมพันธ์ 2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ , VDO และ Power Power 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. รูปภาพประกอบ 5. เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ หลักฐาน 1. บันทกึ การสอน 2. ผลงาน 3. แผนจัดการเรียนรู้ 4. ใบเช็คชอื่ เขา้ ห้องเรียน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วธิ ีวดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ตรวจใบงาน (ครูมอบหมาย) 3. ตรวแบบประเมินผลการเรยี นรู้
5 4 ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5 สังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6 การสังเกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยครู) 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียน รว่ มกันประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ีช่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้มเี กณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทบทวนบทเรยี นพนื ฐานความรเู้ กี่ยวกบั กรรมวิธีการผลติ เพิม่ เตมิ 2. ศกึ ษากรรมวธิ กี ารผลิตจากโรงงานผลิตตา่ งๆ จากเอกสาร กรณีศึกษา เป็นต้น เกยี่ วกบั 2.1 ประเภทของกรรมวธิ ีการผลิต 2.2 กระบวนการผลิต 3. ศกึ ษาอุตสาหกรรมประเภทตา่ งๆ ที่สอดคลอ้ งกบั 3.1 ประเภทของอุตสาหกรรมท่ีแบ่งตามขนาดของอุตสาหกรรม 3.2 ประเภทของอตุ สาหกรรมท่ีแบง่ ตามขนาดของกาลังผลติ 4. ศกึ ษากรรมวธิ ีการผลิตท่ีประหยัด คุม้ ค่ากบั ตน้ ทุน 5. บันทกึ การรับ-จ่ายในชวี ติ ประจาวันของตนเองและครอบครัว
6 บันทึกหลังการสอน ข้อสรุปหลงั การสอน ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ปญั หาท่ีพบ ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ..... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... แนวทางแก้ปัญหา ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ..... ................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................
7 แผนการจดั การเรยี นรู้แบบบรู ณาการท่ี 2 หน่วยที่ 2 รหสั วชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลติ (2-0-2) สอนคร้งั ที่ 2 (3-2) ช่ือหน่วย/เรอ่ื ง กรรมวธิ กี ารหลอ่ จานวน 2 ช.ม. แนวคิด งานหล่อเป็นกรรมวิธีการขึนรูปโลหะ โดยการหลอมเหลวโลหะด้วยเตาชนิดต่างๆ เช่น เตาสูง เตาคิวโพล่า เตาไฟฟ้า เป็นต้น เมื่อโลหะหลอมเหลวจะนานาโลหะไปเทลงในแบบหล่อท่ีจัดทาไว้ตามแบบงานที่ต้องการ เมื่อนา โลหะเย็นตวั ลง กจ็ ะนาออกจากแบบงานแล้วนาไปแปรรูปเปน็ ชินงานอกี ครงั ดว้ ยเครอ่ื งจกั รกลชนดิ ต่างๆ ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวัง 1 บอกชนิดของเตาหลอ่ ได้ 2 บอกประโยชนข์ องเตาหลอ่ ชนิดตา่ งๆ ได้ 3 อธิบายกรรมวธิ กี ารหลอ่ ได้ 4.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง 4.1 ความมมี นุษยสมั พันธ์ 4.2 ความมวี นิ ยั 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.4 ความซ่อื สัตย์สุจรติ 4.5 ความเชื่อม่นั ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเว้นส่งิ เสพติดและการพนัน 4.9 ความรักสามคั คี 4.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรเู้ ก่ียวกับหลกั การ กระบวนการ เลอื กกรรมวธิ ีการผลติ ชนิ สว่ นและผลิตภณั ฑใ์ นงานอตุ สาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.ชนดิ ของเตาหลอ่ 2 กรรมวิธีการหลอ่ 2.1 การหลอ่ ด้วยแบบทราย 2.2 การหลอ่ พเิ ศษหรอื การหล่อชนิดอน่ื ๆ
8 กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน 1.ครูและผู้เรียนกล่าวถึงกรรมวิธีการหล่อ ตัวอย่างเช่น การหล่อแบบเตาสูง โดยแสดงรูปภาพการหล่อ ประกอบ ดังนี จากรูปแสดงให้เห็นว่ารถบรรทุกวัตถุดิบ (Skip Car) ว่ิงขึนลงตามราง เพ่ือบรรทุกสินแร่เหล็ก (Iron Core) ถ่านหิน (Coal) และหินปูน (Limestone) จากโรงเก็บวัตถดุ ิบด้านล่างไปเทที่ด้านบนของเตา ในการผลิตเหล็ก 1,000 ตัน จะต้องใช้สินแร่ประมาณ 2,000 ตัน ถ่านหิน 800 ตัน หินปูน 500 ตัน และลมร้อน 4,000 ตัน เม่ือบรรจุวัตถุดิบ เข้าเตา แล้วทาาการจุดถ่านหนิ ในเตาให้ติดไฟ ด้านข้างเตาจะมที ่อลมต่อเข้า ภายในเตา เพ่ือส่งลมรอ้ นจากเตาลมร้อน เข้าสู่เตา เพื่อช่วยในการเผาไหม้ ความร้อนภายในเตาประมาณ 1,500-2,000 องศาเซลเซียส ซ่ึงเป็นความร้อนท่ี พอทาาใหส้ นิ แรห่ ลอมเหลวได้ 2.ครูเสนอแนะกรรมวิธกี ารหล่อ เพ่ือให้ผู้เรยี น และผ้อู ่านแบบมีความเข้าใจตรงกนั เพ่ือให้ได้มาตรฐาน และ คณุ ภาพท่ีดขี องผลิตภณั ฑ์ ขน้ั สอน 3.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธสี อน ท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วสั ดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุ ได้แก่ Power Point โดยแสดงชนิด ของเตาหลอ่ และกรรมวธิ ีการหล่อ 4.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบ Lecture Method การจัดการเรียนรู้แบบบรรยาย คือ กระบวนการเรียนรู้ท่ี ผสู้ อนเป็นผู้ถา่ ยทอดความรูใ้ หแ้ ก่ผเู้ รยี นโดยการพูดบอกเลา่ อธบิ ายเนอื หาเร่อื งเตาหล่อซง่ึ แบง่ ไดห้ ลายชนิด ดงั นี ได้แก่ เตาสูง (Blast Furnace) เตาคิวโพล่า (Cupola Furnace) เตาพุดเดิล (Puddle Furnace) เตาเบสเซมเมอร์ (Bessemer) เตาโอเพ่น ฮาร์ท (Open Heart Furnace) กรรมวิธีเตาไฟฟ้า (Electrical Furnace Process) เตาครูซิเบิล หรือเตาเบ้า (Crucible Furnace) และเตาเบสิก ออกซิเจน (Basic Oxygen Furnace) หรือเรียกว่า เตา คอนเวอร์เตอร์ (Converter Furnace)
9 5.ครูแสดงตวั อย่างเตาหล่อบางชนิด เช่น 6.ครูและผูเ้ รียนใชเ้ ทคนคิ Demonstration Method เปน็ การจดั การเรยี นรแู้ บบสาธิตกรรมวธิ ีการหล่อ ด้วย การหล่อด้วยแบบทราย เป็นกรรมวิธีการหล่อแบบดังเดมิ มกี ารหล่อมานานตังแต่สมัยโั บราณ เป็นการหล่อโดยทาแบบ เปน็ โพรงในทรายตามรูปทรงท่ีตอ้ งการ แล้วเทนาโลหะที่หลอมเหลวลงในโพรงในแบบทรายท่ีทาไว้ เมื่อนาโลหะแข็งตัว จนเย็นตัวลง รอื ทรายออก นาชินงานออกมาทาความสะอาดแล้วทาการแปรรูปด้วยเครอ่ื งจักรกลต่อไป ในกรณีชินงาน ตอ้ งการรูปทรงและขนาดทม่ี คี วามละเอยี ดสูง โดยเปิด VDO การสาธิตการหลอ่ ใหผ้ ูเ้ รียนดู เพือ่ ให้เกดิ การเรยี นรู้การหลอ่ ด้วยแบบตา่ ง ๆ เช่น 6.1 ชนิดของทรายทใ่ี ช้ในการหล่อ 6.2 การทาแบบหล่อ (Molding Processes) 6.3 กระบวนการทาแบบหล่อ 7.ครแู สดงขนั ตอนของการหล่อดว้ ยทรายให้ผูเ้ รียนดู้ โดยใช้ VDO และ Power Point เป็นสือ่ ในการสาธิต ซ่งึ การหลอ่ มีหลายวิธแี ตล่ ะวิธีมีวิธที ่ีแตกต่างกัน หรืออาจจะคล้ายกัน การหลอ่ ทจ่ี ะกล่าวนีคือ การหล่อดว้ ยทราย ที่มี ใช้กันมานานตงั แตส่ มยั โบราณในปัจจบุ ันกย็ ังใช้กันอยู่ ซง่ึ เป็นพืนฐานการหลอ่ ท่ีควรศึกษาเบืองต้น การหล่อทรายทว่ั ๆ ไปทีน่ ยิ มใช้กันมากคอื การหล่อดว้ ยกรีนแซนด์โมลด์ และสกินดราย แซนดโ์ มลด์ 8.ครูและผู้เรียนบอกประเภทของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ท่ีใช้ในการหล่อ การทาาแบบหล่อทรายโดยท่ัวไปซ่ึง เครื่องมอื ท่ีใช้โดยท่วั ๆ ไป มดี ังนี 8.1 หบี หลอ่ (Flash) 8.2 กระดานรองหบี หลอ่ (Mold Board) 8.3 หบี เปา่ ลม (Bellows)
10 8.4 ตะแกรงร่อนทราย (Riddle) 8.5 เหล็กดงึ กระสวน และเหล็กแทงรูไอ 8.6 ช้อนแตง่ แบบโมลด์ 8.7 เกรียงแต่งผิวเรยี บ (Finishing Trowel) 8.8 อุปกรณส์ าาหรบั แต่งมุม (Corner Tool หรือ Slick) 8.9 ไม้กระทงุ้ ทราย (Bench Rammers) 8.10 เหลก็ ตกั ทราย (Lifter) 8.11 ตวั ตัดทางเข้าของน้าาโลหะ (Gate Cutter) 8.12 สลักทาารูเทและรลู น้ (Sprue Pin หรอื Riser Pin) 8.13 คอร์ (Core) 9.ครแู ละผู้เรียนใช้เทคนคิ Discussion Method การจัดการเรยี นรูแ้ บบอภิปรายเรอ่ื งกรรมวธิ กี ารหลอ่ โดยการหลอ่ พิเศษหรือการหล่อชนิดอ่ืนๆ ซงึ่ เปน็ กรรมวิธกี ารหล่อชนิดอน่ื ๆ นอกจากการหล่อดว้ ย ทรายหล่อ ในทีน่ ไี ม่ ขอกลา่ วรายละเอียดมากนกั ไดแ้ ก่ 9.1 การหล่อด้วยแบบแม่พิมพห์ ล่อถาวร (Permanent Mold Casting) 9.2 ดายคาสติง (Die Casting) 9.3 การหล่อเชลล์โมลด์ (Shell Molding) 9.4 การหล่อด้วยแรงเหวี่ยงหนศี ูนย์ (Centrifugal Casting) 9.5 การหล่อแบบอนิเวสต์เมนต์ (Investment Casting) หรือการหล่อแบบขีผึงหาย (Lost Wax)
11 10.ผเู้ รียนยกตัวอย่างชนิ งานทผ่ี ลิตดว้ ยกรรมวิธดี ายคาสติง 11.ผเู้ รยี นอภปิ รายกรรมวธิ กี ารหล่อ โดยศกึ ษาเกยี่ วกับ 11.1.ชนิดของเตาหลอ่ 11.2 กรรมวิธีการหลอ่ โดยการหลอ่ ดว้ ยแบบทราย และการหล่อพเิ ศษหรือการหล่อชนิดอ่นื ๆ 12.ครูให้ความรู้เกี่ยวกับความรู้ ความคิด และการปฏิบัติ คือ ควรนาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงใน กระบวนการทางานทุกประเภทนัน จะเน้นสัจจะซึ่งเป็นตัวคุณธรรม จริยธรรม เน้นความซื่อสัตย์สุจริต เน้นให้ช่วยกัน คิด ช่วยกนั ทา เน้นให้รู้จักความพอดี พอประมาณ มเี หตุผล ทังหมดนคี ือ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และสามารถ นาไปประยกุ ต์ใช้กบั การดาเนนิ ชีวติ ของทุกคนได้ ข้ันสรุปและการประยกุ ต์ 13.ครูและผู้เรียนสรปุ เนือหาที่ศึกษากรรมวิธีการหล่อ ชนิดของเตาหล่อ กรรมวิธีการหล่อ ไดแ้ ก่ การหล่อด้วย แบบทราย และการหลอ่ พเิ ศษหรือการหลอ่ ชนดิ อ่นื ๆ 14.ผู้เรียนตอบคาถามเป็นรายบุคคลหรือกลมุ่ แลว้ แตค่ วามสะดวกในสภาพจริงของการเรียนการสอน 15.ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี น วชิ ากรรมวิธีการผลิต ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รูปภาพ 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.ส่อื อกิ เล็กทรอนิกส์ , VDO และPower Point 5.เครือ่ งมือและอุปกรณป์ ฏิบัตงิ าน หลกั ฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเช็ครายช่ือ 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ 3 ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
12 เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ 3. แบบประเมนิ ใบงาน (ครูมอบหมาย) 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียน ร่วมกนั ประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มีชอ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้มเี กณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรยี นเรื่องกรรมวิธีการหล่อ 2.ศกึ ษาชนดิ ของเตาหลอ่ 3 ศึกษากรรมวธิ ีการหลอ่ การหลอ่ ดว้ ยแบบทราย การหลอ่ พเิ ศษหรือการหล่อชนิดอื่นๆ 4.บนั ทกึ บญั ชรี ายรับ-รายจา่ ย
13 บันทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน ......................................................................................................................................... ......... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทีพ่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .... แนวทางแก้ปญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
14 แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 3 หน่วยท่ี 3 สอนครง้ั ที่ 3 (5-6)ต รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวิธกี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ช่อื หนว่ ย/เรอื่ ง กรรมวธิ ีการข้ึนรปู ร้อน แนวคดิ กรรมวิธีการขนึ รปู ร้อนเปน็ กรรมวิธีการผลติ อีกวิธหี น่ึงทใี่ ช้ในการผลติ จาานวนมาก เป็นการให้ความร้อน แก่วัสดุ กอ่ นทาการขึนรูปซ่ึงมีกรรมวิธีทแ่ี ตกตา่ งกันหลายวิธี ไดแก่ การรีดขึนรูป การตีขึนรูป การอัดรดี ขึนรูปการ ผลิตท่อ เป็นต้น ในแต่ละกรรมวิธีก็มีวิธีการที่ย่อยออกไปอีก งานในการผลิตด้วยกรรมวิธีการขึนรูปร้อน เช่น การนา เหลก็ หล่อรดี ขนึ รปู เป็นเหลก็ ขนาดตา่ งๆ การผลิตท่อแบบตอ่ ชน การแทงขนึ รปู ทอ่ แบบไร้ตะเขบ็ เปน็ ต้น ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1.อธิบายกรรมวธิ กี ารรีดขนึ รปู ได้ 2.อธิบายกรรมวิธกี ารตขี นึ รูปได้ 3.อธิบายกรรมวิธีการอดั รดี ขึนรปู ได้ 4.อธิบายกรรมวธิ กี ารผลติ ทอ่ ได้ 5.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทีค่ รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง 5.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ 5.6 การประหยัด 5.2 ความมวี นิ ัย 5.7 ความสนใจใฝ่รู 5.3 ความรบั ผดิ ชอบ 5.8 การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนัน 5.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 5.9 ความรักสามัคคี 5.5 ความเชื่อมน่ั ในตนเอง 5.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความร้เู ก่ียวกับหลักการ กระบวนการ เลอื กกรรมวิธกี ารผลิต ชินสว่ นและผลติ ภัณฑ์ในงานอตุ สาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.การรดี ขึนรปู (Rolling) 2.การตขี ึนรูป (Forging) 3.การอดั รีดขึนรูป (Extrusion) 4.การผลิตทอ่ (Pipe and Tube Manufacturing) กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1.ครูและผู้เรียนสนทนาถงึ กรรมวิธกี ารรีดขึนรูปโลหะดว้ ยลูกกลิง โดยการนาโลหะท่ีร้อนทีม่ ีอุณหภูมิสูงกว่า อณหุ ภูมวิ ิกิฤตของโลหะ แต่ไมถ่ ึงจดุ หลอมเหลวอณุหภูมขิ ึนอยู่กับโลหะชนิดนันๆ
15 2.ครูและผู้เรียนยกตวั อย่างกรรมวิธีการรดี ขึนรูปโลหะ เช่น เหล็กใช้อ้ณุหภ้มู ประมาณ 1,100-1,250 องศา เซลเซียสนามาเข้าเครื่องรีด ซึ่งเป็นลูกกลิงตามรูปทรงท่ีต้องการกรณีต้องการรีดเป็นแผ่นเรียบ ลูกกลิงจะเป็นรูป ทรงกระบอกตรง การรดี อาจจะต้องทาการรดี หลายครังจนได้ขนาดตามท่ีต้องการเพื่อลดขนาดลงเป็นขันตอน เชน่ การ นาเหล็กแทง่ (Ingot) ทีไ่ ดจ้ ากการหลอ่ มารดี เป็นเหล็กขนาดต่างๆ ขนั้ สอน 3.ครูและผู้เรียนใช้เทคนิค Demonstration Method เป็นการจัดการเรียนรู้แบบสาธิตการรีดขึนรูป (Rolling) ไดแ้ ก่ 3.1 เหลก็ แบบบลูม (Bloom) 3.2 เหลก็ แบบบลิ เลท (Billet) 3.3 เหลก็ แบบสแลบ (Slab) 4.ครแู ละผู้เรยี นใชเ้ ทคนคิ Discussion Method การจดั การเรียนรแู้ บบอภปิ รายเรือ่ งการตขี นึ รูป (Forging) ซ่งึ หมายถึง กรรมวิธกี ารผลติ ทน่ี าโลหะท่ีเผาให้ร้อนท่ีมอี ุณหภมู ิสงู กวา่ อณุ หภมู วิ ิกฤตของโลหะแต่ยังไม่ถึงจุด หลอมเหลว อุณหภูมิขึนอยู่กับโลหะชนิดนันๆ เช่น เหล็กใช้อุณหภูมิประมาณ 1,100-1,250 องศาเซลเซยีส แล้วนา โลหะมาตี ทุบ หรือกระแทกเพ่ือเปล่ียนแปลงรูปร่างตามตอ้ งการ เช่น ประแจมีด ตะขอวงล้อ เปน็ ตน้ การตีขึนรปู ทาให้ โลหะมีคณุ สมบัตทิ ด่ี ขี ึน คือ ทาใหร้ ูพรุนในเนือโลหะมีขนาดเล็กลง มีเนือโลหะละเอียดขึน การตีขึนรูปมีหลาย ชนิด ดงั นี 4.1 การตดี ้วยคอ้ นโดยแรงงานคนหรือช่างตเี หลก็ (Hammer or Smith Forging) 4.2 การทุบกระแทกขนึ รูป (Drop Forging) 4.3 การตีอัดขึนรูป (Press Forging) 4.4 การตหี มนุ ขนึ รูป (Roll Forging) 4.5 การตีแบบอัพเซต หรือการตยี น่ (Upset Forging)
16 7.ครแู ละผเู้ รยี นใชเ้ ทคนคิ Demonstration Method เปน็ การจัดการเรยี นรู้แบบสาธิตการอดั รดี ขึนรูป (Extrusion) ซึ่งเป็นกรรมวิธีการออกแรงดันท่ีแท่งดัน (Ram) ให้ดันโลหะผ่านแม่พิมพ์ (Die) ท่ีมีรปู ทรงแบบต่างๆ ท่ี ตอ้ งการออกมา โดยจะมโี ลหะท่ีให้ความรอ้ นก่อนอัดรีดขึนรูปและโลหะท่อี ัดรดี ขนึ รูป ในสภาพเยน็ เคร่ืองอดั รีดนิยมใช้ แรงดันทไ่ี ดจ้ ากไฮดรอลกิ ส์ ชินงานที่ไดข้ ึนรูปจากกรรมวิธีนโี ดยทั่วๆ ไป จะมีผวิ เรยี บไดข้ นาดแน่นอน การอัดรีดขึนรปู มี วธิ ตี า่ งๆ คือ 7.1 การอัดรดี ขึนรูปโดยตรง (Direct Extrusion) 7.2 การอัดรีดขึนรปู สวนทาง (Indirect Extrusion) 7.3 การอัดรีดแบบกระแทก (Impact Extrusion) 7.4 การอัดรดี แบบไฮโดรสแตติก (Hydrostatic Extrusion) 7.ผเู้ รยี นดู VDO การผลิตทอ่ (Pipe and Tube Manufacturing) ทค่ี รเู ปิดให้ดปู ระกอบการเรียนการสอน กรรมวิธีการผลิตทอ่ สามารถทาไดห้ ลายวิธี เช่น การผลิตท่อโดยการเช่อื ม (Welding) การแทงทะลุ (Piercing) การอัด ขึนรูป (Extrusion) เปน็ ตน้ ในกรรมวิธีการผลิแต่ละวิธีใหไ้ ด้ท่อแบบตะเขบ็ และทอ่ แบบไรต้ ะเข็บวัสดุใช้ทาทอ่ ก็มหี ลาย ชนิด ขนึ อยกู่ บั การนาไปใช้งานแตกต่างกนั ออกไป เช่น เหล็ก อะลูมเิ นยี ม ทองแดง เปน็ ตน้ กรรมวิธกี ารผลติ ท่อท่วั ๆ ไป มีดังนี 7.1 การผลิตท่อโดยการเช่ือ (Welding) 7.2 การผลิตทอ่ โดยการแทงขึนรูป (Piercing) 7.3 การผลติ ท่อแบบอัดรีด (Tube Extrusion)
17 8.ผู้เรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมดงั นี 8.1 อธบิ ายกรรมวธิ กี ารรดี ขนึ รปู (Rolling) 8.2 การนาาเหล็กแท่ง (Ingot) ที่ได้จากการหล่อมารีดเป็นเหล็กขนาดต่างๆ ได้แก่เหล็กอะไร และมี ขนาด และหนา้ ตดั อยา่ งไร 8.3 บอกวิธีการตขี นึ รปู มา 3 ชนดิ 9.ครูเน้นผู้เรียนให้มีความละเอียดรอบคอบ มีความอดทน มีควาเข้มแข็ง มีความเพียรพยายามให้มี ความสามารถฝกึ ปฏิบัติไดจ้ ริง นอกจากนนั ยังให้ระมดั ระวังความปลอดภยั ในการฝกึ ปฏิบตั งิ านทอ่ี าจเกดิ ขนึ ไดโ้ ดยไม่ได้ ตังใจ เพราะในการประกอบอาชีพจริง ๆ ผู้เรียนต้องรับผิดชอบในงานท่ีลูกค้านามาให้ทา ดังนันผู้เรียนต้องฝึกทักษะ ความชานาญเหล่านีให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างรายได้ที่ดีในอนาคตต่อไป และพร้อมรับ ผลกระทบและความ เปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึนในอนาคต คือ ทาให้เข้มแข็ง ก็จะทาให้ครอบครัวมีเงินออมอันเกิดจากการทางานของเราได้ ถือเป็นเงื่อนไขสาคัญคือเรื่องคุณธรรม ลักษณะดังกล่าวนีก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัวเอง รวมท้ังมีความ อดทน มีความเพยี รพยายามในการทางานในชีวติ ประจาวันได้ในอนาคตตอ่ ไปเป็นอย่างดี ขัน้ สรุปและการประยกุ ต์ 10.ครูและผเู้ รยี นสรุปโดยอธิบายยอ่ ๆ ถงึ การรีดเหลก็ แบบบลมู จะนาแท่งเหลก็ (Ingot) ท่ไี ด้จากการหล่อมารีด ใหไ้ ด้ขนาดเหล็กแบบบิลเลท จะนาเหล็กจากบลูมมารดี ลดขนาดหรือรดี จากเหล็กแท่งเลย ส่วนเหล็กแบบสแลบอาจจะ รดี จากเหล็กแบบบทเิ ลท หรือรีดจากบลูมเลยกไ็ ด้ ผลจากการรดีขนรึ ปูจะทาให้เกรนของโลหะมขีนาดเล็กลง 11.ผู้เรยี นสรุปกรรมวิธผี ลิตทอ่ (Pipe and Tube Manufacturing) มา 3 วิธี โดยการถามตอบเป็นกลมุ่ หรือ รายบคุ คล และการฝกึ ปฏิบัติในการเขียน 12.ผเู้ รยี นทาใบงาน และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสอื เรยี น วิชากรรมวธิ กี ารผลติ ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์, Power Point 5.เคร่ืองมือและอปุ กรณ์ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชือ่
18 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3 ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. การสังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ 3. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี ่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูม้ ีเกณฑผ์ ่าน 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรียนกรรมวธิ กี ารขนึ รปู ร้อนเพ่ิมเตมิ 2. บนั ทึกรายรับรายจา่ ย
19 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพี่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
20 แผนการจดั การเรียนรู้แบบบรู ณาการที่ 4 หน่วยท่ี 4 สอนครงั้ ที่ 4 (7-8) รหสั วิชา 2102-2007 กรรมวิธกี ารผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชอื่ หนว่ ย/เร่ือง กรรมวิธกี ารขน้ึ รปู เย็น แนวคดิ กรรมวิธกี ารขนึ รูปเย็น เป็นกรรมวิธีการผลิตขึนรูปที่อุณหภูมิห้อง การขึนรูปต้องใช้แรงมากกว่าขึนรูปร้อนใน กรณีวัสดุชนดิ เดยี วกนั กรรมวิธกี ารขึนรูปเยน็ ได้แก่ การรีดขนึ รูปเย็น การดงึ ขนึ รูปเย็น การบีบอดั หรอื การตีขึนรูปเย็น การลากขนึ รูป การดึงลวด การดงึ ท่อ การหมุนขนึ รปู การยืดหรอื ดงึ ขึนรปู และการดัดขึนรูป ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวัง 1 อธิบายความหมายการรดี ขนึ รปู เย็นได้ 2.บอกชินงานทไี่ ดจ้ ากการรดี ขึนรูปเยน็ ได้ 3.อธบิ ายความหมายการดึงขนึ รูปเย็นได้ 4.อธบิ ายความหมายการบีบอัดหรอื การตขี นึ รปู เย็นได้ 5.บอกประเภทของการลากขึนรปู ได้ 6.บอกวสั ดุท่ใี ช้ทาแมพ่ ิมพข์ องการดึงลวดได้ 7. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทีค่ รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง 7.1 ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ 7.6 การประหยัด 7.2 ความมีวินยั 7.7 ความสนใจใฝ่รู้ 7.3 ความรับผดิ ชอบ 7.8 การละเว้นส่ิงเสพตดิ และการพนัน 7.4 ความซอ่ื สัตย์สจุ รติ 7.9 ความรักสามคั คี 7.5 ความเช่ือมั่นในตนเอง 7.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรู้เกี่ยวกับหลกั การ กระบวนการ เลือกกรรมวธิ กี ารผลิต ชนิ ส่วนและผลติ ภณั ฑใ์ นงานอตุ สาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.การรดี ขนึ รูปเย็น (Cold Rolling Forming) 2.การดงึ ขึนรูปเยน็ (Cold Drawing) 3.การบีบอดั หรอื การตีขนึ รปู เยน็ (Swaging หรอื Cold Forging) 4.การลากขนึ รปู ลึก (Deep Drawing) 5.การดงึ ลวด (Wire Drawing) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรยี น
21 1.ครแู ละผู้เรียนกลา่ ววา่ กรรมวิธกี ารขึนรูปเย็น คอื กรรมวธิ ีการขึนรปู ณ อุณหภมู หิ อ้ งการขนึ รูปดว้ ยกรรมวธิ ีนี โลหะจะมีความแข็งแรง กาลังทใ่ี ช้ในการขึนรปู ต้องใช้สูงเพอื่ ทาให้เกดิ ความเค้นในโลหะเกินจุดยืดหยุน (Elastic Limit) เพ่ือทาให้โลหะเกดิ การแปรรูปตามต้องการ 2.ครูกล่าวเพ่ิมเตมิ ว่ากรรมวิธีขึนรูปเย็นจะทาให้ผลติ ภัณฑม์ คี ณุ สมบตั ิดงั นี 1.ชินงานมีผวิ เรียบมัน 2.มขี นาดของชนิ งานคงทีม่ ีพกิ ัดแน่นอน 3.โลหะจะมคี วามแข็งและความแขง็ แรงมากขึน 4.โลหะจะมีความเหนยี วลดลง 5.จะมคี วามเครียดอย่ใู นโลหะ ข้ันสอน 3.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบ Demonstration Method เป็นการจัดการเรียนรู้แบบสาธิตการรีดขึนรูปเย็น (Cold Rolling Forming) โดยใช้ Power Point เปน็ สื่อประกอบการเรยี น 4.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบ Demonstration Method เป็นการจัดการเรียนรู้แบบสาธิตกการดึงขึนรูปเย็น (Cold Drawing) โดยใช้ Power Point เป็นส่ือประกอบการเรยี น ซง่ึ เป็นกรรมวิธกี ารขึนรูปเย็นโดยการดึงชินงานผ่าน แม่พมิ พ์ที่ต้องการ ณ อณุ หภูมหิ อ้ งเปน็ การดึงเพอื่ ลดขนาดหน้าตัดใหเ้ ล็กลงกรณีตอ้ งการลดขนาดลงมากก็จะต้องมกี าร ลดขนาดหลายๆ ครังจนได้ขนาดที่ตอ้ งการ
22 5.ครใู ช้เทคนิควธิ สี อนแบบ Demonstration Method เป็นการจดั การเรยี นรแู้ บบสาธิตการบบี อัดหรือการตี ขึนรูปเย็น (Swaging หรือ Cold Forging) โดยใช้ Power Point เป็นส่ือประกอบการเรียน ซึง่ เป็นกรรมวิธีการขึนรูป เย็นโดยเป็นกรรมวิธีการผลิตท่ีชินงานถูกตีอัดหรือกระแทกด้วยเคร่ืองจักร เข้าไปในแม่พิมพ์ โดยทั่วๆ ไปเป็น กระบวนการขนึ รปู ณ อณุ หภูมหิ อ้ งนิยมใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์ 6.ครแู ละผเู้ รยี นช่วยกันสาธิตการลากขึนรปู ลกึ (Deep Drawing) โดยใช้ Power Point เป็นสื่อ ประกอบการเรียน เปน็ กระบวนการขึนรูปโลหะท่ีใช้แรงดึงหรือแรงอัดที่จะยืดโลหะ โดยการขึนรูปด้วยแม่พิมพ์ลากขึน รปู ลกึ โลหะแผ่นทนี่ ามาลากขึนรปู ลึกส่วนใหญ่เป็นวัสดุเหนี่ยวยึดตัวได้ดี โดยตัดโลหะแผ่นให้ได้ขนาดที่ต้องการมาจับ ยึดบนด้าย แล้วใช้พ้นช์กดโลหะแผ่นผ่านด้ายเพื่อลดขนาดและเพิ่มความยาวของชินงาน การลากขึนรูปมักทาที่ อุณหภูมิห้องจึงจัดเป็นกระบวนการทางานเย็นแต่อาจจะดาเนินการท่ีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้องเพื่อลดกาลังท่ีใช้ แม่พิมพ์ท่ีใช้ในการลากขึนรูปลึกอาจเป็นแม่พิมพ์เด่ียว แม่พิมพ์ผสม แม่พิมพ์ต่อเนื่อง หรือแม่พิมพ์แบบส่งผ่านก็ได้ ขนึ อยู่กบั ขนาดและรปู รา่ งของชนิ งาน ขนาดของเครื่องป๊มั ฯลฯ ตัวอย่างชนิ งาน เช่นหมอ้ ขา้ ว เป็นต้น 7.ครูและผเู้ รยี นชว่ ยกนั สาธิตการดึงลวด (Wire Drawing) โดยใช้ Power Point เป็นสอื่ ประกอบการ เรียน เป็นกรรมวิธีการขึนรูปเย็นที่ดึงลวดผ่านแม่แบบ เป็นการลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดให้มี ขนาดตาม ต้องการ ซ่ึงแม่แบบโดยทวั่ ๆ ไปทาาด้วยเหลก็ คารไ์ บด์ในการดึงลดขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางของ ลวดลวดจะมีความยาว เพ่มิ ขึน ในการดึงลวดจะทาาการดงึ ลดขนาดไปเรือ่ ยๆ จนไดข้ นาดตามต้องการ
23 8.ผเู้ รยี นบอกกรรมวิธขี ึนรปู เยน็ จะทาใหผ้ ลิตภัณฑม์ ีคณุ สมบตั อิ ย่างไร 9.ผูเ้ รียนชว่ ยกนั สาธิตกรรมวิธีการรดี ขนึ รปู เย็น (Cold Rolling Forming) 10 ผเู้ รยี นชว่ ยกนั สาธติ การดึงขึนรูปเย็น (Cold Drawing) มกี รรมวิธีการผลติ อยา่ งไร 11.ผูเ้ รียนฝึกทากิจกรรมใบงานที่ครูมอบหมายให้ 12.ครเู นน้ การทางานแบบประหยดั พลงั งาน และเน้นความรอบคอบ ความอดทน ความเพยี ร พยายามในการทางาน และสรา้ งความเข้มแข็งให้กบั ตนเองในทกุ สภาวะ และสร้างภมู คิ มุ้ กันให้กับตนเอง ขั้นสรุปและการประยุกต์ 12.ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ เนอื หากรรมวธิ ีการขนึ รูปเยน็ ในลกั ษณะต่างๆ 13.ผู้เรียนสรุปการบบี อัดหรอื การตีขึนรปู เยน็ (Swaging หรือ Cold Forging) มีกรรมวิธีการผลติ อย่างไร 14.ผเู้ รยี นสรปุ การลากขนึ รปู (Deep Drawing) มีกรรมวธิ กี ารผลิตอยา่ งไร 15.ผู้เรียนทาใบงาน และแบบประเมินผลการเรยี นรู้ ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรียน วชิ ากรรมวิธีการผลิต ของสานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ 2.รูปภาพ 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ , PowerPoint 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 6.เครอื่ งมือและอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วธิ ีวดั ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
24 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3 ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. การสังเกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เครอื่ งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรับปรุง 2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นร้มู ีเกณฑ์ผา่ น 50% 6 แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ศกึ ษาขอ้ มูลเพิ่มเตมิ กรรมวธิ กี ารขึนรปู เย็นในลักษณะต่างๆ 2.ฝกึ ทักษะโดยการเขยี นเสน้ ในลกั ษณะตา่ งๆ
25 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่พี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
26 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 5 หน่วยท่ี 4 สอนครง้ั ที่ 5 (9-10) รหัสวิชา 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชื่อหนว่ ย/เรอ่ื ง กรรมวธิ ีการขนึ้ รปู เยน็ แนวคิด กรรมวิธกี ารขึนรปู เยน็ เป็นกรรมวิธีการผลิตขึนรูปที่อุณหภูมิห้อง การขึนรูปต้องใช้แรงมากกว่าขึนรูปร้อนใน กรณีวัสดุชนิดเดยี วกนั กรรมวิธีการขึนรปู เยน็ ไดแ้ ก่ การรดี ขึนรูปเย็น การดงึ ขนึ รูปเย็น การบบี อดั หรือการตีขึนรูปเย็น การลากขนึ รูป การดงึ ลวด การดึงทอ่ การหมุนขึนรูป การยดื หรอื ดึงขนึ รปู และการดัดขนึ รปู ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั 7.อธิบายความหมายการดึงทอ่ ได้ 8.อธบิ ายความหมายการหมนุ รดี ขนึ รูปโลหะได้ 9.อธิบายความหมายการยึดหรือการดันขนึ รปู ได้ 10.อธบิ ายความหมายการดัดขึนรปู ได้ 11.มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่คี รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 11.1 ความมีมนุษยสมั พันธ์ 11.2 ความมีวนิ ยั 11.3 ความรับผิดชอบ 11.4 ความซ่อื สตั ย์สุจรติ 11.5 ความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง 11.6 การประหยัด 11.7 ความสนใจใฝ่รู้ 11.8 การละเวน้ สิ่งเสพติดและการพนนั 11.9 ความรักสามคั คี 11.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการ กระบวนการ เลอื กกรรมวิธกี ารผลิต ชนิ ส่วนและผลิตภณั ฑใ์ นงานอตุ สาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 6.การดงึ ทอ่ (Tube Drawing) 7.การหมนุ รีดขึนรูปโลหะ (Metal Spinning) 8.การดึงยดึ หรือการดันขนึ รูป (Stretch Forming) 9.การดัดขึนรูป (Bending)
27 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดิมจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดึงความรู้เดิมของผูเ้ รียนในเรื่องทจ่ี ะเรยี น เพ่ือช่วยใหผ้ ู้เรยี นมคี วามพร้อมในการเช่ือมโยงความรใู้ หม่กับความรู้เดิม ของตน ผู้สอนใช้การสนทนาซักถามใหผ้ ู้เรียนเล่าประสบการณเ์ ดิม 2.ครสู นทนากับผู้เรยี นว่าการดึงท่อเป็นกรรมวิธีการขึนรูปเย็น โดยในการดงึ ท่อนันปลายข้างหนึง่ ของท่อจะถูก บีบให้เล็กลงเพื่อสอด เข้าไปในรูของแมพ่ มิ พแ์ ล้วจับยึดปลายท่อด้วยคีมจับยึด ซ่ึงมโี ซ่ยึดอยู่ เครอื่ งจะดงึ โซ่ โซ่จะดงึ คีม ท่จี ับยดึ ปลายท่อภายในท่อจะมีแกนบังคบั ขนาด (Mandrel) ย่ภู ายใน 3.ผเู้ รยี นยกตัวอย่างการดึงทอ่ ในลกั ษณะตา่ งๆ ข้ันสอน 4.ครสู อนโดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบอธิบาย สาธิต และฝึกปฏบิ ตั ิ เพอ่ื เนน้ การเรยี นของแต่ละบุคคล ให้ มีความรู้ ความเข้าใจและนาทักษะการเรียนรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องการดึงท่อ (Tube Drawing) เมื่อท่อถูกดึง ผ่านแม่พิมพ์ขนาดของท่อ จะลดลง แท่นดึงจะดึงท่อได้ยาวประมาณ 30 เมตร การดึงท่อจะสามารถดึงลดขนาดได้ สงู สดุ ถงึ รอ้ ยละ 40 แต่ถ้าตอ้ งการลดมากกวา่ รอ้ ยละ 40 ต้องนาาชนิ งานไปให้ความรอ้ นเพอื่ อบอ่อนกอ่ น 5.ครูและผู้เรียนสาธิตการหมุนรีดขึนรูปโลหะ (Metal Spinning) เป็นกรรมวิธีการขึนรูปเย็น โดยการกดรีดโลหะ แผน่ ใหแ้ นบกับแบบงานโดยการหมุนแลว้ มีตัวกดรีด ขึนรูปโดยท่ัวๆ ไปจะทาการหมุนรดี ขึนรปู บนเคร่ืองกลึง โดยตวั รีด ขึนรูปเป็นลูกกลิง โดยมีตวั กดติดอย่ทู ่ีศูนย์ท้ายเพอ่ื ใช้กดชินงาน ในการขึนรูปอาจใช้สารหล่อลื่น ไดแ้ ก่ สบู่ ขีผึง นามัน ลนิ ซดี (Linseed Oil) เปน็ ตน้
28 6.ครูและผู้เรียนสาธิตการดึงยึดหรือการดันขึนรูป (Stretch Forming) โดยใช้ Power Point เป็นสื่อ ประกอบการเรยี นการสอน ซึ่งเป็นกรรมวธิ ีการขึนรปู เย็น โลหะแผ่นบางขนาดใหญ่ โดยจะมีการดึงด้วยระบบไฮ ดรอลิกส์ โดยมีแขนจับยึดดึงชินงานโลหะให้แนบกับแม่พิมพ์ (Die) จะดันขึนหาชินงาน จนชินงานแนบกับแม่แบบ ชินงาน จะยืดตัวบางลงและอาจจะมีการดีดตัวกลับบ้างเล็กน้อยแม่แบบที่ใช้ทาาจากไม้ พลาสติกหรือโลหะ เช่น อะลูมเิ นียม เปน็ ตน้ 7.ครูและผเู้ รยี นสาธิตการดดั ขนึ รปู (Bending) เป็นการดดั ชินงานเปน็ รูปทรงตา่ งๆ ด้วยพันช์และดาย เชน่ การดดั รปู ตัววี การดัดมุมฉาก เปน็ ต้น การขนึ้ รูปโลหะเป็นรูปตัววแี ต่กดไม่แนบ กบั รอ่ งตัววี แผ่นโลหะจะลอยบนอากาศ
29 8 ผู้เรียนอธบิ ายการดงึ ทอ่ (Tube Drawing) มีกรรมวธิ ีการผลิตอยา่ งไร 9.ผูเ้ รียนตอบคาถามตามรูปภาพทคี่ รแู สดงให้ดู 10.ครูเน้นให้ผู้เรียนน้อมนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ไปประยกุ ต์ใช้ในการฝกึ ปฏบิ ัติในเร่อื งของความรับผดิ ชอบ ความอดทน ความเพยี รพยายาม ความมีสติ ความมีปัญญาในการนาไปใช้ในชีวิตประจาวันเพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนียงั สามารถนาความร้ทู ไ่ี ด้รบั กลบั ไปประกอบอาชีพได้อย่างพอเพยี งอีกดว้ ย 11.ผเู้ รยี นทาใบงาน ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์ 12.สรุปเนือหากรรมวิธีการขึนรูปเย็นโดยการถาม-ตอบ เป็นกลุ่มและรายบุคคล และนามาประยุกต์ในขณะ ปฏิบตั ิงานจึงจะทาให้กรรมวิธีการขนึ รูปเย็นเปน็ ไปอย่างสะดวก รวดเรว็ และถูกตอ้ ง 13.ทาแบบประเมินการเรยี นรู้ สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ ากรรมวธิ ีการผลิต ของสานักพมิ พเ์ อมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.สื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส์ , Power Point 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ 6.เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ หลกั ฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเช็ครายชอ่ื 3.แผนจัดการเรียนรู้
30 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3 ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เคร่ืองมอื วัดผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี ่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5 แบบประเมินผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ศึกษาเนือหาเพ่มิ เตมิ และทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.บันทึกรายรับ-รายจา่ ย บนั ทึกหลังการสอน ข้อสรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
31 .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
32 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการท่ี 6 หนว่ ยท่ี 5 สอนคร้งั ที่ 6 (11-12) รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวิธีการผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชื่อหนว่ ย/เร่ือง การผลติ ช้ินส่วนดว้ ยเครอ่ื งเลือ่ ยกล แนวคดิ เครื่องเลอ่ื ยกลเปน็ เครอ่ื งมอื กลพืนฐานชนดิ หนง่ึ เป็นสว่ นหน่ึงของกรรมวิธกี ารผลิต เป็นการเตรียมวัสดุใน การผลิต มใี ชก้ ันอย่างแพร่หลายในสถานศึกษา สถานประกอบการ การจะนาวัสดุต่างๆ มาทาการขึนรูปจะต้องนามา ตดั ให้ได้ขนาดก่อน ในกรณวี สั ดงุ านมีขนาดยาวจะตอ้ งตัดดว้ ยเคร่ืองเลื่อยกล เพอ่ื เป็นการประหยัดเวลาและวสั ดุ การ ตัดด้วยเลื่อยกลจะได้ ขนาดท่ีตรงกว่าการตัดด้วยเลื่อยมือ เพราะการตัดด้วยเลื่อยมือทาาให้เสียวัสดุมากกว่าและ เสียเวลาในการขนึ รูปมากขึน ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั 1.อธิบายหลกั การทางานผลติ ของเครือ่ งเลอ่ื ยวงเดอื นได้ 2.อธิบายหลักการทางานผลติ ของเคร่อื งเลอื่ ยกลแบบชกั ได้ 3.อธิบายหลักการทางานผลิตของเครอ่ื งเลื่อยสายพานแนวนอนได้ 4.อธิบายหลกั การทางานผลติ ของเคร่อื งเลือ่ ยสายพานแนวตงั ได้ 5.บอกงานทผี่ ลติ ดว้ ยเครื่องเล่อื ยกลได้ 6.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทีค่ รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรือ่ ง 6.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 6.7 ความสนใจใฝ่รู้ 6.2 ความมีวนิ ยั 6.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนัน 6.3 ความรับผดิ ชอบ 6.9 ความรักสามัคคี 6.4 ความซอื่ สตั ยส์ ุจริต 6.10 ความกตัญญูกตเวที 6.5 ความเชือ่ มน่ั ในตนเอง 6.6 การประหยัด สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรูเ้ กย่ี วกับหลักการ กระบวนการ เลอื กกรรมวิธีการผลิต ชนิ ส่วนและผลิตภณั ฑ์ในงานอตุ สาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.เคร่ืองเลื่อยวงเดือน (Circular Saw) 2.เคร่อื งเลือ่ ยกลแบบชัก (Power Hack Saw) 3.เครอ่ื งเล่ือยสายพานแนวนอน (Horizontal Band Saw) 4.เครอ่ื งเล่ือยสายพานแนวตัง (Vertical Band Saw)
33 5.ผลงานท่ีผลติ ดว้ ยเคร่ืองกลชนิดต่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1.ครูพูดคุยกับผู้เรียนถึงเคร่ืองเล่ือยกลท่ีใช้กันอยู่ทั่วๆ ไปมีหลายชนิด การใช้งานบางชนิดก็แตกต่างกันไปท่ี ควรร้จู ัก เช่น เคร่ืองเล่อื ยวงเดือน เครอื่ งเล่ือยกลแบบชัก เป็นตน้ 2.ครกู ล่าวเพม่ิ เตมิ ถงึ หลกั การทาางานของเครอื่ งเลือ่ ย และส่วนประกอบของเครื่องเล่อื ย ก็จะแตกต่างกันไป ตามชนิดของเลอ่ื ย ขั้นสอน 3.ครอู ธบิ ายเครอ่ื งเลื่อยวงเดือน (Circular Saw) โดยใช้สื่อ Power Point ประกอบ ซึ่งเปน็ เคร่ืองเล่ือยทมี่ ใี บ เล่ือยเป็นโลหะ เป็นวงกลมมีฟันอยู่โดยรอบเส้นรอบวงของใบเลื่อย ตัดชินงานที่บางๆ หรือเป็นโลหะอ่อนเช่น อะลมู เิ นยี ม 4.ครูและผู้เรียนช่วยกันอภปิ รายเครื่องเลือ่ ยกลแบบชัก (Power Hack Saw) พรอ้ มแสดงรูปภาพประกอบ ซ่ึงเคร่อื งเล่ือยกลแบบชักเปน็ เคร่ืองมือกลทมี่ ีความจาาเป็นตอ้ งมใี ช้ในโรงงานไมว่ ่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมหรือโรง ฝกึ งานในสถานศึกษา เพราะว่าใช้ง่ายสะดวก และราคาไม่แพง ใช้ในการตัดชินงาน เพ่อื เตรียมในการผลิตหรือเตรียม ชนิ งานไวฝ้ ึกงาน
34 5.ครูและผู้เรียนใชเ้ ทคนิคการสอน Demonstration Method เปน็ การจัดการเรียนรู้แบบสาธิตเคร่ืองเลื่อย สายพานแนวนอน (Horizontal Band Saw) เครื่องเล่อื ยสายพานจะมีการทางานทแี่ ตกต่างจากเคร่ืองเลือ่ ยกลแบบชัก โดยมีการเล่ือยงานที่ต่อเน่อื ง เพราะใบเล่ือยจะหมุนวนตัดงานเหมือนลักษณะการหมุนของสายพาน ดังนันใบเลื่อยจึง หมุนตัดงาน ทกุ ฟนั เคร่ืองเลื่อยสายพานแนวนอนจะมีลักัษณะการทางานในแนวนอน 6.ครแู ละผเู้ รยี นใช้เทคนิคการสอน Demonstration Method เปน็ การจดั การเรยี นรแู้ บบสาธิตเคร่ืองเล่ือย สายพานแนวตัง (Vertical Band Saw) โดยเคร่อื งเล่ือยสายพานแนวตงั นจี ะมตี วั เครื่องเป็นลักษณะในแนวตัง การทางานของใบเล่ือยจะหมุนวนตัดชินงานเหมือนเครื่องเลื่อยสายพานแนวนอนสามารถตังความเร็วของใบเลื่อยได้ เชน่ กัน
35 7.ครูและผู้เรยี นอธิบาย รวมทังสาธิตผลงานทีผ่ ลิตด้วยเคร่ืองกลชนิดต่างๆ โดยผลงานที่ผลิตด้วยเลือ่ ยวงเดือน ใช้ในการตัดชินงานเป็นชินตรงตัดเป็นมุมต่างๆ เช่น ตัดมุม 45 องศา มุม 90 องศา เป็นต้น เพื่อใช้ประกอบเป็นงาน แบบตา่ งๆ เช่น การตัดงานเพ่ือประกอบเป็นกรอบประตู กรอบหน้าต่าง เป็นต้น วัสดุที่ตัดเป็นโลหะ เช่น อะลมู เิ นียม เหลก็ หรือตัดไม้ และวสั ดุอน่ื ๆ อกี หลายชนิด เชน่ ผลงานที่ผลติ ด้วยเครอื่ งเล่ือยกลแบบชักโดยท่ัวๆ ไป จะเป็นการตัดเพอ่ื เตรยี มชินงานไปผลติ ดว้ ย เครอื่ งเลอ่ื ยกลแบบชัก 8.ครูให้ความรู้แนวทางในการนาความรู้ไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างงานให้เกิดกับตนเอง และสามารถช่วย พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบทได้ โดยนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นปรัชญาที่ชีถึงแนวทางการ ปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐทังในการพัฒนาและบริหาร ประเทศให้ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง ไมฟ่ งุ้ เฟ้อ มีเหตผุ ลในการใชจ้ า่ ยเพ่อื การดารงชวี ิตอยา่ งมีสติ 9.ผู้เรยี นยกตัวอยา่ งบคุ คลท่ปี ระสบความสาเร็จในด้านการประกอบอาชีพงานชา่ งตา่ ง ๆ ทมี่ ีชือ่ เสยี ง สามารถนามาเปน็ ตัวอย่างทีด่ ีได้ โดยมีความพอเพียงคอื รจู้ กั พอประมาณ พออยู่ พอมี พอกิน พอใช้ ประหยดั และไม่ เบียดเบียนผู้อ่ืน มาคนละ 1 ตัวอย่าง และเขียนบรรยายส่ิงที่ทาให้ไดเ้ รียนรู้ถึงความรู้และคุณธรรมที่จะได้รับจากการ เรยี นและนาไปประกอบอาชีพ รวมถึงการปฏบิ ัตติ นอย่างพอเพยี งของบคุ คลนนั 10.ผู้เรยี นอธบิ ายหลกั การทาางานของเคร่อื งเลื่อยวงเดอื น (Circular Saw) 11.ผู้เรียนอธบิ ายหลักการทาางานของเครือ่ งเลือ่ ยกลแบบชัก (Power Hack Saw)
36 12.ผูเ้ รียนทาใบงานตามที่ครมู อบหมายให้ ขนั้ สรุปและการประยุกต์ 13.ครูและผู้เรียนสรุปความรทู้ เ่ี รยี นมาทงั หมดในสปั ดาห์นี โดยการถามตอบเป็นรายบคุ คล และฝึกทักษะโดย การผลติ ชินส่วนด้วยเครือ่ งเล่อื ยกลชนดิ ต่างๆ 14.สรุปโดยสุ่มให้ผู้เรียนมีการถามตอบ และสาธิตการผลิตชินส่วนด้วยเครื่องเล่ือยกลชนิดต่างๆ โดยใช้ Power Point และรปู ภาพ เป็นส่อื ประกอบเพอ่ื ให้เกิดการเรียนรู้ 15.ผ้เู รียนทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี น วชิ ากรรมวธิ ีการผลติ ของสานกั พมิ พเ์ อมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ , Power Point 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 6.เคร่ืองมือและอุปกรณ์ หลักฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเช็ครายช่อื 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วธิ ีวัดผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3 ตรวจกจิ กรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมินพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เครื่องมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน
37 เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรับปรุง 2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขึนไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นร้มู ีเกณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรยี นการผลิตชนิ สว่ นดว้ ยเคร่อื งเลอื่ ยกลชนดิ ต่างๆ 2.บนั ทึกรายรับ-รายจ่าย
38 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรุปหลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................... ........... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
39 แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 7 หนว่ ยที่ 6 สอนคร้ังที่ 7 (13-14) รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชอื่ หน่วย/เรอื่ ง กรรมวธิ กี ารผลติ ด้วยเคร่ืองเจาะ แนวคดิ เคร่ืองเจาะเปน็ เครื่องมือ กลอีกชนิดหนงึ่ ท่ีมีความสาคญั ในงานกรรมวิธกี ารผลิตจาเปน็ ต้องมีเครื่องเจาะมีหลาย ชนิด เช่น เคร่ืองเจาะตงั โต๊ะ เครื่องเจาะตงั พืน เคร่ืองเจาะซีเอน็ ซี เครื่องเจาะสามารถทางานได้หลายอย่าง เช่น เจาะรู ผายปากรู ตาปเกลียว รมี เมอร์ เป็นตน้ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง 1.อธบิ ายหลักการทางานผลติ ของเคร่อื งเจาะตังโต๊ะได้ 2.อธบิ ายหลักการทางานผลติ ของเครื่องเจาะตงั พืนได้ 3.อธบิ ายหลกั การทางานผลิตของเครื่องเจาะรศั มไี ด้ 4.อธิบายหลกั การทางานผลิตของเครอ่ื งเจาะซีเอน็ ซีได้ 5.บอกงานทไี่ ดจ้ ากการผลิตดว้ ยเครื่องเจาะชนดิ ตา่ งๆ ได้ 6.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 6.2 ความมวี ินยั 6.3 ความรบั ผดิ ชอบ 6.4 ความซอื่ สัตย์สุจรติ 6.5 ความเช่ือมั่นในตนเอง 6.6 การประหยัด 6.7 ความสนใจใฝ่รู้ 6.8 การละเวน้ ส่ิงเสพตดิ และการพนัน 6.9 ความรักสามคั คี 6.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรูเ้ ก่ียวกับหลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธกี ารผลิต ชินสว่ นและผลิตภัณฑ์ในงานอุตสาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.เคร่ืองเจาะตังโต๊ะ (Bench Model of Sensitive Drilling Machine) 2.เครื่องเจาะตงั พืน (Floor Model of Sensitive Drilling Machine) 3.เคร่ืองเจาะรศั มี (Radial Drilling Machine) 4.เคร่ืองเจาะซีเอน็ ซี (CNC Drilling Machine)
40 5.งานทไี่ ดจ้ ากการผลติ ดว้ ยเคร่ืองเจาะชนิดต่างๆ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1.ครูใช้เทคนคิ การสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดิมจากสัปดาห์ท่ีผ่านมา โดยดึงความรูเ้ ดิมของผเู้ รียนในเร่ืองที่จะเรียน เพื่อช่วยใหผ้ ู้เรยี นมีความพร้อมในการเชือ่ มโยงความรใู้ หม่กับความรูเ้ ดิม ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซักถามใหผ้ เู้ รียนเลา่ ประสบการณ์เดิม 2.ครูและผู้เรียนสนทนากันเกี่ยวกับเคร่ืองเจาะมีประโยชน์มากในงานเคร่ืองมือกล และในงานกรรมวิธีการ ผลติ อื่นๆ เคร่ืองเจาะมี หลายชนิดแต่ท่คี วรรจู้ กั เช่น เคร่อื งเจาะตงั โต๊ะ เครอ่ื งเจาะตังพืน เปน็ ต้น 3.ครแู ละผเู้ รียนนารปู ภาพของเคร่อื งเจาะมาแสดงให้ผเู้ รยี นดู ข้ันสอน 4.ครแู ละผเู้ รียนแสดงการสาธติ และอธบิ ายเคร่อื งเจาะตังโตะ๊ (Bench Model of Sensitive Drilling Machine) โดยแสดงรูปภาพประกอบ ซ่ึงเป็นเครื่องเจาะไฟฟ้าขนาดเล็กท่ีเจาะรูได้ขนาดเล็กกว่าเครอ่ื งเจาะชนิดอ่ืนๆ เครื่องเจาะขนาดนีจะวางอยบู่นโต๊ะเพ่ือเพ่ิมความสูงทาให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทางานได้สะดวกขึนส่วนใหญ่ส่งกาลง ดว้ ยสายพาน 5.ครแู ละผเู้ รยี นอธิบายเครอื่ งเจาะตังพนื (Floor Model of Sensitive Drilling Machine) พร้อมแสดง รูปภาพประกอบ โดยเป็นเคร่อื งเจาะขนาดใหญก่ ว่าเคร่ืองเจาะตังโต๊ะ สามารถเจาะรไู ดข้ นาดที่ใหญก่ วา่ เครื่องเจาะแบบ ตงั พนื ส่วนใหญส่ ง่ กาลังดว้ ยเฟอื งสามารถเปลี่ยนความเร็วรอบไดง้ า่ ย 6.ครแู ละผู้เรยี นอธบิ ายเคร่ืองเจาะรัศมี (Radial Drilling Machine) โดยใชส้ อื่ Power Point โดย เป็นเครอื่ งเจาะขนาดใหญ่ท่ีใช้ในงานอตุ สาหกรรม เป็นเคร่อื งเจาะท่ีสามารถหาตาแหน่งเจาะได้สะดวก เพราะไม่ต้อง เคล่ือนท่ีชินงานสามารถเล่ือนแกนเพลาเจาะทม่ี หี ัวจับดอกสว่าน และดอกสว่านไปยังตาแหน่งท่ีตอ้ งการเจาะได้เลย 7.ครแู ละผเู้ รยี นอภบิ ายเครอ่ื งเจาะซีเอ็นซี (CNC Drilling Machine) โดยเครอ่ื งเจาะซีเอ็นซีเป็นเคร่ือง เจาะท่ีผลติ ขึนมาเพื่อใชใ้ นงานอุตสาหกรรม มคี วามสามารถในการเจาะรไู ด้แมน่ ยา มีการควบคมุ ด้วยคอมพิวเตอร์ โดย การเขียนโปรแกรมควบคุมการทางาน มหี ลายแบบผลติมาให้เหมาะสมกับลักษณะงานแตล่ ะชนิด 8. 5.งานที่ได้จากการผลิตด้วยเครอื่ งเจาะชนดิ ตา่ งๆ เช่น การเจาะรนู าาดว้ ยดอกเจาะนาาศนู ย์ หรอื การเจาะด้วยสว่าน
41 7.ผ้เู รียนปฏิบตั ิกจิ กรรมตามใบงานทค่ี รูมอบหมายดังนี 7.1 อธิบายคณุ ลกั ษณะของเครื่องเจาะตงั โตะ๊ 7.2 เครื่องเจาะตังโต๊ะจะต้องวางบนโตะ๊ เพ่อื เหตผุ ลใด 7.3 อธิบายหลักการทาางานของเครอื่ งเจาะตงั โตะ๊ 7.4 อธิบายคณุ ลักษณะของเคร่อื งเจาะตงั พืน 8.ผู้เรียนทาใบงาน 9.ผูเ้ รียนยกตัวอยา่ งหลกั การทางานของเคร่ืองเจาะชนิดตา่ งๆ ตามทก่ี าหนดให้ เพื่อนาไปใช้ในการ ประกอบอาชพี โดยเนน้ แนวทางการใช้แบบพอเพียง และมีเง่ือนไขคุณธรรม มาคนละ 1 ตัวอยา่ ง 10.ผู้เรียนเขียนระบุกิจกรรมงานท่ีสาคัญในการประหยัดพลังงานมาคนละ 1 ตัวอย่าง โดยเน้นหลัก เศรษฐกจิ พอเพยี ง ขั้นสรปุ และการประยุกต์ 11.ครูและผู้เรียนสรุปโดยให้ผู้เรียนสรุปเนือหาการเรียนการสอน ที่ได้ศึกษาไปแล้วจากการสาธิตร่วมกับ ครผู ้สู อนเร่อื งกรรมวิธีการผลติ ดว้ ยเคร่ืองเจาะ พร้อมทงั ประเมินผ้เู รยี นตามแบบฟอร์ม 12.ผู้เรยี นแบบประเมินผลการเรยี นรู้ ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรียน วชิ ากรรมวธิ ีการผลติ ของสานักพมิ พเ์ อมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ , Power Point และ VDO 5.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6.เครื่องมือ อุปกรณ์ หลักฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน
42 การวัดผลและการประเมินผล วธิ ีวัดผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3 ตรวจกจิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้ 4. ตรวจกิจกรรมใบงาน 5. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขึนไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้มเี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ 2.ศึกษาเนอื หาเพ่มิ เติม 3.บนั ทึกรายรบั -รายจ่าย
43 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
44 แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 8 หน่วยท่ี 7 สอนครงั้ ท่ี 8 (15-16) รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวธิ กี ารผลติ (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชื่อหน่วย/เรือ่ ง แนวคิด เครื่องกลึงเป็นเคร่ืองมือกลที่สาคัญมากในงานการผลิต สามารถทาางานได้หลายชนิด เช่น กลึงปาดหนา้ กลึง ปอก กลึงขึนรูป กลึงเกลียว กลึงเรียว คว้านรู นอกจากงานกลึงแล้วยังใช้เจาะรู พิมพ์ลาย รีมเมอร์ ในปัจจุบันมี เครื่องกลึง ท่ีควบคมุการทางานด้วยคอมพิวเตอร์ เรียกว่าเครื่องกลึงซีเอ็นซี สามารถทางานได้ขนาดและรูปร่างที่ เทยี่ งตรงใช้ในการผลิตชินงานจานวนมาก ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวงั 1.บอกชนิดของเครือ่ งกลึงได้ 2.บอกหลักการทางานของเครือ่ งกลงึ ได้ 3.อธิบายความแตกต่างของชนดิ เครื่องกลึงได้ 4.บอกชินงานท่ีผลติ จากเครือ่ งกลึงชนดิ ต่างๆ ได้ 5.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รูสามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง 5.1 ความมีมนุษยสมั พันธ์ 5.2 ความมวี ินยั 5.3 ความรับผิดชอบ 5.4 ความซ่อื สัตย์สุจรติ 5.5 ความเช่อื มั่นในตนเอง 5.6 การประหยัด 5.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 5.8 การละเว้นสิง่ เสพติดและการพนนั 5.9 ความรกั สามัคคี 5.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวชิ า แสดงความรู้เก่ยี วกบั หลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวธิ กี ารผลติ ชินส่วนและผลติ ภัณฑ์ในงานอตุ สาหกรรม สาระการเรยี นรู้ 1.เคร่อื งกลึงยันศูนย์ (Center Lathe) 2.เครอื่ งกลึงเทอเรต (Turret Lathe) 3.เครอ่ื งกลึงซีเอน็ ซี (CNC Turnning Machine) 4.กรรมวิธีการผลิตด้วยเครอ่ื งกลึง
45 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูและผู้เรียนทบทวนความรู้สัปดาห์ท่ีผ่านมาเพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่เนือ และสนทนาเกี่ยวกับเคร่ืองกลึงเป็น เคร่อื งมือกลท่ีใชก้ นั มากในกรรมวิธกี ารผลติ เปน็ เคร่ืองมือกลสารพดั ประโยชน์ ทางานผลิตได้มากมายหลายชนิดที่ใช้ อยูท่ ัว่ ๆ ไปทค่ี วรรู้จกั เช่น เครือ่ งกลึงยนั ศูนย์ เคร่ืองกลึงเทอเรต เป็นต้น 2.ผเู้ รียนยกตัวอย่างเคร่ืองกลึงที่รูจ้ ัก และประโยชนใ์ นการนาไปใชง้ าน ขั้นสอน 3.ครใู ช้เทคนคิ วธิ ีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายแสดงสาธิตใหผ้ ู้เรียนเป็นผู้ฟังและ เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนซักถามปัญหาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเคร่ืองกลึงยนั ศูนย์ (Center Lathe) บางครังเรียกว่า “เคร่ืองกลึงยันศูนย์เหนือแท่น” เป็นเครื่องกลึงที่สาคัญมาก ในการผลิตชินงาน เครื่องกลึงสามารถทางานได้ หลากหลาย มีหลักการทางานคือมอเตอร์จะส่งกาลังไปยังแกนเพลาหัวเครื่อง ซง่ึ มีหัวจับจับยึดชินงานหมุนตดั ผ่านมีด กลึง ทาใหเ้ ฉือนเศษโลหะออกมา เคร่ืองกลึงยัน ศูนย์เหนือแท่นสามารถทางานไดห้ ลายอย่าง เช่น กลึงปอก กลึงปาด หน้า กลงึ ขึนรปู กลึงเกลียว กลึงเรียว เจาะรู ตาปเกลีย เป็นตน้ 4 ครแู ละผู้เรียนสาธิเครอ่ื งกลงึ เทอเรต (Turret Lathe) เปน็ เคร่ืองกลึงทดี่ ี ดดั แปลงมาจากเครื่องกลึง ธรรมดา เพอ่ื เพมิ่ ประสิทธิภาพให้ทางานได้ดีมากขึน และสามารถทางานให้เสร็จในขบวนการทางานในครังเดียว ตงั แตเ่ ริ่มต้นจนจบขนั ตอนสุดท้าย ปจั จุบันไมค่ ่อยนยิ มใช้ เนอ่ื งจากมเี คร่ืองกลงึ ซเี อ็นซี ซึ่งสามารถทางานได้หลากหลาย และเท่ียงตรงแม่นยากว่าเคร่ืองกลงึ เทอเรตแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ เครื่องกลึงเทอเรตแนวตังและเคร่ืองกลงึ เทอเรต แนวนอน โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เปน็ ส่ือประกอบในการอธิบาย และสาธิตหลักการทางาน และส่วนประกอบ ตา่ งๆ
46 5.ครูอธิบายและสาธิตเคร่ืองกลึงซีเอ็นซี (CNC Turnning Machine) หรือเครื่องกลึงควบคุมด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ (CNC Turning Machine หรือ CNC Lathe Machine) เป็นเครื่องกลึงที่ทางานโดยการควบคุมด้วย คอมพิวเตอร์ CNC ย่อมาจาก Computer Numerical Control หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมมา ควบคมุ การทาางานดว้ ยตัวเลขและ ตวั อักษร ตามแบบงานทตี่ ้องการเหมาะสาาหรบั งานผลติ จาานวนมาก ซ่ึ ง ปจั จุบันใช้มากในงานอุตสาหกรรม แตม่ รี าคาแพง ในสถานศกึ ษามบี างแหง่ และมจี าานวนเครือ่ งนอ้ ย โดยใช้รปู ภาพ และ Power Point เป็นส่อื ประกอบในการอธบิ าย และสาธิตหลักการทางาน และส่วนประกอบ ตา่ งๆ 6.ครูอธิบายและสาธิตกรรมวิธีการผลิตด้วยเครื่องกลึง โดยใช้รูปภาพ และ Power Point เป็นสื่อประกอบใน การอธบิ าย และสาธิตหลักการทางาน และส่วนประกอบต่างๆ โดยเครอื่ งกลึงใช้ในกรรมวิธีการผลิตไดห้ ลายอยา่ ง เช่น กลงึ ปาดหน้า กลงึ ปอก กลึงขึนรปู กลึงเกลียว และยงั ทางานอ่ืนไดอ้ ีก เชน่ เจาะรูบนเคร่ืองกลงึ การพิมพ์ลาย การตาป เกลยี ว ฯลฯ
47 7.ผ้เู รียนอธิบายหลักการทาางานของเครื่องกลึงยันศูนย์ (Center Lathe) อธิบายหลักการทาางานของเคร่ืองกลึง เทอเรต (TurretLathe) และเคร่อื งกลึงซีเอน็ ซีมหี ลกั การทาางานอย่างไร 8.ผู้เรียนบันทึกบัญชีครัวเรือน เพ่ือใหเ้ กดิ การปฏิบัติพัฒนาความรู้ ความคิด และปฏิบัติถูกตอ้ ง ก่อให้เกิดความ เจริญในด้านอาชีพหรือเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งการทาบัญชีครัวเรือนเป็นเร่ืองการบันทึกรายรับรายจ่าย ประจาวัน/เดือน/ปี วา่ มรี ายรับรายจ่ายจากอะไรบ้าง จานวนเทา่ ใด รายการใดจา่ ยน้อยจ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก กอ็ าจลดลงหรอื เพ่มิ ขึนตามความจาเปน็ ถา้ ทกุ คนคิดได้ก็แสดงว่าเป็นคนรู้จักพัฒนาตนเอง มเี หตมุ ีผล รู้จกั พอประมาณ รกั ตนเอง รักครอบครัว รักชุมชน และรกั ประเทศชาติมากขึน จงึ เห็นได้ว่าการทาบญั ชคี รัวเรือน คือวิถแี ห่งการเรยี นรู้ เพ่ือพัฒนาชีวิตตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์ 9.สรปุ สาระสาคญั โดยการสาธติ และการถามตอบ เพอ่ื ให้เกดิ การเรยี นรู้และนาไปปฏิบตั ิได้ เกี่ยวกบั เครื่องกลงึ ซีเอ็นซีมขี อ้ ดกี ว่าเครื่องกลงึ ยันศูนยอ์ ยา่ งไร 10.ผู้เรียนสรุปโดยตอบคาถามเรอ่ื งเคร่ืองกลงึ ซีเอ็นซี การปอ้ นตามแนวแกนหรือความยาวชินงานต้องป้อนใน แนวแกนอะไร 11.ผเู้ รยี นสรปุ โดยตอบคาถามเกี่ยวกบั เครือ่ งกลงึ ชนิดใดในปัจจบุ นั ไมน่ ยิ มนาามาใช้ในการผลติ และบอกงานท่ีสามารถทาาดว้ ยเครื่องกลงึ มาอยา่ งนอ้ ย 5 อย่าง 12.ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้และประเมนิ ผูเ้ รียนดังนี ชื่อผู้เรยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วฒุ ภิ าวะ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความสนใจ สตปิ ัญญา 1. 2. 3. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี น วชิ ากรรมวธิ ีการผลิต ของสานกั พมิ พ์เอมพันธ์ 2.กจิ กรรมการเรียนการสอน 3.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 4.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.เครอื่ งมือและอุปกรณ์
48 หลกั ฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายชอื่ 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วธิ ีวดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3 ตรวจกิจกรรมใบงาน 4. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 5. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 4. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มีช่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขนึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขนึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้มีเกณฑ์ผา่ น 50% 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึนอยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลทา้ ยหนว่ ย 2.ผ้เู รยี นทบทวนเนอื หาเพ่มิ เตมิ 3.บันทกึ รายรับรายจ่าย
49 บันทึกหลังการสอน ขอ้ สรปุ หลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
50 แผนการจดั การเรียนรู้แบบบรู ณาการที่ 9 หนว่ ยท่ี 8 สอนคร้งั ท่ี 9 (17-18) รหัสวชิ า 2102-2007 กรรมวธิ ีการผลิต (2-0-2) จานวน 2 ช.ม. ชอ่ื หนว่ ย/เรื่อง กรรมวธิ ีการผลิตด้วยเครอ่ื งกดั แนวคิด เครื่องกัดเป็นเคร่ืองมือกลที่สาคัญมากในกรรมวิธีการผลิต ในทุกวันนีโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต้องมี เครือ่ งกดั อย่างหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ เครื่องกัดจะมีเคร่ืองกัดธรรมดาท่ีควบคมกุ ารทางานด้วยมอื และการทางานทค่ี วบคมุดว้ ย คอมพิวเตอร์ หรือทเี่ รียกว่าเครื่องกัดซีเอ็นซี โดยการเขียนโปรแกรมมาควบคมุการทางานของเครื่องกัด การทางานจะ ทางานได้ขนาดและรูปร่างท่ีแนน่ อน สามารถผลิตชินงานได้จานวนมาก เครื่องกัดสามารถทางานได้มากมายหลาย อยา่ ง เช่น กัดราบ กัดขนึ รูป กัดเฟอื ง เปน็ ต้น ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวัง 1.อธิบายหลักการทางานของเครอื่ งกัดแกนเพลานอนได้ 2.อธบิ ายหลักการทางานของเครือ่ งกัดแกนเพลาตงั ได้ 3.อธิบายหลักการทางานของเคร่ืองกัดซีเอน็ ซีได้ 4.อธบิ ายหลักการทางานของเครอื่ งกดั เฟอื งดว้ ยดอกกดั ฮอบได้ 5.บอกชินงานทผี่ ลติ ด้วยเครอื่ งกัดได้ 6.มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 6.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ 6.2 ความมวี นิ ัย 6.3 ความรบั ผิดชอบ 6.4 ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 6.5 ความเช่ือมั่นในตนเอง 6.6 การประหยัด 6.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนนั 4.9 ความรักสามัคคี 4.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลักการ กระบวนการ เลือกกรรมวิธกี ารผลติ ชินสว่ นและผลิตภัณฑ์ในงานอุตสาหกรรม สาระการเรียนรู้ 1.เครื่องกัดแกนเพลานอน (Horizontal Milling Machine) 2.เครื่องกัดแกนเพลาตงั (Vertical Milling Machine) 3.เครอ่ื งกดั ซเี อน็ ซี (CNC Milling Machine) 4.เครอ่ื งกัดเฟืองด้วยดอกกัดฮอบ (Hob Milling Machine)
Search