ประเด็น หมายเหตุ 12. หากไมส่ ามารถอพยพได้ทนั ทว่ งที จะตอ้ งทำอยา่ งไรบา้ ง พิจารณาแนวทางที่เปน็ ไปได้และ ปลอดภัยทส่ี ดุ 13. การประกาศยตุ กิ ารอพยพตอ้ งทำอยา่ งไรบา้ ง ติดตามสถานการณแ์ ละการ ประสานงานกับหนว่ ยงานภายนอก อย่างไร 14. วธิ ีการแจง้ สถานการณใ์ หห้ นว่ ยงานภายนอกและผู้ปกครอง วธิ ีการและผทู้ ำหน้าทแี่ จง้ 2.2.1 องคป์ ระกอบของแผน แผนเผชญิ เหตสุ ว่ นใหญ่ประกอบด้วยวิธปี ฏบิ ตั ใิ นการแจง้ เตือนภัยและการอพยพ ประกอบดว้ ยข้อมูลหลกั ๆ ดงั นี้ • แผนผังสถานศกึ ษา • ขอ้ มูลพน้ื ท่ีเสีย่ งภยั ธรรมชาติ เช่น น้ำทว่ ม ดินโคลนถลม่ วาตภยั สึนามิ แผ่นดินไหว ฯลฯ ตอ้ งมีการ ประชุมนักเรียนและผู้ปกครองเพื่อรับรู้พืน้ ทีเ่ ส่ียงภัยร่วมกัน • ข้อมลู พน้ื ท่ปี ลอดภัย จดุ ปลอดภยั ทัง้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษาตามบรบิ ทของภัย • เส้นทางอพยพและจุดปลอดภยั ในแผนควรระบถุ นนหรอื ทางเดินเทา้ ทสี่ ามารถไปยังจดุ ปลอดภยั ได้ • สญั ญาณเตอื นภัย ระบุสัญญาณเตอื นภยั ตามระดับความรนุ แรงของภยั ในกรณที ม่ี นี ักเรยี นคนพิการ ประเภทท่ีแตกต่างกัน ต้องมีการกำหนดรปู แบบและวิธกี ารเตอื นภยั ที่เหมาะสมกับประเภทความ พิการ • ขั้นตอนและวิธกี ารอพยพ โดยมีการระบวุ ธิ ีการการอพยพสำหรบั ครูและนกั เรยี นท่ีพิการดว้ ย • วิธีการรายงานตัว ณ จดุ ปลอดภัย • ขั้นตอนการส่งนักเรยี นใหผ้ ู้ปกครอง ซีง่ จะตอ้ งมีการแจ้งวธิ ีการใหผ้ ู้ปกครองทราบ • รายชื่อคณะทำงานเผชิญเหตุพร้อมบทบาทหนา้ ทท่ี ่ีต้องรับผิดชอบ เชน่ คณะกรรมการฝ่ายปอ้ งกัน และเตรียมความพรอ้ ม คณะกรรมการนอพยพ คณะกรรมการฝา่ ยสขุ ภาพอนามยั คณะกรรมการ ฝ่ายประสานงาน หรือคณะกรรมการอ่นื ๆตามทจี่ ำเปน็ • รายชื่อและหมายเลขโทรศพั ทข์ องหนว่ ยงานทีต่ ิดตอ่ ได้
อยา่ งไรก็ตาม สถานศกึ ษาควรพิจารณาเพ่ิมเติมข้อมูลจำเป็นอน่ื ๆให้ครบถ้วนลงในแผนและสง่ แผน เผชิญเหตฉุ กุ เฉนิ น้ีใหส้ ำนกั งานพน้ื ที่เขตการศึกษาและองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ เพือ่ ขอความช่วยเหลอื หาก เกิดสถานการณฉ์ กุ เฉิน • ตัวอยา่ งแผนเผชญิ เหตุ หรือแผนปฏบิ ัติการเม่อื เกดิ เหตุฉกุ เฉิน 2.2.2 ระบบเตือนภัยทม่ี ีเดก็ เปน็ ศูนย์กลาง การแจง้ เตือนภยั เป็นการบอกใหน้ กั เรยี นและบคุ ลากรรบั รู้ไดอ้ ย่างทั่วถงึ ในเวลาทสี่ ้นั ทสี่ ดุ เพอ่ื เตรียม ตัวให้พร้อมและหนีภยั ได้ทนั การแจ้งเตอื นภัยมีหลายระดบั ขึ้นอยกู่ บั ภยั ธรรมชาติท่ีเผชิญ เชน่ การเตอื นเพ่ือ เฝ้าระวงั การเตอื นเพ่ือการเตรยี มพร้อม และการแจง้ เตือนให้อพยพ แต่กระนั้นก็ตาม ภยั ธรรมชาตบิ างอย่างก็ ไม่สามารถเตือนภยั ล่วงหนา้ ได้ เช่น แผ่นดนิ ไหว หลมุ ยบุ พายุงวงชา้ ง พายฤุ ดูรอ้ น เปน็ ต้น ในกรณีเป็นพื้นท่ีเส่ยี งอทุ กภัยแบบน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก สถานศึกษาตดิ ตามข่าวสา รการ พยากรณ์อากาศอย่างสมำ่ เสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและหนา้ มรสุม และนำข้อมูลเตือนภัยดังกล่าวมาใช้ใน ระบบเตือนภยั เฉพาะทางในสถานศกึ ษา การแจ้งเตือนภัยสามารถทำไดห้ ลายรปู แบบข้ึนอยู่กบั บรบิ ทของภัยและเวลาในการเตรียมตัว เช่น การใช้ไซเรนมือหมุนสำหรับภยั ท่เี กิดข้ึนปัจจบุ ันทันด่วน เช่น น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถลม่ การใช้สีเป็น สัญลกั ษณ์ การใช้สัญญาณธง การใช้เสยี งสำหรับนักเรยี นตาบอด การใชส้ อ่ื ทางสายตา เชน่ ไฟกระพรบิ หรือ สัญญานส่นั สำหรบั นักเรียนหูหนวก เปน็ ต้น ตวั อย่างอุปกรณ์เตือนภัย มีดังนี้ • อปุ กรณ์เตือนอัคคีภยั
ในการช่วยเหลือนักเรยี นท่ีมคี วามพิการ ไม่วา่ จะเปน็ ความพกิ ารทางการไดย้ นิ หรอื ทางการเห็น หรือ นักเรียนหูหนวกตาบอด (Deafblindness) หรือนักเรียนที่มีปัญหาในการพูดและภาษา การส่ือสารใน สถานการณฉ์ ุกเฉนิ เปน็ เรอ่ื งสำคัญมาก ดงั นั้นการเตรียมความพรอ้ มดา้ นการส่ือสารทางเลือกจึงมีความจำเป็น โดยสามารถเตรยี มการไดด้ งั นี้ 1. เตรยี มอปุ กรณ์สำหรบั การเขียนแนวปฏิบัตเิ มอ่ื เกดิ เหตุฉุกเฉนิ ด้วยรูปแบบท่หี ลากหลายใหพ้ ร้อม เชน่ อักษรเบรลล์ เอกสารที่เป็นอกั ษรขยาย อุปกรณ์ที่สมั ผัสแลว้ แสดงผลเปน็ เสยี งและขอ้ ความ และเตรียม เครอื่ งช่วยฟงั ให้ พร้อมสำหรบั นักเรยี นพิการทางการไดย้ นิ (หูตึง) 2. จัดให้มีอุปกรณ์/เครื่องช่วยที่สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ครู และบุคลากร ท่ี จำเปน็ ตอ้ งได้รับการช่วยเหลือพเิ ศษ เช่น วตั ถุทล่ี ดความเครยี ดของเด็ก ลา่ มภาษามอื รถวีลแชรส์ ำรอง (ไม่ใช้ ไฟฟ้า) 3. จัดใหม้ ีสัญญาณเตือนภยั ท่ีสามารถแจ้งเตือนได้ทั้งนักเรยี นท่ีมีความพิการทางการได้ยิน และ นกั เรียนท่ีมคี วามพิการทางการเหน็ สำหรับนกั เรียนทม่ี คี วามพกิ ารทางการไดย้ นิ จำเป็นต้องใชส้ ญั ญาณเตอื น ภัยแบบสัญญาณไฟวาบ/ไฟกระพริบ (Flashing light alarms) หรอื สัญญาณเตอื นภัยที่มรี ะบบพ่นน้ำหรอื ส่นั ท่ี หมอนสำหรับบุคคลที่มีความพิการทางการได้ยินท่ีกำลังนอนหลับ และระบบแจ้งเตือนภัยผ่านทาง โทรศัพท์มือถือ (Mobile Alert Software) หรือ ระบบ TTRS
4. ใหใ้ ชค้ ำสงั่ ทสี่ นั้ กระชบั และชัดเจน เชน่ “ไฟไหม”้ “ไปท่ที างออก” 5. ใชก้ ารสือ่ สารข้อมูลสำคัญผ่านทางการพดู ประกอบกับภาษามอื หรือภาษาท่าทาง 6. ใช้สญั ญาณเสียงหรือ การพูดบอกทิศทาง พรอ้ มกับการนำทางสำหรบั นักเรียนตาบอด และนกั เรียน ทม่ี ีสายตาเลือนราง 2.2.3 วิธปี ฏบิ ตั ิในการอพยพ • เมอ่ื ไดร้ ับคำส่ังใหเ้ ตรียมตวั อพยพ ครตู ้องเตือนให้ตง้ั สติ อย่าตกใจ ให้เด็กทกุ คนเกบ็ ของมคี ่าและ เอกสารสำคญั ไว้กับตัว เชน่ บัตรประชาชน กระเป๋าสตางค์ ยาประจำตวั • หากมีการถอดรองเท้าไว้นอกหอ้ งเรียน ให้เด็กรีบใส่รองเท้าเพ่ือเตรยี มตัวก่อน ในกรณที ่ีเป็นเด็ก นกั เรียนตาบอด จำเป็นต้องมกี ารฝกึ วนิ ัยเร่อื งการถอดรองเท้าให้เป็นระเบียบและฝึกใส่รองเทา้ อยา่ ง รวดเรว็ เพื่อรบั มอื กบั การอพยพฉกุ เฉิน • ครคู วรมเี อกสารใบรายชื่อนักเรยี นในหอ้ งเพ่ือความสะดวกในการสำรวจนักเรยี นระหว่างการอพยพ • ครปู ระจำช้ันต้องจัดระเบยี บนกั เรยี นเพอื่ การอพยพ อาจจะให้เข้าแถวเรียงกนั หรอื ให้จบั คดู่ ูแลกัน หรอื จบั เป็นกลมุ่ ให้แต่ละกลุ่มมีผู้นำและออกจากห้องเรียนไปพร้อมกัน ควรจัดใหห้ ัวหนา้ หอ้ งและรอง หวั หน้าหอ้ งเปน็ ผชู้ ว่ ยครใู นการดแู ลการอพยพ • ครูควรเน้นข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิ บอกเสน้ ทางอพยพ จดุ รวมพล และกติกาในการอพยพ ได้แก่ ไม่วิ่ง ไม่ พูดคุย ไมผ่ ลักดัน ไมย่ อื้ แย่ง และให้ต้ังใจฟงั คำสง่ั อย่างเคร่งครัด (ควรมีการซ้อมข้ันตอนการอพยพและ สอนกติกาน้ีลว่ งหนา้ ) • หากมีนักเรียนพกิ ารในหอ้ งเรียน ให้จดั ระบบเพื่อนชว่ ยเพ่ือน (Buddy System) คอื มอบหมายให้ เพอื่ นเปน็ ผชู้ ่วยเหลือดูแลนักเรยี นพิการในระหวา่ งการอพยพ • ในกรณอี ัคคภี ยั มีควนั ไฟเกดิ ข้ึน ใหค้ รูบอกวธิ อี พยพให้ชัดเจน คือใหเ้ อาผา้ ปิดปากปดิ จมกู ก้มต่ำหรือ คลานออกไปตามทางเดิน เพราะบรเิ วณใกลพ้ ้นื จะเป็นบริเวณทม่ี ีอากาศพอจะหายใจไดใ้ นระยะหนง่ึ • เมื่อได้รับคำสัง่ ใหอ้ พยพ ใหแ้ นใ่ จว่าเสน้ ทางอพยพปลอดภยั แลว้ จงึ ใหน้ ักเรียนออกจากห้องเรยี นอยา่ ง เปน็ ระเบียบ • หลงั จากนกั เรยี นคนสดุ ทา้ ยออกไปแลว้ ใหค้ รสู ำรวจความปลอดภัย ปิดน้ำ หรือปิดไฟฟา้ และกวาดตา สำรวจห้องอย่างรวดเรว็ วา่ มใี ครตกคา้ งหรอื ไม่ หรอื มีใครบาดเจบ็ เป็นลมอยู่ทพี่ นื้ • เม่ือออกจากหอ้ งแลว้ ใหส้ ังเกตห้องเรยี นข้างๆว่าตอ้ งการความชว่ ยเหลืออะไรบา้ งหรอื ไม่ • นำนกั เรียนอพยพไปตามเสน้ ทางทต่ี กลงกนั ไวใ้ นแผนอพยพไปยงั ทป่ี ลอดภัย
• เมอ่ื หลบหนีจากจุดท่เี กดิ เหตุไปถงึ ท่ีปลอดภัยแล้ว ให้ตรวจสอบว่ามีนักเรียนสูญหาย หรอื ได้รับ บาดเจบ็ หรือไม่ พรอ้ มแจ้งยอดและสถานการณ์ไปยังผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือหวั หน้าทีมอพยพ หากมี ผบู้ าดเจ็บใหส้ ่งไปยงั จดุ รกั ษาพยาบาล • หากมีนกั เรียนสญู หาย ใหต้ ดิ ตามตรวจสอบกอ่ น หากยังไม่พบตวั ให้ประสานทมี งานติดตามผู้ตกค้าง ทอี่ าจพลดั หลงระหวา่ งการอพยพ • ในกรณที สี่ ถานศึกษาอยใู่ นพ้นื ทเ่ี สีย่ งภัย อาจจะจัดใหม้ กี ระเปา๋ ฉกุ เฉนิ ประจำหอ้ งเรยี น เป็นกระเปา๋ เป้ ใส่ชุดปฐมพยาบาล ยาหมอ่ ง ยาดม ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ถงุ พลาสติค เชือก มีด ผา้ ขนหนู ลูกอม คู่มือ ปฏิบตั ิในสถานการณฉ์ ุกเฉนิ รายชอ่ื นกั เรียน หมายเลขโทรศัพทผ์ ปู้ กครองและหมายเลขโทรศัพท์สำคัญ เปน็ ต้น 2.2.4 การเตรียมกระเปา๋ ฉกุ เฉนิ ประจำชนั้ เรยี น แต่ละช้นั เรยี น ควรมกี ระเปา๋ ฉุกเฉินไวเ้ พอื่ ใหค้ รปู ระจำช้นั สามารถใหค้ วามช่วยเหลอื และมีส่วนรว่ มใน การบรหิ ารจดั การภัยพบิ ตั ใิ นระดบั ชัน้ ที่ครรู บั ผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะเร่ืองที่เกย่ี วข้องกบั การนบั จำนวนนักเรียน การดูแลนกั เรยี นท่ีบาดเจ็บและการตดิ ตอ่ ผปู้ กครอง ตวั อย่างการจดั กระเปา๋ ฉกุ เฉินได้แก่ ลำดับ รายการ มี จำนวน หมายเหตุ (ขนาด การใช้งาน) • ยาสำหรบั การปฐมพยาบาลเบือ้ งตน้ • ไฟฉาย • วทิ ยุ • แบตเตอร่ี • นกหวดี • ผ้าห่มฉุกเฉิน • เส้ือกันฝน • กระดาษทิชชู่
ลำดับ รายการ มี จำนวน หมายเหตุ (ขนาด การใชง้ าน) • พลาสเตอร์ยา • ผา้ พนั แผล ผ้ากอ๊ ซ ลำสี • ผา้ สามเหลีย่ ม • ผ้าอนามยั • ปากกา • สมดุ จด • แบบฟอร์มรายงานสถานการณ์ • ป้ายช้นั เรยี น • รายชือ่ นกั เรยี นในชน้ั • แผน่ ปา้ ยสแี ดง (หมายถงึ มคี นบาดเจ็บ หรอื มอี นั ตราย) • แผน่ ปา้ ยสีเขียว (หมายถึงอพยพได้ ครบถ้วนและทกุ คนปลอดภยั ) • สิง่ ของอ่นื ๆ (ระบ)ุ
2.3 การจดั ซ้อมแผนเตอื นภัยและอพยพ การซ้อมแผนเตือนภยั และอพยพมคี วามจำเปน็ อยา่ งมาก เน่ืองจาก • เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มด้านบคุ ลากร ทรพั ยากร และระบบการปฏิบัตกิ ารตามบทบาทหน้าที่ ที่ได้ กำหนดไวใ้ นแผนการจัดการสาธารณภัยในโรงเรียน • เป็นกจิ กรรมสรา้ งความเขา้ ใจในบทบาทและความรบั ผดิ ชอบสำหรับทกุ คนในสถานศึกษา • เพ่มิ ความรว่ มมือระหว่างผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ครู บคุ ลากรดา้ นการศกึ ษา นักเรียนแกนนำ และชมุ ชม • เป็นชอ่ งทางในการสรา้ งการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนในการจดั การสาธารณภัยในสถานศกึ ษา ในการจัดซอ้ มแผนจะต้องมีการแตง่ ต้งั คณะทำงานออกแบบการฝึกซ้อมให้มีหน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบ การฝกึ ซอ้ มท้ังกระบวนการ ตงั้ แตก่ ารออกแบบพัฒนาการฝึกซ้อม งานธุรการและงานสนับสนุน หากการ ฝึกซ้อมเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน หัวหน้าคณะทำงานจะต้องตั้งผู้ช่วยหรื อผู้ประสานงานเพื่อ ชว่ ยงาน ตัวอย่างการซอ้ มแผน่ ดินไหวในโรงเรียน ประเทศญ่ปี ่นุ 2.3.1 การเตรียมการเพ่ือการฝกึ ซอ้ มแผน 1. การวางแผนการฝึกซ้อม โดยการพจิ ารณาบรบิ ทปัจจบุ นั ของสถานศึกษาได้แก่ 1. ลกั ษณะของภัย และแผนท่จี ะนำมาฝึกซอ้ ม 2. หน้าที/่ ภารกิจของคณะกรรมการหรอื คณะทำงานชดุ ตา่ งๆทต่ี อ้ งการฝกึ ซ้อม 3. บทบาทของบุคลากร เจา้ หนา้ ที่และนกั เรียนทจี่ ะรว่ มฝกึ ซอ้ ม 4. วัตถุประสงคแ์ ละศกั ยภาพของการฝกึ ซอ้ ม 2. ประเมนิ ขดี ความสามารถของบคุ ลากร โดยการตรวจสอบตามประเด็นตอ่ ไปนี้ • บคุ ลากรปัจจุบันมีประสบการณใ์ นการฝกึ ซ้อมหรอื ไม่ • มรี ะยะเวลาในการเตรียมการฝึกซ้อมเท่าใด • สง่ิ อำนวยความสะดวกทางกายภาพใดท่ีต้องใช้ในการปฏิบตั ิการฉุกเฉนิ จรงิ และมีพร้อมสำหรับการ ฝึกซอ้ มหรอื ไม่ • สิ่งอำนวยความสะดวกดา้ นการสอ่ื สารและระบบใดทตี่ อ้ งใชแ้ ละมสี ำหรับการฝกึ ซ้อม 3. ประเมินความตอ้ งการหรือความจำเป็นในการฝึกอบรมเพ่ิมเติมเพ่ือเตรยี มสำหรับการซ้อมแผน เช่น ครู บุคลากรและนักเรียนมีเวลาในการทำความเข้าใจกับแผนและฝึกฝนทักษ ะที่จำเป็ น เท่าใด บุคลากรที่ทำหน้าทีจ่ ัดซอ้ มแผนจำเป็นตอ้ งเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ มากน้อยเพียงใด
4. กำหนดขอบเขตการฝึกซอ้ ม หมายถึงการกำหนดขอบเขต เช่น เป็นการฝึกซ้อมแผนเฉพาะภายใน สถานศึกษา หรือฝึกซอ้ มรว่ มกบั หน่วยงานอ่นื หรอื ฝกึ ซอ้ มรว่ มกบั ชุมชน กำหนดขอบเขตการฝึกซ้อม เชิงภารกจิ หน้าท่ี (Function) เป็นต้น 5. กำหนดรปู แบบการฝึกซ้อม ในการซอ้ มแผนแบบปฏบิ ตั กิ ารจริง สถานศกึ ษาสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ 1. การซอ้ มแบบแจง้ ให้ทราบลว่ งหน้า มีการกำหนดวนั เวลา ในการซอ้ ม วตั ถุประสงค์ของการ ซ้อมแบ บนี้คือ เพ่ือให้แน่ใจว่าทุกคนได้ อ่านและทำความเข้าใจกับ ข้ันตอนการ ปฏิบัติ ทดสอบทักษะและความสามารถในการตอบสนองเหตุการณ์ รวมถึงทดสอบปฏกิ ริยา ตอบสนองกับสถานการณท์ ไี่ ม่คาดคดิ (เช่น จดั ให้มีอุปสรรคกดี ขวางเส้นทางหนีภัย) 2. การซ้อมแบบไมแ่ จ้งให้ทราบล่วงหนา้ เป็นการทดสอบปฏิกรยิ าตอบสนองต่อสถานการณ์ ในทนั ที การซ้อมแบบน้ีสามารถทำได้หากครู นักเรียน บุคลากรทุกคนมีความเขา้ ใจใน ขน้ั ตอนปฏิบตั แิ ละมีพฒั นาการด้านทักษะในการเผชิญเหตุแลว้ ในระดบั หนึ่ง การซ้อมแบบนี้ จะช่วยทดสอบระบบเตือนภัย วา่ ครอบคลุมทกุ พนื้ ที่และทุกคนหรอื ไม่ ชว่ ยระบชุ อ่ งว่างใน การประสานงาน และช่วยให้ประเมนิ ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการอพยพได้ใกล้เคียงกับความเป็น จรงิ ชว่ ยใหเ้ หน็ ประสิทธิภาพของการเคลอ่ื นย้ายอพยพ เป็นตน้ อยา่ งไรกต็ าม การซ้อมเช่นน้ี มขี ้อควรระวังบางประการ เช่น เรื่องของอุบัติเหตุ หรืออาจจะมนี ักเรียนท่ีเป็นเด็กเล็กไม่ สามารถแยกแยะสถานการณ์และตน่ื ตระหนก จึงต้องมแี ผนบริหารจดั การสงิ่ ไม่คาดคดิ ท่ี อาจจะเกดิ ข้นึ ดว้ ย 6. การออกแบบการฝกึ ซ้อม โดยคณะทำงานจะตอ้ งดำเนินการตอ่ ไปน้ี • กำหนดวัตถุประสงคข์ องการฝึกซ้อม • จดั ทำสถานการณ์สมมติทีส่ มจริงและต่อเนื่อง โดยพัฒนาลำดับเหตุการณ์และความเช่ือมโยงของ สถานการณ์สมมติ และอาจจะมีการผกู ปมปัญหาไว้ใหม้ กี ารแก้ปญั หา • จัดทำและแจกจ่ายเอกสาร วัสดอุปกุ รณ์ทีจ่ ำเปน็ กอ่ นการฝกึ ซ้อม • จดั การฝกึ อบรมทักษะทจี่ ำเปน็ ใหแ้ ก่ครู บคุ ลากรและนักเรียนกอ่ นการฝึกซอ้ ม • ซกั ซอ้ มบทบาทหนา้ ทขี่ องคณะทำงานทจ่ี ดั การฝึกซ้อม • ใหค้ รปู ระจำช้นั อธบิ ายแผนและขัน้ ตอนการฝกึ ซ้อมใหน้ ักเรียนทุกคนเขา้ ใจ ออกแบบการมสี ว่ นร่วมของผู้ปกครองและชุมชนหรอื บุคคลอืน่ เช่น ให้เป็นผูส้ ังเกตการณ์ ผู้ประเมนิ หรอื ผู้รว่ มปฎบิ ตั กิ าร
2.3.2 การประเมนิ ผลการซอ้ ม หลังจากซอ้ มแผนแล้ว ควรมีการสรุปผลและประเมนิ การฝึกซอ้ ม เช่น ประเมนิ ว่าการซ้อมนน้ั บรรลุ วตั ถุประสงค์มากน้อยเพียงใด นกั เรียนมีพฤติกรรมทีพ่ ึงประสงคห์ รอื ไม่ มีประเดน็ ใดบ้างท่ตี อ้ งนำมาใช้ในการ ปรบั ปรุงแผน และ/หรอื ระบบการบริหารจดั การฉุกเฉนิ ที่มอี ยู่ ควรมีการฝกึ อบรมบคุ ลากรเพ่ิมเตมิ หรอื ควรมี การเปล่ียนแปลงบคุ ลากรและอปุ กรณก์ ารทำงานหรือไม่ เป็นตน้ การประเมินผลการฝึกซ้อมจะช่วยกำหนด จุดอ่อน จุดแขง็ เพอื่ สร้างประสิทธภิ าพในการฝกึ ซ้อมคร้งั ตอ่ ไป 2.4 การใชส้ ถานศกึ ษาเปน็ ศูนยพ์ ักพิงชว่ั คราว เมอ่ื เกดิ ภัยพิบัติ มกั มีการกำหนดให้ใช้สถานศึกษาเปน็ จดุ ปลอดภยั หรือศนู ย์อพยพ เพราะสว่ นใหญ่ สถานศึกษาเปน็ อาคารทแ่ี ข็งแรงทสี่ ุดในชมุ ชน มขี นาดใหญก่ วา่ สง่ิ ก่อสร้างอื่น ๆ และเป็นสถานที่ที่คนในชุมชน คนุ้ เคย โดยไมค่ ำนึงว่าสถานศึกษานัน้ อาจตง้ั อยู่ในพนื้ ทเี่ สย่ี งจากภยั พบิ ตั ิหรือมีโครงสรา้ งท่ีปลอดภยั ในการ รองรบั ผ้คู นจำนวนมากหรอื ไม่ เพราะแต่ละพื้นทย่ี อ่ มมีความเสีย่ งตอ่ ภยั ทแ่ี ตกตา่ งกัน สถานศึกษาท่อี ยู่บนพืน้ ที่ สูงอาจปลอดภยั จากภยั น้ำทว่ มและคลน่ื สึนามิ แตอ่ าจมคี วามเสย่ี งมากจากภัยแผ่นดินไหว น้ำป่าไหลหลาก หรอื ดินโคลนถล่ม ดังนั้น จึงต้องทำการประเมินความเส่ยี งสำหรับสถานศึกษา เพ่ือใหม้ คี วามเขา้ ใจถงึ ความ เส่ียงในพนื้ ทเ่ี ป็นอย่างดกี ่อนการตัดสนิ ใจสรา้ งสถานศกึ ษาและใช้เป็นศนู ย์อพยพ อยา่ งไรกต็ าม หากเปน็ ไปได้ ควรหลีกเล่ยี งการกำหนดใหใ้ ช้โรงเรียนเปน็ ศนู ย์พกั พงิ ชวั่ คราวแตจ่ ดั ทำแผนจัดการความเส่ียงภัยพบิ ัตใิ นชมุ ชน และโรงเรยี นแทน หากจำเปน็ ต้องใช้สถานศึกษาเป็นศนู ย์พกั พิงชว่ั คราว ควรออกการใชพ้ นื้ ท่ีแบบตามมาตรฐานสากล จัดหาวัสดอุ ปุ กรณ์ทจี่ ำเป็นใหเ้ หมาะสมกับการเปน็ ศูนย์พักพงิ โดยไม่เบียดบงั งบประมาณสำหรบั การศกึ ษาเด็ก และต้องวางแผนการใช้พน้ื ท่สี ำหรบั การเรียนการสอนไปพรอ้ มกนั สถานศกึ ษาที่มอี าคารสถานทพ่ี ร้อมสำหรบั การปรับเปน็ ศนู ยพ์ กั พิงชว่ั คราวควรปรับปรงุ อาคารสถานทตี่ ามมาตรฐานการออกแบบเพอื่ มวลชน (Universal design) เพอ่ื เอ้อื ให้คนพกิ าร คนชรา ใช้ประโยชนจ์ ากสถานท่ไี ด้โดยปลอดภัย ควรมอี ุปกรณ์ชว่ ยเหลือคน พกิ ารไว้สำรอง เชน่ อปุ กรณ์ชว่ ยการเคล่อื นไหว รถเข็นนง่ั แว่นตา แว่นขยาย และจดั ทำปา้ ยบอกทางใหเ้ ขา้ ถงึ สำหรบั เด็กพิการทกุ ประเภท
ขอ้ ควรพจิ ารณาเบื้องตน้ ในการใช้สถานศกึ ษาเป็นศนู ยพ์ ักพิงช่ัวคราว • อาคารสถานท่ปี ลอดภยั สำหรบั ประชาชนในชุมชน • การคมนาคมสะดวก • มคี วามพร้อมดา้ นสาธารณปู โภค เชน่ ไฟฟ้าและนำ้ ประปา • มีขนาดพื้นทที่ ี่เหมาะสมกับจำนวนประชากรท่จี ะตอ้ งอพยพมาพกั พิง • มแี หลง่ ทรพั ยากรสำหรบั การยงั ชีพเบ้ืองต้นในชว่ งระยะเวลาหน่งึ • มสี ภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออื้ ตอ่ สขุ ภาพอนามัยทงั้ ทางรา่ งกายและจิตใจ การบรหิ ารจดั การศนู ยพ์ กั พิงชัว่ คราวจึงจำเป็นต้องมกี ารตงั้ คณะกรรมการรบั ผิดชอบและประสานงาน ประกอบดว้ ยผู้จัดการศนู ย์ฯ และคณะกรรมการฝา่ ยตา่ งๆ มหี น้าท่ีตดั สนิ ใจดำเนินการ ประสานงาน บุคลากร ในสถานศกึ ษาร่วมกบั อาสาสมคั รประชาชนหรอื ผู้ประสบภัยควรมีสว่ นร่วมในการเป็นกรรมการดแู ลสถานท่ี และผู้ประสบภัย ในการแต่งต้ังคณะกรรมการบรหิ ารจัดการศนู ยพ์ กั พิงช่ัวคราวและคณะทำงานฝ่า ยตา่ ง ๆ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งเป็นบคุ ลากรในสถานศกึ ษาทงั้ หมด ควรใชห้ ลกั การมสี ว่ นรว่ ม เชน่ เชญิ ผู้ปกครอง คณะกรรมการ ชมุ ชน ศษิ ยเ์ กา่ อาสาสมคั รในชุมชน ผปู้ ระสบภยั และเดก็ เขา้ มามบี ทบาทหน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบเพื่อให้มีการ ดูแล และเรียนร้กู ารอย่รู ว่ มกนั ในสถานการณ์ภยั พิบัติ อย่างไรก็ตาม ผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรอื บุคลากรทาง การศึกษาจะต้องมีบทบาทในฐานะเจา้ ของพ้ืนท่แี ละเปน็ ผู้กำหนดการใช้พน้ื ทใ่ี หแ้ กผ่ ูป้ ระสบภัย สำหรบั จำนวน คณะทำงานหรือผู้รบั ผิดชอบควรมีอัตราสว่ นตามความจำเป็น ยกตัวอย่าง เช่น หากมีกลุ่มเปราะบางเป็น จำนวนมากกจ็ ำเปน็ ตอ้ งมคี นดูแลเพ่มิ ขึน้ หากมหี ญิงตงั้ ครรภ์และเด็กอ่อนเป็นจำนวนมากก็ตอ้ งเพิ่มจำนวน คณะกรรมการฝา่ ยพยาบาลและสาธารณสขุ เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ยังตอ้ งมีการอบรมใหค้ วามรคู้ ณะกรรมการใน เรื่องสำคัญต่าง ๆ เช่น การคุ้มครองเด็ก คนพิการ คนชรา วิธีการช่วยเหลือ ยก เคลื่อนย้ายคนพิการ กฎระเบียบการต่าง ๆ
องค์ประกอบของคณะกรรมการจดั การศนู ยพ์ ักพิงชว่ั คราว ได้แก่ คณะกรรมการฝา่ ย บทบาทหน้าท่ี หวั หน้าศนู ย์พักพงิ ชั่วคราว • ควบคมุ กำกับดูแลการทำงานงานของฝา่ ยตา่ ง ๆ ฝ่ายอำนวยการและสื่อสาร • ประสานงานการดำเนนิ งานทุกเร่ืองทงั้ ภายในและภายนอก ฝา่ ยการประกอบอาหาร • รบั เรื่องราวร้องทุกข์ ตรวจสอบและตัดสนิ ใจแกไ้ ขปญั หา ฝ่ายประสานงานผปู้ ระสบภยั ตา่ งๆ ฝ่ายบรรเทาทุกข์ ฝา่ ยรักษาพยาบาลและสขุ อนามยั • การลงทะเบยี น เก็บขอ้ มลู จัดทำข้อมูลผปู้ ระสบภัย • จดั ระบบและวธิ กี ารสื่อสารทง้ั ภายในและภายนอก • จดั ทำบัญชรี ายการคา่ ใช้จา่ ย • รับรายงานและทำรายงานการปฏิบตั งิ าน • ประเมนิ สถานการณด์ า้ นอาหารและน้ำดมื่ • จัดหาภาชนะ อุปกรณแ์ ละวตั ถุดิบในการประกอบการ • ประกอบอาหารตามหลักโภชนาการ • กำหนดตารางเวลาการแจกจ่ายอาหารประจำวัน • กำหนดจุดรบั อาหารในแต่ละวนั • ประสานงาน สอื่ สารกบั ผ้ปู ระสบภยั ใหท้ ราบถึงความ ต้องการความชว่ ยเหลือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสารที่ จำเปน็ • ประสานงานดา้ นการรบั และส่งกลบั ผูป้ ระสบภัย • ดูแลจดั หาสิง่ ของบรรเทาทกุ ขโ์ ดยเฉพาะปจั จยั สี่ • การรับบรจิ าค และจดั ทำบญั ชสี งิ่ ของบรจิ าค • ดแู ลปอ้ งกนั การเจ็บป่วยเบื้องต้นก่อนพิจารณาสง่ ตอ่ ให้ หนว่ ยงานทางการแพทย์ทีม่ คี วามพรอ้ ม • ดูแลดา้ นจิตวิทยา สขุ อนามัย
คณะกรรมการฝ่าย บทบาทหน้าท่ี ฝ่ายดูแลสถานท่ีและรักษาความ • วางผงั จัดสรรพื้นท่ี ดแู ลซอ่ มแซมท้ังในช่วงเตรยี มการจดั ตงั้ ปลอดภยั ศูนยฯ์ ระหว่างใช้พนื้ ท่ีและหลังจากการใชพ้ ืน้ ท่ี • ออกระเบียบความปลอดภัย เชน่ ระเบยี บการใชพ้ ืน้ ท่ี ฝา่ ยขนส่ง • การลำเลียงส่งิ ของ บคุ ลากรและการใช้ยานพาหนะเพอื่ การ อพยพ ส่งต่อ และสง่ กลบั ฝา่ ยนนั ทนาการ • จดั พ้นื ที่และกจิ กรรมเพ่ือสร้างบรรยากาศรน่ื เริง คลายความ ตึงเครียด เชน่ การจัดสนั ทนาการใหเ้ ดก็ การจัดฝกึ อาชีพให้ ครอบครัว จดั กจิ กรรมสำหรบั ผสู้ งู อายุ • จดั มาตรการในการเฝ้าระวังและค้มุ ครองเด็กปกติ เดก็ พกิ าร ในศนู ยพ์ กั พงิ ชั่วคราว การจดั พนื้ ท่ีใชส้ อยในศนู ย์พกั พงิ ชั่วคราว ความต้องการพ้ืนท่ีใช้สอยของแตล่ ะศนู ยพ์ ักพงิ แตกต่างกันตามลกั ษณะของสังคมและระยะเวลาที่พัก พงิ อยูใ่ นศนู ย์นั้นๆ การจดั พนื้ ที่ควรคำนึงถงึ การใช้งาน หลักการค้ทุ ครองเด็ก หลักการมีส่วนร่วม และความเปน็ ส่วนตวั หากพจิ ารณาจากมาตรฐานข้นั ตำ่ กลา่ วคืออย่างนอ้ ยทส่ี ดุ ศนู ยพ์ กั พงิ ต้องมพี ้นื ทตี่ อ่ ไปน้ี • พ้ืนที่สำหรับการทำงานคณะกรรมการศนู ยฯ์ ซ่งึ เปน็ พื้นทที่ ตี่ อ้ งจดั ให้เป็นสัดสว่ น มีอุปกรณ์การทำงาน และตอ้ งมีระบบความปลอดภัยเพอื่ เก็บรักษาข้อมูลโดยเฉพาะขอ้ มลู เกย่ี วกบั เดก็ • พืน้ ท่ีสว่ นตัวเพ่ือการนอนพักผอ่ น และในกรณีที่ผู้ประสบภยั ไม่ไดม้ าเป็นครอบครวั ควรแยกพ้ืนท่ี ส่วนตวั ระหว่างชายและหญิง หากมแี นวโน้มวา่ จะตอ้ งใชศ้ นู ยพ์ ักพิงเกนิ กวา่ 3 วัน ตอ้ งพิจารณาพ้ืนท่ี สำหรับซกั ล้าง ตากผ้า หุงหาอาหาร ทง้ิ ส่งิ ปฏกิ ลู ของเสยี ด้วย • พื้นทส่ี ำหรับปฐมพยาบาลจะต้องมีการกนั้ ห้องหรอื มฉี ากก้นั มีการแยกพ้นื ท่ีนอนพักระหวา่ งเดก็ และ ผูใ้ หญ่ ผชู้ ายและผหู้ ญิง • พ้นื ที่ทเ่ี ป็นสดั สว่ นสำหรับการดูแลผปู้ ระสบภยั ที่มีความตอ้ งการเปน็ พเิ ศษ เช่น คนชราหรอื คนพิการ ติดเตยี ง หญงิ พกิ ารท่ตี อ้ งการความช่วยเหลือในการผลัดเปล่ยี นเสื้อผ้าและการดแู ลสุขอนามัย พืน้ ท่ี สำหรับแม่ใหน้ มบตุ ร พน้ื ทด่ี แู ลเด็กอ่อน เป็นตน้
มาตรฐานการจัดพนื้ ท่สี ำหรบั ผู้ประสบภยั ประเภทของพ้นื ท่ใี ชส้ อย ปริมาณ/คน พ้ืนท่ีใช้อาศยั พน้ื ที่สว่ นตัว/ทีน่ อน 3.5 ตารางเมตรต่อคน พื้นที่ระหว่างเตน็ ท์นอน เว้น 2 เมตร เพือ่ เป็นแนวกันไฟ พื้นทใ่ี ชส้ อย ห้องสว้ ม (ห่างจากพนื้ ที่อาศัย 6 เมตร 1 หอ้ ง ต่อ ผหู้ ญิง 20 คน และจากแหล่งนำ้ อยา่ งนอ้ ย 30 เมตร) 1 ห้องพรอ้ มโถปสั สาวะต่อผชู้ าย 35 คน จุดให้บริการนำ้ ใช้ 1 จุดน้ำประปาตอ่ ผูป้ ระสบภยั อยา่ งนอ้ ย 80 คน ขนึ้ อยกู่ ับการไหลของนำ้ ทซ่ี กั ล้าง ซกั ผ้า ตากผา้ 1 จุด ต่อ ผ้ปู ระสบภยั อยา่ งน้อย 100 คน ทีท่ ิง้ ขยะ (ห่าง 100 เมตรจากทพ่ี กั ) 2 จุดตอ่ ผปู้ ระสบภัย 80 คน โรงครัว 1 จุด ตามกำลังการผลิตและจำนวนคน พ้นื ทีป่ ฐมพยาบาล ตามความเหมาะสม อยา่ งน้อย 1 จุด พน้ื ทป่ี ระกอบกจิ กรรมทางศาสนา 1 จดุ ตามความเหมาะสม การปดิ ศนู ย์พักพงิ ชว่ั คราว สถานศกึ ษาควรใช้เป็นศูนยพ์ กั พิงชั่วคราวในเวลาสน้ั ๆ เท่าน้ัน เพอื่ ใหส้ ามารถกลบั ไปทำหนา้ ท่ีในการ ให้การศกึ ษาโดยเร็วทสี่ ุด การปิดการดำเนนิ การของศนู ย์พักพิงชั่วคราว จะตอ้ งคำนงึ ถงึ ความปลอดภัยของ กลุ่มเปราะบาง การคุ้มครองเด็ก และการดูแลคนพกิ ารดว้ ย ในการปดิ ศนู ย์พักพิงชัว่ คราว คณะกรรมการรี ควรดำเนนิ การดังตอ่ ไปน้ี • บนั ทึกข้อมูลของผ้ปู ระสบภยั ว่าจะเดนิ ทางตอ่ ไปไหน หรอื ส่งกลับบ้านอย่างไร หากเปน็ เด็กต้องมีการ บันทึกช่ือ ที่อยู่ หมายเลขติดตอ่ ของผปู้ กครองท่พี าเดก็ ไปดว้ ย
• ประสานงานกับหนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดหาพาหนะสำหรับส่ง ผ้ปู ระสบภยั กลบั บ้าน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หญงิ มีครรภ์ คนพกิ าร คนชรา • ระดมอาสาสมคั รจากชุมชนและนักเรียนในการทำความสะอาด • ทำการสำรวจอาคารสถานทแ่ี ละวสั ดุอปุ กรณ์เพอื่ ตรวจสอบว่ายงั อยู่ในสภาพดหี รอื ครบถว้ นหรอื ไม่ • จดั ทำรายการอาคารสถานท่ีและวัสดอุ ปุ กรณท์ ่ตี อ้ งซอ่ มแซมหรือจดั หาใหมเ่ พ่อื เตรียมพร้อมสำหรับ การเปดิ เรยี น จัดทำงบประมาณในการซ่อมแซมอาคาร ในบางกรณอี าจจะขอบรจิ าคอปุ กรณก์ ารเรยี นการสอน • รายการตรวจสอบอาคารสถานทแ่ี ละสิง่ อำนวยความสะดวกสำหรบั การปรับสถานศกึ ษาใหเ้ ป็นศนู ย์ พกั พิงชั่วคราวสำหรบั ผู้ประสบภัย 2.5 การจัดการเรยี นการสอนต่อเน่อื งในสถานการณภัยพิบตั ิ เด็กมสี ทิ ธิที่จะไดร้ ับการศึกษาในสถานท่ที ี่ปลอดภัย มกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนท่ีเหมาะสมกับ เดก็ เพื่อชว่ ยฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กให้กลับสภู่ าวะปกติ และจัดให้มีระบบการศึกษาท่ตี อ่ เน่ืองสำหรับเดก็ ให้เร็ว ทสี่ ดุ การช่วยเหลือให้เดก็ สามารถกลบั มาใช้ชีวติ ให้เหมอื นเดมิ ใหเ้ ร็วทส่ี ุด จะชว่ ยรักษาภาวะความเครียดของ เดก็ ไดด้ ที ่ีสดุ สามารถทำไดด้ งั นี้ • จดั ให้มีสถานทีท่ ป่ี ลอดภยั สำหรบั การเรยี นรู้และการเลน่ ของเดก็ เพ่อื ใหใ้ ชช้ ีวิตคล้ายกบั ชวี ติ ปกติ • จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การอา่ นเขยี นตามวัย • จดั การเรียนรู้เรือ่ งการดูแลสขุ อนามัย ภัยที่เกิดข้ึน ความเสี่ยง การป้องกันและการดูแลตัวเองให้ ปลอดภัย • จัดกิจกรรมการเล่นสนุกสนานให้เด็ก นอกเหนือจากเวลาเรยี น เพื่อฟ้ืนฟูสภาพจติ ใจเด็ก ทั้งกีฬา ดนตรี ศลิ ปะ ของเล่น หนุ่ มือ และการเล่นรปู แบบอ่ืนๆ สามารถใชศ้ ิลปะกบั เดก็ เลก็ เพื่อใหเ้ ขาแสดง ความรสู้ กึ ตา่ งๆออกมาได้ และปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณท์ ีเ่ กิดข้นึ ในช่วงเกิดเหตุภยั พิบัติจนทำให้การเรยี นการสอนหยุดชะงัก ผบู้ ริหารสถานศึกษาและครูจะต้องวางแผน ทางเลอื กในการจดั การเรียนการสอน เชน่ การเปลีย่ นเวลาเรยี น เปลย่ี นวิธกี ารเรียน หรอื เปล่ยี นสถานท่เี รยี น เพื่อให้เด็กสามารถเรยี นไดท้ นั ตามท่ีหลักสตู รกำหนด อาจทำไดด้ งั น้ี • จดั การเรยี นการสอนในวันหยุดราชการชดเชย • ใช้วิธีการเรียนการสอนอ่ืนแทนการเข้าชั้นเรียน เชน่ o การเรียนทบ่ี ้าน (home-schooling)
o การเรียนด้วยตนเอง และทำการบา้ นทดแทน o เพ่ือนสอนเพื่อน หรอื กลุ่มการเรียนการสอนทจ่ี ัดร่วมกันโดยผปู้ กครอง ครูและชุมชน o เร่งระยะเวลาการเรียน o การเรยี นผ่านสอื่ วทิ ยุ สื่ออินเทอร์เนต็ หรือสอื่ อืน่ ๆ วธิ ีการเหลา่ น้ตี อ้ งมีการตดิ ตามวิจยั และประเมินผลอยา่ งระมดั ระวัง เพือ่ ดูวา่ เกิดผลกระทบตอ่ นักเรียนอยา่ งไร 2.6 การค้มุ ครองเดก็ ในสถานการณ์ภยั พิบตั ิ เดก็ ท้ังชายและหญิงจำเปน็ ต้องไดร้ ับการคมุ้ ครองเมอื่ เกดิ ภยั พิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉนิ เน่อื งจาก ภาวะฉุกเฉนิ ทำใหม้ ีคนจำนวนมากมาอยรู่ วมกัน เกดิ ความตึงเครยี ด สับสน ประกอบกบั ระบบความปลอดภัย ในศนู ยพ์ กั พิงชั่วคราวอาจมีความหละหลวมและทำใหอ้ าจจะเกดิ ความรนุ แรงได้ เชน่ การทำร้ายร่างกาย การ บาดเจบ็ เนื่องจากตอ้ งแย่งทรพั ยากรที่จำกัด การละเมิดทางเพศ การลักพาตัว เป็นต้น กลไกคมุ้ ครองเด็กที่ สำคัญ คือ ครอบครวั และชุมชน โดยอาจดำเนนิ มาตรการดงั นี้ • คน้ หาเด็กทีม่ คี วามเสี่ยงสูง ไดแ้ ก่ เด็กที่มีความเครยี ดสูง เดก็ ทีม่ กี ารสูญเสยี ผู้ปกครอง เด็กพิการออทิ สติค หรือเดก็ ทต่ี อ้ งการความช่วยเหลอื เพื่อฟ้นื ฟูจิตใจ • วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ของเดก็ กับครอบครัว ชว่ ยเหลอื และแก้ไขปัญหาของผปู้ กครองเพ่อื ลดความ เส่ียงต่อการเลี้ยงดทู ไี่ มเ่ หมาะสม เมอ่ื ผปู้ กครองประสบปัญหาในการใช้ชีวติ • สนบั สนุนใหเ้ ดก็ และเยาวชนมีส่วนร่วมในการจดั การศนู ยพ์ ักพิงชว่ั คราว ทง้ั การวิเคราะห์ปญั หาและ การแสดงความเห็นในการแก้ไขปญั หา เพื่อสรา้ งความรูส้ กึ ทด่ี ตี อ่ การแก้ไขปญั หา ไมท่ อ้ ถอยต่อปญั หา ทีเ่ กดิ ขน้ึ รวมทัง้ ความภมู ใิ จในบทบาทของตน ครูท่ีทำงานกับเดก็ ทีป่ ระสบภัย ควรได้รบั การสนับสนุนและอบรมใหเ้ ข้าใจและสามารถตอบสนองต่อ ประสบการณ์ การสูญเสีย และความรู้สึกต่าง ๆ ของเด็กและของตนเองได้ ครูควรทราบวิธีท่จี ะให้การ สนบั สนุนดา้ นจิตใจใหแ้ ก่เดก็ และสอนให้ครอบครัวทำดว้ ย ตวั อยา่ งกรณีศึกษา 1 พน้ื ที่สรา้ งสรรค์สำหรับเดก็ ในภาวะน้ำทว่ ม • ในช่วงท่ปี ระเทศไทยถกู น้ำท่วมขงั ในหลายพน้ื ที่ มลู นธิ เิ พื่อการพฒั นาเด็ก (มพด.) Save the children (UK) หรือองค์กรช่วยเหลอื เด็ก และ สำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) จึงรว่ มกันทำโมเดลการคมุ้ ครองเดก็ ในภาวะนำ้ ทว่ ม ผ่านรูปแบบพ้ืนทีส่ รา้ งสรรคส์ ำหรับ เด็ก ภายใต้โมเดล “พ้ื นที่ปลอดภัย สุข สนุก เรียนรู้” โดยจัดท ำกิจกรรม ท่ีศูนย์พักพิ ง มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศูนย์พกั พงิ จ.พระนครศรีอยุธยา และศูนย์พกั พงิ วัดไร่ขงิ จ.นครปฐม
• ทีมงานจะทำการสำรวจข้อมลู เกย่ี วกบั เด็ก จดั ทำระบบโครงสรา้ งตา่ งๆ เพ่ือใหม้ คี วามปลอดภยั สำหรบั เด็ก เชน่ ห้องนำ้ เด็กอ่อน ห้องอาบน้ำแยกหญงิ -ชาย และเปดิ รบั สมคั รอาสาสมัครในพื้นท่ี ซึ่งอาจเป็น ผปู้ กครองหรือนกั ศกึ ษาเขา้ ร่วมอบรมการคมุ้ ครองเด็กผ่านพ้ืนทส่ี ร้างสรรคใ์ นสภาวะภยั พิบตั ิ (นำ้ ท่วม) • มูลนธิ ิเพือ่ การพัฒนาเด็กพบวา่ กิจกรรมพนื้ ที่สร้างสรรค์สำหรบั เด็ก ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ ผู้ปกครอง และเด็กๆ ท่ไี ดร้ ว่ มทำกจิ กรรมจดจำความรทู้ ีไ่ ดน้ ำไปใช้ดว้ ย • อาสาสมัครผมู้ าเข้าร่วมกจิ กรรม กล่าวว่า หลังจากได้อพยพครอบครวั มาอยูท่ ี่ศนู ยพ์ กั พงิ สภาพจิตใจ เกดิ ความเครียดมาก เนอื่ งจากหว่ งบ้านและทรพั ย์สนิ เม่ือได้มาเป็นอาสาสมคั รดูแลการอาบน้ำให้ เด็กๆ ทำตนมีความสขุ ขึ้น และกิจกรรมแบบนี้ชว่ ยให้เดก็ ได้ไมต่ อ้ งไปเล่นซกุ ซนหรอื ไปเล่นน้ำซึ่งจะ เปน็ อนั ตรายมาก 2.7. การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล หมายถึง การใหค้ วามชว่ ยเหลือขัน้ ต้นท่กี ระทำในทันทที นั ใดในสถานท่ีเกิดเหตุ โด ยใ ช้เค ร่ือง มือเท่า ท่ี ห า ไ ด้เพื่ อลด อัน ต ร า ยและ ป้ องกั นค วา ม พิ กา ร ของ ผู้บ า ด เจ็ บ ก่อ นจ ะ ส่ง ต่อไ ป ยั ง สถานพยาบาลเพือ่ รบั การรกั ษาตอ่ ไป ชุดปฐมพยาบาล (first aid kit) คอื อุปกรณ์เบ้อื งต้นสำหรับชว่ ยเหลอื ผู้บาดเจ็บ ควรเก็บไว้ในกลอ่ ง พลาสตกิ ที่มฝี าปดิ หรอื อปุ กรณท์ ก่ี ันน้ำ ติดหมายเลขโทรศพั ทฉ์ ุกเฉนิ ของหน่วยงานตา่ ง ๆ ไว้ ตวั อยา่ ง ชุดปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ชุดปฐมพยาบาล(First aid kit) ควรประกอบดว้ ย ชดุ อุปกรณ์ทำแผล และยารกั ษาโรคเบอื้ งตน้ เชน่ • ถงุ มือ- สำหรบั ผู้ชว่ ยเหลือ เพื่อปอ้ งกนั มิใหผ้ ชู้ ว่ ยเหลือสมั ผสั ถูกเลอื ด อาเจียน สารคัดหลั่งตา่ ง ๆ • ยาล้างแผล เช่น แอลกอฮอล์ ยาฆ่าเช้อื • ผา้ ทำแผล (ผา้ กอ๊ ซ) ขนาดต่าง ๆ โดยหากแผลมเี ลือดออกมากให้ปิดทบั หลายๆแผ่นเพ่ือห้ามเลอื ด • พลาสเตอร์เทปปดิ แผลขนาดตา่ ง ๆ ใช้สำหรับปิดแผลหลังจากลา้ งทำความสะอาดแลว้ • กรรไกร ใชต้ ัดผ้าก็อซหรือตัดผา้ หรอื ขากางเกงเชน่ เกดิ อุบัติเหตบุ นทอ้ งถนน • เทปติดแผล • ผา้ ปิดตา ใชส้ ำหรับการบาดเจบ็ ที่นยั น์ตา เช่น กระจกตาถูกบาด ฝุน่ ละอองเขา้ ตา เปน็ ต้น • เข็มกลดั ใชต้ ดิ ผ้าสามเหลี่ยม ผา้ คล้องคอ ผ้ายดื • สำลี ไม้พันสำลี ใช้สำหรับทายาล้างแผลรอบ ๆ แผล
• ผ้ายืด(อีลาสตกิ แบนเอด) ใช้สำหรบั พันเมือ่ เกดิ การบาดเจบ็ กล้ามเนอ้ื ขอ้ เพื่อลดการบวม ลดการ เคล่ือนไหว หรือใช้พนั ยึดกับอุปกรณ์อื่น ๆ เพอ่ื ดามกระดกู ผา้ ยืดยังสามารถนำมาพันทับผ้ากอ๊ ซ หรือพลาสเตอร์ตดิ แผลเพ่อื หา้ มเลือด แตห่ ้ามพันแนน่ จนเกินไปเพราะทำใหอ้ วัยวะส่วนปลายเกิดการ บวมและขาดเลอื ดมาเลย้ี งได้ • ผา้ สามเหลีย่ มคลอ้ งแขน ปจั จบุ ันใช้ผา้ คล้องแขนแทนเพราะสะดวกและง่ายตอ่ การใชง้ าน • ถงุ พลาสติก 1 ใบ สำหรบั ใส่เศษขยะ เช่น ผ้าเปอื้ นเลือด เปน็ ต้น ยาฉกุ เฉินสำหรบั รับประทาน โดยกลอ่ งบรรจยุ านต้ี อ้ งปดิ มิดชดิ และมขี ้อความระบุข้างกลอ่ งชดั เจนว่า เป็นยาสำหรับรับประทาน ควรมียาเฉพาะที่จำเป็นเท่าน้นั อาทิ ยาลดไข้แก้ปวด ผงเกลอื แรส่ ำหรับการ บาดเจบ็ ที่มีการเสยี เลอื ดมาก หรือบาดแผลพุพองจากความรอ้ นทมี่ บี รเิ วณกวา้ ง หรอื ผูท้ ม่ี ีอาการอาเจียนและ ท้องเสีย วธิ ชี ว่ ยเหลอื ปฐมพยาบาลเบอื้ งต้นในกรณตี า่ ง ๆ ผ้ทู ร่ี บั ผดิ ชอบฝ่ายนี้ ควรเปน็ บุคลากรทม่ี ีความ เชี่ยวชาญ และไดร้ บั การฝกึ อบรมให้สามารถรบั มือกบั สถานการณก์ ารบาดเจบ็ ตอ่ ไปน้ไี ด้ o การเขา้ เฝอื กชัว่ คราว o การหา้ มเลือด o การนวดหวั ใจ o การจมน้ำ 2.8 การประเมินผลตามแผนบรหิ ารจดั การภัยพิบัติ ทุก ๆ ปี สถานศกึ ษาควรทบทวนและปรับปรงุ แผนบริหารจัดการภัยพิบตั ิในสถานศึกษา และตดิ ตาม ความกา้ วหนา้ ในการดำเนินงานในประเด็นตอ่ ไปนี้ • ทบทวนและประเมินสถานการณค์ วามเส่ียงของสถานศกึ ษา • ปรบั ปรงุ แผนทค่ี วามเสีย่ งและภัยหากจำเปน็ • ทบทวนมาตรการลดความเสี่ยงและความเปน็ ไปไดใ้ นทางปฏิบัติ วเิ คราะห์ปญั หาอปุ สรรคที่ไมส่ ามารถ ดำเนนิ การตามมาตรการได้ • ทบทวนแผนเตือนภัยและอพยพ ตรวจสอบสถานท่ีปลอดภยั ตรวจสอบปา้ ยบอกเสน้ ทางหนีภัย ป้าย จดุ รวมพล ไฟฉุกเฉนิ เสน้ ทางหนีภัย ประตหู นภี ัย เป็นต้น • ตรวจสอบปรบั ปรุงหมายเลขโทรศัพทฉ์ กุ เฉินและผู้ประสานงานหนว่ ยงานภายนอกให้เป็นปัจจบุ นั
• ตรวจสอบอุปกรณ์เตือนภยั อุปกรณ์กูภ้ ัย ช่วยชีวิตและชดุ ปฐมพยาบาล (เชน่ วทิ ยุส่อื สาร เคร่ืองขยาย เสยี ง ไฟฉาย แบตเตอรี่ เชือก เส้ือชูชพี เรอื ชดุ ปฐมพยาบาล ตลอดจนอปุ กรณด์ ับเพลงิ ) • ทบทวนและประเมินผลการจดั ซ้อมหนภี ยั และปรบั ปรงุ ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิทจ่ี ำเปน็ • ทบทวนว่าแผนการจัดการศกึ ษาตอ่ เนือ่ ง (Education Continuity Plan) ตรวจสอบสถานที่เลือกเป็น หอ้ งเรยี นชวั่ คราวยงั เป็นสถานท่ีปลอดภยั อยู่หรอื ไมส่ ำรวจความเสียหาย จัดทำเรอ่ื งขอความช่วยเหลือ และงบประมาณเพอ่ื รายงานไปยังตน้ สงั กัด
หัวข้อ : มาตรฐานการปฏิบตั เิ ม่อื เกดิ ภยั ต่างๆ 3.1 มาตรฐานการปฏิบตั ิกรณอี ุทกภยั (Flood/Flash flood) ลักษณะภัย มีสายน้ำไหลมาอย่างรวดเร็วรนุ แรง มีน้ำท่วมฉบั พลนั อาจมีดินโคลนและท่อนซุง ไหลมา พร้อมกบั สายนำ้ ข้อควรจำ นำ้ มาให้ข้นึ ทีส่ ูง ตัดไฟฟ้าเพ่ือปอ้ งกนั ไฟฟ้าดดู กอ่ นเกิดน้ำทว่ ม ขณะเกดิ น้ำท่วม หลังเกดิ น้ำท่วม ตรวจสอบกบั ชมุ ชนรอบสถานศึกษาดูว่า หากจำเปน็ ใหอ้ พยพไปอย่ทู สี่ ูงท่ี ตรวจสอบพ้ืน ผนงั และหลงั คา ว่าอยูใ่ นสภาพ เคยเกิดน้ำทว่ มสงู ท่สี ดุ แค่ไหน เพื่อหาพนื้ ทท่ี ่ี ปลอดภยั ใหเ้ ร็วสุด ท่ีปลอดภยั หากไม่แนใ่ จใหต้ ามช่างมา ปลอดภยั ตรวจสอบก่อน ตรวจสอบว่ามวี ิธกี ารเตอื นภัยจากทีไ่ หน และ ให้ปิดท่อน้ำทงิ้ ในห้องน้ำ ท่อ โถส้วมท่ี กำจดั นำ้ และโคลนออกจากอาคาร อยา่ งไรบ้าง เชน่ การแจ้งจากชุมชน นำ้ สามารถไหลเข้าอาคารทั้งหมด ทำความสะอาดห้องเรยี นท่นี ้ำทว่ ม ยา้ ยสวิทซ์ ปล๊ักไฟ อุปกรณไ์ ฟฟ้า และ ปดิ สะพานไฟฟา้ (คทั เอาท)์ และแก๊ซ ไม่จบั หรือเสียบปลัก๊ เครื่องใช้ไฟฟา้ และไม่เปดิ สะพานไฟใหอ้ ย่สู ูงกวา่ ระดับท่ีคาดวา่ น้ำจะ ไฟ ทว่ มถงึ จนกว่าจะมนั่ ใจวา่ ปลอดภัย ลอกท่อระบายนำ้ ตรวจสอบรางน้ำ ไม่ให้มสี ง่ิ ระมดั ระวงั เศษวัสดุ ซากกงิ่ ไม้ ประเมินความเสียหายและของบประมาณ อุดตันทท่ี ำให้นำ้ ไหลไม่สะดวก เตรยี ม ของมคี ม หรอื สารเคมตี ่างๆท่อี าจจะ ซอ่ มแซม กระสอบทรายไว้กน้ั น้ำ ไหลหรือปนเปอื้ นมากับกระแสนำ้ จดั พื้นทีเพอื่ ปอ้ งกันความเสียหาย เชน่ ควร เคลือ่ นยา้ ยอุปกรณท์ ีอ่ าจจะเสยี หาย ย้ายเอกสาร สมุด หนงั สือไปไว้ช้ันสอง จากน้ำทว่ มข้ึนชั้นบน สอนนักเรียนให้รู้จกั ทกั ษะในการป้องกันตัว ตดิ ตามข่าวหรือประกาศเพ่อื ปฏิบัติ เมือ่ เกดิ เหตุ ตามคำแนะนำ ทำแผนและซอ้ มแผนพื่อใหท้ กุ คนรู้จัก สัญญาณเตอื นภยั เสน้ ทางอพยพ ที่ปลอดภัย ตดิ ตามการประกาศเตือนภัยจากสถานวี ิทยุ ท้องถิน่ โทรทัศน์
3.2 มาตรฐานการปฏบิ ตั กิ รณวี าตภัย ลักษณะภยั ลมแรง ฝนตกหนกั นำ้ ท่วมฉับพลัน มคี ล่นื สงู และน้ำท่วมชายฝั่ง ขอ้ ควรจำ • เมอ่ื มีการแจง้ เฝา้ ระวัง หมายถงึ พายจุ ะมาถึง ภายใน 36 ช่วั โมง • เมอ่ื มกี ารแจง้ เตือนภัย หมายถึง พายุจะมาถึง ภายใน 24 ช่ัวโมง • เม่ือเกดิ พายุ จะมฝี นตกหนกั และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน • เมือ่ เกดิ พายแุ ล้วแตม่ ลี มสงบฉับพลนั หมายถึงเราอยใู่ นศูนย์กลางของพายุและจะมพี ายตุ ามมาอีกคร้งั ก่อนเกิดพายุ ขณะเกิดพายุ หลังเกิดพายุ ซอ่ มแซมอาคารให้แขง็ แรง ติดตงั้ ปิดประตูหนา้ ตา่ งให้แนน่ หนา พร้อมปดิ ตรวจสอบสงิ่ ที่ได้รบั ความเสยี หายและ อปุ กรณเ์ สริมความแข็งแรงของประตู เทปตามแนวประตูหน้าต่าง อาจจะหักโค่นลงมาได้ เชน่ หลังคาบา้ น หน้าต่าง เชน่ ขอสบั เพอ่ื ป้องกันไมใ่ ห้ลมพัด ตน้ ไม้ ปา้ ยโฆษณา เสาไฟฟ้า และ กระแทกปิด ดำเนนิ การซอ่ มแซม ยึดสว่ นประกอบอาคาร เช่น หลังคา ราง หลีกเลย่ี งการอยู่นอกอาคารหรือท่โี ล่ง ตรวจสอบอาคารและสว่ นประกอบ นำ้ สายไฟให้แน่นหนา เพราะอาจจะมเี ศษวสั ดุ กิง่ ไมห้ กั ปลวิ มา อาคารวา่ ยงั อยู่ในสภาพท่แี ข็งแรงและ ตามแรงลม ปลอดภยั ประตหู น้าต่างที่เปน็ บานกระจกควรมีการ ออกหา่ งหนา้ ต่าง ประตูที่มบี านกระจกเพื่อ ตดิ ฟิล์มหรือมกี ารป้องกนั ไมใ่ หก้ ระจกแตก ป้องกนั ไม่ให้เกดิ อันตรายหากกระจกแตก กระจายจากแรงลม เพราะแรงลม ป้องกันระบบนำ้ ระบบไฟ ติดตง้ั ระบบตดั งดใชอ้ ุปกรณไ์ ฟฟา้ คอมพงิ เตอร์ และ ไฟ อุปกรณ์ปอ้ งกันฟ้าผา่ โทรศพั ท์ หรือถอดปล๊ักออก ตัดต้นไม้สงู ไมใ่ ห้ลม้ ทบั อาคาร หลกี เล่ียงที่ตำ่ ทีเ่ กิดนำ้ ทว่ มฉับพลันได้
ก่อนเกดิ พายุ ขณะเกิดพายุ หลงั เกดิ พายุ สอนนกั เรียนใหร้ จู้ กั ทักษะในการปอ้ งกนั ออกหา่ งจากวัตถทุ ่ีเปน็ สอื่ ไฟฟา้ ทุกชนิด ตัวเม่อื เกดิ เหตุ และเสน้ ทางอพยพ จดุ รวม พล ติดตามขา่ วสาร การพยากรณแ์ ละคำเตอื น อยา่ รบี ออกจากทกี่ ำบงั จนกว่าจะ แน่ใจ จากทางราชการอยา่ งใกล้ชดิ หรือได้รบั ข้อมูลสถานการณ์ ปลอดภัย
3.3 มาตรฐานการปฏิบัตกิ รณแี ผ่นดินไหว ลกั ษณะภัย แผ่นดินเกดิ การสัน่ สะเทือนอยา่ งรุนแรง โดยไม่มีส่ิงบอกเหตุล่วงหน้า ขอ้ ควรจำ เมือ่ เกดิ แผน่ ดนิ ไหวอย่างรนุ แรง มักมแี ผ่นดินไหว ตามมาอีกหลายครงั้ อาจเกิดแผ่นดิน แยก แผ่นดนิ ถลม่ และอาคารอาจไมพ่ งั ทลายในทนั ทแี ตอ่ าจะพังทลายภายหลงั กอ่ นเกดิ แผน่ ดนิ ไหว ขณะเกดิ แผน่ ดนิ ไหว หลังเกิดแผน่ ดนิ ไหว ตรวจสอบอาคารเรียน อาคารประกอบ อย่าต่นื ตกใจ พยายามควบคมุ สติ ตรวจสอบตวั เองและคนข้างเคียง ระบบสาธารณปู โภค ใหอ้ ยู่ในสภาพ ว่าได้รบั บาดเจ็บหรือไม่ มัน่ คงแข็งแรง หาทห่ี ลบกำบังในบรเิ วณท่ีปลอดภยั เชน่ แลว้ ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้น บรเิ วณอาคารท่มี ีโครงสร้างแข็งแรง ตรวจสอบเคร่ืองมอื ดับเพลงิ ให้พร้อมใช้ หมอบบรเิ วณใตโ้ ต๊ะทใี่ ช้มือกำบังศรี ษะและ เมือ่ แผน่ ดนิ ไหวหยดุ ลง ใหร้ ีบออกจาก งานอยเู่ สมอ ลำคอ อาคาร ห้ามใช้ลิฟต์ และบันไดหนไี ฟ ตรจสอบใหร้ ูต้ ำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ หากอยู่ในทโ่ี ลง่ แจง้ ใหอ้ ยู่หา่ งจากเสาไฟฟา้ ปดิ วาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ (สบั คทั วาลว์ ปิดก๊าซ สะพานไฟ (คทั เอาท์) และส่ิงหอ้ ยแขวนตา่ งๆ เอาท์) อยา่ จดุ ไมข้ ดี ไฟหรือกอ่ ไฟจนกว่าจะ แนใ่ จ ว่าไม่มแี ก๊สรั่ว ไมว่ างส่งิ ของหนักบนชัน้ หรอื หง้ิ สงู ๆ อย่หู า่ งจากประตหู นา้ ตา่ งทีเ่ ปน็ กระจก ออกจากบริเวณทีส่ ายไฟขาด ยึดตดิ อุปกรณแ์ ละเฟอร์นิเจอรต์ า่ งๆ กับ เม่ือออกจากอาคารแล้ว ไม่ให้กลับเข้าไปอีก ใสร่ องเทา้ ห้มุ สน้ เสมอ เพราะอาจมเี ศษแกว้ พื้นหรือผนังอยา่ งแน่นหนา เพราะอาจเกิดอาฟเตอร์ชอ็ คและอาคารถลม่ หรอื วสั ดุแหลมคมอื่นๆ ทหี่ ักพงั อาจทมิ่ แทงได้ เตรยี มกระเป๋าฉุกเฉินท่มี ยี า ถ่านไฟฉาย หากกำลงั ขบั รถ ใหห้ ยดุ รถในที่โลง่ ห้ามหยุด สำรวจดคู วามเสยี หายของอาคารเรยี น อุปกรณป์ ฐมพยาบาล และรายช่ือ รถใตส้ ะพาน ทางดว่ น ป้ายโฆษณา และ อาคารประกอบและระบบสาธารณปู โภค นกั เรยี นไว้ในหอ้ งเรยี น ตน้ ไม้ขนาดใหญ่ สอนนักเรยี นให้รูจ้ ักทักษะในการปอ้ งกนั อพยพไปยังจดุ ปลอดภัยและตรวจสอบ จดั พืน้ ท่ีสำหรับเป็นห้องเรยี นชว่ั คราวใน ตัวเม่อื เกิดเหตุ และเส้นทางอพยพ จุด รายช่ือนกั เรยี นท่ีบาดเจ็บ สูญหาย และแจง้ กรณที ี่ไมแ่ น่ใจในความปลอดภยั ของอาคาร รวมพล เจา้ หนา้ ท่กี ภู้ ยั คน้ หา เรียน
3.4 มาตรฐานการปฏบิ ตั กิ รณสี นึ ามิ ลกั ษณะภัย กลุม่ ของคลน่ื ขนาดใหญ่ทีส่ รา้ งความเสียหายรุนแรงต่อพน้ื ที่ บริเวณ ชายฝั่ง และอาจเกิด ขนึ้ ได้โดยไมม่ สี ง่ิ บอกเหตลุ ว่ งหน้า ขอ้ ควรจำ • คลื่นสึนามิจะไม่เกิดเพยี งระลอกเดยี ว เกิดข้ึนไดห้ ลายระลอก และคล่นื ลูกหลังอาจใหญก่ ว่าคลืน่ ลูก แรก • เมื่อนำ้ ทะเลลดลงหรอื เพม่ิ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วผิดปกติใหค้ าดว่าอาจเกดิ สนึ ามิ • สึนามิมักเกิดหลงั แผน่ ดนิ ไหวขนาดใหญใ่ นทะเล และหากอย่บู ริเวณชายฝัง่ จะเปน็ อันตราย ก่อนเกดิ สนึ ามิ ขณะเกดิ สนึ ามิ หลังเกดิ สึนามิ ตรวจสอบดวู า่ ทีอ่ าคารเรียน ติดตามข้อมลู ทางวทิ ยุ โทรทัศน์ ถ้า กลับส่สู ถานศกึ ษา หรอื สง่ นักเรียน อยู่ในเขตพ้ืนทเี่ สยี่ งภัยสนึ ามหิ รอื ไม่ มีประกาศเกิดสึนามใิ ห้อพยพทันที กลบั บ้านเม่อื มีประกาศจากทาง ราชการว่าปลอดภัยเท่านั้น จัดทำแผนเตือนภยั อพยพหนีภยั ตรวจสอบขอ้ มูลเพื่อระบุพื้นท่ี อพยพตามแผนทีว่ างไว้ และหาก สำรวจดูความเสยี หายของอาคาร ปลอดภยั ท่ีใกลท้ ส่ี ุด ต้องหนภี ัยไปนอกสถานศึกษา ควร เรียน อาคารประกอบและระบบ เดนิ เทา้ เพอ่ื หลกี เล่ยี ง จราจรตดิ ขดั สาธารณูปโภค ซอ้ มแผนและตรวจสอบความสามารถในการอพยพนกั เรยี นไปยังท่ี ดำเนินการซอ่ มแซมอาคาร สิ่งของ ปลอดภัย เครือ่ งมือเครอื่ งใชแ้ ละอปุ กรณ์ สอนนกั เรียนใหท้ ำความคนุ้ เคยกบั สญั ญาณเตือนภัยสึนามแิ ละปา้ ย สอนทกั ษะในการสงั เกตสถานการณ์ การเอาตวั รอดเมอ่ื เกิดเหตุ
กอ่ นเกิดสึนามิ ขณะเกดิ สึนามิ หลงั เกิดสนึ ามิ เตรยี มกระเปา๋ ฉกุ เฉินไวใ้ นหอ้ งเรยี น แจ้งผู้ปกครองใหท้ ราบถึงแผนของสถานศึกษาและจดุ ปลอดภัยทจ่ี ะ ไปรับบุตรหลาน 3.5 มาตรฐานการปฏบิ ตั ิกรณดี นิ ถลม่ ลักษณะภัย หิน ดนิ ทราย โคลน ซึง่ อยบู่ นท่ีลาดชนั สูงเลือ่ นไถลมายังทตี่ ่ำ ข้อควรจำ เม่ือเกิดฝนตกหนัก หรอื เกดิ แผ่นดนิ ไหว มกั เกดิ ดินถลม่ ตามม กอ่ นเกดิ ดินถลม่ ขณะเกิดดนิ ถล่ม หลงั เกิดดนิ ถลม่ ศกึ ษาดปู ระวตั ิ สภาพดินและร่องนำ้ เมอ่ื ได้รบั คำสัง่ ใหอ้ พยพ อยา่ ลังเล ติดตามฟังข่าวพยากรณอ์ ากาศ เพื่อ รอบพื้นทีร่ อบสถานศึกษา ให้พานักเรยี นไปยงั จุดปลอดภัย ทราบสภาพสถานการณข์ องภาวะ วา่ เคยเกดิ เหตุดนิ ถล่มหรือไม่ ฝนตกหนกั หรอื น้ำป่าไหลหลาก หลกี เลยี่ งการสร้างอาคารในบรเิ วณท่ี หากไมส่ ามารถอพยพไดท้ นั ใหห้ า กลับสสู่ ถานศกึ ษา หรอื ส่งนักเรียน เคยมเี หตกุ ารณ์ดินถล่ม พ้ืนทแ่ี ขง็ แรงปลอดภัยเพือ่ หลบภยั กลบั บา้ นเมือ่ มีประกาศจากทาง ในอาคาร ราชการว่าปลอดภยั เทา่ นั้น เตรยี มแผนอพยพ เส้นทางหนีภยั หากพลดั ตกไปในกระแสนำ้ หา้ ม สำรวจดูความเสยี หายของอาคาร และซอ้ มอพยพ ว่ายน้ำหนเี ปน็ อันขาด เพราะอาจ เรยี น อาคารประกอบและระบบ โดนซากต้นไม้ และก้อนหินที่ไหลมา สาธารณูปโภค ปลูกพชื ยดึ หนา้ ดินบริเวณเชงิ เขา กับโคลนกระแทก จนเปน็ อัตรายถึง ตายได้ ดำเนินการซอ่ มแซมอาคาร สง่ิ ของ และพนื้ ทลี่ าดชัน เพือ่ ลดความเสี่ยง เครอื่ งมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ ดินถลม่
ก่อนเกิดดินถล่ม ขณะเกิดดินถลม่ หลังเกดิ ดนิ ถลม่ เข้ารว่ มเครอื ขา่ ยเฝ้าระวงั หรอื ประสานงานกับชุมชนใกล้เคยี งทีม่ ี ระบบการเฝ้าระวังเพ่อื ตดิ ตาม สถานการณ์ สอนนักเรยี นให้รจู้ ักการสงั เกต กระแสนำ้ ดินโคลนถล่มและการเอา ตวั รอดในสถานการณ์วกิ ฤติ เตรยี มกระเปา๋ ฉุกเฉนิ และอปุ กรณ์ยงั ชีพให้พรอ้ มอพยพ 3.6 มาตรฐานการปฏบิ ัติในกรณเี กดิ ภัยแลง้ ลักษณะภัย สภาวะความแห้งแลง้ ผิดปกตขิ องอากาศเปน็ เหตใุ หค้ วามชนื้ ในอากาศ และในดนิ น้อยลง ข้อควรจำ ภัยแล้งมีผลต่อปรมิ าณนำ้ เพอื่ อปุ โภค บริโภค และการเกษตรขาดแคลน ภัยแลง้ มีโอกาส เกดิ ไฟปา่ กอ่ นเกดิ ภยั แล้ง ขณะเกิดภยั แลง้ หลังเกดิ ภัยแล้ง เตรยี มกักเกบ็ น้ำสะอาดเพือ่ บริโภค ตรวจสอบและแกไ้ ขทอ่ นำ้ เพอ่ื ลดการสูญเสยี ตรวจสอบและประเมนิ ความ ให้เพียงพอ โดยเปล่าประโยชน์ เสียหาย และความตอ้ งการ ในเบ้อื งตน้ สำรวจระบบนำ้ ท่อนำ้ ระบบกักเก็บนำ้ ให้ ลดการใชน้ ้ำทีไ่ มส่ มควรและไมจ่ ำเปน็ เตรยี มหลักฐานเพื่อขอรับ อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน ความ ชว่ ยเหลอื และฟนื้ ฟู
ก่อนเกิดภยั แล้ง ขณะเกิดภยั แลง้ หลงั เกดิ ภัยแล้ง วางแผนใช้น้ำอยา่ งประหยดั นำน้ำท่ีใชช้ ำระร่างกายไปใชต้ อ่ ทาง เพ่อื ให้มนี ำ้ ใช้ตลอดช่วงหนา้ แล้ง การเกษตร สอนให้นักเรยี นรจู้ ักการดูแลสุขภาวะ กำจัดวสั ดเุ ชอื้ เพลงิ รอบสถานศึกษาและนอก ในช่วงฤดแู ล้งเพ่อื ปอ้ งกันโรคระบาดที่ ร้วั สถานศึกษาเพอ่ื ปอ้ งกนั การเกิดไฟป่าและ อาจจะมากบั ภาวะน้ำแล้งและนำ้ ปนเปอ้ื น การลุกลาม เตรยี มหมายเลขโทรศัพทฉ์ ุกเฉนิ เมอ่ื พบเหน็ ไฟป่าให้แจง้ หน่วยรับผดิ ชอบ เพ่ือการขอนำ้ บรโิ ภค และการดบั ไฟปา่ ดำเนินการดับไฟทนั ที แบบทดสอบหลงั เรียน บทท่ี 3 1. ข้อใดคอื บทบาทของคณะกรรมการจัดการภยั พิบตั ใิ นสถานศกึ ษา ก.ประเมินความเสี่ยงภัยของโรงเรยี น ตดิ ตั้งระบบเตอื นภยั จดั ทำแผนเผชญิ เหตุ ข.ตดิ ต่อประสานงานกับเทศบาลและชุมชนใหม้ าชว่ ยดำเนนิ การตามแผน ค.สง่ เสรมิ การมีสว่ นรว่ มของนักเรยี นในการตัง้ ศนู ยพ์ ักพงิ ชว่ั คราว ง.พยากรณอ์ ากาศ ประกาศเขตภยั พิบตั ิ จัดฝึกอบรมกูภ้ ัย สงเคราะห์ผ้ปู ระสบภยั 2. ในกระบวนการจดั ทำแผนการจัดการภยั พิบัตใิ นสถานศกึ ษา จะต้องให้ความสำคญั กับสง่ิ ใดเป็นอนั ดบั แรก ก.นโยบาย งบประมาณ บคุ ลากร และองคค์ วามรู้ ข.เครือขา่ ยโรงเรยี นปลอดภัย ความชว่ ยเหลือจากหน่วยงานภายนอก ค.การประเมินความเสย่ี งภัย ความลอ่ แหลม ความเปราะบางและศกั ยภาพ ง.สำนกั งานเขตการศกึ ษา ผ้อู ำนวยการ ผูป้ กครอง
3. ขอ้ ใดเป็นการประเมินความเปราะบางเชิงโครงสร้าง ก.จำนวนครตู อ่ จำนวนนกั เรยี นท่ตี ้องการความชว่ ยเหลอื ข.โครงสรา้ งความสัมพันธ์ของสถานศกึ ษา ผ้ปู กครองและชมุ ชน ค.การเข้าถงึ สถานศึกษา เช่น ประตทู างเขา้ ถนน อาคารเรียน ร้วั โครงหลงั คา กำแพง ง.การประสานงานกบั หนว่ ยงานภายนอกเพื่อขอความชว่ ยเหลือในการจัดการภัยพบิ ัติ 4. ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก.การแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพจะตอ้ งมอี ปุ กรณท์ ดี่ แี ละเสน้ ทางอพยพทไ่ี มม่ ีอุปสรรค ข.แผนเผชิญเหตุ คอื แผนปฏบิ ตั ิการของครูในสถานการณ์วกิ ฤตเิ พ่อื ใหน้ กั เรยี นปลอดภยั ค.การแจ้งเตอื นภัยสามารถทำไดห้ ลายรูปแบบขึ้นอย่กู บั บรบิ ทของภยั และระยะเวลาในการเตรยี มตัว ง.เม่อื ผอู้ ำนวยการสถานศึกษาได้รบั ขอ้ มูลเตอื นภัยจากเทศบาล ให้รีบประกาศคำส่งั อพยพทนั ที 5. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเกยี่ วกบั การอพยพนกั เรียน ก.เมื่อได้รับคำสัง่ อพยพ ให้ปล่อยนักเรยี นวิ่งไปยังทปี่ ลอดภัยใหเ้ รว็ ท่ีสุด ข.นักเรยี นตาบอดมกั จะใสร่ องเท้าช้า จึงต้องแกป้ ญั หาใหน้ กั เรยี นถือรองเท้าวง่ิ ไปกับเพ่ือนทม่ี อบหมายให้ เป็นผู้ดูแลกอ่ น ค.ทันทที ่รี ูส้ ึกถึงแรงสน่ั สะเทอื นจากเหตแุ ผ่นดนิ ไหว ใหค้ รูประจำชนั้ พานกั เรยี นออกจากหอ้ งเรยี นไปยังที่ ปลอดภัยโดยเร็ว ง.ระหวา่ งอพยพไปทปี่ ลอดภัย นกั เรยี นต้องไม่ว่งิ ไมพ่ ดู คยุ ไม่ผลักดัน ไมย่ ้อื แย่ง และต้องต้งั ใจฟงั คำส่งั อยา่ งเครง่ ครัด
6. ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ งในการจดั ซ้อมเตือนภยั และอพยพในสถานศกึ ษา ก.เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มดา้ นบคุ ลากร ทรัพยากร และระบบการปฏบิ ตั กิ ารตามบทบาทหน้าที่ ท่ีได้ กำหนดไวใ้ นแผนการจัดการสาธารณภยั ในโรงเรียน ข.การซอ้ มแผนจะช่วยประเมินความตอ้ งการหรือความจำเปน็ ในการฝกึ อบรมทกั ษะเพ่ิมเตมิ ค.การจดั ซ้อมแผนเปน็ ชอ่ งทางในการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการจดั การสาธารณภยั ใน สถานศึกษา ง.สถานศกึ ษาไมส่ ามารถซ้อมแผนเองได้ จำเป็นตอ้ งใหห้ น่วยงานทเ่ี ชยี่ วชาญดา้ นการป้องกนั ภัยมาจดั กระบวนการซอ้ มให้ 7. สิ่งทจ่ี ำเป็นต้องประเมินหลงั การซอ้ มแผนเตือนภยั และอพยพในสถานศกึ ษา ก.อปุ สรรคในการส่ังการ ข.การปฏิบัตหิ นา้ ทแี่ ละการประสานงานระหวา่ งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ค.พฤตกิ รรมความปลอดภัยทีพ่ งึ ประสงคข์ องนักเรยี น ง.ถูกทกุ ขอ้ 8. ในสถานการณฝ์ นตกหนักและเรมิ่ มนี ้ำปา่ ไหลหลากตามถนนหนทาง ครูไม่สามารถปลอ่ ยนักเรยี นกลับบ้าน ได้ คณะกรรมการจดั การภัยพบิ ัตใิ นสถานศกึ ษาควรตัดสินใจอยา่ งไร ก.โทรแจ้งผ้ปู กครองให้มารบั นกั เรียน (Safe family reunification) ข.ใหห้ ลบภัยและพักพิงในอาคารเรยี น (Shelter-in-place) ค.ใหอ้ พยพออกจากอาคาร ((Building evacuation) ง.การปดิ การเข้าออกเพื่อปอ้ งกันเหตุรา้ ย (Lockdown)
9. หนว่ ยงานใดท่ีสถานศกึ ษาจะขอความชว่ ยเหลอื ในการเผชิญเหตุฉกุ เฉนิ เป็นอันดับแรก ก.หนว่ ยแพทยฉ์ กุ เฉิน ในฐานะผูเ้ ชยี่ วชาญด้านการช่วยชีวิต ข.องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ในฐานะผูอ้ ำนวยการกองปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ค.ศูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ในฐานะหน่วยงานหลกั ในการปอ้ งกนั ภัย ง.สภากาชาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลกั ในการบรรเทาทกุ ข์ 10. แนวทางในการจัดตั้งศนู ย์พักพงิ ชว่ั คราวในสถานศึกษา ได้แก่ ก.กระทรวงศกึ ษาธิการไม่อนญุ าตใหใ้ ช้สถานศึกษาเปน็ ศนู ย์พกั พงิ ชั่วคราวแตจ่ ดั ทำแผนจดั การความเสีย่ ง ภัยพบิ ตั ใิ นชุมชนและโรงเรียนแทน ข.หากชมุ ชนจำเป็นตอ้ งใช้สถานศึกษาเปน็ ศนู ย์พักพิงช่ัวคราว ควรออกแบบการใช้พนื้ ทีต่ าม มาตรฐานสากลและจดั หาวัสดอุ ปุ กรณท์ จี่ ำเปน็ โดยไม่เบียดบงั งบประมาณสำหรบั การศกึ ษา ค.การจัดตั้งศูนยพ์ ักพิงช่วั คราวจำเปน็ จะตอ้ งมีผอู้ ำนวยการสถานศึกษา ครแู ละบุคลากรของสถานศึกษา เปน็ คณะกรรมการบรหิ ารจดั การศนู ยเ์ พราะเปน็ เจา้ ของสถานที่ ง.เมือ่ ใช้สถานศกึ ษาเปน็ ศูนย์พักพงิ ชั่วคราว จะต้องงดการเรียนการสอนเพอื่ ความปลอดภัยของนักเรยี น 11. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกบั การจดั พืน้ ทีใ่ ช้สอยของศูนย์พักพิงช่ัวคราวในสถานศึกษา ก. พืน้ ท่สี ำหรบั ปฐมพยาบาลในศนู ย์พกั พงิ ชัว่ คราวจะตอ้ งมกี ารกั้นหอ้ งหรือมฉี ากก้นั และมีการแยกพน้ื ที่ นอนพักระหวา่ งเด็กและผใู้ หญ่ ผชู้ ายและผ้หู ญิง ข. มาตรฐานสำหรบั พืน้ ทน่ี อนพักผอ่ นต่อคนคือ 4*3.5 เมตร ค. ควรจัดพ้ืนทใี่ ห้คนชราและคนพิการอย่รู วมกันเพ่อื ความสะดวกในการดแู ลของแพทย์และพยาบาล ง. ควรจดั สรรพน้ื ท่ีให้ผ้ปู ระสบภัยตามลำดับการลงทะเบยี น
12. ข้อใดเป็นการดำเนินการตามมาตรการคมุ้ ครองเด็กในสถานการณ์ภยั พบิ ตั ิ ก. แม้วา่ จะเกิดน้ำทว่ มในชมุ ชน คุณครสู มชายกจ็ ดั การเรียนการสอนอย่างต่อเนือ่ งเพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เดก็ ต้องตกอยู่ในสภาวะอันตราย เชน่ ถกู ล่อลวง ถกู เอาเปรียบ ถูกใช้แรงงาน ข. คณุ ครูสมศรสี นบั สนนุ ใหเ้ ด็กนกั เรยี นชั้น ป. 6 มีส่วนรว่ มในการจัดการศูนย์อพยพ ทง้ั การวิเคราะห์ ปญั หาและการแสดงความเห็นในการแกไ้ ขปญั หา เพื่อสร้างความรสู้ ึกท่ีดีและความภมู ใิ จในบทบาทของตน ค. คุณครูสมหญงิ สอนนกั เรยี นเรื่องการดแู ลสุขอนามัย ความเส่ียงภัยทเ่ี กิดข้ึน การดูแลตัวเองใหป้ ลอดภัย จากภยั สังคม ง. ถูกทุกข้อ 13. แนวทางแกไ้ ขความเครยี ดของเดก็ ในภาวะฉุกเฉนิ ทค่ี รสู ามารถทำได้ คอื ก. ใหผ้ ้ปู กครองดแู ลเด็กอยา่ งใกลช้ ดิ ไม่ใหอ้ อกนอกบ้าน ข. ให้เด็กระบายอารมณห์ รอื แสดงออกกับเพื่อนนักเรียน ค. รับฟงั ความรสู้ กึ และการแสดงออกของเด็กอย่างต้ังใจ ไม่ตัดสนิ หรอื บงั คบั ง. ให้เด็กพักการเรยี นชั่วคราวเพ่ือสงบสตอิ ารมณ์ 14. วธิ ีการใดเปน็ การจดั การเรียนการสอนอยา่ งตอ่ เนอ่ื งในสถานการณ์ภัยพบิ ตั ิ ก. เปลยี่ นวธิ ีการเรยี น เปลย่ี นปฏทิ นิ การศกึ ษา เปลย่ี นสถานที่เรยี น ข. ใชว้ ิธีการเรียนการสอนอ่นื แทนการเข้าชน้ั เรียน เช่น ให้เรยี นทบี่ า้ น การเรียนด้วยตนเอง และทำ การบ้านทดแทน ค. ถูกทกุ ข้อ ง. ผิดทกุ ข้อ
15. ข้อใดเปน็ ทักษะในการเอาตวั รอดจากวาตภัย ก. หมอบ ป้อง เกาะ ข. ออกหา่ งหน้าตา่ งประตทู ี่มบี านกระจก ค. นง่ั ยองๆ ก้มหัว เอามือปดิ หู ง. กม้ ต่ำ เอาผา้ อดุ จมูกแลว้ คลานออกมาตามทางเดนิ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น บทท่ี 3 1. ข้อใดคอื บทบาทของคณะกรรมการจัดการภยั พิบตั ิในสถานศกึ ษา • พยากรณ์อากาศ ประกาศเขตภัยพิบัติ จดั ฝึกอบรมกภู้ ยั สงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภัย 2. ในกระบวนการจดั ทำแผนการจัดการภัยพิบัตใิ นสถานศกึ ษา จะตอ้ งใหค้ วามสำคญั กบั ส่ิงใดเป็นอนั ดบั แรก • การประเมินความเสยี่ งภยั ความล่อแหลม ความเปราะบางและศกั ยภาพ 3. ขอ้ ใดเปน็ การประเมินความเปราะบางเชิงโครงสร้าง • การเขา้ ถึงสถานศึกษา เชน่ ประตทู างเข้า ถนน อาคารเรยี น รว้ั โครงหลงั คา กำแพง 4. ข้อใดกลา่ วถูกต้อง • การแจง้ เตือนภยั สามารถทำไดห้ ลายรปู แบบขึน้ อยู่กับบริบทของภัยและระยะเวลาในการเตรยี มตวั 5. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเก่ยี วกบั การอพยพนักเรียน • ระหว่างอพยพไปทปี่ ลอดภัย นกั เรียนตอ้ งไม่วิ่ง ไม่พูดคุย ไม่ผลักดนั ไมย่ ้อื แย่ง และต้องตั้งใจฟัง คำส่ังอย่างเคร่งครดั 6. ข้อใดไม่ถูกต้องในการจดั ซอ้ มเตือนภยั และอพยพในสถานศกึ ษา • สถานศึกษาไมส่ ามารถซอ้ มแผนเองได้ จำเป็นตอ้ งให้หนว่ ยงานทีเ่ ช่ียวชาญดา้ นการปอ้ งกันภยั มาจัด กระบวนการซอ้ มให้
7. สิ่งท่ีจำเป็นตอ้ งประเมนิ หลงั การซ้อมแผนเตือนภยั และอพยพในสถานศึกษา • ถูกทุกข้อ 8. ในสถานการณฝ์ นตกหนกั และเรมิ่ มนี ้ำปา่ ไหลหลากตามถนนหนทาง ครไู มส่ ามารถปลอ่ ยนักเรียนกลบั บา้ น ได้ คณะกรรมการจดั การภัยพบิ ัตใิ นสถานศึกษาควรตดั สินใจอย่างไร • ให้หลบภยั และพกั พิงในอาคารเรยี น (Shelter-in-place) 9. หน่วยงานใดที่สถานศกึ ษาจะขอความช่วยเหลือในการเผชิญเหตุฉุกเฉนิ เป็นอนั ดับแรก • องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ในฐานะผูอ้ ำนวยการกองปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย 10. แนวทางในการจดั ต้ังศนู ยพ์ ักพงิ ช่ัวคราวในสถานศกึ ษา ไดแ้ ก่ • หากชมุ ชนจำเปน็ ต้องใช้สถานศึกษาเปน็ ศูนยพ์ กั พิงชัว่ คราว ควรออกแบบการใช้พนื้ ทต่ี าม มาตรฐานสากลและจัดหาวัสดอุ ุปกรณท์ ีจ่ ำเป็นโดยไม่เบียดบงั งบประมาณสำหรบั การศกึ ษา 11. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเกย่ี วกบั การจัดพืน้ ที่ใช้สอยของศูนยพ์ ักพงิ ชั่วคราวในสถานศึกษา • ก. พ้ืนทสี่ ำหรบั ปฐมพยาบาลในศนู ยพ์ กั พิงชัว่ คราวจะต้องมีการกนั้ ห้องหรอื มีฉากก้ัน และมีการแยก พื้นทน่ี อนพกั ระหว่างเดก็ และผใู้ หญ่ ผูช้ ายและผู้หญงิ 12. ขอ้ ใดเป็นการดำเนินการตามมาตรการคมุ้ ครองเด็กในสถานการณ์ภยั พบิ ตั ิ • ง. ถูกทุกขอ้ 13. แนวทางแกไ้ ขความเครยี ดของเดก็ ในภาวะฉกุ เฉนิ ทค่ี รสู ามารถทำได้ คือ • ค. รับฟงั ความรสู้ กึ และการแสดงออกของเดก็ อย่างต้งั ใจ ไมต่ ัดสนิ หรอื บงั คับ 14. วิธกี ารใดเป็นการจัดการเรียนการสอนอยา่ งตอ่ เนื่องในสถานการณภ์ ัยพบิ ตั ิ • ค. ถกู ทกุ ขอ้ 15. ข้อใดเปน็ ทกั ษะในการเอาตวั รอดจากวาตภยั • ข. ออกห่างหนา้ ต่างประตทู ม่ี บี านกระจก
บทที่ 4 การจดั เรยี นการสอน 1.วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพื่อให้เขา้ ใจเนอ้ื หาการจัดการเรยี นรู้ตามหลักสูตรการลดความเสย่ี งภัยพบิ ตั แิ ละการปรบั ตวั เขา้ กับ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง 2.เพือ่ ให้ครผู สู้ อนและครผู ูช้ ่วยสามารถจดั กิจกรรมเสริมหลกั สตู รและพฒั นานักเรียน 3.เพื่อใหเ้ ข้าใจกระบวนการพฒั นาส่อื การเรยี นการสอนและส่ือรณรงค์ 2.หวั ข้อการเรียนรู้ 1. หลักการจดั การเรยี นรเู้ ร่อื งการลดความเสีย่ งภัยพิบัติ 2. การจดั การเรียนการสอนเรอ่ื งจัดการภัยพิบตั ใิ นหลกั สูตรแกนกลางฯ 2.1 ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3 2.2 ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 2.3 ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3 2.4 ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 2.5 แหลง่ ขอ้ มลู และเน้อื หาเก่ยี วกับภัยพบิ ัติธรรมชาติ 2.6 การประเมนิ และวัดผลการจัดการเรียนการสอน 3. การจัดกิจกรรมเสรมิ สตู รและพฒั นาผู้เรียน 3.1 ทักษะชีวิต life skill good practice 3.2 แนวทางจดั กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร 3.3 ตัวอยา่ งกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร 4. บทบาทอาสาสมัครในสถานการณภ์ ยั พบิ ัติ 5. แนวทางการพัฒนาสื่อการเรยี นการสอนและสื่อรณรงค์ หวั ข้อ : หลักการจดั การเรียนรเู้ รอ่ื งการลดความเส่ียงภยั พิบัติ หลักการจัดการเรยี นรู้เรอ่ื งการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ หลักการจดั การเรยี นรเู้ รอ่ื งการลดความเสยี่ งภยั พบิ ัตติ ้องมอี งคป์ ระกอบ 5 มิติ ไดแ้ ก่ 1. ความเขา้ ใจทางวิทยาศาสตรแ์ ละกลไกการเกดิ ภยั พบิ ัตทิ างธรรมชาติ ทงั้ การศกึ ษาจากตำรา วิชาการและ การศึกษาจากสภาพแวดลอ้ มจรงิ นอกห้องเรยี น 2. การเรยี นรแู้ ละฝกึ ฝนทักษะและขนั้ ตอนการปฏบิ ตั เิ พื่อความปลอดภยั ในบรบิ ทของภัยตา่ ง ๆ 3. ความเข้าใจปัจจยั ผลักดันท่ีทำใหเ้ กดิ ความเสี่ยงและกลไกทีท่ ำให้ภัยธรรมชาตกิ ลายเปน็ ภยั พบิ ตั ิ 4. สร้างศกั ยภาพในการลดความเสีย่ ง ไมว่ ่าจะเป็นสถานศกึ ษา ชมุ ชน และกลุ่มสงั คมต่าง ๆ 5. สร้างวัฒนธรรมแห่งความปลอดภัย (culture of safety) และการรูร้ บั ปรับตวั (resilience) ในสถานศึกษา
หัวข้อ : การจัดการเรยี นการสอนเร่อื งจดั การภัยพบิ ตั ิในหลกั สตู รแกนกลางฯ การจัดการเรียนการสอนเร่ืองจดั การภัยพิบัตใิ นหลกั สตู รแกนกลางฯ เพื่อให้สถานศกึ ษามีการจดั การเรียนการสอนเร่อื งการลดความเส่ยี งภยั พิบัติและการปรับตัวได้อยา่ ง เหมาะสม ท้ังในและนอกหลกั สตู ร จึงได้มกี ารบรรจุเน้อื หาเรอ่ื งการจัดการภัยพบิ ัตไิ ว้ในหลักสตู รแกนกลางขั้น พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซึง่ ไดม้ ีการปรับเนื้อหาตลอดจนบรบิ ทใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพปัญหา ความต้องการ ของชุมชนและภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ โดยจดั เป็นรายวชิ าพ้ืนฐาน มีการสอดแทรกเนอ้ื หาด้านการลดความเสี่ยงภัย พบิ ัตแิ ละการรับมอื กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศไว้ในกลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ สขุ ศึกษาและ พลศึกษา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และสามารถบูรณาการข้ามกลมุ่ สาระ และจัดเป็นรายวิชา เพิม่ เตมิ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์และขอบเขตดงั น้ี 2.1 ระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ • ให้นักเรียนมีความรู้ และความเข้าใจถึงอันตรายของภัยพบิ ัตแิ ละการรกั ษาชวี ิตของตนเอง • ให้นกั เรยี นเรยี นรู้วิธกี ารแจ้งเหตใุ หค้ รหู รอื ผู้ปกครองทราบ • ให้นักเรยี นรู้จกั การสังเกตการเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศ • ให้นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในการปรับสภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ
กลุม่ สาระการ ขอบเขตการเรียนรู้ มาตรฐาน / ตัวชี้วัด เรยี นรู้ สขุ ศึกษา • พ้ืนฐานการป้องกนั และการหลีกเลี่ยงจาก • ปฏิบตั ติ นตามกฎ กติกา ข้อตกลงและตาม ภยั คำแนะนำ (พ 3.2 ป.1/2) • การตระหนกั รู้สิ่งทีป่ ลอดภยั และไม่ • ระบุส่ิงทท่ี ำใหเ้ กิดอนั ตรายทบ่ี า้ น โรงเรียน ปลอดภัย และการป้องกัน(พ 5.1 ป.1/1) • การระมัดระวงั ตนจากสงิ่ ทเี่ ปน็ อันตราย • ปฏบิ ตั ิตนในการปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตุทอ่ี าจ และสถานที่อนั ตราย เกดิ ขน้ึ ทางนำ้ และทางบก(พ5.1 ป.2/1) • การปฏิบตั ติ นอยา่ งเหมาะสมท้ัง ในการ • ปฏบิ ตั ิตนตามสัญลกั ษณแ์ ละปา้ ยเตือน ซ้อมอพยพ และเวลาเกิดเหตกุ ารณ์ ของสง่ิ ของหรอื สถานท่ีท่ีเป็นอนั ตราย (พ ฉกุ เฉิน 5.1 ป.2/4) • การขอความช่วยเหลือด้วยวธิ กี ารตา่ งๆ • อธบิ ายสาเหตอุ นั ตรายวิธีปอ้ งกนั อัคคีภัย • การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ และแสดงการหนีไฟ (พ 5.1 ป.2/5) • ปฏิบตั ติ นเพือ่ ความปลอดภัยจากอุบตั ิเหตุ ในบ้านโรงเรยี นและการเดนิ ทาง(พ 5.1ป. 3/1) • แสดงวธิ ีขอความชว่ ยเหลอื จากบคุ คล และแหลง่ ตา่ งๆเม่ือเกิดเหตุร้ายหรอื อุบัติเหตุ (พ 5.1ป.3/2) • แสดงวิธีปฐมพยาบาลเม่ือไดร้ ับบาดเจ็บ (พ 5.1ป.3/3) ภาษาไทย • การถ่ายทอดเร่ืองราว • พดู แสดงความคดิ เหน็ และความรู้สกึ จาก เรอื่ งท่ีฟงั หรือดู(ท3.1 ป.1/3, ป.2/5, ป. แสดงความคดิ เห็นและความรสู้ ึก 3/4) ในเหตุการณท์ ่ีพบเหน็ • พูดสื่อสารได้ชัดเจนตามวตั ถปุ ระสงค์ (ท • การเรยี นรปู้ า้ ยประกาศสัญลักษณก์ าร 3.1ป.1/4,ป.2/6,ป.3/5) เตอื นภัยอนั ตราย • บอกความหมายของสัญลกั ษณท์ พ่ี บเหน็ ในชีวิตประจำวัน (ท 1.1ป.1/ 7)
กลุ่มสาระการ ขอบเขตการเรียนรู้ มาตรฐาน / ตัวชว้ี ัด เรยี นรู้ สังคมศึกษา • ธรรมชาติและการเปลีย่ นแปลงของสภาพ • มสี ่วนรว่ มในการจัดระเบียบสง่ิ แวดลอ้ มท่ี ภูมิอากาศ บ้านและชน้ั เรยี น (ส 5.2ป.1/3) • การวเิ คราะหป์ ญั หาทีเ่ ปน็ สาเหตกุ ารเกดิ • สังเกตและบอกการเปล่ียนแปลงของ ภยั พิบัตธิ รรมชาตใิ นท้องถิ่น สภาพอากาศในรอบวนั (ส 5.1ป.1/5) • การทำกจิ กรรมทำแผนท่ีเสีย่ งภยั • แยกแยะสิง่ ตา่ งๆรอบตวั ทเ่ี กิดข้นึ เองตาม • พื้นฐานการบำเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ธรรมชาติและทม่ี นุษยส์ รา้ งขนึ้ (ส 5.1 ป. 1/1) สงั คม • ความเข้าใจและการปฏบิ ัตติ นเป็น • บอกสง่ิ ต่างๆทเ่ี กดิ ตามธรรมชาติ ทีส่ ่งผล ต่อความเปน็ อยขู่ องมนษุ ย์ (ส 5.2 พลเมอื งดี ป.1/2) • ตระหนักถึงการเปล่ยี นแปลงของ สิ่งแวดลอ้ มในชุมชน (ส 5.2 ป.3/5) • มีสว่ นรว่ มในการฟื้นฟูปรับปรงุ สิ่งแวดลอ้ ม ในโรงเรยี นและชมุ ชน ( ส 5.2 ป.2/4) • ระบบุ ทบาทหนา้ ทข่ี องคนในชุมชนในการ มสี ่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ (ส 2.2 ป.3/1) • เขียนแผนผงั งา่ ยๆ เพ่อื แสดงตำแหนง่ ทตี่ ้งั ของสถานที่สำคัญในบรเิ วณโรงเรยี นและ ชมุ ชน (ส 5.2 ป.3/2) วทิ ยาศาสตร์ • การรณรงค์เรื่องการใช้ทรพั ยากรใน • ระบกุ ารใช้ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ทอ้ งถิน่ ปัญหาส่งิ แวดล้อมในท้องถน่ิ (ว 2.2 ป. 3/2) • กระบวนการเปลีย่ นแปลง สถานะของ อณุ หภูมโิ ลกที่ก่อใหเ้ กิดสภาวะโลกร้อน • ทดลองและอธบิ ายผลของการ และปรากฏการณต์ ่างๆ เช่น การไหลของ เปลี่ยนแปลงทเี่ กิดขนึ้ กบั วัสดเุ ม่อื ถกู แรง กระแสน้ำและความเสย่ี งภัยพิบตั ิ กระทำหรือทำใหร้ ้อนขึ้นหรือเย็นลง (ว 3.2 ป.3/1)
2.2 ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 วัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ ได้แก่ • ให้นกั เรียนเรยี นมีการปฏิบตั ิตนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สามารถปอ้ งกนั ตนเอง ดแู ลตนเองและผ้อู ืน่ ให้ ปลอดภยั ไดเ้ ม่ือเกดิ เหตกุ ารณฉ์ กุ เฉิน • ใหน้ ักเรียนมสี ว่ นรว่ มรณรงคใ์ นการใช้ทรพั ยากรเพือ่ พทิ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม • ใหน้ กั เรียนศึกษาสาเหตกุ ารเกดิ ภยั ธรรมชาตแิ ละรู้จกั การเตรียมพรอ้ ม กลมุ่ สาระการ ขอบเขตการเรยี นรู้ มาตรฐาน / ตวั ช้ีวัด เรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา • การวิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลง • อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงสภาพแวดล้อมใน สภาพแวดล้อม ผลกระทบของการ ท้องถ่นิ และผลจากการเปลี่ยนแปลง (ส 5.2 เปล่ียนแปลง และการนำเสนอแนวคดิ ป. 4/2) การอนรุ ักษ์ • มีสว่ นร่วมในการอนรุ ักษส์ ิ่งแวดล้อมในจงั หวดั • การมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ (ส 5.2 ป. 4/3) สง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถนิ่ • นำเสนอตวั อย่างท่ีสะท้อนใหเ้ หน็ ผลจากการ • การวเิ คราะห์สาเหตกุ ารเกดิ ภัยพิบตั ิ รักษาและการทำลายสภาพแวดล้อมและเสนอ ธรรมชาติในท้องถิ่น แนวคิดในการรักษาสภาพแวดล้อมในภูมภิ าค (ส 5.2 ป. 5/3) • การขอความชว่ ยเหลอื ในขณะเกิดภัย หรือภายหลังเกิดภยั • อธบิ ายโครงสรา้ ง อำนาจ หน้าท่ี และ ความสำคัญของการปกครองส่วนทอ้ งถ่ินใน • การทำแผนทีเ่ สี่ยงภัยแสดงบริเวณท่ี การช่วยเหลอื และฟนื้ ฟสู ภาพภายภายหลงั การ ปลอดภัยและไมป่ ลอดภัย เกดิ ภัย (ส 2.2 ป. 5/1) • กจิ กรรมอาสาสมคั รในโรงเรียน • ใช้เครอื่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ เชน่ แผนท่ี ระบุ ลักษณะสำคญั ทางกายภาพและสงั คมของ ประเทศและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ลกั ษณะทางกายภาพกับปรากฏการณท์ าง ธรรมชาติของประเทศ (ส 5.1 ป. 6/1,2 )
กลมุ่ สาระการ ขอบเขตการเรียนรู้ มาตรฐาน / ตัวชวี้ ดั เรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ • สาเหตุการเกิดดนิ ถลม่ • อธิบายและจำแนกประเภทของหิน โดยใช้ • กระบวนการเปลย่ี นแปลงของผวิ โลก ลักษณะของหิน สมบัติของหินเปน็ เกณฑแ์ ละ การเปลยี่ นแปลงของหนิ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ และภายในโลกทีเ่ ปน็ สาเหตุของธรณี ประโยชน์ (ว 6.1ป. 6/1) พบิ ัติ • กระบวนการไหลของกระแสน้ำและ • สืบคน้ และอธบิ ายธรณพี บิ ตั ิทมี่ ีผลต่อมนุษย์ ความเสี่ยงในการเกดิ อทุ กภัย และสภาพแวดล้อมในท้องถน่ิ (ว 6.1ป. 6/3) • ทดลองและอธิบายการเกิดวฏั จักรน้ำ (ว 6./2 ป.5 /2) สุขศึกษา • ทกั ษะในการปอ้ งกันตวั และเห็นคณุ คา่ • แสดงพฤตกิ รรมในการปอ้ งกันและแกไ้ ข ของความปลอดภัย ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มทม่ี ีผลตอ่ สุขภาพ (พ 4.1ป. 6/1) • การหลีกเลีย่ งปัจจัยเสยี่ งที่ทำใหเ้ กดิ อันตราย • วิเคราะห์ผลกระทบจากความรนุ แรงของภยั ธรรมชาตแิ ละระบวุ ิธีปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภัย จากภัยธรรมชาติ (พ5.1ป. 6/1,2)
2.3 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 ในระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ตอ้ งเพิ่มรายละเอียดเนอ้ื หามากย่งิ ข้นึ และรูปแบบการเรยี นการสอน ตอ้ งมีความเป็นรปู ธรรมมากข้ึน ในระดับนี้ควรมีเปา้ หมายท่สี ่งเสริมให้ผูเ้ รยี นมกี ารปฏิบัตติ นในการช่วยเหลือ สังคม เชน่ กิจกรรมอาสาสมคั ร กจิ กรรมพ่สี อนนอ้ ง การสร้างแบบจำลองภยั พบิ ัติ การเตรยี มความพรอ้ มรับมอื กบั ภยั อย่างเหมาะสม ทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องตน้ กลมุ่ สาระการ ขอบเขตการเรยี นรู้ มาตรฐาน / ตัวชี้วดั เรยี นรู้ สงั คมศึกษา • การมีส่วนร่วมและบทบาท • เหน็ คณุ คา่ ในการปฏบิ ตั ติ นตามสถานภาพ บทบาทหนา้ ทใี่ น ในกจิ กรรมพัฒนาสงั คม ฐานะพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย (ส 2.1 ม. 2 / 2) • การวิเคราะห์และสรปุ • วเิ คราะห์เชอื่ มโยงสาเหตแุ นวทางปอ้ งกนั ภยั ธรรมชาตแิ ละการ เหตุการณ์ภยั พบิ ตั ิโดยใช้ ระวงั ภยั ทเี่ กดิ ข้ึนในประเทศไทย ทวปี เอเชยี ฯลฯ (ส 5.1ม. 1 ข้อมลู สารสนเทศ / 3) • ประวัติทางธรณวี ทิ ยาและ • วิเคราะห์เรอื่ งราวเหตกุ ารณ์สำคัญทางประวัตศิ าสตรไ์ ดอ้ ยา่ ง การเกิดภัยในอดตี มเี หตผุ ลตามวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ (ส 4.1 ม. 3 /1) วิทยาศาสตร์ • สาเหตุการเกิดการเกิดเปน็ • สงั เกต วเิ คราะห์และอภิปรายการเกดิ ปรากฏการณ์ทางลมฟา้ ภยั พิบัติ ดนิ ถลม่ หรอื หินพงั อากาศทมี่ ีผลต่อ มนุษย์การเกิดเปน็ ภยั พิบัติ (ว 6. ม. 1 / 3) • ทกั ษะในการสืบค้น • ทดลองและอธิบายความสำพันธ์ระหวา่ งอุณหภูมิ ความชื้น กระบวนการ และความกดอากาศทม่ี ผี ลต่อปรากฏการณท์ างลมฟ้าอากาศ (ว 6.1ม. 1 / 2) ตา่ งๆ ทมี่ ีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลง ภมู ิอากาศและภูมิประเทศ • สืบค้น สรา้ งแบบจำลองและอธิบายกระบวนการผุพัง การ กรอ่ น การพัดพาและผลของกระบวนการดงั กลา่ ว (ว 6.1ม. 2 • การส่อื สารส่งิ ทเ่ี รยี นรแู้ ละ / 9,10) การจัดทำสอื่ การเรียนรู้
กลุ่มสาระการ ขอบเขตการเรยี นรู้ มาตรฐาน / ตัวชี้วดั เรียนรู้ • ทกั ษะในการลดความเสย่ี ง • อธิบายวธิ กี ารหลีกเลยี่ งพฤตกิ รรมเสย่ี งและสถานการณ์เสยี่ ง สุขศกึ ษา จากภยั พบิ ัติ (พ 5.1 ม. 2 / 2) • ทกั ษะการปฐมพยาบาล • แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลและเคลือ่ นยา้ ยผู้ปว่ ยอยา่ งปลอดภัย (พ เช่น วิธีหา้ มเลอื ด พันแผล 5.1ม. 1 / 1) และปั๊มหวั ใจ • ใชท้ ักษะชวี ติ ในการปอ้ งกนั ตนเองและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ • ทักษะในการเตรยี มความ คับขนั ท่ีอาจนำไปสอู่ ันตราย (พ 5.1ม. 2 / 3) พร้อมรบั มือกบั ภยั 2.4 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ • ส่งเสรมิ ให้นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมเตรยี มความพรอ้ มรับมอื กบั ภยั พิบตั โิ ดยใชท้ ักษะในเชิงเทคนคิ เช่น การกู้ภยั การแจง้ เตือน เป็นต้น • การปฏิบตั ิตนเปน็ สว่ นหนึ่งของครอบครวั โรงเรียนและชมุ ชนในการดูแลและเฝ้าระวังในความ ปลอดภัย กลุ่มสาระการ ขอบเขตการเรียนรู้ มาตรฐาน / ตวั ชว้ี ัด เรียนรู้ • วเิ คราะหอ์ ิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ทท่ี ำให้เกดิ สงั คมศึกษา • ความรูด้ า้ นอตุ ุนิยมวทิ ยา ปัญหาทางกายภาพหรอื ภัยพิบัตทิ างธรรมชาตใิ น • การวิเคราะห์ประวตั กิ ารเกิดภยั ประเทศไทยและภูมิภาคตา่ งๆ (ส 5.1ม.4 - 6 /2) • การรณรงคแ์ ก้ไขปญั หา • ประเมินการเปลี่ยนแปลงของโลกวา่ เปน็ ผลจากการ สิ่งแวดลอ้ ม กระทำของมนษุ ย์หรือธรรมชาติ (ส 5.1ม.4 - 6 /4) • มสี ว่ นร่วมในการแก้ไขปญั หาและดำเนนิ ชวี ติ ตามแนว ทางการอนรุ ักษ์ส่งิ แวดลอ้ ม(ส 5.2ม.4 - 6 /5)
กลุ่มสาระการ ขอบเขตการเรยี นรู้ มาตรฐาน / ตวั ชว้ี ดั เรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ • เพ่ือศึกษาสาเหตุการเกิดภัยพิบัติ • วเิ คราะหส์ าเหตุของปญั หาส่งิ แวดล้อมและ • มที ักษะในการสืบค้นและการทำ ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นระดบั ทอ้ งถิ่น ระดับประเทศ และระดบั โลก (ว 2.2 ม.4 - 6 /1) โครงงานดา้ นการเปล่ยี นแปลงทาง ธรณีวทิ ยา เพอื่ สอ่ื สารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ • อภปิ รายแนวทางในการปอ้ งกันแกไ้ ขปญั หาปญั หา ใหเ้ หน็ เปน็ รปู ธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม(ว 2.2 ม.4 - 6 /2) • วางแผนและดำเนนิ การเฝา้ ระวงั อนุรกั ษ์และพฒั นา สง่ิ แวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาต(ิ ว 2.2 ม.4 - 6 /3) • สบื ค้น ทดลอง เลียนแบบ และอธิบายกระบวนการ เปล่ยี นแปลงทางธรณภี าคของโลก (ว 6.1ม.4 - 6 /3,4) สุขศึกษา • ทักษะในการจดั ทำแผนลดความ • วางแผน กำหนดแนวทางลดอบุ ัตภิ ัยและการสร้าง เสย่ี งจากภัยพิบัติ เสริมความปลอดภัยในชมุ ชน (พ 5.1 ม.4 - 6 /4) • ทกั ษะและความสามารถในการ • มีส่วนร่วมในการสรา้ งเสริมความปลอดภัยในชมุ ชน (พ เผชญิ กบั สถานการณ์ภัยพบิ ตั ิ 5.1 ม.4 - 6 /5) • ทกั ษะการปฐมพยาบาล เช่น วิธี • ใช้ทกั ษะชวี ติ ในการตดั สินใจแกป้ ัญหาในสถานการณ์ ห้ามเลือด พันแผล และปมั๊ หัวใจ เส่ยี งและความรุนแรง (พ 5.1ม.4 - 6 /6) • แสดงวธิ กี ารช่วยเหลือชีวติ คนอย่างถกู วิธ(ี พ 5.1ม.4 - 6 /7) 2.5 แหลง่ ขอ้ มลู และสอ่ื การสอนเกยี่ วกบั ภัยพบิ ตั ธิ รรมชาติ นอกเหนือจากเนอ้ื หาในหลักสตู รแกนกลางแล้ว ครูผสู้ อนสามารถสบื คน้ เน้อื หาสาระเพิ่มเติมได้จาก แหลง่ ขอ้ มลู ต่อไปนี้ หนว่ ยงาน • กรมอตุ ุนยิ มวิทยา https://www.tmd.go.th/ • TK Park ส่ือการเรียนรอู้ ิเลก็ ทรอนกิ สใ์ นรูปแบบ E-book Audio book และ Applica- tion https://www.tkpark.or.th/tha/digital_content
• ศูนย์เตือนภัยพิบตั ิแห่งชาติ คลงั ความรเู้ พือ่ การเตือนภยั http://www.ndwc.go.th/ • กรมทรัพยากรธรณี สื่อเผยแพร่ความรธู้ รณพี ิบตั ิ ภัย http://www.dmr.go.th/ewt_news.php?nid=6816 • กองเผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หนังสอื ชดุ เรียนรูส้ าธารณภัย (http://122.155.1.141/inner.PRDPM-6.53/cms/menu_1762/603.1/) หนงั สอื อา้ งองิ • หนังสือแนวทางการจดั การเรยี นรเู้ ร่ืองการลดความเส่ียงจากภยั พิบตั แิ ละการรบั มอื กบั ความ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อา่ นเพม่ิ เติม) • หนงั สือจากเวบไซต์ทักษะชีวิตของ สพฐ.เรอ่ื งภยั พบิ ัติธรรมชาติ • สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน สอ่ื วดิ ีทศั น์ คลังส่อื การสอนของ สพฐ. (DLIT Resources) ซง่ึ เป็นวิดีโอการสอนหัวข้อทย่ี ากของ 5 กล่มุ สาระฯ ตอนละ 50 นาที สำหรับห้องเรียนท่ีขาดครูตรงกลุม่ สาระฯ และนกั เรยี นทต่ี อ้ งการทบทวน • หอ้ งเรยี นแห่งคุณภาพ (DLIT Classroom) • สื่อวดิ ที ศั นใ์ หค้ วามรู้เก่ียวกบั การรับมืออุทกภยั จากองคก์ รช่วยเหลือเด็ก เร่ืองตนุ่ นอ้ ยต่ืนตัว จาก องคก์ รชว่ ยเหลือเดก็ 2.6 การประเมนิ และวดั ผลการจดั การเรยี นการสอน ตามคมู่ ือการจัดหลกั สูตรการเรียนการสอนเรอื่ งภัยพิบัติและการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศของ สพฐ ไดก้ ำหนดตัวชว้ี ัดคุณภาพนักเรยี นไว้ดงั นี้ 1. ด้านความรู้ความเข้าใจ ประเมนิ ผลจากการตอบคำถามและการทำงานกลุ่ม 2. ด้านทักษะ ประเมนิ ผลจากผลงาน กระบวนการหรอื ข้ันตอนการปฏบิ ัติ พฤตกิ รรมในการทำงานกลุ่ม และการนำเสนอผลงาน โดยพิจารณาเน้ือหา ความถกู ต้อง ความสอดคล้อง ความคดิ สร้างสรรค์ ทกั ษะการนำเสนอ 3. ดา้ นเจตคติ ประเมนิ จากความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความมีระเบยี บ การตรงตอ่ เวลา การมีส่วน รว่ มในกระบวนการกลุ่ม
ตวั ชี้วัดคุณภาพครทู จี่ ดั การเรียนการสอนเรื่องภัยพบิ ัติฯ มีดังนี้ 1. ครมู ีความรู้เกีย่ วกบั การลดความเสี่ยงจากภัยพิบตั แิ ละการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. ครใู ชเ้ ทคนิคท่ีหลากหลายในการจัดการเรยี นรู้ โดยเฉพาะวิธกี ารทใี่ หเ้ ดก็ เป็นศนู ย์กลางและมีสว่ นรว่ ม 3. ครสู ามารถแลกเปลยี่ นประสบการณ์ในการจดั การเรียนรกู้ ับสถานศกึ ษาอื่น ๆ ตวั ชวี้ ดั คณุ ภาพผู้บริหารในการบรหิ ารจัดการความปลอดภยั รอบด้านในสถานศกึ ษา มดี งั น้ี 1. ผบู้ รหิ ารมีวสิ ัยทศั นใ์ นการจดั การศกึ ษาเร่ืองการการลดความเสีย่ งจากภัยพบิ ัตแิ ละการรับมือกบั การ เปล่ียนแปลงสภาพภูมอิ ากาศ 2. ผู้บรหิ ารมีความสามารถในการบริหารจดั การภยั พบิ ตั ิภายใต้สภาวการณก์ ดดนั อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 3. ผู้บริหารมีความสามารถในการประสานภาคเี ครอื ข่ายเพื่อความรว่ มมือในการจัดการเรียนรู้ (เช่น สถานศกึ ษา องค์กรเอกชน หน่วยงานราชการ ฯลฯ) ผบู้ รหิ ารมีความสามารถในการนิเทศติดตามผลการดำเนนิ งาน หวั ข้อ : การจัดกิจกรรมเสรมิ สตู รและพัฒนาผเู้ รยี น 3.1 การสอนทักษะชีวติ (life skill) การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เปน็ การศึกษาทม่ี ีจุดเนน้ อยตู่ รงการสร้างใหเ้ ยาวชนมีทักษะชวี ติ ทักษะการ เรียนรู้และทักษะการทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืน เพ่ือที่ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้ท่ามกลาง วิกฤตการณ์ของโลก ท้ังทเ่ี กิดจากปญั หาทางสังคมและภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาตทิ น่ี ับวนั กม็ แี ตจ่ ะทวีความรนุ แรง ยงิ่ ขึ้นทุกวัน การสรา้ งนวตกรรมการเรียนรู้ทสี่ ่งเสริมทักษะชีวติ จงึ เป็นทางเลือกหนึ่งในการสร้างเด็กและ เยาวชนท่รี เู้ ท่าทนั ภัยและอยูร่ อดปลอดภยั ปจั จยั แห่งความสำเรจ็ นำนวัตกรรมการเรียนรูเ้ กี่ยวกับภัยพบิ ตั ไิ ป ใชส้ ำคัญ 3 ประการ คือ • ก่อนการนำไปใช้ ครูสอนต้องหาความรู้อย่างลึกซึ้งและละเอยี ด และหากเป็นไปได้ ผู้เรยี นควรได้ เรยี นรูป้ ระสบการณ์ของผูป้ ระสบภัยโดยตรง • การออกแบบการเรยี นรตู้ ้องเปน็ ไปอยา่ งสนุกสนาน นกั เรียนจะมีความยินดีในการเรยี นรู้เรอื่ งเดมิ ได้ บอ่ ยครง้ั • สือ่ ประกอบการเรียนรู้ต้องออกแบบใหน้ ่าสนใจและง่ายต่อการจดจำ ตัวอย่างเช่น ผู้สอนสามารถสร้างการเรียนรู้ในหัวข้อผปู้ ระสบภยั ใช้เทคนิคอะไรในการรับมอื ภัยพิบตั ิบา้ ง แลว้ นำมาทำใหน้ า่ สนใจโดยประมวลออกมาเปน็ เกม ละครหรอื กลายเป็นสอ่ื ในการเรียนการสอนตา่ ง ๆ ทจี่ ะ
ชว่ ยให้ผูเ้ รยี นเกิดการส่งั สมความร้เู ร่ืองการใชช้ วี ติ ระหวา่ งประสบภัยพบิ ตั ิก่อนทีจ่ ะไดเ้ ผชญิ หนา้ กับเหตุการณ์ จริง โดยโรงเรียนมีหน้าที่หลักในการเชอื่ มโยงความรู้พ้ืนฐานเข้ากับความสามารถในการจัดการเม่ื อเกิด เหตกุ ารณภ์ ัยพบิ ัติ เช่น การนบั จำนวนผบู้ าดเจบ็ การทำแผนที่เสีย่ งภยั ของโรงเรียน การทำกราฟ การซ้อม อพยพ เปน็ ต้น 3.2 แนวทางการจดั กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร ในการจัดกิจกรรมหลักและกิจกรรมเสริมเรื่องการลดความเสี่ยงภัยพิบตั ิและการรับมอื กับการ เปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศควรเนน้ การมีส่วนร่วมและการใช้ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องนกั เรียนในการสร้าง กิจกรรม เน้นการใช้ความคิดเชิงวิเคราะหเ์ พือ่ จะทำให้เด็กและเยาวชนเกดิ ความตระหนกั ในประเด็นปัญหา คิดค้นการแกไ้ ขปัญหาทถ่ี ูกตอ้ งเพื่อให้เกดิ การเปลี่ยนแปลง และสร้างภาวะผู้นำ กจิ กรรมเสริมหลักสูตร เช่น กจิ กรรมอาสาสมคั รก็สามารถใช้เปน็ สว่ นหนึ่งในการช่วยสร้างเครือขา่ ย ระดมทรัพยากร ความรู้ จากชมุ ชน มา ช่วยในการลดความเสี่ยงภัยพบิ ตั ิ สำหรบั วธิ ีการจัดกิจกรรมนน้ั อาจจะเป็นการนำประเด็นเรอื่ งภัยพบิ ัตเิ ขา้ ไปสอดแทรกในกจิ กรรมเดิม ทม่ี ีอย่แู ลว้ เชน่ ในงานกีฬาสี งานนิทรรศการ กิจกรรมชมรม กลุ่มอาสาสมัคร การทำโครงการระยะส้ัน การจดั เวทเี ผยแพร่ความรใู้ นชว่ งพักกลางวัน การสอดแทรกทักษะการเอาตัวรอดในวชิ าลูกเสอื เนตรนารี เปน็ ต้น โดย ครมู ีหน้าท่ชี ่วยชี้ใหเ้ ห็นถงึ ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมนัน้ ๆกบั ประเดน็ ดา้ นการลดความเสย่ี งภยั พิบตั ิและการ รบั มือกับการเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเดน็ ทสี่ ามารถสอดแทรกไปในการเรยี นการสอนและการทำกิจกรรมเสรมิ หลักสตู ร ได้แก่ • การสำรวจชุมชนรอบสถานศึกษา เพอ่ื ความเขา้ ใจทางสังคมและการระบปุ ระเด็นปญั หาความเสยี่ งภยั • การชว่ ยกนั สอดส่องคน้ หาจดุ เส่ยี งภยั เชน่ บอ่ นำ้ ทางลาด ถนนท่มี หี ลมุ บ่อ ทางอับสายตา จุดที่ อาจจะเกิดเพลงิ ไหม้ • การทำโครงการขยะแลกส่งิ ของ เช่น ตน้ ไม้ ไขต่ ้ม ทำโครงการธนาคารรไี ซเคลิ วัสดเุ หลือใช้ • การประหยัดน้ำ การช่วยกนั สอดสอ่ งดแู ลกอ๊ กนำ้ ท่อนำ้ ท่อประปา ถงั เกบ็ น้ำ • การใชค้ วามคดิ ประดษิ ฐส์ ่งิ ของต่างๆเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน • การปลูกตน้ ไม้ พชื คลมุ ดิน เพอ่ื ปอ้ งกนั การเสยี หายพังทลายของหนา้ ดิน • การทำสวนครัวลอยนำ้ ในพ้ืนที่นำ้ ทว่ ม การปลกู พืชอาหารเพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารเวลาเกดิ อุทกภยั • การลดการใช้สารเคมี ถงุ พลาสตคิ • การฝกึ ใหล้ ้างมืออย่างถูกต้องและมนี ิสยั รกั ความสะอาด มีสขุ อนามยั ที่ดี
• การฝกึ ฝนขนั้ ตอนการปฏบิ ตั เิ ม่อื เกิดเหตฉุ กุ เฉนิ ตามแผนจดั การภยั พิบัตขิ องสถานศึกษา • การสง่ เสริมความสามัคคี ช่วยเหลือผอู้ น่ื เชน่ วธิ กี ารช่วยเหลือคนพกิ าร การนำทางคนตาบอด • การฝกึ ปฐมพยาบาล การฝกึ การเคลื่อนย้ายผบู้ าดเจบ็ • การจดั เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินสำรองสำหรับห้องเรียน • การฝกึ ดับเพลงิ • การสำรวจเส้นทางอพยพและเกบ็ สง่ิ ของให้เปน็ ระเบยี บตามเส้นทางทใ่ี ชอ้ พยพ • การจราจรและการปอ้ งกันอุบัติเหตุ • การจดั กจิ กรรมช่วยชวี ิต การปรับตวั ในวิชาลกู เสอื เนตรนารี 3.3 ตัวอย่างการจัดกจิ กรรมเสริมหลกั สูตรการลดความสยี่ งภยั พิบัติ ในการจัดกิจกรรมหลักและกิจกรรมเสริมเรื่องการลดความเสี่ยงภัยพิบตั ิและการรับมือกับการ เปลีย่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศควรเน้นการมสี ่วนร่วมและการใชค้ วามคิดสรา้ งสรรคข์ องนกั เรยี นในการสรา้ ง กิจกรรม เนน้ การใช้ความคิดเชิงวิเคราะหเ์ พ่อื จะทำให้เดก็ และเยาวชนเกดิ ความตระหนกั ในประเด็นปญั หา คดิ คน้ การแกไ้ ขปัญหาทถ่ี กู ต้องเพือ่ ใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลง และสรา้ งภาวะผู้นำ กจิ กรรมเสริมหลักสูตร เช่น กจิ กรรมอาสาสมคั รกส็ ามารถใช้เปน็ สว่ นหนงึ่ ในการช่วยสร้างเครือข่าย ระดมทรพั ยากร ความรู้ จากชุมชน มา ชว่ ยในการลดความเสย่ี งภัยพบิ ัติ สำหรบั วิธกี ารจดั กจิ กรรมน้ัน อาจจะเป็นการนำประเดน็ เรอื่ งภัยพิบตั เิ ข้าไปสอดแทรกในกิจกรรมเดิม ทีม่ อี ยแู่ ลว้ เช่น ในงานกีฬาสี งานนทิ รรศการ กิจกรรมชมรม กล่มุ อาสาสมัคร การทำโครงการระยะสน้ั การจัด เวทีเผยแพร่ความรใู้ นช่วงพกั กลางวนั การสอดแทรกทกั ษะการเอาตัวรอดในวชิ าลกู เสือเนตรนารี เปน็ ต้น โดย ครมู หี นา้ ท่ชี ว่ ยชใ้ี หเ้ ห็นถงึ ความสอดคล้องของกจิ กรรมน้นั ๆกบั ประเด็นดา้ นการลดความเส่ียงภยั พิบตั ิและการ รบั มอื กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นทส่ี ามารถสอดแทรกไปในการเรียนการสอนและการทำกจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร ได้แก่ • การสำรวจชมุ ชนรอบสถานศึกษา เพอ่ื ความเขา้ ใจทางสงั คมและการระบปุ ระเด็นปัญหาความเสย่ี งภยั • การชว่ ยกันสอดสอ่ งคน้ หาจุดเส่ยี งภยั เช่น บ่อนำ้ ทางลาด ถนนท่มี ีหลุมบอ่ ทางอับสายตา จดุ ท่ี อาจจะเกิดเพลงิ ไหม้ • การทำโครงการขยะแลกสง่ิ ของ เช่น ตน้ ไม้ ไข่ตม้ ทำโครงการธนาคารรไี ซเคิล วัสดเุ หลือใช้ • การประหยดั นำ้ การชว่ ยกนั สอดส่องดแู ลกอ๊ กนำ้ ทอ่ น้ำ ทอ่ ประปา ถงั เกบ็ นำ้ • การใชค้ วามคิดประดษิ ฐส์ ่ิงของตา่ ง ๆ เพอื่ ชว่ ยประหยัดพลังงาน • การปลูกต้นไม้ พชื คลุมดนิ เพื่อปอ้ งกันการเสียหายพังทลายของหนา้ ดิน
• การทำสวนครวั ลอยนำ้ ในพื้นทนี่ ำ้ ทว่ ม การปลกู พชื อาหารเพอ่ื ใช้เปน็ แหลง่ อาหารเวลาเกิดอุทกภัย • การลดการใช้สารเคมี ถงุ พลาสตคิ • การฝกึ ใหล้ ้างมืออยา่ งถกู ต้องและมีนสิ ยั รกั ความสะอาด มสี ขุ อนามยั ที่ดี • การฝึกฝนขัน้ ตอนการปฏิบัติเมอื่ เกิดเหตุฉกุ เฉนิ ตามแผนจัดการภยั พิบัตขิ องสถานศกึ ษา • การส่งเสริมความสามคั คี ชว่ ยเหลือผอู้ ื่น เชน่ วธิ กี ารช่วยเหลือคนพกิ าร การนำทางคนตาบอด • การฝกึ ปฐมพยาบาล การฝกึ การเคลอื่ นย้ายผบู้ าดเจ็บ • การจดั เตรียมกระเปา๋ ฉุกเฉินสำรองสำหรับหอ้ งเรียน • การฝกึ ดับเพลงิ • การสำรวจเสน้ ทางอพยพและเก็บสิ่งของใหเ้ ปน็ ระเบยี บตามเสน้ ทางทใ่ี ชอ้ พยพ • การจราจรและการปอ้ งกันอบุ ตั เิ หตุ • การจดั กจิ กรรมชว่ ยชีวิต การปรบั ตวั ในวิชาลกู เสอื เนตรนารี 3.3.1 การจัดทำหลกั สตู รวิทยาศาสตรส์ ำหรบั เดก็ ปฐมวยั มีกิจกรรมการประกวดโครงการวิทยาศาสตร์ของระดบั ปฐมวัย และมีหอ้ งเรยี นวทิ ยาศาสตร์ เพ่ือจงู ใจใหเ้ ดก็ สนใจเรยี นและสนกุ กับการเรยี น ประกอบไปด้วย หอ้ งดิน ใหค้ วามร้เู กี่ยวกบั ภัยพบิ ัตทิ เ่ี กิดขึ้นจากดิน เช่น ดินสไลด์ แผน่ ดินไหว ประเภทและชนดิ ของ ดิน ชน้ั ดินชนดิ ตา่ งๆ สาเหตุของภัยพบิ ัตทิ ่เี กิดจากดนิ การตรวจสอบสภาพของดนิ การอนุรกั ษ์ดนิ และการ ป้องกนั ภัยพิบตั ทิ ีเ่ กิดจากดนิ เป็นต้น หอ้ งน้ำ ให้ความรูเ้ กยี่ วกบั ภัยพบิ ตั ทิ ี่เกดิ จากน้ำ เช่น นำ้ ทว่ ม น้ำป่าไหลหลาก ฝนตก น้ำเนา่ เสยี ทาง นำ้ ไหล ตน้ นำ้ กลางนำ้ ปลายน้ำ แหลง่ กำเนดิ ของน้ำ การเฝ้าระวังสังเกตระดับน้ำ และให้ความรู้เรอ่ื งการ
ปอ้ งกนั ภยั พิบัตจิ ากนำ้ เช่น การทำฝาย การไมต่ ดั ตน้ ไม้ การปลูกต้นไม้ทดแทน เป็นต้น รวมถงึ วิธีการเอาตัว รอดเมอ่ื เกิดภัยพบิ ัตทิ างน้ำดว้ ย ห้องลม ให้ความรเู้ ก่ยี วกับภยั พิบัติทเ่ี กิดจากลม เช่นลมพายุ ลมประจำฤดู การสำรวจทศิ ทางของ ลม ความเสยี หายทเ่ี กิดจากลม และการรบั มอื เมื่อเกิดภัยพบิ ัติจากลม ห้องไฟ ให้ความรู้เก่ียวกับภัยธรรมชาติท่ีเกิดจากไป เช่น ไฟ ป่า ไฟท่ีเกิดจากฝีมือมนุษย์ ผลกระทบของไฟ และวธิ ีการเอาตวั รอดเม่อื เกิดไฟไหม้ 3.3.2 กจิ กรรมเพ่ือเสรมิ สรา้ งทักษะดา้ นความปลอดภยั ในโรงเรียน Red Bear Survival เจแปนฟาวนเ์ ดชั่น กรุงเทพฯ (The Japan Foundation, Bangkok) รว่ มกับกลุม่ “รแู้ ล้วรอด” De- sign for Disaster (D4D) และเอ็นพีโอ พลสั อาร์ต (NPO Plus Arts) ประเทศญ่ีปุ่น จดั กิจกรรม “Red Bear Survival Camp in Thailand” เพอื่ ใหค้ รู นกั เรียน และ อาสาสมัครปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยไดเ้ รยี นรู้ และสรา้ งเสรมิ ประสบการณก์ ารเอาตัวรอดเมือ่ เกิดภัยพิบัตแิ บบตา่ ง ๆ อาทิ น้ำทว่ ม แผน่ ดนิ ไหว ไฟไหม้ ดิน โคลนถล่ม โดยมีกิจกรรมฐานการเรียนรทู้ ง้ั หมด 13 ฐาน ซ่ึงในแต่ละฐานจะมกี ิจกรรมการเรยี นรูท้ แี่ ตกต่างกัน ออกไป แตล่ ะกิจกรรมจะเป็นการเสรมิ สรา้ งสติปญั ญาท่ีจะแก้ไขปัญหาในภาวะฉกุ เฉนิ สร้างความสามคั คี และ สามารถช่วยเหลือตนเองและผอู้ ืน่ ในสถานการณภ์ ยั พบิ ัตติ ่าง ๆ ทอี่ าจเกิดขนึ้ ได้ ทม่ี า: เจแปนฟาวน์เดชัน่ กรุงเทพฯ, 2557
3.3.3 การบูรณาการสามเสาหลกั ในสถานศกึ ษา • กรณศี ึกษา โรงเรยี นวดั ถนน ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จงั หวัดอ่างทอง “เรือ่ งภัยพิบัตถิ อื ว่าเป็นหนา้ ทห่ี ลกั ของโรงเรยี นและครูอยู่แล้วในการดูแลความปลอดภัยในชีวติ และทรัพยส์ ิน ของนกั เรยี น อันหนึ่งถือวา่ เปน็ การปฏบิ ัติโดยหน้าท่ี และสองถือวา่ เป็นการปฏิบัติโดยสามัญสำนึกของความ เปน็ ครูท่ีจะต้องดแู ลเรอ่ื งเหลา่ น้”ี (นายวทิ ยา รัตนธารากร ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนวดั ถนน จ. อ่างทอง, 2560) • กิจกรรมสอนว่ายน้ำ กิจกรรมสอนให้นักเรยี นทุกคนว่ายน้ำ เมื่อปี 2538 มีเหตุการณ์น้ำท่วม ใหญ่ เนอื่ งจากโรงเรยี นและชมุ ชนเป็นพื้นที่ท่อี ยตู่ ิดแม่นำ้ เจ้าพระยาแต่เดิมเดก็ ทุกคนจะว่ายนำ้ เป็น เพราะบ้านอยู่ติดแมน่ ้ำ แตเ่ มื่อปี 2538 เหตกุ ารณ์น้ำทว่ มดงั กล่าวทำใหม้ เี ด็กจมน้ำเสียชีวติ ทำให้ ผู้ปกครองเด็กส่วนใหญ่ไมก่ ลา้ ท่ีจะให้เดก็ ลงเลน่ น้ำ ทำใหเ้ ด็กจำนวนมากว่ายน้ำไม่เปน็ ถึงแม้จะมีบ้าน อยตู่ ิดรมิ แม่นำ้ ก็ตาม และเม่ือปี 2554 เกิดเหตุการณ์น้ำทว่ มหนกั อกี คร้งั ทำให้ชาวบา้ นจำนวนมาก อพยพครอบครัวหนนี ้ำโดยใช้เรอื ทำใหเ้ กดิ เหตุการณ์เร่ือลม่ มเี ด็กเสียชีวติ จึงทำให้เดก็ ๆ ในชมุ ชน แห่งน้ไี ม่กล้าท่ีจะลงเลน่ น้ำสง่ ผลใหเ้ ด็กส่วนใหญม่ ากถึง 70% ว่ายน้ำไม่เปน็ ทางโรงเรียนจึงไดท้ ำ
กิจกรรมสอนให้เดก็ นกั เรียนวา่ ยน้ำเป็นโดยพาเดก็ ไปฝึกว่าน้ำท่ีสวนน้ำ จ. อยุธยา ทำให้เด็ก ๆ สนุก และชอบกิจกรรมน้ีมาก และยังเป็นประโยชนต์ อ่ ตัวเด็กเวลาเกิดภัยพิบัตินำ้ ท่วมกจ็ ะสามารถเอาตัว รอดได้ • การบรู ณาการหลักสูตรการเรยี นรู้เกย่ี วกบั ภยั พบิ ตั ิ “ทางโรงเรียนได้บูรณาการการเรียนรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติในรายวิชาท่ีเกี่ยวข้องและกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น” (ดร. ทองระยา้ นยั ชติ , 2560) ความรู้เรอ่ื งภยั พิบตั ิ มีการบูรณาการเขา้ กับทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ เช่น วิชา คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม สขุ ศึกษา เปน็ ตน้ วชิ าคณิตศาสตร์ ครูสอนโดยกำหนดโจทย์ปญั หาเก่ียวกบั ภยั พิบัติ วิชาวทิ ยาศาสตรจ์ ะเรยี นรู้ เกยี่ วกบั กระบวนการเปลย่ี นแปลงของ โลกทสี่ ง่ ผลกระทบทำให้เกดิ ดินโคลนถลม่ น้ำท่วม ฯลฯ วชิ าสุขศึกษา จะใหค้ วามรเู้ กี่ยวกับชวี ติ ปลอดภัย การเอาตวั รอด เมื่อเกิดภยั พิบัติ วิชาภาษาตา่ งประเทศ ครูจะสอนคำศัพท์ ตา่ งๆ เกยี่ วกับภยั พิบตั ิ วชิ าการงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยมี กี ารสอนใหน้ ักเรยี น ทาเสือ้ ชูชพี จากขวดน้ำ พลาสตกิ ทเ่ี หลือใช้ รองเท้าบูททำจากถงุ ดำ เป็นต้น • การซ่อมแซมอาคารสถานที่และสรา้ งแนวคนั ดนิ เน่อื งจากทางโรงเรยี นมพี น้ื ที่ติดกบั แมน่ ำ้ เวลามีฝนตกหนกั น้ำไหลหลากกจ็ ะทำใหน้ ำ้ ลน้ ตลิง่ เขา้ มาในโรงเรียน ทางโรงเรียนได้งบประมาณมาช่วยเหลือจากองค์การบริหารส่วนตำบลเรอ่ื งภัยพิบตั อิ ทุ กภัย แต่ทางโรงเรยี น ไม่ไดน้ ำเงนิ ไปสร้างอาคารสงิ่ กอ่ สร้าง แต่ได้นำงบประมาณทไ่ี ดม้ าสร้างคันดินเปน็ แนวกันนำ้ ทว่ มตลอดแนวฝ่ัง แม่นำ้ ทำให้มกี ารขยายผลสรา้ งคนั ดินกั้นนำ้ รมิ แมน่ ้ำตลอดสายทง้ั ชมุ ชน ทำใหส้ ามารถแก้ไขปญั หาน้ำทว่ มของ โรงเรยี นและชมุ ชนได้เป็นอย่างดี
• เสียงสะทอ้ นจากนักเรียน จากการสมั ภาษณ์พบว่า นกั เรยี นมีความเข้าใจในแนวทางการเตรยี มความพรอ้ มกบั ภยั พบิ ตั ทิ อ่ี าจตอ้ ง เผชิญ ตัวอยา่ งความเหน็ ของนักเรยี นเมื่อตอ้ งประสบภัยพบิ ตั ิ ดงั นี้ “ถ้าเกิดน้ำทว่ ม ใหเ้ ก็บของขึ้นทส่ี งู จบั ราวบันไดอย่างชา้ ๆ ไม่วิ่ง เช็คเพ่อื นในหอ้ งว่าครบมั้ย แลว้ ไปท่จี ดุ รวม พล ครโู ทรแจ้งผปู้ กครอง” “หากมคี นจมนำ้ ใหค้ นเห็นคนตกน้ำตะโกน “ช่วยดว้ ยๆ! มีคนจมนำ้ ไม่ต้องตกใจ ตขี าไว้ เตะขาไว้ มีคนมา ช่วยแลว้ ” แล้วชว่ ยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องตน้ เชน่ mount to mount โดยยกคางขน้ึ เลก็ นอ้ ยให้หายใจ สะดวกข้ึน เรียกชื่อเร่ือย ๆ จนกว่าจะฟื้น และรีบพาไปโรงพยาบาล ” “ถ้าเกดิ ไฟไหม้ ให้ห้ิวนำ้ เปน็ ทอดๆแล้วคนสุดทา้ ยกเ็ อาน้ำมาสาดเพ่ือดับไฟ”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112