Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20001-1002 (4)

20001-1002 (4)

Published by bbcmarketing5, 2020-10-27 06:09:18

Description: 20001-1002 (4)

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ วิชาพลังงาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อม (Energy, Resources and Environment Conservation) รหสั วิชา ๒๐๐๐๑-๑๐๐๒ รายวชิ าพลงั งาน ทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม จานวน ๒ หน่วยกิต 2–0-2 จุดประสงคร์ ายวชิ า เพื่อให้ 1. เข้าใจหลกั การวิธกี ารปอ้ งกันแกไ้ ข้ ปัญหาและการอนรุ ักษ์พลงั งาน ทรัพยากรและสิง่ แวดล้อม 2. สามารถประยุกต์ใช้หลักการและวธิ ีการเพอ่ื ป้องกนั แก้ไข้ ปญั หาและอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน ทรพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ มในงานอาชีพ 3. มเี จตคตทิ ่ีดีต่อการอนุรกั ษ์พลงั งาน ทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ้ มในงานอาชพี สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับพลังงาน ทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม หลกั การและวิธีการป้องกนั แก้ไขปัญหาและอนรุ ักษพ์ ลงั งาน ทรัพยากรและ สงิ่ แวดลอ้ ม 2. วิเคราะหส์ ภาพปัญหาและผลกระทบท่เี กิดจากการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม 3. วางแผนปอ้ งกนั แก้ไข้ ปัญหาและผลกระทบทีเ่ กิดจากการใช้พลงั งาน ทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ มในงานอาชพี 4. วางแผนการอนุรักษ์พลงั งาน ทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อมในงานอาชีพ คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเก่ียวกับพลังงานทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม ประเภทของพลังงาน ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมความสัมพันธ์ของพลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มกบั การดํารงชีวติ การใชป้ ระโยชนข์ องพลงั งาน พลงั งานทดแทนและทรพั ยากร สถานการณป์ ัญหาและผลกระทบ ท่ีเกิดจากการใช้พลังงานและทรัพยากรแนวทางป้องกันและแก้ไข ปัญหาพลังงาน ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม หลักการและวิธีการอนุรักษ์ พลงั งานทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อม กฎหมายและนโยบายทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

หน่วยท่ี 4

ความหมาย วธิ ีการป้องกนั จุลนิ ทรีย์ใน ประเภท อนั ตราย อาหาร บทบาทของ ความสาคญั จุลินทรีย์

 “จลุ นิ ทรยี ์ (จุลชพี , จุลชวี นั หรอื จุลชวี นิ ; microorganism)” หมายถงึ สงิ่ มชี วี ติ ทม่ี ขี นาดเลก็ มาก อาจมเี ซลลเ์ ดยี ว (Unicellular organism) หรอื หลายเซลล์ (Multicellular organism) ไมส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ว้ ยตา เปลา่ ตอ้ งอาศยั กลอ้ งจุลทรรศน์ ชว่ ยในการมองเหน็

 จุลินทรยี ์เป็นส่งิ มชี ีวิตขนาดเล็กท่ปี ระกอบด้วยส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว หรอื สง่ิ มชี วี ติ หลายเซลล์ ไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงของเซลลเ์ พ่อื ทาหน้าท่ี เฉพาะเหมอื นในสงิ่ มชี วี ติ ชนั้ สงู

 แบคทเี รยี (Bacteria)  ฟังไจ (Fungi)  เหด็ (Mushroom)  ยสี ต์ (Yeast)  รา (mold)  โปรโทซวั (Protozoa)  สาหรา่ ย (Algae)  ไวรสั (Virus)

 จลุ นิ ทรยี ม์ ปี ระโยชน์  จลุ นิ ทรยี ก์ อ่ โรค

 การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นการผลติ อาหาร  การใชจ้ ุลนิ ทรยี ใ์ นอุตสาหกรรม  การใชจ้ ุลนิ ทรยี ใ์ นการผลติ เชอ้ื เพลงิ  การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นการบาบดั น้าเสยี  การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นการยอ่ ยสลายสารอนิ ทรยี แ์ ละเพม่ิ ความอุดมสมบรู ณ์ใหแ้ กด่ นิ  การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นการผลติ สารปฏชิ วี นะและวคั ซนี  การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นการเกษตร

จุลนิ ทรยี จ์ ะทาใหเ้ กดิ โรคแก่สง่ิ มชี วี ติ ท่มี นั เข้าไปอาศยั อย่หู รอื ท่ี เรยี กวา่ โฮสต์ ได้ โดยมกี ลไกทจ่ี ะเอาชนะระบบภมู คิ มุ้ กนั ของโฮสต์ ถา้ โฮสต์มคี วามตา้ นทานสูงกว่า ภูมคิ ุม้ กนั นนั้ จะสามารถทาลาย จลุ นิ ทรยี เ์ หล่านนั้ ไดแ้ ละไมเ่ กดิ โรค



 ปอดบวม (Diplococcus pneumonia)  วณั โรค (Mycobacterium tuberculosis)  โรคเรอ้ื น (Mycobacterium leprae)  บาดทะยกั (Clostridium tetani)  อหวิ าตกโรค (Vibrio cholera)  ไทฟอยด์ (Salmonella typhi)  บดิ (Shigella dysenteriae)  ซฟิ ิลสิ (Treponema pallidum)  คอตบี (Corynebacterium diphtheria)  ไอกรน (Bordetella pertussis)

 โรคกลวั น้าหรอื โรคพษิ สนุ ขั บา้ (Rabies virus)  ไขเ้ ลอื ดออก (Dengue virus)  ไขสนั หลงั อกั เสบ (โปลโิ อ; Poliovirus)  หดั (Measles virus)  หดั เยอรมนั (Rubella virus)  คางทมู (Mump virus)  ไขห้ วดั (Rhinovirus)

 ไขห้ วดั ใหญ่ (Influenza virus)  เรมิ (Herpers simplex virus)  อสี กุ อใี สและงสู วดั (Varicella - Zoster virus)  ฝีดาษ (Variola virus)  ตบั อกั เสบชนิดเอ (Hepatitis A virus)  ตบั อกั เสบชนิดบี (Hepatitis B virus)  เอดส์ (Human immunodeficiency virus; HIV)

 โรคผวิ หนังจากเช้อื รา เดอร์มาโต ไมโคซสี (Dermato mycoses) หรอื คแู ทเนียส ไมโคซสี (Cutaneous mycoses) เช่น โรคกลาก เกลอ้ื นตามผวิ หนัง เล็บแ ละ ผม เกิดจา กเ ช้ือ ไมโ ค รส ปอ รัม (Microsporum), ไ ต ร โค ไ ฟ ตัน (Trichophyton) และอพิ เิ ดอรโ์ มไฟตนั (Epidermophyton)  โรคในเน้ือเยอ่ื ใตผ้ วิ หนงั ลงไป เรยี กวา่ ดพี ไมโคซสี (Deep mycoses) หรอื ซบั คทู าเนียส ไมโคซี (Subcutaneous mycoses) เกดิ จากเชอ้ื บลาสโทไม ซสี (Blastomyces), ฮที โตพลาสมา (Histoplasma), สปอโรไตรชมั (Sporotrichum)

 มบี ทบาทสาคญั ในอุตสาหกรรมอาหารหมกั  มบี ทบาทสาคญั ในการเน่าเสยี ของอาหาร

 โรคอาหารเป็นพษิ (Food borne intoxication)  โรคตดิ เชอ้ื จากอาหาร (Food borne infection)

 การปนเป้ือนจากดนิ  การปนเป้ือนจากน้า  น้าผวิ ดนิ เชน่ น้าจากหว้ ยหนองคลองบงึ แมน่ ้า  น้าใตด้ นิ หรอื น้าบาดาล  น้าในบรรยากาศ

 การถนอมอาหาร  การจดั การอาหารอยา่ งเหมาะสม

 การถนอมอาหาร  การถนอมอาหารโดยใชค้ วามรอ้ น  การถนอมอาหารโดยใชค้ วามเยน็  การถนอมอาหารโดยการทาแหง้  การถนอมอาหารโดยวธิ กี ารฉายรงั สี  การใชค้ วามดนั

 การถนอมอาหาร  การถนอมอาหารโดยใชค้ วามรอ้ น  พาสเจอไรเซชนั (Pasteurization)  สเตอรไิ ลเซชนั (Sterilization)  การลวก (Blanching)

 การถนอมอาหาร  การถนอมอาหารโดยใชค้ วามเยน็  Chilling storage  Cold storage  การแชเ่ ยน็ แขง็ อยา่ งชา้ ๆ  การแชเ่ ยน็ แขง็ อยา่ งรวดเรว็

 การถนอมอาหาร  การถนอมอาหารโดยการทาแหง้  การทาแหง้ โดยอาศยั ธรรมชาติ  การทาแหง้ โดยอาศยั เครอ่ื งทาแหง้

 การจดั การกระบวนการเลอื กซอ้ื  การจดั การกระบวนการเกบ็  การจดั การกระบวนการเตรยี ม  การจดั การกระบวนการปรงุ  การจดั การกระบวนการเสริ ฟ์  การจดั การอาหารทเ่ี หลอื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook