Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore AnnualDHF__2015FINAL

AnnualDHF__2015FINAL

Published by sukanya111, 2018-03-29 11:54:44

Description: AnnualDHF__2015FINAL

Search

Read the Text Version

7. หลงั การใช้ ใหร้ ีบลา้ งมือ หรอื ช�ำระรา่ งกายท�ำความสะอาดทุกคร้งั 8. หา้ มท้งิ ภาชนะบรรจทุ ีใ่ ชห้ มดแลว้ ลงในแม่น�้ำ คู คลอง แหล่งน�ำ้ สาธารณะ และหา้ มเผาไฟ จะเกิดอนั ตราย (การระเบิด)ควรแยกท้งิ ในทีท่ ิ้งขยะใหเ้ รียบรอ้ ย 6. การแกพ้ ษิ เบื้องต้นและการปฐมพยาบาล ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามค�ำแนะน�ำทป่ี รากฏในฉลากขา้ งกระปอ๋ ง หากผปู้ ว่ ยมอี าการมาก ตอ้ งน�ำไปพบแพทยใ์ หน้ �ำภาชนะบรรจไุ ปดว้ ยเพื่อประกอบการวินิจฉัยรักษาการใช้สารซกั ล้างก�ำจัดยุงลาย เป็นอีกวิธีหน่ึงท่ีใช้ก�ำจัดยุงลายตัวเต็มวัยโดยใช้สารซักล้าง คือการใช้สารลดแรงตึงผิว หรือสารซักล้างท�ำความสะอาดภาชนะ วัดสุเคร่อื งใช้และช�ำระลา้ งรา่ งกายตา่ งๆ ในชวี ิตประจ�ำวันของครวั เรือนทว่ั ๆ ไป เช่น น�้ำยาลา้ งจาน แชมพูสระผม ผงซักฟอก สบู่เหลวเปน็ ตน้ ในดา้ นการก�ำจดั แมลงสารลดแรงตงึ ผวิ เหลา่ นม้ี คี ณุ สมบตั จิ บั เปยี ก กระจายตวั ปกคลมุ และปดิ กน้ั ระบบหายใจของตวั แมลง ท�ำให้เยื่อบุรูหายใจ (spiracle) ของแมลงสูญเสียสภาพการควบคมุ ความสมดลุ ของน้ำ� ภายในตวั แมลง (dehydration) และท�ำใหแ้ มลงตายในท่สี ุด โดยมวี ิธีใช้ดงั น้ีการเตรียมและใช้สารลดแรงตงึ ผวิ (สารซักลา้ ง) ก�ำจดั ยุงดว้ ยกระบอกฉีดน�้ำพรมผ้า ก. การฉีดพ่นก�ำจัดยุงลาย          1) การฉีดพ่นก�ำจัดยุงลายท่ีเกาะพักบริเวณแหล่งน้�ำ หรือบริเวณที่ช้ืน  เช่น ในห้องน�้ำ หรือตามผนังภายในภาชนะ/วัสดุที่เกบ็ ขงั น�ำ้ ต่างๆ การเตรยี ม เจอื จางน้�ำยาล้างจานกบั น�ำ้ เปลา่ ในอัตราสว่ นผสมน้ำ� ยาลา้ งจาน  1 ชอ้ นชาผสมกับนำ�้   1 ลติ ร การใช้ ฉดี พ่นตอ่ เนอ่ื งไปทก่ี ลุ่มยงุ (direct  spray) ท่เี กาะพกั ตามมุมผนงั ในห้องน้�ำหรือภาชนะ/วสั ดุท่ีเปน็ แหล่งเพาะพันธ์ุของยงุ ลายจะเห็นวา่ ยงุ ตกจมนำ�้ ตายทนั ที          2) การฉดี พน่ ก�ำจดั ยงุ ลายทพี่ บเหน็ เกาะพกั เปน็ กลมุ่ ตามซอกมมุ บา้ นหรอื บรเิ วณกองผา้  ผา้ หอ้ ยแขวนหรอื บรเิ วณทเ่ี กบ็ หมอนม้งุ ใกลท้ ี่นอนหรอื หอ้ งนั่งเล่น การเตรียม เจอื จางน้�ำยาล้างจานกบั น�้ำเปลา่ ในอัตราส่วนผสมนำ�้ ยาล้างจาน 1 สว่ นผสมกับน�้ำ 4  สว่ น ส�ำหรบั เร่ิมทดลองใช้คร้ังแรกและหลังจากใช้ได้คล่องดีแล้วสามารถเจือจางลงได้ถึง 20 เท่าเมื่อใช้กับอุปกรณ์ฉีดพ่นขนาดใหญ่ข้ึน หรือใช้ฉีดซ้�ำๆ ไปท่ีกลุ่มแมลงก็หวังผลก�ำจดั ได้เช่นกัน การใช้ ฉดี พ่นตอ่ เน่ืองไปท่ีกล่มุ ยุง (direct spray) ท่พี บเหน็ เกาะเป็นกลุม่ ตามบริเวณต่างๆ  ดังกล่าว ค. การโฉบจับยงุ ลาย (Swoop plate) บบี น�ำ้ ยาลา้ งจานเลก็ น้อยพอใหท้ ัว่ พน้ื จานพลาสตกิ ขนาดพอเหมาะ ส�ำหรบั มอื โฉบ ใชจ้ ับยงุ ทบ่ี ินมารบกวนใกลๆ้ ตัวซึ่งเปน็เทคนคิ เดยี วกับการใชไ้ มแ้ บตชอ๊ ตยงุ แตว่ ิธีนีย้ งุ ลายจะถูกจบั ตายอย่ทู ีพ่ นื้ จานการควบคมุ และก�ำจดั ลกู น�้ำยงุ ลายโดยใชส้ ารเคมี 1. ทรายก�ำจดั ลกู น�ำ้ คือ ทรายท่ีเคลือบดว้ ยสารเคมีท่มี ีช่อื สามญั ว่า ทมี ีฟอส (Temephos) ซง่ึ เปน็ สารเคมสี งั เคราะห์ในกลมุ่ ออรแ์ กโนฟอสเฟต(Organophosphates) มฟี อสฟอรสั เปน็ องคป์ ระกอบส�ำคญั คณุ สมบตั ทิ ดี่ ขี อง “ทมี ฟี อส” คอื เปน็ พษิ สงู ตอ่ ตวั ออ่ นของยงุ รนิ้ ฝอยทรายแมลงหวี่ขน ริน้ ด�ำ และเหา แม้วา่ “ทมี ฟี อส” จะมีพิษน้อยต่อคนและสัตวเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมอืน่ ๆ แต่ “ทมี ีฟอส” มีความเปน็ พิษสูงตอ่ นกหลายชนิด เช่น ไก่ฟ้า นกกระทา นกเขา และเป็ด (พาลาภ, 2537) แต่หากใช้ในปริมาณที่แนะน�ำพิษจะไม่รุนแรงต่อสัตว์ปีกเหล่าน้ีนอกจากนพ้ี ษิ ตอ่ ปลาคอ่ นขา้ งตำ�่ มากยกเวน้ ปลาเทรา้ (Rainbow trout) จะมคี วามไวตอ่ สารสงู มาก และยงั มรี ายงานวา่ ปลาตระกลู ปลาไนก็มคี วามไวต่อสารเคมีน้เี ชน่ กันดงั น้ันควรระวังสตั ว์เหลา่ น้ดี ว้ ยเวลาใช้ทราย ส�ำหรบั การทดสอบความเปน็ พษิ ของทมี ฟี อสในอาสาสมคั รเพศชายโดยการใหท้ างปากทอี่ ตั รา 256 มก.ตอ่ คนตอ่ วนั เปน็ เวลา 5 วนัหรือให้ทางปากท่ีอัตรา 64 มก. ต่อคนต่อวัน เป็นเวลา 28 วันไม่ปรากฏว่ามีอาการทางคลินิกหรืออาการข้างเคียงใดๆ และไม่มีการ ยบั ยงั้ พลาสม่าหรือ erythrocyte cholinesterase (4-5) คมู่ อื วิชาการโรคติดเชอื้ เดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี 89 ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

ในการปอ้ งกนั และก�ำจดั ลกู นำ�้ ยงุ ลายนน้ั องคก์ ารอนามยั โลกไดแ้ นะน�ำใหใ้ ช้ “ทมี ฟี อส” ชนดิ เคลอื บเมด็ ทรายทมี่ สี ารออกฤทธิ์ 1%อัตราการใช้คือ ทรายหนกั 1 กรัมตอ่ นำ�้ 10 ลิตร ซึ่งเม่อื ละลายนำ�้ แลว้ จะมีความเขม้ ขน้ ของสารออกฤทธ์ิเท่ากบั 1 มิลลกิ รัม ต่อลติ รหรอื 1 ppm (สารออกฤทธิ์ 1 ส่วนตอ่ นำ้� 1 ลา้ นสว่ น) หากใช้ทรายเคลือบทีมฟี อสตามอัตราที่ก�ำหนดใหน้ ้ี จะไม่มอี ันตรายตอ่ ผบู้ ริโภคการใส่ทรายเคลือบทมี ีฟอส 1 กรัมลงในน้ำ� 10 ลิตรนัน้ สารออกฤทธ์ิจะค่อยๆเจอื จางไปในน�้ำจนมคี วามเข้มขน้ ประมาณ 1 ppm แมว้ า่จะบรโิ ภคนำ้� 10 ลติ รนน้ั ในคราวเดยี วกนั กจ็ ะไมม่ อี นั ตรายแตอ่ ยา่ งใดและสารเคมจี ะถกู ขบั ออกทางปสั สาวะและเหงอ่ื ในทส่ี ดุ ตามปกติจะถกู ขจดั ออกหมดภายใน 24 ช่วั โมง ตามปกตทิ รายเคลอื บทมี ฟี อสทไี่ ดม้ าตรฐานจะไมป่ ลดปลอ่ ยสารออกฤทธทิ์ งั้ หมดออกมาในคราวเดยี วกนั หลงั จากใสล่ งในภาชนะแตจ่ ะคอ่ ยๆ ปลดปลอ่ ยออกมาทลี ะนอ้ ยแตก่ ม็ ฤี ทธส์ิ ามารถฆา่ ลกู นำ้� ไดแ้ ลว้ และสามารถก�ำจดั ลกู นำ้� ยงุ ลายไดน้ านถงึ 3 เดอื นเพราะคอ่ ยๆปล่อยสารทีมีฟอสออกมา แต่เราพบว่าในท้องตลาดมีทรายเคลือบทีมีฟอสไม่ได้มาตรฐานจ�ำหน่ายอยู่หลายย่ีห้อด้วยกันทรายเหล่าน ้ี เมื่อใส่ลงไปในภาชนะเก็บกักน�้ำจะเกิดการละลายปลดปล่อยสารเคมีออกมาทีเดียวหมดเลย โดยสังเกตได้จากความขุ่นขาวของน�้ำ ในภาชนะ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากส่วนประกอบของสารเคมีท�ำปฏิกริยากับน�้ำมากจึงเห็นเป็นสีขาวขุ่นมากซ่ึงสารท่ีท�ำปฏิกริยาน้ีคือ สารอมิ ลั ซไิ ฟเออร์ (emulsifier) ซง่ึ ท�ำหนา้ ทเี่ ชอื่ มใหโ้ มเลกลุ ของสารทมี ฟี อสซงึ่ มคี ณุ สมบตั เิ ปน็ สารประเภทนำ้� มนั ใหล้ ะลายเขา้ กบั นำ�้ ได้ แต่การทส่ี ารถกู ปลดปลอ่ ยออกมาหมดแสดงวา่ บรษิ ทั ผผู้ ลติ ไมไ่ ดใ้ สส่ ารทที่ �ำหนา้ ทเี่ ปน็ กาว (binder) เขา้ ไปดว้ ยในกระบวนการผลติ ท�ำให้สารเคมที ง้ั หมดหลดุ ออกจากเมด็ ทรายทท่ี �ำหนา้ ทเี่ ปน็ แกนใหส้ ารเกาะในคราวเดยี ว ซง่ึ ผดิ หลกั การขององคก์ ารอนามยั โลกทต่ี อ้ งใหท้ รายคอ่ ยๆ ปลดปลอ่ ยสารออกมา เพอ่ื ใหท้ รายสามารถออกฤทธไิ์ ดน้ านถงึ 3 เดอื น หากทรายปลดปลอ่ ยสารออกหมดทเี ดยี วเวลาประชาชนใชน้ ำ้� สารกจ็ ะถกู ตกั ออกหมด สารทมี ฟี อสอาจหมดไปจากภาชนะในเวลาอนั รวดเรว็ ท�ำใหไ้ มส่ ามารถมฤี ทธนิ์ านตามทต่ี อ้ งการ และการก�ำจดั ลกู น้ำ� กจ็ ะไม่ไดผ้ ล แม้ว่าการใส่ทรายเคลือบทีมีฟอสลงในโอ่งน้�ำด่ืมเพื่อก�ำจัดลูกน�้ำยุงลายจะปลอดภัยต่อผู้ใช้น�้ำ แต่ทรายเคลือบทีมีฟอสมีราคา คอ่ นขา้ งแพงและยงั หาซอ้ื ยาก ดงั นนั้ การปอ้ งกนั และควบคมุ ลกู นำ�้ ยงุ ลายในโอง่ นำ�้ ดม่ื จงึ ควรใชว้ ธิ ที างกายภาพ เชน่ การปดิ ปากโอง่ ดว้ ยผา้ ขาวบาง ผา้ มงุ้ หรอื ตาขา่ ยไนลอ่ น แลว้ จงึ ปดิ ทบั ชนั้ นอกดว้ ยฝาอะลมู เิ นยี มเพอื่ ความสะอาดของนำ้� (การปดิ ปากโอง่ ดว้ ยฝาอะลมู เิ นยี มเพยี งอยา่ งเดียวไม่สามารถปอ้ งกันยุงลายลงไปวางไข่ได้รอ้ ยเปอร์เซน็ ต์) นอกจากนี้ ควรช่วยกนั ลดความสิ้นเปลืองในการใช้ทรายเคลอื บทมี ฟี อส โดยใสท่ รายเคลอื บทมี ฟี อสเฉพาะในภาชนะเกบ็ นำ�้ ทป่ี ดิ ฝาไมไ่ ดห้ รอื ภาชนะทไี่ มส่ ามารถใชว้ ธิ กี ารใดๆในการควบคมุลกู น�ำ้ ยงุ ลายได้ เชน่ อ่างซีเมนตข์ นาดใหญใ่ นห้องนำ�้ ซ่ึงใช้เก็บกกั นำ้� ไว้อาบหรือซักล้าง เป็นต้น ภาชนะทไ่ี มค่ วรใส่ทรายก�ำจัดลูกนำ�้ ไดแ้ ก่ ปิดฝาใหม้ ิดชดิ ปดิ ปากโอ่งด้วยตาขา่ ย          โอ่งน้�ำดื่ม ควรใช้วิธี ปดิ ฝาให้มดิ ชดิ ปิดปากโอ่งดว้ ยตาขา่ ย โอ่ง กสช. ควรใช้วิธ ี เปลย่ี นน�้ำทกุ 7 วนั แจกนั ควรใชว้ ิธี เปลี่ยนน�ำ้ ทกุ 7 วัน หรอื ปลูกดว้ ยดินแทนการแชใ่ นน้�ำ ขวดเล้ียงพลูดา่ ง ควรใชว้ ิธ ี ใสเ่ กลือหรอื ผงซักฟอกหรือน้ำ� สม้ สายชหู รือเติมน�ำ้ เดือดทกุ 7 วัน ถว้ ยหล่อขาตกู้ บั ข้าว ควรใช้วธิ ี หรือใส่สารซกั ลา้ งทม่ี ีอยใู่ นครัวเรือนประเภท ต่างๆ เชน่ นำ้� ยาลา้ งจาน เทน�ำ้ ทีข่ งั ออกทกุ 7 วนั หรอื ใส่ทรายธรรมดาให้ลึก 3/4 ส่วนของจาน จานรองกระถางตน้ ไม้ ควรใชว้ ิธ ี เจาะรู, น�ำไปดดั แปลงใช้ประโยชน์โดยไมใ่ หข้ งั นำ�้ ได้, ใสส่ ารซักลา้ ง ยางรถยนตเ์ กา่ ควรใช้วธิ ี ทม่ี อี ยใู่ นครวั เรอื นประเภทตา่ งๆ เชน่ นำ้� ยาลา้ งจาน, น�ำมาวางซอ้ นกนั แนวตงั้ หลายๆ ชนั้ แลว้ เอาผา้ พลาสตกิ คลมุ อนั บนสดุ แลว้ มดั ชายไมใ่ หน้ ำ�้ ฝนหรอื ยงุ เขา้ ไปได้ ใส่ปลากินลูกนำ้� อา่ งบวั ควรใชว้ ธิ ี เก็บเศษใบไม้ทอ่ี ุดตนั ในรางทง้ิ ไปเพือ่ ระบายน้ำ� ออก รางน�ำ้ ฝนอดุ ตนั ควรใช้วธิ ี หมายเหตุ 1. หากใช้ผ้าห่อทรายก่อนใส่ลงในภาชนะเก็บกักน�้ำ เพื่อให้สะดวกในการท�ำความสะอาดภาชนะต่อไป ไม่ควรห่อให้แน่นมากควรหอ่ หลวมๆเพอื่ ใหน้ ำ้� สามารถเขา้ ไปละลายสารทมี ฟี อสทเ่ี คลอื บเมด็ ทรายทอี่ ยใู่ นๆ ไดส้ ะดวก มฉิ ะนน้ั สารจะไมส่ ามารถถกู ปลดปลอ่ ยออกมาได้90 คูม่ ือวชิ าการโรคติดเช้ือเดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

2. การใส่ทรายควรใส่ให้ครบตามปริมาณทีแ่ นะน�ำ โดยดูตามปริมาตรน�้ำท่สี ามารถเก็บกกั ได้ เช่น หากโอง่ น้ำ� ทพ่ี บมีนำ้� อยู่ครง่ึโอง่ กต็ อ้ งพจิ ารณาดว้ ยวา่ ตอ่ ไปเราตอ้ งเปดิ นำ้� ใสใ่ หเ้ ตม็ โอง่ ตอ่ ไปหรอื ไม่ หากตอ้ งใสใ่ หเ้ ตม็ โอง่ ตอ่ ไปหลงั จากนน้ั เรากค็ วรใชท้ รายเทา่ กบัที่ตอ้ งใส่เม่อื มนี ำ้� เต็มโอง่ (โอง่ มงั กรขนาดท่วั ไปจะจนุ ำ�้ ประทาณ 200 ลติ ร ดังน้นั ต้องใสท่ ราย 20 กรมั แหล่งนำ�้ ท่มี ลี ูกน้�ำยงุ ชนดิ อน่ื เพาะพนั ธอุ์ ยู่และไม่ควรใสท่ รายก�ำจัดลูกน�้ำ ได้แก่ ท่อระบายน้�ำ ควรใช้วธิ ี ระบายน�้ำออก อย่าปลอ่ ยใหท้ ่ออุดตนั หลมุ บ่อ แอ่งน้�ำ ควรใชว้ ิธ ี กลบ ถมด้วยดนิ หรอื ทรายหมายเหต:ุ การใสท่ รายเคลอื บทีมีฟอสในแหลง่ น�ำ้ สกปรกที่มีตะกอนของสารแขวนลอยมากจะท�ำใหท้ รายถกู ทับถมโดยตะกอนเหลา่ นี้จนท�ำให้สารทีมีฟอสท่ีเคลือบเม็ดทรายไม่สามารถละลายออกมาได้ ดังน้ันจึงไม่สามารถควบคุมลูกน้�ำได้ ท�ำให้เกิดการสิ้นเปลือง โดยเปล่าประโยชน์) 2. การใช้เกลือแกง นำ้� สม้ สายชู ทงั้ 2 อย่างเป็นของคบู่ ้าน/คู่ครัว ทสี่ ามารถน�ำมาใช้ในการควบคมุ และก�ำจัดลูกน้�ำยงุ ลายได้โดยเฉพาะทีถ่ ้วยหลอ่ ขาตูก้ ับขา้ ว - ควรใช้นำ้� สม้ สายชไู มน่ ้อยกวา่ 1 ช้อนชาครงึ่ ตอ่ หนงึ่ ถ้วยหลอ่ ขาตู้ - ใสเ่ กลอื 2 ชอ้ นชาในถว้ ยหล่อขาตกู้ บั ข้าวขนาดความจุ 250 มิลลิลิตร พบว่าควบคมุ ลูกน้�ำไดน้ านมากกว่า 7 วนั 3. การใช้สารซกั ล้าง (ผงซักฟอก หรอื นำ้� ยาซกั ล้างทว่ั ไป) การก�ำจดั ตวั โม่งและลกู น้ำ� ยุงลายในภาชนะ/วัสดุขังน้ำ� ขนาดเล็กเช่น จานรองกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์ จานรองขาตู้กับข้าวและวัสดุเหลือใช้ท่ีขังน�้ำฝนรอบๆ บ้าน เป็นต้น โดยใช้ผงซักฟอกโรยลง ในแหล่งเพาะพนั ธ์ุต่างๆ โดยตรงในอตั ราส่วน  ผงซกั ฟอก 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ ปรมิ าณความจุของนำ้� ในแหลง่ เพาะพนั ธ์ุปรมิ าณ 2 ลติ รจะเห็นว่าผงซักฟอกจะแพร่กระจายปกคลุมทั่วผิวน้�ำ เม่ือลูกน�้ำและตัวโม่งของยุงลาย ซึ่งจ�ำเป็นต้องขึ้นมาหายใจ จะดูดซับเอาสาร เข้าสรู่ ะบบหายใจท�ำให้ระคายเคืองตอ่ ระบบ และค่อยๆ ตายในทส่ี ุด 4. การใชส้ ารยับยง้ั การเจริญเติบโต (Insect Growth Regulator หรือ IGR) มีใหเ้ ลือกใช้ 2 ประเภท คือ 1. สารเคมสี ังเคราะห์เลยี นแบบ juvenile hormone เปน็ สารทย่ี บั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตเปลยี่ นจากระยะลกู นำ�้ เปน็ ระยะดกั แด้ ลูกน้�ำจะตายก่อนทีจ่ ะเปลี่ยนรปู ร่างเป็นดักแด้ได้ หรือหากสามารถเปลี่ยนรปู ร่างเปน็ ระยะดักแด้ได้ ส่วนใหญก่ ็จะตายคาระยะดกั แด้ ในบางครง้ั หากดกั แดย้ งั มชี วี ติ รอดและเจรญิ ไปจนถงึ ระยะลอกคราบเปน็ ยงุ ตวั เตม็ วยั ได้ ยงุ ทเี่ กดิ ขนึ้ กม็ กั ไมแ่ ขง็ แรงมกั สงั เกตเหน็ตายคาคราบดกั แดเ้ สมอ สารนท้ี พ่ี บมีจ�ำหนา่ ย ไดแ้ ก่ Methopren เปน็ ต้น 2. สารเคมสี งั เคราะหเ์ ลยี นแบบ Ecdysoid hormone ยบั ยง้ั การแขง็ ตวั ของไคตนิ (ไคตนิ คอื เปลอื กแขง็ ทห่ี อ่ หมุ้ ล�ำตวั แมลง)หลังจากลูกนำ�้ ลอกคราบเปลีย่ นระยะและสลดั คราบเกา่ ออกแลว้ ดังน้ันล�ำตัวของลูกน�้ำจะอ่อนนม่ิ ไมม่ เี ปลือกแขง็ เกิดขึ้นท�ำใหก้ ารว่ายน้�ำและกระบวนการต่างๆ ไม่สามารถเกิดข้ึนได้ ท�ำให้ลูกน้�ำตายในที่สุด สารนี้จะออกฤทธิ์ได้กับลูกน�้ำทุกระยะเน่ืองจากระยะลูกน้�ำม ี 4 ระยะ สารน้ีท่ีพบมีจ�ำหน่าย ได้แก่ Diflubenzuron เปน็ ต้นข้อควรระวงั 1. การใช้สารท้ังสองชนิดน้ีไม่ควรใช้ในแหล่งน�้ำธรรมชาติที่มีกุ้ง และแมลงในน้�ำอื่นที่มีประโยชน์อาศัยอยู่ เนื่องจากเป็นสัตว์ ทีต่ อ้ งมีการลอกคราบเพือ่ เจรญิ เติบโตเช่นกนั จะท�ำให้สัตว์เหล่านส้ี ูญพันธุไ์ ด้ ท�ำใหเ้ กดิ การเสยี สมดุลย์ของระบบนิเวศน์ได้ 2. หากจะใช้สารน้คี วบคุมลูกนำ้� ยุงร�ำคาญ (ยงุ น้�ำคร�ำ Culex Quinquefasciatus) ควรพจิ ารณาใช้เปน็ จดุ ๆ ไปไม่ควรใชอ้ ยา่ งหวา่ นแหทุกพน้ื ที่ เพอ่ื ป้องกันการเกดิ การต้านทาน และที่ส�ำคญั ลูกน้�ำยุงร�ำคาญไมไ่ ดม้ ีในทุกแหล่งท่มี ีนำ�้ เนา่ น้ำ� คร�ำ ต้องท�ำการส�ำรวจกอ่ นว่ามลี ูกนำ้� หรือเปล่า 3. ไม่ควรใช้ในท่อระบายน้�ำท่ีสามารถระบายน้�ำได้หมดโดยไม่มีช่วงน�้ำขัง เนื่องจากถ้าน้�ำไหลตลอดเวลาจะท�ำให้กระแลน้�ำพัดสารยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตไปหมดและอาจไหลลงสแู่ หลง่ นำ�้ ธรรมชาตไิ ด้ ทส่ี �ำคญั แมย่ งุ จะไมส่ ามารถวางไขใ่ นนำ้� ทไ่ี หล รวมทงั้ ลกู นำ�้ กจ็ ะไมส่ ามารถอาศัยอยไู่ ดเ้ ช่นกนั 4. ต้องใชค้ วามเข้มขน้ ใหถ้ ูกต้องอย่างเครง่ ครดั เพอ่ื ความปลอดภัยของส่ิงแวดล้อม และที่ส�ำคัญสารเคมีชนิดนี้มีราคาคอ่ นขา้ งแพงมากจงึ ควรใชอ้ ยา่ งประหยัดตามความจ�ำเปน็ อย่างมีเหตผุ ล คมู่ ือวชิ าการโรคตดิ เช้ือเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี 91 ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

เครื่องพน่ สารเคมีท่ใี ชใ้ นงานควบคมุ โรคไขเ้ ลือดออก ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) และยุงลายสวน (Aedes albopictus) เป็นแมลงบินรวมถึงเป็นพาหะน�ำโรคไข้เลือดออก เมือ่ มีการระบาดระบาดของโรคไขเ้ ลือดออกสิง่ ที่จ�ำเป็นอยา่ งยิ่ง คือ การตดั วงจรการแพร่ระบาดของโรค หรอื ลดการแพร่กระจายของโรคใหไ้ ดเ้ รว็ ทสี่ ดุ ซึง่ กค็ ือ การควบคุมยุงลายตัวเต็มวยั โดยการใชส้ ารเคมกี �ำจดั แมลง พ่นดว้ ยเครอื่ งพ่นสารเคมีทไ่ี ด้มาตรฐาน องคก์ ารอนามยั โลกแนะน�ำใหใ้ ชเ้ ทคนคิ การพน่ แบบฝอยละเอยี ด ขนาดเมด็ นำ้� ยาท่ีพน่ ควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 5-27 µm จึงจะมีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ในการก�ำจดั แมลงบนิ เพราะเมด็ นำ้� ยาขนาดนจี้ ะลอยฟงุ้ คลมุ พน้ื ทไ่ี ดน้ าน และไปไดไ้ กลตามกระแสลมธรรมชาตสิ ว่ นเม็ดน�้ำยาที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่านี้จะไม่มีผลต่อแมลงบินในพื้นท่ี เพราะเม็ดน�้ำยาจะลอยหายไปหรือตกลงดินเร็วเกินไป หากพ่น ในทโี่ ล่งหรอื ดา้ นในอาคาร เมด็ น้ำ� ยาท่ีมขี นาดใหญ่กวา่ 50 µm จะตกลงดนิ ภายในเวลาสน้ั ๆ เมือ่ หมดแรงสง่ จากเคร่ืองพ่นน้นั ๆ จึงไม่มีผลต่อแมลงบินเลย องค์การอนามยั โลกก�ำหนดวิธีการพน่ แบบฝอยละเอียดวา่ ควรมีขนาดเมด็ น�ำ้ ยาเล็กกว่า 50 µm เรียก aerosol droplet และวิธีการพ่นแบบฝอยละอองควรมขี นาดเม็ดน�ำ้ ยา 50–100 µm เรยี ก mist droplet ฉะน้ันในการควบคุมยุงลายด้วยสารเคมจี ึงควรใช้เคร่อื งพน่ สารเคมีที่อาจเรยี ก aerosol generator จงึ จะไดผ้ ลดีที่สดุ เครอ่ื งพน่ แบบ aerosol generator บางครั้งอาจเรยี กว่า foggingmachine หรือ fog generator หรอื เครื่องพ่นฝอยละเอยี ด และหากสารเคมที ่ีใชพ้ ่นเป็นแบบความเขม้ ข้นสงู ใชป้ รมิ าณน้อย แตค่ ลมุพืน้ ทีไ่ ดม้ าก กอ็ าจมีชือ่ เรยี กเฉพาะวา่ ULV Technique ซ่งึ ควรมีค่าเฉล่ยี ขนาดละอองน�้ำยา 27 µm ในปี ค.ศ. 1994 Pan AmericanHealth Organization (PAHO) ไดส้ รปุ สาระส�ำคญั เทคนคิ การพน่ สารเคมแี บบ Space Spray ระบบ ULV วา่ เครอ่ื งพน่ ทด่ี คี วรพน่ ขนาดละอองน�ำ้ ยาทม่ี ีคุณสมบัติลอยฟุ้งได้ดใี นบรรยากาศ ซึ่งควรจะมขี นาด 5-27 µm จากข้อมูลดังกลา่ วข้างตน้ อาจสรปุ ได้ว่า เคร่ืองพน่ สารเคมีท่ถี อื วา่ มีคุณภาพตามเกณฑ์ขององคก์ ารอนามัยโลก ควรมขี นาดเมด็น้�ำยาไม่เกิน 100 µm และเครื่องพ่นท่ีมีคุณสมบัตินี้ เรียก “เคร่ืองพ่นสารเคมีแบบฝอยละออง” (Mist Generator) ส่วนเครื่องพ่น ทส่ี ามารถผลติ ละอองนำ้� ยา ขนาดเลก็ กวา่ 50 µm จะมชี อ่ื เฉพาะแตกตา่ งจากนเี้ รยี ก “เครอื่ งพน่ สารเคมฝี อยละเอยี ด” (Aerosol Generator)โดยแบ่งตามขนาดเม็ดน้ำ� ยาทเ่ี ครือ่ งพ่นผลติ ได้ ตามหลกั เกณฑ์ที่องคก์ ารอนามัยโลกแบ่งกลุ่มของขนาดเม็ดน�้ำยา ดงั รายละเอียด ช่ือละอองน�ำ้ ยา ขนาดละอองน้ำ� ยา เฉล่ยี (µM)ฝอยละเอยี ด (Aerosols) < 50ฝอยละออง (Mists) 50 - 100ละอองขนาดเล็ก (Fine Sprays) 100 - 250ละอองขนาดกลาง (Medium Sprays) 250 - 400ละอองหยาบ (Coarse Sprays) > 400 ขนาดเม็ดละอองน้�ำยาท่แี สดงข้างตน้ ทถ่ี อื วา่ มคี ณุ ภาพในการก�ำจดั แมลงบนิ จะมขี นาดเล็กกว่า 100 µm แสดงโดยใชค้ ่าเฉล่ียของขนาดเม็ดน้�ำยาท่ีเคร่ืองพ่นน้ันๆ ผลิตออกมา ฉะนั้นเคร่ืองพ่นสารเคมีท่ีสามารถพ่นขนาดละอองน�้ำยาเฉล่ียไม่เกิน 100 µm ในตา่ งประเทศ จงึ เรยี ก Mist Blower หรอื Mist Generator (เครอ่ื งพน่ ฝอยละออง) ในประเทศไทยเพอื่ แกป้ ญั หาเรอ่ื งมาตรฐานเครอื่ งพน่ เนอ่ื งจากอาจสบั สนจากช่ือในภาษาองั กฤษ เพราะในต่างประเทศ Mists Generator มีคณุ ภาพหรอื ผลิตขนาดเมด็ น้ำ� ยาแตกต่างกนัไปตามความตอ้ งการใชง้ าน ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ การควบคมุ แมลงศตั รพู ชื ทางเกษตร หากตอ้ งการเครอ่ื งพน่ ทม่ี คี ณุ ภาพในการก�ำจดั แมลงบนิ พาหะน�ำโรคในมนษุ ย์หรอื สัตว์ มักเรียก Aerosol Generator ฉะนน้ั ในประเทศไทยจะระบุช่อื “เคร่ืองพน่ ฝอยละเอยี ด” ซ่ึงจะมีคา่ เฉลีย่ ขนาดละอองเม็ดน�้ำยาเล็กกวา่ 50 µm แต่เครอ่ื งพน่ Aerosol Generator มักถูกเรียกรวมอยู่ในกลมุ่ Mists Generator ฉะนนั้ในการจัดหาเครื่องพ่นสารเคมีส�ำหรับควบคุมยุงพาหะน�ำโรค จึงควรเพิ่มคุณสมบัติเคร่ืองพ่นท่ีผลิตเม็ดน้�ำยาให้มีขนาด 5-27 µm ตามมาตรฐานขององคก์ ารอนามยั โลก จึงจะเป็นเคร่ืองพ่นฝอยละเอยี ดระบบ ULV ส่วนเครือ่ งพ่นฝอยละอองจะต้องมีขนาดเม็ดนำ้� ยาเฉลย่ี ไมเ่ กนิ 100 µm คา่ เฉลยี่ ของขนาดเมด็ นำ�้ ยาทงั้ เครอ่ื งพน่ ฝอยละออง และเครอ่ื งพน่ ฝอยละเอยี ด นน้ั องคก์ ารอนามยั โลกไดก้ �ำหนดมาตรฐานการค�ำนวณหา และเรียกค่าเฉลยี่ เม็ดน้�ำยาน้วี ่า “Volume Median Diameter” (VMD) ซ่งึ บอกถงึ ความสัมพนั ธ์ของขนาดละอองน�้ำยากับปริมาณสารเคมีทใ่ี ชพ้ ่น92 คมู่ ือวิชาการโรคติดเช้ือเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

VMD = ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเม็ดน�้ำยาท่ีสมมุติข้ึนว่า ปริมาณน้�ำยาท่ีเคร่ืองพ่นออกมา ครึ่งหนึ่งจะแตกตัวเป็นเม็ดน้�ำยา ทีม่ ีขนาดเลก็ กวา่ ค่า VMD และอกี ครงึ่ ของปริมาณนำ้� ยาจะแตกตวั เปน็ เมด็ น�ำ้ ยาท่มี ขี นาดใหญ่กว่า ค่า VMD ภาพท่ี 11.1 การแตกตวั ของเมด็ ละอองนำ�้ ยาพ่น จากการใช้เคร่อื งพ่นสารเคมี ทมี่ า : ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง(3) จากภาพแสดงให้เห็นว่าเม็ดละอองท่ี 15 เป็นเม็ดละอองที่แบ่งปริมาตรของน�้ำยา ออกเป็นอย่างละครึ่ง ดังน้ันขนาดเส้น ผา่ ศูนย์กลางของเม็ดละอองเม็ดนี้คือคา่ VMD นั่นเอง หากขนาดของมนั มขี นาดเล็กมาก ยอ่ มแสดงใหเ้ หน็ ว่า เม็ดละอองทางด้านขวาของมันกจ็ ะเลก็ ตามไปด้วยแทนที่จะมีเพยี ง 2 เม็ด กจ็ ะกลายเป็นมีเม็ดนำ้� ยาทม่ี ีขนาดเลก็ ลงแต่ปริมาณมากขนึ้ แทน เมด็ น�ำ้ ยาฝ่ังขวาหากเปน็ เมด็ ใหญเ่ กินไปมันจะลอย ไม่ได้ แต่ถา้ มันมขี นาดเล็กลงมันจะลอยได้ และมีจ�ำนวนละอองมากขน้ึ ดว้ ย เครอื่ ง aerosol หรือ fog generator อาจเรยี กช่อื ตามเทคนคิ การพ่นท่ีใช้ก�ำลงั งานหรือชนิดของพลังงานพน่ สารเคมอี อกเป็น2 แบบ ท่นี ิยมผลิตในปัจจบุ นั คอื 1. Cold fog generator หรอื เครอ่ื งพน่ ฝอยละเอยี ด เปน็ เครอื่ งพน่ ทใี่ ชพ้ ลงั งานกล แรงลม แรงเหวยี่ ง สลดั นำ�้ ยาใหแ้ ตกตวัออกเป็นเม็ดเลก็ ๆ ขนาดท่ีเล็กกว่า 50 µm และชนิดสารเคมที ี่ใชพ้ ่นมกั เปน็ แบบความเข้มข้นสูง ใช้พน่ ปรมิ าณนอ้ ย แตส่ ามารถคลมุพืน้ ทไ่ี ดม้ ากกวา่ การพน่ หมอกควัน การพ่นแบบน้ีอาจมชี อื่ เรยี กเฉพาะวา่ ยแู อลวีเทคนิค (ULV Technique) 2. Thermal fog generator หรือเคร่ืองพน่ หมอกควัน เปน็ เคร่ืองพ่นท่ีใช้ความร้อน ช่วยในการแตกตวั ของนำ้� ยาออกเป็นละอองเม็ดเล็กๆ อุณหภูมิที่ใช้สูงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของสารตัวท�ำละลายท่ีมีจุดเดือด หรือจุดระเหิด (Boiling Point orEvaporating Point) ซึ่งมักนิยมใช้สารตัวท�ำละลายที่มีอุณหภูมิสูงไป 100 องศาเซลเซียส เพราะถ้าอุณหภูมิสูงกว่าน้ีจะมีผลในการท�ำลายคุณภาพของสารเคมี ซ่งึ มกั จะมคี วามเขม้ ข้นตำ�่ เครอื่ งพน่ อกี ประเภททม่ี กั ใชท้ งั้ ดา้ นการเกษตรและสาธารณสขุ คอื Mist blower หรอื Mist generator หรอื เครอื่ งพน่ ฝอยละอองเป็นเครื่องพ่นสารเคมีอีกประเภทท่ีมักใช้ในงาน สาธารณสุขและเกษตร แต่ขนาดเม็ดน�้ำยาที่ผลิตได้จะมีขนาด 20-100 µm จ�ำนวน เมด็ นำ�้ ยาสว่ นใหญจ่ ะมขี นาดใหญก่ วา่ 50 µm จงึ ไมส่ ามารถลอยฟงุ้ อยใู่ นบรรยากาศไดน้ านพอจะก�ำจดั แมลงบนิ เครอื่ งพน่ Mist generatorมักใช้ในการพ่นสารเคมีที่มีความเข้มข้นปานกลางให้เม็ดน้�ำยาฟุ้งตกคลุมพื้นผิวของบริเวณที่พ่นเพื่อก�ำจัดแมลงคลานมากกว่า และ สารเคมีที่ใช้ก็ควรใชส้ ารเคมีแบบถกู ตวั ตายแต่ให้มฤี ทธ์ติ กคา้ งนาน เช่น การพ่นสารเคมีก�ำจัดแหลง่ เพาะพันธยุ์ งุ แมลงวนั เปน็ ต้น เคร่ืองพ่นแต่ละชนิดมีคุณลักษณะและวิธีการใช้งานต่างกันไป ผู้ใช้ควรค�ำนึงถึงความต้องการใช้งานเป็นส�ำคัญ เครื่องพ่น ที่มมี าตรฐานสูงยอ่ มมรี าคาสงู ตามไปดว้ ย เครอ่ื งพน่ มาตรฐานตามลกั ษณะการใชง้ านที่ส�ำคัญนน้ั ควรมลี ักษณะดงั น้ี 1. เครอื่ งพน่ ฝอยละเอยี ด ULV (ULV cold fog generator) สงิ่ ทส่ี �ำคญั ทสี่ ดุ คอื ขนาดเมด็ นำ้� ยาทเี่ ครอื่ งผลติ ได้ ควรมขี นาดใหญส่ ดุ ไมเ่ กนิ 60 µm ขนาดเมด็ นำ้� ยาทด่ี ที สี่ ดุ ควรเปน็ 5–27 µmเพราะฉะน้นั คา่ เฉลี่ยทอี่ งคก์ ารอนามยั โลกใชบ้ อกคุณภาพเคร่อื งวา่ ผลิตเมด็ นำ�้ ยาทม่ี คี ณุ ภาพสงู สุด คือ คา่ VMD (Volume MedianDiameter) เทา่ กบั 27 µm หรอื อาจบอกวา่ จ�ำนวนเมด็ นำ�้ ยาไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 85 มขี นาดเลก็ กวา่ 27 µm ซงึ่ อาจหมายถงึ กวา่ รอ้ ยละ 99ของละอองน�้ำยาท่ีมีขนาดฝอยละเอียด aerosol (ไม่เกิน 50 µm) จะลอยฟุ้งในบรรยากาศได้นานและใช้ประโยชน์ของละอองน�้ำยา ทกุ เม็ดในการก�ำจัดยุงบนิ ค่มู ือวิชาการโรคติดเชอื้ เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 93 ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

หลกั การท�ำงานของเครื่องพน่ ยูแอลวเี ลก็ สะพายหลงั 1. ระบบผลิตละอองจะแตกตา่ งจากเคร่อื งพน่ หมอกควันคอื เครอ่ื งพ่นยูแอลวีเล็กสะพายหลังจะใชพ้ ลงั ลมเปน็ ตวั ตีใหน้ ำ้� ยา แตกตัวเป็นละอองเล็กๆ โดยลมจะเปา่ ผ่านหัวฉีดน�ำ้ ยา 2. แหล่งพลังงานที่สร้างลมจะใช้เครื่องยนต์เบนซนิ เล็ก 2 จังหวะ 3. คณุ ภาพการผลติ ละอองขนึ้ อยกู่ บั ก�ำลงั เครอ่ื งยนต์ ชนดิ ตวั สรา้ งลมเปน็ ใบพดั หรอื โรตารี่ (rotary) อตั รา การไหลของนำ�้ ยาขนาดของหัวฉีด (nozzle) ความหนืดข้นของสารที่ใช้ (Viscosity) สภาพแวดล้อมบริเวณท่ีฉีดพ่น (อุณหภูมิ ความเร็วกระแสลม ทศิ ทางลม ความชน้ื ) 4. น้�ำยาทใี่ ชจ้ ะมีความเขม้ ขน้ มากกว่าพน่ หมอกควนั ประมาณ 5–8 เท่า ดงั นน้ั การหวังผลในการฆ่ายงุ ได้ดี 5. เนอ่ื งจากเปน็ เครอื่ งพน่ ทมี่ เี ครอ่ื งยนตเ์ ปน็ แรงขบั อยา่ งจรงิ ดงั นนั้ ระยะการพน่ สามารถพน่ ไดไ้ กลกวา่ เครอื่ งพน่ หมอกควนัและสามารถรักษาทศิ ทางของละอองไดด้ กี ว่า ระยะพ่นในอาคารไกลประมาณ 8 เมตร นอกอาคาร ไกลประมาณ 14 เมตร และหากมากระแสลมชว่ ยสามารถพ่นไกลได้ถึง 50 เมตรทเี ดยี วตารางท่ี 11.3 ขอ้ ด-ี ขอ้ เสียของการพ่นโดยเครอื่ งพ่นยูแอลวเี ลก็ สะพายหลัง ขอ้ ดี ข้อเสยี1. ประหยัดตัวท�ำละลายกว่า (น�้ำมนั ดเี ซล) 1. กลมุ่ ละอองไมไ่ ดห้ นาแนน่ มากเหมอื นการพน่ หมอกควนั ท�ำให้2. สามารถใชน้ ำ้� ผสมแทนน้ำ� มันดเี ซลได้ เพราะไม่ได้ใชค้ วามรอ้ น ประชาชนคดิ วา่ ยงั ไม่ได้ปฏิบตั ิงานในการแตกตวั นำ้� ยา 2. ผใู้ ชง้ านตอ้ งมคี วามช�ำนาญมากในการใชเ้ ครอื่ งพน่ เขา้ ใจระบบ3. ใช้ปริมาณน้�ำยาน้อยมากในการพ่นท�ำให้ไม่เปรอะเปื้อน การท�ำงานของเครื่องยนต์เป็นอย่างดี เช่น ต้องคอยเติม เลอะเทอะ น้�ำมันเครื่อง (เบอร์ 40 หรือตามท่ีคู่มือแนะน�ำ) ผสมเวลา 4. ละอองท่ีเบาบางท�ำให้ไม่บดบังทัศนียภาพของ ผู้ใช้รถใช้ถนน เติมน้ำ� มนั เช้ือเพลงิ เสมอจึงปลอดภัยต่อระบบการจราจร 3. สารเคมที ใ่ี ชม้ คี วามเขม้ ขน้ สงู ดงั นนั้ ผพู้ น่ ตอ้ งมคี วามระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ 2. เครือ่ งพน่ ฝอยละออง (Mist blower) เครอื่ งพน่ นจี้ ะพน่ เมด็ นำ้� ยาขนาด 20-100 µm และมคี า่ VMD = 57 µm หมายถงึ รอ้ ยละ 85 มขี นาดเมด็ นำ�้ ยาเลก็ กวา่ 57 µmแต่จะพบว่าขนาดเม็ดน้�ำยาท่ีสามารถลอยฟุ้งในบรรยากาศได้ดีและนาน (aerosol droplet ที่มีขนาดเล็กกว่า 50 µm) จะมีเพียง ร้อยละ 35 เทา่ นน้ั ส่วนทเี่ หลอื อีกรอ้ ยละ 65 ทม่ี ขี นาดเม็ดน้ำ� ยาใหญ่กวา่ 50 µm จะตกลงสูพ่ ืน้ ดินในระยะเวลาทีส่ ้นั มาก จงึ สามารถใช้ประโยชน์จากน�้ำยาไดเ้ พยี ง 35 % ส�ำหรบั แมลงบิน แต่ในทางตรงกันขา้ ม หากตอ้ งการพน่ สารเคมกี �ำจดั แมลงบินบริเวณแหลง่ เพาะพนั ธ์ุ เชน่ แมลงวนั บรเิ วณกองขยะ แมลงสาบ เครอ่ื งพน่ นก้ี ลบั นา่ จะมปี ระโยชนก์ ว่าเครอื่ งฝอยละเอยี ด ULV แตห่ ากใชแ้ ทนเครอ่ื ง ULVอาจมปี ญั หาเรอื่ งความสนิ้ เปลืองน�ำ้ ยาสงู และเม็ดน�ำ้ ยาตกลงในบริเวณน้นั ไมล่ อยฟุง้ ในบรรยากาศ 3. เครอื่ งพน่ หมอกควนั (Thermal fog generator) เครื่องพ่นหมอกควันแบบใช้ความร้อนช่วยในการแตกตัวของสารเคมีรูปของเหลวเป็นละอองเล็กขนาด 0.1-60 µm ขนาดเฉลี่ยของเมด็ น้�ำยา (VMD) ขน้ึ อยกู่ บั ปรมิ าณความร้อนและปรมิ าณสารเคมที พี่ น่ ถา้ ความรอ้ นสงู หรอื ปริมาณสารเคมที พี่ น่ ออกมาน้อยขนาดเม็ดน้�ำยาก็เล็กกว่าปริมาณสารเคมีท่ีพ่นมากกว่าในขนาดความร้อนเดียวกัน ปัญหาส�ำคัญของเครื่องพ่นหมอกควันแบบใช้ความรอ้ นคอื การสลายตวั ของสารเคมเี นอ่ื งจากความรอ้ น ซง่ึ อาจเนอ่ื งมาจากคณุ สมบตั ขิ องสารเคมเี อง หรอื อาจเนอื่ งมาจากเครอ่ื งพน่ เคมีทใ่ี ห้ความร้อนสูงเกนิ ไป โดยปกตเิ ครื่องพ่นหมอกควันทมี่ ีคุณภาพดคี วรสามารถควบคมุ อณุ หภมู ิ ณ จุดหรือบรเิ วณท่ีนำ้� ยาสมั ผสั ความรอ้ นและแตกตวั ใหบ้ รเิ วณนมี้ อี ณุ หภมู ริ ะดบั ทไี่ มท่ �ำลายคณุ ภาพของสารเคมี หรอื มอี ณุ หภมู บิ รเิ วณนตี้ ำ่� กวา่ 100 องศาเซลเซยี ส ซง่ึ อาจทดสอบได้โดยการใช้น�้ำแทนสารเคมี หากเคร่ืองพ่นใดพ่นน�้ำออกเป็นละอองโดยสมบูรณ์หรือเป็นไอ แสดงว่าอุณหภูมิจุดนั้นสูงเกิน จดุ นำ้� เดอื ด (100 องศาเซลเซยี ส) โอกาสท�ำลายคณุ ภาพสารเคมที ถี่ กู ท�ำลายไดด้ ว้ ยความรอ้ นยอ่ มมอี ยู่ แตจ่ ะมากนอ้ ยขนึ้ อยกู่ บั อณุ หภมู ิและคุณสมบตั ิของสารเคมีนั้น และสารเคมที แี่ นะน�ำให้ใชใ้ นเครื่องพ่นหมอกควัน จะมคี วามเข้มขน้ ต่ำ� มากๆ จงึ ยอ่ มมโี อกาสลดคณุ ภาพการพน่ สารเคมลี งไดม้ าก ฉะน้นั การใชเ้ ครือ่ งพ่นหมอกควนั ท่ีมคี ุณภาพต่ำ� ก็ลดประสิทธภิ าพการพน่ หมอกควนั ลง94 คมู่ อื วชิ าการโรคติดเชือ้ เดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

หลักการท�ำงานของเครือ่ งพ่นหมอกควันสะพายไหล่ 1. การท�ำงานของเครื่องพ่นเป็นระบบพลั ส์เจท็ (Pulse Jet) หมายถึง การจดุ ระเบดิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เป็นลูกโซ่ทอดๆ อยา่ งอตั โนมัติโดยการจุดระเบิดครั้งแรกจะท�ำให้เกิดสภาพเป็นสุญญากาศสามารถดูดไอน�้ำมันเบนซินและอากาศ จากภายนอกให้เข้ามาแทนท ี่ และจุดระเบิดครั้งท่ีสอง และครง้ั ตอ่ ๆ ไปเป็นลกู โซ่อตั โนมตั ิ 2. ท�ำงานโดยการจดุ ระเบดิ ในห้องเผาไหม้ (Combustion Chamber) 3. มวลอากาศรอ้ น ~ 600–1000 ํC จะถกู ระบายมาตามท่อความร้อน (Thermal Pipe) 4. มวลอากาศรอ้ นจะท�ำใหส้ ่วนผสมของน้�ำยาเคมีท่บี ริเวณหัวหยดน้�ำยาแตกตัวเป็นไอ 5. เมอื่ ไอสารเคมอี อกจากปลายทอ่ มากระทบอากาศเยน็ ภายนอก จะกลายเปน็ ละอองหมอกควนั ขนาด 10–30 ไมครอนหรอืมากกวา่ ตามปรกตเิ มด็ ละอองของการพน่ หมอกควนั จะมขี นาดเลก็ กวา่ 20 μm ซง่ึ จรงิ ๆ แลว้ ขนาดละอองจะเลก็ หรอื ใหญก่ วา่ มาตรฐานน้ีขนึ้ อย่กู บั อัตราการไหลของน�้ำยาดว้ ยตารางที่ 11.4 ขอ้ ดี-ข้อเสยี ของการพ่นโดยใชเ้ คร่ืองพ่นหมอกควนัข้อดี ขอ้ เสยี1. มองเห็นการปฏิบัติงานได้ง่าย ท�ำให้มีผลทางจิตวิทยาที่ด ี 1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการพน่ สงู เนอ่ื งจากใชต้ วั ท�ำละลายในปรมิ าณมากแก่ประชาชน และประชาชนสามารถหลบหลีกไดง้ า่ ย (นำ�้ มนั ดีเซล)2. สามารถตรวจสอบความครอบคลุมในการพน่ ได้งา่ ย 2. กล่ินเหม็น และอาจท�ำให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนพื้นผิว3. ใช้ความเข้มขน้ ของน�้ำยาต�่ำ ท�ำใหม้ คี วามปลอดภยั แก่ผู้พน่ เนื่องจากใช้น�้ำมันดีเซลในปริมาณมากท�ำให้เจ้าของบ้าน อาจไมย่ อมใหพ้ น่ เข้าไปในบา้ น 3. กลมุ่ ควนั หนาแนน่ มาก อาจท�ำใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตทุ างการจราจรไดง้ า่ ย 4. อาจเสย่ี งตอ่ การลกุ ไหมไ้ ดง้ า่ ย เนอ่ื งจากเครอื่ งพน่ ใชอ้ ณุ หภมู สิ งู ในการผลติ ละออง และตัวท�ำละลายกส็ ามารถ ตดิ ไฟได้การเตรยี มชมุ ชน ● ก่อนการพ่นเคมี (กอ่ นวนั พน่ อย่างนอ้ ย 1 วัน) 1. ประสานงานกับชุมชน โดยเข้าพบผู้น�ำชมุ ชน ชีแ้ จงวตั ถปุ ระสงคข์ องการจะเขา้ พ่นยุง 2. ให้สุขศึกษา ประชาสัมพนั ธ์ กบั ประชาชนในชุมชนถงึ ความส�ำคญั ของโรค การป้องกนั และควบคุมโรค เหตุผล ของการพน่และผลกระทบจากการพน่ สารเคมตี ่อคน สตั วเ์ ลีย้ ง และสิ่งแวดล้อม 3. แจง้ แผนการปฏิบตั ิงานและก�ำหนดนดั หมายกับประชาชน 4. แนะน�ำใหด้ บั ไฟในเตา ปดิ เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ และน�ำสมาชกิ ในบา้ น/สตั วเ์ ลย้ี งออกไปอยนู่ อกบา้ นในเวลา เจา้ หนา้ ทมี่ าพน่ สารเคมี 5. แนะน�ำใหป้ ดิ หนา้ ตา่ งบา้ นส�ำหรบั การพน่ หมอกควนั (หรอื เปดิ ประต/ู หนา้ ตา่ งบา้ นส�ำหรบั การพน่ ยแู อลวี ไมว่ า่ จะเครอื่ งเลก็สะพายหลงั หรือเคร่ืองใหญต่ ติ ัง้ บนรถยนต์) 6. สอบถามข้อมลู คนเจ็บปว่ ย บา้ นที่เลย้ี งสัตว์ บา้ นท่ีท�ำฟาร์มปลา กุ้ง ปู และแมลงข้อมูลเพ่ิมเตมิ ทีต่ ้องแจ้งประชาชนส�ำหรบั การพ่นยแู อลวี 1. เวลาในการปฏิบัตงิ านส�ำหรับพ่นยูแอลวีคอื 06.30–10.00 น. (ห้ามพน่ เมอื่ มีแดดรอ้ นเพราะละอองจะขยายตัว และลอยหายขนึ้ ขา้ งบนและเลยเป้าหมาย และสารเคมบี างชนดิ อาจเสือ่ มฤทธลิ์ งเม่อื โดนแสงแดด) 2. ควรปกปดิ อาหารให้มดิ ชดิ คลุมตู้ปลาและกรงนก อยา่ ใหโ้ ดนละอองยแู อลวี 3. ให้ยนื รออยขู่ ้างนอกบา้ นใหห้ า่ งจากประตู หน้าต่าง จนกว่าจะพ่นเสร็จ 4. ให้ผู้ปกครองเตือนบตุ รหลานไมใ่ หต้ ามเลน่ ละอองที่พ่นออกมา คมู่ อื วิชาการโรคตดิ เชือ้ เดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี 95 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

*** ขอ้ ควรจ�ำ ควรระวัง และพงึ ปฏิบัตใิ นการพน่ จริง*** 1. หากประชาชนไมย่ นิ ยอมให้พ่น หา้ มฝา่ ฝืนโดยเด็ดขาด (ควรแนะน�ำใหร้ ะวังโรคไข้เลือดออก โดยวธิ ีอน่ี ท่ีเหมาะสมให้เขาไปด�ำเนินการเอง เชน่ การใช้ยาทากันยุงกัด การใชย้ ากนั ยุงขด การใช้สเปรย์กระปอ๋ ง และการก�ำจดั แหล่งเพาะพนั ธลุ์ กู นำ�้ เป็นตน้ ) 2. หา้ มพน่ เขา้ ไปในบา้ นโดยไม่ไดร้ ับอนุญาตจากเจ้าของบา้ นเสยี กอ่ น (เพราะอาจมปี ญั หา มคี นนอนหลับ อยู่ในบ้าน หรือคนที่ไมไ่ ดอ้ อกมาเพราะการแจง้ ขา่ วสารไมด่ พี อ โดยเฉพาะคนปว่ ยทอี่ าศยั อยใู่ นบา้ นนน้ั (ทน่ี า่ หว่ งมาก คอื ผปู้ ว่ ยเปน็ อมั พฤกษ์ อมั พาต และผู้ที่ช่วยตัวเองไม่ได)้ ) 3. ***สารไพริทรอยด์ มีความเป็นพิษสูงต่อปลา และสัตว์น้�ำประเภทมีข้อปล้อง เช่น กุ้ง ปู และแมลงในน�้ำต่างๆ อย่างมากลักษณะการออกพิษตอ่ สงิ่ มชี วี ติ เหล่านจ้ี ะเป็นไปอย่างรา้ ยแรงและรวดเรว็ มาก (ต้องคอยหลกี เล่ียง อยา่ พน่ ใกลๆ้ ตอ้ งค�ำนึงถงึ ทศิ ทางลมจะพดั ละอองไปตกในแหล่งน�้ำไดห้ รือไม่) 4. ***นอกจากน้นั ยงั มอี าชพี เสี่ยงท่ีเราไม่ควรพ่นสารเคมใี กล้ๆ คอื อาชพี เล้ยี งแมลง เช่น เล้ียงจ้ิงหรีด หรือแมลงเศรษฐกจิ อนื่ ๆ(ควรแนะน�ำวิธอี น่ื ใหเ้ ขาไปด�ำเนนิ การเอง) 5. ห้ามพ่นในรา้ นอาหารต่างๆ ทีม่ กั มอี ยู่ตามข้างทาง และมักมีลกู ค้านงั่ อยู่ ยกเว้นจะได้รบั การรอ้ งขอ หรอื อนญุ าต (ควรแนะน�ำวิธีอนื่ ใหเ้ ขาไปด�ำเนินการเอง) 6. การพน่ ในบา้ นที่มคี นหรือสตั วอ์ าศัยอยู่ แมว้ า่ คนและสตั ว์จะปรกตดิ ี แต่ก็สามารถท�ำให้เกิดอนั ตรายได้ เน่ืองจากหมอกควนัจ�ำนวนมากจะไลก่ ๊าซออกซิเจนออกไป อาจท�ำให้ผู้คนทไี่ ม่ออกมาขาดกา๊ ซออกซเิ จนได้ 7. การพน่ ยแู อลวีใช้ความเขม้ ข้นสูงกวา่ การพ่นหมอกควนั หลายเท่า ยง่ิ ตอ้ งระมัดระวังมาก ห้ามไมใ่ ห้บคุ คลทไ่ี ม่ผา่ นการอบรมการใชเ้ ครื่องพ่นปฏบิ ัติเดด็ ขาดเนอื่ งจากจะเกดิ ความเสยี หายมากกว่าเดิมอย่างมหาศาล 8. การพน่ ทง้ั หมอกควนั และยแู อลวี ละอองมโี อกาสตกลงพน้ื ไดเ้ สมอเพยี งจะเรว็ หรอื ชา้ เทา่ นนั้ และหาก เครอ่ื งพน่ สกึ หรอ หรอืไม่ไดม้ าตรฐานจะย่ิงตกเรว็ ดังนนั้ โปรดระมัดระวงั พ้นื ท่ีต้องหา้ มทีก่ ลา่ วมาแลว้ ● ระหว่างการพน่ เคมี (วนั ที่มาพน่ ) 1. ประชาชนต้องปกปิดอาหาร และภาชนะใส่อาหารใหม้ ดิ ชิด 2. ดับไฟในเตา ปิดเคร่ืองใช้ไฟฟา้ (สารเคมที พี่ ่นเปน็ สารประเภทน�้ำมนั สามารถลกุ ตดิ ไฟได)้ 3. เก็บเส้อื ผา้ ข้าวของท่ไี ม่ต้องการให้ถกู สารเคมีใหม้ ดิ ชดิ 4. เจ้าของบ้านน�ำเดก็ คนชรา คนปว่ ย และสตั วเ์ ลี้ยง มาพกั นอกบา้ น ประมาณ 30 นาที (ส�ำหรับอาหาร และนำ�้ สัตวเ์ ล้ียงให้ปกปิดให้มิดชดิ เชน่ กัน และหลงั จากพ่นแล้วหากไมแ่ น่ใจว่าอาจปนเปื้อนหรอื ไม่ กใ็ หเ้ ททิ้ง ลา้ งภาชนะ ให้สะอาดแล้วใส่อาหารและนำ้�ใหมแ่ ทน) 5. ก่อนพ่น ให้ตรวจดูประตู หน้าต่าง อีกคร้ังว่าปิดเตรียมไว้หรือไม่ส�ำหรับการพ่นหมอกควัน (หรือเปิดประตู/หน้าต่างบ้านส�ำหรบั การพน่ ยแู อลวี) ● หลังการพน่ เคมี 1. แนะน�ำใหป้ ดิ อบสารเคมภี ายในบ้านประมาณ 30 นาที (ส�ำหรับการพ่นยแู อลวไี ม่ตอ้ งปดิ บา้ นอบ) 2. หลังปดิ อบสารเคมี ให้เปิดประตูหนา้ ตา่ งรอจนหมอกควนั หมดจงึ เข้าไปอาศัยในบา้ นได้ (ส�ำหรบั การพ่น ยูแอลวหี ลังพ่นไปแล้วประมาณ 30 นาทสี ามารถเขา้ ไปอาศัยในบา้ นได้เลย) 3. แนะน�ำวิธกี ารท�ำความสะอาดคราบสารเคมที ่ีตกคา้ งตามพ้ืน 4. กล่าวขอบคุณประชาชนการเลือกเครือ่ งพน่ สารเคมใี ห้เหมาะกบั งานท่ีจะด�ำเนินการจึงเป็นสิ่งส�ำคญัขัน้ ตอนในการปฏบิ ัตงิ านพ่นสารเคมกี �ำจัดยุง (พน่ ฟ้งุ กระจาย) 1. แผนที่แสดงทตี่ ัง้ ของบ้านและถนนในตวั ชมุ ชนทีจ่ ะพ่น 2. ต้องพ่นให้ครอบคลุมบ้านผู้ป่วยและบ้านอ่ืนในรัศมี 100 เมตรรอบทิศทางจากบ้านผู้ป่วย (หากภายในรัศมี ที่ต้องพ่นน้ีม ี แหลง่ เกาะพกั ทเ่ี หมาะสมของยงุ ไดก้ ใ็ หพ้ น่ ดว้ ย เชน่ พมุ่ ไมท้ ใี่ บหนาแนน่ กลมุ่ กระถางตน้ ไมท้ พี่ อจะมสี มุ ทมุ พมุ่ ไมใ้ หย้ งุ เกาะหลบแดดได้กองไม้ และโรงเกบ็ ของ เปน็ ต้น)96 คู่มือวชิ าการโรคติดเชอื้ เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

3. ตอ้ งประชาสมั พนั ธใ์ หป้ ระชาชนไดร้ บั รู้ และเตรยี มพรอ้ มในการปกปดิ อาหาร ดบั ไฟในเตา ปดิ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และน�ำสตั วเ์ ลย้ี งออกไป(การเตรยี มชุมชน) 4. ตอ้ งแจ้งหรือแสดงใหผ้ ูใ้ ชร้ ถใช้ถนนทราบวา่ มกี ารปฏบิ ัตงิ านอยู่ 5. ในขณะปฏบิ ตั งิ านตอ้ งดทู ศิ ทางลมเปน็ หลกั เพราะมผี ลกระทบตอ่ ประสทิ ธภิ าพการพน่ และความปลอดภยั ของผพู้ น่ เปน็ อยา่ งมาก(ทศิ ทางการเดนิ พน่ หรือขบั รถพน่ ตอ้ งมที ศิ ทางจากใตล้ มมงุ่ ส่เู หนือลมเสมอ)ความถข่ี องการเข้าพน่ ฟงุ้ กระจายในพนื้ ทน่ี ั้นๆ 1. ปรกตกิ ารพน่ สามารถพน่ ไดเ้ ม่อื มีการยนื ยนั จากแพทย์ว่า พบผู้ปว่ ยเป็นไขเ้ ลือดออกในพนื้ ท่ี 2. หนว่ ยงานทด่ี ูแลพนื้ ทนี่ นั้ สามารถพ่นไดท้ นั ทใี นพ้นื ท่ีดงั น้ี เชน่ บ้านพักพนักงาน ส�ำนกั งาน โรงงาน หรอื โรงเรียน เปน็ ต้น เม่ือสงสัยว่าอาจมีการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกเกิดข้ึนในพ้ืนที่เหล่านี้ เนื่องจากถ้ารอจนแน่ใจอาจเกิด การระบาดได้เพราะเป็นแหล่ง รวมคนจากหลายๆ แหลง่ ไวด้ ว้ ยกนั อาจน�ำโรคไปแพรท่ อี่ นื่ ได้ 3. การพน่ ซำ้� ควรพน่ ซำ้� อยา่ งนอ้ ย 1 ครง้ั หา่ งกนั 6–7 วนั หลงั จากพน่ ครง้ั แรกไปแลว้ แตถ่ า้ จะพน่ ทงั้ หมด 3 ครง้ั กพ็ น่ ใหอ้ ยภู่ ายใน7 วนั นี้ไดอ้ าจใช้สูตรว่าพน่ วนั เวน้ 2 วนั กไ็ ดค้ ือ day1 day4 day7 กไ็ ด้ครบ 7 วันพอดี (จ�ำง่าย)หมายเหตุ 1. เพอ่ื ฆา่ ยงุ ทเ่ี กดิ ใหม่ (ระยะการเจริญจากลูกนำ�้ จนเปน็ ยุงประมาณ 7–10 วัน) หรอื ยุงตัวอน่ื ท่จี ะมาดูดเลือดผู้ปว่ ยซ่งึ ขณะนี้อาจยงั มีเชอื้ ไวรัสไข้เลือดออกหลงเหลืออยู่ในกระแสเลือด 2. เพอื่ ฆา่ ยงุ ทไี่ ดร้ บั เชอื้ ไปแลว้ แตอ่ าจเลด็ ลอดบนิ หนกี ารพน่ ในรอบแรกไปได้ และขณะน้ี ก�ำลงั บม่ เชอ้ื ใกลจ้ ะเสรจ็ แลว้ (แตข่ ณะน้ียังแพรโ่ รคไมไ่ ดต้ ้องบม่ เชอ้ื เสร็จเสียก่อน) ซึง่ ระยะ บม่ เชอื้ ในตัวยงุ จะใช้เวลาประมาณ 8–10 วัน 3. เพื่อฆ่ายุงเกิดใหม่ท่ีเป็นแบบทรานสโอวาเรียนให้หมดไป (คือได้รับเช้ือจากแม่ยุงตอนวางไข่ เมื่อโตข้ึนมาก็สามารถแพร่เช้ือตอ่ ไดเ้ ลย)การประเมนิ ผลการพ่น ภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากการพ่นยุงปราบการระบาดของโรค จ�ำนวนยงุ ท่เี คยวางไข่แลว้ ควรลดลงเหลอื ไมเ่ กิน 10% จากทีเ่ คยมีแต่เดิมก่อนการพ่น (ยุงท่ีเคยวางไข่แล้ว คือยุงที่เคยกินเลือดแล้วน่ันเอง ยุงจะวางไข่ได้ต้องกินเลือดก่อน ซึ่งยุงท่ีเคยกินเลือดน่ีเองมีโอกาสเปน็ ยงุ ทม่ี เี ชอื้ ไขเ้ ลอื ดออกอยภู่ ายในตวั ดงั นนั้ ยงุ พวกนคี้ วรตายใหห้ มดจงึ จะไมเ่ หลอื ยงุ ทมี่ เี ชอื้ ไปแพรโ่ รคตอ่ ไป การระบาดกจ็ ะจบ)งานตรงนค้ี งตอ้ งอาศยั ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นกฏี วทิ ยาชว่ ย (แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งท�ำประเมนิ นเ้ี สมอๆ เพยี งแตอ่ าจจะมกี ารสมุ่ เปน็ บางครงั้เนอ่ื งจากก�ำลงั คนไมเ่ พยี งพอ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม หากเทคนคิ การปฏบิ ตั งิ านดแี ลว้ และผลของการระบาดจบลงได้ กเ็ ปน็ อนั เชอ่ื ไดแ้ นว่ า่ การปฏบิ ตั งิ านไดผ้ ลดี สามารถ ด�ำเนนิ งานไดว้ อ่ งไวตอ่ เหตกุ ารณ์ และทสี่ �ำคญั สามารถด�ำเนนิ งานไดต้ ามวธิ กี ารทถ่ี กู ตอ้ งไดอ้ ยา่ งมมี าตรฐาน)เอกสารอา้ งอิง1. กองควบคมุ วตั ถมุ พี ษิ . การปอ้ งกนั การวนิ จิ ฉยั และการ รกั ษาการเกดิ พษิ จากสารก�ำจดั แมลง. ส�ำนกั งานคณะกรรมการ อาหารและยา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั , 2535 94 หนา้2. สวี กิ า แสงธาราทิพย.์ ไข้เลือดออก ฉบบั ประเกียรณก : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั , 2544 155 หนา้3. ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. คมู่ อื การใชเ้ ครอื่ งพน่ ส�ำหรบั ผปู้ ฏบิ ตั กิ ารเพอื่ ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก. กรมควบคมุ โรค. กระทรวงสาธารณสขุ , 25574. Laws ER Jr, Morales FR, Hayes WJ Jr, et al. Toxicology of Abate in volunteers. Arch Environ Health 1967; 14: 289-91.5. Laws ER Jr, Sedlak VA, Miles JW, Romney-Joseph C, Lacomba JR, Diaz-Rivera A. (1968). Field study of the safety of Abate for treating potable water and observations on the effectiveness of a control programme involving both Abate and Malathion. Bull. World Health Org 1968; 38: 439–45.6. World Health Organization. Equipment for vector control, 3rd ed.Geneva, World Health Organization., 19907. World Health Organization. 1999. Prevention and control of dengue and dengue haemorrhagic fever : comprehensive guidelines. WHO Regional Publication, SEARO No.29. New Delhi. 1999 1–134. คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เช้ือเดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 97 ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

บทที่ 12 การปอ้ งกันตนเองจากยุงพาหะน�ำ โรคไข้เลอื ดออก ศ.ดร. ธีรภาพ เจริญวิรยิ ภาพ รศ.ดร. ชำ�นาญ อภวิ ฒั นศร มานติ ย์ นาคสุวรรณ จิราภรณ์ เสวะนา การปอ้ งกนั ก�ำจดั ยงุ ลายนน้ั มหี ลายวธิ กี าร และจ�ำเปน็ จะตอ้ งมเี ครอื่ งมอื อปุ กรณ์ หรอื แมก้ ระทง่ั สารเคมที น่ี �ำมาใชใ้ นการปอ้ งกนัไม่ใหถ้ กู ยุงลายกดั ซ่ึงมีความยุ่งยากในการจัดหา ในบทความตอนนจี้ ะน�ำเสนอวธิ กี ารในการป้องกันยุงวธิ ีการงา่ ยๆ ทเี่ ราสามารถท�ำได้โดยไมย่ ากเยน็ นกั วธิ กี ารดังกลา่ วเป็นวิธกี ารลดการสัมผสั ระหวา่ งคนและยงุ พาหะ ซึง่ มีวธิ กี ารง่ายๆ ดังน้ี 1. การใช้ม้งุ วิธกี ารนเ้ี ป็นวธิ ที ี่สืบทอดกันมานานจากบรรพบุรษุ แตเ่ นน้ วา่ มุ้งทนี่ �ำมาใช้ตอ้ งอยใู่ นสภาพดี ไมข่ าด ท่สี �ำคัญควรค�ำนึงถึงทางด้านของขนาดเส้นด้ายที่น�ำมาท�ำมุ้งควรมีขนาดที่ยุงไม่สามารถบินเข้าไปได้ เช่นขนาด 1-1.8 มิลลิเมตร หรือเป็นตาข่ายขนาดช่องอยูท่ ี่ 150 ชอ่ งต่อตารางนวิ้ แตป่ ัจจุบันทางกระทรวงสาธารณสขุ ได้น�ำมุ้งชบุ สารเคมีซ่ึงใชใ้ นการป้องกันยงุ ได้ดีขน้ึ อกี ทั้งยังช่วยลดประชากรยงุ ท่ีมาเกาะ แต่วิธกี ารน้ใี ช้ไดผ้ ลดกี บั ยุงท่อี อกมาหากนิ เวลากลางคืนแต่ส�ำหรบั ยงุ ลายท่ีออกหากนิ ในเวลากลางวันนน้ัในทางปฏิบตั ิอาจไม่สะดวกในการนอนในม้งุ ในเวลากลางวนั ภาพท่ี 12.1 การใช้มุง้ ปอ้ งกนั ยุงกัด (4) 2. การสวมเสอ้ื ปอ้ งกนั รา่ งกายใหม้ ดิ ชดิ จากการศกึ ษาทางวชิ าการพบวา่ การสวมเสอื้ ผา้ ทปี่ กปดิ มดิ ชดิ นนั้ สามารถลดการสมั ผสัระหวา่ งคนและยงุ ได้ และเสอื้ ผา้ ทมี่ สี ที บึ   เชน่ สดี �ำ  สเี ขม้ นน้ั มผี ลทางดา้ นการดงึ ดดู ของยงุ ใหม้ ากดั ดงั นนั้ ควรหลกี เลย่ี งใสเ่ สอื้ ผา้ ทมี่ สี ที บึสดี �ำ ควรใสเ่ สอ้ื ผ้าสีอ่อนๆ98 คู่มอื วิชาการโรคตดิ เชอื้ เดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

3. การใชส้ ารทาป้องกนั ยงุ สารทาป้องกันยงุ หรือสารไลย่ ุง (repellent) อาจเปน็ สารเคมี หรอื สมนุ ไพร ซ่ึงเมือ่ ทาแล้วยงุ จะได้กลน่ิ และจะไมเ่ ขา้ มากดั หรอื ลดการกัดลงได้ สารทาปอ้ งกนั ยุงท่เี ราเห็นในท้องตลาดส่วนใหญ่อาจพบในรูปแบบน้ำ� ครมี หรอื แปง้ ก็ได้ซง่ึ แตล่ ะบรษิ ทั จะผลติ ออกมาในรปู แบบทแี่ ตกตา่ งกนั   สารทเี่ ปน็ สว่ นผสมอยใู่ นผลติ ภณั ฑเ์ หลา่ นท้ี เ่ี ปน็ สารเคมเี ชน่ สาร N, N-diethyl-m-tolu-amide หรือช่ือใหม่ N,N-diethyl-3-methybenzamide (deet), IR3535,Transflutrin,Metofluthrin เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการผลติ สารทใี่ ช้ในการไล่ยุงจากสมุนไพร เป็นนำ้� มนั หอมระเหย, สารสกัดดว้ ยตัวท�ำละลาย (SOLVENT) เชน่ ตะไครห้ อม มะกรูด ขมน้ิ ชนัไพล สะระแหน่ ฯลฯ  ประสิทธิภาพของสารไล่ยุงท่ีดีนั้นจ�ำเป็นท่ีจะต้องผสมสารที่ช่วยในการจับยึดกับผิวจึงจะท�ำให้อยู่ได้นานเทียบเทา่ กบั สารเคมี เพราะถา้ ไมผ่ สมกลนิ่ จะคงอยไู่ ดป้ ระมาณ 2 ชวั่ โมง  การใชส้ ารปอ้ งกนั ยงุ นนั้ กอ่ นน�ำมาใชค้ วรมกี ารทดสอบการแพข้ องสารท่ีใต้ท้องแขนก่อนว่าแพ้สารเหล่านั้นหรือไม่ ประสิทธิภาพของสารไล่ยุงจะอยู่ติดทานนานแค่ไหนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับตัวของ ผ้ใู ชด้ ้วย นนั่ คือ ลักษณะผิว อายุ เพศ อุณหภูมริ ่างกาย อาหารทรี่ บั ประทาน สารเคมใี นเหง่ือ ซ่งึ บอ่ ยครง้ั ทเ่ี ราจะพบเหน็ ว่ายงุ กัดคนหนงึ่ มากกว่าอีกคน จากการศกึ ษาของ Siriporn Phasomkusolsil และ Mayura Soonwera (2010) (9) พบวา่ สมุนไพรหลายๆ ชนดิ สามารถน�ำมาเปน็ สมุนไพรไลย่ งุ ลายได้ ดังนี้ Phlai (Zingiber cassumunar) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Curcuma aromatica Plant oil Turmeric (Curcuma longa) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Turmeric (Curcuma longa) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Eucalyptus (Eucalyptus citriodora) Plant oil Turmeric (Curcuma longa) + Eucalyptus (Eucalyptus citriodora) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + †Clove (#1)(Syzygium aromaticum) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + †Clove (#2)(Syzygium aromaticum) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Lavender (Lavendula angustifolia) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Sweet basil (Ocimum basilicum) Plant oil Turmeric (Curcuma longa) + Peppermint (Mentha piperita) Plant oil Phlai (Zingiber cassumunar) + Ginger (Zingiber officinale) Plant oil Turmeric (Curcuma longa) + Ylang-ylang tree (Cananga odorata) Plant oil Lemon Grass (Cymbopogon citratus) + Turmeric (Curcuma longa) Plant oil Mah–Khwuaen (Zanthoxylum limonella) Plant oil Citronella grass (#1) (Cymbopogon nardus) Essential oil Citronella grass (#2) (Cymbopogon nardus) Essential oil Orange oil (Citrus sinensis) Essential oil Eucalyptus (#1) (Eucalyptus citriodora) Essential oil Eucalyptus (#2) (Eucalyptus citriodora) Essential oil Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil Orange oil (Citrus sinensis) + Eucalyptus (Eucalyptus citriodora) Essential oil Clove (#2) (Syzygium aromaticum) Essential oil Orange oil (Citrus sinensis) + Eucalyptus (Eucalyptus citriodora) + Essential oil Citronella grass (Cymbopogon nardus) Orange oil (Citrus sinensis) + Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil with ethyl alcohol Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil with ethyl alcohol Orange oil (Citrus sinensis) Essential oil with ethyl alcohol Orange oil (Citrus sinensis) + Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil with ethyl alcohol Eucalyptus (Eucalyptus citriodora) + Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil with ethyl alcohol Orange oil (Citrus sinensis) + Clove (Syzygium aromaticum) Essential oil with ethyl alcohol คมู่ ือวิชาการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี 99 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

ท้ังนี้ประสิทธิภาพในการไล่ยุงลายของสมุนไพรแต่ละชนิดจะมากน้อยแตกต่างกัน และเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในสภาพหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ยงั มปี จั จยั อน่ื ๆทมี่ ผี ลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการไลย่ งุ ลาย เชน่ species and density of mosquito (7), age of person, sexand biochemical attractiveness to biting mos-quitoes (8), ambient tem-perature, humidity, and wind speed (10) และจากการศกึ ษาในต่างประเทศ พบวา่ มีพืชสมุนไพรหลายชนิดทีม่ ปี ระสิทธภิ าพในการไล่ยุงลายได้ เช่นตารางท่ี 12.1 ประสทิ ธิภาพของพืชสมนุ ไพรในการออกฤทธ์ิไล่ยงุ ลาย Rapellent คา่ Protection time (ชัว่ โมง)Mexican marigold (3.4%) 1.53Mexican marigold (10.1) 3.18Mexican marigold (17%) 5.60Lemongrass (3.4%) 1.24Lemongrass (10.1%) 2.67Lemongrass (17%) 4.04Rosemary (3.4%) 1.83Rosemary (10.1%) 3.95Rosemary (17%) 5.95Citrosa (3.4%) 1.29Citrosa (10.1%) 2.78Citrosa (17%) 4.62ทม่ี า : htpp : // www.amnh.org / leavn-teach 4. สารไลย่ ุงชนิดใช้ชุบเสอ้ื ผ้า ทารองเทา้ ชุบมงุ้ ฯลฯ ไดแ้ ก่ เพอร์เมทรนิ ซง่ึ มคี ุณสมบัตเิ ปน็ ไดท้ ั้งสารไลย่ ุงและสารก�ำจดั ยงุดว้ ยสว่ น deet ก็ใช้ชุบหรือฉีดพน่ เส้ือผา้ แถบรัดขอ้ มือ (wrist band) ตลอดจนวัสดุปูพน้ื (patio grid) ไดเ้ ชน่ กนั และจากการศกึ ษาของ Stephen P. Frances และคณะ (2014) (11)พบวา่ ชดุ ทหารทช่ี บุ ดว้ ยสารเพอรเ์ มทรนิ ของประเทศออสเตรเลยี สามารถปอ้ งกนั ยงุ ลายกดั ได้ 5. การใชย้ าจดุ กนั ยงุ ปอ้ งกนั ไดโ้ ดยใชส้ ารระเหยออกฤทธข์ิ บั ไลย่ งุ สารออกฤทธบิ์ างชนดิ สามารถท�ำใหเ้ กดิ อาการแพไ้ ด้ ในการเลือกซ้อื ควรตรวจดสู ารออกฤทธิอ์ ยา่ งละเอียดควรเลอื กสารท่มี อี ันตรายนอ้ ย เช่นสารในกลุ่มไพรที รอยด์สงั เคราะห ์ หรือสารสมุนไพรเพราะค่อนขา้ งปลอดภยั ตอ่ มนษุ ย์ 6. การใช้ตาขา่ ยหรอื มงุ้ ลวดป้องกันยงุ กดั เปน็ วิธกี ารทด่ี ี เพราะสามารถปอ้ งกนั ยงุ หนู งู แมลงสาบ ฯลฯ มงุ้ ลวดมหี ลายชนิดเช่น มุ้งลวดอลมู เิ นยี ม มงุ้ ลวดไฟเบอร์ มงุ้ ลวดไนล่อน เปน็ ตน้ ตดิ ตามประตู หน้าตา่ ง ซึ่งจะต้องมกี ารออกแบบอย่างดี ขนาดของมงุ้ลวดท่ีเหมาะสมคอื 16-18 ช่อง ต่อตารางนวิ้ 7. การชบุ วัสดุด้วยสารเคมี (Insecticide-treated material) เชน่ ผา้ มา่ นหนา้ ตา่ งและประตู สามารถป้องกันการเข้ามากดัของยุงลายได้ 8. ไม้ตบยงุ ไฟฟ้า การใช้ไม้ตบยงุ ไฟฟา้ เปน็ วิธปี อ้ งกนั ตนเองทีส่ ะดวก งา่ ย และสามารถฆา่ ยุงใหต้ ายทนั ที 9. การใช้เครื่องไล่ยุงไฟฟ้า ในปัจจุบันเครื่องไล่ยุงไฟฟ้ามีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่สะดวก และเหมาะสมกับลักษณะ การใช้งานเช่น อุปกรณ์ไอระเหยไล่ยุง ที่มีสารออกฤทธ์ิ Metofluthrin จะมีพัดลมช่วยกระจายไอระเหย สามารถมีประสิทธิภาพ ในการปอ้ งกนั ยงุ ได้ แตอ่ ปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สส์ �ำหรบั ไลย่ งุ โดยใชค้ ลน่ื เสยี ง พบวา่ มผี ลตอ่ ยงุ ตวั เตม็ วยั นอ้ ยมาก และไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการไลย่ งุ100 คูม่ อื วิชาการโรคติดเชื้อเดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

10. สมนุ ไพรป้องกนั ยงุ ไดแ้ ก่      10.1 มะกรูด ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Citrus hystri ลักษณะ : มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบหนาและมีรอยคอดตรงกลาง ดอกสขี าว ผวิ ของผลมะกรดู ขรขุ ระเปน็ ปมุ่ ปมทงั้ ลกู นำ�้ ในลกู มรี ส เปรย้ี ว มหี นามแหลม ยาวตามล�ำต้นและกง่ิ ส่วนท่ใี ช้ : ผล วธิ ใี ช ้ : น�ำผวิ ของผลมะกรดู สดมาหน่ั เปน็ ชน้ิ เลก็ ๆ แลว้ น�ำมาโขลกผสมกบั นำ�้ โดยใชอ้ ตั ราสว่ น 1 ตอ่ 1 แลว้ กรองเอาแตส่ ว่ นทเ่ี ปน็ นำ้� มาใช้ ประสิทธิภาพในการป้องกนั การกดั ยงุ ลายบ้าน 1.2 ช่วั โมง, ยุงลายสวน 4.9 ชัว่ โมง 10.2 สะระแหน ่ ชือ่ วิทยาศาสตร์ Mentha arversis  ลกั ษณะ: สะระแหนเ่ ปน็ พชื เลอี้ ยตามพนื้ ดนิ ล�ำตน้ สแี ดงเขม้ ใบกลมขนาด หวั แมม่ อื ใบคอ่ นขา้ งหนา รมิ ใบหยกั โดยรอบและมกี ลนิ่ หอม ส่วนท่ใี ช้ : ใบ วธิ ใี ช้ :  ขย้ีใบสะระแหน่สดทาถูทผ่ี วิ หนังโดยตรง ประสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกันการกดั ยงุ ลายบ้าน 1.7 ชั่วโมง, ยงุ ลายสวน 4.5 ชัว่ โมง 10.3 กระเทยี ม ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Allium sativum  ลกั ษณะ : กระเทียมเปน็ พชื หัว ประกอบด้วยกลบี เล็กๆ เกาะกัน โดยมีเย่ือบางๆ สขี าวห้มุ หัวไว้เป็นช้นั ๆ ใบยาว แข็งและหนาดอกเปน็ ช่อเลก็ ๆ สขี าวรวมกันเปน็ กระจกุ อยทู่ ี่ปลายกา้ นดอก สว่ นทใ่ี ช ้ : หัว วิธีใช้ : น�ำหัวกระเทียมสดมาโขลกผสมกับน้�ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้�ำมาทาผิวหนัง หรือจะใช ้ หัวกระเทียมสด ทาถูที่ผิวหนงั โดยตรงก็ได้ ประสทิ ธภิ าพในการป้องกันการกดั ยุงลายบ้าน - ชั่วโมง, ยงุ ลายสวน - ช่วั โมง 10.4 กะเพรา ชอื่ วิทยาศาสตร์ Ocimum sanotum  ลักษณะ : กะเพราเป็นไม้พุ่มเต้ีย ล�ำต้นและใบมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ท่ีนิยมปลูกตามบา้ นมี 2 ชนดิ คอื กะเพราขาว ใบสเี ขยี ว และ กะเพราแดง ใบมสี อี อกแดงเลอื ดหมู สว่ นทใ่ี ช้ :  ใบ วธิ ใี ช ้ : ขยใ้ี บสดหลายๆ ใบวางไวใ้ กลต้ วั กลนิ่ นำ�้ มนั กะเพราทร่ี ะเหยออก มาจากใบจะชว่ ยไลย่ งุ ไมใ่ หเ้ ขา้ มาใกล้ หรอื จะขยใี้ บสดแลว้ ทาถูท่ี ผิวหนังโดยตรงก็ได้ แตก่ ลน่ิ นำ้� มันกะเพราน้รี ะเหยหมดไปคอ่ น ข้างเร็วจึงควรหมัน่ เปลย่ี นบ่อยครง้ั ประสทิ ธภิ าพในการป้องกันการกดั ยงุ ลายบ้าน 1.3 ชวั่ โมง, ยงุ ลายสวน 7.6 ช่วั โมง 10.5 ว่านนำ�้  ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Acorus calamus ลักษณะ : ว่านน้�ำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามริมหนองน�้ำหรือบริเวณท่ีช้ืนแฉะ เหง้า เป็นเส้นกลมหนา สีขาวออกม่วง เจริญงอกงาม ตามยาวขนานกบั ผวิ ดิน รากเลก็ เป็นฝอย ใบแตกจากเหงา้ ลักษณะเปน็ เสน้ ตรง ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ เหน็ เส้นกลางใบชัดเจน ชอ่ ดอกทรง กระบอกสเี หลืองออกเขยี ว สว่ นที่ใช้ : เหง้า วิธใี ช ้ : ห่นั เหง้าสดเป็นชิน้ เล็กๆ แล้วน�ำมาโขลกผสมกับน�้ำในอัตราสว่ น 1 ต่อ 1 กรองเอาแต่ส่วนทเ่ี ปน็ นำ้� มาใช้ทาผวิ หนัง ประสิทธิภาพในการป้องกนั การกดั ยุงลายบา้ น - ชั่วโมง, ยงุ ลายสวน - ช่ัวโมง คู่มอื วชิ าการโรคติดเชอ้ื เดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี 101 ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

10.6 แมงลัก ชอื่ วิทยาศาสตร์ Ocimum citratum ลกั ษณะ : แมงลกั เปน็ พืชลม้ ลุก สูงประมาณ 60-70 เซนตเิ มตร ดอกสีขาวเปน็ ชอ่ อยูป่ ลายกง่ิ สว่ นทใ่ี ช ้ : ใบ วธิ ีใช ้ : ขยีใ้ บสดทาถูทีผ่ วิ หนัง ประสทิ ธภิ าพในการป้องกนั การกดั ยุงลายบา้ น 2.2 ช่ัวโมง, ยงุ ลายสวน 7.3 ชั่วโมง 10.7 ตะไคร้หอม ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Cymbopogon nardus ลักษณะ : ตะไคร้หอมข้นึ เป็นกอ ลักษณะคล้ายตะไครบ้ ้านแต่ใบยาวกวา่ และ ล�ำตน้ มีสแี ดง ดอกเป็นพวงชอ่ ฝอย ส่วนท่ใี ช ้ : ต้นและใบ วิธีใช ้ : น�ำตน้ และใบสดมาโขลกผสมกับนำ�้ ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่สว่ นท่เี ปน็ นำ้� มาใช้ทาผวิ หนงั หรือน�ำตน้ สด 4-5 ตน้ มา ทบุ แล้ววางไว้ใกลต้ ัวกลนิ่ น้ำ� มันตะไคร้หอมทร่ี ะเหยออกมาจะชว่ ย ไลย่ งุ ไม่ให้เข้ามาใกล้ ประสทิ ธิภาพในการปอ้ งกนั การกดั ยุงลายบา้ น 1.8 ชั่วโมง, ยงุ ลายสวน 5.3 ช่ัวโมง 10.8 ต้นยูคาลปิ ตสั  ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Eucalyptus citriodara ลกั ษณะ : ยูคาลปิ ตสั เป็นไมย้ นื ต้นสงู ใบยาวรี คอ่ นขา้ งหนา สว่ นทีใ่ ช้ : ใบ วธิ ีใช้ : ขยใ้ี บสดถูทผ่ี วิ หนงั ประสิทธิภาพในการป้องกนั การกัด ยงุ ลายบ้าน 1.8 ชั่วโมง, ยุงลายสวน 5.3 ชั่วโมง นอกจากน้ี จากการศึกษาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเร่ือง การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรป้องกันยุง (2015) (11) พบว่า มีสมนุ ไพรอกี หลายชนดิ ทม่ี ปี ระสิทธิภาพในการปอ้ งกันยุง ดงั ตอ่ ไปน้ี 10.9 ขม้นิ ชนั ประสทิ ธิภาพในการป้องกนั การกัด (ชว่ั โมง) ยุงลายบา้ น 2.5 ยุงลายสวน 7.7 10.10 สาบเสือ ประสิทธภิ าพในการป้องกันการกัด (ช่วั โมง) ยงุ ลายบ้าน 1.4 ยงุ ลายสวน 7.5 10.11 คนทีสอ ประสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกันการกดั (ชัว่ โมง) ยงุ ลายบา้ น 1.8 ยงุ ลายสวน 8.0 10.12 มณฑาแดง ประสิทธภิ าพในการปอ้ งกนั การกัด (ชวั่ โมง) ยุงลายบ้าน 1.4 ยงุ ลายสวน 6.0 10.13 ประยงค ์ ประสทิ ธิภาพในการปอ้ งกนั การกัด (ชั่วโมง) ยงุ ลายบา้ น 1.2 ยงุ ลายสวน 5.3102 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชอ้ื เดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

10.14 จนั ทนเ์ ทศ ประสิทธภิ าพในการป้องกนั การกดั (ชว่ั โมง) ยงุ ลายบ้าน 0.8 ยงุ ลายสวน 4.5 10.15 พลู ประสิทธิภาพในการป้องกนั การกดั (ช่ัวโมง) ยุงลายบ้าน 1.3 ยุงลายสวน 7.1 10.16 ฝรั่ง ประสิทธิภาพในการป้องกันการกดั (ชั่วโมง) ยงุ ลายบา้ น 1.3 ยงุ ลายสวน 7.1 10.17 เสมด็ ประสิทธภิ าพในการป้องกนั การกดั (ชว่ั โมง) ยงุ ลายบา้ น 0.7 ยุงลายสวน 7.9 10.18 แก้ว ประสิทธิภาพในการป้องกนั การกัด (ชว่ั โมง) ยงุ ลายบ้าน 1.5 ยงุ ลายสวน 5.7 10.19 ผกั คาวตอง ประสทิ ธิภาพในการป้องกันการกัด (ชว่ั โมง) ยุงลายบา้ น 0.6 ยงุ ลายสวน 7.2 10.20 ผักชีฝร่ัง ประสิทธภิ าพในการปอ้ งกันการกัด (ชว่ั โมง) ยุงลายบา้ น 1.7 ยุงลายสวน 5.0 10.21 กระชาย ประสิทธภิ าพในการป้องกันการกัด (ชั่วโมง) ยงุ ลายบ้าน 2.0 ยุงลายสวน 8.0 10.22 ขิง ประสิทธิภาพในการปอ้ งกนั การกดั (ช่ัวโมง) ยุงลายบา้ น 1.7 ยุงลายสวน 5.9 10.23 มหาหงส์ ประสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกันการกดั (ชั่วโมง) ยุงลายบา้ น 0.3 ยงุ ลายสวน 7.5 10.24 หนมุ านประสานกาย ประสิทธภิ าพในการปอ้ งกนั การกดั (ชว่ั โมง) ยงุ ลายบา้ น 1.9 ยุงลายสวน 8.0 10.25 โหระพา ประสทิ ธภิ าพในการป้องกนั การกัด (ชั่วโมง) ยงุ ลายบ้าน 1.6 ยุงลายสวน 5.8 10.26 ตะไครต้ ้น ประสทิ ธภิ าพในการป้องกันการกัด (ชว่ั โมง) ยุงลายบา้ น 1.7 ยงุ ลายสวน 6.2 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชอ้ื เดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี 103 ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

11. ตน้ ไม้กันยงุ (มอสซี่ บสั เตอร)์ มอสซี่ บสั เตอร์ (Mozzie Buster) ช่ือวิทยาศาสตร์ Pelargonium citrosum เปน็ พชื ทถี่ ูกพัฒนาขนึ้ ดว้ ยวิธกี ารทางพันธุ์ วศิ วกรรม โดยนักพืชสวน ชาวดัทช ์ Dirkvan Leenen ใช้พันธุไ์ ม้ 2 ตระกูล คอื อาฟรกิ ัน เจอราเนยี ม (African Geranium) และ ตะไคร้หอม (Citronella) ลักษณะของมอสซี่ บัสเตอร์ เป็นไม้พุ่ม ใบแตกออกจากทั้งตายอดและตาข้าง ขอบใบหยัก คล้ายกับต้นเจอราเนียม แตม่ กี ลน่ิ แบบตะไครห้ อม ท�ำใหม้ คี ณุ สมบตั ใิ นการไลย่ งุ (แบบ repellent) และประสทิ ธภิ าพจะขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของตน้ และพน้ื ทใี่ นการ งาน เช่นตน้ ไม้กันยงุ อายปุ ระมาณ 2 เดือน จะมีความสูงจากผิวดินประมาณ 6 นิว้ กลน่ิ น้�ำมนั ทีร่ ะเหยออกมาจากตน้ ไมจ้ ะสามารถไล่ ยุงได้ในพนื้ ทปี่ ระมาณ 100 ตารางฟุต เป็นต้น การใชง้ าน ในตน้ ไมก้ นั ยงุ จะมสี ารอยสู่ องชนดิ คอื สารทม่ี คี ณุ สมบตั เิ ปน็ สารดงึ ดดู ยงุ (attractant) และสารไลย่ งุ (repellent) ตน้ ไม้กันยงุ ท่ยี งั เลก็ จะมีสารดึงดูดยุงมากกวา่ สารไล่ยงุ จงึ ควรปลูกไว้ไกลๆ บา้ นเพอ่ื ลอ่ ยงุ ไม่ให้เขา้ มาในบ้าน แตเ่ มอ่ื ต้นไม้กนั ยงุ โตขึน้ พอสมควร สารดึงดดู ยุงจะค่อยๆ ลดปริมาณลง (สังเกตโดยใชว้ ิธดี มดูว่ามีกล่นิ ตะไคร้หอมหรือไม)่ จนสารไล่ยงุ สามารถแสดงคุณสมบัติ ไดเ้ ตม็ ทแ่ี ลว้ คอ่ ยยา้ ยมาปลกู ในกระถาง แลว้ น�ำมาตงั้ ไวใ้ นบรเิ วณทไ่ี มต่ อ้ งการใหย้ งุ เขา้ มารบกวนวางกระถางทปี่ ลกู ตน้ ไมก้ นั ยงุ ไวใ้ นหอ้ ง สามารถไลย่ งุ ไดต้ ลอด 24 ชัว่ โมง การดูแลรกั ษามอสซ่ี บสั เตอร์ (Mozzie Buster) จะเหมือนกบั การดูแลรกั ษาตน้ ไมป้ ระดับทีป่ ลูกในกระถางทั่วไป คือ ชว่ งตอนเชา้ รดนำ�้ วนั ละครง้ั กอ่ นน�ำตน้ ไมไ้ ปไวใ้ นทมี่ แี สงแดดสอ่ งถงึ และมอี ากาศถา่ ยเทสะดวก ทงิ้ ไวท้ งั้ วนั ถงึ เวลาตอนเยน็ กส็ ามารถ น�ำมาใชง้ านไดต้ ามปกติ การใสป่ ยุ๋ ควรใสเ่ ดอื นละครง้ั ใชป้ ยุ๋ สตู ร 16-16-16 (สตู รเสมอ) โดยใสค่ รงั้ ละครงึ่ ชอ้ นชา หรอื ประมาณ 15 เมด็ โรยรอบๆ ขอบกระถาง แล้วรดน้ำ� ตามปกติ (*ถา้ พบวา่ ใบของต้นไม้กนั ยงุ มสี ีเหลอื งแหง้ หรือเห่ียวลง ควรเลม็ ใบนนั้ ออก เพ่อื ใหเ้ กดิ ใบใหม่งอกขึ้นมาแทน) มอสซี่ บัสเตอร์ มีการใชอ้ ย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, สหรฐั อเมริกา, แคนาดา, เยอรมัน, ญี่ปุ่น, สงิ คโปร,์ ไตห้ วนั , มาเลเซยี เนอื่ งจากความปลอดภยั ตอ่ มนษุ ย์ สตั วเ์ ลย้ี ง และสงิ่ แวดลอ้ ม ท�ำใหร้ ฐั บาลของหลายๆ ประเทศ มกี ารสง่ เสรมิ ใหม้ ีการใชก้ ันอยา่ งแพร่หลายยงิ่ ขนึ้ ตน้ ไม้กันยงุ มขี ายท่ีไหน? ตน้ ไมก้ ันยุง มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster) จดั เป็นพันธ์ไุ มท้ ี่ทุกคนสามารถเป็นเจา้ ของได้ เหมือนกับไม้ดอกไม้ประดับท่ัวๆ ไป สามารถหาซื้อได้ตามร้านหรือสถานท่ีขายพันธุ์ไม้ท่ัวไป เช่น ตลาดขายต้นไม้สวนจตุจักรตลาด ค�ำเทยี่ ง จังหวัดเชยี งใหม่ ราคาของตน้ มอสซ่ี บสั เตอร์ ขึน้ อยู่กบั ความสูง และขนาดของพ่มุ เชน่ ภาพที่ 12.2 ต้นมอสซ่ี บัสเตอร์ (5) ทมี่ า : http : // www.vegetweb.com/ ตน้ ไมก้ นั ยงุ พอสซ่ี บสั เตอร์104 คมู่ ือวิชาการโรคตดิ เชื้อเดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

บรรณานกุ รม1. กรมควบคมุ โรคตดิ ตอ่ กระทรวงสาธารณสขุ . 2545. โรคไขเ้ ลอื ดออก ฉบบั ประเกยี รณก. โรงพมิ พช์ มุ นมุ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กรงุ เทพฯ. 160 หนา้ .2. กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ . 2544. ชวี วทิ ยา นเิ วศวทิ ยา และการควบคมุ ยงุ ในประเทศไทย.บรษิ ทั หนงั สอื ดวี นั จ�ำกดั . กรงุ เทพฯ. 126 หนา้ .3. ตน้ ไมก้ นั ยงุ มอสซี่ บสั เตอร.์ [ สบื คน้ 20 ก.ค.2558 ]: เขา้ ถงึ ไดท้ ี่ URL:http//www.vegetweb.com/ตน้ ไมก้ นั ยงุ มอสซี่ บสั เตอร์4. มงุ้ . [ รปู ภาพ ]; เขา้ ถงึ ไดท้ ี่ http://www.rimnam.com/market5. มอสซ่ี บสั เตอร.์ [ รปู ภาพ ]; เขา้ ถงึ ไดท้ ่ี http://www.vegetweb.com6. สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย.์ ทางเลอื กใหมใ่ นการควบคมุ แมลงและสตั วอ์ น่ื ทเี่ ปน็ ปญั หาสาธารณสขุ . เอกสารประกอบ การฝกึ อบรมแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ณ โรงแรมเวยี งอนิ ทร์ จงั หวดั เชยี งราย. วนั ท่ี 11–12 กมุ ภาพนั ธ์ 2558.7. Barnard DR, Posey KH, Smith D, Schreck CE.Mosquito density, biting rate and cage size effects on repellent tests. Med Vet Ento- mol.1998; 12: 39-45.8. Golenda CF, Solberg VB, Burge R, Gambel JM, Wirtz RA. Gender-related efficacy differ- ence to an extended duration formulation of topical N,N-diethyl-m-toluamide (DEET). Am J Trop Med Hyg 1999; 60: 654-7.9. Phasomkusolsil S and Soonwera M. Insect repellent activity of medicinal plant oils against Aedes aegypti (Linn.), Anopheles minimus (Theobald ) and Culex quinquefasciatus Say based on protection time and biting 2010 arailableat : http ://www.amnh.org/learn-teach10. Service MW. Effects of wind on the behaviour and distribution of mosquitoes and black- flies. Int J Biometeorol 1980; 24: 359-60.11. Stephen P.Frances, Rodi Sferopoulos and Bin Lee. Protection From Mosquito Biting Provided by Permethrin-Treated Military Fabrics. Journal of Medical Entomology.51(6):1220-1226.2014 คู่มอื วชิ าการโรคติดเช้อื เดงกีและโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 105 ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

บทที่ 13 การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนเพอ่ื ควบคมุ ยงุ ลาย ผศ.ดร. พิมพ์สุรางค์ เตชะบญุ เสรมิ ศักด์ิ บษุ บง เจาฑานนท์ ปิยะพร หวงั รุ่งทรัพย์ ในโลกปัจจุบัน การมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นยุทธศาสตร์หนงึ่ ของการด�ำเนินงานในระดบั ตา่ งๆ ทางการจัดการบรหิ ารและ ทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ท่ีมีรากฐานมาจากแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย เป็นกระแสของความคิดท่ีท�ำให้ผู้คนในสังคม ตระหนกั วา่ การด�ำเนนิ กจิ การใดๆ กต็ าม ผทู้ ไี่ ดร้ บั ผลกระทบและมสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ควรเปน็ ผมู้ โี อกาสไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะความคดิ เพอ่ื ก�ำหนดความตอ้ งการในชมุ ชนของตนเอง ดงั นน้ั การมสี ว่ นรว่ มจงึ เกยี่ วขอ้ งกบั บคุ คลในทกุ ระดบั ทกุ สว่ น ดงั ทอ่ี งคก์ ารสหประชาชาต1ิ ได้ก�ำหนดความหมายว่า เปน็ การเปดิ โอกาสให้สมาชกิ ทกุ คนในสังคม ไมว่ ่าจะเปน็ สังคมเล็ก หรอื สงั คมขนาดใหญ่ ไดม้ สี ่วนชว่ ยเหลอื อยา่ งเตม็ ทตี่ อ่ สงั คมนน้ั ๆ อนั ไดแ้ ก่ การทปี่ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การ เชน่ การพจิ ารณาปญั หา การตง้ั นโยบาย การตดั สนิ ใจ ประเด็นส�ำคัญต่างๆ เก่ียวกบั การพัฒนาประชาชาตแิ ละการประเมินความต้องการของสงั คมน้นั ๆ และกระทรวงสาธารณสุขก็ได้น�ำมา ใชเ้ ปน็ ยทุ ธศาสตรห์ นง่ึ ของการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ โดยการเสรมิ สรา้ งกจิ กรรมชมุ ชนใหเ้ ขม้ แขง็ (Strengthen community action) เปน็ การ สนับสนุนให้ชุมชนพ่ึงตนเองได้ โดยชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจและจัดการ มีการระดมทรัพยากร และวัตถุภายในชุมชน ท้ังนี้ชุมชนจะต้อง ได้รับข้อมูลขา่ วสาร โอกาสการเรยี นรแู้ ละแหลง่ ทนุ สนับสนนุ ท�ำไมประชาชนตอ้ งมีสว่ นร่วมเพ่อื ปอ้ งกันควบคุมโรคไข้เลอื ดออก จากเนอื้ หาตน้ ๆ ในคมู่ อื น้ี จะเหน็ วา่ โรคไขเ้ ลอื ดออกเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทมี่ ยี งุ ลายเปน็ พาหะน�ำโรค ชนดิ ของเชอ้ื โรคเปน็ เชอ้ื ไวรสั ทย่ี งั ไม่มียารักษาเฉพาะ แต่รักษาตามอาการ ส่วนการป้องกันโรคด้วยวัคซีนยังไม่ประสบผลส�ำเร็จเหมือนอย่างโรคไข้สมองอักเสบ หรือ ไข้หวัดใหญ่ ดังนนั้ การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลอื ดออกซ่งึ มีมาตรการหลักเน้นไปทีก่ ารควบคุมยงุ ลายที่เป็นพาหะน�ำโรค โดยเฉพาะ การท�ำลายแหลง่ ลกู นำ้� ยงุ ลายในภาชนะตา่ งๆทม่ี นี ำ�้ ขงั สะอาดในบา้ นเรอื น หรอื ชมุ ชนทมี่ คี นอาศยั อยู่ ดงั นน้ั ความรว่ มมอื ของประชาชน จงึ เปน็ ปัจจัยส�ำคญั ท่ีจะจดั การกับปญั หาโรคไข้เลอื ดออกให้หมดไปจากชุมชนน้นั บรรลเุ ป้าหมายไดใ้ นท่สี ดุ นอกจากนี้ ยงั ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือระหว่างหนว่ ยงานต่างๆ ในภาครฐั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงความรว่ มมือระหว่างหน่วยงานของ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ส�ำนักอนามัย กรงุ เทพมหานคร กไ็ ดร้ ว่ มประสานนโยบายและแผนปฏบิ ตั งิ านโดยจดั ท�ำบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก2 ตัง้ แตว่ นั ที่ 15 มถิ นุ ายน 2554–15 มถิ นุ ายน 2558 เพ่อื ร่วมมอื กนั ด�ำเนนิ การ 3 ประการคอื 1) จัดการส่งิ แวดลอ้ มเพ่อื ลดแหลง่ เพาะพนั ธ์ยุ ุงลายอยา่ งสมำ�่ เสมอและตอ่ เนอื่ ง 2) ป้องกันควบคมุ และประชาสัมพันธโ์ รคไขเ้ ลอื ดออกในกลุ่มเปา้ หมายท่ีรบั ผดิ ชอบ 3) รณรงคว์ นั ไขเ้ ลือดออกอาเซยี น (ASEAN Dengue Day) วันที่ 15 มถิ ุนายน ของทกุ ปี และขณะนไ้ี ด้ด�ำเนินการจดั ท�ำบนั ทกึ ขอ้ ตกลงฉบบั ใหม่ (15 มถิ นุ ายน 58–15 มถิ นุ ายน 2562) โดยเพม่ิ อกี 3 หนว่ ยงาน คอื กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงอตุ สาหกรรม3 ส�ำหรบั กจิ กรรมทไ่ี ดด้ �ำเนนิ การผา่ นมาไดใ้ ชแ้ นวคดิ “การจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม” และจดั กจิ กรรม Big Cleaning Day ร่วมกับภารกิจหลักท่ีด�ำเนินการของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า ทุกกระทรวงสามารถ จัดกิจกรรม Big Cleaning Day ทุกวนั ที่ 15 ของทกุ เดอื นได้ ซ่ึงจะเป็นกลยทุ ธห์ ลกั ในการท�ำงานเชงิ รุก เพ่ือสรา้ งการมีส่วนร่วมของ แต่ละพื้นท่ี ตั้งแต่ระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติการ จนถึงระดับชุมชน และประชาชน ท่ีจะกระตุ้นให้ร่วมกันจัดการสิ่งแวดล้อม 106 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชือ้ เดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

ในชุมชน และครัวเรือน ซ่ึงเป็นช่องทางหนึ่งท่ีจะท�ำให้บ้านเรือนสะอาด และได้ก�ำจัดหรือท�ำลายแหล่งลูกน้�ำยุงไปด้วย เช่นที่ผ่านมา กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม จะจดั กจิ กรรม Big Cleaning Day ทกุ วนั ที่ 15 ของทกุ เดอื น และดแู ลสง่ิ แวดลอ้ มในพน้ื ที่อทุ ยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สตั วป์ า่ เขตห้ามลา่ สัตวป์ า่ และในศาสนสถาน ใหส้ ะอาด ไม่ใหเ้ ป็นแหล่งเพาะพันธ์ุยงุ ลายการมีส่วนร่วมของประชาชนอยา่ งไร จากประสบการณ์อดีตท่ีผ่านมาปรากฏว่า การควบคุมโรคไข้เลือดออกจะถูกมองว่า เป็นหน้าท่ีของหน่วยงานสาธารณสุขเพียงหนว่ ยงานเดยี ว ประชาชนจะคดิ วา่ รฐั ตอ้ งมาจดั การพน่ หมอกควนั ฆา่ ยงุ ใหห้ มดจากชมุ ชน รฐั ตอ้ งเอาทรายทมี ฟี อสมาใสโ่ อง่ นำ�้ ใชแ้ ตล่ ะหลงั คาเรือน ซง่ึ เป็นการแกป้ ญั หาเฉพาะคร้ังคราวและแบบชวั่ คราว ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดโรคได้ส�ำเรจ็ อย่างตอ่ เนือ่ ง หรอืบางพ้ืนทอี่ าจได้ผลเพยี งชั่วระยะเวลาหนง่ึ สั้นๆ เทา่ นนั้ เพราะปัญหาโรคไขเ้ ลอื ดออกเกดิ จากปจั จัยหลายด้าน ทงั้ ตวั พฤตกิ รรมของคนสงิ่ แวดลอ้ มทม่ี กี ารเกบ็ กกั นำ้� ดมื่ และนำ้� ใช้ รวมทง้ั ตวั ยงุ ทเี่ ปน็ พาหะน�ำโรคไขเ้ ลอื ดออกทม่ี นี สิ ยั ชอบอาศยั อยรู่ ว่ มกบั มนษุ ย์ จงึ มผี ลกระทบโดยตรงตอ่ สขุ ภาพของประชาชนในชมุ ชน ทงั้ ดา้ นการเจบ็ ป่วยซง่ึ ประชาชนทกุ คนมโี อกาสหรอื ความเส่ียงทจี่ ะเปน็ โรคไขเ้ ลือดออกดว้ ยกันทกุ คน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในกลุ่มวัยอายุ 10-24 ปี รวมทั้งการเสียชีวิตถา้ มอี าการรุนแรง หากได้รับการวนิ จิ ฉยั โรคทไ่ี มถ่ ูกต้อง หรอืไดร้ ับการดูแลรกั ษาท่ีไม่ถกู ตอ้ ง การท่ีจะจัดการปัญหาโรคไข้เลือดออก จึงต้องมุ่งเน้นให้ประชาชนมองเห็นภาชนะท่ีมีน้�ำขัง มีลูกน�้ำ และยุง เป็นปัญหาโรค ไขเ้ ลือดออก เปน็ ปญั หาของทุกคน ของชมุ ชนตนเอง ทุกคนตอ้ งมสี ่วนรว่ มกันแก้ไขจดั การ ไม่ใช่ปัญหาของบ้านใคร บา้ นหนึ่ง ดังเชน่ ในอดีตที่ผ่านมา ดังน้ัน การมีส่วนร่วมของประชาชนคือ กระบวนการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนเก่ียวข้องในการด�ำเนินงานจดั การปญั หาโรคไขเ้ ลอื ดออกในชมุ ชน เพอื่ รว่ มกนั พฒั นา รว่ มคดิ รเิ รมิ่ พจิ ารณาตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาของตนเอง รว่ มใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ความรู้ และความช�ำนาญร่วมกับวิทยากรท่ีเหมาะสม และสนับสนุนติดตามผลการปฏิบัติงาน ร่วมคิด ตัดสินใจ การร่วมปฏิบัติและ รบั ผดิ ชอบในเร่ืองต่างๆ อันมีผลกระทบต่อประชาชนเอง และผลส�ำเร็จของชุมชน ประชาชนเองดว้ ยกระบวนการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมส�ำคญั อย่างไร การสง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ใหช้ มุ ชนจงึ เปน็ สง่ิ ส�ำคญั ยงิ่ เพราะเปน็ กระบวนการของการแกป้ ญั หา การตอบสนองความตอ้ งการของคนในชมุ ชน การสง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ทไ่ี ดผ้ ลแนน่ อน ไมส่ ามารถสรา้ งและมอบใหโ้ ดยคนภายนอกชมุ ชนแบบส�ำเรจ็ รปู เพราะความเขม้แข็งของชมุ ชนยอ่ มตอ้ งสร้างดว้ ยชมุ ชนเอง ด้วยการส่งเสริมและแรงสนบั สนนุ จากหน่วยงาน องคก์ ร บคุ คล ซึ่งเปน็ ภาคเี ครือขา่ ยของชมุ ชน ชติ นิลพานชิ และกุลธน ธนาพงศธร4 ไดก้ ลา่ วถึงหลกั การส�ำคัญของการส่งเสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนดังนี้ 1.หลกั การสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั ระหวา่ งทางราชการกบั ประชาชนโดยยดึ ถอื ความศรทั ธาของประชาชนทม่ี ตี อ่ หนว่ ยงานหรอื ตอ่ บคุ คล 2. หลกั การขจดั ความขดั แรง ความขดั แยง้ ในเรอ่ื งผลประโยชนแ์ ละความคดิ จะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การด�ำเนนิ งานพฒั นาเปน็ อยา่ งมากเพราะจะท�ำใหง้ านหยุดชะงักและล้มเหลว 3. หลกั การสรา้ งอดุ มการณแ์ ละคา่ นยิ มในดา้ นความขยนั ความอดทน การรว่ มมอื การซอ่ื สตั ย์ และการพงึ่ ตนเอง เพราะอดุ มการณ์เปน็ เรอื่ งทจ่ี ะจงู ใจประชาชนให้ รว่ มสนบั สนนุ นโยบาย และเปา้ หมายการด�ำเนนิ งาน และอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ขวญั และก�ำลงั ใจ ในการปฏบิ ตั งิ าน 4. การใหก้ ารศกึ ษาอบรมอยา่ งตอ่ เนอื่ งเปน็ การสง่ เสรมิ ใหค้ นมคี วามรคู้ วามคดิ ของตนเอง ชว่ ยใหป้ ระชาชนมน่ั ใจในตนเองมากขน้ึการให้การศกึ ษาอบรมโดยให้ ประชาชนมโี อกาสทดลองคิด ปฏิบัติ จะชว่ ยใหป้ ระชาชนสามารถค้มุ ครองตนเองได้ ร้จู กั วเิ คราะห์เห็นคณุ ค่าของงาน และน่าไปส่กู ารเขา้ รว่ มในการพฒั นา 5. หลักการท�ำงานเปน็ ทมี สามารถนา่ มาใชใ้ นการแสวงหาความรว่ มมือในการพัฒนา 6. หลักการสร้างพลังชมุ ชน การรวมกลุม่ กันท�ำงานจะท�ำใหเ้ กิดพลังในการ ท�ำงานและท�ำให้งานเกดิ ประสทิ ธิภาพขั้นตอนการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนท�ำอยา่ งไร การพัฒนาการมีสว่ นร่วมของประชาชน5 ควรจะมี 4 ขนั้ ตอน คอื 1. การมสี ว่ นรว่ มในการคน้ หาปญั หาและสาเหตขุ องปัญหา เปน็ ขั้นตอนท่ีส�ำคญั เพราะประชาชนเป็นผู้อย่กู ับปญั หา และรูจ้ กัปญั หาของตนเองดที ส่ี ดุ แตอ่ าจมองปญั หาไมไ่ ดเ้ ดน่ ชดั เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั จงึ เปน็ เสมอื นกระจกเงาทคี่ อยสะทอ้ นภาพใหช้ มุ ชนเหน็ ภาพปญั หาและวิเคราะหท์ ราบถึงปัญหาและสาเหตุของปญั หาในทอ้ งถนิ่ 2. การมีส่วนร่วมในการวางแผนด�ำเนินกิจกรรม เพราะการวางแผนด�ำเนินงาน เป็นข้ันตอนที่จะช่วยให้ชุมชนรู้จักวิธีการคิดพัฒนาประสบการณก์ ารเรยี นรขู้ องตนเอง รูจ้ ักการ น�ำเอาปัจจัยข่าวสารขอ้ มูลตา่ งๆ มาใชใ้ นการวางแผน คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เช้ือเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี 107 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

3. การมีสว่ นร่วมในการลงทุนและการปฏบิ ตั ิงาน แมช้ าวชนบทส่วนใหญจ่ ะมี ฐานะยากจน แต่ก็มแี รงงานของตนทส่ี ามารถใช้ เขา้ รว่ มได้ การรว่ มลงทนุ และปฏบิ ตั งิ าน จะท�ำใหช้ มุ ชน รจู้ กั คดิ ตน้ ทนุ ใหก้ บั ตนเองในการด�ำเนนิ งานและจะระมดั ระวงั กจิ กรรมทที่ �ำขนึ้ เพราะจะมีความรสู้ ึกร่วมเป็นเจา้ ของซึง่ ตา่ งไปจากสภาพทก่ี ารลงทุนทงั้ หมดมาจากภายนอก การบ�ำรงุ รกั ษาก็จะไมเ่ กดิ เพราะร้สู กึ วา่ ไมใ่ ชข่ องเรา นอกจากนน้ั การรว่ มปฏบิ ตั งิ านดว้ ยตนเอง ท�ำใหไ้ ดเ้ รยี นรกู้ ารด�ำเนนิ กจิ กรรมอยา่ งใกลช้ ดิ และเมอ่ื เหน็ ประโยชนก์ ส็ ามารถ จะด�ำเนินกิจกรรมชนดิ น้นั ดว้ ยตนเองต่อไปได้ 4. การมสี ว่ นรว่ มในการตดิ ตามและประเมนิ ผลงาน ถา้ หากการตดิ ตามงาน และประเมนิ ผลงานขาดการมสี ว่ นรว่ มแลว้ ชาวชมุ ชน ยอ่ มจะไม่ทราบวา่ งานทท่ี �ำไปน้นั ได้รับผลดี ได้รับประโยชนห์ รือไม่อย่างใด การด�ำเนนิ กิจกรรมอย่างเดียวกนั ในโอกาสตอ่ ไป จงึ อาจจะ ประสบความยากส�ำบาก โดยมกี รณศี กึ ษาของส�ำนกั โรคตดิ ต่อน�ำโดยแมลง เรื่องการพัฒนารปู แบบการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกโดยการมสี ว่ นร่วม ของชุมชน ณ ต�ำบลน้ำ� ดบิ อ�ำเภอปา่ ซาง จงั หวดั ล�ำพูน6 เป็นแนวทางในการน�ำการวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารแบบมีส่วนรว่ มเปน็ เคร่ืองมอื ใน การประยกุ ตใ์ ชใ้ หช้ มุ ชนมสี ว่ นรว่ ม ดว้ ยการตดิ อาวธุ ทางปญั ญาอยา่ งใหม่ โดยผา่ นกจิ กรรมตา่ งๆ อาทิ เชน่ การอบรมพารค์ อบรมจติ ปญั ญา การดูงานบ้านสามขา การดูงานที่ อบต.ดอนแก้ว การท�ำเวทีประชาคมและคืนข้อมูลให้กับชุมชน และอาศัยความร่วมมือจากนักวิจัย ภายนอกหรือทีมเจ้าหนา้ ท่ีสาธารณสขุ ในพ้ืนท่เี ปน็ พ่เี ลย้ี ง อ�ำนวยความสะดวกเป็นสงิ่ แวดลอ้ มทด่ี ใี นด้านวชิ าการปอ้ งกนั โรค เกือ้ หนุน จากทอ้ งถ่ิน พรอ้ มท้ังให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองของกลมุ่ คนทเ่ี รียกตนเองวา่ นกั วจิ ัยชุมชน ซึ่งลุกขน้ึ มาจับมือกัน สร้างพลงั ท�ำใหห้ มบู่ า้ นนา่ อยู่ มคี วามสขุ และปลอดจากโรคไขเ้ ลอื ดออกใหเ้ กดิ ขนึ้ กบั ชมุ ชนของตนเอง การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ว่ นรว่ มไมใ่ ช่ เป็นการ “พาชุมชน” ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพียงอย่างเดียวซึ่งจะไม่เกิดความยั่งยืน ถ้าหากเราไม่ได้เดินไปด้วยกัน ชาวบ้านจะอาศัยนักวิชาการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยช่วยเหลือ สนับสนุนในด้านวิชาการให้เขาได้ปฏิบัติตนเองได้อย่างถูกต้อง ในเรื่องสุขภาพ แต่เขาจะต้องมีพลังและมีความสุขท่ีเป็นจิตอาสาท�ำงานแก้ไขปัญหาต่างๆในชุมชนด้วยตนเอง สรุปการท�ำงานร่วมกับ ชมุ ชนตอ้ งใชส้ ง่ เสรมิ ศกั ยภาพใหผ้ วู้ จิ ยั ชมุ ชนและชาวบา้ นอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสมำ�่ เสมอ ในระหวา่ งเวทปี ระชาคมทกุ ๆ ครงั้ การเรยี นรไู้ ปดว้ ยกนั และจัดการปัญหาไปด้วยกนั จะท�ำใหช้ มุ ชนมคี วามเขม้ แข็งมากข้นึ ขั้นตอนการท�ำงานเพ่ือป้องกันควบคมุ โรคในชมุ ชนมีดงั นี้ 1. กระบวนการเลือกผู้ร่วมทีม โดยการเชิญชวนเครือข่ายในการท�ำเวทีประชาคม อาทิ เช่น แกนน�ำในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ผชู้ ่วยผใู้ หญบ่ า้ น ก�ำนนั สอบต. และอสม. ท่มี คี วามพรอ้ ม มีความเข้มแข็งของการเปน็ ผูน้ �ำ และแกนน�ำ ในการเข้ามารว่ ม 2. การพัฒนาโจทยร์ ่วม (ปัญหา) เจา้ หน้าทีส่ าธารณสุขตอ้ งเหน็ ความส�ำคัญในการพฒั นาโจทยร์ ่วม (ไข้เลือดออก) กับชุมชนโดย ใชห้ ลกั คิดดงั น้ี - รู้ มัน่ ใจ ว่า สิง่ ทีร่ ู้เป็นปญั หาจริงๆ หรอื มีอะไรเพิม่ เตมิ ขยายหรอื เปล่ยี นแปลงไป (โจทย์เรา) - รู้ มนั่ ใจ วา่ ปัญหา ความสนใจ ความหวง่ ใยของชมุ ชนในพนื่ ทค่ี ืออะไร (โจทยเ์ ขา) - รูจ้ กั ธรรมชาติ จุดแข็ง จุดอ่อน (ทนุ ทางสังคม คน เครอื ขา่ ย ทรพั ยากร) ในชมุ ชนดมี ากน้อยเพย่ี งใด เราเห็นช่องทางท่ ี จะไปต่อกบั ชุมชนหรอื ยัง - รู้หรือยังว่าเรามีกระบวนท่า วิธีการในการไปเช่ือมต่อกับชุมชน (โจทย์ร่วม) อย่างไร อย่าลืมต้องสร้างความสัมพันธ์กับ ชาวบ้าน ใหเ้ กิดความศรทั ธา ความไว้วางใจ และความเป็นเพอ่ื น 3. คนื ขอ้ มูล ให้ชมุ ชน เพื่อใหช้ ุมชนเกดิ การสงั เคราะห์สาเหตุ และวเิ คราะหท์ างออกทางแก้ไขปญั หาใหเ้ หมาะสมกับบริบทของ พน้ื ทนี่ ้นั ซ่งึ ไม่มสี ตู รส�ำเร็จรปู 4. กระบวนการท�ำงาน จะเน้นให้ชุมชนด�ำเนินการแก้ปัญหาผ่านการวิเคราะห์จากเหตุและผล ค้นหาความจริงเห็นปัญหา ก�ำหนดปญั หา สรา้ งเคร่ืองมือ เกบ็ ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมลู คนื ขอ้ มูล ผลทไ่ี ดจ้ ากการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนคอื คนพฒั นาและชมุ ชนเขม้ แขง็ คนพฒั นา คนทพี่ ฒั นาแลว้ จะมลี กั ษณะเดน่ 3 ประการ คอื 1) มคี ณุ ภาพ ไดแ้ ก่ ความรู้และทกั ษะในวชิ าชีพ ในเร่อื งสุขภาพอนามยั รวมทัง้ ความร้อู ่นื ๆ ทท่ี �ำใหค้ นสามารถด�ำรงชวี ิตอย่ไู ด้ ในสังคมอย่างมคี ณุ คา่ 2) มีคุณธรรม คนที่มีคุณธรรมจึงจะสามารถนับได้ว่าเป็นคนมีคุณภาพ ค�ำว่า คุณธรรมหมายถึง ความดีที่เป็นคุณสมบัติของ คน มกั ใชค้ กู่ บั จรยิ ธรรม หรอื สามารถกลา่ วไดว้ า่ คนมคี ณุ ธรรมคอื ผทู้ มี่ สี ปั ปรุ สิ ธรรม ซง่ึ ไดแ้ ก่ คนทร่ี จู้ กั เหตุ รจู้ กั ผล รจู้ กั ตน รจู้ กั ประมาณ รจู้ กั กาล ร้จู ักชมุ ชน และรจู้ ักบคุ คล108 ค่มู อื วิชาการโรคติดเชอ้ื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

3) มคี วามสุขสันติ หมายถึง เปน็ คนท่ีมีความสขุ กบั การท�ำงาน กับชวี ิตส่วนตนหรอื ครอบครัวตามอตั ภาพ มีก�ำลงั ใจ มองโลก ในแงด่ ี รู้สัจธรรมของชวี ิต แตไ่ ม่ใช่คนที่แยกตัวโดดเดย่ี วไปจากสงั คม กลา่ วคอื เปน็ คนทีไ่ มห่ าเรื่อง หรอื ทะเลาะเบาะแว้งกบั ใครๆชมุ ชนเข้มแขง็ ในความเปน็ จรงิ คนไม่สามารถอยู่อย่างโดดเด่ียว ตอ้ งรวมกนั เปน็ กลมุ่ เป็นชมุ ชน ดังนน้ั ในการพัฒนาจึงตอ้ งสรา้ งชมุ ชนให้เขม้ แขง็ ด้วย ซึ่งชุมชนเข้มแขง็ มลี ักษณะเด่น 5 ประการ คือ 1) ชมุ ชนใฝร่ ู้ หมายถงึ สมาชกิ กลมุ่ ใหญห่ รอื ทงั้ หมดของชมุ ชนมกี ารเรยี นรู้ เปน็ ชมุ ชนทม่ี คี วามตนื่ ตวั อยตู่ ลอดเวลา คอื ทง้ั ศกึ ษาและรบั รขู้ ่าวสาร ซง่ึ การเรยี นรใู้ นท่ีนไี้ ม่ไดห้ มายความเพียง การอ่าน การฟังแลว้ จดจ�ำเทา่ นั้น แตค่ วามหมายส�ำคัญอยทู่ ก่ี ารเรยี นรูจ้ ากการลงมอื ท�ำหรือเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึง่ อาจเป็นการเรยี นรรู้ ว่ มกัน จนสามารถเป็นความรูจ้ รงิ ซ่งึ เรียกว่า “ภมู ิปัญญา” ของชมุ ชนซึ่งภูมิปญั ญาชุมชนนัน้ ไมใ่ ช่เร่ืองทีเ่ ปน็ เรอ่ื งเกา่ ๆ เท่าน้ัน 2) ชุมชนท่ีสามารถจัดการตนเองได้ ซ่ึงการจัดการประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การวางแผน การจัดองค์กรหรือ การจัดกระบวน การลงมอื ท�ำ และการประเมินผล 3) ชมุ ชนทม่ี จี ติ วญิ ญาณหรอื มชี วี ติ จติ ใจ ไดแ้ ก่ การทส่ี มาชกิ สว่ นใหญม่ คี วามผกู พนั กบั ชมุ ชนท�ำงานเสยี สละเพอ่ื ชมุ ชน มคี วามรสู้ กึเปน็ เจา้ ของชุมชน หวงแหนชุมชน มีสิง่ ที่สมาชิกจะยึดเหน่ียวร่วมกัน เปน็ ตน้ สิ่งต่างๆ เหลา่ น้ีเมอ่ื รวมกันท�ำให้เสมอื นชมุ ชนมชี วี ติ จิตใจ 4) ชมุ ชนทม่ี สี นั ตภิ าพ หมายถงึ ภาพรวมของคนมคี วามสขุ มสี นั ติ ชมุ ชนทมี่ สี นั ตภิ าพจะท�ำใหเ้ ปน็ ศนู ยร์ วมของการเรยี นรรู้ ว่ มกนัส่งเสรมิ ความสามารถในการจดั การ และสรา้ งจิตวญิ ญาณให้ชุมชนได้ 5) ชมุ ชนท่ปี ระกอบดว้ ยสมาชิกทม่ี ีลักษณะของคนพฒั นา (คุณภาพ คุณธรรม สุขสันติ) อาจไมจ่ �ำเป็นต้องทกุ ๆ คน แตต่ อ้ งเปน็สว่ นใหญ่ และมบี ทบาทในชมุ ชน เมอื่ คนพฒั นาและชมุ ชนเขม้ แขง็ กจ็ ะน�ำไปสคู่ วามสขุ สงบของผคู้ น ซงึ่ เปน็ จดุ หมายปลายทางของชวี ติการสร้างพลังชมุ ชนเพ่อื จดั การปัญหาโรคไขเ้ ลอื ดออก การท่ีชุมชนจะบรรลุเป้าหมายไม่ป่วย ไม่ตายด้วยโรคไข้เลือดออกได้ต้องอาศัยชุมชนที่มีความเข้มแข็ง กิจกรรมการเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง จึงเป็นกิจกรรมส�ำคัญของการส่งเสริมสุขภาพชุมชน และชุมชนจะเข้มแข็งได้ต้องอาศัยกระบวนการสร้างพลังชุมชน ทม่ี งุ่ ใหช้ มุ ชนมกี ารพฒั นาศกั ยภาพของตนเอง ใหส้ ามารถจดั สภาพแวดลอ้ มทเี่ ออื้ ตอ่ สขุ ภาพและปรบั ชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องชมุ ชนใหเ้ ปน็ในทางสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ซง่ึ จะชว่ ยใหก้ ารสง่ เสรมิ สขุ ภาพมปี ระสทิ ธภิ าพและยงั่ ยนื กวา่ เนน้ เฉพาะการพฒั นาทเี่ ปน็ ปจั เจกบคุ คลเพยี งอยา่ งเดยี ว ปจั จยั ส�ำคญั ประการหนง่ึ ทที่ �ำใหช้ มุ ชนในประเทศไทยจ�ำนวนมากไมเ่ ขม้ แขง็ คอื การทช่ี มุ ชนถกู ตดั ทอนพลงั เนอ่ื งจากผลกระทบของแนวคดิ การพฒั นาในอดีตทมี องวา่ เจ้าหนา้ ทเ่ี ป็นผ้เู ชยี่ วชาญ เปน็ ผรู้ ู้ปญั หา และมีหน้าที่คดิ หาวิธีการแก้ไขปญั หาและบอกให้ชุมชนปฏิบตั ติ าม การที่ชมุ ชนไมไ่ ดร้ ับการพฒั นาทกั ษะในการคดิ และแกไ้ ขปญั หาของตนเอง ท�ำใหช้ มุ ชนต้องพึ่งพาการชว่ ยเหลอื และชี้แนะจากเจา้ หนา้ ทอี่ ยตู่ ลอดเวลา การพฒั นาตามแนวคดิ เดมิ จงึ เปน็ การลดพลงั ของชมุ ชนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง การสรา้ งพลงั ชมุ ชนใหเ้ ขม้ แขง็ จะเกดิ ขน้ึได้เม่ือเจ้าหน้าท่ีปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ โดยเน้นแนวคิดว่า ชุมชนเป็นผู้รู้ปัญหาและได้รับผลกระทบของปัญหา และถ้าชุมชน มที กั ษะในการระบปุ ญั หา วเิ คราะหค์ วามเปน็ มาและสาเหตขุ องปญั หาแลว้ ชมุ ชนจะสามารถก�ำหนดวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาทเี่ หมาะสมและสอดคล้องกับชุมชน ตลอดจนรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนเจ้าหน้าท่ีจะมีบทบาทเพียงผู้สนับสนุนให้ชุมชนมี การพฒั นาทกั ษะทจี่ �ำเปน็ โดยใชก้ ระบวนการใหช้ มุ ชนเรยี นรแู้ บบมสี ว่ นรว่ ม เรยี นรรู้ ว่ มกนั เปน็ กลมุ่ สามารถคน้ พบศกั ยภาพของตนเองมที กั ษะในการแกไ้ ขปญั หาและการจดั การ ซง่ึ กระบวนการเรยี นรทู้ ใ่ี ชก้ บั ชมุ ชนตอ้ งยดื หยนุ่ สนกุ สนาน เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความนา่ สนใจไมน่ า่ เบอื่กระบวนการเรยี นรดู้ งั กลา่ วเรยี กวา่ กระบวนการศกึ ษาเพือ่ การสร้างพลงัความส�ำคัญของการสร้างพลงั ชมุ ชน กระบวนการสร้างพลัง เป็นกระบวนการศึกษาท่ีเน้นรูปแบบให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนอย่างแท้จริง โดยให้ ผเู้ รยี นรว่ มกนั ระบปุ ญั หาของตน วเิ คราะหห์ าสาเหตแุ ละความเปน็ มาของปญั หา โดยใชว้ จิ ารณญานการมองภาพสงั คมทค่ี วรจะเปน็ และการพฒั นากลวธิ ที จี่ ะแกไ้ ขอปุ สรรค เพอื่ ใหบ้ รรลตุ ามเปา้ หมายทตี่ อ้ งการ การจดั การศกึ ษาตามรปู แบบดงั กลา่ ว จงึ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ พลังในตนเองและกลมุ่ บุคคล กลุ่ม และชุมชนท่ีมีพลัง จะมีความสามารถในการควบคุมและร่วมมือกันแก้ไขเปล่ียนแปลงชีวิต และส่ิงแวดล้อมท่ีตนอาศยั อยู่ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั สภาพความเปน็ จรงิ ในสงั คม ทพ่ี บวา่ บคุ คลและสงั คมรอบขา้ งจะมปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั อยตู่ ลอดเวลา บางครง้ั บคุ คลไม่สามารถเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมหรอื ชวี ิตของตนได้โดยล�ำพงั เพราะสงั คมรอบข้างไม่ให้ความร่วมมอื สนบั สนุน หรือขาดการเห็นพอ้ งจากกลมุ่ บคุ คลในสังคม การเปล่ยี นแปลงท่ีมโี อกาสส�ำเรจ็ ได้มาก จงึ ต้องอาศัยความร่วมมือกันของบุคคลและชมุ ชน คมู่ ือวิชาการโรคติดเชอ้ื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 109 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

แนวคดิ การสรา้ งพลังชุมชนอยา่ งไร จะเน้นการเรียนรู้ท่ีก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงทั้งระดับบุคคล และส่งเสริมการรวมกลุ่มกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและ สง่ิ แวดลอ้ ม การสรา้ งพลงั จงึ เปน็ แนวคดิ ทสี่ ามารถใชเ้ ปน็ ทางเลอื กใหมแ่ ทนแนวคดิ เดมิ ทเ่ี คยเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรแู้ บบทอ่ งจ�ำในเรอื่ งทหี่ า่ งไกล หรอื ไมม่ คี วามส�ำคญั กบั ผเู้ รยี น และเนน้ การใหผ้ เู้ รยี นท�ำตามทบ่ี อก โดยมไิ ดค้ �ำนงึ ถงึ สภาพสงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และเงอ่ื นไขอน่ื ๆ ของผู้เรยี น การศกึ ษาเพอื่ สรา้ งพลงั เปน็ รปู แบบทถี่ กู น�ำมาใชใ้ นการฝกึ อบรมใหบ้ คุ คลและกลมุ่ มพี ลงั เพอื่ น�ำไปสกู่ ารเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม และสภาวะสุขภาพของบุคคลและชุมชน ในขณะเดียวกันมีการจัดท�ำโครงการสุขภาพที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคคลและชุมชนให้มีพลัง ท่ีท�ำใหบ้ คุ คลและกลมุ่ สามารถในการดแู ลและก�ำหนดสภาวะสุขภาพของตนเองได้ ดงั เช่น องค์การอนามยั โลก (7) ไดร้ ะบวุ ่าเป้าหมาย สดุ ทา้ ยของกลวธิ กี ารดแู ลตนเอง คอื การสรา้ งพลงั ใหป้ ระชาชนสามารถก�ำหนดหรอื จดั การสขุ ภาพของตนเองได้ พบวา่ แนวคดิ การศกึ ษา เพือ่ สรา้ งพลงั ไดถ้ ูกน�ำมาใช้ทง้ั ในโรงพยาบาล โรงเรียน และชมุ ชน โดยเฉพาะใชก้ นั มากในโครงการสุขภาพในชุมชน และโรงเรียน บทบาทของเจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสขุ 1. สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนมกี ารรวมตวั กนั อยา่ งเหนยี วแนน่ ผา่ นการจดั กจิ กรรมตา่ งๆ ในชมุ ชน เชน่ งานรน่ื เรงิ กจิ กรรมตามประเพณ/ี วันส�ำคัญตา่ งๆ วันแข่งกีฬาประจ�ำหมบู่ า้ น/ระหว่างหมูบ่ า้ น จดั วันตรวจสขุ ภาพให้คนในชุมชน 2. ส่งเสรมิ ใหเ้ ครอื ข่าย/กลุ่มต่างๆ ในชุมชนได้ท�ำงานร่วมกนั แลกเปล่ียนเรียนรปู้ ระสบการณซ์ ง่ึ กนั และกนั มกี ารช่วยเหลอื ระหวา่ งกลมุ่ ตา่ งๆ เช่น อสม.จดั ทมี เยย่ี มบา้ นรว่ มกับกล่มุ วัยรนุ่ กลุ่มอาชพี สอนงาน 3. สง่ เสริมใหเ้ ปน็ ชุมชนตน้ แบบท่มี พี ลงั เข้มแขง็ และสมานฉนั ท์ เพือ่ เป็นแบบอยา่ งให้ชมุ ชนอ่นื ได้เรยี นรู้ ขน้ั ตอนการเรียนรเู้ พือ่ สร้างพลงั ชุมชน ประกอบดว้ ย    1. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สามารถท�ำได้หลายวิธี ดังน้ี 1.1 จดั เวทวี ิเคราะหส์ ถานการณ์ของหมบู่ ้านเพ่อื ท�ำความเข้าใจและเรยี นรู้รว่ มกนั ในประเดน็ ต่างๆ 1.2 จดั เวทแี ลกเปลี่ยนประสบการณห์ รือจดั ทัศนศึกษาระหวา่ งกล่มุ องค์กรตา่ งๆ ภายในชุมชนและระหว่างชุมชน 1.3 อบรมเพอื่ พฒั นาทักษะเฉพาะดา้ นตา่ งๆ 1.4 ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ 1.5 ถา่ ยถอดประสบการณแ์ ละสรปุ บทเรียนทจ่ี ะน�ำไปสูก่ ารปรบั ปรุง กระบวนการท�ำงานที่เหมาะสม 2. การพฒั นาผนู้ �ำเครอื ขา่ ย เพอ่ื ใหผ้ นู้ �ำเกดิ ความมนั่ ใจในความและความสามารถทม่ี จี ะชว่ ยใหส้ ามารถรเิ รม่ิ กจิ กรรมการแกไ้ ขปญั หา หรอื กจิ กรรมการ พฒั นาไดซ้ ง่ึ สามารถท�ำไค้หลายวธิ ี ดังนี้ 2.1 แลกเปล่ยี น เรยี นfระหว่างผนู้ �ำทั้งภายในและภายนอกชุมชน 2.2 สนบั สนนุ การจัดเวทีแลกเปล่ียนเรยี นเอย่างตอ่ เนือ่ งและสนบั สนนุ ขอ้ มลู ข่าวสารทีจ่ �ำเปน็ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2.3 แลกเปลยี่ นเรยี น!และด�ำเนนิ งานรว่ มกนั ของเครอื ขา่ ยอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะท�ำใหเ้ กดิ กระบวนการจดั การและจดั องคก์ รรว่ มกนั ปัญหา อุปสรรคในการด�ำเนินงานทคี่ วรพิจารณา มีดังน้ี 1. ทัศนะของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าท่ีต้องเปลี่ยนทัศนคติเดิม ต้องรับฟังความเห็นของประชาชนมากขึ้น รับความคิดที่แตกต่าง เคารพภูมปิ ัญญาชาวบ้าน และต้องเปล่ยี นบทบาทตนเอง มที ักษะการเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด 2. รู้จักวธิ กี ารสื่อสารกับประชาชน ร้จู ักการเขา้ หาประชาชน ท่าทกี ารเขา้ ชมุ ชน พูดเพ่อื ต้องการเรียนรูป้ ระสบการณ์จากชมุ ชน และการวางตัวเพอื่ ให้ประชาชน ยอมรับ และไวว้ างใจ 3. ต้องยอมรบั ว่าประชาชนมคี วามเชอ่ื ส่วนบคุ คล มีโลกของเขา ซึง่ ประกอบดว้ ย ความเช่ือ ทศั นคติ ค่านิยม ขนมธรรมเนยี ม ประเพณี ตอ้ งเรียนรูว้ ถิ ีชีวิตของชุมชน เพื่อไปเรยี นรู้ว่าประชาชนเชอ่ื อะไร 4. ร้ขู ้อจ�ำกดั ของตนเอง รู้ว่าเราไม่สามารถทีจ่ ะท�ำทุกอยา่ งด้วยตัวของเราเองได้ 5. เจ้าหนา้ ทต่ี อ้ งศกึ ษาหาความรู้ เพ่ิมเตมิ ตลอดเวลา 6. ท�ำงานด้วยใจรกั และรกั งาน 7. มวี สิ ยั ทศั น์ในการท�ำงาน แนวคดิ การสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก เปน็ แนวคดิ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั อยา่ งกวา้ งขวาง ในขณะน้ี วา่ เปน็ วธิ ปี อ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกอยา่ งยงั่ ยนื การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มในชมุ ชน ตอ้ งใชเ้ วลา กลยทุ ธ์ และทกั ษะตา่ งๆ ของเจา้ หน้าท่เี พ่อื เสรมิ สรา้ ง และถา้ กระท�ำส�ำเรจ็ ผลประโยชน์ทไี่ ด้จะตกอย่กู ับชมุ ชนนนั้ ๆ นนั่ เอง110 คู่มือวิชาการโรคตดิ เชื้อเดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

ตารางท่ี 13.1 ตวั อยา่ งแผนปฏิบัตกิ าร (SLM)8 งานเสริมสรา้ งสขุ ภาพ เฝา้ ระวังปอ้ งกันควบคุมไขเ้ ลือดออก โดยชมุ ชนมีส่วนรว่ ม เป้าประสงคข์ อง กลยุทธส์ �ำคัญ กจิ กรรมส�ำคญั การกระท�ำ/วธิ ที �ำ/กระบวนการอยา่ งไร ตัวชีว้ ดั การกระท�ำ (PI) ตัวชี้วดั ผลส�ำเร็จ(KPI ) ยทุ ธศาสตร์ (1) (2) (3) วิชาการ (4) สังคม (5) (6) (7) 1. ระดบั ประชาชน 1. สร้างนโยบายสาธารณะ 1.1 ปฏิบัติตามข้อตกลงความ 1.1.1 ประสานสนับสนุน 1. ควรขับเคลื่อนนโยบาย - มขี อ้ ตกลงรว่ มระหวา่ งกระทรวง - ระดับความส�ำเร็จของร้อยละ 1.1 ประชาชนปรับเปลยี่ น ผลกั ดนั งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรค ร่วมมือการสร้างเสริมสุขภาพ งานชุมชนในระบบสุขภาพ สาธารณะโดยกองทนุ สขุ ภาพ สาธารณสขุ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เฉล่ียถ่วงน�้ำหนักในการบรรลุเป้า พฤติกรรมถูกต้อง ในการ ไข้เลือดออกและส่งเสริมให้มี ป้องกันควบคุมโรคและภัย ของประเทศ ในชมุ ชน.ใหค้ รอบคลมุ ทว่ั ถงึ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง หมายตามผลผลิตของหน่วยงาน ป้องกันตนเองจากโรคไข้ การด�ำเนนิ งานในกองทนุ สขุ ภาพ สุขภาพระหว่างกระทรวง 1.1.2 บูรณาการเครือข่าย ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ตามทก่ี รมก�ำหนด เลือดออก ของชุมชนโดยชุมชนให้ครอบ สาธารณสุขกระทรวงศึกษา- สุขภาพให้เกิดงานในภาพ ส�ำนักอนามัย กรงุ เทพมหานคร - ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นท่ี คลมุ ทุกต�ำบล ธิการ กระทรวงมหาดไทย รวมทกุ ภาคส่วน กองทนุ สขุ ภาพมคี วามรแู้ ละทกั ษะ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ 1.1.3 สอื่ สารประชาสมั พนั ธ์ สามารถปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ด และสิ่งแวดล้อม ส�ำนกั อนามัย ภ า พ ร ว ม ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ออกทถี่ กู ตอ้ งตามทสี่ �ำนกั โรคตดิ ตอ่ กรงุ เทพมหานคร ทห่ี ลากหลาย น�ำโดยแมลงกรมควบคมุ โรคก�ำหนด 2. ส่งเสริมให้ประชาชนแสดง 2.1 การผลักดันการสร้างและ 2.1.1 ก�ำหนดนิยามพฤติ- 2. ควรก�ำหนดผู้รับผิดชอบ - มี SLM พร้อมตาราง 11 ช่อง ไมน่ อ้ ย กวา่ รอ้ ยละ 80 บทบาทและมีส่วนร่วมดูแล ใช้แผนท่ีทางเดินยุทธศาสตร์ กรรม สุขภาพท่ีถูกต้องและ และใช้แผนท่ียุทธศาสตร์ โรคไข้เลือดออกของส�ำนักโรค สขุ ภาพทถี่ กู ตอ้ งในการปอ้ งกนั ปฏบิ ตั กิ าร (SLM) เปน็ นโยบาย เหมาะสมของโรคไขเ้ ลอื ดออก ฉบบั ปฏบิ ัติการย่อย (Mini- ตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง ควบคุม โรคไขเ้ ลือด ออกโดย สนบั สนุนงานในพน้ื ท่ี 2.1.2 ทบทวนมาตรการ SLM) ขับเคลื่อนงานของ ชุมชน จัดท�ำแนวทางการป้องกัน ชุมชนโดยชมุ ชน ควบคุมโรคไข้เลือดออกที่ ถกู ต้องและเหมาะสม 2.1.3 สื่อสารสร้างความ เข้าใจ แนวทางปฏิบัติที่ ค่มู อื วชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี 111 หลากหลายด้านการแพทย์และสาธารณสขุ 3. สนบั สนนุ การสรา้ งเครอื ขา่ ย 3.1 การเพิ่มศักยภาพแกนน�ำ 3.1.1 เตรียมความพร้อม 3. ชุมชนควรมวี ทิ ยากรของ - จ�ำ น ว น วิ ท ย า ก ร ข อ ง ก ร ม การมีส่วนร่วมดูแลสุขภาพ เครือข่ายสุขภาพทุกภาคส่วน บุคลากรกรมเป็นวิทยากร ชุมชนในพ้ืนที่ต้นแบบแลก ท่ีสนับสนุนงานในระดับเขตพ้ืนท่ี ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม เฝา้ ระวงั มีส่วนร่วมดูแลสุขภาพ ปรับ สร้างและใช้แผนท่ีทางเดิน เปล่ียนเรียนรู้กันเองใน สาธารณสุขและพ้ืนท่ตี น้ แบบ ป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือด เปล่ียนพฤติกรรม ป้องกัน ยทุ ธศาสตรป์ การเสรมิ สรา้ ง ชุมชน สคร.1-12 สนบั สนุน ออกให้ครอบคลุมเป้าหมายก ควบคมุ โรคไข้เลอื ดออก สุขภาพ เฝ้าระวัง ป้องกัน ลมุ่ เส่ียงอยา่ งต่อเนอ่ื ง ควบคมุ โรคสนบั สนนุ งานใน พืน้ ที่ 3.1.2 จดั ท�ำโครงการรองรบั การพฒั นาเครอื ขา่ ยตน้ แบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับ ประเทศ เขตและพนื้ ที่

112 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชือ้ เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี เป้าประสงค์ของ กลยุทธส์ �ำคัญ กิจกรรมส�ำคญั การกระท�ำ/วธิ ที �ำ/กระบวนการอย่างไร ตวั ช้ีวัดการกระท�ำ (PI) ตวั ช้วี ดั ผลส�ำเร็จ(KPI )ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ยทุ ธศาสตร์ (1) (2) (3) วิชาการ (4) สังคม (5) (6) (7) 3.1.3 ประเมนิ ผลกระบวน การและถอดบทเรียนการ ผลักดันงานในเครือข่าย ต้นแบบภาพรวมกรม และ สคร 1-12 4. สรา้ งกระบวนการเรยี นรใู้ น 4.1 การจัดท�ำเครื่องมือเสริม 4.1.1 จดั ตัง้ คณะท�ำงาน - จ�ำนวนเคร่ืองมือเสริมสร้าง - ร้อยละของประชาชนมีความรู้ การป้องกันโรคไข้เลือดออก สร้างกระบวนการเรียนรู้ 4.1.2 จัดท�ำเคร่ืองมอื เพือ่ กระบวนการเรียนรู้การป้องกัน และทักษะในการป้องกันตนเอง ในชมุ ชน การป้องกันตนเองจากโรค เสริมสร้างกระบวนการ ตนเองในชมุ ชน จากโรคไขเ้ ลอื ดออก (ไมน่ อ้ ยกวา่ ไข้เลอื ดออก เรยี นรกู้ ารป้องกันตนเอง ร้อยละ 80) 4.1.3 จดั ท�ำคมู่ อื /แนวทาง 4.1.4 ทบทวนและเผยแพร่ 5. พฒั นาความรแู้ ละทกั ษะใน 5.1 ถ่ายทอดองค์ความรู้เร่ือง 5.1.1. จัดประชุมถ่ายทอด -จ�ำนวนผู้เข้าร่วมประชมุ การปอ้ งกนั โรคไข้เลอื ดออก โรคไขเ้ ลอื ดออก ความรเู้ รอ่ื งโรคไขเ้ ลอื ดออก 1.ระดับประชาชน 1. พัฒนาระบบเฝ้าระวงั และ 1.1 การสร้างแกนน�ำเครือ 1.1.1 สรา้ งและอบรมแกน 1. อปท. ควรมอบอ�ำนาจให้ - จ�ำนวนผุ้เข้ารับการอบรมแกน - ร้อยละของชุมชนต้นแบบมี 1.2 ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง ติดตามงานโรคมาลาเรีย ข่ายเฝ้าระวังปัญหาโรค น�ำเฝา้ ระวงั ระดบั เขต คณะอสม/อมมด�ำเนนิ การ น�ำเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ปัญหาโรค ระบบเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ครอบคลมุ ทุกระดบั ไข้เลือดออกในระดับเขต 1.1.2 ทบทวนมาตรการ ไข้เลือดออกในระดับเขตท่ีได้รับ ตามที่ชุมชนก�ำหนด ไม่น้อยกว่า ขยายพน้ื ท่ี ผลกั ดนั งานสชู่ มุ ชน ตดิ ตามงานเฝา้ ระวงั ปญั หา การอบรม รอ้ ยละ 50 โรคไข้เลือดออกในระดับ เขตและระดบั ประเทศ 1.1.3 จัดท�ำมาตรการ ตดิ ตามงานเฝา้ ระวงั ปญั หา โรคไข้เลือดออกในระดับ ประเทศและสคร.ท่ี 1-12 2 .พัฒนาเครื่องมือการเฝ้า 2.1 การจัดท�ำเคร่ืองมือการ 2.1.1 ท บ ท ว น ศึ ก ษ า 2. ควรเรง่ งานไปสกู่ ารสรา้ ง - จ�ำนวนคู่มือปฏิบัติงานโรค ระวังและติดตามปัญหาการ ตดิ ตามงานเฝา้ ระวงั ปญั หาโรค วเิ คราะห์ ขอ้ มลู ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ระบบเฝ้าระวังโดย อสม. ไข้เลือดออกส�ำหรับบุคลากรและ ด�ำเนินงานโรคไข้เลือดออก ไขเ้ ลอื ดออก 2.1.2 จดั ท�ำคมู่ อื แนวทาง และใชข้ อ้ มลู สอ่ื สารความรู้ อาสาสมัครท่ีส�ำนักโรคติดต่อน�ำ การติดตามงานเฝ้าระวัง เป็นกิจกรรมเสริมในการ โดยแมลงและสคร.1-12 สนบั สนนุ ปัญหาโรคไข้เลอื ดออก ด�ำเนินงานเฝ้าระวังโรค 2.1.3 เผยแพร่เครื่องมือ ไขเ้ ลอื ด ออกในชมุ ชน ต้นแบบที่ผลิตสนับสนุน พ้นื ท่ี

เป้าประสงคข์ อง กลยทุ ธ์ส�ำคัญ กิจกรรมส�ำคัญ การกระท�ำ/วธิ ีท�ำ/กระบวนการอยา่ งไร ตวั ชีว้ ดั การกระท�ำ (PI) ตัวชวี้ ัดผลส�ำเร็จ(KPI ) ยุทธศาสตร์ (1) (2) (3) วิชาการ (4) สังคม (5) (6) (7) 3. พัฒนาช่องทางการส่ือสาร 3.1 การจดั ท�ำชอ่ งทางสอ่ื สาร 3.1.1 ทบทวนช่องทาง 3. ควรสร้างระบบเฝ้าระวงั - จ�ำนวนช่องทางการเผยแพร่ ทหี่ ลากหลาย ขอ้ มลู เฝา้ ระวงั โรคไขเ้ ลอื ดออก กระบวนการสอ่ื สารของกรม สขุ ภาพทกุ มติ ิ (รวมมติ ทิ าง ข้อมูลเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก ท่ีหลากหลายในภาพรวมของ และสคร.ที่ 1-12 สงั คม)โดย อปท.มอบอ�ำนาจ ของส�ำนักโรคติดต่อน�ำโดยแมลง ประเทศและสคร 1-12 3.1.2 ก�ำหนดชอ่ งทางการ พรอ้ มการสนบั สนนุ ใหค้ ณะ และ สคร.1-12 สื่อสารที่หลากหลายและ อสม/อมมในต�ำบลนั้น เหมาะสม ด�ำเนนิ การ 3.1.3 ถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ข้อมลู ข่าวสารเฝา้ ระวงั โรค ไขเ้ ลอื ดออกสนบั สนนุ พน้ื ท่ี 1.ระดบั ประชาชน 1. ส นั บ ส นุ น ก า ร พั ฒ น า 1.1 การประชมุ ปฏบิ ตั กิ ารสรา้ ง 1.2 ตดิ ตามประเมนิ ผลการ ก�ำหนด เป็นเครื่องมือ - จ�ำนวนโครงการของชุมชน - สุขภาพ ป้องกัน ควบคุมโรค 1.2 ชมุ ชน มโี ครงการจดั การ ศักยภาพการจัดท�ำแผนและ โครงการชุมชน/แผนต�ำบล ด�ำเนนิ งาน สนบั สนนุ โครงการชุมชน ต้นแบบที่เกี่ยวข้องกับจัดการ ไข้เลือดออกตามที่ชุมชนก�ำหนด ปัญหาสุขภาพ โรคไข้เลือด โครงการของชมุ ชนและ คณะ ในพนื้ ทเ่ี ครอื ขา่ ยตน้ แบบตาม 1.3 จัดให้มีเวทีแลกเปล่ียน แก้ไขปัญหาสุขภาพ ป้องกัน ผา่ นการอนมุ ตั จิ ากกองทนุ สขุ ภาพ ออกของชุมชนโดยชมุ ชน กรรมการกองทุนสุขภาพ นโยบายกรมและพ้ืนที่แบบ เรียนร้เู รือ่ งน้ีในชมุ ชน ควบคุมโรคไขเ้ ลือดออก อยา่ งน้อย 1 โครงการ บรู ณากรและมสี ว่ นรว่ ม 1.4 ศกึ ษาดงู านพนื้ ทต่ี น้ แบบ 1.5 ถอดบทเรียน และสรปุ บทเรยี นเพอ่ื การพฒั นางาน 2. สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนใช้ 1. สรา้ งเวทแี ลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 1.จดั ท�ำประชาคม 2. คณะกรรมการกองทนุ ฯ - จ�ำนวนภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ทเี่ ปน็ - จ�ำนวนโครงการที่ใช้ภูมิปัญญา ภู มิ ป ั ญ ญ า ท ้ อ ง ถิ่ น ใ น ก า ร สุขภาพต�ำบลควรแต่งต้ัง นวัตกรรมท่ีมีและได้น�ำมาใช้ใน ท้องถ่ินในการป้องกันควบคุมโรค ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก ผู้รับผิดชอบเป็นผู้จัดการ ทอ้ งถน่ิ ไข้เลือดออกท่ีได้รับอนุมัติจาก ค่มู อื วชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี 113 แผนปฏิบัติการ โดยให้มี กองทนุด้านการแพทย์และสาธารณสขุ บ ท บ า ท ห น ้ า ที่ ชั ด เ จ น ชุมชนมีการใช้ภูมิปัญญา ท ้ อ ง ถ่ิ น ใ น ก า ร ป ้ อ ง กั น ควบคุมโรคไข้เลือดออก ไดแ้ กส่ มนุ ไพรตะไครห้ อม/ นวัตกรรม 2. ระดบั ภาคี 1. สร้างเครือข่ายสัมพันธ ์ 1.1 การจัดท�ำข้อตกลงความ 1.1.1 ก�ำหนดและทบทวน - ชุมชนควรพิจารณาใช้ - จ�ำนวนเครือข่ายแต่ละกลุ่ม - ความพึงพอใจของเครือข่าย 2.1 หน่วยงานภาครฐั ท้ังใน/ ด้านวิชาการทั้งในและนอก ร่วมมือ ทางวิชาการระหว่าง กลุ่มเครือข่ายวิชาการให้ ขอ้ มลู มาตรฐานงานประกอบ ที่เขา้ มามีส่วนรว่ ม แต่ละกลุ่มตามที่ก�ำหนดไม่น้อย นอกกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข องค์กร ครอบคลุม พันธกิจของ การจัดท�ำโครงการ และ กว่ารอ้ ยละ 75 ผลักดัน นโยบายสนับสนุน องค์การ ก�ำหนดมาตรการทางสงั คม - ความไม่พึงพอใจของเครือข่าย และประสานงานวิชาการ ในชมุ ชน แต่ละกลุ่มตามที่ก�ำหนดไม่น้อย อยา่ งเข้มแขง็ กว่ารอ้ ยละ 75

114 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชือ้ เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี เปา้ ประสงคข์ อง กลยทุ ธ์ส�ำคญั กจิ กรรมส�ำคญั การกระท�ำ/วิธีท�ำ/กระบวนการอยา่ งไร ตวั ชีว้ ัดการกระท�ำ (PI) ตัวช้วี ัดผลส�ำเรจ็ (KPI )ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ยุทธศาสตร์ (1) (2) (3) วชิ าการ (4) สงั คม (5) (6) (7) 1.1.2 จัดท�ำและปรับปรุง ขอ้ มลู เครอื ขา่ ยวชิ าการ ให้ ทันสมยั 1.1.3 ป ร ะ ชุ ม ท บ ท ว น บทบาทของเครอื ขา่ ย 1.1.4 จั ด ท�ำ ข ้ อ ต ก ล ง ความร่วมมือทางวิชาการ สนับสนุนงานวิชาการของ พน้ื ทตี่ ามบทบาทของเครอื ข่าย 1.1.5 ด�ำเนินการตามข้อ ตกลง 1.1.6 ติดตามก�ำกับและ ประเมินผลงานความพึง พอใจและไม่พึงพอใจของ เครือข่ายวิชาการแต่ละ กลุ่มอย่างเป็นระบบและ ต่อเน่อื ง 2. สร้างและพัฒนามาตรฐาน 2.1 การเรง่ รดั ใหเ้ กดิ มาตรฐาน 2.1.1 แต่งต้งั คณะผเู้ ชยี่ ว- - ชุมชนควรพิจารณาใช้ - จ�ำนวนมาตรฐานที่ส�ำนักโรค - หน่วยงานเครือข่ายสุขภาพ งานสร้างเสริมสุขภาพเฝ้า การด�ำเนินงาน เฝ้าระวัง ชาญและคณะท�ำงานเพ่ือ ขอ้ มลู มาตรฐานงานประกอบ ติดต่อน�ำโดยแมลงจดั ท�ำ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานงานเฝ้าระวัง ระวัง ป้องกันควบคุมโรคไข้ ป้องกันโรคไข้เลอื ดออก จดั ท�ำมาตรฐาน/แนวทาง การจัดท�ำโครงการ และ ป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือดออก เลือดออกอย่างต่อเน่ือง 2.1.2 รวบรวมสบื คน้ ขอ้ มลู ก�ำหนดมาตรการทางสงั คม ตามเกณฑ์ท่ีส�ำนักโรคติดต่อน�ำ ทางวิชาการที่เก่ียวข้อง ในชุมชน โดยแมลงกรมควบคุมโรคก�ำหนด กบั โรค 2.1.3 ก�ำ ห น ด ผั ง ก า ร ด�ำเนินงาน 2.1.4 ประชมุ คณะท�ำงาน และผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดท�ำ (ร่าง) เอกสาร/คู่มือ/ แนวทางการประเมินผล มาตรฐานและเกณฑ์ช้วี ัด

เปา้ ประสงคข์ อง กลยุทธ์ส�ำคัญ กิจกรรมส�ำคัญ การกระท�ำ/วธิ ีท�ำ/กระบวนการอยา่ งไร ตัวช้วี ดั การกระท�ำ (PI) ตัวชวี้ ดั ผลส�ำเร็จ(KPI ) ยุทธศาสตร์ (1) (2) (3) วิชาการ (4) สังคม (5) (6) (7) 2.1.5 ประชมุ คณะผเู้ ชย่ี ว- ชาญพจิ ารณาแกไ้ ขฉบบั รา่ ง 2.1.6 ทดสอบเอกสาร/ คู่มือ/แนวทาง ประเมิน มาตรฐานรวมทั้งเกณฑ ์ ช้ี วั ด ใ น จั ง ห วั ด ที มี โ ร ค ไขเ้ ลอื ดออกสงู 2.1.7 ปรับปรุง เอกสาร/ คู่มือ/แนวทาง รวมทั้งการ ประเมินมาตรฐานและ เกณฑ์ช้วี ดั 2.1.8 จัดท�ำต้นฉบับพิมพ์ เผยแพร่เป็นมาตรฐานใน การปฏบิ ัติงาน 3. พัฒนาองค์ความรู้และ 3.1 การศึกษา ค้นคว้า วิจัย 3.1.1 ศึ ก ษ า ร ว บ ร ว ม - จ�ำนวนองคค์ วามรดู้ า้ นการเฝา้ - จ�ำนวนองค์ความรู้ด้านการเฝ้า เทคโนโลยีด้านการเฝ้าระวัง พัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ ทบทวน องค์ความรู ้ ระวังป้องกันควบคุมโรคไข้เลือด ระวังป้องกันควบคุมโรคมาลาเรีย ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือด และเทคโนโลยีการเฝ้าระวัง วรรณกรรมและผลงาน ออกของส�ำนักโรคติดต่อน�ำโดย ของส�ำนักโรคติดต่อน�ำโดยแมลง ออกทไี่ ดม้ าตรฐานทางวชิ าการ ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือด การศึกษาที่เกี่ยวข้องด้าน แมลง ไดร้ บั การเผยแพรต่ ามเป้าหมายที่ อ อ ก ท่ี ไ ด ้ ม า ต ร ฐ า น ท า ง การเฝ้าระวัง ป้องกัน วชิ าการ ควบคุมโรคไข้เลือดออก กรมควบคมุ โรคก�ำหนด ค่มู อื วชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี 115 จากแหล่งข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ต่างๆ ท้ังภายในประเทศ และตา่ งประเทศ 3.1.2 จัดท�ำโครงร่างการ วิจัยเสนอแนะกรรมการ วจิ ยั ท่เี กยี่ วขอ้ ง 3.1.3 วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ สรปุ เรยี บเรยี งจดั ท�ำรายงาน การศกึ ษาและเผยแพร่ 3.1.4 ประเมนิ ผล

116 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เชือ้ เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี เปา้ ประสงค์ของ กลยุทธส์ �ำคัญ กิจกรรมส�ำคัญ การกระท�ำ/วิธีท�ำ/กระบวนการอย่างไร ตวั ชี้วัดการกระท�ำ (PI) ตัวชวี้ ดั ผลส�ำเรจ็ (KPI )ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ยุทธศาสตร์ (1) (2) (3) วิชาการ (4) สงั คม (5) (6) (7) 2. ระดับภาคี 1. ส่งเสริมการใช้แผนท่ีทาง 1.1 ก า ร จั ด ท�ำ แ ผ น ง า น / 1.1.1 จัดเวทีประชาคม 1. อปท.ควรจัดให้มีการท�ำ - มีแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ - ความพึงพอใจของเครือข่าย 2.2 อปท. รว่ มตดั สนิ ใจ และ เดินยุทธศาสตร์ร่วมกันทุก โครงการร่วมกับท้องถิ่นและ 1.1.2 จัดท�ำขอ้ ตกลง แผนทคี่ วามคดิ ของทอ้ งถน่ิ ของ อปท.จากการมีส่วนร่วมของ อปท.ทก่ี �ำหนดไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ75 ขับเคลื่อนงานเฝ้าระวัง ระดับของเครือข่ายทุกภาค เครือข่าย องค์กรชุมชน 1.1.3 ร่วมเป็นวิทยากร /ต�ำบล ใหม่ ในโอกาสอนั ควร ชุมชนในพนื้ ทต่ี น้ แบบ ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือด สว่ น 2.1 การจัดท�ำข้อตกลงความ กระบวนการ เพื่อให้โอกาสประชาชนได้ - ข้อตกลงร่วมมือระหว่างอปท. ออกและสนบั สนนุ ทรพั ยากร 2. สร้างเครือข่ายวิชาการ ร่วมมือ ระหว่างอปท.ในการ 1.1.4 ใช้กระบวนการมี มีสว่ นรว่ มใหม้ ากที่สุด ในการขับเคลอ่ื นงานสุขภาพ อยา่ งเพยี งพอและมสี ว่ นรว่ ม สัมพันธ์ด้านเสริมสร้าง ขับเคลือ่ นงานสุขภาพ สว่ นรว่ ม 2 แผนทค่ี วามคดิ ควรแสดง เฝา้ ระวัง ปอ้ งกนั ควบคมุ โรค สุขภาพ เฝ้าระวังป้องกัน 1.1.5 สรุปบทเรียนและ ความส�ำเรจ็ ทเี่ คยมแี ละควร อย่างตอ่ เนอ่ื ง ค ว บ คุ ม โ ร ค ไ ข ้ เ ลื อ ด อ อ ก ประเมินผล ดงึ เขา้ มาเปน็ สว่ นประกอบ ระหว่างอปท. 2.1.1 ป ร ะ ชุ ม ท บ ท ว น หรืออย่างน้อยเป็นจุดต้ัง บทบาทของเครอื ขา่ ยอปท. ตน้ ของมาตรการทางสงั คม 2.1.2 จั ด ท�ำ ข ้ อ ต ก ล ง ที่จะออกในช่องที่ 5 ของ ความรว่ มมอื การขบั เคลอ่ื น ตารางนิยามเป้าประสงค์ งานสุขภาพระหว่างอปท. (ตาราง 11 ช่อง) 2.1.3 ด�ำเนินการตามข้อ 3. การท�ำข้อตกลงอาจท�ำ ตกลง ในระดับท้องถิ่นระหว่าง 2.1.4 ติดตามก�ำกับและ หน่วยงานสาธารณสุขและ ประเมินผลงานความพึง อปท. พอใจและไม่พึงพอใจของ เครือข่ายอย่างเป็นระบบ และตอ่ เน่ือง 2. ระดับภาคี 1. สง่ เสรมิ และพฒั นาเครอื ขา่ ย 1.1 การพัฒนาภาคีเครือข่าย 1.1.1 ศึ ก ษ า ท บ ท ว น - กลุ่มองค์กรในและนอก - จ�ำนวนองคก์ รในและนอกพนื้ ท่ี - ความพึงพอใจของเครือข่าย 2.3 กลุ่มองค์กรในและนอก อสม./อมม /ชุมชน/องค์การ ด้านสุขภาพให้มีความรู้และ วิเคราะห์ สถานการณ์ พ้ืนที่ ควรสร้างเครือข่าย ท่ีเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุม กลุ่มองค์กรในและนอกพื้นท่ี พ้ืนทม่ี บี ทบาท สาธารณะในพนื้ ทมี่ บี ทบาทใน ทักษะการบริหารจัดการงาน นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ ความ ท�ำขอ้ ตกลงร่วม โรคไขเ้ ลือดออก แต่ละกลุ่มท่ีก�ำหนดไม่น้อยกว่า การพฒั นา แกไ้ ขปญั หาโรคไข้ ป้องกัน ควบคุมโรคและสิ่ง ต้องการของภาคีเครือข่าย ร้อยละ 75 เลอื ดออกในชมุ ชน ไดแ้ ก่ การ แวดล้อมทเ่ี ปน็ ภยั สุขภาพ งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคและ พฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม ภัยสุขภาพตาม นโยบาย กระทรวงสาธารณสขุ /กรมฯ 1.1.2 ประสานการด�ำเนนิ งานกบั ภาคเี ครอื ขา่ ยจดั ท�ำ บนั ทกึ ขอ้ ตกลง/แผนความ รว่ มมอื ในการด�ำเนินงาน

เป้าประสงคข์ อง กลยทุ ธส์ �ำคัญ กิจกรรมส�ำคญั การกระท�ำ/วธิ ีท�ำ/กระบวนการอยา่ งไร ตัวชี้วดั การกระท�ำ (PI) ตัวชว้ี ัดผลส�ำเรจ็ (KPI ) ยทุ ธศาสตร์ (1) (2) (3) วชิ าการ (4) สังคม (5) (6) (7) 1.1.3 จดั กระบวนการและ เ ว ที แ ล ก เ ป ล่ี ย น เ รี ย น รู ้ ศกึ ษาดงู าน 1.1.4 จดั ท�ำและสนบั สนนุ คู่มือ แนวทางการด�ำเนิน งาน แบบบันทึก / รายงาน มาตรฐานการด�ำเนินงาน 1.1.5 การประชมุ / อบรม พัฒนาศักยภาพบุคลากร เครือขา่ ย 1.1.6 จั ด ป ร ะ ชุ ม ค ณ ะ ท�ำ ง า น ติ ด ต า ม ค ว า ม ก้าวหน้าและรายงานผล การด�ำเนินงานตามแผน 1.1.7 นิ เ ท ศ ติ ด ต า ม ป ร ะ เ มิ น ผ ล แ ล ะ จั ด ท�ำ รายงาน 1.1.8 ส�ำ ร ว จ ค ว า ม พึ ง พอใจของหน่วยงานภาคี ค่มู อื วชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลือดออกเดงกี 117 เครอื ขา่ ยด้านการแพทย์และสาธารณสขุ 1.1.9 สรปุ บทเรยี นเพอื่ น�ำ ไปปรับปรุงกระบวนการ พัฒนาภาคีเครือข่าย

เอกสารอา้ งองิ 1. United Nations. Department of International Economics and Social Affares. In Popular Participation as a Strategy for Promotion Community Level Action and National Development. Washington: United Nations, 1981; 88-89 2. ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. บนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก วนั ท่ี 15 มถิ นุ ายน 2554–15 มถิ นุ ายน 2558 ระหวา่ งหนว่ ย งานของกระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม และส�ำนกั อนามยั . กรงุ เทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสขุ , 2554. 3. ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. บนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก วนั ท่ี 15 มถิ นุ ายน 2558–15 มถิ นุ ายน 2562 ระหวา่ งหนว่ ย งานของกระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ส�ำนกั อนามยั กระทรวงการทอ่ งเทยี่ ว และกฬี า กระทรวงวฒั นธรรม และกระทรวงอตุ สาหกรรม. กรงุ เทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสขุ , 2558. 4. ชติ นลิ พานชิ และกลุ ธน ธนาพงศธร. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการพฒั นา ชนบท. ใน เอกสารการสอนชดุ วชิ าความรทู้ วั่ ไปส�ำหรบั การพฒั นาระดบั ต�ำบล หมบู่ า้ น (พมิ พค์ รง้ั ที่ 3, หนว่ ยท่ี 8) .นนทบรุ :ี โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2532. 5. ธรี พงษ์ แกว้ หาวงษ.์ กระบวนการเสรมิ สรา้ งชมุ ชนเขม้ แขง็ ประชาคม ประชาสงั คม . ขอนแกน่ : คลงั นานาวทิ ยา, 2543. 6. ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. รายงานการวจิ ยั การพฒั นารปู แบบการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกโดยการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน กรณศี กึ ษา ต�ำบลนำ้� ดบิ อ�ำเภอปา่ ซาง จงั หวดั ล�ำพนู ,กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนกั พมิ พอ์ กั ษรกราฟฟคิ แอนดด์ ไี ซน,์ 2555. 7. WHO. Community Involvement in Health Development: Challenging Health Services. Report of a WHO Study Group. 1991. Geneva: World Health Organization, 1991 (WHO Technical Report Series, No. 809). 8. ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. แนวทางการด�ำเนนิ งานพฒั นาอ�ำเภอเขม้ แขง็ ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก. กรงุ เทพมหานคร: กระทรวงสาธารณสขุ , 2557.118 คมู่ อื วชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกีและโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

บทที่ 14 การด�ำ เนนิ งานเฝ้าระวัง ปอ้ งกนั ควบคุมโรคไขเ้ ลอื ดออก เพือ่ การตอบโต้ภาวะฉุกเฉนินพ. สราวุธ สุวณั ณะทัพพะชนพร ตู้ทองจริ ะพฒั น์ เกตแุ กว้ ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข (Public Health Emergency)1 หมายถึง สถานการณ์ หรือเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้น อยา่ งฉบั พลนั โดยไม่ไดม้ ีการคาดการณเ์ อาไว้ ก่อนมแี นวโนม้ จะท�ำใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอยา่ งรนุ แรง โดยอาจเป็นเหตกุ ารณผ์ ดิ ปกตทิ ไ่ี มเ่ คยพบมากอ่ น เชน่ โรคอบุ ตั ใิ หม่ โรคอบุ ตั ซิ ำ�้ หรอื อาจเปน็ เหตกุ ารณผ์ ดิ ปกตอิ น่ื ทมี่ โี อกาสหรอื มแี นวโนม้ ทจี่ ะแพรแ่ ละสรา้ งความเสียหายยงั พืน้ ทอ่ี ่ืน ซง่ึ จําเป็นตอ้ งใชก้ ระบวนการตดั สนิ ใจเพ่ือกระทําอยา่ งใดอย่างหนง่ึ เพ่ือลดหรอื ระงับผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ตอ่ ชวี ติ ร่างกายจิตใจและทรัพยส์ ินของ ประชาชน โดยเราสามารถแบง่ กลุ่มของภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสุขออกไดเ้ ปน็ 6 กลุม่ ดงั น้ี 1. การใช้อาวธุ ชวี ภาพ (Bioterrorism emergencies) เช้ือท่อี าจน�ำมาใชไ้ ด้ เชน่ แอนแทรกซ์ และ ไข้ทรพษิ 2. ภาวะฉุกเฉินจากสารเคมี (Chemical emergencies) ได้แก่ chlorine หรือสารท่ีมีฤทธ์ิท�ำลายระบบประสาท เช่น Organophosphate 3. ภาวะฉุกเฉินทางรังสี (Radiation emergencies) ซ่ึงเป็นได้ท้ังอุบัติเหตุและการก่อการร้าย (Nuclear & Radiological accident/terrorism) 4. อบุ ตั เิ หตุกลุ่มชน (Mass casualties) จากอุบัตภิ ยั ขนาดใหญ่ เชน่ การระเบิด (Explosions/Blasts) ผิวหนงั ไหม้ (Burn) และการบาดเจ็บ (Injuries) 5. ภัยจากธรรมชาตแิ ละอากาศเลวรา้ ย (Natural disasters and severe wealth) เชน่ วาตภัย และธรณีพิบัติภัย 6. การระบาดของโรคท่พี บบ่อยในพื้นที่และอุบตั ิการณข์ องโรคที่ส�ำคญั (Recent Outbreaks and Incidents) เช่น การระบาดของอาหารเปน็ พษิ ไขเ้ ลือดออก และโรคติดเช้ืออุบตั ิใหม่ เช่น SARS และ ไขห้ วดั นก  การจัดการภาวะฉุกเฉินท้ัง 3 ระยะ มีความสัมพันธ์กันในลักษณะเป็นวงจร โดยในแต่ละระยะมีความเชื่อมโยงซ่ึงกันและกัน กลา่ วคือ การเตรยี มความพร้อมทีด่ ีจะน�ำไปสกู่ ารตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉินไดใ้ นทนั ทเี มอื่ เกดิ เหตุการณฉ์ ุกเฉินข้ึน การตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิจะน�ำไปสู่การฟืน้ ฟูสภาพที่ ระยะเวลาต่างกันซ่งึ ในแต่ละระยะตอ้ งมกี ารเตรยี มความพรอ้ มดงั นี้ คู่มือวิชาการโรคตดิ เช้ือเดงกีและโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 119 ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

1. ระยะก่อนเกดิ ภยั : ขั้นเตรยี มการ 1.1.การบรรเทาภัย (Mitigation) หมายถงึ กจิ กรรมตา่ งๆ ทดี่ �ำเนนิ การเพอ่ื ก�ำจัดหรอื ลดโอกาสในการเกิดหรอื ลดผลกระทบ ของการเกดิ ภยั พิบัติ หรือเหตุการณฉ์ กุ เฉนิ ทางสาธารณสุขการก�ำหนดมาตรการปอ้ งกันภยั การจัดท�ำโครงการบรรเทาภยั กอ่ นเกดิ ภัย การจัดท�ำข้อมูลพื้นที่เส่ียงภัย ข้อมูลเครือข่ายหน่วยงาน ระบบเฝ้าระวังหรือมีระบบข่าวกรองที่ดีในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได ้ จึงมีประโยชน์ในการช่วยให้ชุมชนสามารถด�ำเนินการต่างๆ เพ่ือป้องกันผลกระทบจากภัยพิบัติหรืหายนะที่จะเกิดขึ้นได้ ในข้ันตอนนี้ ต้องบูรณาการทรัพยากรจากทกุ ภาคส่วนอย่างจรงิ จัง โดยเฉพาะการวางแผนทุกด้าน 1.2.การเตรียมความพรอ้ ม (Preparedness) หมายถึง การรองรบั เหตุการณฉ์ กุ เฉินเปน็ ระยะที่เกดิ ต่อเน่อื งจากบรรเทาภยั เป็นข้ันตอนในการวางแผนเพ่ือการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพเม่ือเกิดภัยพิบัติ โดยสามารถระดมทรัพยากรที่มีอยู่ได้ อยา่ งทนั ทว่ งที ในขน้ั ตอนการเตรียมความพร้อมนี้จะช่วยคุ้มครองชวี ิตและลดการเกดิ หายนะ โดยการเตรียมคนใหพ้ รอ้ มและสามารถ ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสมมีแผนการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน มีการฝึกอบรมความรู้และทักษะในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน มีการซ้อมแผน รวมถงึ การเตรยี มพร้อมทรพั ยากรทีจ่ �ำเป็น การจดั ระบบสื่อสาร ทจ่ี �ำเปน็ ในภาวะฉุกเฉิน 2. ระยะระหวา่ งเกดิ ภยั : ขัน้ ด�ำเนนิ การ การตอบโตเ้ หตกุ ารณฉ์ ุกเฉนิ (Response) ตอ้ งด�ำเนินการทนั ทีเม่ือเกิดภัยพิบัติ มีผู้สงั่ การในสถานท่ี (Field Commander) บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การจัดบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน การควบคุมยับยั้ง การเกิดโรคและภยั สุขภาพทีอ่ าจเกิดข้ึนต้องจัดใหม้ ีระบบเฝา้ ระวงั ภายใน 5 วนั หลงั เกิดภัยพิบตั ิ 3. ระยะหลังเกิดภัย : ระยะฟื้นฟูการฟื้นฟูบูรณะ (Recovery) เป็นระยะสุดท้ายในการจัดวงจรการจัดการภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสขุ ซงึ่ ตอ้ งด�ำเนนิ การตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ ระบบทกุ อยา่ งจะกลบั สสู่ ภาวะปกติ หรอื ใกลเ้ คยี งปกตโิ ดยเนน้ ใหม้ รี ะบบเฝา้ ระวงั โรคตดิ ตอ่ และส่งมอบภารกจิ ให้หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้องและการฟ้นื ฟทู างดา้ นจติ ใจของผู้ประสบภยั และครอบครวั การจัดระดับความรนุ แรงของสาธารณภยั ในการจัดการภาวะฉกุ เฉินทางสาธารณสุข2 ความรนุ แรงระดับที่ 1 : สาธารณภยั ทเ่ี กิดขน้ึ ทัว่ ไปหรือมีขนาดเลก็ ซ่งึ หน่วยงานสาธารณสุขในระดับอ�ำเภอสามารถจัดการ ได้และควบคุมได้ ความรุนแรงระดับที่ 2 : สาธารณภัยขนาดกลาง หน่วยงานสาธารณสุขในระดับอ�ำเภอไม่สามารถจัดการได้ต้องอาศัย การสนบั สนุนความช่วยเหลอื จากส�ำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั ในการจัดการระงบั ภยั ความรนุ แรงระดบั ท่ี 3 : สาธารณภยั ขนาดใหญท่ ม่ี ผี ลกระทบรนุ แรงกวา้ งขวาง หรอื สาธารณภยั ทจี่ �ำเปน็ ตอ้ ง อาศยั ผเู้ ชยี่ วชาญ หรืออุปกรณ์พิเศษ ต้องอาศัยการสนับสนุนความช่วยเหลือจากหน่วยงานหลายส่วนราชการภายในเขตจังหวัด/จังหวัดใกล้เคียง และระดับเขต ซึ่งส�ำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และจัดการระงับภัยได้ ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวง สาธารณสขุ ระดบั เขต เขา้ ควบคมุ สถานการณแ์ ละระดมทรพั ยากร จากจงั หวดั ใกลเ้ คยี งภายในเขตเขา้ จดั การระงบั ภยั และหากไมส่ ามารถ จดั การไดใ้ ห้รายงานใหป้ ลัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าควบคมุ สถานการณ์ ความรนุ แรงระดบั ที่ 4 : สาธารณภยั ขนาดใหญท่ มี่ ผี ลกระทบรา้ ยแรงอยา่ งยง่ิ นายกรฐั มนตรหี รอื รองนายกรฐั มนตรที น่ี ายก รัฐมนตรีมอบหมาย เปน็ ผู้ควบคุมสถานการณ์ ในดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุขรฐั มนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสขุ เปน็ ผู้ด�ำเนนิ การ ควบคมุ สถานการณก์ รณที ไ่ี ด้รบั มอบหมาย จากนายกรฐั มนตรหี รอื รองนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เพ่ือให้หน่วยงานในสังกัดพร้อมเผชิญกับสาธารณภัยหรือภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขท่ีเกิดข้ึนได้อย่างทันท่วงทีและ มีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ก�ำหนดให้การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเป็นนโยบายที่ส�ำคัญ เพ่ือให้หน่วยงาน ในสงั กดั จดั ท�ำแผนปฏบิ ตั กิ ารการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แบบบรู ณาการดา้ นการแพทยแ์ ละการสาธารณสขุ เพอื่ เปน็ แผนรองรบั การด�ำเนินงานของกระทรวง โดยก�ำหนดแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรและอื่นใด ให้สอดคล้องและครอบคลุมถึง สาธารณภัยต่างๆ และให้สามารถน�ำมาใช้เพ่ือประสานและบูรณาการการด�ำเนินงานของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการสนับสนุน การบรหิ ารจัดการกับสาธารณภยั ที่เกิดขึ้น ภายใต้แผนป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื นแห่งชาติ120 คู่มอื วิชาการโรคตดิ เชื้อเดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

การบรหิ ารการควบคมุ โรคในภาวะฉกุ เฉนิ จ�ำเปน็ ตอ้ งมเี ครอื่ งมอื ในการบรหิ ารจดั การ ซง่ึ หมายถงึ ระบบบญั ชาการสถานการณ์(Incident Command System; ICS) คือระบบท่ีใช้เพื่อสั่งการควบคุมและประสานความร่วมมือของแต่ละหน่วยงานในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบดังกล่าวเป็นระบบปฏิบัติการเพื่อระดมทรัพยากร ในการจัดการให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลระบบบญั ชาการเหตุฉกุ เฉนิ 3 (Incident Command System-ICS) ระบบจัดการตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ ที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับขยายให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ได ้ มีประเด็นส�ำคัญท่ีต้องค�ำนึงถงึ ในระบบ ICS (4 C) คอื ● การวางระบบบัญชาการและส่งั การที่ชดั เจน (Command) ● การประสานงานกับหนว่ ยงานต่างๆ (Coordination) ● การสร้างความร่วมมอื ระหว่างหน่วยงานทใ่ี หค้ วามช่วยเหลือใหเ้ กิดการผนกึ ก�ำลัง (Cooperation) ● การส่อื สารและการประชาสัมพันธ์ (Communication)แนวทางระบบส่ังการและบริหารจัดการการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน วตั ถุประสงค์ เพื่อให้กลไกในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินสามารถขับเคล่ือนหรือตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะที่เกิดผลกระทบจาก โรคท่ีเปน็ ปัญหา หรอื ภยั พบิ ตั ิ การด�ำเนินงาน 1. แต่งตัง้ คณะท�ำงานเตรยี มพร้อมตอบโต้ภาวะฉกุ เฉิน 2. พิจารณาจดั ท�ำแนวทางระบบส่งั การและบริหารจัดการ ตามบทบาทและโครงสรา้ งของทีมงาน กรณีเมอ่ื มีเหตุการณ์ผดิ ปกติเกิดข้ึน ซึง่ ประกอบด้วย ระบบสงั่ การหลัก และระบบสง่ั การยอ่ ยระบบสั่งการหลักและการบรหิ ารจดั การในการตอบโต้ภาวะฉกุ เฉนิ ● ประธาน ( Incident Commander) อ�ำนาจส่ังการท้งั หมด ● ผู้ประสานงาน (Coordinator) มหี น้าท่ดี �ำเนนิ การตามที่ Incident Commander มอบหมาย และประสานคณะกรรมการด�ำเนนิ งาน ● คณะกรรมการด�ำเนินงาน ซึ่งแบ่งเป็น 5 ด้าน ตามโครงสร้างของการเตรียมพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHER) คือ 1. คณะกรรมการดา้ นวางแผน (Planning) หนา้ ทหี่ ลกั คอื เฝา้ ระวงั สถานการณโ์ รคและรายงานให้ Incident Command-er และประธานคณะกรรมการทกุ คณะทราบเปน็ ระยะ เมอ่ื พบมเี หตกุ ารณผ์ ดิ ปกตติ อ้ งรายงานให้ Incident Commander ทราบ พรอ้ มท้งั จดั เตรียมและค้นควา้ ข้อมลู ต่างๆ ทเี่ ก่ยี วข้องกับองคป์ ระกอบของการเกิดโรคทจ่ี ะสง่ ผลต่อเหตกุ ารณ์นนั้ คู่มอื วิชาการโรคตดิ เชอื้ เดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี 121 ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

● เหตกุ ารณ์ปกติ – ด�ำเนนิ การตามมาตรฐานการควบคุมโรค ● เหตุการณผ์ ดิ ปกติ – เสนอใหม้ กี ารเปดิ War room พร้อมข้อมูล เหตผุ ล 2. คณะกรรมการด้านปฏิบัติการ (Operations) เม่ือมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดข้ึนและได้รับการสั่งการจาก Incident Commander ต้องเตรียมความพร้อมในการจัดทีมเพื่อสนับสนุนในการลงปฏิบัติการในพื้นที่ตามความเหมาะสมหลังจากท่ีได้มีการ ประชมุ ร่วมกนั แลว้ 3. คณะกรรมการด้านส่งก�ำลังบ�ำรุง (Logistics) มีบทบาทหน้าที่ด้านการเตรียมความพร้อมในการจัดหาส่ิงสนับสนุน การเก็บรักษา การกระจายสิง่ สนับสนุน และการอ�ำนวยความสะดวกในการปฏิบตั ิงานของคณะกรรมการดา้ นปฏบิ ัตกิ ารและเครือขา่ ย ในสงั กัดกรมควบคุมโรคและนอกสังกัดกรมควบคุมโรค ● งานพสั ดุ เครอื่ งมอื สารเคมี ฯลฯ ● ยานพาหนะ 4. คณะกรรมการด้านงบประมาณและการบริหาร (Financial/Administration) มีบทบาทในการประสานและบริหาร จดั การอ�ำนวยความสะดวกในเรื่องการเงนิ ให้ทีมปฏบิ ตั ิการสามารถปฏบิ ัตภิ ารกิจไดค้ ลอ่ งตวั 5. คณะกรรมการด้านส่ือสารความเสี่ยง (Risk communication) มีหน้าท่ีในการจัดเตรียมข้อมูล องค์ความรู้ที่จ�ำเป็น เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ท่ีจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ันๆ นอกจากน้ีต้องพิจารณาถึงรูปแบบของส่ือ ช่องทาง และวิธีการที่เหมาะสม ในการเผยแพร่เพอื่ ใหถ้ ึงกลุ่มเป้าหมาย การด�ำเนนิ การเพอื่ การตอบโตภ้ าวะฉุกเฉินจากสถานการณ์โรคไขเ้ ลือดออก การด�ำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก เพื่อลดการป่วยและการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกให้น้อยที่สุด โดยมุ่งเน้นการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ในการลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ต่างๆ ท่ัวประเทศ ด้วยการบริหารจัดการ ตั้งแต่การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ติดตามสรุปสถานการณ์ และด�ำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอย่างเป็นระบบ และรวดเรว็ ทัง้ ในภาวะปกตแิ ละภาวะฉกุ เฉิน ซึงในภาวะฉุกเฉินแบง่ เป็น 4 ระดบั มนี ิยามหรือเกณฑด์ ังต่อไปนี้ ภาวะปกติ หมายถึง การรายงานผูป้ ่วยสงสยั DHF/DF ระดับต�ำบลหรือหมูบ่ ้าน และสามารถควบคุมโรคไมใ่ หเ้ กดิ การกระจาย ในพนื้ ทีไ่ ด้ภายใน 4 สัปดาห์ (28 วัน) ภาวะผดิ ปกติ หมายถงึ มกี ารรายงานผปู้ ว่ ย/ผสู้ งสยั เปน็ โรคไขเ้ ลอื ดออกสงู กวา่ ปกตแิ ละตอ่ เนอื่ งเกนิ 2 สปั ดาห์ โดยจ�ำแนกระดบั ความรุนแรงจากแนวโน้มการรายงานผู้ป่วยตอ่ เนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาหต์ ดิ ต่อกนั และมีการกระจายของโรคในระดบั พ้ืนท่ี ดังนี้ ระดบั อ�ำเภอ หมายถงึ มรี ายงานผูป้ ว่ ยสงสัย DHF/DF ตอ่ เนอื่ งเกนิ 2 สปั ดาห์ มากกว่า 2 ต�ำบล ระดับจงั หวัด หมายถงึ มีรายงานผู้ปว่ ยสงสัย DHF/DF ตอ่ เน่อื งเกิน 2 สปั ดาห์ มากกว่า 2 อ�ำเภอ ระดับเขต หมายถงึ มรี ายงานผู้ป่วยสงสัย DHF/DF เกินกว่าค่ามธั ยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และมีรายงานผูป้ ว่ ยต่อเน่ือง เกนิ 2 สปั ดาห์ มากกว่า 2 จงั หวดั ระดับประเทศ หมายถงึ มรี ายงานผู้ป่วยสงสัยDHF/DF เกนิ กวา่ คา่ มธั ยฐาน 5 ปียอ้ นหลงั เกินกวา่ 1.5 เทา่ แผนยทุ ธศาสตรก์ ารด�ำเนินการเฝา้ ระวัง ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก ก�ำหนดให้มีการด�ำเนินการแบ่งเปน็ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะกอ่ นการระบาด ซึ่งเปน็ ช่วงเวลาทีม่ ผี ปู้ ว่ ยน้อยทส่ี ดุ ระยะระบาด ซ่งึ เป็นระยะที่มีการระบาดและมีจ�ำนวนผปู้ ว่ ยสูงสดุ และหลัง การระบาด เปน็ ระยะทจี่ �ำนวนผปู้ ่วยลดลงอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ระยะท่ี 1 กอ่ นการระบาด (เดอื น ม.ค.- เม.ย ) การด�ำเนินงานในระยะน้ีมีความส�ำคัญมากเน่ืองจากเป็นระยะท่ีมีรายงานจ�ำนวนผู้ป่วยน้อยท่ีสุด การป้องกันโรคล่วงหน้า จะเป็นการตัดวงจรการแพร่ไวรัสในช่วงหน้าแล้ง เพื่อจัดการสภาพแวดล้อม แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในชุมชน เฝ้าระวัง สอบสวนโรค ในพน้ื ทเ่ี กดิ โรค และเตรียมความพรอ้ มของทรัพยากรในการรองรับการระบาด ไดแ้ ก่ คน เงิน วสั ดุอปุ กรณ์ การวางแผนในการบรหิ าร จัดการในแต่ละระยะ เนื่องจากหากเกิดการระบาดแล้วการควบคุมจะท�ำได้ล�ำบาก และสูญเสียงบประมาณในการด�ำเนินงานมากข้ึน โดยมมี าตรการ ดังนี้ 1. การวเิ คราะห์ติดตามสถานการณ์โรครายพน้ื ที่ 2. การประเมินพื้นทเี่ ส่ยี ง (risk assessment) และกลมุ่ เสยี่ ง (high risk group)122 คูม่ อื วิชาการโรคตดิ เชอ้ื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

3. การด�ำเนนิ การปอ้ งกันโรคเชิงรุก โดยเนน้ กิจกรรมการจดั การสภาพแวดล้อมในพ้นื ทเ่ี สย่ี ง ทีไ่ ดจ้ ากการวิเคราะหข์ อ้ มลูไมใ่ หม้ แี หลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลาย เนน้ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน กลมุ่ เสยี่ ง ไดแ้ ก่ ชมุ ชน โรงเรยี น และหรอื สถานทต่ี า่ งๆ ในบรบิ ทของชมุ ชน(6 ร. ได้แก่ โรงเรอื น โรงพยาบาล โรงเรียน โรงธรรม โรงแรม และโรงงาน) 4. วางแผนการด�ำเนนิ การควบคุมโรคตามสถานการณข์ องพื้นที่ โดยเฉพาะการสอบสวนและควบคมุ โรคในผ้ปู ่วยรายแรก(Index case) ที่เกิดขึน้ ในพ้นื ที่ และควบคมุ โรคใหส้ งบ โดยไม่เกนิ 2nd generation (28 วนั ) โดยการพน่ สารเคมี ควบคุมแหล่งเพาะพนั ธุ์ลูกน�้ำยงุ ลาย การค้นหาผู้ปว่ ยเพมิ่ เติม (ตามมาตรฐานการควบคุมการระบาด) 5. การประสานและสนับสนุนการด�ำเนินการของชุมชนในการก�ำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน�้ำยุงลาย ในพ้ืนที่เสี่ยงหรือพ้ืนที่เกดิ โรคอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 6. ตดิ ตามประเมินสถานการณ์จากคา่ ดัชนีลกู นำ�้ ยุงลาย (HI CI) เพือ่ ประเมนิ ความเสยี่ งการเกิดโรคในพนื้ ที่ 7. การเตรียมความพร้อมดา้ นบคุ ลากร เครอ่ื งมอื และงบประมาณ เพื่อการควบคุมโรคในสถานการณท์ ไ่ี ม่สามารถด�ำเนินการได้ตามเปา้ หมายระยะที่ 2 ระยะระบาด (เดอื น พ.ค.-ส.ค.) ในชว่ งนม้ี รี ายงานพบผปู้ ว่ ยสงสยั โรคไขเ้ ลอื ดออกตามนยิ ามทเี่ กดิ ภาวะฉกุ เฉนิ ดงั นนั้ เพอ่ื เพอ่ื ควบคมุ การระบาดไมใ่ หเ้ พมิ่ มากขน้ึและปอ้ งกนั ผปู้ ว่ ยไขเ้ ลอื ดออกเสยี ชวี ติ ตอ้ งมรี ะบบคดั กรองและการสง่ ตอ่ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและรวดเรว็ พรอ้ มทงั้ มกี ารเรง่ รดั ในการท�ำลายแหลง่ เพาะพันธ์ุลกู นำ�้ ยงุ ลายในชมุ ชน โรงเรียน สถานบรกิ ารสาธารณสขุ โรงพยาบาล วดั มสั ยดิ และแหลง่ ท่องเที่ยว ต้องมีการควบคมุการระบาดของโรคใหเ้ กิดนอ้ ยท่สี ุด ต้องระงบั การแพร่เชอื้ เฝ้าระวงั โรค คน้ หาผ้ปู ว่ ย สง่ ตรวจวินจิ ฉยั และควบคุมยงุ พาหะ โดยด�ำเนินการตามตามมาตรการ ดังนี้ - การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการระบาดโรคไข้เลือดออก (War room) โดยจัดระบบบัญชาการและสั่งการ จากการวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหา ซ่ึงต้องมีข้อส่ังการและก�ำหนดมาตรการส�ำคัญในการแก้ไขปัญหา ท้ังน้ีองค์ประกอบของ ห้องปฏิบัติการควรต้องมีหน่วยงานเครือข่ายท้ังในส่วนสาธารณสุขและหน่วยงานที่เก่ียวข้องในพื้นที่ ได้แก่ องค์กรปกครองท้องถิ่นโรงเรียน และหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโรคเข้าร่วมประชุม โดยมีผู้มีอ�ำนาจด้านการบริหาร ผู้บริหารการปกครอง ท้องถนิ่ เปน็ ประธาน และทีมงานสาธารณสขุ เป็นเลขานุการ - มาตรการการควบคุมโรค เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพ่ือก�ำหนดพ้ืนท่ีท่ีเป็นปัญหาส�ำคัญ (การเกิดโรคหนาแน่น) และด�ำเนินการควบคมุ โรคตามมาตรฐาน และติดตามสถานการณจ์ นกว่าจะกลับเขา้ สู่ภาวะปกติ - การด�ำเนินการควบคุมโรคตามมาตรฐาน ดงั น4้ี ●สอบสวนการระบาด (Outbreak Investigation) ในกรณที เี่ กดิ โรคเปน็ กลมุ่ กอ้ น ใหร้ บี ท�ำการสอบสวนการระบาดทนั ทีเพือ่ หาเชื้อกอ่ โรค และสาเหตกุ ารระบาด เพ่ือการวางแผนในการควบคุมในครั้งน้ี และป้องกนั การระบาดในคร้งั ตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ●การสอ่ื สารความเสย่ี งและแจง้ เตอื นประชาชนถงึ สถานการณร์ ะบาดโรคไขเ้ ลอื ดออก และการใหค้ วามรใู้ นการปฏบิ ตั ิตนในการปอ้ งกนั ตนเองและครอบครวั โดยมงุ่ เนน้ ความเขา้ ใจในการจดั การสงิ่ แวดลอ้ มไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ รายในบา้ นและรอบบา้ น ● การวินิจฉัยและรายงานผปู้ ว่ ย/ผสู้ งสยั อยา่ งรวดเรว็ ● การควบคมุ โรคโดยการใชก้ ารพน่ สารเคมที �ำลายยงุ ตวั เตม็ วยั ภายใน 24 ชวั่ โมง จากวนั ทไ่ี ดร้ บั รายงานผปู้ ว่ ย/ผสู้ งสยัทั้งนี้การพ่นสารเคมีควรก�ำหนดพื้นท่ีรัศมีการควบคุมโรคอย่างน้อย 100 เมตร และการพ่นสารเคมีควรด�ำเนินการอย่างน้อย 2 ครั้งภายใน 7 วนั การควบคมุ โรคควรตอ้ งพจิ ารณาการใชเ้ ครอ่ื งพน่ สารเคมขี นาดเลก็ หรอื ขนาดใหญต่ ามความเหมาะสมของพนื้ ทท่ี เ่ี กดิ ปญั หา ● การรณรงคต์ ามกระบวนการการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในพนื้ ทเ่ี กดิ โรค โดยมงุ่ เนน้ การจดั การสงิ่ แวดลอ้ มไมใ่ หม้ แี หลง่เพาะพันธย์ งุ ลาย ● การส่งเสริมให้ประชาชนในพ้ืนท่ีใช้วิธีการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด โดยเฉพาะยุงลายที่ชอบออกหากินในเวลากลางวัน ได้แก่ การใชย้ าทากนั ยงุ และสวมใส่เสือ้ ผา้ มิดชดิ ● การตดิ ตามประเมินผลการควบคุมโรค โดยพจิ ารณาจากความชกุ ชมุ ของลกู นำ�้ ยงุ ลาย และการเกิดผูป้ ่วยรายใหม่หลังจากการควบคมุ โรค 28 วัน คูม่ ือวิชาการโรคติดเชือ้ เดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี 123 ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

เมื่อมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นในชุมชนหรือหมู่บ้าน เจ้าหน้าท่ีต้องด�ำเนินการควบคุมโรคด้วยวิธีการต่างๆ เพ่ือให้โรค ไข้เลือดออกสงบโดยเร็วท่ีสุด โดยด�ำเนินการพ่นสารเคมีก�ำจัดยุงตัวเต็มวัยที่มีเช้ือไวรัสไข้เลือดออก ก�ำจัดหรือท�ำลายแหล่งเพาะพันธุ์ และลกู นำ�้ ยงุ ลายในบรเิ วณบา้ นและรอบๆ บา้ นผปู้ ว่ ย เพอื่ ไมใ่ หแ้ พรร่ ะบาดไปยงั ชมุ ชนอน่ื ๆ หากเรม่ิ ด�ำเนนิ การควบคมุ ไดช้ า้ โรคจะแพร่ กระจายออกไปอย่างกว้างขวางจนเกินก�ำลังที่จะควบคุมได้ โดยปกติแล้วโรคไข้เลือดออกมักจะระบาดในฤดูฝน คือ ประมาณเดือน พฤษภาคมถึงเดือนกันยายนหรือตุลาคมของทุกปี แต่ท้ังน้ีสภาพภูมิอากาศในแต่ละท้องถ่ินมีความแตกต่างกัน จึงท�ำให้ช่วงเวลาที่โรค ไข้เลือดออกระบาดมีความแตกต่างกัน ส่ิงทีส่ �ำคญั ที่สดุ ส�ำหรับการควบคุมการระบาด คอื การเฝา้ ระวงั โรคควบคุมโรคที่รวดเรว็ ถูกตอ้ ง และครบถ้วน เพื่อใหร้ ู้การเกิด โรคได้โดยรวดเร็ว ระยะที่ 3 ระยะหลังการระบาด (เดอื น ก.ย.- ธ.ค.) เปน็ ช่วงทเ่ี รมิ่ มีการรายงานผู้ปว่ ยทล่ี ดน้อยลง ควบคุมโรคไดเ้ รม่ิ กลับเข้าสภู่ าวะปกติ โดยด�ำเนนิ การตามตามมาตรการ ดงั นี้ - วเิ คราะห์และเรียนรู้ตามกระบวนการถอดบทเรียน เพ่ือสุปประเดน็ ปญั หาและเตรียมการแกไ้ ขปญั หาในปีต่อๆ ไป - ด�ำเนนิ การเฝา้ ระวังสถานการณข์ องโรคอย่างต่อเนือ่ งเพือ่ ประเมนิ สถานการณ์ระบาดในปี ต่อไป - การด�ำเนนิ การดา้ นการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการควบคมุ โรคโดยการก�ำจดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ งุ ลายอยา่ งตอ่ เนอ่ื งในพนื้ ท่ี เกิดโรคซ�้ำซาก ขนั้ ตอนและวธิ ีการสอบสวนโรคไข้เลือดออก การสอบสวนโรค จะกระท�ำเมือ่ มรี ายงานผู้ป่วยท่มี อี าการเข้าไดก้ บั นยิ ามของโรค ด�ำเนินการสอบสวนโรคเพ่อื ยนื ยันการวนิ จิ ฉยั คน้ หาแหลง่ ตดิ เชอื้ คน้ หาผปู้ ว่ ยเพมิ่ มกี ารสอบถามประวตั เิ ดนิ ทาง หรอื การอยอู่ าศยั และคน้ หาปจั จยั เสยี่ ง คอื ส�ำรวจความชกุ ชมุ ยงุ ลาย เพื่อจะปอ้ งกันโรคและควบคุมโรค โดยด�ำเนนิ การตามข้ันตอนดงั น้ี 1. เม่ือพบผู้ปว่ ยสงสัยไขเ้ ลือดออก ใหเ้ จา้ หน้าทส่ี าธารณสุขคัดกรองโดยใช้ Tourniquet’s test5 ผลเปน็ บวก แจง้ ภายใน 24 ชว่ั โมง ใหท้ มี ควบคมุ โรคลงประเมนิ พน้ื ทใี่ นขณะเดยี วกนั ใหม้ กี ารควบคมุ โรครอบบา้ นผปู้ ว่ ยรศั มี 100 เมตร6 ผลเปน็ ลบ ใหห้ าสาเหตขุ องอาการไข้ และนดั ตดิ ตามอาการ เพอ่ื ท�ำ Tourniquet’s test ซำ้� พรอ้ มทง้ั ใหค้ วามรใู้ นการสงั เกตอาการ 2. จากการลงประเมินพื้นทพี่ บวา่ เป็นพื้นทใ่ี หม่ ใหด้ �ำเนนิ การคน้ หาผปู้ ว่ ยเพม่ิ เติม ถา้ เป็นพ้นื ท่ีเก่าหรือพน้ื ทีซ่ ำ้� ซาก ให้ด�ำเนิน การรักษาผูป้ ว่ ยตอ่ ไป 3. ในการคน้ หาผปู้ ว่ ยรายใหม่ ในรศั มี 100 เมตรจากบา้ นผปู้ ว่ ยรายแรก โดยการซกั ประวตั ิ หากพบผทู้ ม่ี ไี ขร้ ว่ มกบั อาการ 2 อยา่ ง ใหม้ ีการเจาะเลือดดว้ ย rapid test ในกรณีพบผปู้ ว่ ยเพ่มิ ให้แจง้ ทมี สอบสวนโรคเพ่ือเขา้ ด�ำเนนิ การสอบสวนเฉพาะรายและสอบสวน แหลง่ แพรโ่ รค และแจง้ ให้ทมี ควบคุมโรค เขา้ ด�ำเนินการท�ำลายแหล่งเพาะพันธุย์ งุ ก�ำจัดยุงตวั เต็มวยั และให้ลดการสมั ผัสกบั ยงุ แต่ถ้า ไม่มผี ู้ป่วย จบการด�ำเนินการค้นหา มกี ารให้สขุ ศึกษาประชาสมั พนั ธก์ ับชุมชนเพือ่ เฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคุมไข้เลอื ดออก 4. ส�ำหรับผปู้ ว่ ยทคี่ ัดกรองโดยใช้ Tourniquet’s test เปน็ บวก ต้องมกี ารยืนยันโดยการเจาะเลือดตรวจ CBC และ Platelet ทุกราย ผลผดิ ปกติ สง่ ตรวจ Dengue titer หรือ Dengue Antigenและรายงานการระบาด สง่ ตอ่ ผู้ปว่ ยเขา้ รับการรักษาในโรงพยาบาล ในส่วนทผี่ ลปกติ ไม่ตอ้ งรายงาน แตต่ ิดตามอาการ ถา้ อาการไมด่ ี ให้ admit กรณีอาการดี ตดิ ตามจนไข้ลงและแนะน�ำให้ผ้ปู ว่ ยสังเกต อาการเตอื น ดังแผนภูมทิ ่ี 14.1124 คู่มอื วชิ าการโรคตดิ เชอ้ื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

ภาพที่ 14.1 ขั้นตอนการสอบสวนโรคไข้เลอื ดออก(1) คู่มือวิชาการโรคติดเชอื้ เดงกีและโรคไข้เลอื ดออกเดงกี 125 ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

เอกสารอ้างองิ 1. กรมควบคุมโรค ความรูเ้ รือ่ งภาวะฉุกเฉนิ ทางสาธารณสุข กล่มุ ปฏบิ ัติการควบคมุ โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข งานพฒั นาระบบเตรยี ม ความพรอ้ มตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ เอกสารอเิ ลคโทนคิ http://203.157.44.132/pher/index.php/2014-05-22-03-49-35/34-public-health-emer- gency-response-pher เผยแพรว่ นั ท่ี 1 กรกฎาคม 2557กระทรวงสาธารณสขุ .คมู่ อื การด�ำเนนิ งานตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ .ส�ำนกั นโยบาย และยทุ ธศาสตร์ ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข 2. กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.ค่มู อื ตอบโต้ภาวะฉกุ เฉินทางสาธารณสุข.กรมควบคุมโรค;2551 3. กลมุ่ โรคไขเ้ ลอื ดออก ส�ำนกั โรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง. คมู่ อื มาตรฐานการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก ปี 2552 .กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ .พมิ พ์ ครัง้ ท่ี 1 ;2552 4. ส�ำนกั งานควบคุมโรคไขเ้ ลือดออก กรมควบคุมโรคตดิ ต่อ กระทรวงสาธารณสุข.โรคไข้เลือดออก ฉบับประเกยี รณก ;2545. 5. ส�ำนักโรคติดต่อน�ำโดยแมลง กรมควบคุมโรค.คู่มือการประเมินผลตามตัวชี้วัดงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก ระดับจังหวัด ปี 2552. กลุ่ม ไข้เลอื ดออก, 2552.126 คู่มือวิชาการโรคตดิ เช้ือเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

บทที่ 15ประสบการณ์การดำ�เนนิ งานโรคไขเ้ ลือดออกจริ ะพฒั น์ เกตุแก้ว นบั ต้งั แตป่ ระเทศไทยเร่ิมมกี ารพบผู้ปว่ ยไขเ้ ลอื ดออกในปีพ.ศ. 2501 พบว่ามกี ารระบาดใหญใ่ นปพี .ศ. 2530, 2541, 2544 และลา่ สดุ ในปพี .ศ. 2556 พบผู้ปว่ ยไข้เลอื ดออกสะสมทง้ั ปีถึง 154,444 ราย ผปู้ ่วยเสียชวี ิต 134 ราย ซึ่งถือวา่ เปน็ ปที มี่ ีการระบาดใหญ่เปน็อนั ดบั สองรองจากปีพ.ศ. 2530 ที่มีผปู้ ว่ ยไข้เลอื ดออกสะสม 174,285 ราย และเสียชีวิต 1,007 ราย ซึง่ ทางกระทรวงสาธารณสขุ ไดม้ ีการด�ำเนนิ งานเพอื่ แกไ้ ขปญั หาการระบาดทง้ั ประเทศในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ประสานขอความรว่ มมอื จากหนว่ ยงานเครอื ขา่ ย/กระทรวงตา่ งๆในการด�ำเนนิ งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก, เปดิ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ ในทกุ ระดบั ตงั้ แตร่ ะดบั กระทรวงสาธารณสขุเพ่ือเร่งรัดการด�ำเนินงานควบคุมโรคไข้เลือดออกให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด,จัดต้ังทีม 5 เสือในระดับจังหวัดทุกจังหวัด เพ่ือการประสานการด�ำเนนิ งานของเครอื ขา่ ยในพน้ื ท,่ี ดา้ นการรกั ษาใหโ้ รงพยาบาลทกุ แหง่ ด�ำเนนิ การจดั ตง้ั Dengue Corner เพอื่ การเฝา้ ระวงั ผู้ปว่ ยใหเ้ ขา้ สกู่ ารวนิ จิ ฉยั รกั ษารวดเรว็ นอกจากนบ้ี ทบาทของกระทรวงสาธารณสขุ แลว้ กระทรวงมหาดไทยไดด้ �ำเนนิ การสง่ั การใหท้ กุ อ�ำเภอจัดต้ังศูนย์รวมพลังแผ่นดิน เอาชนะไข้เลือดออก โดยมีนายอ�ำเภอเป็นประธานศูนย์ฯ เพ่ือการด�ำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ในพนื้ ท่แี ละระดมทรพั ยากรในพืน้ ทใ่ี นการป้องกันควบคมุ โรคปัญหาไข้เลือดออก : ความท้าทายระดับประเทศและภูมิภาค (1) ตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปีท่ีผ่านมา นับต้ังแต่การระบาดครั้งแรก ส่ิงท่ีเรียกได้ว่าเป็นความส�ำเร็จในด้านการแก้ปัญหาเร่ือง ไขเ้ ลือดออกกค็ อื การลดอตั ราป่วยตาย จาก 10.9% ในปี พ.ศ. 2501 ลงมาเหลือ 0.12 % ในปจั จุบัน ทงั้ นเี้ ป็นผลมาจากปัจจยั ส�ำคัญหลายประการดว้ ยกนั เชน่ การพฒั นาองคค์ วามรดู้ า้ นการวนิ จิ ฉยั และการดแู ลรกั ษาโรคไขเ้ ลอื ดออก โดย ผบู้ กุ เบกิ เรมิ่ ตน้ คอื ศาสตราจารย์คลนิ กิ (พเิ ศษ) แพทยห์ ญงิ สจุ ติ รา นมิ มานนติ ย์ (ทปี่ รกึ ษากรมควบคมุ โรค) และคณะ ท�ำใหแ้ พทยแ์ ละพยาบาลสามารถใหก้ ารดแู ลรกั ษาผปู้ ่วยได้ถกู ต้องเหมาะสม ซึ่งองคค์ วามรดู้ งั กล่าว องค์การอนามัยโลกไดย้ กยอ่ งและยึดถอื เป็นต�ำราอา้ งอิงในคู่มือมาตรฐานการวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออก การพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงนอกจากนี้ การฝกึ อบรมแพทยแ์ ละพยาบาล การพฒั นาระบบการใหค้ �ำปรกึ ษาและการสง่ ตอ่ ผปู้ ว่ ยเพอ่ื ใหส้ ามารถชว่ ยชวี ติ ผปู้ ว่ ยไดอ้ ยา่ งทันท่วงท ี สง่ิ เหลา่ นลี้ ้วนแลว้ แต่เปน็ ปัจจยั ท่ีช่วยสนับสนุนการลดอัตราป่วยตายลง ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การพฒั นาเปลีย่ นแปลงท่สี �ำคญั ในการเฝ้าระวงั ปอ้ งกนั ควบคมุ ไขเ้ ลือดออก มหี ลายประการด้วยกัน ดงั นี้ ดา้ นการเฝา้ ระวงั ไขเ้ ลอื ดออกจากระบบเฝา้ ระวงั โรค (รง. 506) ซง่ึ ในอดตี จะมแี ตร่ ายงานจ�ำนวนผปู้ ว่ ยจากโรงพยาบาล ปจั จบุ นัได้เพิ่มการรายงานการเฝ้าระวังจากปัจจัยอ่ืนด้วย เช่น เช้ือไวรัสและดัชนีลูกน�้ำยุงลาย โดยมีการเฝ้าระวังเช้ือไวรัสไข้เลือดออกจาก หนว่ ยงานตา่ งๆ เชน่ กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ส�ำนกั งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคที่ 7 อบุ ลราชธานี และโรงพยาบาลชมุ ชนบางแหง่ เปน็ ตน้ การรายงานการเฝา้ ระวงั ในยงุ พาหะโดยอาสาสมคั รสาธารณสขุ ในชมุ ชนตา่ งๆ ซง่ึ ขอ้ มลู ตา่ งๆ ทไี่ ดจ้ ากการเฝา้ ระวงั น้ี หนว่ ยงานสาธารณสขุไดน้ �ำไปใชใ้ นการพยากรณโ์ รค และมกี ารประยุกต์ใช้เทคโนโลยภี ูมศิ าสตรส์ ารสนเทศในการประเมินพืน้ ที่เส่ยี งเพือ่ การวางแผนป้องกนัควบคมุ โรคให้ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพยง่ิ ข้ึน คมู่ อื วิชาการโรคตดิ เชอื้ เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี 127 ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

ระบบเฝ้าระวงั โรค (2)ตารางท่ี 15.1 ข้อมลู ส�ำคญั ทใี่ ชใ้ นการเฝ้าระวงั โรคไข้เลือดออก Risk Prevention Health outcomesDeterminants Behaviors Program response Morbidity/Mortality Event-based1. ความชุกของโรคในคน 4. ความรู้ ทัศนคตแิ ละ 5. การส่อื สารองค์ความรู้ 9. อตั ราปว่ ย อตั ราตาย 10. การตดิ ตามสถานการณ์(บุคคล สถานท่ี เวลา) พฤตกิ รรมการปฎบิ ตั ติ น ในการป้องกันโรคแก่ อัตราป่วยตายในคน การระบาดโรคไขเ้ ลอื ด2. ความชุกและการไหล ของประชาชนในการ ประชาชน แยกรายจังหวัดราย ออกในตา่ งประเทศเวยี นของเชอ้ื ไวรสั เดงกี ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค 6. การป้องกันโรคของ ภ า ค แ ย ก เ ป็ น ร า ย 11. การรายงานเหตกุ ารณ์(DENV-1-2-3-4) ครวั เรอื นและชมุ ชนใน สปั ดาห/์ รายเดอื น ผู้ป่วยเสียชีวิตจาก3. ความชุกของยุงพาหะ การจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม ระบบ EOC นำ�โรคและชนิดของ ไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ เพาะพนั ธ์ุ 12. ขอ้ มลู รายงานผลตรวจการติดเชื้อในยุงพาหะ ยงุ พาหะน�ำ โรค ทางห้องปฏิบัติการ(Aedes aegypti และ 7. การควบคุมโรคไม่ให้ การตรวจหาเช้ือไวAedes albopictus) เกิดการแพร่กระจาย รสั เดงกีในผ้ปู ว่ ย ของ ในวงกว้าง กรมวิทยาศาสตร์การ 8. การดแู ลรกั ษาผปู้ ว่ ยเพอ่ื แพทย์ ปอ้ งกนั การเสยี ชวี ติเทคโนโลยกี บั การเฝ้าระวงั โรคไข้เลอื ดออก ● แบบจ�ำลองทางคณิตศาสตร์ (Mathematical model) – การทดสอบสมการทางคณิตศาตรจ์ ากตวั แปรตา่ งๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เพ่อื การท�ำนายอนาคตวา่ จะเปน็ อย่างไร ● การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชงิ พ้นื ที่ (Spatial analysis) – การน�ำเสนอขอ้ มลู จากรายงานสถานการณต์ ามระบบ (EpiMap, GIS Software) – การน�ำเสนอข้อมลู ที่ผา่ นกระบวนการวเิ คราะหเ์ ชิงพน้ื ท่ี (Spatial Statistics Analysis)128 คู่มือวิชาการโรคติดเช้อื เดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกี ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

ด้านการควบคุมโรคไข้เลือดออก ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้เน้นเรื่องอ�ำเภอเข้มแข็งในการป้องกันควบคุมไข้เลือดออก โดยสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มกบั ทกุ ภาคสว่ นในการจดั การปญั หาไขเ้ ลอื ดออก วเิ คราะหพ์ ยากรณโ์ รคถงึ ระดบั อ�ำเภอ สง่ เสรมิ การด�ำเนนิ งานเชงิ รกุ(เตรียมความพร้อมรับการระบาด) มีการสร้างมาตรฐานการท�ำงาน อบรมมาตรฐานการควบคุมยุงพาหะ มาตรฐานการสอบสวนและควบคมุ โรคใหแ้ ก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ เพื่อการควบคมุ โรคใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ถกู ตอ้ ง ครอบคลุมและทนั เวลา ด้านการป้องกันโรคไข้เลือดออก ที่ส�ำคัญคือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและภาคประชาชน โดยการลดแหล่งเพาะพนั ธย์ุ งุ ลาย ก�ำจดั ขยะ ปรบั ปรงุ สงิ่ แวดลอ้ ม ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงานภาครฐั จาก 5 หนว่ ยงานคอื กระทรวงสาธารณสขุ กรงุ เทพมหานครกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธกิ าร และกระทรวงทัพยากรและสงิ่ แวดล้อม รว่ มท�ำข้อตกลงในการให้ความร่วมมือในการป้องกันไขเ้ ลอื ดออก มกี ารรณรงคป์ อ้ งกนั ไขเ้ ลอื ดออกในแตล่ ะหนว่ ยงาน ยกตวั อยา่ งเชน่ กรงุ เทพมหานครไดอ้ อกมาตรการในการออกรวบรวมเก็บยางรถยนต์ท่ีใช้แล้วเพ่ือน�ำไปท�ำลายที่โรงงานปูนสระบุรี กระทรวงทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมได้ออกมาตรการจัดการส่ิงแวดล้อม ทุกวันท่ี 15 ของเดือนในอุทยานและบ้านพักเจ้าหน้าที่ทุกแห่ง เป็นต้น ส่วนในภาคประชาชนมีการส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ด้านการป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยอาสาสมัครสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมเป็นพี่เลี้ยง ในการให้สุขศึกษาและติดตามประเมนิ ผลการก�ำจดั ลกู นำ้� และแหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลาย บางชมุ ชนสามารถประกาศวา่ เปน็ หมบู่ า้ นปลอดไขเ้ ลอื ดออก เชน่ ชมุ ชนใน บา้ นไสตอตก ต�ำบลชะมวง อ�ำเภอควนขนนุ จงั หวดั พทั ลงุ ชมุ ชนในต�ำบลทา่ ลาดขาว อ�ำเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสมี า เปน็ ตน้ นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้วางแผนการเตรียมความพร้อมในเรื่องการน�ำวัคซีนไข้เลือดออกมาใช้ สืบเนื่องจากการแถลงผลส�ำเร็จของวคั ซนี ไขเ้ ลอื ดออกเมอ่ื วนั ท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ณ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ นบั เปน็ อกี ความหวงั หนง่ึ ในความพยายามทจ่ี ะขจัดปัญหาไขเ้ ลอื ดออกใหห้ มดไป ปัญหาส�ำคัญในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกก็คือ ประชาชนยังขาดความตระหนัก และมักจะมองว่าเป็นหน้าที่ของ เจา้ หน้าที่สาธารณสขุ แตเ่ พยี งฝ่ายเดยี ว ท�ำใหก้ ารป้องกันขาดความย่ังยนื ในการแก้ไขปัญหา นับเป็นส่งิ ทา้ ทายชาวสาธารณสุขอยา่ งย่งิในการปรบั เปลี่ยนทัศนคตขิ องประชาชนใหม้ ีการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมท่ถี กู ต้องในการปอ้ งกันโรค โรคไข้เลือดออกนอกจากจะเป็นปัญหาระดับประเทศแล้ว ยังเป็นปัญหาระดับภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทุกประเทศสมาชิกจึงมีข้อตกลงร่วมกันในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก และก�ำหนดให้ วันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันอาเซียนเดงกี (ASEAN Dengue Day) เพ่ือสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นในประชาชนของทุกประเทศสมาชิก นอกจากน้ี มีการแบ่งปันข้อมูลการเฝ้าระวังโรคโดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผ่านเว็บไซท์ และการศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านเวทีการประชุมวิชาการไข้เลือดออกนานาชาติ ในหมู่ประเทศสมาชิก ซ่ึงจะท�ำให้องค์ความรู้โรคไข้เลือดออกมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทง้ั ทางดา้ นการปอ้ งกนั ควบคมุ และดแู ลรกั ษา อนั จะน�ำมาซงึ่ การลดอตั ราปว่ ยและอตั ราปว่ ยเสยี ชวี ติ ในเขตภมู ภิ าคอาเซยี นอยา่ งยง่ั ยนืต่อไปในอนาคต ทศิ ทางการพัฒนาการด�ำเนินงานเฝ้าระวงั ป้องกันและควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกตง้ั แต่อดตี ถึงปัจจุบนั ประวตั กิ ารระบาดโรคไขเ้ ลือดออก (3) เรมิ่ พบประปรายในประเทศไทยมาตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2492 มากบ้าง นอ้ ยบา้ งตดิ ต่อกันมาทกุปีโดยแพทยท์ ด่ี แู ลรกั ษาผปู้ ว่ ยในยคุ นนั้ ยงั ไมท่ ราบถงึ สาเหตวุ า่ มาจากเชอื้ จลุ ชพี ชนดิ ใด โดยในปี พ.ศ. 2500 มผี ปู้ ว่ ยสงู ถงึ ประมาณ 1,500 รายอตั ราตายสงู ถึงร้อยละ 17 1) พ.ศ. 2516-2522 การด�ำเนินงานเปน็ แบบ Vertical program ท่ดี �ำเนนิ การภายใตค้ วามรับผดิ ชอบของศนุ ย์โรคตดิ ต่อทัว่ ไปเขต ซ่งึ เป็นหน่วยงานในสงั กัดกรมควบคมุ โรคตดิ ต่อ (สมัยน้ัน) เน้นการพ่นสารเคมีเพือ่ ควบคมุ ยุงลายตวั เต็มวยั และท�ำลายแหลง่เพาะพนั ธย์ุ งุ ลายในพนื้ ท่รี ะบาดเพือ่ ควบคุมโรค (outbreak control) 2) พ.ศ. 2523 เร่ิมมีการเปล่ียนแปลงการด�ำเนินงานที่เน้นมาตรการป้องกัน โดยเน้นการจัดการสิ่งแวดล้อมของแหล่ง เพาะพันธุ์ยุลาย ท่ีต้องด�ำเนินการภายใต้ความร่วมมือของสถานบริการสาธารณสุขที่เป็นแบบ Integrated program มาตรการท่ีใช ้ มกี ารใชเ้ ทคโนโลยีทรายก�ำจัดลูกนำ้� ยงุ ลาย ทีร่ ้จู กั กันในชื่อ “ทรายอะเบท” ทีใ่ ช้กนั อย่างกวา้ งขวางในหลายพื้นท่ี 3) พ.ศ. 2531 เรม่ิ มคี วามตน่ื ตัวในการร่วมกันแกไ้ ขปญั หาระหวา่ งหน่วยงานมากข้นึ อนั เน่อื งมาจากเกิดการระบาดคร้งั ใหญ่ในปี 2530 โดยเฉพาะการรณรงคใ์ นสถานศกึ ษา เชน่ โครงการรว่ มระหวา่ งกระทรวงสาธารณสขุ และกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเพอื่ การควบคมุและปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลอื ดออกในสถานศกึ ษาส�ำหรบั เดก็ กลมุ่ อายุ 5-14 ปี ทว่ั ประเทศ การเนน้ กลวธิ ใี หช้ มุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั และควบคุมโรค เป็นต้น คู่มือวิชาการโรคติดเช้อื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี 129 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

4) พ.ศ. 2538 เรม่ิ มกี ารใชม้ าตรการการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน (Community participation) และเรมิ่ มกี ารส�ำรวจลกู นำ้� ยงุ ลาย (HI, CI, BI) และใชค้ ่าดชั นลี กู น้�ำยงุ ลายเปน็ ข้อมูลในการก�ำกับ ติดตามและประมินสถานการณโ์ รคไข้เลอื ดออก 5) พ.ศ. 2542-2543 การระบาดโรคไข้เลือดออกมีการกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ท่ัวประเทศ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2541 อตั ราปว่ ยดว้ ยโรคไขเ้ ลอื ดออกสงู ถงึ 2.3 เทา่ ของอตั ราปว่ ยเฉลย่ี ในปี พ.ศ. 2535-2539 ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงสนพระทยั หว่ งใยในปญั หา ทสี่ ง่ ผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ประชาชน โดยทรงพระราชทานแนวพระราชด�ำรใิ หเ้ รง่ รดั ด�ำเนนิ งานปอ้ งกนั และควบคมุ โรค ไข้เลอื ดออกใหไ้ ด้ผล (4) พระราชด�ำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานไว้ ณ พระราชวงั ไกลกงั วล หวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ เมอื่ วนั ที่ 28 เดอื นสงิ หาคม 2542 ความว่า “โครงการปราบยุงลาย คงั่ คา้ งมานานแลว้ และอนั ตรายยงั มีอยูม่ าก อยากใหป้ ราบปรามอยา่ งจรงิ จงั อันตรายจากโรคไขเ้ ลอื ดออก จะไดท้ ุเลาลง” จงึ นบั เปน็ โอกาสอนั ดขี องประชาชนทกุ หมเู่ หลา่ ทจ่ี ะไดถ้ วายความจงรกั ภกั ดสี นองพระราชด�ำริ โดยรว่ มมอื กนั อยา่ งจรงิ จงั ในการ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม พยายามก�ำจัดและควบคุมลูกน้�ำยุงลายเพ่ือขจัดปัญหาโรคไข้เลือดออก ภายใต้ “โครงการประชาร่วมใจป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว เนอื่ งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ปี พ.ศ. 2542-2543” โดยมีกลวิธีส�ำคญั คือ การก�ำจดั ยงุ ลายทั้งในบา้ น ชุมชน โรงเรียน ศาสนสถาน หน่วยงานทงั้ ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนและประชาชนอย่างสม่�ำเสมอ ซึ่งผลการด�ำเนินการตามโครงการดังกล่าว ประสบผลส�ำเร็จเป็น อย่างสงู ท�ำใหอ้ ัตราปว่ ยในปี พ.ศ. 2542-2543 ลดลงไดต้ ำ่� สดุ เหลอื เพยี ง 40.39 และ 30.89 ต่อแสนประชากรตามล�ำดับ และโครงการ ดงั กล่าวจึงนับเป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ของแนวคดิ ความรว่ มมอื แบบภาคเี ครือข่ายและกระบวนการมีสว่ นร่วมของชุมชนเปน็ ตน้ มา 6) พ.ศ. 2546 ไดเ้ รม่ิ มกี ารถา่ ยโอนบทบาทหนา้ ทกี่ ารปอ้ งกนั และควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ไปยงั หนว่ ยงานทอ้ งถน่ิ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตาม “พระราชบญั ญตั กิ �ำหนดแผนและขน้ั ตอนการกระจายอ�ำนาจให้แกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. 2542 “ จึงท�ำให้องคก์ รปกครอง ท้องถน่ิ เรม่ิ เขา้ มามบี ทบาทส�ำคัญตอ่ การควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก 7) พ.ศ. 2554 – ปจั จุบนั มกี ารด�ำเนินงานทห่ี ลากหลายมากย่ิงขึน้ ได้แก่ - การพยากรณ์โรคและประเมินพ้ืนท่ีเสีย่ งในปีถดั ไป เพ่ือการก�ำหนดกจิ กรรมและพนื้ ท่ดี �ำเนินการ - ผลักดันการด�ำเนินงานการจัดการพาหะน�ำโรคแบบผสมผสาน (Integrated Vector Control : IVM) ผ่านนโยบาย นโยบายอ�ำเภอควบคุมโรคเข้มแขง็ แบบยงั่ ยืน กรมควบคมุ โรค ซึ่งเน้นการท�ำงานรว่ มกนั ของภาคเี ครอื ข่ายในระดบั อ�ำเภอ - การจดั ตงั้ ทมี เฝา้ ระวงั สอบสวนเคลอื่ นทเี่ รว็ (Surveillance and Rapid Response Team; SRRT) ของเครอื ขา่ ยระดบั ต�ำบล ที่ต้องท�ำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล อาสาสมัครสาธธารณสุข องค์การบริหารท้องถ่ิน และประชาชน เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาดา้ นการป้องกนั ควบคมุ โรคในท้องถ่นิ - การลงนามความรว่ มมือกับหน่วยงานเครือข่าย ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม และกรุงเทพมหานคร ซ่งึ ในปีพ.ศ. 2558 จะมีการเพม่ิ กระทรวงเครอื ขา่ ยท่ีเก่ียวขอ้ งอกี ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวฒั นาธรรม กระทรวงการท่องเทย่ี วและกฬี า โดยแตล่ ะหนว่ ยงานได้ด�ำเนนิ การจัดท�ำแผนงาน โครงการทเี่ กยี่ วกบั โรคไขเ้ ลอื ดออก - การผลกั ดนั นโยบายการเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคตามนโยบาย ระบบสขุ ภาพระดบั อ�ำเภอ (District Health System) และกลไกอ�ำเภอควบคมุ โรคเขม้ แขง็ แบบยง่ั ยนื ก�ำหนดมาตรการด�ำเนนิ งานเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกตามระยะการเกดิ โรค ได้แก่ ระยะกอ่ นการระบาด ระยะระบาด และระยะหลงั การระบาด ถอดบทเรยี น เครอื ข่ายการด�ำเนนิ การป้องกันควบคุมโรคเขม้ แขง็ ระหว่างปี พ.ศ. 2551-2557 การด�ำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก นับว่าเป็นนโยบายด้านโรคและภัยสุขภาพในระดับพื้นที่ ดังนั้น กระบวนการแกไ้ ขปญั หาการระบาดจ�ำเปน็ ตอ้ งไดร้ บั ความรว่ มมอื จากทกุ ภาคสว่ น ตามบรบิ ทของแตล่ ะพนื้ ที่ ซงึ่ ในชว่ งทศวรรษทผี่ า่ นมาใน หลายพน้ื ทไี่ ดด้ �ำเนินการมาตรการต่างๆ ท่ไี ด้จากการถอดบทเรียน ดงั น้ี 1. สมนุ ไพรสกดั ก�ำจดั ลกู นำ้� ยงุ ลายทดแทนการใชส้ ารเทมฟี อส อ�ำเภอเนนิ สงา่ จงั หวดั ชยั ภมู ิ พ.ศ. 2549-2552 (นายโกศลิ ป์ ภิรมยไ์ ทย นกั วชิ าการสาธารณสุขช�ำนาญการ) มีวัตถุประสงค์ เพ่อื ลดอตั ราการปว่ ยโรคไข้เลอื ดออก ไมเ่ กนิ 50/แสนประชากร ลดค่า ดชั นคี วามชกุ ชมุ ลกู นำ�้ ยงุ ลายในหมบู่ า้ น HI<10 ลดคา่ ดชั นคี วามชกุ ชมุ ลกู นำ�้ ยงุ ลายในโรงเรยี น CI = 0 โดยประยกุ ตใ์ ชส้ มนุ ไพรทสี่ ามารถ130 คมู่ อื วชิ าการโรคติดเช้ือเดงกแี ละโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ

ก�ำจัดแมลงได้มาผสมร่วมกบั นำ้� มนั ดเี ซล (นำ้� มันดเี ซล 10 ลิตร ใบยคู าลิปตัส 1 กก. ใบ สะเดา 1 กก.) หมกั แช่ไว้ 24 ชัว่ โมง กรองเอาน�ำ้ มันสกัดไปฉดี พน่ ในภาชนะทมี่ ีลูกน�้ำ และยุงตัวแก่ เชน่ ภาชนะเหลอื ใช้ ยางรถยนต์ ท่อระบายน�้ำท้งิ บริเวณนำ�้ ท่วมขัง ประมาณ20-30 นาที ลกู น�ำ้ จะตาย สามารถใชท้ ดแทนสารเคมพี น่ ยงุ เทมฟี อส ลดปริมาณยงุ ลกู น�้ำ ยุงร�ำคาญ แมลงสาบ 2. การพฒั นาเครอื ขา่ ยการควบคมุ ปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลอื ดออก ปี พ.ศ. 2552 สถานอี นามยั บา้ นบุ ต�ำบลหนองพลวง อ�ำเภอจกั ราชจังหวัดนครราชสมี า เพ่อื พัฒนาเครือขา่ ยนกั เรยี น/โรงเรียนในการมีสว่ นรว่ มในการควบคุม และก�ำจดั ลกู น�้ำยุงลาย ด�ำเนินการโดย นายสุนทร โสภณอมั พรเสนีย์ หัวหน้าสถานอี นามยั บา้ นบุ ต�ำบลหนองพลวง อ�ำเภอจักราช จังหวดั นครราชสมี า โดยคัดเลือกนกั เรยี นจากโรงเรยี น ชมุ ชนบา้ นบสุ ามคั คพี ฒั นาและโรงเรยี นวดั หนองพวง จ�ำนวน 89 คน ท�ำหนา้ ทเี่ ปน็ อาสาสมคั รก�ำจดั ลกู นำ้� ยงุ ลาย (อสยล.) รว่ มรบั ผดิ ชอบเฝา้ ระวงั โรคไขเ้ ลอื ดออกในคมุ้ สปั ดาหเ์ วน้ สปั ดาห์ และก�ำจดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลายทกุ เมอื่ ทพี่ บ และใชแ้ บบชวี ภาพชว่ ย เชน่น�ำ้ หมัก ปลา ปนู แดง สมุนไพร โดยจดั ท�ำแหล่งเพาะพนั ธุ์ปลาในหมูบ่ ้านและมธี นาคารปลาหางนกยงู ท่ีสถานอี นามัยบา้ นบุ 3. โครงการ บ้านน่าอยู่ ชุมชนเข้มแขง็ ส่ิงแวดล้อมสะอาด ปราศจากไขเ้ ลือดออก ต.โนนเจรญิ อ.บา้ นกรวด จ.บุรรี ัมย์ ปมีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้เกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการก�ำจัดโรคไข้เลือดออก โดยเน้นให้ภาคีเครือข่ายให้เห็นความส�ำคัญของกระบวนการป้องกนั โรค ไดแ้ ก่ องค์การบริหารส่วนต�ำบล ร่วมกับ เทศบาล สถานอี นามยั เจา้ หนา้ ทีส่ าธารณสุข ผู้น�ำชุมชน ผ้ใู หญ่บ้านโรงเรยี น วดั อสม. และประชาชน เพือ่ การวางแผน ด�ำเนินการจดั การสิ่งแวดล้อมและก�ำจดั แหลง่ เพาะพันธ์ยุ งุ ลายโดยครัวเรอื น 4. โครงการ 4 ประสานรว่ มใจ ต้านภัยโรคไขเ้ ลือดออก (โดยเนน้ ด้านปรับปรงุ กายภาพและลดการใชส้ ารเคม)ี ต�ำบลส้มป่อยอ�ำเภอโนนดินแดง จงั หวดั บรุ ีรัมย์ ปี พ.ศ. 2552 มีวตั ถุประสงค์ ใหเ้ กิดความรว่ มมอื ของภาคีเครือข่าย ต่อเนอื่ ง ยั่งยืน และประชาชนตระหนักในปญั หาด้านสุขภาพของตนเอง โดยการใช้กระบวนการพัฒนาเครอื ขา่ ยความร่วมมือจากแกนน�ำ ภาคีเครือขา่ ยในระดับท้องถิน่ และประเมินและมอบประกาศเกียรตคิ ุณ “บา้ นนี้ปลอดลูกน�ำ้ ยงุ ลาย” เป็นรายหลงั คาเรือน และมาตรการ “ เชิงรุก เข้าถึง จริงใจตอ่ เนื่อง” ภายใต้สโลแกน “คุณ นะ ท�ำ” 5. โครงการการควบคุมป้องกนั โรคไขเ้ ลือดออก ระดบั อ�ำเภอ ของ คปสอ. ปักธงชัย จังหวดั นครราชสมี า ปี พ.ศ. 2522 โดยใช้กระบวนการ “ ร่วมมอื รดั กุม รวดเร็ว และจริงจัง” มวี ตั ถุประสงค์ เพือ่ การบริหารจดั การโรคไขเ้ ลือดออกจากการมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ นในระดบั อ�ำเภอ ให้ใช้มาตรการเชงิ รกุ อย่างเร่งดว่ น โดยการบริหารจดั การโดยผบู้ ริหารระดับอ�ำเภอ (นายอ�ำเภอ) เปน็ กลไกในการขบั เคลอื่ น เพอื่ ก�ำหนดมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหา แบบ 1). “รว่ มมอื ”ก�ำหนดใหโ้ รคไขเ้ ลอื ดออกเปน็ นโยบายทส่ี �ำคญั ทตี่ อ้ งด�ำเนนิ การใหท้ กุ ภาคสว่ นไดร้ ว่ มมอื ปฏบิ ตั งิ านอยา่ งเขม้แขง็ และตดิ ตามอยา่ งตอ่ เน่อื ง ในพน้ื ท่ี บา้ น วัด โรงเรยี น ทงั้ นกั เรยี น ประชาชน ต้องช่วยดูแลให้ไม่มลี กุ น�ำ้ ยงุ ลาย 2). “รดั กุม” มีคณะกรรมการในระดับหมู่บา้ น ออกตดิ ตามประเมินส�ำรวจลุกน�้ำยงุ ลายทกุ เดอื น ช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม–ตลุ าคม) และมอบรางวันเพ่อื เป็นก�ำลงั ใจส�ำหรบั หมบู่ ้านทีม่ ีคา่ HI, CI ต่ำ� ทสี่ ุด 3). “รวดเรว็ ” ในการควบคมุ โรคเมอื่ เกดิ การระบาด ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ มกี ารแจ้งขอ้ มลู ทางวทิ ยุ หรือโทรศัพท์ และทีมเคลอื่ นที่เร็วระดบั อ�ำเภอ และต�ำบล (SRRT) ได้รบั แจง้ การเกดิ โรคไขเ้ ลือดออก หรือกรณีสงสยั แจง้ พนื้ ท่ใี ห้ทราบทันที 4). “จรงิ จงั ” หมายถงึ ผบู้ รหิ ารและเจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ ตอ้ งลงปฏบิ ตั งิ านพน้ื ทเ่ี มอื่ มกี ารเกดิ โรค และตอ้ งปฏบิ ตั งิ านอยา่ งจริงจัง และมีการติดตามผลการด�ำเนินงานควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการพ่นเคมี ค่ารักษาพยาบาล และลดการสูญเสยี ชีวิต 6. การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลาย บา้ นไสตอตก หมู่ 16 ต.ชะมวง อ.ควนขนนุ จ.พทั ลงุ พ.ศ. 2555-2557โดยใชก้ ระบวนมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนเปน็ แรงผลกั ดนั ใหม้ แี ผนงานโครงการแบบบรู ณาการ ไดแ้ ก่ โครงการน�ำรอ่ งบา้ นเมอื งสะอาดสวยงามโครงการชวี วถิ ี เนน้ ทแี่ ผนเกี่ยวกับการควบคุมป้องกนั ไข้เลอื ดออก พบวา่ มีเป้าหมายเพือ่ ให้ปลอดไขเ้ ลือดออกในหมู่บ้าน (ไม่มยี ุงลาย)ชาวบ้าน มกี ารรบั รู้ข่าวสารปอ้ งกันโรคไขเ้ ลอื ดออก สามารถน�ำไปปฏบิ ตั กิ นั ทกุ ครัวเรือน จนเกิดสุขภาพดกี ันทัง้ ชุมชน ขนั้ ตอนการด�ำเนนิ งานดา้ นไขเ้ ลอื ดออกในชมุ ชน เรมิ่ จากประชมุ ชแ้ี จงระหวา่ งแกนน�ำชมุ ชนกบั ชาวบา้ นทกุ วนั ท่ี 5 ของเดอื นเพ่ือก�ำหนดมาตรการ และวางแผนให้มกี จิ กรรมตา่ งๆ ไดแ้ ก่ การปลูกตะไครห้ อม การท�ำเปลือกส้มโอ การท�ำดอกปาลม์ ตวั ผู้ไล่ยุง การเล้ยี งปลาหางนกยูง เปน็ ตน้ พบว่าชุมชนบา้ นไสตอตก เนน้ มาตรการ 9 ป. ไดแ้ ก่ กจิ กรรมการปลกู ตะไคร้หอม (ส่วนใหญป่ ลูกกันเองเกอื บทกุ ครวั เรอื น) และเน้นการดแู ลสง่ิ แวดล้อมภายในบ้าน และรอบๆ เช่น ใช้ยางรถยนตป์ ลูกต้นไม้ ผลการด�ำเนินงานเปน็ ท่ีนา่ พอใจเนอ่ื งจาก ไมม่ ผี ปู้ ว่ ยไขเ้ ลอื ดออกทไ่ี ดร้ บั เชอื้ จากในพน้ื ท่ี ชาวบา้ นรว่ มมอื รว่ มใจกนั ท�ำกจิ กรรมตามแผนของผนู้ �ำชมุ ชน มกี ารแบง่ ปนั แลกเปล่ียนความรู้ที่เป็นนวตกรรมของชุมชน จนท�ำให้ชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก วิธีการควบคุมป้องกัน คมู่ ือวชิ าการโรคตดิ เชอ้ื เดงกีและโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 131 ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

โรคไขเ้ ลอื ดออกทไี่ ดผ้ ลของชมุ ชนบา้ นไสตอตก คอื การใชต้ ะไครห้ อม มดั ใสใ่ นโอง่ หรอื ภาชนะนำ้� ใช้ ใชด้ อกปาลม์ ตวั ผ/ู้ เปลอื กสม้ โอจดุ ไฟ ไลย่ งุ และสว่ นใหญท่ กุ ครวั เรอื นมกี ารแขง่ ขนั กนั จดั บา้ นเรอื นใหโ้ ปรง่ สะอาด ไมม่ มี มุ อบั ชมุ ชนสามารถน�ำไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ในชวี ติ ประจ�ำ วัน เนน้ การปอ้ งกนั ดว้ ยการใชต้ ะไคร้ ปาลม์ เปลือกสม้ โอ ปลาหางนกยูง เพราะเป็นส่ิงทีม่ อี ยูแ่ ล้วในบ้าน หรอื บางบ้านไม่มจี ะแบ่งปนั กัน และ Key message ทส่ี ามารถปฏิบัตไิ ด้จริง คอื ไมม่ ลี ูกน้ำ� ไมม่ ียงุ ลาย ไม่มไี ขเ้ ลอื ดออก ปัจจยั ความส�ำเร็จของชุมชน คอื ชมุ ชนท่ี มีผู้น�ำท่สี ามัคคี มคี วามจริงจัง พรอ้ มทั้งมีชาวบา้ นทีใ่ ห้ความร่วมมอื เปน็ จดุ แขง็ ของการด�ำเนินงานของชมุ ชนบา้ นไสตอตก ทค่ี วรน�ำไป เปน็ ต้นแบบตอ่ ไป 7. การด�ำเนินงานต�ำบลท่าลาดขาว อ�ำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสมี า ปี พ.ศ. 2556-2557 มวี ตั ุประสงคเ์ พ่อื ลดปัญหาการ แพรร่ ะบาดในพนื้ ท่ี โดยก�ำหนดมาตรการส�ำคญั ท้ังในระยะก่อนเกิดโรค ระยะเกดิ โรค และหลังการเกิดโรค เน้นกลวิธีส�ำคัญดังน้ี ● การจัดตง้ั War room ระดบั อ�ำเภอ/ต�ำบล ซึ่งประกอบดว้ ยเครือข่ายทกุ ภาคส่วนทัง้ จากสาธารณสุข ท้องถิ่น โรงเรยี น ผู้น�ำชมุ ชน อสม. สมุ่ คา่ HI/CI เพือ่ ใหเ้ กิดการเฝ้าระวงั โรคในพนื้ ท่ี ● การจัดตั้ง Dengue corner เพื่อใหส้ ุขศกึ ษาในโรงพยาบาลชมุ ชนเพ่ือให้ความร้กู ับประชาชนในการป้องกนั โรคไข้เลือด ออก อาการสงั เกตท่ีควรมาพบแพทย์ ●การประชาสมั พนั ธผ์ า่ นหอกระจายขา่ วใหป้ ระชาชนเขา้ รว่ มกจิ กรรมก�ำจดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ ลายทกุ วนั ศกุ ร์ ทงั้ ในบา้ น/ วดั /โรงเรยี น/PCU/รพช. สว่ นในระดบั หมบู่ า้ นสมุ่ ส�ำรวจลกู นำ�้ ยงุ ลายเดอื นละครงั้ โดยอสม. และรณรงคก์ �ำจดั แหลง่ เพาะพนั ธท์ุ กุ 3 เดอื น ● การเตรียมความพร้อมทีม SRRT/ทีมสุ่มส�ำรวจลูกน�้ำ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ (เครื่องพ่น, สารเคมี, BP เด็กฯ) เตรียม งบประมาณโดยการของบฯ จากอบต.และเทศบาล ● จดั ท�ำมาตรฐานแนวทางการวนิ ิจฉยั การส่งต่อและการดูแลรักษาผูป้ ว่ ย 1. จัดท�ำแนวทางการวินิจฉัย การดแู ลและรักษาโรคไขเ้ ลอื ดออกในโรงพยาบาล 2. ทบทวนแนวทางการสง่ ต่อผปู้ ่วยในระดับ รพ.สต. 3. ปฐมนเิ ทศ/อบรมใหค้ วามรู้ บุคลากรสาธารณสขุ จบใหม่ในระดบั Cup 4. อบรมฟืน้ ฟคู วามรแู้ ก่เจ้าหนา้ ท่ีสาธารณสุขด้านการรักษา/ส่งต่อ 5. ให้ค�ำแนะน�ำผู้ปกครอง ในการดูแลผู้ป่วยทส่ี งสยั ไขเ้ ลือดออกท่บี ้านทุกราย 6. จัดระบบการติดตามเย่ียมดูแลผู้ปว่ ยสงสยั ไข้เลือดออกโดย รพ.สต. และ อสม. 7. ติดตามสถานการณอ์ ย่างใกลช้ ดิ ● พัฒนาด้านความรู้ ฝึกอบรมเจา้ หนา้ ท่สี าธารณสขุ อบต. อสม. แกนน�ำชมุ ชน การด�ำเนินงานไข้เลือดออกของอ�ำเภอโชคชัย มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบงานไข้เลือดออก โดยมอบหมายผู้อ�ำนวยการ โรงพยาบาลโชคชัยเป็นมิสเตอร์ไข้เลือดออกระดับอ�ำเภอ กุมารแพทย์เป็นแพทย์ผู้รับผิดชอบด้านการดูแลรักษาโรคไข้เลือดออกใน โรงพยาบาลโชคชยั มอบหมายสาธารณสขุ อ�ำเภอโชคชัย เป็นหวั หนา้ ทีม SRRT ระดบั อ�ำเภอ และมอบหมายผ้อู �ำนวยการโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพต�ำบลทุกแห่ง เป็นหวั หนา้ ทีม SRRT ระดับต�ำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบลท่าลาดขาว ด�ำเนินโครงการพัฒนาต�ำบลต้นแบบจัดการพาหะน�ำโรคแบบผสมผสาน เปน็ โครงการท่ดี �ำเนินการรว่ มกบั เครือข่าย 3 ภาคี คือ 1. ผู้น�ำชุมชน เช่น องค์การบริหารส่วนต�ำบล ก�ำนนั ผใู้ หญบ่ ้าน 2. ภาครฐั ต่างๆ เชน่ ข้าราชการในต�ำบล และเจา้ หนา้ ทจี่ าก สคร.5 3. ชาวบา้ น เชน่ พระสงฆ์ กลมุ่ ผสู้ งู อายุ อสม. นกั เรยี น เปน็ ตน้ ลกั ษณะการด�ำเนนิ งานเนน้ การสรา้ งนวตั กรรมทางกระบวนการ โดยการรวมพลงั ทกุ ภาคสว่ น และ การประยกุ ตท์ ฤษฏกี ารเสรมิ สรา้ งพลงั อ�ำนาจใชใ้ นการด�ำเนนิ งานเพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาต�ำบลตน้ แบบ จดั การพาหะน�ำโรคแบบผสมผสาน การด�ำเนินงาน ประกอบดว้ ย 1. คน้ หาสภาพปญั หาปจั จยั เสย่ี ง - ส�ำรวจขอ้ มลู สถานการณ์โรค - คน้ หาสภาพปัญหา - จดั ท�ำแผนงานโครงการ - สรา้ งทมี งาน - เปดิ อภปิ รายประเด็นปัญหาท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การด�ำเนนิ งานการปอ้ งกันควบคมุ โรคไข้เลือดออก132 คูม่ ือวิชาการโรคติดเชอ้ื เดงกีและโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข

2. ด�ำเนนิ งานการปอ้ งกันควบคุมโรคไข้เลือดออก - จดั ประชาคมรวมพลังป้องกนั ภยั ไขเ้ ลือดออก - มกี องปราบลกู นำ�้ ยงุ ลาย ต�ำบลทา่ ลาดขาว ด�ำเนนิ การมาตรการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคลว่ งหนา้ โดยใหช้ มุ ชนชว่ ยกนั ปรบั สภาพแวดลอ้ มในชุมชน และสรา้ งความตระหนกั ให้ประชาชนมีสว่ นร่วมในการปอ้ งกนั โรค - มกี ารลงนามความรว่ มมือในการพัฒนาต�ำบลตน้ แบบจัดการยงุ ลายพาหะน�ำโรคไขเ้ ลือดออกแบบผสมผสาน - มกี ารท�ำสัญญาใจร่วมใจ มใิ ช่สายบังคับบญั ชา 3. ปฏิบตั ิกิจกรรมพฒั นาต�ำบลตน้ แบบจดั การพาหะน�ำโรคแบบผสมผสาน - การรณรงคก์ �ำจดั ลกู นำ�้ ยุงลายในชุมชน วดั และโรงเรยี น - จัดกิจกรรมสรา้ งการมีส่วนร่วมของชมุ ชน โรงเรยี น - จัดกจิ กรรม Big Cleaning Day โดยกลุม่ ภาคีเครอื ข่าย - จัดประกวดหมูบ่ ้านส่ิงแวดล้อมดีศรีต�ำบล 4. จัดกิจกรรมแลกเปลย่ี นเรยี นรูร้ วมพลงั ป้องกันภัยไขเ้ ลอื ดออก - จดั กิจกรรมประกวดวาดภาพ - จดั กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรตู้ ลาดนดั ความรู้ 5. ประเมินผล การด�ำเนนิ งานโรคไขเ้ ลอื ดออกในพนื้ ท่ี เนน้ การท�ำงานรว่ มกนั ของฝา่ ยสาธารณสขุ และฝา่ ยทอ้ งถน่ิ (องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลทา่ ลาดขาว) ผนู้ �ำชมุ ชน ผใู้ หญบ่ า้ น ก�ำนนั อสม. โรงเรยี น กลมุ่ เยาวชน กลมุ่ ผสู้ งู อายุ ปราชญช์ มุ ชน โดยมงุ่ เนน้ การท�ำงานแบบประสานงานการมสี ว่ นรว่ มของชาวบา้ นและกลมุ่ องคก์ รตา่ งๆ เพอื่ น�ำไปสกู่ ระบวนการพฒั นาและแกป้ ญั หาใหช้ มุ ชน มงุ่ เนน้ การท�ำงานแบบจติ อาสาพอเพียง ไมว่ า่ จะเป็นการใช้ประโยชน์จากสมนุ ไพรตา่ งๆ การจัดการสิ่งแวดลอ้ มให้สะอาดโดยความรว่ มมอื จากชาวบ้านและกลมุ่ ตา่ งๆในชมุ ชน ท�ำใหม้ บี ุคลากรทีห่ ลากหลายและมใี จรักในการท�ำงาน เพอ่ื ดแู ลสขุ ภาพท้งั กายและใจของคนในชมุ ชน เป็นการชว่ ยลดต้นทุนในการด�ำเนนิ งาน ในส่วนผูน้ �ำชมุ ชน ได้ใหค้ วามรว่ มมือในการด�ำเนนิ การปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไข้เลอื ดออก โดยด�ำเนนิ การรว่ มกับ รพสต. และอสม. ในการประชมุ ประจ�ำเดอื นรว่ มกบั สสอ. กลมุ่ ก�ำนนั ผใู้ หญบ่ า้ น และมกี ารจดั เสยี งตามสายประชาสมั พนั ธใ์ หข้ อ้ มลู ใหค้ วามรภู้ ายในต�ำบล ตลอดจนรว่ มกบั ผู้ใหญบ่ า้ น และ อสม.ออกตรวจประเมินลูกน�ำ้ ยุงลายประจ�ำเดอื นเปน็ การประเมนิ แบบไขว้ ซ่ึงทกุ หมู่บ้านจะมีการน�ำผลมาสรปุ กนั ทร่ี พ.สต. มกี ารมอบรางวลั แกห่ มบู่ า้ นทไี่ มพ่ บลกู นำ้� และมกี ารปรบั เงนิ ผนู้ �ำชมุ ชน (ผใู้ หญบ่ า้ น) ส�ำหรบั หมบู่ า้ นทพี่ บว่ามบี ้านที่มีลกู นำ้� ยงุ ลาย และน�ำไปรายงานผลในที่ประชุมประจ�ำเดือนกับ สสอ. การด�ำเนินงานทผี่ า่ นมาพบปัญหาในการส�ำรวจลูกน้ำ�อย่บู ้าง เชน่ การให้ความรว่ มมอื ของชาวบา้ นการท่เี จ้าหนา้ ท่ตี ้องลงมอื จดั การส่ิงแวดลอ้ มให้ชาวบา้ นดว้ ยตนเอง แตไ่ ดร้ ับการสนบั สนุนองคค์ วามรูเ้ กี่ยวกับการป้องกันควบคมุ โรคไข้เลือดออกจาก ศตม.ปากช่อง และอบต.ใหก้ ารสนับสนุนเก่ียวกับงบประมาณ มโี ครงการจดั การขยะ คดั แยกขยะไปขาย โดยได้รับการสนบั สนุนจาก สสส. จดุ แข็งของการด�ำเนินงานในต�ำบล คอื การท�ำงานกันเป็นทมี ร่วมกนัหลายภาคสว่ น เช่น อบต. ก�ำนนั ผใู้ หญ่บา้ น รพสต. อสม. และชาวบา้ น ตลอดจนการด�ำเนินงานอย่างตอ่ เนือ่ ง ผลจากการด�ำเนินงาน ท�ำให้ 1. อตั ราปว่ ยโรคไข้เลือดออกในพน้ื ท่ตี �ำบลท่าลาดขาวลดลง 2. อ�ำเภอโชคชัยเปน็ ต้นแบบการด�ำเนนิ งานโรคไขเ้ ลอื ดออกให้กับต�ำบลอน่ื ในอ�ำเภอโชคชยั 3. ชุมชนมีส่วนรว่ มตอ่ การป้องกนั ควบคุมโรคไขเ้ ลือดออกมากขน้ึ ท�ำใหเ้ กิดการบรหิ ารจัดการก�ำจัดลกู น้�ำยงุ ลายในชมุ ชน 4. มเี ครือขา่ ยการท�ำงานแบบผสมผสานอยา่ งเป็นระบบโดยบูรณาการทุกภาคส่วนตารางที่ 15.2 ตวั อย่างกิจกรรม Best Practice ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกในพื้นที่จงั หวดั ตา่ งๆล�ำ ดับ จงั หวดั พ้ืนท่ี กจิ กรรม1 ระนอง ม.3 ต.บา้ นนา อ.กะเปอร์ ใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ นั แลว้ สลบั กนั ส�ำรวจลกู นำ�้ ยงุ ลายทบี่ า้ น แจง้ ครอู นามยั โรงเรยี นทราบ - ร.ร. บ้านทองหลาง - รณรงค์ไข้เลอื ดออกในหม่บู ้าน ชุมชน โรงเรียน - โรงเรียนผลิตธูปหอมจากเกสรปาล์มไล่ยงุ ใช้ในโรงเรียน ชมุ ชน - ใหเ้ ดก็ เลก็ นอนในม้งุ ในเวลากลางวัน คมู่ ือวิชาการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 133 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

ล�ำ ดับ จังหวดั พื้นที่ กิจกรรม2 ระนอง ม.1 ต.ในวงเหนอื อ.ละอนุ่ - ผลติ ธปู ไลย่ งุ “สามสหายไลย่ งุ ” ประกอบดว้ ย ไมเ้ ทพทาโร ตะไครห่ อม กระเพราแดง - ร.ร.ตชด.บา้ นผาปงิ - รว่ มรณรงคก์ �ำจดั ลูกนำ้� ยุงลายในชมุ ชน3 กระบี่ เครอื ขา่ ย CUP อ่าวลึก - จัดท�ำบตั รเฝา้ ระวังผ้ปู ่วยโรคไขเ้ ลือดออกและไขป้ วดข้อยุงลายในพ้ืนท่ี4 นครศรธี รรมราช ต.หว้ ยระยา้ อ.พระพรหม -ประชาคมหมบู่ า้ นรว่ มด�ำเนนิ งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก เชน่ โครงการ ธนาคารขยะ, โครงการบา้ นสะอาด ปราศจากไข้เลอื ดออก, การใช้สญั ลกั ษณ์ธงสี ปักหนา้ บ้านแสดงสถานะของการพบลูกน�้ำในครัวเรอื น5 นครศรธี รรมราช อบต.ปากพนู อ.เมือง - มีกจิ กรรมสร้างเสรมิ สขุ ภาพครบวงจรบริการประชาชน เชน่ โปรแกรม FAB แสดงสถานะทางสุขภาพด้วยโรคต่างๆของประชาชนในพ้ืนที่การใช้ อสม. ให้ บริการทางสขุ ภาพแก่ประชาชน ทง้ั โรคติดต่อและไมต่ ดิ ต่อ6 ภูเก็ต ม. 5 ต.เกาะแกว้ อ.เมอื ง ใหส้ ุขศึกษาประชาสมั พันธ์โดยรถยนต์ครอบคลุมพ้นื ท่ี - มหี นังสือขอความรว่ มมอื ป้องกนั ควบคมุ โรค จาก องค์การบริหารส่วนต�ำบล ถงึ ทุกครัวเรือน - แจกเอกสาร แผน่ พบั ทุกครวั เรือน - รณรงคป์ อ้ งกันควบคุมโรคทกุ 3 เดือน - โครงการ (อสม.) หมู่บา้ นปลอดลูกนำ้� ปี 2552 ไดร้ ับการสนบั สนนุ จาก สสจ. ภเู กต็ เป็นเงิน 10,000 บาท - จัดนทิ รรศการโรคไขเ้ ลือดออก เดอื นละ 1 คร้งั - จัดประชุม อาสาสมคั รประจ�ำหมู่บ้านทุกเดอื นเพ่อื สรุปผลและวางแผน - อสม. สอ. และ อบต.รว่ มมือส�ำรวจลกู นำ้� ยงุ ลายพรอ้ มท�ำลายแหล่งทุก 7 วนั - ใหส้ ุขศึกษาประชาสัมพันธต์ อ่ เนอื่ ง - เม่ือมีผปู้ ่วยเกิดข้นึ อบต.ให้การสนบั สนุนงบประมาณในการพ่นสารเคมี กจิ กรรมต่อเน่อื ง - ประชุมวางแผนปอ้ งกันควบคุมโรค - พน่ สารเคมี (ULV ติดรถยนต์) ทกุ 3 เดือน - วางแผนการส�ำรวจลกู น�ำ้ ยุงลายพรอ้ มท�ำลายแหล่งทกุ ๆ 7 วนั อย่างต่อเนอ่ื ง7 พงั งา ม. 1 ต.ตากแดด อ.เมอื ง ประชุมภาคีเครือข่ายเพ่ือแจ้งสถานการณ์โรคและวางแผนการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคมุ โรค - ภาคีเครอื ขา่ ยมสี ว่ นรว่ มในการเฝ้าระวังป้องกันควบคมุ โรค - โรงเรียนและชุมชนมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมรณรงค์ และท�ำ Big Cleaning Day เดอื นละ 1 ครง้ั - อสม. และประชาชน รว่ มเฝา้ ระวงั ส�ำรวจและท�ำลายแหลง่ เพาะพนั ธย์ งุ ลาย ทกุ 7 วนั - พ่นสารเคมพี ื้นทเ่ี สี่ยง, พน้ื ทีร่ ะบาด - ประชมุ อสม.ทกุ เดือน - รณรงค์ปอ้ งกนั ควบคมุ โรค - จดั ตงั้ แกนน�ำเครือขา่ ยการเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั ควบคุมโรค - ป้ายประชาสมั พนั ธบ์ ริเวณทางแยกในต�ำบลตากแดด “ ชีวิตมีความหมาย ปอ้ งกนั ก�ำจัดยุงลาย ภยั ร้ายไขเ้ ลอื ดออก” - แจกเอกสารแผ่นพับ - ตดิ โปสเตอร์ตามบา้ นเรือน “ รว่ มก�ำจัดยุงลาย ภัยรา้ ย เพ่ือคุณ” - ผลติ สื่อประชาสมั พนั ธ์ (เส้ือ) “ รว่ มก�ำจัดยุงลายภยั ร้าย เพื่อคุณ”134 คู่มือวชิ าการโรคติดเช้อื เดงกีและโรคไข้เลอื ดออกเดงกี ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

ปญั หาจากสถานการณ์ทีเ่ กดิ ข้นึ จรงิ ในระดบั พน้ื ที่ ● “ผู้ป่วยท่ีพบเพ่ิงเกิดขึ้นเป็นเพียงรายแรก” สิ่งที่ตามมา คือการแพร่กระจายผู้ป่วยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายไปหลายหม่บู า้ น ดงั น้นั จ�ำเป็นตอ้ งให้ความส�ำคญั กับผปู้ ว่ ยทีพ่ บเปน็ รายแรก (Index case) และด�ำเนนิ การควบคมุ โรคตามมาตรฐานที่ก�ำหนด เพื่อควบคุมไมใ่ หเ้ กิดผ้ปู ่วยในรุ่นตอ่ ไป เหตุผลส�ำคัญ คอื การพบผู้ปว่ ยรายแรกในพนื้ ที่ อาจมีผปู้ ่วยทีไ่ มแ่ สดงอาการ (Asymptomaticcases) ในพนื้ ทอ่ี กี หลายราย ดงั นนั้ กระบวนการจดั การกบั ผปู้ ว่ ย Index case จงึ ตอ้ งท�ำการสอบสวนและควบคมุ โรคใหไ้ ดต้ ามมาตรฐานอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพโดยเร็ว ● “แจง้ ใหผ้ ู้ปกครองของเดก็ ปว่ ยไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล” สง่ิ ที่ตามมาคอื เดก็ เสยี ชวี ติ อันเนื่องมาจากความไม่เขา้ ใจและไม่ทราบถงึ ความรนุ แรงของโรคทท่ี �ำใหถ้ งึ ขน้ั เสยี ชวี ติ ประเดน็ ปญั หาอยทู่ กี่ ารสอ่ื สารถงึ ความส�ำคญั ของการวนิ จิ ฉยั ผปู้ ว่ ยสงสยั ทต่ี อ้ งไดร้ บั การวินิจฉัยโดยเรว็ และตอ้ งสร้างระบบการสง่ ตอ่ ผปู้ ่วยอย่างเป็น “ทางการ” เพอื่ ให้เดนิ ทางไปยงั โรงพยาบาลโดยเร็ว ในกรณนี ี้ ผ้ปู กครองเดก็ ตดิ ภาระกจิ จ�ำเปน็ และรอดอู าการ เมอ่ื เหน็ วา่ เดก็ มอี าการไขล้ ดลง จงึ คดิ วา่ เดก็ มอี าการดขี นึ้ โดยไมร่ บี ไปพบแพทย์ ในทสี่ ดุ เดก็ มอี าการ“ชอ๊ ค” ในชว่ งกลางดึก เมือ่ ถงึ โรงพยาบาลจะท�ำการรกั ษายากและเสยี ชวี ิตในทสี่ ุด ● “สถานศึกษาแห่งหนึ่ง..แจ้งให้สาธารณสุขทราบแล้ว..แต่ยังไม่เห็นมาด�ำเนินการ” ผลที่ตามมาคือ มีเด็กป่วยในโรงเรียนเป็นรายท่ี 10 ในชว่ งการระบาด ประเด็นส�ำคัญได้จากการสงั เกตขุ อ้ มลู จากรายงานปว่ ยของสถานีอนามยั ในพนื้ ท่หี นึง่ ซ่ึงเป็นเขตติดตอ่ กับอกี ต�ำบลหนงึ่ ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ เกดิ มผี ปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ นกั เรยี นในพนื้ ทจ่ี �ำนวนมาก แตท่ ต่ี งั้ โรงเรยี นอยใู่ นอกี พน้ื ทหี่ นงึ่ จงึ เดนิ ทางไปยงั โรงเรยี นดงั กลา่ ว เพอ่ื ศกึ ษาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ สง่ิ ทพี่ บครง้ั แรกคอื มเี ดก็ นกั เรยี นประมาณ 10-15 คนถอื แจกนั พลดู า่ งทที่ �ำจากขวดนำ้� พลาสตกิ คนละ 1 ขวดเพ่ือน�ำไปเททิ้งตามค�ำสั่งของครู เม่ือตรวจสอบพบว่าขวดแจกันพลูด่างมีลูกน�้ำยุงลายอยู่จ�ำนวนมาก ไม่ได้มีการจัดการแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันได้ท�ำการส�ำรวจแหล่งเพาะพันธล์ุ ูกนำ�้ ยงุ ลายในสถานท่ีต่างๆ เช่น ในห้องนำ้� จานรองกระถางต้นไม้ ยนื ยนั ได้วา่ มลี ูกน�ำ้ยุงลายอย่เู ปน็ จ�ำนวนมาก ซึ่งท�ำใหเ้ กดิ ข้อสมมติฐานหลายประการไดแ้ ก่ ▪ ระบบรายงานและการใชป้ ระโยชนจ์ ากทะเบยี นผปู้ ว่ ยของระดบั สถานอี นามยั (รพ.สต.) ควรไดร้ บั การตรวจสอบและสงั เกตความผดิ ปกติ เนอ่ื งจากเหตกุ ารณด์ งั กลา่ วสะทอ้ นวา่ ระบบรายงานผปู้ ว่ ย รายงานจากทอ่ี ยผู่ ปู้ ว่ ย อาจท�ำใหก้ ารวเิ คราะหไ์ มส่ ามารถเชอื่ มโยงไปยังพื้นท่ีที่เกี่ยวข้องด้าน ดังน้ันเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขจ�ำเป็นต้องสังเกตและวิเคราะห์ข้อมูลได้ โดยเฉพาะการวิเคราะห์เชิงพื้นท่ี ท่อี ยูใ่ นเขตรอยตอ่ ของพ้นื ที่รับผดิ ชอบ ▪ องค์ความรู้ของครูผู้สอนในสถานศึกษาดังกล่าว มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายดี แต่ไม่มีการปฎิบัติอย่างต่อเน่ือง อาจเกดิ เพราะขาดการตดิ ตามและท�ำความเขา้ ใจ โดยเฉพาะในบรบิ ทของเครือขา่ ยความรว่ มมอื ในโรงเรยี น ▪ ความเข้าใจของผู้บริหารสถานศึกษา เขา้ ใจว่าการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก เปน็ หนา้ ทขี่ องเจ้าหน้าทสี่ าธารณสขุ ● “โรคไร้พรมแดน” การเกิดปัญหาโรคไข้เลือดออกมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงระบาดวิทยาร่วมกับความสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ในหมู่บ้านแห่งหน่ึงมีรายงานผู้ป่วยในกลุ่มวัยเรียนและเร่ิมมีการกระจายไปในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง จากการสอบถามขอ้ มลู พบวา่ เดก็ นกั เรยี นทปี่ ว่ ยสว่ นใหญไ่ มไ่ ดเ้ รยี นในพนื้ ที่ แตต่ อ้ งเดนิ ทางไปเรยี นในเขตพนื้ ทใ่ี กลเ้ คยี งทต่ี ดิ ตอ่ กนั (เขตจงั หวดั อนื่ )ประเดน็ ส�ำคญั คอื พนื้ ทต่ี งั้ โรงเรยี นไมไ่ ดอ้ ยใู่ นพน้ื ทด่ี แู ลของสถานอี นามยั หากไมด่ �ำเนนิ การสอบสวนโรคอาจไมท่ ราบเหตผุ ลของการแพร่ระบาดในพ้ืนที่ได้ ในกรณ๊นี้พ้ืนที่ท่ีต้ังโรงเรียนเป็นพ้ืนท่ีระบาดโรคไข้เลือดออกอยู่ ความจ�ำเป็นที่พึงปฏิบัติคือ “การแลกเปลี่ยนข้อมูลขา้ มเขต” เพ่อื ก�ำหนดมาตรการควบคุมโรคร่วมกัน ประเดน็ การสอบสวน Index case จึงมีความส�ำคญั เพ่ือลดโอกาสการแพร่ระบาดในพ้ืนที่ “แพรโ่ ดยยงุ กระจายโดยคน” ●“พน่ สารเคมกี �ำจดั ยงุ ขนาด จง้ิ จก ตกุ๊ แก ยงั รว่ ง” ในมมุ มองของทมี ควบคมุ โรคเหน็ วา่ การใชส้ ารเคมเี ขม้ ขน้ ถงึ ขนาดสตั วใ์ หญ่หลน่ ลงมาไดน้ น้ั ควรระมดั ระวงั ประเดน็ ปญั หาคอื สารเคมที ใ่ี ชผ้ สมในอตั ราสว่ นทถ่ี กู ตอ้ ง ไมค่ วรท�ำใหส้ ตั วใ์ หญไ่ ดร้ บั ผลกระทบ ถา้ เปน็ เหตุขนาดน้นั ในหลกั วชิ าการ ควรตอ้ งตรวจสอบอตั ราส่วนของการผสมสารเคมที ่ถี กู ต้อง และ/หรอื วิธกี ารผสมสารเคมีทถี่ กู ตอ้ ง จากกรณีดงั กลา่ ว เป็นภาพสะท้อนให้เหน็ วา่ อาจใชว้ ธิ กี ารผสมสารเคมโี ดยเตมิ สารเคมีและส่วนผสมลงในเครอื่ งพ่นแลว้ เขยา่ ใหเ้ ขา้ กนั ผลท่ตี ามมาคอื สารเคมจี ะตกตะกอนในสว่ นลา่ งของเครอื่ งพน่ เมอ่ื พน่ สารเคมใี นระยะแรก สารเคมจี ะออกไปในอตั ราสว่ นทเ่ี ขม้ ขน้ มากกวา่ ปกติเปน็ เหตใุ หส้ ตั วใ์ หญไ่ ดร้ บั ผลกระทบ ในขณะทใี่ นชว่ งปลายของการพน่ ความเขม้ ขน้ ของสารเคมจี ะนอ้ ยลง จนอาจไมม่ ผี ลตอ่ ยงุ พาหะเลย สรปุ บทเรยี นในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกในหลายพน้ื ท่ี แสดงใหเ้ หน็ วา่ “ความเขา้ ใจและความเอาใจใส”่ ในบรบิ ทของนกั สาธารณสขุ มคี วามจ�ำเปน็ ทตี่ อ้ ง “เปน็ ผเู้ รม่ิ ตน้ ” ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนและทกุ ภาคสว่ นภายใตอ้ งคป์ ระกอบตา่ งๆ ค่มู ือวิชาการโรคติดเชอ้ื เดงกีและโรคไขเ้ ลือดออกเดงกี 135 ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ

ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะชมุ ชน ในขณะทป่ี ระชาชนและชมุ ชนตอ้ งมคี วามรว่ มมอื อยา่ งจรงิ จงั และตอ่ เนอื่ ง “การปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก...เรม่ิ ตน้ ทบ่ี า้ น” การผลกั ดนั ปญั หาไขเ้ ลอื ดออก จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งใหเ้ กดิ เปน็ “นโยบายสาธารณะ” ตามสภาพความส�ำคญั ของปญั หาในแตล่ ะพนื้ ท่ี บทบาทส�ำคัญของนกั สาธารณสุขในระดับพน้ื ที่ คอื “เมอ่ื เกิดโรค..ต้องควบคุมโรค” ประสิทธิภาพของเครอื่ งมอื ต้องมมี าตรฐาน วธิ กี ารตอ้ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รจู้ กั และเขา้ ใจ”ธรรมชาตขิ องการเกดิ โรคไขเ้ ลอื ดออก”วเิ คราะหข์ อ้ มลู สถานการณต์ ดิ ตามปญั หาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และส่ิงส�ำคัญคอื การกระตุ้น ผลกั ดนั ให้เครอื ขา่ ยและชมุ ชนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการด�ำเนนิ การ มาตรการส�ำคญั ในการด�ำเนนิ การปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกมงุ่ เนน้ การด�ำเนนิ การ ดา้ นการ เฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค โดยก�ำหนดมาตรการส�ำคัญเปน็ 3 ช่วง ไดแ้ ก่ กอ่ นฤดกู ารระบาด (ม.ค.-เม.ย.) ชว่ งฤดกู ารระบาด (พ.ค.-ส.ค.) และหลังฤดกู ารระบาด (ก.ย.-ธ.ค.) โดยช่วงเวลาส�ำคัญคือชว่ งกอ่ นฤดกู ารระบาด ทมี่ งุ่ เน้นใหพ้ ืน้ ท่ีด�ำเนนิ การ ดังน้ี 1. การวเิ คราะห์สถานการณ์ และประเมินพื้นทเ่ี ส่ียงของการเกดิ โรค อย่างนอ้ ยในระดบั ต�ำบล เพื่อการเฝ้าระวงั และก�ำหนด พน้ื ทีเ่ ป้าหมายในการด�ำเนนิ การ 2. การป้องกันโรคล่วงหน้า เพ่ือจัดการส่ิงแวดล้อมไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงพาหะน�ำโรค โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและพื้นท่ี เกดิ โรค เนน้ ความส�ำคญั ในระยะกอ่ นการเกดิ โรค โดยเนน้ กระบวนการการจดั การพาหะแบบผสมผสาน (Integrated Vector Management) 3. การควบคมุ โรคในพ้นื ทเ่ี กดิ โรค เพอ่ื ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดไมเ่ กิน 2nd generation (28 วัน) โดยการพน่ สารเคมที �ำลาย ยงุ ตัวเตม็ วยั และการก�ำจดั แหล่งเพาะพนั ธุ์ยงุ ควบค่กู ัน 4. การสอื่ สารความเสี่ยงและประชาสมั พนั ธใ์ หป้ ระชาชนทราบถึงการจัดการสง่ิ แวดล้อม การปอ้ งกนั ตนเองจากยุงกัด และ อาการทีต่ ้องไปพบแพทย์ เพอ่ื ให้ประชาชนเกดิ ความตระหนักและเกิดการ มสี ว่ นรว่ มของชุมชน 5. การเตรียมความพร้อมของทรัพยากรต่างๆ ที่เก่ียวข้องในการควบคุมโรค ท้ังด้านบุคลากร เครื่องมือ/อุปกรณ์ สารเคมี และงบประมาณ “ป้องกันใหป้ ่วยน้อยที่สุด และไมใ่ หผ้ ู้ป่วยเสยี ชวี ิต” เอกสารอ้างองิ 1. อนุตรศักด์ิ รัชตะฑัต, นพ. “แลหน้า..ปัญหาไข้เลือดออก: ความท้าทายระดับประเทศและภูมิภาค” 40 ปี ครบรอบวันสถาปนากรมควบคุมโรค ส�ำนักจัดการความรู้ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ ISBN: 978-616-11-2257-5, 2557 2. ส�ำนกั โรคติดตอ่ น�ำโดยแมลง “การวิเคราะหข์ ้อมลู ระบบเฝา้ ระวงั โรคไข้เลือดออกทัง้ 5 มิตขิ องการด�ำเนินงาน (เอกสารส�ำเนาตน้ ฉบบั ) 2558 3. ประเสริฐ ทองเจริญ, ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ นพ. “ ระบาดบนั ลอื โลก เล่ม 22 โรคไขเ้ ลอื ดออกเดงก”ี โรงพมิ พ์อักษรสมยั (1999), กรุงเทพมหานคร, กันยายน 2556 4. โครงการประชาร่วมใจป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 ปี 2542-2543 5. ตลาดนัดความร้ ู เครอื ข่ายเฝา้ ระวัง ป้องกนั ควบคมุ โรคและภยั สุขภาพ พื้นที่สาธารณสขุ เขต 14 “เครอื ข่ายเขม้ แขง็ ชมุ ชนแข็งแรง” วนั ที่ 23-25 กนั ยายน 2552 ณ โรงแรมเฮอรม์ เิ ทจ อ.เมอื ง จ.นครราชสมี า จดั โดย ส�ำนกั งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคท่ี 5 นครราชสมี า กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ , 6. สนั ติ ไตรพร, กาญจนยี ์ บณุ ยวงศว์ โิ รจน,์ โสรส จงภกั ด,ี ดอน แสงผกั แวน่ . อภปิ รายกลมุ่ เรอื่ งประสบการณข์ องการด�ำเนนิ งาน IVM ในพนื้ ท.ี่ การประชมุ เชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าท่ีในการด�ำเนินงานพัฒนาอ�ำเภอเข้มแข็งป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก ปี 2557; 27-29 พฤศจิกายน 2556. โรงแรมโพธว์ิ ดล รสี อรท์ แอนด์สปา นครปฐม: ส�ำนักโรคติดตอ่ น�ำโดยแมลง กรมควบคุมโรค; 2556136 คู่มอื วิชาการโรคตดิ เช้ือเดงกีและโรคไข้เลอื ดออกเดงกี ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข

ภาคผนวก คมู่ ือวชิ าการโรคตดิ เช้อื เดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี 137 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

ค�ำสั่งกรมควบคุมโรค ที่ 518 /๒๕๕8 เรื่อง แต่งตัง้ คณะท�ำงานจดั ท�ำคู่มอื วิชาการโรคไขเ้ ลือดออก ตามค�ำสง่ั กรมควบคมุ โรคที่ 11/2558 ลงวนั ท่ี 6 มกราคม 2558 ไดแ้ ต่งต้ังคณะท�ำงานจดั ท�ำคู่มอื โรคไขเ้ ลือดออก เพ่อื เปน็ การรวบรวมองค์ความรู้ท่ีเกีย่ วกบั โรคไข้เลือดออกในด้านตา่ งๆ และปรบั ปรงุ เพิม่ เตมิ เนื้อหาข้อมูลให้เป็นปจั จบุ ันมากยง่ิ ข้ึน และสนับสนุนคมู่ อื วชิ าการใหแ้ กห่ นว่ ยงานเครอื ขา่ ยทร่ี บั ผดิ ชอบงานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก ซง่ึ ไดม้ กี ารเพม่ิ เตมิ และปรบั เปลย่ี นคณะท�ำงานฯบางสว่ น นัน้ ในการน้ี เพ่ือใหก้ ารด�ำเนินงานดงั กลา่ วข้างต้น ส�ำเร็จบรรลวุ ัตถุประสงค์และมคี วามเป็นปจั จบุ ัน กรมควบคุมโรคจึงยกเลกิ ค�ำสงั่กรมควบคมุ โรคท่ี ๑๑/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๖ มกราคม ๒๕๕๘ และแตง่ ต้ังคณะท�ำงานจดั ท�ำคู่มอื วิชาการโรคไขเ้ ลอื ดออก ดงั ตอ่ ไปนี้คณะทีป่ รกึ ษา 1. นางสาวสจุ ติ รา นิมมานนิตย์ ทปี่ รกึ ษากรมควบคมุ โรค 2. นางสาวศริ เิ พญ็ กลั ยาณรจุ ศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ เฉพาะทางดา้ นโรคไขเ้ ลอื ดออก สถาบนั สขุ ภาพเดก็ แหง่ ชาตมิ หาราชนิ ี 3. นายสธุ ี ยกสา้ น ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาวัคซนี สถาบันชวี วิทยาศาสตรโ์ มเลกุล มหาวิทยาลยั มหดิ ล 4. นายธีรภาพ เจริญวิรยิ ะภาพ ภาควชิ ากีฏวทิ ยา คณะเกษตร มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 5. นายช�ำนาญ อภิวัฒนศร ภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตรเ์ ขตรอ้ น มหาวทิ ยาลัยมหิดล 6. นายจรณิต แกว้ กังวาล ภาควชิ าสุขวทิ ยาเขตรอ้ น คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลยั มหิดล 7. นางพิมพส์ รุ างค์ เตชะบุญเสริมศกั ด ์ิ ภาควิชาอนามยั ครอบครัว คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหิดล 8. นายวิชัย สติมยั นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคมุ โรค 9. นางสาวจไุ ร วงศส์ วสั ด์ ิ รกั ษาราชการนายแพทย์ทรงคุณวฒุ ิ กรมควบคมุ โรค 10. นายสราวุธ สวุ ัณณทัพพะ ท่ีปรึกษาส�ำนกั โรคติดตอ่ น�ำโดยแมลง 11. นายนพิ นธ์ ชนิ านนทเ์ วช ผูอ้ �ำนวยการส�ำนักโรคตดิ ตอ่ น�ำโดยแมลง 12. นายสวุ ิช ธรรมปาโล ผูอ้ �ำนวยการส�ำนกั งานป้องกนั ควบคุมโรคที่ 12 สงขลา 13. นางบุษบง เจาฑานนท์ นักวิชาการสาธารณสุขทรงคณุ วฒุ ิ กรมควบคมุ โรค (ข้าราชการบ�ำนาญ)บทบาทหนา้ ที่ 1. ใหค้ �ำปรกึ ษาและแนะน�ำในการทบทวนเน้อื หาทางวิชาการ 2. ตรวจสอบความถูกตอ้ งเนื้อหาวชิ าการคณะท�ำงาน นายแพทย์ช�ำนาญการพเิ ศษ ประธาน 1. นายอนตุ รศักดิ์ รชั ตะทตั นักวชิ าการสาธารณสขุ ช�ำนาญการพิเศษ คณะท�ำงาน 2. นายจริ ะพัฒน์ เกตแุ ก้ว นักวิชาการสาธารณสขุ ช�ำนาญการพิเศษ คณะท�ำงาน 3. นางตวงพร ศรีสวัสด ์ิ นกั วิชาการสาธารณสขุ ช�ำนาญการพิเศษ คณะท�ำงาน 4. นายบญุ เสรมิ อว่ มออ่ ง นกั วชิ าการสาธารณสุขช�ำนาญการพเิ ศษ คณะท�ำงาน 5. นายธีระยศ กอบอาษา นกั วิชาการสาธารณสขุ ช�ำนาญการพิเศษ คณะท�ำงาน 6. นางสาวปิยะพร หวงั รงุ่ ทรพั ย์ นกั วิชาการสาธารณสุขช�ำนาญการพเิ ศษ คณะท�ำงาน 7. นายมานติ ย์ นาคสวุ รรณ นกั เทคนิคการแพทยช์ �ำนาญการ คณะท�ำงาน 8. นายกติ ติพงษ์ เกดิ ฤทธ ิ์138 ค่มู ือวชิ าการโรคตดิ เชอื้ เดงกแี ละโรคไข้เลอื ดออกเดงกี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook