Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตำรา ช่างซ่อมโทรศัพท์

ตำรา ช่างซ่อมโทรศัพท์

Published by art-weerasak, 2023-02-07 09:57:37

Description: ตำรา ช่างซ่อมโทรศัพท์

Search

Read the Text Version

โรงเรียนทหารส่ือสาร กรมการทหารสอ่ื สาร หลกั สูตรช่างซอ่ มและตดิ ต้งั โทรศัพท์ แผนกวชิ าการสือ่ สารประเภทสาย กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารสอื่ สาร กรมการทหารสอื่ สาร •••••••••• (ปรับปรงุ ก.ย. ๖๕)

คำนำ คู่มือนี้เป็นแนวทางสำหรับช่างซ่อมและติดตั้งโทรศัพท์ โดยมีความรู้ที่เกี่ยวกับไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น, ระบบโทรศัพท์, ระบบชุมสายโทรศัพท์, เครื่องสลับสายโทรศัพท์สนาม, เครอ่ื งโทรศัพท์สนาม, ตู้ชมุ สายโทรศัพทอ์ ตั โนมัตริ ะบบ SPC, การบำรุงรกั ษาและเร่อื งอืน่ ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง แผนกวิชาการสื่อสารประเภทสายหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านคงได้รับความรู้เกี่ยวกับระบบ ชุมสายโทรศัพท์ และสามารถนำไปใช้ประกอบการปฏิบัติงานและต่อยอด และเพื่อเป็นแนวทางในการ เสรมิ สรา้ งทกั ษะความสามารถในการใช้อุปกรณ์ต่อไป หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางแผนกวิชาการสื่อสารประเภทสายขออภัยมา ณ ที่นี้ และขอ ความกรุณาเสนอแนะ ข้อผิดพลาด หรือข้อคิดเห็นมายังแผนกเพ่อื ท่ีจะดำเนินการแกไ้ ขให้สมบรู ณ์ตอ่ ไป แผนกวิชาการสือ่ สารประเภทสาย กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารสือ่ สาร กรมการทหารสอื่ สาร โทร. 02-2975380 ทบ. 95380

สารบญั หนา้ เรือ่ ง 1 1. ระบบโทรศพั ท์ 2 2. คำศัพท์เก่ยี วกับระบบโทรศพั ท์ 5 3. ส่วนประกอบของเคร่อื งโทรศัพท์ 15 4. เครือ่ งรับโทรศัพท์ 18 5. สญั ญาณพื้นฐานทใ่ี ชใ้ นระบบโทรศัพท์ 31 6. หลกั การทำงานของโทรศัพท์ 33 7. ชุมสายโทรศพั ท์ระบบ SPC 34 7.1 โครงสร้างชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบอนาล็อก 35 7.2 โครงสรา้ งชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบดจิ ิทลั 37 8. IP Phone 38 9. เทคโนโลยี Voice Over Internet Protocol 43 10. เครอ่ื งสลับสายโทรศพั ท์สนาม 43 10.1 เครอื่ งสลบั สายโทรศัพท์สนาม SB-993/GT 48 10.2 เครอ่ื งสลับสายโทรศพั ท์สนาม SB-22/PT 57 10.3 เครื่องสลับสายโทรศัพท์สนาม SB-86/P 59 10.4 เคร่ืองสลับสายโทรศพั ท์สนาม ETE-C 60 10.5 เคร่อื งสลบั สายโทรศัพท์สนาม ETE-S 61 10.6 เคร่อื งสลบั สายโทรศพั ท์สนาม ETE-M 64 11. ตูช้ มุ สายโทรศพั ทอ์ ัตโนมัติ PABX รุ่น MD110 65 11.1 โครงสรา้ งของ LIM (Line Interface Module) 67 11.2 ความหมายของแตล่ ะ Module 79 12. Software สำหรับชว่ ยในการ Maintenance system 85 13. การบรหิ ารจดั การระบบชุมสายโทรศพั ท์ MD110 (System Administrator) 87 13.1 รูปแบบคำสงั่ 94 13.2 คำสั่งท่ีจำเปน็ เพื่อการสอบถามข้อมลู ในระบบชมุ สายโทรศพั ท์ MD110 95 14. การจัดการระบบชมุ สายโทรศัพทใ์ นเครอื ข่าย 95 14.1 การเพมิ่ หมายเลขภายในแบบ Analog 96 14.2 การเพ่มิ หมายเลขภายในแบบ Digital 97 14.3 การเพมิ่ สายนอก (Analog Trunk) 98 14.4 การเปล่ียนหมายเลข Night Service (Route Day/Night)

14.5 การเปล่ียนหมายเลข (Directory Changes) 99 14.6 การจดั กลุ่มในการรบั สายแทนกัน (Group Call Pickup) 100 14.7 การสร้างหมายเลขยอ่ ส่วนรวม (Common Abbreviated Dialing) 101 14.8 กำหนดการฝากสาย (Call Diversion) 102 14.9 การสรา้ งกล่มุ ชว่ ยในการรับสาย (Internal Group Hunting) 103 14.10 การ SET วงจรเช่าแบบ PRI เชือ่ มต่อเข้ากบั ระบบชุมสายฯ 104 14.11 การเกบ็ ขอ้ มูลระบบ (Dumping to HDU) 106 14.12 การตรวจสอบ VERSION ของ MD 110 107 14.13 การบนั ทกึ เสียงในระบบตอบรบั อตั โนมัติ (Max Voice) 108 15. การตรวจสอบการเกดิ ปญั หา ( Alarm / Blocked ) 109 16. Fault Code ทพ่ี บบ่อยในระบบชมุ สายโทรศัพท์ 111 17. การตรวจสอบอุปกรณท์ ถ่ี กู Blocked 112 18. การแสดงผลเป็นตวั เลขบน LPU display 114 19. สว่ นประกอบการแก้ไขปญั หา 116 20. เคร่อื งโทรศพั ท์สนาม 123 20.1 เครอื่ งโทรศพั ท์สนาม TA-1/PT 123 20.2 เคร่อื งโทรศัพท์สนาม TA-312/PT 129 20.3 เครือ่ งโทรศพั ท์สนาม TA-312/M2E 135 20.4 เครอ่ื งโทรศัพท์สนาม ETP-1 136 20.5 เครอ่ื งโทรศัพท์สนาม ETP-3 140 21. เคร่ืองโทรศัพท์แบบ IP Phone 151 22. ไฟฟ้าเบือ้ งต้น 156 23. อเิ ล็กทรอนิกสพ์ ้นื ฐาน 160 24. วงจรไฟฟา้ 172 25. เครอ่ื งมือตรวจวัด 176

1 ระบบโทรศัพท์ ระบบโทรศัพท์สำนักงานถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1876 (พ.ศ. 2419) โดย Alexander Graham Bell นักวิทยาศาสตร์เจ้าของบริษัท Bell Telephone องค์ประกอบของ ระบบโทรศัพท์ในยุคของ Bell น้นั จะต้องประกอบด้วยเครื่องโทรศพั ท์ 2 เครื่องทีว่ างหา่ งกนั มสี ายไฟฟา้ เชื่อมต่อระหว่าง 2 เครื่อง และสามารถสื่อสารถึงกันได้โดยใช้หลักการเปลี่ยนสัญญาณเสียงให้เป็น สญั ญาณไฟฟา้ เพือ่ สง่ ไปตามสายไฟฟ้า เม่ือถึงปลายทาง สัญญาณไฟฟา้ จะถูกเปล่ียนเปน็ สัญญาณเสยี ง โดยโทรศัพท์ยุคแรกของ Bell ยังไม่มีระบบชุมสายโทรศัพท์เข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถใช้โทร ระยะไกลได้ในระยะทางประมาณ 6 ไมล์ อย่างไรก็ตาม ระบบโทรศัพท์ของ Bell นั้น ประสบปัญหา ตรงที่ หากใช้สายส่งที่ยาวมาก จะไม่สามารถได้ยินเสียงของต้นสาย ถัดมาอี ก 1 ปีหรือปี 1877 Thomas Alva Edison ได้ประดิษฐ์ตัวส่งสัญญาณขึ้นมาใหม่หรือที่เรียกว่า “Carbon Transmitter” ทำใหก้ ระแสไฟฟ้าแรงข้นึ สง่ ผลให้สง่ สัญญาณเสยี งสง่ ได้ไกลและชัดขึ้นกวา่ เดิม ด้วยเทคโนโลยกี ารสื่อสารผา่ นเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตความเร็วสูงในปัจจุบัน ทำให้ระบบโทรศัพท์ VoIP ได้รับความต้องการใช้งานท่ีสูงขึน้ และกลายเป็นมาตรฐานของระบบโทรศพั ท์สำนกั งานที่ทันสมัย สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบจากที่ใดก็ได้ที่มีอนิ เทอร์เน็ต ทำให้สื่อสารกันได้กว้างขวางมากขึ้น พร้อม ฟงั ก์ชนั การใชง้ านท่ีหลากหลาย เชน่ ประชมุ ทางเสยี ง, Voice Mail, Call Center ฯลฯ ขอ้ แตกต่างของ Softphone, Hardphone และ Smartphone Softphone คอื ซอฟตแ์ วรห์ รือโปรแกรมทที่ ำหน้าท่เี หมอื นโทรศัพท์ แตห่ ลกั การทำงานเปน็ การ เชื่อมตอ่ สัญญาณผ่านคอมพวิ เตอรห์ รืออินเทอร์เนต็ แทนการใชส้ ัญญาณจากสายโทรศพั ท์แบบเดิม Softphone อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ VoIP (Voice over Internet Protocol) หรือการสื่อสาร ทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ปัจจุบัน โปรแกรม Softphone นั้น มีทั้งสำหรับติดตั้งบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ (Desktop) และ Smartphone ทำให้สะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ สำหรับองคก์ รธุรกิจทีพ่ นักงานไมไ่ ด้อยใู่ นออฟฟิศตลอดเวลา เปรียบเทยี บรปู แบบของโทรศพั ท์ 3 ประเภท ทม่ี ีในปจั จบุ นั วา่ มคี วามแตกตา่ งกันอยา่ งไร Softphone คือ โปรแกรมโทรศัพท์ยุคใหม่ ที่ทำงานผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อดีคือประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทร ออก และสะดวกกับการเคลื่อนย้ายออฟฟิศ ไม่ต้องติดตั้งสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ ก็สามารถใช้งานได้ทันทีเพียงมีอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อสารที่รองรับการติดตั้ง Softphone เช่น คอมพิวเตอร์, Smartphone, iPad/แท็บเล็ต เป็นต้น โปรแกรมดังกล่าวนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ ตั้งโต๊ะหรือโทรศัพท์สำนักงาน แต่การใช้งานกับคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีไมโครโฟน และการ์ดเสียง

2 ตลอดจน VoIP Handset และหูฟัง /หรือ USB Phone แม้ว่าจะง่ายต่อการติดตั้ง แต่คุณภาพการโทร จะดหี รอื ไม่นน้ั อย่ทู ส่ี ญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ และการเช่อื มตอ่ กับไวไฟของสำนักงาน Hardphone คนจำนวนมากคิดว่า Hardphone ก็คือโทรศัพท์ตั้งโต๊ะหรือโทรศัพท์สำนักงาน (หรือโทรศัพท์ บ้าน) ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง หากแต่ความพิเศษของ Hardphone คือสามารถรองรับการใช้งาน VoIP ได้ โดยแทนที่จะเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม แต่เชื่อมต่อผ่านสาย Lan และส่งสัญญาณเสียงผ่าน อินเทอร์เน็ตได้ สำหรับออฟฟิศที่มีโทรศัพท์แบบ Hardphone อยู่แล้ว ก็สามารถย้ายจากสายโทรศัพท์ ปกติไปเป็นแบบ VoIP ได้ เพื่อเพิ่มฟังก์ชันที่จะได้รับจาก VoIP อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการใช้ Hardphone กบั VoIP ทช่ี ดั เจนคือคุณภาพเสียงแบบ HD Smartphone Smartphone คืออุปกรณ์สื่อสารที่รองรับระบบปฏิบัติการต่างๆ ได้ เสมือนยกเอาคุณสมบัติ ของระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์มาไว้ในโทรศัพท์ เช่น ระบบ iOS ใน iPhone, ระบบ Android เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโทรออกและรับสายได้ในเวลาเดียวกัน ข้อดีของ Smartphone คือ สามารถติดตั้ง แอปพลิเคชันรับสายโทรศัพท์, เข้าถึงอินเทอร์เน็ต, ส่ง E-mail ฯลฯ ที่สำคัญคือ Smartphone รองรับ การตดิ ตัง้ โปรแกรม Softphone หรือแอปในการรับสายและโทรออกผ่านเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ชว่ ยเพิ่ม ประสิทธิภาพการใช้งานที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และประหยัดค่าโทรศัพท์ ความคุ้มค่าในการใช้ Smartphone : เมื่อทำงานอยู่ในออฟฟิศ ควรใช้มือถือส่วนตัว และเชื่อมต่อมันกับโทรศัพท์ตั้งโต๊ะของ สำนักงานด้วยโปรแกรม VoIP วิธีนี้ช่วยให้พนักงานสามารถส่งต่อสายและจัดการสายผ่านมอื ถือส่วนตัว ได้เสมือนกับวา่ อยูใ่ นออฟฟิศ อยา่ งไรกต็ าม การบูรณาการการใชม้ อื ถอื กับระบบ VoIP บนมือถอื นั้นช่วย ลดความจำเปน็ ในการใช้มอื ถอื สำรองของออฟฟิศได้อกี ด้วย คำศัพท์เกย่ี วกบั ระบบโทรศพั ท์ Land Line คือโทรศัพท์พื้นฐาน ที่ใช้สายโทรศัพท์เป็นตัวนำหรือลวดโลหะหรือสายเคเบิลในการโอนสาย เช่น โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์สำนักงาน ในขณะที่โทรศัพท์มือถือ ใช้คลื่นวิทยุในการส่งสัญญาณ Land Line อาจเรียกอีกอยา่ งว่า ‘Hard Wired’ เนื่องจากมกี ารเชอื่ มตอ่ ทางกายภาพระหวา่ งอุปกรณ์โทรศัพท์ และสถานท่ีท่ตี ั้งโทรศัพท์ บางคนบอกวา่ มันคอื ‘POTS Line’ ซึ่งหมายถงึ โทรศัพท์รุ่นเก่าท่ีคนส่วนใหญ่ ทีม่ โี ทรศัพทบ์ า้ นใชก้ ัน

3 Virtual Number เบอร์เสมือนจริง คือหมายเลขโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้รับสายและโทรออกได้เหมือนกับ หมายเลขโทรศัพท์อื่นๆ แต่ไม่มีสายโทรศัพท์จริงๆ พ่วงไว้ ทางยุโรปเรียกว่า DDI (Direct Dialing-in) เป็นเบอร์โทรศัพท์ท้องถิ่น ที่ไม่ได้ทำการเชื่อมต่อกับระบบโทรศัพท์จริงหรือซิมการ์ด หากคุณมีเบอร์ เสมือนจรงิ กส็ ามารถรับสายเรียกเขา้ ด้วยแอปผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต และสามารถโอนสายเรียกเขา้ ไปยังเบอร์ มือถือหรือโทรศัพท์บ้านที่เลือกไว้ได้ทั่วโลก ซึ่งคนที่โทรมายังหมายเลขนั้น จะไม่รู้เลยว่ากำลังโทรหา หมายเลขเสมือน Virtual Phone System ระบบโทรศัพทเ์ สมือนจริง แตกต่างจากระบบโทรศัพท์ปกติท่วั ไปตรงที่ ระบบโทรศัพท์ท่ัวไปน้ัน จะมีลักษณ์ทางกายภาพ คือมีอยู่จริง เป็นการติดตั้ง และกำหนดค่าจากบริษัทโทรศัพท์ เพื่อทำการ เชื่อมต่อสายเรียกเข้ากับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์สำนักงานและโทรศัพท์มือถือท่ีทำการ ลงทะเบียนซิมการ์ดกับเครอื ขา่ ยมือถอื ไว้ อกี นยั หนึง่ คือ หมายเลขโทรศัพทป์ กติจะเช่ือมต่อกับสิ่งท่ีมีอยู่ จริง มองเหน็ ได้ สัมผสั ได้ จบั ตอ้ งได้ แตห่ มายเลขเสมือนไมไ่ ด้เชอื่ มต่อกบั สงิ่ ทีม่ อี ยู่จรงิ นั่นเอง Hard Phone Hard Phone ก็คือโทรศัพท์ตั้งโต๊ะในสำนักงาน ลักษณะทางกายภาพคือโทรศัพท์รุ่นเก่าที่เรา คนุ้ เคย มีปุ่มกดหลายๆปุ่ม สามารถทำการปดิ เสยี งการโทรหรือโทรซ้ำได้ สว่ นทต่ี ่างไปคอื Hard Phone จะเช่อื มตอ่ กบั อนิ เทอรเ์ น็ตหรอื โทรออกผ่านเครือข่าย IP แทนท่ีจะใชส้ ายโทรศัพท์แบบดง้ั เดิม Softphone คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมโทรศัพท์ ที่ทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ โดยหลักการทำงานเป็น เหมอื นกับการคุยกนั ผา่ นเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตหรอื VoIP (Voice Over IP) ทำใหเ้ ราสามารถพูดคุยผ่าน คอมพวิ เตอร์ได้เหมอื นกับคุยผ่านโทรศพั ท์ โดยหนา้ ตาของโปรแกรมจะมีลกั ษณะเหมอื นกับโทรศัพท์จริง ทกุ อย่าง นอกจากน้โี ปรแกรม Softphone ยังใช้โทรออกจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถโทรไปหาได้ ท้ัง Softphone ดว้ ยกนั เอง หรอื จะโทรไปยงั เบอรบ์ ้าน ตลอดจนเบอร์มอื ถือต่างๆ ได้ท่วั โลก ขอ้ ดคี ือช่วย ลดคา่ ใช้จ่ายในการโทรออก Cell Phone คือ โทรศพั ท์มือถือ ท่ีใช้เทคโนโลยี Cellular Network หรือโทรศพั ท์มอื ถอื ตงั้ แตย่ ุคอนาล็อกจน มาถึงยุคที่ใช้ 3G, 4G, 5G โดยคำว่า Cell Phone นั้น มาจากการผสมผสานระหว่างคำว่า Cellular Phone และ Mobile Phone ดังนั้น Mobile Phone จึงมีความหมายเดียวกับ Cellular Phone อยา่ งไรกต็ าม คำว่า Smart Phone กม็ ีความหมายเดยี วกับ Cell Phone เช่นกัน เพียงแต่มีคุณสมบัติที่ ล้ำหน้ากว่าแค่การรับสายและโทรออกเพียงอย่างเดียว เช่น ส่ง SMS อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึง โทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Phone คำว่า Cell Phone มักจะถูกใช้เพื่ออธิบายคุณสมบัติพื้นฐานของ โทรศพั ท์มอื ถือ ในขณะท่ี Smart Phone ใช้อธิบายโทรศัพทแ์ บบจอสมั ผสั ท่ีทันสมัยมากกว่า

4 VoIP Phone ย่อมาจาก Voice Over Internet Protocol หรือระบบโทรศัพท์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ เครอื ขา่ ย IP เพื่อใช้โทรและรบั สาย ขอ้ ดคี ือ ราคาประหยัด คิดคา่ โทรออกตามจริง ไม่ต้องติดตั้งเสาและ สายโทรศัพท์แบบเก่า เหมาะสำหรับใช้ในองค์กรยุคใหม่ โดยเฉพาะลักษณะองค์กรที่พนักงานไม่ได้เข้า ออฟฟศิ ทกุ วัน ไปทำงานตา่ งสาขา หรือตา่ งจงั หวัด ไกลหรือใกล้กไ็ ม่มปี ัญหาในการโทรถึงกนั ระดบั ความ คมชดั ข้ึนอย่กู ับความแรงของสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ใช้ รวมไปถงึ มีตัวเลือกในการรับสายได้หลากหลาย ท้งั แอปบนมอื ถือ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ

5 ส่วนประกอบของเครื่องโทรศพั ท์ เครอื่ งโทรศพั ท์ เปน็ อปุ กรณ์ที่ทำหน้าท่ีเปลี่ยนสญั ญาณเสียงพดู ใหเ้ ปน็ สัญญาณไฟฟา้ และเปล่ียน สญั ญาณไฟฟา้ กลบั เป็นสญั ญาณเสียงในขณะทีส่ นทนากนั ตวั เคร่ืองโทรศพั ทท์ ี่มีใช้งานอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ หลายรูปแบบ หลายรปู รา่ ง หลายขนาด หลายราคา มีทงั้ แบบรปู รา่ งทีท่ นั สมัย หรือแบบโบราณ บางรนุ่ มี หน่วยความจำหรอื มปี ุ่มอำนวยความสะดวกมากมาย มีทัง้ แบบกดป่มุ หรอื แบบหมุนใหผ้ ู้ใชไ้ ด้เลือกใช้ตาม ความตอ้ งการ อยา่ งไรก็ตามเคร่ืองโทรศัพทท์ ุกเคร่ืองมีหน้าท่ีเหมือนกัน คอื ใช้สำหรับสนทนากัน ส่วนที่ เพิ่มเติมเข้ามานั้นเป็นการเพิ่มเพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย ในการใช้งานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง เครอื่ งโทรศัพทท์ ี่มีใชก้ นั อยู่ในปัจจบุ ันนี้ มีส่วนประกอบเบื้องตันท่สี ำคัญแสดง ดังรปู ที่ 1.1 รปู ท่ี 1.1 แสดงส่วนประกอบเคร่อื งรบั โทรศัพท์ 1.1 ปากพูดของโทรศัพท์ (Transmitter) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงของผู้พูด เปน็ สญั ญาณไฟฟา้ ซึง่ กค็ ือ ไมโครโฟนนั่นเอง ทีม่ ใี ชใ้ นโทรศพั ทม์ ี 3 แบบ คอื 1.1.1 ปากพูดแบบคาร์บอน (Carbon Microphone) คิดค้นโดย Thomas Alva Edison มีโครงสร้าง ดังรูปที่ 1.2 เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับแผ่นไดอะแฟรม (Diaphragm) จะทำให้แผน่ ไดอะแฟรมสั่นไปมา พลังงานเสียงจะเปลยี่ นเปน็ พลงั งานกล ในตำแหน่งทแ่ี ผ่นไดอะแฟรมถูกกดจะทำให้ ผงถ่าน (Carbon Granule) ถูกอัดติดกันมากยิ่งขึ้น ทำให้ค่าความต้านทานเกิดการเปลี่ยนแปลงตาม ระดับของเสียงที่ตกกระทบ เป็นผลทำให้กระแสไฟตรง ที่ไหลผ่านความต้านทานของปากพูดของ โทรศัพท์มกี ารเปลยี่ นแปลงตามสญั ญาณเสยี งท่ีไดร้ ับ

6 โครงสร้างคาร์บอนไมโครโฟน ลกั ษณะตัวคาร์บอนไมโครโฟน รปู ท่ี 1.2 แสดงปากพูดแบบคารบ์ อน 1.1.2 ปากพูดแบบไดนามิค (Dynamic Microphone) ไมโครโฟนแบบไดนามิกจะ ประกอบด้วยขดลวดพันอยู่บนฟอร์มพลาสตกิ ทรงกระบอกที่ยึดติดกบั แผ่นไดอะแฟรมบางๆแลว้ สวมลง ในช่องว่างระหว่างแม่เหล็กถาวร เมื่อมีคลื่นเสียงมากระทบแผ่นไดอะแฟรม แผ่นไดอะแฟรมที่เป็น พลาสติกหรือแผ่นอลูมิเนียมบางๆ ก็จะมีการอัดและคลายตัวตามคลื่นเสียง ทำให้ขดลวดเคลื่อนที่เข้า ออกตามไปด้วย ซึ่งขดลวดน้จี ะเคล่อื นทตี่ ัดกบั สนามแมเ่ หลก็ ถาวรเป็นผลทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าออกมาท่ี ขดลวด ตามคลืน่ เสียงทเ่ี ขา้ มากระทบ ปากพูดแบบไดนามิคมโี ครงสรา้ ง ดังรูปที่ 1.3 โครงสร้างไดนามิคไมโครโฟน ลักษณะตัวไดนามคิ ไมโครโฟน รปู ท่ี 1.3 แสดงปากพูดแบบแมเ่ หลก็ ไฟฟา้

7 1.1.3 ปากพูดแบบคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone) ไมโครโฟนแบบ คอนเดนเซอร์นี้จะตอ้ งมีไฟเลีย้ งขนาด 3-48 โวลต์ จา่ ยใหอ้ ยตู่ ลอดเวลาทีม่ กี ารใชง้ าน หลกั การทำงานคอื เมื่อมีการเคลื่อนไหวเข้าใกล้และห่างออกจากกันระหว่างไดอะแฟรมกับแบคเพลท ( Back plate) โดยแบคเพลทจะอยู่กับที่ และส่วนที่เป็นไดอะแฟรมจะเคลื่อนไหวตามเสียงที่เข้ามา จึงทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางประจุไฟฟ้าเป็นผลทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กมากขึ้น สัญญาณไฟฟ้า ขนาดเลก็ นีจ้ ะถกู นำไปขยายดว้ ยภาคขยายสญั ญาณเลก็ ๆ ตอ่ ไป ไมโครโฟนชนดิ นี้ มีคณุ สมบัติทางเสียงท่ี ดีเหมือนธรรมชาติจึงเปน็ ทน่ี ิยมใช้งาน มโี ครงสร้าง ดงั รปู ท่ี 1.4 โครงสร้างคอนเดนเซอร์ไมโครโฟน ลกั ษณะตัวคอนเดนเซอรไ์ มโครโฟน รปู ที่ 1.4 แสดงปากพูดแบบคอนเดนเซอร์

8 1.2 หฟู ัง (Receiver) โดยทั่วไปหฟู งั ก็คือลำโพง (Speaker) ซง่ึ จะทำหน้าทเี่ ปลยี่ นสัญญาณไฟฟ้า เปน็ สญั ญาณเสยี ง ลกั ษณะโครงสร้างของหูฟงั ก็เหมอื นกับลำโพงท่ัวไป แตจ่ ะถกู ออกแบบให้มีขนาดเล็ก และอยู่ในรูปร่างที่ถูกจำกัดไว้ด้วยพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน หูฟังโทรศัพท์ที่นิยมใช้คือ แบบแม่เหล็กไฟฟ้า มีลักษณะเหมือนกับปากพูดแบบแม่เหล็กไฟฟ้าแต่ทำงานกลับกัน จากรูปท่ี 1.5 เมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าป้อนเข้าที่ขดลวดเสียง (Voice Coil) จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กสถิตขึ้น ซึ่งจะไป ผลกั หรือดดู กบั อำนาจแม่เหล็กถาวรในรูปตัวอี เป็นผลทำให้ขดลวดเสียงเกิดการเคลื่อนท่ี ทำใหเ้ กิดเสยี งข้ึน รูปที่ 1.5 แสดงโครงสรา้ งหฟู ัง 1.3 มือถือ (Hand Set) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นที่อยู่ของปากพูดและหูฟัง หรือบางคร้ัง เราเรียกว่า หูโทรศัพท์ โดยจะต้องออกแบบให้ตำแหน่งของปากพูดอยู่ใกล้ปากและหูฟังอยู่ใกล้หู เพอ่ื ทำใหก้ ารสนทนาได้ยนิ ซงึ่ กันและกนั ไดอ้ ย่างชัดเจน โดยทว่ั ไปจะมรี ปู ร่าง แสดงตามรปู ที่ 1.6 รปู ท่ี 1.6 แสดงรูปรา่ งของมือถือ 1.4 ฮุคสวิตช์ (Hook Switch) เป็นสวิตช์ 2 ทาง ที่ทำหนา้ ที่เลือกสถานะการทำงานของคูส่ าย สัญญาณโทรศัพท์ (Line) ซึ่งจะต่อเข้ากับวงจรกระดิ่ง (Ringer) ขณะวางสายอยู่ หรือเลือกต่อกับวงจร ปากพดู หฟู งั ขณะยกหโู ทรศัพท์ขึน้ ใช้งาน ดังแสดงตามรูปท่ี 1.7

9 รปู ท่ี 1.7 แสดงลกั ษณะและสญั ลกั ษณข์ องฮุคสวิตช์ คุ สวติ ช์ L1 สายโทรศพั ท์ กระดิ่ง ปากพดู & หู ัง L2 สายโทรศัพท์ รูปที่ 1.8 แสดงหนา้ ทข่ี องฮุคสวิตช์ จากรปู ท่ี 1.8 ในขณะทว่ี างสายอยู่ฮุคสวติ ช์ จะต่อสายสญั ญาณโทรศัพท์เขา้ กบั กระดิ่งเพ่ือรองรับ การเรียกเข้า แต่เมื่อเรายกหูโทรศัพท์หรือมือถือขึ้น ในขณะรับสายเรียกเข้า หรือขณะจะโทรออก สายสัญญาณโทรศัพท์จะถกู ต่อเขา้ กับวงจรปากพูดกับหูฟัง

10 1.5 ขดลวดเหนี่ยวนำ (Induction Coil) ในเครื่องโทรศัพท์จะทำหน้าที่ปรับ อิมพีแดนซ์ (Impedance) ให้เหมาะสมกับระยะทางของสายที่ใช้ และป้องกันไม่ให้เกิดไซด์โทน (Side Tone) ทแี่ รงเกนิ ไปหรอื เบาเกนิ ไป เพราะถ้าไซด์โทนแรงเกินจะทำใหผ้ ู้พูด พูดเบา และถ้าไซด์โทนเบาเกินจะทำ ให้ผู้พูด พูดแรง แต่ในเครื่องรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเครื่องที่มีอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำอยู่ด้วยจะไม่มีขดลวด เหนยี่ วนำให้เหน็ แต่จะมีใช้วงจรไฮบรดิ (Hybrid) แทน คุ สว ติ ช์ L1 ขดลวด L2 L3 เหน่ยี วนา T = ปากพดู T R1 R R = หู ัง R3 R2 C1 C2 รปู ที่ 1.9 แสดงการต่อของขดลวดเหนย่ี วนำ 1.6 ตัวป้องกัน (Protector) จะทำหน้าท่ีป้องกัน เครื่องโทรศัพท์ไม่ให้ได้รับอันตราย จากไฟฟ้า แรงดันสงู หรือไฟกระซากท่อี าจเกิดขนึ้ ได้เสมอโดยเฉพาะฟ้าผา่ หรอื ไฟกระชากที่เกิดจากการยกหูวางหู หรือหมุนหน้าปัดอันจะทำให้อปุ กรณ์ภายในเสียหายได้ โดยทั่วไปจะมีตัวป้องกันไฟแรงดันสูงต่ออยู่กับ กล่องกนั ฟ้านอกอาคารก่อนทีส่ ายสญั ญาณโทรศพั ท์จะตอ่ เขา้ บา้ นอยู่แลว้ และในเครอื่ งโทรศัพทบ์ างรุ่นก็ ยงั มีตวั ป้องกนั น้ีต่ออยู่ เพอ่ื จะไดเ้ กิดความปลอดภัยมากย่งิ ขน้ึ สญั ลักษณต์ ัวป้องกนั ลกั ษณะอุปกรณป์ อ้ งกนั รปู ที่ 1.10 แสดงสญั ลกั ษณแ์ ละอุปกรณต์ ัวป้องกนั

11 1.7 หน้าปัดโทรศัพท์ (Dial) ทำหน้าที่รองรับการหมุนหรือกดเลขหมายปลายทางของผู้ใช้ โทรศัพท์ ซ่ึงเม่ือการหมนุ หรอื กดเลขหมายแล้ว ภายในเครื่องโทรศัพทจ์ ะมีวงจรสร้างสัญญาณรหัสข้ึนมา ตามตัวเลขที่เราหมุนหรือกดส่งไปยังชุมสายโทรศัพท์เพื่อถอดรหัสคู่ ตัวเลขเพื่อทำการคันหาผู้รับต่อไป หน้าปัดของเครื่องโทรศัพท์มี 2 อย่าง เป็นโทรศัพท์แบบหมุน (Rotary Dial) และโทรศัพท์แบบกดปุ่ม (Push Button) โทรศพั ท์แบบหมนุ โทรศพั ทแ์ บบกดปุ่ม รปู ที่ 1.11 แสดงลกั ษณะของหนา้ ปดั โทรศัพท์ 1.8 กระดิ่ง (Ringer) เมื่อมีการเรียกไปยังเลขหมายปลายทาง (ผู้ถูกเรียก) ชุมสายโทรศัพท์ จะส่งสัญญาณกระดิ่งไปยังที่เครื่องโทรศัพท์ของผู้ถูกเรียก กระดิ่งจะเป็นตัวทำให้เกิดเสียงดังข้ึน ในเครอื่ งโทรศพั ทเ์ พื่อเรยี กใหผ้ ้รู บั มารบั โทรศพั ท์ ซึ่งในปจั จุบนั มกี ารใชง้ านอยู่ 3 แบบ 1.8.1 กระดิ่งแบบสนามแมเ่ หลก็ (Magneto Ringer) เป็นวงจรกระดิง่ ที่มีอย่ใู นเครื่อง รนุ่ เกา่ โครงสรา้ งของกระดิง่ แบบสนามแมเ่ หล็ก แสดงตามรูปที่ 2.12 รปู ท่ี 1.12 แสดงโครงสร้างกระด่ิงแบบสนามแม่เหล็ก การทำงานของ กระด่งิ แบบสนามแม่เหลก็ แม่เหลก็ ถาวรจะมีอำนาจของเสน้ แรงแมเ่ หล็กจากข้ัว เหนือไปขั้วใต้ เมื่อมีสัญญาณกระดิ่งจากชุมสายประมาณ 90 โวลต์เอซี มาเข้าที่ขดลวดจะทำให้เกิด สนามแม่เหล็กสถิตขึ้นในขดลวด และทำให้ P1 และ P2 เกิดเป็นแม่เหล็กสถิตขึ้นมาด้วยโดย จะมี ขั้วเหนือ(N) – ข้ัวใต้(S) สลับกันตลอดเวลา ในขณะที่ขั้วของแม่เหล็กสถิตเหมือนกับแม่เหล็กถาวร

12 กจ็ ะดูดก้านตีลง หากขว้ั ต่างกันก็จะผลกั กา้ นตีขน้ึ ทำใหก้ ้านตีเกิดการเคลอ่ื นทไี่ ปตีถ้วยกระดิ่งให้ดังด้วย ความเรว็ ตามความถข่ี องไฟสญั ญาณกระด่ิงคอื ประมาณ 25 Hz 1.8.2 กระดิ่งแบบบัสเซอร์ (Buzzer Ringer) ในเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ จะนิยมใช้ บสั เซอรเ์ ปน็ กระด่ิง เพราะบสั เชอรม์ ีขนาดเลก็ และมีราคาถกู กนิ กระแสไฟฟ้านอ้ ย และยังสามารถเลือก ชนดิ ของเสียงได้ตามชนิดของบัสเซอร์ ดงั แสดงในวงจรตามรูปท่ี 1.13 R1 Line D1-D4 R3 R4 BZ1 Z1 C1 IC1 รูปท่ี 1.13 แสดงวงจรกระดงิ่ แบบบสั เซอร์ ในการทำงานของกระดิ่งแบบบัสเซอร์นั้น เมื่อมีสัญญาณกระดิ่งขนาด 90 โวลต์เอซี 25 Hz จะถูกตวั ตา้ นทาน R1 ลดขนาดแรงดันลดใหเ้ หลอื พอเหมาะ ไดโอด D1 - D4 จะเปน็ ตัวเรยี งกระแสและ ตัวเก็บประจุ C1 จะเป็นตัวกรองกระแสทำให้ได้แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ส่วนซีเนอร์ไดโอด Z1 จะเป็น ตัวควบคมุ แรงดัน ทำใหม้ แี รงดนั ตำ่ ลงและคงท่ีประมาณ 12 - 15 โวลต์ เพื่อปอ้ นเป็นไฟเลย้ี งให้แก่วงจร รวม IC1 โดย IC1 จะเป็นตัวกำเนิดสัญญาณพัลส์ (Pulse Generator) ขนาดความถี่ประมาณ 10 Hz เพื่อป้อนใหแ้ ก่บสั เซอร์ โดยมีตัวต้านทาน R3 และ R4 เป็นตัวควบคุมระดับของเสียง ปกติแล้วบัสเซอร์ ที่ใช้จะเป็น Piezo Buzzer ซึ่งจะทำงานด้วยสัญญาณพัลส์ ถ้านำเอาสัญญาณกระดิ่ง (25 Hz) ที่เข้ามา ลดขนาดลงให้พอเหมาะแล้วปอ้ นใหก้ ับบัสเซอร์โดยตรงก็ได้ แต่ความถี่ขนาด 25 Hz จะสูงเกินไปทำให้ เสยี งออกมาไมน่ ่าฟัง จงึ ตอ้ งนำ IC1 มาเปน็ ตวั สรา้ งสญั ญาณพลั ส์ทม่ี คี วามถีท่ ่ีเหมาะสมข้นึ มาใหม่ รูปที่ 1.14 แสดงสญั ญาณที่จดุ ตา่ งๆ ในวงจรกระด่งิ

13 1.8.3 กระดิ่งแบบลำโพงขนาดเล็ก (Speaker Ringer) เครื่องโทรศัพท์ที่มีราคาสูงจะมี สิ่งอำนวยความสะดวกเพ่ิมข้ึน เชน่ มีวงจรสนทนาโดยไมต่ ้องยกหู (Hand Free) อยูด่ ้วย ส่วนมากจะใช้ ลำโพงขนาดเลก็ เป็นกระด่ิงแทน เพราะในเครอื่ งโทรศพั ท์จะมีลำโพงขนาดเล็กอยู่แล้ว จงึ ไมจ่ ำเป็นต้องมี บัสเซอร์อกี โดยดดั แปลงวงจรกระด่ิงแบบบัสเซอร์ ใหส้ ามารถใช้กับลำโพงขนาดเลก็ ได้ ดังรูปท่ี 1.15 R1 Line D1-D4 T1 IC1 C1 Z1 C1 รูปท่ี 1.15 แสดงวงจรกระด่งิ แบบ กระด่ิงแบบลำโพงขนาดเลก็ วงจรกระดิ่งแบบลำโพงขนาดเล็กจะดัดแปลงมาจากวงจรกระดิ่งแบบบัสเซอร์ โดยนำสัญญาณ จาก IC1 ป้อนเขา้ หมอ้ แปลง เพอ่ื ใชเ้ พิม่ หรอื ลดแรงดนั และชว่ ยลดขอบเหล่ียมของสัญญาณพัลส์ ทำให้มี สัญญาณท่ีมีการเปลยี่ นแปลงลงบ้าง ซงึ่ จะทำใหล้ ำโพงขนาดเลก็ สามารถทำงานได้ไม่เกิดความเสยี หาย รูปท่ี 1.16 แสดงสัญญาณจดุ ต่างๆ ในวงจรกระด่งิ แบบลำโพงขนาดเล็ก

14 1.9 สายต่อ (Line Connection) สายที่ใช้ต่อสำหรับเครื่องโทรศัพท์ นั้นมี 2 เส้น คือ สายที่ใช้ ต่อกับคู่สายโทรศัพท์ (Line) เข้ากับเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งเราจะเรยี กว่า \"Mounting Cord\" มีลักษณะเป็น สายอ่อนมสี ายภายใน 2 เสน้ ดา้ นปลายสายจะต่อเข้ากับ หัวต่อ แบบ RJ 11 โดยใช้คู่กลาง และสายอีก ชนิดหนึ่งเป็นสายที่ใช้สำหรับต่อ ระหว่างตัวเครื่องโทรศัพท์กับมือถือ ซึ่งเราเรียกว่า \"Handset Cord\" มีลักษณะเป็นสายอ่อนตีเกลียว ภายในมีสายอยู่ 4 เส้น คือ คู่เหลือง-ดำ กับ คู่แดง-เขียว โดยจะให้ สำหรับ ต่อเข้ากับชุด ของปากพูด 1 คู่ และต่อเข้ากับหูฟังอีก 1 คู่ ปลายทั้งสองด้าน ต่อเข้ากับหัวต่อ แบบ RJ-12 ซงึ่ มีขนาดเล็กกวา่ RJ-11 เล็กนอ้ ย ดังแสดงตามรูปที่ 1.17 สายตอ่ เขา้ เครื่องแบบ RJ-11 สายตอ่ เขา้ มือถือแบบ RJ-12 รปู ที่ 1.17 แสดงสายต่อสำหรับเคร่อื งโทรศัพท์

15 เครอื่ งรับโทรศัพท์ วงจรเคร่อื งรับโทรศัพท์ท่มี ีใชอ้ ยใู่ นปัจจบุ นั มมี ากมายหลายแบบมีทั้งวงจรง่ายๆ มอี ุปกรณ์ R, L และ C ไม่กี่ตัว บางรุ่นไม่มีอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำเลย บางรุ่นจะมีอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำมากมายวงจรที่มี อุปกรณ์ สารกึ่งตัวนำจะอาศัยไฟเลี้ยงวงจรจากคู่สายสัญญาณโทรศัพท์ (Line) ซึ่งปกติจะมีระดับ แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ประมาณ 12 โวลต์ (เวลายกหู) แต่ถ้าสายยาวมาก อาจเหลือประมาณ 5 ถึง 6 โวลต์ เครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ก็ยังทำงานได้เพราะได้ออกแบบให้เครื่องทำงานที่ไฟประมาณ 5 ถึง 6 โวลต์ขึน้ ไป 2.1 Block Diagram ของวงจรโทรศพั ท์ รปู ท่ี 2.18 แสดงแผนภาพบลอ็ กของวงจรโทรศัพท์ จากรปู ที่ 2.18 เป็น แผนภาพบลอ็ ก ของสว่ นต่างๆ ทจ่ี ำเป็นในเครื่องโทรศัพท์ โดยจะเชือ่ มตอ่ กบั ชมุ สาย ด้วยสาย T (tip) และสาย R (ring) และมีส่วนประกอบที่สำคัญดงั น้ี

16 2.1.1 วงจรกำเนิดเสียงกระดิ่ง (Ringer) เป็นวงจรแรกที่เชื่อมต่อระหว่างวงจรภายใน ของเครอื่ ง โทรศพั ท์ กับอุปกรณ์ของชุมสาย ซงึ่ เมือ่ มีการตดิ ต่อมาจากผู้เรยี ก ชมุ สายจะส่งสัญญาณเรียก (Ringing signal) มายังเครื่องโทรศัพท์ วงจรกระดิ่งจะกำเนิดเสียงกระดิ่งดังขึ้น เพื่อให้ผู้รับรู้ว่ามีผู้ที่ ต้องการสนทนาด้วย 2.1.2 ฮุคสวิตช์ (Hook Switch) ทำหน้าที่เลือกต่อสายสัญญาณโทรศัพท์เข้ากับกระด่ิง หรือวงจรภายในของเครื่องโทรศัพท์ เมื่อวางหูโทรศัพท์ตามปกติ ฮุคสวิตช์จะถูกเปิดวงจร ทำให้ไม่มี แรงดันจากชุมสาย จากรูปที่ 2.19 เมื่อมีการยกหูโทรศัพท์ขึ้น สวิตช์ S1 และ S2 ก็จะปิดวงจรทำให้มี กระแสจากชุมสายไหลครบวงจรผ่านเครื่องโทรศัพท์ได้ ในขณะเดียวกนั กระแสก็จะไหลผ่านขดลวดของ รีเลย์ที่ชุมสาย จะทำให้หน้าสัมผัสของรีเลยท์ ี่ชุมสายถูกปิดลงเพ่ือที่จะให้อุปกรณต์ ่างๆ ที่อยู่ในชุมสาย พรอ้ มท่ีจะทำการตดิ ตอ่ กับเครือ่ งโทรศัพท์ได้ จากนน้ั ชมุ สายกจ็ ะส่งสัญญาณหมุน (Dial tone) ไปยังผู้ท่ี ยกหูโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้นั้นส่งเลขหมายโทรศัพท์ที่ต้องการจะติดต่อมายังชุมสาย หลังจากชุมสายได้รับ เลขหมายแรกทีถ่ กู สง่ มาแล้ว ชมุ สายจะยกเลกิ สัญญาณหมุน ซึ่งกระบวนการจะเกดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเร็ว รปู ท่ี 2.19 แสดงฮคุ สวติ ชแ์ ละวงจรป้องกนั กระดิ่งและตดั เสยี งพดู 2.1.3 วงจรตัดเสียงขณะทำการส่งสัญญาณหมายเลข (Anti-Tinkle And Speech Muting) เป็นวงจรป้องกันกระดิ่งและตัดเสียงพูด จากรูปที่ 2.19 ขณะที่หมุนโทรศัพท์จะมีการตัดต่อของไฟฟ้า กระแสตรง ซึ่งอีกด้านหน่ึงของวงจรจะต่ออยู่กับรีเลยใ์ นชุมสาย ทำให้เกดิ แรงดันย้อนกลับที่มขี นาดสูง

17 มาก เปน็ เหตุให้กระดิง่ ดงั ขน้ึ ตามจำนวนพัลส์ที่หมุน และเกดิ สัญญาณเสยี งทีไ่ ม่ต้องการขึ้นท่ีหูฟัง ดังน้ัน วงจรในสว่ นนจี้ ะคอยปอ้ งกนั เหตไุ ม่พึงประสงคท์ ้งั สอง คอื สวิตช์ S5 และ S6 จะลัดวงจรด้านอินพุตของ วงจรส่วนเสียงพูด ทำให้ไม่มีกระแสไฟใด ๆ ไหลผ่านวงจรส่วนเสียงพูดแต่ในสภาวะที่ไม่มีการหมุนเลข หมาย สวิตช์ S5 และ S6 ก็จะเปิดวงจร ตัวเก็บประจุ C ที่เพิ่มเข้ามาพร้อม R ขนาด 340 โอห์ม ก็จะลดขนาดของแรงดนั ทีผ่ ่านกระดงิ่ ลงใหอ้ ยู่ในระดับท่ีกระดิ่งจะไมท่ ำงาน 2.1.4 การส่งหมายเลขโทรศัพท์ ไปยังชุมสายโทรศัพท์สามารถทำได้ 2 วิธี วิธีแรกเป็น การส่งสัญญาณพัลส์ (Pulse Dialer) ที่แสดงคูข่ องหมายเลขต่างๆ ออกมาเป็นสัญญาณพลั ส์ และอีกวิธี คือ การสง่ สญั ญาณความถ่ี (Tone Dialer) ความถจ่ี ะมีค่าตา่ งกนั ตามเลขหมายทกี่ ด โดยคู่ของตัวเลขจะ ถูกสรา้ งความถี่ 2 ความถ่ที ่มี อดูเลตกนั 2.1.5 ไฮบริด (Hybrid) ทำหน้าที่เป็นวงจรเชื่อมต่อระหว่างระบบ 4 สาย เข้ากับ ระบบ 2 สาย ทำให้โทรศพั ท์สามารถส่ือสารกันได้แบบสองทศิ ทาง ในวงจรเครอ่ื งโทรศพั ท์จะใชร้ ะบบ 4 สาย สำหรับส่งสัญญาณเสียง 2 สาย และใช้สำหรับส่งสัญญาณเข้าหูฟัง 2 สาย ส่วนระบบ 2 สาย จะใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างเครื่องโทรศัพท์เข้ากับชุมสายระดับท้องถิ่นโดยจะต่อผ่านสาย T และ R เพยี ง 2 สายเท่านัน้ 2.1.6 ตัวรับ (Receiver) โดยทั่วไปเรียกว่า \"หูฟัง\" หรือลำโพงขนาดเล็กที่ทำหน้าท่ี เปลยี่ นสญั ญาณไฟฟ้าให้เปน็ สญั ญาณเสยี ง 2.1.7 ตัวส่ง (Transmitter) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงของผู้พูดเป็น สญั ญาณไฟฟา้ คือ ไมโครโฟน 2.1.8 วงจรปรับความสมดุลของอิมพีแดนซ์ (Line Balance Network) จะทำหน้าท่ี ร่วมกับไฮบริด เพื่อควบคุมเสียงพูดแบบสองทิศทาง โดยจะแมตซิ่งอิมพีแดนซ์ของสายส่งสัญญาณจาก ชมุ สายกบั อิมพแี ดนซ์ของวงจร ใหม้ ีความสมดลุ กนั เพื่อการสง่ สญั ญาณเสียงพดู ในระหว่างการสนทนาให้ มีประสทิ ธิภาพมากทีส่ ดุ 2.1.9 วงจรชดเชยความสูญเสียเนื่องจากความยาวของสายส่ง ( Loop Length Compensation) จะทำหน้าที่ชดเชยให้กับการสนทนาเนื่องจากอยู่ห่างไกลจากชุมชน เพื่อทำให้เสียง ไมข่ าดหายไปและมีความชดั เจนยิง่ ขน้ึ 2.2 การทำงานของเครื่องโทรศัพท์ ในปัจจุบันเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่นั้น สามารถใช้งานได้ ทั้งแบบหมุน (Pulse) และแบบกดปุ่ม (Tone) จากในรูปที่ 2.20 การทำงานจะแบ่งการทำงานได้ 2 สภาวะ คือ ในขณะท่มี ีการเรยี กเข้ามา จะมสี ญั ญาณกระดิง่ จะวิง่ ผ่านฮคุ สวิตช์ ไปยงั วงจรกระด่ิงที่ Q1 ทำใหก้ ระดงิ่ เกดิ ดงั ข้ึน ในขณะนน้ั IC1 จะมีหนา้ ที่ ตรวจเช็คการยกหโู ทรศัพท์ เม่ือฮคุ สวติ ชถ์ ูกยกขน้ึ แล้ว IC1 จะปล่อยสัญญาณไปสั่งให้ Q4 ทำงาน เมื่อ Q4 ทำงานแล้วจะไปสั่งให้ Q5 ทำงานต่อจึงทำให้ครบ วงจรที่หฟู ังและสามารถพูดคุยกันได้

18 ในสภาวะท่โี ทรออกในวงจรน้ี เราสามารถทำการเลอื กส่งสัญญาณไดอัล (Dial) ได้ ว่าจะส่งแบบ หมุน หรือแบบกดปุ่ม โดยที่ IC1 จะทำหน้าที่ผลิตสัญญาณพัลส์ ร่วมกับการกดคีย์ตัวเลข โดย IC1 จะ แปลงตัวเลขที่กดให้เป็นสัญญาณพัลส์แทน ส่วน IC2 จะทำหน้าที่ ผลิตสัญญาณเสียง (Tone) ร่วมกับ ปุ่มกด เมื่อสัญญาณเลขหมายได้ถูกส่งผ่านไปยังชุมสายโทรศัพท์แล้ว ชุมสายจะทำการเรียกไปยังเลข หมายปลายทาง เมื่อปลายทางรับสายแล้ว ก็จะสามารถ สนทนากันได้เลย เพราะ Q4 และ Q5 ทำงาน ประกอบกับเมื่อมกี ารยกหโู ทรศพั ท์ขึน้ จะทำใหฮ้ ุคสวติ ช์ต่อวงจรใหก้ ับวงจรปากพูดและหูฟังเป็นผลทำ ให้ Q3 และ Q9 ทำงาน จงึ ทำให้สามารถสนทนากนั ได้ รปู ที่ 2.20 แสดงวงจรโทรศัพท์ สัญญาณพ้นื ฐานทีใ่ ช้ในระบบโทรศัพท์ ในระบบโทรศัพท์จะมีสญั ญาณพน้ื ฐานที่ใช้ในการบ่งบอกลกั ษณะการทำงาน 2 ลกั ษณะคือ 3.1 สัญญาณท่ีเครอ่ื งโทรศพั ท์สร้างขน้ึ เมื่อต้องการใช้โทรศัพทโ์ ทรออก ขณะที่หมุนหรือกดเลขหมาย เครื่องโทรศัพท์จะสร้างสัญญาณ เลขหมายขึ้นมาสัญญาณหนึ่ง ซึ่งจะสอดคล้องกับเลขหมายที่หมนุ หรือกด และสัญญาณนี้จะถกู สง่ ไปยงั ชมุ สายโทรศัพทเ์ พือ่ ใหช้ มุ สายทำการตรวจสอบ คน้ หาเลขหมายปลายทางตอ่ ไป ดงั นน้ั ในเครื่องโทรศัพท์ จะต้องมีวงจรเข้ารหัส หรอื สว่ นทสี่ ร้างรหัสเลขหมายโทรศัพทอ์ ยู่ภายในทุกเครื่องและที่ชุมสายโทรศัพท์ กจ็ ะมวี งจรถอดรหัสอกี ทีหนึง่ โดยรหสั สัญญาณทเี่ ครอื่ งโทรศพั ท์สร้างข้นึ มานม้ี อี ยู่ 2 ชนิดคือ

19 3.1.1 ไดอัลพัลส์ (Dial Pulse) ในเครื่องโทรศัพท์รุ่นเก่าจะเป็นเครื่องแบบหมุนและ เปน็ เครื่องทไี่ มม่ ีวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์อยูภ่ ายใน อาศัยการทำงานของกลไกที่หนา้ ปัด เป็นตัวเข้ารหัสแทน โดยได้ออกแบบระยะในการสร้างสัญญาณไว้ ในการหมุนแต่ละเลขหมายแต่ละตัว จะต้องหมุนให้สุด จนถึงตัวงาช้างที่ออกแบบไว้ และต้องรอจนกว่าตัวหมุน จะหมุนกลับมาจนหยดุ เสียก่อนจึงจะหมุนเลข ถัดไปได้ ดังแสดงในรูปที่ 2.21 ซึ่งในปัจจุบันรหัสสัญญาณแบบพัลส์นี้ไม่เป็นที่นิยม เพราะต้องใช้ เวลานานในการหมุนหมายเลยปลายทางจนกว่าจะครบ 9 หลักในเบอร์บ้าน หรือ 10 หลักในเบอร์ โทรศพั ท์มอื ถือ รปู ที่ 2.21 แสดงหน้าปัดของเคร่ืองหมุน ในโครงสร้างของตัวเข้ารหัสแบบหมุนนั้น จะมีขดลวดแบบสปริง ที่ออกแบบระยะในการหมุน แต่ละเลขหมายไว้ เช่นหากหมุนหมายเลข 3 ระยะของสปริงที่ถูกหมุนไปจะบีบรัดตัวเองเข้าไปในขณะ หมนุ เมือ่ ปล่อยมอื ออกสปริงจะคลายตัวหมนุ กลับ ในขณะทกี่ ระเดือ่ งจะหมุนกลับด้วย ทำให้ไปแตะกับ ไดอัลสวิตช์ได้ จำนวน 3 ครั้ง จึงทำให้ ได้จำนวนพัลส์ 3 ลูกออกไปน่ันเอง ส่วนคาบเวลาของพลั ส์ต่างๆ นั้นจะถูกตั้งด้วยความเร็วของลวดสปริงที่ทำหน้าท่ีดึงลวดสปริง และเบรกจะเป็นตัวลดความเร็วของ สปริง โดยทั่วไปความเร็วของสปริงนี้จะกำหนดเป็นจำนวน 10 พัลส์ต่อนาทีหรือ 20 พัลส์ต่อนาที แสดงดังรปู 2.22

20 รปู ท่ี 2.22 แสดงลักษณะโครงสร้างของไดอลั พัลส์ รหัสสัญญาณแบบพัลส์จะมีลักษณะเป็น DC Pulse ที่มีขนาดความกว้างของพัลส์แต่ละพัลส์ 66.6 ms มีระยะห่างระหว่างพัลส์ 33.3 ms และมีระยะห่างระหว่างตัวเลข 400 ms ดังแสดงใน รูปท่ี 2.23 รปู ท่ี 2.23 ขนาดของสัญญาณไดอัลพลั ส์ สัญญาณไดอัลพัลส์จะเกิดจากการหมุนเลขหมาย โดยจะมีจำนวนพัลส์เกิดขึ้นเท่ากับค่าของ ตัวเลขแตล่ ะตัวที่หมุน เชน่ หมุนหมายเลข 3 จะได้จำนวน 3 พลั ส์, หมุนหมายเลข 6 จะได้จำนวน 6 พลั ส์, หมุนหมายเลข 0 จะไดจ้ ำนวน 10 พลั ส์ (เลข 0 คือ 10) ดงั แสดงในรปู ท่ี 2.24

21 รูปที่ 2.24 จำนวนพลั ส์แตล่ ะตวั เลข ในรูปที่ 2.25 เมื่อเครื่องโทรศัพท์อยู่ในสภาวะวางหู คู่สายโทรศัพท์จะต่ออยู่กับวงจรกระดิ่ง ซึง่ มี C1 ตอ่ กัน้ อยู่ ดงั นั้นไฟฟ้ากระแสตรงเล้ียงคู่สายโทรศพั ท์ 48 โวลต์ จงึ ไม่สามารถผา่ นเข้าไปในวงจร กระดิ่งได้ กระแสจึงไม่ไหลไปในคู่สายโทรศัพท์ทำให้ยังคงมีระดับแรงดันไฟเลี้ยง 48 โวลต์ตามปกติ แต่เมื่อมีการยกหูโทรศัพท์ขึ้น ฮุคสวิตช์จะตัดคู่สายโทรศัพท์ออกจากกระดิ่ง แล้วต่อคู่สายโทรศัพท์เขา้ กบั วงจรปากพดู หูฟัง ชมุ สาย ไดอลั สวติ ช์ ผู้เช่า ุคสว ิตช์ C1 C2 L1 R3 R2 ตวั รบั กระดิง่ & ตวั ส่ง R4 R1 L2 C3 รปู ที่ 2.25 แสดงลกั ษณะการตอ่ โทรศัพท์กบั ชุมสาย

22 โดยทั่วไปค่าความต้านทานรวมของเครื่องโทรศัพท์ (ปากพูดหูฟังและวงจรประกอบอื่น ๆ) จะมีค่าประมาณ 500 โอห์ม ดังแสดงตามรูปที่ 2.26 ดังนั้นเมื่อยกหูโทรศัพทข์ ึ้นไฟเล้ียงคู่สายโทรศัพท์ 48 โวลต์ จากชุมสายจึงตกคร่อม R1 และ R2 และ 500 โอห์ม (เครื่องโทรศัพท์) รวมทั้งตกคร่อม ความต้านทานของคู่สายโทรศัพท์ด้วย จึงทำให้แรงดันไฟที่ตกคร่อมขณะเครื่องโทรศัพท์ยกหู จะมีประมาณ 6 ถึง 12 โวลต์ แล้วแต่ว่าคู่สายโทรศัพท์จะมีความยาวมากน้อยเท่าใดจากระยะ ของสายโทรศัพท์จากชุมสายมายังเครื่องรับโทรศัพท์ ถ้าหากไฟต่ำกว่า 5 ถึง 6 โวลต์ เครื่องโทรศัพท์ อาจไม่ทำงานโดยเฉพาะเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายใน เพราะวงจรภายในใช้ วงจรรวมในการควบคมุ การทำงาน ชุม สาย ไดอัล สวิตช์ C2 L1 ผเู้ ชา่ คุ สว ิตช์ R3 R2 C1 48 Volts กระด่งิ 500 โอห์ม R4 R1 L2 C3 รปู ท่ี 2.26 วงจรรวมเครือ่ งโทรศพั ท์

23 รูปที่ 2.27 วงจรพ้ืนฐานของ IC สร้างรหสั พัลส์ การเข้ารหัสสญั ญาณไดอัลพัลส์นอกจากจะใช้ในเคร่ืองโทรศัพทแ์ บบหมุนแลว้ ยังสามารถทำได้ โดยใช้เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่ม ดังแสดงตามรูปที่ 2.27 วงจรภายในจะมีวงจรรวมสร้างพัลส์ เมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น ฮุคสวิตช์จะต่อไฟเข้ามาทำให้มีกระแสไฟไหลผ่านตัวต้านทาน RL และสวิตช์ แล้วลงกราวด์ทำให้ครบวงจร ไฟเลี้ยงคู่สายโทรศัพท์ 48 โวลต์ จะตกลงมาเหลือ 5 ถึง 12 โวลต์ ทำให้ ไอซีสามารถทำงานได้ เมื่อกดเลขหมายใดๆ วงจรออสซิลเลเตอร์ก็จะสร้างพัลส์ขึ้นมา จะเท่ากับค่า ของตัวเลขนั้นๆ พัลส์ที่สร้างขึ้นมาก็จะทำให้สวิตช์เปลี่ยนสภาวะจากปิดเป็นเปิดตามจังหวะและ จำนวนพัลส์ที่เข้ามา เมื่อสวิตช์ไม่มีกระแสไหลผ่านตัวตา้ นทาน RL ก็ไม่ได้เป็นโหลดของคู่สายโทรศัพท์ ทำให้แรงดันในคู่สายโทรศัพท์ เพมิ่ ขน้ึ ตามจังหวะเปิดและปิดของสวิตช์ นนั่ คอื เกดิ พลั สต์ ามคู่ของตัวเลข หรือถ้าจะมองคู่ของกระแสช่วงสวติ ช์เปิดหรือปดิ ก็จะมีกระแสไหลเป็นช่วงๆ เชน่ กนั ส่วนคูเ่ วลาของพัลส์ กก็ ำหนดไดท้ ีภ่ าคออสซิลเลเตอรซ์ ่งึ ไปควบคมุ สวิตช์อกี ทีหน่ึงแสดงตามรูปท่ี 2.28

24 รูปท่ี 2.28 แสดงลักษณะแรงดันและกระแสในค่สู ายโทรศัพทข์ ณะสง่ ไดอลั พัลส์ เมื่อสัญญาณไดอัลพัลส์ถูกส่งไปถึงชุมสายโทรศัพท์ การถอดรหัสนี้จะใช้วงจรนับ (Counter) มานบั จำนวนพลั สท์ ส่ี ง่ เขา้ มา เอาตพ์ ตุ (Output) ของวงจรนับกค็ ือตำแหน่งของผรู้ ับท่ตี ้องการติดต่อด้วย นั่นเอง จากรูปที่ 2.29 เป็นวงจรนับที่ออกแบบไว้ให้นับได้สงู สดุ 10 ทำหน้าที่เปน็ ตัวถอดรหัสเลขหมาย ที่ผู้เรียกหมุนเข้ามา ซ่ึงในที่นี้จะแสดงเฉพาะวงจรรหสั แบบไดอัลพัลส์ โดยการใช้วงจรรวม เบอร์ 4017 ซ่งึ เป็นวงจรนับมีการทำงานเมื่อผู้เรียกหมนุ เลขหมายโทรศัพท์ก็จะเกดิ สัญญาณพัลส์ ส่งจากเครื่องผู้เช่า วิ่งเข้ามาที่ชุมสายโทรศัพท์ สัญญาณพัลส์จะป้อนเข้าอินพุตของวงจรแปลข้อมูล ซึ่งจะนับจำนวนพัลส์ ท่ีเข้ามา เช่น ถ้าหมุนเลข 2 กจ็ ะมจี ำนวนพลั ส์ 2 พัลส์ เขา้ มาทำใหว้ งจรนับสามารถนับ 2 มีสภาวะ \" 1\" ท่ีเอาต์พุต 2 หรือ ถา้ หมนุ เลข 3 ก็จะมีสภาวะ \"1\" ที่เอาต์พุต 3 เรานำสภาวะตา่ งๆ ท่ีเอาตพ์ ุตของวงจร นับนี้ ไปสง่ ให้กบั หมายเลขทีต่ อ้ งการติดต่อ มาตอ่ กบั วงจรพดู ในตำแหนง่ รับได้

25 รูปท่ี 2.29 วงจรนบั พัลส์ 3.1.2 ดูอัลโทน มัลติฟรีเควนซ่ี (Dual Tone Multi Frequency) เรามักเรียกกันย่อว่า DTMF ซึ่งเป็นวิธีการนำเอาความถี่สองความถี่มาผสมกัน โดยมีกลุ่มความถี่ต่ำถูกกำหนดไว้ใน ด้านแถว (Rows) และกลุ่มความถี่สูงถูกกำหนดไว้ในด้านหลัก (Columns) ซึ่งมีความถี่เป็นไปตาม มาตรฐานสากลที่ CCIT กำหนดไว้ ดังรูปที่ 2.30 ในการกดหมายเลขแต่ละครั้ง จะได้ความถี่ 2 ความถ่ี ผสมกันออกไป เช่น กดหมายเลข 1 จะได้ความถี่ด้านต่ำ 697 Hz ผสมกันความถี่ด้านสูง 1,209 Hz ออกไป ถา้ กดหมายเลข 5 จะได้ ได้ความถด่ี ้านต่ำ 770 Hz ผสมกันความถ่ดี า้ นสูง 1,336Hz ออกไปเป็น ต้น ซ่งึ ในปจั จุบนั ปมุ่ กดจะใชเ้ พียง 12 ปุ่ม ในกลุม่ ตวั อักษร 4 ปุม่ ไม่ไดน้ ำมาใช้งานผ้ผู ลิตจงึ สร้างออกมา ใชง้ านเพยี ง 12 ปมุ่ เปน็ การประหยดั ตน้ ทนุ การผลิต และในหมายเลข 5 จะมจี ดุ 1 จดุ ซ่งึ มไี ว้ให้บริการ สำหรบั คนพกิ ารตาบอดไดใ้ ช้งานในเวลาสัมผสั

26 รปู ท่ี 2.30 แสดงค่าความถ่ี DTMF การเข้ารหัสสัญญาณ DTMF นี้จะมีเฉพาะเครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มเท่านั้น ดังแสดง ในรูปที่ 2.31 เมื่อมีการยกหูโทรศัพท์จะทำให้มีแรงดนั ประมาณ 5-12 โวลต์ ผ่านตัวต้านทาน R1 ทำให้ วงจรรวมทำงาน ผลิตความถี่ขึน้ ตลอดเวลา เมื่อกดปุ่มหมายเลขตัวใดกจ็ ะได้ความถอี่ อกมาหมายเลขละ 2 ความถ่ี แลว้ ส่งไปใหช้ ุมสายต่อไป รูปที่ 2.31 แสดงวงจรพ้นื ฐานของ DTMF

27 โครงสร้างภายในของ DTMF เป็นสวิตช์ดังรูปที่ 2.32 เมื่อกดปุ่มหมายเลขใด ก็จะได้ 2 ความถ่ี ผสมกันออกไป เช่น กดหมาย 2 จะได้ความถี่ค่า 697 Hz และ 1,336 Hz ผสมกันผ่านสวิตช์ออกไป หากกดหมายเลข 4 จะได้ความถี่ค่า 770 Hz และ 1,209 Hz ผสมกันผ่านสวิตช์ออกไปได้หรือกด หมายเลข 9 จะได้ความถี่คา่ 852 Hz และ 1,477 Hz ผสมกนั ผ่านสวิตช์ออกไปได้ หากกดปมุ่ หมายเลข อนื่ ๆ ก็จะได้ค่าความถ่ี 2 คา่ เช่นเดียวกนั แต่ความถีท่ ่ีได้จะเปน็ คนละค่ากัน รูปท่ี 2.32 แสดงตำแหนง่ สวิทชเ์ ลอื กความถตี่ ่างๆ ในการถอดรหัสแบบ DTMF เนื่องจากสัญญาณที่ส่งมามีลักษณะเป็น 2 ความถี่ ผสมกันมายัง ชุมสาย การถอดรหัสเราจะตอ้ งเปลี่ยนความถี่ 2 ความถี่ นัน้ ให้เปน็ คา่ ของแรงดนั หรอื ภาวะ \"0\" กับ \"1\" โดยใช้ตวั กรองความถี่ (Filter) ในการกรองความถี่ ดังแสดงในรูป 2.33 เมอื่ มกี ารส่งความถี่ของหมายเลข ใดมา ตัวกรองความถท่ี กุ ตัวจะไดร้ ับค่าความถ่นี น้ั ทุกตวั หากมคี วามถี่ตรงกนั ตวั กรองความถี่ตัวใดก็จะให้ เอาตพ์ ุตออกมาเปน็ \"1\" ตัวใดไมต่ รงกับคา่ ความถนี่ ้ันก็ จะได้ค่าออกมาเป็น \"0\" เอาตพ์ ุตท่ไี ดจ้ ะสง่ ไปเป็น อินพุตของแอนต์เกต (And Gate) หากแอนด์เกตตัวใดได้รับอินพุตเป็น \"1\" ทั้งคู่ ก็จะได้เอาต์พุตเป็น \"1\" ทำใหร้ ไู้ ดว้ ่าหมายเลขท่กี ดเปน็ หมายเลขใด เชน่ สมมุตเิ รากดหมายเลข 5 กจ็ ะมีความถี่ 770 Hz กับ

28 1,336 Hz ผสมคู่กันมาเข้าที่อินพุตของตัวกรองความถี่ทุกตัวแต่จะมีเอาต์พุตออกมาเป็น \"1\" เฉพาะตัว กรองความถี่ 770 Hz และ 1,336 Hz เท่านั้น และจะต่อมาเป็นอินพุตของแอนด์เกต หมายเลข 5 เมื่อแอนด์เกต หมายเลข 5 มีอินพุตเป็น \"1\" ทั้ง 2 อินพุตก็จะให้เอาต์พุตเป็น \"1\" ออกมา และจาก เอาต์พุตของแอนด์เกต จะสง่ ตอ่ ไปให้ชีพยี ขู องคอมพิวเตอร์จัดการตามลำดบั ขน้ั ของโปรแกรมต่อไป รูปที่ 2.34 วงจรถอดรหสั DTMF 3.2 สญั ญาณพนื้ ฐานทีร่ ับจากชุมสายโทรศพั ท์ ในระบบโทรศพั ทจ์ ะมีสญั ญาณโทน (Signal Tone) ท่ีบ่งบอกลักษณะการทำงานในสภาวะต่างๆ ท่ีถูกส่งมาจากชมุ สายโทรศัพท์ ดังน้ี 3.2.1 สญั ญาณใหห้ มุนเลขหมาย (Dial Tone) เป็นสัญญาณเสียงที่บอกให้ผู้เรียกทราบว่า ขณะนี้ชุมสายพร้อมใช้งานแล้วให้ผู้เรียกเริ่มหมุนหรือกดเลขหมายได้ ลักษณะของสัญญาณไดอัลโทน จะประกอบด้วยความถี่ 400 Hz ถึง 450 Hz นำมามอดูเลต (Modulate) กับความถี่ 50 Hz โดยสัญญาณจะดงั ตอ่ เน่อื ง นานประมาณ 30 วินาที ถา้ ผ้เู รยี กไมห่ มุนหรือกดเลขหมายชุมสายจะตัดเป็น Busy ทนั ที

29 รปู ท่ี 2.35 สัญญาณให้หมนุ เลขหมาย 3.2.2 สัญญาณสายไม่ว่าง (Busy Tone) เป็นสัญญาณเสียงที่บอกให้ผู้เรียกทราบ ถึงความไม่พร้อมของชุมสายหรือผู้รับปลายทางสายไม่ว่าง หรืออาจเป็นกรณีวางสายไม่สนิท ดังน้ัน เม่อื ได้ยนิ เสยี งสญั ญาณสายไมว่ า่ งให้วางหแู ลว้ เร่มิ ต้นใหม่ ลกั ษณะของสัญญาณสายไม่ว่าง จะเป็นความถี่ ประมาณ 400 Hz ถงึ 450 Hz ดังเปน็ จังหวะ เสยี งดัง 0.5 วินาที (ON) และเสียงเงยี บ 0.5 วินาที (OFF) รปู ที่ 2.36 สญั ญาณสายไม่วา่ ง 3.2.3 สญั ญาณเสยี งเรยี ก (Ringing Tone) เป็นสัญญาณกระด่ิงเพ่ือบอกให้รู้ว่ามีผู้เรียก เข้ามา สัญญาณนี้จะสิ้นสุดเมื่อทำการยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ หรือ ไม่มีผู้รับนานประมาณ 30 วินาที ลักษณะของสัญญาณเสียงเรียกจะเป็นไฟขนาด 90 โวลต์ 25 Hz เสียงดัง 1 วินาที (ON) เสียงเงียบ 4 วินาที (OFF) รปู ที่ 2.37 สัญญาณเสยี งเรียก 3.2.4 สัญญาณเรียกกลับ (Ring Back Tone) เป็นสัญญาณเสียงที่ดังขึ้นในหูฟังของ ผู้ถูกเรียกบอกให้รู้ว่าเลขหมายปลายทางว่าง ต่อติดแล้วรอผู้รับสายอยู่ ลักษณะของเรียกกลับจะเป็น ความถี่ 400 Hz ถงึ 450 Hz มีเสียงดงั 1 วนิ าที (ON) และมเี สียงเงียบ 4 วินาที (OFF)

30 รปู ที่ 2.38 สญั ญาณเรยี กกลบั 3.2.5 สัญญาณนูโทน (Nu Tone) เป็นสัญญาณเสียงที่บอกให้ผู้เรียกรู้ว่าหมายเลขที่ เรยี กไปนั้นยงั ไม่ได้ตดิ ตั้งใหบ้ รกิ ารลักษณะของสัญญาณนูโทน จะเป็นความถี่ประมาณ 400 Hz ถงึ 450 Hz ดังเปน็ จงั หวะ เสยี งดงั 0.1 วินาที (ON) เสียงเงยี บ 0.1 วนิ าที (OFF) ดังตอ่ เนอ่ื ง รูปที่ 2.39 สญั ญาณนูโทน ในปัจจุบันนอกจากสัญญาณนโู ทนดังในรูปที่ 2.39 แล้ว ยังมีสัญญาณลักษณะอื่นๆ ที่อาจได้ยนิ เป็นเสียงตอบรับอัตโนมตั ิ ซึ่งเป็นเสียงบนั ทกึ ของพนกั งาน

31 หลกั การทำงานของโทรศพั ท์ โทรศัพท์เป็นระบบสื่อสารที่ถูกพัฒนามาจากโทรเลข โดยใช้ไมโครโฟนแทนสวิตช์เคาะหรือ แป้นพมิ พข์ องโทรเลขใช้ลำโพงเลก็ ๆ เป็นหูฟงั แทนซาวเดอร์หรอื กลไกลพิมพ์อกั ษร การติดต่อสื่อสารถึง กันใช้สัญญาณเสียงส่งออกไปจากด้านส่ง แปลงสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าเดินทางไปตามสายส่ง สญั ญาณ ถึงดา้ นรบั ทำการแปลงกลับจากสัญญาณเสยี งตามเดิมวงจร วงจรโทรศัพท์เบื้องต้น วงจรประกอบด้วยเครื่องโทรศัพท์เครื่อง A และเครื่อง B ที่ทำการ โทรศัพท์ และสายส่งสัญญาณเครื่องโทรศัพท์ (Telephone Set) ประกอบด้วยเครื่องส่งอยู่ในรูปของ ไมโครโฟนทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า เครื่องรับอยู่ในรูปของลำโพงทำหน้าที่ เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเปน็ สัญญาณเสียง และอุปกรณ์ต่อเช่ือมระบบสื่อสาร ที่ทำการโทรศัพท์ทำหน้าท่ี จา่ ยแรงดนั ไฟฟ้า VS เลย้ี งระบบโทรศพั ทท์ ั้งหมด และอปุ กรณค์ วบคมุ ระบบต่อเช่อื มการทำงาน วงจรเบื้องต้นที่มีคู่สายโทรศัพท์เพียง 1 คู่สาย มีผู้เช่าโทรศัพท์ 1 คู่ ในการติดต่อถึงกัน การให้บริการสอ่ื สารโทรศพั ท์ทใี่ ชง้ านจริงจะมจี ำนวนค่สู ายโทรศัพท์และผ้ใู ช้โทรศัพทเ์ ปน็ จำนวนมาก สายสง่ สญั ญาณ โทรศัพท์ A โทรศพั ท์ B เครอื่ งรับ เครื่องรับ เครอ่ื งสง่ เคร่อื งสง่ R ทท่ี าการโทรศพั ท์ การให้บริการโทรศัพท์ในรูปชุมสายโทรศัพท์แบบโครงข่ายดาวจะมีขีดจำกัดในการให้บริการ แก่ผู้เช่าโทรศัพท์ได้ในพื้นที่จำกัด ด้วยขีดจำกัดของราคาสายเคเบิลโทรศัพท์และขนาดของเลขหมาย โทรศัพท์ที่บรรจุในชุมสายโทรศัพท์ถ้าหากใช้ชุมสายโทรศัพท์ขนาดใหญ่เพียงชุมสายเดียวในการ ให้บรกิ ารโทรศัพท์

32 ผูเ้ ช่า 2 1 ชุมสาย 3 6 โทรศพั ท์ 54 ชุมสายโทรศัพท์ถือเป็นศูนย์กลางระบบสื่อสารด้วยโทรศัพท์ช่วยอำนวยความสะดวกในการ เชื่อมต่อเลขหมายถึงกัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือประเภทแรกชุมสายโทรศัพท์ มีเครื่องโทรศัพท์แต่ละเลขหมายของผู้เช่าต่ออยู่ เช่นชุมสายท้องถิ่น ชุมสายตู้สาขา PBX (Private Branch Exchange) และชุมสายตสู้ าขาอตั โนมัติ PABX (Private Automatic Branch Exchange) ชุมสาย สายเช่อื มต่อ ชมุ สาย ท้อง ิ่น ทอ้ ง ่ิน สายเช่ือมต อ่ สายเชอ่ื มต่อ ชุมสาย ท้อง น่ิ ประเภททีส่ องไม่มีเครื่องโทรศพั ท์แต่ละเลขหมายของผู้เช่าต่ออยู่โดยตรง ใช้เป็นชุมสายต่อผ่าน สัญญาณโทรศัพท์ เช่นชุมสายโทรศัพท์ต่อผ่าน (Tandem Exchange) และชุมสายโทรศัพท์ต่อผ่าน ทางไกล (Transit Exchange) เป็นต้น ชุมสายไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม สามารถแบ่งชุมสายออก

33 ตามลักษณะการทำงานได้เป็น 2 ชนิดคือ ชนิดใช้พนักงานต่อ (Manual Exchange) และชนิดอัตโนมัติ (Automatic Exchange) ชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC ข้อดขี องชมุ สายโทรศัพทร์ ะบบ SPC มีหลายข้อด้วยกัน 1. อุปกรณส์ วติ ช์ชิง่ และระบบควบคมุ ทำงานไดร้ วดเร็ว 2. งา่ ยต่อการเปลยี่ นแปลงหน้าทกี่ ารทำงานของเคร่อื งชมุ สายโทรศัพท์ 3. ประหยัดพื้นท่ใี นการตดิ ต้ังชมุ สายโทรศัพทเ์ พราะอปุ กรณ์จำพวก IC 4. ให้บริการพเิ ศษต่างๆ กับผู้เช่าได้เพ่มิ มากข้นึ 5. มรี ะบบควบคมุ ทส่ี ามารถวิเคราะหข์ ้อขัดข้องทเ่ี กดิ ข้นึ ในชุมสายโทรศพั ท์ 6. ทำงานให้บริการได้ทั้งเป็นชุมสายโทรศัพท์ท้องถิ่น ชุมสายโทรศัพท์ต่อผ่าน และ ชมุ สายโทรศัพทต์ ่อผ่านทางไกล 7. การควบคุมการทำงาน การซ่อมบำรุง และการดูแลรักษา ทำได้จากส่วนกลางของ ชุมสายโทรศัพท์ 8. ง่ายตอ่ การปรับปรุงเปล่ยี นแปลง การกำหนดเลขหมาย และระบบการคิดเงนิ 9. ประหยัดเงินลงทุนได้มากขึ้นทางด้านสายตอนนอก เพราะสามารถแยกสว่ นชุมสายโทรศัพท์ ไปตดิ ต้ังในทหี่ า่ งไกล และใชร้ ะบบการควบคมุ ทางไกลเข้าช่วย ทำให้ประหยัดสายเคเบลิ ลงไดม้ าก ชุมสายโทรศัพทร์ ะบบ SPC แบบอนาลอ็ ก ชุมสายโทรศพั ท์ระบบ SPC ที่ใช้สว่ นอุปกรณ์ทำหน้าท่วี งจรสวิตช์มีส่วนผสมกันระหว่างอุปกรณ์ ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าผสมกับอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำจึงเรียกว่าโทรศัพท์ระบบ SPC นี้ว่าระบบ SPC สวิตช์อะนาล็อก (SPC Analog Switching System) ซึ่งเป็นชุมสายโทรศัพท์ที่สามารถเชื่อมโยงกับ ชุมสายโทรศัพท์ระบบเดิมท่ีไม่ใช่ SPC ได้ง่าย ลักษณะอนาล็อกสวิตช์แบบเบื้องต้นที่ใช้งานในโทรศัพท์ ระบบ SPC แบบอนาล็อก อน าล็อ กสวิตช ง่ิ

34 โครงสร้างของชุมสายโทรศัพทร์ ะบบ SPC แบบอนาล็อก มสี ่วนประกอบหลักๆ แบง่ ออกได้ 3 สว่ นใหญ่ๆ ดังนี้ คอื 1. สว่ นตอ่ เชอ่ื มวงจรสนทนา (Speech Path Subsystem) เปน็ สว่ นของเครือขา่ ยสวิตช่ิง เพ่อื ตอ่ วงจรการสนทนาระหว่างผู้เช่าท้งั สองฝ่าย หรือต่อ วงจรของผู้เช่าไปยังชุมสายโทรศัพท์ท้องถิ่นอื่นๆ โดยผ่านวงจรทรั้งเป็นสวิตช์เชื่อมต่อไปยังภายนอก อุปกรณท์ ่ใี ช้ในส่วนนเี้ ปน็ พวกอปุ กรณแ์ ม่เหล็กไฟฟ้า 2. สว่ นศนู ยก์ ลางควบคมุ การทำงาน (Central Processor Subsystem) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของชุมสายโทศัพท์ มีศูนย์กลางควบคุมเป็นตัว อ่านโปรแกรมและอา่ นข้อมูลจากหน่วยความจำ มาใชค้ วบคมุ ส่วนตอ่ เช่ือมวงจรการสนทนาส่วนทางเข้า และส่วนทางออกอปุ กรณ์ท่ใี ช้ในส่วนน้ีเป็นพวกอุปกรณ์ดิจิทลั อเิ ล็กทรอนิกส์ 3. สว่ นทางเขา้ และส่วนทางออก (Input & Output Sub System) เป็นส่วนสำหรับช่างติดต่อสื่อสารกับระบบในชุมสายโทรศัพท์ เช่น เปลี่ยนแปลง โปรแกรม เพิ่มลดบริการทดสอบระบบการทำงาน บันทึกข้อมูลจากชุมสายโทรศัพท์ และตรวจสอบหา ข้อขดั ขอ้ งท่เี กิดขึน้ ในชมุ สายโทรศัพท์ เป็นตน้ อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นส่วนมที ั้งอุปกรณ์เครอื่ งกล และอุปกรณ์ใช้ งานในรูปสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น โทรพิมพ์ และเครื่องเล่นเทปบันทึกเสียง เป็นต้น โครงสร้าง ชุมสายโทรศพั ทร์ ะบบ SPC แบบอนาลอ็ ก เครือขา่ ยการตอ่ วงจรทรั้ง วงจรสนทนา อปุ กรณ์ควบคุม สว่ นตอ่ เชอ่ื มวงจรการสนทนา การตอ่ วงจรสนทนา หนว่ ยความจา ศูนย์กลางการ อปุ กรณ์ ควบคุม อนิ พตุ และเอาต์พตุ สว่ นศูนยก์ ลางควบคุมการทางาน สว่ นทางเขา้ และทางออก

35 ชมุ สายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบ ดิจทิ ัล ชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC ที่ใช้ส่วนอุปกรณ์ทำหน้าที่วงจรสวิตช์ มีอุปกรณ์ใช้งานเป็นดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด การส่งสัญญาณเสียงพูดโทรศัพท์ผ่านเข้าไปยังวงจรสวิตชิ่ง สัญญาณเสียง ที่อยู่ในรูปของสัญญาณอนาล็อกจะถูกแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัลก่อนจึงถูกส่งเข้าไปยังวงจรสวิตช์ แบบดิจิทัล และถูกแปลงกลับเป็นสัญญาณเสียงในรูปสัญญาณอนาล็อกอีกครั้งก่อนส่งต่อไปยังผู้รับ โทรศัพท์ปลายทาง จึงเรียกโทรศัพท์ระบบ SPC นี้ว่าระบบ SPC สวิตช์ดิจิทัล (SPC Digital Switching System) ลกั ษณะดิจทิ ลั สวติ ช์แบบเบื้องต้นทีใ่ ชง้ านในระบบ SPC แบบดจิ ทิ ัล โทรศัพท์ระบบ SPC สวิตช์ดิจิทัลแบบเบื้องต้น สัญญาณเสียงพูดโทรศัพท์เมื่อผ่านเข้าชุมสาย ดิจิทัลสวิตชิ่ง สัญญาณเสียงอนาล็อกจะถูกแปลงสัญญาณเสียงดิจิทัลในภาค A/D (Analog to Digital) ส่งสัญญาณในรูปดิจิทัลจนถึงชุมสายปลายทางจึงแปลงสัญญาณเสียงจากดิจิทัลกับมาเป็นอนาล็อกใน ภาค D/A (Digital to Analog) ก่อนส่งสัญญาณไปยังผู้รับโครงสร้างของชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบดิจิทัลมีส่วนประกอบหลักๆ แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คล้ายกับชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบอนาลอ็ กโครงสรา้ งชมุ สายโทรศพั ทร์ ะบบ SPC แบบดจิ ิทัล ดิจทิ ัลสวิตชง่ิ A/D D/A โครงสรา้ งชุมสายระบบ SPC แบบดจิ ทิ ลั สว่ นประกอบหลกั แต่ละสว่ นมีดังนี้ 1. ส่วนสวติ ชิ่งแบบดจิ ิทัล (Digital Switching Subsystem) เป็นสว่ นของสวติ ชช์ ่ิงทำงานแบบดิจทิ ัลเพ่อื ต่อวงจรการสนทนาระหวา่ งผเู้ ช่าทัง้ สองฝ่าย หรือต่อ วงจรของผ้เู ช่าไปยังชุมสายโทรศพั ทท์ ้องถนิ่ อื่นๆ สญั ญาณเสยี งจากเครอื่ งโทรศพั ทข์ องผเู้ ชา่ จะถูกเปลี่ยน จากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล (A/D) ก่อนส่งเข้าเครือข่ายสวิตชิ่งแบบดิจิทัลต่อเลขหมาย ปลายทางสัญญาณเสียงดิจิทัลจะถูกแปลงกลับมาเป็นสัญญาณอนาล็อก (D/A) ก่อนส่งเข้าวงจร ทรง้ั เปน็ สวิตช์เชอ่ื มตอ่ ไปยังภายนอก 2. สว่ นศนู ยก์ ลางควบคุมการทำงาน เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของชุมสายโทรศัพท์ มีศูนย์กลางควบคุมเป็นการอ่าน โปรแกรมและการอา่ นขอ้ มูลจากหนว่ ยความจำ มาใชค้ วบคมุ เครือข่ายสวิตชง่ิ แบบดจิ ทิ ลั ส่วนทางเข้าและ ทางออก อปุ กรณท์ ี่ใช้ในสว่ นน้ีเป็นพวกอปุ กรณ์ดจิ ิทัลอิเล็กทรอนิกส์

36 3. ส่วนทางเข้าและสว่ นทางออก เป็นส่วนสำหรับช่างติดต่อสื่อสารกับระบบในชุมสายโทรศัพท์ เช่น เปลี่ยนแปลงโปรแกรม ทดสอบระบบทำงานและทดสอบขอ้ ขัดข้องที่เกิดขึ้นในชมุ สายโทรศัพท์เป็นต้น โดยมีอุปกรณ์ทำหน้าท่ี เกบ็ ขอ้ มลู ไดแ้ กเ่ คร่ืองบนั ทึกข้อมูลใชเ้ ป็นขอ้ มลู สำรองในกรณเี กิดเหตุขดั ข้อง หรอื ตอ้ งการ 4. หน้าปัดเครอ่ื งโทรศพั ท์ หนา้ ปัดเคร่อื งโทรศัพท์ (Telephone Dial) ในปัจจุบันมักจะเป็นชนิดปุม่ กด (Push Button) แต่ละปุ่มกดจะมีหมายเลขกำกับไว้เรียงลำดบั จากเลขต่ำไปหาเลขสูง หมายเลขที่กดลงไปบนปุ่มกดคอื หมายเลขโทรศัพท์ของผู้เชา่ ใชบ้ ริการโทรศัพท์ แตล่ ะเลขหมายโทรศพั ท์จะถูกสง่ ด้วยสัญญาณไฟฟ้าที่มีลักษณะสัญญาณไม่เหมอื นกันสญั ญาณไฟฟ้าตาม หมายเลขจะถกู สง่ ไปท่ีชุมสายโทรศัพท์ เพอื่ สั่งการให้ส่วนสวิตชง่ิ ในชุมสายโทรศัพท์ทำงานต่อเลขหมาย ของผ้เู ช่าปลายทางไดถ้ กู ต้อง ลักษณะสญั ญาณไฟฟ้าท่ีถูกกำเนิดขนึ้ มาจากปุ่มกดหนา้ ปัดเครื่องโทรศัพท์ มีใช้ดว้ ยกัน 2 ชนดิ คอื ชนิดสญั ญาณพัลส์ (Pulse Signal) และชนิดสญั ญาณเสยี งสูงตำ่ (Tone Signal) ลกั ษณะหนา้ ปัดเคร่ืองโทรศัพทแ์ บบกดปุม่ แสดง สว่ นสวติ ชิ่งแบบดจิ ิทัล A/D เครือข่ายสวติ ช่งิ D/A วงจรทรง้ั แบบดจิ ทิ ัล หน่วยความจา ศนู ย์กลาง อุปกรณ์ การควบคมุ อนิ พตุ และเอาตพ์ ตุ สว่ นศูนย์กลางควบคมุ การทางาน ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติที่ใช้งานในประเทศไทย จำเป็นต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าแทนหมายเลข โทรศัพท์ในสัญญาณทั้ง 2 ชนิดชุมสายโทรศัพท์อัตโนมัติรุ่นเก่า เช่นระบบครอสบาร์ ต้องใช้สัญ ลักษณ์ ไฟฟา้ แทนหมายเลขโทรศัพท์ชนดิ สัญญาณพัลส์ ส่วนชมุ สายโทรศพั ท์อัตโนมัติรนุ่ ใหม่ เครือ่ งโทรศัพท์แบบหมนุ เครอ่ื งโทรศัพทแ์ บบปมุ่ กด

37 โทรศัพทแ์ บบ IP Phone IP Phone คอื โทรศพั ทช์ นดิ หนง่ึ ที่พัฒนามาจาก Analog Phone เดมิ ที Analog Phone จะใช้ สายโทรศัพท์ในการส่งสัญญาณ และ เชื่อมต่อ แต่สำหรับ IP Phone เป็นโทรศัพท์แบบใหม่โดยจัดเปน็ อุปกรณ์ Digital โดยแทนที่จะเป็นสายทองแดงเส้นเล็ก ก็กลายมาเป็นสาย LAN เสียบเข้าหลังโทรศัพท์ แทน และต่อมายังสามารถเช่ือมต่อดว้ ย Wi-Fi ได้ โดย IP Phone เป็นส่วนหนึ่งของ เทคโนโลยี VoIP ที่กำลังแพร่หลายมากในปัจจุบัน จะไปอยู่ เป็นอปุ กรณป์ ลายทางประจำโตะ๊ ทำงาน หรือ ตามบา้ น หลักการที่จะทำให้ IP Phone สามารถโทรเข้าโทรออกได้ นั่นก็คือ ต้องมีที่ที่ให้ IP Phone วง่ิ ไปเจอ อาจจะเป็น Server ตู้สาขา IP PBX หรอื โทรศัพท์อกี เครอ่ื งก็ได้ (Direct IP Call) IP Phone เป็นอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์ Network ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิ์ภาพมากกว่า Analog Phone อยู่หลายประการ อาทิ 1. รูปทรงสวยงามทันสมยั 2. ใชง้ านร่วมกนั กับอุปกรณ์ Network อ่นื ๆในองคก์ รได้ 3. มีฟงั ก์ชันการใช้งานโทรศัพท์ทีม่ ากกว่า 4. มีระบบวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใชง้ าน 5. บำรุงรักษาง่าย 6. สามารถพูดคยุ กนั แบบ VDO 7. มรี ่นุ ใหเ้ ลือกใช้หลากหลายตรงตามการใช้งาน 8. มีรนุ่ จอ Touch Screen และ รนุ่ ท่ีใช้ OS Android 9. สามารถบริหารจดั การผ่าน Cloud 10. สามารถบรหิ ารจัดการผา่ นหนา้ Web GUI ปัจจุบัน IP Phone จะนิยมใช้กันในรูปแบบโทรศัพท์สำนักงาน เพราะช่วยพัฒนาประสิทธภิ าพ ให้องค์กร อีกทั้งยังช่วยลดค่าใชจ้ ่าย อีกทั้งราคา IP Phone ในปัจจุบันยังเปน็ ราคาท่ีสามารถจับตอ้ งได้ ไม่แพงเหมือนในอดตี

38 เทคโนโลยี Voice Over Internet Protocol องค์ประกอบของระบบ VoIP 1. Software Client หรือ IP Telephony อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้ติดตั้งโปรแกรม สื่อสารไอพี หรืออุปกรณ์ที่ได้รบั การออกแบบขึ้นมาสำหรับการใช้งานโทรศัพท์ผา่ นระบบ IP โดยเฉพาะ หรอื เครื่องโทรศัพท์แบบไอพี (IP Phone) 1.1 Voice Interface Card Cisco Four-port Voice Interface Card 3Com Voice Interface Card 1.2 IP Phone Cisco IP Phone

39 2. Telephony Application เป็น Application ที่ใช้ในการจัดการหรือรวมการทำงานด้าน ตา่ งๆเขา้ ด้วยกัน ไมว่ า่ จะเปน็ Voice mail, Email และ Fax mail เพือ่ ให้ผู้ใช้มคี วามสะดวกและง่ายต่อ การใช้งาน และมปี ระสิทธิภาพ เช่น 2.1 Unified Messaging เป็น Application รวมการทำงานของ Voice mail, Email และ Fax Mail เข้าดว้ ยกัน เพ่อื อำนวยความสะดวกต่อผูใ้ ชใ้ นการจัดการ 2.2 Call Center เป็น Application ที่รวบรวมข้อมูลไว้ส่วนกลาง เพื่อผู้ใช้ที่ต้องการ ทราบข้อมลู ต่างๆ ตดิ ตอ่ เข้ามาเพ่อื อำนวยความสะดวกในการให้บริการอนื่ ๆ ต่อไป 2.3 Interactive Voice Response (IVR) กรณีผู้ใช้ทั่วไปต้องการทำรายการต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์ เชน่ Phone-Banking โดยเมื่อผใู้ ช้โทรศพั ทเ์ ขา้ มายังอปุ กรณ์ IVR นจ้ี ากน้ัน IVR จะทำ การแปลงสญั ญาณโทรศัพท์ใหเ้ ป็นขอ้ มูลส่งไปยัง ระบบปลายทางทีร่ องรับการทำงานดงั กล่าว 3. Voice Gateway ทำหน้าทแี่ ปลงสญั ญาณเสยี งแบบอนาล็อก (Analog) ให้อยใู่ นรูปของ ข้อมูลดจิ ิทัล (Digital) เพอ่ื สามารถส่งขอ้ มูลผ่านเครอื ขา่ ย IP ได้ เป็นตัวกลางในการเชอ่ื มเขา้ กับ เครอ่ื งโทรศัพท์หรือชุมสายโทรศัพท์ กับระบบเครือข่าย IP ซง่ึ ในการใช้งานโทรศพั ท์ IP Phone ตอ้ งผ่าน ตัว Voice Gateway น้ีก่อน โดย Voice Gateway แบ่งไดเ้ ป็น 2 ชนิดคอื 3.1 IP-Enabled PBX เป็น PBX ที่ใชร้ บั สง่ ข้อมูลเสียงผา่ นเครอื ข่าย IP Network และ Analog telephone ซึ่ง Gateway แบบนี้จะใช้คุณลักษณะเดิมของระบบ PBX แต่อาจเพิ่ม Modules หรือ Software ที่ใช้ควบคุม IP Phone hardware ได้ และยังคงความสามารถในการทำงาน PBX เดิม เช่น การทำ Call routing, Trunk selection, Call Forwarding to remote worker และอื่นๆบน ระบบเครอื ขา่ ย PBX IP Network Router/ IP Telephones VOIP Gateway Digital PBX Telephones PSTN

40 3.2 Telephony Router & Access Device อุปกรณ์ Switching เปน็ Gateway เพอื่ เชื่อมตอ่ กบั PSTN หรอื Public Telephone Network ซึ่งอุปกรณพ์ วกนสี้ ามารถบริหาร Priority packet และจัดสรร Bandwidth ให้กับขอ้ มลู ทัว่ ไปและข้อมูล เสียง ซึ่งจะขึน้ อยู่กับคณุ ลักษณะของอุปกรณ์ เช่น การทำ QoS RSVP, Weight Fair Queuing เป็นต้น และยังทำใหค้ ุณภาพของเสียงที่ไดร้ ับดีขนึ้ อกี ด้วย 4. Gatekeeper เปน็ เครอ่ื ง Server อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตใช้เป็นฐานข้อมูลของหมายเลข IP, หมายเลข โทรศัพท์ และควบคุมความถูกต้องของการติดต่อกันระหว่างหมายเลขหนึง่ ไปยังอีกหมายเลขหนึ่ง และ เป็นตัวกลางที่ใช้บริหารจัดการและควบคุมการให้บริการของ VoIP Gateway กับเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ี ติดตงั้ โปรแกรมสำหรับใช้งาน VoIP หรือเครอ่ื งโทรศัพทแ์ บบไอพี

41 5. Network Infrastructures หมายถึง อุปกรณ์ Switch ที่ใช้เชื่อมต่อไปยัง IP Phone หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ใน หน่วยงาน โดยมีการเชื่อมโยงด้วยสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) หรือสาย UTP Cable และ การเชื่อมโยงภายในของแต่ละอาคาร รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) ปัจจุบันอปุ กรณ์ Switch สามารถจ่ายไฟฟ้าผ่านสายสัญญาณ UTP ได้เรียกว่า Power Over Ethernet (PoE) ให้อุปกรณ์ตา่ งๆ โดยขน้ึ อยู่กับอปุ กรณ์ทีน่ ำมาเชือ่ มตอ่ รองรบั PoE หรือไม่ เพ่อื ความสะดวกโดยไม่ ต้องทำการเดินสายไฟฟ้าให้กับอปุ กรณ์

42

43 เครือ่ งสลบั สายโทรศพั ท์สนาม เคร่ืองสลบั สายโทรศพั ทส์ นาม SB-993/GT เครื่องสลับสายโทรศัพท์สนาม SB-993/GT เป็นเครื่องสลับสายโทรศัพท์สนามฉุกเฉินที่มี พนกั งานประจำ นำ้ หนกั บา นำตดิ ตวั ไปมาได้สะดวก ตดิ ตง้ั และเก็บรกั ษางา่ ย ออกแบบมาเพอ่ื ใช้ในพื้นท่ี การรบส่วนหน้า ต้องใชง้ านรว่ มกบั เครือ่ งโทรศัพทร์ ะบบหม้อไฟประจำเครื่อง และยังสามารถใช้ทดแทน เคร่อื งสลบั สาย ระบบหม้อไฟประจำเครอ่ื ง LB (LOCAL BATTERY) ใดๆ ก็ได้ เมอื่ มเี หตุฉุกเฉนิ คุณลกั ษณะทางเทคนคิ 1. รบั ทางสายได้ 6 ทางสาย 2. มปี ล๊กั เสียบท้ังหมด 7 ตวั (ปลัก๊ สำหรบั พนกั งาน 1 ตัว) 3. ไมม่ แี หลง่ จา่ ยกำลงั งานใหก้ ับตวั เอง 4. พนักงานเครื่องสลับสายต้องนำเครื่องโทรศัพท์ระบบหม้อไฟประจำเครื่อง LB (เช่น เครื่องโทรศัพท์ TA-1/PT หรอื TA-312/PT) มาต่อกับปล๊กั ของขนกั งานไว้ 1 เครื่อง 5. สายท่ีนำมาจากเคร่อื งโทรศัพท์หรอื เครอื่ งสลับสายอน่ื ๆ ให้ต่อเขา้ ตรงรูกลางของตวั ปล๊กั 6. ตัวปลั๊กเป็นแบบพลาสติกใส ข้างในตัวปลั๊กมีหลอดนีออนเรืองแสง ขนาด 1/25 วัตต์ อยู่ 1 หลอด เมอ่ื มีสัญญาณเรยี กเขา้ มาหลอดไฟข้างในจะสวา่ ง 7. อำนวยการติดตอ่ โดยใช้ตัวปล๊ักของพนักงานเสยี บดา้ นบนของตวั ปลัก๊ ทีด่ อ้ งการตดิ ต่อ 8. ไฟเรียกและไฟเล้ยี งปากพูดได้จากเครือ่ งโทรศัพท์ของพนกั งาน 9. นำ้ หนกั หนักประมาณ 2.5 ปอนด์ 10. ใช้งานในหน่วยระดบั กองร้อย

44 รายการส่วนประกอบชุด 1) ซองผ้าใบ CY-2589/GT ใชส้ ำหรับเก็บกลอ่ งบรรจุ ADAPTER MT-2156/GT สามารถยึดติด กับเขม็ ขดั กระสุนหรอื เขม็ ขัดปนื พกนำติดตวั ไปได้ 2) กล่องบรรจุ ADAPTER MT-2156/GT ใช้สำหรับเก็บและติดตั้ง ADAPTER U-184/GT จำนวน 7 ตัว เขา้ กับช่องเสียบ (JACK) ที่ดา้ นลา่ งของตวั กลอ่ งจะมีแผน่ ข้างติดไว้สำหรับเปน็ เบาะรองรับ adapter เมื่อไมไ่ ด้ใช้งาน, ด้านในฝาครอบเมือ่ เปิดออกจะมีสลกั สำหรับกั้นฝาครอบ จำนวน 2 อัน และ ดา้ นนอกฝาครอบจะมสี ายรัดยาว 7 ฟุต (84 นวิ้ ) สอดตดิ อยู่กบั ช่องท่ีฝาครอบใช้สำหรับผูกยึดเครอื่ งสลับ สายเข้ากับสงิ่ รองรบั เช่น ต้นไม้ เมอ่ื ไม่ไดใ้ ช้งานเครื่องสลับสายใชเ้ ชือกสายรัดน้ีพันโดยรอบกลอ่ ง 3) ADAPTER U-184/GT ทำด้วยพลาสติกโปร่งแสงท้ังช่องเสียบ (JACK) อยดู่ า้ นบนและปล๊ักอยู่ ด้านล่างของตวั ADAPTER ภายในจะตอ่ วงจรอนกุ รมคร่อมช่องเสยี บ (JACK) และปลก๊ั ไว้ดว้ ยRESISTER ขนาด 50,000 โอหม์ และหลอดไฟเรืองแสงขนาด 1/25 วตั ต์ (0.04 วัตต์) ด้านขา้ งของ ADAPTER จะมี ช่อง 2 ช่อง สำหรับสอดใส่ปลายสายโทรศัพท์ และส่วนที่เป็นปลั๊กสามารถหมุนได้เพื่อยึดปลาย สายโทรศัพท์ให้แน่นพอดี แล้วนำไปเสียบต่อกับ ADAPTER ของทางสายอื่นๆ เมื่อแรงไฟสัญญาณผ่าน ADAPTER หลอดไฟเร่ืองแสงภายในก็จะสอ่ งสว่างใหเ้ หน็ ทด่ี า้ นขา้ งของตัว ADAPTER ยงั มีแผ่นสำหรับ บนั ทกึ นามหรือหมายเลขสถานีได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook