ลาดับท่ี ชอื่ หน่วย ผลการเรียนรู้ 3 การเรียนรู้ สาระก ความยาวคล่ืนเดอบรอยล อนุภาค ตามสมการ • จากความคิดของไอนส์ ไต ได้ว่า คล่นื แสดงสมบตั ิขอ สมบตั ิของคลนื่ ได้ สมบตั ิด คลื่นและอนภุ าค 4 ฟิสกิ ส์ 11. อธิบายกมั มนั ตภาพรังสี กัมมนั ตภาพรงั สีเปน็ ปรากฏ นวิ เคลยี ร์ และความแตกต่าง ของรังสี รังสไี ด้เองอยา่ งตอ่ เนื่อง ร แอลฟา บีตาและแกมมา แอลฟา บีตา และแกมมา 12. อธบิ ายและคานวณ • การแผ่รงั สีเกดิ จากการเป กัมมันตภาพของนวิ เคลียส กัมมันตรงั สี ซ่ึงเขยี นแทน กมั มนั ตรังสี รวมทัง้ ทดลอง อธิบาย และคานวณจานวน นวิ เคลียสกัมมันตภาพรังสี ท่เี หลือจากการสลาย และ ครงึ่ ชีวิต 13. อธิบายแรงนิวเคลียร์ • ในการสลายของธาตกุ ัมมนั เสถยี รภาพของนิวเคลยี ส ออกมาในขณะหนง่ึ เรียก และพลังงานยดึ เหนยี่ ว บอกถึงอตั ราการลดลงขอ
39 การเรียนรู้ เวลา จุดเน้น (คาบ) 21 Century skills Characters ล์ ซงึ่ มีค่าขึ้นกับโมเมนตัมของ ตน์และเดอบรอยล์ ทาให้ สรปุ องอนภุ าคไดแ้ ละ อนภุ าคแสดง ดังกล่าว เรยี กวา่ ทวภิ าวะของ ฏการณท์ ธ่ี าตุ กัมมนั ตรงั สแี ผ่ 20 รังสีทีอ่ อกมามี ๓ ชนิด คือ า ปลีย่ นแปลงนิวเคลียสของธาตุ นไดด้ ว้ ยสมการ นตรังสี อัตราการแผร่ งั สี กวา่ กัมมันตภาพ ปรมิ าณน้ี องจานวน นวิ เคลียสของธาตุ
4 ลาดบั ท่ี ช่ือหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระก การเรียนรู้ รวมทง้ั คานวณปรมิ าณต่าง กัมมนั ตรังสี คานวณไดจ้ า ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง 14. อธิบายปฏกิ ริ ยิ า • ชว่ งเวลาที่จานวนนิวเคลีย นวิ เคลยี ร์ ฟชิ ชัน และฟวิ ชนั จานวนเรม่ิ ตน้ เรยี กวา่ คร รวมทง้ั คานวณพลงั งาน กมั มันตภาพรังสที ่ีเหลือจา นวิ เคลยี ร์ คานวณไดจ้ ากสมการ 15. อธิบายประโยชน์ของ พลังงานนิวเคลยี ร์ และรงั สี รวมทง้ั อนั ตรายและการ ป้องกันรงั สี ในดา้ นตา่ ง ๆ 16. อธบิ ายการคน้ คว้าวจิ ยั • ภายในนวิ เคลยี สมแี รงนวิ เ ดา้ นฟสิ กิ สอ์ นภุ าค ของนวิ เคลียส แบบจาลองมาตรฐาน และ • การทาให้นวิ คลอี อนในนิว การใชป้ ระโยชนจ์ าก การ ใชพ้ ลงั งานเท่ากบั พลงั งาน ค้นคว้าวจิ ัยดา้ นฟิสิกส์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมวล อนภุ าคในดา้ นต่าง ๆ • นวิ เคลยี สทมี่ พี ลงั งานยึดเ เสถยี รภาพดีกวา่ นวิ เคลยี ส วคลีออนตา่ โดยพลังงานย คานวณไดจ้ ากสมการ
40 การเรียนรู้ เวลา จุดเนน้ าก สมการ (คาบ) 21 Century skills Characters ยสลดลงเหลอื ครึง่ หนึง่ ของ รงึ่ ชวี ิต โดยจานวน นิวเคลยี ส ากการสลาย และคร่ึงชวี ิต เคลยี ร์ที่ใชอ้ ธบิ าย เสถียรภาพ วเคลยี สแยกออกจากกัน ต้อง นยึดเหนี่ยว ซงึ่ คานวณไดจ้ าก ลและพลังงาน ตามสมการ เหนี่ยวตอ่ นวิ คลีออนสงู จะมี สท่มี ีพลงั งานยึดเหน่ียวต่อนิ ยึดเหนี่ยว ต่อนวิ คลอี อน
ลาดับที่ ชอ่ื หน่วย ผลการเรียนรู้ 4 การเรียนรู้ สาระก • ปฏกิ ิรยิ าทท่ี าให้นวิ เคลยี ส องคป์ ระกอบหรือระดับพ นวิ เคลยี ร์ • ฟิชชันเปน็ ปฏิกริ ิยาทน่ี วิ เค ออกเป็นนวิ เคลยี สที่มมี วล ปฏิกิริยาทนี่ วิ เคลียสที่มมี ว นวิ เคลยี สทมี่ มี วลมากขึน้ • พลงั งานท่ีปลดปล่อยออก เรยี กวา่ พลังงานนวิ เคลยี ร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมวล • พลงั งานนวิ เคลียรแ์ ละรงั ส กมั มันตรงั สีสามารถนาไป ขณะเดยี วกนั ตอ้ งมกี ารป้อ • การศึกษาโปรตอนและนวิ เครื่องเร่งอนุภาคพลงั งาน นวิ ตรอนประกอบด้วยอน เรยี กว่า ควารก์ ซึ่งยึดเหน • นกั ฟสิ กิ ส์ยงั ได้ค้นพบอนภุ ไดแ้ ก่ กลอู อน และอนุภา ไดแ้ ก่ W - โบซอน และ Z • อนุภาคท่ีไม่สามารถแยกเ
41 เวลา จุดเนน้ (คาบ) 21 Century skills Characters การเรียนรู้ สเกดิ การเปลย่ี นแปลง พลงั งาน เรยี กวา่ ปฏกิ ริ ิยา คลยี สท่มี มี วลมากแตก ลน้อยกวา่ ส่วนฟวิ ชนั เป็น วลน้อย รวมตัวกนั เกดิ เป็น กมาจากฟิชชันหรือฟวิ ชัน ร์ ซ่งึ มีค่าเป็นไปตาม ลกบั พลังงาน ตามสมการ สีจากการสลายของธาตุ ปใช้ประโยชนใ์ นด้านต่าง ๆ องกนั อนั ตรายที่อาจเกิดขึน้ ได้ วตรอนในนวิ เคลยี ส ดว้ ย นสูงพบว่า โปรตอน และ นุภาคอ่นื ท่ีมีขนาดเล็กกวา่ นย่ี วกนั ไว้ ด้วยแรงเข้ม ภาคทเ่ี ปน็ สอ่ื ของแรงเขม้ ซ่ึง าคท่ีเป็นสื่อของแรงอ่อน ซงึ่ Z – โบซอน เป็นองคป์ ระกอบได้ รวมทัง้
ลาดบั ที่ ชอ่ื หน่วย ผลการเรียนรู้ 4 การเรียนรู้ สาระก อนุภาคท่ีเปน็ สอ่ื ของแรง แบบจาลองมาตรฐาน • แบบจาลองมาตรฐานเปน็ และอนั ตรกริ ยิ าระหว่างอ • การค้นคว้าวจิ ัยด้านฟสิ กิ ส เทคโนโลยที น่ี ามาใช้ประโ การแพทย์ มีการใชเ้ ครอ่ื ง โรคมะเร็ง การใชเ้ ครื่องถ่า ปลอ่ ยโพซิตรอนในการวนิ ความปลอดภยั มีการใชเ้ ค การตรวจวัตถุอนั ตรายในส
42 การเรยี นรู้ เวลา จุดเน้น จัดเป็นอนุภาคมูลฐานใน (คาบ) 21 Century skills Characters นทฤษฎีท่ีใชอ้ ธบิ ายพฤติกรรม อนภุ าคมลู ฐาน สอ์ นภุ าคนาไปสู่การพฒั นา โยชน์ในดา้ นต่าง ๆ เช่น ด้าน งเรง่ อนภุ าคในการรักษา ายภาพรงั สีระนาบดว้ ยการ นิจฉยั โรคมะเรง็ ด้านการรักษา คร่ืองเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์ใน สนามบนิ รวมเวลาเรียน /ภาคเรยี น 80
กรอบดาเนินการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 5 (ว 33205) จานวน 2.5 หน่วยกิต ผู้สอนโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.รุจริ าพร รามศิริ โรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วจิ ัยและพฒั นาการศกึ ษา การจดั การเรยี นรู้ในวิชาฟิสิกส์ 5 (ว 33205) คร้ังนี้ ใช้รูปแบบการสอนที่ผู้สอนพัฒนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2562 มชี ือ่ วา่ รูปแบบการจดั การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิด STEM Education ร่วมกับกระบวนการ คิดเชงิ ออกแบบทผี่ สมผสานเทคโนโลยีในยคุ ดจิ ิตอลเพอ่ื เสรมิ สร้างสมรรถนะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา มีช่ือย่อคือ “EEIPS Model” ผู้สอนได้ พัฒนาข้ึนจากแนวคดิ ทเี่ กย่ี วข้อง 6 แนวคดิ ดงั น้ี 1. ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) 2. มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 Basic Education Curriculum B.E 2551 (A.D. 2008) 3. มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ในรูปแบบของผลลัพธ์ที่พึงประสง ค์ (Desired Outcomes of Education, DOE) 4. กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking) และการเรียนรู้โดยใชก้ ารวจิ ยั เป็นฐาน (RBL) 5. สะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM Education) 6. กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม (Engineering Design Process) ต่อมาในปี พ.ศ.2563 ผูส้ อนได้เพม่ิ แนวคดิ การจดั การเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน (Research Best Learning : RBL) ร่วมกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) และแนวคิด STEM เน่ืองจากมี ขอ้ เสนอแนะจากผู้เช่ียวชาญท่ีรับรอง Model ว่า การศึกษาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายเพือ่ เตรยี มศกึ ษาต่อในมหาวิทยาลัย จาเป็นอยา่ งยิ่งทจี่ ะต้องพัฒนาให้นักเรียนมีกระบวนการศึกษาอย่าง เป็นระบบที่เช่อื ถอื ได้ โดยมกี ารศกึ ษาขอ้ มูลพื้นฐานและวเิ คราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาข้อมูล และงานวิจัยที่เก่ียวขอ้ ง แล้วนามาออกแบบวิธกี ารหรอื ชิน้ งานเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาตามความต้องการของ กลมุ่ เปา้ หมาย ทดลองนาไปใช้จรงิ สรปุ และอภิปรายผลให้สมเหตุสมผล ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนค้นพบองค์ความรู้ ด้วยตนเองท่นี ่าเช่ือถอื ไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ ซง่ึ ก็คือนักเรยี นต้องเรียนรู้กระบวนการวิจัยร่วมด้วย กอร์ปกับหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) ได้ให้แนวทางของผลการเรียนรู้ ในรายวิชาเพิม่ เติมเกีย่ วกับการคน้ คว้าวจิ ยั ด้านฟิสิกส์อนุภาค แบบจาลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์จาก การค้นคว้าวิจยั ด้านฟิสกิ สอ์ นุภาคในดา้ นตา่ ง ๆ ซึง่ นักเรียนควรเรียนรู้ประสบการณ์ในการทาวิจัยร่วมด้วยเพื่อ จะได้ฝึกอา่ นเอกสารงานวจิ ัยทางดา้ นฟิสกิ สใ์ ห้เข้าใจจากการลงมือทาวจิ ัยไปในคราวเดียวกัน ดังน้ันผู้สอนจึงได้ สังเคราะห์กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ร่วมกับกระบวนการวิจัย และ STEM พบว่ามี กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน จึงกาหนดชิ้นงานท่ีนักเรียนต้องสะท้อนความรู้ ความสามารถ และ คุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 คือ สมรรถนะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และการสร้างสรรค์ นวัตกรรม ผ่านงานวิจัยของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด STEM Education ร่วมกับ กระบวนการคิดเชิงออกแบบท่ีผสมผสานเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลในรายวิชาฟิสิกส์ 5 (ว 33205) ร่วมกับ
44 รายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ว 33285) โดยนักเรียนทางานวิจัยเพื่อปัญหาหรือต้องการพัฒนา 1 เรื่อง แต่ ได้รบั การประเมนิ 2 รายวชิ าตามเกณฑ์รว่ มกนั รูปแบบการจัดการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ตามแนวคิด STEM Education รว่ มกับกระบวนการคิดเชิง ออกแบบท่ีผสมผสานเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลเพ่ือเสริมสร้างสมรรถนะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และ การสร้างสรรค์นวัตกรรมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา (EEIPS Model) มี 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการ การวัดและประเมินผล และปัจจัยสนับสนุน โดยแต่ละองค์ประกอบมีสาระสาคัญ ดังนี้ 1. หลักการ การเรียนรู้ตามแนวคิด STEM Education ร่วมกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบที่ ผสมผสานเทคโนโลยี คือ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือความคิด ใหมๆ่ เพ่ือใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวนั ตามความต้องการของผู้บริโภค ท่ีเน้นการสร้างต้นแบบของนวัตกรรม จากการบูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมถ่ายทอดผ่านกระบวนการวิจัย เพ่ือเสริมสร้างสมรรถนะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการ สร้างสรรคน์ วตั กรรมของผู้เรียน 2. วัตถุประสงค์ เพื่อพฒั นาสมรรถนะการแก้ปญั หาอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ นกั เรียนระดับมัธยมศกึ ษา 3. กระบวนการ EEIPS Model เปน็ รปู แบบการจดั การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ท่บี ูรณาการแนวคิด STEM Education ร่วมกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบและวิจัย และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ให้ เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ในด้านสมรรถนะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และการสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งจะ เร่ิมต้นการเตรียมความพร้อมก่อนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยการปรับ Mindset เพื่อสร้างแรงขับใน การเรียนรแู้ ละเหน็ ความสาคญั ของการบูรณาการเรยี นรู้ การสบื คน้ ขอ้ มูล การออกแบบ การลงมือปฏิบัติอย่าง เป็นรปู ธรรม และการใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของนักเรียน โดยอาจใช้คากล่าว หรือแนวคิดของนักการศึกษา เช่น Dr. Seuss “The more that you read, the more things you will know. The more that you learn, the more places you'll go.” จากน้นั จงึ ดาเนินการตามกระบวนการ “EEIPS” 5 ขน้ั ตอนดงั นี้ ขัน้ ที่ 1 การทาความเขา้ ใจกลุม่ เปา้ หมายอย่างลกึ ซงึ้ (Empathize: E) การทาความเขา้ ใจกลมุ่ เปา้ หมายอย่างลึกซึ้งทาให้นักเรียนได้เรียนรู้ว่าปัญหาความต้องการใดของ กลุ่มเป้าหมายท่ียังไม่ได้รับการตอบสนอง (Unmet Needs) ซ่ึงเป็นโอกาสที่นักเรียนจะสามารถนาไปสร้าง นวตั กรรมตามความต้องการของกลุม่ เป้าหมายได้โดยตรง ดาเนนิ การโดยใหน้ กั เรยี นเลือกเก็บข้อมูลด้วยวิธีการ สัมภาษณแ์ ละสงั เกตกล่มุ เป้าหมายคนที่นา่ สนใจและเตม็ ใจในการให้ข้อมูล ขนั้ ท่ี 2 การสารวจแนวคิด และตั้งกรอบโจทย์ (Explore Ideas and Define: E) เป็นข้ันตอนที่ให้นักเรียนสารวจค้นหาข้อมูลทั่วไปและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ บริบทของกลุ่มเป้าหมาย โดยกาหนดประเด็นให้ครอบคลุม และนาข้อมูลที่ได้ทาความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย อย่างลึกซ้ึง (Insights) รวมถึงบริบทท่ีเกี่ยวข้องมาวิเคราะห์เพ่ือสรุปประเด็นสาคัญและเป้าหมายของการ ออกแบบ เพื่อให้ได้กรอบโจทย์ที่ชัดเจนและตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง โดย กาหนดใหน้ กั เรยี นทางานเป็นทีม และใชแ้ ผนภมู ทิ างคณติ ศาสตร์ เชน่ แผนภมู ิแท่ง แผนภูมิรูปวงกลม แผนภูมิ ก้างปลา เป็นต้น มาช่วยในการวิเคราะห์หามุมมอง (Point of View) ที่พิเศษเป็นลักษณะเฉพาะ จากนั้นนา ประเด็นข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการทาความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซ้ึงมาจัดลาดับความสาคัญ โดยเน้น มุมมองทีส่ ามารถตอบสนองคุณคา่ และความตอ้ งการของกลมุ่ เป้าหมายได้อย่างแทจ้ รงิ ข้ันท่ี 3 การสร้างความคดิ วางแผนและออกแบบ (Ideate, Plan and Design: I)
45 ให้นักเรียนระดมสมองคิดหาแนวทางในการวางแผนและออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรมเพ่ือ ตอบสนองกล่มุ เปา้ หมาย โดยเน้นการใช้คาถามว่า “ทาไมและอย่างไร (Why and How)” เพ่ือเอ้ือให้สมาชิก ในทีมมองเห็นภาพรวมของนวัตกรรมท่ีตอบสนองความต้องการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย จากน้ันร่วมกัน วางแผนและออกแบบนวัตกรรมโดยเสนอในลักษณะรูปภาพและระบุองค์ประกอบของนวัตกรรมที่ ประกอบด้วย ช่ือนวัตกรรม ความสาคัญ วัตถุประสงค์ หลักการทางาน และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น วัสดุ อุปกรณต์ า่ งๆ เป็นตน้ จากนน้ั ใหแ้ ตล่ ะทีมนาเสนอผลการออกแบบนวัตกรรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซ่ึงกันและ กันด้วยวิธีการอภิปรายในประเด็นคาถาม “ทาไมและอย่างไร” ในข้ันน้ีนักเรียนสามารถออกแบบโดยใช้ เทคโนโลยปี จั จุบนั เพ่ือพัฒนาการทางานของนวัตกรรมส่ังการโดยใช้ Application และ/Coding เพื่อควบคุม การทางานของอุปกรณใ์ นระบบทีน่ ักเรยี นพัฒนาขึ้นเปน็ ต้นแบบนวตั กรรม ขั้นที่ 4 การสรา้ งต้นแบบ ทดสอบและปรับปรุง (Prototype, Test and Improve: P) การสร้างตน้ แบบเป็นการถ่ายทอดความคิดของทีมที่ร่วมกันออกแบบไว้มาทาให้เป็นรูปธรรม จับ ต้องได้ โดยทาเป็นต้นแบบนวัตกรรมเพื่อทดสอบด้านรูปลักษณ์ ความสวยงาม สีสัน ความทนทานของวัสดุ เพื่อท่ีจะหาว่าคุณลักษณะใดมีผลต่อความชอบของผู้ใช้ และการสื่อถึงความรู้สึกกับผู้ใช้ หรืออาจทาเป็น ต้นแบบนวัตกรรมเพื่อทดสอบด้านพฤติกรรมของผู้ใช้ท่ีมีต่อนวัตกรรมท่ีสร้างข้ึน หรือต้นแบบด้านผลิตภัณฑ์ ได้แก่ คุณภาพ ความสามารถในการทางานของนวัตกรรม ประโยชน์ของนวัตกรรม เป็นต้น จากนั้นจึงนา ต้นแบบนวัตกรรมที่สร้างข้ึนไปทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานกับกลุ่มเป้าหมายและศึกษาประสิทธิผลของ ต้นแบบนวตั กรรมทส่ี รา้ งข้ึน โดยใชส้ ถานท่ีทดสอบในบรบิ ทท่ีผูใ้ ชง้ านจะใชใ้ นชีวติ จรงิ ในระหว่างการทดสอบมี ข้อที่ควรปฏิบัติ คือควรบอกข้อมูลเท่าที่จาเป็นทางด้านกิจกรรมท่ีผู้ทดสอบต้องทา ไม่ควรอธิบายการทางาน ของแนวคิดท่ีนามาทดสอบ ควรให้ผู้ทดสอบได้ลองใช้ในวิธีของตัวเอง ไม่ควรตัดสินว่าวิธีนั้นถูกหรือผิด คอย สงั เกตปฏกิ ิริยาและความรูส้ กึ ของผ้ใู ชร้ ะหว่างการทดสอบต้นแบบ และไม่ควรขัดจังหวะการใช้งาน จากนั้นจึง นาตน้ แบบนวัตกรรมทน่ี กั เรยี นสรา้ งขนึ้ มาปรบั ปรุงให้เปน็ รปู ร่างสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน โดย ในการทดสอบแต่ละครั้งจะช่วยให้นักเรียนเกิดความคิดใหม่ ๆ เพิ่มเติม ซึ่งการดาเนินงานในขั้นท่ี 4 น้ีพอจะ สรปุ เป็นขั้นตอนย่อยได้ 4 ขั้นคือ สร้างต้นแบบ (Build) ทดสอบและประเมิน (Test and Evaluate) ทดสอบ ซ้า (Iterate) และออกแบบใหม่ (Redesign) ขน้ั ที่ 5 การแบ่งปนั และการประเมิน (Share and Assessment: S) ขนั้ แบง่ ปันและประเมิน เปน็ การแลกเปล่ยี นประสบการณใ์ นการสร้างสรรค์ต้นแบบนวัตกรรมตาม ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายภายใต้กรอบโจทย์ในข้ันที่ 2 ระหว่างนักเรียน เพ่ือน ครู และผู้สนใจ โดย นักเรียนร่วมกันจัดนิทรรศการการแสดงผลงานในโรงเรียน จัดเผยแพร่ผลงานผ่านออนไลน์ และมีการ ประเมินผลงานของนักเรยี นจากรายงานการพฒั นานวัตกรรมในรปู แบบของกระบวนการวิจยั กระบวนการของรปู แบบ EEIPS 5 ขน้ั เสนอเป็นแผนภาพที่ 1 ดงั นี้
46 แผนภาพท่ี 1 กระบวนการของรปู แบบ EEIPS 4. การวัดและประเมินผล 4.1 สมรรถนะการแก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ 4.2 สมรรถนะการสร้างสรรค์นวตั กรรม 4.3 ความสามารถในการวิจยั 5. ปัจจัยสนับสนนุ 5.1 ทัศนะเชิงบวก (Mindset) ความร่วมแรงร่วมใจ (Collaboration) และความมุ่งม่ันตั้งใจ (Intention) ในการปฏิบัตงิ านใหส้ าเร็จของนกั เรียน 5.2 การเสริมพลัง (Empowerment) ในการเรียนรู้ใหแ้ ก่นักเรียน 5.3 ความพรอ้ มส่ิงอานวยความสะดวก (Facilities) ได้แก่ ทรัพยากรและแหล่งเรียนรู้ท้ังภายใน และภายนอกโรงเรียน จากองคป์ ระกอบของรูปแบบการจัดการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ตามแนวคดิ STEM Education รว่ มกบั กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบที่ผสมผสานเทคโนโลยีในยุคดิจิตอล เพื่อเสรมิ สร้างสมรรถนะการแก้ปัญหาอยา่ ง สร้างสรรคแ์ ละการสรา้ งสรรค์นวัตกรรมของนกั เรยี นระดับมธั ยมศกึ ษา สรปุ ไดด้ งั แผนภาพที่ 2
47 แผนภาพท่ี 2 รูปแบบการจดั การเรียนรู้วิทยาศาสตรต์ ามแนวคดิ STEM Education รว่ มกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบท่ีผสมผสานเทคโนโลยีในยคุ ดิจติ อล เพ่อื เสรมิ สร้าง สมรรถนะการแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรคแ์ ละการสรา้ งสรรค์นวตั กรรมของนกั เรยี นระดับมัธยมศกึ ษา การพัฒนาและเผยแพร่รปู แบบการจดั การเรียนรู้ EEIPS Model ปี พ.ศ.2562 พฒั นารปู แบบ EEIPS Model เพอ่ื ใช้ในการจัดการเรยี นรู้วชิ าฟิสิกส์ เผยแพร่รปู แบบการจัดการเรียนร้โู ดยจดั นทิ รรศการงานเกษตรกาแพงแสน ประจาปี 2562 ณ คณะศกึ ษาศาสตร์ และพฒั นศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขต กาแพงแสน เผยแพรร่ ปู แบบการจัดการเรียนรู้โดยร่วม จัดแสดงผลงานนักเรียนในการประชมุ สภา คณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่ง ประเทศไทยคร้ังท่ี 6/2562 ซึ่งจดั ขนึ้ โดยการนาของท่าน รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย พูลศรี คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์ เมอื่ วันพธุ ท่ี 4 ธันวาคม 2562 ณ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขต กาแพงแสน Link ภาพกิจกรรม https://tinyurl.com/Scitech62
48 ปี พ.ศ.2563 นารปู แบบ EEIPS Model มาใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้วชิ าฟสิ กิ ส์ โดยมีการเพิ่มแนวคิด ปี พ.ศ.2564 การเรยี นรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานร่วมด้วย รวมท้ังเพิ่มการประเมินความสามารถใน การวิจัยของนกั เรยี น (จดั การเรียนรู้ในลกั ษณะ onsite) เผยแพรร่ ปู แบบการจัดการเรียนรู้ EEIPS Model โดยเปน็ เนื้อหาหน่งึ ของเล่ม เอกสารชื่อ โมเดลเพ่อื การพฒั นาคณุ ภาพ การศึกษา ปี พ.ศ.2563 โรงเรยี นสาธติ แห่งมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ ิจัยและพัฒนา การศกึ ษาผ่าน Website และ Facebook ของโรงเรยี น โดยได้จดั ทาเล่มเอกสารฉบับ นี้มอบให้โรงเรียนในเครือข่าย MOU 10 แหง่ คอื 1. โรงเรยี นวัดนางสาว(ถาวรราษฎร)์ 2. โรงเรยี นวดั ราษฎร์รังสรรค์ Link E-Book: 3. โรงเรียนวดั บางหลวง 4. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร https://tinyurl.com/ebookmodel (ปฐมวยั และประถมศกึ ษา) 5. โรงเรียนบา้ นปล่องเหลีย่ ม 6. โรงเรยี นกาแพงแสนวิทยา 7. โรงเรยี นมธั ยมวารชิ ภมู ิ 8. โรงเรียนบางเลนวิทยา 9. โรงเรียนอนบุ าลเดิมบางนางบวช 10. โรงเรยี นวดั บางปะกอก นารูปแบบ EEIPS Model มาใชใ้ นการจดั การเรียนรวู้ ชิ าฟิสิกส์ โดยมีการเพ่ิมแนวคิด การเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานร่วมด้วย ปรับเกณฑ์การให้คะแนน และเพิ่มการ ประเมนิ ความสามารถในการวิจัยของนักเรียน รวมท้ังเพ่ิมห้องเรียนสาหรับนักเรียน โดยใช้ Google Classroom และเรียนสดผ่าน Google Meet อันเน่ืองมาจาก สถานการณ์ COVID 19 (จัดการเรียนรู้ในลกั ษณะ Online)
49 จัดทาเอกสารประกอบการสอนในรูปแบบ ของ E-Book เพอ่ื ให้นกั เรยี นศึกษาค้นคว้า ได้สะดวกและมหี ลากหลายชอ่ งทางในการ เขา้ ถงึ การเรยี นรู้ Link E-Book: https://tinyurl.com/physic5
50 เอกสารประกอบการพจิ ารณา (มกราคม พ.ศ.2562-กนั ยายน พ.ศ.2564) ส่ือ/อุปกรณ์และแหล่งเรยี นรู้วิชาฟิสิกส์ 5 (ว 33205) ภาคตน้ ปีการศึกษา 2564 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาฟสิ กิ ส์ 5 (ว 33205 จานวน 2 เลม่ ) หอ้ งเรยี น Online ภาคต้น ปกี ารศกึ ษา 2564 QR Code ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/1 https://classroom.google.com/w/MzQ2ODQwMjcyOTM1/t/all ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/2 https://classroom.google.com/w/MzQ2ODQyNTUyNTAw/t/all เอกสารประกอบการสอน QR Code เอกสารการเรยี นการสอน วชิ าฟสิ ิกส์ 5 (ว 33205) https://classroom.google.com/w/MzQ2ODQwMjcyOTM1/t/all แบบฝกึ เสรมิ ประสบการณ์ วชิ าฟิสิกส์ 5 (ว 33205) https://classroom.google.com/w/MzQ2ODQwMjcyOTM1/t/all
51 หน่วยที่ 1 ไฟฟ้าสถิต Ms.PowerPoint ประกอบการเรยี นการสอน หน่วยท่ี 1 ไฟฟา้ สถติ
52
53 กจิ กรรมท่ี 1 ศึกษาการเกดิ ปรากฏการณท์ างไฟฟา้ ในธรรมชาติ กจิ กรรมท่ี 1 3 คลปิ Lightning phenomenon.mp4 https://drive.google.com/file/d/1bidemG-O83xcCZ4QiCj411uB-S7- 8Yu0/view 3 คลปิ จดุ เสยี่ งฟ้ าผา่ แกรนดแ์ คนยอน++++.mp4 https://drive.google.com/file/d/1HUYTGwjy9_GFQlH8_tRHt6Wc1HB ix1-5/view ใบกจิ กรรมที่ 1 การเคลื่อนทข่ี องประจไุ ฟฟา้ (สะท้อนคดิ จากคลปิ ) https://drive.google.com/file/d/1qlh8M0SyelofEi8JJMuvrag84OauI8 5E/view กิจกรรมท่ี 2 การทดลองสนามไฟฟา้ จากโปรแกรมสาเร็จรปู PhET และ YouTube ***ประเมินภาระงานของนักเรียนจากความสามารถในการออกแบบการทดลองจากโปรแกรมสาเร็จรูป PhET โดยใหน้ กั เรียนนาเสนอผลการทดสอบการนาประจุบวกและประจุลบวางห่างกันและวัดค่าสนามไฟฟ้าลัพธ์ที่ ระยะหา่ งใด ๆ แลว้ สรปุ สาระสาคัญท่ีได้จากการทดลอง โดยให้คะแนนตามเกณฑ์ที่ครูและนักเรียนกาหนดไว้ ร่วมกัน
54 ***ใหน้ ักเรยี นสังเกตผลการทดสอบสนามไฟฟ้าจากการดู Video Clip ใน YouTube การทดลองสนามไฟฟ้า และนาประเดน็ ขอ้ สงั เกตทไี่ ด้อภปิ รายร่วมกนั ใน Google Meet ครูสงั เกตการณ์มสี ่วนรว่ มในการอภิปรายของ นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล Ms.PowerPoint ประกอบการเรยี นการสอน หนว่ ยที่ 1 ไฟฟ้าสถิต
55 กิจกรรมท่ี 3 การทดลองศกั ยไ์ ฟฟ้าจากโปรแกรมสาเร็จรูป PhET
56 กิจกรรมท่ี 4 ออกแบบวงจรตัวเก็บประจุไฟฟา้ Comment : สร้างข้อ คาถามไดห้ ลากหลายดีมาก คะ่ และคานวณได้ถกู ต้อง แลว้ ค่ะ Comment : วงจรน้องเม่นแคระ ตงั้ ช่ือได้น่ารักมากๆ แต่ลอง ตรวจสอบอีกครัง้ หนงึ่ นะคะ วา่ คิด ตวั เกบ็ ประจไุ ด้ครบถ้วนหรือยงั คะ่
57 กจิ กรรม 5 ทบทวนความรู้ก่อนไปต่อ ***กจิ กรรมที่ 1-5 มกี ารประเมินช้นิ งานหรือภาระงานเพอ่ื การพฒั นา (Assessment for Learning) โดยเทียบ กับเกณฑ์รูบริคส์ โดยงานย่อยแต่ละชิ้น จะมีการนาเสนอและเพื่อนช่วยสะท้อนผลซ่ึงกันและกันในชั้นเรียน ออนไลน์ก่อน จากนั้นครูจะสะท้อนผลสู่นักเรียนอีก 1 คร้ังโดยใช้วิธี Comment ใน Google Classroom เพือ่ ให้โอกาสนกั เรยี นปรบั ปรงุ 1 ครั้ง ก่อนการประเมนิ ผลของครู หน่วยท่ี 2 ไฟฟา้ และแม่เหลก็ 1 Ms.PowerPoint ประกอบการเรียนการสอน หนว่ ยท่ี 2 ไฟฟา้ และแมเ่ หล็ก 1
58
59 กจิ กรรมท่ี 6 ออกแบบวงจรตวั ต้านทาน Comment : ออกแบบได้ยอด เยย่ี มมากๆค่ะ รู้จักคิด เทยี บเคียงกบั สงิ่ ทีม่ ีอยู่จรงิ สรา้ งสรรคม์ ากคะ่ Comment : คิดได้ ถูกตอ้ งแลว้ คะ่
60 Comment : วงจรน้องเมน่ แคระ ตงั้ ช่อื ได้น่ารักมากๆ แตล่ อง ตรวจสอบอีกครัง้ หนง่ึ นะคะ ว่าคิด ตวั เก็บประจไุ ด้ครบถ้วนหรือยงั คะ่ กิจกรรมที่ 7 การคิดคา่ ไฟฟา้ จากใบเสร็จรับเงนิ จรงิ
61 ตวั อยา่ ง บนั ทกึ video ระหวา่ งการสอน หลงั สอน Share ใหน้ ักเรยี น เพอ่ื ทบทวนความร้กู อ่ นทาแบบฝึก เสรมิ ประสบการณ์ https://drive.google.com/file/d/1Vf2mTgucl1eRGiJyFG1-Xzf_UxaP1pO9/view
62 หนว่ ยท่ี 3 ไฟฟา้ และแมเ่ หลก็ 2 Ms.PowerPoint ประกอบการเรียนการสอน หนว่ ยที่ 3 ไฟฟ้าและแม่เหล็ก 2 การมอบหมายงานท่ีเปน็ ตัวแทนของรายวชิ า 2 วชิ า นกั เรยี นทางานออกแบบการวิจัยด้านฟิสิกส์ผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมตามความ ต้องการของกลุ่มเป้าหมายท่ีศึกษา โดยทาเป็นงานกลุ่ม งานวิจัยนี้เป็นส่วนหน่ึงของรายวิชาฟิสิกส์ 5 และ
63 รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ทางานวิจัยเป็นชิ้นงานเดียวกัน ใช้ประเมิน 2 รายวิชาร่วมกัน ในระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 โครงสร้างการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ซึ่งนักเรียนเข้าถึงการมอบหมายงานและ ตรวจสอบความกา้ วหนา้ ของตนเองไดใ้ น Google Classroom รายวชิ าฟิสิกส์ 5 (ว 33205) ดงั รูป ตัวอย่าง งานวิจัยของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคปลาย ปีการศึกษา 2563 ที่ได้รับมอบหมายให้ทา รายงานวิจัยใน wix.com ปกี ารศึกษา 2563 https://tinyurl.com/project2563 รายงานการวจิ ยั เรอื่ ง ระบบตรวจจบั แกส๊ และส่ง บทที่ 1 บทนา การแจ้งเตือนผา่ นแอปพลเิ คชั่นไลน์
64 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนินการ บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกยี่ วขอ้ ง บทที่ 4 ผลการวจิ ยั บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลการวจิ ยั และ ขอ้ เสนอแนะ
65 ภาคผนวก ภาพกจิ กรรม ภาคตน้ ปกี ารศกึ ษา 2564 (Google Site) https://tinyurl.com/project2563
66
67 ภาพกจิ กรรมการเรียนการสอนของนกั เรียน รายวชิ าฟสิ ิกส์ 5 (ว 33205) ร่วมกบั รายวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ว 33285) นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคปลาย ปีการศกึ ษา 2562 นาเสนอผลงานวิจัยในการประชุมสภาคณบดคี ณะครศุ าสตร์/ศกึ ษาศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย นาเสนองานในขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรขู้ นั้ ที่ 5 Share and Assessment ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2 นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคปลาย ปีการศึกษา 2562 นาเสนองานในขัน้ ตอนการจัดการเรียนรู้ขัน้ ท่ี 4 Prototype สร้างตน้ แบบเพ่อื ทดสอบและ นามาแก้ไขปรับปรงุ ภาพที่ 3 ภาพท่ี 4 นกั เรยี นฝึกการออกแบบในขน้ั ตอนการจัดการเรียนรู้ขนั้ ท่ี 3 Ideate ภาพที่ 5 ภาพท่ี 6
68 สะท้อนภาพของนกั เรียนหลงั ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ EEIPS Model กับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ปีการศกึ ษา 2563 ภาพท่ี 7 ภาพท่ี 8 ภาพท่ี 9 ภาพที่ 10
69 การวดั และประเมินผล มี ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล อ ย่ า ง ห ล า ก ห ล า ย โ ด ย เ น้ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น เ พื่ อ ก า ร พั ฒ น า ก า ร เ รี ย น รู้ (Assessment for Learning) และการทดสอบ ตามผลการเรยี นรู้ทกี่ าหนดไวใ้ นประมวลการสอนและแผนการ จัดการเรยี นรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 5 (ว 33205) การประเมิน วธิ กี ารประเมิน เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ ผู้ประเมิน อาจารย์ ชิน้ งาน 1. ตรวจเอกสาร Rubrics นักเรยี น เพอ่ื น 1. ออกแบบวงจรไฟฟ้า วงจรไฟฟ้าตัวเกบ็ ประจุ อาจารย์ ตวั เก็บประจุ และตัว และตวั ต้านทาน ที่ นักเรยี น เพอ่ื น ตา้ นทาน นกั เรียนออกแบบ อาจารย์ 2. หาคาตอบจาก 2. ตรวจเอกสารแสดง นักเรียน เพอ่ื น คาถามในแบบฝึก คาตอบจากแบบฝึก ประสบการณ์ ประสบการณต์ ามเนื้อหา ระหวา่ งเรียน ภาระงาน 1. การนาเสนอคาตอบ Rubrics 1. การนาเสนอคาตอบ จากแบบฝึกเสริม จากแบบฝึกเสรมิ ประสบการณ์ และ ประสบการณ์ใน สถานการณ์ทก่ี าหนดให้ ระหวา่ งเรียน ในระหว่างเรยี นเปน็ 2. การอภิปราย รายบุคคล จับคู่ และเปน็ 3. การต้งั คาถามของ กลมุ่ นกั เรียน 2. การมสี ว่ นร่วมใน กจิ กรรมระหว่างเรียน เช่น การตอบคาถาม การ อภิปราย การซกั ถาม การ สนทนากลุ่ม เปน็ ตน้ ชน้ิ งานและภาระงาน 1. ประเมนิ ชน้ิ งาน Rubrics งานวจิ ัย นวัตกรรมที่ตอบสนอง กลุ่มเป้าหมาย ทน่ี าไป ทดลองใช้แลว้ บรรลุ วัตถุประสงคข์ องงานวจิ ัย เช่น สิง่ ประดษิ ฐใ์ หม่ เทคนคิ หรือวธิ กี ารใหมๆ่ 2. ประเมินจากรายงาน การวจิ ยั 3. ประเมนิ จากการ นาเสนองานวิจยั
70 การประเมิน วิธกี ารประเมิน เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการประเมิน ผปู้ ระเมิน การทดสอบระหวา่ ง เรียน Assessment as แบบทดสอบยอ่ ย อาจารย์ Learning และ Assessment for Learning การให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั บันทกึ ความกา้ วหนา้ และ อาจารย์ แก่นักเรียน พัฒนาการของนักเรยี น นกั เรียนประเมนิ (feedback) ระหวา่ งการจดั การเรียนรู้ ตนเอง ครผู สู้ อน ไดด้ าเนนิ การให้ ขอ้ มลู ย้อนกลับแก่ นักเรยี นเพอื่ กระตุ้นการ เรยี นรู้ (Feed up) ตรวจสอบความรู้ความ เข้าใจ ความคิดและ ความรสู้ กึ ของนกั เรียน (Checking for Understanding) เพอื่ การพฒั นาการเรียนร้แู ละ ปรับเปลีย่ น Mindset สาหรบั นักเรยี นบางคนที่ ตอ้ งการความชว่ ยเหลือ ระหว่างการเรียนและหลงั เรยี น (Feedback) และ Feedback Line : ชอ่ งทางหนึ่งที่ ใหก้ าลังใจแกน่ ักเรยี นเพ่อื ครูให้ขอ้ มูลยอ้ นกลับเพื่อ เรยี นรู้ต่อยอด (Feed ช่วยเหลอื และให้กาลังใจนกั เรยี น forward) การทดสอบปลายภาค Assessment of แบบทดสอบปลายภาค อาจารย์ Learning และ Evaluation
71 ผลการเรียนของนักเรียน รายวิชาฟสิ ิกส์ และวิทยาศาสตร์ ปกี ารศึกษา 2562-2563
72 รายวิชาทสี่ อนนสิ ิต คณะศกึ ษาศาสต์และพัฒนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ****************************************** หลักสตู รศกึ ษาศาสตรบ์ ณั ฑิต สาขาวิชาการจัดการเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา ภาคเรยี น รหสั ช่ือรายวิชา จานวน หนว่ ยกติ 02161461 ประสบการณเ์ ชิงบูรณาการวชิ าชีพครู : การ 1(0-2-1) วจิ ัยและพฒั นาหลกั สูตร 6(0-12-6) 2562 ภาคปลาย 02161562 ประสบการณเ์ ชิงบูรณาการวิชาชีพครู : การ ปฎิบตั ิการสอนในสถานศึกษา II 3(2-2-5) 1(0-2-1) 02198221 การพฒั นาหลักสูตร 6(0-12-6) 02161461 ประสบการณเ์ ชิงบูรณาการวชิ าชีพครู : การ วิจยั และพฒั นาหลักสตู ร 3(2-2-5) 6(0-12-6) ภาคตน้ 02161561 ประสบการณเ์ ชิงบรู ณาการวชิ าชพี ครู : การ 2563 ปฎิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา I 6(0-12-6) 3(2-2-5) 02198221 การพฒั นาหลักสูตร ภาคปลาย 02161562 ประสบการณเ์ ชงิ บรู ณาการวิชาชีพครู : การ ปฎิบตั กิ ารสอนในสถานศึกษา II 2564 ภาคต้น 02161591 การปฎิบตั ิการสอนในสถานศกึ ษา I 02198221 การพัฒนาหลักสตู ร (หมเู่ รียน 706)
73 ประมวลการสอน และกิจกรรมการเรยี นการสอน 02198221 การพฒั นาหลกั สูตร (หมเู่ รยี น 706) นิสิตสาขาวิชาการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ วชิ าวทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา ภาคตน้ ปีการศึกษา 2564
74 กจิ กรรมการเรยี นการสอน ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ โดยออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับ จุดประสงค์รายวชิ า ใชร้ ปู แบบการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ ไดแ้ ก่ รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เป็นฐาน (Problem Based Learning) รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Based Learning) รูปแบบการเรียนรู้แบบการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Based Learning) โดยการจัดการเรียนรู้ผสมผสาน แนวคดิ การสร้างสรรคน์ วัตกรรมหลักสูตรท่ีเหมาะสมกับบริบทและความต้องการของผู้เรียน และผู้ท่ีมีส่วนได้ ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้ปกครอง ญาติพ่ีน้อง ชุมชน เป็นต้น เน้นการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นทีม (Team Work) ส่งเสรมิ ให้นิสิตเรียนรูท้ เ่ี นน้ ให้มกี ารวางแผนและดาเนินงานตามแผนร่วมกันผ่านออนไลน์หลายช่องทางที่นิสิต ในทีมตัดสินเลือกใช้ เช่น Google Meet Facebook รวมทั้ง Application ต่าง ๆ ที่นิสิตเรียนรู้ร่วมกันได้ นอกจากน้ี ในระหว่างเรียนเน้นการใช้คาถามสาคัญเพ่ือกระตุ้นการเรียนรู้และเลือกใช้การประเมินระหว่าง เรยี นที่ชว่ ยให้นสิ ิตเรียนอยา่ งมีเปา้ หมายและมพี ฒั นาการทดี่ ขี น้ึ นั่นคือ การให้ข้อมูลย้อนกลับที่จะช่วยให้นิสิต มีกาลังใจในการพัฒนาตนเอง และตรวจสอบความเข้าใจของตนเองได้ตลอดเวลา โดยครูผสมผสาน กระบวนการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับเข้าไปเปน็ สว่ นหนง่ึ ของจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน คอื ขน้ั ที่ 1 Feed – Up การกระตุ้นและสรา้ งแรงจูงใจในการเรียน โดยแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และ การประเมินที่ชัดเจนเพ่ือให้นักเรียนเห็นคุณค่าในการเรียนรู้และการประเมิน ทาให้ครูม่ันใจได้ว่านักเรียนมี ความเขา้ ใจจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ความคิดรวบยอด ภาระงาน และการประเมินผล ขั้นท่ี 2 Checking for Understanding การตรวจสอบความเข้าใจเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ โดยการ พูด ตอบและถามคาถาม การนาเสนอ การเขียน เปน็ ต้น ข้ันที่ 3 Feedback การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสาเร็จและส่ิงที่จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาหรือ ปรบั ปรุงแกไ้ ขแก่นกั เรยี น ขั้นท่ี 4 Feed - Forward การให้คาแนะนา ชี้แนะแนวทางบนพ้ืนฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ เพ่ือ กระตุ้นให้นักเรยี นเกิดพัฒนาการเรียนร้ทู สี่ งู ข้นึ เทคนิควงล้อเพ่ือการเรียนรู้
75 QR Code ห้องเรียน Online ภาคต้น ปกี ารศกึ ษา 2564 นสิ ิตกลุ่มวิชาวทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา (หมู่เรียน 706) จานวน 43 คน https://classroom.google.com/u/2/w/MzY1NDg2ODcwNDE0/t/all กิจกรรม : รเู้ ขารเู้ รา นิสิตใช้วงล้อเพ่ือการเรียนรู้น้ีตรวจสอบความรขู้ องตนเองกบั เพอื่ นๆ และครูได้ จากการพูดคยุ แลกเปล่ยี นกับเพือ่ นทงั้ ความรูเ้ ดิมและความรใู้ หม่ผ่านการเช็คเวลา เรียนไปพร้อมๆกนั หอ้ งเรียนออนไลนใ์ น Google Classroom
76
77 กิจกรรมการเรยี นการสอน คร้งั หัวข้อ/รายละเอยี ด กิจกรรม ข้อมูลประกอบ ท่ี 1 ปฐมนิเทศรายวชิ า บรรยาย อภิปรายและระดม กิจกรรม Stop กอ่ น Start แนวทางการศึกษาใน สมอง นิสติ แสดงความคิดเห็น 3 ประเด็นต่อไปนี้ รายวิชา ความรพู้ นื้ ฐาน กจิ กรรม รเู้ ขารูเ้ รา โดยแนบไฟลส์ ่งงาน ของคาว่า หลกั สตู ร วงลอ้ เพ่ือการเรยี นรู้ และ 1. ความคาดหวงั ต่อการเรยี นรายวชิ าน้ี กจิ กรรม Stop ก่อน Start 2. ความพร้อมต่อการเรยี นออนไลน์ 100% 3. อยากบอกอะไรอาจารย์ 2-3 หลักการ แนวคิดในการ 1. กิจกรรมการเรยี นร้แู บบ บันทกึ VDO ใหน้ สิ ิตสามารถดูยอ้ นหลังได้ พัฒนาหลกั สูตร รว่ มมือด้วยเทคนคิ จก๊ิ ซอร์ -ปรชั ญา ทฤษฎี และอภิปรายกลุม่ Record ทางการศึกษา 2. ร่วมกนั ค้นคว้าแสวงหา -ประวัตคิ วามเปน็ มา ความร้ผู ่าน กิจกรรม และระบบการจดั แสวงหาขุมทรัพย์ทางการ การศึกษาของไทย ศึกษาเพ่ือการพัฒนา -ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ หลักสูตร -วิสยั ทศั น์ แผนการ ศกึ ษา มาตรฐาน Record การศึกษาชาติ -ทกั ษะศตวรรษที่ 21 ส่ี เสาหลกั การศึกษา -แนวคิดปรชั ญา
ครัง้ หัวข้อ/รายละเอียด 78 ข้อมลู ประกอบ ท่ี กิจกรรม เศรษฐกจิ พอเพยี งสู่การ ออกแบบหลกั สตู ร https://drive.google.com/file/d/1fybsulC3Br8OLmoqaSODyPryTSXiIHEt /view 4 ทฤษฎีหลักสตู ร 1. บรรยายและวิเคราะห์ องค์ประกอบของ หลักสูตรจากกรณศี ึกษา 2. Infographic ของประเภท หลักสตู ร รูปแบบการ หลักสตู ร พัฒนาหลกั สตู ร 5 หลักสตู รระดบั กจิ กรรมโต้วาทเี พื่อการ การศึกษาต่างๆ พัฒนาหลักสูตรของไทย หลกั สูตรการศกึ ษา ปฐมวัย การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน อาชีวศกึ ษา และอุดมศกึ ษา 6 สอบกลางภาค Quizizz App.
79 ครัง้ หวั ข้อ/รายละเอยี ด กิจกรรม ขอ้ มลู ประกอบ ท่ี แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ 7 การนาเสนอนวัตกรรม นวตั กรรมหลกั สูตรรว่ มกัน ทางหลักสตู รเพอ่ื ตอบสนองความ หลากหลายของผ้เู รยี น ในปัจจบุ นั 8 กระบวนการพัฒนา อภปิ ราย และเรยี นร้ผู า่ น หลกั สตู รสถานศึกษา การปฏิบตั ิ กจิ กรรม การพัฒนา หลักสูตรสถานศกึ ษา 9- ฝึกปฏิบัติการวเิ คราะห์ เรียนรผู้ า่ นการปฏบิ ตั ิ 11 หลกั สตู รและการพฒั นา หลักสูตร -การวเิ คราะห์ องค์ประกอบของ หลกั สูตร การพฒั นา หลักสตู ร การนา หลกั สตู รไปใช้ -วเิ คราะห์การ เปลีย่ นแปลงของบรบิ ท ทางสังคมและโลก สาหรับการพัฒนา หลักสูตร ฝึกปฏบิ ัตกิ าร วเิ คราะหห์ ลกั สตู รและ จัดทาหลกั สูตร สถานศึกษา บูรณาการ แนวคดิ ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ าร ออกแบบหลักสูตรและ การจดั การเรยี นรู้ 12 การบริหารจัดการ เชญิ วทิ ยากร ผู้อานวยการ รอสอน หลักสตู รในสถานศึกษา สถานศึกษาแลกเปลย่ี น และการนาหลกั สูตรไป แนวคิดกบั นสิ ิต ใช้ 13 การประเมินหลักสตู ร ทากจิ กรรมจากเอกสารการ รอสอน และรปู แบบการ ประเมนิ หลักสตู ร ประเมินหลักสตู ร
80 ครงั้ หวั ขอ้ /รายละเอียด กจิ กรรม ข้อมลู ประกอบ ท่ี 14 ปัญหาและแนวโนม้ ใน 1. ศึกษาจากผลการวจิ ยั รอสอน นามาวิเคราะห์ร่วมกนั การพัฒนาหลกั สูตร 2. สัมภาษณผ์ ู้ทรงคณุ วฒุ ิ ฝ่ายวิชาการของโรงเรียน 15 สอบปลายภาค รว่ มกันผา่ น Google Meet หรือ Zoom หรือ ช่องทางอื่นๆ 3. วเิ คราะหผ์ ลการ สัมภาษณ์ สรปุ และ แลกเปล่ียนเรียนรู้ 4. สรปุ แนวคิดสาคญั ที่ได้ จากผลการวจิ ยั และ สมั ภาษณ์ แบบทดสอบทั้งปรนยั และ อัตนัย กจิ กรรมโดดเดน่ และนิสติ ชื่นชอบ คาชแ้ี จง 1. นิสติ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยหาขอ้ สรุปในการจัดกล่มุ ร่วมกนั (นสิ ติ เลอื กสมาชิกเป็นเลขที่คู่-ค)ี่ 2. ตัวแทนของทีม ทมี ละ 3 คน เข้ารว่ มประชุมเพือ่ สรา้ งความเขา้ ใจในการปฏบิ ัตริ ่วมกัน 3. จัดกิจกรรมโตว้ าทเี พื่อการพัฒนาหลักสูตรของไทย วันที่ 6 สิงหาคม 2564 4. หลังกิจกรรม ใหน้ ิสิตทุกคนโหวต \"ขวัญใจว่าท่ีนักโตว้ าทเี พ่อื การพฒั นาหลักสูตรของไทย\" หวั ขอ้ โต้วาที ในวนั ท่ี 6 ส.ค.64 ***หลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานหลักสูตรไหนสาคญั กวา่ กันในยคุ ปจั จบุ นั ระหว่าง “หลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)” กบั “หลักสูตรฐานสมรรถนะ” ประเด็นยอ่ ยในการโตว้ าที มี 5 ประเด็น ใช้เวลาประเดน็ ละประมาณ 10 นาที 1. ความเป็นมาของหลักสูตร 2. องค์ประกอบของหลกั สูตร (วสิ ัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคญั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการ เรียนรู้ โครงสร้างเวลาเรียน คาอธิบายรายวิชา รูปแบบการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน และการจบหลักสูตร) 3. จุดเด่นในการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียนของหลกั สูตร 4. จดุ ท่ีเปน็ ขอ้ กังวลและควรปรับปรงุ ของหลกั สตู ร 5. สรปุ สาระสาคัญของหลักสตู ร (concept)
81 (นสิ ิตสามารถยกประเดน็ อ้างองิ ไปถงึ หลกั สตู รของตา่ งประเทศทเ่ี กยี่ วขอ้ งเพิ่มเติมได้ และถือว่ามีนา้ หนกั คะแนนสูง) เกณฑใ์ นการประเมนิ คะแนนเต็มของการแข่งขนั โตว้ าที มี 20 คะแนน ดงั น้ี 1. การเสนอข้อเท็จจรงิ ที่ถูกตอ้ งและมเี หตุผล 8 คะแนน 2. การแสดงความคดิ เห็นอยา่ งเปน็ เหตุเปน็ ผล 7 คะแนน 3. การใช้ภาษาเพ่อื การสอื่ สารท่ีเหมาะสม 5 คะแนน ระหวา่ งการโต้วาทขี อง 2 ทีม ระหวา่ งการโต้วาทขี อง 2 ทีม ผลโหวต รางวลั ทีไ่ ด้รับ ใสซ่ องส่งทางไปรษณยี ์ \"ขวญั ใจว่าที่นกั โต้วาทีเพอื่ การพัฒนาหลักสูตรของ ไทย\"
82 ความต้องการของนิสติ 3 ลาดบั แรก 1. นสิ ิตต้องการเรียนรูผ้ ่านกิจกรรมมากกว่าการ ทม่ี าของการจัดกจิ กรรมโตว้ าที Lecture 2. นสิ ติ ต้องการเรียนรูผ้ า่ นประเดน็ ที่ท้าทาย 3. นิสิตตอ้ งการพูดคยุ เกี่ยวกบั เรือ่ งทเี่ รยี นให้ มากกว่าการนั่งฟงั ฯลฯ ภาพระหว่างการทากิจกรรมโต้วาที ***หลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพื้นฐานหลกั สตู รไหนสาคญั กว่ากันในยุคปัจจบุ นั ระหวา่ ง “หลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)” กับ “หลกั สตู รฐานสมรรถนะ” ตัวอย่าง Ms.PowerPoint ประกอบการเรยี นการสอน การพฒั นาหลักสูตร
83
84
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125