รายงานการฝึกโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ชุมชนหม่ทู ่ี 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอทา่ ศาลา จังหวดั นครศรีธรรมราช นางสาวณัฐวรรณ ชว่ ยสงั ข์ รหสั ประจาตัวนกั ศึกษา 611250008 รายงานฉบบั น้ีเปน็ ส่วนหนึง่ ของวชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้ันสูงปฏิบัตกิ ารฉุกเฉินการแพทย์ ชัน้ ปีท่ี 2 รนุ่ ท่ี 15 วทิ ยาลยั การสาธารณสขุ สิรนิ ธร จงั หวัดยะลา
คานา รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพ ของนักศึกษาหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา โดยการฝึกโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพครั้งนี้ นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ในพื้นท่ี ชุมชนหมู่ที่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นการศึกษา ชุมชนในดา้ นต่าง ๆ มกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากชุมชน โดยการสัมภาษณ์ สงั เกต และจากขอ้ มูลทตุ ิย ภูมิเพื่อให้ทราบ และเข้าใจถึงวิถขี องคนในชุมชน และมองเห็นสภาพปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นภายใน ชุมชน โดยเฉพาะปญั หาด้านฉุกเฉินการแพทย์ และนาไปสู่การวางแผนพัฒนา แก้ไขปญั หาชุมชนได้ อย่างตรงจุด และสอดคล้องกับวิถีชมุ ชน โดยการมสี ่วนร่วมของชุมชน อันนาไปสู่การมีสุขภาพ และ คุณภาพชีวิตท่ีดีภายในชุมชน ซึ่งทาให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพ่ือเตรียมความพร้อมสู่การฝึก ประสบการณ์จรงิ และเป็นบุคลากรทางด้านสาธารณสุขตอ่ ไป ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยง่ิ ว่า ขอ้ มูลต่าง ๆ ในเลม่ รายงานฉบับน้ีจะสามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ ห้ เกดิ ประโยชน์ และเปน็ แนวทางในการพัฒนา แก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ ของชุมชน และเพอื่ เป็นแนวทาง ในการศกึ ษาตอ่ ไป นางสาวณฐั วรรณ ช่วยสงั ข์ ผู้จดั ทา
กิตตกิ รรมประกาศ การฝกึ โครงการพฒั นาทักษะวิชาชพี ในครง้ั น้ี นกั ศกึ ษาหลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี ชั้นสงู ปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ รุ่นที่ 15 ช้ันปีท่ี 2 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิริธร จังหวัดยะลา ได้ ทาการศึกษาในพื้นที่ของตนเอง โดยการฝึกโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพคร้ังน้ีนักศึกษาได้ฝึก ประสบการณ์ในพื้นท่ี ชุมชนหมู่ที่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวั ด นครศรีธรรมราชได้สาเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดี โดยได้รบั ความกรุณาจากบคุ คลหลายท่าน ทางกลมุ่ นักศกึ ษา รสู้ กึ ซาบซง้ึ ในความกรณุ าท่มี ีให้ จงึ ใคร่ขอขอบพระคณุ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณอาจารย์ ดร.ภัคณัฐ วีรขจร ที่ได้ให้คาแนะนา ที่ได้ประสิทธ์ิประสาทวิชา กอ่ ให้เกดิ ความรใู้ นการฝกึ ปฏบิ ตั ิงาน จนสามารถปฏบิ ัติงานได้เป็นอย่างดี ขอขอบพระคณุ นางชใบพร เรืองจรสั และเจา้ หนา้ ที่อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บ้านใน ชุมชนหมู่ที่ 6 ทุกทา่ น ที่คอยให้ความช่วยเหลือ แนะนา ใหค้ าปรึกษา ตลอดการฝึกโครงการพัฒนา ทกั ษะวชิ าชพี และให้ความชว่ ยเหลือ แนะนา ใหค้ าปรึกษา ตลอดการฝกึ ปฏบิ ัติงานในคร้งั นี้ ขอขอบพระคุณชาวบ้านชุมชน ชุมชนหมู่ที่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ใหข้ ้อมลู ในการศกึ ษาครงั้ น้ี และเข้ามามีสว่ นร่วมในการดาเนินโครงการ ใน ทุกกิจกรรมทนี่ ักศึกษาจดั ขน้ึ และสาเร็จลุล่วงไปไดด้ ้วยดี สุดท้ายนี้ นักศึกษาขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทาให้การฝึกโครงการพัฒนา ทักษะวิชาชพี ในคร้ังนี้ ประสบความสาเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี
สารบญั หนา้ เร่อื ง ก ข คานา ค กิตตกิ รรมประกาศ 1 สารบญั 1 บทท่ี 1 บทนา 2 2 1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของการฝกึ โครงการพฒั นาทักษะวิชาชพี 3-5 1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย 6 1.3 กระบวนการเตรียมฝกึ โครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี 7-8 บทท่ี 2 บริบทชุมชน 9-10 2.1 เเผนทเี่ ดินดนิ 11-13 2.2 ฝังเครอื ญาติ 14 2.3 โครงสร้างองคก์ รชุมชน 15 2.4 ระบบสขุ ภาพชมุ ชน 16 2.5 ปฏิทินชุมชน 17 2.6 ประวตั ศิ าสตรช์ มุ ชน 18 2.7 ประวัติบุคคลสาคญั 19-25 บทที่ 3 การวินจิ ฉยั ชมุ ชน 26 3.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.2 การวเิ คราะห์ข้อมลู 27-30 3.3 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 31-34 บทท่ี 4 แผนงาน/โครงการ 35-37 4.1 แผนงาน/โครงการ 4.2 ระดับความพึงพอใจต่อโครงการ 38 4.3 สรปุ ผลการดาเนินโครงการ 38 บทที่ 5 สรุปผลการฝกึ โครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพ อภิปรายและขอ้ เสนอแนะ 39 5.1 สรปุ ผลการฝึกโครงการพฒั นาทักษะวชิ าชีพ 5.2 อภปิ รายผล 5.3 ขอ้ เสนอแนะการฝกึ โครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพ ภาคผนวก บรรณานุกรม
บทท่ี 1 ส่วนนาโครงการ 1.1ความเปน็ มาและความสาคญั ของการฝกึ โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี โรคเบาหวาน เป็นโรคท่เี กิดจากความผิดปกติของการทางานของฮอรโ์ มนท่ีชอ่ื วา่ Insulin ซึง่ โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจาเปน็ ต้องมี Insulin เพอื่ นานา้ ตาลในกระแสเลือดไปเล้ยี งอวัยวะ ตา่ งๆของร่างกาย โดยเฉพาะสมองและกล้ามเนอ้ื ในภาวะที่ Insulin มีความผดิ ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการ ลดลงของปริมาณ Insulin ในร่างกาย หรอื การทอ่ี วัยวะต่างๆของร่างกายตอบสนองตอ่ Insulin ลดลง (หรอื ทเี่ รยี กวา่ ภาวะด้ืออนิ ซลู นิ ) จะทาให้รา่ งกายไม่สามารถนานา้ ตาลทอ่ี ยูใ่ นกระแสเลอื ดไปใชไ้ ด้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ทาให้มปี รมิ าณนา้ ตาลคงเหลอื ในกระแสเลือดมากกว่าปกติ หากนา้ ตาลใน กระแสเลอื ดสงู มากขนึ้ ถึงระดบั หนงึ่ จะทาให้ไตซ่ึงปกติจะมหี น้าทด่ี ดู กลับน้าตาลจากสารทถ่ี ูกกรอง จากหนว่ ยไตไปใช้ ดูดกลับนา้ ตาลได้ไม่หมด สง่ ผลใหม้ นี า้ ตาลรว่ั ออกมากบั ปสั สาวะ หากไมไ่ ดร้ ับการ รักษาอยา่ งถกู วิธี จะทาให้เกดิ ภาวะแทรกซอ้ นทร่ี ้ายแรงตามมาในทีส่ ดุ จากการสารวจขอ้ มลู ครวั เรือน หมทู่ ่ี 6 บ้านปลกั จอก ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จังหวดั นครศรธี รรมราช มจี านวนครวั เรือนทงั้ สนิ้ 325 ครวั เรอื น ซึ่งจากการสารวจครัวเรอื น มี โรคเบาหวานทีพ่ บมากทสี่ ุด สว่ นใหญเ่ กิดจากพนั ธกุ รรมและพฤตกิ รรมการกนิ จึงได้จัดโครงการรูก้ ่อน ลดเส่ียง เล่ียงเบาหวาน หมู่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอ ทา่ ศาลา จงั หวัดนครศรธรรมราช ขน้ึ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนในชุมชนมีความรเู้ ร่อื งการปอ้ งกันโรคเบาหวาน เพ่อื ลดอัตราการปว่ ยด้วยโรคเบาหวาน และเพ่ือให้ประชาชนมสี ่วนร่วมในการป้องกนั ควบคมุ รักษา และการเฝ้าระวังโรคในหมู่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรธรรมราช
1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.2.1 เพือ่ ให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ในการควบคุมปอ้ งกนั โรคเกาต์ท่ีถกู วิธีและเหมาะสม 1.2.2 เพื่อใหป้ ระชาชนตระหนกั และใหค้ วามสาคัญกบั ปญั หาเรือ่ งการควบคมุ โรคเบาหวาน 1.2.3 เพอ่ื ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเขา้ ร่วมโครงการ 1.3 กระบวนการเตรียมฝกึ โครงการพฒั นาทักษะวชิ าชีพ 1.3.1 กรอบแนวคดิ การฝกึ โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี การฝกึ โครงการพัฒนาทักษะวิชาชพี ปัญหาดา้ นสขุ ภาพด้านในชุมชนหมู่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรธรรมราช ภาพที่ 1.1 กรอบแนวคิดการเตรยี มฝกึ โครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี
บทท่ี 2 บรบิ ทชมุ ชน ขอ้ มูลทวั่ ไปหมู่ท่ี 6 บา้ นปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช 1. สภาพทางภูมศิ าสตร์ หมู่ที่ 6 บ้านปลกั จอก เปน็ 1 ใน 10 หมบู่ ้านของจานวนหมบู่ ้านท้งั หมดในตาบลไทยบรุ ี อาเภอทา่ ศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช มเี นอื้ ทปี่ ระมาณ 2,000 ไร่ ต้ังอยู่ทางทศิ ตะวนั ตกของอาเภอ ท่าศาลา ระยะห่างจากท่ีวา่ การ 10 กโิ ลเมตร ลักษณะภมู ปิ ระเทศโดยทัว่ ไปเป็นทรี่ าบ 2. ทต่ี ้งั และอาณาเขต หมทู่ ี่ 6 บ้านปลกั จอก ตาบลไทยบุรี มอี าณาเขต ดงั นี้ ทศิ เหนอื ติดต่อ หมู่ที่ 5 บ้านไม้มกู ตาบลไทยบรุ ี ทศิ ใต้ ติดตอ่ หมทู่ ี่ 2 บ้านคูเถน และหม่ทู ่ี 8 บา้ นล่มุ นา ตาบลไทยบรุ ี ทิศตะวันออก ติดตอ่ หมู่ที่ 2 บา้ นคูเถน ตาบลไทยบุรี ทิศตะวันตก ติดตอ่ หมทู่ ่ี บา้ นศาลาต้นทอ้ น ตาบลไทยบรุ ี 3. สภาพภมู ิประเทศและสภาพภูมอิ ากาศ มีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ส่วนใหญ่จะทาการเกษตรกรโดยการปลูก ยางพารา ปลูกปาล์มน้ามัน พืชผักสวนครัวและมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น หมู วัว ไก่ เป็ด ปลา เป็นต้น สภาพภูมอิ ากาศโดยทวั่ ไป รอ้ นช้นื มี 2 ฤดู คือ ฤดรู ้อน ประมาณ 8 เดือน คือต้งั แตเ่ ดือนมกราคม ถงึ เดือนสงิ หาคม ฤดูฝน ประมาณ 4 เดอื น คอื ตง้ั แตเ่ ดอื นกนั ยายนถึงเดือนธันวาคม โดยปกติฝนตกชุก ประมาณ 4-5 เดือน โดยได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จากมหาสมุทรอินเดียและลม มรสุมตะวันตก เฉยี งเหนอื จากอา่ วไทย 4.ลักษณะประชากร จากการสารวจพบว่ามจี านวนครัวเรอื นทงั้ หมดในตาบลไทยบุรีมจี านวน1,500หลงั คาเรอื น และจานวนประชากร 6,643 คน จานวนผูส้ งู อายุ 954 คน จานวนเด็กแรกเกิด ถงึ 6 ปี 469 คน จานวนผ้สู งู อายุ ท่ปี ่วยเปน็ โรคเรอ้ื รงั 186 คน จานวนสตรีตัง้ ครรภ์ 95 คนจานวนผ้สู งู อายทุ ช่ี ่วย ตนเองไมไ่ ด้ 13 คน จานวนสตรีอายุ 35 ปี ขึน้ ไป 2,379 คน จานวนผูพ้ ิการ 55 คน 5.ลกั ษณะทางสังคม ประชาชนในหมบู่ ้านจะอยู่รว่ มกันแบบเครือญาติเป็นส่วนใหญ่ มีการพึง่ พาอาศัยกันและกนั ช่วยเหลอื กนั มีความเออ้ื อาทรตอ่ กนั และมคี วามหลากหลายในการประกอบอาชพี ตอ่ มามีครอบครัว อพยพมาจากถิ่นอืน่ มาอาศยั อยู่ด้วยกนั ทาให้ความสัมพันธ์ของประชากรเกดิ ความเปลย่ี นแปลงบ้าง สืบเนอ่ื งมาจากการมีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป 7.การศึกษา ในเขตพ้ืนท่ี หมู่ที่ 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา มสี ถานศกึ ษาจานวน 1 แหง่ มหาวิทยาลัย วลยั ลักษณ์
8.สถาบนั และองคก์ รศาสนา การนับถือศาสนา ประชากรส่วนใหญ่นบั ถอื คือศาสนาพทุ ธ รอ้ ยละ 100 9.สถานบริการของรัฐ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบล 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพชมุ ชนสาธิตพฒั นา และสถานอี นามัยบา้ นหาน ซงึ่ ใหบ้ รกิ ารในด้านสง่ เสรมิ ปอ้ งกัน รกั ษาและฟน้ื ฟสู ภาพแกป่ ระชาชน ให้บรกิ ารขั้นปฐมภมู ิ เช่น การรกั ษาโรคเบื้องต้น การส่งเสรมิ ภมู คิ ุ้มกนั โรค การวางแผนครอบครวั อนามัยแม่และเด็ก และใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั สขุ ภาพแกป่ ระชาชน 10.การคมนาคม บ้านปลกั จอก มถี นนในหมบู่ า้ นเปน็ ถนนคอนกรีนเสริมเหล็ก การจราจรและการคมนาคมใน หมู่บา้ นจะใชเ้ ส้นทางบก ชาวบ้านสว่ นใหญ่ใชร้ ถส่วนตวั คือ รถจกั รยานยนตแ์ ละรถยนตใ์ นการสัญจร และการขนสง่ 11.การโทรคมนาคม สว่ นใหญช่ าวบา้ นจะมีโทรศัพทม์ ือถือทกุ หลงั คาเรือน ซึ่งสามารถใช้ไดค้ รอบคลมุ ทกุ พื้นท่ี 12.การไฟฟา้ มีไฟฟ้าเขา้ ถึงทกุ บา้ น 13.แหล่งนา้ ธรรมชาติ ประชาชนในหมบู่ ้านใช้นา้ ประปาจากแหล่งนา้ ในหมบู่ ้าน สาหรบั นา้ บรโิ ภคส่วนใหญจ่ ะใช้น้า จากโรงนา้ ในหม่บู ้าน 14.การจดั การสภาพแวดลอ้ ม การจัดการขยะมลู ฝอย ส่วนใหญจ่ ะมีการจัดการขยะโดยการเผาขยะ 15.ความสัมพันธ์ของคนในหมู่บ้าน คนในหมูบ่ า้ นมกี ารพงึ่ พาอาศยั ซง่ึ กันและกัน เคารพผทู้ อี่ าวโุ สกวา่ เปน็ ญาตพิ ีน่ อ้ งในเครือ ญาติ จึงมีความผกู พนั และเออ้ื อาทรกันและคอยช่วยเหลือเก้ือกูลกนั ดี 16.ผนู้ าและผู้มีความรู้ นายสนทิ สุวรรณพงศ์ ผู้นาทางดา้ นศาสนาพทุ ธ 17.ประเพณแี ละเทศกาลประจาปี - ประเพณีตกั บาตรวนั ขึ้นปีใหม่ - ประเพณีรดน้าดาหวั ผสู้ ูงอายุ เนอื่ งในสงกรานต์ - ประเพณสี ารทเดอื นสบิ - ประเพณลี อยกระทง - แห่ผา้ ขนึ้ ธาตุ
จากการท่ีนักศึกษาได้ลงประเมินสภาพของชุมชน โดยใช้กระบวนการศึกษา ค้นหาปัญหา วเิ คราะห์ ประเมินสภาพการณ์ด้านอนามัยครอบครัวและชุมชน และได้เลือกน้าเครื่องมือ 7 ชิ้น มา ศึกษาสภาพของชุมชน ได้ดงั นี้ เครอ่ื งมือชิ้นที่ 1 แผนทเี่ ดนิ ดนิ (Geo-Social Mapping) เครอ่ื งมอื ชิ้นท่ี 2 ผังเครือญาติ (Genogram) เครอื่ งมอื ชิ้นที่ 3 โครงสรา้ งองคก์ รชุมชน (Community Organizations) เครอ่ื งมือชิ้นที่ 4 ระบบสขุ ภาพชมุ ชน (Local Health Systems) เครอ่ื งมือช้ินท่ี 5 ปฏิทนิ ชมุ ชน (Community Calendar) เครอ่ื งมือชิ้นที่ 6 ประวัติศาสตร์ชมุ ชนและสภาพภมู ิศาสตร์ (Local History) เครื่องมือชิ้นที่ 7 ประวัติชีวิต (Life Story)
1.แผน่ ทึ่เดนิ ดนิ
2.ผังเครอื ญาติ ผังเครือญาติคือ การถอดความสมั พันธ์ในเชงิ เครือญาติ หรอื เชิงสายเลอื ดในชมุ ชน มคี วามสาคัญตอ่ การทาความเข้าใจชมุ ชนและสงั คม ไม่วา่ จะเป็นสงั คมเมอื งหรือสังคมชนบท เพราะเครือญาตเิ ป็น ความสัมพันธ์ทีเ่ ปน็ รากฐานทสี่ ุดของชวี ิตครอบครวั การทาผังเครือญาตจิ งึ มสี ว่ นสาคญั ในการทาความเขา้ ใจ ระบบความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชน เปา้ หมายสาคญั ของผงั เครือญาติ 1.เขา้ ใจโครงสร้างความสมั พันธเ์ ชงิ เครือญาตซิ ึ่งเป็นรากฐานของครอบครวั และชมุ ชน 2.รู้จกั ตวั บคุ คลและความสมั พันธ์ทางสงั คมของเขาได้ในระยะเวลาอนั สน้ั 3.ชว่ ยสรา้ งความสมั พันธ์และความสนิทคนุ้ เคยระหวา่ งเจา้ หนา้ ท่ีกับชาวบา้ นไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 4. ทาใหท้ ราบเก่ียวกบั สุขภาพหรือโรคติดต่อของคนในครอบครัว เพื่อปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาสขุ ภาพนั้น ๆ สญั ลกั ษณแ์ ทนในผงั เครอื ญาติ สัญลกั ษณแ์ ทนบดิ ามารดา สญั ลกั ษณแ์ ทนผชู้ าย สัญลักษณแ์ ทนผู้หญิง สัญลกั ษณ์แทนเดก็ ผชู้ าย สญั ลักษณ์แทนเดก็ ผหู้ ญงิ
3. โครงสรา้ งองค์กรชมุ ชน รายช่อื ประธานและอาสาสมัครชุมชนบ้านปลักจอก นางชใบพร เรอื งจรสั ประธาน นายสมุ ล พรหมรกั ษ์ รองประธาน นางสาวจนั ทรจ์ ริ า ฟงุ้ เฟ่อื ง นายนิคม ช่วยชู เลขานุการ กรรมการฝา่ ยสวสั ดกิ ารสงั คม นายสนิท สวุ รรณพงศ์ นายประสิทธิ สุภาพโรจน์ กรรมการฝ่ายพฒั นา กรรมการฝ่ายปอ้ งกนั นางเสนห่ ์ ไชยประยา นายมนสั ภกั ดี กรรมการฝ่ายกลุ่มสตรี กรรมการฝ่ายการคลงั นายสมเกยี รติ จันทรมณี นางน้าผึง้ ช่วยชู กรรมการฝ่ายสาธารณสุข กรรมการฝ่ายการศกึ ษา นายณรงค์ ทองประพนั ธ์ นางปราณี ทองยอด กรรมการฝา่ ยเดก็ และเยาวชน กรรมการฝ่ายประชาสมั พนั ธ์
รายชอ่ื ประธานอาสาสมคั รสาธารณสขุ ชุมชนบ้านปลกั จอก นายสวุ รรณ ฟงุ้ เฟื่อง สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุข นายสนิท สวุ รรณพงศ์ ประธานอาสาสมัครสาธารสุข นางกลั ยา อบอ่นุ สมาชิกอาสาสมคั รสาธารณสขุ นางภิญโญ จนั ทรพงศ์ สมาชิกอาสาสมคั รสาธารณสขุ นายสนทิ ชว่ ยชู สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสขุ นางอารี ณ นคร สมาชกิ อาสาสมคั รสาธารณสขุ นางเสนห่ ์ ไชยประยา สมาชกิ อาสาสมัครสาธารณสุข นางสายสนุ ยี ์ ชานาญพงศ์ สมาชกิ อาสาสมคั รสาธารณสขุ นางจไุ รย์ โยธาศรี สมาชกิ อาสาสมคั รสาธารณสุข นางสุกญั ญา คงทอง สมาชิกอาสาสมคั รสาธารณสขุ นางสมบญุ ทองประพันธ์ สมาชกิ อาสาสมคั รสาธารณสขุ นางวิลาศนิ ยี ์ จนั ทรมณี สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุข นางวรรณเพญ็ ภักดี สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุข นางกลั ยา รกั เถาว์ สมาชกิ อาสาสมัครสาธารณสขุ
4.ระบบสขุ ภาพชุมชน ระบบสขุ ภาพของประชาชนหมู่ที่ 6 บ้านปลักจอก ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช มีอสม.และเจ้าหน้าท่ีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลไทยบุรีทาหน้าที่ในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นรวมทั้ง เผยแพรข่ อ้ มูลขา่ วสารดา้ นสาธารณะสุขและดา้ นสขุ ภาพที่เป็นประโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวติ แก่บุคคลในชุมชน เม่ือมี อาการเจบ็ ป่วยส่วนใหญจ่ ะเลอื กใช้บริการจากโรงพยาบาลโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพชุมชนสาธิตพฒั นาเนอ่ื งจาก อยู่ใกล้ และมบี างส่วนใชบ้ ริการที่ โรงพยาบาลทา่ ศาลา เม่อื มกี ารเจบ็ ปว่ ย ระบบสขุ ภาพภาคประชาชน มีการแบง่ พฤตกิ รรมการดูแลสขุ ภาพในการดแู ลตนเองในด้านต่างๆ ดงั นี้ 1.อาหาร การบริโภคอาหารมีการปลูกผักสวนครัว มีการนาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาใช้โดยการ เล้ียงหมู เล้ียงไก่ เลี้ยงววั และเลี้ยงปลา บ้านเกือบทุกบา้ นจะมีการปลกู ผักสวนครัวในบรเิ วณบ้าน และมีบางส่วนท่ีนาผกั ไปขาย สว่ น ใหญ่จะประกอบอาหารรับประทานเอง ส่วนเนื้อสัตว์ ประชาชนจะซื้อท่ีตลาดนัด ตลาดนัดจะเปิดทุกวัน นอกจากนน้ั ภายในชมุ ชนยงั มรี ้านขายข้าวแกง ร้านอาหารตามส่งั อกี ดว้ ย 2. ยาสามญั ประจ้าบ้านทีม่ ไี ว้ประจา้ บ้านเรือน - ยาเมด็ ไดแ้ ก่ ยาพาราเซตามอล - ยาน้า ไดแ้ ก่ ยาธาตนุ ้าแดง ยาธาตนุ า้ ขาว - ยาใช้ภายนอก ได้แก่ ยาหมอ่ ง ทิงเจอรไ์ อโอดีน แอลกอฮอล์ ในร้านค้าของหมู่บ้านจากการสารวจพบว่า ร้านค้าของหมู่บ้านในหมู่ที่ 6 ชุมชนบ้านปลักจอก มียาท่ี จาหน่าย ได้แก่ ยาพาราเซตามอล ยาธาตุน้าขาว ทิฟฟ่ี ยาดม ยาลม โดยส่วนใหญ่จะพบเกือบทุกร้านค้าท่ีมีใน หมบู่ า้ น ท่ีรา้ นคา้ ของหมู่บ้านให้ข้อมลู ว่า สาหรับยาท่ีมีก็ขายได้บ้าง นานๆจะมคี นมาซือ้ จึงวิเคราะหจ์ ากข้อมูลที่ได้ จากประชาชนโดยทัว่ ไปท่ใี ห้ขอ้ มูลว่า ส่วนใหญแ่ ล้วหากเกดิ ความเจบ็ ป่วยก็มักจะไปหาหมอท่ีโรงพยาบาลท่าศาลา หรอื ไมก่ ็จะไปคลนิ กิ แตห่ ากเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆกจ็ ะมารับ ยาที่ รพ.สต.ชุมชนสาธติ พฒั นา 3. การออกกาลงั กาย ประชาชนในหมบู่ า้ นส่วนใหญจ่ ะไมค่ ่อยมกี ารออกกาลงั กาย แต่มีบางสว่ นที่รวมกลุ่มกนั ออกกาลังกายโดย ป่ันจกั รยาน ส่วนวยั เด็กจะออกกาลังกายโดยการว่งิ เลน่ วัยร่นุ ผู้ชายจะออกกาลงั โดยการเตะบอล และผสู้ งู อายอุ อก กาลังกายโดยการเดินออกกาลงั กายตอนเย็น 4. ระบบแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์พืน้ บ้าน ไม่มีหมอพนื้ บ้าน
5. การใชส้ มุนไพรในหมู่บา้ น จากการสอบถามประชาชนในหมบู่ า้ นตลาดใหม่ พบว่าส่วนใหญจ่ ะมีการใชส้ มนุ ไพร คือ - ว่านหางจระเข้ นามาปอกเปลือกเอาเนอ้ื ใสๆมาทาบริเวณแผลน้าร้อนลวก แผลไฟไหม้ - ฟ้าทะลายโจร แกห้ วัด โดยนาใบมาตม้ คั้นเอาน้า มรี สขม บางคนจึงนยิ มรบั ประทาน ชนิดแคปซูล - นา้ ผง้ึ ผสมนา้ มะนาว คอ่ ยๆจบิ บรรเทาอาการเจ็บคอ แก้ไอ ละลายเสมหะ - สาบเสอื นาใบสดมาตาห้ามเลอื ด -ใบกระท่อมผสมนา้ ตาล ช่วยลดอาการไอ ระบบการแพทย์แผนปัจจุบัน สถานบรกิ ารของรัฐ - โรงพยาบาลทา่ ศาลา - โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพชมุ ชนสาธิตพัฒนา - อนามยั บ้านหาน สถานบรกิ ารของเอกชน - คลนิ กิ รกั ษาโรคทัว่ ไป -คลนิ คิ ทนั ตกรรมฟนั สวย
5. ปฏทิ ินชมุ ชน (Community Calendar) กมุ ภาพนั ธ์ มกราคม -วันมาฆบชู า -วันขึ้นปีใหม่ -ตักบาตรวนั ข้ึนปีใหม่ -วนั เด็ก พฤษภาคม มถิ นุ ายน -วันวสิ าขบูชา -ประชุมหมูบ่ า้ นและให้ -วันฉัตรมงคล ความร้เู ก่ียวกบั การปอ้ งกัน โรค กันยายน ตลุ าคม -อสม.ลงชมุ ชนตรวจวดั -กจิ กรรมทาความดีถวาย ความดันและอน่ื ๆ เปน็ พระราชกุศลเน่ืองในวัน คล้ายวนั สวรรคต ร.๙ -ประเพณวี ันลอยกระทง
มนี าคม เมษายน -ตรวจสุขภาพประจาปี -วนั สงกรานต์ -วันสตรสี ากล -ประเพณีรดนา้ ดาหัว ผสู้ งู อายุ กรกฎาคม สิงหาคม -กิจกรรมวนั อาสาฬหบูชา -กจิ กรรมทาดเี พือ่ แม่ -วันเขา้ พรรษา -วันแม่แหง่ ชาติ -ประเพณีแห่เทยี นพรรษา พฤศจกิ ายน ธนั วาคม -กิจกรรมส่งท้ายปเี กา่ ตอ้ นรับปใี หม่
6.ประวัติศาสตรช์ ุมชนและสภาพภมู ศิ าสตร์ (Local History) ประวัตคิ วามเป็นมาของชุมชนบ้านตลาดใหม่ หมู่ท่ี 3 ตาบลบางเป้า อาเภอกันตัง จังหวดั ตรัง ในการศึกษาประวัติความเป็นมาของชุมชนบ้านปลักจอก หมู่ท่ี 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่า ศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รวบรวมข้อมูลจากคาบอกเล่าของคุณตาเอียง ช่วยสังข์ อายุ 80 ปี ซึ่งเปน็ คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน คุณตาได้เล่าว่าหมู่บ้านปลักจอกเป็นหมู่บ้านขนาดกลางท่ีมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 300คน เมือ่ ก่อนน้นั ไม่ไดช้ อ่ื ว่าหม่บู ้านปลกั จอกแตม่ ีช่อื ว่าหมบู่ ้านคลองทงึ แต่เมอ่ื เวลาคนสญั จรไปมากเ็ ห็นว่า บริเวณหมู่บ้านมคี ลองทางน้าไหลผ่านและเป็นปลักกว้างมีดอกจอกขึ้นอยู่ในปลกั จึงได้เรยี กว่า “บา้ น ปลักจอก\"ซึ่งคอ่ นขา้ งเปน็ ชุมชนท่ีมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทางวัฒนธรรม ประเพณี ซึง่ เป็นสิ่ง ทีห่ ล่อหลอมให้ประชาชนในชุมชนมคี วามรว่ มมอื รว่ มใจกันเปน็ อย่างดีต่อมาเมอ่ื ประมาณปีพ.ศ.2535 ได้มีการจัดต้ังมหาวิทยาลัยวลยั ลักษณ์ขึ้นทางมหาวิทยาลยั ขอคนื พ้ืนท่ีจากหมู่บ้านปลักจอกบางสว่ น และให้ประชาชนย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ท่ีทางหมาวิทยาลัยจัดสรรไว้ให้เป็นจานวนประมาณ 30 ครอบครัวทาให้ชุมชนบ้านปลักจอกมีจานวนประชากรลดน้อยลงและมีความเจริญมากข้ึนกว่าเดิม จนถึงปัจจบุ ัน
7. ประวัติชวี ติ (Life Story) 1.ประวตั ชิ วี ติ นางชใบพร เรืองจรัส (ประธานชมุ ชนบ้านปลกั จอก คนปจั จุบนั ) ข้อมูลทัว่ ไป -ชือ่ นางชใบพร เรอื งจรัส (ประธานชมุ ชนบ้านปลักจอก คนปัจจบุ นั ) -เกดิ เม่อื วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2511 ปจั จุบัน อายุ 52 ปี -นับถอื ศาสนา พทุ ธ -ทอ่ี ยูอ่ าศัย 109/1 หมู่ท6่ี ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช -มพี นี่ อ้ งทง้ั หมด 6 คน เป็นบตุ รคนท่ี 4 สมรสกบั นายสุพจน์ เรอื งจรสั มบี ตุ รดว้ ยกนั 2 คน -ไมม่ ีโรคประจาตวั ประวตั ิดา้ นการศึกษา -จบชั้นประถมศึกษาปีจากโรงเรียนวดั พระอาสน์ -มธั ยมจากโรงเรยี นท่าศาลาประสทิ ธศิ ึกษา ประวัติด้านการทางาน -อดตี เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญบ่ ้าน -ปจั จบุ ันดารงต่าแหนง่ ประธานชมุ ชนบา้ นปลกั จอกต้ังแต่ปีพ.ศ.2562 -อายุการทางาน 1 ปี
บทท่ี 3 การวินจิ ฉยั ชุมชน การศกึ ษาชมุ ชนบ้านปลักจอก หมทู่ ่ี 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช ในคร้ังน้เี ป็น การศึกษาในรปู แบบ การสารวจ สงั เกต การสมั ภาษณ์ ซ่ึงมขี ั้นตอนในการวินิจฉยั ชุมชนมี ดงั นี้ 3.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 3.2 การวิเคราะหข์ อ้ มูล 3.3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู 3.4 ปัญหา และการจดั ลาดับความสาคัญของปัญหา 3.5 การวิเคราะหส์ าเหตุของปัญหา 3.1 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.1.1 การรวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิ เปน็ การเก็บข้อมลู เพ่ิมเตมิ จากแหลง่ ทุตยิ ภูมิ ซึง่ ข้อมลู ดงั กล่าวมี ความสาคัญมาก เพราะชว่ ยใหม้ องเหน็ สภาพปัญหาในชุมชนชัดเจนขน้ึ และข้อมลู ท่ไี ด้เป็นข้อมลู ปจั จบุ ันมาก ทส่ี ุด วิธีการเกบ็ รวมรวบขอ้ มลู ปฐมภูมปิ ระกอบดว้ ย 3.1.1.1 การสังเกต เป็นการสังเกตสภาพทวั่ ไปของชมุ ชนและพฤตกิ รรมต่าง ๆ ของประชาชน ใน ชุมชน โดยที่ผ้ถู ูกสังเกตไมร่ ูต้ วั เพือ่ นาขอ้ มลู มาสนบั สนนุ ในการวเิ คราะหป์ ญั หา 3.1.1.2 การสัมภาษณ์ เปน็ การสัมภาษณจ์ ากแบบสอบถามท่ีเตรียมคาถามตา่ ง ๆ ไว้พร้อม แลว้ และจัดพมิ พ์ไว้เป็นแบบฟอร์มเดียวกนั สาหรบั ใชก้ บั ผู้ถูกสมั ภาษณ์ทกุ คน โดยคาถามจะเปน็ ทง้ั คาถาม แบบปลายปดิ และแบบปลายเปิด เพ่ือเปดิ โอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณแ์ สดงความคดิ เห็น 3.1.2 การรวบรวมข้อมลู ทตุ ยิ ภมู ิ เป็นการรวบรวมขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ หรือข้อมลู ทร่ี วบรวมไว้ทอี่ งคก์ รใน หมบู่ า้ น ซงึ่ ขอ้ มลู ดังกล่าวนนั้ ทาให้ทราบวา่ ควรหาขอ้ มูลด้านใด เพม่ิ เตมิ เพ่ือนามาใชใ้ น การสนบั สนุนใน กระบวนการวิเคราะหป์ ญั หา การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยใช้แบบสอบถามแบง่ ออกเป็น 5 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 ข้อมูลทว่ั ไป ตอนท่ี 2 ขอ้ มูลความรูเ้ กีย่ วกบั โรคเกาต์ ตอนที่ 3 ข้อมูลด้านสขุ ภาพในชมุ ชน ตอนท่ี 4 ข้อมูลความรูเ้ ก่ยี วกบั โรค ตอนท่ี 5 ขอ้ มูลความร้เู ก่ยี วกบั การดแู ลสขุ ภาพเบ้ืองต้น
3.2 การวเิ คราะห์ข้อมูล ข้อมูลทีไ่ ดจ้ าการรวบรวมน้ันจะนามาวเิ คราะห์ตามข้นั ตอนการวิเคราะห์ข้อมลู ดังน้ี 3.2.1 บรรณาธกิ ารข้อมลู ดบิ เป็นการตรวจสอบความถูกต้องและความสมบรู ณ์ของขอ้ มลู 3.2.2 การแจกแจงความถ่ี โดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู แลว้ นามาวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบ รอ้ ยละ และ นาเสนอในรูปแบบกงึ่ บทความ กึง่ ตารางเพ่อื ความสะดวก การเปรยี บเทียบขอ้ มลู สาหรบั ข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ 3.2.3 การสรปุ ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ นาเสนอในรูปแบบบทความ เพื่อความเข้าใจ 3.3 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล จากการศกึ ษาชุมชนบา้ นปลกั จอก หมทู่ ี่ 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอทา่ ศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช จานวน ครวั เรือน โดยประมาณ 15 หลงั คาเรอื น ได้รวบรวมข้อมูลจากรายงานตา่ ง ๆ จากสานกั งานกระทรวงสาธารณสุข จงั หวดั ตรงั และอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ นในชุมชน ซ่งึ จะนาเสนอตามลาดับ ดงั ต่อไปนี้ 3.3.1 ขอ้ มูลทวั่ ไป จากการสารวจแบบสอบถามประชาชนในชมุ ชน บ้านปลักจอก หมทู่ ี่ 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช ทาให้ทราบถงึ บรบิ ทของชมุ ชน และปญั หาดา้ นสขุ ภาพ ตารางที่ 1 แสดงค่ารอ้ ยละของสถานภาพทวั่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถามในด้านเพศ (ของกล่มุ ตัวอย่าง n= 15 ) เพศ จานวน ร้อยละ เพศชาย 5 33 % เพศหญงิ 10 67% รวม 15 100 % จากตาราง 1 พบว่า ประชาชนกลุ่มตวั อยา่ งในชุมชนมเี พศสภาพสว่ นใหญ่พบว่าเป็นเพศหญงิ มากท่ีสุดรอ้ ย ละ 67 และเป็นเพศชายรอ้ ยละ 33 ตามลาดบั ตารางที่ 2 แสดงค่ารอ้ ยละของสถานภาพท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถามในด้านอายุ อายุ จานวน ร้อยละ 1. อายุ 7-14 ปี -- 2. อายุ 15-20 ปี 4 26.6% 3. อายุ 21-25 ปี 4 26.6% 4. อายุ 26-35ปี 1 6.6%
5. อายุ 36-59 ปี 5 33.3% 6. 60 ปขี ึน้ ไป 1 6.6% รวม 15 100% จากตาราง2 พบว่า ประชาชนกลุ่มตัวอย่างในชุมชนส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในช่วงอายุ อายุ 15-20 ปี ร้อยละ 26.6 อายุ 21-25 ปี ร้อยละ 26.6 อายุ 26-35ปี ร้อยละ6.6 อายุ 36-59 ปี ร้อยละ 33.3 อายุ 60 ปีขนึ้ ไป ร้อยละ6.6 ตารางท่ี 3 แสดงคา่ รอ้ ยละของสถานภาพสมรส สถานภาพสมรส จานวน ร้อยละ โสด 10 67 % สมรส 5 33% หยา่ - - รวม 15 100 % จากตารางท3ี่ พบว่าสถานภาพของประชาชนกล่มุ ตวั อยา่ งสว่ นใหญโ่ สด รอ้ ยละ 67 รองลงมามี สถานภาพสมรส รอ้ ยละ 3 ตามลาดบั ตารางที่ 4 แสดงคา่ ร้อยละของระดับการศกึ ษาสงู สุด ระดบั การศึกษาสงู สุด จานวน รอ้ ยละ ต่ากว่าประถมศึกษา - - ประถมศึกษา 3 20% มัธยมศึกษาตอนต้น 3 20% มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 4 27% อนปุ รญิ ญาตรี/ปวส. 2 13 ปรญิ ญาตรีข้ันไป 3 20% รวม 15 100 % จากตาราง4 พบวา่ ประชาชนกลุ่มตวั อย่างในชมุ ชนสว่ นใหญ่อยู่ในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รอ้ ยละ 27 รองลงมาศกึ ษาอยูใ่ นระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น ปรญิ ญาตรีขนั้ ไป ร้อยละ20 รองลงมาระดับ อนุปรญิ ญาตรี/ปวส.รอ้ ยละ13
ตารางที่ 5 แสดงค่ารอ้ ยละของอาชีพหลักของครอบครวั อาชพี หลกั ของครอบครัว จานวน รอ้ ยละ นกั เรยี น/นกั ศึกษา 5 33.3% เกษตรกร 5 33.3% คา้ ขาย/ทาธุรกจิ 1 6.7% ข้าราชการ/พนกั งานของรฐั วิสาหกจิ - - พนกั งานโรงงาน/บรษิ ัท/เอกชน 1 6.7% รับจา้ งท่ัวไป /แม่บ้าน 3 20 % รวม 10 100 % จากตาราง 5 พบวา่ ประชาชนกลุ่มตวั อย่างในชมุ ชนสว่ นใหญม่ ีนักเรียน/นักศึกษา เกษตรกรร้อยละ 33.3 รองลงมารับจ้างท่วั ไป /แมบ่ ้าน รอ้ ยละ20 และค้าขาย/ทาธุรกจิ และพนกั งานโรงงาน/บรษิ ัท/เอกชน รอ้ ยละ 6.7 ตามลาดบั ตารางท6่ี แสดงค่าร้อยละของประวัตกิ ารมโี รคประจาตัวของกลุม่ ตัวอย่าง (n = 15 คน) โรคประจาตัว จานวน ร้อยละ โรคความดัน 2 13% โรคเบาหวาน 5 33.3% อื่นๆ(ไม่มโี รคประจาตวั ) 8 53.7% รวม 15 100% จากตารางที่ 6 พบว่า ประชาชนกลุม่ ตวั อย่างในชมุ ชนส่วนใหญ่ไมม่ ีโรคประจาตวั ร้อยละ 53.7 รองลงมา โรคเบาหวาน รอ้ ยละ33.3 และมโี รคประจาตัวเปน็ โรคความดันรอ้ ยละ 13 ตามลาดบั
ตารางท่ึ 7 ปัญหาด้านเศรษฐกิจ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย x̄ S.D. ท่ีสุด กลาง ท่ีสุด ที่ ปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ 54 3 21 1. รายได้ลดน้อยลงจากเดมิ 5 6 3 1 0 3.9 1.1 2. รายไดไ้ มเ่ พยี งพอต่อคา่ ใชจ้ า่ ยในครอบครัว 7 4 2 2 0 4.0 1.1 3. กู้เงินจากหนร้ี ะบบ/หนจ้ี ากการประกอบ 0 1 6 5 3 2.3 0.90 อาชีพเพ่มิ ขนึ้ 0 1 3 1 10 1.7 1.0 4. ไมม่ ีทด่ี นิ ทากินของตนเอง 5. ผลผลิตทางการเกษตรตกต่า/ขาดทุน 7 5 3 0 0 4.3 0.80 6. การวา่ งงานของคนในชมุ ชนเพ่มิ ขนึ้ 3 10 0 2 0 3.9 0.88 7. รายจ่ายเพมิ่ สูงขึ้น/ราคาสนิ ค้าสงู ข้ึน 5 8 2 0 0 4.3 0.61 8. ภาวะเศรษฐกิจยา่ แย่ 11 3 1 0 0 4.7 0.62 9. ขาดความรู้/ไมม่ อี าชีพเสริม 2 8 2 2 0 3.7 0.90 10. ขาดแคลนเงินทนุ ในการประกอบอาชีพ 3 6 3 1 0 3.8 0.89
ตารางที่ 8 ปญั หาดา้ นสงั คม ที่ ปัญหาด้านสงั คม มาก มาก ปาน น้อย น้อย x̄ S.D. ทสี่ ดุ กลาง ท่สี ดุ 1. ยาเสพตดิ /เลน่ การพนนั มากขนึ้ 54321 7 6 0 2 0 4.3 0.72 2. ในชุมชนขาดความเข้าใจซงึ่ กันและกนั ขาดความรัก 3 2 5 4 1 3.2 1.25 ความสามัคคกี นั 3. ชุมชนขาดการพัฒนา 2 7 3 2 1 3.5 1.12 4. ความเหลอ่ื มลา้ ทางสงั คมของคนรวยและคนจน 4 2 3 4 2 3.1 1.45 ในชุมชน 4 8 3 0 0 4 0.70 5. มลพิษในชุมชนเพมิ่ มากข้ึน 6. สุขภาพของคนในชุมชนมีการเจบ็ ปว่ ยเพม่ิ สงู ขึ้น 4 4 5 2 0 3.7 1.05 7. ชุมชนขาดความมัน่ คง/ไม่มจี ดุ ยืนของชมุ ชน 3 7 2 3 0 3.7 1.05 8. ศักยภาพของผนู้ าชุมชน 4 1 10 0 0 3.6 0.91 9. เทคโนโลยใี นชมุ ชนกระจายไมท่ ว่ั ถึงชมุ ชน 9 2 1 3 0 4.1 1.25 10. ขาดคนกลางในการแกป้ ัญหา/ไกลเ่ กลี่ยความขัดแยง้ 5 2 4 4 0 3.5 1.24 ของคนในชุมชน
ตารางท่ี 9 พฤตกิ รรมการสุขภาพ ที่ พฤตกิ รรมการดแู ลสขุ ภาพตวั เอง บ่อย บอ่ ย นานๆ บางครัง้ ไม่ x̄ S.D. และครอบครัว ทสี่ ดุ คร้ัง เคย 1 ทานอาหารท่ีมีประโยชน/์ กินครบทงั้ 5หมู่ 3 3 9 0 0 3.6 0.83 ในแต่ละมอ้ื 3 0 3.6 1.18 3 1 3.4 1.24 2 กนิ อาหารครง้ั ทั้ง3มอ้ื 525 4 4 2.2 0.86 2 0 3.5 0.99 3 ออกกาลงั กาย 353 4 5 2.4 1.36 4 ดม่ื สรุ า/เครื่องด่มื ที่มแี อลกอฮอล์ 007 6 4 2.2 1.0 5 นอนหลับพักผ่อนทีเ่ พียงพออยา่ งนอ้ ย8 3 4 6 0 0 4.2 0.79 ชั่วโมง 2 0 3.9 1.03 0 0 4.3 0.45 6 สบู บหุ รี่ 214 7 ตรวจสุขภาพเป็นประจาทกุ ปี 023 8 ดมื่ น้าอยา่ งนอ้ ยวันละ8แกว้ 753 9 ล้างมือก่อนและหลังรบั ประทานอาหาร 5 6 2 10 ปฏิบัติตามคาแนะนาของบุคลากรทาง 4 11 0 การแพทย์อย่างเคร่งครัด
ตารางท่ี 10 แสดงคา่ รอ้ ยละของอาการเจ็บปว่ ยอาการ/โรค ในช่วง1 ปี จานวน ร้อยละ อาการ/โรค 2 13 % - .เจบ็ ปว่ ยเลก็ นอ้ ย เช่น ไข้หวัด ปวดกล้ามเน้อื /ปวดท้อง/โรคกระเพาะ 2 - โรคติดตอ่ เช่น อุจจาระรว่ ง ไข้เลอื ดออก วัณโรค โรคอื่นๆโปรดระบุ 2 13% โรคไมต่ ดิ ต่อ เชน่ เบาหวาน ความดนั โรคอน่ื ๆโปรดระบุ 1 13% ปัญหาสุขภาพจิต เช่น วิตกกงั วล/เครยี ด ติดยา/สารเสพตดิ ติดสรุ าเร้อื รัง 6.7% อืน่ ๆ เช่น โรคเกี่ยวกบั ข้อ และกระดูก ตารางที่ 11การดูแลสขุ ภาพเมื่อมอี าการปว่ ย ที่ การดูแลสุขภาพเมื่อมอี าการ เป็น บอ่ ยครั้ง นานๆ บางครัง้ ไม่เคย x̄ S.D. ป่วย ประจา ครั้ง เลย 5 4 321 1 ดแู ลสขุ ภาพดว้ ยตนเอง เชด็ ตวั 3 3 7 2 0 3.5 0.99 ลดไข้ 2 ปล่อยใหห้ ายเองโดยไมก่ นิ ยา 2 6 5 2 0 3.5 0.91 3 ซือ้ ยากนิ เอง 7 6 2 0 0 4.3 0.72 4 คลินกิ แพทย์ 0 2 9 4 0 2.9 0.63 5 อนามยั /รพ.สต 2 6 4 3 0 3.5 0.99 6. โรงพยาบาล 1 0 9 5 0 2.8 0.77
การคดิ คะแนนเพอื่ จดั ลาดับความสาคัญของปญั หา เกณฑก์ ารจดั ลาดบั ความสาคัญของปัญหาของ John J. Hanlon A = ขนาดของปัญหา ให้คะแนนระหว่าง 0-10 B = ความรนุ แรงของปญั หา ให้คะแนนระหว่าง 0-20 C = ประสิทธิภาพของการปฏิบตั งิ าน ให้คะแนนระหวา่ ง 0-10 D = ขอ้ จากดั ใหค้ ะแนน 0-1 สตู ร Basic priority rating (B.P.R) = ( A+B ) x C x D 3 คะแนนขององค์ประกอบ คะแนนรวม ปญั หา ขนาดของ ความ ความยาก ความ วธิ ีบวก วธิ คี ณู ลาดับ ปญั หา รนุ แรง ง่าย สนใจ ของ ปัญหา 1.โรคเบาหวาน 7 11 4 1 23 308 1 2.โรคความดนั โลหติ สงู 6 7 5 1 19 210 2 3.โรคขอ้ เขา่ เส่ือม 5 5 6 1 17 150 3 4.โรคไข้เลือดออก 4 4 6 1 15 96 4 5.โรคไขห้ วัดใหญ่ 3 2 7 1 13 42 5 จากตาราง พบว่าปัญหาชุมชนอนั ดบั ที่ 1 คือ โรคเบาหวาน อันดบั ท่ี 2 คือ โรคความดนั โลหิตสงู อันดับท่ี 3 คือ โรคขอ้ เข่าเส่ือม อนั ดับที่ 4 โรคไขเ้ ลอื ดออก อันดบั ท่ี 5 โรคไข้หวดั ใหญ่ ตามลาดับ ทม่ี า:จากอ้างอิงทฤษฏวี ธิ ีของภาควิชาบรหิ ารสาธารณสขุ คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล จาก วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสขุ
บทที่4 แผนงานโครงการ จากการสารวจชุมชนบ้านปลักจอก หมู่ท่ี 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา ได้ลงสารวจพื้นที่โดยใช้ แบบสอบถามข้อมูลวิเคราะห์เพื่อจัดลาดับความสาคัญของปัญหา เพ่ือหาวิธีการแก้ปัญหาให้กับชุมช น จาก การศึกษาพบวา่ ชมุ ชนมปี ัญหาด้านสขุ ภาพของคนในชมุ ชน เป็นอนั ดบั แรก ดังนั้น จึงนาปัญหาด้านสุขภาพ โรคเบาหวาน มาจัดโครงการเพ่ือให้ความรู้กับคนในชุมชนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ในการควบคุมป้องกนั โรคเกาต์ท่ถี กู วิธแี ละเหมาะสม 4.1 แผนงาน / โครงการ จากปญั หาทพ่ี บ พบว่าเป็นปญั หาทท่ี างชมุ ชนมีความตอ้ งการใหด้ าเนนิ การ จากปัญหาดงั กลา่ ว จึงได้ จัดทาโครงการเพอื่ แกป้ ญั หาสุขภาพของชมุ ชน 1 โครงการ โดยมีรายละเอียดดงั น้ี ชอื่ กิจกรรม/โครงการ : รู้ก่อน ลดเส่ยี ง เล่ยี งเบาหวาน ช่อื -สกลุ ผเู้ สนอกิจกรรม/โครงการ : นางสาวณฐั วรรณ ช่วยสังข์ ตาแหนง่ : หวั หนา้ โครงการ สังกดั : หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชั้นสงู สาขาปฏิบตั กิ ารฉุกเฉนิ การแพทย์ ลกั ษณะโครงการ : ใหม่ ต่อเนอื่ ง (ระบ)ุ .......ปี (๒ ปีขนึ้ ไป =ต่อเนือ่ ง / ๕ ปขี นึ้ ไป =ยัง่ ยืน) 1. หลักการและเหตผุ ล/ทมี่ า/ปญั หา 1.1 หลักการและเหตผุ ล โรคเบาหวานเป็นโรคตดิ ต่อเร้ือรังทีป่ ัญหาสาธารณสุขทสี่ าคญั และถอื ว่าเป็น \"ภัยเงียบ\" เพราะเปน็ โรคที่ไม่ ปรากฎอาการและเป็นสาเหตุของโรคแทรกซอ้ นในอวัยวะสาคัญหลายระบบของอบุ ตั ิการณโ์ รคเบาหวานในแต่ละปี เพม่ิ สูงขึ้นอย่างรวดเรว็ สง่ ผลกระทบเศรษฐกจิ ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนอื่ งจากโรคเรอ้ื รงั เปน็ โรคท่ี จาเป็นตอ้ งรกั ษาอย่างตอ่ เน่อื ง และยาวนาน มีคา่ ใช้จา่ ยดา้ นการรกั ษาสงู มาก โดยขอ้ มลู จากสมาพนั ธ์เบาหวานนานาชาติ ระบุวา่ มผี ปู้ ว่ ยโรคเบาหวานแล้วโลก จานวน ๒๘๕ ล้านคน และไดป้ ระมาณการวา่ จะมจี านวนผเู้ ปน็ เบาหวานทัว่ โลก เพม่ิ มากกว่า ๔๓๕ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ หากไม่มี การดาเนินการในการปอ้ งกนั และควบคมุ ที่มปี ระสทิ ธภิ าพ สาหรับประเทศไทย ขอ้ มูลจากสานกั นโยบายและ ยทุ ธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสขุ พบวา่ มีผเู้ สยี ชวี ติ จากโรคเบาหวาน ในปีพ.ศ. ๒๕๖๒ ประมาณ ๗,๐๑๙ คนหรือ ประมาณวนั ละ ๑๙ คน ขณะที่สถติ ิการมารบั บริการตรวจทคี่ ลินกิ เบาหวานแผนกผปู้ ว่ ยเบาหวาน โรงพยาบาล มหาราชนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ -๒๕๖๐ พบวา่ มผี ปู้ ว่ ยเบาหวานมารับบรกิ าร จานวน ๔,๘๓๕ คน / ๑๕,๑๐๗ คร้ัง , ๔๙๐๒ คน / ๑๔๘๐๖ ครั้ง, ๔๘๒๒ คน,๔๐๒๙ ครงั้ / ๔๙๑๕ ครงั้ ตามลาดบั และมีจานวนผูป้ ่วย ท่ีนอนรักษาตวั ทีโ่ รงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๐ จานวน ๒๔๖ คน / ๒๗๑ คร้ัง
๒๙๐ คน/๓๑๑ ครง้ั , ๒๘๕ คน / ๒๙๘ คร้ัง ตามลาดบั (จากข้อมลู รายงานการตรวจราชการและนเิ ทศ งานกรณีปกติ ปี ๒๕๖๐ รอบที่ ๒ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช) จากข้อมูลดงั กล่าวจงึ ตระหนกั ถงึ ความสาคัญและเห็นถงึ ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ จงึ ไดจ้ ดั ทาโครงการโดยบรู ณาการ ความรู้และประสบการณจ์ ากการศกึ ษาในช้ันเรียนมาจดั ทาโครงการเพ่ือให้แลกเปลยี่ นและความรเู้ รื่อง โรคเบาหวานแก่ประชาชนในชมุ ชนให้ได้เรียนรู้และลดความเส่ยี งในการเกิดโรคเบาหวาน 1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1.2.1 เพือ่ ส่งเสรมิ ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมเส่ียงต่อการเกิดโรคเบาหวาน 1.2.2 เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมีความตระหนักและทราบถงึ ภาวะสขุ ภาพของตนเองไดถ้ ูกตอ้ ง 1.2.3 เพื่อให้ได้มีการนาความรจู้ ากการศกึ ษาวิชาชีพไปดาเนนิ กจิ กรรมวชิ าการแก่สังคม 1.3 กลมุ่ เป้าหมาย อสม.และประชาชนในชมุ ชนบ้านปลกั จอก จานวน 100 คน 1.4 เป้าหมาย 1.4.1 เป้าหมายเชิงคณุ ภาพ - ประชาชนมคี วามรู้ ความเข้าใจ ผู้ท่เี ข้าร่วมโครงการมคี วามพงึ พอใจรอ้ ยละ๘๐ 1.4.2 เป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ - อสม.และประชาชนท่เี ขา้ รว่ มโครงการมคี วามรู้เร่ืองโรคเบาหวานร้อยละ๘๐ 1.5 ระยะเวลาดาเนนิ การ ต้ังแตว่ ันที่ 2 เมษายน – 12 เมษายน 2563 1.6 ดชั นตี ัวช้ีวดั ความสาเรจ็ 1.6.1. ประชนชนกลมุ่ เสี่ยงและกลมุ่ ทเี่ ป็นโรคเบาหวานเข้ารว่ มโครงการ มีความรู้ความเขา้ ใจในการ ควบคมุ ป้องกนั โรคเบาหวานในระดบั ดรี อ้ ยละ70 หลังสน้ิ สุดโครงการ 1.6.2. อตั ราความพึงพอใจของประชาชนทีเ่ ข้ารว่ มโครงการ รอ้ ยละ70 พึงพอใจ 1.7 ผ้รู ับผิดชอบโครงการ นางสาวณัฐวรรณ ชว่ ยสงั ข์ นกั ศกึ ษาหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สงู สาขาปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉิน การแพทย์ รนุ่ ท่ี 15 ช้ันปที ่ี 2 1.8 สถานทดี่ าเนนิ โครงการ ศาลาประชาคมหมบู่ า้ นปลกั จอก
1.9 ผลท่คี าดว่าจะไดร้ บั 1.9.1 ประชาชนกลุ่มเส่ียงและกลุ่มทเ่ี ป็นโรคเบาหวาน ทีเ่ ข้าร่วมโครงการ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการ ควบคมุ ปอ้ งกนั โรคเบาหวานทถี่ กู วิธแี ละเหมาะสม 1.9.2 ประชาชนกลมุ่ เสีย่ งและกลมุ่ ท่ีเปน็ โรคเบาหวาน ให้ความตระหนกั และเห็นความสาคญั เรื่องโรคและ ดูแลตวั เองมากข้นึ 1.9.3 นกั ศกึ ษาไดม้ กี ารนาความรจู้ ากการศึกษาวชิ าชพี ไปดาเนนิ กจิ กรรมวชิ าการแกส่ งั คม 2. แผนการดาเนนิ งาน 2.1 วิธกี ารดาเนนิ งาน กระบวนการ กิจกรรม เวลาดาเนนิ การ ผู้รบั ผิดชอบ การวางแผน (P) 1. ประชุมวางแผน กาหนดวัตถุประสงค์ 2-6 เมษายน นางสาวณัฐวรรณ ชว่ ยสงั ข์ งบประมาณ ดัชนีชี้วัดความสาเร็จ พัฒนา 2563 นกั ศึกษาหลกั สูตรปวส.สาขา โครงการฉบับสมบูรณ์เพ่ือขออนุมัติ ปฏิบตั กิ ารฉุกเฉินการแพทย์ 2. เมอ่ื โครงการได้รับอนมุ ตั ิแล้วจงึ มอบหมาย รุ่นที่ 15 ชัน้ ปีที่ 2 ห น้ า ท่ี รั บ ผิ ด ช อ บ ภ า ย ใ น ก ลุ่ ม พ ร้ อ ม ท้ั ง ประสานผู้ที่เกี่ยวข้องประสานงานชุมชน จัดเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ทตี่ ้องใช้ การปฏิบัติ 1.จดั โครงการตามกาหนดการ 10 เมษายน นางสาวณฐั วรรณ ชว่ ยสังข์ (D) 1.1 วันจดั กิจกรรม 2563 นักศึกษาหลกั สตู รปวส.สาขา ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ 1.1.1 ทาแบบทดสอบกอ่ นให้ความรู้ รุ่นท่ี 15 ชน้ั ปีที่ 2 1.1.2 การบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโรค และวิธีการปอ้ งกนั โรคเบาหวาน 1.1.3 กิจกรรมตอบคาถามเก่ีย วกับ ความรโู้ รคเบาหวาน 1.1.4 จัดกิจกรรมกลุ่ม ( Focus Group) ระดมสมองภายในกลุ่ม 1.1.5 ทาแบบทดสอบหลงั ใหค้ วามรู้ 1.1.6 ทาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ 1.2 วันเดินรณรงค์ 1.2.1 ให้ความรเู้ รอ่ื งโรคเบาหวาน 1.2.2 แจกแผ่นพบั การประเมนิ ผล ประเมนิ ผลตามวตั ถปุ ระสงค์ด้วย 11 เมษายน นางสาวณัฐวรรณ ชว่ ยสังข์ (C) 1. แบบลงทะเบยี นเขา้ ร่วมโครงการ 2563 นักศึกษาหลกั สูตรปวส.สาขา 2. ประเมินความรูก้ ่อน-หลงั ให้ความรู้
กระบวนการ กจิ กรรม เวลาดาเนนิ การ ผู้รบั ผิดชอบ 3. สังเกตการมสี ว่ นรว่ มของผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ รุ่นท่ี 15 ชนั้ ปีท่ี 2 ก า ร ป รั บ ป รุ ง 1.ประชมุ ผู้จัดทาโครงการเพ่อื สรปุ ผลการ 12 เมษายน นางสาวณัฐวรรณ ช่วยสงั ข์ หรือ นาผ ลกา ร ดาเนินงานและเสนอแนะแนวทางเพ่ือปรบั ปรงุ ป ร ะ เ มิ น ไ ป ใ ช้ พัฒนา 2563 นักศึกษาหลกั สตู รปวส.สาขา ประโยชน์ (A) ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ รนุ่ ท่ี 15 ชน้ั ปที ่ี 2 2.2 ผลการดาเนินงาน 2.2.1 การดาเนนิ งานในข้นั ตอนการวางแผน (P) - ประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและแกนนา อสม.หมู่ที่ 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราช นางสาวณัฐวรรณ ช่วยสงั ข์ นกั ศึกษาหลกั สูตรปวส.สาขาปฏิบัติการฉุกเฉนิ การแพทย์ รุ่นที่ 15 ชั้น ปที ี่ 2 ประสานงานกับแกนนาอสม. หมู่ 6 เพือ่ จัดการทาประชาคมหาปัญหาทีต่ อ้ งแกไ้ ขเพ่อื จัดทาโครงการ -ประชุมวางแผนกาหนดการดาเนนิ งานและเขยี นโครงการเพ่อื ขออนุมัติ -นางสาวณฐั วรรณ ช่วยสงั ข์ นักศึกษาหลักสตู รปวส.สาขาปฏิบัตกิ ารฉุกเฉินการแพทย์ จัดประชุม กนั กับแกนนาอสม.หมู่ 6 เพ่ือสอบถามปัญหาต่างๆท่ีเกดิ ขึ้นในชุมชน และได้มีการประชุมกันภายในกลุ่มเพื่อวาง แผนการดาเนินงาน กาหนดวัตถุประสงค์ วางแผนการใช้งบประมาณ หน้าท่ีรับผิดชอบ เพ่ือให้การดาเนินงาน โครงการเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ -ตดิ ตอ่ ประสานงาน กับผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งในชุมชน -ได้ติดต่อจัดการขอสถานท่ีในการทากิจกรรม เพื่อให้การดาเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 2.2.2. การดาเนนิ งานในขน้ั ตอนการปฏิบัติ (D) - เสนอร่างโครงการ และปรับแก้ไข โครงการรณรงค์ รู้ก่อน ลดเส่ียง เล่ียงเบาหวาน หมู่ที่ 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช - จดั เตรียมเอกสารในการทาโครงการ - จดั เตรียมสถานท่ีในการจัดทาโครงการรณรงค์ รู้ก่อน ลดเส่ียง เลีย่ งเบาหวาน หมู่ท่ี 6 ตาบล ไทยบรุ ี อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช - ดาเนินงานกิจกรรมโครงการรณรงค์ รู้ก่อน ลดเส่ียง เล่ียงเบาหวาน หมู่ท่ี 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวดั นครศรธี รรมราช ด้วยการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกบั โรคและการปรับเปล่ยี นพฤติกรรม การกนิ การดูแลสุขภาพ - รณรงค์ให้ความรู้เรอื่ งโรคเบาหวาน
2.3 จานวนผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ อสม.และประชาชนในชมุ ชนบ้านปลักจอก จานวน 100 คน 2.4 สถานทดี่ าเนนิ การ ศาลาประชาคมหมบู่ า้ นปลกั จอก 2.5 งบประมาณ งบประมาณรายจ่ายประจาปี 2562 เงินอุดหนุนท่ัวไป เงินอุดหนุนสาหรับการดาเนินงานตามโครงการ พระราชดาริด้านสาธารณสขุ จานวน 8,700 บาท (แปดพนั เจ็ดร้อยบาทถว้ น) ใชจ้ ่ายดังน้ี 1.คา่ อาหารว่างและเครอื่ งดม่ื จานวน 120 คนๆละ 1 มือ้ ๆ ละ 25 บาท เปน็ เงิน 3,000 บาท 2.คา่ อาหารกลางวัน จานวน 120 คนๆละ 1 ม้อื ๆ ละ 40 บาท เป็นเงิน 4,800 บาท 3.คา่ สมนาคณุ วิทยากร จานวน 3 ชว่ั โมงๆละ 300 บาท เป็นเงนิ 300 บาท 4.ค่าป้ายไวนิลโครงการ เปน็ เงิน 300 บาท 5.คา่ วัสดทุ ี่ใชใ้ นโครงการ เปน็ เงิน 300 บาท รวมเปน็ เงิน 8,700 บาท (แปดพนั เจด็ รอ้ ยบาทถว้ น) หมายเหตุ : ทกุ รายการสามารถเฉล่ียได้ 3.เครอ่ื งมือและวธิ กี ารในการประเมินผล หลังจากท่ีได้ดาเนินงานตามแผนของโครงการแล้วนั้น ซ่ึงในขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นกิจกรรมในการ ประเมินผลโครงการ หากพจิ ารณาถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการวางแผนกับการประเมินผลโครงการ พบวา่ กิจกรรม ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ต้องดาเนินการควบคู่กัน โดยการวางแผนโครงการเป็นกิจกรรมของการกาหนด แนว ทางการนาไปปฏบิ ตั เิ พ่อื การบรรลุวตั ถุประสงค์ สว่ นการประเมนิ ผลโครงการเป็นกจิ กรรมสดุ ท้ายในการพจิ ารณาผล การดาเนนิ งานเปน็ ไปตามแผนทก่ี าหนดหรือไม่ 3.1 เครื่องมอื ท่ีใช้ในการเก็บขอ้ มลู 3.1.1 แบบทดสอบความรู้ ทัศนคติและพฤตกิ รรม กอ่ น-หลงั ใหค้ วามรู้ เครื่องมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพือ่ การประเมนิ ในครัง้ น้ี เปน็ แบบสอบถามที่ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ ไดส้ ร้างขึ้นให้สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ และตัวชี้วดั ของโครงการ ซงึ่ มีรายละเอียดดงั นี้ สว่ นท่ี 1 ข้อมลู พืน้ ฐานสว่ นบคุ คล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ระดบั การศึกษา อาชพี ส่วนท่ี 2 ความรู้เรื่องไข้เลอื ดออก แบบสอบถามเป็นแบบเลือกคาตอบเพยี งคาตอบเดียว คือ ถกู หรือ ผิด จานวน 10 ข้อ กาหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั นี้ ตอบถูก ได้คะแนนเทา่ กบั 1 คะแนน ตอบผิด ได้คะแนนเทา่ กับ 0 คะแนน
สว่ นท่ี 3 ทัศนคตติ อ่ การป้องกันและควบคมุ โรคไข้เลอื ดออกแบบสอบถามเป็นแบบเลอื กคาตอบเพียง คาตอบเดยี ว คอื เห็นดว้ ยอยา่ งย่งิ เห็นดว้ ย ไม่แน่ใจ ไมเ่ หน็ ดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ ขอ้ คาถามมที ั้งดา้ นบวกและด้าน ลบจานวน 10 ขอ้ กาหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดงั น้ี คาถามเชงิ บวก คาถามเชิงลบ เห็นด้วยอย่างยงิ่ ได้ 5 คะแนน ได้ 1 คะแนน เหน็ ดว้ ย ได้ 4 คะแนน ได้ 2 คะแนน ไม่แนใ่ จ ได้ 3 คะแนน ได้ 3 คะแนน ไมเ่ หน็ ดว้ ย ได้ 2 คะแนน ได้ 4 คะแนน ไมเ่ ห็นดว้ ยอย่างยง่ิ ได้ 1 คะแนน ได้ 5 คะแนน ส่วนที่ 4 พฤติกรรมการปฏิบัติตัวป้องกันโรคไข้เลือดออกแบบสอบถามเป็นแบบเลือกตอบเพียง คาตอบเดียว คือ ปฏิบัติเป็นประจา 7 วัน/สัปดาห์ ปฏิบัติบ่อยคร้ัง 5-6 วัน/สัปดาห์ ปฏิบัตินานๆ คร้ัง 3-4 วัน/ สัปดาห์ ปฏบิ ัตบิ างคร้งั 1-2 วัน/สัปดาห์ ไม่ได้ปฏิบตั ิเลย ข้อคาถามเชิงบวก จานวน 10 ข้อ กาหนดเกณฑ์การให้ คะแนน ดังนี้ ปฏบิ ตั เิ ป็นประจา(7 วัน/สปั ดาห)์ ได้ 5 คะแนน ปฏบิ ัติบอ่ ยครงั้ (5-6 วัน/สัปดาห)์ ได้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตินานๆ ครงั้ (3-4 วัน/สปั ดาห)์ ได้ 3 คะแนน ปฏิบัติบางครงั้ (1-2 วัน/สัปดาห)์ ได้ 2 คะแนน ไมไ่ ด้ปฏบิ ตั เิ ลย ได้ 1 คะแนน 3.1.2 แบบประเมินความพึงพอใจการเข้าร่วมโครงการ โดยเกณฑก์ ารให้คะแนนความพึงพอใจ ดงั นี้ ระดบั ความพงึ พอใจมากทสี่ ุด 5 คะแนน ระดับความพงึ พอใจมาก 4 คะแนน ระดับความพงึ พอใจปานกลาง 3 คะแนน ระดับความพงึ พอใจนอ้ ย 2 คะแนน ระดับความพงึ พอใจนอ้ ยทสี่ ดุ 1 คะแนน 3.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.4.1 ประเมินโดยการให้ทาแบบทดสอบกอ่ นใหค้ วามรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม จัดทาแบบบันทกึ การ สารวจ เป็นสมุดบนั ทึกการสารวจและกาจดั ลกู น้า โดยมรี ายละเอยี ดการจดบันทกึ ดงั น้ี 3.4.1.1 ชนดิ ภาชนะ 3.4.1.2 จานวนภาชนะ 3.4.1.3 ภาชนะท่พี บลกู นา้ 3.4.1.4 การคานวณคา่ CI (Container index) 3.4.2 นาสมุดบนั ทกึ การสารวจและกาจัดลกู นา้ ใหผ้ ้เู ข้าร่วมโครงการบนั ทกึ ณ วนั ทาโครงการ 3.4.3 ให้ทาแบบทดสอบหลังให้ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม จัดเก็บสมุดบันทึกการสารวจคืนจาก ผู้เขา้ ร่วมโครงการ นามาประเมนิ ผล
3.4.4 หลงั จดั ทาโครงการ 7 วัน ทางผู้จดั ทาโครงการลงพน้ื ท่ที จ่ี ดั ทาโครงการอีกคร้งั โดยทาแบบบันทึกการ สารวจและกาจัดลูกน้า นาผลการสารวจคร้ังท่ี 1 จากการสารวจของผู้เข้าร่วมโครงการ กับครั้งท่ี 2 จากการลง สารวจเองของทางผ้จู ดั ทาโครงการ นามาเปรยี บเทยี บและประเมินผล 3.4.5 สรปุ ผลจากแบบทดสอบกอ่ นและหลงั ให้ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม จากแบบบันทกึ การสารวจ และกาจดั ลูกนา้ ครงั้ ท่ี 1 และครง้ั ท่ี 2 3.3 การวิเคราะหข์ อ้ มลู การวิเคราะห์ข้อมูลดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี 1. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล ใชส้ ถติ ิการแจกแจงความถ่ี ( Frequency ) และร้อยละ( Percentage ) 2. การประเมินความพึงพอใจ การประเมินความรู้ ใช้สถิติค่าเฉลี่ย ( Ẋ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) 3.4 เกณฑ์ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 3.4.1 แบบทดสอบความรู้ ทศั นคติ และพฤติกรรม ก่อน-หลงั ให้ความรู้ 3.4.1.1 การแปลผลคะแนน สาหรับเกณฑ์การประเมินระดับความรู้เก่ียวกับเรื่องไข้เลือดออก แบง่ ออกเปน็ 3 ระดับโดยใช้วธิ กี ารกาหนดเกณฑต์ ามช่วงคะแนนตามหลักวธิ ีคิดของบลูม Bloom (1964อา้ งถงึ ใน สมนึก แกว้ วิไล, 2552) ซงึ่ มีระดับคะแนน ดังน้ี ระดบั ความรู้ ร้อยละ (ของคะแนนเตม็ ) ระดับดี 80.00 ข้ึนไป (8-10ขอ้ ) ระดับปานกลาง 50.00 - 79.99 (5-7ข้อ) ระดับควรปรับปรงุ 1.00 - 49.99 (0-5ขอ้ ) 3.4.1.2 การแปลผลคะแนนสาหรบั เกณฑก์ ารประเมนิ ทัศนคตเิ กยี่ วกับการปอ้ งกนั และควบคุมโรค ไข้เลือดออกโดยใช้วิธีการกาหนดเกณฑ์ตามช่วงคะแนนตามหลักวิธีคิดของเบสท์ (Best, 1997 อ้างถึงในกุลธิดา เหมาเพชร และคณะ, 2555) ดงั น้ี ระดบั ทัศนคติ ค่าระดับคะแนนเฉลยี่ ระดับสงู 3.67 - 5.00 ระดับปานกลาง 2.34 - 3.66 ระดับต่า 1.00 - 2.33 3.4.1.3 การแปลผลคะแนนสาหรับเกณฑบ์ ่งช้ีพฤติกรรมการออกกาลงั กาย โดยใช้วิธีการกาหนด เกณฑ์ตามช่วงคะแนนตามหลักวิธคี ิดของเบสท์ (Best, 1997 อ้างถงึ ในกุลธิดา เหมาเพชร และคณะ, 2555) ดงั นี้ ระดับพฤตกิ รรม ค่าระดบั คะแนนเฉลีย่ ระดับสงู 3.67 - 5.00 ระดับปานกลาง 2.34 - 3.66 ระดับตา่ 1.00 - 2.33 3.4.2 แบบประเมินความพงึ พอใจการเข้าร่วมโครงการ โดยเกณฑก์ ารให้คะแนนความพงึ พอใจ ดงั น้ี
คะแนนเฉลี่ยสงู กวา่ 4.50 มคี วามพึงพอใจในระดบั มากทสี่ ุด คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ ง 3.50 – 4.49 มีความพึงพอใจในระดบั มาก คะแนนเฉลี่ยระหว่าง 2.50 – 3.49 มีความพึงพอใจในระดบั ปานกลาง คะแนนเฉล่ยี ระหว่าง 1.50 – 2.49 มคี วามพงึ พอใจในระดบั น้อย คะแนนเฉลี่ยตา่ กว่า 1.50 มคี วามพงึ พอใจในระดบั น้อยทส่ี ดุ 4.ผลการประเมนิ การดาเนนิ โครงการ 4.1 ขอ้ มลู ทั่วไปของผูต้ อบแบบประเมนิ ผ้เู ข้าร่วมโครงการมี 100 คน จากจานวนทั้งหมด 120 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 83.3 ซึง่ ขอ้ มูลทว่ั ไปในเร่อื ง เพศ อายรุ ะดบั การศกึ ษา อาชีพ สถานภาพ มีขอ้ มลู ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ตารางท่ี 4.1.1 เพศของผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ เพศ จานวน รอ้ ยละ หญิง 70 70 ชาย 30 30 รวม 100 100 จากตารางแสดงข้อมูลเพศของผู้เขา้ รว่ มโครงการ พบว่า เพศหญงิ มจี านวน 70 คน คิดเปน็ ร้อยละ70 และเพศชายมจี านวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 30 ตารางท่ี 4.1.2 อายขุ องผเู้ ข้ารว่ มโครงการ อายุ จานวน ร้อยละ ต่ากวา่ 20 ปี - - 20-30 15 15 31-40 26 26 41-50 34 34 51 ปขี นึ้ ไป 25 25 รวม 100 100 จากตารางแสดงข้อมลู อายขุ องผเู้ ข้ารว่ มโครงการ พบว่า อายุ 20-30 ปี มีจานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 15 อายุ 31-40 ปี มจี านวน 26 คน คิดเปน็ ร้อยละ 26 อายุ 41-50 ปี มีจานวน 34 คน คดิ เป็นร้อยละ 34 อายุ 51 ปขี ึ้นไป มจี านวน 25 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 25 ตามลาดับ
ตารางที่ 4.1.3 ระดับการศึกษาของผู้เข้ารว่ มโครงการ ระดับการศึกษา จานวน ร้อยละ ประถมศกึ ษา 48 48 มธั ยมศกึ ษา 27 27 อนปุ รญิ ญา 25 25 ปรญิ ญาตรี 0 0 0 0 อื่น ๆ 100 100 รวม จากตารางแสดงข้อมูลระดับการศกึ ษาของผูเ้ ข้าร่วมโครงการ พบว่า ระดบั ประถมศึกษา มีจานวน 48 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 48 ระดบั มัธยมศึกษา มีจานวน 27 คน คดิ เป็นร้อยละ 27 ระดับอนปุ รญิ ญา มีจานวน 25 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25 ตามลาดับ ตารางท่ี 4.1.4 อาชีพของผเู้ ข้าร่วมโครงการ อาชพี จานวน ร้อยละ นักเรียน/นักศกึ ษา 6 6 0 0 ขา้ ราชการ 52 52 เกษตรกรรม 12 12 คา้ ขาย/ธุรกจิ 17 17 รับจ้างทั่วไป/ลูกจา้ ง 13 13 ไม่ไดป้ ระกอบอาชีพ/ทางานบา้ น 0 0 100 100 อืน่ ๆ รวม จากตารางแสดงขอ้ มูลอาชีพของผู้เข้ารว่ มโครงการ พบว่า นักเรยี น/นักศึกษา ร้อยละ6 เกษตรกรรม รอ้ ย ละ52 ค้าขาย/ธุรกจิ รอ้ ยละ 12 รับจ้างทวั่ ไป/ลูกจ้าง รอ้ ยละ17 ไมไ่ ดป้ ระกอบอาชีพ/ทางานบา้ น รอ้ ยละ13 ตามลาดับ 4.2 ผลการทดสอบความรจู้ ากการเขา้ ร่วมโครงการ ตารางท่ี 4.2.1 ผลการทดสอบความร้จู ากการเขา้ รว่ มโครงการ รายการ สงู สดุ ตา่ สุด ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่านเกณฑ์ เฉลี่ย จานวน ร้อยละ กอ่ นเขา้ อบรม 61 ผลการทดสอบ -- จานวน รอ้ ยละ -- 60 60 0.05 - - - 40 40
หลงั เข้าอบรม 10 7 0.03 - - - - ผลการทดสอบ - - - 76 76 24 24 จากตารางที่ 4.2.1 พบวา่ แกนนาอสม.ประชาชนทเี่ ข้าร่วมโครงการมีคะแนนทดสอบความรู้ก่อน เข้ารับ การบรรยายเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ได้คะแนนสูงสุด 6 คะแนน คะแนนต่าสดุ 1 คะแนน และมีคะแนนเฉลี่ย 0.05 คะแนน มีจานวนผู้ผา่ นเกณฑจ์ านวน 40 คน คดิ เป็นร้อยละ 40 มีจานวนผู้ไม่ผ่านเกณฑ์จานวน 60 คน คิด เป็นร้อยละ 60 และหลังจากการเข้ารบั การบรรยายเกย่ี วกับโรคเบาหวาน มีผู้ทดสอบความรู้ได้คะแนนสูงสดุ 10 คะแนน คะแนนต่าสุด 7 คะแนน และมีคะแนนเฉล่ีย 0.03 คะแนน มีจานวนผู้ผ่านเกณฑ์จานวน 76 คน คิดเป็น ร้อยละ 76 ซ่ึงผ่านตามตัวชี้วัดในหัวข้อจุดประสงค์มีผู้เข้าร่วมโครงการร้อยละ 70 มีความรู้เกี่ยวกับการควบคุม ป้องกนั โรคเบาหวานในระดับดี ตารางท่ี 4.2.2 คะแนนการทดสอบประเมินความรกู้ ่อนเข้ารว่ มโครงการอยา่ งละเอียด คะแนน จานวน ( คน ) รอ้ ยละ 1 8 8 2 24 24 3 22 22 4 16 16 5 16 16 6 14 14 รวม 100 100 จากตารางที่ 4.2.2 พบว่าคะแนนทดสอบการประเมินความรู้ก่อนเขา้ รว่ มโครงการ มคี ะแนนสงู สุด 6 คะแนน คดิ เป็นร้อยละ 14 และคะแนนตา่ สุด 1 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 8 ตารางท่ี 4.2.3 คะแนนการทดสอบประเมินความรหู้ ลังเขา้ รว่ มโครงการอยา่ งละเอยี ด คะแนน จานวน ( คน ) รอ้ ยละ 7 16 8 33 16 9 25 33 10 26 25 รวม 100 26 100 จากตารางท่ี 4 พบว่าคะแนนทดสอบการประเมินความร้หู ลงั เข้ารว่ มโครงการ มีคะแนนสงู สดุ 10 คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ 26 และคะแนนต่าสดุ 8 คะแนน คิดเป็นรอ้ ยละ 33
4.3 ผลการทาแบบประเมินความพงึ พอใจ ตารางท่ี 4.3.1 คา่ เฉล่ยี ของความพงึ พอใจต่อโครงการภาพรวม ลาดบั ประเดน็ ระดบั ความพึงพอใจ ท่ี x̄ S.D แปลผล 1. ความพึงพอใจดา้ นกระบวนการ ขั้นตอนการจดั กจิ กรรม 4.7 0.193 มากที่สดุ 2. ความพึงพอใจด้านวทิ ยากร 4.6 0.173 มากทส่ี ุด 3. ความพึงพอใจดา้ นสิ่งอานวยความสะดวก 4.8 0.219 มากทสี่ ุด 4. ความพงึ พอใจด้านคุณภาพการจัดกจิ กรรม 4.7 0.183 มากที่สดุ จากตารางท่ี 4.3.1 ค่าเฉล่ียของความพึงพอใจต่อโครงการภาพรวม พบว่ามีความพึงพอใจด้านความ สะดวกมากที่สุด( x̄ = 4.8 ) รองลงมา ความพึงพอใจดา้ นกระบวนการ ข้นั ตอนการจัดกิจกรรม( x̄ = 4.7 ) ความพึงพอใจ ดา้ นคุณภาพการจัดกิจกรร( x̄ = 4.7 ) และความพงึ พอใจด้านวทิ ยากร ( x̄ = 4.6 ) น้อยทสี่ ุด ตารางท่ี 4.3.2 ค่าเฉล่ยี ของผลประเมินความพึงพอใจของผู้เข้ารว่ มโครงการ รายละเอยี ด ระดบั ความพึงพอใจ x̄ S.D แปลผล 1. ความพึงพอใจด้านกระบวนการ ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรม 1.1. รปู แบบกจิ กรรมการจัดกจิ กรรม 4.45 0.452 สูง 1.2 ลาดับขัน้ ตอนในการจดั กจิ กรรม 4.39 0.062 สงู 1.3 ระยะเวลาทใี่ ช้ในการจัดกจิ กรรม 4.37 0.060 สงู 1.4 เอกสารและสอ่ื ประกอบในการจดั กจิ กรรม 3.72 0.382 สูง 4.21 0.078 สงู 1.5 ความเหมาะสมของการจัดกจิ กรรม 3.69 1.048 สูง 2. ความพงึ พอใจดา้ นวทิ ยากร 4.57 0.428 สูง 2.1 การถา่ ยทอดความรู้ของวทิ ยากรมคี วามชัดเจน 4.43 0.421 สูง 2.2 การตอบข้อซกั ถามในการจดั กจิ กรรม 3. ความพึงพอใจดา้ นสงิ่ อานวยความสะดวก 3.1 สถานท่จี ัดกจิ กรรม 3.2 มกี ารใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสม 2.69 1.048 ต่ำ 4. ความพึงพอใจด้านคุณภาพการจัดกิจกรรม 4.37 0.060 สงู 4.1 ทา่ นได้รับประโยชน์จากการเข้ารว่ มกจิ กรรมอยา่ งคุ้มค่า 3.72 0.382 สูง 4.2 ทา่ นสามารถนาความร้ทู ไี่ ดร้ บั ไปประยกุ ต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั
ผลรวม 4.14 0.45 สูง 4.4 สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการ โครงการรณรงค์ รู้ก่อน ลดเส่ียง เล่ียงเบาหวาน หมู่ที่ 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรธี รรมราช มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในการควบคุมป้องกันโรคเบาหวานท่ีถูกวิธีและ เหมาะสม และเพ่ือให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและดูแลสุขภาพตนเอง เป้าหมายเชิงคุณภาพ คือ ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ ในการควบคุมป้องกันโรคเบาหวานได้ในระดับดี และเป้าหมายเชิงปริมาณ คือ ผเู้ ข้าร่วมโครงการเขา้ รว่ มโครงการร้อยละ 70 รบั ผดิ ชอบโครงการโดยนางาสาวณฐั วรรณ ช่วยสงั ข์ หลกั สูตรฉกุ เฉนิ การแพทย์ ช้ันปที ี่ 2 ร่นุ ที่ 15 โครงการน้ีได้ดาเนินโครงการท่ี หมทู่ ี่ 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช ตัง้ แต่ วันที่ 11 เมษายน – 12 เมษายน 2563 ข้นั ตอนการดาเนนิ งานที่สาคญั คือ วันจดั กิจกรรม ให้ผู้เขา้ รว่ มโครงการทา แบบทดสอบกอ่ นและหลงั ให้ความรู้ มกี ารบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและวิธีการปอ้ งกันโรคการดูแล สุขภาพตนเองให้ห่างไกลโรคเบาหวน รวมทั้งทากิจกรรมกลุ่ม ( Focus Group) เพ่ือระดมสมอง และทาแบบ ประเมนิ ความพงึ พอใจ สว่ นวันเดนิ รณรงค์ มใี หค้ วามรู้เรอ่ื งการปอ้ งกันโรคเบาหวาน สรุปจากการทาโครงการรณรงค์ ป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานในครั้งนี้ พบว่าหลังจากท่ี กลมุ่ เป้าหมายท่ีเข้ารว่ มรับฟังการใหค้ วามรู้เรื่องการป้องกันโรคเบาหวาน กลุ่มเป้าหมายมคี วามรู้ความเขา้ ใจและ รจู้ ักดูแลตนเองให้หา่ งไกลโรคมากขึน้ และวธิ ีการปอ้ งกันตนเองปรับเปลีย่ นพฤติกรรมทาใหอ้ ตั ราป่วยลดลงได้ 4.5 ประโยชน์จากการทาโครงการ - ทาให้เกดิ การพฒั นาความคิดและไดฝ้ ึกทกั ษะการวางแผนอยา่ งเป็นระบบและการกาหนด รปู แบบตา่ งๆ ใหส้ อดคล้องกัน - ทาใหไ้ ดเ้ รยี นรเู้ ก่ยี วกบั การทางาน ประสานงาน และตดิ ตอ่ กับหนว่ ยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมี การวางแผน การทางานอย่างมรี ะบบ - ไดฝ้ กึ ทกั ษะการทางานร่วมกับคนในชมุ ชน เพื่อใชเ้ ป็นแนวทางแก่การทางานในอนาคต - การรู้จกั รบั ฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ื่นรวมไปถงึ การประสานงานหรอื การตดิ ตอ่ กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ - ทาใหร้ จู้ ักการแกป้ ัญหาเฉพาะหน้าเมอื่ เจอเหตุการณท์ ี่ไม่ได้เป็นไปตามแผนท่กี าหนดไว้ 4.6 ปัญหาและอปุ สรรค - ประชาชนบางกลมุ่ คอ่ นขา้ งมเี วลาทจี่ ากัด - ประชาชนบางสว่ นมาชา้ จงึ ต้องเรง่ การจัดกจิ กรรม - นักศกึ ษาผบู้ รรยายให้ความรมู้ คี วามตืน่ เต้น พูดเรว็ ทาใหต้ อ้ งอธบิ ายซา้ ในบางประเดน็ - เนอ่ื งจากกลมุ่ เปา้ หมายมจี านวนมาก นกั ศกึ ษาผบู้ รรยายจงึ ไมส่ ามารถตอบข้อซกั ถามได้อยา่ งทว่ั ถึง
4.7 ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรมีความพรอ้ มในการดาเนนิ โครงการ 2. การทากจิ กรรมควรใช้ระยะเวลาใหส้ ั้นกระชบั 3. ควรให้ผ้เู ขา้ ร่วมโครงการมสี ่วนร่วมมากขึน้ เชน่ การถาม-ตอบ เป็นตน้ 4. สอื่ ท่ีใช้ควรเนน้ ทร่ี ปู ภาพมากกวา่ ตัวหนังสือ รวมถึงควรใช้ตวั อักษรทเี่ หน็ ชัดเจน 5. ปรับการพดู ใหช้ ้าลงและลดความต่นื เต้นลงอกี
5.แนวทางการพฒั นางาน 5.1 แนวทางการพัฒนางาน จากการจัดประชุมกลุ่มเพ่ือพิจารณาหาข้อผิดพลาด ปัญหาและอปุ สรรคของการทางานรวม ไปถึงขอ้ เสนอแนะจากผ้ดู แู ลโครงการ ซง่ึ นามาสะท้อนถึงขอ้ ผดิ พลาดและสาเหตทุ ี่เกิดข้นึ และนามาพัฒนาใน การจดั โครงการหรือกิจกรรมอ่ืน ๆ รว่ มกับชมุ ชนต่อไป ปัญหา สาเหตุ แนวทางการแก้ไข การดาเนินโครงการที่ไม่ เวลาในการประสานงาน รวมไปถึง การดาเนินงานครั้งต่อไป เป็นไปตามระยะเวลาที่กาหนด การบรรยายปรับแก้ล่าช้าและการไม่รู้ จะ ต้อ งมี ก าร วา ง แผ นแล ะ และการประชาสัมพันธ์ยังไม่ กาหนดการ ทาให้ระยะเวลาดาเนนิ งานไม่ จดั สรรเวลาในการดาเนนิ งานให้ ทั่วถึง สัมพันธ์กับระยะเวลาที่กาหนด และการ เป็ นร ะ บบ ไม่ยื ด ย้ือ เ กิน ไป ประชาสมั พันธ์ไม่ท่วั ถงึ เ พื่ อ ใ ห้ ร ะ ย ะ เ ว ล า เ ห ม า ะ ส ม ตามที่กาหนด การพูดต้องมีความม่ันใจ เนื่องจากขาดประสบการณ์ จึงทาให้ การดาเนินงานในคร้ังต่อไป ใบหน้ายิ้มและการใช้น้าเสียง การพูดติดขัดและสถานทเี่ ป็นลานกวา้ งจึง จะมีการวางแผน การเตรียม ต้องสมา่ เสมอ ทาใหเ้ วลาพดู จะไมค่ อ่ ยไดย้ นิ ค ว า ม พ ร้ อ ม ก่ อ น ก า ร ด า เ นิ น กจิ กรรม นาเสนอวิชาการสอ่ื ทีใ่ ช้ควร เน่ืองจากขาดประสบการณ์ในการ นา ในการวางแผนจัดทากิจกรรม เนน้ ท่ีรปู ภาพมากกว่าตัวหนงั สอื เสนองานในแหลง่ ชมุ ชน จึงมกี ารเน้นไปท่ี ครงั้ ต่อไปจะต้องมีการคานึงถึง วิชาการ กลมุ่ เป้าหมายและระดับความรู้ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ท้ังน้ี สื่อ จะต้ องมี เนื้อ หา ท่ี กระชบั และส่ือ ใหเ้ ข้าใจไดง้ า่ ย
บทท่ี 5 สรปุ ผลโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การจดั โครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ครงั้ นี้ มีวัตถุประสงค์เพอ่ื ให้ นกั ศกึ ษาสามารถปฏิบัติกระบวนการ ศกึ ษาชุมชนและแก้ไขปญั หาสขุ ภาพทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั งานดา้ นสุขภาพ ซึ่ง ประกอบดว้ ยการศกึ ษาชุมชน การเตรียมชมุ ชน และการวนิ จิ ฉัยชุมชน พรอ้ มทงั้ การแก้ไขปญั หาและพฒั นา ชมุ ชนซ่ึงประกอบไปด้วยการ วางแผน การดาเนนิ การตามแผน และการประเมนิ ผลการดาเนินงาน โดยมี รายละเอียดดงั น้ี 5.1 สรปุ ผลโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพ 5.2 อภปิ รายผลโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี 5.3 ขอ้ เสนอแนะโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี 5.1 สรปุ ผลโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพ 5.1.1 ข้อมลู ทั่วไป จากการศึกษาชุมชนหมทู่ ่ี 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จงั หวัด นครศรธี รรมราช สารวจชมุ ชนโดยใช้ แบบสอบถาม พบว่า ประชากรทตี่ อบแบบสอบถาม พบว่า ประชาชน กลุม่ ตัวอย่างในชมุ ชนส่วนใหญ่มอี ายอุ ยู่ในช่วงอายุ อายุ 15-20 ปี ร้อยละ26.6 อายุ 21-25 ปี รอ้ ยละ 26.6 อายุ 26-35ปี ร้อยละ6.6 อายุ 36-59 ปี ร้อยละ 33.3 อายุ 60 ปีขน้ึ ไป รอ้ ยละ6.6 5.1.2 ข้อมูลด้านระบบสุขภาพจากการท่ีประชากรตอบแบบสอบถาม สรปุ ไดว้ า่ ปญั หาปัญหาดา้ น สขุ ภาพ รองลงมาคอื เศรษฐกจิ และด้านสงั คม 5.2 อภิปรายผล จากการศกึ ษาชมุ ชนหมทู่ ี่ 6 ตาบลไทยบรุ ี อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช และการจัดลาดับ ความสาคัญ ของปัญหาโดยการมีสว่ นร่วมของชุมชนโดยการทาประชาคม ซึ่งพบว่าปญั หาทส่ี มควรดาเนินการ แก้ไขเปน็ อนั ดบั แรกคอื ด้านสุขภาพ โรคเบาหวาน ดว้ ยเหตุผลดังกล่าวจึงได้จัดทาโครงการเพ่อื ดาเนินการ แก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ เรื่องโรคเบาหวาน ในชุมชนบ้านปลักจอก หมู่ที่ 6 ตาบลไทยบุรี อาเภอท่าศาลา จังหวดั นครศรีธรรมราช โดยมีกิจกรรมในโครงการประกอบด้วย 3 กจิ กรรมหลัก คือ การบรรยายให้ความรู้ เก่ียวกับโรคและวธิ ีการปอ้ งกนั การดูแลปรับเปลีย่ นพฤติกรรมุขภาพเพอื่ ลดโรคเบาหวาน กิจกรรมตอบคาถาม เก่ยี วกับความรู้โรคเบาหวาน เดินรณรงคป์ อ้ งกนั และส่งเสริมใหป้ ระชาชนดูแลสุขภาพ หลงั จากใหค้ วามรู้ ซึ่ง สามารถอภปิ รายผลไดด้ งั น้ีคอื 5.2.1 กิจกรรมให้ความรู้เร่ืองโรคเบาหวาน พบว่ามีตัวแทนครัวเรือนและผู้นาชุมชนเข้าร่วมใน กิจกรรม คิดเปน็ ร้อยละ 100 และผู้เข้ารว่ มโครงการ ไดค้ วามรู้เชิงทฤษฎีเพ่มิ มากขึน้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ดี ซง่ึ บรรลตุ ามเป้าหมาย และการท่ปี ระชาชนมีความรเู้ ก่ียวกับหวานมากข้นึ ทาให้ประชาชนมคี วามรู้
5.2.2 กจิ กรรมตอบคาถามเกีย่ วกบั ความร้โู รคเบาหวาน พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการให้ความร่วมมอื ใน การทากจิ กรรม ทาใหม้ ี ความเข้าใจมากขนึ้ โดยประเมินจากการทดสอบความรูห้ ลงั ฝึกปฏิบัตจิ ริง 5.2.3 กจิ กรรมเดนิ รณรงค์ปอ้ งกนั และสง่ เสรมิ ให้ประชาชนดแู ลสุขภาพ พบวา่ ผเู้ ข้าร่วมโครงการมี ความรใู้ นเชิงปฏบิ ตั เิ พม่ิ มากขึน้ พบวา่ ประชาชนไดใ้ หค้ วามสนใจ และรว่ มกจิ กรรมเป็นอย่างดี โดยประชาชน ท่ีเขา้ รว่ มโครงการสว่ นใหญ่มคี วามพงึ พอใจอย่ใู นระดบั ดี มากกวา่ ร้อยละ 70 ซง่ึ จากการจดั ทาโครงการ ดงั กล่าวนี้ทาใหป้ ระชาชนมคี วามรู้ทกั ษะและสามารถปฏิบตั ไิ ดจ้ รงิ 5.3 ข้อเสนอแนะการจัดโครงการพฒั นาทักษะวชิ าชีพ 5.3.1 ข้อเสนอแนะ 5.3.1.1 ในการจัดโครงการ ควรมกี ารประชาสมั พันธ์ใหท้ วั่ ถึง และใหเ้ ขา้ ใจวัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรม 5.3.1.2 ควรมกี ารดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมใหม้ ากที่สุด โดยมกี ิจกรรมสันทนาการ ละลายพฤตกิ รรมก่อนเขา้ เนอ้ื หาบทเรียน 5.3.1.3 ควรมกี ารเพมิ่ ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมโดยการติดตามและประเมนิ ผลโครงการอย่าง ต่อเนื่อง เพือ่ ประเมนิ วา่ ประชาชนมคี วามรู้ในเรอื่ งโรคไขเ้ ลือดออก
ภาคผนวก
รปู กิจกรรมใหค้ วามรู้
Search