Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัด สพม.ปน

การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัด สพม.ปน

Published by Guru selatan, 2021-09-20 02:31:18

Description: การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัด สพม.ปน

Search

Read the Text Version

ก รายงานวิจยั เร่ือง การพัฒนาโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ.ของโรงเรยี นในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

ข บนั ทกึ ข้อความ ส่วนราชการ กลุม่ นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษา สพม.ปัตตานี ท่ี วนั ที่ 14 กันยายน 2564 เร่อื ง รายงานผลการศกึ ษาวจิ ัย เรอ่ื ง การพัฒนาโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา มธั ยมศึกษาปัตตานี เรยี น ผอู้ านวยการสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ตามที่ข้าพเจา้ นายสาการียา อาแว ตาแหน่ง รองผู้อานวยการโรงเรียนสุวรรณไพบูลย์ ผู้เสนอ โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปตั ตานี และรับผิดชอบกิจกรรม การ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมการนิเทศ ติดตาม หรือการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. จานวน 1 เรื่อง ตาม กิจกรรมโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี นัน้ บัดน้ีข้าพเจ้าได้ดาเนินงานเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว ขอรายงานผลการศึกษาวิจัย เร่ือง การพัฒนา โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาปตั ตานี ดังรายงานดังแนบ จงึ เรียนมาเพอ่ื โปรดทราบ ลงชอ่ื ....................................................ผรู้ ายงาน นายสาการียา อาแว รองผ้อู านวยการโรงเรียนสวุ รรณไพบูลย์ ความคดิ เห็นของผบู้ ังคับบัญชา ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... .................................................. (นางวมิ ลวลั ย์ จลุ พรหม) ผู้อานวยการโรงเรยี นแมล่ านวิทยา ปฏิบัตหิ นา้ ท่ี ผูอ้ านวยการกลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษาปตั ตานี

............................................................................................................................. .................................................... .............................................................................................................................................................. .............. .................................................. (นายสรุ ศักด์ิ เกล้ียงสะอาด) รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษาปัตตานี รกั ษาราชการแทน ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาปตั ตานี

ง ชอื่ งานวจิ ัย การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ของโรงเรยี นในสังกัดสานกั งาน เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาปตั ตานี ผู้เขยี น กล่มุ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา หน่วยงาน สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี ปีงบประมาณ 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาและขับเคล่ือนนโยบาย โรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัดและศึกษาความพึงพอใจกระบวนการขบั เคล่ือนนโยบาย โรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี กลุ่ม ตวั อย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ีเป็นผู้บริหาร ครูและนักเรยี นแกนนา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มัธยมศึกษาปัตตานี จานวน 240 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ความพึงพอใจ ลักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า ตามเกณฑ์การวัดของ Likert การวเิ คราะห์ ขอ้ มูลใช้คา่ สถิติ คา่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และแบบรายงานผลการพฒั นากิจกรรมต่างๆ ผลการวิจยั สรุป ไดด้ งั นี้ 1. ผู้บริหาร ครูและนักเรียนแกนนา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี มีความพึงพอใจกิจกรรมอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียนแกนนาเพื่อการ ส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรียนอย่างย่ังยืน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านความ เหมาะสมของวิทยากรมีความพึงพอใจมากท่ีสุด เม่ือพิจารณารายข้อ พบว่า วิทยากรมีความรู้ ความสามารถและมีความเข้าใจในเนื้อหาเร่ืองท่ีอบรม และดา้ นความพรอ้ มในการจัดอบรม มคี วามพึง พอใจนอ้ ยทีส่ ุดเมื่อพิจารณารายขอ้ พบวา่ ไม่มีการประชาสัมพนั ธก์ ิจกรรมอยา่ งทวั่ ถึง 2. กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกัดประกอบด้วย 1) การ สร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาศักยภาพครูแกนนาและนักเรียนแกนนา กิจกรรมอบรมและ พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียนแกนนาเพื่อการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ใน โรงเรียนอย่างยั่งยืน 2) การลงมือปฏิบัติของโรงเรียน 3) การนิเทศติดตามโรงเรียน กิจกรรมกากับ ติดตามและตรวจสอบคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สพม.ปน. ระดับ 2 ดาว และ 3 ดาว ประจาปี งบประมาณ 2564 และ 4) การรายงานความก้าวหน้าและการประเมินผล กิจกรรมการส่งเสริมคุรุ ชนคนคุณธรรมและคัดเลือกนวัตกรรมสรา้ งสรรค์คนดี ประจาปีงบประมาณ 2564 ผลการวจิ ัยพบว่า ทุกกระบวนการ การส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมโรงเรียนของรัฐในประเทศไทยเกิดจาก 1) การมีส่วน ร่วมในการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม ผู้บริหาร ครูและนักเรียนร่วมกันกาหนดคุณธรรมเป้าหมาย 2) การเป็นแบบอย่างท่ีดี ผู้บริหารและครูจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน และ 3) การยึดหลัก เศรษฐกิจพอเพียง

จ กิตตกิ รรมประกาศ งานวิจัยเล่มน้ีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเพราะผู้วิจัยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้บริหารโรงเรียน คณะครูและนักเรียนแกนนาของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ขอบคุณ คณะกลุ่มงานนิเทศติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา ทท่ี ุ่มเทช่วยทางานจนสาเร็จ นอกจากนี้ผูว้ ิจัยต้อง ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสาหรับผู้อานวยการกลุ่มที่ได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์พิจารณาและตรวจสอบ เคร่ืองมือวิจัย ขอบคุณคณะวิทยากรจากมูลนิธิยุวพัฒน์ที่ได้มาให้ความรู้ และที่ขาดเสียมิได้คือ นายสมพงค์ สัจจาภรณ์ ผู้อานวยการโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาปัตตานี ผู้มีบทบาทสาคัญในการส่งเสริม สนับสนุนให้กาลังใจจนงานวิจัยดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ สุดท้ายขอขอบคุณสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ได้จัดสรรงบประมาณเพ่ือสนับสนุนการ ดาเนินงานโรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. จนทาให้การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ของโรงเรยี นในสังกัดสานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี สาเรจ็ ไปลุล่วงไปดว้ ยดี กลุ่มงานนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี

ฉ สารบญั เรอ่ื ง หน้า บนั ทึกข้อความ………………………………………………………………………………………………………………………….. ข บทคัดย่อ............................................................................................................................. ...................... ง กติ ติกรรมประกาศ............................................................................................................................. ....... จ สารบญั …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ฉ บทที 1 บทนา............................................................................................................................. ................ 1 ความเป็นมาของปัญหา................................................................................................. 1 วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย.............................................................................................. 2 ขอบเขตของการวจิ ยั ..................................................................................................... 2 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ........................................................................................... 3 กรอบแนวคิดการวจิ ัย................................................................................................... 3 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง........................................................................................................ 4 แนวคิดทฤษฏีความพึงพอใจ......................................................................................... 4 แนวคิดเกยี่ วกบั โรงเรียนคุณธรรม................................................................................. 5 ความหมายเกี่ยวกับคุณธรรมจรยิ ธรรม......................................................................... 6 ความสาคัญของคุณธรรมจรยิ ธรรม............................................................................... 7 องคป์ ระกอบของคุณธรรมจริยธรรม............................................................................. 9 กระบวนการพฒั นาโรงเรียนคุณธรรม........................................................................... 10 หลักการโรงเรียนคุณธรรม............................................................................................ 13 แนวปฏิบัติในการขับเคล่อื นโรงเรยี นคุณธรรม.............................................................. 14 งานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง....................................................................................................... 18 3 วธิ ดี าเนินการวิจยั ........................................................................................................................... 21 ประชากรกลมุ่ ตวั อย่าง.................................................................................................. 21 เครอื่ งมือวิจัย................................................................................................................ 21 วธิ กี ารสร้างเครือ่ งมือ.................................................................................................... 23 การเก็บรวบรวมข้อมูล.................................................................................................. 23 การวิเคราะห์ข้อมูล....................................................................................................... 24 สถติ ิทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล..................................................................................... 25 4 ผลการวิจัย....................................................................................................................... ............... 25 การสร้างความรคู้ วามเขา้ ใจ.......................................................................................... 25 การลงมอื ปฏิบัติ............................................................................................................ 29 การนเิ ทศตามโรงเรียน.................................................................................................. 30 การรายงานความกา้ วหน้าและประเมินผล................................................................... 34 5 อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ........................................................................................................... 35 บรรณานกุ รม ............................................................................................................................. ......... 44 ภาคผนวก ............................................................................................................................. ......... 47

ช ก หนังสอื ราชการ......................................................................................................... 48 ข เคร่อื งมอื วิจยั ........................................................................................................... 52 ค โครงการ.................................................................................................................. 61

1 บทท่ี 1 บทนำ ควำมเปน็ มำของปัญหำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง “ช่วยสร้างคนดีให้ บ้านเมือง” และพระราชทานหลัก 3 ประการ ในเร่ืองครูและนักเรียนว่า “ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครู สอนให้เด็กมีน้าใจต่อเพ่ือนไม่ให้แข่งขันกันแต่ให้แข่งขันกับตัวเอง และให้เด็กท่ีเรียนเก่งช่วยสอนเพ่ือนท่ีเรียน ช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนท้าร่วมกัน เพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี”(ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ, 2559) เพ่ือเป็นการน้อมน้าพระราชกระแสรับส่ังดังกล่าว มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ส้านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน โดยส้านักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาจึงจัดท้าโครงการโรงเรียน คุณธรรม สพฐ.ขึน โดยให้ส้านักงานเขตพืนที่การศึกษา คัดเลือกโรงเรียนในสังกัดเข้าร่วมโครงการโรงเรียน คุณธรรม สพฐ. และเพ่ือให้ด้าเนินงานของโรงเรียนท่ีเข้าโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เป็นไปในแนวทาง เดียวกันมีเป้าหมายมีผลลัพธ์และผลผลิตที่เกิดขึนกับนักเรียนอย่างชัดเจน ส้านักพัฒนานวัตกรรมการจัด การศึกษาจึงร่วมมือกับมูลนิธิยุวสถิรคุณ ในการประชุมอบรมพัฒนาศึกษานิเทศก์ เพ่ือให้ทราบแนวทางการ ดา้ เนนิ งานกิจกรรมพฒั นาโรงเรียนคุณธรรม (ส้านักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั พืนฐาน, 2559) คุณธรรม จรยิ ธรรมเปน็ ส่ิงที่มคี วามสา้ คัญต่อสังคมเป็นอยา่ งมากในการก้าหนดความสงบสุขของสังคม สังคมใดท่ีคนในสังคมเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมจริยธรรมสังคมนันจะมีแต่ความสงบสุข ในขณะเดียวกัน หากสังคมใดมีความบกพร่องทางด้านจิตใจขาดคุณธรรมและจริยธรรมแม้สังคมนันจะมีความมั่งคั่งทาง เศรษฐกิจก็ย่อมจะหาความสุขได้ยาก ดังนันการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคมจึงมีความจา้ เป็นและ จะต้องกระท้าอย่างต่อเนื่องครอบคลุมประชากรทุกกลุ่ม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติในหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตราท่ี 36 วรรค 2 และวรรค 3 ว่ารัฐพึงด้าเนินการให้ มีกฎหมายเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไป ตามระบบคุณธรรม โดยกฎหมาย ดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ผู้ใดใช้อ้านาจหรือกระท้าการ โดยมิชอบท่ีเป็นการก้าวก่ายหรือ แทรกแซงการปฏิบัติหน้าท่ี หรือกระบวนการแต่งตังหรือการพิจารณา ความดีความชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐพึงจัดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรม เพ่ือให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นหลักในการก้าหนดประมวลจริยธรรม สา้ หรับเจ้าหน้าทีข่ องรัฐในหนว่ ยงานนนั ๆ ซง่ึ ตอ้ งไมต่ ่า้ กว่ามาตรฐานทางจรยิ ธรรมดงั กล่าว คณุ ธรรมและจริยธรรมเป็นนามธรรมอยู่ในตัวบุคคล และเป็นทังคุณลักษณะของพฤตกิ รรมท่ีมีพืนฐาน มาจากนามธรรมดังกล่าว แม้สังคมจะมีบรรทดั ฐานชัดเจนว่าเร่ืองใดเป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ แต่ก็ยากท่ี จะพัฒนาคุณลักษณะภายในซง่ึ เป็นนามธรรม (คุณธรรม) ให้สามารถเป็นพืนฐานและก้ากับให้เกิดพฤติกรรมที่ พึงประสงค์ (จริยธรรม) ได้ และให้เป็นคุณลักษณะท่ีเกิดจากภายในจากจิตบริสุทธิ์อันมิใช่ปฏิบัติตามเพราะมี บทลงโทษทางจรยิ ธรรม (สวุ ัฒน์ กอไพศาล, 2555) นอกจากนนี ักการศึกษาหลายทา่ น สุทธิวรรณ ตันตริ จนา วงศ์และศศิกาญจน์ ทวิสุวรรณ (2552) ตังข้อสังเกตว่า ส่ิงท่ีน่าห่วงเกีย่ วกับทรัพยากรบุคคลในชาติบ้านเมือง ขณะนี มิใช่อยูท่ ่ีคณุ ภาพทางดา้ นสติปัญญาหากแตอ่ ยู่ทค่ี ุณธรรม จริยธรรมของคนในสังคมเป็นส่วนใหญ่ ความ เจริญทางด้านวัตถุ มากกว่าด้านจิตใจ ต่างดินรน ไขว่คว้า แก่งแย่ง เพ่ือให้ได้มาซ่ึงอ้านาจ เงิน อิทธิพล ต้าแหน่ง หน้าท่ี เพ่ือสนองกับความต้องการและความส้าเร็จแห่งตน โดยไม่ค้านึงถึงความเป็นธรรมในสังคมไม่ น้าพาต่อคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเคยยึดถือปฏิบัติต่อกันมาช้านาน การด้ารงชีวิตเปลี่ยนไป ดังเห็นได้จาก

2 ขา่ วสาร ทางสอื่ มวลชลต่าง ๆ เชน่ ปัญหาทะเลาะววิ าท ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ปัญหา เศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรม ซึ่งกอ่ ให้เกดิ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเยาวชน ทังด้านร่างกาย และ จติ ใจ จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้นสถานศึกษาหลายแห่งในประเทศไทยโดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ได้มีการน้าแนวคิดโครงการโรงเรียนคุณธรรมมาสู่การปฏิบัติเพ่ือต้องการใหผ้ ู้เรียนเป็นคนดี คนเก่งและ มคี วามสุข เพื่อท่ีจะได้พัฒนาประเทศ สอดคล้องกับแนวคดิ ของ กระทรวงศึกษาธิการ (2542) กลา่ วว่า การท่ี คนซ่ึงเป็นทรัพยากรที่มคี ุณค่าและเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาประเทศนัน จะสมบูรณ์ก็ต่อเม่ือเป็นทังคนเก่ง มี ความรู้แลว้ ยงั ต้องเปน็ คนดี มคี ุณธรรม จากความส้าคัญ และปัญหาข้างต้นผู้วิจัยในฐานะนักการศึกษาในพืนทีจึงเห็นความส้าคัญและปัญหา ดังกล่าวจึงรวบรวมกระบวนการพัฒนาและขับเคลื่อนโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ส้านักงานเขตพืนท่ี การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ซ่ึงประกอบด้วยโรงเรียนในสังกัดทังหมด 17 โรงเรียนที่ได้ด้าเนินการภายใต้ นโยบายของโรงเรยี นคณุ ธรรม ตามมาตรฐานมลู นิธิยวุ พฒั น์ ผลจากการวิจัยจะได้ทราบวา่ โรงเรียนในในสงั กัดมี การสง่ เสรมิ อย่างไร เพอื่ จะไดน้ ้าผลการวจิ ัยใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อไป วตั ถปุ ระสงค์กำรวิจยั 1. เพ่อื ศึกษาความพงึ พอใจกิจกรรมอบรมและพฒั นาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา นักเรยี นแกนนา้ เพอ่ื การสง่ เสรมิ “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรยี นอยา่ งยั่งยนื 2. เพ่ือรวบรวมรายงานผลการด้าเนินงานการขับเคลื่อนนโยบายโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของ สา้ นักงานเขตพนื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี ขอบเขตของกำรวจิ ยั การวิจัยครังนี ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยก้าหนดขอบเขตเนือหา ประชากร กลุ่ม ตัวอยา่ ง ดังนี 1. ขอบเขตดำ้ นเนื้อหำ การวิจัยครังนี ผู้วิจัยได้ศึกษาขอบเขตเนือหาออกเป็นสองส่วนเพ่ือตอบค้าวัตถุประสงค์การวิจัยทัง 2 ขอ้ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการอบรม ประกอบด้วย ๔ ด้าน คือ ด้านความพรอ้ มในการจัด อบรม ด้านเนอื หาและหลักสูตรในการฝึกอบรม ดา้ นความเหมาะสมของวิทยากร ด้านนา้ ความรู้ไปใชไ้ ปใช้และ เผยแพร่ และเนอื หาการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมในคมู่ ือการจัดกจิ กรรมพฒั นาโรงเรียนคุณธรรม (ปภัสวดี วีร กติ ติ และคณะ, 2560) ประกอบด้วยงาน 4 ขันตอนหลัก คือ 1) การสร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนา ศักยภาพครูแกนน้าและนักเรียนแกนน้า 2) การลงมือปฏิบัติของโรงเรียน 3) การนิเทศติดตามโรงเรียน และ 4) การรายงานความกา้ วหนา้ และการประเมนิ ผล ซึง่ ประกอบดว้ ยกิจกรรมต่างๆ คอื กิจกรรมอบรมและพฒั นา ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียนแกนนาเพ่ือการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรียนอย่างยั่งยืน กิจกรรมการส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมในโรงเรียน กิจกรรมการนิเทศติดตามโรงเรียน กิจกรรมก้ากับ ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สพม.ปน. ระดับ 2 ดาว และ 3 ดาว ประจ้าปีงบประมาณ 2564 และกจิ กรรมการส่งเสริมคุรชุ นคนคณุ ธรรมและคัดเลอื กนวัตกรรมสร้างสรรคค์ นดี ประจ้าปงี บประมาณ 2564

3 2. ขอบเขตของประชำกรและกลมุ่ ตัวอยำ่ ง 2.1 ประชากร ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครูและนักเรียนในสังกัดส้านักงาน เขตพืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาปัตตานี 2.2 กลุ่มตวั อย่าง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยเพื่อตอบวัตถุประสงค์ ข้อที่ ๑ เป็นการเลือกกลุ่ม ตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครูแกนน้าและนักเรียนแกนน้าในสังกัด ส้านักงานเขตพนื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาปตั ตานี จา้ นวน 240 คน ประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รบั 1. โรงเรียนจัดการพัฒนาให้สอดคล้องกับผลการวิจัยในการสร้างคุณธรรม จริยธรรมแก่ นักเรยี นในโรงเรยี นของรัฐมากขึน 2. ผู้บริหารหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องในการบริหารโรงเรียนสามารถน้าผลท่ีได้จากการศึกษาไปเป็น ข้อมลู ในการปรับปรงุ และพัฒนาแนวทางการส่งเสรมิ โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สู่สถานศึกษาอยา่ งยงั่ ยืน 3. ส้านักงานเขตพืนท่ีการศึกษามีกระบวนการนิเทศ ติดตามอย่างเป็นระบบและเป็นข้อมูล สารสนเทศในการพฒั นาต่อไป กรอบแนวคิดกำรวิจยั การวิจัยครังนี ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพ่ือศึกษาและคู่มือการ พัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของมลู นิธิยวุ พฒั น์ ไดก้ รอบแนวคดิ ดงั นี การสรา้ งความรู้ การลงมือ ความเขา้ ใจ และ ปฏิบัตขิ อง การพฒั นาศักยภาพ โรงเรียน ครแู กนนาและ นกั เรยี นแกนนา รายงานผล การนิเทศ การ ติดตาม โรงเรียน ดาเนินงาน ภำพประกอบ 1 กระบวนการพฒั นาและขับเคลื่อนโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. สา้ นักงานเขตพืนท่ี การศึกษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี

4 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง การศึกษาถึงการพัฒนาโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาปัตตานี ในครั้ง น้ี ผู้วิจัยได้วิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกับความพึงพอใจ แนวคิดโรงเรียนคุณธรรมและงานวิจัยท่ี เก่ียวข้อง ดงั มีรายละเอยี ดตามลาดับดงั นี้ แนวคิดทฤษฎีเกีย่ วกับความพงึ พอใจ ความหมายของความพึงพอใจและลักษณะความพึงพอใจ ความพึงพอใจเป็นปัจจัย สาคัญประการหน่ึง ที่มีผลต่อความสาเร็จของงานที่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นผลจากการได้รับการ ตอบสนองต่อแรงจูงใจหรือความต้องการของแต่ละบุคคลในแนวทาง ที่เขาประสงค์ ความพึงพอใจโดยทั่วไป ตรงกับคาในภาษาองั กฤษว่า Satisfaction และยังมผี ูใ้ ห้ ความหมายคาว่า “ความพึงพอใจ” พอสรปุ ได้ดงั น้ี เชอร์เมอร์ฮอร์น (Schermerhorn,1984) ได้แสดงความคิดเห็นไว้วา่ ความพึงพอใจ เป็นระดับหรือข้ัน ของความรู้สกึ ในดา้ นบวกหรอื ลบของคนทม่ี ีตอ่ ลักษณะตา่ ง ๆ ของงาน รวมท้ัง งานที่ได้รับมอบหมาย การจัด ระบบงาน และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน จันทร์เพ็ญ ตูเทศานันท์(2542,อ้างอิงจาก Wolman, 1973) ให้ ความหมายของความพึงพอใจ ความพึงพอใจคือความรู้สึกมีความสุขเม่ือประสบผลสาเร็จตาม ความ คาดหวังความต้องการจากแรงจูงใจ ราชบณั ฑิตยสถาน (2542) ความพึงพอใจหมายถงึ พอใจ ชอบใจ ฮอร์นบี้ (Hornby, 2000) ความพึงพอใจหมายถึงความรู้สึกท่ีดีเม่ือประสบความสาเร็จ หรือได้รับส่ิงท่ีต้องการให้ เกดิ ข้ึนเป็นความร้สู กึ ทีพ่ อใจ โดยสรปุ แลว้ ความพงึ พอใจ หมายถึง ความพอใจ ชอบใจ และมคี วามสุข ท่คี วาม ตอ้ งการ หรือเป้าหมาย ท่ีต้ังใจไว้บรรลุผลหรือสมหวังน้ันเอง สาหรับผู้ใช้บริการให้ความรู้ ของกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการ จัดการศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ส่วนใหญ่ก็ย่อมจะมีความต้องการหรือความ คาดหวังวา่ การให้การอบรม จะอานวยความสะดวกให้แก่ผูใ้ ชใ้ นดา้ นคุณภาพของวิทยากร ดา้ นความสะดวกใน การบริการ และด้านความคาดหวังของความรู้ท่ีจะนาไปใช้ต่อ ที่จะทาให้ชีวิตของผู้ใช้บริการ ได้รับความ สะดวกมากยง่ิ ข้นึ ซง่ึ สามารถวัดไดจ้ ากแบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจ องค์ประกอบของความพึงพอใจ อเดยแ์ ละแอนเดอร์เชน (Aday & Andersen, 1978) กล่าวถึงทฤษฎี พน้ื ฐาน 6 ประเภท ที่เก่ียวข้องกับความพงึ พอใจของผมู้ าใชบ้ ริการและความรูส้ ึกทผ่ี ู้ใชบ้ ริการได้รบั จากบริการ เป็นสิ่ง สาคัญท่ีจะช่วยประเมินระบบบริการวา่ ได้มีการเข้าถึงผูใ้ ช้บริการ ความพงึ พอใจ 6 ประเภทนนั้ คือ 1. ความพึงพอใจต่อความสะดวกที่ไดร้ ับจากบริการ (Convenience) ซงึ่ แยกออกเป็น 1.1 การใชเ้ วลารอคอยใน สถานท่ีบริการ Ooffice Waiting Time) 1.2 การได้รับการดูแลเมื่อมีความต้องการ (Availability of Care When Needs) 1.3 ความสะดวกสบายทีไ่ ดร้ ับในสถานบรกิ าร (Base of Getting to Care) 2. ความพึงพอใจ ต่อการประสานงานของการบริการ (Co-ordination) ซึ่งแยกออกเป็น2.1 การได้รับบริการทุกประเภทใน สถานทีห่ น่ึง คือ ผู้ใช้บริการสามารถขอรับบรกิ าร ตามความตอ้ งการของผู้ใชบ้ รกิ าร (Getting all needs met at one place) 2.2 ผ้ใู หบ้ รกิ ารให้ความสนใจผู้ใช้บริการ 2.3 ได้มีการติดตามผลงาน (Follow-up) 3. ความ พึงพอใจต่อข้อมูลท่ีได้รับจากบริการ (Information) 4. ความพึงพอใจต่ออัธยาศัย ความสนใจของผู้ให้บริการ (Courtesy) ได้แก่ การแสดง อัธยาศัยท่าทางที่ดี เป็นกันเองของผู้ให้บริการ และความสนใจ ห่วงใยต่อ ผู้ใช้บริการ 5. ความพึงพอใจต่อคุณภาพของบริการ (Quality of Care) ได้แก่ คุณภาพของการบริการ ต่อ

5 ผใู้ ช้บริการ 6. ความพงึ พอใจตอ่ คา่ ใช้จ่ายเม่ือใช้บรกิ าร (Output-off-pocket cost) ได้แก่ คา่ ใช้จ่าย ตา่ ง ๆ ท่ี เกดิ ข้นึ ของผู้ใชบ้ ริการ แนวคิดเกี่ยวกบั โรงเรยี นคณุ ธรรม มูลนิธิยวุ สถิรคุณ ได้นอ้ มนาพระราชกระแสรบั สัง่ ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวฯ ซ่ึง พระราชทาน ให้กับคณะองคมนตรี ในโอกาสการจัดตงั้ “กองทุนการศึกษา” เม่ือปี พ.ศ.2555 ทวี่ ่า “ให้โรงเรียนสร้างคนดี ให้แก่บา้ นเมือง” และพระราชทานหลกั 3 ประการ ในเร่ืองครูและนักเรียน ดังน้ี “ให้ครูรักเด็ก และเด็กรักครู ให้ครูสอนให้เด็กมีน้ำใจต่อเพ่ือน ไม่ให้แข่งขันกัน แต่ให้แข่งกับตัวเอง และให้เด็กที่เรียนเก่ง ช่วยสอนเพ่ือนที่ เรียนช้ำกว่ำ ให้ครูจัดกิจกรรมให้นกั เรียนท้ำรว่ มกัน เพื่อใหเ้ ห็นคุณค่ำของควำมสำมัคคี” ด้วยควำมมุ่งม่ันท่ีจะ สนองพระรำชประสงค์ในกำรส่งเสริมกำรสร้ำงคุณงำมควำมดีให้เกิดขึนใน โรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนสร้ำงคนดี ให้แก่บ้ำนเมือง จึงเป็นท่ีมำของกำรจัดตัง “มูลนิธิยุวสถิรคุณ” โดยการ สนับสนุนของสานักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์ ซ่ึงมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานมูลนิธิยุวสถิ รคณุ ซึง่ มีความหมายวา่ มูลนิธยิ ุวสถิรคุณจะสร้างสรรค์ เยาวชนให้คงมัน่ อยใู่ นคุณความดีเสมอ โดยดาเนินงาน พฒั นาคณุ ธรรมในโรงเรียนควบคู่กนั ไปในศูนย์ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์สถานศึกษาพอเพยี ง ศูนย์จิตวิทยาการศึกษา และ ศูนยโ์ รงเรยี นคณุ ธรรม มลู นิธิยุวสถิรคุณ ได้อัญเชญิ พระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ท่ีว่า “ช่วยกัน สรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื ง” มาเป็นวิสัยทศั น์ในแผนดาเนินงาน โดยมี วตั ถุประสงค์ ดังนี้ 1. พัฒนาศักยภาพครูให้ตระหนักในบทบาทหน้าท่ี ความรับผิดชอบของอาชีพครู การสร้างเสริม คณุ ธรรมจริยธรรมในโรงเรียน และเปน็ ตน้ แบบทีด่ ีงามของนกั เรยี น 2. พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนแบบองค์รวม เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมท่ีพัฒนากระบวนการ คิดเชงิ ระบบ และใช้โครงงานคุณธรรม (Moral Project) เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ความดคี วามงามจาก การ ลงมอื ปฏิบตั จิ รงิ และมีความรู้สึกเปน็ เจา้ ของกิจกรรมดว้ ยความภาคภมู ิใจ 3. พัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม นักเรียน ลดพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ในโรงเรียน ส่งเสริมการสร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์เพ่ิมขึ้น เพื่อ เป้าหมายการสร้างคนดีสู่สังคม รวมทั้ง การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้เป็นต้นแบบ และเป็นศูนย์เรียนรู้ ของ โรงเรียนคุณธรรม 4. เพอื่ เฉลิมพระเกียรติฯ และถวายเป็นพระราชกุศลแดพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ศนู ย์โรงเรียน คุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ จะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพครูให้มีความสามารถใน การออกแบบและจัดการ เรียนรู้เชงิ บูรณาการความรู้คู่ความดี และสามารถพฒั นาคุณธรรมจริยธรรม นักเรยี นแบบองค์รวมได้ ภารกิจท่ี สาคัญคือ ส่งเสริมและสนับสนุนการจดั กิจกรรมต่างๆ ที่เสริมสรา้ ง ความสัมพันธ์และการเรียนรู้ระหว่างครูกับ นักเรียนในสถานศึกษา เพ่ือปลูกฝังอบรมบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรมให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มีความ ซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน สามารถพึง่ ตนเองได้ เพ่ือให้เด็ก และเยาวชนมีความสุขและความเจริญ การพัฒนา คณุ ธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชนตามแนวทางของศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ จะเน้นการ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมที่พัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบและใช้ โครงงานคุณธรรมเป็นเคร่ืองมือในการ เรียนรู้ความดีความงามจากการลงมือปฏิบัติจริง ทาให้เด็กและ เยาวชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรม/ โครงงานนั้นๆ ด้วยความภาคภมู ิใจ ซึ่งจะเป็นเครอ่ื งมือช่วยให้ เกดิ การลดพฤติกรรมท่ีไมพ่ ึงประสงค์ในโรงเรียน ให้น้อยลง และส่งเสริมการสร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ในโรงเรียนเพ่ิมขึ้น อันจะเป็นการพัฒนาโรงเรียนให้ เป็นโรงเรียนคุณธรรมต้นแบบ และเป็นศูนย์เรียนรู้ของ โรงเรียนคุณธรรมเพ่ือการขยายผลโรงเรียนคุณธรรม

6 เครือข่ายในโอกาสต่อไป งานหลักของศูนย์โรงเรยี นคุณธรรม มูลนิธยิ ุวสถริ คณุ จึงให้ความสาคญั กับงานพัฒนา ศักยภาพครู เพื่อให้ครูสามารถเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้บรรลุผลสาเร็จ การพัฒนา ศักยภาพ ครูให้มีความรู้ ความสามารถในการออกแบบและจัดการเรียนรู้ควบคู่กับการสร้างเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม และสามารถพัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรมนักเรยี นแบบองค์รวมได้ จะเป็นหลักประกันสาคัญอย่างหนง่ึ ท่ี ชว่ ย ให้การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมสามารถเร่ิมต้น และดาเนินการไปได้อย่างต่อเน่ืองด้วยความมุ่งม่ันของครู รว่ มกับการมภี าวะผู้นาของผู้บรหิ าร ความร่วมมือของนกั เรยี น ผปู้ กครองและผู้มีสว่ นเกย่ี วข้องในโรงเรยี น(ศนู ย์ โรงเรียนคณุ ธรรม มูลนิธยิ ุวสถิรคุณ, 2559) ส่วนโครงการโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. เป็นการดาเนินงานเพื่อสืบ สานพระราชปณิธานเดินตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 10 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดาเนินงานตามนโยบายภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ เกี่ยวกับเรอ่ื งคุณธรรม โดยร่วมหารือกับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ในฐานะผ้รู บั ผิดชอบการ จัดการศึกษาสาหรับเยาวชนส่วนใหญ่ของประเทศให้เป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ อีกท้ังรับผิดชอบในการจัด การศึกษาเพื่อให้เยาวชนทุกคนมีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ตามนโยบายของ กระทร วงศึกษาธิการโด ยผลการหา รือสรุ ปได้ว่ าการพั ฒนาคุณธรร มให้กับเยา วชนของชา ติจาเ ป็นต้อง ดาเนินการจัดทา “โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.” เพื่อพัฒนาโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้ นักเรียน ครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาตระหนักรู้ เข้าใจ และมีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลซึมซับ คุณค่าแห่งคุณธรรมความดีอย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างความรู้สึกผิดชอบช่ัวดีรวมท้ังสร้างเครือข่ายชุมชน องค์กรแห่งคุณธรรม โดยประสานความร่วมมือจากหน่วยงาน และองค์กรท่ีท้างานด้านคุณธรรมอย่างเป็น รูปธรรมท่ีชัดเจนรูปแบบของโรงเรียนคุณธรรมนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนและทาได้ง่าย เป็นการลงทุนต่าแต่ได้ กาไรมาก และสามารถเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของนักเรียนได้จริง โดยหลักการของโรงเรียนคุณธรรมสามารถ นาไปใช้ได้กับโรงเรียนในทุกศาสนา ไม่ผูกขาดกับศาสนาใดศาสนาหนึ่งเปรียบเสมือนเป็นคุณธรรมสากล ที่จะ ช่วยให้พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในโรงเรียน \"ลดลง\" และส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ \"เพิ่มข้ึน\" ซ่ึง นับเป็นการพัฒนาเยาวชน ผู้ปกครอง และชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้ผู้บริหาร ครู และ นักเรียน ตระหนักรู้ เข้าใจ และมีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล ซึมซับคุณค่าแห่งคุณธรรมความดีอย่างเป็น ธรรมชาติสร้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและภูมิใจในการทาความดี สร้างเครือข่ายชุมชนองค์กรแห่งคุณธรรมโดย ขอความร่วมมือจากหน่วยงาน และองค์กรท่ีทางานด้านคุณธรรมอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนและมีความต่อเนื่อง (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน, 2559) ความหมายของคุณธรรม จริยธรรม คุณธรรมและจริยธรรม หมายถึง คุณธรรมในจิตใจและแสดงออกมาในทางปฏิบัติ พฤติกรรมเป็น จริยธรรมเม่ือบัญญัติคาว่าคุณธรรมและจริยธรรมมาใช้ในสังคมไทย จึงได้กาหนดความหมายของคาว่า “ศีลธรรม”ใหม่ หมายถึง หลักการประพฤติปฏิบัติของศาสนาซึ่งไม่เป็นสากล ต่อมาจึงมีการละเลย คาว่า ศีลธรรมในสังคมจนทา้ ยที่สดุ กต็ ัดทิ้งไปจากการเรียนการสอนและสังคมไทย คาว่าคณุ ธรรม จริยธรรม ศีลธรรม และคาอื่นๆ ที่มีความหมายไปในทานองเดียวกัน เช่น จริยศาสตร์ ค่านิยม ดูจะเป็นคาที่ผู้คนหันมาให้ความ สนใจกันมากขึ้น บางคร้ังก็เกิดความยุ่งยากสับสน คาแต่ละคาเหล่าน้ีมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร จาก การศึกษาเอกสาร ตารา งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับความหมายของคุณธรรมจริยธรรม พบว่า นักวิชาการส่วน ใหญ่ได้ให้ความหมายของคาว่า คุณธรรม จริยธรรมที่คล้ายคลึงกัน จะแตกต่างกันอยู่บ้างก็แต่ในรายละเอียด เท่าน้ัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายว่า “คุณธรรม” คือ สภาพคุณงาม

7 ความดแี ละ “จริยธรรม” คือธรรมทีเ่ ปน็ ข้อประพฤตปิ ฏิบัตศิ ีลธรรม กฎศลี ธรรม กระทรวงศึกษาธิการ (2548) ให้ความหมายคุณธรรมไว้ว่า สิ่งที่บุคคลส่วนใหญ่ยอมรับว่าดีงาม ซ่ึงส่งผลให้เกิดการกระทาที่เป็นประโยชน์ และความดีงามที่ดีท่ีแท้จริงต่อสังคม ดวงเดือน พันธุมนาวิน (2548) กล่าวว่า คุณธรรม หมายถึง ส่ิงที่สังคม ว่าดีควรทา จริยธรรม ตามความหมายทางจิตวิทยา หมายถึง ระบบการทาความดีละเว้นความช่ัวนอกจากนี้ คาว่า จริยธรรม ยงั ใชค้ รอบคลมุ คาวา่ คุณธรรม ค่านิยม กฎหมายกฎระเบยี บ หลักศาสนา กฎจราจร บรรทัด ฐานของสังคม กระทรวงวฒั นธรรม (2550) ให้ความหมายว่า คุณธรรม หมายถึง การปฏบิ ัติตนและประพฤติ ตนตามศีลธรรมอันดี และยึดหลัก จริยธรรมความถูกต้องและดีงาม ส่วนจริยธรรมหมายถึง กฎเกณฑ์ ความ ประพฤติท่ีดีของมนุษย์ซ่ึงเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์เอง ได้แก่ ความเป็นผู้มีปัญญา และรู้จักไตร่ตรอง แยกแยะความดีความชั่ว ถกู -ผดิ ควร-ไมค่ วร เป็นการควบคมุ ตนเองและเปน็ การควบคุมกนั เองในกลมุ่ หรือเป็น ศีลธรรมเฉพาะกลุ่ม กรมการศาสนา (2551) คุณธรรม หมายถึง สิ่งที่มีคุณค่า มีประโยชน์ เป็นความดี เป็น มโนธรรม เป็นเครื่องประคับประคองใจให้เกลียดความช่ัว กลัวบาป ใฝค่ วามดี เป็นเคร่ืองกระตุน้ ผลักดนั ใหเ้ กิด ความรู้สึกรับผิดชอบ เกดิ จิตสานึกท่ีดีมีความสงบเย็นภายในและเปน็ สิ่งท่ีต้องปลูกฝังโดยเฉพาะ เพือ่ ให้เกิดข้ึน และให้เหมาะสมกับความต้องการในสังคมไทย ส่วนอีกมุมมองก็ได้ให้ความหมายว่า คุณธรรม หมายถึง ภาวะ จิตใจท่ีเมื่อสาแดงความประพฤติออกมาแล้ว สังคมตัดสินออกมาว่า เป็นจริยะท่ีดี จริง งาม ถ้าใจเราคิดดี คิด จริงและคิดงาม และประพฤติออกมาดี จรงิ งาม แสดงว่าคนๆ นั้น มีคุณธรรม แต่ถ้าใจคิดช่ัว คิดไม่จริง (เท็จ) คิดไม่งาม ก็จะมีความประพฤติชั่ว เท็จ และไม่งาม ซ่ึงเราก็จะ เรียกว่าคนไม่มีคุณธรรม ดังนั้น สังคมจึงต้อง สร้างเครื่องตัดสินว่า อะไรคือดี จริง งาม คณุ ธรรมคอื ธรรมท่ีเป็นคุณหรือสภาพคุณงามความดี เริม่ ต้ังแต่ความ นึกคิด ความปรารถนา ความต้ังใจ คนที่มีคณุ ธรรม เมื่อคิดดีแล้ว ย่อมแสดงพฤตกิ รรมคอื คาพดู และการกระทา ที่ปรากฏออกมาแล้ว สังคมตดั สินวา่ ดี จริง และงาม คนทีไ่ มม่ คี ุณธรรม เมื่อคิดชั่วแลว้ ย่อมแสดงพฤติกรรมคือ คาพูดและการกระทาที่ปรากฏออกมา แล้ว สังคมตัดสินว่า เลว เท็จ อัปลักษณ์(ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิ ยุวสถิรคุณ, 2558) สรุปได้ว่า คุณธรรม หมายถึง ส่ิงท่ีมีคุณค่า มีประโยชน์ เป็นความดี เป็นมโนธรรมเป็นความคิดดีท่ี กระตุ้นให้มีการประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบท่ีดีงามและสามารถจาแนกความถูกผิดได้มีสติสัมปชัญญะมีความ รับผิดชอบชัว่ ดี มี อุปนิสัยความตั้งใจและเจตนาทด่ี ีงามรวมถึงการกระทาหรอื การแสดงออกใหเ้ ห็นเป็นตัวอย่าง ในสิง่ ดงี ามที่สังคมยอมรบั และสนับสนุน ความสาคัญของคณุ ธรรม คุณธรรมเป็นเรื่องนามธรรม เป็นเรื่องของความดี ที่ยากท่ีจะให้คาจากัดความ และมีมากมายต่าง ทัศนะต่างระดับ จนถึงขั้นพรหมจรรย์อันเป็นคุณธรรมช้ันสูงของผู้ที่เป็นเทพชั้นพรหมเพื่อให้บรรลุถึงขั้นโลกุต ธรรม มีนักการศึกษาได้ให้ความสาคัญของคุณธรรมไว้ดังที วีระ บารุงรักษ์ (2527) กล่าวว่า คุณธรรม เป็น พนื้ ฐานการแสดงออกของการกระทาทเี่ ป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อ่ืนอนึ่งคณุ ธรรมเปน็ บ่อเกิดของจริยธรรม และเป็นแก่นของค่านิยม โกสินทร์ รังสิยาพันธ์ (2530) กล่าวว่า คุณธรรมเป็นสิ่งท่ีดีงามที่ควรปลูกฝังและ ดารงไว้ คุณธรรมก่อให้เกิดคุณธรรมอ่ืนๆ คือ เม่ือฝึกคุณธรรมใดคณุ ธรรมหน่ึงแล้วก็พลอยได้คุณธรรมอื่นๆ ไป ด้วยแต่ถ้าปล่อยให้กิเลสหน่ึงเกาะกุมกิเลสอีกหลายอย่างก็จะเกิดตามมาด้วยเช่นกัน คุณธรรมยังเป็นส่วนหน่ึง ของบุคลิกภาพผู้สนใจพัฒนาบุคลิกภาพจะต้องสนใจฝึกฝนคุณธรรมให้ม่ันคง จริยธรรมเป็นเครื่องมือ ยุทธศาสตรข์ องชาติและสังคม เป็นเครอ่ื งชีว้ ัดความเจรญิ ความเสอ่ื มของสงั คมหวั ใจของการพัฒนาทย่ี ง่ั ยืน การ พัฒนาท่ีเหนือกว่าความเจริญทางวัตถุ รากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขการยอมรับนับถือซ่ึงกันแลกัน ของทุกคนและทุกกลุ่มในสังคม รากฐานของความเข้มแข็งของชาติ กองทัพและกลุ่มอาชีพ เรื่องการพัฒนา

8 คุณภาพชีวิตความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นอานาจกาลังรบที่ไม่มีตัวตน และเป็นตัวคูณอานาจกาลัง รบ อกี ท้งั จรวยพร ธรณนิ ทร์, (ออนไลน์) ได้กลา่ วถึงความสาคัญของคณุ ธรรม จริยธรรม และธรรมาภบิ าล คุณธรรม (Moral / Virtue) และ จริยธรรม (Ethical) เป็นกลไกเพ่ือการควบคุมตนเอง ซึ่งเป็น กระบวนการกากับพฤตกิ รรมของคนแตล่ ะคนในองค์กร สง่ เสริมใหป้ ระพฤตชิ อบ (ทาดี มปี ระสทิ ธิภาพ) ส่วนธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นกลไกเพ่ือการควบคุม โครงสร้างของหน่วยงาน ระบบการ บริหาร และกระบวนการดาเนินงาน ซ่ึงเป็นกระบวนการกากับการปฎิบัติงาน (Operation) ของคนท้ังหมดใน องคก์ ร เป็นการลดการทุจรติ ประพฤตมิ ิชอบ (ไม่ละเมิดกฎหมาย จริยธรรม จรรยาบรรณ ดังน้นั ทั้งคุณธรรม จรยิ ธรรม และธรรมาภบิ าล มีเป้าหมายเดียวกัน คอื นาไปสู่การลดความสูญเสีย ขจัด ความรว่ั ไหล ป้องกันการทจุ ริต การประพฤติและดาเนินการที่มิชอบเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผล ความคมุ้ ค่า โปร่งใส ตอบสนอง สุจริต ซ่ือตรง และเท่ียงธรรม เม่ือนามาใช้ในการบริหารงานที่จะ ช่วยสร้างสรรค์และ สง่ เสริมองค์กรให้มีศักยภาพและประสทิ ธภิ าพ อาทิ พนักงานตา่ งทางานอยา่ งซื่อสัตย์สจุ รติ และขยันหมัน่ เพียร ทาให้ผลประกอบการขององค์กรธุรกิจน้ันขยายตัว นอกจากน้ีแล้วยังทาให้บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ศรัทธา และเชื่อมั่นในองค์กรน้ัน ๆ อันจะทาให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น องค์กรที่โปร่งใส ย่อมได้รับความ ไว้วางใจในการร่วมทาธุรกจิ รัฐบาลท่โี ปร่งใสตรวจสอบได้ ยอ่ มสร้างความเช่ือม่ันให้แก่นักลงทุนและประชาชน ตลอดจนส่งผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ เป็นต้น วศิน อินทสระ (2541) ไดก้ ลา่ วถงึ ความสาคญั และประโยชนข์ องจริยธรรมดงั จะกล่าวโดยย่อดังนี้ 1. จรยิ ธรรมเป็นรากฐานอันสาคัญแห่งความเจริญรุง่ เรือง ความมัน่ คงและความสงบสุขของปัจเจกชน สังคมและประเทศชาติอย่างยิ่ง รัฐควรส่งเสริมประชาชนให้มีจริยธรรมเป็นอันดับแรก เพื่อให้เป็นแกนกลาง ของการพัฒนาด้านอ่ืนๆ ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา การเมืองการปกครอง ฯลฯ การพัฒนาท่ีขาดจริยธรรมเป็น หลักยึดย่อมเกิดผลร้ายมากกว่าดี เพราะผู้มีความรู้แต่ขาดคุณธรรม ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียได้มากกว่าผู้ ดอ้ ยความรู้ โดยท่านกล่าววา่ “ ผ้มู คี วามรู้แต่ไม่รู้วธิ ที ่ีจะประพฤติตน ย่อมกอ่ ใหเ้ กิดความเสื่อมเสียได้มากกว่าผู้ มีความรนู้ ้อย ถ้าเปรยี บความรู้เหมือนดิน จริยธรรมย่อมเป็นเหมือนน้า ดินทีไ่ ม่มีน้ายดึ เหนี่ยวเกาะกุมย่อมเป็น ฝุ่นละอองให้ความราคาญมากกว่าให้ประโยชน์ คนท่ีมีความรู้แต่ไม่มีจริยธรรมจึงมักเป็นคนที่ก่อความราคาญ หรอื เดอื ดรอ้ นให้แกผ่ อู้ ่นื อยู่เนอื งๆ” 2. การพัฒนาบ้านเมือง ตอ้ งพัฒนาจิตใจคนกอ่ น หรอื อย่างนอ้ ยก็ให้พร้อมๆไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาวิชาการอื่นๆ เพราะการพัฒนาท่ีไม่มีจริยธรรมเป็นแกนนาน้ันจะสูญเปล่าและเกิดผลเสียเป็น อันมากทาให้บุคคลลุ่มหลงในวัตถุและอบายมุข การท่ีเศรษฐกิจต้องเส่ือมโทรม ประชาชนทุกข์ยาก เพราะคน ในสังคมละเลยจริยธรรม กอบโกยทรัพย์สินเป็นประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไปขาดความเมตตาปราณี แล้งน้าใจ ในการดาเนินชวี ิตซ่งึ กนั และกนั 3. จริยธรรม มิได้หมายถึง การถือศีล กินเพล เข้าวัดฟังธรรม จาศีลภาวนา โดยไม่ช่วยเหลือทา ประโยชน์ให้แก่สังคม แต่จริยธรรมหมายถึงความประพฤติ การกระทาและความคิดท่ีถูกต้องเหมาะสมการทา หน้าทขี่ องตนอย่างถกู ตอ้ งสมบูรณ์ เว้นสิ่งควรเวน้ ทาส่ิงควรทา ดว้ ยความฉลาดรอบคอบ รู้เหตุร้ผู ลถูกตอ้ งตาม กาลเทศะและบุคคล ดงั น้นั จะเหน็ วา่ จรยิ ธรรมจึงจาเป็นและมีคณุ ค่าสาหรับทุกคนในทุกวชิ าชพี ทกุ สังคม สังคม จะอยู่รอดด้วยจรยิ ธรรม 4.การทุจรติ คดโกง การเบียดเบียนกันในรูปแบบตา่ งๆอันเป็นเหตใุ หส้ ังคมเส่ือมโทรม มสี าเหตุมาจาก การขาดจริยธรรมของคนในสังคม ทรัพยากรธรรมชาติในโลกน้ีน่าจะพอเล้ียงชาวโลกไปได้อีกนาน ถ้าชาวโลก ช่วยกันละทิ้งความละโมบโลภมาก แล้วมามีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม ยึดเอาจริยธรรม เปน็ ทางดาเนินชีวิต ไมใ่ ช่ยึดเอาลาภยศความมีหน้ามีตาในสังคมเป็นจุดหมาย ถ้าส่ิงน้ันจะเกิดข้ึนก็ถือเป็นเพยี ง

9 ผลพลอยได้และนามาใช้เป็นเคร่ืองมือในการประพฤติธรรม เช่น อาศัยลาภผลเป็นเครื่องมือในการบาเพ็ญ สาธารณประโยชน์อาศัยยศและความมีหน้ามีเกียรติในสังคมเป็นเคร่ืองมือในการจูงใจคนผู้เคารพนับถือเข้าหา ธรรม 5. จริยธรรมสอนให้เราเลกิ ดูหม่ินกดข่ีคนจน ให้เอาใจใส่ดูแลเอื้ออาทรต่อผู้สูงอายุ ซ่ึงเป็นบุพการีของ ชาติ สอนให้เราถ่อมตัวเพื่อเข้าหากนั ไดด้ ีกับคนทั้งหลาย และไมว่ างโตโอหงั อวดดีหรือก้าวร้าวผู้อื่น สอนให้เรา ลดทิฏฐิมานะลงให้มากๆเพ่ือจะได้มองเห็นส่ิงต่างๆตามความจริง ไม่หลงสาคัญตัวว่ารู้ดีกว่า มีความสามารถ กว่าใคร ผู้นาที่มีจริยธรรมสูงย่อมเป็นที่เคารพกราบไหว้ของทั้งหลายได้อย่างสนิทใจ เราควรเลือกผู้นาที่ สามารถนาความสงบสุขทางใจมาสู่มวลชนได้ด้วย เพ่ือสันติสุขจะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก ความ แข็งแกร่งทางกาลังกายกาลังทรพั ยแ์ ละอาวุธนน้ั ถ้าปราศจากความแข็งแกร่งทางจริยธรรมเสยี แล้ว บคุ คลหรือ ประเทศชาติจะมั่นคงอยู่ได้ไม่นาน สังคมท่ีเจริญมั่นคงต้องมีจริยธรรมเป็นเคร่ืองรับรอบหรือเป็นแกนกลาง เหมือนถนนที่ม่ันคงหรือตึกที่แข็งแรง เขาใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแม้เหล็กจะไม่ปรากฏออกมาให้เห็นภายนอก แต่มีความสาคัญอยู่ภายในนายช่างย่อมร้ดู ี ทานองเดียวกันกับบัณฑิตย่อมมองเห็นอย่างแจม่ แจ้งว่าจริยธรรมมี ความสาคัญในสังคมเพียงใด นอกจากน้ี ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธยิ ุวสถิรคุณ (2559) ได้ให้ความสาคัญไว้ วา่ เพ่ือเฉลิมพระเกยี รติฯ และถวายเป็นพระราชกุศลแดพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ศนู ยโ์ รงเรยี นคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ จะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพครูให้มีความสามารถใน การออกแบบและจัดการเรียนรู้เชิง บูรณาการความรู้คู่ความดี และสามารถพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนแบบองค์รวมได้ ภารกิจท่ีสาคัญคือ สง่ เสริมและสนบั สนุนการจัดกิจกรรมตา่ งๆ ที่เสรมิ สร้าง ความสัมพนั ธแ์ ละการเรยี นรู้ระหว่างครูกบั นักเรียนใน สถานศึกษา เพ่ือปลูกฝังอบรมบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรมให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มีความซ่ือสัตย์สุจริต ขยนั อดทน สามารถพึ่งตนเองได้ เพ่ือให้เดก็ และเยาวชนมีความสขุ และความเจรญิ ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า ความสาคัญของคุณธรรมทาให้เกิดจริยธรรม ค่านิยมที่เหมาะสมส่ง ผลสู่การ นาไปปฏิบัติท่ีถูกต้อง ตลอดจนทาให้เกิดความสุขความพงึ พอใจให้กับตนเองและทาให้เกิดสันติสุขต่อสังคม ซึ่ง คุณธรรมสามารถที่จะปลูกฝังกันได้ เม่ือบุคคลเกิดคุณธรรมอย่างหน่ึงก็จะส่งผลให้เกิดคุณธรรมด้านอื่นๆ ตามมา องค์ประกอบของคณุ ธรรมจรยิ ธรรม นกั จติ วทิ ยาและนกั วิชาการหลายทา่ น ได้จาแนกองค์ประกอบของจริยธรรม กรมวิชาการ (2535) ได้ จัดทาเอกสารการประชุมเกี่ยวกับจริยธรรมไทย สรุปว่า จริยธรรมของบุคคลมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ด้านความรู้ (moral reasoning) คือ ความเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม สามารถตัดสินแยกความ ถกู ต้องออกจากความไม่ถกู ตอ้ งได้ดว้ ยการคดิ ด้านอารมณ์ความรู้สึก (moral attitude and belief) คือ ความ พึงพอใจ ความศรัทธาเลื่อมใส ความนยิ มยินดี ท่ีจะรบั จริยธรรมมาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบตั ิตน ดา้ น พฤติกรรม (moral conduct) คือการกระทาหรือหารแสดงออกของบุคคลในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเช่ือว่าเกิด จากอิทธิพลของทั้งสององค์ประกอบข้างต้น ธีระพร อุวรรณโณ (2530) ได้สรุปองค์ประกอบท่ีสาคัญ ของ จริยธรรมของบุคคล ดังนี้ 1. องค์ประกอบด้านความรู้ได้แก่ความเข้าใจในเหตุผล ของความถูกต้องดีงาม สามารถตดั สิน แยกความถูกผดิ ได้ด้วยความคิด 2. องคป์ ระกอบด้านอารมณ์และความรสู้ กึ ไดแ้ ก่ความพึงพอใจ ศรัทธาเล่ือมใส เกิดความนยิ ม ยินดีท่จี ะรับจรยิ ธรรมน้ันมาเป็นแนวปฏบิ ัติ 3. องค์ประกอบด้านพฤติกรรมการ แสดงออก หรือพฤติกรรมท่ีบุคคลตัดสินใจ ท่ีกระทาถูกหรือ ในสถานการณ์แวดล้อมต่างๆกัน วัลลภา จันทร์ เพญ็ (2544) สรุปองค์ประกอบ ของจริยธรรมวา่ จรยิ ธรรม แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ทางด้านความรคู้ วามคิด ซึง่ ได้นาความรู้เจตคตแิ ละเหตุผลเชิงจริยธรรม สิ่งเหล่าน้ีเป็นสิ่งที่อยู่ ในตัวของบคุ คล ไมส่ ามารถมองเห็น ต้อง

10 ใช้เคร่ืองมือวัด ส่วนอีกด้านหน่ึงเป็นพฤติกรรม ซ่ึงสามารถสังเกต เห็นการกระทาเหล่าน้ันได้โดยตรงและ ลักษณะต่าง ๆ ของมนุษย์ท่ีเก่ียวข้องกับจริยธรรมนั้นมี 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบด้านปัญญา องค์ประกอบดา้ นอารมณ์ความรู้สึก และองค์ประกอบทางด้าน พฤติกรรม และเม่ือพิจารณาองค์ประกอบด้าน ต่าง ๆ ของจริยธรรม องค์ประกอบด้านพฤติกรรมจัดว่า เป็นองค์ประกอบที่จาเป็นสาหรับการใช้ชีวิตร่วมกัน ของคนในสังคมโดยสังคมมุ่งหวังให้บุคคลมีพฤติกรรม จริยธรรมท่ีดี จะเห็นได้ว่า องค์ประกอบของจริยธรรม ครอบคลุมถึงองค์ประกอบด้านความรู้ความเข้าใจ ในเหตุผลของความถูกต้อง องค์ประกอบด้านอารมณ์ ความรู้สึก ซ่ึงเป็นความพึงพอใจ ศรัทธาเล่ือมใส ในการนาแนวคิด เชิงจริยธรรมไปสู่การปฏิบัติและ องค์ประกอบด้านพฤติกรรมมาแสดงออก ซึ่งเป็น พฤติกรรมการแสดงออกที่บุคคลตัดสินใจกระทาถูกหรือผิด ในสถานการณ์ต่าง ๆ สว่ น พิบลู ย์ กระแสสขุ (2541) ได้แบ่งองค์ประกอบของจริยธรรมไว้ 3 องคป์ ระกอบคือ 1. องคป์ ระกอบดา้ นความคิดหรือทางปัญญา เป็นส่วนหนึ่งของความเช่อื ต่างๆ เกย่ี วกับพฤติกรรมทาง จริยธรรมและเป็นส่วนหนึ่งท่ีจะประเมินหรือตัดสินว่าพฤติกรรมใดดี ท่ีควรปฏิบัติหรือไม่ควรปฏิบัติ มโนทัศน์ อ่ืนๆ ท่ีใช้เรียกองค์ประกอบนี้ ได้แก่ ความคิดทางจรยิ ธรรม ค่านิยมทางจริยธรรมความเช่ือทางจริยธรรม การ ตดั สนิ ใจทางจรยิ ธรรม และความรคู้ วามเข้าใจทางจรยิ ธรรม 2. องค์ประกอบทางอารมณ์ หมายถึง ความรู้สึกหรือปฏิกิริยาท่ีมีต่อพฤติกรรมทางจริยธรรมว่า มี ความพอใจหรือไม่ ชอบหรือไม่ชอบ มโนทัศน์ท่ีใช้เรียกองค์ประกอบน้ี ได้แก่ ความรู้สึกทางจริยธรรม ทัศนคติ ทางจรยิ ธรรม และเปน็ ปฏกิ ริ ยิ าทางจริยธรรม 3. องค์ประกอบทางพฤติกรรม หมายถึง พฤติกรรมหรือการกระทาที่บุคคลแสดงออกต่อตนเอง ต่อ ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม และเป็นพฤติกรรมที่ตัดสินได้ว่าดีไม่ดี ถูกไม่ถูก ควรหรือไม่ควรมโนทัศน์อ่ืนๆ ท่ีใช้เรียก องคป์ ระกอบเหล่านี้ ไดแ้ ก่ ความประพฤติทางจริยธรรม การกระทาทางจริยธรรม และพฤติกรรมทางจริยธรรม สมบูรณ์ ศาลยาชีวิน และคณะ (2536) ได้กล่าวถึงจริยธรรมของบุคคลประกอบด้วยสิ่งสาคัญ 3 ประการคอื 1. องคป์ ระกอบดา้ นความรู้ คอื ความรคู้ วามเขา้ ใจในเหตุผลของความถกู ต้องออกจากความไมถ่ ูกต้อง ดว้ ยความคดิ 2. องค์ประกอบด้านอารมณ์ ความรู้สึก คือ ความพึงพอใจ ศรัทธา เลื่อมใส เกิดความนิยมยินดีท่ีจะ ไดร้ บั นาจริยธรรมมาเปน็ แนวปฏิบตั ิ 3. องค์ประกอบด้านพฤติกรรมการแสดงออก คือ พฤติกรรมการกระทาที่บุคคลตัดสินใจกระทาถูก หรือผิดในสถานการณ์สิ่งแวดลอ้ มต่างๆ เชื่อว่า อิทธิพลส่วนหนึ่งของการกระทาหรือไมก่ ระทา พฤติกรรมแบบ ใดจะเกดิ ขึ้นกบั อทิ ธพิ ลของส่วนประกอบสาคญั ดังกล่าว กระบวนการพัฒนาโรงเรยี นคุณธรรมจริยธรรม ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ (2559)ได้กาหนดกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม จริยธรรม หรือเรียกโดยย่อว่า “โรงเรียนคุณธรรม” ประกอบด้วยงาน 4 ข้ันตอนหลัก และแบ่งเป็น 10 ขน้ั ตอนยอ่ ย ได้แก่ 1. การสร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาศักยภาพครูแกนนาและนักเรียน แกนนาเพ่ือการ พัฒนาโรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม มีข้ันตอน ดังน้ี (1) การประชุมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเชิงลึกแก่ ผูบ้ ริหารเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บรหิ าร สถานศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษา เพ่ือใหม้ ีความเข้าใจสมคั รใจ และพร้อมใจกันท้ังผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักเรียน และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ในการตัดสินใจเข้าร่วมการพัฒนา

11 เป็นโรงเรียนคุณธรรม (2) การอบรมเชิงปฏิบัติการเพ่ือพฒั นาศักยภาพครูแกนนา เป็นการประชุมระดมสมอง เพอื่ ค้นหา “คณุ ธรรมเปา้ หมาย” และระบุพฤตกิ รรมบ่งช้เี ชิงบวกของคณุ ธรรมเป้าหมายแต่ละด้านท่ี โรงเรยี น ได้คัดเลือกไว้ คุณธรรมเปา้ หมายทมี่ ีการระบุพฤติกรรมบ่งช้ีไวด้ ้วย จะเรียกรวมว่า “คุณธรรม อัตลักษณ์” โดย จาแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหาร ครู และนักเรียน เพ่ือให้แต่ละกลุ่มทราบวิธีปฏิบัติ ตนในแต่ละด้าน เช่น ด้านความซื่อสัตย์ วิธีปฏิบัติของครู เช่น เข้าสอนตรงเวลา ส่วนวิธีปฏิบัติของ นักเรียน เช่น ไม่ลอกการบ้าน เป็นต้น และให้ทราบแนวทางการพัฒนาโครงงานคุณธรรม (Moral Project) เพื่อเป็นเครื่องมือในการ ปฏิบตั ิการเรียนรคู้ ุณธรรมและจรยิ ธรรม (3) การพัฒนาศักยภาพนักเรยี นแกนนา และนักศกึ ษาแกนนา เพื่อให้ มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถดาเนินงานเป็นหลักในการพัฒนาเข้าสู่โรงเรียนคุณธรรม โดยมีครูเป็นท่ี ปรึกษา (4) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการความรู้คู่ความดี เป็นการพัฒนากิจกรรม การเรียน การสอนในชั้นเรยี นท่ีบูรณาการสาระคุณธรรมเข้าไว้ในสาระวิชาต่างๆ โดยจะดาเนนิ งานตาม ความพร้อมของ แต่ละโรงเรียน (5) การศึกษาดูงานโรงเรียนคุณธรรมต้นแบบในภูมิภาคใกล้เคียงเพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้และ สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งด้านวิชาการ และกิจกรรมพัฒนานักเรียนร่วมกัน เพ่ือความย่ังยืนของโรงเรียน คณุ ธรรมในชมุ ชนทอ้ งถน่ิ และภูมิภาค 2. การลงมือปฏิบัติของโรงเรียน (6) ทุกคนในโรงเรียนร่วมกันลงมือพัฒนา “โครงงานคุณธรรม” (Moral Project) ซง่ึ จะเป็น แผนปฏิบัติงาน เปน็ เคร่ืองมือในการปฏิบัติการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ความดี เป็น การระดมสมองในการ วางแผน แบ่งงานกันทา ลงมือปฏิบัติ ปรึกษาหารือกัน และประเมินผลสาเร็จร่วมกัน ประการสาคัญคือ ต้องเป็นโครงงานคุณธรรมที่เด็กคิด เด็กเลือก เด็กทา และให้ทุกคนมีส่วนร่วมลงมือปฏิบัติ จริงอย่างเต็มที 3. การนิเทศอาสาติดตามโรงเรียน (7) การนิเทศอาสาติดตามเพื่อเสริมหนุนและให้กาลังใจโรงเรียน โดยผู้นิเทศอาสาของมูลนิธิ ยุวสถิรคุณ จะมาเยี่ยมชม ให้คาแนะนา เพ่ือให้คาปรึกษาหารืออย่างเป็น กัลยาณมิตร แลกเปล่ียนเรียนรู้ และเป็นกาลังใจให้กันและกัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม อย่างต่อเน่ือง และจะเกิด ความยั่งยืนตลอดไป 4. การรายงานความก้าวหน้าและการประเมินผล (8) การ ประชุมเชิงปฏิบัติรายงานความก้าวหน้าของโครงการจะจัด 2 คร้ัง/ปี เมื่อครบ 6 เดือน และครบปี เพื่อ แลกเปล่ียนเรียนรู้ และนาเสนอผลงานความสาเร็จ (9) การสังเคราะห์ และถอดบทเรียน เพื่อให้โรงเรียน ปรับปรุงกระบวนการพัฒนาโรงเรียน คุณธรรมของตนเองให้มีคุณภาพย่ิงข้ึน (10) การประเมินผลสาเร็จของ การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม เป็นการประเมินผลพฤติกรรมท่ีมี การเปลี่ยนแปลงไป ตัวชี้วัดท่ีสาคัญ คือ พฤติกรรมทีไ่ ม่พงึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นลดลง และ พฤติกรรมทพี่ ึงประสงคใ์ นโรงเรยี นเพิ่มขึ้น กิจกรรมการพัฒนาโรงเรียน คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ เป็นมูลนิธิยุวสถิรคุณที่มีภาระหน้าท่ีโดยตรงในการ ดาเนินงานกิจกรรมการเรียนรู้ การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม เพ่ือสนองพระราชกระแสรับส่ังของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่ีว่า “ช่วยกันสร้างคนดีให้บ้านเมือง” หลักการและแนวทางของ กิจกรรม ต่างๆ จึงมงุ่ ให้ความรู้ ความเข้าใจ และจดั กจิ กรรมฝึกทกั ษะทีจ่ าเปน็ ให้แก่ครู นักเรยี น ผู้บรหิ าร และผู้มีสว่ นได้ ส่วนเสียในโรงเรียน มุ่งให้ทุกคนในโรงเรียนรู้จักคุณค่าของตนเอง รู้จักใช้ชีวิตอย่าง มีคุณภาพ มีคุณธรรมเป็น หลักในการดาเนินชีวิตประจาวัน รู้จักคดิ อย่างมีเหตุผล มีน้าใจช่วยเหลือกัน มีความรักเป็นพื้นฐานของการอยู่ ร่วมกนั ในโรงเรยี น มคี วามสามัคคี ประพฤติตนเปน็ ตัวอย่างท่ีดี มีจติ สาธารณะช่วยเหลือผู้อ่ืนเสมอ บรรยากาศ ในโรงเรียนน่าอยู่ น่าเรียน ทุกคนจะอยู่ในโรงเรียนอย่าง มีความสุข โรงเรียนจะเป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบ

12 ดึงดูดให้ชุมชน ท้องถิ่นเข้ามาเรียนรู้ การใช้ชีวิตอย่าง มีคุณธรรม ชุมชนมีความสุข ประเทศชาติมีความสงบ ความเจรญิ อย่างยั่งยนื รม กิจกรรมการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมจริยธรรมของศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ ยึด หลักการสาคัญ ดังน้ี 1. กิจกรรมท่ีมุ่งสร้างการมีส่วนร่วม เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องปฏิบัติร่วมกันทั้ง โรงเรียน สร้างเสริมคุณลักษณะของการทางานร่วมกัน สร้างสรรค์ค่านิยมที่ดีงามของกลุ่ม มีการช่วยเหลือ เกื้อกูล มคี วามสามัคคี มีน้าใจที่ดีตอ่ กัน และมุ่งสร้างประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน 2. กิจกรรมมุ่งเพิ่มพูน ทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุผล เป็นการเรียนรู้ที่ใช้ปัญหาเป็น ตัวกระตุ้นให้นักเรียนใฝ่หาความรู้เพื่อแก้ไข ปัญหา ได้คดิ เป็น มีการตดั สินใจทีด่ ีภายใต้เหตุผลท่สี ืบเสาะ ค้นหามา เนน้ ให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถนาทักษะจากการเรยี นรู้มาใชแ้ กป้ ัญหาใน ชีวิตประจาวันได้ 3. กิจกรรมมุ่งเพิ่มพูนทักษะชีวติ การรู้จัก ทางานเป็นทีม ทักษะการร่วมกันแก้ปัญหา รู้จัก การเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี รู้จักการสังเกตสิ่งแวดล้อม และ นามาใชแ้ ก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึกทักษะ ชีวิต ความอดทน อดกล้ัน การช่วยเหลือมีนา้ ใจ และจิตอาสา 4. กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง นักเรียนคิด นักเรียนเลือก ลงมือทา ประเมินผล และปรับแผนด้วยตนเอง ทาให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง และ เรียนรู้อย่างมีความสุข โดยมีครูเป็นที่ปรึกษากิจกรรม 5. กิจกรรมท่ีสนองตอบความสนใจ ความถนัด และ ความต้องการของนักเรียน ทุกคน เปิดโอกาสให้นกั เรียนได้ร่วมกันวางแผน คิดวิเคราะห์ ระดมสมอง อภิปราย ลงมือปฏิบัติ สรุป ความรู้ถอดบทเรียนที่ได้รับ ช่วยสร้างความมุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้ ความม่ันใจในการ แก้ปัญหา และร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมท่ีดีงานด้านคุณธรรม 6. กิจกรรมสะท้อนบริบทจริงของโรงเรียน สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่และชีวิตจริงของ นักเรียน ผู้ปกครองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกบั โรงเรียน รวมทั้ง ชมุ ชน ภูมิปัญญาท้องถ่ิน สิ่งแวดล้อม ภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรม 7. ประเมินผลการ เรียนรู้จากสภาพจริง (Authentic Assessment) เป็นการประเมิน พฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งเป็นการประเมินการปฏิบัติตนของนักเรียน (Performance Assessment) 8. กิจกรรมที่จัดข้ึนสามารถ นาไปประยุกต์ใช้ในช้ันเรียน และการเรียนการสอนในสาระ วิชาหลักต่างๆ ได้ ทาให้นักเรียนได้รับความรู้ตาม สาระวิชา ได้ฝึกฝนคุณธรรมจริยธรรม ฝึกการทางาน เป็นทีม ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทาให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อ การทางานด้วยตนเอง เห็นคุณค่าของการทางาน เห็นคุณค่าของตนเอง เกิดความม่ันใจในตนเอง รู้จักดูแล ตนเองใหใ้ ช้ชวี ิตอยา่ งมีคุณค่า และเกดิ ประโยชนต์ ่อประเทศชาติ ส่วนศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ (2559) ได้อธิบายกระบวนการและข้ันตอนการพัฒนา โรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม อาจแบ่งองค์ประกอบของ กิจกรรมได้ 6 เรื่อง ดังน้ี 1. กิจกรรมการพัฒนา ศักยภาพครูแกนนาและนักเรียนแกนนา เป็นการอบรมเชิง ปฏิบัติการ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ใน กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม โดยจัดอบรม ให้กลุ่มครูแกนนา และกลุ่มนักเรียนแกนนา เพื่อให้เป็นกลุ่มปฏิบัติงานริเร่ิมร่วมกับผู้บริหาร 2. กิจกรรมการจัดทาแผนและโครงงานคุณธรรม เป็นการ ดาเนินงานโดยโรงเรียนเอง ทุกข้ันตอน ซึ่งต้องอาศัยภาวะผู้นาของผู้บริหารโรงเรียนเป็นตัวผลักดัน โดยมีครู แกนนาและนักเรยี น แกนนา เปน็ ผ้ชู ่วยขบั เคล่ือนเปน็ หลกั ในโรงเรยี น 3. กิจกรรมนเิ ทศติดตาม เป็นการจดั ทีม ให้มีการนิเทศติดตามการทางาน เพื่อให้คาแนะนา คาปรึกษา และเป็นกาลังใจในการปฏิบัติงานคุณธรรมให้มี ความต่อเนื่อง อาจจัดเป็นการนิเทศภายใน และ/หรือการนิเทศจากบุคคลภายนอก ก็ได้ 4. กิจกรรมรายงาน ความกา้ วหน้า เปน็ การจัดประชุมนาเสนอรายงานความก้าวหน้าใน การปฏิบัตงิ าน ครบ 6 เดือน และครบปี มี การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มโรงเรียนพัฒนาคุณธรรมใน ภูมิภาคใกล้เคียง และการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล ทั้งด้านสิ่งพิมพ์ และสือ่ อิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือสร้าง เครือขา่ ยการทางานคุณธรรมร่วมกัน 5. กิจกรรมประเมินผล

13 การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในโรงเรียน เป็นการประเมิน หาพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ในโรงเรียนที่เพ่ิมข้ึน และ พฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ลดน้อยลง ตามที่โรงเรียน กาหนดเป้าหมายไว้ในแผน และวิเคราะห์หาปัจจัยของ ความสาเร็จในการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม 6. การบริหารจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นงานอานวยการ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการ พัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งผลสาเร็จตาม เป้าหมายและระยะเวลาที่ กาหนดไว้ การพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนคุณธรรม จะต้องคานึงถึงหลักการ ดังต่อไปนี้ 1. ความสมัครใจและเต็มใจ จะพัฒนาเป็นโรงเรียนคุณธรรม ทุกคนควรตระหนักและ ม่ันใจในคุณค่า และความสาคัญของการมีคุณธรรม ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนในโรงเรียนอยู่ร่วมกันได้อย่างมี ความสุข โดยอาศัย ความคดิ รเิ รม่ิ ของคณะครูและการมีภาวะผ้นู าของผู้บรหิ ารเปน็ หลกั สาคัญ 2. ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ทุกคนในโรงเรียนร่วมกันทา เป็นการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยร่วมกันคิด (วางแผน) รว่ มกันทา และร่วมกันประเมินผล เพื่อปรับปรุงตนเองและโรงเรียนของเราเอง ให้มพี ฤติกรรมที่พึง ประสงค์เพ่มิ ขึน้ และร่วมกนั ลดพฤติกรรมท่ไี ม่พงึ ประสงค์ให้น้อยลงหรือหมดไป 3. มีการติดตามและประเมินผลอย่างสม่าเสมอ นาผลการประเมินมาปรับปรุง แผนการปฏิบัติงาน คุณธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยอาจกาหนดแผนการปฏบิ ตั โิ รงเรียนคุณธรรมไวอ้ ยา่ งนอ้ ย คราวละ 1 ปี 4. โครงงานคุณธรรม จะเป็นไปตามบริบทของโรงเรียน ไม่เน้นการเพิ่มงบประมาณจากงบปกติแนว ปฏิบัติในการขับเคล่ือนสู่โรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม แบ่งออกเป็น 5 ข้ันตอน ได้แก่ 1) การชี้แจงทาความ เข้าใจร่วมกัน 2) การกาหนดคุณธรรมเป้าหมายและคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน 3) การจัดทาโครงงาน คุณธรรม 4) การลงมือรว่ มกันปฏิบตั ิ 5) การนเิ ทศติดตามประเมินผลและเสรมิ แรงกัน โดยมีรายละเอียด ศนู ยโ์ รงเรียนคุณธรรม มูลนธิ ิยวุ สถิรคณุ (2559)ไดก้ ล่าวต่อว่า การพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรมให้แกเ่ ด็ก และเยาวชนตามแนวทางของศูนย์โรงเรยี นคุณธรรม มูลนิธยิ ุวสถิรคุณ จะเน้นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม ที่พัฒนากระบวนการคิดเชิงระบบและ ใช้โครงงานคุณธรรมเป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้ความดีความงามจาก การลงมือปฏิบัติจริง ทาให้เด็กและ เยาวชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรม/โครงงานน้ันๆ ด้วยความ ภาคภูมิใจ ซ่ึงจะเป็นเคร่ืองมือช่วยให้ เกิดการลดพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ในโรงเรียนให้น้อยลง และส่งเสริม การสร้างพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ ในโรงเรียนเพ่ิมข้ึน อันจะเป็นการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนคุณธรรม ต้นแบบ และเป็นศูนย์เรียนรู้ของ โรงเรยี นคุณธรรมเพอื่ การขยายผลโรงเรียนคุณธรรมเครอื ขา่ ยในโอกาสตอ่ ไป งานหลักของศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ จึงให้ความสาคัญกับงานพัฒนาศักยภาพครู เพื่อให้ครู สามารถเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้บรรลุผลสาเร็จ การพัฒนาศักยภาพ ครูให้มีความรู้ ความสามารถในการออกแบบและจัดการเรยี นรคู้ วบคู่กบั การสร้างเสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรม และสามารถพัฒนา คุณธรรมจริยธรรมนักเรียนแบบองค์รวมได้ จะเป็นหลักประกันสาคัญอย่างหนึ่งที่ช่วย ให้การพัฒนาโรงเรียน คณุ ธรรมสามารถเร่มิ ต้น และดาเนนิ การไปได้อย่างตอ่ เนื่องด้วยความมุ่งม่นั ของครู รว่ มกับการมีภาวะผนู้ าของ ผูบ้ ริหาร ความร่วมมอื ของนกั เรยี น ผปู้ กครองและผ้มู ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งในโรงเรยี น หลักการโรงเรียนคณุ ธรรม เมอื่ ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาและคณะครูสนใจ และตดั สินใจจะพฒั นาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนคณุ ธรรม จะตอ้ งคานงึ ถึงหลักการ ดังตอ่ ไปน้ี

14 1. ความสมัครใจและเต็มใจ จะพัฒนาเป็นโรงเรียนคุณธรรม ทุกคนควรตระหนักและมั่นใจในคุณค่า และความสาคัญของการมีคุณธรรม ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนในโรงเรียนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยอาศัย ความคิดริเริ่มของคณะครแู ละการมภี าวะผนู้ าของผู้บริหารเปน็ หลกั สาคัญ 2. ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ทุกคนในโรงเรียนร่วมกันทา เป็นการปฏิบัติด้วยตนเองโดยร่วมกันคิด (วางแผน) ร่วมกันทา และร่วมกันประเมินผล เพื่อปรับปรุงตนเองและโรงเรียนของเราเองให้มีพฤติกรรมที่พึง ประสงคเ์ พิ่มขึน้ และร่วมกนั ลดพฤติกรรมทไ่ี มพ่ ึงประสงคใ์ ห้น้อยลงหรอื หมดไป 3. มีการติดตามและประเมินผลอย่างสม่าเสมอ นาผลการประเมินมาปรับปรุงแผนการปฏิบัติงาน คุณธรรมอย่างต่อเน่ือง โดยอาจกาหนดแผนการปฏิบัติโรงเรียนคุณธรรมไว้อย่างน้อยคราวละ 1 ปี 4. โครงงานคุณธรรม จะเป็นไปตามบริบทของโรงเรียน ไม่เน้นการเพ่ิมงบประมาณจากงบปกติ แนวปฏบิ ตั ใิ นการขับเคลื่อนสู่โรงเรียนคณุ ธรรมจริยธรรม แนวปฏบิ ตั ใิ นการขบั เคลอื่ นสู่โรงเรียนคุณธรรมจริยธรรม แบง่ ออกเปน็ 5 ขัน้ ตอน ได้แก่ 1) การช้ีแจงทาความเขา้ ใจร่วมกัน 2) การกาหนดคณุ ธรรมเปา้ หมายและคณุ ธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน 3) การจัดทาโครงงานคุณธรรม 4) การลงมอื รว่ มกันปฏิบตั ิ 5) การนิเทศติดตามประเมินผลและเสริมแรงกนั โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ขน้ั ตอนการชีแ้ จงทาความเขา้ ใจรว่ มกนั 1.1 จัดประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเก่ียวข้องในโรงเรียน สร้างความรู้ความเข้าใจ รับฟังความคิดเห็น เพื่อ ความม่ันใจในการสมัครใจทางาน และตัดสินใจร่วมกัน ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา พนักงานเจ้าหน้าท่ี คณะกรรมการสถานศึกษา ตลอดจนชุมชนท่ีเก่ียวข้อง เช่น ผู้ ค้าขายในโรงเรียน เป็นต้นหากโรงเรียนสามารถสร้างความเข้าใจได้ระดับหน่ึงแล้ว ควรชี้แจงทาความเข้าใจ กับผู้เก่ียวข้องในลาดับกวา้ งออกไป เช่น ผ้บู รหิ ารเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ เป็นตน้ 1.2 แต่งต้ังและมอบหมายงานให้คณะทางานรับผิดชอบ ในการวางแผน การลงมือปฏิบัติ การ ประเมินผล และ การปรับปรงุ แผนจนบรรลุเปา้ หมายท่ีกาหนดไว้ โดยมวี าระการทางาน 1 ปี 1.3 สรุปข้อมูลพ้ืนฐานของโ รงเรียน โดยวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยภ ายในของโ รงเรียน ได้แก่ จุดแข็ง (ปัจจัยส่งเสริมการปฏิบัติงานของโรงเรียนให้มีคุณภาพ) และจุดอ่อนหรือข้อด้อยของ โรงเรียน รวมท้ังวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมภายนอก ได้แก่ โอกาส (สภาพภายนอกท่ีเอ้ือให้ โรงเรียนมีผลงาน เช่น ประชาชนต้องการให้ลูกหลานมีอาชีพ โรงเรียนจึงควรให้ความรู้ด้านทักษะ อาชีพ เป็นต้น) และสภาพภายนอกที่เป็นอุปสรรคต่อการท างานของโรงเรียน เช่น เศรษฐกิจไม่ดี ชุมชนยากจนมาก เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาทบทวน วิสัยทัศน์ ปรัชญาต่าง ๆ ของโรงเรียนด้วย เพ่ือให้ โรงเรยี นร้จู ักตนเอง และเลอื กใชป้ ระโยชนไ์ ดถ้ ูกตอ้ งตามความเปน็ จริงของโรงเรียน 1.4 จัดเตรียมผู้เข้าประชุมระดมสมอง โดยจัดกลุ่มผู้เข้าประชุมภาระหน้าท่ีความรับผิดชอบในกลุ่ม เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น 1) กลุ่มครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหาร ผู้ปกครองและคณะกรรมการ สถานศึกษา 2) กลุ่มนักเรียนแกนนาระดับมัธยมศึกษา 3) กลุ่มนักเรียนระดับประถมศึกษา เป็นต้น การ พิจารณาจัดประชุมแต่ละกลุ่มที่มีพื้นฐานหน้าท่ีความรับผิดชอบใกล้เคียงกัน เพ่ือประโยชน์ในการมีความรู้ ความเข้าใจใกล้เคียงกัน ทั้งเรื่องเกี่ยวกบั ปัญหาความต้องการพัฒนา และพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขนึ้ ในโรงเรยี น

15 นอกจากน้ี ขนาดของกลุ่ม ควรมีปริมาณที่ช่วยให้ทุกคนในกลุ่ม มีโอกาสแสดงความคิดเห็นได้ ข้ึนอยู่กับ กจิ กรรมทีจ่ ัดเตรียมไว้ในแผนงาน 1.5 จัดเตรียมสถานท่ี อุปกรณ์ ตามที่กาหนดไว้ในแผนงานตามความจาเป็น สาหรับการจัดหา วทิ ยากรขอใหพ้ จิ ารณาตามความเหมาะสมตามบรบิ ทของโรงเรยี น 2. ข้ันตอนการกาหนดคุณธรรมเป้าหมายและคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนจัดประชุมระดมสมอง จะเลือกใช้กิจกรรมประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หรือประชุม อภิปราย หารือ ฯลฯ ก็ได้ และดาเนินการ ตามลาดบั ขั้นตอน ดังน้ี 2.1 วิเคราะห์ปัญหา หรือพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ในโรงเรียน พฤติกรรมท่ีไม่ต้องการให้เกิดข้ึนใน โรงเรียนอกี เช่น มาโรงเรียนสาย ลอกการบ้านเพอ่ื น เป็นต้น หรอื ช่วยกันวิเคราะห์หาพฤติกรรมท่พี ึงประสงค์ ในโรงเรียน พฤติกรรมที่ต้องการเห็นได้ในโรงเรียน เช่น ช่วยติวเพ่ือน เดินแถวให้เป็นระเบียบ ท้ิงขยะให้เป็นท่ี เป็นตน้ 2.2 รวบรวมและจัดกลุ่มความคิดเหน็ ให้เป็นเรือ่ ง ๆ แล้วสรุปความเข้าใจของท่ีประชุมให้ตรงกนั 2.3 ค้นหาคุณธรรมเป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลความคิดเห็นของท่ีประชุม (ตามข้อ 2.1และ ข้อ2.2) ขอให้ที่ประชุมร่วมกันค้นหาคุณธรรมท่ีจะใช้แก้ปัญหาที่อยากแก้ หรือ คุณธรรมที่จะใช้เป็นหลักในการ ประพฤติปฏิบัติสิ่งท่ีอยากเห็น อยากทา เช่น ความซ่ือสัตย์ ความรับผิดชอบความมีน้าใจ ความช่วยเหลือ เกือ้ กูลกัน เปน็ ต้น 2.4 จัดกลุ่ม “คุณธรรมเป้าหมาย” ให้เป็นเร่ือง ๆ โดยรวบรวมรายการคุณธรรมเป้าหมายที่ได้จาก การระดมสมอง แล้วนามาจัดกลุ่ม เลือกกลุ่มที่มีความหมายใกล้เคียงกันไว้ด้วยกันกรณีมีคาศัพท์แตกต่างกัน หลากหลาย ควรหารือในทปี่ ระชมุ และใหเ้ ลอื กใชค้ าศัพท์ที่มคี วามเข้าใจตรงกัน ไมต่ อ้ งตีความ 2.5 จัดลาดับความสาคัญของคุณธรรมเป้าหมาย โดยให้ที่ประชุมร่วมกันจัดลาดับความสาคัญของ คณุ ธรรมเป้าหมายท่ีต้องการทาก่อนหลัง (กรณี ท่ีประชมุ เสนอความเห็นเรื่องคุณธรรมจานวนหลายเร่ืองมาก) ควรคดั เลือกมาเพยี ง 3 เรือ่ งกอ่ น เพ่ือใช้เป็นคุณธรรมเป้าหมายของโรงเรยี น 2.6 กาหนดคุณธรรมเป้าหมายให้เป็นที่ทราบทั่วกัน กล่าวคือ คุณธรรมเป้าหมาย หมายถึง คุณธรรม ที่ทุกคนในโรงเรียนได้ร่วมกันกาหนดข้ึน โดยการคิดวิเคราะห์พฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่โรงเรียนต้องการให้ เกิดข้ึน เป็นคุณธรรมท่ีมีคุณลักษณะท่ีส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมท่ีดีของโรงเรียน และสามารถใช้เป็นหลักใน แก้ปัญหาส่วนใหญ่ของโรงเรียนได้ในระยะเร่ิมต้น ไม่ควรกาหนดคุณธรรมเป้าหมายจานวนมากหลายข้อ ควร กาหนดประมาณ 3 ขอ้ เพ่ืองา่ ยสะดวกต่อการพฒั นา 2.7 กาหนดพฤติกรรมบ่งช้ี/ข้อปฏิบัติที่เก่ียวข้องกับคุณธรรมเป้าหมาย โดยนาคุณธรรมเป้าหมายแต่ ละข้อ มากาหนดรายละเอียดพฤติกรรมบ่งชี้/ข้อปฏิบัติ ควรแบ่งกลุ่มผู้เข้าประชุมตามภาระหน้าท่ีความ รบั ผิดชอบในกลุ่มเดียวกันหรือใกลเ้ คียงกัน เพอื่ ประโยชน์ในการคิดวิเคราะห์และเสนอแนะพฤติกรรมบ่งช้/ี ข้อ ประพฤติปฏบิ ัติของกลุ่มเดียวกันได้ 2.8 กาหนดคุณธรรมอัตลักษณ์ให้เป็นท่ีทราบท่ัวกัน กล่าวคือ เม่ือนาคุณธรรมเป้าหมายแต่ละข้อ มา กาหนดพฤติกรรมบ่งช้ี/ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมให้ครบแล้ว จะเรียกรวมว่า “คุณธรรมอัตลักษณ์” ซึ่งหมายถึง คุณธรรมเป้าหมายที่มีการกาหนดพฤติกรรมบ่งชี้/ข้อปฏิบัติไว้ด้วย ซ่ึงจะจาแนกตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น ข้อ ปฏิบัติของครู ผู้บริหาร และนักเรียน เป็นต้นคุณธรรมอัตลักษณ์ จะใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลการ เปล่ียนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม พฤติกรรมบ่งชี้แต่ละข้อ จะใช้เป็นตัวชี้วัดท่ีแสดง ความสาเร็จของ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในโรงเรียน หรือ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ท่ีโรงเรียนต้องการให้ เกิดขึ้นมากน้อยระดับไหน อย่างไร โรงเรียนสามารถกาหนดเปา้ หมายเชิงปริมาณ โดยมุ่งให้มีการเปล่ียนแปลง

16 เกิดข้ึนในกลุ่มเป้าหมายใดจานวนเท่าไร และเป้าหมายเชิงคุณภาพ โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมที่พึง ประสงคไ์ ปในทิศทางที่ดีขึ้น เปน็ ตน้ 2.9 กาหนดนโยบายและ/หรือข้อตกลงร่วมกัน โดยนาเสนอผลการประชุมระดมสมองในส่วนของ คณุ ธรรมเป้าหมาย และ คณุ ธรรมอัตลักษณ์ ที่มีการจาแนกพฤติกรรมบง่ ชข้ี องแต่ละกลมุ่ เปา้ หมายแล้ว เพื่อให้ ทุกคนท่เี ขา้ ประชมุ มคี วามเขา้ ใจตรงกัน และรว่ มกันกาหนดเปน็ นโยบาย/ขอ้ ตกลงว่าจะนามาปฏิบัติด้วยกนั 3. ขั้นตอนการจัดทาโครงงานคุณธรรมโครงงานคุณธรรม คือ โครงงานความดีเชิงรุก ท่ีเด็กคิด เด็ก เลือก เด็กทา ในรูปแบบของโครงงานกลุ่ม ด้วยการลงมอื ปฏิบัติจรงิ ทาให้เกดิ การเรียนรู้ถึงการทาความดี เพื่อ แก้ไขปัญหาความเสื่อมทางศีลธรรม และส่งเสริมการบ่มเพาะความดีผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ อย่างเป็น รูปธรรมและเป็นระบบ ขยายการมีส่วนร่วมไปยังบุคคลต่าง ๆ ในโรงเรียนและชุมชน “ร่วมกันทาดี อย่างมี ปัญญา” การจัดทาโครงงานคุณธรรม (Moral Project) จะแบ่งกลุ่มตามความสนใจโครงงานเร่ืองหน่ึงเรื่องใด หรืออาจแบ่งตามระดับช้ันเรียน แบ่งตามชมรมความสนใจ แล้วจัดเป็นประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หรือ ประชุมอภปิ รายหารือ หรอื ประชุมระดมสมอง โดยมขี นั้ ตอนตามลาดบั ดังน้ี 3.1 วิเคราะห์ปัญหา หรือพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ ซึ่งกลุ่มต้องการให้โรงเรียน มีการแก้ไขโดยต้ัง คาถามให้ทกุ คนคิดวเิ คราะห์ เช่น พฤติกรรมของเพื่อนๆ ทอ่ี ยากปรับปรุง หรอื คุณธรรมพื้นฐาน 3.2 ควรจดั ลาดบั ปัญหาท่ีสาคญั ด่วนทส่ี ุด ท่ีทุกคนเห็นพ้องต้องกนั ว่า ควรรีบแกไ้ ข เลือกมา 1 ปัญหา ตามความเหน็ ของท่ปี ระชมุ 3.3 หาสาเหตุของปัญหา โดยนาปัญหาที่คัดเลือกแล้ว มาระดมสมองหาสาเหตุของปัญหานั้น ๆ ซ่ึง อาจเกิดจากสาเหตุปัจจัยภายในและ/หรือปัจจัยภายนอกอย่างไรบ้าง อาจใช้การอภิปราย หาเหตุผลนาข้อมูล สถติ ิ ข้อเด่น ข้อด้อย ความเป็นไปได้ ความเร่งด่วนมาพิจารณาประกอบ เพอื่ หาข้อยตุ ิในการตัดสนิ ใจเลอื กเป็น ประเด็นปญั หาท่ีอยากแกไ้ ขมากท่สี ุด 3.4 กาหนดเป้าหมายของการแก้ปัญหาน้ัน ๆ โดยนาปัญหาท่ีคัดเลือกมากาหนดเป้าหมายทั้ง เป้าหมายเชิงปริมาณ หมายถึงกลุ่มบุคคลที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นักเรียน ชั้นไหน จานวนเท่าไร ฯลฯ เป็นต้น และกาหนดเป้าหมายเชิงคุณภาพ หมายถึง พฤติกรรมอะไร ที่ต้องการให้เกิดข้ึน หรือเกิดการ เปลย่ี นแปลงสภาพแวดล้อมอยา่ งไร 3.5 กาหนดชื่อโครงงาน ท่ีชัดเจนเข้าใจง่าย และ ควรสะท้อนกิจกรรมและกลุ่มเป้าหมายที่เก่ียวข้อง เช่น “โครงงานลด ละ เลิก บุหรี่-เมรัยฯ” “โครงงานรักษ์สตั ว์ รักษ์สังคม” เป็นต้น3.6 กาหนดวิธีแก้ไขปัญหา หรือ วธิ ีดาเนินงานเพ่ือไปสู่เปา้ หมายนั้น จะมีแผนอยา่ งไร3.7 หลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอน ใช้หลกั ธรรมอะไรเป็นหลกั คิดในการดาเนินโครงงาน น้อมนาพระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอน อะไรมาเป็น หลักในการดาเนินโครงงาน โครงงานแต่ละโครงงานสามารถมีคุณธรรมหลายข้อเป็นหลักคิดในการปฏิบัติ โครงงานได้ 3.8 การเช่ือมโยงไปสู่คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน โดยท่ีประชุมพิจารณาการเช่ือมโยงไปสู่ คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน ได้อย่างไร โครงงานแต่ละโครงงานสามารถเช่ือมโยงไปสู่คุณธรรมอัตลักษณ์ หลายข้อได้ โดยพิจารณาถึงกระบวนการในการปฏิบัติโครงงานและคุณธรรม ที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมขึ้น 3.9 กาหนดวิธีการวัดและประเมินผล โดยกาหนดตัวชี้วัด เพื่อวัดหรือประเมินผลว่า มีการ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมอะไร ไปมากน้อยเพียงไรในแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย 3.10 จัดทาร่างเอกสารโครงงานคุณธรรม โดยรวบรวมข้อมูลท้ังหมด แล้วจัดทาเป็นเอกสารร่าง โครงการ เพื่อนาไปทดลองปฏิบัติสักระยะหน่ึง แล้วปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของ

17 โรงเรียน ก่อนนาไปใช้จริงท้ังนี้ เนื่องจากโครงงานคุณธรรม เป็นเครื่องมือที่ใช้พัฒนาทักษะการคิด และ การปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียน จึงควรจัดทาโครงการฉบับร่างแล้วนาไปทดลองใช้ก่อนสักระยะ เพ่ือให้ นักเรียนได้เรียนรู้ แล้วปรับปรุงแผนเป็นระยะ ๆ จนกลุ่มคิดว่าสามารถนาไปปฏิบัติให้ได้ผลตรงตามความ ตอ้ งการไดแ้ ล้ว 3.11 จัดทาเป็นโครงงานคุณธรรม โดยนาข้อมูลและเอกสารท่ีเก่ียวข้องท่ีได้จากการทดลองทุก ข้ันตอน มาเรียบเรียงให้อ่านเข้าใจง่าย อาจใช้รูปแบบการเขียนโครงงานคุณธรรม หรือรูปแบบตามความ เหมาะสมของโรงเรียน กรณีมีข้อคิดเห็น ข้อทักท้วง ผู้บริหารและคณะทางานควรร่วมกันชี้แจง และ / หรือ พิจารณาปรับปรุงแก้ไขแผนโครงงานให้แล้วเสร็จ และเผยแพร่ใช้เป็นโครงงานจริงต่อไป โครงงานคุณธรรม ประกอบด้วย 1. ช่ือโครงงาน 2. ความสาคัญของปญั หา 3. วตั ถปุ ระสงค์ 4. กลุม่ เปา้ หมาย 5. แผนการดาเนินโครงงาน 6. งบประมาณ 7. หลกั ธรรมที่นามาใช้ 8. ความเช่อื มโยงสู่คณุ ธรรมอัตลักษณ์ 9. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล 10. ผรู้ ับผิดชอบโครงงาน 4. ขัน้ ตอนการลงมอื รว่ มกันปฏบิ ัติ 4.1 แต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงงาน โดยอาจมีนักเรียนรวมกลุ่มกันเองเพ่ือทาความดีตามความสนใจ หรือ ครูคัดเลือกเยาวชนแกนนาของโรงเรียนสัก 8-10 คน เป็นผู้รับผิดชอบโครงงาน มีครูท่ีปรึกษา 1- 3 คน พิจารณาตามขอบเขตและขนาดของงาน สมาชิกกล่มุ ไม่ควรจากัดจานวนควรเป็นไปตามความสนใจและภาระ งานที่ใหร้ บั ผิดชอบ 4.2 กาหนดเป้าหมายการปฏิบัติงาน ทั้งในระยะสั้นในแต่ละเดือน และเป้าหมายระยะยาวในแต่ละ ภาคการศกึ ษา 4.3 กาหนดปฏทิ ินการปฏบิ ตั ิงาน 4.4 ลงมือปฏิบัติด้วยกันตามแผนปฏิบัติงาน ในทุกกิจกรรมนักเรียนจะได้เรียนรู้ จากการลงมือทา โดยการสังเกต คิดพิจารณาปรับปรุงกิจกรรมให้นาไปสู่ความสาเร็จ ประการสาคัญ ได้เรียนรู้จากการร่วมกัน ทางานเป็นทีมทางานที่ดีด้วยกันหลักสาคัญประการหนึ่งท่ีช่วยในการรวมกลุ่มของนักเรียนให้ทากิจกรรม รว่ มกันได้อยา่ งมีความสขุ คอื ความเปน็ กัลยาณมิตร ทกุ คนในกลุ่มจะทางานอย่างสนกุ สนานร่วมกับเพื่อน ๆที่ มีความเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน คุณสมบัติของกัลยาณมิตร ได้แก่ 1) มีความน่ารัก ให้ความรู้สึกอยาก ร่วมงาน 2) มีความน่าเคารพ ทาใหร้ ู้สึกอบอุ่นใจ เปน็ ที่พึ่งได้ 3) อยากนามาเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ปรับปรงุ ตนเองอยู่เสมอ 4) บอกสอนเป็น คอื รจู้ ักพูดให้เขา้ ใจ คอยให้คาแนะนา ตักเตือน เป็น

18 ที่ปรึกษาท่ีดีได้ 5) พร้อมรับฟังคาปรึกษา ข้อซักถาม ข้อวิพากษ์ วิจารณ์โดยไม่ใช้อารมณ์ 6) สามารถอธิบาย เรอ่ื งยงุ่ ยากซับซอ้ นใหเ้ ข้าใจง่าย และแนะนาให้เรียนร้เู รอ่ื งทลี่ กึ ซ้ึงยิ่งขน้ึ 7) ไม่นาผิดทาง ผดิ ทานองคลองธรรม หรือชกั จูงไปในทางเสอ่ื มเสยี ไมเ่ หมาะสม 4.5 เมื่อจบแต่ละกิจกรรมย่อย ให้ทา AAR (After Action Review) เป็นการพูดคุยกัน เพ่ือปรับปรุง การท างานให้ดีข้ึน และควรให้นักเรียนบันทึกสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการท ากิจกรรมและการนาไปประยุกต์ใช้ใน สมุดเปน็ รายบุคคล 4.6 เผยแพร่เอกสารโครงงานคุณธรรม โดยรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการท ากิจกรรมและการประชุม ทกุ ข้นั ตอน มาเรียบเรียงใหก้ ระชับ อ่านเข้าใจง่าย อาจใช้รูปแบบการเขียนโครงงานคุณธรรม หรือรูปแบบตาม ความเหมาะสมของโรงเรียน ท้ังนี้ ให้คานึงถึงความสะดวกและทั่วถึงใน การนาไปเผยแพร่ให้ทุกคนทราบ นาไปใช้ และใชใ้ นการประเมินผลได้ 5. ข้ันตอนการนิเทศติดตามประเมินผลและเสริมแรงกันในการทาโครงงานต่าง ๆ ควรมีคณะทางาน ทาหน้าท่ีนิเทศ ติดตามให้คาปรึกษาหารือ รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงสอนงาน และให้ความช่วยเหลือแนะนาสิ่งท่ี จาเป็นอย่างมีกัลยาณมิตร เพ่ือให้งานบรรลุผลตามข้ันตอน เป้าหมายและกาหนดเวลาที่คาดหวังไว้ ควรมีการ เก็บรวบรวมข้อมูลท้ังก่อนและหลังการทางาน เพ่ือประโยชน์ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงท่ี คาดว่าจะเกิดข้ึน โดยพิจารณาตามตัวช้ีวัดท่ีได้กาหนดไว้ในโครงงาน เช่น ร้อยละของจานวนนักเรียนที่มีจิต อาสาเพิ่มขึ้นเป็นต้น ควรสร้างการมีส่วนร่วมในการประเมินผล เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน เพื่อให้มีมุมมองด้านการประเมินผลสาเร็จของงาน ท้ังจากภายในและภายนอกโรงเรียนนอกจากน้ี โรงเรียนควรกาหนดให้มีการเย่ียมเยียน เยี่ยมชมโครงงานซ่ึงกันและกัน โดยอาจจัดในรูปแบบของตลาดนัด โครงงานคุณธรรม มีเวทขี องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพอ่ื สรา้ งการมสี ่วนรว่ ม และช่วยผนึกกาลงั กันให้เขม้ แข็งใน การร่วมกันทาความดี โครงงานอื่น ๆ ของโรงเรียน ทั้งด้านวิชาการ ด้านวินัยนักเรียน รวมท้ังกิจกรรมต่าง ๆ ของคณะครู ท้งั ที่มีส่วนเกีย่ วข้องกับโครงงานคณุ ธรรมหรือไม่เกย่ี วขอ้ งก็ตาม ควรนับรวมว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วย เสริมหนุน ให้เกิดการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมข้ึนในโรงเรียนคุณความดีจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติด้วยตนเอง การให้กาลังใจ ซ่ึงกันและกัน การเสริมแรงกันด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการขยายงานไปให้ทั่วโรงเรียน จึงเป็น หลักประกันของการประพฤติคุณธรรมความดีจะคงอยู่และยั่งยืนตลอดไปในโรงเรียน และมีโอกาสท่ีจะขยาย ผลสู่ชุมชนเครือข่ายใกล้เคียงได้ต่อไปเมื่อผู้บริหารและคณะครูตัดสินใจจะพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียน คุณธรรมแล้ว ย่อมต้องการทราบผลว่า การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมมีความก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง และ พฤติกรรมของครู นักเรียน ผู้บริหาร และ ผู้เก่ียวข้อง เช่น ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษามีการ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร พฤติกรรมที่พึงประสงค์ในโรงเรียนเรื่องใดเพ่ิมข้ึนมากหรือน้อย พฤติกรรมไม่พึง ประสงคล์ ดลงมากหรือน้อย เป็นตน้ งานวิจัยทเี่ กี่ยวข้อง ศิรินันท์ วรรัตนกิจ ( 2545 : บทคัดย่อ) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบางประการกับความ รับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวมของนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี3 โดยวธิ วี ิเคราะหแ์ บบสหสัมพันธ์คาโนนิคอล พบว่าปัจจัยความเชื่อมั่นในตนเอง แรงจูงใจฝ่ายสัมฤทธิ์ ความมีวินัยในตนเอง ความซื่อสัตย์ การอบรมเลี้ยงดู แบบปล่อยปละละเลย การอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธปิ ไตย การอบรมเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขัน กับชดุ ตัวแปร ตามด้านความรับผิดชอบต่อตนเองและความรับผิดชอบต่อส่วนรวมซ่ึงในชุดที่หน่ึงมีความสัมพันธ์กันอย่างมี

19 นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 ส่วนค่าน้าหนักความสาคัญระหว่างปัจจัยบางประการกับความรับผิดชอบต่อ ตนเองและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม พบว่าในชุดท่ีหนึ่งมีนา้ หนักความสาคัญของชุดตัวแปรอสิ ระของปัจจัย ด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิและความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมด้าน ความรับผิดชอบ ความเอ้ือเฟ้ือและความ สามารถในการคิดหา เหตุผล ส่วนการอบรมเล้ียงดูแบบประชาธิปไตยมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความ รับผดิ ชอบ เยาวรัตน์ ศรีพราย(๒๕๕๐) ได้ศึกษารูปแบบการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมแก่เยาวชนในชุมชนของ องค์การบริหารส่วนตาบล อาเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยการศึกษาคร้ังนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิง พฒั นา กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาคร้ังน้ีมี ๒ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ ศึกษาปัญหาและอปุ สรรคเกี่ยวกับการส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรมแก่เยาวชนในชุมชน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตาบลจานวน ๔๘ คน สมาชกิ องคก์ ารบริหารสว่ นตาบล จานวน ๑๗๓ คน รวมท้งั หมด ๒๒๑ คน ช่วงท่ี ๒ ศึกษารปู แบบการ จัดกิจกรรมการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมแก่เยาวชนในชุมชน เป็นผู้เช่ียวชาญในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมท่ีมีประสบการณ์และความรู้ในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชน จานวน ๗ คนโดยใช้การ ประชุมสนทนากลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชนในชุมชนของ องค์การบริหารส่วนตาบล ในจานวน ๑๐ ด้านประกอบด้วย ๑) ด้านความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดาเนินการส่งเสริม ๓ กิจกรรม ได้แก่ การประชาสัมพันธ์เก่ียวกับสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ใน รูปแบบตา่ งๆ การจดั กิจกรรมเกี่ยวกบั โครงการของในหลวง และกจิ กรรมสง่ เสริมการเป็นพลเมอื งท่ีดขี องสงั คม ๒) ด้านการเคารพรักษา ขนบธรรมเนียมประเพณี ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีและกิจกรรมวันสาคัญทางวัฒนธรรมประเพณี ๓) ด้านการเช่ือฟังบิดามารดา ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและกิจกรรม ส่งเสริมให้เยาวชนรักพ่อแม่ บูชาครูอาจารย์ ๔)ด้านการมีกิริยา วาจาสุภาพ ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ไดแ้ ก่ กิจกรรมดา้ นกริ ิยามารยาทงามของเยาวชน และกิจกรรมด้านกิริยาวาจาสุภาพของยาวชน ๕) ด้านความ กตัญญูกตเวทีเคารพผู้ใหญ่ ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่กิจกรรมส่งเสริมความกตัญญูกตเวทีของ เยาวชน และกิจกรรมส่งเสริมการแสดงความเคารพผู้ใหญ่ของเยาวชน ๖) ด้านความมีระเบียบวินัยและรักษา ความสะอาด ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมวินัยของเยาวชน และกิจกรรมส่งเสริม รักษาความสะอาดในชุมชนของเยาวชน ๗) ด้านความอดทนขยันหม่ันเพียง ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมสง่ เสริมความอดทนของเยาวชน และกิจกรรมส่งเสริมความขยันหมั่นเพียรของเยาวชน ๘) ด้าน ความประหยัดและเก็บออม ดาเนินการสง่ เสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมสง่ เสริมความประหยัดของเยาวชน และกิจกรรมส่งเสริมการเก็บออมของเยาวชน ๙) ด้านความซ่ือสัตย์ มีน้าใจเป็นนักกีฬา ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมความซื่อสัตย์ของเยาวชน และกิจกรรมส่งเสริมความมีน้าใจนักกีฬาของ เยาวชน และ 10) ด้านการทาประโยชน์และรักษาสาธารณสมบัติ ดาเนินการส่งเสริม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมสง่ เสริมการรทาประโยชนข์ องเยาวชน และกิจกรรมสง่ เสริมการรกั ษาสาธารณสมบัตขิ องเยาวชน นงลักษณ์ หล้าทุม (2551: บทคัดย่อ) ทาการศึกษา การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดศรีวิชัยวนารามแผนกสามัญศึกษา ตาบลกุดป่อง อาเภอเมือง จังหวัดเลย ซึ่ง งานวิจยั นม้ี ีวัตถุประสงค์เพอื่ ศึกษากระบวนการในการส่งเสริมคุณธรรมจรยิ ธรรมของนักเรียน โดยเกบ็ รวบรวม ข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์และสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ีมีทั้ง พระภิกษุสามเณรและประชาชนทวั่ ไปจานวน 73 รูป /คนและนาเสนอวิจัยด้วยการพรรณนาวเิ คราะห์ จากผล วจิ ัยพบว่า วิธีการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน โรงเรียนวัดศรีวิชัยวนาราม พบว่ามีวิธีการดังน้ี การ

20 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีในด้านคุณธรรมจริยธรรม การประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรม การจัดสัมมนา การประกาศเกยี รตคิ ุณและการใหร้ างวลั การทาการวิจัยผู้อานวยการโรงเรียน จะมอบให้ครูประจาช้ันในแต่ละ ช้ันแต่ละห้องทาการวิจัยในช้ันเรียนในส่วนของคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนในแต่ละช้ันของตนเอง โดยจะทา การวิจัยทุกๆปีการศึกษา โดยให้ผู้ช่วยผู้อานวยการเป็นท่ีปรึกษาเพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขและพัฒนาในปี การศึกษาตอ่ ๆไป พระครูประโชติจันทวิมล (นาม จนฺทโชโต)(๒๕๕๕: บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการส่งเสริมคุณธรรมและ จริยธรรม นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ ในการวิจัย คือ นกั เรียนโรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี อาเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ที่กาลังศึกษา ในระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ผลการวิเคราะห์ข้อมูล เกี่ยวกับ การส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี อาเภอปากเกร็ด จังหวดั นนทบุรี ท่ีกาลังศึกษาอยู่ในระดับช้ัน มัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเปน็ รายด้าน พบว่า อยู่ในระดบั มาก ทง้ั ๕ ด้าน ได้แก่ ด้านความมีน้าใจ ด้านความประหยัด ด้านความขยัน ด้านความมวี ินัยและด้านความซือ่ สัตย์ อีกทั้ง ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่กาลังศึกษาในระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ควรได้รับการปลูกฝัง คุณธรรมและจริยธรรมด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ซึ่งเต็มไป ด้วยการแขง่ ขนั และเรง่ รีบ จึงทาใหพ้ ฤติกรรมของเดก็ ไดร้ ับอิทธพิ ลจากสภาพการณ์ดงั กลา่ ว พีระพงษ์ เจริญพันธุวงศ์(๒๕๔๑) ได้ศึกษาการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในโรงเรียน มัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษาโดยศึกษาเฉพาะกรณีโรงเรียนกระสังพิทยาคม อาเภอกระสัง จังหวัด บุรรี ัมย์ ซึ่งผลการวจิ ยั ปรากฏดงั น้ี ๑. การสอดแทรกในการสอนรายวิชาต่างๆ ครูอาจารย์ผู้สอนในโรงเรียนได้ปลูกฝังคุณธรรม โดยใน ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียนการสอนรายวิชาตา่ งๆ ได้พูดถงึ เนอ้ื หาหรือกิจกรรมที่ครมู อบหมายให้นักเรยี น ปฏิบัติได้มากน้อยเทา่ ไร โรงเรียนกาหนดการปลกู ฝังคุณธรรมทุกดา้ นในการสอนเนอื้ หาวิชาในทุก รายวชิ าและทุกครัง้ ท่ที าการสอน ๒. การปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรมโดยตรง โรงเรียนไดด้ าเนินการโดยการสอนรายวชิ าทมี่ ีเนอ้ื หาด้าน คุณธรรม จริยธรรม มีการใช้ส่ือการสอนเพ่ือปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม มีการอบรมหน้าเสาธง โดยครูเวรและครูท่ีปรึกษา มีการอบรมประจาสัปดาห์ โดยคณะกรรมการงานคุณธรรมและ จริยธรรม เชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้การอบรม มีการจัดกิจกรรมวันสาคัญทางศาสนาและ วนั สาคญั อ่ืนๆ จัดค่ายพทุ ธบตุ ร ๓. การบูรณาการกับวิถีชีวิตท้ังในและนอกโรงเรียน โรงเรียนได้มีการกาหนดกฎระเบียบในการอยู่ ร่วมกัน อาจารยท์ ุกคนและนกั เรยี นรว่ มมือกัน การจัดกิจกรรมการปลูกฝงั คุณธรรมจริยธรรมของ นักเรียน มีการจัดกิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากการเรียนการสอน โดยจัดบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ มภายในโรงเรยี นเพ่อื สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม

21 บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ กำรวิจยั การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมีความประสงค์ที่จะศึกษาความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม อบรมให้ความรู้และกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานีภายใต้โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.และรวบรายงานผลการ ดาเนินงานตามนโยบายโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ในบทน้ีจะกล่าวถึงวิธีดาเนินการวิจัยประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย การสร้างเครื่องมือในการวิจัย วิธีการเก็บ รวบรวมข้อมลู การวเิ คราะห์ข้อมลู และสถิตทิ ่ีใช้ในการวจิ ัย ซึง่ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง 1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครูและนักเรียน สังกัดสานักงาน เขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี เป็นหน่วยวเิ คราะห์ (Unit of Analysis) จากโรงเรียนทัง้ หมด 17 โรงเรยี น (ข้อมลู ณ วนั ท่ี 10 มถิ ุนายน 2564) 2. กลมุ่ ตัวอยา่ ง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยสาหรับตอบวัตถุประสงค์ข้อท่ี ๑ ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครูและนกั เรยี น สังกัดสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี จากโรงเรียนทัง้ หมด 17 โรงเรียน โดยใช้วิธีการเลือกแบบ การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เป็น การเลือกกลุ่มตวั อย่างโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผวู้ ิจัยเอง ลักษณะของกลุ่มที่เลือกเป็นไปตาม วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย ซง่ึ จะเป็นผู้ที่มีสว่ นสาคัญในการขบั เคลอ่ื นโครงการ ประกอบด้วย ผู้บริหาร โรงเรียน ครแู กนนาโรงเรียนละ 2 คน และนักเรียนแกนนาโรงเรียนละ 10 คน เคร่อื งมอื ในกำรวจิ ัย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวจิ ยั มีทั้งหมด 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1. แบบสอบถามความพึงพอใจ (Questionnaire) (สาหรับผู้บริหารและครู) เป็นเคร่ืองมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของครูและและบุคลากรทางการศึกษาท่ี เข้ารับการมอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ใน โรงเรียนอยา่ งยั่งยนื ระยะที่ 1 แบง่ เป็น 3 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกีย่ วกบั ข้อมูลสว่ นบคุ คลของผตู้ อบประกอบดว้ ย เพศ อายุ และตาแหน่ง ลกั ษณะคาถามเปน็ แบบสารวจรายการ (Checklist) ตามความเป็นจรงิ ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจของครูและบุคลากร ใน 4 ดา้ น คอื 1. ด้านความพร้อมในการอบรม 2. ดา้ นเน้ือหาและหลักสตู รฝึกอบรม 3. ด้านความเหมาะสมของวิทยากร

22 4. ด้านนาความรู้ไปใชแ้ ละเผยแพร่ จานวนขอ้ มีจานวนข้อคาถาม 17 ข้อ ดงั ตาราง 4 ตาราง 4 จานวนขอ้ คาถามในแตล่ ะดา้ น 7 2 ความพงึ พอใจของครูและและบุคลากรทางการศึกษาท่ีเข้ารับการมอบ 5 ด้านท่ี รมและพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาเพ่ือการส่งเสรมิ 3 17 “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรยี นอยา่ งยง่ั ยืน 1 ด้ำนควำมพรอ้ มในกำรจัดอบรม 2 ด้ำนเน้ือหำและหลักสูตรในกำรฝึกอบรม 3 ด้ำนควำมเหมำะสมของวิทยำกร 4 ด้ำนนำควำมรูไ้ ปใช้ไปใชแ้ ละเผยแพร่ รวมขอ้ คาถาม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจ (Questionnaire) (สาหรับนักเรียน) เป็นเครื่องมือในการ เก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของครูและและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับ การมอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ใน โรงเรียนอยา่ งยงั่ ยืน ระยะที่ 2 ขยายผล แบง่ เป็น 2 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเก่ียวกบั ข้อมูลสว่ นบุคคลของผู้ตอบประกอบด้วย เพศ ช้ัน และโรงเรียน ลักษณะคาถามเปน็ แบบสารวจรายการ (Checklist) ตามความเปน็ จรงิ ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจของครแู ละบคุ ลากร ใน 4 ดา้ น คือ 1. ดา้ นความพร้อมในการอบรม 2. ด้านเน้อื หาและหลกั สตู รฝึกอบรม 3. ดา้ นความเหมาะสมของวิทยากร 4. ด้านนาความรไู้ ปใชแ้ ละเผยแพร่ มจี านวนข้อคาถาม 15 ขอ้ ดังตาราง 5 ตาราง 5 จานวนข้อคาถามในแตล่ ะด้าน จานวนข้อ ความพึงพอใจของนกั เรยี นทีเ่ ข้ารบั การมอบรมและพัฒนา “โครงงาน 5 ด้านที่ คณุ ธรรม” ในโรงเรยี นอย่างย่ังยืน 2 5 1 ดำ้ นควำมพร้อมในกำรจดั อบรม 3 2 ดำ้ นเนอ้ื หำและหลกั สูตรในกำรฝึกอบรม 15 3 ดำ้ นควำมเหมำะสมของวิทยำกร 4 ดำ้ นนำควำมรไู้ ปใช้ไปใช้และเผยแพร่ รวมขอ้ คาถาม

23 แบบสอบถามมีลักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามเกณฑ์ การวัดของ Likert แบ่งเป็น 5 ระดับ โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามพิจารณาความพึงพอใจของผู้เข้ารับ การอบรม กาหนดค่าน้าหนักมคี วามหมาย ดงั นี้ 5 หมายถงึ เป็น ความพึงพอใจระดบั มากท่สี ดุ 4 หมายถงึ เป็นความพงึ พอใจระดับ มาก 3 หมายถึง เป็นความพงึ พอใจระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ เป็นความพึงพอใจระดับ น้อย 1 หมายถึง เป็นความพงึ พอใจระดบั นอ้ ยท่ีสดุ 3. แบบรายงานกิจกรรมของสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา 4. แบบรายงานผลการดาเนินงาน โรงเรยี นคุณธรรมของโรงเรียนตา่ งๆ วธิ ีกำรสร้ำงเครอ่ื งมือ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้ดาเนินการสร้างความพึง พอใจของนักเรียนที่เข้ารับการมอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรียนอย่างย่ังยืน ระยะท่ี 1 และระยะที่ 2 สาหรับนักเรียน ซ่ึงมีลาดับ ข้ันตอนในการดาเนนิ การ ดงั น้ี 1. ศึกษาค้นคว้าแนวคิด หลักการ ทฤษฎีจากหนังสือ ตารา เอกสาร และงานวิจัยที่ เก่ียวข้องเพ่ือกาหนดกรอบแนวความคิดวจิ ยั และใชเ้ ปน็ แนวทางในการสร้างแบบสอบถาม 2. ศึกษารูปแบบและวิธีการสร้างแบบสอบถามจากเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง แล้วนามาสร้างเป็นแบบสอบถามที่ครอบคลุ่มเนอื้ หาตามกรอบแนวคดิ วิจัยเกี่ยวกบั ความพึงพอใจของ ผู้เข้ารับการมอบรมและพัฒนาเพื่อการส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรียนอย่างย่ังยืนนา แบบสอบถามท่ีสร้างขึ้นเสนอให้ผู้อานวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเพื่อ ตรวจสอบพิจารณาความถูกตอ้ งและใหค้ าแนะนา เพือ่ แก้ไขปรับปรุงแบบสอบถามใหส้ มบูรณ์มากข้ึน 3. นาแบบสอบถามฉบบั สมบรู ณ์ ไปใช้ในการเก็บข้อมูลเพ่ือดาเนินการวจิ ัยต่อไป 4. สรา้ งแบบรายงานผลการดาเนินงานกจิ กรรมตา่ งๆและนาไปใช้ กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ผูว้ จิ ัยดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูลตามลาดับข้นั ตอนการดาเนินการ ดังน้ี 1. ผู้วจิ ยั ได้ใหผ้ ู้เข้ารบั การอบรมในระยะที่ 1 ซง่ึ ประกอบดว้ ย ผบู้ รหิ ารและครูแกน นาตอบแบบสอบถามทันท่หี ลังจากการอบรม 2. ผู้วิจัยได้ให้ผู้เขา้ รับการอบรมในระยะท่ี 2 ซึ่งประกอบดว้ ย นกั เรยี นแกนนาตอบ แบบสอบถามทนั ที่หลังจากการอบรม 3. ผู้วจิ ยั ไดร้ ายงานผลการนเิ ทศ ตดิ ตามการนาเนนิ งานของโรงเรยี นหลังเสร็จส้นิ การนาเสนอ

24 กำรวิเครำะห์ขอ้ มลู การวเิ คราะห์ข้อมลู วจิ ัยในครั้งน้ี ผวู้ ิจัยวิเคราะหข์ ้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ สาเรจ็ รปู ซึ่งมขี ัน้ ตอนในการดาเนินการดงั น้ี วิเคราะห์แบบสอบถามท่คี รอบคลุม่ เน้อื หาตามกรอบแนวคิดวจิ ัยเกยี่ วกับความพึง พอใจของผู้เข้ารับการมอบรมและพัฒนาเพื่อการสง่ เสรมิ “โครงงานคณุ ธรรม” ในโรงเรยี นอยา่ งยงั่ ยืน เพ่ือวธิ ีหาค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เปน็ ราย ดา้ นและรายข้อ และบรรยายประกอบตารางเกณฑ์การแปลความหมายค่าเฉล่ยี โดยใช้เกณฑ์สมั บรู ณ์ (Absolute Criteria) ในการแปลความหมาย ดังน้ี (บุญชม ศรสี ะอาด, 2543) 4.51 - 5.00 หมายถงึ ปัจจยั ในการตัดสนิ ใจอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด 3.51 - 4.50 หมายถึง ปัจจยั ในการตัดสนิ ใจอยู่ในระดบั มาก 2.51 - 3.50 หมายถึง ปจั จยั ในการตัดสินใจอยใู่ นระดับปานกลาง 1.51 - 2.50 หมายถงึ ปัจจัยในการตดั สินใจอย่ใู นระดบั น้อย 1.00 - 1.50 หมายถึง ปจั จยั ในการตัดสนิ ใจอย่ใู นระดบั น้อยท่สี ุด สถิติทใี่ ชใ้ นกำรวิเครำะห์ข้อมูล 1. สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1.1หาค่าเฉลย่ี เลขคณิต (Arithmetic Mean) ใช้สตู ร (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2543: 102) ดงั นี้ X  x n เมื่อ X แทน คา่ เฉลย่ี เลขคณิต x แทน ผลรวมคะแนนทั้งหมด n แทน จานวนกล่มุ ตัวอย่าง งานวิจัยเล่มนี้ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพท่ีได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก การรายงานผลการดาเนนิ งานของเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา และรายงานผลการดาเนินงานของโรงเรียน นา ข้อมูลท่ีได้มาจัดเรียบเรียงข้อมูล การสังเคราะห์ข้อมูล และการหารูปแบบจากข้อมูลท่ีได้จากการ รายงาน นามาวิเคราะห์เน้อื หา (Content Analysis)

25 บทที่ 4 ผลการวจิ ัย ผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของสานักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษามัธยมศึกษาปัตตานี ในคร้ังน้ี ผวู้ ิจัยไดน้ าเสนอผลการวิจยั ดงั นี้ 1 การสร้างความรคู้ วามเขา้ ใจ และการพัฒนาศักยภาพครแู กนนาและนกั เรยี นแกนนา กิจกรรมที่ ๑ อบรมและพัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา และนกั เรียนแกนนาเพ่ือการ สง่ เสรมิ “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรยี นอย่างย่ังยืน ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามแบ่งออเป็น ๒ ระยะ การอบรมระยะที่ ๑ เป็นการอบรมให้ความรู้เก่ียวกับโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ แกค่ ณะผู้บรหิ าร และคณะครแู กนนา จาแนกตามเพศ อายุ และตาแหนง่ การอบรมระยะที่ ๒ เป็นการอบรมขยายผลสู่นักเรียนแกนนาระดับโรงเรียนต่างท้ัง ๑๗ โรงเรยี น จาแนกเป็น เพศ ระดับชนั้ และโรงเรยี น การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยหาค่าความถี่ (Frequency)และคา่ ร้อยละ (Percentage) ตอนที่ 2 การวิเคราะหข์ ้อมลู ความพึงพอใจ ดงั นี้ 2.1 วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการอบรมตามโครงการ โรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ในภาพรวม รายด้าน และรายข้อ โดยหาค่าเฉลย่ี ( X ) จากกลุ่มตัวอย่างจานวน 240 คน เป็นผู้บริหาร ครูและนักเรียน สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ส่งแบบสอบถามกลับคืน จานวน 240 คน คิดเป็น ร้อยละ 100 ของแบบสอบถามทั้งหมด ผูว้ จิ ยั ไดท้ าการวิเคราะห์ข้อมลู ดังน้ี ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล 1 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลสว่ นบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ทงั้ ๒ ระยะปรากฏดัง ตาราง 1 การอบรมปฏบิ ตั ิการพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเพ่อื สง่ เสรมิ “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรียนอยา่ งย่งั ยนื ระยะที่ ๑

26 ตาราง 1 จานวนและรอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม จานวน (คน) ร้อยละ ข้อมลู ทว่ั ไป 20 48.80 21 51.20 เพศ 41 100.00 ชาย หญงิ 1 4.10 3 7.30 รวม 5 12.20 12 29.30 อายุ 3 7.30 21-25 ปี 5 12.20 26-30 ปี 7 17.10 31-35 ปี 5 12.20 36-40 ปี 41 100.00 41-45 ปี 46-50 ปี 3 7.30 51-55 ปี 26 63.40 56-60 ปี 2 4.90 6 14.60 รวม 4 9.80 41 100.00 ตาแหนง่ ครูผู้ชว่ ย ครู รองผูอ้ านวยการ ผู้อานวยการ อน่ื ๆ รวม จากตาราง 1 ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาที่ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายและ หญิงสัดส่วนเทา่ กัน มีอายสุ ่วนใหญ่อยรู่ ะหว่าง 36-40 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 29.30 ส่วนใหญ่มตี าแหนง่ เป็นครู คิดเปน็ รอ้ ยละ 63.40 การอบรมปฏิบัตกิ ารพฒั นานักเรียนแกนนาเพ่ือสง่ เสรมิ “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรยี น อย่างยั่งยนื ระยะท่ี ๒ ตาราง 2 จานวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน (คน) รอ้ ยละ ข้อมูลท่วั ไป 56 28.10 เพศ 143 71.90 199 100.00 ชาย หญงิ รวม

27 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ 17 8.50 มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ 6 3.10 มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ 19 9.50 มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ 45 22.60 มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ 48 24.10 มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ 64 32.20 รวม 199 100.00 โรงเรียน โรงเรยี นเดชะปัตตนยานุกูล 20 10.05 โรงเรียนเบญจมราชทู ิศ จงั หวดั ปตั ตานี 11 5.52 โรงเรยี นสวุ รรณไพบูลย์ 10 5.02 โรงเรียนโพธิค์ ริ ริ าชศึกษา 6 3.01 โรงเรียนราชมนุ ีรงั สฤษฏ์ 10 5.02 โรงเรยี นยาบีบรรณาวิทย์ 3 1.50 โรงเรยี นปทมุ คงคาอนุสรณ์ 5 2.51 โรงเรยี นแมล่ านวิทยา 30 15.07 โรงเรยี นทงุ่ ยางแดงพทิ ยาคม 4 2.01 โรงเรยี นประตโู พธิว์ ิทยา 9 4.52 โรงเรียนสะนอพิทยาคม 8 4.02 โรงเรียนวงั กะพ้อพทิ ยาคม 19 9.54 โรงเรยี นไม้แก่นกิตตวิ ทิ ย์ 7 3.51 โรงเรยี นสายบรุ ีแจง้ ประชาคาร 12 6.03 โรงเรียนทา่ ขา้ มวิทยาคาร 20 10.05 โรงเรยี นวฒุ ชิ ัยวทิ ยา 10 5.02 โรงเรียนศิรริ าษฎรส์ ามคั คี 15 7.53 รวม 100.00 จากตาราง 2 นกั เรยี นที่ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญงิ คิดเป็นร้อยละ 71.90 สว่ นใหญ่เป็นนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 คิดเปน็ ร้อยละ 32.20 สว่ นใหญ่เป็นนักเรยี นจาก โรงเรยี นแม่ลานวทิ ยา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15.07 ตอนที่ 2 การวเิ คราะหข์ ้อมูลตามเนอ้ื หาความพึงพอใจในการจดั อบรม ดังน้ี 2.1 วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจอบรมปฏิบตั ิการพฒั นาครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษาเพ่ือส่งเสริม “โครงงานคุณธรรม” ในโรงเรยี นอย่างยั่งยนื ระยะท่ี ๑ ในภาพรวม ราย ดา้ นและรายข้อ โดยหาคา่ เฉลยี่ ( X ) และระดับคุณภาพ ดังนี้

28 ตาราง 3 ความพึงพอใจของผู้บรหิ ารและครู ขอ้ รายการ ค่าเฉลี่ย ระดบั คณุ ภาพ 1. ดา้ นความพร้อมในการจดั อบรม 3.90 มาก 1 สถานที่ทใี่ ช้ในการอบรม มีบรรยากาศดี เหมาะสมต่อ 3.92 มาก การเรียนรู้ 2 วสั ดุอปุ กรณท์ ่ีใช้ในการอบรมมีความเหมาะสม 3.75 มาก 3 เอกสารประกอบการฝึกอบรมเพยี งพอและเหมาะสม 3.92 มาก 4 การอานวยความสะดวกของขณะทางาน 4.21 มาก 5 มีการประชาสัมพนั ธ์กจิ กรรมอย่างท่วั ถึง 3.65 มาก 6 ระยะเวลาท่ีใช้ในการอบรมมีความเหมาะสม 3.82 มาก 7 อาหารและเคร่อื งดมื่ มีความเหมาะสมเพยี งพอ 4.07 มาก 2. ด้านเน้ือหาและหลกั สูตรในการฝกึ อบรม 4.05 มาก 1 หลักสูตรมีความเหมาะสม 3.97 มาก 2 เนื้อหาสาระมคี วามสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 4.14 มาก 3. ด้านความเหมาะสมของวิทยากร 4.09 มาก 1 วทิ ยากรมีประสบการณ์ในการฝกึ อบรม 4.12 มาก 2 วิทยากรมคี วามรู้ ความสามารถและมีความเข้าใจใน 4.19 มาก เนื้อหาเรือ่ งที่อบรม 3 วทิ ยากรมเี ทคนคิ วิธกี ารให้ความรู้แกท่ า่ น 4.02 มาก 4 วิทยากร มีสอ่ื อุปกรณ์ในการฝึกอบรมที่นา่ สนใจ 3.97 มาก 5 วิทยากรมกี ารใชภ้ าษาท่เี ขา้ ใจงา่ ย 4.17 มาก 4. ด้านนาความรไู้ ปใชไ้ ปใชแ้ ละเผยแพร่ 4.00 มาก 1 ได้รบั ความรเู้ กี่ยวกับการอบรมอยา่ งชัดเจน 4.12 มาก 2 สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการขบั เคลอื่ นโรงเรียน 4.02 มาก คุณธรรมในโรงเรยี นของท่าน 3 สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ใหก้ บั ผอู้ ่ืนได้ 3.87 มาก เฉลีย่ ทง้ั หมด 4.01 มาก จากตาราง 3 พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจโดยภาพ รวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีการตัดสินใจอยู่ในระดับมาก โดย ด้านความเหมาะสมของวิทยากรมีความพึงพอใจมากท่ีสุด เม่ือพิจารณารายข้อ พบว่า วิทยากรมี ความรู้ ความสามารถและมีความเข้าใจในเน้อื หาเร่อื งที่อบรม และด้านความพร้อมในการจัดอบรม มี ความพึงพอใจนอ้ ยทสี่ ดุ เม่ือพจิ ารณารายข้อ พบว่า ไมม่ ีการประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรมอยา่ งทว่ั ถึง 2.2 วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจอบรมปฏิบัติการนักเรียนส่งเสริม “โครงงาน คุณธรรม” ในโรงเรียนอย่างย่ังยืน ระยะท่ี ๒ ในภาพรวม รายด้านและรายข้อ โดยหาค่าเฉล่ีย ( X ) และระดบั คณุ ภาพ ดังน้ี

29 ตาราง 4 ความพึงพอใจของนักเรียนแกนนา คา่ เฉล่ีย ระดับคุณภาพ ข้อ รายการ 3.70 มาก 1. ด้านความพรอ้ มในการจัดอบรม 3.82 มาก 1 สถานที่ทใ่ี ช้ในการอบรม มีบรรยากาศดี เหมาะสมต่อ 3.65 มาก การเรยี นรู้ 3.82 มาก 3.55 มาก 2 วสั ดุอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการอบรมมคี วามเหมาะสม 3.72 มาก 3 เอกสารประกอบการฝึกอบรมเพียงพอและเหมาะสม 4.00 มาก 4 มกี ารประชาสมั พันธก์ จิ กรรมอย่างทว่ั ถึง 3.90 มาก 5 ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการอบรมมีความเหมาะสม 4.10 มาก 4.09 มาก 2. ด้านเนอ้ื หาและหลกั สูตรในการฝึกอบรม 4.12 มาก 1 หลกั สูตรมคี วามเหมาะสม 4.19 มาก 2 เนื้อหาสาระมคี วามสอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ 4.02 มาก 3. ด้านความเหมาะสมของวิทยากร 3.97 มาก 1 วทิ ยากรมปี ระสบการณ์ในการฝกึ อบรม 4.17 มาก 2 วิทยากรมคี วามรู้ ความสามารถและมีความเข้าใจใน 4.00 มาก 4.12 มาก เนอื้ หาเรอ่ื งท่อี บรม 4.02 มาก 3 วิทยากรมีเทคนิค วิธกี ารใหค้ วามรู้แก่ทา่ น 4 วทิ ยากร มีส่อื อุปกรณ์ในการฝึกอบรมท่ีน่าสนใจ 3.87 มาก 5 วิทยากรมกี ารใช้ภาษาท่ีเขา้ ใจง่าย 3.98 มาก 4. ด้านนาความรูไ้ ปใช้ไปใช้และเผยแพร่ 1 ได้รบั ความรเู้ กี่ยวกบั การอบรมอย่างชัดเจน 2 สามารถนาความรู้ไปใช้ในการขบั เคลื่อนโรงเรยี น คุณธรรมในโรงเรยี นของทา่ น 3 สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ใหก้ ับผ้อู ืน่ ได้ เฉล่ียท้งั หมด จากตาราง 4 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีการตัดสินใจอยู่ในระดับมาก โดยด้านความเหมาะสมของ วิทยากรมีความพึงพอใจมากท่ีสุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า วิทยากรมีความรู้ ความสามารถและมี ความเข้าใจในเน้ือหาเรื่องที่อบรม และด้านความพร้อมในการจัดอบรม มีความพึงพอใจน้อยที่สุดเม่ือ พจิ ารณารายข้อ พบว่า ไม่มีการประชาสัมพนั ธ์กิจกรรมอย่างทัว่ ถงึ เชน่ กัน 2 การลงมือปฏิบตั ิของโรงเรียน การปฏิบัติงานของโรงเรียนต่างในการส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมเกิดจากองค์ความรู้เดิมที่ โรงเรียนได้ดาเนินการตามนโยบายของโรงเรยี นตามมาตรฐานของการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ

30 มีการบูรณาการในหลักสูตร มีการกาหนดโครงการในแผนปฏิบัติการประจาปี การจัดกิจกรรมเสริม หลักสตู รเปน็ ปกตขิ องโรงเรียน 3 การนิเทศติดตามโรงเรยี น กจิ กรรมกากบั ติดตามและตรวจสอบคุณภาพโรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. สานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาปัตตานี ระดับ 2 ดาว และ 3 ดาว ประจาปีงบประมาณ 2564 การดาเนินงานกากับติดตามและตรวจสอบคณุ ภาพโรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. สานักงานเขต พนื้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี ระดับ 2 ดาว และ 3 ดาว ไดก้ าหนดประเดน็ ในการกากบั ตดิ ตาม ไว้ ๖ ประเด็น ดงั น้ี ๑. คุณธรรมอัตลกั ษณ์ จากการดาเนินงานสรา้ งคุณธรรมอตั ลกั ษณข์ องแต่ละโรงเรียนสามารถสรุปตาราง คณุ ธรรมอัตลักษณไ์ ดด้ ังน้ี ตาราง 5 คุณธรรมอฒั ลักษณ์ของโรงเรยี นในสงั กัด คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ที่ ชอื่ โรงเรยี น ๑ วังกะพอ้ พทิ ยาคม ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๒ ประตโู พธ์ิวิทยา พอเพียง ซื่อสัตย์ ๓ ไม้แก่นกติ ติวทิ ย์ จิตอาสา วนิ ัย พอเพียง รับผดิ ชอบ ๔ สะนอพิทยาคม จติ อาสา วนิ ัย สามคั คี ซือ่ สัตย์ ๕ สายบรุ ี“แจง้ ประชาคาร” จิตสาธารณะ วินัย รบั ผดิ ชอบ ๖ สุวรรณไพบูลย์ วนิ ยั พอเพยี ง รับผดิ ชอบ ซ่ือสตั ย์ ๗ ทุ่งยางแดงพทิ ยาคม วินยั พอเพยี ง รับผดิ ชอบ ซื่อสัตย์ ๘ เบญจมราชูทิศ จ.ปตั ตานี วินยั พอเพียง รับผดิ ชอบ ซือ่ สัตย์ ๙ แม่ลานวิทยา วนิ ยั พอเพียง รับผิดชอบ ๑๐ เดชะปัตตนยานุกูล รบั ผิดชอบ ซอ่ื สัตย์ ๑๑ ปทมุ คงคงอนสุ รณ์ จติ อาสา มารยาท พอเพียง รับผิดชอบ ๑๒ ยาบบี รรณวิทย์ จิตอาสา วนิ ยั ซื่อสัตย์ ๑๓ โพธิ์ครี ีราชศกึ ษา จติ อาสา วินัย มนี ้าใจ รับผิดชอบ 7 ๑๔ ราชมุนีรังสฤษฏ์ พอเพียง ๑๕ ศริ ริ าษฎร์สามคั คี จิตอาสา วินยั รับผดิ ชอบ ๑๖ ท่าข้ามวทิ ยาคาร วินัย สามคั คี 10 ๑๗ วุฒชิ ัยวทิ ยา 7 วนิ ัย วินัย 8 รวมความถ่ี วนิ ยั 15

31 จากข้อมูลในตารางท่ี 5 สามารถสรปุ คณุ ธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรยี นในสงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาปัตตานสี ามข้อทม่ี ีการกาหนดมากท่สี ุดคือ วนิ ยั ความรับผดิ ชอบ และ พอเพียง โดยกาหนดปญั หาเร่ืองท่เี ก่ียวข้องการการจดั การขยะเปน็ ปญั หาเร่งด่วนของโรงเรยี นใน สังกดั ๒. กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม กระบวนการพัฒนาโรงเรยี นคุณธรรมของแตล่ ะโรงเรยี นจะใช้ตาม ๔ หลกั ๖ ขั้นตอน ดงั น้ี หลักการสาคัญ 4 ประการ เพื่อมุ่งให้โรงเรียนประสบผลสาเร็จและเกิดความย่ังยืนในการ พัฒนาคุณธรรมในโรงเรียน นักเรียนจะเติบโตไปพร้อมกับมีอุปนิสัยท่ีดีงามติดตัวไปตลอด ดงั น้ี 1. เป็นกระบวนการท่ตี ้องทาทง้ั โรงเรียน (ผู้บริหาร ครู นกั เรียน) และผมู้ สี ว่ นไดเ้ สีย 2. ใหค้ วามสาคญั กับการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมของนักเรยี นเปน็ หลัก การดาเนนิ งานตาม กระบวนการน้จี ึงทาจากลา่ งขึ้นบน (Bottom Up) เป็นการพิจารณานาความสนใจความ ตอ้ งการของนักเรียนจากระดับล่างข้ึนมาเปน็ ระดบั นโยบายของโรงเรียน 3. โรงเรยี นต้องทาอย่างมสี ่วนร่วม ใหโ้ อกาสทุกคนมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาโรงเรยี น คณุ ธรรม ทัง้ ผู้ปกครอง และชุมชน เป็นต้น 4. โรงเรียนตอ้ งทากจิ กรรมพัฒนาคุณธรรมอย่างต่อเน่ือง สม่าเสมอ พยายามผนวกไวใ้ นการ เรียนรทู้ กุ ประเภทของโรงเรียน กระบวนการพฒั นาโรงเรยี นคณุ ธรรมของมลู นธิ ิยุวพัฒน์ 6 ข้อ 1. การสรา้ งการรบั รแู้ ละการยอมรับ เปน็ ขน้ั ตอนการประชาสัมพันธแ์ ก่คณะครู และนักเรยี น 2. การสร้างครูแกนนาและนักเรียนแกนนาครูแกนนาเขา้ รับการอบรมเพอ่ื การทา ความเข้าใจในโครงการโรงเรียนคณุ ธรรมและครแู กนนาคดั เลือกนกั เรียนแกนนา และอบรมทาความเขา้ ใจโครงการโรงเรียนคณุ ธรรม 3. กาหนดเป้าหมายและการเปลี่ยนแปลงรว่ มกนั ระดมความคิด / สมอง ( Brainstorming ) การสนทนาอภิปรายกลมุ่ ย่อย ( Focus Group Discussion ) เพ่ือระบุและ วิเคราะหส์ าเหตุของปัญหา กาหนดพฤติกรรมบง่ ชี้ เชิงบวก รวมถึงการกาหนดคุณธรรมเป้าหมาย 4. กาหนดวธิ ีการเพ่ือการบรรลเุ ปา้ หมายกาหนดโครงงานคุณธรรมทต่ี อ้ งการใหเ้ กิด การเปลย่ี นแปลงที่ถูกต้องเหมาะสม มพี ัฒนาการมีแบบอย่างที่ดี มี สภาพแวดล้อมและบรรยากาศท่ีเอื้อต่อการพัฒนาคุณธรรมพร้อมท้ังบูรณาการ คณุ ธรรมในทุกสาระการเรียนรแู้ ละทกุ กจิ กรรมทจี่ ดั ขน้ึ

32 5. ลงมอื ปฏบิ ัตเิ พื่อการบรรลุเป้าหมาย โดยใช้หลกั ธรรมสาคัญ ดังนี้ พระราชดารัส ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดยุ เดชฯ พรหมวิหาร 4 และ หลักธรรมของศาสนาอสิ ลาม 6. สรา้ งกลไกการขับเคลอ่ื นสคู่ วามสาเรจ็ มีการวางแผนรว่ มกัน เพือ่ สร้างการมี ส่วนรว่ ม สง่ เสรมิ สนบั สนนุ เสรมิ แรงแก่ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน มีการนิเทศภายใน เพื่อแลกเปลย่ี นเรียนรรู้ ว่ มกัน มกี ารประเมินผลและถอดบทเรยี นจากการ ดาเนนิ งาน โดยใช้หลักการ ( SWOT Analysis ) เพ่ือหาจุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาสและอปุ สรรค ตามลาดบั ตลอดจนประชาสัมพนั ธก์ ารดาเนนิ โครงงาน คณุ ธรรมใหค้ รอบคลุมทัว่ ถงึ ทุกมิติ ๓. ปจั จยั ที่ส่งผลต่อความสาเรจ็ ของการพัฒนา ปัจจัยทีส่ ง่ ผลต่อความสาเร็จของการพฒั นาโรงเรยี นคุณธรรมของโรงเรียนในสังกัด สามารถแบง่ ปจั จยั ท่ีเกี่ยวข้องดังนี้ 1. ผูบ้ รหิ าร จะต้องเปน็ ผบู้ รหิ ารทว่ี ิสยั ทัศน์ในการบรหิ าร มภี าวะผู้นาเชิงจริยธรรม มี ระบบนเิ ทศภายในทเ่ี ปน็ ระบบ ขับเคล่อื นการดาเนินงานด้วยแผนงานท่ชี ดั เจน 2. ครู จะต้องให้ความร่วมมอื กัน มีความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ทท่ี ี่ไดร้ ับมอบหมาย 3. นักเรยี น จะต้องเปน็ คนทีม่ จี ิตอาสาในการทางาน ให้ความร่วมมอื และฝึกการทางาน เปน็ ทมี 4. ผ้ปู กครองหรือชุมชน จะต้องส่งเสริมให้นักเรยี นได้ปฏิบัติตนตามคุณธรรมอัตลักษณ์ ของโรงเรียน ๔. บทเรียนทไ่ี ดจ้ ากการเสรมิ สร้างคุณธรรมในโรงเรียน ประโยชน์ต่อผู้บริหาร จากการดาเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ทาให้ผูบ้ ริหารได้นวัตกรรมการบริหารที่ ชัดเจน เช่น “Backward Design to Moral School” ของโรงเรียนแม่ลานวิทยา และ รูปแบบการบริหารสร้างสรรค์คนดี 4+6=Suwanpaibool Model ของโรงเรียนสุวรรณ ไพบูลย์ เป็นต้น ประโยชน์ต่อครู - ครูมีข้อมลู ชัดเจน ในการปรับพฤติกรรมนักเรียน - ครแู ละผปู้ กครอง ประสานงานแกไ้ ขปญั หานักเรียนไดด้ ยี ิ่งขึ้น - ครูจดั การเรียนการสอนมีประสทิ ธิภาพดขี ึ้นมาก - ครมู ีการสรา้ งเครือขา่ ยภายในและภายนอกโรงเรียน ประโยชนต์ ่อนักเรยี น - มกี ารปรบั ตวั ได้ดีและรวดเร็ว ตามพฤติกรรมบง่ ช้เี ชงิ บวก - มีทักษะการแกป้ ัญหาได้ดีข้ึน

33 - สมาธิในการเรียนมากขึ้น - มีผลการเรียนดีขน้ึ คะแนน O-NET เพม่ิ ขึน้ ทั้ง 5 สาระ - นักเรยี นมคี วามสามัคคีเป็นหมคู่ ณะ ประโยชน์ต่อสถานศกึ ษา - เปน็ ที่ยอมรับของชุมชนมากขนึ้ - โรงเรยี นจัดการศกึ ษาได้อย่างมีคุณภาพและมีความพรอ้ มในการประเมนิ ต่าง ๆ ประโยชน์ตอ่ ผู้ปกครอง / ชมุ ชน - มคี วามสุข ความภูมใิ จ ในตัวนักเรียนมาก - ชมุ ชน ชน่ื ชม คุณธรรมในตัวนักเรยี นมาก - มีความสขุ ในการอยู่ร่วมกนั ๕. โครงงานเด่นทสี่ อดคล้องกับคณุ ธรรมอัตลักษณ์ การพฒั โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ของโรงเรียนในสังกัดได้มีการทาโครงงานเด่น ดงั นี้ ตาราง 6 โครงงานเดน่ ทสี่ อดคลอ้ งกับคุณธรรมอัตลกั ษณ์ ที่ ช่อื โรงเรยี น ช่ือโครงงานเดน่ ๑ วงั กะพอ้ พทิ ยาคม ๒ ประตโู พธว์ิ ทิ ยา ลกู เสอื จิตอาสา ๓ ไม้แก่นกิตตวิ ทิ ย์ ศลิ ป์สรา้ งสรรค์ ๔ สะนอพิทยาคม จิตอาสาพฒั นาโรงเรียน ๕ สายบรุ ี“แจง้ ประชาคาร” Our Sanor Team ๖ สุวรรณไพบลู ย์ Waste free SJ ๗ ทงุ่ ยางแดงพทิ ยาคม ทิง้ ขยะลงถงั ตาวเิ ศษเหน็ นะ ๘ เบญจมราชูทิศ จ.ปตั ตานี ขยะจา๋ พี่ลากอ่ น ๙ แม่ลานวิทยา เขียวขาว ร่วมจติ พิชิตขยะ ๑๐ เดชะปตั ตนยานุกูล การจดั การขยะสโู่ คกหนองนาโมเดล ๑๑ ปทมุ คงคงอนุสรณ์ เดชะก้าวหน้าลกู พระยามีวนิ ัย ๑๒ ยาบีบรรณวิทย์ กนิ ข้าวหมดจาน ตักแต่พอดี ซื้อแต่พอกิน ๑๓ โพธคิ์ ีรีราชศึกษา เพื่อนช่วยเพ่ือน พ่ีชว่ ยนอ้ ง ๑๔ ราชมุนีรังสฤษฏ์ เพชรโพธิค์ ีรี เดก็ ดมี ีคณุ ธรรม ๑๕ ศิริราษฎร์สามคั คี คณุ ธรรมนาความรู้ ๑๖ ทา่ ข้ามวทิ ยาคาร ศร.รกั การเรียน ร่วมใจพัฒนา ทว.เพ่ือสังคมไทยยั่งยืน สภา ๑๗ วฒุ ิชยั วทิ ยา นักเรียนรว่ มกบั ชมุ นุมลูกเสือวิสามัญ วฒุ ิชัย zero waste

34 ๖. แนวทางการพัฒนาโรงเรียนคณุ ธรรมสู่ความยังยนื 1. สร้างการรับรู้ และความตระหนกั โดยยึด 4 หลกั 6 ขน้ั ตอน 2. ขบั เคล่อื นโดยใช้นวตั กรรมการบริหารอย่างเป็นระบบ 3. การประเมนิ ผล พฤติกรรมบ่งชเ้ี ชิงบวก ครูประเมินตามสภาพจรงิ แจง้ ผลแก่นักเรียนทราบ เปน็ ระยะๆ 4. ระบบนเิ ทศ ติดตาม และรายงานผล ทาอยา่ งต่อเนื่อง 5. สร้างแกนนารุน่ ต่อไปอย่างต่อเน่อื ง 4 การรายงานความกา้ วหน้าและการประเมนิ ผล กิจกรรมการสง่ เสรมิ ครุ ชุ นคนคณุ ธรรมและคัดเลือกนวัตกรรมสร้างสรรคค์ นดี ประจาปี งบประมาณ 2564 บทสรปุ ของการนาเสนอผลการดาเนินงานทาให้ไดค้ ุรชุ นคนคณุ ธรรมประจาสานักงานเขต พ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี ๕ โรงเรยี นไดแ้ ก่ ๑. โรงเรียนแม่ลานวทิ ยา ๒. โรงเรียนทา่ ขา้ มวิทยาคาร ๓. โรงเรยี นเบญจมราชทู ิศ จงั หวัดปัตตานี ๔. โรงเรียนสวุ รรณไพบลู ย์ ๕. โรงเรยี นโพธ์คิ รี รี าชศึกษา

35 บทที่ 5 สรปุ และอภิปรายผลการวจิ ยั บทนี้เป็นการสรุปผลการวิจัย การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ซ่ึงจะกล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการวิจัย วิธีดาเนินการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล สรุป ผลการวิจัย การอภิปรายผล ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใชแ้ ละข้อเสนอแนะสาหรับการวิจัย ต่อไป รายละเอยี ดจะได้กล่าวเป็นลาดับ ดงั ต่อไปนี้ วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย ในการวิจัยคร้งั นี้ มวี ตั ถุประสงคด์ งั น้ี 1. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของการสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ และการพัฒนาศักยภาพครู แกนนาและนักเรียนแกนนา โรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสังกดั 2. เพ่ือรวบรวมรายงานการขับเคล่ือนนโยบายโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนใน สังกัด วธิ ีดาเนินการวจิ ัย สาหรับวัตถุประสงค์ ข้อท่ี 1 ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร ครูและ นักเรียน ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี เป็นหน่วยการวิเคราะห์ (Unit of Analysis) กาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตาม เกณฑ์การวัดของ Likert แบ่งเป็น 5 ระดบั และรายงานผลการดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆ สาหรบั วัตถปุ ระสงค์ ข้อที่ 2 สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงการโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาปัตตานี โดยครอบคลุม่ ประชากรท้งั หมดของโรงเรยี นใน สังกัด วธิ กี ารเก็บรวบรวมข้อมูล สาหรับวัตถุประสงค์ ข้อท่ี 1 ผู้วิจัยได้ส่งลิงค์ให้กลุ่มตัวอย่างหลังจากกิจกรรมเสร็จ ส้ิน ตามกลุ่มตัวอย่างท่ีได้กาหนดไว้ และศึกษารายงานผลการดาเนินงานของโรงเรียนต่างๆ สาหรับ วตั ถปุ ระสงค์ ขอ้ ที่ 2 ใหต้ วั แทนนาเสนอผลการดาเนนิ งานและส่งเล่มรายงาน การวเิ คราะห์ขอ้ มลู สาหรับวัตถุประสงค์ ข้อที่ 1 ผู้วิจัยวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้บริหาร ครู และ นักเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี โดยวิธีหาค่าเฉล่ีย (Arithmetic Mean) และวิเคราะห์เน้ือหาจากรายงานผลต่างๆตามหัวข้อประเด็นที่กาหนดไว้ ส่วน สาหรับ วตั ถุประสงค์ ข้อท่ี 2 ใชว้ ิธกี ารวเิ คราะหเ์ นอื้ หาและสรปุ ผล

36 สรปุ ผลการวิจัย ผลการวจิ ยั สรปุ ประเด็นสาคัญไดด้ งั ต่อไปนี้ 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ข้อท่ี 1 เพ่ือศึกษาความพึงพอใจการ สร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาศักยภาพครูแกนนาและนักเรียนแกนนา โรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรยี นในสงั กดั ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีการตัดสินใจอยู่ในระดับมาก โดยด้านความเหมาะสมของ วิทยากรมีความพึงพอใจมากท่ีสุด เม่ือพิจารณารายข้อ พบว่า วิทยากรมีความรู้ ความสามารถและมี ความเข้าใจในเนื้อหาเร่ืองท่ีอบรม และด้านความพร้อมในการจัดอบรม มีความพึงพอใจน้อยท่ีสุดเม่ือ พิจารณารายข้อ พบวา่ ไมม่ กี ารประชาสัมพนั ธ์กจิ กรรมอยา่ งท่ัวถงึ นักเรียนแกนนามีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นราย ด้าน พบว่า ทุกด้านมีการตัดสินใจอยู่ในระดับมาก โดยด้านความเหมาะสมของวิทยากรมีความพึง พอใจมากท่ีสุด เมอื่ พจิ ารณารายขอ้ พบว่า วิทยากรมีความรู้ ความสามารถและมคี วามเข้าใจในเนอ้ื หา เรื่องท่ีอบรม และด้านความพร้อมในการจัดอบรม มีความพึงพอใจน้อยท่ีสุดเม่ือพิจารณารายข้อ พบวา่ ไม่มีการประชาสัมพันธก์ ิจกรรมอย่างท่ัวถงึ เชน่ กนั 2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 เพ่ือศึกษากระบวนการพัฒนา และขับเคลื่อนนโยบายโรงเรียนคุณธรรม สพฐ ของโรงเรียนในสงั กัด 2.1 การสร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาศักยภาพครแู กนนาและนกั เรียน แกนนา กิจกรรมที่ ๑ อบรมและพฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา และนักเรยี นแกนนาเพื่อการ สง่ เสรมิ “โครงงานคณุ ธรรม” ในโรงเรียนอยา่ งยั่งยนื สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานีได้ดาเนินการจัดอบรมและพัฒนา ครูแกนนาโดยมีวิทยากรจากมูลนิธิยุวพัฒน์ ให้ความรู้และร่วมกันขับเคล่ือนกับผู้บริหาร โรงเรียน คณะครูโรงเรียนในสังกัด สพฐ.สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี จานวน 17 โรงเรียน นอกจากน้ันผู้บริหารและครูแกนนาได้อบรมขยายผลแก่นักเรียนแกน นาแต่ละโรงเรียน โดยมีผู้บริหาร ครูแกนนาและนักเรียนแกนนาเข้าร่วมกิจกรรมตาม เป้าหมายท่ีกาหนดไว้จานวน 240 คน คิดเป็นร้อย 100 ส่วนเป้าหมายเชิงคุณภาพทาให้ ผู้บริหาร ครู และนักเรียนแกนนามีความตระหนัก รู้เข้าใจ และคิดอย่าง มีเหตุผล ซึมซับ คุณค่าแห่งคุณธรรมความดีอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ภูมิใจในการทา ความดี และร่วมกันสรา้ งเครือขา่ ยชมุ ชนองคก์ รแห่งคุณธรรม

37 2.2การลงมือปฏบิ ัติของโรงเรยี น การปฏิบัติงานของโรงเรียนต่างในการส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมเกิดจากองค์ ความรู้เดิมท่โี รงเรียนได้ดาเนินการตามนโยบายของโรงเรียนตามมาตรฐานของการศึกษาของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร มกี ารบรู ณาการในหลักสตู ร การจดั กจิ กรรมเสริมหลกั สูตรเปน็ ปกตวิ สิ ัย ของโรงเรียน โดยกาหนดประเด็นการขับเคลื่อนไว้ คุณธรรมอัตลักษณ์ กระบวนการพัฒนา โรงเรียนคุณธรรม ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จ บทเรียนท่ีได้จากการเสริมสร้างคุณธรรมใน โรงเรียน โครงงานเด่นท่ีสอดคล้องกับคุณธรรมอัตลักษณ์ และแนวทางการพัฒนาโรงเรียน คณุ ธรรมสูค่ วามยงั ยืน 2.3 การนิเทศติดตามโรงเรียน การดาเนินการนิเทศโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขต พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานีไดย้ ึดเกณฑ์การการที่นิเทศที่ทางมูลนิธิยุวพัฒน์ได้กาหนด ไวใ้ นบางส่วนและมีการกาหนดประเด็นเพอ่ื ความสอดคล้องกบั บรบิ ทของโรงเรยี น ดังนี้ ๑. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ จากการดาเนินงานของโรงเรียนทุกโรงเรียนมีการกาหนดคุณธรรมอัตลักษณ์ของแต่ ละโรงเรียน ตามกระบวนการการสร้างคุณธรรมอัตลักษณ์ ค้นหาปัญหา สาเหตุ กาหนด พฤติกรรมบ่งช้ีเชิงบวก และร่วมกันนาเสนอคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนโดยอาศัย หลักการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม ทาจากล่างขึ้นบน (Bottom Up) ผู้วิจัยสามารถสรุป คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรยี นในสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี ท่ีมี การกาหนดมากที่สุด ๓ คุณธรรม ความมีวินัย ความรับผิดชอบ และความพอเพียง โดย กาหนดปัญหาเรือ่ งที่เกี่ยวขอ้ งการการจดั การขยะเป็นปัญหาเร่งด่วนของโรงเรียนในสังกดั ๒. กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคณุ ธรรม กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของแต่ละโรงเรียนจะใช้ตาม ๔ หลัก ๖ ข้ันตอน ดังน้ี หลักการสาคัญ 4 ประการ เพื่อมุ่งให้โรงเรียนประสบผลสาเร็จและเกิดความ ยั่งยืนในการพัฒนาคณุ ธรรมในโรงเรียน นักเรียนจะเติบโตไปพร้อมกับมีอุปนิสัยท่ีดงี ามติดตัว ไปตลอด ดังน้ี 1. เปน็ กระบวนการท่ตี ้องทาทงั้ โรงเรียน (ผ้บู ริหาร ครู นักเรียน) และผมู้ ีส่วนไดเ้ สยี 2. ให้ความสาคัญกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียนเป็นหลัก การดาเนินงานตาม กระบวนการนี้จึงทาจากล่างข้ึนบน (Bottom Up) เป็นการพิจารณานาความสนใจความ ตอ้ งการของนกั เรียนจากระดับล่างขนึ้ มาเปน็ ระดบั นโยบายของโรงเรยี น 3. โรงเรียนต้องทาอย่างมีส่วนร่วม ให้โอกาสทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน คุณธรรม ท้งั ผ้ปู กครอง และชมุ ชน เป็นต้น 4. โรงเรียนตอ้ งทากิจกรรมพัฒนาคณุ ธรรมอยา่ งต่อเนือ่ ง สม่าเสมอ พยายามผนวกไว้ในการ เรยี นรทู้ กุ ประเภทของโรงเรยี น สว่ นกระบวนการพฒั นาโรงเรยี นคุณธรรมของมลู นธิ ยิ วุ พัฒน์ 6 ข้อ ประกอบด้วย 1. การสร้างการรับรู้และการยอมรับ เป็นขั้นตอนการประชาสัมพันธ์แก่คณะครูและ นกั เรียน

38 2. การสร้างครูแกนนาและนักเรียนแกนนาครูแกนนาเข้ารับการอบรมเพ่ือการทาความ เขา้ ใจในโครงการโรงเรียนคณุ ธรรมและครูแกนนาคัดเลือกนักเรียนแกนนาและอบรมทา ความเขา้ ใจโครงการโรงเรยี นคุณธรรม 3. กาหนดเป้าหมายและการเปลี่ยนแปลงรว่ มกันระดมความคิด / สมอง (Brainstorming ) การสนทนาอภิปรายกลุ่มย่อย( Focus Group Discussion ) เพื่อระบุและ วิเคราะห์ สาเหตุของปัญหา กาหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก รวมถึงการกาหนดคุณธรรม เป้าหมาย 4. กาหนดวิธีการเพื่อการบรรลุเป้าหมายกาหนดโครงงานคุณธรรมท่ีต้องการให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงท่ีถูกต้องเหมาะสม มีพัฒนาการมีแบบอย่างที่ดี มีสภาพแวดล้อมและ บรรยากาศที่เอ้ือต่อการพัฒนาคุณธรรมพร้อมทั้งบูรณาการคุณธรรมในทุกสาระการ เรียนรแู้ ละทกุ กจิ กรรมทจี่ ัดขึ้น 5. ลงมือปฏิบัติเพื่อการบรรลุเป้าหมาย โดยใช้หลักธรรมสาคัญ เช่น พระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุยเดชฯ พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท ๔ รวมถึง หลกั ธรรมของศาสนาอสิ ลาม 6. สร้างกลไกการขับเคลื่อนสู่ความสาเร็จมีการวางแผนร่วมกัน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ส่งเสริม สนับสนุน เสริมแรงแก่ผู้ปฏิบัติงาน มีการนิเทศภายใน เพื่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกัน มีการประเมินผลและถอดบทเรียนจากการดาเนินงาน โดยใช้หลักการ ( SWOT Analysis ) เพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค ตามลาดับ ตลอดจนประชาสัมพนั ธ์การดาเนนิ โครงงานคุณธรรมใหค้ รอบคลุมทวั่ ถึงทุกมติ ิ ๓. ปจั จัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จของการพัฒนา ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จของการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของโรงเรียนในสังกัด สามารถแบง่ ปัจจัยทเ่ี ก่ยี วข้องดงั นี้ 1. ผู้บริหาร จะต้องเป็นผู้บริหารท่ีวิสัยทัศน์ในการบริหาร มีภาวะผู้นาเชิงจริยธรรม มี ระบบนิเทศภายในท่ีเป็นระบบ ขบั เคลอื่ นการดาเนนิ งานดว้ ยแผนงานท่ีชดั เจน 2. ครู จะต้องให้ความรว่ มมอื กนั มีความรับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย 3. นักเรยี น จะต้องเป็นคนทมี่ ีจิตอาสาในการทางาน ใหค้ วามร่วมมือและฝึกการทางาน เป็นทีม 4. ผู้ปกครองหรือชุมชน จะต้องส่งเสริมให้นักเรยี นได้ปฏิบัติตนตามคุณธรรมอัตลักษณ์ ของโรงเรยี น ๔. บทเรียนท่ีได้จากการเสริมสร้างคุณธรรมในโรงเรยี น ประโยชน์ตอ่ ผู้บรหิ าร จากการดาเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ทาให้ผ้บู ริหารได้นวัตกรรมการบริหารที่ ชัดเจน เช่น “Backward Design to Moral School” ของโรงเรียนแม่ลานวิทยา และ

39 รูปแบบการบริหารสร้างสรรค์คนดี 4+6=Suwanpaibool Model ของโรงเรียนสุวรรณ ไพบลู ย์ เปน็ ตน้ ประโยชน์ต่อครู - ครูมขี อ้ มลู ชดั เจน ในการปรับพฤติกรรมนกั เรียน - ครแู ละผปู้ กครอง ประสานงานแก้ไขปัญหานักเรียนไดด้ ียิ่งขึ้น - ครจู ดั การเรียนการสอนมปี ระสทิ ธิภาพดีขน้ึ มาก - ครูมกี ารสรา้ งเครือข่ายภายในและภายนอกโรงเรยี น ประโยชนต์ อ่ นกั เรียน - มีการปรบั ตวั ได้ดแี ละรวดเร็ว ตามพฤติกรรมบง่ ชเี้ ชงิ บวก - มีทักษะการแกป้ ัญหาไดด้ ีข้ึน - สมาธใิ นการเรียนมากข้ึน - นกั เรียนมคี วามสามัคคเี ปน็ หมูค่ ณะ ประโยชน์ตอ่ สถานศกึ ษา - เปน็ ทย่ี อมรบั ของชมุ ชนมากขึ้น - โรงเรยี นจัดการศึกษาได้อยา่ งมีคุณภาพและมีความพร้อมในการประเมนิ ต่าง ๆ ประโยชน์ตอ่ ผู้ปกครอง / ชมุ ชน - มคี วามสขุ ความภมู ิใจ ในตัวนกั เรยี นมาก - ชุมชน ชน่ื ชม คุณธรรมในตัวนักเรียนมาก - มีความสุขในการอยรู่ ว่ มกัน ๕. โครงงานเดน่ ทีส่ อดคล้องกับคุณธรรมอตั ลักษณ์ ท่ี ชอ่ื โรงเรียน ช่อื โครงงานเด่น ๑ วังกะพ้อพทิ ยาคม ลกู เสอื จิตอาสา ๒ ประตูโพธิว์ ทิ ยา ศิลปส์ รา้ งสรรค์ ๓ ไมแ้ ก่นกติ ติวทิ ย์ จิตอาสาพฒั นาโรงเรียน ๔ สะนอพทิ ยาคม Our Sanor Team ๕ สายบรุ ี“แจง้ ประชาคาร” Waste free SJ ๖ สุวรรณไพบลู ย์ ท้งิ ขยะลงถังตาวิเศษเห็นนะ ๗ ท่งุ ยางแดงพทิ ยาคม ขยะจา๋ พ่ีลากอ่ น ๘ เบญจมราชูทิศ จ.ปตั ตานี เขยี วขาว ร่วมจิตพชิ ิตขยะ ๙ แมล่ านวทิ ยา การจดั การขยะสู่โคกหนองนาโมเดล ๑๐ เดชะปัตตนยานกุ ูล เดชะกา้ วหนา้ ลูกพระยามีวนิ ัย ๑๑ ปทมุ คงคงอนสุ รณ์ กนิ ข้าวหมดจาน ตักแต่พอดี ซือ้ แต่พอกิน

40 ๑๒ ยาบีบรรณวิทย์ เพื่อนชว่ ยเพื่อน พ่ชี ่วยนอ้ ง ๑๓ โพธิ์คีรีราชศึกษา เพชรโพธ์ิคีรี เด็กดมี ีคุณธรรม ๑๔ ราชมุนรี ังสฤษฏ์ คณุ ธรรมนาความรู้ ๑๕ ศริ ริ าษฎร์สามัคคี ศร.รักการเรียน ๑๖ ทา่ ข้ามวิทยาคาร ร่วมใจพัฒนา ทว.เพื่อสังคมไทยย่ังยนื สภา นักเรยี นรว่ มกบั ชุมนมุ ลูกเสือวิสามญั ๑๗ วุฒิชยั วทิ ยา วฒุ ชิ ัย zero waste ๖. แนวทางการพัฒนาโรงเรียนคณุ ธรรมสู่ความยังยนื 1. สร้างการรับรู้ และความตระหนกั โดยยึด 4 หลกั 6 ขั้นตอน 2. ขับเคลอ่ื นโดยใชน้ วตั กรรมการบรหิ ารอยา่ งเปน็ ระบบ 3. การประเมนิ ผล พฤติกรรมบ่งชี้เชงิ บวก ครูประเมนิ ตามสภาพจริงแจง้ ผลแกน่ ักเรยี นทราบ เปน็ ระยะๆ 4. ระบบนเิ ทศ ติดตาม และรายงานผล ทาอย่างต่อเนื่อง 5. สร้างแกนนารนุ่ ตอ่ ไปอยา่ งต่อเนือ่ ง 4 การรายงานความกา้ วหน้าและการประเมนิ ผล กจิ กรรมการสง่ เสรมิ ครุ ุชนคนคณุ ธรรมและคดั เลอื กนวัตกรรมสร้างสรรคค์ นดี ประจาปี งบประมาณ 2564 บทสรปุ ของการนาเสนอผลการดาเนนิ งานทาให้ได้คุรุชนคนคณุ ธรรมประจาสานักงานเขต พืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาปัตตานี ๕ โรงเรยี นไดแ้ ก่ ๑. โรงเรียนแม่ลานวทิ ยา ๒. โรงเรยี นทา่ ข้ามวิทยาคาร ๓. โรงเรียนเบญจมราชทู ศิ จงั หวัดปตั ตานี ๔. โรงเรยี นสุวรรณไพบลู ย์ ๕. โรงเรยี นโพธิค์ รี ีราชศกึ ษา การอภปิ รายผล การอภปิ รายผล ซึ่งผวู้ ิจัยจะดาเนนิ การอภปิ รายผลการวจิ ยั ในแตล่ ะประเดน็ ดังนี้ 1. การมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาโรงเรยี นคุณธรรม การส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมสามารถสรุปได้ว่า การมีส่วนร่วมในการส่งเสริม โรงเรียนคุณธรรมกับภาคีทุกภาคส่วนโดยเฉพาะระหว่างครู และบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน และโรงเรียนกับชุมชนจะช่วยให้การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของโรงเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับ เสงี่ยม บารุงพงษ์ (2556) ท่ีกล่าวว่า หลักการมีส่วน ร่วม (Participation or Collaboration or Involvement) เปน็ การเปิดอานาจให้ผู้เก่ยี วข้องและผู้มี ส่วนได้เสียได้มีส่วนร่วมในการบริหาร ตัดสินใจและร่วมจัดการศึกษาท้ังครู ผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน

41 ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้แทนเรียน การทีบ่ ุคคลมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จะทาให้เขาเกิดความรู้สึก เป็นเจ้าของและรบั ผดิ ชอบในการจัดการศกึ ษามากขึ้น เช่นเดียวกับ สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาขั้น พน้ื ฐาน (2558) ได้เสนอว่าการส่งเสริมการศึกษาเพ่ือสร้างเยาวชนให้เป็นสุจริตชนทุกภาคส่วน ต้อง ร่วมกันสนับสนุนส่งเสริมให้นโยบายการศึกษาท้ังในระบบและนอกระบบ การส่งเสริมการมีส่วนร่วม ของบุคลากรกลุ่มต่างๆจะช่วยให้สถานศึกษามีความเข้มแข็งเป็นไปตามหลักคิดสาคัญในการจัด การศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2545) ท่ีมุ่งเน้น ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาซึ่งสอดคล้องกับจัดการเรียนรู้ควบคู่กับการสร้าง เสริมคุณธรรมจริยธรรม และสามารถพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนแบบองค์รวมได้ จะเป็น หลักประกันสาคัญอย่างหน่ึงท่ีช่วย ให้การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมสามารถเร่ิมต้น และดาเนินการไป ได้อยา่ งตอ่ เนื่องดว้ ยความมงุ่ มน่ั ของครู ร่วมกับการมภี าวะผู้นาของผู้บริหาร ความรว่ มมือของนักเรียน ผู้ปกครองและผู้มีส่วนเก่ียวข้องในโรงเรียน(ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ, 2559) ซึ่ง สอดคล้องมูลนิธิยุวสถิรคุณ กล่าว่า การใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ทุกคนในโรงเรียนร่วมกันทา เป็น การปฏิบัติด้วยตนเอง โดยร่วมกันคิด (วางแผน) ร่วมกันทา และร่วมกันประเมินผล เพื่อปรับปรุง ตนเองและโรงเรียนของเราเอง ให้มีพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์เพ่ิมขึ้น และร่วมกันลดพฤติกรรมท่ีไม่พึง ประสงคใ์ ห้น้อยลงหรือหมดไป (ศูนยโ์ รงเรยี นคณุ ธรรม มูลนิธยิ ุวสถิรคุณ , 2558) 2 การเป็นแบบอยา่ งท่ีดี ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมควรเริ่มจากผู้บริหารและครูต้องเป็น แบบอย่างที่ดีเพราะตัวอย่างที่ดีมคี ่ามากกว่าคาสอน การสร้างแบบอย่างท่ีดี คือ การนาตวั อยา่ งที่ดีมา ชี้ให้สังคมได้เห็นและรับรู้ จุดเน้น คือ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องใช้ภาวะผู้นาในการทาตัวเป็น แบบอย่างที่ดีสร้างศรัทธาให้เกิดข้ึนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และชักนาไปสู่การประพฤติปฏิบัติตาม มาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรมและเป็นการสร้างแรงจูงใจเป็นการเปล่ียนกระบวนความคิดให้เห็น คุณค่าและประโยชน์ของการมีคุณธรรมจริยธรรมครูสามารถสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนเป็นคนดีมี คณุ ธรรมได้โดยครูเป็นแบบอยา่ ง สอดคล้องกับ สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ และศศิกาญจน์ ทวิสุวรรณ (2552) ศึกษาวิจัยเรื่องการส่งเสริมคุณธรรมที่มีประสิทธิภาพ :กรณีศึกษากลุ่มเด็ก/เยาวชนและ ข้าราชการภาครัฐ ผลการวิจัยพบว่า การส่งเสริมคุณธรรมพบว่า การเป็นแบบอย่างท่ีดี มีค่าเฉลี่ย สูงสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สถานศึกษาให้ความสาคัญกับการเป็นแบบอย่างท่ีดี อันเป็นคุณลักษณะท่ี สาคัญของการสง่ เสรมิ คุณธรรมส่วน มาตรการทางการบริหารนาไปสู่การปฏบิ ัตศิ ูนยส์ ่งเสรมิ จริยธรรม ได้เสนอมาตรการผลักดันให้มีการนามาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรมที่จัดทาข้ึนไปใช้ เพื่อให้บัง เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมไว้คือ ผู้บริหารประพฤติตนในฐานะต้นแบบ (role model) และยังได้อธิบายต่อว่า การสร้างแบบอย่างที่ดี คือการนาตัวอย่างท่ีดีมาชี้ให้สังคมได้เห็นและรับรู้ จุดเน้นคือผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องใช้ภาวะผู้นาในการทาตัวเป็นแบบอย่างท่ีดี (ศูนย์ส่งเสริม คณุ ธรรมและพัฒนาพลังแผ่นดนิ เชงิ คุณธรรม, 2550) สร้างศรัทธาให้เกิดข้นึ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และ ชักนาไปสู่การประพฤติปฏิบัตติ ามมาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรม 3 การยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการวิจัยพบว่า การจัดการศึกษาเชิงบูรณาการเป็นการจัดการศกึ ษาท่ีสอดคลอ้ งกับผู้เรียน โดยมีการจัดการเรียนการสอนทีสอดคล้องกับบริบทของพ้ืนที่สวนแนวคิดการจัดการศึกษาเชิงบูรณา

42 การท่ียึดแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงในการส่งเสริมคุณธรรมในสถานศึกษาและนามาใช้ให้เกิด ประโยชน์สงู สุดสอดคล้องกับ ธนัชพร ถ้าสิงห์ (2554) \"เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นปรัชญาที่ใช้พน้ื ฐาน การดาเนินชีวิตตามทางสายกลางมีจุดมุ่งหมายเพื่อการพึ่งตนเองเป็นหลัก มีการดาเนินการอย่างเป็น ข้ันเป็นตอนด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง พิจารณาถึงความพอเหมาะพอดี มีเหตุผลท่ีพร้อมรับต่อ การเปลีย่ นแปลงต่าง ๆ โดยสามารถนามาประยุกตใ์ ช้ได้ในทกุ มิติของการดาเนินชวี ิต ซึ่งจะนาไปสู่การ ปลูกฝ่งั คุณธรรม การยึดหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นการส่งเสริมคุณธรรมตามเงือ่ นไขคุณธรรม ทจ่ี ะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต (สุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง 2549) ณัฎฐพงศ์ ทองภักดีและ ณดา จันทร์สม (บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเร่ือง คุณธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า ปัญหาทางด้านคุณธรรมจริยธรรมที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมไทย คือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การ ทุจริตคอร์รัปชัน รองลงมาคือ การเสียสละ แบ่งปัน ขาดความมีน้าใจ เห็นแก่ประโยชนส่วนตน มากกว่าส่วนรวม และการขาดความสามัคคี ปรองดอง รักใคร่กลมเกลียว เกิดความขัดแย้งในสังคม และประชาชนให้ความสาคญั กับการเรง่ ดาเนินกจิ กรรมเพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในประเทศเป็น เร่อื งเร่งด่วนมากถงึ มากที่สดุ และ หน่วยงานท่ีควรจะมีบทบาทหลักในการดาเนนิ กิจกรรมเพ่ือส่งเสริม คุณธรรมจริยธรรมในสังคมไทยมากทีส่ ุด คอื สถาบันการศกึ ษา และหนว่ ยงานภาครฐั มีเพียงส่วนน้อย ท่เี หน็ ว่าเป็นเร่อื งที่ทุกๆฝา่ ยและประชาชนตอ้ งร่วมมือกนั ดังน้ัน เอกรินทร์ สังขท์ อง (2551) ได้มอง ว่าการจัดการท่สี อดคล้องกบั บริบทในพ้ืนที่จะเปน็ การจัดการศึกษาโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตาม แนวพระราชดารัสพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั 4. การจัดกิจกรรมท่ีหลากหลาย ผลการวิจยั พบว่า การจดั กจิ กรรมเสริมหลักสูตรเป็นการส่งเสริมให้ผเู้ รียนมคี ุณธรรม ต่างๆสะท้อนให้เห็นถึงความสาคัญของการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมให้กับผู้เรียน บนพื้นฐานของ หลักการศาสนา การจัดกิจกรรมเป็นการสร้างจิตสานึกให้กับผู้เรียนเป็นคนดี สามารถเปล่ียนแปลง พฤติกรรม ปลูกฝังให้เห็นถึงประโยชน์ของคุณธรรม จริยธรรม โดยเกิดขึ้นกับผู้เรียนเอง การจัด กจิ กรรมสะทอ้ นถึงการสง่ เสริมคุณธรรม กิจกรรมเสริมหลกั สูตรเป็นกจิ กรรมเป็นกิจกรรมต่อเนอื่ งจาก ภาคทฤษฏีในห้องเรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนสร้างความหลายช่องทางการเรียนรู้ สร้าง ประสบการณ์แก่ผู้เรียนพัฒนาด้านสติปัญญา ความสามารถ พรสวรรค์ รางกาย จิตใจสู่การพัฒนา ความเป็นผู้นาของผู้เรียนเสริมสร้างคุณค่าสุนทรียศาสตร์ อัฒลักษณ์ และมองโลกในแง่ดี สอดคล้อง กับ Haji Fadzil (2010) ได้นาเสนอในงานวจิ ัยว่า ความสาคัญของกิจกรรมเสริมหลักสูตรในโรงเรียน ว่า กิจกรรมเสริมหลักสูตรเป็นกิจกรรมสาคัญในการจัดการศึกษา ส่วนหนึ่งคือ สามารถสร้าง บุคลิกภาพที่ดีแก่ผู้เรียนและสร้างความสามัคคีหมู่คณะ สร้างความรักใคร่กัน สมัครสมาน ในหมู่ เยาวชนรุ่นใหม่และสร้างค่านิยมที่บริสุทธ์ิโดยทางตรงและทางอ้อมในการทากิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ อภิชา แดงจารูญ (2548) ได้ศึกษาการจัดกิจกรรมการพัฒนาคุณธรรมกับนักเรียนในโรงเรียน ประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษากรุงเทพฯ ผลการวิจัย พบว่า กิจกรรมที่จัดให้ นักเรียนมีส่วนร่วม ได้แก่ การสวดมนต์ไหว้พระตอนเช้าก่อนเข้าเรียน การอบรมศีลธรรมในช่ัวโมง เรียน การตักบาตรประจาปี ท้ังน้ีพบว่าหลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม นักเรียนมีพฤติกรรมที่

43 เปล่ียนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สงิ่ ท่ีสามารถดงึ ดูดความสนใจของนักเรียนไดม้ ากท่สี ดุ คอื นทิ านและวีดี ทัศน์ ตามลาดับ กิจกรรมที่พัฒนาคุณธรรมตามแนวทางการบริหารจิตเจริญปัญญามีการประยุกต์ใช้ หลักธรรมคาสอนทางพระพุทธศาสนาให้เหมาะสมกับวัย โดยพบว่าหลังจากท่ีนักเรียนได้ฝึกกิจกรรม สาคญั ไดแ้ ก่ การน่ังสมาธิ การเดินจงกรม การกาหนดอิริยาบถยอ่ ย การฟงั ธรรมและการร่วมกิจกรรม อื่น ๆ นักเรียนได้เรียนรู้และสามารถแยกแยะได้ว่าส่ิงใดถูกส่ิงใดผิด เข้าใจเร่ืองความดีความช่ัว สามารถควบคมุ อารมณแ์ ละมีสติสมั ปชญั ญะ ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยไปใช้ งานวิจยั น้ีสามารถนาไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนก์ บั สถานศกึ ษาในการพฒั นาโรงเรยี นคุณธรรมตาม รปู แบบการส่งเสรมิ คุณธรรมของมูลนธิ ิและโรงเรียนคณุ ธรรมตน้ แบบที่ฝกึ ให้ผูเ้ รียนเปน็ คนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม เริ่มจากสถาบันครอบครวั ด้วยการประพฤติเปน็ แบบอย่างทีด่ ี ยึดหลกั คาสอนของศาสนา อย่างเคร่งครัด ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยครัง้ ต่อไป ควรมีการศึกษาความสมั พนั ธ์ของสถาบนั ครอบครวั องค์กรทางศาสนา และสถานศึกษาใน การส่งเสริมโรงเรียนคณุ ธรรมทม่ี ีประสิทธภิ าพ