Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การวัดและประเมินผลการศึกษา

การวัดและประเมินผลการศึกษา

Published by ณัชพล เขียนวงศ์, 2019-07-24 17:06:51

Description: การวัดและประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement)

Search

Read the Text Version

บทที่ 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 3.2 แบบตัวเลือกคงท่ี หรือเรียกว่าแบบจัดประเภท แบบน้ีจะต่างจากแบบแรก คือ ตวั เลอื กจะเปน็ ชื่อประเภทซ่ึงมจี านวนจากัด ใช้ตอบซ้าได้ สว่ นตัวยนื จะเปน็ ตวั อยา่ งของส่ิงที่จัด อยู่ในประเภทดังกล่าว ซงึ่ มักจะกาหนดใหม้ ากกวา่ ตวั เลอื ก ข้อคาถามจบั ค่แู บบนีเ้ หมาะสาหรับ เน้ือหาที่มีตัวอย่างหลายๆ ตัวอย่างท่ีสามารถจัดจาแนกออกเป็นประเภทได้ เช่น คาศัพท์-ชนิด ของคา ช่ือประเทศ-ลักษณะการปกครอง ชื่อจังหวัด-ภาคท่ีตั้ง ตัวอย่างอาหาร-กับหมวดหมู่ อาหาร เปน็ ต้น เชน่ คาช้แี จง จงพิจารณาว่าช่อื จังหวัดทีก่ าหนดใหท้ างซ้ายมอื ต้งั อยูใ่ นภาคใดทางขวามือ เม่ือพิจารณาไดแ้ ล้ว ให้นาอักษรหนา้ รายการทางขวามือไปใสล่ งในชอ่ งวา่ งหน้ารายการ ทางซ้ายมือท่เี กย่ี วข้องกนั .................. 1. เลย ก. ภาคใต้ .................. 2. นา่ น ข. ภาคเหนอื .................. 3. ยะลา ค. ภาคกลาง .................. 4. ลพบุรี ง. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ .................. 5. ลาพนู .................. 6. ปตั ตานี .................. 7. ................ ข้อเสนอแนะการใช้ข้อคาถามแบบจบั คู่ ข้อคาถามแบบน้ีเหมาะสาหรับวัดความรู้ความจา เกี่ยวกับเนื้อหาเฉพาะบางเร่ืองหรือ บางจดุ ประสงคเ์ ทา่ นัน้ จึงควรใช้สาหรับการวดั ผลย่อยระหว่างเรียน หรอื เปน็ แบบฝกึ หดั ทบทวน ความร้เู ท่านนั้ ไมเ่ หมาะท่จี ะใช้ในการวัดผลรวม เพราะจะสรา้ งข้อคาถามไดไ้ ม่ครอบคลมุ และวัด พฤตกิ รรมทางสมองระดับสูงไม่ได้ การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 91

บทที่ 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ข้อเสนอแนะการเขียนขอ้ คาถามแบบจบั คู่ 1. ข้อคาถามแบบจับคู่แต่ละชุดควรวัดในเรื่องเดียวกัน น่ันคือรายการที่เป็นตัวยืน (คาถาม) และตัวเลือก (คาตอบ) ต้องมีลักษณะเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน หรือเป็นเอกพันธ์ มฉิ ะนัน้ จะทาให้มีขอ้ สงั เกตในการเดาคาตอบ ทาใหข้ าดประสิทธิภาพในการวัด ตวั อย่างชุดของ ข้อทดสอบทีไ่ มด่ ี เช่น คาชแ้ี จง รายการทางซ้ายมือคือ.............ส่วนรายการทางขวามือคือ.............จงนาตวั อกั ษรหน้า รายการทางขวามือมาเติมลงในช่องวา่ งหน้ารายการทางซ้ายมอื ที่สัมพันธก์ ัน .................. 1. สว่ นท่เี ปรียบเหมือนหอ้ งครวั ของต้นไม้ ก. คาร์บอนไดออกไซด์ .................. 2. สารสเี ขียวท่ชี ว่ ยใหพ้ ชื สร้างอาหารได้ ข. ออกซิเจน .................. 3. ก๊าซทพ่ี ืชใชใ้ นการหายใจ ค. คลอโรฟิลด์ .................. 4. ส่วนที่อยใู่ ต้ดนิ ของกลว้ ย ง. ซากพชื .................. 5. ทาใหด้ นิ อุดมสมบรู ณ์ จ. ลาตน้ ฉ. เหงา้ ช. ราก ซ. ใบ 2. กอ่ นอ่ืนต้องเขยี นคาช้แี จงในการตอบข้อคาถามได้ชัดเจน น่นั คอื ต้องระบลุ ักษณะรวม ของรายการท่เี ปน็ ตัวยืนทั้งชุดว่าคืออะไร และระบุลักษณะรวมของรายการทเ่ี ปน็ ตวั เลือกทงั้ ชุดว่า คืออะไรถ้าระบุไม่ได้ดังเช่นตัวอย่างในข้อ 1 ก็แสดงว่าข้อทดสอบชุดนี้ไม่เป็นเอกพันธ์ุและมี ลกั ษณะท่ีผดิ หลกั การ เพราะมีตัวยืน หรือตัวเลอื กทต่ี า่ งพวกกนั ทาให้ตอบไดง้ า่ ยหรอื เดาได้งา่ ย 3. รายการท่ีกาหนดให้เป็นตัวยืนและตัวเลือก อาจจะเปล่ียนท่ีกันได้ (ขอให้สังเกต ตัวอย่างท่ีผ่านมา) จึงควรกาหนดให้รายการท่ีมีข้อความยาวเปน็ ตัวยืน รายการท่ีมีข้อความส้นั ๆ เปน็ ตวั เลือก ท้ังนี้เพอ่ื ชว่ ยใหก้ ารตอบสะดวกเพราะไมเ่ สยี เวลาอ่านมาก การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 92

บทที่ 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 4. ตัวยืนในชุดของข้อคาถามไม่ควรมีมากเกินไป โดยทั่วไปควรให้ไม่เกิน 10 ข้อ หาก ต้องการมากข้อก็ควรแยกเป็นชุดย่อยๆ เพ่ือลดความยุ่งยากในการเลือกคาตอบจากตัวเลือก จานวนมาก อีกประการหนึ่งการกาหนดตัวยืนมากๆ อาจจะทาให้มีปัญหาเร่ืองข้อสอบไม่เป็นเอก พันธ์ไุ ด้ง่าย 5. ตัวเลือกควรมีมากกว่าตัวยืนอย่างน้อย 2 หรือ 3 รายการ เพื่อช่วยให้ตัวยืนที่ พิจารณาข้อสุดท้ายหลังมตี วั เลือกดว้ ย ถา้ กาหนดไว้เท่ากันจะทาให้การจบั คู่ของตัวยืนข้อหลังง่าย เดนิ ไป (กรณนี ใ้ี ช้เฉพาะรูปแบบ ก. ทใี่ ห้หาความสมั พนั ธ์เปน็ ค)ู่ 6. เรียงลาดับตัวยืนและตัวเลอื กให้เป็นระเบียบตามเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง เช่น เรียงลาดับ ตามความส้ัน-ยาวของข้อความ ตามเหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ก่อน-หลงั หรือตามลาดบั จานวนเปน็ ตน้ 7. ไม่ควรวางตัวเลือกให้อยู่ตรงกับตัวยืนท่ีเป็นคู่สัมพันธ์กัน อาจจะมีตรงกันบ้างแต่ไม่ เปน็ ที่นา่ สงั เกต ส่วนใหญ่ควรวางให้กระจายไปในตาแหนง่ อนื่ ๆ 8. ในการตอบข้อคาถาม ควรมกี ารชี้แจงให้ผู้สอบทราบอย่างชัดเจนว่าตัวเลือกแต่ละตัว ใชต้ อบไดค้ รัง้ เดยี ว (หรือใช้ตอบซ้าได้ตามรปู แบบ ข.) เพื่อจะชว่ ยให้ผู้สอบไมห่ ลงผดิ 9. ตอ้ งระมัดระวังให้ข้อคาถามแตล่ ะข้อมีคาตอบท่ีแนน่ อนคาตอบเดียว ถ้ามีได้มากกว่า 1 คาตอบ จะขาดความเป็นปรนัย เชน่ คาชี้แจง รายการทางซ้ายมือคือลกั ษณะตามธรรมชาติของสัตว์ รายการทางขวามือคอื ชื่อสตั ว์จงนาตัวอักษรหนา้ รายการทางขวามือมาใส่ลงในช่องวา่ งหน้ารายการซา้ ยมือ ท่ีสัมพันธก์ นั ................ 1. หายใจด้วยปอด ก. อ่งึ อา่ ง ................ 2. เป็นสัตวเ์ ลอ้ื ยคลาน ข. จรเข้ ................ 3. อยไู่ ด้ทัง้ บนบทและในนา้ ค. นก ................ 4. ................................... ง. กุง้ จ. ปู การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 93

บทที่ 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน หลักการตรวจให้คะแนน 1. แต่ละข้อกาหนดคะแนนเท่าๆ กนั 2. ควรพิจารณาเฉลยคาตอบให้รอบคอบก่อนตรวจว่า มีข้อใดท่ีสร้างผิดพลาด ทาให้มี คาตอบมากกว่า 1 คาตอบหรือไม่ ถา้ มีกค็ วรพจิ ารณาใหค้ ะแนนดว้ ย 3. ไมค่ วรหกั คะแนนการเดา เม่ือผู้สอบตอบผิดพลาด ข้อดแี ละขอ้ จากดั ของข้อคาถามแบบจับคู่ ข้อดี 1. เขยี นคาถามได้งา่ ยไม่ส้นิ เปลืองเวลามาก 2. ใช้วัดความรู้เก่ยี วกับสิ่งสองสิง่ ที่สัมพันธ์กันได้ดี 3. ตรวจให้คะแนนคาตอบง่าย รวดเร็ว มีเกณฑ์การให้คะแนนแนน่ อน ข้อจากัด 1. ความยากของข้อคาถามแต่ละข้อไม่เท่ากัน เพราะข้อแรกๆ จะยากกว่าข้อหลังๆ เน่ืองจากจานวนตัวเลอื กสาหรบั ขอ้ หลังๆ จะถกู จากัดใหน้ อ้ ยลงไปเร่ือยๆ 2. มีโอกาสในการเดาคาตอบได้มาก โดยเฉพาะข้อหลังมีโอกาสตอบถูกโดยการเดา มากกว่า 3. ไมเ่ หมาะที่จะนามาวิเคราะห์หาความยาก และอานาจจาแนกของแตล่ ะขอ้ เนือ่ งจาก คะแนนแต่ละขอ้ ได้มาโดยมีโอกาสเดาไม่เท่ากนั 4. ข้อคาถามแบบเลือกตอบ (Multiple Choice Item) ข้อคาถามแบบเลือกตอบ จะมีส่วนประกอบสาคัญสองส่วนคือ ส่วนท่ีเป็นตอนนา กับส่วนท่ีเป็นตัวเลือก โดยส่วนท่ีเป็น ตอนนา (Stem) หรือท่ีเรียกว่า ตัวนา คือส่วนท่ีทาหน้าที่เป็นคาถาม ซึ่งอาจจะเป็นประโยค คาถามสมบูรณ์ หรืออาจจะเป็นข้อความทท่ี าหนา้ ท่คี ลา้ ยคาถามก็ได้ เชน่ - ถัว่ มสี ารอาหารอะไรที่สาคญั ? - สารอาหารที่สาคัญในถ่ัว คอื ............................... สว่ นทีเ่ ป็นตัวเลือก (Choice หรือ Option) ประกอบด้วยตัวคาตอบ Key Response) ซ่ึงปกติจะมีเพียงตวั เดยี ว และตัวเลอื กทเี่ หลือเรียกว่าตวั ลวง (Distractor) การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 94

บทที่ 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ถวั่ มสี ารอาหารอะไรท่สี าคัญ ? ตอนนา หรือ ตวั นา ตวั เลือก ก. ไขมัน (ตวั ลวง) ข. โปรตนี (คาตอบ) ค. วิตามิน (ตัวลวง) ง. เกลือแร่ (ตวั ลวง) รูปแบบของข้อคาถามแบบเลือกตอบ ข้อคาถามแบบเลือกตอบเป็นท่ีนิยมใช้มากกว่ารูปแบบอ่ืน เพราะสามารถสร้างให้มี ลักษณะสาคัญที่ต้องการได้ดีกว่าหลายประการ จึงมีการพัฒนารูปแบบของคาถามจนมีความ แตกต่างกันหลากหลายรูปแบบ (Style) ของคาถามท่ีนิยมใช้กันจาแนกได้เป็น 3 แบบ คือ แบบ คาถามโดด แบบตัวเลอื กคงท่ี และแบบยกสถานการณ์ (พวงรัตน์ ทวีรตั น์ 2530 : 148) ดงั นั้น จึงสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับลักษณะของเนื้อหาและจุดประสงค์ท่ีต้องการวัดได้ สาหรับ ตัวอย่างของแนวคาถามทัง้ 3 รปู แบบ ดังนี้ 1. แบบคาถามกระโดด (Single Question) เป็นแบบท่ีใช้กันแพร่หลาย ลักษณะ ท่ัวไปจะเป็นข้อคาถามที่ถามในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งโดยเฉพาะ ตัวเลือกของแต่ละข้อจะกาหนดเป็น เอกเทศภายในข้อไมต่ ้องไปสัมพันธ์กบั ข้ออ่นื ขอ้ คาถามรปู แบบนยี้ ังประกอบไปดว้ ยรูปแบบย่อยๆ มากมาย แตกต่างกันไปตามลักษณะของตอนนา ซึ่งจะยกตัวอย่างแบบที่นิยมใช่กันท่ัวไปบาง แบบดงั น้ี การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 95

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น 1.1 แบบถามตอบธรรมดา เชน่ 2. รถเข็นเป็นเครื่องผ่อนแรงชนดิ ใด ? 1. ประเทศไทยมรี ูปแบบการปกครองเหมือน ก. ลิ่ม ข. รอก ประเทศใด ? ค. พืน้ ลาก ก. พม่า (ง) ลอ้ และเพลา ข. สิงค์โปร์ (ค) มาเลเซีย ง. อินโดนีเซีย 1.2 แบบใหเ้ ลอื กคาตอบทด่ี ที ีส่ ดุ หรอื ใกลเ้ คียงท่ีสดุ เชน่ 1. ประโยชนท์ ่สี าคัญทส่ี ดุ ของนา้ คอื ข้อใด ? 2. ไดร้ ับโทษเพราะพดู โวมคี วามหมายคลา้ ย (ก) ใช้บรโิ ภค ข้อใด ? ข. ใช้ทาความช่มุ ช้นื ก. เด็กเลี้ยงแกะ ค. ใชร้ ะบายความรอ้ น ข. พดู ไปสองไพเบ้ีย ง. ใช้ชาระส่งิ โสโครก ค. ปากเปน็ เอกเลขเปน็ โท (ง) ปลาหมอตายเพราะปาก 1.3 แบบอ่านภาพ ซ่ึงเป็นการนาเอารูปภาพ แผนภูมิ กราฟ หรือเคร่ืองหมายมา ใชเ้ ปน็ สว่ นประกอบสาคัญของคาถาม เช่น 1. ถ้าจะห่อขนมเป็นรูปกรวยสามเหลี่ยมต้องตัด 2. จากรูปแสดงว่ามีสเี่ หลย่ี มลูกบาศก์ ใบตองเป็นรูปใด ? ซอ้ นกนั กี่รูป ? (ก)  ข.  ก. 6 รูป ข. 10 รปู ค. ง.  (ค) 12 รปู ง. 16 รปู การวัดและประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 96

บทท่ี 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น 1.4 แบบเรียงลาดับ เป็นแบบที่ให้ผู้สอบบอกลาดับขั้นตอนของวิธีการ หรือ เรียงลาดับเร่อื งราวเหตุการณ์ หรอื จัดลาดับสง่ิ ตา่ งๆ ตามขนาดตามปรมิ าณเป็นต้น เชน่ 1. ข้อใดเปน็ วัฎจักรของนา้ ที่ถูกตอ้ ง ? 2. ข้อใดเปน็ การเรียงลาดับเหตกุ ารณ์ 3 อยา่ ง ก. น้า เมฆ ฝน ไอ ต่อไปนี้ไดถ้ ูกตอ้ ง ? ข. ไอ ฝน เมฆ นา้ 1. ศึกบางระจนั (ค) ฝน นา้ ไอ เมฆ 2. สงครามยุทธหัตถี ง. เมฆ ไอ น้า ฝน 3. สงคราช้างเผือก ก. 1 2 3 (ข) 3 2 1 ค. 2 1 3 ง. 1 3 2 1.5 แบบเติมคาหรอื ต่อความ เชน่ 1. พวกสาวๆ ใส่เสือ้ ...............สดใส ? 2. เม่อื ไดย้ ินเพลงสรรเสริญพระบารมีเราควร...... (ก) สีสนั ข. สีสรร (ก) ยืนตรง ข. กม้ กราบ ค. สีสรรค์ ง. สีสรรพ์ ค. ร้องตาม ง. ถวายคานบั 1.6 แบบจดั ประเภท เชน่ 1. วันใดเปน็ วันสาคญั เหมอื นวันลอยกระทง? 2. ข้อใดไม่ถือเป็นตัวอย่างของความเมตตา ก. วนั พชื มงคล กรณุ า? (ข) วันสงกรานต์ (ก) ดาช่วยแมท่ าความสะอาดบา้ น ค. วันวิสาขะบูชา ข. แดงเสียสละเงนิ ซอ้ื ขนมให้นอ้ ง ง. วนั เขา้ พรรษา ค. เขียวจบั ปลาไปปล่อยในคลอง ง. ขาวชว่ ยพาคนป่วยไปส่งโรงพยาบาล การวัดและประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 97

บทที่ 4 : การสร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 1.7 แบบเปล่ียนแทน เป็นแบบท่ีเหมาะสาหรับใช้วัดในวิชาทักษะทางภาษาโดยการ ให้ปรับปรุงข้อความ หรอื แกไ้ ขประโยค เช่น 1. “แดงซอ้ื ใสป้ ากกามา 1 ใส้” คาทเ่ี นน้ ควร 2. “หนังตลกเร่ืองน้ีให้ความมันถึงใจคนดูทุก ใช้คาใดแทน ? คน” คาที่เนน้ ควรใชค้ าวา่ อะไรจึงจะเหมาะสม ก. ใส้ (ข) อัน ก. ตลก ข. จีเ้ สน้ ค. ด้าม ง. แทง่ ค. ต่ืนเต้น (ง) สนุกสนาน 1.8 แบบคาตอบคู่ เปน็ คาถามท่มี ีคาตอบสองตอนเปน็ เหตุเป็นผลกัน เช่น 1. นกั เรียนควรขยายพันธ์ุกุหลาบดว้ ยวธิ ใี ด 2. คนแก่ท่ีหายป่วยใหม่ๆ ควรออกกาลังกาย เพราะอะไร? โดยวิธีใด? เพราะอะไร ? (ก) ตอนเพราะไดผ้ ลแน่นอน ก. น่ังเล่นเพ่อื ไมใ่ หเ้ หน่อื ยเกนิ ไป ข. ตดิ ตาเพราะได้ผลรวดเรว็ ข. ขี่จักรยานเพือ่ ใหร้ ่างกายขับเหง่ือ ค. ทาบกงิ่ เพราะจะไม่กลายพนั ธ์ุ ค. กระโดดเชอื กเพ่ือให้แขนขาแขง็ แรง ง. ปักชาเพราะสะดวกและประหยัด (ง) เดนิ เลน่ เพื่อให้กลา้ มเนอื้ ทุกส่วนได้ เคลอื่ นไหว 2. แบบยกสถานการณ์ (Situational Test) เป็นคาถามจากสถานการณ์ท่ีกาหนดขึ้น เทา่ นน้ั อาจจะเป็นการจาลองเหตุการณใ์ นชีวิตประจาวนั การทดลอง ยกข้อความ โคลง กลอน ตาราง กราฟ รูปภาพ ฯลฯ แต่ละสถานการณ์ที่กาหนดข้ึนมาจะต้ังคาถามมากกวา่ 1 ข้อเสมอ เชน่ การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 98

บทที่ 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น คาชี้แจง รูปที่กาหนดเป็นสามเหล่ียมด้านเท่า ซึ่งมีเส้นตรงลากแบ่งครึ่งมุมท้ังสาม จงพิจารณา รปู แลว้ ตอบคาถามข้อ 1 – 2 1. รูปนี้ประกอบด้วยรูปสามเหล่ียมก่ีรูป ? ก. 6 ข. 12 ค. 9 (ง) 16 2. รูปสามเหล่ียมหน้าจ่ัวชนิดใดไม่ ปรากฏอยู่ในรูปนี้? ก. หนา้ จ่วั ข. มุมฉาก (ค) ด้านเทา่ ง. ด้านไม่เท่า คาชแี้ จง จงอา่ นขอ้ ความข้างลา่ งนี้แลว้ ตอบคาถามขอ้ 1- 4 “ถ้าคุณกาลังอยู่ในวัยหวาน มีนิตยสารรายเดือนล่าสุดท่ีจะเป็นเพื่อนคุณ วางตลาดทุกๆ วันที่ 15 ของเดือน” 1. คาวา่ “วัยหวาน” หมายถึงคนกลุ่มใด ? ก. ผู้ใหญ่ ข. ชายหนมุ่ (ค) หญิงสาว ง. เด็กนักเรยี น 2. คาว่า ล่าสุด” หมายถงึ ขอ้ ใด ก. ชา้ ข. เร็ว (ค) ใหม่ ง. ทนั สมยั 3. ผู้ใชข้ ้อความนมี้ ีจุดประสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ อยา่ งไร? ก. แจ้งข่าวนิตยสาร (ข) ขายนิตยสาร ค. แนะนานติ ยสาร ง. แจกนิตยสาร การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 99

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น 3. แบบตัวเลือกคงที่ (Constant Choice) ข้อคาถามรูปแบบนี้พัฒนามาจากข้อ คาถามแบบจับคนู่ น่ั เอง โดยจดั ให้มตี ัวเลอื กชุดหน่งึ แตม่ ีหลายขอ้ ตามตอ้ งการ ดงั นัน้ จงึ เหมาะสม สาหรบั วดั ในเน้ือหาท่ีมีข้อเท็จจริงหลาย ๆ อย่าง หรือมีกรณตี วั อย่างหลายๆ กรณี ท่ีจดั ประเภท หรือเข้าชดุ กันได้ รูปแบบของคาถามนี้อาจจะพิจารณาจาแนกไดส้ องแบบ ดังน้ี 3.1 แบบตัวเลอื กแต่ละตัวใชต้ อบได้ครงั้ เดยี วซึง่ ตอ้ งมีจานวนคาถามน้อยกว่าตวั เลือกเชน่ คาชี้แจง จงใช้เลือก ก- ง ทกี่ าหนดให้ตอบคาถามขอ้ 1- 2 ก. พม่า ข. สงิ คโปร์ ค. มาเลเซีย ง. อินโดนีเซยี 1. ประเทศใดมกี ารปกครองแบบสังคมนยิ ม ? (ก) 2. ประเทศใดมีรูปแบบการปกครองเหมือนกับประเทศไทย ? (ค) 3.2 แบบทตี่ ัวเลอื กแต่ละตัวใชต้ อบซ้าได้ จะมีคาถามมากกวา่ ตวั เลือก เช่น คาชแ้ี จง จงพจิ ารณากรณีความประพฤติในข้อ 1 – 6 วา่ ผิดศีลข้อใด ตามทีก่ าหนดใหใ้ นข้อ ก – จ ตอ่ ไปน้ี ก. ผิดศีลขอ้ 1 ข. ผดิ ศีลขอ้ 2 ค. ผิดศีลขอ้ 3 ง. ผิดศีลขอ้ 4 จ. ผิดศีลขอ้ 5 1. ด่ืมเบยี ร์ 2. เลน่ ชนไก่ 3. เสพยาบ้า 4. ด่าว่าเพ่ือนใหเ้ สยี ใจ 5. ทาผดิ แลว้ ไมย่ อมรบั 6. ยกพวกไปรมุ ทาร้ายผู้อื่น 7. เกบ็ ปากกาไดแ้ ล้วไมค่ นื เจ้าของ 8………………………………… การวัดและประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 100

บทท่ี 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ข้อเสนอแนะการใช้ขอ้ คาถามแบบเลอื กตอบ 1. ควรใช้คาคามแบบเลือกตอบในการวัดผลรวม เพราะสามารถวัดเน้ือหาได้ ครอบคลุม และที่สาคญั ทส่ี ุดก็คือ นักวดั ผลทเ่ี ช่อื ม่นั ว่าข้อคาถามแบบนีส้ ามารถวัดพฤติกรรมทาง สมองได้ทุกระดับ แม้ว่าผู้สอบจะไม่มีอิสระอย่างเต็มทใี่ นการคิดและตอบก็ตาม แต่ก็นับว่ามี ขอ้ ดเี หนอื กวา่ ขอ้ คาถามแบบปรนยั ทุกแบบ 2. ควรกาหนดให้ทุกข้อมีคาตอบเพียงคาตอบเดียว เพราะเป็นลักษณะท่ีอานวยให้การ พฒั นาคณุ ภาพของคาถามทาไดส้ ะดวก สาหรบั แบบที่มีคาตอบถกู มากกวา่ 1 คาตอบอาจใช้ได้กับ กรณีที่มีจดุ มุง่ หมายพิเศษ 3. ตัวเลอื กของข้อคาถามแบบนีต้ อ้ งมีอยา่ งน้อย 3 ตวั เลอื ก เพราะถา้ มี 2 ตวั เลือกกจ็ ะมี คุณลักษณะใกลเ้ คียงกับข้อคาถามแบบถูก – ผดิ 4. จานวนตัวเลือกมาก-น้อย พิจารณาให้เหมาะสมกับคุณวุฒิภาวะของผู้สอบ ซ่ึงมี ขอ้ เสนอแนะดังนี้ การทดสอบในระดับชนั้ อนบุ าล – ป.2 ใช้ 3 ตัวเลอื ก การทดสอบในระดบั ชน้ั ป.3 – ป.6 ใช้ 4 ตัวเลอื ก การทดสอบต้ังแต่ระดบั ชน้ั ม.1 ขึ้นไปควรใช้ 5 ตวั เลือก ขอ้ เสนอแนะการเขยี นคาถามแบบเลือกตอบ ขอ้ เสนอแนะต่อไปนอี้ าจจะถือได้ว่าเป็นหลักในการสร้างข้อคาถามแบบเลือกตอบ เพอ่ื ให้ ได้ข้อคาถามท่ีมีคุณภาพสาหรับใช้วัดความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ซ่ึงข้อเสนอแนะในการ สร้างข้อคาถามแบบนมี้ แี งม่ ุมมากมาย ในที่นจี้ ะนาเสนอเฉพาะข้อสาคญั ๆ ดังต่อไปนี้ การวัดและประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 101

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 1. เขียนตวั คาถามให้สัน้ ชดั เจน รดั กมุ ไม่ใชข้ อ้ ความฟมุ่ เฟอื ยโดยไมจ่ าเป็น เช่น ไมด่ ี ดขี ึ้น การที่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งกรุงหงสาว พระเจ้าบุเรงนองขอพระนเรศวรไปเป็น ดียกกองทัพมาตีเมืองพิษณุโลกซึ่งขณะนั้น พระโอรสบุญธรรมเพอื่ อะไร? พระมหาอุปราชาปกครองอยู่แล้วขอพระ นเรศวรไปเป็นโอรสบญุ ธรรมเพ่ืออะไร ? 2. ควรเขียนตอนนาให้เป็นประโยคคาถามสมบูรณ์ เพราะจะทาเข้าใจคาถามได้ชัดเจน การเขียนตอนนาแบบเติมคา หรือต่อความมักจะเกิดปัญหาเร่ืองการกาหนดตัวเลือกท่ีไม่เป็นเอก พนั ธ์ ซงึ่ ทาใหค้ าถามกวา้ งไม่มจี ุดเนน้ เชน่ ไมด่ ี ดีขนึ้ พ่อขุนรามคาแหงมหาราช คือ พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช คือ โอรสของใคร ? ก. ผสู้ รา้ งอาณาจักรสุโขทยั ก. พอ่ ขนุ สามชน (ข) โอรสของพ่อขนุ บางกลางหาว ข. พอ่ ขนุ ผาเมอื ง ค. กษตั รยิ อ์ งค์ทีส่ องของกรุงสโุ ขทยั ค. พ่อขนุ บาลเมอื ง ง. ผูท้ ี่เคยชนชา้ งชนะพ่อขนุ ผาเมอื ง (ง) พอ่ ขุนบางกลางหาว 3. ถ้าจะเขียนตอนนาประโยคเติมคาหรือต่อความ ต้องระมัดระวังให้ตอนนาชัดเจน และสอดคล้องกบั ตวั เลือกอยา่ งราบรนื่ เช่น ไม่ดี ดขี น้ึ หลักเบื้องต้นในการจัดบ้านเรือนให้ถูก สิ่งสาคัญอันดับแรกท่ีจะช่วยในการจัดบ้านเรือน สขุ ลักษณะคือ ใหถ้ กู สุขลกั ษณะคือ ก. การตกแตง่ บ้าน ก. การตกแต่งบ้าน ข. วธิ ีการก่อสร้างบ้าน ข. การกอ่ สร้างบ้าน ค. การเขียนแบบบา้ น ค. การเขียนแบบบา้ น (ง) การเลือกทาเลปลกู บา้ น (ง) การเลอื กทาเลปลกู บา้ น การวัดและประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 102

บทที่ 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 4. เน้นส่ิงที่จะถามให้ชัดเจน เพื่อจะได้คาตอบที่ถูกต้อง แน่นอน ไม่เขียนคาถาม กากวมทาใหต้ คี วามไปได้หลายทาง หาข้อยตุ ไิ มไ่ ด้ เชน่ ไม่ดี ดขี นึ้ ประเทศใดตอ่ ไปนีส้ าคัญทสี่ ุดในเอเชีย ประเทศใดต่อไปน้ีเป็นผู้นาด้านเทคโนโลยี ก. จนี อเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ นเอเชีย ? (ข) ญ่ปี ุ่น ก. จีน ค. ใต้หวัน (ข) ญป่ี นุ่ ง. เกาหลี ค. ใต้หวนั ง. เกาหลี 5. ไม่ควรใช้คาถามที่มีคาตอบได้เพียง 2 ทาง เพราะจะทาให้มตี ัวเลือกที่เหมาะเพยี ง 2 ตัวหรือ 2 พวกเท่านั้น ซึ่งควรนาไปเขียนเป็นข้อทดสอบปรนัยแบบอื่น เช่น แบบเติมคา เป็น ตน้ เช่น 1. โลกมีลกั ษณะอย่างไร ? (กลม, แบน) 2. บกั เตรเี ป็นพชื ประเภทใด ? (ช้นั สูง, ชน้ ต่า) 3. ลมบกเกิดในเวลาใด (กลางวัน, กลางคนื ) 6. ไม่ควรใช้คาถามปฏิเสธ หรือคาถามปฏิเสธซ้อน เน่ืองจากคาถามปฏิเสธจะทาให้ ผสู้ อบไมท่ ันสังเกตและคดิ วา่ เปน็ คาถามธรรมดา จึงเลือกคาตอบผิดไป แตถ่ ้าจาเป็นตอ้ งใชก้ ใ็ ช้ได้ โดยขีดเส้นใต้เน้นคาปฏิเสธหรือพิมพ์พิเศษ เพื่อให้สังเกตได้ชัดเจน สาหรับประโยคปฏิเสธซ้อน นั้นไมค่ วรใช้อยา่ งยง่ิ เพราะจะทาใหง้ งหรือสับสนในการตคี วาม ดงั ตวั อย่าง ไม่ดี จงั หวดั ใดไมม่ ีสนามบิน ? เปน็ จังหวัดใดไม่มีสนามบิน ? ไม่ดี ข้อใดไม่ใช่ป่าไม้ทไี่ ม่ผลดั ใบ ? เป็น ขอ้ ใดคอื ป่าไมท้ ี่ผลัดใบ ? การวัดและประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 103

บทท่ี 4 : การสร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น 7. ใช้ภาษาใหเ้ หมาะสมกับวัย และระดบั ช้นั ของผู้สอบ เชน่ ภาษายาก ภาษางา่ ยขนึ้ ถ้านักเรียนจะสร้างมนุษยสัมพันธ์ท่ีดีต่อเพ่ือน นกั เรยี นควรปฏบิ ัติตอ่ เพ่อื นอย่างไร ? ควรปฏิบตั ิตามขอ้ ใด ? ก. แบ่งขนมใหเ้ พื่อน ก. แบ่งขนมให้เพื่อนกินทุกคน ข. รบั อาสารทางานให้ ข. รบั อาสาทางานให้เพื่อนทุกคน ค. หาของเล่นไปฝาก ค. หาของเล่นไปฝากเพื่อนทกุ คน (ง.) พูดคยุ ด้วยกิรยิ าวาจาสภุ าพ (ง) พดู คุยดว้ ยกิรยิ าวาจาสุภาพกับเพื่อนทกุ คน 8. เขียนตัวเลือกให้เหมาะสม เพ่ือมิให้เป็นการชี้แนะคาตอบ หรือเปิดโอกาสให้ผู้สอบ เดาคาตอบได้อย่างง่าย หรือผู้สอบอาจจะเดาคาตอบได้โดยมิได้มีความรู้ ความเข้าใจ ข้อ คาถามท่มี ลี ักษณะชีแ้ นะคาตอบมดี ังนี้ 8.1 ขยายความคาตอบถูกจนเห็นชัดเจน จะสังเกตได้ว่าข้อความยาวต่างจาก ตัวเลือกอื่นๆ ไมด่ ี ดขี ้ึน ข้อใดเป็นเครือ่ งช้ีวัดถงึ ความเป็นคนดี ขอ้ ใดเปน็ เครอ่ื งชวี้ ดั ถึงความเป็นคนดี ก. มีฐานะรา่ รวย ก. มฐี านะรา่ รวย ข. มีการศึกษาสูง ข. มกี ารศกึ ษาสูง ค. มเี พอ่ื นพอ้ งมาก ค. มเี พือ่ นพ้องมาก (ง.) ซอ่ื สัตย์ มนี า้ ใจงาม และยึดมนั่ ในหลกั ศลี ธรรม (ง.) มีความซอ่ื สตั ย์ การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 104

บทที่ 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 8.2 คาตอบถกู มีคาซ้ากับคาถาม หรือมเี สยี งพ้องกับคาถาม ไม่ดี ดีขน้ึ ปุ๋ยท่ีได้จากการหมักพวกเศษพืชกับมูลสัตว์ ปุ๋ยที่ผลิตได้จากเศษพืชกับมูลสัตว์เรียกว่า เรยี กว่าอะไร ? อะไร ? (ก) ปยุ๋ หมัก ข. ป๋ยุ ผสม (ก) ปยุ๋ หมัก ข. ปุ๋ยผสม ค ปุย๋ คอก ง. ปยุ๋ พชื สด ค ป๋ยุ คอก ง. ปุย๋ พชื สด 8.3 คาตอบถูกมลี กั ษณะทตี่ ่างจากตัวลวงอยา่ งเด่นชดั ไม่ดี ดีข้นึ สตั ว์ข้อใดไมเ่ ขา้ พวก ? สัตวข์ ้อใดไม่เขา้ พวก ? ก. ม้า ข. ชา้ ง ก. ม้า ข. ชา้ ง ค. ควาย (ง) จ้ิงหรีด ค. ควาย (ง) สงิ โต 8.4 ตวั ลวงเหน็ ผดิ อย่างชดั จนเกินไป ไมด่ ี ดขี น้ึ การออกกาลงั กายมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร? การออกกาลังกายมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร? ก. ทาใหจ้ ติ ใจหมองมัว ก. ทาให้เติบโตไว (ข.) ทาให้รา่ งกายแขง็ แรง ข. ทาใหส้ ตปิ ญั ญาดี ค. ทาใหส้ ุขภาพทรุดโทรม ค. ทาใหจ้ ิตใจเข้มแข็ง ง. ทาใหอ้ ่อนแอและออ่ นเพลยี (ง.) ทาใหร้ า่ งกายแขง็ แรง การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 105

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน 8.5 ตวั เลอื กไม่เข้าพวก หรอื ไมเ่ ป็นเอกพันธุ์ ไม่ดี ดีข้ึน โรคชนดิ ใดไมใ่ ชโ่ รคติดตอ่ ? โรคชนดิ ใดไมใ่ ช่โรคติดตอ่ ? ก. โรคระบาด ก. โรคหดั ข. โรคร้ายแรง ข. โรคหวัด (ค) โรคลมชัก (ค) โรคลมชกั ง. โรคทอ้ งร่วง ง. โรคทอ้ งร่วง 8.6 หลีกเล่ียงการใช้คาขยายกริยา เช่น ทั้งหมด ทุกๆ เสมอ บ่อยๆ บางคร้ัง อาจจะ ฯลฯ เพราะจะเป็นข้อสังเกตให้ทราบได้ว่าตัวเลือกน้ันเป็นคาตอบถูก ถ้าจาเป็นต้องใช้ก็ อาจจะตอ้ งใชค้ าขยายทุกตัวเลือก หรอื หลีกเลี่ยงไมใ่ ชเ้ ลยทกุ ตัวเลอื ก เชน่ ไม่ดี ดีข้นึ เราควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไรจึงจะช่วยให้รา่ งกาย เราควรปฏิบตั ิอยา่ งไรจึงจะช่วยให้ร่างกาย แขง็ แรง? แข็งแรง? ก. นอนมากกว่าปกติ ก. เพม่ิ เวลานอน (ข) ออกกาลงั กายทกุ วนั (ข) ออกกาลังกาย ค. ไปพกั ผ่อนชายทะเล ค. ไปพักผ่อนชายทะเล ง. หางานทาในเวลาว่าง ง. หางานทาในเวลาวา่ ง การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 106

บทที่ 4 : การสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 9. ตัวเลือกท่ีถูกและผิด ควรถูกผิดตามหลักวิชา ไม่ใช่ถูกผิดตามความเห็นของผู้เขียน คาถาม หรือถกู ผิดได้หลายอย่างตามแนวคิดท่ีตา่ งกัน จะกลายเปน็ คาถามที่ไม่ยุตธิ รรมเพราะหา คาตอบท่เี ปน็ ขอ้ ยตุ ิไม่ได้ เช่น ไม่ดี ดขี น้ึ นายกรัฐมนตรีคนปจั จบุ นั ของไทยเปน็ คน บคุ คลทีส่ มควรเป็นนายกรฐั มนตรตี ้องมี อย่างไร? คุณลกั ษณะข้อใดเปน็ สาคญั ? ก. มคี วามจรงิ ใจตอ่ ประชาชน ก. มีความขยนั ข. ไมค่ อ่ ยเอาใจใสป่ ระชาชน ข. มคี วามอดทน (ค) มีความเสียสละเพ่อื ส่วนรวม (ค.) มีความซื่อสตั ย์ ง. เห็นแก่พวกพ้องและญาติมติ ร ง. มีความเสยี สละ 10. ตัวเลือกควรเป็นข้อความสั้นมากกว่าข้อความยาว เพราะผู้สอนอาจจะต้องอ่าน พิจารณาหลายคร้ังจะทาให้เสียเวลา และถ้าในตัวเลือกมีข้อความซ้าๆ กันทุกข้อ ควรจะนาไป เขยี นเน้นไว้ในตวั คาถาม (แต่ในบางกรณถี า้ หลีกเลยี่ งไมไ่ ด้จริงๆ กจ็ าเปน็ ต้องคงไวเ้ ช่นน้นั ) เช่น ไมด่ ี ดีข้ึน เต่าเปน็ สตั วป์ ระเภทใด ? เตา่ เป็นสตั ว์มีกระดกู สนั หลังประเภทเดียวกับสัตว์ (ก) มีกระดกู สันหลังเชน่ เดยี วกับปู ในขอ้ ใด ? ข. มกี ระดกู สันหลังเช่นเดียวกบั กบ (ก) ปู ข. กบ ค. มกี ระดกู สนั หลังเช่นเดียวกบั หนู ค. หนู ง. จรเข้ ง. มีกระดกู สนั หลังเช่นเดยี วกบั จรเข้ การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 107

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น 11. คาถามและคาตอบแตล่ ะขอ้ เปน็ อสิ ระต่อกัน อย่าให้คาถามผูกพนั หรอื อยา่ เขียน ตัวเลอื กให้คาบเกี่ยวกนั จะทาใหห้ าคาตอบทถี่ ูกท่ีสดุ ไม่ได้ เช่น . 1. ถุงเท้าคู่ละ 25 บาท รองเท้าแพงเป็น 12 2. จากขอ้ 1 รองเทา้ แพงกวา่ ถงุ เท้าเท่าไร ? เทา่ ของราคาถุงเทา้ รองเทา้ ราคาคูล่ ะเทา่ ไร ? ก. 175 บาท ก. 200 บาท ข. 240 บาท ข. 215 บาท ค. 260 บาท ง. 300 บาท ค. 235 บาท ง. 275 บาท จากตัวอย่างข้างตน้ จะเหน็ ว่าต้องตอบข้อ 1 ถกู กอ่ นจึงจะสามารถตอบขอ้ 2 ถกู ไมด่ ี ดีขน้ึ ปจั จุบันประเทศไทยมปี ระชากรประมาณ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรประมาณ เท่าไร ? เทา่ ไร ? ก. 50 ลา้ นคน ก. น้อยกวา่ 55 ล้านคน ข. 60 ลา้ นคน ข. 55 ลา้ นคน ค. มากกวา่ 50 ลา้ นคน ค. 60 ลา้ นคน ง. มากกวา่ 60 ล้านคน ง. มากกวา่ 60 ล้านคน จากตวั อยา่ งทไ่ี ม่ดี จะเหน็ วา่ คาตอบเปน็ ไปได้ทั้ง ค และ ง . 12. หลีกเล่ียงการใช้ตัวเลือกแบบปลายเปิด หรือปลายปิด ตัวเลือกแบบปลายเปิด เช่น “ไมม่ ีคาตอบถูก” “ ผดิ หมดทกุ ข้อ “ “ ผดิ ท้ัง ก ข ค” ตัวเลือกปลายปดิ เชน่ “ ถกู หมดทุกข้อ” “ ถูกท้ัง ก ข ค” ตัวเลือกเหล่าน้ีมักจะดึงดูดความสนใจของผู้สอบให้ตอบโดยใช้ ขอ้ สงั เกต ซึง่ ถอื เป็นการเดา แตถ่ ้าจาเป็นกใ็ ช้ได้สาหรบั การสรา้ งข้อทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการ เรียนที่ครูสร้าง แต่มีหลักการว่า ตัวเลือกเหล่าน้ีต้องมีโอกาสเป็นคาตอบถูกต้องคาตอบถูกบ้าง และเป็นตัวลวงบ้าง อย่างไรก็ตาม ในการสร้างข้อทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีเป็น มาตรฐาน หา้ มใชต้ วั เลอื กชนิดน้ี เพราะไม่สามารถพจิ ารณาวเิ คราะห์ความยากง่าย และอานาจ จาแนกท่ีถูกต้องได้ การวดั และประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 108

บทท่ี 4 : การสร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 13. ตัวเลือกของแต่ละข้อควรเรียงลาดับ เพ่ือความเป็นระเบียบและช่วยไม่ให้เกิด ความสับสนในการพิจารณาคาตอบ การเรียงลาดับให้พิจารณาตามเกณฑ์ใดเกณฑ์หน่ึงท่ี เหมาะสม เช่น เรียงตามลาดับจานวน เรียงตามเวลาที่เกิดเหตุการณ์ หรือเรียงตามลาดับความ ส้ันยาวของตัวเลือก เปน็ ต้น 14. การวางตาแหน่งของตัวเลือกถูก ควรจะวางกระจายไปแบบสุ่ม ไม่ควรวางเป็น ระบบหรือเป็นแบบที่สังเกตตาแหน่งของคาตอบได้ จะทาให้ผู้สอบใช้ข้อสังเกตน้ีมาช่วยเลือก คาตอบ หรือเดาคาตอบ 15. ตัวเลือกที่เป็นคาตอบถูกต้องของคาถามท้ังฉบับ ควรจะกาหนดท่ีตาแหน่งต่างๆ กัน คิดเป็นอัตราส่วนเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ข้อคาถามชุดหน่ึงมี 40 ข้อ ถ้าแต่ละข้อมี 4 ตัวเลือก ควรจะวางคาตอบถูกไว้ที่ตาแหน่ง ก. ข. ค. ง. อย่างละ 10 ข้อหรือมีจานวน ใกลเ้ คียงกนั หลกั การตรวจให้คะแนนขอ้ คาถามแบบเลอื กตอบ 1. แตล่ ะขอ้ กาหนดคะแนนเทา่ ๆ กนั นยิ มให้ขอ้ ละ 1 คะแนน ถา้ ตอบผดิ ให้ 0 2. ควรพิจารณาตรวจสอบแผ่นเฉลยคาตอบให้รอบคอบ โดยลงมือทาข้อคาถามท้ัง ฉบับดว้ ยตนเองอีกครง้ั หนงึ่ แล้วนามาเทียบกับแผ่นเฉลยเพอ่ื แกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดก่อน 3. ไมค่ วรหักคะแนนการเดา เพราะการตอบผิดอาจจะไม่ไดเ้ กดิ จากการเดา ขอ้ ดีและข้อจากดั ของขอ้ คาถามแบบเลือกตอบ ข้อดี 1. เขยี นขอ้ คาถามไดค้ ร้ังละมากข้อจนครอบคลุมเน้ือหา 2. การตรวจให้คะแนนคาตอบทาได้ง่าย รวดเรว็ มเี กณฑใ์ ห้คะแนนทแ่ี นน่ อน 3. สามารถวัดพฤติกรรมทางปัญญาระดับสูงได้ดีกว่าข้อคาถามประนัยแบบอ่ืนทุก รูปแบบและยังเชือ่ วา่ สามารถวัดพฤติกรรมทางสมองตามแนวการจาแนกของบลูมครบทุกระดับ 4. ควบคมุ ระดบั ความยากง่ายของข้อคาถามได้ โดยเขยี นตัวเลือกให้เหมาะสม ดังนนั้ จึง ปรบั ใช้ได้กับผเู้ รียนทกุ ระดบั ชนั้ การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 109

บทท่ี 4 : การสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 5. สามารถนาคาตอบมาวินิจฉัยได้ว่า ผู้เรียนมีข้อบกพร่องทางการเรียนท่ีจุดใด หรือ เขา้ ใจผดิ อะไร โดยพจิ ารณาจากตวั ลวงทต่ี อบผิด 6. เหมาะท่ีจะนามาวิเคราะห์โดยใช้เทคนิควิธีเชิงปริมาณ เพ่ือพัฒนาและสร้างข้ึนเป็น แบบทดสอบมาตรฐาน ขอ้ จากดั 1. สร้างได้ยากกว่าข้อคาถามแบบอ่ืนทุกชนิด และใช้เวลาในการสร้างมาก โดยเฉพาะ ตอ้ งเสยี แวลาไปกบั การคดิ หาตวั ลวงท่เี หมาะสม 2. ยงั เปดิ โอกาสให้ผู้สอบตอบโดยการเดาไดม้ ากพอสมควร 3. ไม่สามารถวัดการแสดงออกของพฤติกรรมทางสมองในระดับสูงได้อย่างแท้จริง เพราะในข้อคาถามต้องกาหนดตัวเลือกคาตอบไว้ให้ จึงเป็นการแนะแนวทางการคิดให้ผู้สอบ อีก ทง้ั ยงั ไมส่ ามารถส่งเสรมิ ทกั ษะการเขียนใหผ้ ู้เรยี นด้วย 4. สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาในการจัดทาชุดของแบบทดสอบท่ีใช้คาถามชนิดนี้ มากกว่าคาถามแบบอ่ืนๆ เนื่องจากตอ้ งพิมพ์ข้อคาถามและตวั เลือกของทุกข้อ ทาให้มีข้อความที่ ตอ้ งพิมพจ์ านวนมาก การวัดและประเมินผลการศกึ ษา (Educational Evaluation and Measurement) 110

บทท่ี 4 : การสร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น สรุป คาถามมบี ทบาทสาคัญในการเขียนข้อสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นอกจากจะเขียน ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์แล้ว ยังต้องเขียนให้สอดคล้องกับระดับพฤติกรรมการศึกษาซ่ึง โดยท่ัวไปจะใช้แนวคิดการจาแนกพฤติกรรมการศึกษาด้านพุทธิพิสัยเป็นพฤติกรรมความสามารถ ทางสมอง ตามแนวคิดของ บลูมและคณะ ซึ่งได้แบ่งพฤติกรรมออกเป็น 6 ข้ัน คือ ขั้นความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า การเขียน คาถามให้ได้ถึงระดับท่ีสูงกว่าจะส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักคิด โดยท่ีรูปแบบการเขียนข้อคาถามวัด ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนน้ันแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ข้อคาถามแบบอัตนัยและข้อคาถามแบบ ปรนยั ขอ้ คาถามแบบอัตนยั จะมีข้อสอบท่ีมเี ฉพาะตัวคาถามสว่ นคาตอบเปดิ โอกาสให้ผู้ตอบเขียน ตอบได้โดยเสรี แบ่งออกเป็นแบบจากัดคาตอบและแบบไม่จากัดคาตอบ ส่วนข้อคาถามแบบ ปรนัยเป็นแบบทดสอบท่ีมีทั้งคาถามและคาตอบท่ีเฉพาะเจาะจง แบ่งออกเป็น แบบเติมคาหรือ ตอบส้ัน แบบถูกผิด แบบจับคู่ และแบบเลือกตอบ แต่ละแบบมีรูปแบบ ข้อเสนอแนะ ข้อดี และข้อเสียแตกต่างกัน การทาความเข้าใจเก่ียวกับลักษณะทั่วไปสาระสาคัญของการสร้าง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละแบบจะทาให้ผู้ศึกษาสามารถสร้างแบบทดสอบได้ อย่างมีคุณภาพและมีประสทิ ธิภาพ (กฤธยากาญจน์ โตพทิ ักษ,์ 2561 :176) การวดั และประเมินผลการศึกษา (Educational Evaluation and Measurement) 111

บรรณำนุกรม กฤธยากาญจน์ โตพิทักษ์. (2561). เอกสารการสอนการวัดและ ประเมินผลการศกึ ษา : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. (วนั ท่สี ืบคน้ 15 พฤษภาคม 2562). ทิพย์เกสร กาปนาท. (2558). การวัดและประเมินผลการศึกษา. เชียงใหม่: คณะครุ ุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชียงใหม่. (วันทสี่ บื คน้ 15 พฤษภาคม 2562). พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2551). หลักหารวัดและประเมินผลการศึกษา. (พิมพ์ ครง้ั ท4ี่ ). กรงุ เทพฯ: เฮา้ ส์ ออฟ เคอรม์ สี ท์. (วันทีส่ ืบค้น 15 พฤษภาคม 2562). มลิวัลย์ ผวิ สงคราม. แหลง่ ทม่ี า http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi- binn/webpili/unit10/level10-2.html. (วันท่สี ืบค้น 15 พฤษภาคม 2562).








Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook