ปจ จยั ท่มี ีผลตอความรใู นการรกั ษาสวิ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดนครปฐม โดย นางสาวพลู ศรี เขตโสภณ สารนพิ นธน้เี ปนสวนหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู รปริญญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาวิทยาการสงั คมและการจัดการระบบสุขภาพ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ปการศึกษา 2549 ลขิ สทิ ธิข์ องบณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร
FACTORS INFLUENCING THE ACNE TREATMENT KNOWLEDGE OF UNDER GRADUATE STUDENTS IN MUEANG DISTRICT, NAKHON PATHOM PROVINCE By Phunsri Khatsopon A Master’s Report Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree MASTER OF SCIENCE Program of Social and Health System Management Graduate School SILAPAKORN UNIVERSITY 2006
บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร อนมุ ัตใิ หส ารนพิ นธ เรื่อง “ปจจัยที่มผี ลตอ ความรู ในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม” เสนอโดย นางสาวพูลศรี เขตโสภณ เปนสวนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยา ศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวทิ ยาการสังคมและการจัดการระบบสขุ ภาพ ……........................................................... (รองศาสตราจารย ดร.ศิริชยั ชนิ ะตงั กูร) คณบดบี ณั ฑิตวิทยาลยั วนั ท.ี่ .........เดอื น.................... พ.ศ........... ผคู วบคมุ สารนิพนธ รองศาสตราจารยระพพี รรณ ฉลองสขุ คณะกรรมการตรวจสอบสารนิพนธ .................................................... ประธานกรรมการ (ผูชวยศาสตราจารย ดร.บรุ ินทร ต.ศรีวงษ) ............/.................../.............. .................................................... กรรมการ (รองศาสตราจารยระพพี รรณ ฉลองสขุ ) ............/.................../.............. .................................................... กรรมการ (ผชู ว ยศาสตราจารย ดร.สมเจตน ไวยาการณ) ............/.................../..............
48358304 : สาขาวชิ าวิทยาการสงั คมและการจัดการระบบสุขภาพ คําสาํ คัญ : ความรูใ นการรักษาสิว / นักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี / สิว พูลศรี เขตโสภณ : ปจจัยที่มีผลตอความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขต อําเภอเมอื ง จังหวัดนครปฐม. อาจารยผ คู วบคมุ สารนพิ นธ : รศ. ระพีพรรณ ฉลองสขุ . 75 หนา. การศึกษาวจิ ัยครงั้ นม้ี ีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาความรูในการรักษาสิว และเพ่ือศึกษาปจจัยที่สงผลตอ ความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม กลุมตัวอยางคือ นักศึกษาระดับปริญญาตรีของสถาบันการศึกษาในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่ลงทะเบียนเรียนใน ภาคปลายปการศึกษา 2549 จํานวน 431 คน เก็บขอมูลโดยใชวิธีเลือกตัวอยางแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) ดวยเครื่องมือท่ีพัฒนาขึ้นเอง สถิติที่ใชในการวิเคราะห คือ คารอยละ, คาเฉล่ีย (X), คาสวน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD), การทดสอบคาทีชนิดท่ีเปนอิสระ(Independent t-test) และการวิเคราะหความ แปรปรวนทางเดยี ว(One way ANOVA) ผลการวิจัย พบวา กลุมตัวอยางสวนใหญ (รอยละ 73.1) เปนเพศหญิงมีอายุระหวาง 18-27 ป อายุ เฉลี่ย 20.6 (+1.4) ป โดยสวนใหญ (รอ ยละ 83.1) มีอายุระหวาง 18-21 ป รอยละ 55.7 เรียนในสายศิลปและ สังคมศาสตร รอยละ 48.7 ศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มีรายไดระหวาง 1,000-30,000 บาท รายไดเฉล่ีย 4,237.7 (+2,951.20) บาท กลมุ ตวั อยางรอยละ 75.4 คิดวาการมีสิวทําใหมีปญหาในการดําเนิน ชีวิตประจําวัน ซึ่งรอยละ 43.6 ของกลุมนี้ระบุวาสิวเปนปญหาตอการดําเนินชีวิตในปจจุบัน รอยละ 75.1 มี สิวในระดับรุนแรงเล็กนอย และรอยละ 47.7 มีความกังวลปานกลางในเรื่องที่เปนสิว รอยละ 18.1 ของกลุม ตัวอยางไดรับความรูเก่ียวกับขอมูลในการรักษาสิวจาก โทรทัศน (ชวงโฆษณา) และ รอยละ 36.9 รับทราบ จากแหลงขอมูลท่ีเปนสื่อบุคคล รอยละ 87.5 มีความรูในการรักษาสิวในระดับตํ่า รอยละ 31.8 ดูแลรักษาสิว ดวยการใชยารักษาสิว โดยรอยละ 33.8 ซื้อยารักษาสิวจากรานขายยา และ คลินิกแพทย, คลินิกความงาม รอยละ 18.9 ใชเวลาสําหรับการใชยารักษาสิวประมาณ 1 ป ปจจัยที่มีผลตอความรูในการรักษาสิวของ นักศึกษา ไดแก เพศ (p-value=0.007), สถาบันการศึกษา (p-value =0.005), ความกังวลเร่ืองสิว (p- value=0.044) และแหลงความรู (p-value=0.013) สวนปจจัยที่ไมมีผลตอความรูในการรักษาสิว ไดแก อายุ (p-value=0.692), สาขาวิชาที่ศึกษา (p-value=0.366), รายได (p-value=0.078), ความรุนแรงของสิว (p- value=0.920) ภาควชิ าเภสัชกรรมชุมชน บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปการศกึ ษา 2549 ลายมือชอื่ นกั ศึกษา............................................................................... ลายมอื ช่อื อาจารยผ คู วบคมุ สารนิพนธ ................................................. ง
48358304 : MAJOR : SOCIAL AND HEALTH SYSTEM MANAGEMENT KEY WORD : THE ACNE TREATMENT KNOWLEDGE/UNDER GRADUATE STUDENTS / ACNES PHUNSRI KHATSOPON : FACTORS INFLUENCING THE ACNE TREATMENT KNOWLEDGE OF UNDER GRADUATE STUDENTS IN MUEANG DISTRICT, NAKHON PATHOM PROVINCE. MASTER'S REPORT ADVISOR : ASSOC. PROF. RAPEEPUN CHALONGSUK. 75 pp. The purposes of this research were to evaluate the acne treatment knowledge and the factor affecting the acne treatment knowledge of graduate students in Mueang district, Nakhon pathom province. 431 of the study group were under graduate students in Mueang district, Nakhon pathom province during second semester of the academic year 2006. The study group derived from accidental sampling technique. All data were gathered though questionnaires. The data were analyzed by mean, percentage(%), arithmetic mean(x), standard deviation(SD), Independent t-test and One way ANOVA. It was found that mode of the study group were female (73.1%), age between 18- 21 years old. The study group had an average age of 20.6(+1.4) years old , 83.1% were 18-21 year old, 55.7% were study in Art and Social Science, 48.7% were in Rajabhat university. The study group , s income were 1,000-30,000 baths. The mean of income were 4,237.7(+2,951.20) baths. 75.4% had acne , s problems and 43.6% of this group have acne , s problems disturb their lifestyle. 75.1% had mild acne and 47.7% had moderate anxiety. 18.1% had the acne treatment knowledge from televistion (advertising) and 36.9% from human source. 87.5% had the acne treatment knowledge in low level. 31.8% treated their acne with medicine. 33.8% bought acne , s medicine from drug stores and clinic, beauty clinic.18.9% had duration of treatment acne with medicine about 1 year. The factor affecting the acne treatment knowledge of graduate students in Mueang district, Nakhon pathom province were gender (p-value=0.007), institution (p-value=0.005), acne , s anxiety (p-value=0.044) and source of acne knowledge (p-value=0.013) and the factor no affecting the acne treatment knowledge were age (p-value=0.692), department of education (p- value=0.366), income (p-value=0.078) and severity , s acne (p-value=0.920) Department of COMMUNITY PHARMACY Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2006 Student's signature ........................................ Master's Report Advisor's signature ........................................ จ
กิตตกิ รรมประกาศ การจดั ทําสารนิพนธฉ บับนี้ ผูวิจัยขอขอบพระคุณ รศ. ระพีพรรณ ฉลองสุข อาจารยผู ควบคุมสารนิพนธ ท่ีกรุณาใหคําปรึกษา แนะนําแนวทางการคนควาขอมูล ที่ทําใหเกิด กระบวนการการเรียนรูอันเปนประสบการณท่ีมีคายิ่ง รวมทั้งชวยตรวจสอบแกไขขอบกพรอง ของสารนิพนธฉบับนี้ใหถูกตองและเสร็จสมบูรณ ขอขอบพระคุณ ผศ.ดร.บุรินทร ต.ศรีวงษ และ ผศ.ดร.สมเจตน ไวยาการณ ที่ใหความกรุณาชี้แนะและใหขอคิดเห็นอันเปนประโยชนตอ การทําสารนิพนธฉบับนี้ ขอขอบพระคุณ รศ.ดร. วินัย รังสินันทร รองอธิการบดี มหาวิทยาลัย คริสเตียนและเจาหนาที่ของมหาวิทยาลัยคริสเตียน ที่ใหความอนุเคราะหในการเก็บรวบรวม ขอ มลู การตอบแบบสอบถามจากนกั ศึกษาในมหาวทิ ยาลัยครสิ เตียน ขอขอบคุณนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม และ มหาวทิ ยาลยั คริสเตยี น ทุกทานทไ่ี ดส ละเวลาในการตอบแบบสอบถาม ขอขอบคุณนองๆ เภสัชกร และเจาหนาที่ทุกคนในฝายเภสัชกรรม โรงพยาบาลบา นแพว (องคการมหาชน) และนองๆ เภสัชกร และเจาหนาที่ทุกคนในฝายเภสัชกรรม โรงพยาบาลบาน แพว(สาขาพรอมมิตร) ท่ีใหกําลังใจและใหการชวยเหลือแกผูวิจัยอยางดีเสมอมาและผูท่ี เกยี่ วของทกุ ๆ ทาน ท่ใี หความชว ยเหลอื ทีม่ ไิ ดก ลาวถงึ ในที่นี้ ขอขอบคุณสมาชิกครอบครัวเขตโสภณ ท่ีใหการสนับสนุนผูวิจัยอยางดีตลอดเวลาท่ี ศึกษาตอ และขอบคุณพ่ีๆ และ เพ่ือนๆ สาขาวิทยาการสังคมและการจัดการระบบสุขภาพทุก ทานที่ไดใหความชวยเหลือ ความหวงใย และใหกําลังใจมาโดยตลอด คุณคาและประโยชนท่ี พึงจะเกิดจากสารนิพนธเลมนี้ ผูวิจัยขอบูชาพระคุณบิดา มารดา และคณาจารยทุกทานท่ีให โอกาสและมอบสง่ิ ดีๆ แกผ ูว จิ ัย ฉ
สารบัญ หนา บทคัดยอภาษาไทย…………………………………………………………………………... ง บทคดั ยอภาษาองั กฤษ……………………………………………………………................ จ กิตตกิ รรมประกาศ……………………………………………………………………………. ฉ สารบัญตาราง………………………………………………………………………….......... ฌ บทที่ 1 บทนาํ 1 ปญ หาและความสาํ คัญของปญ หา..........……..……………………............ 1 วตั ถุประสงคของการวจิ ัย……………………………………………............ 3 ประโยชนท ่คี าดวาจะไดรับ……………………………………...……........... 3 สมมติฐานของการวจิ ยั …………………………………………................... 3 ขอบเขตของการวจิ ัย………………………………………………............... 4 นยิ ามศพั ทเ ฉพาะ…………………………………...……………………….. 5 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ ง………………………………………………………. 6 ความรทู วั่ ไปเก่ียวกบั สิว………..………………………………….…………. 6 - สาเหตทุ ที่ ําใหเ กิดสิว………………………….………………………… 6 - ปจ จัยอน่ื ๆ ที่มผี ลตอการเกดิ สวิ ……………..……………….………… 7 - ลกั ษณะทางคลินิก………………………………….………..………… 9 - แนวทางการดแู ลรักษาสิว…………………………….………………… 11 - ขอ แนะนาํ สาํ หรบั ผเู ปนโรคสิว………………………………..………… 20 แหลง ขอมูลขา วสาร………………………………………………..………… 21 แหลง ที่ขายหรอื กระจายผลติ ภณั ฑรกั ษาสวิ ……………..………..………… 22 งานวิจยั ท่ีเกยี่ วของ………………………………………..……….………… 24 3 วธิ ีดาํ เนินการวิจัย…………………………………………………..………..………... 27 ประชากรและกลมุ ตวั อยา ง…………….…………………………………….. 27 เครอ่ื งมอื ที่ใชในการเกบ็ รวบรวมขอ มูล……………………......….…………. 29 การพฒั นาเครือ่ งมอื ทีใ่ ชในการวิจัย............................................ ………… 29 ช
บทท่ี หนา การเก็บรวบรวมขอมลู …………………………………………….…………. 31 การวเิ คราะหขอ มลู …………………………………...……..……..………… 32 4 ผลการวเิ คราะหข อมูล……………………………………….……………….……….. 33 ขอ มลู ทวั่ ไปของกลมุ ตัวอยา ง...................................................... ……….. 33 แหลง ความรเู กีย่ วกบั การรับทราบหรอื คนหาขอ มูลในการรักษาสวิ …………. 35 ความรูในการรกั ษาสวิ ของนกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี ในเขตอําเภอเมอื ง จังหวดั นครปฐม...................................................... ……………………... 37 แนวทางการดแู ลรกั ษาสวิ .......................................................... ………… 41 ปจ จัยทม่ี ีผลตอความรูในการรกั ษาสวิ ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี ในเขต อาํ เภอเมือง จงั หวัดนครปฐม....................................... …………………… 48 5 สรุป อภปิ รายผลและขอเสนอแนะ………………………………………...…………. 53 สรุปผลการวจิ ยั ………………..…………………………………..…………. 53 อภปิ รายผลการวิจัย.................................................................. ………… 54 ขอเสนอแนะของการวจิ ัย…………………………………………………….. 60 - ขอเสนอแนะทไ่ี ดจากผลการวจิ ยั ……………………………………….. 60 - ขอ เสนอแนะในการทาํ วิจยั ครัง้ ตอไป……………………….…………... 60 บรรณานกุ รม……………………………………………………………………....…………. 61 ภาคผนวก…………………………………………………………………………………….. ภาคผนวก ก แบบสอบถาม.................................................................... ……….. 64 ภาคผนวก ข หนงั สอื ขออนญุ าต............................................................... ……… 71 ประวตั ผิ วู จิ ัย...................................................................................................... ……… 75 ซ
สารบญั ตาราง ตารางที่ ลกั ษณะทวั่ ไปของกลมุ ตวั อยา ง...........................................................……… หนา 1 แหลง ความรเู ก่ียวกบั การรับทราบหรอื คนหาขอ มลู ในการรกั ษาสวิ .........……… 34 2 ความรูในการรักษาสวิ ของนกั ศึกษาระดับปรญิ ญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง 36 3 จงั หวดั นครปฐม...................................................................………...... 37 4 ความรูเ กยี่ วกบั การรกั ษาสวิ ......................................................................... 38 5 แหลงซอื้ ยารักษาสวิ ...........................................................................……… 42 6 ระยะเวลาท่ีใชย ารกั ษาสวิ ...................................................................……… 44 7 ความรูเกย่ี วกบั ชอื่ ยา, วธิ ีใชย า, ขอ ควรระวังของยารกั ษาสิว...............………… 46 8 ชื่อยารกั ษาสวิ ...................................................................................……… 46 9 วธิ ีใชยารกั ษาสวิ .............................................................................………… 46 10 ขอควรระวังของยารักษาสวิ ................................................................……… 47 ฌ
1 บทที่ 1 บทนํา ปญหาและความสาํ คัญของปญหา ปจจุบันน้ีโรคผิวหนังที่วัยรุนใหความสนใจและกระตือรือรนที่จะรักษา คือ โรคสิว สิว เปน โรคผิวหนังท่ีพบไดบอ ย (ดวงตา สิตตะไพโรจน 2549) สว นใหญม กั พบสิวในชวงวัยรนุ ถงึ วยั เจริญพันธุ คือ 14-30 ป สิวจะปรากฏอาการในผูหญิงชวงอายุ 14-17 ป และในผูชายชวงอายุ 16-17 ป ความรุนแรงของสิวจะมากข้ึน 3-5 ป หลังจากเร่ิมเปนสิวและมักหายไปในชวงอายุ 20-25 ป พบวาผูหญิงท่ีอายุมากกวา 25 ป เปนสิวมากกวาผูชายเพราะผูหญิงมีการใช เคร่อื งสาํ อางเพื่อเสรมิ สรา งความงาม ซงึ่ เครือ่ งสําอางที่ใชอาจเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหเกิดสิว (สุชาดา นลิ กําแหง 2549) วัยรุนชายมีปญ หาเรื่องสิวมากกวา วยั รนุ หญิง (วรวุฒิ เจริญศริ ิ 2549) ปกตแิ ลว จะพบสิวไดม ากท่ีสดุ บรเิ วณใบหนา รองลงมาคอื หนา อก หลัง และไหล ถาเปนที่ลําตัว จะพบมากบรเิ วณอกและแผนหลัง เพราะบริเวณดังกลาวมีตอมไขมันจํานวนมากและขนาดของ ตอมไขมันในบริเวณนี้กใ็ หญกวา บรเิ วณอื่นของรางกาย (โมนา อัศวิษณุ 2544 : 96) จากสถติ ิของสถาบันโรคผิวหนังสิวเปนสาเหตุท่ีทําใหผูปวยมาพบแพทยสูงเปนอันดับท่ี 2 ของผูปวยทั้งหมดโดยเปนชายรอยละ 33 และหญิงรอยละ 67 แมวามีเพียงรอยละ 5 ของ ผู ท่ีเปนโรคผิวหนังท้ังหมดที่มาปรึกษาแพทยผิวหนังที่มีปญหาเรื่องสิว แตในคลินิกสิว-ฝา-ความ งาม พบวา 70% มารับบริการรักษาสิว ดังน้ันสิวจึงเปนปญหาท่ีมีความสําคัญโดยเฉพาะกลุม วัยรุน หลักเกณฑในการรักษาสิวจะรักษาตามพยาธิกําเนิด การรักษาไมสามารถจะรักษาสิว ใหหายไดอยางรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห การรักษาจะเห็นผลดีขึ้นใชเวลาอยางนอย 2-4 สัปดาห ถาไดรับการรักษาครบ 2 เดือนจะดีข้ึนประมาณ 40% เม่ือรักษาไดครบ 4 เดือนจะดีข้ึน ประมาณ 60% และเมื่อรักษาไดครบ 6 เดือนจะดีข้ึนประมาณ 80% หรือมากกวานั้น (สุชาดา นลิ กําแหง 2549) ปจ จบุ ันประชาชนสว นใหญค ดิ วา สวิ เปน แคเ รือ่ งความสวยงาม เม่อื มีปญหาจึงมักซื้อยา ใชเองหรอื ปรึกษาชา งเสริมสวย แตค วามจริงแลวแพทยท่ัวโลกจดั ให สิวเปนโรคผิวหนังชนิดหน่ึง ทีจ่ าํ เปน ตอ งไดร ับการดแู ลจากแพทยผ วิ หนงั (ประวิตร พิศาลบุตร 2548) วัยรุนไทยที่รักสวยรัก งามสวนใหญหลงเชื่อคําโฆษณาเกินความเปนจริง นิยมใชยากินรักษาสิว-หนาใส ชนิดกรด วิตามินเอ ท่ีมีจําหนายในรานขายยา รานเสริมสวยและสถาบันความงาม มีความเส่ียง
2 อันตรายจากฤทธแ์ิ ทรกซอนของยา (กรมสุขภาพจติ 2548) กระทรวงสาธารณสุขไดออกมาเตอื น กลุมผูใชยารักษาสิวใหระวังผลขางเคียงจากการใชยา และมีความเปนหวงประชาชนที่มีความ รูเทาไมถึงการณ กลุมเปาหมายที่นาเปนหวงไดแกกลุมวัยรุนที่มักจะหลงเช่ือคําโฆษณา โดยเฉพาะวัยรุน หญิงที่มโี อกาสเปนสวิ มากกวา (กระทรวงสาธารณสุข 2548) ในระยะสิบถึงย่ีสิบปนี้ในเมืองมีสถานพยาบาลเอกชนเพ่ิมข้ึนมากอยางรวดเร็ว คลินิก โพลีคลินิก คลินิกเฉพาะโรคตางๆ เชน คลินิกทันตกรรม คลินิกตา-หู-คอ-จมูก คลินิกเด็ก คลินิก รักษาสิวฝา คลินิกโรคผิวหนัง คลินิกศัลยกรรมตกแตง คลินิกรักษาโรคอวนเสริมความงาม ตางๆ เปนตน (สุนันทา โอศิริ 2546 : 6) จึงกอเกิดธุรกิจบริการสุขภาพท่ีเฉพาะทางเพ่ือใหตรง เปาหมาย และลดเวลาในการไปรับบริการในแตละคร้ัง ยาและผลิตภัณฑสุขภาพบางหมวดหมู เชน กลุมยาลดความอวน กลุมเสริมความงามหรือปญหาดานผิวพรรณ โรคเฉพาะทาง บางอยาง ฯลฯ กลายเปนเครื่องมือที่ชวยสงเสริมการตลาดและเปนกลไกสําคัญในการสราง ความแตกตางทางธรุ กจิ (พชั ราภรณ ปญ ญาวฒุ ไิ กรและอุษาวดี มาลีวงศ 2548 : 3) ขณะนี้ในอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐมมีมหาวิทยาลัยหลายแหงซึ่งเปนศูนยรวมของวัย ที่เกิดสิวซ่ึงสวนใหญมีแนวโนมท่ีจะเปนสิวไดงายและอยูในวัยท่ีกําลังเอาใจใสตัวเองในเรื่อง ความสวยงามมากท่ีสุดแตมีประสบการณและทุนทรัพยนอย และอยูในวัยกําลังศึกษาเลา เรียนซึ่งเปนปจจัยหนึ่งท่ีมีผลทําใหเกิดสิว ในปจจุบันมีสถานที่รักษาสิว สถานที่จําหนาย ผลิตภัณฑรักษาสิวเกิดข้ึนจํานวนมากไมวาจะเปนคลินิกแพทย คลินิกความงามรักษาสิว-ฝา รานขายยา รานเสริมสวย รานสะดวกซ้ือ รานขายเคร่ืองสําอาง รานขายผลิตภัณฑสมุนไพร รักษาสิว แนวทางการรักษาสิวมีหลายแนวทางทําใหเกิดความสับสนวาวิธีการใดเหมาะสม ถูกตอง ดังน้ันผูวิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษาความรูของนักศึกษาในการรักษาสิววามีมากนอย เพียงใดและปจจัยดานใดมีผลตอความรูในการรักษาสิวของนักศึกษา การไดทราบถึงคําตอบ เหลา นจ้ี ะชวยช้ีใหเหน็ ถึงระดับปญหาที่เกี่ยวของในการรักษาสิวของนักศึกษา เพื่อใหหนวยงาน ท่ีเกี่ยวของนําไปใชในการวางแผนเพื่อปองกันและแกไขปญหาเก่ียวกับการรักษาสิว และเปน แนวทางในการเลือกแหลง ขอมลู ในการใหความรใู นการรกั ษาสวิ
3 วัตถุประสงคข องการวิจยั 1. เพ่ือศึกษาความรูในการรักษาสิวของนกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม 2. เพื่อศึกษาปจ จัยทม่ี ผี ลตอ ความรูในการรักษาสวิ ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี ใน เขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดนครปฐม ประโยชนท ค่ี าดวา จะไดรบั 1. ทราบถึงระดบั ความรใู นการรักษาสิวของนักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี ในเขตอําเภอ อาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม 2. ทราบถงึ ปจจยั ทม่ี ผี ลตอ ระดับความรใู นการรักษาสวิ ของนกั ศึกษาระดับปรญิ ญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดนครปฐม 3. ไดขอมูลสําหรับหนวยงานท่ีเกี่ยวของท่ีจะนําไปใชในการวางแผนเพ่ือปองกันและ แกไขปญหาเกี่ยวกับการรักษาสิวและเปนแนวทางในการใหความรูในการรักษาสิวท่ีถูกตอง รวมทั้งแหลงขาวสารดานการรักษาสิวท่ีนักศึกษาสามารถเขาถึง นอกจากนี้ยังชวยลดความ สนิ้ เปลอื งดา นเศรษฐกิจและเวลาในการรักษาโรคสิว สมมตฐิ านของการวจิ ัย 1. นกั ศึกษาทม่ี ีเพศแตกตา งกันมีความรใู นการรกั ษาสวิ แตกตา งกนั 2. นักศกึ ษาทม่ี อี ายแุ ตกตางกนั มีความรูในการรกั ษาสวิ แตกตางกนั 3. นักศกึ ษาทเี่ รียนในคณะวชิ าตา งแตกกันมีความรูในการรกั ษาสิวแตกตา งกนั 4. นกั ศกึ ษาทเ่ี รียนในสถาบนั การศึกษาแตกตา งกนั มีความรูในการรกั ษาสวิ แตกตางกนั 5. นักศกึ ษาทม่ี ีรายไดแตกตา งกนั มคี วามรใู นการรักษาสวิ แตกตา งกัน 6. นักศึกษาทม่ี คี วามรนุ แรงของสวิ แตกตางกนั มีความรใู นการรักษาสวิ แตกตา งกนั 7. นกั ศกึ ษาทมี่ ีความกงั วลเร่ืองสิวแตกตา งกนั มคี วามรใู นการรกั ษาสวิ แตกตางกนั 8. นกั ศึกษาทมี่ ีแหลง ความรูในการรักษาสวิ แตกตางกนั มีความรใู นการรกั ษาสวิ แตกตา งกนั
4 ขอบเขตของการวจิ ยั การวจิ ยั ครงั้ นไี้ ดกาํ หนดขอบเขตของการศึกษาไวดังน้ี 1. ประชากร ศึกษาเฉพาะนักศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี ทีล่ งทะเบยี นเรียนในภาคปลายปก ารศึกษา 2549 ของสถาบันการศกึ ษา ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดนครปฐม ไดแก มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร มหาวทิ ยาลยั คริสเตยี น, มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม 2. กลุม ตวั อยา ง ใชว ธิ ีเลือกตัวอยา งท่ตี อบแบบสอบถามแบบบงั เอิญ (Accidental Sampling) ตวั แปรท่ศี กึ ษา ตวั แปรตน (Independent Variables) ไดแก เพศ, อายุ, สาขาวชิ า, สถาบนั การศึกษา, รายได, ความรนุ แรงของสิว, ความกงั วลเรอ่ื งสิว, แหลง ความรใู นการรกั ษาสวิ ตวั แปรตาม (Dependent Variables) ไดแก ความรูในการรักษาสวิ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั ตัวแปรตน ตวั แปรตาม ความรใู นการรักษาสิว เพศ อายุ สาขาวิชา สถาบนั การศึกษา รายได ความรุนแรงของสวิ ความกงั วลเรอ่ื งสวิ แหลงความรูในการรักษาสิว
5 นยิ ามศพั ทเฉพาะ เพื่อใหเ ขา ใจความหมายของคําทีใ่ ชใ นการวจิ ยั ครงั้ น้ีตรงกนั ผวู จิ ัยไดน ยิ ามความหมาย ของคาํ ตา งๆ ทเ่ี กย่ี วของกับการวิจยั คร้ังน้ี ดังน้ี รายได หมายถงึ รายไดที่ไดรบั จากผูป กครองรวมรายไดพิเศษอื่น ความรูในการรักษาสิว หมายถงึ ความรขู องนกั ศึกษาเกยี่ วกับสาเหตทุ ี่ทาํ ใหเ กดิ สวิ , ปจจยั อนื่ ๆ ทมี่ ผี ลตอ การเกดิ สวิ , ลกั ษณะทางคลนิ ิก แนวทางการดแู ลรักษาสวิ , ขอ แนะนาํ สาํ หรบั ผูเ ปนโรคสวิ
6 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วของ การศึกษาเร่ืองความรเู ก่ียวกบั การรกั ษาสวิ ของนกั ศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขต อําเภอเมือง จงั หวัดนครปฐมครง้ั นี้ผวู จิ ยั ไดศึกษาเอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วของดงั น้ี • ความรทู ว่ั ไปเก่ียวกบั สวิ ♦ สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ กิดสิว ♦ ปจ จยั อนื่ ๆ ทมี่ ีผลตอการเกดิ สวิ ♦ ลกั ษณะทางคลินิก ♦ แนวทางการดูแลรักษาสวิ ♦ ขอ แนะนาํ สาํ หรบั ผูเปน โรคสิว • แหลง ขอมลู ขา วสาร • แหลง ทข่ี ายหรอื กระจายผลติ ภัณฑร กั ษาสวิ • งานวิจยั ที่เกยี่ วของ ความรทู ว่ั ไปเก่ียวกบั สวิ สิวเปน โรคของตอมไขมันทีร่ ขู มุ ขน โดยท่วั ไปมักเปน บรเิ วณในหนา คอ และลาํ ตวั สวนบน ซงึ่ เปน ตาํ แหนงทีมตี อมไขมันขนาดใหญอยหู นาแนน พบบอ ยในวยั รุน แตบ างคนเปนๆ หายๆ จนอายเุ ลย 40 ป ขนึ้ กบั สาเหตุทที่ าํ ใหเ กดิ สวิ มหี ลายปจจยั ทเ่ี กยี่ วขอ ง ดงั นี้ สาเหตุทําใหเกิดสิว โดยท่ัวไปสิวเกิดจากสาเหตุรวมกันอยา งนอ ย 4 ประการ คอื 1. มีการหล่ังของไขมันจากตอมไขมันมากกวาปกติ ซ่ึงมีสาเหตุจากการมีฮอรโมนแอน โดรเจนหรอื ฮอรโมนเพศชายในกระแสเลอื ดสงู 2. มีการอุดตันของทอตอมไขมัน หากมีการหลั่งของไขมันออกมาเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ จะทํา ใหทอตอมไขมันพองโตและแตกงาย จะตามมาดวยการอักเสบ โดยจะเห็นเปนตุมหนองหรือถุง นา้ํ
7 3. เกิดจากการหมักหมมของเช้ือแบคทีเรีย P. Acnes ที่ตําแหนงลึกๆ ของทอไขมัน ซึ่ง มักพบในเด็กวัยรุนอายุประมาณ 15-16 ป จะพบนอยในเด็กทีอายุต่ํากวา 12 ป ความรุนแรง ของสวิ จะสมั พนั ธโ ดยตรงกบั ปรมิ าณเช้ือแบคทีเรียในทอไขมนั แตจะไมส ัมพันธกบั เชอ้ื แบคทีเรีย ทีผ่ ิวหนา 4. พบปฏกิ ิริยาของการอักเสบ โดยเชื้อแบคทีเรีย P. Acnes ซึ่งเปนการอักเสบโดยไมได เก่ยี วของกับภมู ติ านทานของรางกาย (พมิ ลพรรณ พทิ ยานกุ ูล 2545 : 47) ปจ จยั อื่นๆ ทมี่ ผี ลตอการเกิดสิว 1. กรรมพันธุและเช้ือชาติ ในเร่ืองของกรรมพันธุนั้น พบวา ถาพอแมเปนสิว ลูกจะเปน สิวมากกวาปกติ ฝาแฝดจากไขใบเดียวกันซึ่งมีกรรมพันธุเหมือนกันมักจะเปนสิวหรือไมเปนสิว เหมือนๆ กัน นอกจากน้นั กรรมพนั ธยุ งั มีสวนกาํ หนดบริเวณทีเ่ ปน สวิ ดวย ถามพี ี่หรือนองเปนสิว ที่บริเวณหลัง จะทําใหมีโอกาสเปนสิวที่หลังไดมาก หรือถาพี่หรือนองเปนสิวอยางรุนแรง ก็เพิ่ม โอกาสในการเปนสิวอยางรุนแรงไดเชนกัน ผูปวยที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม คือมี โครโมโซมเปน xxy จะมีสิวที่เกิดไดรุนแรงมาก โครโมโซมเพศนั้นปกติมี 2 ตัว เทาน้ัน คือถาเปน xx จะเปนหญิง ถาเปน xy จะเปนชาย นอกจากกรรมพันธุแลวพบวา คนที่มีเช้ือชาติตางกันมี โอกาสเกดิ สิวไดมากนอ ยตางกัน เชน พบวา คนเอเชียและคนอเมริกันผิวดํามีโอกาสเปนสิวนอย กวา คนผวิ ขาว 2. อาหาร โดยทั่วไปแลวแพทยผิวหนังไมคอยเชื่อวาอาหารมีอิทธิพลตอการเกิดสิว จึง มักไมแนะนําใหคนที่เปนสิวงดอาหารชนิดใดชนิดหน่ึง อยางไรก็ตามมีผูท่ีเปนสิวกลุมหนึ่งที่มี ความเช่ือวา อาหารบางอยางทําใหสิวมีอาการมากขึ้นได อาหารที่มักถูกมองวาทําใหเปนสิวคือ พวกชอ็ กโกแลต ลกู นตั ลูกกวาด นม เนย ไขมนั เปนตน 3. การสัมผัสเสียดสี พบวาเปนปจจัยกอใหเกิดสิวไดเชนกัน ในนักกีฬาท่ีพันผาแถบผา รอบศีรษะ จะเปนสิวจากการสัมผัสเสียดสีไดที่หนาผาก หรือในนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ ตองการสวมหมวกเวลาเลน จะพบสิวที่คางไดมาก เพราะสายรัดหมวกเสียดสีผิวหนังบริเวณนี้ นอกจากนนั้ ในคนทชี่ อบนั่งเทาคางหรือเทาแกมกม็ ักเปนสิวบริเวณคางหรือแกม 4. นํ้ามัน ไมวาจะมาจากอะไร เชน น้ํามันที่อยูในเคร่ืองสําอาง ยากันแดด น้ํามันใสผม สามารถทําใหรูขุมขนอุดตันกอใหเกิดสิวได เรียก Acne Venenata (Chloracne) เกิดจากการ สัมผัสกับ Chlorinated Hydrocarbon เชน D.D.T., Lindane, Chlordane, Aldrin, Benzene Hexachloride, Dieldrin, น้ํามันจําพวก Cutting Oil ซึ่งเปนสวนผสมของน้ํามันจากโรงกล่ัน เชน Paraffin, Petrolatum, Crude Coal Tar และ Pitch Tar พบในคนท่ีทํางานเก่ียวกับสีทา
8 บาน หรอื น้ํามันขัดเงา Lacquer โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณถูกเสื้อผาเปรอะน้ํามัน สิวชนิดน้ีจะ มีลักษณะเปนสิวหัวดํา และ Horn Filled Cysts จํานวนมากมาย พบบอยท่ีหนา แกม หู หลังหู และกระจายออกไปรอบๆ แตไมเปนท่ีจมูก ในระยะแรกจะไมพบ P. acne ในหัวสิวเลย เนื่องจาก Chlorinate Hydrocarbon เปน ยาฆาเชอ้ื 5. เคร่อื งสําอาง สิวที่เกิดจากเคร่ืองสําอาง เรียกวา Acne Cosmetica พบวา รองพื้นท่ี มีสวนผสมของ Lanolin, Petrolatum, นํ้ามันพืชบางชนิด Butylstearate, Lauryl Alcohol และ Oleic Acid ทาํ ใหเกิดสวิ ได 6. สบู มเี กลอื กรดไขมนั บางตัวท่ที าํ ใหทอ ทางเดนิ ตอมไขมันอุดตันกอใหเกิดสิวได สิวท่ี เกิดจากการลางหนาดวยยาฆาเช้ือโรคบอย เรียก Acne Detergicans โดยเฉพาะยาฆาเช้ือโรค จําพวก Hexachlorophene จะเปนสิวได 7. ความเครียด ทําใหสิวกําเริบได ดังที่ไดกลาวมาแลววาฮอรโมนแอนโดรเจนทําให ตอมไขมันผลิตซีบุมแอนโดรเจนสรางมาจากอัณฑะ รังไข และตอมหมวกไต ตอมหมวกไตนี้ถูก ควบคุมโดยตอมปตูตารี ซ่ึงถูกควบคุมโดยไฮโปทาลามัสอีกทอดหน่ึง ความเครียดจะกระตุน ใหไฮโปทาลามัสหลั่งสารเคมีมากระตุนตอมปตูตารี ตอมปตูตารีท่ีถูกกระตุนจะหลั่งสารเคมีลง มากระตนุ ตอ มหมวกไต ตอมหมวกไตจึงหลั่งฮอรโมนออกมาหลายตัวรวมกนั รวมท้งั แอนโดรเจน ดวยทําใหสิวกําเริบได นอกจากนี้คนท่ีมีความเครียดมักคอยแกะเกาสิวอยูตลอด ทําใหสิว อกั เสบกําเรบิ ข้ึนอกี 8. สเตยี รอยด เปนยาทนี่ ํามาใชใ นโรคผิวหนังหลายชนิด โดยอาจนํามาใชเปนยาฉีด ยา เม็ดหรือยาทา ผูป ว ยโรคผิวหนังทไี่ ดร ับยาสเตียรอยดในรปู ของยาฉดี และยากินจะเปนสิวไดมาก ขึ้น สวนสเตียรอยดในรูปของยาทานั้นถาใชสเตียรอยดทาที่หนาเปนเวลานานและสเตียรอยด นั้นมีความเขมขนสูงจะเกิดสิวไดยิ่งสเตียรอยดมีความเขมขนสูงเทาใดโอกาสเกิดสิวจาก สเตีย รอยดกย็ ่งิ สงู ขน้ึ เปน เงาตามตวั 9. ประจําเดือน พบวาผูหญิงมากกวา 2 ใน 3 มีสิวกําเริบข้ึนในชวงกอนมีประจําเดือน จงึ เชือ่ วาเกดิ จากระดับฮอรโมนเอสโตรเจนลดลงกอ นหนา มีประจาํ เดือน รวมไปกับการท่ีมีระดับ ฮอรโมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้นฮอรโมนโปรเจสเตอโรนนี้มีคุณสมบัติของฮอรโมนแอนโดรเจนรวม ดวย จงึ สามารถเพิม่ การผลิตซีบุม ตามปกติแลวฮอรโมนเอสโตรเจนมีฤทธิ์ตานฮอรโมนโปรเจส เตอโรนอยู สิวจึงไมเกิดข้ึน แตในชวงกอนมีประจําเดือนระดับฮอรโมนเอสโตรเจนลดลง ทําให โปรเจนเตอโรนออกฤทธไ์ิ ดเต็มทีท่ าํ ใหส ิวกําเรบิ ข้ึน นอกจากนนั้ พบวา ชวงกอนมปี ระจําเดือนจะ มนี ้ําคัง่ ในรา งกายมากวาปกติ ทําใหเ ซลผิวหนงั ที่รูขุมขนบวมโตอุดตันทอทางเดินของตอมไขมัน กอ ใหเกดิ สิวไดเ ชนกนั
9 10. วัยหมดประจําเดือน ในชวงระยะหมดประจําเดือน รังไขลดการทํางานลง ระดับ ฮอรโมนเอสโตรเจน ซึ่งสรางจากรังไขและมีฤทธิ์ปองกันการเกิดสิวก็จะลดลงดวย ในขณะที่ ฮอรโ มนแอนโดรเจนที่กอใหเ กิดสวิ ซึง่ สรางจากตอมหมวกไต ยงั คงมกี ารผลติ ตามปกติ จงึ พบวา หญงิ วัยหมดประจาํ เดือนก็มสี วิ ไดเชน กนั 11. การตง้ั ครรภ ผลของการตั้งครรภก อ ใหเ กิดสิวนน้ั ไมแ นน อน ในหญงิ ตงั้ ครรภบ าง รายสวิ จะดีขน้ึ แตในบางรายสิวจะกาํ เริบขึน้ ทั้งนเ้ี ช่ือวา เพราะระดบั ฮอรโ มนเอสโตรเจนและ โปรเจสเตอโรนเปลย่ี นแปลงไมแ นนอนขน้ึ ๆ ลงๆ ระหวา งการตัง้ ครรภ (กนกกร สนุ ทรขจติ 2545 : 137-140) ลกั ษณะทางคลินกิ สวิ บนใบหนามีหลายรูปแบบ การแบงแยกลักษณะตางๆ ของสิวเพ่ือบอกความรุนแรง ของสวิ เพ่อื การรักษาและติดตามผลการรกั ษา โดยทั่วไปสวิ แบงออกเปน 2 กลมุ ใหญๆ คอื • สิวไมอ กั เสบ (Non-inflammatory acne) แบง ออกเปน 2 ชนดิ คอื ก) สวิ หัวปด /สวิ หวั ขาว (Closed or White Head Comedones) ซึ่งเห็นเปน ตมุ นนู ขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 1-3 มิลลิเมตร สีเดียวกับผิวหนัง ทอเปดของตอมไขมันท่ีตุม เหลา นแี้ ทบจะมองไมเห็นดวยตาเปลา และรอยละ 75 ของสิวชนดิ นจ้ี ะกลายเปน สวิ อักเสบ ข) สิวหัวเปด/สิวหัวดํา (Open or Black Head Comedones) เปนตุมนูน ขนาด เสนผานศูนยกลางประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มีจุดดําอยูตรงกลาง ซ่ึงเกิดจากการขยายตัวของ ทอไขมัน และมีสารสีดาํ อดุ แนน อยภู ายใน สารน้นั ประกอบดวยไขมัน เคอราติน และ P. Acnes • สิวอกั เสบ (Inflammatory Acne) แบง ออกเปน 4 ชนดิ คอื ก) Papules เปนตุมนูนแดงแข็ง มีขนาดแตกตางกันออกไป รอยละ 50 ของสิว ชนิดน้เี กดิ จากสวิ ท่ีมองไมเ ห็นดวยตาเปลา (Micro Comedones) รอยละ 25 เกิดจากสิวหัวเปด อกี รอ ยละ 25 เกิดจากสวิ หัวปด ข) Pustules (สิวหนองชนิดต้ืนหรือลึก) ซ่ึงมีไดหลายขนาด สิวหนองชนิดต้ืนมัก หายไดเ รว็ กวาสิวชนดิ Papules สวนสวิ หนองชนดิ ลึกจะมอี าการเจบ็ รว มดวยและพบในผูที่เปน สิวรุนแรง ค) Nodules สิวอักเสบแดงเปน ตมุ นนู ขนาดเสน ผานศูนยกลางตั้งแต 8 มิลลิเมตร ขนึ้ ไป สิวชนิดน้เี มอ่ื หายไปอาจเกดิ แผลเปนตามมาได
10 ง) Cyst สวิ ขนาดใหญเปนถุงใตผิวหนัง ภายในมีหนอง หรือสารเหลวๆ คลายเนย หายแลวมักมีแผลเปนหลงเหลืออยู สิวชนิดน้ีพบไดไมคอยบอยนัก (กนกกร สุนทรขจิต 2545 : 146-147) รอยโรคทห่ี ลงเหลือจากการเปน สวิ นอกจากสิวทปี่ รากฏบนใบหนา แลวอาจมีรอ งรอยอนื่ ๆ ทหี่ ลงเหลือของสิวใหเ หน็ เปน รอยแดง รอยดํา รอยบุม หรอื รอยนนู ปรากฏใหเ หน็ ดวย เชน 1. รอยสนี าํ้ ตาลดาํ (Post Inflammatory Pigmentation) พบไดบอ ยในคนผิวคลา้ํ และปรากฏใหเ หน็ นานหลายเดือนกวาจะจางไป 2. รอยแผลเปน ชนดิ นนู (Hypertrophic Scar / Keloid) 3. รอยแผลเปน ชนดิ บมุ (Ice-pick Scar / Depressed Fibrotic Scar) รอยแผลเปน 2 ชนดิ หลังนมี้ กั พบในผูทเี่ ปนสิวรนุ แรง โดยรอยแผลเปน ชนดิ นนู พบได บอยที่บรเิ วณมมุ ของกรามลา งและท่ีลําตัวชวงบน (กนกกร สุนทรขจติ 2545 : 146-147) การรกั ษารอยแผลเปนรอยบุมตางๆ ในปจ จุบัน … 1. การแตมดวยกรดออนๆ ทรี่ อยบุม คอื กรดไตรคลอโรอะซติ กิ (Trichloroacetic Acid) หรือท่เี รียกกนั ท่วั ไปวา TCA วิธีนี้แตม ทุก 1-2 สปั ดาห แผลเปน จะตนื้ ขนึ้ เรอ่ื ยๆ มกั เหน็ ผลใน เวลา 5-6 เดอื น ท่สี ําคญั ตอ งทาํ โดยแพทยเ ทาน้นั เนอ่ื งจากกรดนมี้ อี นั ตรายถา ใชผ ิดวิธี 2. การฉดี ดวยสารบางชนดิ เขา ไปใตผ ิวหนงั เพ่อื เติมใหร อยบมุ นนั้ รอยบมุ นน้ั เต็มขน้ึ มา.. ไดแ ก คอลลาเจนของลกู ววั ทที่ าํ ใหบ ริสทุ ธแ์ิ ลวซ่งึ ตอ งฉดี ซ้ําเปน ระยะเพ่อื ใหรอยแผลเปนนน้ั เตม็ อยูตลอดเวลา วิธนี เี้ หมาะกบั แผลเปนทน่ี มุ ดงึ เหยียดออกไดง าย ขอบแผลลาดเอียงไมมาก สาร ชนิดอนื่ ท่ีใชไดแก เจลาตนิ (Gelatin Matrix) ซงึ่ มขี อ ดกี วาคอลลาเจนคือ ผลอยไู ดนานกวา (ประมาณ 2 ป) และผลขา งเคยี งนอยกวา 3. วธิ ีอืน่ ๆ ไดแ ก การขดั ผิวหนงั (Dermabrasion) โดยการใชเคร่อื งมอื ชนิดพิเศษขดั ... ผวิ หนงั ชนั้ บนๆ ออกไป อาจทาํ ใหแผลเปน ทตี่ นื้ ๆ หายไปได และรอยแผลที่ลึกน้นั ตนื้ ขึ้น ดู สวยงามขึ้นได แตว ิธนี ้ีเหมาะกบั รอยแผลเปนทมี่ ีฐานกวา งมีความลกึ เทา ๆ กันและทาํ โดยแพทย ผูเ ช่ียวชาญเทา นนั้ การรักษารอยแผลเปนชนดิ นนู หรือคีลอยด (Keloid) อาจใชยาสเตยี รอยด (Steroid) ท่ี มฤี ทธส์ิ งู แลว ปด ดวยพลาสติกหรือฉีดเขา ไปในรอยนนู โดยตรงโดยฉดี ทกุ 2 สปั ดาห (สุปราณี ธรณนิธิกุล 2536 : 78)…...
11 ระดบั ความรนุ แรงของสิว - เล็กนอย (Mild) มีหัวสวิ ไมอ กั เสบเปนสว นใหญจาํ นวนไมม าก หรือมสี ิวอกั เสบขนาด เล็กรว มดว ยจาํ นวนนอ ย - ปานกลาง (Moderate) มี Papule และ Pustule ขนาดเลก็ จํานวนมาก มี Nodule จาํ นวนนอย - รนุ แรง (Severe) มี Papule และ Pustule มากมายมี Nodule หรือ Cyst เปน จํานวน มาก หรือมี Nodule อกั เสบอยูนานและกลบั เปนซา้ํ หรือมหี นองไหล มี Sinus Tract หรอื หาย แลว เกดิ แผลเปน การตรวจทางหอ งปฏบิ ัตกิ าร โดยทวั่ ไปไมจ าํ เปนตอ งทาํ ยกเวน ในรายทส่ี งสยั วา จะเปน - Endocrine Acne เชน ผูหญงิ ทข่ี นดกดํา อว น ประจาํ เดอื นผดิ ปกตเิ ปนประจาํ เสยี ง หาว ศีรษะลา นแบบผชู าย ควรปรึกษาผูเชย่ี วชาญทางนรีเวชและตอ มไรทอดว ย - Gram Negative Folliculitis โดยทาํ Bacterial Culture - Pityrosporum หรอื Bacterial Folliculitis โดยทาํ Pus Smear and Stain ดวย Gram หรอื Methylene Blue - โรคอนื่ ท่ีคลา ยสวิ อาจตองทาํ Biopsy (เพ็ญวดี ทมิ พัฒนพงศและคณะ 2543 : 90) แนวทางการดแู ลรักษาสวิ เนือ่ งจากการรักษาสวิ น้ัน ยงั ไมม ยี าชนดิ ใดท่ีสามารถทําหนาท่ีใหสมบูรณคือท้ังปองกัน การอักเสบของตอมไขมันท่ีอุดตันอยู และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถขจัดการอุดตันไดอีกดวย ท่ีเปนเชนนี้ก็เพราะยังไมมียาใดท่ีสามารถทําใหตอมไขมันหยุดทํางานไดในทันที และยังไมมียา ใดทใ่ี ชแลว สิ่งอุดตันหลุดไดในทันทีเชนกัน ฉะน้ันระหวางที่รอใหสิ่งอุดตันหลุดออกจากทอตอม ไขมันจนหมดนั้น ก็จะยังมีโอกาสใหเกิดอักเสบอยูไดทุกขณะ ดังน้ันเพื่อใหการรักษาที่สมบูรณ จึงแบง การรักษาออกเปน 3 แบบ และทาํ ไปพรอมๆ กันเพ่อื ใหสิวดีขนึ้ ดงั นี้คือ 1. รกั ษาสวิ ท่ไี มมีการอักเสบ 2. รกั ษาสวิ อักเสบ 3. การปอ งกนั การเกิดสวิ (พชิ ติ สุวรรณประกร 2528 : 169)
12 การรกั ษาโรคตามความรนุ แรงของสวิ แบบมาตรฐาน หลักในการรกั ษาสิว (เพญ็ วดี ทมิ พัฒนพงศแ ละคณะ 2543 : 89-92)....…………. ...................1.1 ใหทราบถึงลักษณะและความรุนแรงของสิว ตลอดจนสาเหตุประกอบตางๆ ท่ี อาจทําใหอ าการของสิวดขี น้ึ หรอื เลวลง เปนการรักษาทางจิตใจใหผูปวย เพื่อใหผูปวยเกิดความ มั่นใจและลดความวิตกกังวลจากความเขาใจและการรับรูผิดๆ ถูกๆ จากเพื่อนฝูงหรือคํา โฆษณาตางๆ เชน เชอ่ื วา สวิ เกิดจากความสกปรกหรืออาหารบางอยางเปนตัวกระตุน ความเช่ือ น้ยี ังไมม หี ลกั ฐานสนับสนนุ ทางการแพทย 1.2 ใหความม่ันใจวาสิวที่หนาจะดีข้ึนได โดยท่ัวไปถาไดรับการรักษาท่ีถูกตอง เหมาะสม สิวจะเร่ิมดีขึ้นในเวลาประมาณ 2-3 เดือน และจะดีข้ึนมากในเวลา 4-8 เดือน และ หลงั จากน้นั อาจตองใชย าคมุ โรคไวเปน ระยะเวลาหนึ่งจนกวาจะพนวัยที่เปนสิว และท่ีสําคัญคือ ผูปวยตองเชื่อฟงและปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทยอยางเครงครัด ท้ังในดานการรับประทาน ยาและการใชยาทา ■ Mild Acne ใชเฉพาะยาทา ออกฤทธิท์ ี่สําคัญ คือ ฤทธกิ์ าํ จัดหวั สวิ ฤทธิต์ า นเช้ือแบคทเี รียและลดการอักเสบ ………… ยาตา นเชอ้ื แบคทเี รยี ไดแ ก................................................................................. 1. Benzoyl Peroxide ซึ่งออกฤทธฆ์ิ า เชื้อ P. Acnes และลดปริมาณกรดไขมันอิสระอกี ท้ังชวยลดขนาดและจํานวนของ Comedones รวมท้ังรอยสิวท่ีอักเสบลงไดดวย ดังนั้นยาน้ี ไดผลดีท้ังสิวอักเสบและไมอักเสบ Benzoyl Peroxide อาจจะทําให ผิวหนังเกิดอาการระคาย แหง ลอก และอาการผน่ื แพจ ากการสมั ผัสได แนะนําใหใชยาเพียง 5-10 นาที วันละ 2 คร้ัง แลว ลางยาออกดวยน้ําเปลา เม่ือเร่ิมคุนกับการใชยาจึงเพ่ิมเวลาในการทายาใหนานข้ึน ผลิตภัณฑ Benzoyl Peroxide มีหลายรูปแบบในความเขมขน 2.5%, 5% และ 10% ในรูปของ Gel และ Lotion ซึ่งโดยทั่วไปเชื่อวาผลิตภัณฑของยาในชนิด Gel ออกฤทธ์ิดีกวา Lotion และตัวยาใน ความเขมขน 2.5% ไดผลในการรักษาพอๆ กับ 5% และ 10% อีกท้ังยังกอใหเกิดอาการระคาย ผิวนอยกวา ดวย (สชุ าดา นลิ กาํ แหง 2549) 2. Antibiotics ชนิดทาเฉพาะที่ ออกฤทธ์ิเปน Bacteriostatic และออกฤทธิ์ลดการอัก เสบ ยากลมุ น้ีจะไดผลดีกับรอยโรคชนิดอักเสบ คือ ตุมนูนแดงแข็ง (Papule) และสิวหนองชนิด ตื้นหรือลึก (Pustules) แตรอยโรคแบบ Comedones และสิวขนาดใหญ เปนถุงใตผิวหนัง ภายในมีหนองหรือสารเหลวๆ คลายเนย (Cyst) อาจจะไมเปลี่ยนแปลง ยา Clindamycin และ Erythromycin ใชทาไดสะดวก และผลท่ีไดใ กลเ คียงกัน รองลงมาคือ Tetracycline ยากลุมน้ีถา
13 ใชตอไปนานๆ จะมีเช้ือโรคซ่ึงด้ือตอยา ยาทาตานเชื้อแบคทีเรียทุกชนิดใชทาวันละ 2 ครั้ง Topical Antibiotic ทใ่ี ชท ารักษาสวิ ไดแ ก. ................................................……………. 2.1 Clindamycin Phosphate ความเขมขน 1% ใน Hydroalcoholic Vehicle หรือ ใน Gel ยาทาประกอบดวย Clindamycin Phosphate 10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ใน 50% Isopropyl Alcohol และ Propylene Glycol Solution หรืออาจจะใชตัวยาใน Gel (สุชาดา นิล กําแหง 2549) …………………………………………………….. 2.2 Erythromycin Base Solution ความเขมขนตางๆ กัน ตั้งแต 1.5-2% ยาทา ประกอบดวย Erythromycin Base ใน Propylene Glycol และ Alcohol Solution (สุชาดา นิล กําแหง 2549)……………………………………………………….. 2.3 Tetracycline HCl Solution ประกอบดวย Tetracycline HCl 2.2 มิลลิกรัม/ มิลลิลิตร ใน 40% Ethanol Solution หลังการทา Tetracycline HCl แลว 1 ชั่วโมงจะทําให ผิวหนังเปน สเี หลอื งอยชู ัว่ คราว อาจจะลา งออกไดโดยไมท าํ ใหผ ลของยาลดลง หมายเหตุ ไมควรใช Clindamycin หรือ Erythromycin ทาอยางเดียว เพราะมีความ เส่ียงตอการเกิดเชือ้ ดื้อยาควรใชร วมกบั Benzoyl peroxide (สชุ าดา นิลกําแหง 2549) 3. Tretinoin (Trans-Retinoic Acid; Vitamin A Acid) ผลิตภัณฑยามีในรูป Cream, Lotion และ Gel ความเขมขนของยา 0.1%, 0.05% Cream หรือ 0.05% Liquid, 0.01%, 0.025% Gel Tretinoin เปนยาที่ออกฤทธ์ิเปนยาที่กําจัดหัวสิว (Comedolytic Agent) ที่ดีท่ีสุด ชวยยับย้ังการเกิด Comedones ขึ้นใหม และทําให Comedones ซึ่งเกิดขึ้นแลวหลวมตัวหลุด ออกไปงายขึ้น Tretinoin ไมเพียงแตทําใหมีการเปล่ียนแปลงในแบบแผนของการสราง Keratin ภายในขุมขนเทานั้น ยังสามารถลดจํานวนช้ัน Stratum Corneum ท่ีปกติดวย ดังนั้นการ ทายา Tretinoin จึงชวยใหยาตัวอื่นผานผิวหนังไดดีขึ้นดวย Tretinoin เหมาะท่ีจะใชทาเพื่อ รักษาสิวหัวดําและสิวหัวขาว (Comedones Acne) อาจจะใชยานี้เพียงอยางเดียว หรือจะใช รว มกบั Benzoyl Peroxide Gel หรอื ยาทาตานเชื้อแบคทเี รียชนิดอ่ืนๆ ดว ยก็ได ขอแนะนาํ ในการใช Tretinoin ทารักษาสิว มีดังน้ี 1. การทายาอาจจะทําใหห นาแดงและลอกบาง ซึ่งเปนผลของการรักษาแตจะตองระวัง ไมใหแดงและลอกมากเกินไป................................................................................. 2. ผูปวยที่มีผิวสีออนและเกิดอาการระคายเคืองไดงายควรใชยาในรูปของครีมโดย เริ่มตนท่ีความเขมขนต่ํากอน คือใชครีม 0.05% หรือถาจะใช Gel ก็ใหใช 0.01% คนที่มีผิวคลํ้า หรือทนตอยาไดดี ก็อาจจะใชครีม 0.1% Gel หรือยาน้ํา 0.025%………………….
14 3. ยาทาชนิดอื่นๆ ควรจะหยุดหมดทุกอยางกอนเร่ิมตนการรักษาดวย Retinoic Acid ควรลางหนาดวยสบูอ อน ฟอกสบแู ควันละ 2 ครัง้ ................ ………………………. 4. ผูท่ีใชยา Retinoic Acid จะทนตอแสงแดดไดไมดีนัก และยาอาจจะระคายผิวได จึง ควรทายาเพียงวันละ 1 คร้ังกอนนอน ทายาบางๆ ทั่วใบหนา ยกเวนรอบตาและริมฝปาก ควร ทาบนผิวหนังท่ีแหงสนิทดีแลวประมาณ 1 ชั่วโมงกอนนอน ควรทายาภายหลังลางหนาแลว อยางนอยที่สุด 15 นาที……………………………………………….. 5. เล่ียงการถูกแสงแดดแรงกลา อาจจะทายากันแดดชวยในตอนกลางวัน………... 6. ผิวหนังจะแดงและลอกบางภายใน 1 สัปดาห จะเปนอยูประมาณ 3-4 สัปดาห และ ภายใน 2-4 สปั ดาหแ รกอาจจะรูสึกวา สวิ เหอมากข้ึน เนือ่ งจากหัวสิวกาํ ลังจะโผลมาสผู วิ นอก ไม ตองกังวล…………………………………………………………... 7. กวาหัวสิวจะหลุดหมดตองใชเวลาประมาณ 3 เดือน จะดวนตัดสินผลการรักษากอน 8 สัปดาหไมได………………………………………………………. 8. ถาจะใชเครื่องสําอางควรเปนชนิด Water-Based Cosmetic ชนิดท่ีไมเปนมัน ลาง นํา้ ออกไดงา ย และไมพอกจนหนา…………………………………………. 9. ถาผูปวยไมสามารถทนที่จะใชครีมท่ี ความเขมขน 0.05% หรือ Gel 0.01% ทุกๆ วัน ได ก็ใหเ วน การทาลงบา ง เชน ทาคนื เวน คืน หรือทาคนื เวน 2 คืน 10. เม่ือรอยโรคหายไปหมดแลว ควรจะตองทายาน้ีตอ ไปอีก การใช Tretinoin รวมกับยาตานเช้ือแบคทีเรีย..................................................................... การทา Tretinoin เพื่อจุดประสงคในการปองกันและกําจัด Comedones สวนการทา Benzoyl Peroxide และ Antibiotics ตางๆ เพื่อกําจัดเชื้อ P. Acnes และลดการอักเสบ นอกจากนั้น Tretinoin ยังชวยใหการดูดซึมของยาทาชนิดอื่นดีขึ้นดวย มีขอแนะนําไดกลาวบาง ในตอนตนคือ 1. ใหทา Tretinoin Cream ตอนกลางคืน …………………………………....... 2. ทา Benzoyl Peroxide Gel หรือทา Antibiotics อื่นๆ ชนิดใดชนิดหนึ่งในตอนเชา 3. เมอื่ รอยสิวหมดไปแลว ใหทายาตอไป โดยลดความเขมขนของยา และลดความบอย ในการทายาลง….………………………………………………………………... 4. ยา Tretinoin และ Benzoyl Peroxide หามทาในเวลาเดียวกัน ท้ังนี้เพราะการผสม Tretinoin ซ่ึงเปนสารไมอิ่มตัวอยางมากกับ Benzoyl Peroxide ซ่ึงเปน Reactive Oxidants จะ ทําใหยาทัง้ สองชนดิ ตา งถูกทาํ ลาย…………………………………………………...
15 5. ยาทาท่ที าํ ใหผ ิวหนงั แหง, ลอก และสบูลางหนา ผูปวยสิวท่ีหนาเปนมันมาก การลาง หนาฟอกสบูจะชวยชะลางความมันบนผิวหนาออกไปไดช่ัวคราว จะเปนประโยชนบางเสริมกับ การรักษาดวยยา ทั้งนจ้ี ะตอ งไมลางฟอกมากหรือบอ ยเกินไป (สชุ าดา นลิ กาํ แหง 2549)……... ■ Moderate Acne ใชย าทา (ดงั กลาวแลวใน Mild Acne) รวมกับยารับประทาน ยารบั ประทาน ...................................................................................................... ผูปวยซึ่งเปนสิวชนิดที่รุนแรงขึ้น มี Papule (หัวสิวที่อักเสบ มีลักษณะเปนตุมแข็งสี แดง), Pustule (หัวสิวท่ีเปนหนองชนิดต้ืนและลึก), Cyst และแผลเปน นอกจากจะใชยาทา ดังกลาวแลว ควรใหยารับประทาน เชน Antibiotics รวมดวย การรักษาดวย Antibiotic จะยัง ประเมินผลของการรักษาไมไดจนกวาใหการรักษาไปแลวนาน 6-8 สัปดาห และมักจะตองให ตอ ไปอีกนานหลายเดือน หรือเปนป 1. ยาตานเชื้อแบคทเี รยี มหี ลายชนิดทสี่ ามารถเลือกนํามาใชร กั ษาสิวไดไ ดแก 1.1 Tetracycline เปน ยาตานเช้ือแบคทีเรียตัวแรกท่ีควรจะเลือกใชรักษาสิวดวย เหตุผลหลายประการคือ เปนยาที่ราคาถูก ผลขางเคียงนอยและ ผูปวยสามารถทนยาไดดีถา ตองใชเปนเวลานาน ผลขางเคียงที่พบบอย คือ อาการระคายทางเดินอาหารบางเล็กนอยและ เกิด Candida Vaginitis ถาเด็กหรือหญิงมีครรภรับประทานยาน้ี จะทําใหฟนของเด็กมี Enamel Hyperplasia และทําใหฟนเปลี่ยนสี เด็กที่อายุ 12 ปขึ้นไป ฟนแทขึ้นแลวก็รับประทาน ยาได Tetracycline จะทําปฏิกิริยากับ Metallic Iions คือ AL3+, Mg2+ และ Ca2+ ซึ่งมีอยูใน ยาตา นกรดในกระเพาะอาหาร (Antacid) และในอาหารประเภทผลิตภัณฑนมทุกชนิด ดังนั้นจึง ตองไมรับประทานยา Tetracycline พรอมกับยาและอาหารประเภทดังกลาว ขนาดของยา Tetracycline ในระยะแรกให 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หรือ 500 มิลลิกรัม วันละ 2 คร้ัง ควร รับประทานยาเวลาทองวางคือกอนอาหารครึ่งช่ัวโมงหรือหลังอาหาร 2 ช่ัวโมง รับประทานยา จนกระทั่งสิวทุเลาข้ึนชัดเจน จึงลดขนาดยาลงเหลือวันละ 250-500 มิลลิกรัม (สุชาดา นิลกํา แหง 2549) 1.2 Erythromycin เปนยาตานเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ 2 ที่จะเลือกนํามาใชรักษาสิว โดยเฉพาะในเด็กท่ีอายุตํ่ากวา 12 ป เริ่มยาในขนาดวันละ 1 กรัม เมื่อโรคทุเลาจึงลดขนาดลง เชน เดียวกับ Tetracycline (สชุ าดา นิลกาํ แหง 2549)………...………………………… ■ Severe Acne ควรปรกึ ษาแพทยผ ูเชย่ี วชาญโรค
16 ทางเลอื กอ่นื สําหรบั การรกั ษา 1. Alternative Treatment ใชใ นรายท่ใี ชยามาตรฐานแลวไมไ ดผ ลซึ่งควรพิจารณาเม่อื รกั ษาผปู ว ยตดิ ตอ กนั ไปแลว 4-6 สัปดาหข ้ึนไปหรือเมือ่ ผปู ว ยเกิดการแพย ามาตรฐาน 1.1 ยาทา ไดแ ก : Synthetic Retinoid มฤี ทธิใ์ นการละลาย comedone - 0.1% Adapalene ใชไดดีกับสิวชนิด Comedone ท้ัง Open และ Close และสวิ อกั เสบ ใชท าท่วั หนา กอนนอน ยานี้ไมม ผี ลทาํ ใหผ วิ ไวตอ แสงแดด - 0.05% Isotretinoin ใชไดผลสําหรับ Mild และ Moderate Acne ทั้งชนิด Comedone และสิวอักเสบ ใชทาทั่วหนากอนนอน...................................................... : 20% Azelaic Acid เปนยารักษาสิวท่ีออกฤทธ์ิตานเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ เชื้อ P. Acnes และ S. Epidermidis อีกท้ังยังลด Keratohyalin Granules และตานการสราง Keratin จงึ มผี ลยับยั้งการเกดิ Comedo นอกจากน้ี Azelaic Acid ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบแต ไมมีผลตออัตราการหล่ัง Sebum ผลของการรักษาใกลเคียงกับ Benzoyl Peroxide และ Retinoic Acid ในระยะแรกยานี้ใชเปนยาทารักษาฝา โดยอาศัยฤทธิ์ที่เปน Competitive Inhibitors ของ Tyrosinase พบวาเมื่อใชยาน้ีทารักษาฝา โรคสิวก็ทุเลาข้ึนดวย และผลดีในการ รักษาสิวก็มีรายงานยืนยัน ผลขางเคียงของยาพบไดบาง เชน อาการแสบ คัน แตผูปวยสวน ใหญท นได อาจจะใช 20% Azelaic Acid ครีมอยา งเดยี วทาเพอ่ื รกั ษาสิวชนดิ ทไี่ มรนุ แรงนกั ทา ผิวหนังวันละ 2 ครั้ง อาจจะใชรวมกันกับยารับประทาน เชน Antibiotics หรือ Antiandrogens (สชุ าดา นลิ กําแหง 2549) 1.2 ยารบั ประทาน ไดแ ก : ยาปฏชิ ีวนะ ไดแ ก - Trimethoprim-Sulfamethoxazole (160+800 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง) ใชในรายท่ีเปน Gram Negative folliculitis การรักษาจะเห็นผลตองใชเวลาประมาณ 4-6 สปั ดาห ............................................................................................................................. - Doxycycline 100-200 มิลลิกรัม/วัน เปนระยะเวลา 6 เดือน ผลขางเคียง คลนื่ ไส, อาเจยี น, ถายเหลว, อาหารไมยอ ย, ปวดแสบทอ ง - Minocycline เปนยาตานเช้ือแบคทีเรียท่ีมีประโยชนมากในการรักษาสิว ยา ละลายไดดมี ากในไขมนั และผานเขา ไปใน Sebaceous Follicle ไดอยางมปี ระสทิ ธิภาพ ในราย
17 ที่ผลของการรักษาไมดีดวยการรับประทาน Tetracycline ก็ยังไดผลดีตอการรักษาดวย Minocycline ผลขางเคยี ง อาจจะมีอาการวิงเวียน คล่นื ไส อาเจียน ถาไดรับยาขนาดสูงในระยะ แรกเร่ิมของการรักษา ขนาดของยาในระยะแรกให 50 มิลลิกรัม/วัน แลวคอยๆ เพ่ิมข้ึนชาๆ ขนาดสูงสุดอาจจะถึง 100 มิลลิกรัม วันละ 2 คร้ัง ในรายที่การตอบสนองตอยา Tetracycline และ Erythromycin ไมดีเทา ทค่ี วรกเ็ ปลีย่ นมาใช Minocycline ผลจะดีข้ึน - Clindamycin เปนยาท่ีไดผลดีมากในการรักษาสิว แตเนื่องจากเส่ียงตอการ เกิด Pseudomembranous Colitis ทําใหมีขอจํากัดในการใช อาจจะเลือกใชยานี้ไดในรายท่ี เปนสวิ อยา งรุนแรงและรกั ษาไมไดผ ลดีดว ยวธิ ีอ่ืนๆ ขนาดของยาที่ใชคือ 300-450 มิลลิกรัม/วัน : ยาประเภทฮอรโมน ไดแก Low Dose Estrogen Plus Cyproterone Acetate ใชไดเฉพาะผูปวยหญิง หรือรักษาดวยวิธีมาตรฐานแลวไมไดผล ฮอรโมน Cyproterone Acetate ยาตัวนี้ออกฤทธ์ิเปนตัวตาน Androgen คุณสมบัติของยานี้คือลดขนาดและการหลั่ง ไขมันของตอมไขมัน โดยเฉพาะผูหญิงที่มีสิวสัมพันธกับการมีประจําเดือนหรือในผูหญิงที่ไม ตอบสนองตอการรักษาสิว ดวยยาปฏิชีวนะทั่วๆ ไปท่ีกลาวไปแลวยาท่ีมีขายในทองตลาดในรูป ของยาเม็ดคุมกําเนิดที่มีสวนผสมของ Cyproterone Acetate 2 มิลลิกรัมและ Ethinyl Estradiol 0.05 มิลลิกรัม ยา 1 แผงประกอบดวยยา 21 เม็ด เร่ิมรับประทานยาเม็ดแรกในวัน แรกที่มีประจําเดือน เร่ิมเห็นผลเมื่อใชยาไปนาน 3-4 เดือน ควรใชยานาน 6-12 เดือน โดยใช ควบคูไปกับยาทารักษาสิว ผลของการรักษาใกลเคียงกับการใช Tetracycline 1 กรัม/วัน ผลขา งเคียงคลา ยคลงึ กับยาคุมกําเนดิ ทว่ั ๆ ไป คือ คล่ืนไส อาเจียน น้าํ หนักตัวเพ่ิม ประจําเดือน ผิดปกติ และเปนฝา ไมควรใชยานี้ในผูชาย, เด็ก, ผูหญิงอายุตํ่ากวา 16 ป หรือผูหญิงอายุมาก มปี ระวัติสูบบุหรีจ่ ดั มี varicose vein สาเหตุทีไ่ มใชย าน้ใี นเพศชาย มดี ังนี้ …… 1. ความสูงท่ีกําลังเพิ่มข้ึนจะหยุดชะงัก เพราะฮอรโมนเพศชายชวยใหกระดูกทอนยาว ยดื ตวั ออกไป เมอื่ ถูกรบกวนดวยฮอรโมนเพศหญงิ ความสงู กห็ ยดุ 2. เสียงจะไมเปลี่ยน ฮอรโมนเพศชายทาํ ใหกลองเสยี งโตข้ึน ผูชายจะมีลูกกระเดือก ทํา ใหมเี สยี งหา ว ถา กินยาคุม เสยี งกจ็ ะแหลมเล็ก 3. กลา มเนื้อไมเ จรญิ เติบโต เพราะฮอรโมนเพศชายทําใหกลามเน้อื ใหญข ้นึ 4. เตานมใหญข้นึ ดว ยฤทธิข์ องฮอรโมนเพศหญิง 5. ทําใหอัณฑะฝอเห่ียว อวัยวะเพศซ่ึงจะเพ่ิมขนาดในวัยรุนดวยก็จะไมเพ่ิมขนาด (บรรจบ ชณุ หสวัสดกิ ุล 2543 : 28-29)……….
18 1.3 การรักษาตอไปนี้ควรใชโดยผูเชี่ยวชาญ................................................. ก. ยาพวก Retinoid ไดแก 13-Cis-Retinoic Acid ใชเฉพาะในสิวอักเสบ รุนแรง (Nodulo-Cystic Acne) ต้ังแตสิวหัวชางข้ึนไปหรือในรายท่ีใชวิธีอ่ืนๆ แลวไมไดผล ใน รายสิวท่ีกอใหเกิดความนาเกลียดหรือความเครียดแกผูปวย Isotretinoin เปนอนุพันธของกรด วิตามินเอ ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ทําใหตอมไขมันมีขนาดเล็กลง การหล่ังไขมันลดลงชวยใหการ สรางเคอราตินของทอตอมไขมันกลับเขาสภาพปกติ ลดการอักเสบของสิวและลดปริมาณ P. Acnes ดวย ขนาดท่ีใชคือ 20-30 มิลลิกรัม/วัน ใหนานติดตอกัน 16-20 สัปดาห จะเริ่มเห็นผล เมื่อเวลาผานไป 3-4 สัปดาห ในผูปวยบางรายมีสิวเหอมากขึ้นในชวง 2-4 สัปดาหแรกแตไม จําเปนตองหยุดรับประทานยาฬไมควรใชรวมกับยาปฏิชีวนะกลุม Tetracycline เนื่องจากอาจ ทําใหเกิดภาวะ Pseudotumor Cerebri ผลขางเคียงท่ีพบบอยคือ Cheilitis, Xerosis, Conjunctivitis การเปลี่ยนแปลงของระดับโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด และ SGOT สูงขึ้น ผลขางเคียงท่ีสําคัญ คือ Teratogenic Effect พบไดถึงรอยละ 30 ในหญิงมีครรภขณะ รบั ประทานยาตวั นี้ ฉะนั้นควรหยุดยาอยา งนอ ย 2 เดือนกอ นตงั้ ครรภ ข. ยา Spironolactone ออกฤทธ์ิตาน Androgen ลด Testosterone และ Dehydroepian-drosterone ซึง่ ทําใหข นาดของตอมไขมันและปริมาณของไขมนั ลดลงดวย ยานี้ ใชในผูหญิงที่ไมสามารถใชยา Cyproterone Acetate ได ไมควรใชยาตัวนี้ในผูชาย เนื่องจาก ทําใหเกิดภาวะ Libido และหนาอกโตข้ึนได ขนาดที่ใชคือ 100-200 มิลลิกรัม รับประทานยา นาน 6-12 เดือน โดยใชรวมกับยาทารักษาสิว (สุชาดา นิลกําแหง 2549)……………… ค. Systemic Corticosteroid ใหในราย Severe Nodular Acne ใหขนาดตํ่าๆ (ไมเกิน 15 มิลลิกรัม/วัน) ในระยะเวลาไมเกิน 1 เดือน………………………….. ง. การฉีดสเตียรอยดใตหัวสิว (Intralesional Steroid) ใช Triamcinolone Acetate (TA) ความเขมขน 2.5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ในปริมาณ 0.1-0.25 มิลลิลิตร ฉีดเขาท่ีถุง สิวดวยความระมัดระวัง การฉีดสเตียรอยดจะทําใหการอักเสบของสิวลดลงอยางรวดเร็ว ขอพึง ระวัง คือ การฉีดยาลึกเกินไปหรือปริมาณยามากเกินไป ทําใหผิวหนังบริเวณน้ันเกิด Atrophy หรือ Purpura ข้ึนได Glucocorticosteroid มีคุณสมบัติทั้งตานการอักเสบ และตานแอนโดร เจนใชในขนาดต่ํา คือ 5-15 มิลลิกรัมตอวันแลวคอยๆ ลดขนาดลงใชไดผลในรายที่เปนสิวเปน ถุง (Cystic Acne) ประมาณรอยละ 80 แตตอ งเลอื กผูป วยท่ีจะทําใหและระวังอาการขางเคียงที่ ไมพ งึ ประสงค เชน ถา ฉีดมากเกิด Atrophy ยาฉีดสเตียรอยด มี Crystal (0.5 มิลลิเมตร) ฉีดเขา ไปเกิดอันตราย โดยเฉพาะบริเวณจมูก เขา Vein ไป Block Retinal Vessel เกิดอุดตันเสนเลือด
19 ซึ่งไปเลี้ยงท่ีตาได ไมควรใชเปนประจํา โดยให Triamcinolone Acetate (TA) ในขนาด 0.05- 0.25 มิลลิลิตร ฉีดเขาท่ีถุงสิวดวยความระมัดระวัง ถายังไมยุบฉีดซํ้าไดอีกทุก 2-3 สัปดาห Triamcinolone Acetate (TA) มี 2 ขนาด คือ 10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร และ 40 มิลลิกรัม/ มิลลิลติ ร Dose : 10-20 มลิ ลิกรัม/คร้ัง วธิ ฉี ีด - วางเขม็ เกอื บนอน Skin Crease ----------------คลาํ - ไมตอ งดึง Skin ใหต งึ มาก ถา ขาวขน้ึ มา (Blanching) กพ็ อแลว เปน ตวั บอกวาตนื้ พอเพียง - ฉดี เพยี ง 1-2 ครง้ั ก็พอ (กนกกร สนุ ทรขจติ 2545 : 152) 2. การรักษาโดยวิธที างกายภาพ 2.1 การใชความเย็น (Liquid Nitrogen) ใชไมพันสําลีจุมใน Liquid Nitrogen และแตะท่ีสิวอักเสบท่ีเปนซีสต 2 ครั้ง ครั้งละ 20 วินาที แตละครั้งหางกันนาน 2 นาที จุดประสงคเพื่อชวยลดการอักเสบ และความเย็นจะทําใหผนังของซีสตถูกทําลายไป ทําให ผวิ หนงั ลอก และสิวดีขึน้ ตอ งระวังอยาจี้นานเกนิ ไปจะทาํ ใหเ กิดแผลเปนได (สชุ าดา นลิ กาํ แหง 2549) 2.2 การกดสิว (Comedone Extraction) ใชรักษาสิวที่ไมอักเสบท้ังชนิดหัวดําและ หวั ขาวเพอื่ ชวยใหก ารกดสวิ เปน ไปไดง า ยข้ึน การกดสวิ ตองทาํ ใหถูกหลกั วิธีและสะอาด มิฉะนั้น จะทําใหหัวสวิ ทีอ่ ดุ ตนั อยูหลดุ ลงไปในชน้ั หนงั แท และทําใหเกิดการอักเสบมากกวาเดิม (สุชาดา นิลกําแหง 2549) เปนการขจัด Comedone โดยการกดออก เพื่อเปนการชวยการรักษาใหดีขึ้น และหายเร็วข้ึนดวย การทํา Extraction น้ันตองอาศัยเครื่องมือที่ดีและวิธีการกดที่ถูกตอง พรอมท้ังสถานท่ีทําใหการทํา Extraction เห็นชัดและถนัด เพื่อจะใหผิวหนังชอกช้ํานอย หลักการคือพยายามให Pressure จาก Sebum ในตอม ดันให Keratinous plug ที่อุดทอตอม ไขมันอยูใหหลุดโดยไมทําใหมีการ Rupture ของ Comedone ซึ่งจะทําใหเกิดการอักเสบข้ึน รายละเอียดในการทําคอื เลอื ก Comedone ชนิดท่ไี มมี Sign ของการอกั เสบเลย ใชมือซาย (มอื ทไี่ มถนดั ) ดงึ หนงั บรเิ วณขา งๆ ใหตงึ จับ Extractor ในมือท่ถี นดั วาง Extractor ลงโดยพยายาม ใหปลายอยูในแนวที่เดียวกับ Keratinous Plug ท่ีอุดทออยู ระดับของ Extractor ทํามุมกับหนา คนไขประมาณ 20 องศา และใหขอบในวางอยูพอดีกับ Base ของ Comedonal Papule แลว คอยๆ กดโดยใชกําลังจากน้ิวหัวแมมือเทาน้ัน อยาใชกําลังจากขอมือกดจนท้ัง Plug และ
20 Sebum ออกมาหมดหรือจนเทาท่ีนิ้วจะมีแรง ถากดแลวไมออกไมควรกดซํ้าอีกเพราะจะช้ํา ถา ทําจนชํานาญก็พอจะสังเกตไดวาเม็ดใดจะหลุดงายหรือยาก ควรเลือกอันที่หลุดงายกอน การทายาพวก Comedolytic แลวสักระยะหน่ึงจะทําให Comedone หลุดงายขึ้น เม็ดใดที่คิด วาจะหลุดยากควรใชเข็มเบอร 23 สะกิดหรือแทงไปตามทางของ Keratinous plug โดยไมให เกิดแผลก็จะชวยใหการทํางายและชอกช้ํานอย ขอควรระวัง คือไมทํา Comedone Extraction ในเม็ดสิวท่ีกําลังอักเสบ หรือเม็ดอักเสบที่ยุบแลว แตยังมีอาการแดงหรือช้ําอยู และไมควรเจาะ หนองหรือผา Cyst เพราะจะมีโอกาสทําใหเกิด Scar แบบ Pitted หรือ Hypertrophic หรือ Keloid ได (พิชติ สวุ รรณประกร 2528 : 176-178) 2.3 การรักษาโดยใชแสงเลเซอร วิธีการน้ีเปนวิธีการใหม อาศัยเทคโนโลยี ช้ันสูง โดยการใชแสงท่ีมีชวงคล่ืนจําเพาะไปควบคุมทําลายตอมไขมัน วิธีการรักษาสิวโดย เลเซอรนี้จะมีผลเฉพาะผิวหนังบริเวณที่ทําการรักษาไดผลดี จุดประสงคของการใชแสงเพ่ือท่ีจะ ลดการใชยาและผลขางเคียงตางๆ แตขอเสียคือเทคโนโลยีราคาแพง ตองอาศัยประสบการณ จากแพทยส งู ทาํ ใหคาใชจ า ยสงู ขนึ้ ตามตวั (วิสิฏฐ ศรีสนิท 2549) การติดตามผล.......... ....... ............................................................................. 1. นัดผูปวยมาตรวจซํ้าครั้งแรกใน 1-4 สัปดาห เพื่อสอบถามถึงวิธีการใชยา และ ผลขางเคียง........................................................................................................ 2. ตอไปอาจนัดผูปวยทุก 1-3 เดือน เพ่ือปรับขนาดยา.................................... 3. ดูผลการรักษา หลังรักษาอยางตอเนื่องกันแลวอยางนอย 4 ถึง 6 สัปดาหข้ึนไป ถา ไมไ ดผ ลหรือเลวลง จึงจะพิจารณาเปลย่ี นยา......................................................................... 4. หลังจากสิวยุบหมดแลว ควรใหผปู ว ยใชย าทาคมุ ไวจ นกวาจะพนวยั ทีเ่ ปนสิว ขอแนะนาํ สําหรบั ผูเปนโรคสิว มีดงั นี้ 1. การลางหนา ควรลางดวย Cleanser หรือสบูออนๆ ที่เหมาะสม วันละ 2 คร้ัง ไดแก Cleanser ทร่ี ะบวุ า ไมทําใหเกิดคอมิโดน \"Non-Comedogenic\" ซ่งึ ประกอบดวย สารเคมีที่ออน ไมระคายเคืองหรอื รบกวนผวิ ซ่ึงทําใหเกดิ คอมีโดนหรอื สิวอุดตัน หรือเลือกสบูออนที่ใชสารเคมีท่ี ผา นการทดสอบแลว วา ไมก อ ใหเ กิดสิว และไมค วรถหู นา แรง เพราะทําใหเ กดิ การระคายเคือง 2. ไมค วรใชเ คร่อื งสําอางทีม่ ผี ลตอการทํางานของผิวหนังและตอมไขมัน เชน ครีมบํารุง ผิว ครีมนวดหนา ครีมแกรอยเห่ียวยนที่มีสเตียรอยดผสมอยู ถาจําเปนตองใชควรเลือกครีมหรือ สารที่ใหความชุมช้ืนซึ่งมีสวนประกอบเปนสารเคมี ที่ไมกอใหเกิดสิว โดยทั่วไปชุดเมคอัพ เชน ลิปสตกิ , แปง , บรชั ออน, มาสคารา , อายแชโดวและชดุ รองพน้ื จะไมก อ ใหเกดิ สวิ
21 3. อยา บบี หรอื แกะสวิ เพราะทาํ ใหเ กิดการอกั เสบมากขึน้ และทาํ ใหเกิดแผลเปนได 4. การใชย ารักษาสวิ ตอ งระวังยาที่โฆษณาวารักษาไดทั้งสิวและฝา เพราะยาพวกน้ีมัก ผสมสเตียรอยด ซ่ึงมีคุณสมบัติทําใหสิวอักเสบยุบเร็ว แตมีภาวะแทรกซอนมากมาย โดยมีการ กระตนุ ใหเกดิ สวิ อุดตนั ขนึ้ มาใหมมากกวาเดิม ทําใหสิวไมห ายขาด 5. ถามีสิวอักเสบมาก ตองกินยาปฏิชีวนะท่ีเหมาะสม กินยาใหครบและสมํ่าเสมอ หรือ อาจจาํ เปนตอ งไดร ับยาในกลมุ กรดวิตามินเอ ซงึ่ ตอ งส่ังจายโดยแพทยผิวหนังเทาน้ัน ยาตัวนี้ถา รับประทานระหวางต้งั ครรภจ ะทําใหทารกพกิ าร 6. หลกี เล่ียง การนวดหนา ขดั หนา ถูหนา พอกหนา 7. หากกําลังตั้งครรภ หรือกําลังวางแผนจะตั้งครรภ ตองแจงใหแพทยทราบ เพราะยา รักษาสิว ท้ังยาทาและยารับประทาน มีบางชนิดที่ไมควรใชในขณะตั้งครรภ บางชนิดเปนยา ตอ งหามในหญิงตง้ั ครรภ 8. การรักษาสิวควรรักษาแตระยะเร่ิมแรกจะไดผลดี และหายไดเร็วกวารักษาเม่ือสิว รุนแรงแลว ถาปลอ ยใหมีการอกั เสบมากอาจเปน สาเหตขุ องแผลเปนสิวท้ิงรอยโรคไวภายหลังได (ประวิตร พศิ าลบุตร 2549) แหลงขอ มลู ขาวสาร แหลงส่ือถายทอดขอมูลขา วสารมีจากหลายแหลง ทสี่ าํ คัญไดแก • ส่ือสารมวลชน ไดแก โทรทศั น วทิ ยุ และหนงั สอื พมิ พร ายวนั • สือ่ ส่ิงตพี มิ พ ไดแ ก หนงั สอื ตาํ รา วารสาร จลุ สาร นิตยสาร แผนพบั ใบปลิว • สื่อเทคโนโลยแี ละอิเลก็ ทรอนกิ ส ไดแก ภาพยนตร เทปบนั ทกึ เสียง เทปบันทกึ แผนภาพ แผน CD แผน VCD และอนิ เตอรเ นท็ เปนตน • สื่อบคุ คล ไดแ ก บคุ คลใกลช ิดในครอบครัว ญาติ เพอื่ น ผูนาํ ชมุ ชนท้ังท่ีเปน ทางการและไมเปนทางการ รวมทง้ั เจา หนา ทข่ี องรฐั และหนว ยงานเอกชน (บุญธรรม กจิ ปรีดา บริสทุ ธิ์ 2549 : 162-163)
22 แหลง ท่ขี ายหรอื กระจายผลติ ภณั ฑร ักษาสิว เน่ืองจากผลิตภัณฑรักษาสิวจะมีทั้งที่เปนยาซ่ึงจะวางจําหนายในรานขายยาไดเทาน้ัน และอีกสวนหนึ่งเปนเคร่ืองสําอางซ่ึงเปนผลิตภัณฑที่สามารถวางจําหนายไดทั่วไป และระบบ การกระจายผลติ ภัณฑหรอื เรียกงายๆ วา การขายนนั้ สามารถขายไดท ุกรปู แบบการขาย และทุก แหงโดยไมมีขอจํากัด ตัวอยางเชน แผงลอย รานชํา รานคา รานยา รานเสริมสวย สถานเสริม ความงาม หางสรรพสินคาหรือการขายตรง ปญหาที่พบซึ่งอาจสงผลใหเกิดอาการขางเคียงตอ ผูใชผลิตภณั ฑจ ะแตกตางกนั ไป ดงั นี้ - แผงลอยท้งั ในตลาดและในหางสรรพสนิ คา พบวามีการขายเคร่ืองสําอางผิดกฎหมาย มากท่ีสุด มีทั้งขายเครื่องสําอางท่ีมีสารหามใช และเคร่ืองสําอางท่ีมีฉลากไมถูกตอง มี ผลิตภัณฑจากคลินิกวางขาย ผลิตภัณฑที่เสื่อมคุณภาพ ผลิตภัณฑปลอมลอกเลียนแบบ และ เม่ือพบปญ หาก็จะติดตามตรวจสอบไดยาก - รานชําและรานยา พบวามีปญหาคลายๆ กัน คือจําหนายเคร่ืองสําอางที่มีฉลากไม ถูกตอง และมกี ารจาํ หนายผลิตภัณฑแสดงสรรพคณุ ก่งึ ยากง่ึ เคร่อื งสําอาง - รานเสริมสวยหรือสถานเสริมความงาม พบวามีปญหาผิดกฎหมายมาก มีการจํา หนายเคร่ืองสําอางท่ีมีสารหามใช เครื่องสําอางท่ีมีฉลากไมถูกตอง จําหนายผลิตภัณฑจาก คลินิก และการแนะนําขอมูลผลิตภัณฑมีการแนะนําแบบผิดๆ มักโฆษณาโออวดสรรพคุณเกิน ความจริง - หางสรรพสินคา พบปญหาวาเคานเตอรเครื่องสําอางใหขอมูลผูบริโภคเกินความจริง และมีการจาํ หนา ยเครอ่ื งสําอางนาํ เขา จากตา งประเทศ ไมม ีฉลากภาษาไทยหรือแสดงขอความ ไมครบ โดยเฉพาะไมมีวนั เดือน ป ทีผ่ ลติ - การขายตรง พบวามีปญหาเร่ืองการใหขอมูลผลิตภัณฑมักโออวดสรรพคุณ บางคร้ัง ไมมีฉลากภาษาไทย หรือมีขอความฉลากภาษาไทยไมครบ ราคาของผลิตภัณฑมักตั้งราคาสูง กวาความเปนจริงมาก และเม่ือพบปญหาก็จะติดตามตรวจสอบไดยาก (พรพิมล ขัตตินานนท และ พรพรรณ สุนทรธรรม 2540 : 93-94) หลัก 9 ประการ กอ นตัดสนิ ใจซอื้ เครอ่ื งสาํ อาง 1. ซ้ือตรงตามจุดมุงหมาย 2. ใชตามความจาํ เปน 3. อา นฉลากภาษาไทยกอนซือ้ 4. เหมาะกับผใู ชท ้ังวัยและสภาพผิว
23 5. เหมาะกบั ฐานะ 6. ไมหลงเช่อื โฆษณา 7. พิจารณาลกั ษณะเครอื่ งสาํ อางและภาชนะบรรจุ 8. ซือ้ จากแหลงนา เชื่อถอื สามารถยอนกลับไปสอบถามไดเมือ่ มีปญ หา 9. เม่อื พบปญหารอ งเรยี นหนว ยงานรฐั การกํากับดูแลผลิตภัณฑเคร่ืองสําอางทุกประเภททุกชนิดท่ีจําหนายในประเทศไทย บริหารจัดการโดยสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย) กระทรวงสาธารณสุข ภายใต พระราชบัญญัติเคร่ืองสําอาง พ.ศ. 2535 ซึ่งแบงประเภทเคร่ืองสําอางออกเปน 3 ประเภท ตาม ความเสย่ี งในดานความปลอดภยั คอื 1. เคร่ืองสําอางควบคุมพิเศษ กลุมน้ีมีโอกาสกอใหเกิดอันตรายไดมากท่ีสุด จึงไดรับ การกาํ กับดแู ลเขม งวดมากท่ีสุด ท่ีฉลากผลิตภัณฑตองแสดงเลขทะเบียนเครื่องสําอาง ตัวอยาง ไดแก ยาสีฟน น้ํายาบวนปาก นา้ํ ยาดดั ผม ยดื ผม ยอ มผม ฟอกสผี ม เปน ตน 2. เคร่ืองสําอางควบคุม เปนผลิตภัณฑที่มีโอกาสกอใหเกิดอันตรายไดบางแตนอยกวา กลุมแรก ฉลากตองแสดงขอความ “เครื่องสําอางควบคุม” ตัวอยางไดแก ผาอนามัย ผาเย็น แปง ฝุนโรยตวั แปงน้าํ เครือ่ งสาํ อางขจดั รังแค เคร่อื งสาํ อางปอ งกันแดด 3. เคร่ืองสําอางท่ัวไป กลุมนี้โอกาสเกิดอันตรายนอยกวา 2 กลุมแรก ไดแก ผลิตภัณฑ ทกุ ชนิดท่ีไมไ ดรวมอยใู นสองกลุมแรก ขอ สงั เกตสําหรับผบู ริโภค ขอสงั เกตเบอ้ื งตน วา เคร่ืองสําอางประเภททจ่ี ะเลอื กซอื้ วาปลอดภัยหรือไม คอื 1. สงั เกตจากฉลากภาษาไทย ซ่งึ ตองมีในทุกผลิตภณั ฑต ามท่ีกฎหมายกําหนดโดยตอง มีขอ มลู ครบถวน ของช่ือ-ทอี่ ยขู องบรษิ ทั ผูผลิต กรณีนาํ เขา จากตา งประเทศ ตองแจงวาผลิตโดย บริษัทใด พรอมท่ีอยูและประเทศผูผลิต พรอมวัน-เดือน-ปท่ีผลิตสินคา และแสดงองคประกอบ ทางเคมี หากไมม ขี อ มูลดงั กลา วถือวาเปน เครอื่ งสาํ อางที่ผิดกฎหมาย 2. แหลงจําหนาย ตอ งมหี ลักแหลงทีเ่ ชอื่ ถือได 3. ลกั ษณะการขาย ควรมีใบเสร็จระบชุ ่ือรา นคาผูจําหนา ย ชื่อสินคาทจ่ี ําหนาย 4. การโฆษณา การโออวดเกินจริงคลายสรรพคุณทางยา ถือวาเปนการโฆษณาท่ีไม ถูกตอง (พิมลพรรณ พทิ ยานกุ ูล 2545 : 49)
24 งานวิจยั ทีเ่ ก่ียวขอ ง การศกึ ษาวิจัยของวลีลักษณ พริ้งพัฒนพงษ เพ่ือศึกษาปจจัยท่ีมีผลตอการเกิดอาการ ขางเคียงจากการใชผลิตภัณฑรักษาสิวในวัยรุน จังหวัดนครปฐม โดยกลุมตัวอยางท่ีศึกษามี อายุระหวาง 13-19 ป และใชผลิตภัณฑรักษาสิวในรอบ 1 ป ท่ีผานมา จากการสุมตัวอยาง จํานวน 303 คน โดยออกเก็บขอมูลระหวางเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม พ.ศ. 2545 โดยการใช แบบสอบถาม พบวาผลิตภัณฑรักษาสิวที่กลุมตัวอยางนิยมใชมากท่ีสุด คือ Ponds Cream และ KA Cream สารสําคัญในผลิตภัณฑเหลานี้ สวนใหญออกฤทธิ์เปน Emollient คือทําใหผิว นุม เชน วิตามิน E และออกฤทธิ์เปนสารระงับเช้ือ เชน Tricosan กลุมตัวอยางนิยมซื้อผลิต ภัณฑจากรานคามากที่สุด ในเร่ืองการแสดงขอความบนฉลากผลิตภัณฑรักษาสิวเปนไปตาม กฎหมายกําหนด 4 ขอแรก ไดแก ชื่อผลิตภัณฑ ประเภทหรือชนิดของผลิตภัณฑ ชื่อสวน ประกอบหรือสาระสาํ คญั และคําแนะนําหรอื คาํ เตอื นหรือวิธีใช เรื่องการรับรูกลุมตัวอยาง มีการ รับรูถูกตองมากท่ีสุดในเรื่องการแสดงชื่อผลิตภัณฑและคําแนะนําหรือคําเตือนหรือวิธีใช ใน ดานพฤติกรรมผลิตภัณฑรักษาสิว พบวากลุมตัวอยางสวนใหญใชผลิตภัณฑรักษาสิวเฉพาะ บริเวณใบหนา กลุมตัวอยางสวนใหญมีระดับคะแนนพฤติกรรมการเปนระดับสูง คือมีคา มากกวาคาเฉล่ีย ในดานอัตราการเกิดอาการขางเคียง พบวากลุมตัวอยางเกิดอาการขางเคียง จากการใชผ ลิตภณั ฑรักษาสิวอยางนอ ย 1 อาการ ท่ีพบมากทีส่ ุดคือ ผิวแหงลอกเปน ขุย ในดา น ปจจัยท่ีมีความสัมพันธกับการเกิดอาการขางเคียงจากการใชผลิตภัณฑรักษาสิว พบวาระดับ การศึกษา ประวัติการแพยา สารสําคัญและรายละเอียดที่มีในฉลากผลิตภัณฑรักษาสิวและ พฤติกรรมการใชผลิตภัณฑรักษาสิวในเรื่องบริเวณของรางกายที่ใชผลิตภัณฑรักษาสิวมี ความสัมพันธกับการเกิดอาการขางเคียงจากการใชผลิตภัณฑรักษาสิว (p-value<0.05) (วลี ลกั ษณ พร้ิงพฒั นพงษ 2545 : 39-75) การศึกษาวิจัยของ พรศรี แหยมอุบล เพื่อศึกษาระดับความรูเก่ียวกับสุขภาพ ความคิด เก่ียวกับการมีสุขภาพดี การจูงใจจากสังคมในการดูแลสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ตนเองของนักเรียน กลุมตัวอยางท่ีใชในการวิจัยไดแก นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน เขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ในป พ.ศ. 2547 จํานวน 378 คน โดยการใชแบบสอบถาม พบวานักเรียนมีระดับความรูเก่ียวกับสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองอยูในระดับ ปานกลาง สวนความคิดเก่ียวกับการมีสุขภาพดีและการจูงใจจากสังคมในการดูแลสุขภาพอยู ในระดบั มาก นกั เรียนที่มีลักษณะการอยูอาศัยแตกตา งกนั มพี ฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองไม
25 แตกตางกัน สวนนักเรียนที่มีเพศและภาวะสุขภาพในปจจุบันแตกตางกันมีพฤติกรรมการดูแล สุขภาพตนเองแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 ความคิดเกี่ยวกับการมี สุขภาพดีและการจูงใจจากสังคมในการดูแลสุขภาพสามารถรวมทํานายพฤติกรรมการดูแล สุขภาพตนเองของนักเรียนได รอยละ 22.6 อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 (พรศรี แหยมอบุ ล 2547 : 52-60) การศึกษาวจิ ัยของบุปผา ศริ ริ ศั มี เพอื่ ศึกษาระดับความรูและลักษณะพฤติกรรมการใช ยาปฏิชีวนะ ตลอดจนปจจัยท่ีมีอิทธิพลตอระดับความรูและลักษณะพฤติกรรมการใชยา ปฏชิ วี นะของประชาชนในจังหวัดนครปฐม ทําการศึกษาในกลุมตัวอยางท่ีมีอายุต้ังแต 16 ปข้ึน ไปท่ีเคยใชยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานในการรักษาตนเองหรือบุคคลในครอบครัวในรอบ 1 ปท่ี ผานมา โดยสุมตัวอยางในเขตเมืองและเขตชนบท ชวงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2538 จํานวน 543 ตัวอยาง พบวากลุมตัวอยางสวนใหญมีความรูเก่ียวกับยาปฏิชีวนะในระดับปานกลางหรือตํ่า ในเรื่องอันตรายของยาปฏิชีวนะ การทิ้งชวงระหวางการรับประทานยาปฏิชีวนะกับมื้ออาหาร การดื้อยา และวิธีการผสมยาปฏชิ ีวนะชนิดผงบรรจุขวดสาํ หรับเด็ก สาํ หรับพฤตกิ รรมการใชยา ปฏิชีวนะกลุมตัวอยางสวนใหญมีพฤติกรรมการใชยาปฏิชีวนะท่ีถูกตองอยูในระดับปานกลาง หรือตํ่า ในเร่ืองการใชยาปฏิชีวนะที่ยังไมถูกตองในเรื่องการใชยาปฏิชีวนะโดยไมมีขอบงช้ีที่ จําเปน ซ้ือยาปฏชิ ีวนะจากรานขายของชําในหมูบานหรือเอายาเกาไปเทียบ การใชยาปฏิชีวนะ ชนิดผงบรรจุขวดสําหรับเด็ก การท้ิงชวงระหวางการรับประทานยาปฏิชีวนะกับม้ืออาหารนอย ไป การรับประทานยาปฏิชีวนะไมครบขนาด การเก็บรักษายาปฏิชีวนะไมถูกตอง ขาดการ สังเกตยาหมดอายุ และการปฏิบัติเม่ือแพยาปฏิชีวนะท่ีไมถูกตอง การศึกษาปจจัยที่มีอิทธิพล ตอความรูเก่ียวกับยาปฏิชีวนะพบวา ปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูเก่ียวกับยาปฏิชีวนะไดแก การศึกษา รายไดเฉลี่ยของครอบครัว และอายุ สวนผลการวิเคราะหปจจัยที่มีอิทธิพลตอ พฤติกรรมในการใชยาปฏิชีวนะพบวา ปจจัยท่ีมีอิทธิพลตอพฤติกรรมการใชยาปฏิชีวนะไดแก การไดรับคําแนะนําในการใชยาปฏิชีวนะจากแหลงท่ีไดรับคร้ังสุดทาย, ความรูเก่ียวกับยา ปฏิชวี นะ, การศกึ ษา และสถานภาพสมรส (บปุ ผา ศริ ิรัศมี 2540 : 25-62)… การศึกษาวิจัยของวีรศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ และ อนุเทพ ขวัญเลิศมงคล เพ่ือศึกษา พฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑดานสาธารณสุขของประชาชน ในเขตสาธารณสุขท่ี 3 ภายใต การดําเนินงานของกลุมงานคุมครองผูบริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุข จังหวดั ในเขตสาธารณสุขท่ี 3 ชวงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2539 จํานวน 1,075 ตัวอยาง จาก 5 จังหวัด ในเขตสาธารณสุขท่ี 3 คือ จังหวัดระยอง ชลบุรี ปราจีนบุรี ตราดและสระแกว พบวา ภาพรวมในการคุมครองผูบริโภคประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคที่เหมาะสม แตเมื่อพิจารณา
26 พฤติกรรมที่ไมเหมาะสมโดยจําแนกตามปจจัยที่ศึกษา พบวาเปนประชากรในกลุมที่มีสถานะ ดังน้ีคือ มีอาชีพหลักเปนเกษตรกร มีการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีรายไดครอบครัวตอ เดือนตํ่า ที่มีอยูอาศัยในเขตชนบท สวนการรับรูขอมูลขาวสารเก่ียวกับการคุมครองผูบริโภค พบวา ส่ือโทรทัศนเ ปนส่อื ท่ีใหขอ มลู ขาวสารแกประชาชนมากท่ีสุด (วีรศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ และ อนเุ ทพ ขวญั เลศิ มงคล 2540 :17-54) การศึกษาวิจยั ของสมชาติ วศิ ษิ ฐชัยชาญ เพอื่ ศกึ ษาถงึ ทัศนคติเกี่ยวกับการดูแลใบหนา ของผูหญิงวัยทํางาน โดยทําการสํารวจในผูหญิง จํานวน 200 คน อายุระหวาง 25-35 ป ประกอบดวย แมบาน ขาราชการ พนักงานบริษัท และประกอบธุรกิจสวนตัว ผานทาง DDB Insights Springboard ซ่ึงเปนเครื่องมือการศึกษาเบื้องลึกของผูบริโภคที่สามารถทําใหเขาใจ เก่ียวกับความตองการของผูบริโภคและสังคมแวดลอม โดยผสมผสานวิธีการวิจัยผูบริโภคแบบ ดั้งเดิมและแบบใหม พบวาผูหญิงไทยในปจจุบันกวาครึ่ง (รอยละ 53) มีความพึงพอใจใน ผิวหนาตนเอง ปญหาของผิวหนาท่ีสรางความกังวลใจไดแก สิว (รอยละ 37) ร้ิวรอย (รอยละ 30) ฝา-กระ (รอยละ 33) โดยผูหญิงสวนหนึ่งเลือกไปพบแพทยผูเชี่ยวชาญดานความงามเพ่ือ ขอคําปรึกษาในเร่ืองการดูแลผิวพรรณอยางถูกวิธี จากการสัมภาษณแพทยผูเชี่ยวชาญดาน ความงาม พบวาลูกคาผูหญิงสวนใหญท่ีเขามาปรึกษาสามารถแบงไดเปน 3 กลุมหลักคือ กลุม ที่ตองการรักษาสิว-ฝา-กระ กลุมที่ตองการบํารุงผิวหนา เชน ใบหนาหมองคล้ํา มีริ้วรอย และ กลุมที่ตองการชะลอความแก เชน ลดรอยเหี่ยวยน จุดประสงคหลักที่คลายกันของทั้ง 3 กลุม คือการมีใบหนาที่เกล้ียงผองใส สวย ไรริ้วรอย โดยกลุมนักศึกษาและคนวัยทํางานตองการเนน เร่ืองทําใหหนาใสและผิวเนียน สวนในผูหญิงวัยกลางคนจะเนนในเร่ืองชะลอความแก (หนงั สือพิมพกรุงเทพธุรกิจ : 32)
27 บทท่ี 3 วธิ ีดําเนินการวิจัย การศึกษาวิจัยเรื่องปจจัยที่มีผลตอความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี ในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐมเปนการวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research) เพ่ือศึกษา ความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐมและ เพ่ือศึกษาปจจัยที่มีผลกระทบตอความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขต อาํ เภอเมือง จงั หวดั นครปฐม ดาํ เนนิ การวิจยั โดยใชระเบยี บวธิ ีการวิจัย ดังน้ี • ประชากรและกลมุ ตวั อยา ง • ตวั แปรทศ่ี ึกษา • เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ นการวิจยั • การสรา งและพัฒนาเครื่องมือ • การเกบ็ รวบรวมขอมลู • การวเิ คราะหขอ มลู ประชากรและกลมุ ตัวอยาง............................................................................................... 1. ประชากรท่ีใชในการศึกษาวิจัยครั้งน้ี ไดแก นักศึกษาระดับปริญญาตรี ของ สถาบันการศึกษาในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคปลายป การศึกษา 2549 ประกอบดวย นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร จํานวน 8,160 คน (กองบริการ การศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร ธ.ค. 49) นักศึกษามหาวิทยาลัยคริสเตียน จํานวน 1,643 คน (สํานักบริการการศึกษามหาวิทยาลัยคริสเตียน ธ.ค. 49) และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม จํานวน 9,267 คน (กองนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ธ.ค. 49) รวมทง้ั สนิ้ มนี ักศกึ ษาท้งั หมด 19,070 คน 2. การคํานวนขนาดกลุมตัวอยางเนื่องจากทราบจํานวนประชากรทั้งหมดการคํานวน ขนาดกลุมตัวอยางจึงนํามาคํานวนโดยสูตร Taro Yamanae (Taro Yamanae 1973 : 1088, อางถึง บญุ ใจ ศรสี ถิตยนรากรู 2537 :195) ระดบั ความเชือ่ มัน่ 95%, หรอื ความคลาดเคลอ่ื นที่
28 ยอมรับได 0.05 เนื่องจากการกําหนดประเด็นปญหาไมมีความรุนแรงหรือเกี่ยวของกับชีวิต มนษุ ย (บญุ ใจ ศรสี ถิตยนรากรู 2537 : 176) โดยใชสูตร n= N 1+ Ne2 n = ขนาดของกลมุ ตัวอยา ง N = จาํ นวนประชากรทงั้ หมด e = ความคลาดเคลอื่ นที่จะยอมรบั ได 0.05 หรือ รอ ยละ 5 (α=0.05) = 19,070 1+(19,027*0.05*0.05) = 19,070 1+47.68 = 19,070 48.68 = 392 จากน้ันใชว ธิ สี มุ เลอื กขนาดตวั อยางแตละมหาวิทยาลยั ประกอบดว ย มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, มหาวทิ ยาลยั คริสเตียน, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยใชส ตู ร ni = Ni x n N ni = ขนาดตวั อยา งแตละมหาวทิ ยาลัย Ni = จาํ นวนนกั ศึกษาของแตละมหาวทิ ยาลยั N = จาํ นวนนักศกึ ษารวม 3 มหาวทิ ยาลยั n = 392 คน (ขนาดตวั อยางรวม 3 มหาวทิ ยาลัย) ไดข นาดตวั อยา งของแตล ะมหาวทิ ยาลยั ดงั นี้ จาํ นวน 167 คน มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร จํานวน 34 คน มหาวิทยาลยั คริสเตยี น จํานวน 191 คน มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม
29 แตในการเกบ็ แบบสอบถามอาจไดแบบสอบถามท่ไี มส มบูรณก ลับมา ดงั นน้ั เพอื่ ชดเชยกรณแี บบสอบถามทไี่ มสมบรู ณ จึงเพมิ่ ขนาดตวั อยา งรอยละ 10 ของขนาดกลุม ตัวอยางของแตละมหาวทิ ยาลยั ไดข นาดตวั อยา งของแตล ะมหาวทิ ยาลยั ดงั น้ี มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร จํานวน 184 คน มหาวทิ ยาลยั คริสเตยี น จาํ นวน 37 คน มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม จาํ นวน 210 คน รวมทง้ั สนิ้ 431 คน การเลือกกลุมตัวอยางเพื่อเก็บขอมูลไมไดอาศัยความนาจะเปน (Non Probability) โดยใชวิธีเลือกตัวอยางแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) และเก็บตามจํานวนโควตาท่ีคิด ตามสดั สวนทค่ี าํ นวนจากจํานวนนักศกึ ษาแตละคณะและแตละสถาบนั เครอ่ื งมอื ท่ใี ชในการเก็บรวบรวมขอ มลู เคร่อื งมือทใี่ ชในการศกึ ษาวจิ ัยคร้ังนี้เปน แบบสอบถามทผี่ ูวิจยั ไดส รา งและพฒั นา เคร่ืองมือข้ึนเอง แบบสอบถามแบง ออกเปน 2 สว น สว นที่ 1 เปน แบบสอบถามเกี่ยวกับขอ มลู ทัว่ ไปไดแก เพศ, อาย,ุ คณะวิชา, สถาบนั การศกึ ษา, รายได, ความรนุ แรงของสวิ , ความกงั วลเร่อื งสวิ , แหลง ความรูใ นการรกั ษา สวิ สวนที่ 2 เปนแบบสอบถามเกย่ี วกับความรูในการรกั ษาสวิ ของนกั ศกึ ษาระดบั ปริญญา ตรี ในเขตอําเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม การพัฒนาเคร่ืองมือที่ใชใ นการวิจยั 1. ศึกษาทฤษฎี แนวคิด หลักการจากหนังสอื ตาํ รา เอกสาร วรรณกรรมและ งานวจิ ยั ตาง ๆ ทเี่ กย่ี วของเพอ่ื เปนแนวทางในการสรา งแบบสอบถาม 2. นาํ ขอ มูลท่ไี ดจ ากการศกึ ษามาประมวลเพื่อกาํ หนดเปนโครงสรา งของเครอื่ งมือและ ขอบเขตของเน้อื หา 3. สรา งแบบสอบถามตามขอบเขตของเนอ้ื หา ครอบคลมุ ตามวตั ถปุ ระสงคของการวจิ ยั และตามรายละเอียดตามนิยามศพั ทเฉพาะของตวั แปร 4. ปรึกษาอาจารยท ่ปี รกึ ษา เพื่อปรับปรงุ แกไ ขและตรวจสอบความสมบรู ณเปน ระยะ
30 การปรับปรงุ แบบสอบถามครั้งท่ี 1 จากการทบทวนแบบแบบสอบถามคร้ังที่ 1 พบจดุ บกพรองดังนี้ 1. ขอความในคาํ ถามเนอื้ หาซํา้ ซอน ไมชดั เจน กํากวม 2. มขี อความปฏิเสธในคาํ ถาม 3. ขอ คาํ ถามหลายขอ ใน 1 คําถาม 4. ขอคําถามมีลกั ษณะช้นี ําใหต อบวา ผถู ามตองการใหตอบอยางไร และไดด ําเนินการแกไขปรบั ปรงุ แบบสอบถามใหม ดงั น้ี 1. เขียนดวยภาษาหรือคําตอบท่ีผูตอบคําถามทุกคนเขาใจ เรียบเรียงขอความใหมี ความเฉพาะเจาะจง 2. หลกี เล่ียงขอคาํ ถามปฏิเสธ โดยเฉพาะคาํ ถามปฏิเสธซอ น 3. ปรับปรงุ ใหแตละขอ คําถามมีคาํ ถามเดียว 4. แกไ ขคาํ ถามทมี่ ีคําถามนาํ การปรบั ปรุงเพ่ือใหไดแบบสอบถามฉบบั สมบูรณ นําแบบสอบถามท่ีแกไขคร้ังท่ี 1 ไปทดลองใช (Try out) กับกลุมประชากรท่ีไมใชกลุม ตัวอยางที่จะศึกษาคนควาในครั้งนี้ จํานวน 20 คน โดยเก็บขอมูลในนักศึกษาท่ีกําลังศึกษาใน ระดับปริญญาตรีที่ไมใชกลุมตัวอยางของการศึกษาครั้งน้ีในเดือน ธ.ค. 49 ใชระยะเวลาในการ เก็บขอมูลประมาณ 1 สัปดาห พบวาผูตอบแบบสอบถามใหขอแนะนําเก่ียวกับขอความในขอ คําถามบางขอ ใหม ีความชัดเจน ถูกตอ ง ไมสับสนและสามารถตอบไดอยางรวดเร็วขึ้น ซึ่งผูวิจัย ดําเนินการแกไขแบบสอบถามแลว และนําไปใชเปนแบบสอบถามฉบับสมบูรณ (ภาคผนวก ก) โดยแบบสอบถามแบง ออกเปน 2 สวน ดังน้ี สวนที่ 1 เปนแบบสอบถามเกี่ยวกับขอมูลทั่วไปไดแก เพศ, อายุ, คณะวิชา, รายได, สถาบันการศกึ ษา, ความรุนแรงของสวิ , ความกงั วลเรื่องสิว, แหลง ความรใู นการรกั ษาสวิ สวนท่ี 2 เปนแบบสอบถามเก่ียวกับความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี ในเขตอําเภอเมือง จงั หวัดนครปฐม แบง เปน 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ขอคาํ ถามมลี กั ษณะเปนคําถามปลายปด มจี าํ นวน 30 ขอ ลกั ษณะคาํ ตอบ ในแตล ะขอมคี ําตอบใหเลอื ก 3 คาํ ตอบ คือ - ใช หมายถงึ ขอความในขอ คําถามนน้ั ถกู ตอง มคี วามรูในขอคาํ ถามนน้ั - ไมใช หมายถงึ ขอ ความในขอคาํ ถามนัน้ ไมถ กู ตอง ไมมีความรูในขอคําถามนน้ั
31 - ไมทราบ หมายถงึ ไมมคี วามรูในขอ คาํ ถามน้นั เกณฑก ารใหค ะแนน ๏ ตอบคาํ ถามถกู ตอง ให 1 คะแนน ๏ ตอบคําถามไมถูกตอ ง หรอื ไมท ราบ ให 0 คะแนน ความรูในการรักษาสวิ ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวัด นครปฐม แบง ออกเปน 3 ระดบั ดังนี้ - คะแนนตาํ่ กวา รอ ยละ 50 หมายถงึ มีความรูในการรกั ษาสวิ ระดบั ตา่ํ - คะแนนรอ ยละ 50 – 75 หมายถงึ มคี วามรูในการรกั ษาสวิ ระดบั ปานกลาง - คะแนนรอ ยละ 75 ขน้ึ ไป หมายถงึ มีความรูในการรักษาสวิ ระดบั สูง ตอนท่ี 2 ขอ คาํ ถามมีลกั ษณะเปนคําถามปลายปด มจี ํานวน 1 ขอ สอบถามเก่ียวกบั การใชยารักษาสวิ (ยารบั ประทาน, ยาทา,ผลติ ภณั ฑป องกนั การเกิดสิว) ของผูต อบ แบบสอบถามลักษณะคาํ ตอบมีคาํ ตอบใหเลือก 2 คําตอบ คือ ใช และไมใ ช ถา ตอบวา ใช มีขอ ยอ ย อกี 5 ขอ สอบถามเก่ียวกบั 1. แหลง ทซ่ี อ้ื ยารกั ษาสวิ (ยารับประทาน, ยาทา, ผลิตภณั ฑป องกนั การเกดิ สวิ ) 2. ระยะเวลาทีใ่ ช 3. ชื่อยารักษาสวิ 4. วธิ กี ารใชย ารกั ษาสวิ 5. ขอควรระวังของยารกั ษาสิว ขอ 3 – ขอ 5 เกณฑการใหค ะแนน ๏ ทราบ หมายถงึ มีความรูเ กย่ี วกับการใชย ารกั ษาสิว ๏ ไมท ราบ หมายถึง ไมม คี วามรเู กยี่ วกบั การใชยารกั ษาสิว การเก็บรวบรวมขอมูล………………………………………………………………………… การศึกษาวจิ ัยคร้งั น้ี ผูวจิ ยั ไดด าํ เนนิ การเก็บรวบรวมขอ มูลตามขั้นตอนดังนี้ 1. ผูวจิ ยั นําหนงั สือขอความอนุเคราะหใ นการเกบ็ รวบรวมขอมูลจากบณั ฑติ วทิ ยาลยั .... มหาวิทยาลัยศิลปากรสงถึงอธิการบดีของสถาบันการศึกษาของกลุมตัวอยางในอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ไดแก มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยคริสเตียน, มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม เพอ่ื ช้แี จงวตั ถปุ ระสงคใ นการทาํ วิจัยและขออนญุ าตเกบ็ รวบรวมขอ (ภาคผนวก ข) 2. หลังจากไดรับอนุญาตใหเก็บรวบรวมขอมูล ดําเนินการเก็บรวบรวมขอมูลกับกลุม
32 ตัวอยา งในอําเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ประกอบดวย มหาวิทยาลัยศิลปากร จํานวน 184 คน, มหาวิทยาลัยคริสเตียน จํานวน 37 คน, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จํานวน 210 คน รวม ท้ังส้ินจํานวน 431 คน โดยเก็บรวบรวมขอมูลในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ระยะเวลาที่ใชใน การเก็บรวบรวมขอ มลู ทงั้ ส้ิน 3 สปั ดาห 3. เม่ือไดรับแบบสอบถาม ผูวิจัยไดดําเนินการตรวจสอบความถูกตองสมบูรณของการ ตอบแบบสอบถาม 4. นําผลการตอบแบบสอบถามมาลงรหัส (Coding) ตรวจสอบผลการบันทกึ รหสั 5. นาํ ขอ มลู ทีไ่ ดบันทึกแลวไปประมวลผลเพอ่ื วเิ คราะหขอ มลู ตอไป การวิเคราะหข อมูล วิเคราะหข อ มลู โดยใชโ ปรแกรม SPSS Version 12 กําหนดระดับความมนี ยั สาํ คัญที่ 0.05 (α=0.05) ดังน้ี 1. ขอมลู ทวั่ ไปของกลมุ ตวั อยางไดแก เพศ, อาย,ุ สาขาวชิ า, สถาบนั การศกึ ษา, รายได, ความรุนแรงของสวิ , ความกงั วลเรือ่ งสวิ , แหลง ความรใู นการรักษาสวิ สถิติท่ใี ชในการวเิ คราะห คอื คา รอ ยละ, คาเฉล่ีย, คาสว นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2. ความรูในการรักษาสิว สถติ ิทีใ่ ชในการวิเคราะห คือ คา รอ ยละ, คาเฉล่ีย, คาสว น เบ่ียงเบนมาตรฐาน 3. วเิ คราะหห าปจ จยั ท่ีมผี ลตอความรูในการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ใน เขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ดวย การทดสอบคาทีชนิดท่ีเปนอิสระ (Independent t-test) ไดแก เพศ, อายุ, สาขาวิชาที่ศึกษา และการวิเคราะหความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) ไดแก สถาบันการศึกษา, รายได, ความรุนแรงของสิว, ความกังวลเรื่องสิว, แหลง ค ว า ม รู ใ น ก า ร รั ก ษ า สิ ว ………………………………………………………………………
33 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข อมูล การศกึ ษาวจิ ยั เรื่องปจ จยั ทมี่ ผี ลตอ ความรใู นการรักษาสวิ ของนกั ศึกษาระดับปริญญา ตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม มวี ัตถุประสงคเ พ่อื ศกึ ษาความรใู นการรักษาสิวของ นกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี ในเขตอําเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม และเพอื่ ศึกษาปจจยั ที่มีผลตอ ความรูในการรักษาสิวของนกั ศึกษาระดับปรญิ ญาตรใี นเขตอําเภอเมือง จงั หวัดนครปฐม โดย ดําเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอมลู กบั กลมุ ตัวอยางในเขตอาํ เภอเมือง จงั หวัดนครปฐม จาํ นวน 431 คน ผลการวจิ ยั แบงออกเปน 1. ขอ มลู ทั่วไปของกลมุ ตวั อยา ง 2. แหลง ความรูเกี่ยวกบั การรับทราบหรือคน หาขอมูลในการรกั ษาสิว 3. ความรใู นการรกั ษาสิวของนกั ศึกษา 4. แนวทางการดแู ลรกั ษาสิว ผลการวเิ คราะหข อมลู 1. ขอ มูลทวั่ ไปของกลมุ ตัวอยาง ไดแก เพศ, อายุ, คณะวิชา, สถาบันการศกึ ษา, รายได, ความรุนแรงของสิว,ความกังวล เรื่องสิว, แหลงความรูในการรักษาสิว จากการศึกษาพบวา กลุมตัวอยางสวนใหญ (รอยละ 73.1) เปนเพศหญิงมีอายุระหวาง 18-27 ป อายุเฉล่ีย 20.6 (+1.4) ป สวนใหญ (รอยละ83.1) มีอายรุ ะหวา ง 18-21 ป รอยละ 55.7 เรียนในสายศลิ ปและสังคมศาสตร รอยละ 48.7 ศึกษาใน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม กลุมตัวอยางมีรายไดระหวาง 1,000-30,000 บาท รายไดเฉล่ีย 4,237.70 (+2,951.20) บาท (ตารางท่ี 1) - กลุมตัวอยา งกับปญ หาเกีย่ วกบั สวิ กลุม ตัวอยางรอ ยละ 75.4 เหน็ วา การมีสวิ ทําใหม ีปญ หาในการดาํ เนินชวี ิตประจาํ วนั ซึ่งรอยละ 43.6 ของกลุมนี้ระบุวาสิวเปนปญหาตอการดําเนินชีวิตในปจจุบัน รอยละ 75.1 มีสิว ในระดับรุนแรงเล็กนอย รองลงมารอยละ 16.6 มีสิวในระดับรุนแรงปานกลาง รอยละ 47.7 มี ความกังวลปานกลางในเร่อื งท่เี ปน สิว รองลงมารอยละ 24.6 มีความกงั วลนอ ย (ตารางที่ 1)
34 ตารางท่ี 1 ลกั ษณะทวั่ ไปของกลุมตวั อยา ง ขอ มลู ท่วั ไป จํานวน รอ ย หมายเหตุ (คน) ละ เพศ (N=431) เพศชาย 116 26.9 เพศหญงิ 315 73.1 อายุ (N=431) 18-21 ป 358 83.1 คาเฉล่ีย=20.6 ป 22-27 ป 73 16.9 SD = 1.4 ป สาขาวิชาทศ่ี กึ ษา (N=431) สายวทิ ยาศาสตร 191 44.3 สายศลิ ปแ ละสงั คมศาสตร 240 55.7 สถาบนั การศกึ ษา (N=431) มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร 184 42.7 มหาวิทยาลยั ครสิ เตียน 37 8.6 มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม 210 48.7 รายไดตอเดือน (N=417) ไมเ กนิ 2,000 บาท 64 15.3 คา เฉล่ยี =4,237.7 2,001-5,000 บาท 282 67.6 บาท 5,001-10,000 บาท 62 14.9 SD = 2,951.2 บาท 10,000 ข้ึนไป 9 2.2 การมสี วิ ทําใหม ีปญหาในการดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั (N=431) มี 325 75.4 ไมม ี 106 24.6 ปญหาเร่อื งสวิ (N=325) มีปญ หาในการดําเนินชวี ิตประจําวนั ในอดตี 137 42.2 มีปญหาในการดําเนนิ ชวี ิตประจาํ วนั ใน 188 57.8 ปจ จบุ นั
35 ตารางที่ 1 (ตอ) จาํ นวน รอย หมายเหตุ (คน) ละ ขอ มลู ท่ัวไป 244 75.1 ความรุนแรงของสวิ (N=325) 54 16.6 เลก็ นอย 27 8.3 ปานกลาง มาก 29 8.9 80 24.6 ความกงั วลในเรอ่ื งสวิ (N=325) 155 47.7 ไมกงั วล 61 18.8 นอ ย ปานกลาง มาก หมายเหตุ N = จาํ นวนผูตอบ 2. แหลง ความรูเ ก่ียวกับการรับทราบหรอื คน หาขอมูลในการรกั ษาสวิ แหลง ความรเู ก่ยี วกับการรบั ทราบหรอื คน หาขอ มลู ในการรกั ษาสวิ ทกี่ ลุม ตวั อยาง เลือกตอบมากท่สี ดุ คอื โทรทัศน (ชวงโฆษณา) รอยละ 18.1 รองลงมาคือ เพื่อน, พ,่ี คนรจู ัก รอยละ 15.4 เม่ือนาํ แหลง ขอ มลู ขาวสารดงั กลาวมาจัดเปน ประเภทของแหลงขอมูลขา วสาร พบวา สื่อบุคคล มีการเลอื กตอบมากที่สดุ รอยละ 36.9 รองลงมาคอื ส่อื สารมวลชน รอ ยละ 35.5 (ตารางที่ 2)
36 ตารางที่ 2 แหลงความรูเกยี่ วกับการรับทราบหรอื คนหาขอ มลู ในการรักษาสวิ (N=1,263) แหลงขอมูลขา วสาร แหลงความรู รอย รวมรอ ย ละ ละ โทรทศั น (ชว งรายการ) 14.2 สอื่ สารมวลชน โทรทศั น (ชวงโฆษณา) 18.1 35.5 หนงั สอื พมิ พรายวนั 1.4 วิทยุ 1.7 วารสารสุขภาพ/นติ ยสารสขุ ภาพ 9.7 สอ่ื สิ่งตพี มิ พ วารสารบนั เทงิ /นิตยสารบนั เทงิ 5.0 20.9 หนงั สือวิชาการความรเู รอ่ื งสวิ 2.9 แผนพบั โฆษณา 3.2 สอ่ื เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนกิ ส Internet 6.8 6.8 พอ-แม ผปู กครอง 4.4 เพื่อน, พ,ี่ คนรจู ัก 15.4 ผแู ทนสนิ คาขายตรง 1.1 รานเสรมิ สวย 1.7 สอ่ื บคุ คล รา นขายยา 3.3 36.9 โรงพยาบาล 1.3 คลินิกแพทย, คลินกิ ความงาม 9.2 อ่ืนๆ ไดแก อาจารย, เรียนวชิ า micro 0.2 หนว ยงานราชการ (อย.) โทร 1559 0.2 หมายเหตุ แตละคนเลือกตอบไดม ากกวา 1 แหลง
37 3. ความรใู นการรกั ษาสิวของนักศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี ในเขตอําเภอเมือง จังหวัด นครปฐม จากการศกึ ษาความรใู นการรักษาสิวของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขตอําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ของกลุมตัวอยางจํานวน 431 คน ดวยแบบทดสอบ 30 ขอ มีคะแนนเต็ม 30 คะแนน พบวา คะแนนความรูในการรกั ษาสิวเฉล่ียของกลุมตัวอยาง เทากับ 9.9 (+4.1) คะแนน มีรอยละ 0.7 ไมสามารถตอบคําถามไดเลย มีเพียง 1 คน ที่ตอบไดคะแนนสูงสุด 23 คะแนน (รอยละ 76.7) เมื่อแบงกลุมคะแนนความรูในการรักษาสิวเปน 3 กลุม ไดแก ระดับตํ่า (ตํ่ากวา รอยละ 50), ระดับปานกลาง (รอยละ 50-75) และระดับสูง (รอยละ 75 ขึ้นไป) พบวา มีจํานวน 377 คน (รอยละ 88.3) มีความรูระดับต่ํา, มีจํานวน 49 คน (รอยละ 11.5) มีความรูระดับปาน กลางและมีจํานวน 1 คน (รอ ยละ 0.2) ท่ีมีความรรู ะดับสูง (ตารางท่ี 3) เมื่อพจิ ารณาในแตละขอคําถามของความรูเรือ่ งการรกั ษาสวิ พบวา รอ ยละ 85.2 ทราบ เก่ียวกับลักษณะทางคลินิกของสิว (ผูที่เปนสิวรุนแรงเมื่อหายแลวมักจะท้ิงรอยแผลเปนชนิดนูน และชนิดบุม) และรอยละ 81.2 ทราบเก่ียวกับสาเหตุที่ทําใหเกิดสิว (สิวเกิดจากความผิดปกติ ของตอมไขมัน) นักศึกษาสวนใหญ รอยละ 97.9 มีความเชื่อผิดๆ ในเร่ืองสิว (สิวบริเวณใบหนา เกิดจากความสกปรก ฝุนละออง) และ รอยละ 81.7 มีความเชื่อผิดๆ ท่ีวาการรับประทาน อาหารพวกช็อกโกแลต ลูกนัต นม เนย ไขมนั ทําใหส ิวกําเรบิ (ตารางที่ 4) ตารางท่ี 3 ความรใู นการรักษาสวิ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม (N=427) ความรูในการรกั ษาสวิ คะแนน จาํ นวน รอ ยละ หมายเหตุ (คน) ระดบั ตํ่า (ต่ํากวารอ ยละ 50) 0-14 คะแนน 377 88.3 คา เฉลยี่ =9.9 คะแนน ระดับปานกลาง (รอ ยละ 50-75) 15-22 คะแนน 49 11.5 SD=4.1 คะแนน ระดับสงู (รอยละ 75 ขนึ้ ไป) 23 คะแนนขน้ึ ไป 1 0.2
38 ตารางที่ 4 ความรูเ กี่ยวกบั การรักษาสวิ (N=431) ไมท ราบ ทราบ เร่อื ง จาํ นวน รอย จาํ นวน รอ ย (คน) ละ (คน) ละ สาเหตุทที่ าํ ใหเ กดิ สิว สวิ เกดิ จากความผิดปกตขิ องตอ มไขมัน 81 18.8 350 81.2 สวิ เกิดจากเช้ือแบคทเี รยี ทมี่ ีชื่อวา P. Acnes 245 56.8 186 43.2 สวิ บริเวณใบหนา เกิดจากความสกปรก ฝุนละออง 422 97.9 9 2.1 ลกั ษณะทางคลินิก ผทู ่เี ปน สวิ รนุ แรงเม่อื หายแลว มกั จะทิง้ รอยแผลเปน ชนดิ นนู 64 14.8 367 85.2 และชนิดบมุ สวิ แบงออกเปน 2 กลมุ ใหญๆ คอื สิวไมอ ักเสบและสวิ อกั เสบ 130 30.2 301 69.8 ปจจัยอนื่ ๆ ทม่ี ผี ลตอการเกดิ สิว การใชเคร่ืองสําอางแตงหนา มีผลทาํ ใหส วิ ลดนอ ยลง 138 32.0 293 68.0 เนื่องจากเครือ่ งสําอางมีผลปอ งกนั การเกดิ สิว เครอื่ งสาํ อางราคาแพงสามารถปองกนั การเกิดสิวได 130 30.2 301 69.8 การรบั ประทานอาหารพวกชอ็ กโกแลต ลูกนัต นม เนย 352 81.7 79 18.3 ไขมนั ทําใหสวิ กาํ เรบิ แนวทางการดแู ลรักษาสิว การลา งหนา ดว ยสบทู ี่มีสว นผสมของยาฆาเชอ้ื ชว ยปอ งกนั 275 63.8 156 36.2 การเกิดสวิ การลา งหนา บอ ยๆ (มากกวา 5 ครงั้ ตอวัน) สามารถ 140 32.5 291 67.5 ปองกนั การเกดิ สิวได การรกั ษาสวิ โดยใชย า ยาคุมกาํ เนดิ ชนดิ รบั ประทานทกุ ชนิดสามารถนาํ มาใช 304 70.5 127 29.5 รกั ษาสวิ
39 ตารางท่ี 4 (ตอ) ไมท ราบ ทราบ เร่ือง จาํ นวน รอย จํานวน รอ ย (คน) ละ (คน) ละ การรับประทานยาคุมกาํ เนดิ เพอ่ื รักษาสวิ จะมวี ิธีใชท ี่ 372 86.3 59 13.7 เหมือนกับการรบั ประทานเพอ่ื ปองกนั การตัง้ ครรภ อาการขา งเคยี งของการใชย าคุมกาํ เนิดรักษาสิวคือ คลน่ื ไส 333 77.3 98 22.7 อาเจียน ปวดศีรษะ เกดิ ฝา ผูชายสามารถใชย าคุมกาํ เนิดมารกั ษาสวิ ได 381 88.4 50 11.6 ยาในกลุมตา นเชอ้ื แบคทเี รยี ชนิดรบั ประทานสามารถ 361 83.8 70 16.2 นาํ มาใชร กั ษาสวิ ทีเ่ กดิ จากเช้ือ P. Acnes Tetracycline เปน ยาตานเชอื้ แบคทเี รยี ตัวแรกท่คี วรจะ 381 88.4 50 11.6 เลอื กใชร ักษาสวิ ยาในกลุมตา นเช้ือแบคทเี รยี ชนิดทารักษาสวิ หากทายา 337 78.2 94 21.8 บอ ยๆ จะเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการรกั ษาสวิ ไดม ากยง่ิ ขน้ึ ยาทารกั ษาสวิ ทกุ ชนิด หากใชแลวมีสวิ เหอ ระคายเคอื ง 393 91.2 38 8.8 หนา ลอก แหง แสดงวา เกดิ อาการแพย าตอ งหยดุ ยาทันที ยารบั ประทานรกั ษาสวิ กลุม กรดวติ ามนิ เอเหมาะกับการ 365 84.7 66 15.3 รักษาสวิ ชนิดรนุ แรง ยารับประทานรกั ษาสวิ กลุมกรดวติ ามนิ เอเหมาะกับหญงิ ท่ี ต้ังครรภ และใหนมบุตรเนือ่ งจากมีสรรพคณุ ในการบาํ รงุ 383 88.9 48 11.1 รา งกาย ยาทารักษาสวิ ชนิดกรดวติ ามิน A ออกฤทธก์ิ าํ จัดหัวสิวดว ย 379 87.9 52 12.1 การยบั ยงั้ การเกิดโคมโิ ดน ยาทารกั ษาสวิ ชนดิ กรดวติ ามิน A ควรทายาตอนเชา 391 90.7 40 9.3 เน่อื งจากมฤี ทธ์ใิ นการปอ งกนั แสงแดด
40 ตารางท่ี 4 (ตอ ) ไมท ราบ ทราบ เร่ือง จํานวน รอย จาํ นวน รอ ย (คน) ละ (คน) ละ การรกั ษาสวิ ดว ยยาทาสวิ ทีถ่ ูกตอ ง นยิ มใชย าทาสวิ ท่ี สามารถรกั ษาไดทงั้ สิวและฝา เน่ืองจากทาํ ใหสวิ หายไดอยา ง 341 79.1 90 20.9 รวดเร็ว การรักษาสวิ ดว ยยาสเตยี รอยดมีผลทาํ ใหเกิดสวิ อุดตนั 355 82.4 76 17.6 จํานวนมากภายหลงั การรักษา เมื่อรักษาสวิ หายแลว ใหหยดุ ยาทกุ ชนดิ ทใ่ี ชท นั ที 260 60.3 171 39.7 การรกั ษาสวิ โดยไมใ ชย า การกดสวิ เปน วธิ กี ารรักษาสิวชนิดทีม่ อี าการอักเสบเปน หนอง 285 66.1 146 33.9 การใชแสงเลเซอรเปน วธิ กี ารรกั ษาสวิ เบอ้ื งตนทปี่ ลอดภัย ทสี่ ุดและมรี าคาเหมาะสม 278 64.5 153 35.5 อ่ืนๆ การรกั ษาสวิ โดยแพทยเ ปน การรกั ษาท่ีไดผ ลดี ปลอดภยั 293 68.0 138 32.0 และไมเ กิดอาการขา งเคยี งทกุ คร้ัง การรักษาสวิ ดว ยเทคโนโลยีราคาแพงและทนั สมัยเปน 245 56.8 186 43.2 วธิ กี ารรักษาสวิ ที่ดเี หมาะกบั สวิ ทกุ ประเภท การรักษาสวิ ทด่ี คี อื การปองกันการเกดิ สิวตลอดชว งอายทุ ่ี 233 54.1 198 45.9 เปน สิว
41 4. แนวทางการดแู ลรักษาสวิ การใชย ารกั ษาสวิ (ยารับประทาน, ยาทา, ผลติ ภัณฑป อ งกนั การเกิดสวิ ) แหลงซ้ือยา รักษาสิวและระยะเวลาทใ่ี ช จากการศกึ ษาพบวา กลุม ตัวอยา งจาํ นวน 431 คน โดยจาํ นวน 137 คน (รอยละ 31.8) ใชย ารกั ษาสวิ และจํานวน 294 คน (รอยละ 68.2) ไมใชยารักษาสิว กลุมตัวอยางที่ใชยารักษา สวิ จาํ นวน 137 คน เม่อื ใหร ะบแุ หลงซอ้ื ยารักษาสิว รอยละ 94.9 ระบุแหลงซื้อยารักษาสิว โดย แหลงซื้อที่ระบุมากที่สุด 2 แหลง ไดแก รานขายยา และ คลินิกแพทย, คลินิกความงาม ท่ีมี แพทยประจําการ ในจํานวนท่ีเทากันคือ 44 คน (รอยละ 33.8) รองลงมาไดแก รานคา จํานวน 24 คน (รอยละ 18.5) สําหรับแหลงซื้อที่ระบุนอยท่ีสุด ไดแก รานเสริมสวย จํานวน 1 คน (รอย ละ 0.8) (ตารางที่ 5) และรอยละ 81.0 ระบุระยะเวลาที่ใชยารักษาสิว โดยระยะเวลาที่ใชยา รักษาสวิ มากท่ีสดุ คอื ระยะเวลา 1 ป จาํ นวน 21 คน (รอ ยละ 18.9) รองลงมาไดแ ก 2 ป จาํ นวน 15 คน (รอยละ 13.5) ระยะเวลาที่กลุมตัวอยางใชยารักษาสิวนานท่ีสุด คือ 7 ป จํานวน 1 คน (รอยละ 0.7) (ตารางท่ี 6)
Search