Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาวิทยาการคำนวณ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1

เนื้อหาวิทยาการคำนวณ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by vip06317, 2020-04-04 11:32:52

Description: วัตถุประสงค์ของการสร้างเนื้อหานี้เพื่อใช้ประกอบการศึกษาวิทยาการคำนวณ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1

Keywords: วิทยาการคำนวณ

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 แนวคิดเชงิ นามธรรม 1.แนวคดิ เชิงนามธรรม (abstract thinking หรือ abstraction) เปน็ องค์ประกอบหนึ่ง ของแนวคดิ เชงิ คำนวณ (computational thinking) ใชก้ ระบวนกำรคดั แยกคุณลกั ษณะที่สำคัญออก จำกรำยละเอยี ดปลีกย่อยในปญั หำหรอื งำนที่กำลงั พิจำรณำ เพื่อให้ไดข้ อ้ มูลทจี่ ำเป็นและเพยี งพอใน กำรแก้ปัญหำ

2.ดา่ นผ่านทางของลุงสมบัติ ลงุ สมบัติตอ้ งกำรหำรำยได้เสรมิ โดยกำรตัดถนนส่วนบุคคลทอ่ี นุญำตใิ ห้ผู้ขับขี่ยำนพำหนะผ่ำนไป มำไดแ้ ตต่ ้องจ่ำยคำ่ ผำ่ นทำง โดยเร่ิมต้นทีค่ นั ละ 10 บำท บวกด้วยค่ำธรรมเนยี มทค่ี ิดตำมจำนวนล้อของ ยำนพำหนะลอ้ ละ 5 บำท (ตัวอย่ำงเชน่ รถเก๋ง 4 ลอ้ จะต้องเสยี ค่ำผำ่ นทำง 10 + 4 x 5 = 30 บำท) ส่วนคนเดนิ เท้ำสำมำรถสญั จรผำ่ นไปมำไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเสยี ค่ำผำ่ นทำง

2.1 สิ่งท่โี จทย์ต้องการทราบ คอื ค่ำผ่ำนทำงท้งั หมดทล่ี ุงสมบัติจะเก็บได้ ซึง่ คำนวณได้ จำกจำนวนยำนพำหนะและจำนวนลอ้ ของยำนพำหนะ สว่ นรำยละเอียดอ่นื ๆ เช่น สี ขนำด รูปทรง จำนวนคนเดินผ่ำนทำง สำมำรถละทงิ้ ได้เน่ืองจำกไม่มสี ่วนเกยี่ วข้องกับกำรคำนวณ สถำนกำรณข์ ำ้ งต้นจงึ สำมำรถพิจำรณำใหเ้ หลอื เพียงรำยละเอียดทจ่ี ำเปน็ ได้ดงั น้ี • ยำนพำหนะ 1 ลอ้ จำนวน 2 คนั • ยำนพำหนะ 2 ล้อจำนวน 3 คนั • ยำนพำหนะ 3 ล้อจำนวน 1 คัน • ยำนพำหนะ 4 ล้อจำนวน 3 คัน • คำ่ ยำนพำหนะผำ่ นทำงเริม่ ตน้ คันละ 10 บำท • ค่ำยำนพำหนะผ่ำนทำงเพิ่มเติมขอ้ ละ 5 บำท

2.2 จะเหน็ ได้วำ่ รำยกำรขำ้ งต้นใหข้ อ้ มูลทีเ่ พียงพอตอ่ กำรถำ่ ยทอดใหก้ ับผู้ทีร่ บั ผดิ ชอบในกำรนำ ขอ้ มลู ไปคำนวณเป็นค่ำผำ่ นทำงทั้งหมดท่ลี งุ สมบตั สิ ำมำรถรวบรวมได้ซงึ่ คำนวณได้ดังน้ี คำ่ ผ่ำนทำงทงั้ หมด = (จำนวนยำนพำหนะทัง้ หมด x 10) + (จำนวนล้อท้งั หมด x 5) = (2 + 3 + 1 + 3) x 10 + ((1 x 2) + (2 x 3) + (3 x 1) + (4 x 3)) x 5 =205 บำท 3.ดา่ นผ่านทางของลุงสมบตั ิ ลุงสมบัตติ ้องกำรหำรำยได้เสริมโดยกำรตัดถนนส่วนบุคคลทอ่ี นุญำตใิ หผ้ ู้ขับขี่ยำนพำหนะผำ่ นไป มำได้แตต่ อ้ งจ่ำยคำ่ ผ่ำนทำง โดยเรมิ่ ตน้ ท่ีคนั ละ 10 บำท บวกด้วยค่ำธรรมเนียมทคี่ ิดตำมจำนวนล้อของ ยำนพำหนะลอ้ ละ 5 บำท (ตวั อยำ่ งเช่น รถเก๋ง 4 ลอ้ จะตอ้ งเสยี ค่ำผำ่ นทำง 10 + 4 x 5 = 30 บำท) ส่วนคนเดนิ เท้ำสำมำรถสัญจรผ่ำนไปมำไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเสยี ค่ำผำ่ นทำง รูป 1.2 แสดงยำนพำหนะและผู้ สญั จรทผี่ ำ่ นด่ำนของลุงสมบัติ

สรุปทา้ ยบท กำรนำแนวคดิ เชงิ นำมธรรมไปใช้ในกำรแก้ปญั หำ สิ่งทีส่ ำคัญทส่ี ดุ คอื กำรคัดแยกคณุ ลักษณะท่ี สำคญั ออกจำกรำยละเอียดที่ไมจ่ ำเปน็ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเปน็ เพียงพอและกระชบั ในกำรถำ่ ยทอด องค์ประกอบของปญั หำทำให้ กำรแก้ปัญหำมปี ระสิทธิภำพมำกขน้ึ ชว่ ยให้กำรออกแบบขน้ั ตอนวธิ ใี น กำรหำคำตอบทำได้งำ่ ยขึ้น อีกทงั้ ยงั เพิ่มโอกำสท่จี ะพบว่ำปัญหำท่กี ำลังแก้ไขเป็นสงิ่ เดยี วกันกับปญั หำ เดมิ ท่ีเคยแกไ้ ขแล้วสง่ ผลให้สำมำรถนำวธิ กี ำรทมี่ อี ยแู่ ล้วมำประยุกตใ์ ชง้ ำนไดโ้ ดยไม่ตอ้ งออกแบบ วิธีกำรแก้ปญั หำใหมต่ งั้ แตต่ น้

บทที่ 2 การแกป้ ัญหา 1. การแกป้ ญั หา ในโลกยคุ ดจิ ทิ ลั กำรดำเนนิ ชวี ิตต้องมีกำรใช้งำนอุปกรณ์เทคโนโลยสี ำรสนเทศเพ่ือกำรส่อื สำร อยตู่ ลอดเวลำ โดยมีระบบกำรทำงำนที่ซบั ซอ้ นอย่เู บื้องหลัง เช่น สมำรต์ โฟนที่ทำหนำ้ ทีห่ ลกั ในกำร สือ่ สำรและมโี ปรแกรมสำหรับส่ือสำรทำงำนอยู่เบื้องหลงั กำรทำธุรกรรมทำงกำรเงิน จำกเครือ่ ง เอทีเอ็มผใู้ ชส้ ำมำรถฝำกถอน หรอื โอนเงินได้ ซง่ึ ภำยในมโี ปรแกรมควบคมุ กำรทำงำน กำรทำงำน ของอุปกรณ์ที่ชำญฉลำดเหลำ่ น้ี ลว้ นอำศยั กำรเขียนโปรแกรมเพอ่ื แก้ปัญหำทง้ั สิน้ 2. ข้ันตอนการแกป้ ญั หา กำรแก้ปญั หำเปน็ กิจกรรมพ้นื ฐำนในกำรดำรงชีวติ ของมนษุ ย์ ปัญหำบำงปัญหำสำมำรถหำ คำตอบได้ในทนั ที ขณะที่บำงปัญหำอำจตอ้ งใช้เวลำนำนในกำรคน้ หำคำตอบ ซง่ึ คำตอบทไี่ ดต้ ้อง สำมำรถพิสจู นไ์ ดว้ ำ่ เปน็ คำตอบ ทถ่ี กู ตอ้ ง นำ่ เช่อื ถือ และสำมำรถนำไปอ้ำงองิ ต่อได้ กำรแกป้ ัญหำ ของแตล่ ะบคุ คลมขี ้นั ตอนและใช้เวลำท่ี แตกต่ำงกัน

3. การแก้ปญั หาประกอบด้วย 4 ข้ันตอนดงั รปู 1. กำรวเิ ครำะหแ์ ละกำหนดรำยละเอยี ดของปญั หำ 2. กำรวำงแผนกำรแก้ปัญหำ 3. กำรดำเนินกำรแก้ปัญหำ 4. กำรตรวจสอบและประเมนิ ผล 4. การเขียนรหสั ลาํ ลองและผังงาน เมอื่ เรำทำควำมเข้ำใจกับปญั หำแลว้ สิ่งตอ่ ไปคอื กำรคดิ อย่ำงมีเหตผุ ลในกำรแก้ปัญหำ โดย กระบวนกำรในกำรออกแบบแนวทำงกำรแกป้ ญั หำ จะต้องถำ่ ยทอดควำมคิดและควำม เข้ำใจไปสู่ กำรนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ กำรถำ่ ยทอดควำมคิดจะต้องมจี ุดเรม่ิ ต้น จดุ สิ้นสดุ และลำดับกอ่ นหลังท่ชี ัดเจน อำจอยใู่ นรปู ของข้อควำมท่เี รียงกันเปน็ ลำดับซงึ่ เรียกวำ่ รหสั ลำลอง (pseudocode) หรอื อยูใ่ นรปู ผังงำน (flowchart)

5. ผงั งานการคาํ นวณหาพนื้ ทีส่ ามเหลย่ี ม บำงครัง้ ในกำรเขยี นรหัสลำลอง หรอื ผงั งำนจะมชี ือ่ ข้อมูลท่ยี ำวจน ทำใหเ้ กิดควำม สับสน หรอื มีกำรอ้ำงถงึ ชือ่ ข้อมูลซำ้ กัน หลำยครงั้ เพ่อื ให้ เขยี นได้ง่ำยและกระชบั สำมำรถแทนชื่อขอ้ มลู ดว้ ยตัวแปร (Variable) ซ่งึ อำจเป็นตัวอกั ษรภำษำอังกฤษ และ ณ ขณะใดขณะหนง่ึ ตวั แปรจะมี คำ่ ไดเ้ พยี ง คำ่ เดียวเท่ำนน้ั อยำ่ งไรก็ตำมค่ำของตวั แปร สำมำรถ เปลีย่ นแปลงได้ ขึน้ อยู่กับกำร ดำเนนิ กำรกับตัวแปรน้นั ๆ

สรุปทา้ ยบท ปัญหำทนี่ ักเรียนพบในชีวิตประจำวันบำงปญั หำสำมำรถหำคำตอบได้ในทันที ขณะทบ่ี ำงปัญหำ อำจต้องใช้เวลำนำนในกำรคน้ หำคำตอบ กำรแกป้ ัญหำของแต่ละบคุ คลมีขั้นตอนและใชเ้ วลำท่ี แตกต่ำงกัน ควำมรู้และประสบกำรณจ์ ะส่งผลต่อควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ อยำ่ งไรก็ตำมทกุ คน ต่ำงตอ้ งกำรหำ วธิ กี ำรในกำรแก้ปัญหำท่ีทำใหไ้ ด้คำตอบทีถ่ ูกต้องในเวลำรวดเร็ว กำรปฏิบัติตำม ขนั้ ตอนกำรแกป้ ัญหำ จะทำใหไ้ ดว้ ิธีกำรแกป้ ัญหำที่มปี ระสทิ ธิภำพ เริม่ จำกทำควำมเข้ำใจกบั ปญั หำ โดยวิเครำะหแ์ ละกำหนด รำยละเอยี ดของปัญหำ พจิ ำรณำวำ่ ส่งิ ท่ีตอ้ งกำรคืออะไร ขอ้ มลู เข้ำจะเป็น ส่งิ ใดบ้ำง เคยแก้ปญั หำลกั ษณะ เดยี วกันมำก่อนหรือไม่ ขอ้ มูลและเง่ือนไขทก่ี ำหนดให้เพียงพอทจี่ ะ หำคำตอบหรอื ไม่ ถำ้ ไม่เพยี งพอ ก็จำเป็นตอ้ งหำขอ้ มูลเพิ่มเติม หลงั จำกทำควำมเข้ำใจกับปัญหำแลว้ ใหว้ ำงแผนหรอื ออกแบบอัลกอริทมึ ในกำรหำคำตอบ เคร่ืองมือในกำรออกแบบอำจใชร้ หสั ลำลอง หรือผังงำน หลงั จำกนน้ั ดำเนนิ กำร เขียนโปรแกรมหรือปฏิบตั ิตำมที่ได้ออกแบบไว้ สุดท้ำยตรวจสอบ ผลลัพธว์ ำ่ ถูกตอ้ งหรือไม่ ถำ้ ยงั ไม่ถูกตอ้ ง ก็ดำเนนิ กำรปรบั ปรงุ ใหถ้ กู ตอ้ ง

บทที่ 3 การโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน 1. การโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน โปรแกรมเป็นชดุ คำส่งั สำหรบั คอมพิวเตอร์ เพ่ือใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงำนกับขอ้ มูล แลว้ ได้ ผลลัพธ์ทต่ี อ้ งกำร กำรออกแบบและเขยี นโปรแกรมเปน็ ข้นั ตอนทม่ี คี วำมสำคญั ในกำรแก้ปญั หำ ผู้เขยี นโปรแกรมจะตอ้ งใชท้ ง้ั เหตุผลเชิงตรรกะและควำมคดิ สรำ้ งสรรคไ์ ปพรอ้ มกนั ไพทอนไอดอี โี ดยทั่วไปจะทาํ งานตามคําสัง่ ไดใ้ น 2 โหมด คือ 1.1 โหมดอิมมีเดยี ท ในโหมดน้ผี ใู้ ช้จะพมิ พ์คำส่งั ภำษำไพทอนลงในสว่ นท่เี รียกว่ำ เชลล์ หรือ คอนโซล ทลี ะคำสัง่ 1.2 โหมดสคริปต์ ในโหมดน้ีผ้ใู ชต้ อ้ งพมิ พ์คำสั่งไพทอนหลำยคำส่ังประกอบกนั ใหเ้ ป็น โปรแกรมท่ี สมบรู ณ์ แลว้ บนั ทึกเป็นไฟลไ์ วก้ ่อน เพ่ือที่จะส่ังให้ตวั แปลภำษำไพทอนทำงำนตำมคำสั่ง

2. ชนิดขอ้ มลู พน้ื ฐาน โปรแกรมภำษำไพทอนมกี ำรแบ่งประเภทของขอ้ มูลออกเป็นหลำยประเภท โดยมีประเภท ขอ้ มูลพน้ื ฐำน คือ ขอ้ มูลประเภทข้อควำม (string data type) และ ขอ้ มลู ประเภทจำนวน (numerical data type) 3. ข้อมูลประเภทข้อความ กำรกำหนดขอ้ มูลท่เี ปน็ ขอ้ ควำมหรือสตริงใหใ้ ช้เครอ่ื งหมำยอญั ประกำศครอบข้อควำมที่ต้องกำร กำหนด โดยเลือกใช้ได้ทั้งอญั ประกำศเดีย่ ว (') หรือคู่ (\") ตำมควำมเหมำะสม หรือ กรณีทีม่ ขี อ้ ควำมยำว หลำยบรรทัด ตอ้ งใช้เคร่อื งหมำย ' หรือ \" ติดต่อกนั 3 ตวั ครอบหนำ้ และหลังข้อควำม

4. การเขียนโปรแกรมไพทอนในโหมดสคริปต์ ในโหมดสคริปต์ นักเรียนตอ้ งเขียนชุดคำส่งั ไพทอนที่ตอ้ งกำรทำงำนใหค้ รบถว้ นทัง้ หมดก่อน ซ่ึงเรียกว่ำ โปรแกรม โดยจะต้องบันทึกไวเ้ ปน็ ไฟล์ แลว้ จงึ สัง่ โปรแกรมทำงำนตำมคำส่งั ทั้งหมด ตำมลำดับ เรียกวำ่ กำรรนั โปรแกรม ขอ้ ดขี องกำรทำงำนโดยใชโ้ หมดสครปิ ต์ คอื ผู้ใช้สำมำรถ บันทึกเกบ็ ไว้เปน็ ไฟลไ์ ด้ เพ่อื จะได้ นำมำแก้ไขเพ่ิมเตมิ ไดใ้ นภำยหลงั และยังสำมำรถส่ังรนั โปรแกรมทบ่ี ันทกึ ไวไ้ ด้หลำยครั้ง

5. ฝกึ เขยี นโปรแกรมกบั เตา่ ไพทอน ไพทอนมีโมดลู turtle สำหรับฝกึ เขียนโปรแกรมขนั้ เร่มิ ตน้ โดยใชเ้ ตำ่ ในกำรลำกเส้นหรือวำด รูป หำก นกั เรียนใช้ PyCharm EDU จะสำมำรถเขยี นคำสั่งเพ่อื วำดรปู ไดท้ ั้งในโหมดอิมมีเดยี ท และโหมดสคริปต์ แต่ในทน่ี ้ีจะแนะนำใหใ้ ชโ้ หมดสครปิ ต์ วาดรูปสเ่ี หลย่ี มจตุรสั เขยี น บันทึก และรนั โปรแกรมต่อไปนี้

สรปุ ทา้ ยบท กำรเขยี นโปรแกรมไพทอนจะใชไ้ อดอี ี เปน็ เคร่ืองมือช่วยในกำรพัฒนำโปรแกรม ซ่งึ ประกอบดว้ ย เครอื่ งมือแก้ไขโปรแกรมต้นฉบบั เคร่อื งมือแก้ไขจุดบกพร่องของโปรแกรม และเคร่ืองมอื ท่ีชว่ ยรนั โปรแกรม ไอดอี ไี พทอนโดยทั่วไปจะทำงำนได้ในโหมดอิมมเี ดยี ท และโหมดสครปิ ต์ บทน้ไี ด้อธบิ ำย คำสัง่ พ้ืนฐำน เชน่ คำสั่ง print ( ) ใช้สำหรบั แสดงค่ำขอ้ มูลออกทำงจอภำพ และ input () ทำหนำ้ ที่ รับข้อมลู เขำ้ จำกคียบ์ อรด์ นอกจำกนยี้ งั สง่ เสรมิ ใหเ้ รียนร้กู ำรใชง้ ำนตวั แปร ซ่ึงตวั แปรใชใ้ นกำรอ้ำงถงึ คำ่ ขอ้ มลู โดยตวั แปร จะ ถูกกำหนดค่ำด้วยเคร่ืองหมำยเทำ่ กบั (=) กำรกำหนดชนิดข้อมลู สตริงและจำนวน รวมถงึ กำรแปลง ชนิด ข้อมลู กำรใช้งำนโมดูล turtle เพ่ือวำดรปู คำสง่ั วนซำ้ และคำสงั่ แบบมที ำงเลอื ก กำรเขียนนพิ จน์ ทำง คณติ ศำสตรใ์ นไพทอน กำรนำไพทอนมำใช้เป็นเครือ่ งมือประยุกต์แก้ปญั หำทำงคณิตศำสตร์ หรอื วทิ ยำศำสตร์ โดยพนื้ ฐำนนจี้ ะนำไปสู่กำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในระดบั สูงต่อไป

บทที่ 4 การโปรแกรมดว้ ย Scratch 1. รจู้ ักกับโปรแกรม Scratch โปรแกรม Scratch เปน็ โปรแกรมโอเพนซอร์ส พัฒนำโดยนักวจิ ยั ทีห่ อ้ ง ปฏบิ ัติกำรสอ่ื (MIT Media Lab) สถำบันเทคโนโลยแี มสซำชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกำ ออกแบบมำใหใ้ ช้กบั เด็กอำย 8-16 ปี และเป็นทำงเลือกทีด่ ีในกำรเขยี นโปรแกรมสำหรบั ผู้เร่ิมตน้ ในบทน้ี จะแนะนำ Scratch เวอร์ชัน 2.0 นอกจำกน้ภี ำยในเวบ็ ไซตย์ ังมขี ้อมลู ควำมรู้เกี่ยวกับคำสง่ั และตวั อย่ำง ของโปรแกรม อกี มำกมำย 2. เริ่มตน้ กบั โปรแกรม Scratch ในบทน้ีจะแนะนำกำรใช้งำนโปรแกรม Scratch แบบออฟไลน์ทีต่ อ้ งติดต้ังไว้ทีเ่ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ หำกนกั เรียนยังไม่มโี ปรแกรม สำมำรถทำไดโ้ ดยเขำ้ ไปทเ่ี ว็บไซต์ https://scratch.mit.edu/แลว้ เลอื ก Offline Editor ซงึ่ จะอยู่ในส่วน Support ดำ้ นลำ่ งของเวบ็ เพจ

3. สํารวจสว่ นประกอบหลักของหน้าตา่ งโปรแกรม Scratch หนำ้ ต่ำงโปรแกรม Scratch ทป่ี รำกฏจะมลี กั ษณะคลำ้ ยโปรแกรมอื่นที่มเี มนใู ห้ใช้ งำน และพ้ืนที่ในกำร ทำงำน ซง่ึ มีส่วนประกอบหลกั ในกำรทำงำน 3 สว่ น คอื เวที ตวั ละคร และสครปิ ต์ 3.1 เวที 3.2 ตวั ละคร 3.3 สครปิ ต์

ตวั อยา่ งที่ รอ้ นไหมองศานี้ โปรแกรมนี้จะรบั อุณหภมู เิ ป็นองศำเซลเซยี ส หำกอณุ หภมู ิสูงวำ่ 30 องศำเซลเซยี ส จะแสดง ข้อควำมวำ่ “ร้อน” ถำ้ อณุ หภูมิตำ่ กว่ำน้ันจะแสดงขอ้ ควำมว่ำ “กำลังดี” ตวั อยา่ งที่ อธิบายได้ดังน้ี 1.บรรทดั ที่ 2 โปรแกรมจะรับขอ้ มลู อุณหภูมิจำกผู้ใช้ 2. บรรทัดท่ี 3 เก็บขอ้ มูลท่รี บั มำจำกผใู้ ช้ไวใ้ นตวั แปร temp_C 3. บรรทัดท่ี 4 ตรวจสอบเงอ่ื นไขทำงเลือกว่ำ ถ้ำ อณุ หภมู ทิ ีร่ บั มำ จำกผใู้ ช้ (temp_c) มำกกวำ่ 30 องศำเซลเซยี ส ใหแ้ สดงขอ้ ควำม ว่ำ “รอ้ น” จำกคำสงั่ ในบรรทดั ท่ี 5 แตถ่ ำ้ ไมใ่ ช่ ใหแ้ สดงขอ้ ควำมวำ่ “กำลังดี” จำกคำสั่งในบรรทดั ที่ 7

สรุปทา้ ยบท โปรแกรม Scratch เป็นโปรแกรมเชิงกรำฟกิ ท่ใี ชง้ ำนงำ่ ย สำมำรถเขยี นโปรแกรมเพือ่ สง่ั ให้ คอมพิวเตอรท์ ำงำนได้โดยใชบ้ ล็อกคำส่งั วำงต่อกันเป็นลำดับ กำรเขยี นโปรแกรมที่เกีย่ วกบั กำร คำนวณ ตำ่ งๆ อำจจำเปน็ ต้องมีกำรตรวจสอบเงอื่ นไขกำรทำงำน หรือกำรกำหนดให้มกี ำรวนซ้ำ ซึ่ง Scratch ก็มี บล็อกคำส่งั ตำ่ ง ๆ ให้ใชง้ ำนท่ีครอบคลมุ ทัง้ กำรทำงำนแบบวนซ้ำ และมีทำงเลือก รวมถึง มตี วั ดำเนนิ กำร ต่ำงๆ ให้เลือกใชต้ ำมควำมตอ้ งกำร ไมว่ ่ำจะเปน็ ตวั ดำเนินกำรทำงคณติ ศำสตร์ หรอื ตัวดำเนินกำร เปรียบเทยี บ โดยถำ้ ตอ้ งกำรทำงำนแบบไม่รู้จบสำมำรถกำหนดได้โดยใชบ้ ลอ็ ก คำส่งั forever หรือถำ้ ตอ้ งกำรกำหนดจำนวนรอบในกำรทำงำนจะใชบ้ ล็อกคำสง่ั repeat นอกจำกนั้น ยังมบี ล็อกคำสงั่ สำหรบั กำรทำงำนท่ตี ้องกำรตรวจสอบเง่ือนไขเพื่อเลอื กทำงำนอยำ่ งใดอย่ำงหนงึ่ คอื คำส่งั if, if-else และบลอ็ ก คำสงั่ ที่ใช้สำหรบั งำนท่ตี ้องมีกำรวนรอบและตรวจสอบไ ซงึ่ หำกเงอ่ื นไขเปน็ เท็จจงึ จะทำงำนตำมทกี่ ำหนด น้นั คือคำส่งั repeat until แตถ่ ำ้ ตอ้ งกำรใหม้ ีกำร วนรอบกำรทำงำนไปจนกวำ่ จะพบว่ำเงอื่ นไขเปน็ จริง จะใชบ้ ล็อกคำส่ัง wait until ในกำ กำรทำงำนได้

บทที่ 5 ขอ้ มลู และการประมวลผล 1. ข้อมูล ข้อมูล หมำยถงึ ควำมจริงท่ีอยใู่ นรปู ของตวั เลข ขอ้ ควำม ภำพ เสยี ง ขอ้ สงั เกตท่ีรวบรวมมำ จำก เหตกุ ำรณห์ รือสงิ่ ใดสงิ่ หนง่ึ ตำมพจนำนกุ รม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2554 ไดใ้ ห้ นิยำมคำวำ่ ข้อมูล คือ \"ข้อเท็จจรงิ หรือสง่ิ ท่ถี อื หรอื ยอมรับวำ่ เปน็ ข้อเทจ็ จรงิ สำหรับใชเ้ ป็น หลกั อนุมำนหำควำมจริงหรือกำรคำนวณ ขอ้ มลู ประกอบด้วย 1.1 ข้อมลู เชงิ ปริมาณ 1.2 ข้อมลู เชิง 2. การรวบรวมขอ้ มูล 2.1 การสมั ภาษณ์ 2.2 การสาํ รวจ 2.3 การสงั เกต

3 การประมวลผลขอ้ มูล กำรประมวลผลขอ้ มลู (data processing) หมำยถึง กระบวนกำรท่ีกระทำกบั ขอ้ มูลท่ี รวบรวมไว้ เพื่อให้ไดข้ อ้ มลู หรือสำรสนเทศที่อยใู่ นรปู แบบทต่ี อ้ งกำรนำไปใชก้ ำรประมวลผล ข้อมลู มี 2 รูปแบบ ดงั น้ี 3.1 การประมวลผลด้วยมอื ใช้กระดำษ ปำกกำ และแรงคนในกำรดำเนนิ กำร 3.2 การประมวลผลดว้ ยเครอ่ื งมือ ใชเ้ ครื่องมอื ช่วยทุ่นแรง เชน่ เครือ่ งพิมพ์ดดี เครื่องคดิ เลข เครอ่ื งนบั จำนวน เคร่ืองนบั ธนบัตร

4. ซอฟต์แวร์จดั การขอ้ มูล ปัจจุบนั มีผูใ้ ห้บริกำรซอฟต์แวรบ์ นคลำวด์ (cloud-based service) จำนวนมำก ทำใหผ้ ใู้ ช้ สำมำรถใช้งำนไดส้ ะดวก เรำสำมำรถใชซ้ อฟตแ์ วร์เหล่ำน้ี เปน็ เครอื่ งมือในกำรจดั กำรกบั ขอ้ มลู ต้ังแต่ กำรรวบรวมขอ้ มูล กำรประมวลผล ข้อมูลจนถึงกำรนำเสนอขอ้ มลู เปน็ กำรสนบั สนนุ รูปแบบกำร ทำงำนรว่ มกนั สะดวกตอ่ กำรทำงำน ประสำนกนั แม้จะอยหู่ ำ่ งไกลกัน ตวั อยำ่ งบรกิ ำรซอฟต์แวรบ์ น คลำวด์ เช่น 4.1 ซอฟตแ์ วรป์ ระมวล 4.2 ซอฟต์แวร์สรา้ งฟอรม์ 4.3 ซอฟตแ์ วร์ตารางทาํ งาน 4.4 ซอฟต์แวร์นําเสนอ 4.5 ซอฟตแ์ วร์สร้างผงั ความคิด

สรปุ ทา้ ยบท ขอ้ มลู เปน็ ควำมจรงิ ทอ่ี ยใู่ นรูปของตัวเลข ขอ้ ควำม ภำพ เสยี ง ข้อสังเกตท่รี วบรวมจำก เหตุกำรณ์ หรือสง่ิ ใดสง่ิ หนึ่ง ขอ้ มูลประกอบด้วยข้อมูลเชิงปริมำณ และเชิงคณุ ภำพ ขอ้ มลู ตำม ลกั ษณะของกำร ไดม้ ำแบง่ เปน็ ข้อมลู ปฐมภูมซิ ึ่งเป็นข้อมลู ท่ีไดจ้ ำกแหล่งกำเนดิ หรือจุดเร่มิ ตน้ ของขอ้ มลู และข้อมลู ทตุ ิยภูมิเปน็ ขอ้ มูลทไี่ ม่ได้มำจำกแหล่งขอ้ มลู โดยตรง วิธกี ำรรวบรวม ข้อมูล เช่น กำรสัมภำษณ์ กำรสำรวจ กำรสังเกต กำรทดลอง โดยมีเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชเ้ ก็บรวบรวม ข้อมูล เช่น แบบสำรวจ แบบสงั เกต ซึ่งข้อมลู ท่ไี ด้ จะต้องมคี วำมถูกต้องและครบถว้ น พร้อม ต่อกำรนำไปประมวลผล กำรประมวลผลเป็นกระบวนกำรที่กระทำ กับขอ้ มลู ทรี่ วบรวมไว้ เพื่อใหไ้ ดข้ ้อมลู หรือสำรสนเทศทอ่ี ยใู่ นรูปแบบท่ตี ้องกำรนำไปใช้ กำรนำขอ้ มูล ไปแกป้ ญั หำ หรอื ตดั สนิ ใจ อำจมีหลำยทำงเลอื กทีน่ ำไปสู่ผลลพั ธ์ท่ีเหมือนหรอื แตกต่ำงกัน จะต้องมกี ำร ประเมนิ ผลลพั ธว์ ำ่ ทำงเลอื กใดสำมำรถนำไปใช้ได้อยำ่ งเหมำะสมที่สดุ และเพือ่ ใหก้ ำรจดั กำร ขอ้ มลู มปี ระสิทธิภำพและสะดวก เรำสำมำรถใช้แอปพลิชันหรอื เครือข่ำยสังคมตำ่ ง ๆ ในกำร จดั เกบ็ ขอ้ มลู ประมวลผล และนำเสนอ

บทที่ 6 การใชเ้ ทคโนโลยีสาระสนเทศอย่างปลอดภยั 1. ภัยคุกคามจากการใช้เทคโนโลยีสาระสนเทศและการป้องกัน กำรใช้งำนไอทโี ดยกำรเช่อื มตอ่ กับอนิ เตอรเ์ น็ต ช่วยใหผ้ ใู้ ชส้ ำมำรถติดต่อสอื่ สำร และเขำ้ ถงึ ข้อมลู จำกแหล่งข้อมูลท่อี ยู่ทั่วโลกได้สะดวก และรวดเร็ว แตใ่ นทำงกลบั กันถำ้ ใชง้ ำนไม่ระมัดระวัง ขำดควำมรอบคอบอำจก่อใหเ้ กดิ ปญั หำจำกกำรคกุ คำมกำรหลอกลวงผำ่ นเครือข่ำยได้ นอกจำกน้ี กำรเข้ำถึงเนอ้ื หำท่ไี ม่เหมำะสมกส็ ร้ำงปญั หำดำ้ นสังคมให้กบั เยำวชนจำนวนมำก ดังนนั้ กำรเรยี นรู้ กำรใชง้ ำนไอทีได้อย่ำงเหมำะสมและปลอดภยั จึงมีควำมจำเป็นอยำ่ งยงิ่ 2. วธิ กี ารคุกคาม 2.1 การคกุ คามโดยใช้หลักจติ วิทยา 2.2 การคุกคามด้วยเนื้อหาทไี่ ม่ 2.3 การคุกคามโดยใช้โปรแกรม

3. รปู แบบการปอ้ งกนั ภัยคกุ คาม แนวคิดหนึง่ ท่ีใช้สำหรับกำรปอ้ งกนั ภยั คกุ คำมดำ้ นไอที คอื กำรตรวจสอบ และยืนยนั ตัวตนของ ผใู้ ชง้ ำนกอ่ นกำรเริ่มตน้ ใชง้ ำน กำรตรวจสอบเพือ่ ยนื ยนั ตวั ตนของผ้ใู ชง้ ำนสำมำรถดำเนินกำรได้ 3 รปู แบบดงั นี้ 3.1 ตรวจสอบจากสิ่งทผ่ี ใู้ ชร้ ู้ 3.2 ตรวจสอบจากส่งิ ทผ่ี ้ใู ชม้ ี 3.3 ตรวจสอบจากสง่ิ ที่เปน็ ส่วนหน่งึ ของผ้ใู ช้

4. การใช้เทคโนโลยสี าระสนเทศ 4.1 การศึกษาเงือ่ นไขการใชง้ าน กำรใช้งำนไอทีในปัจจุบนั มที ง้ั แบบมีค่ำใชจ้ ่ำยและไมม่ ี คำ่ ใช้จำ่ ย แตท่ ุกระบบท่ีใหบ้ รกิ ำรมกี ำรกำหนดเงอ่ื นไขในกำรใชง้ ำนท้ังส้ิน เวบ็ ไซต์และแอพพลเิ คชัน่ ตำ่ งๆทใี่ หบ้ รกิ ำรจะมกี ำรแจง้ เงอื่ นไขกำรตดิ ต้ังและใชง้ ำนให้ผู้ใช้ทรำบกอ่ นเสมอ อำจรวมถงึ คำ่ ใช้จ่ำย ในกำรใช้งำนซึ่งชำระดว้ ยเงนิ หรือตอ้ งกรอกขอ้ มูลหรอื ตอบคำถำมเป็นกำรแลกเปลย่ี น ขอ้ กำหนดท่ี ตอ้ งรับโฆษณำในชว่ งของกำรใช้งำน 4.2 สัญญาณอนญุ าติครีเอทฟี คอมมอนส์ กำรใชง้ ำนไอทีหรืองำนตำ่ งๆ ทม่ี ลี ขิ สิทธิค์ ุ้มครอง อำจจำเปน็ ตอ้ งมคี ่ำใชจ้ ่ำย ซง่ึ ทำให้เกดิ ปัญหำและปดิ โอกำสในกำรเรยี นรู้ องคก์ รครีเอทฟี คอม มอนส์จนิ ตนำสัญญำ อนุญำตทที่ ำให้ผู้ใช้สำมำรถใชง้ ำนและเผยแพร่ผลงำนภำยใต้เง่ือนไขที่ กำหนดโดยไม่ตอ้ งเสียค่ำใช้จ่ำยและยังเป็นกำรเพิม่ โอกำสกำรเรียนรู้ แต่ยงั คงไว้ซ่งึ ผลประโยชน์ และกำรรบั รู้เจ้ำของผลงำน http://www.creativecommons.org

ขอ้ กาํ หนดในการใช้ผลงานตา่ งๆ จะแทนด้วยสัญลกั ษณ์ เช่น หมำยถึงสำมำรถใช้ เผยแพร่ และดดั แปลงได้ แต่ต้องอำ้ งอิงแหล่งทม่ี ำของผลงำน หมำยถงึ สำมำรถใช้ เผยแพร่ และดัดแปลงได้ แต่ตอ้ งอำ้ งองิ แหล่งทม่ี ำ และ ยินยอมใหผ้ อู้ ่นื นำไปใชห้ รอื เผยแพร่ต่อได้ หมำยถงึ สำมำรถใช้ และเผยแพร่ได้ ห้ำมดัดแปลง แตต่ ้องอำ้ งอิงแหลง่ ทมี่ ำ หมำยถงึ สำมำรถใช้ และเผยแพรไ่ ด้ แต่ต้องอ้ำงอิงแหลง่ ท่ีมำ หำ้ มนำไปใช้เพ่ือกำรคำ้

สรุปทา้ ยบท ภยั คุกคำมจำกกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศในปจั จุบนั มที ง้ั แบบท่ใี ช้หลกั จติ วทิ ยำเพอ่ื หลอกลวง หรอื คกุ คำมโดยใช้เน้ือหำที่ไม่เหมำะสม รวมถึงกำรคกุ คำมทีใ่ ช้มัลแวร์เปน็ เคร่ืองมือใน กำรก่อปญั หำ ดำ้ นไอที นักเรียนตอ้ งเรียนรู้เพอื่ ให้สำมำรถใชง้ ำนไดอ้ ย่ำงปลอดภัยกำรใช้งำนไอที ในปัจจุบนั มที ้ังแบบมคี ่ำใช้จ่ำยและไมม่ ีคำ่ ใช้จำ่ ย อย่ำงไรกต็ ำมผู้ใหบ้ รกิ ำรทกุ รำยได้ กำหนด เงอื่ นไขกำรใช้งำนไว้ ไม่วำ่ จะเป็นเว็บไซตห์ รอื แอปพลิเคชัน นกั เรียนจงึ ต้องศึกษำเงอ่ื นไขกอ่ นกำร ใชง้ ำนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เน้อื หำ และสือ่ ตำ่ งๆ ส่วนใหญม่ ลี ขิ สทิ ธิค์ ้มุ ครอง ซ่ึงเจ้ำของจะมี สิทธิ์ แตเ่ พียงผ้เู ดยี ว ผูอ้ ื่นไมส่ ำมำรถนำไปใช้งำนได้โดยที่ไม่ไดร้ บั อนญุ ำต แตก่ ็มอี งคก์ รครีเอทฟี คอมมอนส์ ทพ่ี ัฒนำสญั ญำอนญุ ำตที่ให้ผใู้ ชง้ ำนสำมำรถเผยแพร่ผลงำนภำยใตเ้ งอื่ นไขที่กำหนด โดยไมต่ ้องเสีย คำ่ ใช้จำ่ ย และยังเป็นกำรเพิ่มโอกำสในกำรเรียนร้แู ตย่ งั คงไวซ้ ึง่ ผลประโยชน์และ กำรรับรขู้ องเจ้ำของผลงำน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook