Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore wcms_162885

wcms_162885

Published by noophing12, 2018-02-27 07:33:17

Description: wcms_162885

Search

Read the Text Version

บทวพิ ากษ์นโยบายและข้อเท็จจริงในทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั คนพกิ ารในประเทศไทย: ความความเสมอภาคในโอกาสของการมีงานทางาน และ ไม่ถูกเลอื กปฏบิ ัตโิ ดยไม่เป็ นธรรม งายวจิ ัยนีร้ ับการสนับสนุนจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดย ศาสตราจารย์ วริ ิยะ นามศิริพงศ์พนั ธ์ุ รองศาสตราจารย์ ดร.จุไร ทพั วงษ์ กรุงเทพ พฤษภาคม พ.ศ. 2554 1

สารบัญบทสรุปผู้บริหาร 3ความเป็ นมา 91. สถานการณ์การจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย 111.1 คานิยามคนพิการ 111.2 สถานการณ์ทางการศึกษาของคนพิการ 111.3 สถานการณ์การจา้ งงานคนพิการท้งั ผชู้ าย ผหู้ ญิง และเด็กพิการ 132. ระบบกฎหมายว่าด้วยการจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย 162.1 อนุสญั ญาระหวา่ งประเทศเก่ียวกบั การจา้ งงานคนพิการและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย 162.2 ระบบกฎหมายวา่ ดว้ ยสดั ส่วนการจา้ งงานคนพิการในประเทศไทย 192.2.1 ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานตาม พ.ร.บ. การฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2534 212.2.2 ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ. 2550 25 2.2.2.1 สดั ส่วนการจา้ งงานคนทว่ั ไปต่อคนคนพิการตามร่างกฎกระทรวง 26 2.2.2.2 การคานวณจานวนเงินที่จ่ายเขา้ กองทุนฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพกิ าร 33 2.2.2.3 ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานภาครัฐ 362.3 การขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการในการจา้ งงานคนพิการ 363. ข้อเสนอแนะของคณะผู้วจิ ยั เกยี่ วกบั ความสาเร็จของการใช้กฎหมายว่าด้วยความเท่าเทยี มกนัในโอกาสของคนพกิ ารในการมงี านทา 383.1 ขอ้ เสนอแนะของคณะผวู้ จิ ยั เก่ียวกบั การขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการ 383.2 ขอ้ เสนอแนะของคณะผวู้ จิ ยั เกี่ยวกบั ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานคนพกิ าร 393.2.1 การพฒั นาระบบจดั หางานสาหรับคนพกิ ารใหท้ นั สมยั 39 3.2.1.1 ส่งเสริมองคก์ รเอกชนจดั หางานใหค้ นพิการ 403.2.2 การพฒั นาระบบการสร้างงานใหแ้ ก่คนพกิ ารตามมาตรา 35 403.2.3 นารายไดท้ ่ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายใหแ้ ก่กองทุนฯไปใหค้ นพิการกยู้ มื เงินไปประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง 434. ผลวจิ ยั : มมุ มองของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและลูกจ้างผู้พกิ ารภายใต้การจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย 434.1 ผลการสารวจลกู จา้ งคนพกิ ารท่ีทางานสถานประกอบการ 545. บทสรุป 59เอกสารอ้างองิ 64ภาคผนวก 66 2

บทสรุปสาหรับผ้บู ริหาร ประเทศไทยเร่ิมใชร้ ะบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการต้งั แต่ปี พ.ศ. 2534 โดยมาตรา 17 (2)ของ พ.ร.บ.การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ประกอบกบั กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 1 /2537 ออกตาม พ.ร.บ.ดงั กล่าวไดก้ าหนดใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ จา้ งงานคนพิการในสัดส่วนคนทว่ั ไปต่อคนพิการ 200 : 1 หากประสงคไ์ ม่จา้ งหรือ ถือวา่ ประสงคไ์ ม่จา้ ง ให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการเป็ นจานวนเงิน เท่ากบั ½ ของค่าแรงข้นั ต่าคูณ 365 คูณ จานวนคนพกิ ารท่ีตอ้ งจา้ งในจงั หวดั น้นั ๆ กฎหมายดงั กล่าวไม่มีมาตรการบงั คบั ดว้ ยเหตุน้ีมีนายจา้ งจานวนมาก ละเลยไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย หรือปฏิบตั ิตามกฎหมายโดยใชว้ ธิ ีประกาศรับคนพกิ ารเขา้ ทางาน ในตาแหน่งงานที่คาดวา่ คนพิการทาไมไ่ ด้ เม่ือไม่มีคนพกิ ารมาสมคั ร จึงไมต่ อ้ งจา้ งคนพิการแต่อยา่ งใด ท้งั ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการน้ีไม่ได้ใช้บงั คับกับหน่วยงานของรัฐเพราะถือว่าเป็ นกฎหมายเอกชน ซ่ึงใช้บงั คับหน่วยงานของรัฐไมไ่ ด้ เมื่อมีการยกเลิก พ.ร.บ.ฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 และ ประกาศใช้ พ.ร.บ. ส่งเสริมพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ.2550 แทนท่ี ได้เพ่ิมสภาพบงั คบั ใหก้ บั ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพกิ าร ดว้ ยการกาหนดใหก้ ารจ่ายเงินเขา้ กองทุนส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการล่าชา้ ตอ้ งเสียดอกเบ้ียร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้อานาจเลขาธิการ สานกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ มีอานาจอายดั ทรัพยส์ ินของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ เพ่ือชาระหน้ีให้แก่กองทุนส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการได้ อีกท้งั ให้มีอานาจโฆษณารายชื่อผูป้ ฎิบตั ิตามกฎหมาย และไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายต่อสาธารณะ เช่นในหนงั สือพิมพ์ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นมาตรา 34วรรค 2, มาตรา 36 และ 39 วรรค 11 นอกจากน้ี ระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการยงั ใช้บงั คับหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 33 ในการยกร่างกฎกระทรวง กาหนดสัดส่วนการจา้ งงานบุคลทวั่ ไปต่อคนพิการ เพ่ือใชแ้ ทนกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 1 / 2537 คณะรัฐมนตรีไดม้ ีมติ กาหนดสัดส่วนการจา้ งงานบุคคลทว่ั ไปตอ่ คนพกิ าร 100 : 1 ซ่ึงเพมิ่ ข้ึน จากเดิมอีก 1 เทา่ ตวั ตามพระราชบญั ญตั ิส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ถา้ ไม่จา้ งคนพิการตามระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพกิ าร นายจา้ งหรือ เจา้ ของสถานประกอบการมีสองทางเลือกคือ 1. สร้างงานให้คนพิการตามมาตรา 35 ของพระราชบญั ญตั ิดงั กล่าว เช่นให้สัมปทาน ให้สถานท่ีแก่คนพิการจาหน่ายสินคา้ ฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหล่ืออื่นใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ 1 มาตรา ของกฎหมายที่กล่าวถึงใหเ้ ขา้ ใจวา่ เป็ นของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพกิ าร พ.ศ.2550 เวน้ แตจ่ ะกลา่ วไวเ้ ป็ นอยา่ งอ่ืน 3

แทนเป็ นตน้ ท้งั น้ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งขาดรายได้ หรือ เสียค่าใช้จ่ายในการปฏิบตั ิตามมาตรา 35 คิดเป็นจานวนเงินเท่ากบั คา่ แรงข้นั ต่า คูณ 365 คูณดว้ ยจานวนคนพิการที่ตอ้ งจา้ งการสร้างงานตามมาตรา 35 น้ีจะมีผลใชบ้ งั คบั ไดต้ ่อเม่ือมีการออกประกาศตามขอ้ 6 ถึง 8 ของระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยหลกั เกณฑ์และวิธีการให้สัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือใหก้ ารช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพกิ ารหรือผดู้ ูแลคนพิการ พ.ศ. 2552 หรือ 2. เลือกจ่ายเงินเขา้ กองทุนแทนก็ได้ ตามร่างกฎกระทรวง ว่าดว้ ยสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการ คณะรัฐมนตรีมีมติใหจ้ ่ายเงินเขา้ กองทุนเป็นจานวนเงิน เทา่ กบั ค่าแรงข้นั ต่าสุดของประเทศ (159บาท) คูณ 365 คูณจานวนคนพิการที่ตอ้ งจา้ ง ทาให้นายจา้ งหรือ เจา้ ของสถานประกอบการที่อยใู่ นจงั หวดั ที่มีค่าแรงข้นั ต่า ต่าสุดของประเทศ ตอ้ งจ่ายเงินเพิ่มข้ึนอีกเท่าตวั หากรวมกบั จานวนคนพิการท่ีตอ้ งจา้ งเพิ่มข้ึนดว้ ยแลว้ จะตอ้ งจ่ายเงินเพมิ่ ข้ึนถึง 4 เทา่ ถึงแมน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะไดป้ ฏิบตั ิตามสดั ส่วนการจา้ งงานคนพิการแลว้ก็ตาม นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการยงั มีหนา้ ท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมตอ่ คนพิการ ตามมาตรา 15 ถึง มาตรา 17 อยา่ งไรก็ตาม กฎหมายว่าดว้ ยการห้ามเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการยงั เป็ นเรื่องใหม่ ยงั ขาดรายละเอียดว่าขอ้ เท็จจริงอย่างไร ท่ีจะถือว่าเป็ นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการ ความสาเร็จของการใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยความเท่าเทียมกนั ในโอกาสของคนพกิ ารในการมีงานทาข้ึนอยกู่ บั การบงั คบั ใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพิการและระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการ ให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิผล ด้วยเหตุน้ีคณะผูว้ ิจยั จึงมีขอ้ เสนอแนะดงั ตอ่ ไปน้ี 1.ใหบ้ งั คบั ใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพิการ(มาตรา 15 ถึง 17) ใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิผล โดยดาเนินการดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ให้จดั คู่มือเพ่ือให้ทราบวา่ ขอ้ เทจ็ จริงอยา่ งไร ถือวา่ เป็ นการเลือกปฏิบตั ิในการจา้ งงานคนพิการโดยตรงและโดยออ้ ม ในเรื่องน้ีควรไดร้ ับความช่วยเหลือจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ซ่ึงเป็ นองค์การที่มีองค์ความรู้เร่ืองน้ีดีเป็ นอย่างดี เนื่องจากการห้ามเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมตอ่ คนพิการท้งั ทางตรงทางออ้ ม ของมาตรา 15 ที่ไดบ้ ญั ญตั ิถอ้ ยคาของการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพกิ าร ท้งั ทางตรง และทางออ้ มไวเ้ พยี งกวา้ ง ๆ (2) ใหจ้ ดั ฝึกอบรม หรือส่ือสารดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ ใหแ้ ก่หน่วยงานของรัฐ และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจในคู่มือดงั กล่าว (3) ใหย้ กระดบั คณะอนุกรรมการการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมต่อคนพกิ าร 4

เป็ นคณะกรรมการการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการที่เป็ นองค์กรอิสระเพ่ือให้สามารถอานวยความเป็ นธรรมให้แก่คนพิการได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยเฉพาะในกรณีหน่วยงานของรัฐเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมในการจา้ งงานคนพกิ าร 2.ให้มีการบงั คบั ใช้กฎหมายว่าด้วยระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการ ให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิผล โดยดาเนินการดงั ต่อไปน้ี 2.1 ใหม้ ีการพฒั นาระบบจดั หางานสาหรับคนพิการใหท้ นั สมยั เม่ือกฎกระทรวงออกตามมาตรา 33 และมาตรา 34 วรรค 1 ไม่เปิ ดโอกาสให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการใชว้ ธิ ีประกาศรับคนพกิ าร และไมม่ ีคนพิการมาสมคั ร ไมต่ อ้ งจ่ายเงินเขา้กองทุนฯ การพฒั นาระบบจดั หางานใหแ้ ก่คนพิการยอ่ มมีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ท้งั น้ีเพ่ือใหเ้ กิดความเป็ นธรรมแก่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่ตอ้ งการจา้ งแรงงานคนพิการอยา่ งแทจ้ ริง สามารถจา้ งแรงงานคนพกิ ารไดต้ ามที่ตอ้ งการ การพฒั นาระบบจดั หางานสาหรับคนพกิ ารใหท้ นั สมยั ใหด้ าเนินการดงั ต่อไปน้ี (1) ให้โรงเรียนเฉพาะความพิการและกรมพฒั นาฝี มือแรงงานวางแผนฝึ กงานให้แก่คนพิการ ตามความตอ้ งการของคนพิการและของนายจา้ ง แทนการฝึ กงานตามท่ี โรงเรียนเฉพาะความพิการ หรือกรมพฒั นาฝี มือแรงงานตอ้ งการฝึ ก ท้งั น้ีเพื่อมิให้การฝึ กงานแก่คนพิการดงั กล่วกลายเป็ นการสูญเปล่า (2) กรมจดั หางานตอ้ งพฒั นาระบบที่ใหบ้ ริการแก่คนพิการไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึงในทุกตาบลกล่าวคือ สานกั งานจดั หางานจงั หวดั ตอ้ งทาเครือข่ายกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ให้คนพิการไปลงทะเบียนสมคั รงานที่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นได้ (3) กรมจดั หางานจะตอ้ งพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์ให้รองรับเพ่ือให้การสมคั รงานผา่ นระบบ Online ของคนพิการเป็ นไปไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลเพื่อ เปิ ดโอกาสให้คนพิการสมคั รงานทาง อินเตอร์เน็ต (Internet) ไดด้ ว้ ยตนเองอีกทางหน่ึง และเช่ือมโยงขอ้ มูลที่คนพกิ ารสมคั รงานผา่ นระบบ Online เขา้ มาอยใู่ นระบบของกรมจดั หางานไดด้ ว้ ย (4) ให้กรมจดั หางานขยายผลการจดั หางานแบบจบั คู่ พร้อมอานวยความสะดวกใหแ้ ก่คนพิการ โดยตอ้ งไมล่ ืมวา่ คนพิการส่วนใหญย่ ากจน การเดินทางไปหานายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเพ่ือสัมภาษณ์ดว้ ยตนเองน้นั ยอ่ มมีปัญหาเร่ืองค่าใชจ้ ่าย และค่าใชจ้ ่ายจะมากย่ิงข้ึนหากไม่มีขนส่งสาธารณะในทอ้ งที่ของตน (5) ให้กรมจดั หางานจดั ให้มีระบบผชู้ ่วยฝึ กงาน (Job Coach) การจดั หางานให้คนพกิ ารบางประเภท เช่น คนตาบอด มีความจาเป็ นตอ้ งมีผชู้ ่วยฝึ กงาน (Job Coach) ช่วยเหลือต้งั แต่ฝึ กให้คนตาบอดเดินทางไปทางานและสามารถทางานในสานกั งานไดด้ ว้ ยตนเอง 5

(6) ให้กรมจดั หางานสนบั สนุนอุปกรณ์ส่ิงอานวยความสะดวกในการทางานให้แก่คนพิการ เน่ืองจากการทางานของคนพิการอาจตอ้ งมีอุปกรณ์ส่ิงอานวยความสะดวก ซ่ึงโดยทวั่ ไปมกั มีราคาแพง ดงั น้นั คนพิการจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการสนบั สนุนจากรัฐ (7) ส่งเสริมองคก์ รเอกชนจดั หางานใหแ้ ก่คนพกิ าร โดยปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบขอ้ บงั คับ ให้องค์กรด้านคนพิการสามารถเป็ นหน่วยจัดหางานให้แก่คนพิการได้ และรัฐบาลให้ค่าตอบแทนเป็นรายหวั ซ่ึงอาจคิดคานวณจากคา่ ใชจ้ า่ ยที่รัฐไดใ้ ชไ้ ปเพือ่ การดงั กล่าว เพื่อช่วยให้องคก์ รดา้ นคนพิการสามารถขยายงานไดเ้ พมิ่ มากข้ึน การไดร้ ับเงินอุดหนุนเป็ นรายหวั ใหแ้ ก่องคก์ รเอกชนน้นัมีทาอยแู่ ลว้ ในเร่ืองการจดั การศึกษาใหแ้ ก่คนพิการ 2.2 กาหนดให้การจา้ งการงานคนพิการรุนแรง 1 คน มีค่าเท่ากบั การจา้ งแรงงานคนพิการทว่ั ไป 2 คน เพ่ือสร้างแรงจูงใจใหห้ น่วยงานของรัฐ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจา้ งแรงงานคนพิการที่มีระดับรุนแรง เน่ืองจากที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมกั เลี่ยงการจา้ งคนพิการระดบั รุนแรง เลือกจา้ งงานคนพิการที่มีระดบั ความพิการเพียงเลก็ นอ้ ย เพราะการจา้ งแรงงานคนพิการระดบั รุนแรงนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจดั ทาส่ิงอานวยความสะดวกใหด้ ว้ ย 2.3 การพฒั นาระบบการสร้างงานให้แก่คนพิการตามมาตรา 35 ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 13ตุลาคม พ.ศ. 2552 หากสัดส่วนการจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพิการในอตั รา 100 : 1 นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจา้ งงานคนพิการจานวน 46,362 อตั รา แต่ ณ วนั ท่ี 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดจ้ า้ งงานคนพิการไปเพียง 3,778 อตั รา ยงั เหลือตาแหน่งงานวา่ งถึงจานวน 43,584 อตั รา แมจ้ ะกาหนดให้หน่วยงานของรัฐจา้ งงานคนพิการตามระบบสัดส่วนในทานองเดียวกบั ภาคเอกชน และไดพ้ ฒั นาระบบการจดั หางานเป็ นอย่างดีแลว้ ก็ตาม แต่น่าเชื่อว่า คนพกิ ารจะไม่เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของหน่วยงานของรัฐ และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งสร้างงานใหแ้ ก่คนพกิ ารตามมาตรา 35 การพฒั นาระบบการสร้างงานใหแ้ ก่คนพกิ ารตามมาตรา 35 ตอ้ งดาเนินการดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ใหเ้ ร่งออกประกาศ เก่ียวกบั เรื่องอตั ราค่าเช่าสถานที่ต้งั รวมกบั ค่าใชจ้ ่ายในการจดัสถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ, เกี่ยวกบั เร่ืองการขายสินคา้ หรือจดั จา้ งเหมาบริการที่ไดม้ าตรฐาน ในกรณีการจดั จา้ งเหมาช่วงงาน และเกี่ยวกบั อตั ราเล้ียงเบ้ียเล้ียงคนพิการในฝึ กงานตามขอ้ 6 ถึงขอ้ 8 ของระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการใหส้ ัมปทาน จดั สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงานฝึกงาน หรือให้การช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผูด้ ูแลคนพิการ พ.ศ. 2552 ท้งั น้ีเพ่ือให้การสร้างงานแก่คนพิการตามมาตรา 35สามารถดาเนินการไปไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย 6

(2) ให้มีการแกไ้ ขปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแห่งชาติ วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ ีการให้สัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงานฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผูด้ ูแลคนพิการ พ.ศ. 2552 เพ่ือให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสูญเสียรายไดห้ รือตอ้ งออกค่าใช้จ่ายไม่มากกวา่ จานวนเงินที่ตอ้ งจา่ ยใหแ้ ก่กองทุนฯ เพอื่ ไมใ่ หเ้ กิดแรงจูงใจจา่ ยเงินเขา้ กองทุนแทนการสร้างานให้แก่คนพิการ ตามมาตรา 35 เน่ืองดว้ ยระเบียบดงั กล่าวคานึงถึงประโยชน์ที่คนพิการจะไดร้ ับมากกวา่ ประโยชน์ที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะตอ้ งเสีย ทาให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการอาจเลือกไม่สร้างงานใหแ้ ก่คนพิการตามมาตรา 35 กไ็ ด้ ตวั อยา่ งนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเลือกให้สถานท่ีแก่คนพิการจาหน่ายสินคา้ หรือบริการแทนการจา้ งงาน ก็ให้คานวณค่าเช่าท้งั ปี เท่ากบั ค่าแรงข้นั ต่าคูณด้วย 365 คูณด้วยจานวนคนพิการท่ีตอ้ งจา้ ง ซ่ึงมูลคา่ สูงยอ่ มกวา่ จานวนเงินที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจ่ายเงินสมทบเขา้ กองทุนฯ (แมย้ ึดตามอตั ราที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็ใช้สูตร ค่าแรงข้นั ต่าสุดของประเทศคูณดว้ ย 365 คูณดว้ ยจานวนคนพกิ ารที่ตอ้ งจา้ ง) ดงั น้นั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการน่าจะเลือกจ่ายเงินสมทบเขา้ กองทุนฯ มากกวา่ (3) ให้รัฐบาลมีนโยบายใหห้ น่วยงานของรัฐสร้างงานให้แก่คนพิการตามมาตรา 35ในกรณีไมอ่ าจจา้ งงานคนพกิ ารไดต้ ามมาตรา 33 ในการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไปตามมาตรา 35 น้ี รัฐบาลควรกาหนดเป็ นนโยบายใหห้ น่วยงานราชการนาไปปฏิบตั ิในกรณีท่ีหน่วยงานราชการไม่สามารถจา้ งงานคนพิการตามอตั ราส่วนที่กฎหมายกาหนด เพราะกรณีหน่วยงานของรัฐ ไม่เหมือนกบั หน่วยงานของเอกชน หากหน่วยงานของรัฐไม่จา้ งงานคนพิการก็ไม่สามารถบังคับให้จ่ายเงินเข้ากองทุนฯ ได้ ดังน้ัน หน่วยงานของรัฐจึงต้องให้ความสาคญั ในการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไปตามมาตรา 35 มากกวา่ หน่วยงานของเอกชน (4) ใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจดั ทาสิ่งอานวยความสะดวกเพ่ือใหค้ นพิการทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แทนการจา้ งงานคนพิการบางส่วนได้ หากหน่วยงานของรัฐนายจ้างหรื อเจ้าของสถานประกอบการมีข้อเสนอที่จะสร้างงานให้แก่คนพิการด้วยวิธีใด ๆนอกเหนือจากระเบียบที่ออกตามมาตรา 35 เช่น การจดั ทาสิ่งอานวยความสะดวกสาหรับคนพิการ ก็สามารถทาได้ เพียงแตค่ ณะอนุกรรมการประกาศหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ียวกบั เร่ืองน้นั ๆ ก็ถือเป็ นอนัใชไ้ ด้ (5) พฒั นาระบบการสร้างงานตามมาตรา 35 ให้แก่คนพิการควบคู่ไปกบั การพฒั นาระบบการจดั หางานผา่ นระบบ Online ในการพฒั นาระบบจดั หางานผ่านระบบ Online สาหรับคนพิการน้นั ตอ้ งเปิ ดโอกาสใหค้ นพิการสามารถแจง้ ความจานงที่จะขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 35เช่น แจง้ ความจานงขอฝึ กงานในดา้ นต่าง ๆ หรือตอ้ งการสถานที่ขายสินคา้ หรือบริการต่าง ๆ เป็ นตน้ 7

ในขณะเดียวกนั นอกจากเปิ ดโอกาสใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการแจง้ ความประสงคท์ ่ีจะรับสมคั รงานแลว้ ยงั ควรเปิ ดโอกาสให้หน่วยงานของรัฐหรือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการแจง้ ความประสงคท์ ่ีจะใหส้ ิทธิประโยชน์ตามมาตรา 35 ในเรื่องต่าง ๆ แทนการจา้ งงานและการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ได้ ส่วนกรมจดั หางานควรจะทาหน้าท่ีประสานงานให้ความตอ้ งการของคนพิการกบัหน่วยงานของรัฐหรือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสอดรับกนั และสามารถดาเนินงานจนบรรลุเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกท้งั เปิ ดโอกาสใหอ้ งคก์ รเอกชนเขา้ มาทาหนา้ ท่ีประสานงานไดด้ ว้ ยในทานองเดียวกนั กบั การจา้ งงานดงั ที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ 2.4 นารายไดท้ ี่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายให้แก่กองทุนฯ ไปให้คนพิการกูย้ ืมเงินไปประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง ดว้ ยการกระจายอานาจการพิจารณาและอนุมตั ิเงินกูไ้ ปยงั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ท้งั น้ีเพื่อความสะดวกของคนพิการในการย่นื คาขอ และความสะดวกของเจา้ หนา้ ที่ในการประเมินความพร้อมของคนพกิ าร เนื่องจากองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินน้นั มีพ้ืนท่ีไมก่ วา้ งขวางมากนกั ประกอบกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเป็นหน่วยงานจ่ายเบ้ียความพิการอยแู่ ลว้หลายองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินให้คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการมารับเบ้ียความพิการดว้ ยตนเอง การให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเป็ นหน่วยพิจารณาและอนุมตั ิเงินกู้ย่อมเหมาะสมกว่าเพราะมีความใกลช้ ิดกบั คนพกิ ารมากกวา่ รู้ดีวา่ คนพิการคนใดในทอ้ งถิ่นของตนน้นั มีความตอ้ งการ จาเป็ นมากนอ้ ยเพียงใดในการกยู้ ืมเงินไปประกอบอาชีพ การชาระหน้ีเงินกกู้ ็สะดวกสาหรับคนพิการ เพราะคนพิการสามารถขอใหห้ กั เบ้ียคนพกิ ารชาระหน้ีเงินกขู้ องตนได้ ทาใหโ้ อกาสหน้ีเงินกเู้ ป็นหน้ีสูญมีนอ้ ยลงกวา่ ที่เป็ นอยู่ การมอบอานาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอานาจพิจารณาและอนุมัติเงินกู้ได้น้ันจาเป็ นตอ้ งแกไ้ ข พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ให้อนุกรรมการบริหารกองทุนมีอานาจที่จะมอบอานาจดงั กล่าวได้ 8

ความเป็ นมา ความสาเร็จของการใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยความเทา่ เทียมกนั ในโอกาสของคนพิการในการมีงานทาข้ึนอยกู่ บั การบงั คบั ใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพิการและระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิผล จริงอยู่ ในหลายประเทศใช้มาตรการการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพิการเป็ นหลกั ในการสร้างความเท่าเทียมกนั ในโอกาสของคนพิการที่ไดร้ ับการจา้ งงาน แต่ตอ้ งไม่ลืมวา่ สาหรับประเทศไทยน้นั ไดใ้ ช้ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการมาต้งั แต่ พ.ศ. 2537 มาตรการการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการ ในส่วนที่เก่ียวกบั การปฏิบตั ิต่อคนพิการเพิ่งประกาศใชใ้ น พ.ศ. 2550และมีการออกกฎหมายลาดบั รองเพ่ือใหม้ าตรการดงั กล่าวใชง้ านไดจ้ ริงก็ในปี พ.ศ. 2553 ดงั น้นั ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานคนพกิ ารยงั มีความสาคญั ระดบั ตน้ ในการสร้างความเท่าเทียมกนั ในโอกาสของคนพิการท่ีไดร้ ับการจา้ งงาน ส่วนการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการในระยะแรกน่าจะทาหน้าท่ีได้บ้าง และคงจะเพ่ิมบทบาทมากข้ึนเรื่อย ๆ จนไปเป็ นบทบาทหลกั ดงั ที่ปรากฏในอารยประเทศ ถึงแมท้ ุกภาคส่วนจะได้ช่วยกันผลักดนั อย่างมากให้มีการออกกฎกระทรวงของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกบั เรื่องสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการตามกฎหมายปัจจุบนั แต่ยงั ไม่มีหน่วยงานใดไดท้ าศึกษาและประเมินความคุม้ ค่าในทางเศรษฐกิจและสังคมเก่ียวกบั อตั ราการจา้ งงานในระบบสัดส่วนอยา่ งแทจ้ ริง ดงั น้นั จึงไม่มีขอ้ มูลอยา่ งเพียงพอที่จะนามาใชส้ นบั สนุนขอ้ โตแ้ ยง้ เกี่ยวกบั อตั ราส่วนการจา้ งงานวา่ ควรจะเป็ นเท่าใด ดว้ ยเหตุน้ีการออกกฎกระทรวงยงั เป็ นประเด็นที่โตเ้ ถียงอยใู่ นช้นั การออกกฎหมายมานานกวา่ 2 ปี อยา่ งไรกต็ าม ในที่สุดกฎกระทรวงน้ีกไ็ ดป้ ระกาศบงั คบั ใชแ้ ลว้ ในปัจจุบนั องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และมหาวิทยาธรรมศาสตร์ไดท้ าขอ้ ตกลงร่วมกนั(MOU) ในการศึกษาวิจยั เก่ียวกบั ระบบกฎหมายว่าดว้ ยการจา้ งงานคนพิการในประเทศไทยภายใต้ความช่วยเหลือของไอริชเอด (Irish Aid-Funded “PEPDEL”) ซ่ึงมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือส่งเสริมสนบั สนุนให้มีการบงั คบั ใช้กฎหมายเกี่ยวกบั การจา้ งงานคนพิการอยา่ งมีประสิทธิผล วตั ถุประสงค์ของรายงานฉบบั น้ีเพ่อื ศึกษานโยบายและขอ้ เทจ็ จริงในปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การจา้ งงานคนพิการ และเนน้ ถึงจุดแข็งและจุดอ่อน พร้อมขอ้ เสนอแนะบางประการตอ่ ระบบกฎหมายท่ีใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์เป็ นมหาวิทยาลยั ที่เก่าแก่ท่ีสุดเป็ นลาดบั สองของประเทศไทยและเป็นหน่ึงในสองของมหาวทิ ยาลยั ที่โด่งดงั ท่ีสุดในประเทศไทย มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ก่อต้งั ข้ึนเม่ือวันท่ี 27 มิ ถุ นาย น พ.ศ.2477 ช่ื อเดิ มคื อ “มหาวิทย าลัย ธ รรมศาส ตร์ แล ะ การเมื อง ”มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ยงั ใหก้ ารศึกษาวชิ านิติศาสตร์และอุทิศตวั ทางานเพ่อื สังคมมาโดยตลอดจนถึง 9

ปัจจุบนั เพ่ือให้เป็ นไปตามอุดมการณ์ของมหาวิทยาลยั ท่ีว่า “เป็ นมหาวิทยาลัยของประชาชน เพื่อประชาชน” มากกว่าร้อยปี แล้วที่มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์เก่ียวขอ้ งกบั เหตุการณ์ทางการเมือง การเรียกร้องใหม้ ีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและการพฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชน คณะนิติศาสตร์มีความต้งั ใจจะให้นักศึกษาได้ศึกษาวิชาการต่าง ๆ ที่หลายหลายเพื่อเป็ นหลักประกันว่านักศึกษารุ่ นใหม่จะมีความรู้ท่ีกว้างขวาง โดยเฉพาะเรื่ องสิ ทธิ มนุ ษยชนมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ไดเ้ ปิ ดสอนวชิ าสมั มนากฎหมายและนโยบายของรัฐเก่ียวกบั คนพิการซ่ึงเป็ นวชิ าเลือกในภาคฤดูร้อนอีกดว้ ย องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศเป็ นผรู้ ับผิดชอบในการยกร่างและทบทวนมาตรฐานแรงงานระหวา่ งประเทศ องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศเป็ นหน่วยงานหน่ึงขององคก์ ารสหประชาชาติที่ช่วยให้มีการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรนายจ้าง และองค์กรของลูกจา้ ง ร่วมกนักาหนดนโยบาย โปรแกรม เพื่อให้การทางานน้นั เป็ นประโยชน์เหมาะสมกบั ทุกฝ่ าย องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศจึงเป็ นหน่วยงานเดียวท่ีรวบรวมความรู้ท่ีแทจ้ ริงของโลกเก่ียวกบั การจา้ งงานและการทางาน องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศยงั ไดม้ ีส่วนสนบั สนุนหลากหลายประเทศใหเ้ กิดโอกาสท่ีเท่าเทียมของเด็ก ชาย และหญิงผพู้ กิ าร โดยผา่ นการใหค้ าแนะนา การวจิ ยั การฝึกอบรม การแบ่งปันความรู้และการแกต้ า่ ง งานวิจยั ชิ้นน้ีได้คน้ ควา้ และวิจยั โดยนักวิชาการ 2 ท่านคือ ศ.ดร. จุไร ทพั วงษ์ ผูเ้ ช่ียวชาญทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ และศาสตราจารยว์ ิริยะ นามศิริพงศพ์ นั ธ์ เป็ นหวั หนา้ ผวู้ ิจยั และยงั ไดร้ ับความร่วมมือจากนกั ศึกษาวิชากฎหมาย มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ผูร้ วบรวมขอ้ มูลและทศั นคติของสถานประกอบการตวั อย่างจานวน 200 แห่งพร้อมด้วยคนงานผูพ้ ิการในสถานประกอบการน้ัน โดยแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ ท้งั น้ี ผลลพั ธ์ทางดา้ นเทคนิคและร่างผลวจิ ยั ไดร้ ับการสนบั สนุนจากองคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ โครงสร้างของงานวจิ ยั : งานวจิ ยั ฉบบั น้ีแบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่และจดั โครงสร้าง ดงั น้ี 1. สถานการณ์การจา้ งงานคนพกิ ารในประเทศไทย 2. ระบบกฎหมายวา่ ดว้ ยการจา้ งงานคนพิการในประเทศไทย 3. ขอ้ เสนอแนะของคณะผวู้ ิจยั เกี่ยวกบั ความสาเร็จของการใชก้ ฎหมายว่าดว้ ยความเท่าเทียมกนั ในโอกาสของคนพกิ ารในการมีงานทา 4. ผลวจิ ยั : มุมมองของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการและลูกจา้ งผพู้ ิการภายใตก้ ารจา้ งงานคนพิการในประเทศไทย 5. บทสรุป 10

1. สถานการณ์การจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย1.1 คานิยามคนพกิ าร คนพิการจดั เป็ นทรัพยากรบุคคลสาคญั กลุ่มหน่ึงของประเทศท่ีมีจานวนเพิ่มข้ึนอยา่ งต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2550 มีจานวนคนพกิ าร ประมาณ 1,871,860 คน อยา่ งไรก็ตามสถิติเกี่ยวกบั จานวนคนพิการในประเทศไทยจะมีความแตกต่างกนั ไปในแต่ละหน่วยงาน กล่าวคือ ขอ้ มูลขององค์กรอนามยั โลก(WHO) ไดป้ ระมาณการวา่ มีคนพิการประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทวั่ โลก และส่วนใหญ่อาศยั อยู่ในเขตชนบทของประเทศกาลงั พฒั นา และประมาณกวา่ ร้อยละ 75 ไม่สามารถเขา้ ถึงหรือเขา้ ถึงบริการท่ีจาเป็ นไดจ้ ากดั มาก ส่วนรายงานการประชุมสุดยอดวา่ ดว้ ยการพฒั นาสังคม (World Summit forSocial Development) ปี พ.ศ. 2538 ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ระบุวา่ มีคนพิการมากกวา่ 1ใน 10 ของประชากรท้งั หมด และคนกลุ่มน้ีมกั จะตกอยใู่ นสภาวะของความยากจน ไม่มีงานทา และถูกโดดเด่ียวจากสังคม2 ส่วนสถาบนั วิจยั สาธารณสุขไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ได้สุ่มตวั อย่างครัวเรือนโดยใชก้ ารตรวจร่างกาย พบวา่ มีคนพิการประมาณร้อยละ 8.1 ของประชากรท้งั หมด3 สถิติจานวนคนพกิ ารของกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษยท์ ี่ประเมินจากจานวนผมู้ าจดทะเบียนคนพิการ ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 1พฤศจิกายน 2539 - 30 กนั ยายน 2553 มีคนพิการที่ไดจ้ ดทะเบียนแลว้ จานวน 906,694 คน4 จะเห็นไดว้ า่ ปัจจุบนั ยงั ไม่มีขอ้ มูลสถิติท่ีจะทาให้ทราบจานวนคนพิการท่ีแน่ชดั เพราะจานวนคนพิการจะมีมากน้อยเพียงใด ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั การให้คาจากดั ความของคาวา่ คนพิการเป็ นสาคญั1.2 สถานการณ์ทางการศึกษาของคนพกิ าร การท่ีคนพกิ ารไมม่ ีงานทาและถึงแมว้ า่ มีงานทาก็มีรายไดต้ ่ามากน้นั สาเหตุหลกั มาจากการขาดโอกาสทางการศึกษา จากการสารวจของสานกั งานสถิติแห่งชาติในกลุ่มประชากรที่พิการอายุต้งั แต่อายุ5 ขวบข้ึนไป จานวน 1,865,298 คน ไมไ่ ดศ้ ึกษาเลยจานวน 453,130 คน (ร้อยละ 24.3) ไดร้ ับการศึกษาจานวน 1,411,680 คน (ร้อยละ 75.7)5 และสาเร็จการศึกษาระดบั ก่อนประถมศึกษาจานวน 1,109,818 2 United Nations. (1995) “Report of the World Summit for Social Development”, 9. 3 สุวิทย์ ประดบั มุข และคณะ. รายงานการวิจยั เรื่องระบบบริการทางการแพทย์และความต้องการของคนพกิ ารตาม พระราชบัญญัตกิ ารฟื้ นฟูสมรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2534. มลู นิธิสาธารณสุขแห่งชาติ. 4 สานกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแห่งชาติ, สถิติจานวนคนพิการ [Online], 1พฤศจิกายน2553. แหล่งท่ีมา http://www.nep.go.th 5 เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบอตั ราร้อยละของคนพิการท่ีมีอายุต้งั แต่ 5 ข้ึนไปจาแนกตามขนาดสถานประกอบการขนาดสถานประกอบการระดบั การศึกษา ระหวา่ งพ.ศ. 2544 กบั พ.ศ. 2550 พบวา่ แนวโน้มทางดา้ น 11

คน (ร้อยละ 78.6) สาเร็จการศึกษาระดบั ประถมศึกษาจานวน 151,470 คน (ร้อยละ 10.7) สาเร็จการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 70,793 คน (ร้อยละ 5.0) สาเร็จการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายจานวน 47,803 คน (ร้อยละ 3.4) สาเร็จการศึกษาระดบั อนุปริญญา (ร้อยละ 0.8) ระดบัปริญญาตรี (ร้อยละ 1.2) และสูงกวา่ ระดบั ปริญญาตรี (ร้อยละ 0.1) ซ่ึงจากขอ้ มูลจะเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ คนพิการส่วนมากไดร้ ับการศึกษาท่ีไม่สูงนกั ดูรายละเอียดตารางท่ี 1 ตารางที่ 1: จานวนและร้อยละของคนพกิ ารอายตุ ้งั แต่ 5 ปี ข้ึนไป แบ่งตามระดบั การศึกษา เพศ และเขตทว่ั ราชอาณาจกั ร 2550 เขตการปกครอง เพศ การศึกษาของคนพกิ าร รวม ในเขต นอกเขต ชาย หญงิ เทศบาล เทศบาล ยอดรวม 1,865,298 311,574 1,553,724 860,435 1,004,863รวมร้อยละ 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0ไม่เรียน หรือ ไม่เคยเรียน 24.3 21.3 24.9 18.4 29.3ได้รับการศึกษา 75.7 78.7 75.1 81.6 70.6ระดบั การศึกษาที่สาเร็จรวมร้อยละ 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0- ก่อนประถมศึกษา 78.6 70.9 80.2 71.2 85.9- ประถมศึกษา 10.7 8.7 11.2 14.2 7.3- มธั ยมศึกษาตอนตน้ 5.0 7.7 4.4 7.2 2.9- มธั ยมศึกษาตอนปลาย 3.4 6.2 2.8 4.7 2.1- อนุปริญญา 0.8 1.7 0.6 1.1 0.6- ปริญญาตรี 1.2 3.8 0.6 1.3 1.0- สูงกวา่ ปริญญาตรี 0.1 0.4 0.0 0.1 0.1- การศึกษาอ่ืน ๆ 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0- ไม่ทราบระดบั การศึกษา 0.1 0.5 0.1 0.1 0.1- ไมท่ ราบ 0.0 0.1 0.0 0.0 0.0ที่มา : สานกั งานสถิติแห่งชาติ สาหรับการศึกษาระดบั อุดมศึกษาจากรายงานของสานกั คณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติ(2552) พบวา่ มีคนพกิ ารท่ีกาลงั ศึกษาในระดบั อาชีวศึกษามีจานวน 1,670 คน ส่วนในระดบั อุดมศึกษามีจานวน 1,953 คนซ่ึงจะเห็นวา่ การศึกษาของคนพิการในระดบั สูง ๆ ยงั มีอยู่นอ้ ยมาก แต่ขอ้ มูลจากการการศึกษาของคนพกิ ารดีข้ึน สถิติของคนพิการท่ีไดก้ ารศึกษาในพ.ศ. 2544 มีเพียงร้อยละ 68.37 แต่ในพ.ศ. 2550 คนพกิ ารไดร้ ับการศึกษาเพิ่มข้ึนเป็ นร้อยละ 75.7 อยา่ งไรกต็ าม ระดบั ช่วงช้นั ระดบั การศึกษาที่สาเร็จยงั คงมีแนวโนม้ ไม่เปลี่ยนแปลง 12

สารวจความตอ้ งการคนทางานในตลาดแรงงานของสานกั งานสถิติแห่งชาติ (2551) พบวา่ เป็ นงานท่ีอยู่ในความตอ้ งการของสถานประกอบการคือ ผทู้ ่ีมีทกั ษะในงานพ้ืนฐาน งานทางเทคนิค งานบริการ และเสมียนหรือเจ้าหน้าที่ท่วั ไป โดยมากต้องการผูท้ ี่จบการศึกษาทางด้านวิชาชีพไม่ว่าจะเป็ นระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สูง หรืออนุปริญญา ซ่ึงการศึกษาในระดบั น้ีมีคนพิการศึกษาอยู่น้อยมาก ดงั น้นั จึงน่าส่งเสริมสนบั สนุนให้คนพิการมีงานทาในกลุ่มงานตามลกั ษณะเช่นน้ี ไม่ว่าจะโดยส่งเสริมด้านการศึกษาหรือการฝึ กอาชีพอย่างมีคุณภาพให้มีทกั ษะตรงกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน ก็น่าจะเป็ นหนทางสาหรับสนบั สนุนการจา้ งงานคนพิการได้ ดูรายละเอียดตารางท่ี 2ตารางท่ี 2 จานวนและร้อยละของสถานประกอบการที่ตอ้ งการจา้ งแรงงานเพิม่จาแนกตามขนาดสถานประกอบการทกั ษะ/ฝีมือแรงงานที่เขา้ มาทางานใหม่ ประเภทอาชีพ ทวั่ ราชอาณาจกั ร พ.ศ. 2551 ทักษะ/ฝี มอื แรงงานท่ีเข้ามาทางานใหม่ภาค / ประเภทอาชีพ รวม มาก ปานกลาง น้อย จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ท่ัวราชอาณาจกั ร 66,350 100.0 12,308 18.6 41,807 63.0 12,234 18.4- ผบู้ ริหาร/ผจู้ ดั การ 1,280 100.0 598 46.7 478 37.3 205 16.0- ผปู้ ระกอบวิชาชีพดา้ นต่าง ๆ 6,807 100.0 2,035 29.9 4,285 63.0 486 7.1- ช่างเทคนิคและผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นเทคนิค 10,966 100.0 2,415 22.0 7,428 67.7 1,123 10.3- เสมียน/เจา้ หนา้ ที่สานกั งาน 7,773 100.0 1,332 17.1 4,838 62.3 1,602 20.6- พนกั งานบริการ/พนกั งานขาย 12,094 100.0 1,491 12.3 7,685 63.6 2,917 24.1- ผปู้ ฏิบตั ิงานฝีมือดา้ นการเกษตรและประมง 77 100.0 1 1.3 44 57.1 32 41.6- ผปู้ ฏิบตั ิงานโดยใชฝ้ ีมือในธุรกิจต่างๆ 13,780 100.0 3,284 23.8 8,748 63.5 1,748 12.7- ผปู้ ฏิบตั ิงานในโรงงาน ผคู้ วบคุมเครื่องจกั ร และ 6,095 100.0 745 12.2 3,749 61.5 1,602 26.3 ผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นการประกอบ- พนกั งาน/คนงานทว่ั ไป 7,478 100.0 407 5.4 4,552 60.9 2,519 33.7หมายเหตุ : สถานประกอบการ 1 แห่ง สามารถตอบประเภทอาชีพที่ตอ้ งการไดม้ ากกวา่ 1 ประเภทอาชีพที่มา : สานกั งานสถิติแห่งชาติ สารวจความตอ้ งการแรงงานของสถานประกอบการ พ.ศ. 25511.3 สถานการณ์การจ้างงานคนพกิ ารท้งั ผู้ชาย ผ้หู ญงิ และเด็กพกิ าร เม่ือพิจารณาถึงการมีงานทาของคนพิการซ่ึงเป็ นการถามคนพิการท่ีมีอายุต้งั แต่ 15 ปี ข้ึนไปและเป็นการสอบถามคนมีงานทาในรอบ 12 เดือนก่อนวนั สัมภาษณ์ พบวา่ คนพิการประมาณ 638,994คน หรือร้อยละ 1.7 เท่าน้ันท่ีมีงานทา ซ่ึงเป็ นอตั ราที่ต่ามากเม่ือเทียบกับคนทวั่ ๆ ไปซ่ึงมีงานทา 13

ประมาณ 37,706,845 คน หรือร้อยละ 98.36 โดยท่ีคนพิการท่ีอยู่นอกเขตเทศบาลมีอตั ราการมีงานทามากกว่าคนพิการที่อยู่ในเขตเทศบาล (ร้อยละ 86.6 และ 13.4 ตามลาดับ) ซ่ึงจะเห็นได้ว่า เม่ือเปรียบเทียบกบั คนทว่ั ไปแลว้ อตั ราการมีงานทาของคนพิการต่ากวา่ คนทวั่ ไปเป็ นอยา่ งมาก การท่ีมีคนพิการอาศยั อยนู่ อกเขตเทศบาลในสัดส่วนที่สูงมากสะทอ้ นต่อการประกอบอาชีพของคนพิการอย่างแน่นอนโดยพบวา่ คนพิการเกินกวา่ คร่ึงหน่ึงประกอบอาชีพเกษตรและประมงมากที่สุด (ร้อยละ55.2)รองลงมาไดแ้ ก่ อาชีพข้นั พ้ืนฐานต่าง ๆ ในดา้ นการขาย การให้บริการ (ร้อยละ13.5) ผปู้ ฏิบตั ิงานในธุรกิจดา้ นความสามารถทางฝี มือ และธุรกิจอ่ืน ๆ (ร้อยละ 10.0) พนกั งานบริการและพนกั งานขายในร้านคา้ (ร้อยละ 8.9) ส่วนอาชีพผูบ้ ญั ญตั ิกฎหมาย ขา้ ราชการระดบั อาวุโส และผจู้ ดั การและตลาดมีอตั ราส่วนที่นอ้ ยมากเพยี งร้อยละ 7.8 เทา่ น้นั เป็ นที่น่าสังเกตว่า หากเปรียบเทียบกลุ่มคนพิการเพศชายกับเพศหญิงแล้ว พบว่ามีความแตกต่างในดา้ นอาชีพคอ่ นขา้ งชดั เจนโดยคนพกิ ารเพศหญิงมีอาชีพดา้ นการบริการและการขายมากกวา่เพศชาย (ร้อยละ 13.1 และร้อยละ 5.6 ตามลาดบั ) และมีคนพิการเพศหญิงเพียงร้อยละ 4.9 เท่าน้นั ที่มีอาชีพรับราชการ ในขณะที่ร้อยละ 10.5 ของคนพิการเพศชายมีอาชีพดา้ นน้ี ดูรายละเอียด ตารางที่ 3 ตารางที่ 3 อตั ราร้อยละของคนพิการท่ีมีอายตุ ้งั แต่ 15 ข้ึนไปท่ีทางาน จาแนกตามขนาดสถานประกอบการอาชีพรวมทว่ั ราชอาณาจกั ร คนทวั่ ไป คนพกิ าร7 รวม เขตการปกครอง เพศ 38,345,839 37,706,845 638,994 ในเขต นอกเขต ชาย หญิง เทศบาล เทศบาลรวม 100 98.3 1.7 638,994 85,872 553,122 360,057 278,937รวมร้อยละ 100.0 13.4 86.6 56.3 43.7จาแนกอาชีพ 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0- ผปู้ ฏิบตั ิงานท่ีมีฝีมือในดา้ นการเกษตรและการประมง 55.2 23.0 60.2 54.6 56.1- พนกั งานบริการและพนกั งานขายในร้านคา้ 8.9 25.0 6.4 5.6 13.1- ผบู้ ญั ญตั ิกฎหมาย ขา้ ราชการระดบั อาวโุ ส และผจู้ ดั การและตลาด 7.8 11.7 7.2 10.5 4.9- ผปู้ ฏิบตั ิงานในธุรกิจดา้ นความสามารถทางฝี มือ และธุรกิจอ่ืน ๆ 10.0 11.2 9.8 11.0 8.8- อาชีพข้นั พ้ืนฐานตา่ ง ๆ ในดา้ นการขาย การใหบ้ ริการและผใู้ ชแ้ รงงาน 13.5 17.2 12.9 13.6 13.4- อาชีพอื่นๆ 4.6 11.7 3.5 4.7 3.7- ผปู้ ฏิบตั ิงานท่ีจดั จาแนกอาชีพไม่ได้ 0.0 0.2 0.0 0.0 0.0ท่ีมา: สานกั งานสถิติแห่งชาติ การสารวจความพกิ าร พ.ศ. 2550เม่ือพิจารณาสถานภาพการทางานในตารางที่ 4 พบวา่ คนพิการส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจส่วนตวั 6 เม่ือพิจารณาเปรียบเทียบคนพกิ ารที่มีงานทา พ.ศ. 2544 พบวา่ คนพกิ ารที่มีงานทาร้อยละ 1.0 และคนทว่ั ไปมีงานทาร้อยละ 99.0 ซ่ึงนบั วา่ สดั ส่วนการมีงานทาของคนพกิ ารในพ.ศ. 2544 ต่ากวา่ พ.ศ. 25507 คนพิการที่ไมม่ ีงานทามีจานวน 1,176,636 คน คิดเป็ นร้อยละ 64.8 ส่วนคนพกิ ารท่ีมีงานทาจานวน 638,994 คน คิด เป็ นร้อยละ 35.2 14

โดยไม่มีลูกจา้ ง (ร้อยละ 46.6) รองลงมาช่วยธุรกิจของครัวเรือน (ร้อยละ 25.9) ลูกจา้ งของภาคเอกชน(20.5) ในขณะท่ีคนพกิ ารท่ีมีสถานภาพเป็นลูกจา้ งของรัฐบาลหรือรัฐวสิ าหกิจมีอยเู่ พียงร้อยละ 2.4 และร้อยละ 0.1 เท่าน้นั ซ่ึงสะทอ้ นให้เห็นอย่างชดั เจนว่า ขาดการสนบั สนุนจากภาครัฐในการจา้ งงานคนพิการ เมื่อพิจารณาจาแนกตามขนาดสถานประกอบการเพศ พบว่าคนพิการหญิงส่วนใหญ่ท่ีมีสถานภาพการทางานคือ ช่วยธุรกิจของครอบครัวครัวโดยไม่ไดร้ ับค่าจา้ งถึงร้อยละ 42.9 ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงภาวะท่ียงั ตอ้ งพ่ึงพงิ คนอื่นในดา้ นเศรษฐกิจท่ีคอ่ นขา้ งสูงของคนพกิ ารหญิง8 ตารางที่ 4 อตั ราร้อยละของคนพกิ ารที่มีอายตุ ้งั แต่ 15 ปี ข้ึนไปที่ทางานจาแนกตามขนาด สถานประกอบการสถานภาพการทางาน เขตการปกครอง และเพศ เขตการปกครอง เพศ สภาพการทางาน รวม ในเขต นอกเขต ชาย หญงิ เทศบาล เทศบาลยอดรวม 638,994 85,872 553,122 360,057 278,937รวมร้อยละ 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0นายจา้ ง 4.3 4.1 4.4 5.9 2.3ผปู้ ระกอบธุรกิจของตนเอง 46.6 46.3 46.7 56.3 34.2ผชู้ ่วยธุรกิจของครัวเรือน 25.9 20.6 26.7 12.7 42.9ลูกจา้ งรัฐบาล 2.4 5.5 1.9 2.9 1.7ลกู จา้ งรัฐวสิ าหกิจ 0.1 0.5 0.1 0.2 0.0ลกู จา้ งเอกชน 20.5 22.6 20.2 22.0 18.6สมาชิกของการรวมกลุ่มผผู้ ลิต 0.1 0.3 0.1 0.1 0.2ผทู้ ี่ไมส่ ามารถจาแนกสถานภาพการทางานได้ 0.0 0.1 0.0 0.0 0.0ไม่ทราบ 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0ที่มา: สานกั งานสถิติแห่งชาติ, รายงานสารวจคนพกิ าร พ.ศ. 2550 นอกจากน้ีผลของการสารวจของสานกั งานสถิติแห่งชาติพบว่า คนพิการที่มีงานทามีรายได้เฉลี่ยต่ากวา่ 4,000 บาทต่อเดือนมีเกินกวา่ คร่ึงหน่ึงถึงร้อยละ 64.0 ซ่ึงต่ากวา่ ค่าจา้ งแรงงานข้นั ต่า ส่วนผู้ท่ีมีรายไดส้ ูงกวา่ เดือนละ 13,000 บาทมีเพียงประมาณร้อยละ 1.63 เท่าน้นั ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงสภาพทางเศรษฐกิจของคนพกิ ารที่หนีไมพ่ น้ ความยากจน ดูรายละเอียดตารางที่ 5 ตารางท่ี 5 จานวนและอตั ราร้อยละของประชากรพกิ ารท่ีมีอายตุ ้งั แต่ 15 ปี ข้ึนไป 8 เมื่อพจิ ารณาเปรียบเทียบอตั ราร้อยละของคนพิการท่ีมีอายตุ ้งั แต่ 15 ข้ึนไปที่ทางานจาแนกตามขนาดสถานประกอบการขนาดสถานประกอบการอาชีพ และสถานภาพการทางาน ระหวา่ งพ.ศ. 2544 กบั พ.ศ. 2550 พบว่าแนวโนม้ ของอาชีพและสถานภาพการทางานไมม่ ีความแตกตา่ งอยา่ งมีนยั สาคญั 15

จาแนกตามขนาดสถานประกอบการรายได้ เขตการปกครอง เพศรายได้ (บาท) รวม ในเขต นอกเขต ชาย หญิง เทศบาล เทศบาลยอดรวม 473,684 68,169 405,516 314,458 159,226รวมร้อยละ 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 7.44 6.58ไมม่ รี ายได้ 7.15 2.58 7.92 61.02 69.91 16.91 13.64นอ้ ยกวา่ 4,000 64.01 50.50 66.28 6.28 4.16 6.26 4.114,001-7,000 15.81 19.81 15.14 1.78 1.33 0.32 0.277,001-10,000 5.56 8.96 4.9910,001-13,000 5.54 12.10 4.43มากกวา่ 13,000 1.63 5.61 0.96ไม่ทราบ 0.3 0.45 0.28ท่ีมา: สานกั งานสถิติแห่งชาติ การสารวจคนพกิ าร 2550 2. ระบบกฎหมายว่าด้วยการจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย2.1 อนุสัญญาระหว่างประเทศเกย่ี วกบั การจ้างงานคนพกิ ารและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิเด็ก พ.ศ. 2533 (Convention on the Rights of theChild) สมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติไดร้ ับรองอนุสัญญาวา่ ดว้ ยสิทธิเด็กเม่ือวนั ท่ี 20 พฤศจิกายน2332 และมีผลบงั คบั ใชเ้ ม่ือวนั ท่ี 2 กนั ยายน 2533 สาหรับประเทศไทยไดใ้ ห้สัตยาบรรณอนุสัญญาระหว่างประเทศดังกล่าวเมื่อวนั ท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ 2535 มีผลบงั คับใช้ประเทศไทยต้งั แต่วนั ที่ 12เมษายน 2535 อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 23 วรรค 3 ตอนท้ายกาหนดให้มีหลักประกนั ว่า เด็กพิการจะสามารถท่ีจะเขา้ ถึงและได้รับการศึกษา การฝึ กอบรม การบริการดูแลสุขภาพ การบริการดา้ นการฟ้ื นฟูสภาพการตระเตรียมสาหรับการจา้ งงาน และโอกาสทางดา้ นสันทนา-การในลกั ษณะที่ส่งเสริมให้เด็กสามารถบรรลุผลสาเร็จอยา่ งเต็มท่ีเท่าท่ีเป็ นไปไดใ้ นการเขา้ กบั สังคมและการพฒั นาตนเอง ซ่ึงรวมถึงการพฒั นาทางวฒั นธรรมและจิตใจดว้ ย ภายใตบ้ รรยากาศความร่วมมือระหวา่ งประเทศ อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบบั ท่ี 159 ว่าด้วยการฟื้ นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพและการจ้างงานสาหรับคนพิการ พ.ศ. 2528 (C159 Vocational Rehabilitation and Employment 16

(Disabled Persons) Convention, 1985) สมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติไดร้ ับรองอนุสัญญาองคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ ฉบบั ที่159 วา่ ดว้ ยการฟ้ื นฟูสมรรถภาพดา้ นอาชีพและการจา้ งงานสาหรับคนพกิ าร เมื่อวนั ที่ 20 มิถุนายน 2526และมีผลบงั คบั ใชเ้ ม่ือวนั ท่ี 20 มิถุนายน 2528 สาหรับประเทศไทยไดใ้ ห้สัตยาบรรณอนุสัญญาองคก์ ารแรงงานระหว่างประเทศดงั กล่าวเมื่อวนั ท่ี 11 ตุลาคม 2550 มีผลบงั คบั ใช้ประเทศไทยต้งั แต่วนั ท่ี 11ตุลาคม 2551 อนุสัญญาองคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศฉบบั ที่ 159 วา่ ดว้ ยการฟ้ื นฟูสมรรถภาพดา้ นอาชีพและการจา้ งงานสาหรับคนพกิ ารใหค้ วามสาคญั ต่อหลกั การแห่งความเสมอภาคดา้ นการประกอบอาชีพและการจา้ งงานระหวา่ งคนพิการและบุคคลทวั่ ไป และยงั ถือวา่ เป็ นมาตรการที่มุ่งสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกนั ระหว่างคนพิการกบั ผูใ้ ชแ้ รงงานทว่ั ไป ไม่เป็ นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรม (ขอ้ 4)นอกจากน้ี อนุสญั ญาดงั กล่าว ยงั ไดเ้ นน้ ย้าถึงหลกั การที่มุ่งใหค้ นพิการมีโอกาสดา้ นการประกอบอาชีพและการจา้ งงานในตลาดแรงงาน (ขอ้ 3) และยงั กาหนดไวช้ ดั แจง้ ใน ขอ้ 5 ท่ีใหอ้ งคก์ รของผใู้ ชแ้ รงงานโดยเฉพาะองคก์ รของและเพื่อคนพิการเขา้ มามีส่วนร่วมในการกาหนดนโยบาย อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิคนพกิ าร (Convention of the Rights of Persons withDisabilities) สมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติไดร้ ับรองอนุสัญญาระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิคนพิการ เม่ือวนั ท่ี 13 ธนั วาคม 2549 และมีผลบงั คบั ใชเ้ ม่ือวนั ที่ 4 พฤษภาคม 2551 สาหรับประเทศไทยไดใ้ ห้สัตยาบรรณอนุสัญญาระหวา่ งประเทศดงั กล่าวเมื่อวนั ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 มีผลบงั คบั ใชป้ ระเทศไทยต้งั แต่วนั ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ประเทศไทยมีหนา้ ท่ีปฏิบตั ิตามอนุสัญญาฯ (เอ) และ (บี) ของวรรค1 ของขอ้ 4 ซ่ึงกาหนดให้ประเทศภาคีออกมาตรการทางกฎหมาย ทางปกครองและมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสมท้งั ปวง เพื่อใหม้ ีการปฏิบตั ิตามสิทธิที่รับรองไวใ้ นอนุสญั ญาน้ี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2517 หา้ มมิใหค้ นหูหนวกและเป็ นใบซ้ ่ึงไม่สามารถอ่านและเขียนหนงั สือได้ มีสิทธิเลือกต้งั และมีสิทธิสมคั รรับเลือกต้งั เป็ นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร แต่ต่อมาผนู้ าคนพกิ ารไดร้ ณรงคใ์ หม้ ีการยกเลิกการจากดั สิทธิดงั กล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยพ.ศ.2534 ไดม้ ีการยกเลิกขอ้ หา้ มไม่ใหค้ นหูหนวกและเป็นใบซ้ ่ึงไม่สามารถอ่านและเขียนหนงั สือไดใ้ ช้สิทธิเลือกต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแต่ยงั ห้ามไม่ให้คนหูหนวกและเป็ นใบซ้ ่ึงไม่สามารถอ่านและเขียนหนงั สือได้ มีสิทธิสมคั รรับเลือกต้งั เป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร การจากดั สิทธิน้ีไดถ้ ูกยกเลิกไปโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ดว้ ยการรณรงคข์ องผนู้ าคนพิการ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ไดเ้ ริ่มมีหลกั ประกนั สิทธิของคนพิการไม่ใหถ้ ูกเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ น 17

ธรรมเพราะเหตุแห่งสภาพทางกายหรือสุขภาพ และกาหนดให้คนพิการมีสิทธิไดร้ ับส่ิงอานวยความสะดวกอนั เป็ นสาธารณะและความช่วยเหลือจากรัฐตามที่กฎหมายกาหนด ถึงแมป้ ัจจุบนั น้ีจะมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 ประกาศใชแ้ ทน อยา่ งไรก็ตามหลกั การใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมีแตก่ ารใชถ้ อ้ ยคาใหช้ ดั เจนข้ึนโดยเพิ่มคาวา่ “ความพิการ” เขา้ ไปอีก นอกเหนือจากคาวา่ “สภาพทางกายหรือสุขภาพ” ในมาตรา 30 วรรค 3 เพ่ือให้มน่ั ใจวา่ การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการน้นั จะไม่เนน้ เร่ืองสภาพทางกายหรือสุขภาพเท่าน้นั แต่จะใหค้ วามสาคญั อุปสรรคต่าง ๆดว้ ย เพราะความพิการเป็ นเร่ืองของความบกพร่องบวกกบั อุปสรรคต่าง ๆ ของสังคม อีกท้งั เพ่ิมเติมเร่ืองการให้คนพิการมีสิทธิเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชน์ไดจ้ ากสวสั ดิการเอาไวใ้ นมาตรา 54 นอกเหนือจากสิ่งอานวยความสะดวกอนั เป็นสาธารณะ กล่องข้อความที่ 1 : กรณนี ายนายศิริมิตร บุญมูล เมื่อมีกฎหมายที่เลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการ คนพิการสามารถนาเรื่องไปร้องเรียนต่อ ผตู้ รวจการแผน่ ดินไดต้ ามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย มาตรา 244 เมื่อผตู้ รวจการแผน่ ดินเห็น วา่ กฎหมายดงั กล่าวขดั ต่อมาตรา 30 วรรค 3 ผตู้ รวจการแผน่ ดินมีอานาจนาเรื่องดงั กล่าวฟ้ องร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรา 245 ยงั มีกฎหมายบางฉบบั ที่คนพิการเช่ือวา่ เป็ นการเลือก ปฏิบตั ิต่อคนพิการโดยทางออ้ ม เช่น พ.ร.บ. ขา้ ราชการฝ่ ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 และ พ.ร.บ.ขา้ ราชการฝ่ ายอยั การ พ.ศ. 2521 ซ่ึงกาหนดคุณสมบตั ิตอ้ งหา้ มเป็ นผพู้ ิพากษาและอยั การว่า “ตอ้ งไมเ่ ป็นผทู้ ่ีมีกายหรือจิตไม่เหมาะสมที่จะเป็นขา้ ราชการตุลาการหรืออยั การ” การกาหนดให้กาย หรือจิตท่ีไม่เหมาะสมในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเป็ นขา้ ราชการตุลาการหรืออยั การเป็ นคุณสมบตั ิตอ้ งหา้ ม ในการเป็ นขา้ ราชการดงั กล่าว ทาให้มีการปฏิเสธไม่รับคนพิการเขา้ เป็ นขา้ ราชการตุลาการ นายศิริ มิตร บุญมูล ได้นาเร่ืองน้ีร้องต่อผูต้ รวจการแผ่นดิน คาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญท่ี 16/2545 ได้ วนิ ิจฉยั วา่ ขอ้ กาหนดในกฎหมายดงั กล่าวไม่ขดั ตอ่ รัฐธรรมนูญ ดว้ ยเหตุผลวา่ ตาแหน่งผพู้ ิพากษาเป็ น ตาแหน่งท่ีมีเกียรติ โดยปฏิบตั ิหน้าท่ีในพระปรมาภิไธยพระมหากษตั ริย์ การปฏิบตั ิหน้าท่ีของผู้ พิพากษามิใช่เพียงแต่พิจารณาพิพากษาอรรถคดีในห้องพิจารณาเท่าน้นั บางคร้ังตอ้ งเดินทางไป ปฏิบตั ิหน้าที่นอกศาล เช่น เพื่อเดินเผชิญสืบ อยา่ งไรก็ตาม คนพิการยงั เชื่อวา่ กฎหมายดงั กล่าวเป็ น การเลือกปฏิบตั ิต่อคนพิการ จึงเป็ นกฎหมายท่ียงั ขดั กบั ขอ้ 5 ของอนุสัญญา CRPD และควรมีการ แกไ้ ขต่อไปตามอนุสัญญา CRPD ขอ้ 4บี ในกรณีที่กฎหมายลาดบั รองหรืออนุบญั ญตั ิขดั ต่อ รัฐธรรมนูญ เช่น พ.ร.บ. จดั ต้งั รัฐวสิ าหกิจต่าง ๆ ไม่ไดก้ าหนดคุณสมบตั ิตอ้ งหา้ มในการเป็นพนกั งาน รัฐวิสาหกิจวา่ “ตอ้ งไม่เป็ นคนพิการ” แต่กฎหมายลาดบั รองไดอ้ อกมากาหนดคุณสมบตั ิตอ้ งห้าม ดงั กล่าวเอาไวม้ ีจานวนถึง 43 รัฐวิสาหกิจ เช่น สานกั งานสลากกินแบ่งรัฐบาล องคก์ ารเภสัชกรรม 18

โรงงานยาสูบ ธนาคารออมสิน หรือการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เป็ นตน้ และมีการกาหนด คุณสมบตั ิตอ้ งหา้ มที่น่าเชื่อวา่ เป็นการเลือกปฏิบตั ิต่อคนพกิ ารทางออ้ มอีกจานวน 55 รัฐวสิ าหกิจ9 เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย องคก์ ารโทรศพั ทแ์ ห่งประเทศไทย หรือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นตน้2.2 ระบบกฎหมายว่าด้วยสัดส่วนการจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการเป็ นระบบท่ีให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการรับคนพิการเข้าทางานในอัตราส่วนท่ีเหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ เพ่ือเป็ นหลกั ประกนั การจา้ งแรงงานคนพิการในตลาดแรงงานทว่ั ไป ระบบสัดส่วนเป็ นมาตรการท่ีหลาย ๆประเทศนามาใช้ นบั ต้งั แตส่ งครามโลกคร้ังท่ี 1 ในระยะแรกจากดั อยเู่ พียงบางประเทศในสหภาพยโุ รปและกลุ่มเป้ าหมายเพียงแค่ทหารผา่ นศึกที่พิการเท่าน้นั แต่ต่อมาไดค้ รอบคลุมไปถึงคนทวั่ ไปท่ีพิการด้วย ระบบสัดส่วนมีวตั ถุประสงค์หลักคือบูรณาการคนพิการให้เขา้ กบั ตลาดแรงงาน และทางานร่วมกบั คนทวั่ ไปได้ เน่ืองจากระบบสัดส่วนมีแนวความคิดวา่ คนพิการส่วนใหญ่ไม่สามารถแข่งขนั กบัคนทวั่ ไปในการหางานในระบบตลาดแรงงานไดด้ ว้ ยตนเอง องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (2549) ไดจ้ าแนกระบบสดั ส่วนออกเป็น 3 รูปแบบดงั น้ี รูปแบบท่ี 1: ระบบสัดส่วนแบบบงั คบั แต่ไม่มีระบบการลงโทษ และ/หรือระบบการบงั คบั ใช้กฎหมาย ดงั เช่นกรณีของประเทศไทยในระยะเร่ิมแรกท่ีใชร้ ะบบสดั ส่วนไดใ้ ชร้ ูปแบบน้ี โดยท่ีประเทศไทยไดม้ ีการกาหนดใช้ระบบสัดส่วนคร้ังแรกในพระราชบญั ญตั ิการฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 โดยมีการออกกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2537) กาหนดอตั ราส่วนการจา้ งงานคนพิการสาหรับสถานประกอบการเอกชนหากมีคนงานต้งั แต่ 200 คนข้ึนไป ตอ้ งจา้ งงานคนพิการในอตั ราส่วนลูกจา้ งทุก 200 คน ต่อคนพิการ 1 คน เศษที่เกิน 100 คน ต้องจ้างคนพิการเพ่ิมอีก 1 คน ถ้าหากสถานประกอบการใดไม่รับคนพิการเขา้ ทางานมีทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบเขา้ กองทุนฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ แต่หากไมป่ ฏิบตั ิตามก็ไม่มีบทลงโทษ รูปแบบที่ 2: ระบบสดั ส่วนแบบบงั คบั พร้อมระบบการลงโทษ (แบบบงั คบั – ค่าปรับ) รูปแบบท่ีมี รูปแบบน้ีมีระบบกาหนด โควตาสาหรับนายจา้ ง ซ่ึงหากนายจา้ งไมส่ ามารถทาตามโควตาไดจ้ ะตอ้ ง 9 วริ ิยะ นามศิริพงศพ์ นั ธุ์ และคณะ. รายงานการวจิ ยั เรื่องการแก้ไขกฎหมายทกี่ ดี กนั คนพกิ ารในการเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคม: ศึกษากรณีกฎหมาย และกฎระเบยี บทจ่ี ากดั สิทธิคนพกิ ารในการประกอบอาชีพ, น.332. 19

จ่ายค่าปรับ (fine or levy system) ซ่ึงโดยปกติเงินน้ีจะถูกส่งเขา้ เป็ นกองทุนเพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการสนบั สนุนเกี่ยวกบั การทางานของคนพิการในรูปแบบต่าง ๆ ต่อไป ดงั เช่นกรณีของประเทศไทยพระราชบญั ญตั ิการฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ถูกยกเลิกและปัจจุบนั ไดใ้ ชพ้ ระราชบญั ญตั ิส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 พระราชบญั ญตั ิฉบบั ใหม่น้ีได้มีการกาหนดทางเลือกใหส้ ถานประกอบการมากข้ึนในการส่งเสริมการจา้ งงานคนพิการ ในขณะเดียวกนั หากสถานประกอบการไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายก็มีบทลงโทษ นอกจากน้ีพระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ียงั กาหนดให้หน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทางานในระบบสัดส่วนอีกด้วย นอกจากน้ีอตั ราส่วนของระบบสดั ส่วนของประเทศไทยกาลงั จะมีการเปล่ียนแปลงอตั ราส่วนตามจากร้อยละ 0.5 เป็ นร้อยละ 110 ซ่ึงจะมีผลบงั คับใช้ในอนาคตอนั ใกล้น้ี ซ่ึงอตั ราส่วนน้ีได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยเมื่อวนั ที่ 22มิถุนายน พ.ศ. 2553 และขณะน้ีกาลงั อยใู่ นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา รูปแบบท่ี 3: ระบบสัดส่วนแบบสมคั รใจ โดยรัฐเป็ นผูเ้ สนอแนะ รูปแบบท่ีมีการแนะนาสัดส่วนแตไ่ มม่ ีการลงโทษ รูปแบบน้ีไมไ่ ดม้ ีการบงั คบั สถานประกอบการแต่เป็นเพียงการเสนอแนะให้มีการจา้ งคนพกิ ารทางาน เป็ นที่ทราบกนั ดีวา่ คานิยามและการจาแนกประเภทของคนพิการในประเทศไทย แต่ละแห่งมีคานิยามและการแบ่งประเภทความพิการแตกต่างกนั ไป อาทิ กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์จาแนกคนพิการออกเป็ น 6 ประเภท สานักงานสถิติแห่งชาติจาแนกออกเป็ น 9ประเภท และกระทรวงศึกษาธิการจาแนกออกเป็น 9 ประเภท11 เป็นตน้ ดงั น้นั จะเห็นไดว้ า่ ความพิการมีหลายลกั ษณะ หลายประเภท และระดบั ความรุนแรงของความพิการก็แตกต่างกนั จึงคาถามในเชิงนโยบายจึงเกิดข้ึนวา่ กลุ่มเป้ าหมายหลกั ระบบสัดส่วนของประเทศไทยควรเป็ นคนพิการกลุ่มใด กรณีของประเทศเยอรมนั กลุ่มเป้ าหมายหลกั คือคนพิการท่ีมีความพิการในระดบั รุนแรง ซ่ึงคนพิการกลุ่มน้ีอาจไม่ไดร้ ับประโยชน์จากกฎหมายห้ามมิให้เลือกปฏิบตั ิ เพราะว่าคนพิการกลุ่มน้ีอาจไม่สามารถแขง่ ขนั หรือหางานทาไดเ้ มื่อเทียบกบั คนพิการในระดบั ท่ีไม่รุนแรง ดงั น้นั มาตรการของระบบสัดส่วนแบบเฉพาะเจาะจงจึงเป็นเคร่ืองมือสาคญั ในการช่วยเหลือและส่งเสริมการจา้ งงานคนพิการเฉพาะกลุ่มได้ ในทางตรงกนั ขา้ มกลุ่มเป้ าหมายหลกั คือคนพิการทุกคนมีสิทธิโดยถว้ นหนา้ ซ่ึงประเทศไทยไดใ้ ช้อยใู่ นปัจจุบนั และมีความเป็ นไปไดท้ ่ีสถานประกอบการจะเลือกคนพิการที่มีความพิการนอ้ ยท่ีสุดซ่ึง 10 แต่เดิมประเทศไทยไดก้ าหนดไวว้ า่ สถานประกอบการเอกชนที่มีลกู จา้ งต้งั แต่ 200 คนข้ึนไป นายจา้ งหรือสถานประกอบการน้นั ตอ้ งจา้ งคนพิการ 1 คน หรือคิดเป็ นร้อยละ 0.5 ส่วนอตั ราส่วนใหม่น้ีกาหนดวา่ นายจา้ งหรือสถานประกอบการท่ีมีลกู จา้ งต้งั แต่ 100 คนข้ึนไป ตอ้ งจา้ งคนพิการ 1 คน หรือคิดเป็ นร้อยละ 1.0 11 ถึงแมว้ า่ แบ่งคนพิการออกเป็ น 9 ประเภทเหมือนกนั แต่คานิยามของสานักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวงศึกษาธิการมีความแตกตา่ งกนั 20

คนพกิ ารเหล่าน้นั อาจไมม่ ีปัญหาในการหางานทาถึงแมน้ วา่ จะไม่มีระบบสัดส่วนก็ตาม12 ส่วนคนพิการระดบั รุนแรงกวา่ กย็ งั คงไมม่ ีงานทาตอ่ ไป13 นอกจากน้ียงั มีประเด็นท่ีถกเถียงกนั ในแง่ของเทคนิควา่ ระบบสัดส่วนควรจะกาหนดในอตั ราคงที่ อตั ราคงท่ีน้ีนิยมใช้กนั อยู่ในหลาย ๆ ประเทศในปัจจุบนั น้ีรวมถึงประเทศไทยดว้ ย หรือควรใช้โควตาโดยกาหนดอตั ราแปรผนั ซ่ึงกาหนดอตั ราแปรผนั น้ีจะเป็ นไปตามขอ้ เทจ็ จริง ตามลกั ษณะของเศรษฐกิจ ประเภทอุตสาหกรรม และตามพ้ืนท่ีและภมู ิภาค ท้งั น้ีเพราะในแต่ละพ้นื ท่ีและแต่ละภูมิภาคมีลกั ษณะของระบบเศรษฐกิจท่ีแตกต่างกนั ดงั น้นั การกาหนด โควตาระบบแปรผนั อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าการกาหนดอตั ราคงท่ี มีบางประเทศได้นาระบบแปรผนั มาใช้ อาทิ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้กาหนดให้ รัฐบาลทอ้ งถิ่น มณฑล เขตปกครองตนอง และเทศบาล เป็ นผูก้ าหนดอตั ราส่วนตามความเหมาะสมในระบบสัดส่วนน้ี แต่ท้งั น้ีก็ยงั อยภู่ ายใตก้ ากบั ของรัฐบาลกลาง การท่ีจะกาหนดสัดส่วนแบบแปรผนั น้ีหน่วยงานในส่วนทอ้ งถิ่นจะตอ้ งมีความเขม้ แข็ง และน่าจะเป็ นทิศทางที่ถูกตอ้ งเพราะคนพิการส่วนใหญ่ ดงั เช่นกรณีของประเทศไทยคนพิการจะอยใู่ นชนบท การเดินทางมาหางานทาในเมืองนบั เป็นอุปสรรคสาคญั ยง่ิ การกาหนด โควตาแบบแปรผนั น้ีจะเกิดข้ึนไดส้ ิ่งสาคญั อบัดบั แรก Political Will ตอ้ งมาก่อน ตลอดจนความเขม้ แข็งของหน่วยงานในระดบั ทอ้ งถ่ิน ความเขา้ ใจและร่ วมมืออย่างแข็งขันของสถานประกอบการ และความพร้อมของคนพิการในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน ถึงแมน้ ว่าการใช้ระบบสัดส่วนโดยกาหนดอตั ราแปรผนั น้ียงั ไม่สามารถเป็ นไปได้สาหรับประเทศไทยในปัจจุบนั แต่ก็ควรจะพิจารณาเป็ นทางเลือกของการกาหนดสัดส่วนตามระบบแปรผนั น้ีไวด้ ว้ ยเมื่อถึงเวลาท่ีเหมาะสมอาจพจิ ารณานามาใชไ้ ด้ หรืออาจจะทดลองนาร่องในทอ้ งถ่ินที่มีความพร้อม อยา่ งไรก็ตามการกาหนดสัดส่วนตามระบบคงที่ประเทศไทยใชอ้ ยปู่ ัจจุบนั ถา้ สามารถทาเกิดประสิทธิภาพเตม็ ท่ีก็จะสามารถช่วยส่งเสริมการจา้ งงานของคนพกิ ารไดเ้ ช่นกนั 2.2.1 ระบบสัดส่วนการจ้างงานตาม พ.ร.บ. การฟื้ นฟูสมรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2534 แนวความคิดเก่ียวกบั ระบบสดั ส่วนการจา้ งงานคนพิการในอตั ราส่วนท่ีเหมาะสมกบั ลูกจา้ งอ่ืนตามกฎหมายไทย เร่ิมมีต้งั แต่คร้ังท่ีมีการยกร่างพ.ร.บ.การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 แต่รัฐบาลในสมยั น้นั ไม่เห็นชอบดว้ ยกบั ขอ้ เสนอของผนู้ าคนพิการ ที่ให้มีการกาหนดไวใ้ นกฎหมายให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการรับคนพิการเขา้ ทางาน ในอตั ราส่วนที่เหมาะสมกบั ลูกจา้ งอื่นดว้ ยเหตุผลวา่ การสร้างแรงจูงใจให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการรับคนพิการเขา้ ทางานดว้ ย 12 คนพิการในประเทศไทยตอ้ งจดทะเบียนคนพิการจึงจะไดส้ ิทธิต่าง ๆพึงจะไดร้ ับตามกฎหมาย 13 ควรจะตอ้ งมีมาตรการเสริมของคนพิการกลุ่มน้ี อาทิ กาหนดให้นบั อตั ราส่วนเกินกวา่ 1 คน ดงั เช่นในบางประเทศยงั ไดพ้ ิจารณาให้สัดส่วนเพ่ิมอีกถา้ หากความพิการมีความรุนแรงมากให้นบั สดั ส่วนเกินกวา่ 1 อตั ราได้เช่นกรณีของประเทศเยอรมนั และฝรั่งเศส เป็ นตน้ 21

สิทธิประโยชนท์ างภาษี น่าจะดีกวา่ การใชม้ าตรการเชิงบงั คบั ใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการรับคนพกิ ารเขา้ ทางาน ส่วนผนู้ าคนพกิ ารตอ้ งการเห็นการจา้ งงานของคนพิการเพ่ิมมากข้ึนอยา่ งเห็นได้ชดั จึงยงั ยืนยนั ให้ใชท้ ้งั มาตรการประโยชน์ทางภาษีควบคู่ไปกบั ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการดว้ ยเหตุน้ีในวาระที่ 2 และวาระท่ี 3 ของการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 ผนู้ าคนพิการจึงไดข้ อความกรุณาจากนายวิชยั โถสุวรรณจินดา สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติในขณะน้นั ให้ช่วยแปลญตั ติเพ่ือเพ่ิมระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการในมาตรา 17 ในวนั พิจารณาวาระที่ 2 และวาระท่ี 3 ของร่างกฎหมายดงั กล่าว คนพิการจานวนหลายร้อยคนไดข้ อความกรุณาสมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติให้ช่วยสนบั สนุนการแปรญตั ติของนายวิชยั โถสุวรรณจินดา และคนพิการเหล่าน้นั ก็ขอเขา้ ร่วมรับฟังการพิจารณาดว้ ย หลงั จากไดม้ ีการอภิปรายเร่ืองน้ีอยา่ งกวา้ งขวาง นายมีชยั ฤชุพนั ธุ์ รองนายกรัฐมนตรีในขณะน้นัซ่ึงอยใู่ นท่ีประชุมดว้ ยไดแ้ จง้ ต่อที่ประชุมวา่ รัฐบาลยนิ ดีให้เพิ่มเติมเรื่องระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการลงในมาตรา 17 ได้ แต่ขอไม่ใหม้ ีมาตรการบงั คบั หากแต่ให้ข้ึนอยกู่ บั ความเมตตาของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเป็นสาคญั มาตรา 17 จึงไดบ้ ญั ญตั ิแต่เพียงวา่ “เพ่ือเป็ นการคุม้ ครองและสงเคราะห์คนพิการ ให้รัฐมนตรีมีอานาจออกกฎกระทรวงกาหนด (2) ให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการของเอกชนรับคนพิการเขา้ ทางานตามลกั ษณะ ของงานในอัตราส่วนท่ีเหมาะสมกับลูกจ้างอื่น ในกรณีท่ีนายจ้างหรื อเจ้าของสถาน ประ กอบ กา รประสง ค์จะ ไม่รั บค นพิก ารเข้า ทาง านตามสั ดส่ วนท่ี กาหนดจะข อส่ ง เงิ นเข้า กองทุนตามมาตรา 16 ตามอตั ราที่กาหนดในกฎกระทรวงแทนการรับคนพิการเขา้ ทางานกไ็ ด”้ ขอ้ 1 วรรค 1 แห่งกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2537 ออกตามความใน พ.ร.บ. การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 กาหนดให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งรับคนพิการสามารถทาไดใ้ นอตั ราลูกจา้ งท้งั หมดไม่วา่ จะอยใู่ นตาแหน่งใด จานวนทุก 200 คนต่อคนพิการ 1 คนเศษของทุก 200 คนถา้ เกิน 100 คนตอ้ งรับคนพกิ ารเพ่ิมอีก 1 คน และ วรรค 2 กาหนดวา่ ให้กรมประชาสงเคราะห์กาหนดลกั ษณะของงานที่คนพกิ ารสามารถทาได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ใน พ.ศ. 2537 คนไทยทว่ั ไปไม่เชื่อวา่ คนพกิ ารมีความสามารถทางานได้ ถึงแมค้ นพิการบางคนมีความสามารถทางานไดก้ ส็ ามารถทางานไดเ้ ฉพาะงานบางประเภทเท่าน้นั เอง ดว้ ยเหตุน้ีกฎกระทรวงจึงกาหนดใหจ้ า้ งเฉพาะคนพิการท่ีสามารถทางานไดต้ ามลกั ษณะงานท่ีกรมประชาสงเคราะห์ประกาศและกาหนดให้เฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ท่ีมีลูกจ้างต้ังแต่ 200 คนข้ึนไปเท่าน้ัน มีหน้าที่ต้องจ้างแรงงานคนพิการตามระบบสดั ส่วน เพ่อื แกป้ ัญหาการกาหนดกรอบงานของคนพิการวา่ สามารถทางานอะไรได้บา้ ง ผูน้ าคนพิการจึงไดร้ ณรงค์ให้กรมประชาสงเคราะห์นาทุกงานของทุกสาขาอาชีพมาประกาศวา่ เป็นงานที่คนพิการสามารถทาได้ โดยไมแ่ ยกแยะวา่ งานประเภทไหน คนพิการประเภทไหนทาได้ แตเ่ ป็นการพดู ไปโดยภาพรวม ดงั น้นั การประกาศลกั ษณะงานของกรมประชาสงเคราะห์จึงมิได้ 22

เป็นอุปสรรคตอ่ การสมคั รงานของคนพิการแต่อยา่ งใด ส่วนการกาหนดให้บริษทั ขนาดใหญ่ที่มีลูกจา้ งต้งั แต่ 200 คนข้ึนไปตอ้ งจา้ งงานคนพิการ เป็ นเรื่องท่ีผูน้ าคนพิการรับได้ ท้งั น้ี เพ่ือให้กฎหมายระบบสดั ส่วนการจา้ งงานสามารถดาเนินการตอ่ ไปได้ แตผ่ นู้ าคนพกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ยกบั การกาหนดสัดส่วนโดยยึดจงั หวดั เป็ นหลกั แต่ตอ้ งการให้ยึดเอานิติบุคคลเป็ นหลกั เพราะบริษทั 2 แห่งที่มีลูกจา้ ง 1,000 คนเทา่ กนั แต่บริษทั หน่ึงมีหลายสาขา แตล่ ะจงั หวดั มีลูกจา้ งไม่ถึง 200 คนก็ไม่ตอ้ งจา้ งงานคนพิการแมแ้ ต่คนเดียว แต่อีกบริษทั หน่ึงมีลูกจา้ ง จงั หวดั ละ 333 คนตอ้ งจา้ งคนพิการจงั หวดั ละ 2 คน รวมท้งั บริษทัตอ้ งจา้ งถึง 6 คน หากใชน้ ิติบุคคลเป็นฐานคิด ท้งั 2 บริษทั ตอ้ งจา้ งงานคนพิการเท่ากนั บริษทั ละ 5 คน ขอ้ 3 แห่งกฎกระทรวงดงั กล่าว กาหนดให้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการใดมีหนา้ ที่รับคนพิการเขา้ ทางาน แตป่ ระสงคจ์ ะไม่รับคนพกิ ารเขา้ ทางานหรือถูกถือวา่ ประสงคจ์ ะไม่รับคนพิการเขา้ ทางาน ใหส้ ่งเงินเขา้ กองทุนฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพกิ ารเป็นรายปี ปี ละคร่ึงหน่ึงของอตั ราค่าจา้ งข้นั ต่าท่ีใชบ้ งั คบั ในทอ้ งที่ท่ีสถานประกอบการต้งั อยคู่ ูณดว้ ยสามร้อยหกสิบห้า และคูณดว้ ยจานวนคนพิการซ่ึงประสงคจ์ ะไม่รับเขา้ ทางาน ผนู้ าคนพิการตอ้ งการให้ใชค้ ่าแรงข้นั ต่าคูณดว้ ย 365 (วนั ) คูณดว้ ยจานวนคนพิการที่ตอ้ งจา้ งท้งั น้ี เพราะตอ้ งการให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจา้ งงานคนพิการมากกว่าจ่ายเงินเขา้กองทุนฯ เพราะยิ่งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ สูงมากเท่าไร ยิ่งมีมูลเหตุชกั จูงใจให้จา้ งแรงงานคนพิการมากเท่าน้นั ย่งิ ใหผ้ ลประโยชน์ในทางภาษีให้หกั ค่าใชจ้ ่ายได้ 2 เท่าของค่าใชจ้ ่ายท่ีจ่ายเป็ นค่าแรงให้กบั คนพิการ ยง่ิ สร้างแรงจงู ใจใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจา้ งคนพกิ ารมากข้ึนอีกทางหน่ึง อยา่ งไรก็ตาม ตวั แทนฝ่ ายนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการยงั เรียกร้องให้จ่ายคร่ึงหน่ึงของค่าแรงข้นั ต่าของทอ้ งถ่ินของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมีลูกจา้ งต้งั แต่ 200 คนข้ึนไปเพือ่ ใหส้ อดรับกบั การคานวณเงินเขา้ กองทุนฯ เป็ นจงั หวดั ๆ ไป นอกเหนือจาก ตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ นอ้ ยลงคร่ึงหน่ึง เน่ืองจากกฎหมายต้งั อยบู่ นหลกั เมตตาธรรม ผนู้ าคนพิการจึงยอมรับเพ่ือให้ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการได้เริ่มตน้ ในประเทศไทย เพราะถึงแมก้ ฎกระทรวงจะกาหนดให้จ่ายเท่ากบั ค่าแรงข้นั ต่าตามท่ีคนพิการเรียกร้อง แต่ถา้ หากนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่ปฏิบตั ิก็ย่อมไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะกฎหมายไม่ไดก้ าหนดสภาพบงั คบั เอาไวว้ ่า ถ้านายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่จ้างงานคนพิการและไม่จ่ายเงินเข้ากองทุนฯ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะถูกลงโทษหรือจะถูกบงั คบั ใหเ้ ป็ นไปตามกฎหมายดว้ ยวธิ ีใด แมผ้ นู้ าคนพิการใหใ้ ชว้ ธิ ีโฆษณาวา่ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการใดไดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมายและไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายหน่วยงานของรัฐยงั เกรงใจวา่ จะถูกฟ้ องขอ้ หาหม่ินประมาทได้ ข้อ 1 วรรค 3 แห่งกฎกระทรวงดงั กล่าว กาหนดให้ ภายในวนั ท่ี 30 มกราคมของแต่ละปีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ตอ้ งแจง้ ใหส้ านกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแห่งชาติ กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษย์ (พ.ก.) ทราบวา่ ตนยงั ไม่ไดจ้ า้ งคนพิการเขา้ 23

ทางาน หรือจา้ งแลว้ แต่ไมค่ รบ และประกาศรับสมคั รคนพิการเขา้ ทางานโดยตอ้ งกาหนดระยะเวลารับสมคั รไม่น้อยกว่า 30 วนั ในกรณีดงั กล่าว ถ้าไม่มีคนพิการมาสมคั รภายในเวลาท่ีกาหนด และสานกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ยงั ไม่ส่งคนมาสมคั รภายใน 30 วนั นบั แต่วนั ท่ีสานกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ไดร้ ับแจง้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการน้นั จะไดร้ ับยกเวน้ ไมต่ อ้ งจา้ งงานคนพกิ ารสาหรับปี น้นั ในกลุ่มนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมาย มีจานวนไม่นอ้ ยใช้วิธีประกาศรับคนพกิ ารเขา้ ทางานในตาแหน่งท่ีเขา้ ใจวา่ คนพิการไม่สามารถทาได้ เพ่ือใชเ้ ป็ นขอ้ อา้ งวา่ ไม่มีคนพิการมาสมคั รเขา้ ทางานและไม่ขอจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ตวั อย่าง ธนาคารบางแห่งประกาศรับสมคั รตาแหน่งวศิ วกรคอมพิวเตอร์ จบปริญญาโท เพราะรู้ดีวา่ ไมม่ ีคนพิการท่ีจบวศิ วกรคอมพิวเตอร์ในระดบั ปริญญาโทมาสมคั รอยา่ งแน่นอน และบริษทั บางแห่งประกาศรับสมคั รคนพิการบางประเภทโดยปฏิเสธคนพิการประเภทอื่น ๆ ซ่ึงน่าจะถือเป็นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการประเภทอ่ืนได1้ 4 ในวนั ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553 นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ในกรุงเทพมหานคร ยงัไม่ไดร้ ับคนพิการเขา้ ทางานและประกาศงานตาแหน่งงานวา่ งจานวนร้อยละ 10.97 และท้งั ประเทศ ยงัไม่ไดร้ ับคนพกิ ารเขา้ ทางานและประกาศงานตาแหน่งงานวา่ งจานวนร้อยละ 6.0615 ถึงแมจ้ ะมีปัญหาระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการไม่มีสภาพบงั คบั ทางกฎหมาย อีกท้งัปัญหาการประกาศรับคนพิการเขา้ ทางานในตาแหน่งท่ีคิดว่าคนพิการทาไม่ไดแ้ ละไม่มีคนพิการมาสมคั ร รวมถึง ปัญหาใชว้ ิธีคานวณระบบสัดส่วนเป็ นจงั หวดั ๆ ไป ถึงกระน้นั ก็ตาม ในปี พ.ศ. 2550นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจา้ งแรงงานคนพิการจานวน 1,216 คน16 อีกท้งั ยนิ ดีจ่ายเงินเขา้กองทุนฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพิการถึง 68.32 ลา้ นบาท กองทุนฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพิการไดน้ าเงินไปให้คนพิการกยู้ มื ไปประกอบอาชีพโดยไม่ตอ้ งเสียดอกเบ้ีย ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2538 - พ.ศ. 2550 จานวน 53,927ราย ถึงแม้ว่า ระบบสัดส่วนการจา้ งงานตาม พ.ร.บ. การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ไม่ประสบผลสาเร็จในการบงั คบั ใชด้ งั ที่ไดก้ ล่าวมาก่อนน้ีแลว้ ในหวั ขอ้ ท่ี 4 แต่หากวิเคราะห์ในแง่มุมที่วา่ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการสามารถสร้างงานให้แก่คนพิการท้งั ในระบบลูกจา้ งและในระบบอาชีพอิสระไดจ้ านวนมากพอสมควร เม่ือนาเอาความเช่ือของสังคมไทยที่เชื่อวา่ คนพิการไม่สามารถทางานไดแ้ ละกฎหมายไม่มีสภาพบงั คบั มาประกอบการพิจารณา ตอ้ งถือวา่ ระบบสัดส่วนการจา้ งงานตาม พ.ร.บ. การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2534 ค่อนขา้ งประสบผลสาเร็จพอสมควร 14 ดูรายละเอียดตารางที่ 1 ในภาคผนวก 15 ดูรายละเอียดตารางที่ 2 ในภาคผนวก 16 สถาบันส่งเสริมและพฒั นาอาชีพคนพกิ าร สานกั ส่งเสริมและพทิ กั ษ์คนพกิ าร 24 ตุลาคม 2551 (ม.ป.ท.:ม.ป.พ.) 24

2.2.2 ระบบสัดส่วนการจ้างงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 เพอื่ ใหร้ ะบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพกิ ารมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากย่ิงข้ึน สภาคนพกิ ารทุกประเภทแห่งประเทศไทยไดเ้ รียกร้องมาโดยตลอดวา่ ใหม้ ีการแกไ้ ขเพิม่ เติมมาตรา 17 (2) ของพ.ร.บ.การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ให้ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการมีสภาพบงั คบัยกเลิกวิธีการให้ประกาศรับคนพิการ ถา้ ไม่มีคนพิการมาสมคั รถือว่าปฏิบตั ิตามกฎหมายแลว้ ไม่ตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ เพื่อมิให้คนดีท่ียินยอมปฏิบตั ิตามกฎหมายถูกเอาเปรียบ รองศาสตราจารยว์ ริ ิยะนามศิริพงศ์พนั ธุ์ และนายมณเฑียร บุญตนั ไดท้ างานวิจยั ให้แก่สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา17ในงานวจิ ยั ดงั กล่าวไดเ้ สนอแนะให้แกไ้ ขปรับปรุงระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการใหม้ ีสภาพบงั คบัดว้ ยการกาหนดให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการของเอกชนตอ้ งส่งเงินเขา้ กองทุนฯ ตามท่ีกฎหมายกาหนด แต่หากส่งล่าชา้ หรือนาส่งไม่ครบถว้ น นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการของเอกชนน้นั ตอ้ งเสียเงินเพ่ิมร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินที่ตอ้ งส่ง และหากถูกทวงถามจากเจา้ หน้าที่ถึง 3 คร้ังแลว้ ยงั ไม่จ่าย ให้เสียค่าปรับไม่เกิน 2 เท่าของจานวนเงินท่ีตอ้ งเสีย ตลอดจนประกาศขอ้ มูลผจู้ งใจไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายต่อสาธารณะ18 เพ่ือให้เกิดสภาพบงั คบั ทางสังคม (SocialSanction) จากตวั เลขของสานักงานสถิติแห่งชาติประจาปี พ.ศ. 2544 พบว่า คนพิการอยู่ในวยั ทางานจานวน 638,994 คนแต่มีงานทาจานวน 237,272 คน คิดเป็นร้อยละ 23.4 ของคนพกิ ารท่ีอยใู่ นวยั ทางานท้งั หมด เพือ่ ใหค้ นพกิ ารมีงานทาเพ่ิมข้ึนอยา่ งมีนยั ยะสาคญั ในเวลาอนั รวดเร็ว ผนู้ าคนพิการจึงมีความประสงค์ให้ระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการ โดยมีจุดมุ่งหมายให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสร้างงานให้แก่คนพิการดว้ ยวิธีใด ๆ ก็ได้ เช่น การจา้ งงาน การให้สัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือใหก้ ารช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ ดว้ ยเหตุว่าการสร้างงานให้คนพิการคน 1 น้ันสามารถสร้างงานให้คนไทยถึง 2 คนเนื่องจากโดยปกติแลว้ คนพิการท่ีไม่มีงานทานอกจากจะตอ้ งเป็ นภาระของครอบครัวแลว้ ยงั ตอ้ งมีคนในครอบครัวอีก 1 คนคอยดูแลดว้ ย มาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 กาหนดว่า “เพ่ือประโยชน์ในการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ ใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการแล ะ ห น่ ว ย ง า นข อ ง รั ฐ รั บ ค นพิ ก า ร เ ข้า ท าง า น ต า ม ลัก ษณ ะ ข อ ง ง า น ให้อัต ร า ส่ ว น ที่ เ ห ม า ะ ส ม กับผปู้ ฏิบตั ิงานในสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐ ท้งั น้ี ใหร้ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงแรงงานออก 17 วริ ิยะ นามศิริพงศพ์ นั ธุแ์ ละคณะ. งานวจิ ยั เรื่อง การแก้ไขกฎหมายทก่ี ดี กดั คนพกิ ารในการเข้าไปมสี ่วนในสังคม, น.142. 18 เรื่องเดียวกนั , น.23. 25

กฎกระทรวงกาหนดจานวนท่ีนายจา้ งของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะตอ้ งรับคนพิการเขา้ ทางาน” ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ไดก้ าหนดให้หน่วยงานของรัฐตอ้ งจา้ งแรงงานคนพิการตามระบบสัดส่วนดว้ ย ซ่ึงแต่ด้งั เดิม นกักฎหมายใหเ้ หตุผลวา่ กฎหมายเอกชนไม่สามารถจะไปบงั คบั หน่วยงานของรัฐได้ แต่ผนู้ าคนพิการให้เหตุผลว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 เป็ นกฎหมายสิทธิมนุษยชนหน่วยงานของรัฐตอ้ งอยใู่ นบงั คบั แห่งกฎหมายสิทธิมนุษยชนดว้ ย นอกจากน้ี ในอารยประเทศ ควรจะทาแบบอยา่ งที่ดีให้เอกชนปฏิบตั ิตาม ไม่ใช่บงั คบั ให้เอกชนทาแต่หน่วยงานของรัฐไม่ยอมทา ท้งั ๆ ที่รัฐมีหนา้ ท่ีดูแลช่วยเหลือใหค้ นพกิ ารมีงานทา ในเร่ืองน้ี ฝ่ ายนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการก็ได้เรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐตอ้ งจา้ งแรงงานคนพิการดว้ ยเหตุผลในทานองเดียวกนั ส่วนการกาหนดจานวนท่ีนายจ้างของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับคนพิการเข้าทางาน ให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงแรงงานออกเป็นกฎกระทรวง มาตรา 34 วรรค 1 บญั ญตั ิไวช้ ดั วา่ “นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมิไดร้ ับคนพิการเขา้ ทางานตามจานวนที่กาหนดตามมาตรา 33 ใหส้ ่งเงินเขา้ กองทุนฯ ตามมาตรา 24 (5)” น้นั หมายความวา่ ถา้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่จา้ งงานคนพิการตามระบบสัดส่วนที่กฎหมายกาหนดตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะอา้ งวา่ ไดม้ ีการประกาศรับคนพิการแลว้ แตไ่ มม่ ีคนพกิ ารมาสมคั รจึงไม่ตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ หลกั การน้ีน่าจะไม่สามารถนามาใชไ้ ดอ้ ีกแลว้ เพราะกฎหมายมิไดเ้ ปิ ดโอกาสให้ทาเช่นน้นั ได้ ฝ่ ายกฎหมายของสานักงานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติไดม้ ีหนงั สือแจง้ ให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดท้ ราบวา่การประกาศรับคนพิการ ถึงแมไ้ ม่มีคนพิการมาสมคั รก็ตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ตามมาตรา 34 วรรค 1 ในระหวา่ งที่ยงั ไม่มีกฎกระทรวงท่ีออกตามความในมาตรา 33 และมาตรา 34 วรรค 1 มาตรา44 กาหนดให้ บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคาสั่งที่ออกตาม พ.ร.บ.การฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ยงั คงใชบ้ งั คบั ต่อไปเท่าที่ไม่ขดั หรือแยง้ กบั บทบญั ญตั ิแห่ง พ.ร.บ.น้ี จนกวา่ จะมีกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคาส่ังที่ออกตาม พ.ร.บ. น้ี ดว้ ยเหตุน้ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการของเอกชนใดมีลูกจา้ งต้งั แต่ 200 คนข้ึนไป นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการน้นัตอ้ งรับคนพกิ ารเขา้ ทางานในอตั ราส่วนลูกจา้ งทว่ั ไปต่อคนพิการ 200 คนต่อคนพิการ 1 คน ถา้ เศษของลูกจา้ งเกิน 100 คนใหร้ ับคนพกิ ารเพิ่มอีก 1 คน (ขอ้ 1 ของกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2537 ซ่ึงออกตามความใน พ.ร.บ.การฟ้ื นฟสู มรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534) 2.2.2.1 สัดส่วนการจ้างงานคนทวั่ ไปต่อคนคนพกิ ารตามร่างกฎกระทรวง ตามร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา 33 และมาตรา 34 วรรค 1 ผูน้ าคน 26

พิการเสนอใหเ้ พิ่มอตั ราส่วนจา้ งงานคนพิการจาก 200 : 1 เป็ น 50 : 1 ดว้ ยเหตุผลวา่ ระบบสัดส่วนการจา้ งงานน้ีไดเ้ ปล่ียนจุดมุ่งหมายจากการจา้ งงานคนพิการโดยตรงเป็ นมุ่งสร้างงานให้คนพิการเป็ นหลกัหากใชส้ ดั ส่วนลูกจา้ งทวั่ ไปต่อคนพกิ าร 50 : 1 นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่เขา้ ข่ายตอ้ งจา้ งแรงงานคนพกิ ารมีจานวน 23,669 แห่ง จะทาใหม้ ีการจา้ งงานคนพิการตามระบบระบบสัดส่วนการจา้ งงานจานวน 108,180 คน ดว้ ยเหตุวา่ ทุกวนั น้ี ตามตวั เลขสถิติในปี พ.ศ. 2550 คนพิการท่ีอยใู่ นวยั ทางานยงั วา่ งงานถึงร้อยละ 64.81 คิดเป็ นจานวน 1,176,636 คน หากต้งั อยบู่ นขอ้ สมมติฐานวา่ ร้อยละ 50 ไม่อยใู่ นภาวะท่ีจะทางานได้ นน่ั ยอ่ มหมายความวา่ คนพิการวา่ งงานถึง 588,318 คน ประเทศไทยตอ้ งคิดหาวธิ ีสร้างงานให้แก่คนพิการให้มีจานวนเพ่ิมมากข้ึนอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนคนพิการจากภาระไปสู่พลงั สาหรับภาคเอกชน หากระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการยงั ใชอ้ ตั ราส่วน 200 : 1 จะหวงั ใหค้ นพิการมีงานทามากกว่าเดิมอย่างเป็ นสาระสาคญั คงไม่ได้ อย่างมากสามารถเพ่ิมงานให้คนพิการทาเพ่ิมข้ึนก็หลกั พนั อตั ราเท่าน้นั ดว้ ยการบงั คบั ให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมายใหม้ าปฏิบตั ิให้เป็ นไปตามกฎหมาย ในภาวะที่คนพิการยงั วา่ งงานอยเู่ ป็ นจานวนมาก จึงจาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่จะตอ้ งเขา้ มาคิดคน้ หาวธิ ีใหท้ ุกภาคส่วนเขา้ มาร่วมกนั ช่วยกนั สร้างงานใหแ้ ก่คนพิการมีงานทาเพิ่มข้ึนอย่างเป็ นสาระสาคญั การมีงานทาของคนพิการที่เพ่ิมมากข้ึนอยา่ งเป็ นสาระสาคญั ยอ่ มส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติโดยส่วนรวมดว้ ย ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการอตั ราส่วน 200 : 1 น้นั ถือวา่ มีแต่วิสาหกิจขนาดค่อนขา้ งใหญ่เท่าน้นั ท่ีจะเขา้ มารับผิดชอบในการสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการ ส่วนการกาหนดอตั ราส่วน50 : 1 กเ็ ป็นการเสนอวสิ าหกิจขนาดกลางใหเ้ ขา้ มามีส่วนรับผดิ ชอบในการสร้างงานให้แก่คนพิการอีกแรงหน่ึง ส่วนนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมีลูกจา้ งนอ้ ยกวา่ 50 คนซ่ึงถือเป็ นวิสาหกิจขนาดเล็กและวิสาหกิจขนาดเล็กมากไม่ไดร้ ับการเสนอให้เขา้ มามีส่วนร่วมในการสร้างงานให้แก่คนพิการตามระบบสัดส่วนแต่อยา่ งใด ท้งั ๆ ที่ในต่างประเทศ ไดใ้ ห้วิสาหกิจขนาดเล็กมามีส่วนร่วมสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการดว้ ย เช่น โปแลนด์ ฮงั การี ออสเตรเลีย รัสเซีย องั กฤษ เป็นตน้ ส่วนประเทศในเอเชียหลายประเทศไดก้ าหนดใหว้ สิ าหกิจขนาดกลางไดเ้ ขา้ มามีส่วนรับผิดชอบในการจา้ งงานคนพิการดว้ ยเช่น เกาหลีใต้ เวยี ดนาม ฟิ จิ มาเลเซีย เป็ นตน้ 19 ผนู้ าคนพิการยงั มีความเห็นวา่ วสิ าหกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางสามารถใชท้ รัพยากรท่ีตนเองมีอยมู่ าสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการแทนการจา้ งงานให้คนพิการได้ เช่น ให้สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ หรือฝึ กงานให้แก่คนพิการ เป็ นตน้ ซ่ึงในกรณีหลงั น้ีอาจจะไม่เพม่ิ ภาระใหแ้ ก่สถานประกอบการมากนกั จึงกล่าวไดว้ า่ การเสนอให้วิสาหกิจขนาดกลางเขา้มามีส่วนรับผดิ ชอบในการสร้างงานใหค้ นพิการในประเทศไทยน่าจะสมเหตุสมผล นอกจากน้ี ผนู้ าคนพิการยงั มีความเห็นวา่ หากวิเคราะห์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 19 แหลง่ ที่มา : ลงวนั ที่ รง. 0604/14927 ลงวนั ท่ี 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 สานกั งานประกนั สงั คม. 27

แลว้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มีจุดมุ่งหมายให้หน่วยงานของรัฐนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเขา้ มามีบทบาทสาคญั ในการสร้างงานให้แก่คนพิการผา่ นระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการ โดยยึดหลักว่า หากหน่วยงานของรัฐ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการไม่อยใู่ นฐานะที่จะจา้ งงานคนพิการได้ ก็สามารถเลือกหาวธิ ีสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการไดใ้ นรูปแบบต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็ นการใหส้ ัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงานหรือใหก้ ารช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ รวมตลอดไปถึงการฝึ กงานใหแ้ ก่คนพิการด้วย การช่วยเหลือให้คนพิการมีงานทาเป็ นการทวั่ ไปตามมาตรา 35 ตอ้ งถือเป็ นโปรแกรมท่ีเป็ นมาตรการเชิงบวก (Affirmative Action Programmes) ตามขอ้ 27(เอช) แห่งอนุสัญญาระหวา่ งประเทศวา่ดว้ ยสิทธิคนพิการ แต่ถา้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งการทาสิ่งอานวยความสะดวก เพ่ือช่วยเหลือคนพิการคนหน่ึงให้ทางานไดใ้ นสถานประกอบการของตน และขอเอาราคาของส่ิงอานวยความสะดวกมาคานวณเพอ่ื ใชแ้ ทนการจา้ งงานคนพกิ ารอีกตาแหน่งหน่ึง ตามหลกั เกณฑท์ ่ีอนุกรรมการตามระเบียบท่ีออกตามมาตรา 35 กาหนดก็ยอ่ มสามารถทาไดต้ ามมาตรา 35 ซ่ึงในส่วนน้ีตอ้ งถือเป็ นการช่วยเหลือท่ีสมเหตุสมผลแทนการจา้ งงานคนพิการ ปัจจุบนั คณะอนุกรรมการชุดดงั กล่าวยงั มิได้ออกหลกั เกณฑเ์ ก่ียวกบั เร่ืองน้ีแต่อยา่ งใด ในการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแห่งชาติ ซ่ึงมี ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีเป็ นประธาน คร้ังที่ 4/2552 ในวนั ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ท่ีประชุมไดม้ ีมติเห็นชอบกบั ความเห็นที่ตวั แทนองคก์ ารคนพกิ ารระดบั ชาติเสนอ และให้ปลดั กระทรวงแรงงานนาความเห็นน้ีเสนอไปพร้อมกบั ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 33 และ 34 วรรค 1 ตามที่มาตรา 6(2) กาหนดให้ คณะกรรมการดังกล่าวมีอานาจให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีผูร้ ับผิดชอบ ในการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 20 (6) มาตรา 33 มาตรา 34 วรรค 1 และมาตรา 37 วรรค 1 ส่วนฝ่ ายนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ยงั ขอยืนยนั ที่จะใชส้ ัดส่วนการจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนคนพิการ 200 : 1 เช่นเดิม ดว้ ยเหตุผลวา่ มีจานวนคนพิการที่พร้อมจะทางานให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดม้ ีจานวนไม่พออยแู่ ลว้ จึงไม่มีเหตุผลเพ่ิมอตั ราส่วนดงั กล่าวดงั จะเห็นไดจ้ ากการที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการประกาศรับคนพิการเขา้ ทางาน แต่ก็ไม่มีคนพกิ ารมาสมคั รแต่อยา่ งใด อีกท้งั การบงั คบั ให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมีลูกจา้ ง 50คนข้ึนไป ต้องจ้างคนพิการเขา้ ทางานอาจจะมีผลกระทบอย่างมากต่อนายจา้ งหรือเจ้าของสถานประกอบการที่เป็นวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) ตามร่างกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 33 และมาตรา 34 วรรค 1 น้ัน ท่ีรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานไดน้ าเสนอตอ่ คณะรัฐมนตรี ไดน้ าเสนอสัดส่วนการจา้ งงานคนทว่ั ไปต่อคนพิการในอตั ราส่วน 200 : 1 เช่นเดิมตามความเห็นของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ หากพิจารณาขอ้ ดีขอ้ เสียแลว้ สัดส่วนการจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพิการในอตั รา 200 : 1 มีขอ้ ดีอยู่ 28

ท่ีวา่ สามารถทาใหเ้ กิดความเป็ นธรรมระหวา่ งนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการดว้ ยกนั ดว้ ยเหตุว่า อตั รา 200 : 1 ไดม้ ีการถือปฏิบตั ิกนั อยูแ่ ลว้ เมื่อ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการพ.ศ. 2550 ใหเ้ ครื่องมือหลายอยา่ ง ท้งั มาตรการบงั คบั ดว้ ยการอายดั ทรัพยส์ ิน มาตรการบงั คบั ทางสังคมดว้ ยการโฆษณาต่อสาธารณะ และการห้ามเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการเพียงแต่หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งใชเ้ คร่ืองไมเ้ ครื่องมือท่ีกฎหมายใหอ้ ยา่ งจริงจงั ก็พอแลว้ ซ่ึงแต่เดิม คนดีมกั ถูกเอาเปรียบ ส่วนขอ้ เสีย อตั รา 200 : 1 ใช้มานานกว่า 15 ปี แล้ว หากยงั คงสัดส่วนเดิม คงไม่สามารถสร้างงานใหแ้ ก่คนพกิ ารไดอ้ ยา่ งเป็นสาระสาคญั จะสร้างงานใหค้ นพกิ ารเพ่ิมข้ึนก็ไดเ้ พียงหลกัพนั จากการใชม้ าตรการบงั คบั ตามกฎหมายและจากการสร้างงานเพิม่ ข้ึนจากหน่วยงานของรัฐ ส่วนสัดส่วนการจา้ งงานคนทว่ั ไปต่อคนพิการในอตั รา 50 : 1 มีขอ้ ดีอยทู่ ี่วา่ สามารถสร้างงานให้แก่คนพิการได้อย่างเป็ นสาระสาคญั ต้องไม่ลืมว่าจากการสารวจจากสานักงานสถิติแห่งชาติในปี พ.ศ. 2544 คนพิการมีงานทาจานวน 237,272 คน คิดเป็นร้อยละ 23.40 ของคนพิการที่อยู่ในวยั ทางานท้งั หมด แต่ปี พ.ศ. 2550 คนพิการมีงานทาถึง 638,994 คน คิดเป็ นร้อยละ 35.19 จริงอยู่ตวั เลขคนพิการมีงานทาเพ่มิ มากข้ึน ส่วนหน่ึงอาจจะเกิดข้ึนจากวิธีการสารวจท่ีดีข้ึนกวา่ เดิม แต่ปฏิเสธไม่ไดว้ า่ อีกส่วนหน่ึงเกิดจากการศึกษาของคนพิการที่มีมากข้ึน และการกูย้ มื เงินจากกองทุนฯ เพ่ือไปประกอบอาชีพโดยไม่เสียดอกเบ้ีย ขอ้ ดีอีกประการหน่ึง สอดรับกบั การรณรงคข์ องภาคประชาชนหลายส่วนให้มีการปฏิรูปประเทศไทยเพ่ือลดความเหล่ือมล้า สร้างความเป็ นธรรมใหก้ บั สังคม โดยเนน้ ให้ภาคธุรกิจยอมลดกาไรลง เพื่อเข้ามาช่วยสร้างรายได้หรือสวสั ดิการเพิ่มข้ึนให้กับผูม้ ีรายได้น้อยผดู้ อ้ ยโอกาส รวมถึงคนพิการดว้ ย ส่วนขอ้ เสีย อตั รา 50 : 1 เป็ นการเพ่ิมอตั ราแบบกา้ วกระโดด เพราะแต่เดิมมีลูกจา้ ง 200 คน ก็เพียงจา้ งคนพิการ 1 คนเท่าน้นั แต่ตามอตั ราใหม่น้ี ตอ้ งจา้ งคนพิการเพิ่มข้ึนเป็ น 4 คน หรือ 4 เท่าตวั หากปล่อยให้กฎหมายมีสภาพบงั คบั ไดอ้ ย่างไม่ทวั่ ถึง ก็จะทาให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่ปฏิบตั ิตามกฎหมายถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ยง่ิ เมื่อเอาสูตรคานวณการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ มาดูประกอบดว้ ยภาระของนายจ้างหรือเจา้ ของสถานประกอบการอาจจะเพ่ิมข้ึนถึง 8 เท่าตัว ด้วยเหตุว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี วนั ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553 กาหนดใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายเงินสมทบเขา้ กองทุนฯ เท่ากบั ค่าแรงข้นั ต่าสุดของประเทศ ซ่ึงแต่เดิมจ่ายเพียงคร่ึงหน่ึงของค่าแรงข้นั ต่าในจงั หวดั ที่สถานประกอบการน้นั ต้งั อยู่ คณะผวู้ ิจยั เห็นดว้ ยกบั มติคณะรัฐมนตรี ท่ีให้ใชส้ ัดส่วนการจา้ งงานคนทว่ั ไปต่อคนพกิ ารในอตั ราส่วน 100 : 1 ดว้ ยเหตุผลท่ีวา่ กลุ่มเป้ าหมายที่กฎหมายตอ้ งการใชบ้ งั คบั น้นั เป็ นกลุ่มคนพกิ ารทวั่ ไป ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคนพกิ ารรุนแรงเทา่ น้นั อีกท้งั เจตนารมณ์ของมาตรา 33 มาตรา 34 วรรค 1และมาตรา 35 มีจุดมุ่งหมายให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสร้างงานให้แก่คนพิการให้ได้อย่างเป็ นสาระสาคญั เพราะถึงแมไ้ ม่มีคนพิการให้จา้ งตามมาตรา 33 และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถาน 29

ประกอบการไม่ประสงค์จะจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ก็สามารถเลือกวิธีสร้างงานให้แก่คนพิการได้ตามมาตรา 35 รวมท้งั การฝึ กงานให้แก่คนพิการดว้ ย และคณะอนุกรรมการควรออกหลกั เกณฑเ์ พ่ิมเติมให้สามารถกาหนดมูลค่าของส่ิงอานวยความสะดวกให้กบั คนงานผูพ้ ิการแทนการจา้ งงานคนพิการอีกส่วนหน่ึงก็ได้ หากจะใช้สัดส่วน 200 : 1 เช่นเดิม ตอ้ งกาหนดให้ใช้เฉพาะกบั กลุ่มคนพิการรุนแรงเท่าน้นั ส่วนคนพิการทวั่ ไปใชห้ ลกั การหา้ มเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมแทน แต่ถา้ ยึดหลกั วา่ ไม่มีคนพิการท่ีมีคุณสมบตั ิตามท่ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการรับสมคั รจึงไม่จาเป็ นตอ้ งเปล่ียนแปลงสัดส่วนการจา้ งงานคนพกิ ารและกลุ่มเป้ าหมาย ประเทศไทยก็จะติดกบั ไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนการจา้ งงานระหวา่ งคนทวั่ ไปกบั คนพิการไดไ้ ปตลอด แตถ่ า้ จะเพิ่มสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการเป็น 50 : 1 ก็จะเป็ นการเพิ่มภาระให้กบั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมากเกินไป เพราะนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะตอ้ งมีภาระเพิม่ ข้ึน ระหวา่ ง 4-8 เทา่ สดั ส่วนการจา้ งงานคนพิการในอตั รา 100 : 1ก็น่าจะช่วยใหค้ นพกิ ารท่ีตอ้ งการมีงานทาสามารถทางานไดม้ ากข้ึน ตวั เลขที่คนพิการสมคั รทางานและมีงานทากน็ ่าจะเพิ่มมากข้ึนกวา่ ที่เป็นอยู่ การใช้สัดส่วน 100 : 1 หากพิจารณาตวั เลขการจา้ งงานของคนพิการโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครพบวา่ สถานประกอบการ 352 แห่งซ่ึงคิดเป็ นร้อยละ 17.66 ของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการในกรุงเทพมหานครท้งั หมด มีหนา้ ท่ีตอ้ งจา้ งงานคนพิการตามระบบสัดส่วนเป็ นจานวน 681 คน แต่ไดจ้ า้ งถึง 829 คน นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการกลุ่มน้ี หากจะจา้ งหรือสร้างงานให้คนพิการเพิ่มให้ครบอตั รา 100 : 1 ก็น่าจะทาไดไ้ ม่ยุง่ ยากจนเกินไป เพราะสามารถใช้วิธีจา้ งคนพิการเพ่ิมหรือสร้างงานให้แก่คนพิการดว้ ยวิธีอ่ืนก็ได,้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการอีก 400 กวา่ แห่งท่ีเลือกจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ คิดเป็ นร้อยละ 24.64 กลุ่มน้ีอาจจะเลือกจา้ งหรือสร้างงานใหค้ นพิการเพม่ิ หรือจา่ ยเงินเพม่ิ อีกกม็ ีความเป็นไปไดอ้ ยมู่ าก, กลุ่มท่ีจะมีภาระมากข้ึน คือ กลุ่มนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจานวน 160 แห่งท่ีจา้ งคนพิการเขา้ ทางานไม่ครบตามอตั ราส่วนและประกาศตาแหน่งงานวา่ ง รับคนพิการเขา้ ทางานแลว้ จานวน 383 คน กลุ่มน้ีตอ้ งมีภาระท้งั ของเดิมและที่เพ่ิมข้ึนใหม่ แต่เมื่อเปิ ดโอกาสให้สร้างงานให้แก่คนพิการด้วยวิธีอื่นได้ กลุ่มน้ีก็อาจจะยงั มีภาระมากกวา่ 2 กลุ่มแรกไม่มากนกั แต่กลุ่มท่ีจะมีภาระมากที่สุดคือกลุ่มที่ประกาศรับคนพิการแตย่ งั ไมไ่ ดม้ ีการจา้ งงานคนพิการแต่อยา่ งใด และกลุ่มที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมายซ่ึงมีท้งั หมด 943 แห่ง คิดเป็ นร้อยละ 47.03 เมื่อพิจารณาถึงภาระของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีเพ่ิมข้ึนก็เพิ่มข้ึนนอ้ ยกวา่ ใช้อตั รา 50 : 1 ถึงเทา่ ตวั เพราะการเพิ่มข้ึนของภาระของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการในกรณีใช้อตั รา 200 : 1 ก็น่าจะพอยอมรับได้ และตอ้ งไม่ลืมวา่ กลุ่มเป้ าหมายคนพิการที่อยใู่ นบงั คบั ของระบบสดั ส่วนการจา้ งงานคนพิการน้นั เป็นคนพกิ ารทว่ั ไป ไม่ใช่เฉพาะคนพิการรุนแรงเท่าน้นั กล่าวโดยสรุป สัดส่วนการจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพกิ าร 100 : 1 น่าจะเป็นอตั ราส่วนท่ี 30

เหมาะสมท่ีสุด เพราะสามารถสร้างงานใหค้ นพิการไดเ้ พ่ิมข้ึนอีกประมาณ 2-3 หมื่นอตั รา20 ซ่ึงอาจจะเป็นการจา้ งงานหรือการสร้างงานประเภทอาชีพอิสระใหแ้ ก่คนพิการก็ได้ ในขณะเดียวกนั ก็ไม่เป็ นการเพม่ิ ภาระใหแ้ ก่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมากจนเกินไปนกั เน่ืองจากการจา้ งงานคนพิการนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะไดร้ ับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการอาจจะหนั มาฝึกงานใหแ้ ก่คนพิการมากข้ึน ท้งั น้ี เพื่อใหไ้ ดค้ นพิการตรงตามสายงานของตน กรณีหลังน้ีย่อมเป็ นประโยชน์ท้งั แก่คนพิการ และนายจ้างหรือเจา้ ของสถานประกอบการ การสร้างความเขา้ ใจกบั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจึงเป็ นเร่ืองจาเป็ น เพราะจากแบบสอบถามพบวา่ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่ทราบเร่ืองเกี่ยวกบั กฎหมายวา่ ดว้ ยระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการโดยเฉพาะมาตรา 35 มีจานวน 112 ราย คิดเป็ นร้อยละ 60.54 ของสถานประกอบการ 200 แห่ง (ดูรายละเอียดตารางที่ 5 ในภาคผนวก) เมื่อมาตรการสัดส่วน 100 : 1 ใช้บงั คบั ไปไดส้ ักระยะหน่ึง ประเทศไทยก็ควรเพิ่มอตั ราส่วนเป็ น 50 : 1 ท้งั น้ีเพื่อให้สามารถสร้างงานให้แก่คนพิการอยา่ งเห็นไดอ้ ยา่ งแจง้ ชดั ทาใหม้ ีการเปล่ียนแปลงการมีงานทาของคนพิการเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 40 ของจานวนคนพิการท้งั หมด การเพิ่มอตั ราส่วนเป็ น 50 : 1 น้นั ควรจะกระทาภายใน 3 ปี คือภายในปี 2556 ซ่ึงจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของโลกไดม้ ีการฟ้ื นตวั อยา่ งมีเสถียรภาพ21 ส่วนอตั รา 100 : 1 ยงั คงใหใ้ ชไ้ ดก้ บั กลุ่มคนพิการรุนแรง เพ่ือสร้างแรงจูงใจให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมาจา้ งแรงงานคนพิการระดบั รุนแรงเพ่ิมมากข้ึน เมื่อกฎหมายขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการสามารถทางานไดอ้ ย่างดี ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการอาจมุ่งเนน้ เฉพาะกลุ่มคนพกิ ารรุนแรงก็ได้  การสร้างงานให้แก่คนพิการด้วยวธิ ีอื่นใดแทนการจ้างงานตามระบบสัดส่วนการจ้างงานตามมาตรา 35 ดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ในหวั ขอ้ ความเป็ นมาวา่ ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ.2550 มีจุดมุ่งหมายใหห้ น่วยงานของรัฐ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดส้ ร้างงานใหแ้ ก่คนพิการ เพื่อใหค้ นพิการไม่ตอ้ งเป็ นภาระ แต่กลบั มาเป็นพลงั ใหแ้ ก่สงั คม ใหค้ นพกิ ารมีส่วนร่วมในการสร้างความมงั่ คง่ั ในทางเศรษฐกิจให้กบั ประเทศไทยดว้ ย ดว้ ยเหตุน้ีจึงกาหนดใหห้ น่วยงานของรัฐ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่จาเป็ นตอ้ งจา้ งงานคนพิการด้วยตนเอง แต่อาจจะมาช่วยฝึ กงาน หรือให้สัมปทาน จดั สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน หรือใหก้ ารช่วยเหล่ืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ มาตรการตาม 20 ดูรายละเอียดตารางที่ 3 ในภาคผนวก 21 คนพิการท่ีมีอายตุ ้งั แต่ 15 ปี ข้ึนไปท่ีทางานและมีรายได้ มีจานวนท้งั สิ้นประมาณ 237,272 คน คิดเป็ นร้อยละ 23.4 ของคนพกิ ารที่อยใู่ นวยั ทางานซ่ึงมีจานวน 1,003,359 คน อา้ งจาก สานกั งานสถิติแห่งชาติ สานกันายกรัฐมนตรี. รายงานการสารวจคนพกิ าร พ.ศ. 2544. 31

มาตรา 35 น้ีถือเป็นโปรแกรมท่ีเป็นมาตรการเชิงบวก มาตรา 35 กาหนดให้ ในกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐไม่ประสงคจ์ ะรับคนพิการเขา้ ทางานตามมาตรา 33 หรือ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่รับคนพิการเขา้ ทางานตามมาตรา33 และไม่ประสงคจ์ ะส่งเงินเขา้ กองทุนฯ ตามมาตรา 34 หน่วยงานของรัฐ และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการน้นั อาจให้สัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงานฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหลื่ออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการแทนก็ได้ ท้งั น้ี ให้เป็ นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีคณะกรรมการกาหนดในระเบียบวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการใหส้ ัมปทาน จดัสถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผูด้ ูแลคนพิการ พ.ศ. 2552 ในระเบียบดงั กล่าวได้กาหนดให้มีคณะอนุกรรมการชุดหน่ึงซ่ึงปลดั กระทรวงแรงงานเป็ นประธาน มีอานาจหน้าที่กากบั ดูแลหน่วยงานของรัฐ และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไปตามระเบียบน้ี ขอ้ 5 ของระเบียบดงั กล่าวกาหนดให้ การให้สัมปทานตอ้ งมีระยะเวลาดาเนินงานไม่นอ้ ยกวา่ 1 ปี เช่น การใหค้ รอบครองทรัพยส์ ินของหน่วยงานของตน, การจาหน่ายสินคา้ หรือบริการแก่หน่วยงานของตน, การมอบวสั ดุอุปกรณ์ที่หน่วยงานของตนมิได้ใช้ประโยชน์เพื่อให้คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ, การจดั สรรคลื่นความถ่ีหรือเวลาออกอากาศของสถานีวทิ ยุ หรือสถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์หรืออ่ืน ๆ เป็นตน้ ขอ้ ที่ 6 ของระเบียบดงั กล่าวกาหนดให้ สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการตอ้ งต้งั ใหอ้ ยู่ในสถานที่เห็นไดง้ ่าย, มีสาธารณูปโภค และสิ่งอานวยความสะดวกที่คนพิการเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชน์ได,้ สถานท่ีตอ้ งมน่ั คงแขง็ แรง ปลอดภยั , ไดร้ ับการยกเวน้ ค่าเช่าพ้ืนที่, มีระยะเวลาดาเนินงานไม่นอ้ ยกวา่ หน่ึงปี ขอ้ ท่ี 7 ของระเบียบดงั กล่าวกาหนดให้ การจดั จา้ งเหมาช่วงงานให้มีการทาสัญญาเพ่ือให้คนพิการไดม้ ีอาชีพและมีระยะเวลาดาเนินงานไม่นอ้ ยกวา่ หกเดือน หน่วยงานรัฐให้รวมถึงส่ังซ้ือสินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์จากคนพิการโดยวิธีกรณีพิเศษ, ขายสินคา้ หรือจดั จา้ งเหมาบริการให้คนพิการโดยวิธีกรณีพิเศษ หรือให้วสั ดุอุปกรณ์ที่หมดความจาเป็ นแก่คนพิการตามความจาเป็ น ส่วนนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการให้รวมถึงสั่งซ้ือสินคา้ หรือผลิตภณั ฑจ์ ากคนพิการ, ขายสินคา้หรือจดั จา้ งเหมาบริการท่ีไดม้ าตรฐาน หรืออนุญาตให้ใชส้ ิทธิเคร่ืองหมายการคา้ วสั ดุอุปกรณ์หรือทรัพยส์ ินทางปัญญา ขอ้ ที่ 8 ของระเบียบดงั กล่าวกาหนดให้ การฝึ กงานแก่คนพิการไม่น้อยกวา่ หกเดือน,ตอ้ งมีการถ่ายทอดวทิ ยาการ เทคโนโลยี กระบวนการผลิต หรือองคค์ วามรู้ขององคก์ ร, หลกั สูตรในการฝึ กงานตอ้ งเสนอต่อปลดั กระทรวงแรงงานหรือผวู้ า่ ราชการจงั หวดั , ตอ้ งรับผิดชอบในการจดั สถานท่ีวสั ดุอุปกรณ์ เอกสาร วทิ ยากร เบ้ียเล้ียงคนพิการโดยมิใหเ้ รียกเก็บคา่ ใชจ้ า่ ยใด ๆ แก่คนพกิ าร 32

 ประโยชน์สูงสุดในการปฏิบตั ิตามมาตรา 33 หรือมาตรา 35 ประโยชน์สูงสุดในการปฏิบตั ิตามมาตรา 33 ถึง มาตรา 35 น่าจะเป็ นเร่ืองการจา้ งงานคนพกิ าร ดว้ ยเหตุผลที่วา่ หากมีการจา้ งงานคนพิการ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมีสิทธิท้งัหกั ค่าใชจ้ า่ ยเป็ น 2 เท่าของเงินเดือนท่ีจ่ายจริง (มาตรา 34 วรรค 3 และ มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบบั ที่ 499 ลงวนั ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553) จึงเห็นไดช้ ดั ว่าในกรณีที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเปิ ดรับสมคั รงานทั่วไป และมีคนพิการไปสมคั ร อีกท้งั สามารถผ่านการทดสอบได้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมีเหตุผลที่จะรับคนพิการมากที่สุด เพราะจะไม่ถูกร้องเรื่องวา่ มีการเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมตอ่ คนพกิ าร และยงั มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมท้งั ไม่ตอ้ งจ่ายเงินเขา้กองทุนฯ แต่อยา่ งใด แต่ถา้ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเลือกที่จะจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ เงินที่จ่ายน้นั ก็หกั ค่าใช้จ่ายไดเ้ พียงเท่าเดียว นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมีแต่เสียไมไดร้ ับอะไรตอบแทน หากเลือกสร้างงานให้แก่คนพิการตามมาตรา 35 ค่าใชจ้ ่ายก็หักไดเ้ พียงเท่าเดียว แต่พอจะนาไปประชาสมั พนั ธ์สร้างภาพพจนใ์ หแ้ ก่องคก์ รในเร่ืองความรับผดิ ชอบต่อสังคม (CSR) ได้ อยา่ งไรก็ตาม ท้งั 2 กรณี ยงั ตอ้ งอยใู่ นบงั คบั การหา้ มเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการ 2.2.2.2 การคานวณจานวนเงินทจี่ ่ายเข้ากองทนุ ฟื้ นฟูสมรรถภาพคนพกิ าร ผูน้ าคนพิการตอ้ งการให้จ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ เพ่ิมข้ึนเท่ากบั สามร้อยหกสิบห้าคูณค่าแรงข้นั ต่าคูณจานวนคนพิการที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจา้ ง เพ่ือสร้างแรงกดดนัใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการหนั มาจา้ งงานคนพิการมากกวา่ การจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ยิ่งจา่ ยเงินเขา้ กองทุนฯ สูงมากข้ึนเพียงใด ยง่ิ สร้างแรงกดดนั ใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการหนัมาจา้ งหรือสร้างงานให้แก่คนพิการเพ่ิมมากข้ึนเท่าน้นั แต่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการยงัยืนยนั เช่นเดิม โดยอา้ งว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะย่าแย่ เกรงว่าจะกระทบต่อกิจการของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการได้ เพราะนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯเพ่ิมข้ึนเป็ น 8 เท่าของจานวนท่ีเคยจ่าย (เพราะตอ้ งจา้ งคนพิการเพ่ิมข้ึน 4 เท่าจากท่ีเคยจา้ ง และตอ้ งจ่ายเงินเพ่มิ ข้ึนอีก 2 เทา่ จากที่เคยจา่ ย) อยา่ งไรก็ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวนั ท่ี 22 มิถุนายน 2553 กาหนดให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีไมป่ ระสงคจ์ ะจา้ งงานคนพิการมีหนา้ ท่ีตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ เป็ นรายปีปี ละเท่ากบั อตั ราค่าแรงข้นั ต่าสุดของประเทศ คูณดว้ ย 365 คูณดว้ ยจานวนคนพิการที่ตอ้ งจา้ ง ปัจจุบนัค่าแรงข้ันต่าสุดของประเทศอยู่ท่ีจังหวดั แพร่ ในอัตรา 151 บาทต่อวนั ในขณะท่ีค่าแรงข้นั ต่าที่กรุงเทพมหานครอยทู่ ่ี 206 บาทตอ่ วนั การจา้ งงานส่วนใหญอ่ ยใู่ นกรุงเทพมหานคร ดงั น้นั จึงกล่าวไดว้ า่คา่ แรงข้นั ต่าที่คณะรัฐมนตรีกาหนดในกรณีของกรุงเทพมหานครจะเพ่มิ ข้ึนเพียงร้อยละห้าสิบ (จากเดิม103 บาทเป็ น 151 บาท) จึงไม่เป็ นการเพิ่มภาระแก่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการมาก 33

จนเกินไป และการกาหนดคา่ แรงข้นั ต่าสุดของประเทศมาใช้ ทาใหก้ ารคิดคานวณจานวนคนพิการท่ีแต่ละนิติบุคคลตอ้ งจา้ งไม่ตอ้ งอา้ งอิงตามเขตจงั หวดั สามารถกระทาได้ ซ่ึงไดก้ ล่าวมาก่อนหนา้ น้ีแลว้ ว่าการคานวณตามเขตจงั หวดั อาจไม่เป็ นธรรมสาหรับนิติบุคคลที่มีลูกจา้ งเท่ากนั แต่กระจายอยูใ่ นแต่ละจงั หวดั ไม่เทา่ กนั กล่องข้อความที่ 2 : การบังคบั ใช้ระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพกิ าร ถ้านายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการไม่ประสงค์ที่จะจา้ งแรงงานคนพิการ และไม่ประสงคท์ ่ีจะปฏิบตั ิตามมาตรา 35 ก็ตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ดงั ที่ไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ แลว้ แต่ถา้ ไม่จ่ายหรือจ่ายล่าชา้ ตอ้ งเสียดอกเบ้ียร้อยละ 7.5 ต่อปี (มาตรา 34 วรรค 2) เมื่อไดส้ ่งคาเตือนเป็ นหนงั สือโดยส่งทางไปรษณียล์ งทะเบียนตอบรับ ใหน้ ายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการนาเงินส่งเขา้ กองทุนฯหรือส่งเงินที่คา้ งจ่ายภายในเวลาที่กาหนด แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 30 วนั นบั แต่วนั ท่ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดร้ ับหนงั สือน้นั และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไม่จ่ายภายในเวลาที่กาหนด เลขาธิการสานกั งานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการแห่งชาติมีอานาจออกคาส่ังเป็ นหนังสือให้อายดั ทรัพยส์ ินของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการน้นั ได้ หลกั เกณฑ์และวิธีการอายดั ทรัพยส์ ินให้เป็ นไปตามระเบียบกระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษยว์ ่าด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการอายดั ทรัพยส์ ินของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการฯ พ.ศ. 2552 ซ่ึงออกโดยรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์ (มาตรา 36) ในทางปฏิบตั ิการอายดั ทรัพยส์ ินจะนิยมอายดั เงินในบญั ชีในธนาคาร นอกจากน้นั ยงั ส่ังให้ธนาคารโอนเงินท่ีอายดั มาไวท้ ี่กองทุนฯ ได้ การอายดั เงินในบญั ชีธนาคาร นอกจากจะทาใหก้ องทุนฯได้เงินแลว้ ยงั เป็ นการ discredit นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ทาให้มีประวตั ิว่าเคยถูกหน่วยงานราชการอายดั ทรัพยส์ ิน ส่งผลเสียหายต่อภาพลกั ษณ์ของธุรกิจ ซ่ึงมีความเสียหายมากกวา่ ตวัเงินที่จา่ ยเขา้ กองทุนฯ ใน พ.ศ. 2553 สานักงานส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติได้มีหนงั สือแจง้ ให้นายจา้ งหรือเจ้าของสถานประกอบการปฏิบตั ิให้เป็ นไปตามกฎหมาย ผลปรากฏว่าเพียงเดือนสิงหาคม มีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ จานวน 110.84 ลา้ นบาท ท้งั ๆ ท่ียงั ไม่ครบปี ซ่ึงก่อนน้ีใน พ.ศ. 2549 มีการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ แค่จานวน 66.01 ลา้ นบาท22 เพียงแค่มีหนังสือทวงถามให้นายจ้างหรือเจา้ ของสถานประกอบการปฏิบตั ิให้เป็ นไปตาม22 ดูรายละเอียด ตารางท่ี 4 ในภาคผนวก 34

กฎหมาย กม็ ีรายไดเ้ ขา้ กองทุนฯ ในพ.ศ. 2553 ประมาณ 2 เท่าของรายไดเ้ ขา้ กองทุนฯ ในพ.ศ. 2549 ซ่ึงเป็นปี ก่อน พ.ร.บ. ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มีผลใชบ้ งั คบั ท้งั น้ี ตอ้ งไม่ลืมวา่ ยงั มิไดม้ ีการใช้มาตรการอายดั ทรัพยส์ ินของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตามมาตรา 36และยงั มิไดโ้ ฆษณา ขอ้ มูลการปฏิบตั ิหรือไม่ปฏิบตั ิตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 ต่อสาธารณะอยา่ งนอ้ ยปี ละ1 คร้ังตามมาตรา 39 วรรค 1 การโฆษณาต่อสาธารณะเป็ นมาตรการบงั คบั ทางสังคม ประเทศญ่ีป่ ุนนามาตรการดงั กล่าวมาใชแ้ ละไดผ้ ลเป็ นอยา่ งดี เมื่อมีการประกาศรายช่ือผไู้ ม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ก็ให้องคก์ รดา้ นคนพกิ ารรณรงคไ์ มใ่ หป้ ระชาชนซ้ือสินคา้ จากบริษทั ที่ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย หากไดม้ ีการดาเนินการตามท้งั สองมาตรการท่ีไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ น่าเชื่อไดว้ า่ จะมีการจา้ งงาน สร้างงานตามมาตรา 35 หรือมีการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ อีกเป็ นจานวนมาก เพราะปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2553 ยงั มีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจานวน 2,952 แห่ง คิดเป็ นร้อยละ 48.84 ท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายหรือปฏิบตั ิแต่ยงัไม่ครบตามกฎหมาย และนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจานวน 366 แห่ง คิดเป็ นร้อยละ 6.06ท่ียงั ไมไ่ ดร้ ับคนพกิ ารเขา้ ทางานและไดป้ ระกาศงานตาแหน่งงานวา่ งเท่าน้นั 23 เงินท่ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายเขา้ กองทุนฯ น้นั ไดน้ าไปใหค้ นพิการกูย้ ืมเงินเพื่อประกอบอาชีพ นบั ต้งั แต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2538 ถึง 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ได้มีการอนุมตั ิใหค้ นพิการกยู้ มื เงินไปประกอบอาชีพจานวน 70,106 ราย เป็ นเงิน 1,597 ลา้ นบาทเศษ จึงน่าเช่ือไดว้ า่ การกยู้ มื เงินไปประกอบอาชีพของคนพิการต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั น่าจะทาให้แก่คนพิการมีงานทาไดห้ ลายหมื่นคน นอกจากน้ี กองทุนฯ ยงั ไดอ้ นุมตั ิเงินอุดหนุนให้กบั โครงการฝึ กอาชีพให้แก่คนพิการ เช่น คนตาบอดไดร้ ับการสนบั สนุนนวดแผนไทย หรือเรียนคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ การนารายไดท้ ี่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายให้แก่กองทุนฯ ไปให้คนพกิ ารกยู้ มื เงินเพ่ือไปประกอบอาชีพยงั ไมท่ ว่ั ถึงเท่าที่ควร ในปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 มีการต้งั วงเงินกู้ใหค้ นพิการกเู้ งินไปประกอบอาชีพเป็ นจานวนเงิน 190 ลา้ นบาท แต่มีการอนุมตั ิเงินกูใ้ หค้ นพิการกยู้ มืเงินไปประกอบอาชีพเพียง 139.7 ลา้ นบาท ในขณะท่ีคนพิการท่ีตอ้ งการกูย้ ืมเงินไปประกอบอาชีพยงัรอคอยการอนุมตั ิเงินกอู้ ีกจานวนมาก ปัญหาเกิดข้ึนเน่ืองจาก การย่ืนคาขอกยู้ มื เงินตอ้ งย่นื ที่สานกั งานพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษยจ์ งั หวดั คนพิการท่ีอยู่ในชนบทห่างไกลจะมีปัญหาในการเดินทางเพ่ือมาย่ืนคาร้องและทาสัญญาเงินกู้ ส่วนเจา้ หน้าท่ีก็มีปัญหาในการเดินทางเพ่ือไปประเมินความพร้อมของคนพิการในการกูย้ ืมเงินไปประกอบอาชีพ ประกอบกบั หลายจงั หวดั อนุกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการจงั หวดั จดั ประชุมอนุมตั ิเงินกูเ้ พียงปี ละ 1-2 คร้ัง ทาให้คนพกิ ารจานวนมากขาดโอกาสที่จะเขา้ ถึงแหล่งเงินกเู้ พอื่ เอาไปประกอบอาชีพ23 ดูรายละเอียด ตารางที่ 2 ในภาคผนวก 35

2.2.2.3 ระบบสัดส่วนการจ้างงานภาครัฐ เม่ือกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา 33 และ 34 วรรค 1 ประกาศใช้บังคบั เมื่อใดหน่วยงานของรัฐก็มีหนา้ ที่ตอ้ งจา้ งงานคนพกิ ารในอตั ราส่วนเดียวกนั กบั ภาคเอกชนดว้ ย หากหน่วยงานราชการไม่จา้ งงาน ปัญหามีอยวู่ า่ คนพิการจะร้องต่อศาลปกครองขอใหส้ ่ังหน่วยงานราชการน้นั รับคนพิการเขา้ ทางานไดห้ รือไม่ หากไม่ได้ บทบญั ญตั ิกฎหมายน้ียอ่ มไมม่ ีสภาพบงั คบั เพราะหน่วยงานของรัฐไมร่ ับคนพิการตามระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการ คนพกิ ารไม่อาจเพื่อให้หน่วยงานของราชการจา้ งงานคนพิการตามระบบสัดส่วนตามที่กฎหมายกาหนด ผนู้ าคนพิการเรียกร้องใหร้ ัฐบาลจดั สรรตาแหน่งพนกั งานราชการในกระทรวง ทบวงกรม และหน่วยงานของรัฐอื่นท่ีตอ้ งการจา้ งงานคนพิการ แต่ยงั ไม่มีตาแหน่งที่จะจา้ ง โดยเร่ิมตน้ ดว้ ยจานวน 5,000 ตาแหน่ง คณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติซ่ึงมี ฯพณฯนายกรัฐมนตรีเป็ นประธานได้มีมติให้สารวจคนพิการที่ทางานในตาแหน่งจา้ งเหมาซ่ึงเป็ นการจา้ งชว่ั คราว ไม่มีสวสั ดิการ ไม่มีการเพิ่มเงินเดือน เพื่อขอเปล่ียนเป็ นพนกั งานราชการท่ีมีเงินเดือนสูงกวา่และมีการเพ่ิมเงินเดือนทุกปี นอกจากน้ีใหค้ านวณดูวา่ หน่วยงานของรัฐแตล่ ะหน่วยตอ้ งการจา้ งงานคนพิการจานวนเท่าใด หากหน่วยงานราชการติดขดั เร่ืองการจา้ งงานคนพิการเน่ืองจากไม่มีตาแหน่งงานวา่ งและไม่ไดร้ ับการจดั สรรตาแหน่งให้ใหม่ ผนู้ าคนพิการขอให้หน่วยงานของรัฐน้นั ไดป้ ฏิบตั ิตามมาตรา 35 ดว้ ย2.3 การขจัดการเลอื กปฏบิ ตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพกิ ารในการจ้างงานคนพกิ าร ประเทศไทยในฐานะท่ีเป็ นสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ยงั มีขอ้ ผูกพนั ตอ้ งปฏิบตั ิตามการหา้ มการเลือกปฏิบตั ิเพราะเหตุแห่งความพิการในทุกดา้ นท่ีเกี่ยวกบั การจา้ งงาน ผนู้ าคนพิการได้มีส่วนร่วมสาคญั ในการแก้ไขกฎหมายท่ีจากัดสิทธิคนพิการในการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2550, พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลป (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2550 ท้งั ยงัมีส่วนร่วมสาคญั ในการยกเลิกถอ้ ยคาท่ีน่าเชื่อวา่ เป็ นการเลือกปฏิบตั ิอยา่ งไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการโดยทางออ้ ม เช่น การกาหนดคุณสมบตั ิวา่ “ตอ้ งไม่เป็ นผมู้ ีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบตั ิหนา้ ที่ได”้ออกจากกฎหมาย ไดแ้ ก่ พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และ พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 พ.ร.บ. ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 วางหลกั การของระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพกิ าร ในขณะเดียวกนั ยงั วางหลกั ในการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการ ซ่ึงห้ามเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมท้งั ทางตรงและทางออ้ ม เวน้ แต่มีเหตุผลทางวชิ าการ จารีตประเพณี หรือประโยชน์สาธารณะ จึงจะกระทาไดต้ ามความจาเป็ นและสมควรแก่กรณี 36

(มาตรา 15) โดยคนพิการที่ไดร้ ับความเสียหายจากการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการใหม้ ีคาสั่งเพิกถอนการกระทา หรือห้ามมิให้กระทาการน้นั ได้ ท้งั ยงั มีสิทธิฟ้ องเรียกค่าเสียหายต่อศาล หากการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพกิ ารน้นั เป็นการกระทาโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออยา่ งร้ายแรง ศาลอาจกาหนดค่าเสียหายในเชิงลงโทษใหแ้ ก่คนพิการไม่เกิน 4 เท่าของค่าเสียหายท่ีแทจ้ ริงดว้ ยก็ได้ (มาตรา 16) ในการฟ้ องร้องคดีของคนพิการให้ไดร้ ับยกเวน้ ค่าธรรมเนียม และคนพิการจะมอบหมายให้ผูด้ ูแลหรือองค์กรดา้ นคนพกิ ารฟ้ องคดีแทนก็ได้ คณะกรรมการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิตคนพิการไดจ้ ดั ต้งั คณะอนุกรรมการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการให้มีหน้าท่ี ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท และรวบรวมขอ้ เท็จจริงเก่ียวกับการกระทาซ่ึงมีลกั ษณะเป็ นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการ แล้วเสนอนต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉยั และมีคาสั่งช้ีขาดในกรณีพิพาทน้นั รวมท้งั เสนอแนะนโยบาย แนวทางและมาตรการเก่ียวกบั การขจดั การเลือกปฏิบตั ิ (ระเบียบวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการร้องขอและการวินิจฉยัเกี่ยวกบั การกระทาในลกั ษณะท่ีเป็ นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการ พ.ศ. 2552 ขอ้ 1-4)ปัจจุบนั มีลูกจา้ งพิการท่ีทาประกนั สังคมไดร้ ้องขอต่อคณะอนุกรรมการวา่ ถูกเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรม เน่ืองจากการสิทธิประโยชน์ในเรื่องกายอุปกรณ์และเคร่ื องช่วยความพิการตามกฎหมายประกนั สังคมน้นั ดอ้ ยกวา่ คนพิการที่มิไดท้ าประกนั สังคม แต่ยงั มิไดม้ ีการร้องเรียนในเร่ืองอื่น ท้งั น้ีอาจเป็ นเพราะกฎหมายเรื่องห้ามเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพิการ เป็ นเร่ืองใหม่เพ่งิ มีผลใชบ้ งั คบั และไมเ่ ป็นท่ีรู้จกั กนั แพร่หลายในหมู่คนพิการ จากการสารวจคนพิการท่ีทางานอยู่ในสถานประกอบการต่าง ๆ พบว่า คนพิการผูต้ อบแบบสอบถามจานวน 9 รายจากจานวน 29 ราย หรือคิดเป็ นร้อยละ 31.03 รู้สึกว่าคนพิการถูกเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมในหลายดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความกา้ วหนา้ ในหนา้ ท่ีการงาน ดา้ นค่าตอบแทนท่ีต่ากวา่ ลูกจา้ งทว่ั ไป ดา้ นทศั นคติท่ีมีต่อคนพิการ และดา้ นเพศ24 นอกจากน้ี มีคนพิการจานวน 3 รายจากผูต้ อบแบบสอบถามท้งั หมด 29 ราย คิดเป็ นร้อยละ 10.34 ต้องการให้นายจา้ งหรือเจ้าของสถานประกอบการการปรับปรุงสิ่งอานวยความสะดวกในสถานประกอบการสาหรับคนพกิ าร25 ปัญหาเกิดข้ึนว่า เม่ือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการไดร้ ับคนพิการเขา้ ทางานหรือจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ตามระบบสัดส่วนแลว้ หากมีคนพิการมาสมคั รทางานในตาแหน่งใหม่ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสามารถปฏิเสธไม่รับคนพิการ เพราะเหตุแห่งความพิการน้นั ไดห้ รือไม่กรณีเช่นน้ี ดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาก่อนน้ีแลว้ วา่ มาตรการการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุ24 ดูรายละเอียดตารางที่ 2525 ดูรายละเอียดตารางที่ 27 37

แห่งความพิการเป็ นการสร้างความเสมอภาคในการจา้ งงานระหว่างคนพิการกบั คนทวั่ ไป ส่วนเรื่องสัดส่วนการจา้ งงานเป็ นการส่งเสริมให้จา้ งงานกลุ่มคนพิการรุนแรงซ่ึงไม่สามารถแข่งขนั กบั บุคคลทวั่ ไปในตลาดแรงงานได้ ดงั น้นั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีรับคนพิการเขา้ ทางานและจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ตามระบบสดั ส่วนแลว้ กไ็ ม่มีสิทธิปฏิเสธไมร่ ับคนพิการเพราะเหตุแห่งความพิการแตอ่ ยา่ งใด มิฉะน้นั จะถือเป็นการกระทาที่เลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ อน่ึง นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมีลูกจา้ งทว่ั ไปไม่ถึง 100 คน มิไดห้ มายความวา่นายจ้างหรือเจา้ ของสถานประกอบการน้นั มีสิทธิปฏิเสธไม่จา้ งงานคนพิการได้ หากนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการท่ีมีลูกจา้ งไม่ถึง 100 คนประกาศรับบุคคลเขา้ ทางานดา้ นคอมพิวเตอร์หรือดา้ นอื่น เมื่อมีคนพิการไปสมคั รทางานดงั กล่าว นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะปฏิเสธไม่รับคนพกิ ารเพราะเหตุแห่งความพิการไม่ได้ ตอ้ งถือเป็ นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการโดยตรง หรือกาหนดคุณสมบตั ิว่าตอ้ งมีใบอนุญาตขบั ขี่รถยนต์ ท้งั ๆ ที่ไม่เกี่ยวกบั การทางานดา้ นคอมพิวเตอร์โดยตรง เพยี งแตต่ อ้ งการกีดกนั คนพกิ ารใหข้ าดคุณสมบตั ิ เช่นน้ี เป็นการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพิการโดยทางออ้ ม การกระทาเช่นน้ีตอ้ งห้ามตามมาตรา 15 ดงั ที่ไดก้ ล่าวมาแล้วขา้ งตน้ ดงั น้นั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่มีลูกจา้ งนอ้ ยกวา่ 100 คน ยงั มีหนา้ ที่ตอ้ งรับคนพกิ ารเขา้ ทางานเหมือนกบั บุคคลทวั่ ไป 3. ข้อเสนอแนะของคณะผู้วจิ ัยเกยี่ วกบั ความสาเร็จของการใช้กฎหมาย ว่าด้วยความเท่าเทยี มกนั ในโอกาสของคนพกิ ารในการมงี านทา3.1 ข้อเสนอแนะของคณะผ้วู จิ ัย เกย่ี วกบั การขจัดการเลอื กปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมเพราะเหตุแห่งความพกิ าร ดว้ ยการขาดรายละเอียดที่ชดั เจนเพียงพอของคาวา่ การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมในการจา้ งงานคนพิการ คณะผวู้ จิ ยั จึงเสนอแนะใหม้ ีการทาคู่มือใหท้ ราบวา่ ขอ้ เทจ็ จริงอยา่ งไร ถือวา่ เป็ นการเลือกปฏิบตั ิในการจา้ งงานคนพิการโดยตรงและโดยออ้ ม ในเรื่องน้ีควรไดร้ ับความช่วยเหลือจากองคก์ ารแรงงานระหว่างประเทศ ซ่ึงเป็ นองค์กรท่ีมีองค์ความรู้เร่ืองน้ีเป็ นอยา่ งดี จากน้นั ตอ้ งขยายผลเพื่อให้หน่วยงานของรัฐ นายจา้ งหรือเจ้าของสถานประกอบการได้ทราบด้วยการจดั อบรม หรือด้วยการส่ือสารดว้ ยวิธีต่าง ๆ และสุดทา้ ยควรมีคณะกรรมการขจดั การเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมที่เป็ นองค์กรอิสระ เพื่อให้สามารถอานวยความเป็ นธรรมให้แก่คนพิการได้ โดยเฉพาะในกรณีหน่วยงานของรัฐเลือกปฏิบตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมในการจา้ งงานคนพกิ าร 38

3.2 ข้อเสนอแนะของคณะผ้วู จิ ัยเกยี่ วกบั ระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพกิ าร คณะผวู้ ิจยั วิเคราะห์แลว้ มีความเห็นวา่ ระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการในประเทศไทยเป็ นระบบการสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการ ซ่ึงอาจจะเป็นการจา้ งงานหรือสร้างงานใหค้ นพกิ ารทาในรูปแบบอื่นใดก็ได้ ส่วนความสาเร็จของระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนพิการข้ึนอยกู่ บั เง่ือนไข 3 เงื่อนไขคือ0 (1) พฒั นาระบบจดั หางานสาหรับคนพกิ ารใหท้ นั สมยั (2) สร้างความเขา้ ใจใหแ้ ก่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ และพฒั นาระบบการสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการตามมาตรา 35 และ (3) นารายไดท้ ี่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจ่ายให้แก่กองทุนฯ ไปใหค้ นพิการกูย้ ืมเงินไปประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง 3.2.1 การพฒั นาระบบจัดหางานสาหรับคนพกิ ารให้ทนั สมยั ปัจจุบนั กรมจดั หางานให้บริการหางานแก่คนพิการโดยให้คนพิการเดินทางไป ณ สานกั งานจดั หางานกรุงเทพเขตพ้ืนท่ี 1-10 หรือสานกั งานจดั หางานจงั หวดั เพ่ือย่ืนบตั รแสดงตน และหลกั ฐานสมคั รงาน พร้อมท้งั กรอกแบบข้ึนทะเบียนคนหางาน เพื่อบนั ทึกขอ้ มูลข้ึนทะเบียนคนหางานและคดั เลือกตาแหน่งงานว่างในระบบคอมพิวเตอร์ Online ขอ้ มูล ณ ตุลาคม 2552 – สิงหาคม 2553 มีผู้ลงทะเบียนสมคั รงานจานวนรวม 900 คน และไดบ้ รรจุงานรวม 469 คน26 เม่ือกฎกระทรวงออกตามมาตรา 33 และมาตรา 34 วรรค 1 ไม่เปิ ดโอกาสให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการใชว้ ิธีประกาศรับคนพิการ และไม่มีคนพิการมาสมคั ร ไม่ตอ้ งจ่ายเงินเขา้กองทุนฯ การพฒั นาระบบจดั หางานใหแ้ ก่คนพกิ ารยอ่ มมีความสาคญั อยา่ งยิง่ ท้งั น้ีเพ่ือใหเ้ กิดความเป็ นธรรมแก่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการที่ตอ้ งการจ้างแรงงานคนพิการจริง ๆ สามารถจา้ งแรงงานคนพิการไดต้ ามท่ีตอ้ งการ กรมจดั หางานตอ้ งพฒั นาระบบท่ีให้บริการแก่คนพิการได้อย่างทว่ั ถึงในทุกตาบล นนั่ หมายความวา่ สานกั งานจดั หางานจงั หวดั ตอ้ งทาเครือขา่ ยกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ใหค้ นพิการไปลงทะเบียนสมคั รงานที่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นได้ รวมท้งั เปิ ดโอกาสให้คนพิการสมคั รงานทาง อินเตอร์เน็ต (Internet) ไดด้ ว้ ยตนเองอีกทางหน่ึง และขอ้ มูลท่ีคนพิการสมคั รงานสามารถผ่านระบบ Online เขา้ มาอยู่ในระบบของกรมจดั หางาน ดงั น้นั กรมจดั หางานจะตอ้ งพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์ให้รองรับเพื่อใหก้ ารสมคั รงานผ่านระบบ Online ของคนพิการเป็ นไปไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ในขณะเดียวกนั กรมพฒั นาฝี มือแรงงานตอ้ งฝึ กงานให้แก่คนพิการตรงตามความตอ้ งการของตลาดแรงงานและประสงคข์ องคนพกิ าร หากคนพกิ ารไม่ไดแ้ จง้ ความจานงจะฝึ กงานตามที่กรมพฒั นา26 ดูรายละเอียดตารางที่ 5 ในภาคผนวก 39

ฝีมือแรงงานประกาศรับ ใหก้ รมพฒั นาฝีมือแรงงานหนั มาท่ีจะวางแผนฝึ กงานให้แก่คนพิการตามท่ีคนพกิ ารตอ้ งการแทน ส่วนกรมจดั หางานควรขยายผลการจดั หางานแบบจบั คู่ ดงั กรณีสานกั งานจดั หางานจงั หวดั สุพรรณบุรี เม่ือคนพิการไดข้ ้ึนทะเบียนสมคั รงาน เจา้ หนา้ ท่ีไดแ้ นะนาตาแหน่งงานวา่ งให้คนพิการพิจารณาทนั ทีวา่ แลว้ สนใจตาแหน่งคนเฝ้ าสวนหรือไม่ จากน้นั เจา้ หน้าที่จะติดต่อไปยงั นายจา้ งรายละเอียดเกี่ยวกบั คนพกิ าร เมื่อนายจา้ งนดั คนพกิ ารสมั ภาษณ์ เจา้ หนา้ ก็เป็นผพู้ าคนพิการเขา้ พบและประสานงานจนกระทงั่ นายจา้ งยินยอมรับคนพิการเขา้ ทางาน ท้งั ยงั ยินดีรับและให้ท่ีพกั อาศยั ซ่ึงมีสภาพดีกวา่ ท่ีพกั อาศยั เดิมของคนพกิ ารเสียอีก กรณีขา้ งตน้ เป็ นตวั อยา่ งท่ีน่าชมเชยของสานกั งานจดั หางานจงั หวดั สุพรรณบุรี ท้งั น้ี ตอ้ งไม่ลืมว่าคนพิการส่วนใหญ่ยากจน การเดินทางไปหานายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสัมภาษณ์ด้วยตนเองน้ันย่อมมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือปัญหาไม่มีขนส่งสาธารณะในทอ้ งถิ่นของตน รัฐควรให้ความช่วยเหลือในการจดั หางานให้แก่คนพิการบางประเภท เช่น คนตาบอดมีความจาเป็นที่ตอ้ งมีผชู้ ่วยฝึกงาน (Job Coach) ช่วยเหลือต้งั แตฝ่ ึกใหค้ นตาบอดเดินทางไปทางานและสามารถทางานในสานกั งานไดด้ ว้ ยตนเอง หรือ อาจตอ้ งมีอุปกรณ์ส่ิงอานวยความสะดวกให้แก่คนพิการ ซ่ึงโดยทวั่ ไปมกั มีราคาแพง จึงจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการสนบั สนุนจากรัฐ 3.2.1.1 ส่งเสริมองค์กรเอกชนจัดหางานให้คนพกิ าร คณะผวู้ จิ ยั เสนอแนะใหร้ ัฐส่งเสริมองคก์ รเอกชน ใหเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมในการจดั หางานให้แก่คนพิการอีกทางหน่ึง โดยปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ให้องคก์ รทางานดา้ นคนพิการสามารถเป็ นหน่วยจดั หางานให้แก่คนพิการได้ และรัฐบาลให้ค่าตอบแทนเป็ นรายหัว ซ่ึงอาจคิดคานวณจากคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีรัฐไดใ้ ชไ้ ปเพือ่ การดงั กล่าว ดงั จะเห็นไดจ้ ากมูลนิธิมหาไถ่ จงั หวดั ชลบุรี แมไ้ ม่สามารถเป็ นหน่วยงานจดั หางานให้แก่คนพิการไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย ยงั พบว่าสถิติระหวา่ งปี พ.ศ.2540 ถึงพ.ศ. 2552 มีคนมาสมคั รงานเฉล่ียปี ละ 380 คน และได้บรรจุงานเฉลี่ยปี ละ 167 คน27 หากมลู นิธิมหาไถ่ไดร้ ับอนุญาตใหเ้ ป็นหน่วยจดั หางานให้คนพิการไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย และไดร้ ับเงินอุดหนุนเป็นรายหวั ตอ่ คนพกิ ารที่จดั หางานใหไ้ ด้ ยอ่ มทาใหส้ ามารถขยายงานไดเ้ พ่ิมมากข้ึน การไดร้ ับเงินอุดหนุนเป็นรายหวั ใหแ้ ก่องคก์ รเอกชนน้นั มีทาอยแู่ ลว้ ในการจดั การศึกษาใหแ้ ก่คนพกิ าร 3.2.2 การพฒั นาระบบการสร้างงานให้แก่คนพกิ ารตามมาตรา 35 แต่เดิม หา้ งสรรพสินคา้ ไดจ้ ดั สถานท่ีใหค้ นตาบอดขายสลากกินแบง่ รัฐบาลโดยใชว้ ธิ ีทาสัญญาจา้ งคนตาบอดเป็ นลูกจา้ งของห้างสรรพสินคา้ และในขณะเดียวกนั ก็ให้คนตาบอดทาสัญญาเช่าพ้ืนที่ 27 มูลนิธิมหาไถ.่ สถิตคิ นพกิ าร. (ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2552). 40

ของหา้ งในมูลค่าท่ีเท่ากนั โดยถือวา่ หา้ งสรรรพสินคา้ ไดจ้ า้ งงานคนพิการตามที่กฎหมายกาหนด แต่ต่อไปน้ีห้างสรรพสินคา้ สามารถใช้วิธีตามท่ีกาหนดไวใ้ นมาตรา 35 ได้โดยตรง ไม่ต้องใช้วิธีเล่ียงกฎหมายดงั ในอดีต อยา่ งไรก็ดี แมร้ ะเบียบว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์และวิธีการให้สัมปทาน จดั สถานที่จาหน่ายสินคา้หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการพ.ศ. 2552 ประกาศใชต้ ้งั แตเ่ ดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 แต่คณะอนุกรรมการตามระเบียบดงั กล่าวก็ยงัมิไดอ้ อกประกาศเก่ียวกบั เร่ืองอตั ราค่าเช่าสถานที่ต้งั รวมกบั ค่าใชจ้ ่ายในกรณีการจดั สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ, เก่ียวกบั เรื่องการขายสินคา้ หรือจดั จา้ งเหมาบริการท่ีไดม้ าตรฐานกาหนด ในกรณีการจดั จา้ งเหมาช่วงงานหรือให้การช่วยเหล่ืออ่ืนใด และเก่ียวกบั เร่ืองการจดั สถานที่ วสั ดุอุปกรณ์เอกสาร วทิ ยากร เบ้ียเล้ียงคนพิการท่ีฝึ กงานในกรณีการฝึ กงาน จึงมีผลทาใหร้ ะเบียบน้นั ยงั ไม่สามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ดงั น้ีในเบ้ืองตน้ คณะอนุกรรมการสมควรเร่งออกประกาศท่ีเก่ียวขอ้ งโดยเร็ว เพราะเวลาก็ไดร้ ่วงเลยมาพอสมควรแลว้ จากการสารวจพบวา่ นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการส่วนใหญ่ยนิ ดีสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการตามมาตรา 35 ดงั น้นั การเร่งสร้างความเขา้ ใจกบั นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเก่ียวกับการสร้างงานให้แก่คนพิการตามมาตรา 35 จึงเป็ นเร่ืองจาเป็ นย่ิงนอกจากน้นั ควรฟังความคิดเห็นของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ หากประสงค์ให้มีการปรับปรุงระเบียบหรือประกาศ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการหันมาสร้างงานใหแ้ ก่คนพิการแทนการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ เนื่องจากระเบียบน้ีดูจะใหค้ วามสาคญั กบั ประโยชน์ท่ีคนพิการควรจะไดร้ ับมากกวา่ ประโยชน์ที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการจะตอ้ งเสีย เช่น นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเลือกใหส้ ถานที่แก่ลูกจา้ งจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ ก็ให้คานวณค่าเช่าท้งั ปี เท่ากบั ค่าแรงข้นั ต่าคูณดว้ ย 365คูณดว้ ยจานวนคนพิการที่ตอ้ งจา้ ง ซ่ึงมีมูลค่าสูงกวา่ จานวนเงินที่นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการตอ้ งจ่ายสมทบเขา้ กองทุนฯ (แมย้ ึดตามอตั ราที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็ใช้สูตร ค่าแรงข้นั ต่าสุดของประเทศคูณดว้ ย 365 คูณด้วยจานวนคนพิการที่ต้องจ้าง) ด้วยเหตุผลน้ี นายจ้างหรือเจา้ ของสถานประกอบการอาจเลือกจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ แทน ดังน้ัน คณะผูว้ ิจัยจึงเสนอให้แก้ไขปรับปรุงระเบียบ เพื่อให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการเกิดแรงจูงใจมาปฏิบตั ิตามมาตรา 35 มากกว่าจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ แม้บางคร้ังอาจดูเหมือนว่าคนพิการไดร้ ับผลตอบแทนนอ้ ยกว่าค่าแรงข้นั ต่าของทอ้ งถิ่นตน แต่แทจ้ ริงแลว้ ประโยชน์ของคนพิการท่ีขาดหายไปให้ถือวา่ คนพิการไดร้ ับกาไรจากการขายสินคา้ หรือบริการน้มั าชดเชย หรือมองอีกแง่หน่ึง คนพกิ ารกไ็ ดส้ ถานท่ีขายสินคา้ โดยไม่ตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่าย ซ่ึงถา้ คนพิการรู้สึกวา่ ไม่คุม้ ค่ากม็ ีสิทธิไมเ่ ลือกใชส้ ถานที่ดงั กล่าวท่ีนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการเสนอได้ 41

 รัฐบาลควรมีนโยบายให้หน่วยงานของรัฐสร้างงานให้แก่คนพกิ ารตามมาตรา 35 ในกรณีไม่อาจจ้างงานคนพกิ ารได้ตามมาตรา 33 ในการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไปตามมาตรา 35 น้ี รัฐบาลควรกาหนดเป็ นนโยบายให้หน่วยงานราชการนาไปปฏิบตั ิในกรณีที่หน่วยงานราชการไม่สามารถจา้ งงานคนพิการตามอตั ราส่วนที่กฎหมายกาหนดเพราะกรณีหน่วยงานของรัฐไม่เหมือนกบั หน่วยงานของเอกชน หากหน่วยงานของรัฐไม่จา้ งงานคนพิการ ก็ไม่สามารถบงั คบั ให้จ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ได้ ดงั น้นั หน่วยงานของรัฐจึงตอ้ งให้ความสาคญั ในการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไปตามมาตรา 35 มากกวา่ หน่วยงานของเอกชน ขอ้ 11 (1) ตามระเบียบวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการใหส้ ัมปทาน จดั สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือใหก้ ารช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการ พ.ศ.2552 กาหนดให้คณะอนุกรรมการมีอานาจประกาศหลกั เกณฑ์และวิธีการให้สัมปทาน จดั สถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึกงาน หรือใหก้ ารช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการ เพ่ิมเติมจากท่ีกาหนดในระเบียบฯ นัน่ หมายความว่า หากหน่วยงานของรัฐ หรือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการมีขอ้ เสนอท่ีจะสร้างงานให้แก่คนพิการดว้ ยวธิ ีใด ๆ นอกเหนือจากระเบียบน้ีกาหนด ก็ยงัสามารถทาได้ เพยี งแต่คณะอนุกรรมการประกาศหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ียวกบั เรื่องน้นั ๆ ก็ถือเป็ นอนัใชไ้ ด้ นอกจากน้ีใหส้ ามารถนามูลคา่ ของสิ่งอานวยความสะดวกที่ทาข้ึนเพ่ือลูกจา้ งพิการมาใชแ้ ทนการจา้ งงานคนพกิ ารไดด้ ว้ ย  พฒั นาระบบการสร้างงานตามมาตรา 35 ให้แก่คนพกิ ารควบคู่ไปกบั การพัฒนาระบบการจัดหางานผ่านระบบ Online ในการพฒั นาระบบจดั หางานผ่านระบบ Online สาหรับคนพิการน้นั ตอ้ งเปิ ดโอกาสให้คนพิการสามารถแจง้ ความจานงที่ขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 35 เช่น แจง้ ความจานงขอฝึ กงานในดา้ นต่าง ๆ หรือตอ้ งการสถานท่ีขายสินคา้ หรือบริการต่าง ๆ เป็ นตน้ ในขณะเดียวกนั นอกจากเปิ ดโอกาสให้นายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการแจง้ ความประสงคท์ ่ีจะรับสมคั รงานแลว้ ยงั ควรเปิ ดโอกาสใหห้ น่วยงานของรัฐหรือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการแจง้ ความประสงคท์ ่ีจะใหส้ ิทธิประโยชน์ตามมาตรา 35 ในเรื่องต่าง ๆ แทนการจา้ งงานและการจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ ได้ กรมจดั หางานจึงควรทาหนา้ ท่ีประสานงานให้ความตอ้ งการของคนพิการกบั หน่วยงานของรัฐ หรือนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการสอดรับกนั และสามารถดาเนินงานจนบรรลุผลตามจุดมุ่งหมายของกฎหมายอีกท้งั ควรเปิ ดโอกาสใหอ้ งคก์ รเอกชนเขา้ มาทาหนา้ ที่ประสานงานไดอ้ ีกแรงหน่ึง ในทานองเดียวกนั กบัการจา้ งงานดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ 42

3.2.3 นารายได้ทน่ี ายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ่ายให้แก่กองทุนฯ ไปให้คนพิการกู้ยมืเงินไปประกอบอาชีพได้อย่างทวั่ ถงึ เพ่ือเปิ ดโอกาสให้คนพิการนาเงินท่ีนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการจ่ายสมทบเขา้กองทุนฯนาไปเป็ นทุนในการประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งทวั่ ถึง จึงจาเป็ นตอ้ งกระจายอานาจการพิจารณาและอนุมตั ิเงินกไู้ ปยงั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ท้งั น้ีเพื่อความสะดวกของคนพิการในการยืน่ คาขอและของเจา้ หนา้ ท่ี ในการประเมินความพร้อมของคนพิการ เนื่องจากองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นน้นั มีพ้นื ท่ีไมก่ วา้ งขวางมากนกั ประกอบกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเป็ นหน่วยงานจ่ายเบ้ียความพิการอยู่แลว้ หลายองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินให้คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพิการมารับเบ้ียความพิการด้วยตนเอง การใหอ้ งคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเป็ นหน่วยพิจารณาและอนุมตั ิเงินกยู้ อ่ มเหมาะสมกวา่ เพราะมีความใกลช้ ิดกบั คนพิการมากกว่า ยอ่ มเขา้ ใจความตอ้ งการและความจาเป็ นของคนพิการในทอ้ งถ่ินของตนในการกยู้ ืมเงินไปประกอบอาชีพมากกวา่ การชาระหน้ีเงินกูก้ ็สะดวกสาหรับคนพิการ เพราะคนพิการสามารถขอให้หักเบ้ียคนพิการชาระหน้ีเงินกูข้ องตนได้ ทาให้โอกาสหน้ีเงินกูเ้ ป็ นหน้ีสูญมีนอ้ ยลงกวา่ ที่เป็นอยู่ ก า รม อบ อา นา จใ ห้อง ค์ก รป ก ค รอง ส่ วนท้อง ถ่ิ นมี อา นา จพิ จา รณา แล ะ อนุ ม ัติ เงิ นกู้ไ ด้น้ ันจาเป็ นตอ้ งแกไ้ ข พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ใหอ้ นุกรรมการบริหารกองทุนฯมีอานาจที่จะมอบอานาจดงั กล่าวได้ แต่ในระหว่างท่ียงั ไม่มีการแก้ไขกฎหมาย อาจขอให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นเป็ นหน่วยรับคาขอกูย้ ืมเงินและกลน่ั กรองการกูย้ มื เงินเพ่ือเสนอให้อนุกรรมการบริหารกองทุนอนุมตั ิต่อไปไปพลางก่อน อีกท้งั ใหอ้ งคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินช่วยรับชาระหน้ีแทนกองทุนฯ อยา่ งนอ้ ยก็อานวยความสะดวกใหแ้ ก่คนพิการ ถึงแมก้ ารอนุมตั ิเงินกูย้ งั ตอ้ งล่าชา้ อยบู่ า้ งก็ยงัดีกวา่ ไม่ทาอะไรเลย แต่ในกรณีหลงั น้ี ตอ้ งเกิดข้ึนจากความสมคั รใจขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นเป็นแต่ละองคก์ รไป 4. ผลวจิ ัย มุมมองของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและ ลูกจ้างผู้พกิ ารภายใต้การจ้างงานคนพกิ ารในประเทศไทย การศึกษาน้ีไดส้ ารวจความคิดเห็นของสถานประกอบการต่อความคิดเห็นของระบบการจา้ งงานคนพกิ ารเพอื่ ทาความเขา้ ใจตอ่ ประสบการณ์และความเขา้ ใจต่อการเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็ นธรรมต่อคนพกิ ารในสถานประกอบการจานวน 200 แห่ง และสารวจความคิดเห็นของลูกจา้ งผพู้ กิ ารจานวน 29คนที่ทางานอยใู่ นบริษทั ที่ถูกสมั ภาษณ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ไดอ้ อกแบบสารวจให้นกั ศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ไปสารวจภาคสนาม ระหวา่ งกนั ยายน – ตุลาคม 2553 ผลของการสารวจพบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่มีความคุน้ เคยเกี่ยวกบั กฎหมายการจา้ ง 43

งานคนพิการจานวน 154 ราย คิดเป็ นร้อยละ 77 และมีเพียง 46 ราย หรือคิดเป็ นร้อยละ 23 ระบุวา่ ไม่คุน้ เคยเก่ียวกบั กฎหมายการจา้ งงานคนพกิ าร และเมื่อวเิ คราะห์เพิ่มเติมโดยแบ่งสถานประกอบการเป็ น2 กลุ่ม คือสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมาย ประกอบดว้ ย สถานประกอบการท่ีจา้ งงานคนพิการสถานประกอบท่ีจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ และสถานประกอบการท่ีประกาศรับคนพิการเขา้ ทางาน พบว่าสถานประกอบการที่ปฏิบตั ิตามกฎหมายจานวน 154 ราย คิดเป็ นร้อยละ 100 มีความคุน้ เคยเก่ียวกบักฎหมายการจา้ งงานคนพิการ ส่วนสถานประกอบที่ไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายไดแ้ ก่สถานประกอบการท่ียงั ไม่ไดด้ าเนินการใด ๆ ท้งั สิ้น ตามกฎหมายการจา้ งงานคนพิการ มีจานวน 46 ราย คิดเป็นร้อยละ 100ระบุวา่ ไม่คุน้ เคยเก่ียวกบั กฎหมายการจา้ งงานคนพกิ าร ดูรายละเอียดในตารางท่ี 6 ตารางท่ี 6 ความคิดเห็นเกี่ยวกบั กฎหมายการจา้ งงานคนพกิ ารความคิดเห็นเกี่ยวกบั รวม 2 กลมุ่ กลมุ่ ปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลมุ่ ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย กฎหมาย จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละการจา้ งงานคนพกิ าร (ราย) (ราย) (ราย)1. คุน้ เคย 154 77 154 100 002. ไมค่ ุน้ เคย 46 23 0 0 46 100รวม 200 100 154 100 46 100ท่ีมา : แบบสอบถาม เม่ือพิจารณาถึงระบบการจา้ งงานคนทว่ั ไปตอ่ คนพิการตามสัดส่วน 200 : 1 สถานประกอบการส่วนใหญ่จะจา้ งคนพิการเขา้ ทางาน จานวน 76 ราย คิดเป็ นร้อยละ 38 จ่ายเงินเขา้ กองทุน จานวน 42ราย คิดเป็ นร้อยละ 21 ประกาศรับคนพิการเขา้ ทางาน จานวน 36 ราย คิดเป็ นร้อยละ 18 ตามลาดบัและมีสถานประกอบการที่ไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย จานวน 46 ราย คิดเป็ นร้อยละ 23 ดูรายละเอียดในตารางท่ี 7 ตารางท่ี 7 การจา้ งงานคนทว่ั ไปตอ่ คนพิการระบบสัดส่วน 200 : 1 การจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพิการ (สดั ส่วน 200 : 1) จานวนรวม จานวนผตู้ อบ (ราย) ร้อยละ1. จา้ งคนพิการเขา้ ทางาน2. ประกาศรับคนพิการเขา้ ทางาน 76 38 36 183. จ่ายเงินเขา้ กองทุน 42 214. ยงั ไมไดด้ าเนินการ แต่มีแผนท่ีจะดาเนินการจา้ งคนพกิ ารเขา้ ทางาน 46 23รวม 200 100 44

ท่ีมา : แบบสอบถาม อย่างไรก็ตาม เม่ือสอบถามถึงการจา้ งงานของสถานประกอบการ ถา้ หากมีการปรับเปล่ียนระบบสัดส่วนการจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพิการเป็ นสัดส่วน 100 : 1 พบวา่ กลุ่มสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าจากระบบสัดส่วน 200 : 1 เป็ นสัดส่วน 100 : 1 อย่างมีนยั สาคญั กล่าวคือสถานประกอบการส่วนใหญ่จะจา้ งคนพิการเขา้ ทางานลดลงเป็ นจานวน 66 ราย คิดเป็ นร้อยละ 33 จ่ายเงินเขา้ กองทุน จานวน 40 ราย คิดเป็ นร้อยละ 20 ประกาศรับคนพิการเขา้ ทางานจานวน 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ตามลาดบั แต่กลุ่มสถานประกอบการท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ถา้หากมีการเปล่ียนแปลงจากระบบสัดส่วน 200 : 1 เป็ นสัดส่วน 100 : 1 อยา่ งมีนยั สาคญั โดยมีสถานประกอบการที่ไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายตามระบบสัดส่วน 100 : 1 มีจานวนเพิ่มข้ึนเป็ นจานวน 53 รายคิดเป็นร้อยละ 26.5 ดูรายละเอียดในตารางท่ี 8 ตารางท่ี 8 การจา้ งงานคนทว่ั ไปตอ่ คนพิการระบบสัดส่วน 100 : 1 การจา้ งงานคนทวั่ ไปต่อคนพิการ รวม 2 กลุ่ม กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุ่มไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย สดั ส่วน 100 : 1 จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ1. จา้ งคนพกิ ารเขา้ ทางาน (ราย) (ราย) (ราย) 33 38.3 15.2 66 59 72. ประกาศรับคนพกิ ารเขา้ ทางาน 40 20 37 24 3 6.5 5 10.83. จ่ายเงินเขา้ กองทุน 41 20 36 23.4 31 67.54. ยงั ไมไดด้ าเนินการ แต่มีแผนที่จะ 53 26.5 22 14.3ดาเนินการจา้ งคนพิการเขา้ ทางาน 46 100รวม 200 100 154 100ท่ีมา : แบบสอบถาม เมื่อพิจารณาถึงลกั ษณะความพกิ ารพบวา่ สถานประกอบการต่าง ๆท่ีมีการจา้ งงานคนพิการเขา้ทางาน พบวา่ จะมีความพกิ ารทางดา้ นการเคล่ือนไหวมากที่สุด มีจานวนถึง 49 ราย คิดเป็ นร้อยละ 52.7รองลงมาเป็นความพิการทางการไดย้ นิ และการสื่อสาร จานวน 31 ราย คิดเป็ นร้อยละ 33.3 และสายตาจานวน 13 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ตามลาดบั ดูรายละเอียดในตารางท่ี 9 45

ตารางท่ี 9 ลกั ษณะความพกิ ารของลูกจา้ งในสถานประกอบการลกั ษณะความพิการ รวม ร้อยละ จานวนผตู้ อบ (รายบริษทั )1. ทางกาย 49 52.72. ทางสายตา 13 143. ทางการไดย้ นิ และการส่ือสาร 31 33.3 รวม 93 100.00ท่ีมา : แบบสอบถาม เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกบั ส่ิงอานวยความสะดวกพบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่คุน้ เคยกบั ส่ิงอานวยความสะดวก มีจานวน 133 ราย คิดเป็ นร้อยละ 66.5 และมีจานวน 67 ราย คิดเป็ นร้อยละ 33.5 ระบุวา่ ไม่มีคุน้ เคยเก่ียวกบั ส่ิงอานวยความสะดวก และเม่ือพิจารณาสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมาย พบวา่ สถานประกอบการ 2 ใน 3 ระบุวา่ มีความคุน้ เคยกบั สิ่งอานวยความสะดวกในขณะเดียวกันพบว่าสถานประกอบการ 2 ใน 3 ของกลุ่มท่ีไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระบุว่ามีความคุน้ เคยกบั สิ่งอานวยความสะดวกที่เหมาะสมกบั สภาพความพิการและสิ่งอานวยความสะดวก ดูรายละเอียดในตารางที่ 10ตารางที่ 10 ความคิดเห็นเก่ียวกบั ความคุน้ เคยกบั ส่ิงอานวยความสะดวก รวม 2 กลมุ่ กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุ่มไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ความคุน้ เคย จานวน ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวน ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) (ราย) ผตู้ อบ (ราย)1. คุน้ เคย 66.5 102 66.2 67.42. ไม่คุน้ เคย 133 33.5 52 33.8 31 32.1รวม 67 100 154 100 15 100 200 46ที่มา : แบบสอบถาม อยา่ งไรก็ตามถึงแมว้ า่ สถานประกอบการส่วนใหญ่จะระบุวา่ คุน้ เคยกบั สิ่งอานวยความสะดวกแต่ผลจากการสารวจระบุวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่จะไม่ลงทุนสิ่งอานวยความสะดวกมีจานวนสูงถึง 169 ราย คิดเป็ นร้อยละ 84.5 และมีเพียงจานวน 31 ราย คิดเป็ นร้อยละ 15.5 ระบุวา่ จะลงทุนส่ิงอานวยความสะดวก และเมื่อพิจารณากลุ่มท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายและกลุ่มที่ไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายสถานประกอบการส่วนใหญ่จะไม่ลงทุนส่ิงอานวยความสะดวก กลุ่มท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมาย สถาน 46

ประกอบการส่วนใหญ่จะไมล่ งทุนส่ิงอานวยความสะดวกมีจานวน 128 ราย คิดเป็ นร้อยละ 83.1 และมีเพียงจานวน 26 ราย คิดเป็ นร้อยละ 16.9 ระบุวา่ จะลงทุนสิ่งอานวยความสะดวก ส่วนกลุ่มท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายสถานประกอบการส่วนใหญ่จะไม่ลงทุนสิ่งอานวยความสะดวกมีจานวนสูงถึง 41 รายคิดเป็ นร้อยละ 89.1 และมีเพียงจานวน 5 ราย คิดเป็ นร้อยละ 10.9 ระบุวา่ จะลงทุนส่ิงอานวยความสะดวก รายละเอียดดูตารางท่ี 11ตารางที่ 11 การลงทุนเกี่ยวกบั สิ่งอานวยความสะดวกใหก้ บั คนพิการในสถานประกอบการการลงทุนเกี่ยวกบั สิ่งอานวย รวม 2 กลมุ่ กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลมุ่ ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ความสะดวก จานวน ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ1. ลงทุน ผตู้ อบ (ราย) (ราย) (ราย)2. ไมล่ งทุนรวม 31 15.5 26 16.9 5 10.9 169 84.5 128 83.1 41 89.1 200 100 154 100 46 100 รวม 2 กลุ่ม กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุม่ ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย เรื่องท่ีลงทุน จานวน ร้อยละ จานวนเรื่องที่ ร้อยละ จานวนเร่ืองท่ี ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) ลงทุน (ราย) ลงทุน (ราย) 1. หอ้ งน้า 2. อปุ กรณ์สานกั งาน 18 41.86 17 43.59 1 25.00 3. ทางลาด 4. ลิฟต์ 10 23.26 9 23.08 1 25.00 5. ลานจอดรถ 6.ที่พกั อาศยั 6 13.95 5 12.82 1 25.00 7. ผดู้ ูแล รวม 5 11.63 5 12.82 0 0.00ท่ีมา : แบบสอบถาม 2 4.65 1 2.56 1 25.00 1 2.33 1 2.56 0 0.00 1 2.33 1 2.56 0 0.00 43 95.35 39 94.87 4 100.00 เม่ือพิจารณาเจตคติของสถานประกอบการ ท่ีมีต่อประสิทธิภาพในการทางานของคนพิการสถานประกอบการส่วนใหญ่ระบุว่าคนพิการมีศกั ยภาพในการทางาน มีจานวนสูงสุดถึง 135 ราย คิดเป็นร้อยละ 45.2 รองลงมาคือเร่ืองของการมาทางานไดส้ ม่าเสมอ มีจานวน 73 ราย คิดเป็ นร้อยละ 24.4ความปลอดภยั ของคนงานผพู้ กิ ารขณะปฏิบตั ิหนา้ ที่ มีจานวน 50 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.7 และแรงจูงใจ 47

ในการมาทางาน มีจานวน 41 ราย คิดเป็ นร้อยละ 13.7 และเจตคติของสถานประกอบการยงั คงเหมือนเดิม เมื่อพจิ ารณากลุ่มสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายและกลุ่มสถานประกอบการท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ดูรายละเอียดในตารางท่ี 12 ตารางที่ 12 ความคิดเห็นของนายจา้ งหรือเจา้ ของสถานประกอบการ ต่อประสิทธิภาพในการทางานของคนพกิ าร รวม 2 กล่มุ กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุ่มไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมายประสิทธิภาพในการทางาน จานวน ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) (ราย) (ราย)1. การมาทางานสม่าเสมอ 73 24.4 66 25.4 7 18.42. แรงจูงใจ 41 13.7 38 14.5 3 7.93. ความปลอดภยั 50 16.7 46 17.6 4 10.54. ศกั ยภาพในการทางาน 135 45.2 111 42.5 24 63.2รวม 299 100 261 100 38 100หมายเหตุ: เลือกตอบไดม้ ากกวา่ 1 คาตอบท่ีมา : แบบสอบถาม เม่ือถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สิทธิประโยชน์ท่ีสถานประกอบการพึงจะไดร้ ับ จากการจา้ งงานคนพกิ ารพบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญร่ ะบุวา่ ทราบถึง สิทธิประโยชนท์ ่ีสถานประกอบการพงึจะไดร้ ับมี จานวน 130 ราย คิดเป็ นร้อยละ 65 และมีเพียงจานวน 70 ราย คิดเป็ นร้อยละ 35 ระบุวา่ ไม่ทราบถึงสิทธิประโยชน์ท่ีสถานประกอบการพึงจะไดร้ ับ เม่ือพิจารณากลุ่มสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมาย ส่วนใหญท่ ราบสิทธิประโยชนท์ ่ีพึงไดร้ ับจากการจา้ งงานคนพิการมี จานวน 113 ราย คิดเป็ นร้อยละ 73.4 และมีเพียงจานวน 41 ราย คิดเป็ นร้อยละ 26.6 ระบุวา่ ไม่ทราบถึงสิทธิประโยชน์ท่ีสถานประกอบการพึงจะได้รับ ส่วนกลุ่มสถานประกอบการท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ส่วนใหญ่ไม่ทราบสิทธิประโยชน์ที่พึงไดร้ ับจากการจา้ งงานคนพิการมี จานวน 29 ราย คิดเป็ นร้อยละ 63 และมีจานวน 17 ราย คิดเป็ นร้อยละ 37 ระบุวา่ ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่สถานประกอบการพึงจะไดร้ ับ ดูรายละเอียดในตารางที่ 13 และ 14 48

ตารางที่ 13 ความคิดเห็นเก่ียวกบั สิทธิประโยชนท์ ี่พึงจะไดร้ ับจากการจา้ งงานคนพิการ รวม 2 กลมุ่ กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลมุ่ ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ความคิดเห็น จานวน ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) (ราย) (ราย)1. ทราบ 130 65 113 73.4 17 372. ไมท่ ราบ 70 35 41 26.6 29 63รวม 200 100 154 100 46 100ที่มา : แบบสอบถาม ตารางท่ี 14 ความรู้เกี่ยวกบั สิทธิประโยชนท์ ่ีพึงจะไดร้ ับจากการจา้ งงานคนพกิ าร รวม 2 กลุ่ม กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุ่มไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย สิทธิประโยชน์ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) ผตู้ อบ (ราย) ผตู้ อบ (ราย)1. การยกเวน้ ทางดา้ นภาษี (มาตรา 90 69.2 82 72.6 8 4734 วรรค 3 และมาตรา 38) 16.8 9 53 10.6 0 02. การรายงานต่อสาธารณบริษทั ท่ีปฏิบตั ิและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 28 21.5 19อย่างนอ้ ยปี ละ 1 คร้ัง (มาตรา 39วรรค 1)3. การประการเกียรติคุณ รางวลั 12 9.2 12และเครื่องราช (มาตรา 39 วรรค 2)รวม 130 100 113 100 17 100ท่ีมา : แบบสอบถาม เม่ือถามความคิดเห็นเกี่ยวกบั การจ่ายเงินเขา้ กองทุนฟ้ื นฟูสมรรถภาพคนพิการ ถา้ หากสถานประกอบการไม่จา้ งคนพิการเขา้ ทางานพบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่ทราบมีจานวน 177 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.5 และไมท่ ราบมีจานวน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.5 กลุ่มท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายส่วนมากทราบดีวา่ หากไมจ่ า้ งงานคนพกิ ารเขา้ ทางานในสถานประกอบการ จะตอ้ งจ่ายเงินเขา้ กองทุนฯ มีจานวนสูงถึง 148 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.1 ในทานองเดียวกลุ่มที่ไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายทราบถึงขอ้ กฎหมายในขอ้ น้ีเป็นอยา่ งดี ซ่ึงมีจานวนถึง 29 ราย คิดเป็นร้อยละ 63 ดูรายละเอียดในตารางท่ี 15 49

ตารางท่ี 15 ความคิดเห็นเกี่ยวกบั การจา่ ยเงินเขา้ กองทุนฯ หากไมจ่ า้ งคนพกิ ารเขา้ ทางาน รวม 2 กลมุ่ กลุ่มปฏิบตั ิตามกฎหมาย กลุ่มไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ความคิดเห็น จานวน ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ จานวนผตู้ อบ ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) (ราย) (ราย)1. ทราบ 177 88.5 148 96.1 29 632. ไม่ทราบ 23 11.5 6 3.9 17 37รวม 200 100 154 100 46 100ที่มา : แบบสอบถาม เมื่อสอบถามสถานประกอบการถึงความรู้ท่ีว่า ถา้ หากสถานประกอบการไม่ประสงคจ์ ะจา้ งงานคนพิการเข้าทางานใน สถานประกอบการสามารถเลือกสร้างงานให้แก่คนพิการด้วยการให้สัมปทาน จดั สถานท่ีจาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึกงาน หรือใหก้ ารช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพกิ ารหรือผดู้ ูแลคนพิการแทนได้ พบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญม่ ีความรู้นอ้ ยเก่ียวกบั เน้ือหาสาระของมาตรา 35 มีจานวน 112 ราย คิดเป็นร้อยละ 61 มีความรู้ปานกลางจานวน 58 ราย คิดเป็ นร้อยละ 31 และมีความรู้มากมีเพียงจานวน 15 ราย คิดเป็ นร้อยละ 8 และเมื่อพิจารณากลุ่มสถานประกอบการท่ีปฏิบตั ิตามกฎหมายและกลุ่มสถานประกอบการท่ีไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย พบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่มีความรู้นอ้ ยมากเก่ียวกบั เน้ือหาสาระของมาตรา 35 ดูรายละเอียดในตารางท่ี 16 ตารางที่ 16 ความรู้เก่ียวกบั เน้ือหาสาระของมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ. 2550 รวม 2 กล่มุ กลมุ่ ปฏิบตั ิตามกฎหมาย กล่มุ ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ความคิดเห็น จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ผตู้ อบ (ราย) ผตู้ อบ (ราย) ผตู้ อบ (ราย)1. มาก 15 8 10 7 5 112. ปานกลาง 58 31 41 30 17 373. นอ้ ย 112 61 88 63 24 52รวม 185 100 139 100 46 100ที่มา : แบบสอบถาม เม่ือสอบถามสถานประกอบการวา่ ยินดีที่จะสร้างงานให้แก่คนพิการดว้ ยการให้สัมปทาน จดัสถานที่จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ จดั จา้ งเหมาช่วงงาน ฝึ กงาน หรือให้การช่วยเหลืออ่ืนใดแก่คนพิการหรือผดู้ ูแลคนพกิ าร พบวา่ สถานประกอบการส่วนใหญ่ยินดีที่จะสร้างงาน มีจานวนสูงถึง 169 ราย คิด 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook