ก สันติภาพ..... มนษุ ย์จาํ นวนมากมายในโลกพยายาม เรยี กรอ้ งและกระตนุ้ ให้มนษุ ย์ อกี กลุ่มหนง่ึ ตระหนักถงึ ความหมาย ของคาํ วา่ \"สนั ติภาพ\" และมองเหน็ ความสาํ คญั ของคาํ คําน้ี ไม่ว่าจะด้วยกรรมวธิ ีแปลก ประหลาดต่าง ๆ หรอื การแสดง ความคดิ เห็นเชงิ วชิ าการ และแม้ กระทัง่ การแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง รุนแรงในส่ือสังคมออนไลน์ตา่ ง ๆ ซึ่ง พฤติกรรมเหล่านเี้ ป็นการสะทอ้ นภาพลักษณ์ ของสังคมมนุษย์ที่มีความเจริญแล้ว มีความ เอื้ออาทรต่อกัน เป็นสังคมท่ีน่าอยู่ และเป็น สงั คมในอุดมคติ ในเอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้จะกล่าวถึงเรื่องราวเก่ียวกับ ความขัดแย้ง ระหว่างมนุษย์ท่ีก่อตัวเป็นสงครามขนาดใหญ่และคร่าชีวิตผู้คนมากมาย รวมทั้งความ พยายามที่จะแก้ไขปญั หาทเี่ กิดการกระทําของมนุษย์ด้วยกันเอง โดยมีเป้าหมายหลักเพ่ือ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง มนุษย์ท่ียังคงแก้ปัญหาอย่างรุนแรง และการ แก้ปัญหานน้ั สง่ ผลกลับมาตอ่ สงั คมมนษุ ยใ์ นอนาคตอยา่ งไร นายจิรพล ลิวา ผูจ้ ดั ทาํ ภาพปก : นกพิราบ สญั ลักษณแ์ หง่ ความเป็นอสิ ระ เสรภี าพ และสนั ติภาพ ทม่ี า : http://www.321coloringpages.com/images/peace-coloring-pages-2/peace-coloring-pages- 7.jpg
ข I CANNOT TEACH ANYBODY ANYTHING, I CAN ONLY MARK THEM THINK ฉนั สอนอะไรใครไมไ่ ด้ สงิ่ เดยี วที่ทาํ ไดก้ ค็ ือ ทาํ ให้พวกเขา คดิ เอง โสเครตสิ
ค ข้อดที ั้งหมดของเอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ขอมอบแด่ นางยุพาภรณ์ ลิวา แม่ และ ครคู นแรกในชวี ิต
ง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น ของหน่วยงานราชการ นักวิชาการ และ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กําหนดให้ องค์กรเอกชนที่เก่ียวข้อง สอบถามจากผู้รู้ใน ส ถ า น ศึ ก ษ า ข้ั น พ้ื น ฐ า น จั ด ทํ า ห ลั ก สู ต ร สถานศึกษา ตลอดจนค้นคว้าข้อมูลจากสื่อ สถานศึกษาในส่วนท่ีเกี่ยวกับโลกศึกษา เพ่ือ เทคโนโลยี เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีเป็นจริง และ เน้นในเรื่องการเป็นพลเมืองโลก และการ เป็นประโยชน์ตอ่ การเรียนรูม้ ากที่สดุ พฒั นาตนเองเป็นมนษุ ยท์ ีส่ มบูรณ์ เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ใช้ เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการ วิธีการนําเสนอเนื้อหาสาระเป็นหน่วยการ สอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา เรยี นรู้ ซ่ึงมที ้งั หมด 4 หน่วย แต่ละหน่วยจะ ศาสนา และวัฒนธรรม สอดคล้องตามความ แบ่งเป็นตอนๆ โดยเรียงเนื้อหาท่ีควรศึกษา ต้องการหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น ไว้ตามลําดับก่อนหลัง แต่ละตอนจะกําหนด พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จึงได้จัดทํา จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ก า ร เ รี ย น รู้ ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา ส32205 แผนการจดั การเรียนรู้ โ ล ก ศึ ก ษ า ขึ้ น สํ า ห รั บ นั ก เ รี ย น ช้ั น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ใช้เป็นเครื่องมือ ผู้จัดทําขอขอบพระคุณบุคคลและ ประกอบการเรียนรู้ในสาระการเรียนรู้โลก หน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความอนุเคราะห์ ศึกษา ท้ังน้ีเพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความ เ กี่ ย ว กั บ ข้ อ มู ล ภ า พ ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ เข้าใจ ในเร่ืองราวของสังคมโลก การพัฒนา ข้อเสนอแนะในการจัดทํา ตลอดถึงการ ตนเอง การอยู่ในสังคมคมโลกอย่างสงบสุข มี ตรวจสอบเพื่อปรับปรุงแก้ไข ทําให้เอกสาร ความภาคภูมิใจ และตระหนักถึงหน้าท่ี สําเรจ็ เป็นรูปเล่มท่ีสมบูรณ์ ผู้จัดทําหวังเป็น บทบาท รวมทั้งสิทธิของตนเอง ในฐานะ อย่างย่ิงว่าเอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ มนุษยชาตแิ ละพลเมอื งโลก จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างแท้จรงิ ในการจัดทําเอกสารประกอบการ เรยี นเล่มนี้ ผู้จดั ทําได้ศึกษาคน้ คว้า รวบรวม จิรพล ลิวา ผู้จัดทํา ข้อมูล จากหนงั สอื เอกสารต่าง ๆ
THOUGHTS FROM THE AUTHOR จ ข้อคิดจากผ้เู ขยี น The Graduate... เม่อื เร็ว ๆ น้ีหนังสือพิมพ์ The Washington Post ได้แสดงรายงานถึง ความนา่ อิจฉาของระบบการศึกษาทที่ รงประสทิ ธภิ าพของเกาหลใี ตผ้ า่ น ตัวเลขที่นา่ ทึ่ง นั่นเพราะนักเรียนเกาหลีใต้กลายเป็นผู้กวาดคะแนนการทดสอบ คณติ ศาสตร์และการอา่ นสูงสุด อยใู่ น 5 อันดับแรกของโลก จํานวนเด็ก ลาออกจากโรงเรียนกลางคันมีไม่ถึงร้อยละ 4 และจํานวนผู้สําเร็จ การศกึ ษาระดับอดุ มศึกษาสงู ถึงร้อยละ 56 ซ่งึ ถือว่าอยู่ในกลุ่มท่ีสูงที่สุด ในโลก แน่นอนว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีอย่าง แชโบล ย่อมปลาบ ปล้ืมและอ้าแขนรับเหล่าบัณฑิตใหม่ด้วยความกระตือรือร้น พร้อม ผลตอบแทนและโบนัสอันงดงาม เม่ือทํางานได้ยอดเยี่ยมสมราคา แต่ ขณะเดียวกัน เด็กจบใหม่จํานวนมากก็เลือกที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวกับ การทําธุรกิจของตนเองเพราะไม่อยากฝาก ความหวังไว้กับแชโบลท่ีเคยล้มควํ่าไม่เป็นท่าจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยํากุ้งเม่ือปี 2540 ซ่ึงไม่ว่าเด็กเหล่าน้ีจะ เลือกเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ หรือประกอบธุรกิจของตนเองก็ตาม คําตอบท่ีน่าสนใจก็คือ เด็กเหล่านี้มี ทางเลอื กในชวี ิต ค่านิยมของคนเอเชียน้ันเปล่ียนแปลงไปมากในรอบทศวรรษ เมื่อโลกผลักดันให้เกิดยุคที่เรียกว่า ฐานความรู้ รัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศพยายามสร้างศักยภาพของพลเมืองของตน ด้วยการกําหนดทิศทางในการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ เพ่ือเตรียมความพร้อมให้กับประชากรในอนาคตโดยหวังว่าเมือประเทศของตนเองเป็น มหาอาํ นาจทางเศรษฐกิจแล้ว ประเทศจะยังสามารถรักษาสถานะน้ันเอาไว้ได้ ด้วยกําลัง Idea จากเยาวชนรุ่น ใหม่ เราทราบกนั ดวี ่า สงิ คโปร์ เองก็พยายามผลกั ดนั นโยบายการศกึ ษาดว้ ยเชน่ กัน ด้วยการตัง้ เคมเปญ Be Creative ท่ีเน้นการส่งเสริมทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ในทุกทาง ต้ังแต่ Animation ไปถึง การละคร เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ ที่พยายามสร้างทักษะด้านดนตรี และการออกแบบ ซึ่งก็ประสบความสําเร็จโดยดูได้จากยอดการ เติบโตของธรุ กจิ สถานทเี่ รยี นพเิ ศษดา้ นดนตรีทเี่ พิม่ สงู ข้ึนทกุ ปี ด้านการกีฬา แคต่ ัวเลขการนยิ มกีฬาประเภทการ ขม่ี า้ อยา่ งเดียวก็สะท้อนได้จากการนําเข้าม้าพันธุ์ดีสําหรับการแข่งขันจากประเทศออสเตรเลียสําหรับโรงเรียน สอนขมี่ า้ ทีม่ แี พรห่ ลายได้ เมื่อเราบอกตัวเองว่า เราจะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต น่ันหมายถึง สังคมน้ันต้องเตรียมความพร้อม อย่างพอเพยี งท่จี ะขับเคลอื่ นความกระหายในการเรียนรู้ ทงั้ ดา้ นวิชาการ และความรู้ท่ีจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพราะขณะทเ่ี วลาของการเริม่ ตน้ การศึกษาปกี ารศึกษาใหม่นน้ั เปน็ เวลาเดียวกับที่ บณั ฑิตอีกจํานวนหนึ่งสําเร็จ การศึกษาและออกไปยังตลาดแรงงาน ท้าทายส1 ่ิงใหม่ในชีวิต เป็นโอกาสเดียวท่ีสําคัญมากที่สุดท่ีจะพิสูจน์ว่า บุคคลจะมีคณุ ภาพตอ่ ตนเองและต่อสงั คมมากนอ้ ยแค่ไหน และนําไปสกู่ ารท้าทายอนาคตอยา่ งมีความสุข 1 อภิสทิ ธ์ิ ไล่ศตั รูไกล , นติ ยาสารคิด , กรุงเทพฯ : โครงการส่งเสรมิ การเรยี นร้คู วามคิดสร้างสรรค์กับเศรษฐกิจไทย โดย TCDC , 2554. หนา้ บทบรรณาธกิ าร.
ฌ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั และแผนการประเมินผล วิชาโลกศึกษา ส 32205 ภาคเรยี นที่ 1 อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค 70 : 30 เวลาเรยี น 1 คาบ / สัปดาห์ / 0.5 หนว่ ยการเรยี น คะแนนการประเมนิ ผล รวม จํานวนคาบ หน่วย ผลการเรยี นรู้ตามตัวชี้วัด ระห ่วาง กลาภงาภคาค ปลายภาค สถานการณ์ 1. รู้และเข้าใจเรอ่ื งสทิ ธิมนษุ ยชน เหน็ คุณคา่ ในการรกั ษาและ 2 5 5 - 10 ความ ปกปอ้ งสทิ ธขิ องตนเองและผู้อื่นภายใต้กรอบของแนวคดิ สทิ ธิ ขดั แยง้ ใน มนุษยชน ศตวรรษท่ี 2. รู้ เข้าใจและยอมรบั ความเหมอื น ความแตกต่างของความ 2 5 5 - 10 19 หลากหลายทางการเมอื งการปกครอง แนวคิด และชีวิตความ เปน็ อยู่ และยอมรบั ผลกระทบจากพฤติกรรมของมนษุ ย์ 3. ตระหนกั ในความสําคญั ของความเสมอภาคและความ 2 5 5 - 10 ยุตธิ รรมในสงั คม มสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความเปน็ ธรรมใน สงั คม สถานการณ์ 4. รูแ้ ละเข้าใจธรรมชาติของความขดั แย้ง หาทางลดปญั หา 2 5 5 - 10 ความ ความขดั แยง้ โดยปราศจากความรนุ แรง ขดั แย้งใน 5. รแู้ ละเข้าใจการพงึ่ พาอาศยั ซง่ึ กนั ระหวา่ งคน ธรรมชาติ 2 5 - 5 10 ศตวรรษที่ สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คมท่ีมผี ลต่อความสมั พันธ์ของ 20 ชุมชนโลก แนว 6. ประเมินค่าเกย่ี วกับคา่ นิยมทสี่ าํ คญั ระดบั โลกที่มผี ลต่อเจตคติ 2 5 - 5 10 ทางการ และคา่ นยิ มของคนที่เก่ียวขอ้ ง แก้ปัญหา 7. รู้เข้าใจและมสี ่วนรว่ มในการรกั ษาและพฒั นาคณุ ภาพชีวิต 4 10 - 10 20 ความ โดยไมท่ าํ ลาย เพอื่ ความอยรู่ อดของชวี ติ รนุ่ ต่อไป ขัดแย้ง 8. เสาะแสวงหาและสรา้ งองค์ความรู้เกี่ยวกบั การเป็นพลโลกใน 4 10 - 10 20 สถานการณโ์ ลกปจั จบุ นั รวม 20 50 20 30 100 ท่ี คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนการประเมนิ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 3 2. ซ่อื สัตย์สุจรติ 3 3. มวี นิ ยั 3 4. ใฝ่เรียนรู้ 3 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 3 6. มุง่ มั่นใจการทํางาน 3 7. รักความเปน็ ไทย 3 8. มีจติ สาธารณะ 3
ฌ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั และแผนการประเมินผล วิชาโลกศึกษา ส 32206 ภาคเรยี นที่ 2 อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค 70 : 30 เวลาเรยี น 1 คาบ / สัปดาห์ / 0.5 หนว่ ยการเรยี น คะแนนการประเมนิ ผล รวม จํานวนคาบ หน่วย ผลการเรยี นรู้ตามตัวชี้วัด ระห ่วาง กลาภงาภคาค ปลายภาค สถานการณ์ 1. รู้และเข้าใจเรอ่ื งสทิ ธิมนษุ ยชน เหน็ คุณคา่ ในการรกั ษาและ 2 5 5 - 10 ความ ปกปอ้ งสทิ ธขิ องตนเองและผู้อื่นภายใต้กรอบของแนวคดิ สทิ ธิ ขดั แยง้ ใน มนุษยชน ศตวรรษท่ี 2. รู้ เข้าใจและยอมรบั ความเหมอื น ความแตกต่างของความ 2 5 5 - 10 19 หลากหลายทางการเมอื งการปกครอง แนวคิด และชีวิตความ เปน็ อยู่ และยอมรบั ผลกระทบจากพฤติกรรมของมนษุ ย์ 3. ตระหนกั ในความสําคญั ของความเสมอภาคและความ 2 5 5 - 10 ยุตธิ รรมในสงั คม มสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความเปน็ ธรรมใน สงั คม สถานการณ์ 4. รูแ้ ละเข้าใจธรรมชาติของความขดั แย้ง หาทางลดปญั หา 2 5 5 - 10 ความ ความขดั แยง้ โดยปราศจากความรนุ แรง ขดั แย้งใน 5. รแู้ ละเข้าใจการพงึ่ พาอาศยั ซง่ึ กนั ระหวา่ งคน ธรรมชาติ 2 5 - 5 10 ศตวรรษที่ สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คมท่ีมผี ลต่อความสมั พันธ์ของ 20 ชุมชนโลก แนว 6. ประเมินค่าเกย่ี วกับคา่ นิยมทสี่ าํ คญั ระดบั โลกที่มผี ลต่อเจตคติ 2 5 - 5 10 ทางการ และคา่ นยิ มของคนที่เก่ียวขอ้ ง แก้ปัญหา 7. รู้เข้าใจและมสี ่วนรว่ มในการรกั ษาและพฒั นาคณุ ภาพชีวิต 4 10 - 10 20 ความ โดยไมท่ าํ ลาย เพอื่ ความอยรู่ อดของชวี ติ รนุ่ ต่อไป ขัดแย้ง 8. เสาะแสวงหาและสรา้ งองค์ความรู้เกี่ยวกบั การเป็นพลโลกใน 4 10 - 10 20 สถานการณโ์ ลกปจั จบุ นั รวม 20 50 20 30 100 ท่ี คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนการประเมนิ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 3 2. ซ่อื สัตย์สุจรติ 3 3. มวี นิ ยั 3 4. ใฝ่เรียนรู้ 3 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 3 6. มุง่ มั่นใจการทํางาน 3 7. รักความเปน็ ไทย 3 8. มีจติ สาธารณะ 3
ญ ใบงาน และ ใบความรู้ วิธกี ารสง่ งาน รายวิชา ส32205 โลกศึกษา เน้นการมี รายวชิ า ส32205 โลกศึกษา เป็นการ บูรณา ทั ก ษ ะ ใ น ก า ร ใ ช้ สื่ อ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ อ ย่ า ง การและประยุกต์วิชาเข้าด้วยกัน การส่งงาน เหมาะสม ดังนั้นใบงานทุกใบที่มีเอกสาร ของนักเรียนจะใช้การส่งงานทาง e-mail ประกอบการเรียนฉบับน้ี นักเรียนสามารถ adress ได้ที่ [email protected] Download ได้จาก เว็ปไซต์ ของครู และ โดยการส่งงานแต่ละคร้ัง ส่งเป็น Microsoft สามารถแลกเปล่ียนความคิดเห็นกันได้ที่ word หรือ Microsoft power point เพื่อ facebook fan page ของครู Teacher ความสะดวกในการตรวจสอบ Bond หลังจากกด like / ถูกใจ แล้ว นักเรียนสามารถแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร **งานทสี่ ง่ ต้อง เป็นการพิมพ์ ไม่ใช่ และรับทราบการแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ การ copy เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้ ลว่ งหน้าเกี่ยวกับวิชาโลกศึกษาเพ่ือเตรียมตัว แ ล ะ ค ว ร ส่ ง ง า น ต ร ง ต า ม เ ว ล า ท่ี กํ า ห น ด มาเรยี นลว่ งหน้าไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (สิ้นสุดการส่งงานแต่ล่ะคร้ังท่ีเวลา เท่ียงคืน ของวันทกี่ ําหนดใหส้ ่งงาน) (google หาคําวา่ จิรพล ลวิ า) **แตง่ านรปู เล่มก็ยังตอ้ งส่ง....
ฎ รายงาน และ การนําเสนอ การนําเสนอใชเ้ วลา ในการนําเสนอ ไม่เกิน ๒๐ นาทีต่อ ๑ กลุ่ม และ เวลาใน รายวิชา ส32206 โลกศึกษา มีการทํา การซักถาม ระหว่างผู้นําเสนอกับผู้ฟังการ รายงาน ๑ เล่ม โดยเป็นรายงานกลุ่มซึ่งมี นําเสนอ อีก ไม่เกิน ๕ นาที ต่อ ๑ กลุ่ม รวม รายละเอยี ดดังนี้ ๒๕ นาที นักเรียนเลือกกลุ่มในคาบท่ี ๑ และ กอ่ นการนําเสนอแตล่ ะ่ กลุ่มต้องส่ง เลือกหัวเร่ืองในการทํารายงานด้วยการจับ สลาก (ประชาธิปไตย) รายงานท่ีเสร็จสมบรู ณแ์ ล้ว. นั ก เ รี ย น ใ น แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ดํ า เ นิ น การศึกษาเน้ือหาเบ้ืองต้นและส่ง โครงร่าง รายงาน ได้ตั้งแต่สัปดาห์ท่ี ๓ ของการเรียน และไม่เกนิ สัปดาหท์ ่ี ๔ หลังการศึกษารายงานตามหัวข้อท่ี ได้รับแล้ว นักเรียนเตรียมตัวนําเสนอเรื่องท่ี ไปศึกษาโดย ไม่จํากดั รูปแบบการนาํ เสนอ
ฏ ตัวอย่าง.....โครงรา่ งรายงาน ................................. .........( )............. ...( ).. , ...( )... , () , .........( )....... ...( ).. , ...( )... , ( ) , .............................. . ...( ).. , ...( )... , () , ................................ . ** ................................ .........( )....... เอกสารอา้ งอิงเบ้ืองต้น ปกเคา้ โครงการศึกษา . . .........( )....... . . เค้าโครงการศึกษา Theme ในการเขียน บรรณานกุ รม โกวิทย์ วงศ์สุรวัฒน์ , การเมืองการปกครองสหรัฐอเมรกิ า แนวพนิ ิจทางประวตั ิศาสตร์ , กรุงเทพฯ : สาํ นกั พิมพโ์ อเดียนสโตร์ , ๒๕๔๘. สมร นติ ทิ ัณฑป์ ระภาส , ศ. , สหรัฐอเมริกาในโลกปจั จุบนั ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๘๐ เล่ม ๑ , กรุงเทพฯ : สาํ นกั พมิ พ์โอเดยี นสโตร์ , ๒๕๓๑. _______________ . สหรัฐอเมริกาในโลกปัจจุบัน ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๘๐ เล่ม ๒ , กรุงเทพฯ : สาํ นักพิมพ์โอเดียนสโตร์ , ๒๕๓๑. แอลแลน เนวนิ ส์ และ เอนรี่ สตลี คอมเมเจอร์ , ประวตั ิศาสตรส์ ังเขปของสหรัฐอเมรกิ า ตอนที่ ๓ , กรงุ เทพฯ : สาํ นกั พิมพแ์ พรพ่ ิทยา , ๒๕๑๘.
ฐ ตัวอย่าง.....ลาํ ดับการนําเสนอในเลม่ รายงาน ................................. .............................. ................................ ................................ .............................. ... ..............................
ฑ 1. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ 5 กลมุ่ ตามอธั ยาศยั 2. ให้นกั เรียนใชเ้ วลาในการปรึกษาหารอื เพือ่ พจิ ารณาเลอื กหัวข้อรายงานตามเงื่อนไขดังต่อไปน้ี 2.1 เนื้อหาของรายงานอยู่ในขอบเขตของเวลาต้ังแต่ ปี ค.ศ. 1914 ถงึ ปี ค.ศ.1949 2.2 ประเด็นท่ีนาํ มาเปน็ กรณศี กึ ษาในรายงานต้องไม่ซ้าํ กันกับรายวิชาก่อนหนา้ 2.3 สถานการณ์ทน่ี าํ มาศกึ ษาต้องสามารถอธบิ ายถงึ ความเก่ียวเนอ่ื งกับ 8 สาระหลกั ของ โลกศกึ ษาได้ 2.4 สถานการณ์ที่นํามาศกึ ษาอาจจะเป็นบทบาทขององค์กร หรือ ความขัดแย้ง หรืออ่นื ๆ กไ็ ด้ 2.5 ไมจ่ าํ กดั พื้นท่ีศกึ ษา อาจจะเป็น ยโุ รป เอเชยี อเมรกิ า หรือ แอฟริกา กไ็ ด้ เงอื่ นไขท้ัง 5 ข้อขา้ งตน้ คือกรอบแนวทางการศึกษา ที่นักเรยี นตอ้ งคิดและหาประเดน็ ที่ นา่ สนใจ 3. ให้นักเรยี นส่ง เคา้ โครงการศกึ ษา ครัง้ ที่ 1 ภายใน สัปดาหท์ ่ี 3 ของการเปิดเรียน และ ไม่ให้ เกิน สัปดาห์ท่ี 4 ของการเปดิ ภาคเรียน และปรับปรงุ แกไ้ ขภายในระยะเวลา 2 เดอื น ปดิ การ รับสง่ เค้าโครงการศกึ ษา ในสัปดาห์ท่ี 8 ของการเปิดภาคเรียน 4. การเลอื กประเด็นศึกษา นักเรียนสามารถปรึกษาครูได้ตลอดเวลา ทง้ั ในและนอกเวลาเรยี น
ฉ CONTENTS สารบญั สารบญั ง. คํานาํ จ. Premise ซ. ขอ้ คดิ จากผเู้ ขียน ฌ. Thoughts from the author ญ. จัดทาํ โดย คําอธิบายรายวชิ า นายจริ พล ลวิ า Course Syllabus ฑ. กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาศาสนาและ วัฒนธรรม ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั โรงเรียนกลั ยาณศี รีธรรมราช Premise 1-2. คําชแ้ี จงการเรยี นการสอน 3. เอกสารประกอบการเรยี นเล่มน้ี 4-5. ผูจ้ ัดทํามคี วามเตม็ ใจสง่ ต่อขอ้ มูลเพ่ือ Statement of teaching and learning การศกึ ษาเท่านนั้ ไมอ่ นุญาตใหน้ าํ ไปใช้ เพื่อการพาณิชย์ นกั เรียนทตี่ ้องการศึกษา เอกสารแบง่ หวั ขอ้ รายงาน สามารถถา่ ยสาํ เนาเอกสารได้ นาํ ขอ้ มลู ไปใช้ตอ่ ได้ โดยระบแุ หลง่ อา้ งอิงท่ีถกู ตอ้ ง Topic Research และเหมาะสม เรื่องจากปก Cover Story แบบทดสอบก่อนเรยี น Pro - Test บทนาํ Introduction จดั ทาํ ขึน้ ภายใตโ้ ครงการการศกึ ษา รายวิชา ส32205 โลกศกึ ษา สาํ หรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นกัลยาณศี รธี รรมราช เพอื่ เผยแพรค่ วามรเู้ ก่ียวกับรายวชิ าโลกปริทรรศน์ และผลกั ดันการใชค้ วามคดิ เพื่อสรา้ งสรรค์และขับเคลอ่ื นสังคมไทย.
CONTENTS ช สารบญั สารบญั (ตอ่ ) 6-27.บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 : Conflict in 19th Century 28-54.บทที่ 2 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 20 Chapter 2 : Conflict in 20th Century บทท่ี 3 แนวทางแก้ปญั หาความขดั แยง้ 55-65. Chapter 3 : Approach to conflict resolution จัดทาํ โดย แนะนาํ หนงั สอื ดี 66-67. นายจริ พล ลวิ า 68. กลุม่ สาระสังคมศกึ ษาศาสนาและ Book’s Recommends 69-71. วฒั นธรรม สรุปภาระงานที่ต้องส่ง โรงเรียนกลั ยาณศี รธี รรมราช Work for Study กาํ หนดการเรียนการสอน Schedule of classes Contact us Teacher bond JiraponLiwa มนษุ ยสรา้ งสอ่ื .... [email protected] BLiwa มนษุ ย์บริโภคสื่อ.... ดงั นั้น..อย่า... [email protected] จริ พล ลิวา ปลอ่ ยให้สื่อเป็นผใู้ ช้เรา ใชใ้ หเ้ ปน็ และสื่อจะเป็นเครอื่ งมอื 084-189-8732 ทรงประสิทธภิ าพ.... https://sites.google.com/site/jiraponliwa123/
ฑ 1. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ 5 กลมุ่ ตามอธั ยาศยั 2. ให้นกั เรียนใชเ้ วลาในการปรึกษาหารอื เพือ่ พจิ ารณาเลอื กหัวข้อรายงานตามเงื่อนไขดังต่อไปน้ี 2.1 เนื้อหาของรายงานอยู่ในขอบเขตของเวลาต้ังแต่ ปี ค.ศ. 1914 ถงึ ปี ค.ศ.1949 2.2 ประเด็นท่ีนาํ มาเปน็ กรณศี กึ ษาในรายงานต้องไม่ซ้าํ กันกับรายวิชาก่อนหนา้ 2.3 สถานการณ์ทน่ี าํ มาศกึ ษาต้องสามารถอธบิ ายถงึ ความเก่ียวเนอ่ื งกบั 8 สาระหลกั ของ โลกศกึ ษาได้ 2.4 สถานการณ์ที่นํามาศกึ ษาอาจจะเป็นบทบาทขององค์กร หรือ ความขัดแย้ง หรืออ่นื ๆ กไ็ ด้ 2.5 ไมจ่ าํ กดั พื้นท่ีศกึ ษา อาจจะเป็น ยโุ รป เอเชยี อเมรกิ า หรือ แอฟริกา กไ็ ด้ เงอื่ นไขท้ัง 5 ข้อขา้ งตน้ คือกรอบแนวทางการศึกษา ที่นักเรยี นตอ้ งคิดและหาประเดน็ ที่ นา่ สนใจ 3. ให้นักเรยี นส่ง เคา้ โครงการศกึ ษา ครัง้ ที่ 1 ภายใน สัปดาหท์ ่ี 3 ของการเปิดเรียน และ ไม่ให้ เกิน สัปดาห์ท่ี 4 ของการเปดิ ภาคเรียน และปรับปรงุ แกไ้ ขภายในระยะเวลา 2 เดอื น ปดิ การ รับสง่ เค้าโครงการศกึ ษา ในสัปดาห์ท่ี 8 ของการเปิดภาคเรียน 4. การเลอื กประเด็นศึกษา นักเรียนสามารถปรึกษาครูได้ตลอดเวลา ทง้ั ในและนอกเวลาเรยี น
เรื่องจากปก 1 Cover Story ทฤษฎีสันติภาพ มีนักวิชาการมา1กมายหลาย ซึ่งเราจะเรียกลักษณะของสังคมดังที่กล่าวมา นวี้ า่ เป็นสงั คมท่มี ีความสันติสขุ ท่ า น ไ ด้ ทํ า ก า ร ศึ ก ษ า ท ฤ ษ ฎี สั น ติ ภ า พ ไ ว้ อ ย่ า ง กว้างขวาง แต่ละท่านก็พยายามจะอธิบาย ดั ง น้ั น ก่ อ น ที่ เ ร า จ ะ เ ริ่ ม ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห์ ความหมายและตีความคําว่า \"สนั ตภิ าพ\" ในแง่มุมที่ องค์ประกอบของสันติภาพเราจําเป็นจะต้องเรียนรู้ ตา่ งกันออกไป เกยี่ วกับประวตั คิ วามเป็นมาและปรัชญาของทฤษฎี สันตภิ าพเสียกอ่ น แง่มุมของสันติภาพที่น่าสนใจแง่มุมหนึ่งก็คือ สันติภาพในมุมมองของสังคมศาสตร์ การวิเคราะห์ ภาพท่ี 1 : Peace Dolly สภาพของสันตภิ าพและแนวทางในการทําให้บุคคล ทม่ี า : http://fc07.deviantart.net/fs27/f/2008 ในสังคมได้ตระหนักถึงแนวทางและเป้าหมาย รว่ มกันอันจะนําไปสสู่ ังคมทมี่ ีความสงบสขุ และสนั ติ /080/a/f/Peace_Doodle_by_Kacedilla.jpg น้นั ย่อมจะเปน็ วิธีท่พี งึ ประสงค์ ทฤษฎีสันติภาพในมุมมองของนักสังคมวิทยา แท้จรงิ แล้วก็คอื การศึกษาธรรมชาติของมนุษย์และ ธรรมชาติของสังคมมนุษย์ที่มีความโน้มเอียงไปใน การเก้ือกูลกัน พึ่งพากัน พร้อมท่ีจะยอมรับซ่ึงกัน และกัน รวมถึงการอยู่ร่วมกันของมนุษย์โดย ปราศจากความรนุ แรงในทกุ รปู แบบ 1 เอกพันธ์ุ ปิณฑวณิช , ดร. , เอกสารประกอบการบรรยายทฤษฎีสันติภาพ , กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษา และพัฒนา สนั ตวิ ิธี มหาวทิ ยาลัยมหิดล , 2553.
2 เร่ืองจากปก Cover Story ปรัชญาสนั ตภิ าพในโลกตะวนั ตก ด้วยแนวคิดเช่นนี้อาจจะกล่าวได้ว่า กูสมันได้รับ อิทธิพลทางความคิดด้านปรัชญา สันติภาพ สิทธิ มีนักวิชาการชาวตะวันตกหลายท่านที่พยายามจะ มนุษยชน และการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์จาก อธบิ ายปรชั ญาของทฤษฎสี นั ตภิ าพแตใ่ นทน่ี ี้ผู้เขียนจะ แนวคิดและปรัชญาของ เอมมานูเอล คานท์ กล่าวถึงนักวิชาการท่านหนึ่งท่ีมองสันติภาพในเชิง (Immanuel Kant) ผู้ซ่ึงได้รับการยอมรับว่าเป็นนัก สร้างสรรค์ ท่านน้ีคือ ศาสตราจารย์ วิเซนต์ มาติเนส ปรัชญาที่นิยามความหมาย ของสันติภาพในเชิง กูสมัน (Vicent Martinez Guzman) ผู้ซ่ึงนับได้ว่า สร้างสรรค์เป็นคนแรกๆ ทฤษฏีสําคัญของนักปรัชญา เป็นนักปรัชญาสันติภาพที่มีช่ือเสียงท่านหนึ่งในโลก ท่านนี้ที่ถูกหยิบยกข้ึน มาอ้างถึงในงานเขียนของ กู แห่งวิชาสันติศึกษาศาสตราจารย์ วิเซนต์ มาติเนส กู สมัน คือ \"สันติภาพอันสถาพร\" (Perpetual Peace) สมัน ได้บรรยายเกี่ยวกับปรัชญาสันติภาพไว้ใน และ \"เป้าประสงค์แห่งกฎท่ีเป็นสากล\" หนังสือ \"ปรัชญาเพื่อการสร้างสันติภาพ (ท่ี (Cosmopolitan intent) ซึ่งแนวปรัชญาทั้งสองน้ีได้ หลากหลาย)\" (Filosofia para hacer las paces) ให้นิยาม ของความสามารถของมนุษย์ในการที่จะทํา การใดๆท่ีจะเป็นคุณแก่ผู้อื่น กิจกรรมใดๆที่ทําโดย โดยมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับสันติภาพและการ บุคคลใดๆกต็ ามตา่ งก็อยู่ภายใต้เจตจํานง และผลแห่ง พัฒนา โดยเนื้อหาน้ันจะรวมถึงวิวัฒนาการของ สันติ การกระทําที่ผู้อ่ืนน้ันรับรู้ เข้าใจ และนับว่ากิจกรรม ศึกษาในโลกตะวันตก ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้ นั้ น ๆ เ ป็ น คุ ณ ด้ ว ย จึ ง จ ะ นั บ ว่ า กิ จ ก ร ร ม นั้ น ๆ เ ป็ น สนั ติวิธีและการพฒั นาสังคมในบริบทของโลกที่พัฒนา คณุ ธรรม แล้ว กําลังพัฒนา และด้อยพัฒนากูสมันให้นิยามของ สันติภาพไว้ว่า \"สันติภาพนั้นเกิดจากการต่ืนตัวของ ในงานเขียนของกูสมัน เขาอ้างอิงนักสันติ ผู้คนในแต่ละชุมชนท่ีจะสร้างสังคมแห่งสันติสุขใน ศึกษาท่ีโด่งดังท่านหนึ่ง คือ โจฮัน เกาล์ตุง (Johan บริบทของแต่ละชุมชนเอง\" ในภาษาสเปน คําว่า Galtung) ผูซ้ ึง่ ได้ชอื่ ว่าเป็นบดิ าของสันติศึกษายุคใหม่ สันติภาพ (Paz) สามารถใช้ในรูปของพหูพจน์ได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงนําแนวคิดของ นักสันติศึกษาท่านน้ี เพราะฉะนั้นความหมาย ของคําว่า \"Paces\" น้ันก็คือ มาอธิบายพอสังเขป โดยบทความนี้ได้สรุปความจาก ความหลากหลายของสันติภาพ สันติภาพใน หนังสือของ เกาล์ตุงท่ี โด่งดังเล่มหนึ่งคือ \"สันติภาพ หลากหลายบริบท และรูปแบบของสันติภาพท่ีสร้าง โดยสันติวิธี\" (Peace by Peaceful Means) การ ขนึ้ และดํารงอยโู่ ดยผู้คนในแต่ละกลมุ่ ชน อธิบายความคิดและปรัชญาสันติภาพของ เกาล์ตุงจะ ทําให้เกิดความเชื่อมโยงในแนวคิดของ กูสมันและ นอกจากน้ัน กูสมัน ได้เช่ือมโยงแนวคิดของสันติ ศึกษาในแง่มุมและมุมมองต่างๆเข้าด้วยกัน แนวคิด นิยามตา่ งๆของสนั ตศิ กึ ษาไดด้ ียงิ่ ขนึ้ ท้ังหลายเหล่านี้ กูสมันเช่ือว่าจะเป็นแนวทางท่ีจะ สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมทางสังคมอันสันติสุขตั้งแต่ ชุมชนขนาดเล็กจนถึงระดับชุมชนโลก หลักความคิด ทางสันติศึกษาเหล่าน้ีตัง้อยู่บนรากฐานท่ีว่ามนุษย์น้ัน มีศักยภาพในการสร้างสรรค์และทําลาย ทฤษฎีและ แนวทางการปฏิบัติทางสันติวิธีท่ีสร้างสรรค์จะช่วย นาํ พาใหม้ นุษย์ คดิ และทําในส่ิงท่ีเป็นคุณประโยชนต์ อ่ ตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัว และคุณประโยชน์ท่ี เ กิ ด ขึ้ น นั้ น ก็ จ ะ ส่ ง ผ ล ใ ห้ มี วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง สั น ติ วัฒนธรรมขน้ึ ในสงั คมมนุษย์
ทดสอบกอ่ นเรียน 3 PRE - TEST ๑. ในระหว่างสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ขบวนการใดที่เกดิ ข้นึ และได้สง่ ผลให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไดร้ ับเอกราช และมผี ลตอ่ การจดั การรูปแบบการเมอื งการปกครองสมัยใหม่ ก. ปัจเจกชนนิยม ข. ชาตนิ ยิ ม ค. มนุษยนยิ ม ง. สังคมนยิ ม ๒. ขอ้ ใดไมใ่ ชผ่ ลกระทบของ ลทั ธิดาร์วิน” ก. การเกดิ แนวคิดทางการค้าสมัยใหมข่ องระบบทุนนิยม ข. ความเจรญิ ก้าวหน้าทางชวี วิทยา ค. การฆ่าลา้ งเผ่าพนั ธ์ุ ง. การขยายตวั ของลทั ธสิ ังคมนยิ ม ๓. ข้อใดไมส่ มั พนั ธ์กับการเรยี กร้องเอกราชของอนิ เดีย ก. ลทั ธไิ ตรราษฎร์ ข. ขบวนการสวาเทสิ ค. หลักการสตั ยาเคราะห์ ง. วิธกี ารด้ือแพ่ง ๔. สหรฐั อเมริกาประกาศสงครามกับเยอรมนใี นสงครามโลกครง้ั ที่ 1 เน่อื งจากสาเหตใุ นข้อใด ก. ผนู้ าํ ทางการเมืองคนสาํ คัญของอเมรกิ าถกู ลอบสงั หาร ข. สหรัฐอเมริกาต้องการรักษาสันติภาพของ โลก ค. สหรฐั อเมรกิ าปฏิบตั ิตามพันธะสัญญาที่ใหไ้ วก้ บั องั กฤษ ง. แผนการของอเมริกาที่จะป้องกันเวียดนาม ใต้ ๕. ความขัดแย้งทางการเมืองของศรลี ังกาในปัจจุบนั เกิดจากสาเหตใุ ดมากทส่ี ุด ก. ความขัดแยง้ ของนักการเมือง ข. ปญั หาความตกตํา่ ทางเศรษฐกิจ ข. ปัญหาการแทรกแซงทางการเมอื งจากอินเดีย ง. ปัญหาความแตกต่างทางเช้ือชาติและ ศาสนา ๖. ภายหลังการเกิดสงครามโลกคร้ังที่ 2 วกิ ฤตการณใ์ ดเกิดขึ้นตามมา ก. สงครามเยน็ ข. การเพ่มิ ขึน้ ของประชากร ค. ประเทศมหาอํานาจแขง่ ขันกนั แสวงหาอํานาจ ง. สภาพเศรษฐกิจท่ัวโลกตกตาํ่ ๗. หน่วยงานใดในองค์การสหประชาชาตทิ ี่แต่งต้ังนายบนั คมี นุ เป็นเลขาธกิ ารสหประชาชาติ ก. คณะมนตรคี วามมน่ั คง ข. คณะมนตรีเศรษฐกจิ และสังคม ค. สมชั ชาใหญแ่ ห่งสหประชาชาติ ง. องค์กรสําคญั ท้งั 6 ของสหประชาชาติ ๘. ในระหว่างสงครามโลกครง้ั ที่ 2 การประชมุ คร้ังใดเป็นการสะทอ้ นให้เหน็ ถงึ การพยายามแกป้ ญั หาทางเศรษฐกจิ ก. ดนั บารต์ ัน โอค๊ ส์ ข. ซานฟรานซสิ โก ค. ยัลตา ง. เบรตตนั วดู ส์ ๙. บทบาทท่สี ําคัญทส่ี ดุ ของการพยายามจดั ตัง้ องคก์ ารระหวา่ งประเทศคือขอ้ ใด ก. ลดแนวโนม้ การเกดสงครามโลก ข. เพม่ิ ความเข็มแขง็ ในการต่อรอง ค. สรา้ งความเปน็ รัฐเดยี่ วให้สาํ เร็จ ง. แก้ไขปญั หาเศรษฐกิจตกต่ํา ๑๐. สันติภาพจะเกิดไดด้ ้วยการประทําในขอ้ ใดมากทีส่ ดุ ก. การทาํ สงคราม ข. การเจรจาตอ่ รอง ค. การสร้างกําลงั ทางทหาร ง. การพดู คยุ ก่อนเกิดความขัดแยง้
4 บทนาํ INTRO \"สงคราม\" คาํ ว่า สงคราม สามารถใหค้ าํ จํากดั ความไดง้ ่าย ๆ ก็คอื \"การรบกัน\" ซ่ึงกล่าวได้ว่า วงจรชีวิต ของมนุษย์ต้ังแต่แรกเร่ิมน้ัน ธรรมชาติได้มอบ \"ทักษะด้านการเข่นฆ่าและทําลายล้าง\" ติดตัวมาแล้ว เพ่ือให้ มนุษย์สามารถใช้ชวี ติ และเอาตวั รอดได้ในสถานการณต์ ่าง ๆ จวบจนมนุษย์ไดพ้ ัฒนาสกู่ ารอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นใน สังคมชนเผ่า และการอยู่ร่วมกันภายใต้อํานาจรัฐ ความสลับซับซ้อนของการดํารงชีวิตอยู่ในฐานะท่ีเป็นหน่วย หนง่ึ ในองคก์ รของรัฐ สง่ ผลใหป้ จั เจกบุคคลต้องปรับปรุงตัวเอง เพื่อเผชิญหน้ากับความมั่งค่ังทางเศรษฐกิจและ สังคม ความมีอํานาจเพื่อการอยู่รอด ความมีอํานาจเพ่ือคุ้มครองและยืนยันความเช่ือม่ัน แนวคิด ความศรัทธา และรวมท้ังความคุ้นชินในวิถชี ีวติ ของตนเอง เพ่ือเป้าหมายสงู สดุ คือการธาํ รงไว้ซึง่ อํานาจ เพ่ือปกครองผู้อ่ืน เฉก เชน่ ข้าทาสบริวาร อํานาจท่ีจะยดึ ครอง ช่วงชงิ ให้ไดม้ าซ่งึ ทรัพย์สินจากทรัพยากรจากผู้ทอ่ี ่อนแอกวา่ จากในส่วนของปัจเจกขยายออกไปสู่ความ ภาพที่ 2 : การฝกึ ทหารใหมข่ องฝรงั่ เศสในช่วง เป็นรฐั จากบนั ทกึ ประวัตศิ าสตรข์ องมนษุ ยชาตนิ บั แต่ สงครามโลกครง้ั ที 2 6,000 ปี ของอียิปต์ที่บันทึกลงบนแผ่นหิน หรือ ทีม่ า : บันทึก 5,000 ปี ของจีน ท่ีใช้การบันทึกบนกระดอง เต่า และ บันทึก 4,000 ปี ของอินเดีย จากศตวรรษ http://justmytruth.files.wordpress.com/2010 แรกของมนุษยชาติ จนถงึ เขา้ สูเ่ วลาของศตวรรษที่ 21 \"สงครามและการเข่นฆ่าทําลายล้าง\" เกิดขึ้น ดําเนิน /05/world20war20ii20soldiers20training.jpg อยู่ และสิ้นสุดลง และหมุนกลับไปสู่การเกิดข้ึน ดําเนินอยู่ และสิ้นสุดลงอีกคร้ัง อีกครั้ง และอีกครั้ง ทา่ มกลางกระแสความรู้สึกเชงิ ศีล2 ธรรม 2 บัญชา เฉลมิ ชยั กจิ , \"คํานําสาํ นกั พิมพ\"์ : ศตวรรษแห่งสงคราม เหตุการณ์สําคัญในศตวรรษที่ 20 , กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพ์สุขภาพใจ , 2549. หนา้ คํานาํ สํานกั พมิ พ.์
บทนํา 5 INTRO ในปจั จบุ ัน มนุษยม์ ีความละเมยี ดละไมในการใช้ชวี ติ มากขึน้ มีจติ ใจ อ่อนไหว มเี มตตา มีความฝัน ถงึ โลกทสี่ วยงามทปี่ ราศจากสงคราม และการแยง่ ชผิ ลประโยชน์ มนษุ ยท์ แ่ี สวงหาและ โหยหาสันติภาพแต่กระนนั้ กย็ งั คงเกิดสงคราม มนษุ ยเ์ องก็ยงั คงเป็นผกู้ ่อสงครามอยตู่ ลอดเวลา เช่นเดิม แมว้ ่าสงครามแตล่ ะคร้ังทเ่ี กดิ และสิ้นสุดลง จะมอบบทเรยี นท่ีระทมขมขืน่ พรอ้ มท้ังร่องรอยบาดแผล แกผ่ ทู้ อ่ี ยู่เบือ้ งหลงั มากมายแตม่ นุษย์ก็ยังไมล่ ะท้ิงสญั ชาตญาณเดมิ ของมนษุ ย์ นนั้ คือ การแก้ปญั หาดว้ ยการใชค้ วามรนุ แรง กลุ่มผ้นู าํ ประเทศท่ีนาํ ประเทศของตนเองเขา้ ส่สู งครามกจ็ ะมเี หตผุ ลท่นี ่าเช่อื ถอื จาํ นวนมากข้อ ทจี่ ะพาคนในประเทศตนเองไปสสู่ นามประลอง ที่ แน่นอนวา่ จะสนิ้ สดุ ลงก็ต่อเมื่อไดร้ บั ผลตอบแทนทคี่ ุม้ ค่าและ เพยี งพอทจ่ี ะแบง่ ปันผลประโยชน์กนั ในกลุ่มผกู้ ่อสงครามไดแ้ ล้ว โดยมาก เหตผุ ลที่ใชใ้ นการอ้างเพอื่ พาประเทศเข้าสูส่ งคราม มักจะในเร่ืองของ ความชอบธรรม – ผลประโยชน์ ของชาติ และ รักษาสนั ติภาพของโลก ซึ่งเป็นเรือ่ ง ที่น่าแปลกมากมนษุ ยก์ ลุม่ หนง่ึ ใชค้ วามรนุ แรงมาเปน็ ขอ้ อ้างในการรกั ษาสันตภิ าพ นั้นหมายถงึ มนษุ ย์ สามารถอา้ งสิทธิในการปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิด ความรนุ แรง ดว้ ยการใช้ความรนุ แรง จะพิจารณาจากมมุ มองไหนก็คงไมส่ ามารถ ยอมรบั ได้ว่านน้ั คือ เหตผุ ลท่ี ฟังขนึ้ เลย. ??? ???
6 บทที่ 1 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century ในช่วงศตวรรษท่ี 19 เป็นยุคของการ เปล่ียนแปลงท้ังเรื่องของการแนวคิดทางการ เมือง เกิดการเรียกร้องสิทธิโดยใช้อํานาจทาง การทหารเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ระหว่าง ประเทศมหาอํานาจแต่ละประเทศ ซึ่งจุด น่าสนใจก็คือการที่แต่ละสถานการณ์เกิดข้ึนใน ระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยอยู่ในช่วงประยะเวลา ประมาณ คริสต์ศตวรรษที่ 1820 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 1860 ซึง่ เกิดสถานการณ์ความ ขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ และการขัดแย้งระดับ ใหญ่มากมายหลายคร้ัง ซ่ึงจะอธิบายในอันดับ ตอ่ ไป
บทท่ี 1 ความขัดแย้งในศตวรรษที่ 19 7 Chapter 1 Conflict in 19th Century สงคราม ดิโป นิโคโร เป็นสงครามท่ีเกิดขึ้นจาก ซ่ึงโปรตุเกสได้เดินทางเข้ามาในศตวรรษที่ 16 และ พยายามต่อต้านอํานาจการเขา้ มาปกครองอินโดนีเซีย เสยี ดลุ อํานาจให้กับ ฮอลนั ดา ในเวลาตอ่ มา เนอ่ื งจาก ของของฮอลันดา หรือ ฮอลแลนด์โดยผลทําให้เกิด ด้อยกว่าทั้งเร่ืองของกําลังทหาร และทรัพยากร กระแสชาตนิ ิยมในอนิ โดนเี ซยี อย่างสงู . ประกอบกับความเส่ือมของราชวงศ์ท่ีเคยสนับสนุน การเดนิ เรอื ของโปรตุเกส ยคุ แหง่ อกินารโกด่อนตีเซง้ั ียรเาปช็น3อปาณระาเจทกัศรหมู่เกาะที่ประกอบไป ดว้ ยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 3,000 เกาะ จนได้รับการ โดยในระยะแรกฮอลแลนด์ได้เข้ายึดครอง บัน ขนานนามจากกลุ่มประเทศนักล่าอาณานิคมว่า ดุง ในปี ค.ศ. 1598 และจัดต้ัง VOC แห่งอินโดนีเซีย \"ประเทศพันเกาะ\" ซึ่งผลจากการท่ีอินโดนีเซียมีการ ข้ึน ในปี ค.ศ. 1602 โดยได้รับสิทธิพิเศษและอํานาจ แบ่งออกเป็นหลายพันเกาะเช่นนี้ ส่งให้อินโดนีเซียใน ในการบริหารจัดการกิจการภายในของอินโดนีเซีย ยุคแรก ๆ นั้นมีการปกครองในระบอบราชอาณาจักร อยา่ งเต็มทท่ี ัง้ ด้านการเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคม โดย อิสระ นั้นคือ แต่ละเกาะก็จะปกครองกันเอง โดยใน อํานาจทไี ดร้ บั เชน่ เกาะใหญ่ ๆ ก็จะมีการปกครองแบ่งออกเป็น ดา้ นการเมือง อาณาจักรเล็ก ๆ หรือ อาณาจักรใหญต่ ามอาํ นาจและ กําลังทางการทหารและเศรษฐกิจของตนเอง แต่ อํานาจในการเกณฑท์ หาร ลักษณะความสมั พันธร์ ะหวา่ งอาณาจักรเหลา่ นีเ้ ป็นไป อาํ นาจในการสร้างป้อมปืนใหญ่ ในทิศทางลบท้ังสิ้น เน่ืองมาจากแต่ละอาณาจักรก็ อํานาจในการแตง่ ตัง้ เจ้าหนา้ ที่ระดบั ต่าง ๆ กระทําการรบพุ่งกันเองท้ังส้ินเพ่ือแย่งชิงความเป็น อาํ นาจในการลงนามสนธสิ ัญญาระหวา่ งอินโดนีเซีย ใหญ่ ทรพั ยากร และพ้ืนทคี่ วบคมุ ในทะเล เป็นต้น กับประเทศอนื่ ๆ ดา้ นเศรษฐกิจ นอกจากนเ้ี น่ืองจากในพื้นท่ีบริเวณอินโดนีเซีย อํานาจการผูกขาดการค้าระหว่างอินโดนีเซียกับ เป็นเขตเส้นศูนย์สูตร ทําให้ส่งผลดีต่อการเพาะปลูก ฮอลแลนด์ พืชเขตร้อน ทําให้ผลผลิตสําคัญ ๆ เช่น เครื่องเทศ อาํ นาจการจดั พิมพ์ธนบัตร กลายเป็นสินคา้ ออกท่สี าํ คญั และสร้างช่อื เสยี ง รวมทั้ง ด้านสังคม ความม่ังค่ังทางเศรษฐกิจให้กบั ผ้ปู กครองอย่างมาก อํ า น า จ ใ น ก า ร จั ด ก า ร ร ะ บ บ ช น ชั้ น ใ น สั ง ค ม อนิ โดนเี ซีย ยุคแหง่ การล่าอาณานิคม จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทําให้อินโดนีเซียเป็น อํานาจเหล่าน้ีท่ี VOC ได้รับมาจากรัฐสภา เป้าหมายของการเดินทางสํารวจทางทะเลมาเพื่อ ฮอลแลนด์เป็นลักษณะของการฉกฉวยเอาอํานาจท่ี แสวงหาดินแดนแห่งเคร่ืองเทศซีงเป็นสินค้าท่ีมีราคา เป็นของประชาชนอินโดนีเซียมาเป็นของตนเองอย่าง สูงมาในยุโรป โดยชาติแรกที่เข้ามาล่าอาณานิคมใน ทารุณและละเมิดสิทธิมนุษยชนของอินโดนีเซียอย่าง ดนิ แดนแถบนก้ี ค็ อื โปรตเุ กส ที่สุด ลักษณะเช่นน้ีเป็นไปอย่างต่อเน่ือง โดยมีการ เรียกลักษณะการปกครองเช่นนี้ว่า \"นโยบายแบ่งแบก แล้วปกครอง\" 3 มหาวทิ ยาลัยครูเซ่ียงไฮ้ , อรุณโรจนสันติ (แปล) , ประวัติศาสตร์โลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์สุขภาพใจ ,2542. หน้า 391.
8 บทท่ี 1 ความขดั แย้งในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century นโยบายแบ่งแยกแลว้ ปกครอง นโยบายแบ่งแยกแล้วปกครองเปน็ ลกั ษณะการจัดการ บริหารการปกครองประเทศอาณานิคมของชาติ หลังจากการสร้างรากฐานทางการปกครอง มหาอํานาจตะวันตก ที่เป็นกลุ่มนักล่าอาณานิคม อิ น โ ด นี เ ซี ย แ ล ะ ห มู่ เ ก า ะ ท้ั ง ห ม ด แ ล้ ว ท้ังหลาย โดยจะใช้วิธีการคือ \"เสี้ยมสอนให้ ฮอลแลนด์ก็เร่ิมต้นการใช้นโยบายแบ่งแบก อาณาจักรหน่ึง ไปคัดคานกับอีกอาณาจักรหนึ่ง\" แล้วปกครองอย่างเต็มท่ี โดยเร่ิมต้นจากการ โดยมีนโยบายในการจัดการปกครองยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนรัฐบันดุง ให้เป็นรัฐในอารักขาของ \"อยา่ ปล่อยให้บันดุงอ่อนแอเกินไป แต่ขณะเดียวกันก็ ฮอลแลนด์ สาเหตุท่ีดําเนินการเช่นน้ีก็ อย่าปล่อยใหม้ าตาแรม เขม้ แขง็ เกนิ ไป\" เน่ืองจากบันดุงเป็นรัฐขนาดใหญ่ท่ีมีอํานาจ การทหารสูง ถ้าปล่อยบันดุงให้เป็นรัฐเอกราช บทบาทของ VOC ในการปกครองอินโดนเี ซีย ก็จะไมเ่ ป็นผลดีต่อการปกครองของฮอลแลนด์ ก่อนการจัดตั้ง VOC รัฐสภาฮอลแลนด์ได้ใช้อํานาจ ในขณะเดียวกัน ถ้ายึดครองมาโดยสมบูรณ์ก็ ทางการทหารของฮอลแลนด์ในการบีบบังคับให้ จะเป็นการสร้างความบาดหมางท่ีมีอยู่แล้วให้ อินโดนีเซีย รวมทั้งอาณาจักรต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย มากขน้ึ จงึ ใชว้ ิธกี ารตั้งเปน็ รฐั อารกั ขาแทน เช่น มาตามแรม (ชวาตะวันออก) , บันดุง (ชวา ตะวันตก) และ อาซิน (เกาะสุมาตรา) ตกเป็นอาณา ต่อมาก็เริ่มต้นการ ยุยงให้ชนช้ันปกครอง นคิ มของฮอลแลนด์ ในปี ค.ศ. 1598 และตั้ง VOC มา ในมาตาแรมบาดหมางกันเอง (สงคราม เพ่ือรองรับอํานาจท่ีส่งผ่านมาจากรัฐสภาฮอลแลนด์ กลางเมือง) ซ่ึงเป็นการใช้กําลังทางการทหาร อีกครั้ง จนกระท่ัง VOC สามารถเข้ายึดครอง หมู่ ของศัตรูมาสู้กันเองโดยที่ฮอลแลนด์คอย เกาะโมลุกกะ ในปี ค.ศ. 1619 และสามารถส่งผลให้ กอบโกยผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวหลัง เป็นฐานเศรษฐกิจหลักให้กับฮอลแลนด์ในอนาคต สงคราม โดยมีผลก็คือ เกิดการแบ่งออกเป็น เ น่ื อ ง จ า ก โ ม ลุ ก ก ะ เ ป็ น ห มู่ เ ก า ะ ที่ มี แ ห ล่ ง ป ลู ก อาณาจักรเล็ก ๆ 2 อาณาจักร คือ ยอร์คจา เคร่ืองเทศช้ันดี อันเป็นแหล่งทํารายได้ให้กับ การต์ ้า และ โซโล ฮอลแลนด์และ VOC อยา่ งมหาศาล โ ด ย ก ร ะ บ ว น ก า ร ทั้ ง ส อ ง ป ร ะ เ ภ ท น้ี ผลจากการเข้ายึดครองหมู่เกาะโมลุกกะของ ฮ อ ล แ ล น ด์ ไ ด้ ใ ช้ แ ล ะ ดํ า เ นิ น ก า ร ม า อ ย่ า ง ฮอลแลนด์ทาํ ให้ VOC สามารถขยายอํานาจออกไปถงึ ตอ่ เนื่องจนกระทั่งสามารถยดึ ครองอินโดนีเซีย หมู่เกาะแอมบอยน่า-บนั ดา ซึ่งเป็นหมู่เกาะเครื่องเทศ ได้อย่างสมบูรณ์ และดําเนินการปกครองผ่าน อกี แหง่ ทม่ี แี หลง่ เครอ่ื งเทศมากเปน็ อนั ดบั สอง อํานาจ VOC ที่ใช้ทั้ง การปกครองโดยตรง / การ ของ VOC และ ฮอลแลนด์มากขึ้นจนกระท่ังสามารถ ปกครองโดยข้าหลวงใหญ่ / การปกครองโดย ยึดครองจาร์กาต้าได้สมบูรณ์ และเปล่ียนช่ือเป็น รัฐบาลหุ่นเชิด และการปกครองโดยเจ้าศักดิ ปัตตาเวีย และเร่ิมวางรากฐานการปกครองภายใต้ นาเดิม ซ่ึงล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบในทางลบ อาํ นาจของ ฮอลแลนดอ์ ยา่ งเป็นทางการเป็นครง้ั แรก ต่อประชาชนชาวอนิ โดนีเซยี ท้ังส้ิน เนื่องจากมี สถานการณ์เกิดขึ้นดงั ต่อไปนี้
บทท่ี 1 ความขดั แย้งในศตวรรษที่ 19 9 Chapter 1 Conflict in 19th Century 4 กระบวนการกดข่ี / เอาเปรียบ / ฉกฉวย ผลประโยชน์ จากอนิ โดนเี ซีย ฮอลแลนด์ได้ทําการกดข่ีข่มเหงและเอารัด สถานการณ์ท่ีฮอลแลนด์ได้กระทําต่อ เอาเปรียบ ประชาชนในอินโดนีเซียอย่างเต็มท่ีมาก อินโดนีเซยี ในชว่ งการปกครองอย่างกด โดยเน้นหนักในด้านเศรษฐกิจ โดยมีกระบวนการ ขี่ข่มเหง ซึ่งผลจากการดําเนินนโยบายของ ดังต่อไปนี้ ฮอลแลนด์ส่งผลออกมาโดยสามารถระบุได้ 2 การผูกขาดการคา้ ประการดังนี้ 1. ฮอลแลนด์ห้ามอินโดนีเซียทําการค้าขาย 1. ผลจากนโยบายผูกขาดการคา้ กับประเทศอ่ืน ๆ นอกเหนือจากประเทศฮอลแลนด์ จากลักษณะนโยบายต่อต้านการค้าเสรีของ โดยเดด็ ขาด ฮอลแลนดท์ ี่นาํ มาบงั คบั ใช้ในอินโดนีเซียส่งผล 2. ห้ามให้เกิดการค้าขายอย่างเสรีระหว่าง ให้เกิดสภาวะการค้าแบบการค้าผูกขาด คือ หมูเ่ กาะ และการลงโทษผทู้ ่ีฝ่าฝืนอยา่ งหนัก สามารถคา้ ขายได้ แคเ่ พียงกับฮอลแลนดช์ าติ 3. จดั ตงั้ เขตการ ปกครองโดยตรง โดยดําเนนิ \"ชาวบ้านในหมู่เกาะบันดาถูก เดียวเท่านัน้ ซึ่ง ลกั ษณะการคา้ ใน ระบอบการจัดเก็บภาษที ี่เรียก ว่า \"ภาษีเป็นสง่ิ ของในจาํ นวน ข้าหลวงผู้ปกครองอินโดนีเซีย รปู แบบเช่นน้ี จะ ผลสาํ คัญ คือ ทแ่ี น่นอน\" และจะจัดเก็บภาษี ลงโทษอย่างหนักเนื่องจากขาย ราคาสินคา้ ตกต่ํา จากชาวนาตามจํานวนผลผลิต เนื่องจากผผู้ ลิตจํา ทีไ่ ด้รบั กากถั่วเหลืองให้กับชาวยุโรป เป็นตอ้ งขายสินค้า 4. จัดตัง้ เขตการปก ชาติอื่นที่ไม่ใช่ฮอลแลนด์..ชาติ ให้กบั ชาติผกู ขาด ครองโดยออ้ ม โดยดาํ เนนิ การ ผูป้ กครอง\" สินค้าเพยี งชาติ จัดเกบ็ ภาษีที่เรียกว่า \"ระบบ เ ดี ย ว แ ล ะ ไ ม่ สนองภาคบังคบั \" มีการเซน็ สามารถตั้งราคาสินค้าเองได้ ทําให้เกิด สัญญาผูกขาดการผลิตกับเจ้าของที่ดิน กําหนดชนิด ลักษณะของการลักลอบขนส่งสินค้าออกไป และปริมาณของผลผลิตพื้นเมือง โดย VOC จะเป็น จําหน่ายยังประเทศอ่ืน ๆ ท่ีให้ราคาสินค้าสูง ผู้รับซ้ือผลผลิตน้ัน ๆ ในราคาที่ตํ่ากว่าราคาจริง (ซ่ึง กว่า เช่น ประเทศในยุโรปเป็นต้น ซ่ึง ตนเองกเ็ ปน็ ผกู้ าํ หนดว่าจะผลิตสินคา้ ชนดิ ใดออกมา) สถานการณ์ในอินโดนีเซียก็เกิดสภาวการณ์ 5. ดําเนินนโยบาย ลักพาตัว คือการจับตัว เช่นนี้ข้ึน คือ ชาวบ้านในหมู่เกาะบันดา ได้ ทาสเชลยจากสงคราม และ ชาวเกาะต่าง ๆ โดยมี ลักลอบขายกากถ่ัวเหลืองให้กับชาวยุโรป เมื่อ กลมุ่ ผูป้ ฏิบตั ิการคือ นักล่าม และคนร้ายลักพาตัว ซึ่ง ฮอลแลนด์ตรวจสอบได้ ก็ลงโทษโดยการ จะเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ และจับกุมตัวชายฉกรรจ์ สังหารหมู่ จนเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าล้าง ตามเกาะต่าง ๆ ในอินโดนีเซียมาเป็นทาสในเขต เผ่าพนั ธ์จุ นประชากรในเกาะบันดา ตายไปเสีย ปกครองโดยตรง สกวง่ า่ 4ครึง่ ของเกาะ 4 มหาวิทยาลัยครูเซี่ยงไฮ้ , อรุณโรจนสันติ (แปล) , ประวัติศาสตร์โลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์สุขภาพใจ ,2542. หนา้ 391.
10 บทท่ี 1 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century 2. ผลจากการใชร้ ะบบสนองภาคบังคับ เร่ืองของจริยธรรมและความไม่เหมาะสมของการ ในเขตพื้นท่ีการปกครองโดยอ้อมมีการใช้ ปกครอง ซงึ่ ปรากฏออกมาเปน็ สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบการปกครองที่เรียกว่า ระบบสนองภาค สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดข้ึนจากระบบสนองภาค บังคับ ซ่ึงมีการเซ็นสัญญาผูกขาดการค้าการ บังคับ กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น โดย VOC จะมี บทบาทมาก และสามารถควบคุมได้ตลอด VOC กําหนดให้การเพาะปลูกท้ังหมดอยู่ในความ กระบวนการผลิตดังน้ี ควบคุมโดยมีเข้าหน้าท่ีจาก VOC เข้าดําเนินการ VOC มีสถานะเปน็ ตรวจสอบและควบคุมการผลติ อยา่ งใกลช้ ิดโดย ในกรณีที่ พันธมติ รผู้ปกครองซึง่ มีความเสย่ี งตอ่ ราคาสินคา้ ที่จะตกตาํ่ เนอื่ งจากราคากาแฟ เปน็ ผลมาจาก การลง นามในสญั ญาผกู ขาด และเครอื่ งเทศ การคา้ กบั กลมุ่ ผมู้ อี ิทธิ ในยุโรปเป็นราคา พลในทอ้ งถนิ่ ซงึ่ ส่งผล ท่ไี ม่แนน่ อน ขึน้ ลง ให้ VOC สามารถเปน็ ตามความต้องการ ผู้ดําเนินการตา่ ง ๆ ที่ ของผูบ้ ริโภค ทาํ ให้ เปน็ ผลประโยชนห์ ลกั บางครัง้ ผลผลิตที่ แก่ VOC ไดอ้ ย่างเตม็ VOC ตงั้ ความหวัง ท่ี โดยเร่ิมตน้ จากการ วา่ จะทํากําไรมาก ท่ี VOC กําหนดชนดิ กลับเปน็ ผลผลติ ที่ ของผลผลติ ท่ีจะเพาะ เกนิ ความต้องการ ปลูกในท้องถ่นิ ซึ่งมีสา ของตลาด ในสถาน เหตมุ าจากการที่ VOC การณ์เชน่ นี้ VOC ต้องการควบคมุ ปริมาณ แก้ปัญหาด้วยการส่ังทําลายพืชผลทั้งหมดที่ผลิต สินคา้ ทจ่ี ะออกส่ตู ลาด ออกมาได้ในฤดูกาลนั้น ๆ เพื่อจํากัดจํานวนสินค้าที่จะ ในยุโรปอย่างเต็มท่ีโดยเมอ่ื VOC ไดค้ วบคมุ ว่า ส่งออกไปมีบันทึกถึงการส่ังเผาทําลายพริกไทยจํานวน จะผลิตแล้ว ก็จะทําให้ VOC สามารถเข้า กว่า 200 ไร่ เพ่ือลดจํานวนพริกไทยท่ีจะส่งออกไปยัง ควบคุมปริมาณผลผลิตออกมาได้ท้ังหมด โดย ตลาดยุโรป ผลก็คือ ชาวไร่ในอินโดนีเซียลงแรงผลิต ขน้ั ตอนต่อมาก็คอื VOC จะรับซื้อผลิตทั้งหมด สินค้ามานานนับปี แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนท่ีคุ้มค่า ท่อี อกมาโดยเปน็ ผูก้ ําหนดราคาของสินค้าน้ัน รวมท้ังยังมกี ารกดขี่ขูดรีดอย่างมาก ทําให้กระแสต่อต้าน ๆ เอง จากการที VOC ดําเนินการเช่นนี้ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับระบบการทําไร่ขนาด สง่ ผลให้ VOC สามารถควบคุมต้นทนุ การผลิต ใหญ่ของยุโรปที่เน้นในเร่ืองแรงงานไร้ค่าแรง คือ ทาส ของตนเองได้เพ่ือให้ได้รับกําไรสูงสุดเพราะ ส่งผลให้ กระแสการค้าทาส เกิดขึ้นท่ัวไปในอินโดนีเซีย VOC จะนําสินค้าทั้งหมดไปขายยังยุโรป โดย มีการจับทาสมาเพื่อเป็นแรงงานในไร่ และ5มีการใช้ กําหนดราคาขายสินค้าเอง ทั้งนี้ เหตุผลท่ี แรงงานทาสเหล่านี้ จัดต้ังเป็น กองทหารทาส เพื่อเป็น VOC สามารถกําหนดราคาขายสินค้าได้ เนือง กําลังสําคัญในการปราบปรามผู้ต่อต้าน ลักษณะเช่นน้ี มาจาก VOC เป็นผู้ผูกขาดการค้าใน เปน็ สถานการณ์ความรุนแรงที่ฮอลแลนด์มองข้ามไป อัน อินโดนีเซียแต่เพียงผู้เดียว และยังเป็นผู้ที่ทรง จ ะ นํ า ไ ป สู่ ก า ร เ กิ ด เ ป็ น ส ง ค ร า ม ต่ อ ต้ า น อํ า น า จ ข อ ง อิทธิพลในยุโรปมากด้วย กระบวนการเหล่านี้ ฮอลแลนด์ในเวลาตอ่ มา เรียกวา่ สงครามดโิ ป นโิ คโร น้ัน VOC ดําเนินการโดยปราศจากความรู้สึกใน เอ ง เร่ืองของจรยิ ธรรมและความไม่เหมาะสมของ 5 กองทหารทาส เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงของฮอลแลนด์เนื่องจาก ทหารทาสเป็นการแสดงออกถึงการใช้คน อินโดนีเซียมาสังหารคนอินโดนีเซียด้วยกัน ทําให้เป็นเครื่องมือในการปลุกกระแสชาตินิยมได้อย่างเต็มท่ีในเวลา ตอ่ มา
บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 19 11 Chapter 1 Conflict in 19th Century กระบวนการต่อต้านการยดึ ครองอินโดนีเซยี กระบวนการต่อตา้ นการยดึ ครองอนิ โดนีเซียในยุคของ การล่าอาณานิคม (ช่วงสงครามดิโปนิโคโร) สามารถ โดยมีความสนิทสนอมและใกล้ชิดกันมาก แบ่งออกมาได้ 2 ยุค คอื เนอ่ื งมาจากตอ้ งทํางานร่วมกนั ทัง้ ในเหมืองแร่ และ กิจการต่าง ๆ ที่ฮอลแลนด์ได้ลงทุนไว้ 1. การต่อต้านของ โซรา ปาติ และเน่ืองจากคนจีน มาจากแหล่งที่เป็นอู่ โซรา ปาติ เปน็ ทาส โดย อารยธรรม คือ ประเทศจีน ทําให้มีความรู้ เป็นกล่มุ ชนชั้นท่ถี ูกกดข่ี ความสามารถและมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง ขม่ เหงมากทีส่ ุดในสังคม ต่าง ๆ เป้นอย่างดี โดยเฉพาะงานหัตถกรรม ดังน้ันโซรา จึงมีความร้สู ึก ทําให้มีบทบาทสําคัญมากในการดําเนินธุรกิจ ต่อตา้ นอยา่ งรุนแรงตอ่ ของฮอลแลนด์แต่ฮอลแลนด์เองก็ดําเนิน ระบบการปกครองของ นโยบายกับชาวจีนอย่างไม่เป็นธรรม โดยมี ฮอลแลนด์ ท่ฉี กฉวยเอา การออกกฎหมายจํานวนมาก เพ่ือ เอารัดเอา ผลประโยชนจ์ ํานวนมาก เปรียบชาวจีน เช่น การขายใบอนุญาตอยู่ต่อ ไปจากอินโดนเี ซีย ซ่ึงจะขายให้กับชาวจีนที่เข้ามาอยู่อาศัยใน อินโดนีเซียก่อนทฮ่ี อลแลนด์จะเข้ามายึดครอง โดยโซรา ปาติ ได้ก่อการต่อต้านขึ้นในปี ค.ศ. 1863 แลว้ หรือ มีการกลา่ วหาวา่ ชาวจนี เป็นกลุ่ม ไร้ โดยมีสาเหตุมาจากการไม่ต้องการอยู่ใต้การปกครอง งาน คือ ไม่มีงานทํา ซึ่งเป็นภาระของ ของต่างชาติ คือฮอลแลนด์ ในครั้งนี้ได้รับการ อินโดนีเซีย และดําเนินการจับกุมชาวจีน สนับสนุนจากชาวนา และผู้ที่ถูกกดขี่จํานวนมากเป็น จาํ นวนมากไปยังซีลอน หรือ ศรีลังกา และไป กลุ่มสมาคมเรียกว่า กลุ่มชาวนา หัตกร และ ทาส เป็นแรงงานทาสท่ีน้ัน นอกจากนี้ยังมีกรณี โดยมีเป้าหมายคือ ปลดปล่อยอินโดนีเซียจากการ ความรุนแรงคือ การจับตัวทาสขาวจีนโยนลง ปกครองของฮอลแลนด์ โดยผลก็คือ ไม่ประสบ ทะเล ระหว่างการเดินทางไปศรีลังกา เพื่อลด ความสาํ เร็จแต่สามารถจัดต้ังประเทศข้ึนคือ ประเทศ ภาระเร่ืองสเบียงอาหารเม่ือข่าวนี้แพร่ออกไป โซราปาติ ซงึ่ ภายหลงั กถ็ กู รวบรวมเข้ากลับไปเปน็ ส่วน ทาํ ใหเ้ กดิ กระแสต่อตา้ นอย่างมาก และชาวจีน หน่ึงของเขตปกครองโดยออ้ มของฮอลแลนด์อกี ครงั้ โพ้นทะเลเร่ิมทําการต่อต้านอย่าเปิดเผย โดย ฮอลแลนดก์ ด็ ําเนนิ การปราบปรามเช่นกันโดย 2. การต่อต้านของกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเล และ ออกประกาศค่าหัวชาวจีนว่า 1 หัว ต่อ 2 ดู เจ้าชาย ดิโป นโิ คโร คาร์ด ส่งผลให้ชาวจีนถูกสังหารกว่า 10,000 คน โดยในการต่อต้านครั้งนี้มีกลุ่มเจ้าศักดินา ในอินโดนีเซียมีกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลมาอาศัยอยู่ หรือ ผู้ปกครองเข้าร่วมต่อต้านด้วยจํานวน เป็นจํานวนมาก ส่วนหนึ่งมาเพราะต้องการชีวิตท่ี มาก แต่เม่ือการปราบปรามดําเนินการอย่าง ดีกว่าในประเทศจีน อีกส่วนมากเพราะโดนจับตัวมา เด็ดขาดเจ้าศักดินาก็เริ่มไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง จากระบบลักพาตัวของฮอลแลนด์ซึ่ง ชาวจีนโพ้น โดยผลจาการตอ่ ต้านอํานาจของฮอลแลนด์ใน ทะเลไดท้ าํ งานรว่ มกบั ชาวอินโดนเี ซยี ท้องถ่นิ ในอยู่ ครัง้ น้สี ่งผลใหเ้ กดิ สถานการณ์ตามมาคือ ภาพท่ี 3 โซรา ปาติ ท่มี า : http://www.jakarta.go.id/jakv1/application/public/img/encyclopedia /ccb481c6322ba39fbfff687a960e9278.jpg
12 บทที่ 1 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century กลมุ่ ตอ่ ตา้ นพ่ายแพ้อยา่ งยับเยินโดยมาสาเหตุ สงครามดิโป นิโคโร มาจาก การทําการต่อต้านเป็นการกระทําท่ี ขาดการประเมินสถานการณ์และการวางแผน ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ฮอลแลนด์อ่อนกําลังลงมาก ที่รัดกุม ประกอบกับเจ้าศักดินาที่เข้าร่วม มี เป้าหมายเพ่ือปกป้องผลประโยชน์ในเขต ทางด้านการทหารเป็นการเปิดโอกาสให้ อังกฤษและ ปกครองของตนเองเท่าน้ัน ดังน้ันเมื่อการ ฝรง่ั เศส เข้าแทรกแซงและแย่งชิงความเป็นใหญ่ทางการ ป ร า บ ป ร า ม รุ น แ ร ง ขึ้ น ป ร ะ ก อ บ กั บ ค ว า ม พาณิชย์ทางทะเล ดังนั้นสนามการประลองความเป็น วนุ่ วายออกไปนอกเขตปกครองของตนเองเจ้า ใ ห ญ่ น้ั น จึ ง เ กิ ด ขึ้ น ทุ ก พื้ น ท่ี ที่ เ ป็ น เ ข ต ป ก ค ร อ ง ข อ ง ศักดินา จึงยุติการเข้าร่วม นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ รวมทง้ั ทอี่ าณานคิ มของฮอลแลนดด์ ว้ ย ฮอลแลนด์ยังดําเนินนโยบายแทรกแซงจาก ภายใน คือ การยุยงให้เกิดความขีดแย้งกัน ในปี ค.ศ. 1806 ฝรั่งเศสสามารถเข้ายึดครอง ภายในกล่มุ ตอ่ ตา้ นเพ่ือสร้างความระสํา่ ระสาย ฮอลแลนด์ได้ ส่งผลให้ ดินแดนต่าง ๆ ของฮอลแลนดื ให้มากท่ีสุด ผลอีกประการท่ีสําคัญมากก็คือ ตอ้ งตกอยู่ในการปกครองของฝร่ังเศสระยะสน้ั ๆ จนกระ เป็นการต่อต้านอํานาจการปกครองของ ทัง้ ตอ่ มา อังกฤษสามารถเข้ายดึ ครองเมืองจาการ์ต้าจาก ฮอลแลนด์อย่างเต็มท่ีเป็นคร้ังที่ 2 ซึ่งเป็น ฝร่ังเศสได้ ส่งผลให้ดินแดนส่วนใหญ่ในอินโดนีเซีย การกระตุ้นเตือนให้ประชาชนอินโดนีเซีย เปลีย่ นมือลงสอู่ งั กฤษแทนทีฝ่ รั่งเศส ในปี ค.ศ. 1811 เล็งเห็นถึงความอ่อนแอจากภายในของ ฮอลแลนด์และมีความม่ันใจมากพอท่ีจะ บทบาทของอังกฤษในการจัดการปกครองและ ตอ่ ต้านไดอ้ ีกในสงครามดิโป นิโคโร เศรษฐกิจในอินโดนีเซียมีความสําคัญมากเนื่องจาก องั กฤษเป็นประเทศท่เี นน้ ในเรื่องของ พาณิชยช์ าตนิ ิยม ซง่ึ ให้ความสาํ คญั ในเรือ่ งของการทาํ ใหเ้ มืองแม่มศี ักยภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุด ดังนั้นอังกฤษจึงเปล่ียนแปลง นโยบายด้านเศรษฐกจิ และการปกครองของอนิ โดนเี ซียทฮ่ี อลแลนด์เคยดาํ เนนิ การไวห้ ลายประการคือ 1. นโยบายขูดรดี ทางภาษีตามแนวคิด (Mercantilism) 2. การยกเลกิ การเกบ็ คา่ เช่าเปน็ ผลผลิต แตใ่ หใ้ ช้เงินตราเป็นคา่ เชา่ 3. ยกเลิกระบบสนองภาคบังคบั 4. ยกเลิกการผูกขาดสินค้า 5. ยกเลกิ ภาษีศุลกากรหัวเมือง (ใหเ้ ก็บทีส่ ่วนกลางเพยี งครง้ั เดยี ว) 6. สง่ เสรมิ การลงทุนจากต่างชาติ 7. บุกเบกิ และขยายพืน้ ท่กี ารเพาะปลูก นโยบายเหล่านี้ของอังกฤษส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่ออินโดนีเซียเนื่องจากประชาชนท่ี เคยอยู่อยา่ งแร้นแคน้ และถูกรีดไถผลผลติ อย่างทารุณมาก มีความรู้สึกว่า อังกฤษเป็นชาติท่ีปลดปล่อย และ เชดิ ชุองั กฤษในฐานะชาติมหาอาํ นาจท่ีสามารถยุตบิ ทบาทของฮอลแลนด์ได้ แม้วา่ ในทางปฏิบัตจิ ะต้องเสยี เงิน เพิม่ มากขึน้ จากนโยบายของอังกฤษทั้ง 7 ขอ้
บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษท่ี 19 13 Chapter 1 Conflict in 19th Century ในปี ค.ศ. 1816 หลังการปกครองของอังกฤษนาน 5 ปี ฮอลแลนด์ได้รับเอกราชอันเป็นผลจากสนธิสัญญา องั กฤษ-ฮอลแลนด์ และเขา้ มาครอบครองอินโดนีเซียอีก ครั้ง เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของฮอลแลนด์ไม่ มั่นคงเหมือนอังกฤษ ฮอลแลนด์จึงต้องดําเนินนโยบาย คล้อยตามอังกฤษในการปกครองอินโดนีเซีย เพื่อหวัง ผลประโยชนจ์ าํ นวนมหาศาลตามท่อี ังกฤษเคยได้รับ โดย ปรากฏออกมาเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจคือ ดําเนินการ จัดเก็บภาษีด้วยเงินตราเช่นเดิม และ เพิ่ม ภาษีจิปาถะ ซงึ่ เป็นประเด็นทีท่ ําให้เกิดความไมพ่ อใจอย่างมาก ส ถ า น ก า ร ณ์ ค ว า ม ขั ด แ ย้ ง ท่ี ส ะ ส ม ม า เ ป็ น ร ะ ย ะ เวลานาน ทําให้เกิดการลุกขึ้นต่อสู้อย่างเต็มกําลังของ ประชาชนอินโดนีเซียนําโดย เจ้าชายดิโป นโิ คโร ในระหว่างปี ค.ศ. 1825-1830 เป็นช่วงที่อินโดนีเซีย สถานการณ์ดูทา่ วา่ จะทําให้เจ้าชายดิโป นโิ คโร มีชัย ตกอยู่ในสถานการณ์สงคราม เพ่ือต่อต้านการเข้ายึด ชนะ แต่เมื่อฮอลแลนด์เปล่ียนตัวผู้บัญชาการทาง ครองของฮอลแลนด์โดยมีผู้นําคือ เจ้าชายดิโป นิโคโร ทหาร เป็น เด คุกค์ แล้ว เด คุกค์ ดําเนินการ โดยมีเป้าหมายคือ ปลดปล่อยอินโดนีเซียและรัฐ ปราบปรามการต่อต้านโดยใช้ยุทธวิธีการทาง พันธมติ รทงั้ หมดออกจากการปกครองของต่างชาติ และ การทหารท่ีรดั กุม เชน่ การสร้างป้อมค่ายในระยะที่ ในปี ค.ศ. 1825 เจ้าชายดิโป นิโคโร ได้ ประกาศสาสน์ ป้องกันกันและกันได้ หรือ การดึงตัวกลุ่มเจ้าศักดิ เรียกร้องให้ดําเนินการสงครามศักดิ์สิทธ์ิ โดยกล่าวว่า นาอ่นื ๆ มาเขา้ ร่วมดว้ ยการเสนอขอ้ แลกเปล่ียนกับ ชาติตะวันตกเป็นพวกนอกรีต และสร้างอาณาจักร ยศถาบรรดาศกั ดซ์ิ งึ่ ทาํ ให้ ฝ่ายของเจ้าชายดิโป นิโค อิสลามทเี่ ขม็ แขง็ ขน้ึ โรอ่อนกําลังลงมากจนในที่สุดในปี ค.ศ. 1830 เจา้ ชายดโิ ปนิโคโร ถูกจับกมุ ท่ี มาจีลัง และนําตัวไป ผลจากการประกาศของเจ้าชายนิโคโร ทําให้ชาว คุมขังที่ มาร์กาสซาร์ และชีวิตในปี ค.ศ. 1855 ใน ชวาจํานวนมากเข้าร่วมกับเจ้าชายนิโคโร นอกจากน้ัน ชาวจีนโพ้นทะเลกส็ นบั สนุนทางดา้ นการเงินและกระสุน ท่ีสดุ . ดินปืน การดําเนินการต่อต้านเริ่มต้นที่จาการ์ต้าก่อน เน่ืองจากเป็นศูนย์กลางการปกครองของฮอลแลนด์โดย มีสถานการณ์สําคัญคือ ทําลายด่านศุลกากรของ ฮอลแลนด์ และสังหารเจ้าหน้าท่ีอาณานิคม ท่ามกลาง ความวุ่นวายต่าง ๆ ทหารของอาณานิคมที่เป็นชาว อนิ โดนีเซียกไ็ ด้แปรพักตร์หันมาสนับสนุนเจ้าชายนิโคโร ทาํ ให้ เจา้ ชายดโิ ป นิโคโร มีอํานาจมากขึ้นและสถาปนา ตนเองเป็น สุลต่าน แห่งจาการต์ ้า 6 ภาพที่ 4 เจ้าชายดโิ ป นโิ คโร ท่ีมา : http://3.bp.blogspot.com/_wcV- wG2QIqw/TAIR1dKxVTI/AAAAAAAAADo/MkQDO0eHGjw/s1600/diponegoro-m.jpg 6 สรุ างคศ์ รี ตันเสยี งสม และคณะ , อารยธรรมตะวันออก , กรงุ เทพมหานคร : โครงการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย , 2553. หนา้ 242.
14 บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century ให้นักเรยี นอธิบายประเด็นสถานการณ์ “สงครามดิโป นโิ คโร” ให้สอดคลอ้ งกบั ประเด็นดังต่อไปน้ี Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception
บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 19 15 Chapter 1 Conflict in 19th Century ภูมิหลังของอิหร่านในยุคศตวรรษท่ี 18 ตอนปลาย อิหร่านปกครองโดยระบอบกษัตริย์ภายใต้ราชวงศ์คาร์ จาล ซ่ึงมีอิทธิพลและมีความมั่งค่ังสูงมาก โดยในเร่ือง ของการปกครอง ราชวงศ์คาร์จาลได้แบ่งอิหร่าน ออกเป็น 30 มณฑล และมีข้าหลวงที่แต่งต้ังจากราช สํานกั ไปดาํ เนนิ การปกครอง และใช้ศาสนาอิสลามนิกาย ชีอะ เป็นศาสนาประจําชาติ รวมท้ังใช้เป็นหลักในการ ออกกฎหมายด้วย เนื่องจากมีการตีความพระคัมภีร์โก หร่าน มาเป็นแนวทางในการกําหนดกฎหมาย และ คมั ภีรโ์ กหรา่ นยังมีบทบาทในการควบคุมพฤติกรรมของ ประชาชนในอิหร่านอีกด้วย เป้าหมายก็คือเพ่ือรักษา สถานะของระบบการปกครองแบบศักดินาของสถาบัน กษตั ริยเ์ อาไว้ นอกจากนี้ ลักษณะอีกประการที่อิหร่านใช้เป็น เครอื่ งมือในการดําเนินการปกครองก็คือ การแบ่งชนชั้น ของประชาชน เปน็ กษตั ริย์ และนกั บวชช้ันสูง สองกลุ่ม ชนช้ันน้ีจะได้รับสิทธิในที่ดินโดยครอบครองที่ดินเกือบ ท้ังหมดของประเทศ และมชี นช้ันใต้ปกครองคือ ทาสติด ที่ดิน ซ่ึงอาศัยในที่ดินและใช้ระบบการพ่ึงพาแบบศักดิ นา เป็นเคร่ืองมือในการรักษาความสงบในเมืองหลวง โดยทาสติดที่ดินต้องส่งผลผลิต 4 ใน 5 ให้กับเจ้าของ ที่ดิน และต้องเสีย ภาษีจิปาถะ โดยมีวิถีชีวิตความ เป็นอยู่ที่แร้นแค้น นอกจากนี้กลุ่มหัตกรเองแม้จะนับว่า เป็นชนช้ันศักดินา แต่ก็เป็นศักดินาในระดับล่าง ๆ ต้อง ถูกกดข่ีอีกหลายช้ันจากกลุ่มศักดินาระดับสูง ๆ ขึ้นไป ท่ามกลางสภาพการณ์เช่นนี้ทําให้สังคมของอิหร่าน หยุดชะงักเร่ืองการพัฒนาทางสังคมไปเป็นเวลาหลายปี และเป็นเสมือนกับ บ่อแห่งความขัดแย้งที่ค่อย ๆ สะสม ไปเรอ่ื ย ๆ นั้นเอง.7 7 อนันตชยั จนิ ดาวฒั น์ , ประวตั ิศาสตรโ์ ลก (ฉบับสมบรู ณ)์ , กรงุ เทพฯ : ยิบซสี ํานักพิมพ์ , 2554. หนา้ 643.
16 บทที่ 1 ความขดั แย้งในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century การคุกคามจากชาตมิ หาอาํ นาจในอิหรา่ น ในช่วงศตวรรษท่ี 18 ตอนปลาย ท้ังอังกฤษ8 ผลจากการรกุ รานของชาตมิ หาอํานาจ รัสเซีย และ ฝรั่งเศส ได้พยายามเข้ายึดครอง จากการทช่ี าตมิ หาอํานาจไดเ้ ขา้ รกุ รานอิหร่าน อิหรา่ น โดยอังกฤษเป็นชาติแรกท่ีประสบความสําเร็จ ส่ ง ผ ล ใ ห้ เ กิ ด ส ภ า พ ก า ร ณ์ ภ า ย ใ น อิ ห ร่ า น และดาํ เนนิ การให้อิหร่านลงนามใน สนธสิ ัญญาทาส มี ดงั ตอ่ ไปน้ี ผลให้อังกฤษได้รับสิทธิพิเศษจํานวนมาก และต่อมา ในระหว่างปี ค.ศ. 1800 – 1841 อิหร่านต้องลงนาม 1. ปัญหาเศรษฐกจิ ในสนธสิ ัญญาไม่เสมอภาคอีกจํานวนมาก โดยส่งผลให้ ในด้านเศรษฐกิจอิหร่านต้องรับผิดชอบค่า อังกฤษ ได้รับสิทธิพิเศษเช่น การเป็นเจ้าของ ปฏิกรรมสงครามจํานวนมหาศาลโดยทั้งหมด กรรมสิทธิ์ในท่ีดิน , การต้ังโรงงานในอิหร่าน และ ทง้ั สนิ้ ตกอยู่ในภาระของประชาชนชาวอิหร่าน สิทธิในการค้าขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากน้ี จากการท่ีอิหร่านมีการเข้ามาของ ทุนต่างชาติจํานวนมาก ทําให้เกิดสภาวะการ ต่อมาฝรั่งเศสก็พยายามเข้ามามีอิทธิพลในอิหร่าน ทําลายเศรษฐกิจเดิมของอิหร่านท่ีเน้นในเรื่อง ด้วย โดยการบังคับให้อิหร่านลงนามในสัญญาไม่เป็น ของการเกษตรและหัตถกรรมของอิหร่าน ธรรมอีกหลายฉบบั เชน่ เดยี วกับองั กฤษทุกประการ ชาวนาอิหรา่ นสญู เสยี สิทธิในที่ดิน กลายเป็นผู้ เชา่ ทีต่ อ้ งเสยี ค่าเช่าใหก้ บั เจา้ ของที่ดินต่างชาติ ต่อมารัสเซียในสมัยพระเจ้าซาร์ ก็ได้ขยายอิทธิพล หรอื ชนชั้นสูงเป็นเงนิ แทนสิ่งของแบบเดิม ซึ่ง เข้ามาในอิหร่าน โดยอาศัยเง่ือนไขท่ีตนเองเป็นชาติ นับวนั จะยงิ่ เพิ่มคา่ เช่ามากขึ้นเรือ่ ย ๆ เพื่อนบ้านกบั อหิ รา่ นโดยหาเหตุกอ่ สงครามกับอิหร่าน 2. ปญั หาด้านการเมอื งการปกครอง อยู่เสมอ ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1804 – 1828 โดยมีผลให้ จากสภาพการณ์ท่ีของอิหร่านที่ชนช้ันสูงใช้ รัสเซียเข้าครอบครองดินแดนของอิหร่าน ได้แก่ กรูจี ชีวิตอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือยทําให้เงินทอง ยา อาเซอร์ไบจาน ส่วนหน่ึงของอาเมเนีย และยังได้ คอื ปัจจัยสําคัญท่สี ุดในการปกครองดงั นนั้ จึงมี เงินค่าปฏิกรรมสงครามอีกกว่า 20 ล้านรูเบิล รวมท้ัง การทุจริตในการปกครองอย่างมาก เช่น การ สิทธิพิเศษท้ังทางเศรษฐกิจและการเมืองอีกมาก เช่น ขายตาํ แหน่งทางการปกครอง และ กรรมสิทธ์ิ รัสเซียเสียภาษีศุลากากรให้อิหร่านเพียง 5% เท่านั้น ในทดี่ ินออกไปเพื่อหารายได้เข้ามาในคลังของ และ ประชากรรัสเซียได้รับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ราชสาํ นักอยา่ งมหาศาล ในอิหร่าน ในด้านการเมือง รัสเซียมีสิทธิตั้ง 3. ปัญหาสังคม กองทัพเรอื ในทะเลแคสเปียน แต่เพียงผู้เดียว รวมท้ัง ผลจากการที่มีการขายตําแหน่งและปัญหา ผ้สู ืบราชบลั ลังค์ของอิหร่านต้องได้รับการยอมรับจาก ทางด้านการเมืองการปกครองทําให้กลุ่มผู้ซ้ือ รัสเซียก่อน จากสถานการณ์ดังกล่าวทําให้อิหร่านตก ตําแหน่งมานั้นเข้ามากอบโกยผลตอบแทน จํานวนมหาศาลจากประชาชนและทําให้กลุ่ม อยใู่ นสภาพก่งึ อาณานิคมอย่างชัดเจน ทีซ่ ้อื ตําแหนง่ มา ไดเ้ ข้ามาบริหารประเทศและ ดําเนินการขูดรีดเงินทองจากประชาชนใน รูปแบบของภาษีและ การปล้นชิงซ่ึงหน้า ซ่ึง ทําให้สภาพสังคมของอิหร่านมีความวุ่นวาย อยา่ งมาก 8 มหาวิทยาลัยครูเซี่ยงไฮ้ , อรุณโรจนสันติ (แปล) , ประวัติศาสตร์โลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์สุขภาพใจ ,2542. หน้า 398.
บทท่ี 1 ความขัดแย้งในศตวรรษที่ 19 17 Chapter 1 Conflict in 19th Century กลุ่มชนช้ันที่ได้รับผลกระทบจากการ การลุกข้ึนต่อต้านการคุกคามของอิสลามิก คกุ คามของตา่ งชาติ นกิ ายบาบ 1. กลมุ่ หตั ถกร นิกายบาบก่อตั้งข้ึนโดย ซายิด โมฮัมเหม็ด ในปี ค.ศ. กลุ่มหัตถกร และชาวนาได้รับการกดดัน 1844 โดยเน้นในเร่ืองการเข้าถึงพระเจ้าโดยใช้นักบวช และเอารัดเอาเปรยี บจากชนช้ันปกครองอย่าง (ในระยะแรก ซายิด เป็นสือ่ กลางเอง) เป็นสื่อกลางเพื่อ มากโดยต้องถูกขุดรีดภาษีถึง 2 หรือ 3 ช้ัน ตดิ ต่อกบั พระเจา้ กลมุ่ หตั ถกรนี้จึงเปน็ กําลังสําคัญในการ ลุกขึ้น ซายิดเผยแพร่คําสอนที่ว่า การสร้างอาณาจักรที่เป็น ต่อส้ขู องนิกายบาบในเวลาต่อมา ธรรม คอื เป้าหมายของนิกายบาบ อาณาจักรท่ีไม่มีการ 2. กล่มุ พอ่ คา้ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม กดข่ีขมเหง ริบทรัพย์สมบัติ และขับไล่ชาวต่างชาติท่ี เป็นกลุ่มที่ถูกบีบคั้นจากเจ้าศักดินาและผู้ ปฏิเสธนิกายบาบ ซ่ึงแนวคิดเช่นน้ีเป็นแนวคิดที่ ซ้ือตําแหน่งเข้ามา ทาํ ใหถ้ กู เบยี ดขบั จากพ่อคา้ สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนชาวอิหร่านใน ต่างชาติท้ังพ่อค้าในประเทศ ตลอดจนการ ขณะนั้น ดังน้ันนิกายบาบจึงแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ตอ่ สกู้ นั ภายในกล่มุ เจ้าศักดินาทําให้ประโยชน์ และเกิดมสี าวกผ้หู นงึ่ ทท่ี าํ ใหน้ ิกายบาบมีพฒั นาการก้าว ของกลุ่มนี้ถูกรีดเอาไปอย่างมาก ดังนั้นจึงมี ไปอีกขน้ั คือ มูฮัมเหม็ด อาลี บาร์ฟูรัส โดยประกาศใน ความไม่พอใจจากชนช้ันปกครองศักดินาอย่าง ปี ค.ศ. 1848 วา่ มีการจุติของผู้เห็นแจ้งคนใหม่ ที่จะมา มาก ล้มล้างแนวคิดเดิม ๆ ทั้งเร่ืองการปกครองระบอบเก่า 3. กลุม่ นักบวช กฎหมายเก่า และคัมภีร์เก่า (โกหร่าน) ก็จะหมดความ กลุ่มนักบวชช้ันล่างมีสภาพชีวิตไม่แตกต่าง ศักดิ์สิทธิ์ไปประชาชนหมดพันธะท่ีต้องจ่ายภาษีให้กับ จากพ่อค้าและหัตถกรมากนักซึ่งเป็นกลุ่มชน ราชสํานักและเข้าเกณฑ์ทหาร และในอาณาจักรใหม่ท่ี ช้ันท่ีอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและ จะเกิดนน้ั เจา้ ศกั ดินาจะกลับเป็นสามัญชน ส่วนสามัญ เข้าใจวา่ ประชาชนตอ้ งการอะไร และทราบถึง ชนจะเป็นเจ้าของ ยกเลิกอภิสิทธิ์และทรัพย์สินท้ังหมด กระแสความขัดแย้งของผู้เผด็จการในระบอบ จะเปน็ ของสาธารณะทุกคนจะได้รับการแบ่งปันเท่ากัน ศักดินา รวมทั้งการต่อสู้ทางชนชั้นท่ีดุเดือด คาํ ประกาศดังนเี้ ป็นการประกาศที่ส่งผลให้รัฐบาล และ และเอารัดเอาเปรียบประชาชนอย่างเต็ม ราชสํานกั หวาดกลวั มาก จึงดาํ เนินกรปราบปรามนิกาย รปู แบบ บาบโดยเรว็ ทสี่ ดุ ในยุคนี้ อิหร่านในสภาพการปกครองของชน ในปี ค.ศ. 1848 กษัตริย์แห่งราชวงศ์คาร์จาล ส้ินพระชนม์ และเกิดการแย่งชิงราชบัลลังค์กันอย่าง ช้ันศักดินาตกอยู่ในฐานะของกึ่งอาณานิคม วุ่ น ว า ย ทํ า ใ ห้ เ ป็ น โ อ ก า ส ข อ ง นิ ก า ย บ า บ ที่ จ ะ เ ข้ า อย่างเต็มรูปแบบโดยชนชั้นปกครองในราช แทรกแซง ประกอบกับกลุ่มผู้อยู่ในชนช้ันปกครองต่าง สํานัก มีสถานะเป็นตัวแทนในการบริหาร หนีออกไปจากเมืองบาร์ฟุรัสและไปตั้งฐานที่ม่ันอยู่ท่ี อย่างเต็มที่ ดังน้ันประชาชนอิหร่านจึงมองว่า เตหะราน ดังนั้นนิกายบาบจึงยึดเมืองบาร์ฟูรัสไว้ได้ใน ชนช้ันศักดินาคือสัญลักษณ์ของการคุกคาม เดือนตุลาคม ค.ศ. 1848 ประเทศ และมุ่งเป้าหมายการต่อต้านไปยัง กล่มุ ราชสาํ นักโดยตรง ในช่วงกลางศตวรรษที่ การต่อสดู่ าํ เนินไปเป็นระยะ ๆ พรอ้ มกบั การเผยแพร่ 19 กลุ่มต่อต้านจึงชูธงของศาสนาอิสลาม นิ ก า ย บ า บ อ อ ก ไ ป เ พื่ อ เ พิ่ ม ศ า ส นิ ก ช น ใ ห้ ม า ก ขึ้ น นิกายบาบ เปน็ เครอ่ื งหมายในการต่อตา้ นและ จนกระท่ัง ปี ค.ศ. 1852 ชนช้ันปกครองได้ตอบโต้ต่อ คัดค้านการกดขี่ของศักดินาและการกดข่ีของ กลมุ่ นิกายบาบอย่างเต็มที่ และรุนแรง มีการสังหารหมู่ ชาตมิ หาอาํ นาจ. อย่างเปิดเผย ทาํ ให้นิกายบาบเรมิ่ หวาดกลัวและกระจัด ก ร ะ จ า ย อ อ ก ไ ป จ น ก ร ะ ทั่ ง ฝ่ า ย ป ก ค ร อ ง ส า ม า ร ถ ปราบปรามกลมุ่ นกิ ายบาบไดท้ ง้ั หมดในทส่ี ดุ .
18 บทที่ 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษท่ี 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century ใหน้ ักเรียนอธบิ ายประเด็นสถานการณ์ “สงครามอสิ ลามนิกายบาบ” ใหส้ อดคล้องกบั ประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception
บทท่ี 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษท่ี 19 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century ญป่ี ุ่นภายใต้การปกครองของรฐั บาลบะคฟุ ุ ในช่วงศตวรรษที 16 ญ่ีปุ่นอยู่ในสภาพท่ีอ่อนแอทาง ปฏบิ ตั ิ สมเดจ็ พระจักรพรรดิไม่มอี ํานาจในมือ อํานาจ การเมืองการปกครองมาก เนื่องจากระบบการ อยูใ่ นเยโด หรือ บะคุฟุ ในอํานาจของโชกุนแต่เพียงผู้ ปกครองแบบศักดินาท่ีขาดสเถียรภาพ จนกระทั่งเมื่อ เดยี ว โตกุกาวา อิเอยาสุ ข้ึนเป็นไดเมียวของแคว้นใหญ่ รัฐบาลบะคุฟุได้จัดการแบ่งสรรบันส่วนท่ีดินออก แคว้นหน่ึง และเป็นไดเมียวที่มีอิทธิพลสูงมาก ทําให้ ตามระบบการปกครองที่เรียกว่าระบบศักดินา โดย ในปี 1600 เมื่อเกดิ สงครามระหว่างแควน้ อยา่ งรนุ แรง ท่ีดินท่ีใหญ่ท่ีสุดคือท่ีดินของบะคุฟุ นอกจากน้ันจะ และในการรบท่ี เชกิกาฮารา โตกุกาวาสามารถ แบ่งให้กับไดเมียวท่ีสวามิภักด์ิต่อโชกุนจัดตั้งเป็น ปราบปรามไดเมียวของแคว้นอื่น ๆ ได้ท้ังหมด ทําให้ แคว้น ทั่วประเทศมีกว่า 260 แคว้น โดยไดเมียวแต่ ไดร้ ับการสถาปนาเป็น เชอิไท โชกุน หมายถึง นักรบ ละแคว้นจะมีพันธะทางการทหารต่อโชกุน และ ผู้ปราบคนเถ่ือน และจัดตั้ง บะคุฟุ ขึ้นท่ี เยโด เป็น ดําเนินนโยบายระหว่างแคว้นภายใต้คําส่ังจากบะคุฟุ คร้ังแรก เพ่ือปกครองประเทศญี่ปุ่น แทนที่อํานาจ ส่วนการบริหารกิจการในแคว้นนั้นให้เป็นเรื่องอิสระ ของสมเดจ็ พระจกั รพรรดิทปี่ ระทบั อย่ทู ่เี กียวโต โดยมี ยกเว้นเร่ืองของภาษีที่บะคุฟุจะเรียกร้องให้จัดส่ง สถานะเป็น พระโอรสแห่งสวรรค์ผู้สร้างสรรค์ โดยบะคุฟุเปน็ ผกู้ าํ หนดเอง. ชาตญิ ่ึป่นุ ผูท้ ตี่ ้องปกครองไปอีก ๑ หมน่ื ปี แต่ในทาง
20 บทท่ี 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century นอกจากน้ี ท้ังโชกุน และ ไดเมียว ยังแบ่งสรรบันส่วนท่ดี ินในปกครอง ของตนเองให้กบั ข้าช่วงใช้ เรยี กวา่ ซามูไร โดยกลมุ่ ชนช้ันนีเ้ ปน็ ชนช้ัน อภิสิทธิ์ มสี ทิ ธสิ ะพายดาบได้ โดยมีพันธะคือต้องติดตามนายออกศึก สงคราม โดยมีทั้งกลุ่มชนชั้นปัญญาชน และชนช้ันสามัญ ส่วนใหญ่ ไดร้ บั การแต่งต้งั ในตําแหน่งสําคัญ ๆ ของรัฐ ได้รับเบ้ียหวัดเงินรายปี มีฐานะความเป็นอยู่พอ ๆ กับชาวนาและพ่อค้าที่ร่ํารวย ในช่วง ศตวรรษที 19 ประชากรทัง้ ญ่ีปุน่ มอี ยู่ราว 30 ล้านคน เป็นซามไู รและ ครอบครัวราว 2 ล้านคน9 ตลอดเวลาของการปกครองในรัฐบาลบะคุฟุ ต้ังแต่ศตวรรษที่ 17 เรื่อยมาจนถึง ทศวรรษที 1630 บะคุฟุ ออกประกาศคําสั่งปิด ประเทศ โดยไม่ยอมติดต่อกับชาติตะวันตก ดําเนินนโยบายขับไล่ ต่างชาติและมิชชันนารีต่างชาติออกไปจากญ่ีปุ่น โดยญี่ปุ่นยอมเพียง แค่เปิดเมืองท่านางาซากิเพื่อค้าขายกับจีนและฮอลแลนด์แต่อยู่ใน ขอบเขตที่จํากัดอย่างมาก ส่วนประเทศอื่น ๆ นั้นญี่ปุ่นปฏิเสธท่ีจะ สร้างความสัมพันธ์โดยเด็ดขาดตลอดระยะเวลากว่า 200 ปีโชกุนใน ตาํ แหน่งผบู้ ริหารประเทศก็ดาํ เนนิ นโยบายปิดประเทศโดยตลอดมา ในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง ศตวรรษท่ี 18 ญ่ีปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทางด้าน ระบบการผลิตอย่างมาก ผลผลิตในญ่ีปุ่นเพ่ิมขึ้นมากกว่า 1 เท่า เทคโนโลยีการผลิต เปล่ียนแปลงไปในระดบั ท่สี ูงขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรมีปรมิ าณมากข้ึนและขยายตัว มากขน้ึ จนมีสนิ คา้ หลายประเภท เช่น ใบหม่อน ฝา้ ย ใบชา ใบยาสูบ คราม อ้อย เป็น ต้น นอกจากน้ีผลผลิตทางด้านหัตถกรรมก็เพิ่มจํานวนมากข้ึน เช่น ผ้าไหม ผ้าไหม แพร กระดาษ เครือ่ งป้ันดนิ เผา เครอ่ื งเขนิ เป็นตน้ ท่ามกลางสภาพท่มี ีสินค้าเพิ่มมากขึ้นในตลาดประชากรในเมืองเศรษฐกิจหลักของ ญี่ปุ่นก็เพ่ิมปริมาณขึ้นอย่างมาก ทั้งโอซากา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้า คู่กับเยโด (เอ โดะ) กม็ ีประชากรเพ่ิมข้นึ เป็นกวา่ 1 ล้านคน ส่วนเมืองศิลปะอย่างเกียวโต และเมือง การคา้ ส่งออกอยา่ งนางาซากิ น้นั ก็มีการเพมิ่ ของประชากรในเมืองมากข้ึนเชน่ กนั ในช่วงคร่ึงหลังของ ศตวรรษท่ี 18 ญี่ปุ่นเร่ิมต้นมีการจัดต้ังลักษณะของการ ประกอบหัตถกรรมในรูปแบบทุนนิยมมากขึ้น โดยมีหลักฐานปรากฏว่ามีการจัดตั้ง “โรงจักร” ซ่ึงใช้แหล่งผลิตผ้าไหมแพรเพ่ือส่งออกจําหน่ายในราชสํานักและโอโอขุ โดยมีการดาํ เนนิ กจิ การเป็นขน้ั ตอนช้ันเจน ทง้ั เรม่ิ ต้นจากการอื้ เสน้ ไหมและฝา้ ยนํามา ย้อมสีและแจกจ่ายไปยังชาวนาหญิงให้ทอผ้า และโรงจักรก็ไปซื้อมาจําหน่ายใน ท้องตลาด ครอบครัวผู้ทอผ้าก็จะได้รับเงินค่าตอบแทน โรงจักรบางโรงก็เป็นว่าจ้าง คนงานหญงิ โดยตรง. 9 วีระชยั โชคมกุ ดา , ประวัติศาสตรญ์ ี่ปุ่นฉบบั สร้างชาติ , กรงุ เทพมหานคร : ยบิ ซสี ํานักพมิ พ์ , 2554. หนา้ 134.
บทท่ี 1 ความขัดแยง้ ในศตวรรษท่ี 19 21 Chapter 1 Conflict in 19th Century ในสังคมเมืองของเยโด กลุ่มโชกุน และ ซามูไร ได้ อาศัยผลจากการขยายตัวทางการค้าของญี่ปุ่นมา กอบโกยผลประโยชนโ์ ดยขูดรีดภาษีจากพ่อค้าและชน ช้ันชาวนาอย่างมาก ประกอบกับการใช้เงินอย่าง สุรุ่ยสุรา่ ยของกลม่ ชนช้ันสงู ในบะคฟุ ุ และโอโอขุ ทาํ ให้ มีการชะงักการจ่ายเงินเบ้ียหวัดให้แก่ซามูไรในบางครั้ง ทาํ ให้สถานะทางการเงินของซามไู รลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดเปน็ ชนช้นั ใหม่ท่เี ปลี่ยนแปลงไปคือ โรนนิ ซ่ึงถือว่า เป็นซามูไรไร้สังกัด ท่ีไม่มีเจ้านายไม่มีรายได้ แต่ต้อง ประกอบอาชีพอิสระอื่น ๆ เช่น ครูสอนหนังสือ หรือ หมอรักษาโรค เป็นต้น มีการรับเอาพ่อค้ามาเป็นบุตร บุญธรรม ในบางกลุ่มที่อายุน้อย ๆ ก็จะเข้าเป็นบุตร บุญธรรมของพ่อค้าท่ีร่าํ รวย สภาพการณเ์ ช่นนี้ทาํ ให้ความสัมพันธ์ระหว่างซามูไร กับเจ้านายจึงไม่ใช่ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกต่อไป เกิดความไม่พอใจต่อความอ่อนแอและไร้ สมรรถภาพของชนชั้นปกครองที่กุมอาจอยู่ โดยเรมิ่ ตน้ มีการเรียกร้องให้กลุ่มปัญญาชนท่ีก้าวหน้าเริ่มต้น ศึ ก ษ า ค ว า ม รู้ ต า ม แ บ บ ต ะ วั น ต ก แ ล ะ เ ริ่ ม ประชาสมั พนั ธ์การปฏิรูปท่เี รยี กว่า การปฏริ ปู บะคุฟุ 10 ในชว่ งการปกครองของโชกุน อิเอยาสุ เร่ิมต้นมีการจลาจลของชาวนาละหัตถกร ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลาย ต่อหลายครั้ง โดยในชว่ งเวลาตัง้ แต่ ปี ค.ศ. 1603 – 1853 การจลาจลในท้องท่ีต่าง ๆ มากถึง 1,100 ครั้ง เฉพาะ 50 ปหี ลงั กม็ มี ากถงึ 400 ครั้ง ผ้เู ข้ารว่ มกเ็ พิม่ จาํ นวนข้นึ จาก ไม่กพ่ี นั คน เป็นหลายหมน่ื คนในชว่ งทา้ ย ๆ ของการ ตอ่ ต้านอํานาจของบะคฟุ ุ กลุ่มต่อต้านมีข้อเรียกร้องคือต้องการให้คืนท่ีดินและปลดหน้ีสินท้ังหมดท่ีบะคุฟุริบเอาไปในช่วงต้นของการ ก่อตัง้ รฐั บาลบะคฟุ ุ สถานการณ์การต่อต้านปรากฏออกมาในหลายรูปแบบ เช่น การเขียนหนังสือเพื่อกระตุ้นเตือนให้คนญ่ีปุ่น ตระหนักถึงภัยจากการขูดรีดของนักคิดและนักปรัชญาญ่ีปุ่นหลายท่าน โดยส่วนใหญ่ข้อเขียนจะออกมาใน รูปแบบของการกล่าวถึง “ไม่มีรวยไม่มีจน” , “ไม่มีสูงไม่มีตํ่า” เป้าหมายคือให้ยกเลิกการขูดรีดภาษีจาก ประชาชน โดยกลุ่มนี้เสนอแนวคิดให้ญ่ีปุ่นกลับเข้าสู่ยุคสังคมแบบโบราณที่ทุกคนสร้างผลผลิตทางการเกษตร แบบเลย้ี งชีพดว้ ยตนเอง หรอื กรณีการเกดิ วิกฤตการณ์ทเ่ี รียกว่า “การจลาจลข้าว” ในช่วงคร่ึงแรกของศตวรรษ ที 19 ซ่ึงเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นประสบปัญหาภัยธรรมชาติติดต่อกันมานานหลายปี ราคาข้าวสารจึงเพ่ิมสูงข้ึนมาก เจ้าหน้าที่ราชการกับพ่อค้าในเครือข่ายจองตนก็ลักลอบลําเลียงข้าวออกนอกเขตพ้ืนท่ี และนําไปกักตุนใน ปราสาทของตนเอง ทําให้ชาวบา้ นอดอยากไม่มีอาหาร และเกิดความโกรธแคน้ จนกระทั่งจบั อาวุธข้นึ ตอ่ สูโ้ ดยหวัง 10 พลอยแสง เอกญาติ (แปล) , ครสิ โตเฟอร์ โกโต โจนส์ (เขียน) , ญี่ปุ่นสมัยใหม่ , กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์ โอเพนเวริ ล์ , 2554. หนา้ 99-104.
22 บทท่ี 1 ความขดั แย้งในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century วา่ จะสามารถโค้นล้มอาํ นาจการปกรองของบะคุฟุและ กลมุ่ เครอื ข่ายทงั้ ซามไู รช้ันสูงและพ่อค้าในเครือข่ายได้ โดยเชิดชูคําขวัญที่ว่า “ฟื้นโบราณ” หมายถึงการนํา ญ่ีปุ่นย้อนกลับไปสู่ยุคจินมู เทนโน ซึ่งเป็นตัวละครใน นิยายของญี่ปนุ่ ทเ่ี ป็นสังคมท่ีไมมีการขูดรีด ในปี 1837 ชาวนาผู้จับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้ได้ร่วมมือกันบุกเข้าไปใน บ้านของคนร่ํารวยและเจ้าหน้าที่รัฐ เปิดยุ้งฉาง นํา อาหารมาแจกจ่ายแก่ประชาชน และทําให้เกิดกระแส เรียกร้องต่อต้านในรูปแบบเดียวกันกระจายตัวไปท่ัว ญป่ี นุ่ โดยเฉพาะในเขตโอซากา ผลจากการลุกข้ึต่อสู้ ฝ่ายชาวนาพ่ายแพ้อย่าง ยับเยินเมื่อกองทัพจากบะคุฟุเคล่ือนตัวมาปราบปราม การต่อต้านแต่ผลที่ตามมาก็คือ คนญ่ีปุ่นเริ่มเกิด แนวคดิ เรยี กรอ้ งเสรีภาพและการยุติอํานาจของบะคุฟุ นน้ั เอง. ท่ามกลางสภาพการณ์ท่ีเกิดกระแสต่อต้านอย่างมากในญี่ปุ่นทําให้บะคุฟุต้องเริ่มคิดและตระหนักถึงการปฏิรูปจาก ภายในเพือ่ ป้องกันการโจมตีและลม้ ลา้ งอํานาจของบะคฟุ อุ ย่างเต็มกําลงั ในอนาคต ดงั นั้นชนชน้ั ปกครองจงึ เร่มิ ต้นปฏริ ปู โดยแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื 11 1. การปฏริ ปู ของแควน้ ทางภาคตะวันตกเฉยี งใต้ การปฏริ ปู แควน้ ทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้เป็นการดาํ เนินการไปภายใต้การนําของกลมุ่ ซามูไรชนช้ันล่างเพ่ือเป้าหมาย คอื ใหเ้ ป็นการปฏิรปู ทมี่ ลี ักษณะเปน็ ทุนนยิ ม เน่อื งมาจากทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้แมจ้ ะปฏบิ ัติตามประกาศของบะคฟุ ทุ ่ี ให้ปิดประเทศยกเว้นเมืองท่านางาซากินั้น ฮอลแลนด์เป็นเพียงประเทศเดียวที่มีสิทธิทางการค้ากับญี่ปุ่น ทําให้กลุ่ม ตะวนั ตกเฉยี งใต้เร่ิมต้นศกึ ษาลกั ษณะความรแู้ บบตะวันตก และเตรยี มตัวเพอ่ื กา้ วไปสู่เศรษฐกิจแบบทนุ นยิ ม โดยกลุ่มนี้ เรียกร้องให้บะคุฟุยกเลิกนโยบายการขูดรีดภาษีและสนับสนุนการคิดค่าเช่าเป็นเงินตราแทนการใช้ผลผลิต รวมท้ัง สนับสนุนการสร้างความม่ันคงทางการทหารแบบตะวันตก ซ่ึงไม่ได้กล่าวถึงการล้มล้างอํานาจของบะคุฟุ แต่เพียง ตอ้ งการให้บะคุฟุเปล่ยี นแปลงตามสถานการณ์โลก 2. การปฏิรปู กจิ การภายในของบะคฟุ ุ เป็นการปฏิรูปกิจการภายในของบะคุฟุเองเปา้ หมายเพ่อื เสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งให้กับบะคุฟุ เรียกว่า การปฏิรูปทิม โป ซ่งึ เนน้ หนกั ในเรอื่ งของการฟื้นฟเู ศรษฐกิจแบบธรรมชาติ คือ กีดกัดการค้าแบบพาณิชยกรรม ยกเลิกสมาคมพ่อค้า อภิสทิ ธิ์ จดั ตง้ั ระบบภาษที ีเ่ ข้มแขง็ เพือ่ มาเกบ็ ภาษีจากพ่อค้า ออกประกาศห้มชาวนาเดินทางเข้าเยโด ปราบปรามนัก คดิ และนกั ปรัชญา ลดหยอ่ นและยกเลิกหน้ีสนิ ของไดเมียวและซามาไรชั้นสูงทมี่ ีเงินคา้ งกบั เยโด ขยายอาณาเขตของบะ คุฟุออกไปอีก 10 ลี้โดยริบเอาท่ีดินในกรรมสิทธิ์ของซามูไรที่อยู่ในระยะดังกล่าวท้ังหมด ซึ่งการปฏิรูปของบะคุฟุเป็น การกระทําเพ่ือเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้บะคุฟุแต่เป็นผลในระยะส้ัน เพราะ การกดดันพ่อค้าและชนช้ันกลาง มาก ๆ จะเปน็ ประเด็นที่ทาํ ให้เกดิ การแตกหักในเวลาต่อมา 11 ธนู แก้วโอภาส , ประวัติศาสตร์โลก , กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั พมิ พส์ ขุ ภาพใจ , 2549. หนา้ 522-529.
บทท่ี 1 ความขดั แย้งในศตวรรษท่ี 19 23 Chapter 1 Conflict in 19th Century สงครามลม้ ล้างอํานาจของรฐั บาลบะคุฟุ โดยสนธิสัญญาคานากาวาเป็นสัญญลักษณ์ของ ในต้นศตวรรษที่ 19 มหาอํานาจตะวันตกได้มุ่งหน้า การยกเลิกการปิดประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากการท่ี มายังญี่ปุ่น รวมทั้งรัสเซียเองซ่ึงเป็นประเทศเพื่อบ้าน อเมริกาได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายนั้นทําให้ กั บ ญี่ ปุ่ น ก็ ยั ง มี ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ท่ี จ ะ ก อ บ โ ก ย อังกฤา เนเธอร์แลนด์ และ รัสเซียต่างก็ทยอยทํา ผลประโยชน์จากญีป่ นุ่ เช่นกนั สัญญาท่ีมผี ลประโยชนเ์ ช่นเดียวกันตามมา รัสเซียพยายามเข้าแทรกแซงและโจมตีญีปุ่นจาก ในปี ค.ศ. 1856 หลังจากท่ี ทาวน์เซน แฮร์ริส ทางตอนเหนอื ของญปี่ นุ่ ในขณะทอี่ งั กฤษเองก็ได้แล่น ซ่ึงเป็นกงสุลใหญ่ของอเมริกาประจําญ่ีปุ่นได้ เรือปืนเข้าไปถึงเมืองท่านางาซิกิหลายครั้ง เพื่อหวัง เดินทางมาถึงแล้วก็ได้ดําเนินการเจรจาเป็นระยะ ต้องการได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าเช่นเดียวกับที่ เวลานานกับญ่ีปุ่นเพ่ือเพิ่มเติมข้อตกลงต่าง ๆ ใน ฮอลแลนด์เคยได้รับ แต่ที่สร้างความบอบชํ้าทาง สนธิสัญญาคานากาวา และลงนามเพ่ิมเติมใน เศรษฐกิจและสังคมรวมท้ังเร่ืองของการเมืองระหว่าง สนธิสัญญามิตรภาพและการค้าระหว่างอเมริกา ประเทศให้กับญ่ีปุ่นมากที่สุดก็คือ การคุกคามจาก กบั ญ่ีปนุ่ ในปี ค.ศ. 1858 โดยระบวุ ่า อเมรกิ า 1. ญปี่ นุ่ ต้องยอมรบั แนวทางการคา้ เสรี ในปี ค.ศ. 1851 อเมริกา ไดน้ าํ กําลังทหารเขา้ โจมตี 2. ญป่ี นุ่ ต้องเสียสิทธสิ ภาพนอกอาณาเขต ญี่ปุ่นเพื่อบีบบังคับให้ญ่ีปุ่นเปิดประเทศทางฝ่ังทะเล 3. ญ่ีป่นุ ต้องยอมเปิดเมืองทา่ ชิโมดะ โยโกฮา แปซิฟิก โดยส่ง นายพลจัตวา แมทธิว เปอร์รี่ เข้ามา ในปี ค.ศ. 1853 เป็นตัวแทนเจรจากับรัฐบาลบะคุฟุ มา นางาซากิ และเมืองท่าอ่ืน ๆ อีก 5 โดยใช้กาํ ลงั ทหารและสามารถเจรจาได้เน่ืองจากบะคุ แห่ง ฟตุ ้องยอมรบั สารจากประธานาธิบดีของอเมริกา และ 4. การกําหนดภาษีส่งสินค้าออกของญี่ปุ่น รบั ปากวา่ จะใหคําตอบในปีถัดไป เป็น 5% ส่วนสินค้าเข้ากําหนดได้ที 5- 35% ท่ามกลางสภาพการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ สนธิสัญญาไม่เป็นธรรมนี้ในช่วงปลายปี ค.ศ. สมาชกิ ในรัฐบาลบะคฟุ กุ เ็ คลอื่ นไหวอยา่ งสนั สบโดยไม่ 1858 ประเทศมหาอํานาจอ่ืน ๆ ก็ได้รับการลง กลา้ ที่จะตัดสินใจว่าจะดําเนินการเช่นไร ประกอบกับ นามและไดร้ บั สิทธพิ ิเศษเชน่ เดียวกบั อเมรกิ า. รัฐบาลของโชกุนก็ขาดเสถียรภาพ ดังนั้นสมาชิก ของบะคุฟุจึงดําเนินการท่ีไม่เคบปรากฏมาก่อนด้วย การนําสารของประธานาธิบดีส่งให้กับพระจักรพรรดิ และแจกจ่ายให้แก่ไดเมียวท่ัวประเทศเพ่ือขอความ คิดเห็น แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่กล้าตัดสินใจ เป็นการสะท้อน ให้เห็นถึงปัญหาภายในของบะคุฟุที่อ่อนแอและยาก ต่อการควบคมุ ประเทศได้ ปี ค.ศ. 1854 นายพลจัตวาเปอร์รี่ นาํ เรือรบ 10 ลาํ เขา้ มาสู่อ่าวเยโดอกี ครง้ั และย่นื คําขาดให้ญี่ปุ่นลงนาม ในสนธิสัญญามิตรภาพอเมริกา-ญีปุ่น เรียกว่า สนธิสัญญาคานากาวา โดยมีผลให้ ญ่ีปุ่นต้องเปิด เมืองท่าฮาโกดาเตะ และ ชโิ มดะ เพ่มิ เตมิ
24 บทท่ี 1 ความขัดแย้งในศตวรรษที่ 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century กรณที างหลวงโทไคโด ของตนเอง การจลาจลครั้งน้ีผู้ที่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากเป้าหมายของชาติมหาอํานาจตะวันตก ที่สุดก็คือกลุ่มพ่อค้า และนายทุนเงินกู้ ซึ่งต้องเสีย โฉนดทีด่ ินและสญั ญาเงินกทู้ ีถ่ ูกเผาไปจํานวนมาก นับ ไม่ได้ต้องการหยุดอยู่ที่การได้รับผลประโยชน์ทาง ได้ ว่ า ก า รจ ล า จล ค รั้ งน้ี เ ป็น ก า รจ ล า จล เ พ่ื อ การค้าและสิทธิพิเศษต่าง ๆ เท่านั้น แต่ต้องการรับ “ดําเนินการปฏิรูปสังคม” และ “เฉลี่ยแบ่งปันโภค เอาประเทศญ่ีปุ่นเข้าเป็นอาณานิคมของตนเองอย่าง ทรัพย์ของประชาชน” สมบูรณด์ งั นน้ั ในปี ค.ศ. 1862 เม่ือพ่อค้าชาวอังกฤษ ช่ือ ริชาร์ด สัน ได้ถูกสังหารที่ทางหลวงสายโทไคโด กรณปี ระตูซากรู ะดะ หลังจากเข้าขวางเส้นทางขบวนของเจ้าแคว้นซัดสุมะ จากความสับสนวุน่ วายทางการเมือง เศรษฐกิจและ ทําให้ในปี ค.ศ. 1863 อังกฤษและฝร่ังเศสร่วมมือกัน ยกข้ออ้างเร่ืองการระวังรักษาความปลอดภัยของ สังคมของญี่ปุ่นก็เกิดความเปล่ียนแปลงในชนชั้นการ พลเมืองของตนเองในญ่ีปุ่นมาเป็นข้ออ้างในการส่ง ปกครองของบะคุฟอุ ีกครงั้ เมอ่ื ปี ค.ศ. 1858 อี นาโอสุ ทหารเข้ามาประจําในเกาะฮอนชู ในเดือนสิงหาคม เกะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นไทโร หรือท่ีปรึกษาราชการ โดยกองราชนาวีอังกฤษได้ยิงเรือปืนถล่มท่ีแคว้นซัด ของโชกนุ ซ่งึ ในกรณีของอี นาโอสุเกะน้ี มีอํานาจมาก สุมะ และขู่กรรโชกให้บะคุฟุยอมเสียเงินค่าปรับเป็น เน่ืองจาก โชกุนยังอยู่ในวัยเยาว์ ทําให้ อี นาโอสุเกะ คา่ เสียหาย ทา่ มกลางความวุ่นวายทเี่ กิดขนึ้ กองเรือรบ ดําเนินการปกครองอย่างเด็ดขาดได้โดยไม่ต้องฟัง ของชาติมหาอํานาจท้ัง 4 ชาติ ก็ร่วมมือกันเดินหน้า เสียงจากฝ่ายใด เข้ามาในโอซากา ทําให้ญ่ีปุ่นต้องยอมลงนามใน สนธิสัญญาลดหยอ่ นภาษกี ารนําเขา้ สนิ ค้าสําคญั ๆ ลง ไทโรอี ได้ดําเนินการปกครองโดยมองอนาคตเป็น เหลือ 5% โดยทําสัญญากบั มหาอํานาจท้งั 4 ประเทศ หลัก เน่ืองจาก ไทโรอี เชื่อม่ันว่า ชาติตะวันตกมี เหมอื นกัน อทิ ธพิ ลทางการทหารเหนือกว่าญป่ี ุ่น ดังน้ันจึงยอมลง นามในสนธสิ ัญญาไมเ่ สมอภาคตา่ ง ๆ เพ่ือป้องกันการ กรณีวิกฤตการณก์ ารว่างงาน หาเหตุยดึ ครองญป่ี นุ่ อย่างสมบรู ณ์ ผลจากการลงนามในสนธิสัญญาลดหย่อนอัตรา ขณะเดียวการการดําเนินการเช่นนี้ทาํ ใหก้ ลมุ่ ซามูไร ภาษีสินค้าขาเข้าของญ่ีปุ่นกับชาติมหาอํานาจทําให้ และไดเมียวจํานวนมาก ไม่พอใจเพราะมองว่าเป็น ญี่ปุ่นต้องแบกรับภาระการนําเข้าสินค้าจํานวน การก้มหัวให้กับต่างชาติ จึงดําเนินการขัดขวางการ มหาศาล โดยเฉพาะสนิ คา้ ประเภทผ้าไหม และเสื้อผ้า เสนอสนธิสัญญาให้สมเด็จพระจักรพรรดิลงพระนาม สําเร็จรูป โดยมีการเลิกกิจการโรงทอผ้าไหมในญี่ปุ่น โดยการรว่ มมือกับขา้ ราชสํานกั เพื่อกดดันให้จัดรพรรดิ จํา น ว น ม า ก หั ต ถ กร ย า กจ น แ ล ะ ล้ ม ล ะ ล า ย ไม่ยอมลงพระนาม ดังน้ัน ไทโรอี จึงปราบปรามด้วย สภาพการณ์ความวุ่นวายเช่นน้ี ส่งผลให้ญี่ปุ่นเผชิญ ความรุนแรง ทั้งจับกุมตัวมาขัง และประหารชีวิต กบั ปัญหาสงั คมตามมาคอื เกดิ “จลาจลทําลาย” โดย (ฮาราคีร)ี มีกลุ่มชาวเมืองท่ีอดหยากได้บุกเข้าทําลายและปล้น บ้านเรอื นของเศรษฐีและพ่อค้า การจลาจลไดก้ ระจาย ผลจากนโยบายเดด็ ขาดของไทโรอี ในนามของบะคุ ออกไปถึงโอซากาและมีการกล่าวคําขู่ว่า “ผู้ท่ี ฟุ ทําให้เกดิ กระแสตอ่ ตา้ นตามมามากมายส่งผลให้ใน ก่อให้เกิดจลาจลใหญ่ ก็คือโชกุน ซึ่งพํานักอยู่ในเมือง เดือนมีนาคม 1860 ไทโรอี ได้ถูกลอบสังหารท่ีนอก โอซากา” นับเปน็ ครัง้ แรกท่ีโชกนุ ซึ่งมีอํานาจล้นฟ้ามา ประตซู ากรุ ะดะของปราสาทเยโด ตลอด 200 ปตี อ้ งเผชิญกบั การต่อต้านจากประชาชน กรณปี ระตซู ากรู ะดะ นเี้ องที่เป็นเหตุการณ์สําคัญท่ี ฝ่ายต่อต้านบะคุฟุ ใช้เป็นประเด็นในการยกสถานะ ของจัดรพรรดิให้ขึ้นมามีบทบาททางการเมืองมากข้ึน และล้มล้างอาํ นาจของบะคุฟุในเวลาต่อมา
บทที่ 1 ความขัดแย้งในศตวรรษที่ 19 25 Chapter 1 Conflict in 19th Century บะคุฟถุ ูกโจมตี ห12 ลังจากกรณปี ระตซู ากรุ ะดะแลว้ อํานาจของบะคุฟุก็ออ่ นกําลงั ลงมาก ประกอบกบั กล่มุ ซามไู รและไดเมยี วท่ีเคย ข้ึนกับบะคุฟุ ก็เร่ิมตีตัวออกห่างไม่สวามิภักด์เช่นเดิม เนื่องจากมองว่า ไทโรอี ได้นําพาบะคุฟุไปสู่ยุคตกต่ําที่ต้อง ยอมออ่ นข้อใหก้ ับตา่ งชาติ จึงเกิดเปน็ ขบวนการเคลอ่ื นไหววเพอื่ ปฏิรปู บะคุฟุโดยกําลังทหาร โดยเรมิ่ ตน้ จาก การ ออกประกาศ “เชิดชอู งคจ์ กั รพรรดิ ขับไลพ่ วกป่าเถื่อน” โดยอาศัยเอาบทบาท ของพระจกั รพรรดมิ าเป็นเคร่อื งมือในการระดมกาํ ลังคนและอาวธุ ซงึ่ ขบวน การ เชิดชอู งคจ์ ักรพรรดิ ขับไล่พวกป่าเถอ่ื น น้ีมโี ครงสรา้ งท่ีสบั สนมาก เน่ือง จากเกิดจากการรวมตวั ของกลุม่ แนวคิด 2 กลมุ่ คอื กลุม่ ท่ีต้องการขบั ไล่ ตา่ งชาตแิ ตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว และ กลมุ่ ทีต่ อ้ งการล้มลา้ งอํานาจของบะคฟุ ุ เน่ืองจาก มองวา่ ปญั หาที่เกิดขึน้ ในญ่ปี ่นุ ณ ขณะน้ันเกิดจากการที่ ญีป่ นุ่ ยงั มกี ารปกครองในระบอบโชกนุ อยู่ และตอ้ งการสร้างการปกครองในแบบ ญปี่ นุ่ โบราณที่มีจักรพรรดิเปน็ ประมุขสงู สุดของประเทศ จากลักษณะที่กล่าวไปทําให้ในช่วงหลังจาการกรณีประตูซากุระดะจบลงก็มีการเดินทางเข้าไปอาศัยในเกียวโต เปน็ จํานวนมากของซามูไรแควน้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้จักรพรรดิดําเนินการออกคําส่ัง ปราบปรามตระกลู โตกุกาวะ ที่มีอํานาจเด็ดขาดในบะคุฟุ จนกระท่ังในปี ค.ศ. 1863 โชกุน โตกุกาวะ อิเอโมจิ ได้ ทําในสิ่งที่ไม่เคยมีโชกุนคนใดทํามาก่อน นั้นคือ เดินทางออกจากเยโด และเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิเพื่อรายงานถึง สถานการณแ์ ละขอปรึกษาขอ้ ราชการ การกระทําเช่นน้ีเป็นการสะท้อนถึงความอ่อนแอของบะคุฟุ แต่สามารถทํา ให้ราชสํานักมองบะคุฟุในฐานะที่ยําเกรงมากขึ้นเนื่องจาก ตลอดสองร้อยปีที่ผ่านมา จักรพรรดิไม่มีบทบาทใด ๆ ทางการเมอื ง แต่ครงั้ นีอ้ ิเอโมจไิ ดเ้ สนอขอ้ ราชการปรกึ ษากบั จัดรพรรดิโดยตรง ไมผ่ ่านลา่ มและทตู ทาํ ให้การเจรจา เกดิ ผลดีมากกว่าผลเสีย นั้นคอื จักรพรรดิยงั ไม่ออกประกาศปราบปรามตระกลู โตกกุ าวะ สถานการณ์นอกเหนือจากในเยโด และ เกียวโตนั้น ความวุ่นวายก็ไม่ได้ลดลงแต่กลับเพ่ิมมากข้ึนระหว่างการ หาทางแก้ไขปัญหาของบะคุฟุ กบฏชาวนาก็เกิดข้ึนและเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ืองจนกระทั่ง เมื่อแคว้นโทสะ ซึ่งเป็น แควน้ ใหญไ่ ด้หมดความอดทนและหันมาเขา้ รว่ มกบั ข้าราชสํานักและซามูไรท่ีต้องการล้มล้างอํานาจของบะคุฟุ ซ่ึง เป็นการพลิกสถานการณ์ เนอ่ื งจาก การตัดสินใจของโทสะ เป็นการเร่งให้ แคว้นซัสซุมะ และแคว้นโชชู ต้องเลือก ข้าง และก็ยอมเลือกฝ่ายปราบปรามโตกุกาวะ ดังนั้นแคว้นใหญ่ท้ังหลายจึงลอบส่งสารลับให้พระจักรพรรดิเร่ือง แผนการโค่นล้มอํานาจของบะคุฟุและตระกูลโตกุกาวะ แต่ข่าวได้รั่วไหลออกไปถึงบะคุฟุ และได้เร่ิมต้นวางแนว ทางแก้ไขปัญหาด้วยการ เสนอร่างประนีประนอม บะกุฟุ – พระจักรพรรดิ โดยโตกุกาวะ ยอมถวายคืนพระราช อาํ นาจแก่จกั รพรรดแิ ละลดฐานะของตัวเองลงเป็นเพยี งไดเมยี วตระกลู หนึง่ เชน่ เมอื่ สองร้อยปกี ่อน ซ่ึงเปน็ การรกั ษาชวี ติ และสมาชกิ ในครอบครัวของ โตกุกาวะไวไ้ ด้แมจ้ ะเสียอาํ นาจ และถดู ลดฐานะ แต่ก็ยังสามารถรอดจาก การปราบปรามโดยความรนุ แรงไปได.้ 12 มหาวทิ ยาลัยครเู ซีย่ งไฮ้ , อรณุ โรจนสนั ติ (แปล) , ประวัตศิ าสตร์โลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์สุขภาพใจ ,2542. หนา้ 378.
26 บทท่ี 1 ความขดั แย้งในศตวรรษท่ี 19 Chapter 1 Conflict in 19th Century ห ลั ง จ า ก ก า ร ย อ ม คื น พ ร ะ ร า ช อํ า น า จ ใ ห้ กั บ พ ร ะ จักรพรรดแิ ลว้ ฐานอํานาจในญีป่ นุ่ กม็ ีการเปลี่ยนมอื ไปยัง กลุ่มขุนนางและซามูไร ที่ร่วมกันปลดอํานาจจากบะคุฟุ ดงั น้นั จึงสามารถสรุปถึงผลออกมาได้ดงั นี้ 1. ตระกูลโตกุกาวะ ต้องยอมคืนพระราชอํานาจ ทั้งหมดให้กับพระจักรพรรดิโดยแลกกับการ รักษาตระกูลโตกุกาวะเอาไว้ได้ 2. พระจักรพรรดเิ มจิ สถาปนาระบอบการปกครอง ญ่ีปุ่ น ที่ มี จั ก ร พ ร ร ดิ เป็ น อ ง ค์ ป ร ะ มุ ข แ ล ะ ดาํ เนินการเปิดประเทศโดยสมบูรณ์ 3. ญ่ปี นุ่ เร่ิมต้นยคุ สังคมสมัยใหม่อย่างเต็มรปู แบบ
บทที่ 1 ความขดั แย้งในศตวรรษท่ี 19 27 Chapter 1 Conflict in 19th Century ให้นักเรยี นอธิบายประเด็นสถานการณ์ “สงครามล้มลา้ งอํานาจบะคุฟ”ุ ใหส้ อดคล้องกบั ประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception
28 บทที่ 2 ความขดั แยง้ ในศตวรรษที่ 20 Chapter 2 Conflict in 20th Century สงครามโลกครั้งท่ี 1 (World War II) ทําให้โลก มากมายอยู่ทั่วโลก เป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้อังกฤษ เข้าสู่สภาวะสงครามได้อย่างยาวนานเน่ืองจากมี เปลี่ยนแปลงไป และก่อให้เกิดรอยแผลลึกระหว่าง ทรัพยากรจากอาณานคิ มสง่ เข้ามาตลอดเวลา อารยธรรมก่อนสงครามและความเป็นอยู่ที่ลําบาก ซึง่ เป็นผลท่ีตามมาของสงคราม มหาสงครามน้ีก่อให้ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อารยธรรมยุโรปและ เกิดโลกยุคใหม่ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ก่อนปี ค.ศ. ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1914 โลกอย่ภู ายใตอ้ ทิ ธิพลของจักรวรรดิต่าง ๆ ของ เป็นตัวกําหนดแผนที่โลกใหม่ ๆ ผลอย่างหนึ่งของ ยุโรป และราชวงศ์ทีเ่ ก่ยี วดองกนั อย่างใกล้ชิด ซึ่งตาม สงครามโลกครั้งที่ 1 คอื เทคโนโลยเี หล่านีถ้ ูกนําไปใช้ ธรรมดาแล้วจะเป็นศูนย์รวมของความจงรักภักดี ในการต่อต้านประเทศท่ีพัฒนามันข้ึนมา แม้ว่า ขนบธรรมเนียม และความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของ สงครามครั้งน้ีจะเปน็ ความขดั แย้งทั่วโลกเปน็ คร้ังแรก อังกฤษและฝรั่งเศส เป็นเวลาหลายร้อยปีท่ีกลุ่มประ ก็ตาม แต่สําหรับชาวยุโรปเป็นเหมือนกับสงคราม เทศในยุโรปแข่งขันกันเป็นผู้ควบคุมและกําหนดเขต กลางเมืองที่ทําลายล้างกันอย่างรุนแรง เม่ือสงคราม แดนของประเทศต่าง ๆ ในโลก แอฟริกา อเมริกา ยุติ ราชวงศ์ตา่ ง ๆ ทั่วยโุ รปถกู กวาดลา้ งประเทศใหม่ อินเดีย ตะวันออกกลาง และ ตะวันออกไกล ถูกยึด ๆ ถกู ก่อตง้ั ขึ้นมา สงครามโลกครัง้ ท่ี 1 เรียกอีกอย่าง ครองและเป็นอาณานิคมในรูปแบบต่าง ๆ โดยชน หนึ่งวา่ มหาสงคราม (The Great War) เพราะว่า ชาติอังกฤษ เยอรมัน ดัชต์ สเปน โปรตุเกส และ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าสงครามที่สร้างความเสียหาย ฝร่งั เศส การรกั ษาดินแดนของจกั รวรรดิเหลา่ นี้ข้ึนอยู่ มากมายเช่นน้ีจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ความอยุติธรรมใน กบั อํานาจทางทะเล ซ่ึงรวมไปถึงกําลังทางทหารของ ระหวา่ งสงครามก่อให้เกดิ ความขนุ่ เคืองใจ อันนําไปสู่ ประเทศเจา้ อาณานิคมนั้น ๆ และช่วงศตวรรษที่ ๑๙ สงครามโลกครั้งท่ี 2 ในปี ค.ศ. ๑๙๓๙ ซึ่งมีพลัง กองราชนาวีอังกฤษ เป็นกองทัพเรือท่ีเข้มแข็งท่ีสุด ทําลายล้างและสรา้ งความหวาดกลวั มากยง่ิ ขน้ึ 1.3 ทําใหอ้ งั กฤษ คอื เจา้ อาณานคิ มทีม่ อี าณานคิ ม 13 จิรพล ลิวา , สงครามโลกครั้งท่ี 1 : สาระนิพนธ์รายวิชาสงครามกับประวัติศาสตร์ , สงขลา : สาขาวิชา ประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ , 2551. บทนํา.
บทที่ 2 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 20 29 Chapter 2 Conflict in 20th Century วิกฤตการณก์ ่อนการเกิดสงคราม วิกฤตการณ์โมรอกโก ครั้งที่ 1 14 กับเป็นชัยชนะที่เยอรมันได้รับการการเกิดวิกฤต การณค์ ร้ังน้ี (First Moroccan Crisis) ต่อมาได้มีการจัดการประชุมนานาชาติข้ึนท่ี เกิดข้ึนในระหว่างปี ค.ศ. 1905 – 1906 หลังจากท่ี เมืองอัลเจซิรัสในสเปน ในระหว่างเดือนมกราคม – อังกฤษกบั ฝร่ังเศสสามารถเจรจาตกลงทําความเข้าใจ เมษายา ค.ศ. 1907 เพ่ือแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนใน แก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนในอดีตได้สําเร็จในปี ค.ศ. 1904 โมร๊อคโก ในระหว่างการประชุมอังกฤษได้ให้การ แล้ว ก็จะส่งผลคือเป็นการสร้างความกังวลให้แก่ สนับสนุนต่อฝรั่งเศสเป็นอย่างดี ส่วนเยอรมันมีเพียง เยอรมันอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1905 เม่ือเยอรมันรู้ว่า ออสเตรีย-ฮังการีเป็นฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น ผลจาก ฝร่ังเศสได้พยายามเขา้ ไปมบี ทบาทในโมร๊อคโกท้ังทาง การประชุมดูเหมือนว่าเยอรมันจะเป็นฝ่ายได้รับชัย ด้านการทหารและทางด้านการคลัง จกั รพรรดไิ กเซอร์ ชนะแลได้รับประโยชน์จากการประชุมมากท่ีสุด โดย วิลเลียมท่ี 2 จึงได้เสด็จไปเยือนโมร๊อคโกในเดือน การประชุมยอมรับว่าโมร๊อคโคยังคงเป็นประเทศเอก มนี าคม ค.ศ. ๑๙๐ค และพระองค์ได้ประกาศยอมรับ ราชแต่ตอ้ งเปิดประเทศให้ชาตติ า่ ง ๆ เข้าไปค้าขายได้ ในสถานภาพขององค์สุลต่านแห่งโมร๊อคโก และทรง เทา่ เทียมกนั และใหส้ เปน เป็นผ้คู วบคมุ กรมตาํ รวจใน ยืนยันในความเป็นเอกราชของโมร๊อคโก นอกจากนี้ โมรอ๊ คโก โมรอ๊ คโกจะตอ้ งสรา้ งธนาคารชาตขิ ้นึ โดยให้ พระองค์ยังทรงประกาศไม่ยอมรับการทําสัญญาใด ๆ อยภู่ ายใต้ ระหว่างอังกฤษกับฝร่ังเศสในกรณีท่ีเกี่ยวข้องกับ การควบคุมของฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนั และสเปน โมร๊อคโก ผลทต่ี ดิ ตามมาจากการประชมุ ครง้ั นน้ั คอื เป็นการ แสดงออกถึงความสมั พนั ธอ์ นั ดตี อ่ กนั ระหวา่ งอังกฤษ ในเวลาต่อมารัฐบาลเยอรมันได้เรียกร้องให้มีการ จัดการประชุมนานาชาติเพื่อพิจารณาถึงสถานภาพ กบั ฝร่ังเศส. ของโมร๊อคโกเพ่ือหวังจะทดสอบความเข้มแข็งของ ความสัมพันธ์ท่ีเพิ่งจะเร่ิมต้นระหว่างอังกฤษกับ ฝร่ังเศส แต่การกระทําดังกล่าวกลับทําให้ได้รับการ คัดค้านอย่างหนักจากเดลคาสเซ ซ่ึงเป็นรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส แต่รัฐบาล ฝรั่งเศสก็ยังไม่ต้องการเสี่ยงท่ีจะทําสงครามกับ เยอรมันในเวลานั้นเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับการช่วย เหลือจากอังกฤษหรือไม่ เพ่ือเป็นการลดความกดดัน ทางการเมืองที่เกิดข้ึน เดลคาสเซจึงถูกบังคับให้ ลาออกจากตาํ แหน่งซึ่งการกระทําคร้งั นีเ้ ปรยี บได้ 14 จิรพล ลิวา , สงครามโลกคร้ังที่ 1 : สาระนิพนธ์รายวิชาสงครามกับประวัติศาสตร์ , สงขลา : สาขาวิชา ประวัติศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ , 2551. หนา้ 1-2.
30 บทที่ 2 ความขดั แย้งในศตวรรษท่ี 20 Chapter 2 Conflict in 20th Century ปัญหาท่ีเกิดขน้ึ ในอาณาจักรตรุ กี ในระหว่างปี ค.ศ. 1912 – 1913 อทิ ธิพลของกลมุ่ ผมู้ ี ในปี ค.ศ. 1907 เมื่ออังกฤษกับรัสเซียสามารถ อํานาจสามคนมีเพม่ิ ขนึ้ ซึง่ จะนําไปสู่การมีสัมพันธ์อัน ตกลงทาํ ความเขา้ ใจกนั ไดจ้ งึ ก่อใหเ้ กดิ ความหวาดกลัว ดีระหว่างตุรกีกับเยอรมัน ถึงแม้กลุ่มเติร์ก หนุ่มเสรี ข้ึนในหม่บู รรดาชาวเติรก์ เพราะการทําความตกลงกนั นิยมด้งั เดิมจะนิยมในอังกฤษกับฝรัง่ เศส แตเ่ อนเวอร์ ดังกล่าวมีผลต่อความอยู่รอดของตุรกี ในอดีตตุรกี และ ทาลัดท์ ซ่ึงเป็นผู้นําฝ่ายทหาร เป็นฝ่ายนิยม สามารถรักษาอํานาจเอาไว้ได้ก็เพราะความขัดแย้งที่ เยอรมัน และทั้งสองได้ครองอํานาจไปจนกระทั่งถูก เกิดข้ึนระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ดังน้ัน เม่ือเห็น ปลดออกจากตําแหน่งไปในท่ีสุดในเดือนตุลาคม ค.ศ. ประเทศท้ังสองสามารถทําความเข้าใจตกลงกันได้ 1918 กลมุ่ เตริ ก์ หน่มุ (Young Turks) จึงกอ่ การปฏวิ ตั ิขนึ้ เม่ือตุรกีตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่ม กลุ่มเติร์กหนุ่ม เป็นขบวนการเสรีนิยมที่เคยถูก ทหารหนุ่มซ่ึงมีนโยบายชาตินิยมรุนแรงจึงทําให้ เนรเทศไปอยู่ต่างประเทศมีจุดมุ่งหมายในการล้มล้าง ออสเตรีย-อังการี เกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการ การปกครองของ สุลต่านอับดุล ฮามิดที ่ 2 โดย ปกครองภายในของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา วิธีการปฏิรูปและส่งเสริมการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี ออสเตรีย-ฮังการีจึงวางแผนการผนวกบอสเนียและ ค.ศ. 1876 นับต้ังแต่ ปี ค.ศ. 1903 เป็นต้นมา กลุ่ เฮอร์เซโกวีนา ได้เข้าไปเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจักร มเติร์กกหนุ่มได้ทําการติดต่อประสานงานกับบรรดา ออสเตรีย-ฮังการี ในขณะเดียวกันรัสเซียซ่ึงเกรงว่า ช น ก ลุ ่ ม น ้ อ ย ช า ติ นิ ย ม ที่ อ า ศั ย ใ น อ า ณ า จั ก ร ตุ ร กี การเปล่ียนแปลงการปกครองที่เกิดข้ึนภายในตุรกี โดยเฉพาะมาซิโดเนีย (Macedonia) และในอาร์เม อาจจะส่งผลกระทบตอ่ รัสเซยี ดังน้นั ในเดอื นกันยายน เนีย (Armania) ใหม้ ีโอกาสไดป้ กครองตนเอง ค.ศ. 1908 รัสเซียจึงจัดการหารือขึ้นระหว่าง อเล็ก ซานเดอร์ อี สโวลสกี้ (Alexander Izvolsky) ในปี ค.ศ. 1907 กลุ่มเติร์กหนุ่มที่ถูกเนรเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย และลีภ้ ยั ไปอยทู่ ่ีกรุงปารีสได้ติดต่อร่วมมือกันกับกลุ่ม กับ เคาน์ อาลัวส์ อาเรนธัล (Count Alois นายทหารภายใต้การนําของ ไนซีเบ (Naizi Bey) Aehrenthal) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง เพือ่ ก่อการปฏิวัติข้นึ ในมาซโิ ดนเนยี ในเดือนกรกฏาคม ประเทศของออสเตรีย-ฮังการี ซ่ึงทั้งสองได้ทําความ ค.ศ. 1908 การปฏวิ ัตไิ ด้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ตกลงกันโดยรัสเซียจะสนับสนุนให้ออสเตรีย-ฮังการี ในเวลาต่อมากลุ่มก่อการปฏิวัติได้ตกอยู่ภายใต้การ ซ่ึง ทั้งสองได้ทําความตกลงกันโดยรัสเซียจะ ควบคุมของคณะกรรมการเพื่อการรวมและก้าวหน้า สนับสนุนให้ออสเตรีย-ฮังการี ผนวกบอสเนียและ (Committee of Union and Progress) ซึง เฮอร์เซโกวีนาในขณะเดยี วกัน ออสเตรีย-ฮงั การี ก็จะ ประกอบไปดวยกลมนายทหารหน่ม อยู่ภายใต้การนา สนบั สนนุ ให้รสั เซยี สามารถนําเรือรบผ่านเข้าออกช่อง ซกี ลุ่มผู้มีอํานาจสามคน (Triumvirate) คือ เอนเวอร์ แคบ ซ่งึ รสั เซียไม่แน่ใจว่าจะสามารถทาํ ได้เพราะถอื ว่า (Enver) ทาลดั ท์ (Talaat) และ เจมาล (Jemal) เป็นการละเมิดข้อจกลงเร่ืองช่องแคบ (Straits Convention) ซึ่งได้มีการตกลงลงนามกันในเดือน ในวันท่ี 24 กรกฏาคม ค.ศ. 1908 สุลต่ายอับ กรกฏาคม ค.ศ. 1841 โดยอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส ดุล ฮามิด ที่ 2 ทรงยอมมอบอํานาจให้กับกลุ่มนาย ออสเตรียและปรัสเซีย ซ่งึ มสี าระสําคญั คือการปิดช่อง ทหารและพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ชาวเติร์ก แคบบอสพอรสั – ดาร์ดาแนล ไม่ให้เรอื รบชาติใดผ่าน รัฐสภาของตุรกีก็เปิดประชุมในเดือนธันวาคม ค.ศ. เข้าออกในสภาวะสันติ ดังนั้น รัสเซียจึงเรียกร้องให้ 1908 แต่ได้เกิดความแตกแยกข้ึนภายในรัฐสภา จัดการประชุมนานาชาติข้ึนเพื่อรับรองในเร่ืองของ ระหว่างกลุ่มเติร์กหนุ่มเสรีนิยมดั้งเดิม กับ กลุ่มเติร์ก ผ่านช่องแคบ เมื่ออสเตรีย-ฮังการี ไม่สามารถ หน่มุ นายทหาร ซงึ่ มนี โยบายชาตนิ ยิ มรุนแรงซ่ึงไม่ตอ้ ง ตอบสนองข้อเรียกร้องของรัสเซีย จึงเท่ากับว่าข้อตก การเห็นอาณาจักรตุรกีเกิดการแตกแยก จึงต่อต้าน ลงที่ทํากันระหว่างรัสเซียกับออสเตรีย-อังการียังไม่มี ขบวนการเสรีนิยมและตอ่ ต้านการปกครองตนเองของ ผลใช้ในทางปฏบิ ัต.ิ 15 พวกชนกลมุ่ นอ้ ย ตอ่ มาเม่ือเกิดสงครามบอลข่านข้ึน 15 วิมล นาวารัตนนุกูล , ผศ. ดร. , ยุโรปตะวันออกกับบทบาทในศตวรรษท่ี 20 , เชียงใหม่ : ภาควิชา ประวัตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ , 2540. หน้า 340-348.
บทที่ 2 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 20 31 Chapter 2 Conflict in 20th Century วิกฤตการณ์บอสเนยี ในระหว่าง ปี ค.ศ. 1907 – อังการี และเยอรมันขู่ที่จะทําสงครามกับรัสเซียถ้า รัสเซียไม่ยอมรับการกระทําของออสเตรีย-อังการี ส่ 1908 (Bosnian Crisis) 16 วนเซอร์เบียรู้สึกผิดหวังต่อการกระทําของออสเตรีย- ฮังการีเป็นอย่างมาก เพราะเซอร์เบียมีแผนการที่จะ จากข้อตกลงที่ได้ทํากันเอาไว้ในสนธิสัญญา ผนวกเอาบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเพื่อขยาย เบอรล์ นิ ในปี ค.ศ. 1878 บอสเนียและ เฮอร์เซโกวีนา อาณาจักรเซอร์เบียให้เป็นมหาอาณาจักร และเพ่ือ ได้กลายมาเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของ เป็นเส้นทางออกสู่ทะเล ถ้าบอสเนียและเฮอร์เซโกวี ออสเตรยี -ฮงั การี แตก่ ย็ งั มสี ถานภาพเปน็ ดินแดนส่วน นายังคงอยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีท่ีอ่อนแอ หน่งึ ของการปกครองของอาณาจักรตรุ กี ออสเตรีย-ฮั แผนการของเซอร์เบียก็ยังพอมีทางออกได้ แต่เม่ือ งการี ได้ทําการพัฒนาและปฏิบัติต่อบอสเนียและ ออสเตรีย-ฮังการี ผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เฮอร์เซโกวีนา เหมือนกับว่าเป็นส่วนหน่ึงของ ภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของเยอรมันจึงทําให้ให้ความหวัง อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี โดยมีจุดมุ่งหมายในการ ของ เซอร์ เบียหมดไป กําจดั อทิ ธิพลของตรุ กใี นดนิ แดนน้ีออกไป ในเวลาต่อมาออสเตรีย-ฮังการีได้บังคับให้เซอร์ ในวันท่ี 5 ตุลาคม ค.ศ. 1908 บัลแกเรียได้ เบียยอมรับรองการผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ประกาศแยกตัวออกจากการปกครองของตุรกี ต่อมา โดยเซอร์เบียจะต้องไม่ทําการโฆษณาชวนเชื่อใด ๆ ในวนั ท่ี 7 ตุลาคม ค.ศ. 1908 ออสเตรยี -ฮงั การี จึงถือ เพอื่ ตอ่ ตา้ นการกระทําของออสเตรีย-ฮงั การแี ละเซอร์ โอกาสผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา เข้าเป็นส่วน เบียจะต้องลดกําลังทหารลงดังน้ัน ผู้ท่ีเสียประโยชน์ หน่ึงของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี จึงเท่ากับเป็น จากการที่ออสเตรยี -ฮงั การผี นวกบอสเนียและเฮอร์เซ การละเมดิ ขอ้ ตกลงในสนธิสัญญาเบอร์ลินที่ทําไว้ในปี โกวีนาก็คือรัสเซียและเซอร์เบียโดยเฉพาะรัสเซีย ค.ศ. 1878 ซ่ึงมีผลตามมาคือ อังกฤษเกิดความไม่ นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วยังถูกขมขู่จากเยอรมันทํา พอใจจึงหันไปให้การสนับสนุนแก้รัสเซียแต่รัสเซีย ให้รัสเซียเสียหน้าเป็นอย่างมากและรัสเซียจะไม่ยอม กลับขอให้อังกฤษช่วยเปิดช่องแคบให้เรือรบรัสเซีย ทาํ ใหเ้ กดิ การเสยี หนา้ อกี เป็นอนั ขาด ผา่ น เขา้ ออกเปน็ การชดเชยท่ีออสเตรีย-ฮังการีผนวก บอสเนยี และเฮอร์เซโกวนี า จงึ ทําใหอ้ งั กฤษไมพ่ อใจ ผลจากวิกฤตการณ์บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา นครั้งนถี้ อื เป็นชยั ชนะของกล่มุ ไตรภาคีทมี่ ตี ่อกลุ่มไตร ในขณะเดียวกันฝร่ังเศสก็ไม่พอใจรัสเซียที่เป็น พันธมิตรภายหลังกลุ่มไตรภาคีเคยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พันธมิตรแต่กลับไปทําสัญญากับออสเตรีย-ฮังการี มาากวิกฤตการณ์โมร๊อคโก ในปี ค.ศ. 1906 ดังนั้น โดยไม่บอกให้ฝร่ังเศสรู้ ส่วนออสเตรีย-ฮังการี ได้ การต่อส้กู ันระหว่างสองกล่มุ จงึ ยังไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหน่ึง สงวนท่าทีและไม่ต้องการจัดการประชุมใด ๆ เพื่อแก้ เป็นฝ่ายได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่การแข่งขันทื่ ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และในที่สุดออสเตรีย-ฮังการีก็ เกิดข้ึนได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดในทางการเมือง สามารถผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้สําเร็จ ในขณะที่รัสเซียไม่ได้อะไรตอบแทนเลย และเพื่อเป็ ระหวา่ งประเทศในยโุ รป. นการลดกระแสความกดดันทางการเมืองระหว่าง ประเทศ ออสเตรีย-ฮังการี และบัลแกเรีย จึงได้เสนอ เงนิ ชดเชยให้แก่ตรุ กี ในเวลาต่อมารัสเซียได้เสนอจ่าย เงินชดเชยให้แก่ตุรกีแทนบัลแกเรียจึงทําให้ความ สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับบัลแกเรียดีขึ้น เพราะถือ เปน็ การสนับสนนุ การประกาศเอกราชของบลั แกเรีย ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1908 เยอรมันได้รับรอง การผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ของออสเตรยี - 16 จิรพล ลิวา , “วิกฤตการณ์บอสเนีย กับ การเปล่ียนแปลงทางการเมืองของยุโรป : บทความพิเศษกรอบ การศึกษาสัมมนาเหตุการณ์โลก” , สงขลา : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ , 2552. หน้า 31-32.
32 บทที่ 2 ความขัดแยง้ ในศตวรรษท่ี 20 Chapter 2 Conflict in 20th Century วกิ ฤตการณ์โมรอกโก ครัง้ ท่ี 2 กับฝร่ังเศส โดยข้อตกลงใหม่ซ่ึงทํากันในวันท่ี 4 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1911 เยอรมันยอมถอนตัวออกจาก (Second Moroccan Crisis) โมรอ๊ คโก และโมร๊อคโก จะกลายมาเป็นเขตอิทธิพล ของฝรั่งเศส แต่ยกเว้นส่วนท่ีเป็นของสเปน หรือ เกิดข้ึนในปี ค.ศ.1911 โดย ในปี ค.ศ.1908 สุลต่าน Spanish Morocco นอกจากนัน้ ให้มีการประกันผล อบั เดล อาซิสท่ี 4 แห่งโมรอ๊ คโก ถูกโค่นอํานาจลงโดย ประโยชน์ของเยอรมันและให้เยอรมันสามารถติดต่อ อับเดล ฮาฟิช (Abd-Al-Hafiz) ผู้เป็นพระอนุชา ทําการค้ากับโมร๊อคโกได้เท่าเทียมกับชาติอื่นๆ สลุ ตา่ นพระองค์ใหม่ ไม่ได้รบั ความนิยมจากประชาชน เยอรมัน ยงั ไดร้ บั ดินแดนจากฝรงั่ เศสจํานวนประมาณ จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเรื่อยมา สุลต่านฮาฟิชจึงขอ 100,000 ตารางไมล์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของคองโก ความช่วยเหลือไปยงั ฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ฝร่ังเศสเป็นการเป็นการตอบแทนซ่ึงจะมีผลทําให้ 1911 ฝร่ังเศสได้ส่งเรือรบไปช่วยยังเมืองเฟช (Fez) ดินแดนแคเมอรูนของเยอรมนั ขยายออกมาจรดแม่น้ํา ซง่ึ เปน็ เมืองหลวงของโมร๊อคโกโดยอ้างว่าเพ่ือปกป้อง คองโก ผลประโยชน์ของชาวตา่ งชาตแิ ละเพื่อยุติความวุ่นวาย ทีเ่ กิดขึน้ ในโมร๊อคโก เยอรมันจึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อ ในขณะท่ีวิกฤตการณ์โมร๊อคโกคร้ังที่ 2 อยู่น้ันใน การกระทาํ ของฝร่ังเศส โดย นายคดิ เดอรเ์ ลน (Alfred เดือนตุลาคม ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ถือโอกาสเข้า Von Kiderlenwachler) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รุกรานทริโป ปัจจุบันคือประเทศลิเบยี ซ่ึงเป็นดินแดน การต่างประเทศของเยอรมันได้กล่าวหาว่าฝร่ังเศส ในอาณัตของตุรกี โดยอิตาลีได้รับการยินยอมจาก ละเมิดข้อตกลงอัลเจซิรัส ปี ค.ศ. 1902 ต่อมาใน ฝร่ังเศสซ่ึงเป็นผลมาจากการท่ีอังกฤษและอิตาลี เดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1911 เยอรมันได้ส่งเรือปืนช่ือ ยอมรับการไปแสวงหาผลประโยชน์ของฝร่ังเศสในโม เพนเทีย เข้าไปยังเม่ือท่าอากาเดียร์ ซ่ึงตั้งอยู่บนฝั่ง ร๊อคโก ในขณะท่ีก่อนหน้านี้ อังกฤษก็ได้รับการ มหาสมุทรแอตแลนติก ของโมร๊อคโกโดยอ้างว่า เพ่ือ ยอมรับจากฝรงั่ เศสในการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาวเยอรมันในโมร๊อคโกการ ในอียิปต์การท่ีฝร่ังเศสสามารถเข้าไปสร้างข้อผูกมัด กระทําของเยอรมันในครั้งน้ีไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือคง กับท้ังอิตาลีและอังกฤษจึงทําให้ฝร่ังเศสสามารถ ไว้ซ่ึงเอกราชของโมร๊อคโก แต่ต้องการเรียกร้องค่า ดําเนินนโยบายต่างประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อฝร่ัง ตอบแทนจากฝรั่งเศสเพ่อื แลกเปลี่ยนกบั ผลประโยชน์ เศส เองฝรั่งเศสจึงยอมเปิดโอกาสให้อิตาลีเข้ายึด ของเยอรมันในโมร๊อคโก แต่การกระทําของเยอรมัน ครองทริโปลี ตุรกี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต้องยกทริโปลีให้ กลบั ทาํ ให้อังกฤษไม่พอใจเพราะอังกฤษคดิ ว่าเยอรมัน แก่อิตาลีตามสนธิสัญญาโลซานน์ (The Treaty of มีจุดประสงค์ท่ีจะต้ังฐานทัพเรือบนชายฝั่งของ Lausanne) ในเดอื นตลุ าคม ค.ศ. 1912 ประเทศโมร๊อคโก ในวันท่ี 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1911 ลอยด์ ยอร์ช (Llpyd George) รัฐมนตรีว่าการ ในขณะที่กําลังเกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ น้ันรัสเซีย กระทรวงการคลังของอังกฤษได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ ได้แสดงท่าทีที่จะผนวกเตหะรานเข้ามาเป็นส่วนหน่ึง แมนชั่นเฮาส์ (Mantion house Speech) กล่าว ของรสั เซยี ทาํ ให้อังกฤษไม่พอใจ ฝ่ายฝร่ังเศสเกรงว่า เตอื นเยอรัมนว่าอังกฤษจะต้องเป็นฝ่ายรับทราบก่อน ทา่ ทีของรัสเซยี จะเป็นการทําลายความสัมพันธ์ระหวง่ ที่ จ ะ มี ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ทํ า ส่ิ ง ใ ด ล ง ไ ป ใ น โ ม ร ๊ อ ค โ ก รสั เซียกบั องั กฤา จงึ เขา้ แทรกแซงจนทําให้รัสเซียต้อง นอกจากน้ีรัฐบาลอังกฤษยังแสดงท่าทีสนับสนุนการ เลกิ ลม้ แผนการการผนวกเตหะราน แต่หันไปเรยี กรอ้ ง กระทําของฝร่ังเศสโดยสั่งให้มีการเตรียมพร้อมทาง ขอเดินทางเข้าออกบริเวณช่องแคบได้อย่างเสรีจาก ท ะ เ ล ค ว า ม สั ม พั น ธ ์ ร ะ ห ว ่ า ง เ ย อ ร มั น กั บ อั ง ก ฤ ษ ตุรกี แต่ก็ไดร้ ับการปฏิเสธจากตุรกี เพราะตุรกี เองได้ กําลังอยู่ในสภาวะแห่งความตึงเครียด เมื่อเยอรมัน รับการยืนยันจากท้งั องั กฤาและฝร่งั เศสว่าไม่ได้ให้การ เหน็ ทา่ ทอี นั แข็งกร้าวของอังกฤษจึงยอมหันมาเจรจา สนับสนุนต่อการกระทําของของรัสเซีย ผลจาก วิกฤตการณ์ที่เกิดข้ึนในทริโปลีและข้อเรียกร้องของ รสั เซยี จงึ ทําให้ตุรกีต้องหันเข้าหาเยอรมันมากข้ึนโดย หวงั วา่ จะไดเ้ ยอรมันมาเป็นพันธมิตรในกรณีท่ีตุรกีถูก คกุ คามจากประเทศมหาอํานาจ.
บทที่ 2 ความขดั แยง้ ในศตวรรษที่ 20 33 Chapter 2 Conflict in 20th Century วกิ ฤตการณบ์ อลขา่ นครัง้ ที่ 1 ความอ่อนแอของตุรกีทําให้ตุรกีแพ้อย่างรวดเร็ว โดบกองทัพบัลแกเรียได้เคล่ือนทัพมุ่งเข้าสู่กรุงอิส (First Balkan Crisis) ตันบูล สว่ นเซอร์เบยี กับมอนเตเนโกร ได้เข้ายึดครอง อาเดรียโนเปิล สถานการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่าง เกิดข้ึนระหว่างปี ค.ศ. 1911-1912 มีสาเหตุมา เดือนพฤศจกิ ายน –ธนั วาคม ค.ศ. 1912 เมอ่ื เซอรเ์ บยี จากการที่รัสเซยี สามารถชกั จงู บัลแกเรียและเซอร์เบีย ได้เข้ายึดครองอัลเบเนีย (Albania) ซ่ึงเป็นพื้นที่ดิน ซึ่งเป็นศัตรูกันเข้ามาทําสัญญาเป็นพันธมิตรกันได้ใน แดนท่ีอยู่ติดกับทะเลอเดรียติก (Adriatic Sea) จึงมี เดอื นมีนาคม ค.ศ. 1912 โดยรัสเซียมีจุดประสงค์ ผลทําให้เซอร์เบียสามารถหาทางออกทะเลได้สําเร็จ คือต้องการให้ประเทศทั้งสองร่วมมือกันกับรัสเซียใน อสเตรีย-ฮังการี ซ่ึงได้รับการสนับสนุนจากอาตาลีได้ กรณีที่รัสเซียต้องทําสงครามกับออสสเตรีย-ฮังการี คัดค้านการเข้ายึดครองอัลเบเนียและยื่นคําขาดให้ แต่จากสาระสําคัญของสนธิสัญญาท่ีทั้งสองประเทศ เซอร์เบียถอนตัวออกจากอัลเบเนีย เซอร์เบียจําต้อง ทํากันน้ัน คือ การร่วมมือกันทําสงครามกับตุรกีเพื่อ ยอมทําตามจึงทําให้เซอร์เบียยังไม่สามารถหาทาง แย่งดินแดนมาร์ซิโดเนียโดยเฉพาะในเวลานั้นพวก ออกส่ทู ะเลอเดรียตกิ ได้ คริสเตียน ในมาร์ซิโดเนียถูกกลุ่มเติร์กหนุ่ม ปก ครองอย่างกดข่ี ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1912 ประเทศมหาอํานาจต่างก็ต้องการยุติสงครามที่ กรีซ กับ มอนเตนิโกร ก็ได้เข้าร่วมกันทําสัญญาด้วย เกิดข้ึนจึงจัดให้มีการประชุมสันติภาพที่กรุงลอนดอน ด้วยจึงก่อให้เกิดกลุ่มสันนิบาตบอลข่าน (Balkan ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1912 มีผลทําให้สงครามยุติลง League) ข้ึน ช่วั คราว (Armistice) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1913 โดย เซอร์เบียและมอนเตเนโกร ยอมถอนตัวออกจากการ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1912 บัลแกเรียได้ยื่นคํา ยึดครองอัลเบเนีย ต่อมามีการลงนามในสันธิสัญญา ขาดต่อตรุ กใี หป้ ฏิรูปความเป็นอยู่ของประชานในมาร์ ลอนดอน ในวันท่ี 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1913 ซ่ึงมีผล ซิโดเนียให้ดขี น้ึ ฝา่ ยประเทศมหาอาํ นาจตา่ งแสดงท่า ตามมาคอื ทีต่อเหตุการณ์ณืที่เกิดข้ึนแตกต่างกันโดย รัสเซีย เกรงวา่ ถา้ เกดิ สงครามระหว่างกลุ่มสันนิบาตบอลข่าน 1. ทาํ ใหว้ ิกฤตการณ์บอลขา่ นคร้งั ท่ี 1 ยตุ ิลง กับตุรกี อาจจะทําให้รัสเซียไม่สามารถควบคุม 2. ตุรกีเสียดินแดนส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปยกเว้น สถานการณ์เอาไว้ได้ รัสเซียจึงประกาศไม่สนับสนุน ดนิ แดนรอบ ๆ กรุงอสิ ตันบูล ต่อ การกระทาํ ใด ๆ ของกล่มุ สนั นบิ าตบอลขา่ น 3. อลั เบเนยี กลายเป็นรฐั เอกราช 4. บัลแกเรียได้รับดินแดนส่วนใหญ่ของ ออสเตรีย-ฮังการี ไม่พอใจต่อการจัดตั้งกลุ่มสัน มาซิโดเนีย นิบาตบอลข่านเพราะอาจจะส่งผลต่อออสเตรีย- 5. เซอร์เบียไม่พอใจที่ไม่ได้ผนวกอัลเบเนียจึงทํา ฮังการี ส่วนเยอรมันและฝร่ังเศสต่างสนับสนุนท่าที ให้ยังไม่มีทางออกทะเลและเซอร์เบียได้รับดินแดน ของประเทศที่เป็นพันธมิตรกับตนเอง โดยสรุปว่ากลุ่ ส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยจากมาซิโดเนียเป็นส่ิงตอบ มประเทศมหาอํานาจต่างก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนต่อ กลุ่มสันนิบาตบอลข่าน เพราะเกรงว่าการกระทํา แทน. ของกลุ่มนี้อาจจะเป็นการทําลายดุลอํานาจในยุโรป และสภานภาพเดิมของคาบสมุทรบอลขา่ น ส่วนตุรกกี ็ เพิ่งพ่ายแพ้มาจากสงครามทริโปลีกับอิตาลี จึงทําให้ มอนเตเนโกรเห็ยโอกาสอันดีจึงฉวยโอกาสประกาศ สงครามกับตุรกีในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1912 โดยไม่ ยอมปรึกษาประเทศที่ร่วมเป็นพันธมิตรหลังจากน้ัน บัลแกเรีย กรีซ และ เซอร์เบีย จึงร่วมกันประกาศ สงครามกับตุรกี
34 บทที่ 2 ความขัดแย้งในศตวรรษท่ี 20 Chapter 2 Conflict in 20th Century วกิ ฤตการณบ์ อลข่านคร้งั ที่ 2 4. กรีซกลายมาเป็นประเทศที่มีบทบาทสําคัญใน ทะเลอีเจยี นเพราะได้เข้าครอบครองซาโลนกิ า (Second Balkan Crisis) (Salonika) ซึ่งเป็นดินแดนส่วนที่ออสเตรีย- ฮงั การีตอ้ งการอยู่ เกิดข้ึนในปี ค.ศ. 1913 หลังจากที่วิกฤตการณ์ บอลข่านคร้งั ท่ี 1 ยุตลิ งก็เกดิ ความแตกแยกข้ึนภายใน 5. เกดิ ความตึงเครยี ดข้นึ ในยโุ รปเพราะบัลแกเรยี กลมุ่ สนั นบิ าตบอลขา่ น ซึง่ ได้กลามาเป็นชนวนนําไปสู่ มี ค ว า ม แ ค ้ น เ คื อ ง ต ่ อ เ ซ อ ร ์ เ บี ย ก รี ซ แ ล ะ การเกิดสงครามบอลข่าน คร้ังที่ 2 ระหว่างบัลแกเรีย โรมาเนียที่ทําให้บัลแกเรียต้องเสียดินแดนใน และกรีซ โดยบัลแกเรียมีความวิตกว่าการร่วมเป็น เวลาต่อมาบัลแกเรียจึงเข้าร่วมในสงครามโลก พันธมิตรระหว่างเซอร์เบีย กับ กรีซ ก็เพ่ือต้องการที่ คร้ังที่ 1 กับฝ่ายเยอรมันเพราะไม่พอใจท่ี จะแย่งชิงเอามาซิโดเนียไปจากบัลแกเรีย ดังน้ันใน วันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1913 บัลแกเรียจึงประกาศ รสั เซียได้ให้การสนบั สนนุ แกเ่ ซอรเ์ บีย. สงครามกับเซอร์เบียและกรีซ ในระหว่างที่สงคราม กาํ ลังดาํ เนินไปอยนู่ ้นั ตุรกี ไดถ้ ือโอกาสยึดเอาอาเดรีย โนเปิลกลับคืนไป ส่วนโรมาเนีย ได้หันไปร่วมมือกับ เซอร์เบีย และกรีซ ประกาศสงครามกับบัลแกเรีย เมอื่ ตอ้ งทําสงครามกับกลุ่มพันธมิตรถึง 3 ประเทศจึง ทําใหบ้ ลั แกเรยี พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ต่อมาในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1913 ได้มีการทําสนธิสัญญาสงบศึกบุ คาเรสต์ (The Treaty of Bucharest) มีสาระสําคัญ คอื 1. โรมาเนียได้ครอบครองดินแดนทางตอน เหนือของดอบรูดจา (Dobrudja) 2. เซอร์เบียและกรีซได้ครอบครองมาซิโดเนีย ในส่วนที่บัลแกเรียได้มาจากสงครามบอล ข่านครั้งท่ี 1 จึงมีผลทําให้เซอร์เบียได้รับ ดนิ แดนบางสว่ นเพมิ่ เตมิ เกือบเท่าตวั 3. ตุรกีไดอ้ าเดรยี โนเปิลคืน โดยมผี ลทีต่ ดิ ตามมาจากวกิ ฤตการณบ์ อลข่านครั้ง ที่ 2 คอื 1. ตรุ กเี หลอื ดนิ แดนเพียงสว่ นนอ้ ยในทวีปยุโรป คือดินแดนรอบ ๆ อาเดรียโนเปิล และรอบ ๆ กรุงอิสตนั บูล 2. ทําให้เกิดประเทศอัลแบเนียที่อ่อนแอและ เกิดความบาดมหางกันระหว่างเซอร์เบียกับ ออสเตรยี -ฮงั การี 3. เซอร์เบียกับมอนเตเนโกร ได้รับดินแดน เพ่มิ เตมิ
Search