คู่มอื ครูปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ๔. จานวนนักเรยี นและห้องเรียน ระดบั ชั้นเรยี น จานวนหอ้ ง เพศ รวม เฉลย่ี ชาย หญิง ตอ่ หอ้ ง อนุบาล ๑ ๑ 24 6 ๑:6 อนบุ าล ๒ ๑ 93 12 ๑:๑2 อนบุ าล ๓ ๑ 55 10 ๑:10 รวมอนบุ าล ๓ 16 12 28 ๑:9 ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑ 89 17 ๑:17 ประถมศึกษาปีท่ี ๒ ๑ 4 10 14 ๑:14 ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๑ 84 12 ๑:๑2 ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๑ 98 17 ๑:17 ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ๑ 48 12 ๑:12 ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๑ 9 11 20 ๑:20 รวมประถม ๖ 42 50 92 1:15 รวมทงั้ หมด ๙ 58 62 120 1:13 ข้อมลู นักเรยี นเพอ่ื การพฒั นาการอา่ นออกเขียนได้ ปี ๒๕๖๓ จานวนนักเรยี นแยกตามระดับคะแนน จานวนนกั เรยี น การอา่ น การเขยี น บกพ ่รอง.. ีดมาก ีด พอใช้ ควรป ัรบปรุง ปรับป ุรง เ ่รง ่ดวน อ่านไม่ออก/ อ่านไม่คล่อง ีดมาก ีด พอใช้ ควรป ัรบป ุรง ปรับป ุรง เร่ง ่ดวน เขียนไม่ไ ้ด/ เขียนไม่ค ่ลอง ชน้ั ทั้งช้ัน ปกติ 11 2 2 - - - ป.๑ 15 15 - 13 2 - - - - 3 7- - - - ป.๒ 10 10 - 8 2 - - - - 4 81 - - - ป.๓ 16 13 3 13 - - - - - 2 9- - - - ป.๔ 11 11 - 6 5 - - - - 12 4 - - - - ป.๕ 19 16 3 15 1 - - - - 13 1 - - - - ป.๖ 15 14 1 13 1 - - - - 45 31 3 - - - รวม 86 79 7 68 11 - - - - ขอ้ มลู บุคลากรและจานวนนกั เรยี น ( ๑๐ ม.ิ ย. ) ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ มนี กั เรียน ๑๑๗ คน ครู ๘ คน ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มนี ักเรยี น ๑๒๑ คน ครู ๙ คน ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ มีนกั เรียน ๑๒๐ คน ครู ๖ คน โรงเรียนบ้านมาบคลา้ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๔๘
คมู่ อื ครูปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ทาเนียบผบู้ รหิ ารโรงเรียนบ้านมาบคลา้ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ - ปัจจุบนั ท่ี ชือ่ นามสกุล การมาดารงตาแหน่ง ตาแหนง่ หมายเหตุ ๑. นายฟู แสนอุดม ๒. นายชชู าติ คุณารกั ษ์ ๑๔ ก.ค. ๒๔๙๘ – ๒๕๑๓ ครใู หญ่ ๓. นายสพุ จน์ ศรีพัฒนาโนทยั ๒๕๑๓ - ๒๕๑๙ ครใู หญ่ ๔. นายกิติ ศรีบณั ฑิต ๒๕๑๙ - ๒๕๒๔ ครูใหญ่ ๒๕๒๔ - ๒๕๔๗ อาจารยใ์ หญ่ ๕. นางสาวบญุ เออื้ เอยี่ มรตั น์ ๒๕๔๗ - ๒๕๕๑ ผอู้ านวยการโรงเรยี น ๖. นางปริญญา พีรปรชั ญา ๒๕๕๑ - ๒๕๕๙ ผ้อู านวยการโรงเรยี น ๗. นายวรพฒั น์ พรรตั นกจิ กลุ ๒๕๕๙ – ๒๕๖๒ ผู้อานวยการโรงเรียน 2563 – ปจั จบุ นั ผู้อานวยการโรงเรียน ทาเนียบครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนบ้านมาบคลา้ ท่ี ชื่อ นามสกลุ การมาดารงตาแหน่ง ตาแหน่ง หมายเหตุ ๑. นายวรพฒั น์ พรรัตนกจิ กลุ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ – ปัจจบุ ัน ชานาญการ(ค.ศ.๒) ๒. นางออ้ สงแพง ๑๖ตุลาคม - ๒๕๕๕ - ปจั จบุ ัน ผอู้ านวยการโรงเรียน ชานาญการ ๓. นางสาวศิริพร บญุ ส่ง ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗-ปจั จบุ นั ค.ศ.๑ ๔. นางสาววัชรนิ พร หลม่ วงษ์ ๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๑- ปัจจุบัน ครู ครูผ้ชู ่วย ๕. นางสาวนวพร ปาสานัง ๖ มกราคม ๒๕๖๓ – ปจั จบุ นั ครู ครูผ้ชู ่วย ๖. นางสาวมณฑา กนั ทรพนั ธ์ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ -ปัจจุบนั ครูผู้ช่วย พนกั งานราชการ ๗. นางสาวศศมิ า ปัญจวกิ รม ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐- ปจั จุบนั ครูผู้ช่วย ครอู ัตราจา้ ง พนักงานราชการ ครอู ัตราจา้ ง คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นมาบคลา้ ๑. นายประสาน วงษส์ ุข ประธานกรรมการ ๒. นายวรี ะชน พทิ ักษว์ ศิน กรรมการที่เปน็ ผู้แทนผู้ปกครอง ๓. นางสาวศริ ิพร บุญสง่ กรรมการทีเ่ ป็นผู้แทนครู ๔. นายสมพงษ์ พมิ พ์สกุล กรรมการทเ่ี ป็นผู้แทนองค์กรชุมชน ๕. นายกติ ติกรณ์ เหลอื งอ่อน กรรมการที่เปน็ ผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถ่นิ ๖. นายพลู ศักดิ์ กงั วานสมวงศ์ กรรมการทเ่ี ปน็ ผู้แทนศิษยเ์ ก่า ๗. พระครูประภัทรวริ ยิ าภรณ์ กรรมการทีเ่ ปน็ ผูแ้ ทนพระภิกษุสงฆ์ ๘. นายบุญเลิส ว่องไว กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๙. นายวรพัฒน์ พรรตั นกิจกุล กรรมการและเลขานกุ า โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๔๙
ค่มู อื ครูปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ผูอ้ ุปการะโรงเรยี นบ้านมาบคลา้ ๑. คุณประสทิ ธ์ิ กฤษสิทธกิ ลุ ผู้บริจาคท่ีดินให้สร้างโรงเรยี น ๒. คุณอรณุ วัฒนานกุ จิ ผูร้ ่วมบรจิ าคเงนิ และริเริ่มก่อสร้างโรงเรยี น โรงเรียนบ้านมาบคลา้ สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๕๐
คมู่ ือครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ การยา้ ยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ตาแหน่งครู สังกดั สพฐ. (กรณปี กต)ิ ปี 2564 สพท./สศศ. โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๕๑
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๕๒
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๕๓
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๕๔
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๕๕
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๕๖
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ ประเภทการลา ๑๑ ประเภท และ ก.ค.ศ. ไดก้ าหนดผู้มีอานาจพจิ ารณาหรอื อนุญาต และอานาจพิจารณาหรอื อนุญาตการลา ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการลาประเภทต่าง ๆ ไว้ เรอ่ื งของการลานนั้ มีความเช่อื มโยง ผกู พนั ในด้านการเงนิ หลายประเด็น ท้งั การไดร้ บั เงนิ เดือนระหวา่ งลา การไดร้ ับเงินวทิ ยฐานะ การเลือ่ นข้นั เงินเดือน ซ่งึ จะขอกล่าวไว้ ณ ทีน่ ้ี ตามลาดับดงั น้ี ๑. การลาป่วย ผู้อานวยการสถานศกึ ษา อนุญาตไดค้ รั้งหน่งึ ไม่เกนิ ๖๐ วนั ผอ.สพท. อนุญาต ได้คร้งั หนง่ึ ไมเ่ กนิ ๑๒๐ วนั การลาปว่ ยทรี่ ักษาตัวเป็นเวลานาน ปีหน่งึ ลาโดยไดร้ บั เงินเดือนระหว่างลาได้ไม่ เกิน ๖๐ วันทาการ แตห่ ากหัวหนา้ สว่ นราชการเห็นสมควร ให้จ่ายเงินเดือนต่อไปอกี กไ็ ด้ แตไ่ มเ่ กนิ ๖๐ วันทา การ (รวม ๒ ขนั้ ตอน ไม่เกนิ ๑๒๐ วันทาการ เลขาธกิ าร กพฐ. มอบอานาจให้ ผอ.สพท. มีอานาจพิจารณา อนญุ าตแล้ว) ถา้ เกินไม่ให้ไดร้ ับเงินเดือนระหว่างลา ในสว่ นของเงนิ วิทยฐานะใหเ้ บิกจ่ายเงนิ วทิ ยฐานะระหวา่ ง ลาไดป้ หี น่งึ ไม่เกิน ๖๐ วนั ทาการ หลักเกณฑก์ ารลา -ลาปว่ ยติดตอ่ กันตง้ั แต่ ๓๐ วนั ขนึ้ ไปตอ้ งมีใบรับรองแพทย์ -การลาป่วยไม่ถงึ ๓๐ วัน ไมว่ า่ จะเปน็ ครงั้ เดยี ว หรอื หลายคร้งั ติดต่อกัน ถ้าผู้มอี านาจอนุญาตเห็นสมควรจะส่ังใหม้ ใี บรบั รองแพทย์ หรือสั่งให้ผู้ลาไปรบั การ ตรวจจากแพทยข์ องทางราชการ เพอ่ื ประกอบการพิจารณาอนุญาตกไ็ ด้ -มีสิทธไิ ดร้ ับเงินเดอื นระหวา่ งลาปว่ ยปีหนง่ึ ได้ ๖๐-๑๒๐ วนั การเสนอหรือจัดสง่ ใบลา -ให้เสนอหรือจดั ส่งใบลาตอ่ ผบุ้ งั คบั บญั ชาตามลาดับ จนถึงผมู้ ีอานาจอนุญาต -ให้เสนอหรอื จัดส่งใบลากอ่ นหรอื ในวนั ลาก็ได้ ยกเว้นในกรณจี าเปน็ จะเสนอหรือจัดสง่ ใบลาในวนั แรก ท่ีมาปฏิบัติราชการก็ได้ -กรณปี ว่ ยจนไมส่ ามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผอู้ นื่ ลาแทนกไ็ ด้ แต่เมอ่ื สามารถลงชอื่ ไดแ้ ลว้ ตอ้ ง เสนอหรือจดั ส่งใบลาโดยเร็ว -การลาปว่ ย แม้จะมีราชการจาเป็นเกดิ ขน้ึ ในระหว่างการลาปว่ ยน้นั ผู้มีอานาจอนุญาตกไ็ ม่สามารถ เรยี กตัวผนู้ ัน้ มาปฏบิ ัตงิ านได้ ท้งั น้เี พราะการลาป่วยเป็นเร่อื งจาเปน็ ๒. การลาคลอดบตุ ร ผอู้ านวยการสถานศึกษา และ ผอ.สพท. อนญุ าตได้ ลาไดไ้ มเ่ กนิ ๙๐ วนั โดยไดร้ ับเงนิ เดือนระหว่างลา และประสงคจ์ ะลากิจสว่ นตวั เพอ่ื เลย้ี งดบู ุตรให้มีสิทธิลาตอ่ เน่อื งจากการลาคลอด บตุ รไดไ้ ม่เกิน ๑๕๐ วันทาการ โดยไมม่ สี ทิ ธไิ ด้รับเงนิ เดอื นระหวา่ งลา ในสว่ นของเงินวทิ ยฐานะให้เบิกจ่ายเงิน วิทยฐานะระหว่างลาไดไ้ ม่เกนิ ๙๐ วัน ๓. การลาไปชว่ ยเหลือภรยิ าท่คี ลอดบุตร ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา และ ผอ.สพท. อนุญาตได้ ครั้งหนึง่ ไม่เกนิ ๑๕ วันทาการ และหากลาภายใน ๓๐ วนั นับแตว่ นั ท่ภี รยิ าคลอดบุตร ใหไ้ ด้รบั เงนิ เดอื น ระหว่างลาได้ไม่เกนิ ๑๕ วนั ทาการ หากลาเม่อื พน้ ๓๐ วันนับแตว่ นั ทีภ่ ริยาคลอดบุตร ไม่ให้ไดร้ ับเงินเดอื น ระหวา่ งลา ในสว่ นของเงินวทิ ยฐานะอยรู่ ะหว่างพจิ ารณากาหนดรายละเอยี ด เนื่องจากเปน็ ประเภทการลาท่ี กาหนดขนึ้ ใหม่ ๔. การลากิจส่วนตัว เปน็ การลาหยุดเพื่อทาธรุ ะ เช่นลากิจเพอื่ ดแู ลรกั ษาผูป้ ว่ ย เป็นต้น ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา อนญุ าตได้คร้งั หนง่ึ ไม่เกนิ ๓๐ วัน ผอ.สพท. อนุญาตไดค้ รงั้ หน่งึ ไม่เกิน ๔๕ วัน ปี หนึ่งลาโดยไดร้ บั เงนิ เดือนระหวา่ งลาไดไ้ ม่เกนิ ๔๕ วันทาการ แต่ในปีท่ีเรม่ิ รบั ราชการ ลาโดยได้รบั เงินเดือน ระหว่างลาได้ไมเ่ กนิ ๑๕ วนั ทาการ การลากิจสว่ นตัวเพ่อื เล้ยี งดูบตุ รตอ่ เนอ่ื งจากการลาคลอดบุตร ลาได้ไมเ่ กนิ ๑๕๐ วันทาการ โดยไมใ่ ห้ไดร้ ับเงินเดอื นระหว่างลา ในส่วนของเงินวิทยฐานะให้เบิกจ่ายเงินวทิ ยฐานะระหวา่ ง โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๕๗
คู่มอื ครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ลาไดป้ ีหนงึ่ ไม่เกิน ๔๕ วนั ทาการ แต่ในปีท่ีเร่ิมรับราชการใหเ้ บกิ จา่ ยเงนิ วทิ ยฐานะระหวา่ งลาได้ไม่เกนิ ๑๕ วนั ทาการ การลากิจสว่ นตวั (ดว้ ยเหตุอ่ืน) มสี ิทธไิ ดร้ ับเงินเดือนระหวางลา เม่ือมรี าชการจาเปน็ เกิดขน้ึ ใน ระหวา่ งลากิจส่วนตัวอย่นู ้นั ผูบ้ ังคับบญั ชาหรือผมู้ ีอานาจอนญุ าตจะเรยี กตวั ผนู้ น้ั มาปฏิบัติงานก็ได้ การลากจิ ส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบตุ ร ขา้ ราชการท่ีลาคลอดบุตร ๙๐ วนั (นับวนั หยดุ ราชการรวมด้วย) โดยได้รับ เงินเดือน มีสทิ ธลิ ากิจสว่ นตัวเพอ่ื เลีย้ งดบู ุตรต่อเนอ่ื งจากการลาคลอดบุตรไมเ่ กนิ ๑๕๐ วนั ทาการ โดยไม่มีสิทธิ ได้รับเงินเดือนระหว่างลา ระหว่างลากจิ สว่ นตวั เพ่ือเล้ียงดบู ุตร แม้จะมรี าชการจาเป็นเกิดขน้ึ ในระหวา่ งลาอยู่ นั้นผู้มอี านาจอนญุ าตก็ไมส่ ามารรถเรยี กตัวผู้นัน้ มาปฏบิ ัติงานได้ การเสนอหรือจดั ส่งใบลา (ลากิจส่วนตัวดว้ ยเหตอุ ื่น หรือเพอ่ื เล้ียงดูบุตร) -ให้เสนอหรอื จดั ส่งใบลาต่อผุบ้ งั คับบัญชาตามลาดับจนถงึ ผูม้ อี านาจอนญุ าต -ต้องได้รบั อนุญาตกอ่ นจึงหยุดราชการได้ เว้นแตม่ ีเหตุจาเป็นไมส่ ามารถรอรับอนุญาตได้ -ให้จัดส่งใบลาพรอ้ มระบเุ หตจุ าเปน็ ไวแ้ ลว้ ลาหยุดไปกอ่ นได้ แต่จะตอ้ งชแี้ จงเหตุผลให้ผมู้ อี านาจอนญุ าต ทราบดดยเร็วหรอื มเี หตพุ ิเศษ ที่ไม่อาจเสนอหรอื จัดสง่ ใบลากอ่ นหยุดได้ เมือ่ หยุดไปแล้วให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาพรอ้ มระบเุ หตุผลความจาเปน็ ตอ่ ผูบ้ ังคบั บญั ชาตามลาดับ จนถงึ ผูม้ ีอานาจอนุญาตทราบในทันทีในวันแรก ท่ีมาปฏิบัตริ าชการ ๕. การลาพกั ผอ่ น ผู้อานวยการสถานศึกษา และ ผอ.สพท. อนุญาตได้ ลาไดป้ ีละ ๑๐ วนั ทา การ หากมิไดล้ าหรือลาไมค่ รบ ให้สะสมรวมกบั ปีตอ่ ๆ ไปได้ไม่เกิน ๒๐ วนั ทาการ แตส่ าหรับผรู้ ับราชการ มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ ปี สะสมได้ไม่เกนิ ๓๐ วนั ทาการ ผู้ปฏบิ ตั ิงานในสถานศึกษาและไดห้ ยดุ ราชการตาม วนั หยุดภาคการศึกษาเกนิ กว่าวนั ลาพักผอ่ น ไมม่ สี ิทธิลาพักผ่อน ในสว่ นของเงนิ วทิ ยฐานะหากลาพักผ่อนเกนิ สทิ ธไิ ม่ให้เบิกจ่ายเงินวิทยฐานะระหวา่ งลา ๖. การลาอปุ สมบทหรอื การลาไปประกอบพธิ ีฮัจย์ สาหรบั ผทู้ ี่รบั ราชการมาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๒ เดอื น หากตัง้ แต่เริ่มรับราชการ ผใู้ ดยงั ไม่เคยอปุ สมบท หรอื ยังไมเ่ คยประกอบพธิ ฮี จั ย์ ให้ผู้นน้ั ลาอปุ สมบท หรือลาไปประกอบพิธฮี ัจย์ แลว้ แตก่ รณี ไดไ้ มเ่ กนิ ๑๒๐ วัน โดยได้รับเงินเดือนระหวา่ งลา หวั หน้าส่วนราชการ พจิ ารณาอนุญาต (เลขาธิการ กพฐ. มอบอานาจให้ ผอ.สพท. มอี านาจพิจารณาอนุญาตแล้ว) ในสว่ นของเงิน วิทยฐานะใหเ้ บกิ จ่ายเงินวิทยฐานะระหวา่ งลาไดไ้ ม่เกนิ ๖๐ วัน -เม่ือปฏิบตั ิงานครบ ๑ ปี สามารถลาอปุ สมบทและประกอบพิธฮี จั ยไ์ ด้ -ต้งั แตแ่ รกเขา้ รับการบรรจุสามารถลาอุปสมบทได้แคเ่ พยี งครั้งเดยี ว -การลาหยุดกอ่ นวันอุปสมบทหรอื กอ่ นวนั เดนิ ทางไดไ้ มเ่ กิน ๑๐ วนั -การลาอุปสมบทตอ้ งมหี นงั สอื รับรองจากเจ้าอาวาสหรือผู้แทนวดั กอ่ น -การไปประกอบพิธีฮัจย์เมือ่ ลาสกิ ขาบทหรอื เดนิ ทางกลับเขา้ ประเทศไทยแลว้ ต้องกลับเข้าปฏิบตั ิงาน ภายใน ๕ วนั -กรณีกลับเข้าปฏิบัติงานให้รายงานตัวพรอ้ มหนงั สอื รบั รองจากเจา้ อาวาส -กรณีกลับเข้าปฏบิ ัตงิ านใหร้ ายงานตัวพรอ้ มหนงั สอื รบั รองหรือเอกสารแสดงวา่ เดนิ ทางถึงประเทศ ไทย ในกรณีไปประกอบพิธฮี จั ย์ ๗. การลาเขา้ รับการตรวจเลือกหรือเขา้ รับการเตรยี มพล ลาได้โดยไดร้ ับเงินเดือนระหวา่ งลา แตเ่ ม่อื ครบกาหนดแลว้ ไมม่ ารายงานตัวเพ่อื เขา้ ปฏิบัตริ าชการภายใน ๗ วัน ใหง้ ดจ่ายเงินเดอื นไวจ้ นถึงวันเข้า โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๕๘
คมู่ อื ครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ปฏิบตั ิราชการ แต่หากหวั หน้าสว่ นราชการเหน็ สมควร ใหจ้ า่ ยเงนิ เดือนตอ่ ไปอกี ก็ได้ แตไ่ มเ่ กนิ ๑๕ วัน หัวหน้า ส่วนราชการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของเงินวิทยฐานะใหเ้ บกิ จ่ายเงินวทิ ยฐานะระหวา่ งลาไดไ้ ม่เกิน ๖๐ วัน ๘. การลาไปศกึ ษา ฝึกอบรม ปฏิบัตกิ ารวิจยั หรอื ดูงาน ให้ได้รบั เงนิ เดือนระหว่างลาได้ไม่เกนิ ๔ ปนี บั แต่วันไป จนถึงวนั ก่อนวนั มารายงานตวั เพอื่ เขา้ ปฏบิ ัตริ าชการ หากผอู้ นุญาตเห็นสมควรใหล้ าเกนิ ๔ ปี ก็ได้ แต่รวมแลว้ ตอ้ งไม่เกนิ ๖ ปี ในประเทศผ้อู านวยการสถานศึกษา และ ผอ.สพท. อนญุ าตได้ ต่างประเทศ หวั หน้าสว่ นราชการพิจารณาอนญุ าต ในส่วนของเงินวทิ ยฐานะให้เบกิ จา่ ยเงนิ วทิ ยฐานะระหวา่ งลาได้ไมเ่ กิน ๖๐ วนั ๙. การลาไปปฏิบตั งิ านในองค์การระหวา่ งประเทศ ลาไดโ้ ดยไมใ่ ห้ได้รบั เงินเดือนระหวา่ งลา เวน้ แตอ่ ัตราเงินเดือนที่ไดร้ ับจากองค์การระหว่างประเทศต่ากวา่ อตั ราเงินเดอื นของทางราชการ ให้ไดร้ บั เงินเดอื นจากทางราชการสมทบ รวมแลว้ ไม่เกนิ อตั ราเงนิ เดือนของทางราชการท่ไี ด้รบั อย่ใู นขณะน้ัน รฐั มนตรี เจ้าสงั กัดพจิ ารณาอนญุ าต ในสว่ นของเงนิ วิทยฐานะไม่ให้เบิกจา่ ยเงนิ วทิ ยฐานะระหวา่ งลา ๑๐. การลาติดตามคู่สมรส (คู่สมรสไปปฏบิ ัติหน้าทรี่ าชการในตา่ งประเทศ) ลาไดโ้ ดยไมใ่ ห้ไดร้ บั เงนิ เดือนระหว่างลา เป็นเวลาไมเ่ กนิ ๒ ปี กรณีจาเปน็ อาจอนญุ าตใหล้ าตอ่ ไดอ้ กี ๒ ปี แตร่ วมแล้วต้องไม่เกนิ ๔ ปี ถา้ เกิน ๔ ปี ให้ลาออกจากราชการ หวั หนา้ ส่วนราชการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของเงนิ วทิ ยฐานะไม่ให้ เบกิ จ่ายเงนิ วิทยฐานะระหวา่ งลา ๑๑. การลาไปฟื้นฟสู มรรถภาพด้านอาชีพ สาหรับผ้ไู ดร้ ับอนั ตรายหรือการเจบ็ ปว่ ยเพราะเหตุ ปฏบิ ัตริ าชการในหนา้ ท่ี หรือถูกประทษุ รา้ ยเพราะเหตุกระทาการตามหนา้ ท่ี จนทาให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือ พิการ ลาไปเขา้ รับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟืน้ ฟสู มรรถภาพที่จาเปน็ ต่อการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ หรือท่ีจาเปน็ ต่อการประกอบอาชีพ ลาได้ตามระยะเวลาทกี่ าหนดในหลักสตู ร โดยได้รบั เงนิ เดอื นระหวา่ งลา แต่ต้องไม่เกนิ ๑๒ เดอื น หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาอนญุ าต ในส่วนของเงินวิทยฐานะอยู่ระหว่างพจิ ารณา กาหนดรายละเอียด เน่ืองจากเปน็ ประเภทการลาทกี่ าหนดขน้ึ ใหม่ มขี ้อสงั เกตในการนับระยะเวลา บางแหง่ จะนบั เปน็ วัน แต่บางแหง่ จะนับเปน็ วันทาการ ผเู้ ก่ียวขอ้ ง ตอ้ งระมดั ระวงั อยา่ ให้ผิดพลาด ยกตวั อย่าง การลาป่วย อานาจการอนญุ าตจะอนญุ าตเปน็ “วนั ” น่นั หมายความวา่ ใหน้ บั วันหยุดราชการไว้ในหว้ งเวลาของอานาจการอนญุ าตด้วย สว่ นการลานับเป็น “วันทา การ” หมายความว่าไมน่ ับวันหยดุ ราชการ เช่น ผู้อานวยการโรงเรียนอนญุ าตใหค้ รลู าปว่ ย ระหวา่ งวนั ท่ี ๑ - ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ เป็นการใช้อานาจอนุญาต ๓๐ วนั แตเ่ วลานบั วนั ลาของผู้ไดร้ ับอนญุ าต จะเป็นการใช้ สิทธิในการลา ๒๑ วนั ทาการ เป็นตน้ ดงั นั้น ตรงไหนเป็น “วัน” ตรงไหนเปน็ “วันทาการ” ตอ้ งพจิ ารณาให้ถ่ี ถ้วนอยา่ ใหพ้ ลาด เพราะอาจทาใหเ้ สียสิทธิบางอยา่ งได้ คราวน้มี าดใู นเร่อื งการเลอ่ื นขั้นเงนิ เดือนกันบ้าง กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเล่ือนข้นั เงนิ เดือนของ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดก้ าหนดสทิ ธใิ นการลากบั การเลือ่ นขน้ั เงินเดอื นในแต่ ละรอบ (ครง่ึ ปี) ไว้ อาทิ ในครง่ึ ปีทแ่ี ล้วมามีวนั ลา (ลาปว่ ย+ลากจิ สว่ นตัว) ไมเ่ กิน ๒๓ วันทาการ ลาคลอดบุตร ไม่เกนิ ๙๐วนั ลาปว่ ยซง่ึ จาเป็นต้องรกั ษาตัวเป็นเวลานานคราวเดยี วหรอื หลายคราวรวมกันไม่เกิน๖๐วนั ทาการ เกณฑก์ ารลาบ่อยครัง้ -ปฏิบัตงิ านในโรงเรยี น ลาเกิน ๖ คร้งั เกณฑ์การมาสายเนือ่ งๆ -ปฏิบตั งิ านในโรงเรยี น สายเกิน ๘ คร้งั ขอ้ พึงระวงั -ลาเกนิ (ลาบ่อยครง้ั ) เกนิ จานวนคร้งั ทก่ี าหนด ไม่ไดเ้ ล่ือนข้ันเงนิ เดือน โรงเรยี นบ้านมาบคล้า สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๕๙
คมู่ ือครปู กี ารศึกษา ๒๕๖๔ เว้นแต่วนั ลาไมเ่ กนิ ๑๕ วัน และมผี ลการปฏิบตั งิ านดเี ด่น อาจผ่อนผันให้เลอื่ นข้ันเงินเดอื นได้ -มาทางานสายเน่ืองๆ ไม่ไดเ้ ลอื่ นขนั้ เงินเดอื น -ลาปว่ ย+ลากิจส่วนตวั เกนิ กว่า ๒๓ วันทาการ ไม่ได้เลอ่ื นขนั้ เงนิ เดือน มาตรฐานวชิ าชีพครู มาตรฐานวิชาชพี ครูประกอบดว้ ยมาตรฐาน ๓ ดา้ น ดงั ต่อไปน้ี ๑. มาตรฐานความรู้และประสบการณว์ ชิ าชพี ๒. มาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน ๓. มาตรฐานการปฏบิ ตั ิตน (จรรยาบรรณของวชิ าชีพ) โดยจรรยาบรรณของวิชาชีพไดม้ กี ารกาหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี เพ่อื ประมวล พฤติกรรมทเี่ ปน็ ตัวอยา่ งของการประพฤตปิ ฏิบัติ ประกอบด้วย พฤติกรรมทพี่ งึ ประสงค์ และพฤตกิ รรมท่ไี มพ่ ึง ประสงค์ โรงเรียนบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๖๐
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๖๑
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๒
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๓
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๔
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๕
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๖๖
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๗
ค่มู ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๖๘
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๖๙
คูม่ ือครูปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ๑. ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา ตอ้ งมวี นิ ยั ในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชพี บุคลกิ ภาพ และ วิสัยทศั น์ ใหท้ ันตอ่ การพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมอื งอยเู่ สมอ จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ ๒. ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ต้องรกั ศรทั ธา ซ่ือสตั ยส์ ุจริต รบั ผดิ ชอบต่อวชิ าชีพ และเป็น สมาชิกท่ีดีขององคก์ รวิชาชีพ จรรยาบรรณตอ่ ผู้รบั บรกิ าร ๓. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื สง่ เสริม ใหก้ าลังใจแก่ศิษย์ และผ้รู ับบรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ทีโ่ ดยเสมอหนา้ ๔. ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา ต้องสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ ทกั ษะ และนสิ ัยทถี่ ูกต้องดีงามแก่ ศษิ ย์และผ้รู ับบริการ ตามบทบาทหนา้ ท่อี ย่างเตม็ ความสามารถด้วยความบริสุทธใ์ิ จ ๕. ผูป้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนเปน็ แบบอย่างที่ดี ทัง้ ทางกาย วาจา และจิตใจ ๖. ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา ตอ้ งไมก่ ระทาตนเป็นปฏปิ ักษต์ ่อความเจริญทางกาย สติปญั ญา จิตใจ อารมณ์ และสงั คมของศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร ๗. ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ตอ้ งให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรยี กรับหรือ ยอมรับผลประโยชนจ์ ากการใช้ตาแหนง่ หนา้ ท่โี ดยมิชอบ จรรยาบรรณต่อผ้รู ่วมประกอบวิชาชีพ ๘. ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา พงึ ช่วยเหลอื เก้อื กูลซึ่งกนั และกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยดึ มั่นใน ระบบคุณธรรม สรา้ งความสามัคคีในหมคู่ ณะ จรรยาบรรณตอ่ สังคม ๙. ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา พงึ ประพฤติปฏิบตั ติ นเป็นผู้นาในการอนรุ กั ษ์และพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภมู ิปัญญา สิ่งแวดลอ้ ม รักษาผลประโยชน์ของสว่ นรวมและยดึ มน่ั ในการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๗๐
ค่มู อื ครูปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ แบบแผนพฤตกิ รรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี “ครู” จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง ๑. ครูต้องมวี นิ ัยในตนเอง พฒั นาตนเองดา้ นวชิ าชีพ บุคลิกภาพ และวสิ ยั ทัศน์ ใหท้ ันตอ่ การ พฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่เู สมอ โดยต้องประพฤติและละเวน้ การประพฤติตาม แบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้ พฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ (๑) ประพฤตติ นเหมาะสมกับสถานภาพและเปน็ (๑) เกีย่ วข้องกบั อบายมขุ หรือเสพสงิ่ เสพติดจนขาด แบบอย่างทดี่ ี สติหรอื แสดงกิริยาไม่สภุ าพเปน็ ที่นา่ รงั เกียจในสังคม (๒) ประพฤติตนเป็นแบบอย่างทดี่ ใี นการดาเนนิ ชีวติ (๒) ประพฤตผิ ดิ ทางชู้สาวหรือมพี ฤติกรรมลว่ งละเมิด ตามประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ทางเพศ (๓) ปฏบิ ัตงิ านตามหนา้ ท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย (๓) ขาดความรบั ผิดชอบ ความกระตือรอื รน้ ความ ให้สาเร็จอย่างมคี ุณภาพตามเป้าหมายท่กี าหนด เอาใจใส่ จนเกดิ ความเสยี หายในการปฏิบตั ิงานตาม (๔) ศึกษา หาความรู้ วางแผนพฒั นาตนเอง พัฒนา หนา้ ท่ี งาน และสะสมผลงานอย่างสมา่ เสมอ (๔) ไม่รบั รหู้ รอื ไมแ่ สวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการ (๕) ค้นควา้ แสวงหา และนาเทคนคิ ดา้ นวชิ าชพี ท่ี จัดการเรยี นรู้ และการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี พฒั นาและก้าวหน้าเปน็ ทีย่ อมรบั มาใชแ้ กศ่ ษิ ย์และ (๕) ขดั ขวางการพฒั นาองค์การจนเกดิ ผลเสยี หาย ผรู้ ับบริการใหเ้ กดิ ผลสัมฤทธ์ิทพี่ งึ ประสงค์ จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. ครตู อ้ งรกั ศรทั ธา ซือ่ สัตย์สุจรติ รับผดิ ชอบตอ่ วชิ าชีพ และเป็นสมาชิกท่ดี ีขององค์กรวชิ าชพี โดยตอ้ ง ประพฤติและละเว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี พฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ พฤติกรรมท่ีไม่พงึ ประสงค์ (๑) แสดงความชื่นชมและศรทั ธาในคุณค่าของวิชาชีพ (๑) ไมแ่ สดงความภาคภมู ิใจในการประกอบวิชาชีพ (๒) รกั ษาช่อื เสียงและปกปอ้ งศกั ดิ์ศรแี ห่งวชิ าชพี (๒) ดหู มิ่น เหยยี ดหยาม ใหร้ า้ ยผ้รู ่วมประกอบ (๓) ยกย่องและเชิดชูเกยี รติผมู้ ีผลงานในวชิ าชีพ ให้ วิชาชพี ศาสตร์ในวิชาชพี หรอื องคก์ รวิชาชพี สาธารณชนรับรู้ (๓) ประกอบการงานอน่ื ท่ีไมเ่ หมาะสมกบั การเป็นผู้ (๔) อทุ ิศตนเพอื่ ความกา้ วหนา้ ของวชิ าชพี ประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา (๕) ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีดว้ ยความรับผิดชอบ ซื่อสตั ยส์ ุจริต (๔) ไม่ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ไม่รบั ผิดชอบ หรือไม่ปฏิบัติตาม ตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของทางราชการ กฎ ระเบียบ หรอื แบบแผนของทางราชการจน (๖) เลอื กใช้หลักวิชาท่ถี ูกต้อง สร้างสรรค์เทคนคิ กอ่ ให้เกดิ ความเสียหาย วิธกี ารใหม่ ๆ เพือ่ พฒั นาวิชาชพี (๕) คัดลอกหรือนาผลงานของผอู้ ่ืนมาเปน็ ของตน (๗) ใช้องคค์ วามรูห้ ลากหลายในการปฏิบัติหนา้ ที่ (๖) ใช้หลกั วชิ าการท่ีไมถ่ ูกตอ้ งในการปฏบิ ัติวชิ าชีพ และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กบั สมาชกิ ในองคก์ าร ส่งผลให้ศษิ ยห์ รือผู้รบั บริการเกิดความเสยี หาย (๘) เข้าร่วมกิจกรรมของวชิ าชีพหรือองค์กรวิชาชีพ (๗) ใช้ความรทู้ างวิชาการ วิชาชพี หรอื อาศยั องคก์ ร อย่างสร้างสรรค์ วิชาชีพแสวงหาประโยชน์เพอ่ื ตนเองหรือผ้อู ่ืนโดยมิ ชอบ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๗๑
คูม่ อื ครปู ีการศกึ ษา ๒๕๖๔ จรรยาบรรณตอ่ ผูร้ ับบริการ ๓. ครูต้องรกั เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื ส่งเสริม ให้กาลังใจแกศ่ ิษยแ์ ละผูร้ ับบรกิ าร ตามบทบาทหน้าทโี่ ดย เสมอหน้า ๔. ครูต้องส่งเสรมิ ให้เกิดการเรียนรู้ ทกั ษะ และนสิ ัยที่ถูกตอ้ งดีงามแก่ศิษย์และผรู้ บั บรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ที่ อยา่ งเตม็ ความสามารถด้วยความบรสิ ทุ ธิใ์ จ ๕. ครตู ้องประพฤติตนเปน็ แบบอยา่ งท่ีดี ทง้ั ทางกาย วาจา และจติ ใจ ๖. ครตู อ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ตอ่ ความเจรญิ ทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสงั คมของศิษยแ์ ละ ผรู้ ับบรกิ าร ๗. ครูตอ้ งใหบ้ ริการด้วยความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรบั หรือยอมรบั ผลประโยชน์ จากการใชต้ าแหนง่ หนา้ ท่โี ดยมชิ อบ โดยตอ้ งประพฤตแิ ละละเว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤติกรรม ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี พฤตกิ รรมท่พี ึงประสงค์ พฤตกิ รรมท่ไี ม่พงึ ประสงค์ (๑) ให้คาปรึกษาหรอื ชว่ ยเหลอื ศิษย์และผู้รับบรกิ าร (๑) ลงโทษศิษยอ์ ยา่ งไมเ่ หมาะสม ดว้ ยความเมตตากรุณาอย่างเต็มกาลงั ความสามารถ (๒) ไมใ่ ส่ใจหรอื ไมร่ บั รูป้ ัญหาของศษิ ย์หรอื ผ้รู บั บริการ และเสมอภาค จนเกิดผลเสียหายตอ่ ศษิ ย์หรือผรู้ บั บริการ (๒) สนบั สนุนการดาเนินงานเพือ่ ปกป้องสทิ ธิเดก็ (๓) ดูหม่นิ เหยยี ดหยามศิษย์หรือผรู้ ับบรกิ าร เยาวชน และผูด้ ้อยโอกาส (๔) เปิดเผยความลับของศิษย์หรอื ผูร้ ับบรกิ ารเป็นผล (๓) ตงั้ ใจ เสียสละ และอทุ ศิ ตนในการปฏิบัติหนา้ ท่ี ใหไ้ ด้รบั ความอบั อายหรอื เสื่อมเสียชื่อเสยี ง เพอ่ื ให้ศษิ ย์และผู้รบั บริการไดร้ บั การพฒั นาตาม (๕) จงู ใจ โน้มนา้ ว ยยุ งส่งเสรมิ ใหศ้ ษิ ยห์ รือ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละ ผู้รบั บริการปฏิบัติขัดต่อศีลธรรมหรอื กฎระเบียบ บุคคล (๖) ชกั ชวนใช้จา้ งวานศษิ ย์หรือผู้รบั บรกิ ารใหจ้ ัดซือ้ (๔) สง่ เสริมให้ศษิ ย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหา จัดหาส่งิ เสพตดิ หรอื เข้าไปเกี่ยวข้องกบั อบายมุข ความรไู้ ด้ดว้ ยตนเองจากสอื่ อปุ กรณ์ และ แหล่ง (๗) เรยี กร้องผลตอบแทนจากศษิ ย์หรือผรู้ ับบรกิ ารใน เรยี นรู้อยา่ งหลากหลาย งานตามหนา้ ที่ท่ีต้องให้บรกิ าร (๕) ให้ศิษยแ์ ละผู้รบั บริการ มสี ่วนร่วมวางแผนการ เรียนรู้ และเลอื กวิธีการปฏิบตั ทิ ี่เหมาะสม กบั ตนเอง (๖) เสรมิ สร้างความภาคภมู ใิ จให้แกศ่ ิษย์และ ผรู้ บั บริการด้วยการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ยกย่อง ชมเชย และให้กาลงั ใจอย่างกลั ยาณมิตร โรงเรยี นบ้านมาบคล้า สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๗๒
คมู่ อื ครูปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชพี ๘. ครพู งึ ช่วยเหลอื เก้ือกูลซง่ึ กนั และกนั อย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมน่ั ในระบบคุณธรรม สรา้ งความสามคั คีในหมู่ คณะ โดยพงึ ประพฤตแิ ละละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤตกิ รรม ดังตัวอย่างต่อไปน้ี พฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ พฤติกรรมที่ไมพ่ ึงประสงค์ (๑) เสียสละ เออื้ อาทร และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผูร้ ่วม (๑) ปดิ บงั ข้อมลู ขา่ วสารในการปฏิบตั ิงาน จนทาให้ ประกอบวชิ าชีพ เกดิ ความเสียหายตอ่ งานหรอื ผรู้ ว่ มประกอบวิชาชีพ (๒) มีความรัก ความสามคั คี และร่วมใจกันผนกึ (๒) ปฏิเสธความรับผดิ ชอบ โดยตาหนิ ให้ร้ายผ้อู ่ืนใน กาลงั ในการพฒั นาการศึกษา ความบกพรอ่ งท่เี กดิ ข้นึ (๓) สร้างกลุ่มอิทธพิ ลภายในองค์การหรือกลั่นแกลง้ ผ้รู ว่ มประกอบวิชาชีพให้เกดิ ความเสียหาย (๔) เจตนาใหข้ อ้ มูลเท็จทาใหเ้ กิดความเข้าใจผิดหรือ เกดิ ความเสียหายตอ่ ผู้ร่วมประกอบวชิ าชพี (๕) วิพากษ์ วิจารณผ์ ูร้ ่วมประกอบวชิ าชพี ในเรือ่ งท่ี ก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายหรือแตกความสามัคคี จรรยาบรรณตอ่ สงั คม ๙. ครูพึงประพฤติปฏิบตั ติ นเปน็ ผู้นาในการอนุรกั ษ์และพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภมู ิ ปญั ญา สงิ่ แวดล้อม รักษาผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและยึดม่นั ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อย่าง ตอ่ ไปน้ี พฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ (๑) ยดึ ม่ัน สนับสนนุ และส่งเสริมการปกครอง (๑) ไม่ใหค้ วามรว่ มมอื หรอื สนบั สนนุ กิจกรรมของ ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ชุมชนทจี่ ดั เพอ่ื ประโยชน์ต่อการศึกษาทั้งทางตรงหรอื ประมุข ทางออ้ ม (๒) นาภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ และศลิ ปวัฒนธรรมมาเป็น (๒) ไมแ่ สดงความเป็นผ้นู าในการอนรุ ักษ์หรอื พฒั นา ปัจจยั ในการจดั การศึกษาให้เปน็ ประโยชนต์ ่อสว่ นรวม เศรษฐกจิ สงั คม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรมภมู ปิ ัญญา (๓) จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ ให้ศษิ ย์เกิดการเรียนรูแ้ ละ หรอื สิง่ แวดลอ้ ม สามารถดาเนินชวี ติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง (๓) ไมป่ ระพฤติตนเป็นแบบอย่างทดี่ ีในการอนุรกั ษ์ (๔) เปน็ ผนู้ าในการวางแผนและดาเนินการเพ่ือ หรือพัฒนาสงิ่ แวดล้อม อนุรักษ์สิ่งแวดลอ้ มพฒั นาเศรษฐกจิ ภมู ิปญั ญา (๔) ปฏิบัตติ นเปน็ ปฏปิ กั ษต์ อ่ วฒั นธรรมอนั ดงี ามของ ทอ้ งถิ่น และศิลปวัฒนธรรม ชมุ ชนหรือสังคม โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๗๓
คูม่ ือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ จรรยาบรรณตอ่ อาชพี ผ้ทู ่อี ยูใ่ นวงวชิ าชพี จะต้องยดึ ถอื จรรยาบรรณ ในการดารงวิชาชพี ใหเ้ ป็นที่ยอมรบั คือ ๑. ศรัทธาต่อวชิ าชีพ ผู้ท่อี ยู่ในวงการวิชาชพี ครู ต้องมีความรักและศรัทธาตอ่ วชิ าชพี ครู เห็นวา่ อาชพี ครูเปน็ อาชีพทม่ี ีคุณค่า มปี ระโยชนต์ ่อประเทศชาติ ในฐานะทเี่ ป็นอาชพี ท่ีสรา้ งคนให้มีความรคู้ วามสามารถ และเป็นคนท่ีพงึ ประสงค์ของสงั คม ผ้อู ยู่ในวชิ าชพี จะตอ้ งมนั่ ใจ ในกาประกอบวิชาชพี นด้ี ้วยความรกั และช่ืน ชมในความสาคญั ของวชิ าชพี ๒. ธารงและปกป้องวชิ าชีพ สมาชกิ ของสังคมวิชาชีพตอ้ งมจี ติ สานกึ ในการธารง ปกป้อง และรกั ษา เกยี รตภิ ูมิของวชิ า ไมใ่ หใ้ ครมาดหู มิน่ ดูแคลน หรอื เหยยี บยา่ ทาให้สถานะของวิชาชีพตอ้ งตกตา่ หรือ มัวหมอง การธารงปกปอ้ งต้องกระทาทนั ทเี มื่อเกิดเหตุการณ์ท่ไี ม่พึงปรารถนาหรอื ต้องมีการแกไ้ ขขา่ วหรอื ประท้วงหากมี ขา่ วคราวอนั ก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายต่อวิชาชพี ๓. พฒั นาองค์ความร้ใู นวชิ าชพี หนา้ ทีข่ องสมาชิกในวงการวิชาชพี คือ การที่ตอ้ งรับผิดชอบใน การศึกษา คน้ คว้าวิจยั สรา้ งความร้แู ละเผยแพรค่ วามรู้ เพื่อทาให้วทิ ยาการในศาสตร์สาขาวิชาชีพครูกา้ วหนา้ ทันสงั คมทนั เหตุการณ์ กอ่ ประโยชน์ต่อประชาชนในสังคม ทาให้คนเก่ง และฉลาดขน้ึ โดยวธิ ีการเรียนการสอน ทีก่ ระตนุ้ ให้ผเู้ รยี นรักเรียน ใฝ่รู้ ช่างคดิ ทีวจิ ารณญาณ มบี ุคลกิ ภาพท่พี ึงประสงค์ มากข้ึน ๔. สรา้ งองคก์ รวชิ าชพี ให้แขง็ แกรง่ สมาชิกในวงวิชาชพี ต้องถือเปน็ หน้าทท่ี ่ีจะต้องสรา้ งองค์กร วชิ าชีพให้คงมน่ั ธารงอยูไ่ ด้ดว้ ยการเป็นสือ่ กลางระหว่างสมาชกิ และเปน็ เวทใี ห้คนในวงการได้แสดง ฝีมือและ ความสามารถทางการสร้างรูปแบบใหม่ของการเรยี นการสอนตลอดจนการเผยแพรผ่ ลงานทางด้านการสร้าง แบบเรยี นใหม่ ๆ การเสนอแนวความคิดห่าในเรอ่ื งของการพฒั นาคน การเรยี นการสอน และการประเมนิ ผล ๕. รว่ มมือในกิจกรรมขององค์กรวิชาชพี สมาชกิ ในสงั คมวิชาชพี ตอ้ งร่วมมอื กันในการจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ การเคล่ือนไหวในเรอื่ งของความคิด หรอื การจดั ประชมุ สัมมนา แลกเปลีย่ นแนวความคิดเพือ่ กระต้นุ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง กจิ กรรมตา่ ง ๆ ขององคก์ ร หากไม่ไดร้ บั ความสนับสนุนจากสมาชิกแลว้ ทาให้ องค์กรวชิ าชีพขาดความสาคญั ลงและไมส่ ามารถดาเนินภารกิจขององค์กรวิชาชีพต่อไปไดบ้ ทบาทของการธาดง มาตรฐานและการสง่ เสรมิ ความกา้ วหน้าทางวิชาการก็ยอ่ มจะลดลงด้วย ถ้าไมม่ ปี ริมาณสมาชกิ ท่ีสนับสนนุ เพยี งพอ จรรยาบรรณต่อผู้เรียน ครูจะตอ้ งมคี วามประพฤตปิ ฏบิ ัตติ อ่ ผเู้ รยี น ๙ ประการ คือ ๑. ต้งั ใจถา่ ยทอดวิชาการ บทบาทของครตู อ้ งพยายามท่ีจะทาให้ลูกศษิ ยเ์ รยี นดว้ ยความสขุ เรยี นดว้ ย ความเข้าใจ และเกดิ ความมานะพยายามทจ่ี ะรใู้ นศาสตร์นน้ั ครูจงึ ต้องตงั้ ใจอยา่ งเต็มทที่ ่ีจะศกึ ษาวิชาการท้งั ทางศาสตรท์ จ่ี ะสอน ศาสตร์ที่จะถ่ายทอดหรือวธิ ีการสอน ครูตอ้ งพยายามทีจ่ ะหาวธิ ีการใหม่ ๆ มาลองทดลอง สอน ๒. รกั และเขา้ ใจศิษย์ ครตู ้องพยายามศกึ ษาธรรมชาติของวยั รุน่ วา่ มปี ญั หามคี วามไวตอ่ ความรูส้ ึก (sensitve) และอารมณ์ไมม่ ัน่ คง ครจู งึ ควรให้อภัย เข้าใจ และหาวิธีการใหศ้ ิษย์ปรับเปล่ียนพฤติกรรมอนั ไมพ่ งึ ประสงค์ครูตอ้ งพยายามทาให้ลูกศิษย์รักและไว้ใจเพอ่ื ท่จี ะได้กลา้ ปรึกษาในสงิ่ ต่างๆแล้วครูก็จะสามารถช่วยให้ ศิษยป์ ระสบความสาเร็จในการเรยี น และการดารงชวี ิตไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๓.ส่งเสริมการเรียนรู้ปัจจุบนั การสง่ เสริมให้ผู้เรียนค้นควา้ หาคาตอบด้วยตนเองหรอื การเรยี นรู้จากการ ชว่ ยเหลือกนั ในกลุ่มอาจจะทาให้ผู้เรยี นมวี ธิ ีการหาความร้จู ากแหลง่ ตา่ ง ๆ ด้วยตนเองมากขน้ึ มากกว่าจะคอย ให้ครบู อกให้แตฝ่ ่ายเดยี ว ครูจงึ จาเป็นต้องชีช้ อ่ งทางใหผ้ เู้ รียนหาวธิ กี ารศึกษาหาความรดู้ ้วยตนเองมากข้นึ ๔. ยุตธิ รรม อาชีพครเู ปน็ อาชพี ทีจ่ ะตอ้ งฝึกฝนตนเองใหเ้ ป็นคนซือ่ สตั ย์ ยุติธรรม ไมม่ อี คตลิ าเอียงต่อ ลกู ศษิ ย์ ไมเ่ หน็ วา่ คนทีม่ ีปัญหาเป็นคนนา่ รังเกยี จ หรอื พอใจแต่เฉพาะศิษย์ทเี่ รยี นเก่ง ไม่สร้างปัญหาเท่าน้นั ครู ต้องมีความเป็นธรรมในการให้คะแนน และพรอ้ มทีจ่ ะอธิบายวธิ ีการให้คะแนน และการตดั เกรดได้ ครูต้อง โรงเรียนบ้านมาบคล้า สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๗๔
คมู่ ือครูปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ รอบคอบในการรอกคะแนน เพราะถา้ ผดิ พลาดแล้วบางคร้งั ก็จะทาให้ผู้เรยี นที่ควรไดค้ ะแนนดี ๆ กลับได้ คะแนนเกอื บจะสอบตกไป ๕. ไมแ่ สวงหาประโยชนจ์ ากผู้เรียน ลักษณะของครูจะต้องเป็นผไู้ มแ่ สวงหาอามิสสนิ จ้าง เงนิ ไม่ใชส่ ิ่งที่ สรา้ งความสขุ เสมอไป ครูจงึ จะตอ้ งมคี วามระมัดระวังเป็นพเิ ศษในการกระทาใด ๆ อันจะกอ่ ให้เกิดความเข้าใจ ได้วา่ ครกู าลงั หาประโยชน์จากศิษย์อย่างไมเ่ ปน็ ธรรม ๖. ทาตนเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี ครูมอี ิทธพิ ลต่อศษิ ย์ทัง้ ด้านวาจา ความคิด บุคลิกภาพ และความประพฤติ ครูจึงจะต้องพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ เพ่ือใหล้ กู ศษิ ย์ได้ซมึ ซับสงิ่ ทท่ี าจากตวั ครไู ป เม่ือศิษยเ์ กิดศรัทธาใน ความสามารถของครู ศิษย์อาจจะเลียนแบบความประพฤตขิ องครูไปอยา่ งไมไ่ ดเ้ จตนา เชน่ การตรงตอ่ เวลา การพูดจาชัดเจน การแสดงความคิดเห็นท่ีตรงไปตรงมา สุภาพเรยี บรอ้ ย เปน็ ตน้ ๗.ใหเ้ กยี รตผิ ู้เรียน การยกยอ่ งใหเ้ กยี รติผเู้ รยี น ทาให้ผเู้ รียนเกิดความพึงพอใจ และเกรงใจผู้สอน ครไู ม่ ควรใช้อานาจในทางที่ผิด เชน่ พดู จาขม่ ขู่ ใช้คาพูดไม่สภุ าพ เปลีย่ นชอ่ื ผเู้ รยี น เยาะหยนั หรือดถู กู ผู้เรยี น การ เคารพผู้เรียนในฐานะปัจเจกบุคคลเป็นสง่ิ ทที่ าใหเ้ กิดความเข้าใจ และการเรยี นรทู้ ด่ี ี เมอ่ื ผู้เรียนไดร้ ับการปฏบิ ัติ อยา่ งดี ย่อมก่อให้เกดิ พลงั ในการศกึ ษาตอ่ ไป ๘.อบรมบม่ นิสยั ม.ล. ปนิ่ มาลากุล อดตี รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการไดส้ ง่ เสริมสนบั สนนุ ใหค้ รู มบี ทบาทหน้าที่ในการอบรมบ่มนิสยั เด็ก โดยท่านเชอื่ วา่ “การอบรมบ่มนสิ ยั ใคร ๆนั้นเพยี งแคว่ ันละนาทีกด็ ี ถม” ดงั นั้นครูควรแบ่งเวลาในการอบรมบม่ นิสัยผู้เรียน เช่น กอ่ นการสอนแต่ละช่วั โมงอาจชแี้ นะหรือให้ ความคดิ ทีด่ ีแก่ผู้เรยี นได้ ครคู วรถอื เปน็ หนา้ ทท่ี ี่จะตอ้ งสอนคนใหเ้ ปน็ คนดี ๙.ชว่ ยเหลอื ศิษย์ผเู้ รยี นมาอย่ใู นสถานศึกษาพร้อมด้วยประสบการณแ์ ละปัญหาท่แี ตกต่างกันออกไป ดังนน้ั ครูจงึ มีหนา้ ทีท่ ่ีจะต้องสงั เกตความผดิ ปกตหิ รือขอ้ บกพรอ่ งของศิษย์ และพรอ้ มที่จะใหก้ ารช่วยเหลือได้ อยา่ งทนั ทว่ งที ไมใ่ ห้ศิษยต์ อ้ งกา้ วถลาลึกลงไปในพฤติกรรมทีไ่ มพ่ งึ ประสงค์ นอกจากจรรยาบรรณตอ่ ศษิ ย์แลว้ ครจู ะต้องมีความประพฤตปิ ฏบิ ัติต่อตนเอง ด้วยคือ จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง ครูจะต้องพฒั นาตนเองตลอดเวลาเพือ่ ให้มีลักษณะพฤติกรรม ดังน้ี ๑.ประพฤติชอบ ครูตอ้ งตั้งตนไวใ้ นท่ีถกู ทคี่ วรสามารถบงั คับตนเองใหป้ ระพฤติแตส่ ่ิงที่ดงี ามถูกต้อง ๒.รบั ผิดชอบ ครตู อ้ งฝกึ ความรบั ผิดชอบ โดยต้งั ใจทางานให้สาเร็จลลุ ่วง มคี วามผิดพลาดน้อย ๓.มีเหตุผล ครตู ้องฝึกถามคาถามตนเองบ่อย ๆ ฝึกความคดิ วเิ คราะหห์ าเหตุหาผล หาขอ้ ดีข้อเสยี ของ ตนเอง และเรอ่ื งตา่ ง ๆ เพื่อทาให้ตนเองเป็นคนมีเหตุผลที่ดี ๔.ใฝ่รู้ การตดิ ตามข่าวสารขอ้ มูลอยู่เสมอ ๆ ทาให้ครมู นี สิ ัยใฝร่ ู้ อยากทราบคาตอบในเรือ่ งต่าง ๆ ครู ควรมีความรู้รอบตัวอยา่ งดีท้งั ด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมอื ง เพ่ือให้ครดู ารงชพี ในสังคมได้อย่างเป็นสขุ ปรับตัวเขา้ กับสถานการณต์ ่าง ๆ ได้ และชี้แนะสิ่งทถี่ กู ตอ้ งใหศ้ ิษย์ได้ ๕.รอบคอบ ครตู ้องฝึกฝนตนเองใหเ้ ป็นคนรอบคอบ ละเอยี ดและประณีต ในการดาเนินกจิ การต่าง ๆ การทากจิ กรรม เช่น ควบคุมบญั ชีการเงินต้องรอบคอบ ต้องเหน็ ตวั เลขชัดเจนไม่ตกหล่น ทาให้เกิดการ ผิดพลาดทเ่ี ปน็ ผลรา้ ยทง้ั ของตนเองและผอู้ ่ืน ๖.ฝกึ จติ การพฒั นาจิต ทาให้ครูอยูใ่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ และส่งผลทาให้ครูทางานได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพมากขึน้ ครูจงึ ตอ้ งหมน่ั ฝึกจิตของตนให้สงู ส่ง สงู กว่ามาตรฐาน ระงับอารมณไ์ มด่ ี คิดอะไรได้สงู กวา่ มาตรบานและคดิ เปน็ บวก มากกว่าคิดลบหรอื คิดร้าย ๗.สนใจศษิ ย์ การสนใจพฒั นาการของผเู้ รยี น เป็นสว่ นหนึ่งท่ีจะทาให้วิชาชีพครูก้าวหนา้ เพราะถา้ ไมม่ ี ผู้เรยี นกไ็ ม่มีวชิ าชพี ครู ครูจึงจาเป็นต้องศกึ ษาหาความรู้เกีย่ วกับลกั ษณะธรรมชาติผู้เรยี น การแก้ปัญหาผู้เรยี น การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๗๕
คู่มือครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ สรปุ ไดว้ า่ จรรยาบรรณ คอื ประมวลพฤตกิ รรมท่ีกาหนด ลกั ษณะมาตรฐานการกระทาของครู อันจะทาให้ วิชาชพี ครกู า้ วหนา้ อย่างถาวร โดยที่ครจู ะตอ้ งดาเนินการเรยี นการสอนโดยการยดึ จรรยาบรรณตอ่ วิชาชพี ตอ่ ผู้เรียน และตอ่ ตนเอง ในการทาหนา้ ทข่ี องครใู ห้สมบรู ณ์ โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๗๖
คูม่ อื ครูปีการศึกษา ๒๕๖๔ แบบประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านของขา้ ราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา สายการสอน โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๗๗
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๗๘
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๗๙
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๐
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๑
คู่มือครูปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบตั ิงานลกู จ้างชว่ั คราว ตาแหน่ง ครอู ัตราจา้ ง สาหรับการประเมิน ⃝ คร้งั ที่ ๑ (ระหวา่ งวันที่ ๑ ม.ิ ย. – ๓๐ พ.ย.) ⃝ คร้งั ท่ี ๒ (ระหว่างวนั ที่ ๑ ธ.ค. – ๓๑ พ.ค.) ประเมนิ นาย / นาง / นางสาว............................................................สงั กดั .................................................... ผลประเมินตามแบบ ป.๑ .........................คะแนน ผลประเมนิ ตามแบบ ป.๒ .........................คะแนน » เกณฑก์ ารประเมินการปฏบิ ตั ิงาน ตามแบบ ป.๑ » คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน แบ่งเปน็ ๒ ส่วน ดังน้ี ส่วนท่ี ๑ ประเมินภาระงานขั้นต่าตามมาตรฐาน ๓๕ ชั่วโมง/สัปดาห์ และต้องมีชั่วโมงสอนไม่น้อยกว่า ๑๕ ช่ัวโมง/สัปดาห์ » จานวน ๑๐ คะแนน (หากมภี าระงานไม่ถงึ ข้ันต่าตามมาตรฐานคะแนนในส่วนท่ี ๑ = ๐ และจะไมพ่ ิจารณาในสว่ นท่ี ๒) สว่ นที่ ๒ ประเมนิ ภาระงานนอกเหนือจากภาระงานข้ันตา่ » จานวน ๑๐ คะแนน โดยในสว่ นที่ ๒ มเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดังนี้ จานวนช่ัวโมงการปฏบิ ัติงาน / สัปดาห์ คะแนน ๑.๐๐ – ๓.๕๐ ๒ ๓.๕๑ – ๖.๕๐ ๔ ๖.๕๑ – ๘.๕๐ ๖ ๘.๕๑ – ๑๐.๐๐ ๘ ๑๐ ข้ึนไป ๑๐ » เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ัตงิ าน ตามแบบ ป.๒ » คณะแตง่ ตั้งกรรมการประเมิน ดังน้ี - ผู้อานวยการโรงเรยี น - นางอ้อ สงแพง - นางสาวศิรพิ ร บญุ สง่ » นาผลการประเมนิ ทั้ง ๓ ราย มาเฉลยี่ โดยมคี ะแนนเต็ม ๘๐ คะแนน » เกณฑก์ ารพจิ ารณาให้ไดร้ บั การเลอื่ นคา่ จ้างประจาปี » นาคะแนนจากผลการประเมนิ การปฏบิ ตั ิงาน ครั้งที่ ๑ และครงั้ ท่ี ๒ มารวมกนั และคดิ เป็น คะแนนเฉล่ยี » พิจารณาคะแนนผลการปฏบิ ตั ิงานตามตารางคะแนน ดังน้ี ๘๐ - ๑๐๐ จ้างต่อ ข้ึนค่าจ้าง ๑ ขนั้ หรือมากกวา่ ๖๕ - ๗๙ จา้ งตอ่ ขน้ึ คา่ จ้าง ๐.๕ ขนั้ ๕๐ - ๖๔ จ้างตอ่ ค่าจ้างเทา่ เดิม ต่ากวา่ ๕๐ เลกิ จ้าง โรงเรียนบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๒
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๓
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๔
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๕
คู่มอื ครปู ีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๘๖
คู่มือครูปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ สว่ นที่ ๓ การบริหารงานวชิ าการ โรงเรยี นบ้านมาบคลา้ สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๘๗
คู่มอื ครปู กี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ มี ๓ มาตรฐานและ ๑๑ ตวั บ่งช้ี ได้แก่ - มาตรฐานที่ ๑ คุณลกั ษณะของคนไทยท่ีพึงประสงค์ ทั้งในฐานะพลเมอื งและพลโลก (๕ ตวั บง่ ช)้ี - มาตรฐานท่ี ๒ แนวการจดั การศึกษา (๓ ตัวบ่งชี้) - มาตรฐานท่ี ๓ แนวการสรา้ งสงั คมแห่งการเรียนรู/้ สงั คมแห่งความรู้ ( ๓ ตวั บ่งช)ี้ มาตรฐานท่ี ๑ คุณลกั ษณะของคนไทยทพ่ี งึ ประสงค์ ทง้ั ในฐานะพลเมืองและพลโลก การศกึ ษาต้องพฒั นาคนไทยทุกคนให้เป็น “คนเก่ง คนดี และมคี วามสุข” ตามตวั บ่งชด้ี ังต่อไปน้ี ตวั บ่งชี้ ๑. กาลงั กาย กาลงั ใจท่ีสมบูรณ์ ๑.๑ คนไทยมีสุขภาพกายและจติ ที่ดี มพี ฒั นาการด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา เจรญิ เตบิ โตอย่าง สมบูรณ์ตามเกณฑ์การพัฒนาในแต่ละช่วงวยั ๒. ความรู้และทักษะท่จี าเปน็ และเพียงพอในการดารงชีวิตและการพัฒนาสงั คม ๒.๑ คนไทยได้เรียนรู้ เต็มตามศักยภาพของตนเอง ๒.๒ คนไทยมงี านทา และนาความรู้ไปใช้ในการสรา้ งงานและสร้างประโยชน์ใหส้ งั คม ๓. มที กั ษะการเรียนรแู้ ละการปรับตัว ๓.๑ คนไทยสามารถเรยี นรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง รักการเรยี นรู้ รทู้ ันโลกรวมทั้งมคี วามสามารถในการใช้ แหลง่ ความรู้และสอ่ื ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตนเองและสงั คม๓.๒ คนไทยสามารถปรบั ตวั ได้ มมี นุษยส์ ัมพันธด์ ี และ ทางานรว่ มกบั ผ้อู นื่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๔. มีทกั ษะทางสังคม ๔.๑ คนไทยเขา้ ใจและเคารพในธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ มและสงั คม มีทักษะและความสามารถ ทจ่ี าเป็น ตอ่ การดาเนินชีวิตในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข ๔.๒ คนไทยมคี วามรับผดิ ชอบ เขา้ ใจ ยอมรบั และตระหนักในคุณคา่ ของวฒั นธรรมท่ีแตกตา่ งกนั สามารถแกป้ ญั หาในฐานะสมาชิกของสงั คมไทยและสงั คมโลกโดยสันติวิธี ๕. มีคณุ ธรรม จิตสาธารณะ และจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ๕.๑ คนไทยดาเนนิ ชีวติ โดยกายสจุ ริต วจีสุจริต และมโนสุจริต ๕.๒ คนไทยมคี วามรบั ผิดชอบทางศีลธรรมและสังคม มจี ติ สานกึ ในเกียรติภูมิของความเปน็ คนไทย มคี วามภมู ใิ จในชนชาติไทย รักแผน่ ดินไทย และปฏบิ ตั ติ นตามระบอบประชาธปิ ไตย เป็นสมาชกิ ทด่ี ี เป็น อาสาสมัคร เพือ่ ชุมชนและสังคมในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก มาตรฐานท่ี ๒ แนวการจัดการศกึ ษา จัดการเรยี นรทู้ ่ีม่งุ พฒั นาผ้เู รียนเป็นสาคญั และ การบรหิ าร โดยใชส้ ถานศกึ ษาเปน็ ฐาน ตวั บง่ ช้ี ๑. การจัดหลักสตู รการเรยี นร้แู ละสภาพแวดลอ้ มทสี่ ง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รียนไดพ้ ัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตาม ศกั ยภาพ ๑.๑ มกี ารจดั หลกั สูตรท่หี ลากหลายตามความเหมาะสม ความต้องการและศักยภาพของกลุม่ ผเู้ รยี นทกุ ระบบ ๑.๒ ผ้เู รียนมีโอกาส/สามารถเข้าถงึ หลักสูตรต่างๆ ท่จี ดั ไว้อย่างทัว่ ถงึ ๑.๓ องคก์ รทใ่ี หบ้ ริการทางการศกึ ษามีสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อ้อื ต่อการเรียนรู้ มอี าคารสถานที่ มกี าร ส่งเสริมสุขภาพอนามัย และความปลอดภยั ๑.๔ มีการพฒั นานวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ ส่อื เพ่ือการเรยี นรู้ และการให้บริการเทคโนโลยี สารสนเทศทุกรปู แบบท่เี อ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง และการเรยี นร้แู บบมสี ่วนร่วม โรงเรียนบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๘๘
ค่มู ือครูปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ๒. มกี ารพฒั นาผูบ้ ริหาร ครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศึกษาอย่างเปน็ ระบบและมคี ณุ ภาพ ๒.๑ ผบู้ ริหาร ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษาได้รบั การพัฒนาอยา่ งเป็นระบบต่อเน่ือง เพอื่ สรา้ งความเขม้ แข็งทางวชิ าการและวิชาชพี ๒.๒ ผบู้ รหิ าร ครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศึกษามคี ุณธรรม มคี วามพงึ พอใจในการทางาน และผูกพันกบั งาน มีอัตราการออกจากงานและอตั ราความผิดทางวนิ ยั ลดลง ๒.๓ มแี นวโนม้ ในการรวมตัวจดั ตั้งองคก์ รอสิ ระเพอ่ื สรา้ งเกณฑ์มาตรฐานเฉพาะกลุ่ม และติดตามการ ดาเนนิ งานของบคุ ลากรและสถานศึกษา ตลอดจนการส่งั สมองค์ความรูท้ ี่หลากหลาย ๓. มีการบรหิ ารจดั การทใี่ ช้สถานศกึ ษาเปน็ ฐาน ๓.๑ องค์กร ชุมชน มีสว่ นร่วมในการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ตามสภาพท้องถน่ิ บุคลากรทงั้ ในและ นอกสถานศกึ ษา สภาพปญั หาและความต้องการทแ่ี ทจ้ รงิ ของผเู้ รียน ๓.๒ ผ้รู ับบรกิ าร/ผเู้ กย่ี วขอ้ งทกุ กลุม่ มีความพึงพอใจตอ่ การจัดบรกิ ารทางการศึกษาของสถานศกึ ษา ๓.๓ มกี ารกาหนดระบบประกนั คุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบรหิ ารการศึกษา เพื่อ นาไปสกู่ ารพฒั นาคุณภาพ และสามารถรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกได้ มาตรฐานที่ ๓ แนวการสร้างสังคมแหง่ การเรยี นรู/้ สังคมแห่งความรู้ “การสรา้ งวถิ กี าร เรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรใู้ ห้เข้มแข็ง” ตวั บ่งชี้ ๑. การบรกิ ารวชิ าการและสร้างความร่วมมือระหว่างสถานศกึ ษากับชุมชนให้เปน็ สงั คมแหง่ การเรียนรู้/ สงั คมแห่งความรู้ ๑.๑ สถานศึกษาควรร่วมมอื กบั บุคลากรและองคก์ รในชุมชนทเี่ กย่ี วขอ้ งทุกฝ่าย ทกุ ระดับ รว่ มจดั ปจั จยั และกระบวนการเรยี นรู้ภายในชุมชน และใหบ้ รกิ ารทางวิชาการทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพัฒนาคนใน ชมุ ชน เพ่อื ให้สังคมไทยเปน็ สังคมแหง่ ภูมปิ ัญญา และคนไทยมีการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ๑.๒ ชุมชนซ่งึ เปน็ ทตี่ ้ังขององคก์ รทีใ่ หบ้ รกิ ารทางการศกึ ษามสี ถานภาพเปน็ สังคมแห่งการเรียนร/ู้ สังคมแหง่ ความรู้ มีความปลอดภัย ลดความขดั แย้ง มีสนั ติสขุ และมกี ารพัฒนาก้าวหน้าอยา่ งต่อเนื่อง ๒. การศกึ ษาวิจยั สร้างเสรมิ สนับสนนุ แหลง่ การเรียนรู้ และกลไกการเรียนรู้ ๒.๑ มีการศกึ ษาวิจยั สารวจ จัดหา และจัดต้งั แหลง่ การเรียนรู้ตลอดชีวติ ทกุ รูปแบบ ๒.๒ ระดมทรัพยากร (บคุ ลากร งบประมาณ อาคารสถานที่ สง่ิ อานวยความสะดวก ภมู ิปัญญาและ อนื่ ๆ) และความร่วมมือจากภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ในการสรา้ งกลไกการเรยี นรทู้ กุ ประเภท เพอ่ื ให้ คนไทยสามารถเข้าถึงแหล่งการเรยี นรู้ และสามารถเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ไดจ้ รงิ ๒.๓ สง่ เสริมการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างองคค์ วามรใู้ หม่เพอ่ื การพฒั นาประเทศ ๓. การสรา้ งและการจดั การความรใู้ นทกุ ระดบั ทุกมติ ิของสังคม ๓.๑ ครอบครัว ชุมชน องคก์ รทกุ ระดับ และองค์กรทีจ่ ัดการศึกษามกี ารสร้างและใช้ความรู้ มกี าร แลกเปลี่ยนเรียนรู้จนกลายเปน็ วัฒนธรรมแหง่ การเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านมาบคล้า สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๘๙
คู่มอื ครูปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ หลัก ๓ ห่วง ๒ เงอื่ นไข เป็นบทสรุปของเศรษฐกิจพอเพียง น่ันเอง คือ สรุปให้เขา้ ใจไดง้ ่ายๆ ดงั ต่อไปนี้ ๓ หว่ ง คือ ทางสายกลาง ประกอบไปดว้ ย ดังนี้ ห่วงที่ ๑ คือ พอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทกุ อย่าง ความพอดีไมม่ ากหรือว่านอ้ ยจนเกินไปโดยตอ้ งไม่ เบียดเบยี นตนเอง หรือผู้อ่นื ให้เดือดรอ้ น ห่วงท่ี ๒ คอื มีเหตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจเกี่ยวกับระดบั ของความพอเพียงนน้ั จะต้องเปน็ ไปอย่างมเี หตุผลโดย พิจารณาจากเหตปุ จั จัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง ตลอดจนคานึงถงึ ผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทานัน้ ๆ อยา่ งรอบคอบ ห่วงที่ ๓ คอื มีภมู ิคุ้มกันทด่ี ใี นตัวเอง หมายถงึ การเตรียมตวั ให้พรอ้ มรบั ผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงดา้ นการ ตา่ งๆ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ โดยคานึงถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดขึ้นในอนาคตทง้ั ใกล้และไกล ๒ เง่ือนไข ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง ได้แก่ เงอื่ นไขท่ี ๑ เงือ่ นไขความรู้ คือ มีความรอบร้เู กีย่ วกับ วิชาการตา่ งๆท่เี กยี่ วขอ้ งอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบทจ่ี ะ นาความรเู้ หลา่ น้นั มาพจิ ารณาให้เชื่อมโยงกนั เพื่อประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในข้นั ตอนปฏบิ ตั ิ คุณธรรม ประกอบด้วย มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความซอ่ื สตั ย์สุจริต และมคี วามอดทน มีความเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ติ เงื่อนไขท่ี ๒ เงือ่ นไขคณุ ธรรม คือ มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มคี วามซอ่ื สัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนินชวี ิต“เศรษฐกจิ พอเพยี งจรงิ ๆ คือ หลักการดาเนินชีวิตท่จี รงิ แท้ทสี่ ุด กรอบแนวคิดของหลักปรัชญา ม่งุ เน้นความมนั่ คงและความยง่ั ยืนของการพฒั นา อนั มีคุณลักษณะทสี่ าคญั คือ สามารถประยกุ ตใ์ ช้ในทกุ ระดบั ตลอดจนให้ ความสาคัญกับคาวา่ ความพอเพยี ง ท่ีประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล มภี ูมิคุ้มกันท่ดี ใี นตวั ภายใต้เงือ่ นไขของ การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กิจกรรมทีต่ ้องอาศัยเง่อื นไขความรู้และเงื่อนไขคณุ ธรรม” “หากทกุ ฝา่ ยเขา้ ใจกรอบแนวคิด คณุ ลกั ษณะ คานยิ ามของเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งแจ่มชดั แล้ว ก็จะงา่ ยขึน้ ในการนาไปประยกุ ตใ์ ชเ้ ปน็ แนวทางปฏิบตั ิ และจะ นาไปสู่ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั คอื การพัฒนาทสี่ มดุลและยัง่ ยืน พรอ้ มรับต่อการเปล่ียนแปลงในทกุ ด้าน ทงั้ ด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่งิ แวดล้อม ความรูแ้ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต ๑ ๙๐
คมู่ ือครปู ีการศกึ ษา ๒๕๖๔ โครงสร้างเวลาเรียนระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาหลักสตู รโรงเรยี นบ้านมาบคลา้ พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง ๒๕๖๐) กลุ่มสาระการเรียนรู/้ ป.1 เวลาเรยี น ป.6 กิจกรรม ระดบั ประถมศึกษา 200 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 160 กล่มุ สาระการเรียนรู้ 200 160 ภาษาไทย 40 200 200 160 160 80 คณิตศาสตร์ ๔๐ 200 200 160 160 ๘๐ วิทยาศาสตร์ 40 40 80 80 สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ - ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม - หน้าที่พลเมือง วฒั นธรรมการดาเนิน ชวี ิตในสงั คม - เศรษฐศาสตร์ - ภูมศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ ๔0 ๔0 ๔0 ๔0 ๔0 ๔0 สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘0 ๘0 ๘0 ศลิ ปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘0 ๘0 ๘0 การงานอาชีพและเทคโนโลยี 40 40 40 80 80 80 ภาษาตา่ งประเทศ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ 80 80 80 รวมเวลาเรียน 840 840 840 840 840 840 (พ้ืนฐาน) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ - หนา้ ทพี่ ลเมอื ง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑. กิจกรรมแนะแนว ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๒. กิจกรรมนักเรียน ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ - ลกู เสือ เนตรนารี - ชมุ นมุ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บรู ณาการ บรู ณาการ บูรณาการ - กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ รวมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑,๐๐๐ ชว่ั โมง/ปี ๑,๐๐๐ ช่ัวโมง/ปี การศกึ ษาเพ่อื การมีงานทา รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด โรงเรียนบา้ นมาบคลา้ สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๙๑
คมู่ อื ครปู ีการศกึ ษา ๒๕๖๔ แหลง่ เรียนรู้ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ๑) หอ้ งสมุดมขี นาด ๑๒๐ ตารางเมตร จานวนหนงั สอื ในหอ้ งสมดุ ๑,๘๑๗ เลม่ การสืบค้นหนงั สือและการยืม-คนื ใช้ระบบ ดวิ อ้ี จานวนนักเรยี นที่ใช้หอ้ งสมดุ ในปี การศกึ ษา ๒๕๖๑ เฉล่ยี ๑๕ คน ต่อ วนั คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๓.๐๔ ของนกั เรยี นทัง้ หมด ๒) ห้องปฏิบตั กิ าร * ห้องปฏิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ จานวน ๑ หอ้ ง ๓) คอมพิวเตอร์ จานวน ๒๒ เครื่อง * ใช้เพอื่ การเรยี นการสอน ๑๖ เครือ่ ง * ใช้เพือ่ สบื คน้ ข้อมูล ทางอินเทอรเ์ นต็ ๔ เครือ่ ง จานวนนักเรียนทีส่ ืบค้นข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ในปีการศึกษาทร่ี ายงานเฉล่ีย ๒๑ คนตอ่ วัน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๒๖ ของนักเรียนทั้งหมด * ใช้เพือ่ การบริหารจัดการ ๒ เครือ่ ง ๔) แหล่งเรยี นรภู้ ายในโรงเรยี นและภายนอกโรงเรยี น แหลง่ เรียนรู้ภายในโรงเรียน และแหลง่ เรียนรู้ภายนอกโรงเรยี น แหล่งเรยี นรภู้ ายในโรงเรยี น แหล่งเรียนรูภ้ ายนอกโรงเรียน สถานที่ สถิตการใชค้ รงั้ /ปี สถานที่ สถติ การใชค้ รั้ง/ปี ๑. ห้องสมุด ๘๐ ๑. วัดมาบคลา้ ๑๐ ๒. ห้องคอมพวิ เตอร์ ๑๒๐ ๒. ตลาดมาบคล้า ๑๐ ๓. ห้องพยาบาล ๘๐ ๓. สถานอี นามยั มาบลาบิด ๑ ๔. โรงอาหาร ๒๐๐ ๔. ศาลาประชาธิปไตย ๒ ๕. สวนสมุนไพร ๘๐ ๕. โรงเรียนชุมชนบา้ นหัวกญุ แจ ๑ ๖. ป้ายจราจร ๒๕ ๖. โรงเรยี นคลองกิว่ ยิง่ วิทยา ๑ ๗. แปลงผกั ไรด้ นิ ๒๐ ๗. อบต.คลองก่วิ ๕ ๘. อาคารอเนกประสงค์ ๑๒๐ ๘. สวนผักนายกมิ เวง้ ๑ ๙. สนามฟุตบอล ๘๐ ๙. วัดกณุ ฑธี าร ๑ ๑๐. สนามวอลเลย่ ์บอล ๒๕ ๑๐.โรงเรยี นบ้านมาบลาบิด ๑ ๑๑. สนามเด็กเล่น ๑๘๐ ๑๑.สวนเสือศรรี าชา ๑ ๑๒. บ่อปลา /บ่อกบ ๘๐ ๑๓. แปลงผกั สวนครวั ๘๐ ๑๔. ห้องเก็บอปุ กรณ์ ๑๘๐ ๕) ปราชญ์ชาวบ้าน / ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ / ผู้ทรงคณุ วุฒทิ สี่ ถานศกึ ษาเชญิ มาให้ความรู้แกค่ รู / นกั เรียนในปี ๒๕๖๔ ดงั น้ี ๑. ร.ต.ต. วิระวฒุ ศกั ด์สิ งิ ห์ ตารวจ สภ.คลองกิ่ว เป็นวทิ ยากรให้ความรเู้ รอ่ื งยาเสพติด ใหก้ บั นักเรียน ๒. พระครปู ระภัทรวริ ิยาภรณ์ ภมู ปิ ัญญาดา้ นศาสนาและวัฒนธรรม ๓. นายกมิ เว้ง แซ่ต๊ัน ภูมปิ ญั ญาด้านเกษตรผสมผสาน ๔. นายแสวง ไขรศั มี ภมู ิปัญญาดา้ นเกษตรผสมผสาน ๕. นายประเสริฐ ขาวอุไร ภมู ปิ ัญญาดา้ นกลองยาว ๖. นายบุญเลิศ วอ่ งไว และนายพูนศกั ดิ์ กังวานสมวงศ์ ภูมิปัญญาด้านกฬี า โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ ๙๒
คูม่ อื ครปู กี ารศึกษา ๒๕๖๔ งานวชิ าการ ผลการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษา ตาราง แสดงผลการประเมินพัฒนาการเด็ก ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๓ พฒั นาการ จานวนเด็ก จานวน/รอ้ ยละของเดก็ ตามระดับคณุ ภาพ ดา้ น ๖๑ 62 63 61 ๖2 63 ดี พอใช้ ปรับปรงุ ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑.ดา้ น ๑๐ 18 12 ๑๐๐ - - ๑๐๐ - - ๑๐0 - - ร่างกาย - - ๑๐๐ - - ๑๐0 - - ๒.ด้าน - - ๑๐๐ - - ๑๐0 - - อารมณ์-จิตใจ ๑๐ 18 12 ๑๐๐ - - ๑๐๐ - - ๑๐0 - - ๓.ด้านสังคม ๑๐ 18 12 ๑๐๐ ๔.ด้าน ๑๐ 18 12 ๑๐๐ สตปิ ัญญา ตาราง แสดงผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น นกั เรียนท่มี ีผลการเรียน ระดบั ๓ ข้ึนไป ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ป.๖ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ จานวน รอ้ ยละ นร.ท่ีได้ กล่มุ สาระ จานวนที่ จานวนนกั เรยี นท่มี ผี ลการเรยี นรู้ นร.ท่ไี ด้ ระดบั ๓ ข้นึ ไป การเรียนรู้ เข้าสอบ ๐ ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ ๔ ระดบั ๓ 66.67 ขึ้นไป 86.67 60.00 ภาษาไทย 15 2 0 0 1 2 1 2 7 10 86.67 คณติ ศาสตร์ 15 2 0 0 0 0 4 1 8 13 66.67 80.00 วทิ ยาศาสตรแ์ ละ 15 2 0 0 2 2 5 2 2 9 86.67 86.67 เทคโนโลยี 80.00 สงั คมศึกษาฯ 15 - 2 0 0 0 2 3 8 13 ประวตั ิศาสตร์ 15 - 2 0 1 2 1 4 5 10 สุขศึกษาฯ 15 - 2 0 0 1 5 1 6 12 ศิลปะ 15 - 2 0 0 0 4 1 8 13 การงานอาชีพ 15 - 2 0 0 0 4 4 5 13 ภาษาตา่ งประเทศ 15 - 2 0 1 0 4 3 5 12 โรงเรียนบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๙๓
ค่มู ือครปู ีการศกึ ษา ๒๕๖๔ กลุม่ สาระ จานวนท่ี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๒ ๔ จานวน ร้อยละ การเรียนรู้ เข้าสอบ จานวนนกั เรยี นท่มี ีผลการเรยี นรู้ นร.ท่ไี ด้ นร.ทีไ่ ด้ 4 ระดบั ๓ ระดบั ๓ ภาษาไทย 10 ๐ ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ 5 ข้ึนไป ขน้ึ ไป คณติ ศาสตร์ 2 วิทยาศาสตร์และ 10 00 0 0 3 2 1 7 70.00 เทคโนโลยี 10 00 0 1 1 3 0 7 8 80.00 สงั คมศึกษาฯ 00 0 0 1 5 2 2 9 90.00 ประวัตศิ าสตร์ 10 3 สุขศกึ ษาฯ 10 00 0 0 1 2 0 2 9 90.00 ศิลปะ 10 00 0 1 0 2 5 6 9 90.00 การงานอาชพี 10 00 0 0 0 5 2 2 10 100.00 ภาษาต่างประเทศ 10 00 0 0 1 4 3 9 90.00 10 00 0 0 0 3 1 10 100.00 00 0 2 3 1 2 5 50.00 กลุม่ สาระ จานวน ๐ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ จานวน ร้อยละ การเรียนรู้ ท่ี จานวนนกั เรยี นทีม่ ีผลการเรียนรู้ นร.ทีไ่ ด้ นร.ทไี่ ด้ 0 ระดับ ๓ ระดับ ๓ ภาษาไทย เข้าสอบ 0 ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ ๔ ขนึ้ ไป ขึ้นไป คณิตศาสตร์ 16 0 62.50 วทิ ยาศาสตร์และ 16 0 051 2 4 4 10 75.00 เทคโนโลยี 16 0 0 031 5 1 6 12 75.00 สงั คมศึกษาฯ 0 0 013 4 3 5 12 ประวัตศิ าสตร์ 16 0 75.00 สุขศกึ ษาฯ 16 0 0 013 2 6 4 12 68.75 16 0 0 014 5 2 4 11 62.50 ศลิ ปะ 16 0 0 024 4 3 3 10 56.25 การงานอาชีพ 16 0 025 2 5 2 9 75.00 ภาษาต่างประเทศ 16 0 022 4 3 5 12 25.00 0 534 2 0 2 4 โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๙๔
คูม่ ือครปู ีการศกึ ษา ๒๕๖๔ กลมุ่ สาระ จานวนที่ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๔ จานวน รอ้ ยละ การเรียนรู้ เข้าสอบ จานวนนักเรียนทม่ี ผี ลการเรียนรู้ นร.ทไี่ ด้ นร.ท่ีได้ ระดบั ๓ ระดับ ๓ ภาษาไทย ๐ ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ ขน้ึ ไป ข้นึ ไป คณติ ศาสตร์ 100.00 วทิ ยาศาสตร์และ 11 0 0 0 0 0 1 6 4 11 81.82 เทคโนโลยี 11 0 0 0 0 2 4 2 3 9 90.91 สังคมศึกษาฯ 11 0 0 0 0 1 3 7 0 10 ประวตั ิศาสตร์ 90.91 สขุ ศึกษาฯ 11 0 0 0 0 0 4 4 2 10 100.00 ศลิ ปะ 11 0 0 0 0 0 0 5 6 11 100.00 การงานอาชพี 11 0 0 0 0 0 0 0 11 11 100.00 ภาษาตา่ งประเทศ 11 0 0 0 0 0 2 5 4 11 100.00 11 0 0 0 0 0 0 0 11 11 72.73 11 0 0 0 1 2 4 3 1 8 กลุ่มสาระ จานวนที่ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ จานวน รอ้ ยละ การเรยี นรู้ เขา้ สอบ จานวนนักเรียนท่ีมีผลการเรียนรู้ นร.ที่ได้ นร.ทีไ่ ด้ ระดับ ๓ ระดบั ๓ ภาษาไทย 19 ๐ ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ ๔ ขน้ึ ไป ขึน้ ไป คณติ ศาสตร์ 19 63.16 วิทยาศาสตร์และ 19 1010 5 53 4 12 42.11 เทคโนโลยี 1102 7 35 0 8 73.68 สังคมศกึ ษาฯ 19 1102 1 35 6 14 ประวัติศาสตร์ 19 68.42 สขุ ศกึ ษาฯ 19 0101 4 73 3 13 63.16 ศลิ ปะ 19 0200 5 93 0 12 94.74 การงานอาชพี 19 0 1 0 0 0 4 3 11 18 89.47 ภาษาต่างประเทศ 19 0100 1 44 9 17 84.21 0 1 0 0 2 3 1 12 16 52.63 1100 7 63 1 10 โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต ๑ ๙๕
คมู่ อื ครูปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ จานวน รอ้ ยละ นร.ที่ได้ นร.ที่ได้ กล่มุ สาระ จานวน จานวนนักเรียนท่ีมผี ลการเรียนรู้ ระดบั ๓ ระดับ ๓ ข้นึ ไป ขน้ึ ไป การเรียนรู้ ท่ี ๐ ๑ ๑.๕ ๒ ๒.๕ ๓ ๓.๕ ๔ เขา้ สอบ 11 73.33 11 73.33 ภาษาไทย 15 0 0 0 1 3 5 3 3 13 86.67 คณติ ศาสตร์ 15 0 0 0 0 4 3 4 4 14 93.33 14 93.33 วิทยาศาสตร์และ 15 0 0 0 1 1 1 5 7 13 86.67 11 73.33 เทคโนโลยี 14 93.33 4 26.67 สังคมศึกษาฯ 15 0 0 0 0 1 5 5 4 ประวัตศิ าสตร์ 15 0 0 0 0 1 5 4 5 สุขศกึ ษาฯ 15 0 0 0 0 2 2 4 7 ศิลปะ 15 0 0 0 0 4 4 2 5 การงานอาชีพ 15 0 0 0 0 1 2 7 5 ภาษาตา่ งประเทศ 15 0 0 0 7 4 2 1 1 ตาราง สรุปค่าเฉลี่ยผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ป.๑ – ป.๖ ระดบั จาแนกเปน็ รายวิชา โรงเรยี นบา้ นมาบคล้า ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ กลุ่มสาระ ระดับช้ัน ป.๕ ป.๖ รวม/เฉลีย่ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ภาษาไทย 75.00 74.20 72.75 77.73 72.10 73.07 74.14 คณิตศาสตร์ 78.07 77.10 74.87 74.64 67.78 73.87 74.39 วทิ ยาศาสตร์และ 70.00 75.50 75.00 75.00 72.78 79.53 74.64 เทคโนโลยี สังคมศกึ ษา 78.13 82.10 75.43 75.82 71.78 73.53 76.13 สขุ ศึกษาและ 73.87 75.90 72.43 84.91 77.26 79.13 77.25 พลศกึ ษา ศิลปะ 74.80 75.00 72.50 77.00 76.63 76.00 75.32 การงานอาชีพ 74.00 79.70 74.93 82.00 78.94 76.33 77.65 ภาษาต่างประเทศ 73.00 71.00 64.19 72.11 69.05 65.67 69.17 รวม/เฉลย่ี 74.61 76.31 72.76 77.40 73.29 74.64 74.84 โรงเรียนบ้านมาบคลา้ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๙๖
ค่มู ือครูปีการศึกษา ๒๕๖๔ กราฟแสดงคะแนนเฉลย่ี แยกตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ 90 80 70 60 50 ป.๑ 40 ป.๒ 30 ป.๓ ป.๔ 20 ป.๕ 10 ป.๖ 0 จากตาราง พบว่าผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเฉลี่ยรอ้ ยละ กล่มุ สาระการเรยี นรทู้ ุกระดบั ช้นั ตง้ั แต่ช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ รวมเฉลี่ยร้อยละ 74.84 อยใู่ นคุณภาพระดบั ดีเลศิ เมือ่ พิจารณาเปน็ รายระดบั ชั้น พบวา่ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เฉลย่ี รอ้ ยละ 74.61 อยใู่ นระดบั คุณภาพ ดเี ลิศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เฉลี่ยร้อยละ 76.31 อย่ใู นระดับคุณภาพ ดีเลิศ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เฉลยี่ ร้อยละ 72.76 อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ดเี ลิศ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เฉล่ียร้อยละ 77.40 อย่ใู นระดบั คุณภาพ ดีเลิศ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เฉลีย่ รอ้ ยละ 73.29 อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ดีเลิศ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 เฉลี่ยร้อยละ 74.64 อย่ใู นระดบั คุณภาพ ดีเลศิ เม่ือพิจารณาเปน็ รายวชิ า พบวา่ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ร้อยละ 74.14 อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ดีเลิศ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รอ้ ยละ 74.39 อยใู่ นระดบั คุณภาพ ดีเลิศ กลุ่มสาระการ เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รอ้ ยละ 74.64 อย่ใู นระดบั คณุ ภาพ ดีเลิศ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ ังคม ศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รอ้ ยละ 76.13 อยู่ในระดับคุณภาพ ดเี ลิศ กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ุขศกึ ษาพล ศึกษา ร้อยละ 77.25 อยใู่ นระดบั คณุ ภาพ ดีเลิศ กลมุ่ สาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ ร้อยละ 75.32 อยู่ในระดบั คุณภาพ ดีเลิศ กลุม่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี ร้อยละ 77.65 อยู่ในระดับคุณภาพ ดีเลิศ และกลุ่มสาระ การเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ รอ้ ยละ 69.17 อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ดี โรงเรยี นบา้ นมาบคลา้ สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาชลบรุ ี เขต ๑ ๙๗
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144