1 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
2 มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 6.1 เขา้ ใจกระบวนการต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสมั พันธข์ อง กระบวนการต่าง ๆ ทมี่ ผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมปิ ระเทศ และสณั ฐาน ของโลก มีกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงทเี่ รยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชีว้ ดั ม2/1 สารวจ ทดลองและอธิบายลักษณะของชน้ั หนา้ ตดั ดนิ สมบัติของดนิ และกระบวนการเกดิ ดนิ ม2/2 สารวจ วิเคราะห์ และอธิบายการใช้ประโยชนแ์ ละปรับปรงุ คุณภาพของดิน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ 1. อธบิ ายความหมายของดินได้ 2. อธิบายลักษณะทวั่ ไปของหน้าตัดขา้ ง สมบัตดิ ิน และกระบวนการการเกิดดนิ ได้ 3. อธบิ ายปัจจัยในการเกิดและสมบตั ิบางประการของดินได้ 4. บอกการใช้ประโยชนแ์ ละปรบั ปรงุ คุณภาพของดินได้ ทักษะกระบวนการ 1. ตงั้ สมมตฐิ าน วางแผนการทดลอง ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง ปฏบิ ัตกิ ารทดลอง สงั เกตและบนั ทกึ ผลการทดลอง 2. รวบรวมข้อมูลและจัดกระทาข้อมูล วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ผลการทดลอง 3. นาเสนอผลการทดลองและข้อสรุป เขยี นรายงานผลการทดลอง คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั : เข้าเรยี น ปฏิบัตงิ าน ส่งงานตรงเวลา แตง่ กายเรียบรอ้ ย รกั ษาความสะอาดของ หอ้ งเรียน 2. ใฝเ่ รยี นรู:้ เอาใจใส่ ร่วมมือในการเรียน แสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซักถาม ตอบ คาถาม บุญลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
3 สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการส่ือสาร : ใชภ้ าษาถา่ ยทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สกึ และ ทศั นะของตนเอง เพ่ือเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและ สังคม บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
4 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง ดนิ คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบเป็นแบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลือกจานวน 10 ข้อ ใชเ้ วลา 10 นาที 2. ใหน้ ักเรยี นเลอื กคาตอบท่ีถูกตอ้ งทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี วแลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (×) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. โดยธรรมชาติ ดนิ มสี ว่ นประกอบข้อใดมากทสี่ ุด ก. นา้ ข. อากาศ ค. อนิ ทรียวัตถุ ง. สารอนินทรยี ์ 2. สว่ นประกอบของดินที่มีผลต่อความพรุนของดินคอื ขอ้ ใด ก. นา้ ข. อากาศ ค. อินทรียวัตถุ ง. สารอนินทรยี ์ 3. ในการแบง่ ดินออกเป็นดินชั้นบน และดินช้ันล่างใช้เกณฑอ์ ะไร ก. สีของเน้ือดนิ ข. การตกตะกอน ค. ซากพืชซากสตั ว์ ง. ขนาดของเม็ดดิน 4. ลกั ษณะของดนิ ชัน้ บนกบั ดินชนั้ ล่างแตกต่างกันตามขอ้ ใด ก. ดนิ ช้นั บนมีฮิวมสั มากกว่า ข. ดินชน้ั บนมีความพรุนน้อยกว่า ค. สขี องดินช้ันบนจางกวา่ สีของดนิ ช้นั ลา่ ง ง. ดนิ ชัน้ บนมขี นาดของเมด็ ดินเล็กกว่า 5. ดินช้นั ลา่ งมกั มสี อี ะไร เพราะเหตใุ ด บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
5 ก. สีดา เพราะมีฮิวมัส ข. สเี ทา เพราะมีแรโ่ ลหะมาก ค. สีแดง เพราะมธี าตุทองแดงมาก ง. สเี หลือง เพราะมีออกไซดข์ องเหลก็ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
6 6. การจาแนกดินออกเป็น 3 ชนดิ คอื ดินร่วน ดนิ เหนียว และดินทราย ใช้เกณฑใ์ นขอ้ ใด ก. สขี องดิน ข. ลักษณะของเนอื้ ดิน ค. ความพรนุ ของดิน ง. องคป์ ระกอบของดนิ 7. ดินทม่ี ีค่า pH ในช่วง 4.5–6.5 มสี ภาพตรงกับข้อใด ก. กรดจดั z เบสจดั ข. เบสเล็กน้อย z เบสจดั ค. เบสจดั มาก z เบสเล็กนอ้ ย ง. กรดจัดมาก z กรดเลก็ นอ้ ย 8. ถา้ ดนิ x มี pH = 7.5 ดนิ y มี pH = 8.0 และ ดนิ Z มี pH = 6.5 ขอ้ ใดสรปุ ได้ถูกต้อง ก. ดนิ ทง้ั สามชนิดเป็นกรด ข. ดนิ ท้งั สามชนดิ เปน็ เบส ค. ดนิ x และดิน y เปน็ เบส ส่วนดนิ z เปน็ กรด ง. ดนิ x และดิน y เป็นกรด ส่วนดิน z เป็นเบส 9. การแกไ้ ขดนิ ท่ีมคี า่ pH = 5.5 ซ่งึ เหมาะกับการปลูกข้าว เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกับการปลกู ฝา้ ย มีคา่ pH = 6.0–8.0 ตอ้ งใช้สารใดปรบั ปรุง ก. ผงกามะถนั ข. แคลเซียมซลั เฟต ค. แอมโนเนียมคลอไรด์ ง. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ 10. กรณีดนิ เคม็ แสดงวา่ ดนิ มีสารใดมากท่ีสุด ก. ผงกามะถัน ข. โซเดยี มคลอไรด์ ค. แอมโมเนียมซลั เฟต ง. แคลเซยี มไอดรอกไซด์ บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
7 https://goo.gl/sNJpMV ภาพที่ 1.1 ขอ้ สอบออนไลน์ เร่อื ง ดิน ท่มี า : บญุ ลอย มูลน้อย, 2561 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง กระบวนการเกิดดนิ จุดประสงคข์ องกิจกรรม 1. ทดลอง และสรุปผลการทดลองเกยี่ วกับกระบวนการเกิดดนิ 2. อธบิ ายลักษณะกระบวนการเกิดดิน คาชแ้ี จง 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาวิธีการทดลอง อุปกรณ์และสารเคมีที่ใช้ในการทดลอง แล้วช่วยกันวาง แผนการทดลอง แบ่งหน้าท่รี ับผิดชอบ 2. กาหนดจดุ ประสงค์ สมมตฐิ าน และออกแบบตารางบันทกึ ผลการทดลอง 3. ทาการทดลอง สงั เกตและบันทกึ ผล ร่วมกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทดลอง 4. สง่ ตวั แทนกลุม่ 1 – 2 คน นาเสนอผลการทดลอง 5. เวลาทใี่ ชใ้ นการทากิจกรรม 30 นาที วัสดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี รายการ ปรมิ าณ/กล่มุ 1. หินละเอียด 100 กรมั 2. ทรายละเอียด 100 กรมั 3. กรวด 100 กรัม 4. ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ 100 กรมั 5. ปยุ๋ เคมี 100 กรมั 6. ครกหิน 1 ชุด บุญลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
8 วธิ ีทดลอง 1. นาทรายละเอียด หินละเอียด ปุย๋ อนิ ทรยี ์ ใส่ในครกแล้วตาให้ละเอยี ดทีส่ ุด 2. สงั เกตแล้วบนั ทึกผล (นกั เรียนอาจเลอื กใช้สารได้ตัง้ แต่ 2 ชนิดขน้ึ ไป) 3. อภิปรายผลทีไ่ ด้จากการสังเกต https://www.youtube.com/watch?v=qnyOvsFcklc&feature=youtu.be ภาพท่ี 1.2 คลปิ วดี ิโอ วธิ ที ดลองกระบวนการเกิดดนิ ทม่ี า : บญุ ลอย มลู น้อย, 2561 แบบบนั ทึกกิจกรรมที่ 1 เรอ่ื ง กระบวนการเกดิ ดนิ การทดลอง เร่ือง กระบวนการเกิดดิน วนั ท่ีทาการทดลอง ........................................................... รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม 1. .......................................................................... เลขท.่ี ............. ชัน้ ม.............. 2. .......................................................................... เลขที.่ ............. ชน้ั ม.............. 3. .......................................................................... เลขท่ี.............. ชั้น ม.............. 4. .......................................................................... เลขท่ี.............. ชน้ั ม.............. 5. .......................................................................... เลขที.่ ............. ชน้ั ม.............. จดุ ประสงคก์ ารทดลอง : ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. สมมติฐาน : .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................ ...................................................... กาหนดตวั แปร : ตัวแปรต้นหรือตวั แปรอสิ ระ : ............................................................................................................................. ................................................. บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
9 ............................................................................................................................. ................................................. ตัวแปรตาม : ............................................................................................................................... ............................................... ...................................................................................................... .............................................. .......................... ตัวแปรควบคมุ : ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
10 ผลการทดลอง (ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง) ............................................................................................................................... ............................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. อภิปรายผลการทดลอง 1. นกั เรยี นเลอื กสารใดเพ่ือผสมกนั บา้ ง และลักษณะสารหลังการผสมท่ีไดเ้ ปน็ อย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
11 2. สารที่ได้จากการผสมมลี ักษณะเหมือนดนิ ทั่วไปหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................... ............................................... .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. การใช้ครกหินบดสารทีน่ ักเรยี นเลือก เปรียบได้กบั กระบวนการใดของการเกิดดิน ............................................................................................................................... ............................................... .................................................................................... .......................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4. ถา้ ทิ้งสารที่ได้จากการผสมนีใ้ นสภาพภูมิอากาศ ภมู ิประเทศตา่ งกันเป็นเวลานาน นกั เรียนคดิ ว่าจะมีการ เปลย่ี นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. นักเรยี นสามารถเขยี นแผนภาพกระบวนการเกิดดนิ ได้อย่างไร ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. สรปุ ผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
12 ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
13 ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง กระบวนการเกดิ ดิน ความหมายของดนิ (Soil) ดิน หมายถึง เทหวตั ถุทางธรรมชาติ ท่ีเกดิ จากการสลายตวั ของหินและแร่ธาตุต่าง ๆ ผสมคลกุ เคล้า กบั อนิ ทรยี วตั ถซุ ่งึ ปกคลมุ ผวิ โลกอยู่เป็นชัน้ บาง ๆ เปน็ วตั ถุทีค่ า้ จุนการเจรญิ เตบิ โตและการทรงตัวของพชื มี การแบ่งชั้นที่สามารถสังเกตเห็นไดจ้ ากตอนบนลงไปตอนล่าง มีอาณาเขตและลักษณะประจาตัวของมันเอง ซ่ึง ทาให้มนษุ ย์สามารถแบง่ แยกดินออกเปน็ ชนดิ ตา่ ง ๆ ได้ กระบวนการเกดิ ดิน การสลา การสรา้ ภาพท่ี 1.4 ลกั ษณะการสลายตวั และการสรา้ งตวั ของดิน บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
14 ที่มา : ธีรพงษ์ แสงสทิ ธ์ิ, 2555 บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
15 โดยทั่วไปมักจะแยกกระบวนการเกดิ ดนิ ออกเป็น 2 ลกั ษณะใหญ่ ๆ ดว้ ยกันคือ กระบวนการ สลายตัว และ กระบวนการสรา้ งตัวของดนิ ซึ่งกระบวนการท้ังสองแบบน้ีอาจจะเกดิ ขนึ้ พร้อม ๆ กัน หรือเกดิ กระบวนการสลายตัวข้นึ ก่อนแล้วเกดิ กระบวนการสรา้ งตัวดนิ ตามมาก็ได้ 1. กระบวนการสลายตัว หมายถึง กระบวนการที่ทาให้หิน แร่ และสงิ่ มีชวี ิตต่าง ๆ เกิดการอ่อนตวั ลง สลายตัวเป็นชิน้ เล็ก ช้นิ น้อยหรือเปลีย่ นไปเปน็ สารใหม่ และทับถมรวมตวั เกิดเป็นวตั ถตุ น้ กาเนดิ ดนิ ข้ึน ซึง่ อาจเกิดอย่กู บั ท่ี หรอื อาจถูก พาหะต่าง ๆ พัดพาออกไปจากทเี่ ดมิ และไปสะสมรวมตัวกันใหม่ในแหลง่ อน่ื ก็ได้ 2. กระบวนการสรา้ งตวั ของดิน เป็นขั้นตอนของการทบั ถมและการผสมคลุกเคลา้ ของอนิ ทรียวัตถุจากบริเวณผิวหนา้ ดิน ทาให้เกิดชัน้ ดนิ ตา่ ง ๆ ขึ้นมา โดยปัจจัยท่ีจะชว่ ยเสรมิ ให้เกิดการทับถมและการผสมคลุกเคลา้ ดังนค้ี ือลกั ษณะของภมู ิอากาศ วัตถุต้นกาเนดิ ดนิ สภาพภมู ปิ ระเทศ ปจั จยั ทางชีวภาพ และเวลา บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
16 ภาพท่ี 1.5 ภาคตัดขวางของดินแสดงให้เห็นการทบั ถมของดนิ ทม่ี า : กองสารวจดินและวิจยั ทรัพยากรดนิ , 2558 บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
17 สามารถเขยี นแสดงแผนผงั กระบวนการเกิดดินได้ดงั น้ี ภาพท่ี 1.6 แผนผังกระบวนการเกดิ ดนิ ทม่ี า : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31389 https://www.youtube.com/watch?v=qnyOvsFcklc&feature=youtu.be ภาพที่ 1.2 คลิปวดี ิโอ แสดงกระบวนการเกดิ ดิน ทมี่ า : บุญลอย มลู นอ้ ย, 2561 บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
18 ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง ปจั จยั ควบคมุ การเกิดดิน จุดประสงค์ของกิจกรรม 1. สังเกต และอธบิ ายปจั จยั ควบคุมการเกิดดินได้ คาช้แี จง 1. พจิ ารณาภาพลักษณะของพืชทขี่ ึ้นในสภาพดนิ ต่าง ๆ แล้วกาหนดปัญหา ตอบคาถาม และสรปุ คาตอบของปัญหาต่อไปน้ี ภาพที่ 1.7 ลักษณะของพืชท่ีข้ึนในสภาพดนิ ต่าง ๆ ทีม่ า : http://www.vcharkarn.com/uploads/journal/8/vcharkarn-journal-8659_1.pdf 1. ปญั หาของกิจกรรมน้ีคอื อะไร 2. ให้นกั เรยี นบอกความแตกต่างลักษณะของภาพแตล่ ะภาพทเ่ี หน็ ไดช้ ดั 3. ดนิ ในแต่ละภมู ิอากาศ ภมู ิประเทศ มคี วามเหมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร 4. ดินในแตล่ ะภมู ิอากาศ ภูมปิ ระเทศ มีความเหมือนหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร 5. สรปุ คาตอบของปัญหาคืออะไร บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
19 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
20 แบบบันทึกกจิ กรรมท่ี 2 เรอ่ื ง ปจั จัยควบคมุ การเกิดดิน การสารวจ เรอ่ื ง ปัจจยั ควบคุมการเกิดดนิ วันที่ทากจิ กรรม ........................................................... รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม 1. .......................................................................... เลขท.ี่ ............. ชน้ั ม.............. 2. .......................................................................... เลขท.ี่ ............. ชน้ั ม.............. 3. .......................................................................... เลขที่.............. ชน้ั ม.............. 4. .......................................................................... เลขท.่ี ............. ชัน้ ม.............. 5. .......................................................................... เลขที่.............. ชั้น ม.............. 1. ปญั หาของกจิ กรรมน้ีคืออะไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ใหน้ ักเรียนบอกความแตกตา่ งลักษณะของภาพแต่ละภาพทีเ่ หน็ ไดช้ ัด ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... ...................................................................................... ........................................................................................ 3. ดนิ ในแต่ละภูมิอากาศ ภมู ปิ ระเทศ มีความเหมือนหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4. ดนิ ในแต่ละภมู ิอากาศ ภมู ปิ ระเทศ มีความเหมือนหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. สรปุ คาตอบของปัญหาคอื อะไร บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
21 ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
22 ใบความรู้ที่ 2 เร่อื ง ปัจจัยควบคมุ การเกิดดิน การเกดิ ข้นึ ของดินเปน็ ผลสบื เนอื่ งมาจากการกระทารว่ มกันของปจั จยั ตา่ ง ๆ เชน่ สภาพภูมอิ ากาศ พืช และสง่ิ มชี ีวิตอนื่ ๆ ต่อวตั ถตุ ้นกาเนิดของดิน ในสภาพพ้ืนทใี่ ดพืน้ ที่หน่ึง ตลอดชว่ งระยะเวลาหนงึ่ ดงั น้ัน “ดนิ ” ในท่ีแห่งหนึง่ จงึ อาจเหมือนหรอื ต่างไปจากดินในท่อี ีกแหง่ หนง่ึ ได้ขึน้ อยกู่ ับอิทธิพลของ ปจั จยั เหลา่ นี้ ซึ่งมคี วามมากน้อยแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะบริเวณส่งผลให้ดนิ มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว และเมื่อ ปัจจยั เปลี่ยนไป ดินจะมลี ักษณะหรือสมบตั ติ า่ ง ๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจัยควบคุมการเกิดดิน มี 5 ประการ ดังน้ี 1. สภาพภมู อิ ากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ และปริมาณน้าฝน มีอทิ ธิพลต่ออัตราการสลายตัวของหนิ แร่ ท้งั ในด้านกายภาพ และเคมี ท้งั ยงั มีอทิ ธิพลต่ออัตราความเร็วของการเคลือ่ นย้ายและการสะสมใหม่ของหินและแรท่ ่ถี ูกแปรสภาพ โดยตวั การสาคัญ ๆ มาเปน็ วัตถตุ น้ กาเนดิ ของดิน ภาพที่ 1.8 เม็ดฝนทีก่ ระทบหิน ท่ีมา : http://www.natgeocreative.com/photography/ 1278219 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
23 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
24 2. วัตถตุ น้ กาเนดิ ของดิน ได้แก่ หนิ และแรท่ เี่ กิดการสลายตัว มีอิทธิพลต่อองค์ประกอบของดนิ เชน่ สีเนอื้ ดิน โครงสร้าง และสมบัตทิ างเคมขี องดนิ ภาพที่ 1.9 วัตถตุ น้ กาเนิดดนิ ที่มา : บญุ ลอย มลู น้อย, 2559 3. สภาพภูมิประเทศ หมายถงึ ความสงู ต่าหรอื ระดบั ที่ไมเ่ ท่ากันของสภาพพ้ืนท่ี และความลาดชันของ พื้นทที่ ่เี กีย่ วข้องกบั ระดับน้าใต้ดนิ ซ่งึ ปจั จัยเหลา่ นม้ี ีอิทธิพลตอ่ การเกิดลกั ษณะชน้ั ตา่ ง ๆ ในหน้าตัดดิน ความลึกของดนิ สี ความชน้ื สัมพัทธใ์ นดิน และความรุนแรงของการชะล้าง เปน็ ตน้ ภาพท่ี 1.10 การพงั ถล่มของหินและหน้าดนิ ที่มา : บญุ ลอย มูลนอ้ ย, 2559 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
25 4. ปัจจัยทางชีวภาพ ได้แก่ ส่ิงมีชีวติ ตา่ ง ๆ ซึง่ ประกอบดว้ ยพืช และสัตว์ แตม่ ักจะเนน้ ท่ีพชื พรรณ ต่าง ๆ ทขี่ ้นึ ปกคลุมบนผวิ ดนิ ซึ่งมอี ิทธพิ ลต่อปรมิ าณอนิ ทรียวตั ถุในดินและองคป์ ระกอบทางเคมีของดนิ ภาพท่ี 1.11 สิ่งมชี ีวิตท่ีมผี ลต่อดนิ ท่ีมา : บญุ ลอย มูลนอ้ ย, 2559 5. เวลา อทิ ธพิ ลของเวลาในแง่ของการเกิดดนิ นัน้ หมายถึง ชว่ งหนง่ึ ของเวลาท่ีต่อเน่อื งกันไปโดยไม่มี เหตุการณร์ ุนแรงขัดจงั หวะการพัฒนาตวั ของดิน โดยปกตถิ ้าปัจจยั อืน่ ๆ เทา่ กนั ดนิ ทมี่ ีอายุนานกวา่ จะมสี ภาพ หนา้ ตดั ของดนิ สมบูรณ์กวา่ ดินที่มอี ายุน้อย แต่ถา้ อยู่ในภมู ิอากาศทที่ าให้วตั ถมุ ีการสลายตวั เร็ว เชน่ ในเขตรอ้ น ชน้ื ลกั ษณะของหนา้ ตัดขา้ งของดินท่เี กิดขึ้นจะค่อนข้างสมบรู ณ์ถงึ แม้จะใช้เวลาน้อยกวา่ ปกติ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
26 ใบกิจกรรมที่ 3 เรื่อง สมบตั ขิ องดนิ จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม 1. ทดลองและสรุปสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดินไดถ้ กู ต้อง 2. อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพของดิน ซ่ึงได้แก่ ชัน้ หนา้ ตดั ดิน สขี องดิน และเน้ือดนิ และสมบตั ิทาง เคมี ได้แก่ ความเป็นกรด-เบสของดนิ คาชแ้ี จง 1. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาวธิ ีการสารวจ อปุ กรณท์ ใี่ ช้ในการสารวจ แลว้ ช่วยกนั วางแผน การสารวจ แบง่ หนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบ 2. กาหนดจดุ ประสงค์ และออกแบบตารางบันทึกผลการสารวจ 3. ทาการสารวจ สังเกตและบันทกึ ผล รว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลการสารวจ 4. ส่งตัวแทนกลุม่ 1 – 2 คน นาเสนอผลการสารวจ 5. เวลาทีใ่ ช้ในการทากจิ กรรม 50 นาที บุญลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
27 การทดสอบความพรุนของดิน วัสดอุ ุปกรณ์และสารเคมี รายการ ปรมิ าณ/กลมุ่ 1. ดนิ เหนยี ว 100 กรัม 2. ดนิ รว่ น 100 กรัม 3. ผา้ ขาวบาง 4. ขวดปากกวา้ ง 2 ผนื 5. กระป๋องนมดา้ นลา่ งซึ่งเจาะรไู ว้ 2 ใบ 6. น้า 2 กระป๋อง 400 cm3 วธิ ีทดลอง 1. นาดนิ ทต่ี อ้ งการทดสอบมาตากให้แหง้ แล้วทบุ ใหล้ ะเอยี ด 2. ใชผ้ ้าตากกรองหุ้มกระป๋องดา้ นลา่ งซึ่งเจาะรไู ว้ แลว้ ยกวางบนขวดปากกวา้ ง 3. เทดินเหนียวและดินรว่ นลงในกระป๋องแต่ละใบ ใบละคร่ึงกระป๋อง เติมนา้ ลงในกระปอ๋ งละ 10 cm3 พร้อม ๆ กนั 4. เปรียบเทยี บลักษณะการไหลของนา้ ที่ไหลผ่านดนิ ในกระป๋องทง้ั สอง 5. สังเกตแล้วบนั ทกึ ผล 6. อภิปรายผลทีไ่ ด้จากการสงั เกต ภาพท่ี 1.12 การทดสอบความพรนุ ของดนิ รว่ นและดนิ เหนียว ทีม่ า : บุญลอย มูลนอ้ ย, 2559 บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
28 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
29 การทดสอบเน้อื ดนิ วัสดอุ ุปกรณ์และสารเคมี รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม 1. ตะแกรงเบอร์ 10 1 กล่อง 2. กระดาษลิตมัสสีแดง 1 กล่อง 3. กระดาษยูนเิ วอร์แชลอินดิเคเตอร์ 1 กลอ่ ง 4. กระจกนาฬิกา 2 ใบ 5. กระบอกฉีดนา้ 1 ใบ 6. นา้ 400 cm3 7. ตัวอยา่ งดินท่ี 1 ดินใตต้ ้นไม้ 100 กรัม 8. ตวั อย่างดินที่ 2 ดินใกลห้ ้องนา้ 100 กรมั วธิ ที ดลอง 1. นาตะแกรงเบอร์ 10 มาร่อนแยกเศษหนิ กรวด ซากพชื และซากสตั วอ์ อก 2. นาดินมาวางในอุ้งมือ ปริมาณดนิ ทใ่ี ชเ้ ม่ือวางแล้วใหม้ ีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 2 เซนตเิ มตร 3. ทาใหช้ น้ื โดยการฉีดน้าลงไป ใช้นิว้ นวดดนิ จนมคี วามชื้นทั่วทั้งก้อน 4. ใชน้ ิ้วหวั แม่มอื และนว้ิ ชส้ี ัมผสั และบบี ทดสอบดนิ ทดลองปัน้ และรดี ดินใหเ้ ปน็ เสน้ 5. เปรียบเทยี บลกั ษณะของดิน ภาพมอื บ้ีดนิ ภาพท่ี 1.13 การทดสอบเนื้อดนิ ท่มี า : บุญลอย มูลนอ้ ย, 2559 บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
30 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
31 การทดสอบความเปน็ กรด-เบส วสั ดอุ ุปกรณ์และสารเคมี รายการ ปริมาณ/กลุ่ม 1. กระดาษลิตมัสสนี ้าเงิน 1 กลอ่ ง 2. กระดาษลิตมสั สแี ดง 1 กล่อง 3. กระดาษยนู เิ วอรแ์ ชลอินดิเคเตอร์ 1 กลอ่ ง 4. กระจกนาฬกิ า 2 ใบ 5. กระบอกฉดี นา้ 1 ใบ 6. น้า 400 cm3 7. ตวั อย่างดินท่ี 1 ดนิ ใต้ตน้ ไม้ 100 กรัม 8. ตัวอยา่ งดนิ ท่ี 2 ดินใกล้ห้องน้า 100 กรัม วธิ ีทดลอง 1. ใช้กระดาษลิตมสั สนี า้ เงินหรอื สแี ดงโดยนากระดาษลติ มสั ทดสอบกับดินที่สงสัย ถา้ เปน็ กรดจะ เปล่ียนกระดาษลิตมสั สีนา้ เงนิ เป็นสีแดง และถ้าเป็นเบสจะเปลี่ยนกระดาษลติ มัสสแี ดงเป็นสนี า้ เงนิ 2. ใช้กระดาษยูนเิ วอรแ์ ซลอินดเิ คเตอร์ โดยนากระดาษยนู เิ วอร์แซลอินดเิ คเตอรท์ ดสอบกับดิน แล้ว นาไปเทยี บกบั แผ่นสที ขี่ ้างกล่อง 3. สงั เกตแล้วบนั ทกึ ผล 4. อภปิ รายผลที่ได้จากการทดลอง ภาพที่ 1.14 การทดสอบความเป็นกรด-เบส ทม่ี า : บญุ ลอย มลู น้อย, 2559 บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
32 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
33 การศึกษาสขี องดิน วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละสารเคมี รายการ ปริมาณ/กลมุ่ 1. ตัวอย่างดนิ ที่ 1 ดนิ ท่ขี ุดลงไป 15 ซม. จากผิวหน้า 100 กรัม 2. ตวั อยา่ งดินที่ 2 ดินท่ขี ุดลงไป 40 ซม. จากผวิ หน้า 100 กรัม 3. แวน่ ขยาย 4. แท่งแกว้ คนสาร 2 อนั 1 อนั วธิ ที ดลอง 1. นาตวั อยา่ งดนิ ที่ 1 และ 2 ใสล่ งในกระจกนาฬิกา ใชแ้ ว่นขยายส่อง สงั เกตลกั ษณะสีของดิน 2. การวดั สขี องดนิ โดยทัว่ ไปจะมีเทียบสีกับสมดุ สีมาตรฐาน 3. ถ้าไม่มสี มุด ให้สังเกตว่าดินชื้นหรอื แหง้ หากดนิ แหง้ ใหฉ้ ีดนา้ ดว้ ยกระบอกฉดี แล้วบ้เี ม็ดดนิ ใหแ้ ตก 4. สงั เกตสีโดยใหแ้ สงสวา่ งสอ่ งไปทเ่ี ม็ดดิน และบนั ทึกสดี นิ ท่ีได้ 5. การสงั เกตอาจมีได้มากกวา่ 1 สี ให้บันทกึ ได้มากสุดเพียง 2 สี โดยแยกเป็น (1) สีหลกั หรอื สีเดน่ และ (2) สีรอง แลว้ บันทึกผล 6. อภปิ รายผลที่ได้จากการทดลอง กระจกนาฬิกา ใสด่ นิ 2 ใบ แว่นขยาย ภาพที่ 1.15 การศกึ ษาสขี องดนิ ทีม่ า : บญุ ลอย มลู น้อย, 2559 บุญลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
34 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
35 การสารวจลักษณะช้นั ดิน วสั ดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี รายการ ปริมาณ/กลมุ่ 1. เคร่อื งมือขดุ ดิน ได้แก่ จอบ เสียม อย่างละ 1 อัน 2. ตลบั เมตร 1 อัน 3. ค้อนตอกตะปู 1 อนั 4. ตะปู 5 ตัว 5. แวน่ ขยาย 1 อัน 6. กระบอกฉดี น้าพร้อมบรรจุนา้ 1 อัน วิธีสารวจ 1. ขดุ หลมุ ขนาดกวา้ ง 1 เมตร ยาว 1 เมตร ลกึ ประมาณ 1-1.2 เมตร หรือใช้วิธศี กึ ษาหนา้ ตดั ขา้ ง ของดนิ 2. ให้สังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ หลมุ ดิน เกย่ี วกบั ลักษณะภมู ิประเทศ การใชป้ ระโยชน์ ท่ีดิน สภาพภมู ิอากาศ และอื่น ๆ ท่สี งั เกตได้ 3. วิธกี ารศึกษาชั้นหน้าตัดดิน ใหม้ องดูด้านข้างของหลมุ ดนิ ในตาแหนง่ ทีด่ วงอาทิตยส์ ่องแสงตรงท่ีสดุ สงั เกตดนิ จากชนั้ บนสุดลงมายังชนั้ ลา่ งสดุ อยา่ งละเอียดว่ามีกช่ี ้ัน 4. สังเกตความแตกต่างดนิ แต่ละชั้น เช่น สี เนื้อดิน และสงิ่ อืน่ ๆ ทปี่ รากฏ แลว้ กาหนดขอบเขตของ ชั้นดินท่ีมีความแตกตา่ งแตล่ ะชั้น 5. ใชต้ ลบั เมตรวัดความหนาช้นั ดินแต่ละช้นั 6. จากการสังเกตดินแตล่ ะชัน้ วาดภาพหน้าตดั ข้างของดินพรอ้ มระบุลักษณะของชน้ั ดิน 7. อภปิ รายผลที่ได้ จากการสังเกต และจาแนกชัน้ ดินโดยใชเ้ กณฑท์ ี่นักเรยี นกาหนดข้ึน บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
36 ภาพท่ี 1.16 การสารวจลักษณะช้นั ดนิ ทีม่ า : บุญลอย มูลนอ้ ย, 2560 แบบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 3 เรื่อง สมบัติของดนิ การทดลอง เร่ือง สมบัตขิ องดนิ วนั ที่ทาการทดลอง ........................................................... รายชอื่ สมาชิกในกลุ่ม 1. .......................................................................... เลขที่.............. ช้นั ม.............. 2. .......................................................................... เลขที.่ ............. ชน้ั ม.............. 3. .......................................................................... เลขท่.ี ............. ชน้ั ม.............. 4. .......................................................................... เลขท่ี.............. ชน้ั ม.............. 5. .......................................................................... เลขท.่ี ............. ช้นั ม.............. จดุ ประสงคก์ ารทดลอง : ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. สมมติฐาน : ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... กาหนดตวั แปร : ตวั แปรตน้ หรือตัวแปรอสิ ระ : .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ตัวแปรตาม : ..................................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ..................................................... บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
37 ............................................................................................................................. ................................................. ตัวแปรควบคมุ : ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บุญลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
38 ผลการทดลอง (ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง) ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... .............................................................................................. ................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... ................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. บุญลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
39 ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
40 อภปิ รายผลการทดลอง 1. ส่ิงตา่ ง ๆ ที่ปนอยู่ในดินแต่ละชั้น เหมือนหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ดนิ ท่นี ามาจากแต่ละแหลง่ มีสขี องดิน เนอ้ื ดนิ และค่าความเป็นกรด-เบสเหมือนหรือ แตกต่างกนั หรือไม่ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 3. สขี องดินทง้ั 2 ระดบั เหมือนหรือต่างกันอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 4. เนอื้ ของดนิ ทง้ั 2 ระดบั เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. ลกั ษณะการตกตะกอนของดนิ ทงั้ 2 ระดบั เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ................................................. 6. สงิ่ ทเี่ หลือคา้ งบนผา้ ขาวบางของดนิ ทั้ง 2 ระดบั มคี วามแตกตา่ งกันอย่างไร ...................................................................................................................................... ........................................ .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 7. ถา้ ใช้ความลึกของดินเปน็ เกณฑ์ นักเรยี นสามารถจาแนกดินได้ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง .............................................................................................................................. ................................................ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
41 .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
42 สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
43 ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
44 ใบความร้ทู ่ี 3 เร่อื ง สมบตั ขิ องดนิ สมบัตทิ ่ีสาคัญของดนิ ที่จะกล่าวถึงในทีน่ ี้ มี 2 กลมุ่ ดังน้ี สมบตั ิทางกายภาพของดนิ 1. สมบัตทิ างกายภาพ เป็นลักษณะภายนอกของดนิ ทสี่ ามารถมองเหน็ และจบั ต้องหรือสมั ผัสได้ ได้แก่ ช้นั หนา้ ตดั ดนิ สดี นิ และเนื้อดนิ 2. สมบตั ทิ างเคมี เป็นลกัษณะภายในของดินทเ่ี ราไม่สามารถจะมองเหน็ หรือสัมผสั ได้โดยตรง ได้แก่ ความเปน็ กรด – เบสของดิน ช้นั หน้าตัดดนิ คือ ช้นั ต่าง ๆ ท่ีปรากฏอยใู่ นหนา้ ตดั ดนิ ซงึ่ ช้นั ต่าง ๆ ในดินที่เราใช้เพาะปลูกพชื อาจจะแบง่ อยา่ ง งา่ ย ๆ ดงั น้ี 1. ชัน้ ดินบน หรือเรียกว่า “ช้ันไถพรวน” โดยท่วั ไปมีความหนาประมาณ 15 - 30 เซนติเมตร จาก ผวิ หน้าดนิ ชน้ั ดนิ บนนี้เป็นชน้ั ทีเ่ หมาะสมต่อการเพาะปลูก เพราะเปน็ ชั้นท่ีมีอินทรียวัตถุหรอื ฮวิ มสั สงู กว่าช้ัน ดนิ อนื่ ๆ โดยปกติจะมีสคี ล้าหรอื ดากว่าช้นั อื่น ๆ รากพชื ส่วนใหญ่จะชอนไชหาอาหารอยู่ในชว่ งชัน้ น้ี 2. ชนั้ ดินลา่ ง เปน็ ช้นั ทม่ี ีอนิ ทรยี วตั ถนุ ้อยกวา่ รากพชื ทช่ี อนไชลงมาถงึ ชน้ั นีส้ ว่ นใหญ่จะเป็น รากของ ไมผ้ ลหรอื ไม้ยืนต้นท่ีมขี นาดใหญ่ ทัง้ น้เี พ่ือยดึ เกาะดินไวใ้ ห้พืชทรงตวั อยู่ได้ ไม่โค่นลม้ ลงได้ง่าย เม่ือมีลมพัดแรง บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
45 ภาพที่ 1.15 ดินชน้ั บนและดินชน้ั ล่าง ทีม่ า : http://www.landscape-and-garden.com/garden-soil/default.aspx บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
46 หากเราแบ่งช้นั หนา้ ตัดดนิ อย่างละเอยี ดแล้ว แบ่งเปน็ ช้นั ดินหลกั ได้ 5 ช้นั ด้วยกัน คือ O – A – E – B – C แตช่ นั้ ทีเ่ ปน็ องค์ประกอบหน้าตดั ดิน อาจมชี นั้ R อย่ใู ตส้ ุดของชนั้ ดินหลกั ดว้ ย โดยท่วั ไป ชัน้ R ถือวา่ เปน็ ชั้นหินพื้น ซ่ึงอาจจะเกีย่ วข้องกับชั้นดนิ หลักตอนบนหรือไม่ก็ได้ ซึ่งขนึ้ อยู่กับ ชนิดของวตั ถตุ น้ กาเนิดและ กระบวนการทางธรณีทเ่ี กย่ี วข้อง ช้นั ดินหลักต่าง ๆ มลี ักษณะโดยทวั่ ไปดังนี้ “ชั้น O” หรอื ช้นั ดินอนิ ทรีย์ คือ ชั้นทม่ี กี ารสะสมอนิ ทรียวัตถุท์ งั้ ที่มาจากพชื และสัตว์ “ชนั้ A” หรอื ชน้ั ดนิ บน เปน็ ชัน้ ดนิ ทปี่ ระกอบด้วย อนิ ทรียวตั ถุทส่ี ลายตวั แล้วผสมคลุกเคลา้ อยกู่ ับ แรธ่ าตใุ นดิน มักมีสีคลา้ “ชน้ั E” หรือ ช้ันชะลา้ ง เป็นชน้ั ดนิ ท่ีมีสีซดี จาง มีปริมาณอินทรียวตั ถุน้อยกว่ากว่าชนั้ A และมักจะ มเี นอ้ื ดนิ หยาบกว่าชนั้ B ทอี่ ยู่ตอนลา่ งลงไป “ชัน้ B” หรือ ชั้นดินล่าง เป็นช้นั ทแี่ สดงถงึ การเคล่ือนย้ายมาสะสมของวัสดุตา่ ง ๆ เช่น อนุภาคดนิ เหนียว “ช้ัน C” หรือ ชัน้ วตั ถตุ ้นกาเนิดดนิ เปน็ ชั้นของวัสดุทเี่ กาะตัวกนั อยู่หลวม ๆ อยใู่ ตช้ ัน้ ท่ีเป็นดิน ประกอบดว้ ยหินและแร่ทกี่ าลังผุพงั สลายตัว “ชั้น R” หรือ ช้ันหินพื้น เป็นชนั้ หนิ แขง็ ท่ยี ังไมผ่ พุ ัง สลายตัว อาจจะมหี รือไม่มใี นหนา้ ตัดดนิ ก็ได้ ภาพท่ี 1.16 แสดงชน้ั หน้าตัดดนิ ท่ีมา : http://1.179.134.197/digitalschool/science1_2_2/science14/page1_10.php บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
47 สีของดนิ สดี ิน เป็นสมบตั ขิ องดนิ ทม่ี องเห็นไดช้ ดั เจน เปน็ คณุ สมบัติที่สะท้อนถึงสภาพแวดล้อม กระบวนการ เกดิ ดิน แร่ที่เป็นองคป์ ระกอบของดิน หรือวสั ดอุ ่ืน ๆ ท่ีอยู่ในดนิ การสงั เกตสีของดนิ ทาให้เราสามารถประเมินสมบัติทางกายภาพและเคมีบางอยา่ งของดินได้ เชน่ สภาพการระบายนา้ ของดนิ ระดบั น้าใตด้ ิน หรือความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน ภาพท่ี 1.17 แสดงสขี องดินท่ีแตกต่างกัน ท่มี า : https://anthropocenesoil.wordpress.com/2011/12/16/koichi-kurita-soil-library/ ดนิ สนี ้าตาลเข้มหรอื สดี า แสดงวา่ - ดินนน้ั มีอินทรียวัตถุอยใู่ นดินมาก หรือ เปน็ ดนิ ท่เี กดิ จากการผุพัง สลายตัวของหนิ -แร่ ที่มีสีเขม้ เช่น หนิ ภเู ขาไฟพวกบะซอลท์ แกบโบร - มักมีความอุดมสมบรู ณส์ ูง เน่อื งจากมอี ินทรยี วตั ถมุ าก - ถา้ เป็นดินที่ลุม่ ตา่ หน้าดินมีสีคลา้ และดนิ ช้นั ล่างมีสีเทา เน่ืองจากสภาพ อบั อากาศ จะต้องเตรยี มการระบายน้า บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
48 ดนิ สขี าวหรือสีเทาออ่ น แสดงว่า - อาจเกดิ จากวตั ถตุ ้นกาเนิดดิน มาจากหนิ ทมี่ ีสจี าง หรอื เป็นทรายมาก หรือ บริเวณท่ีมีสจี างน้นั เกิดกระบวนการทางดนิ ท่ีทำาให้ธาตุตา่ ง ๆ ถกู ชะลา้ งออกไปจากชนั้ ดินจนหมด เชน่ ชน้ั ดิน E หรอื เกดิ จากการสะสม ของปนู (lime) หรือยปิ ซมั (gypsum) หรือเกลือชนิดตา่ ง ๆ กไ็ ด้ - มกั เป็นดินทม่ี ีความอดุ มสมบรู ณ์ตำา่ มกี ารระบายนา้ ดี ดนิ สีเหลืองหรือสีแดง แสดงว่า - เปน็ ดินทมี่ อี ัตราการผุพังสลายตวั สงู เนอื่ งจาก มีพวกออกไซด์ของเหลก็ เคลอื บผิวอนุภาคมาก - มกั เกิดในในบริเวณที่สงู ตามเนินเขาหรอื ที่ราบไหลเ่ ขา - ดนิ เหล่านีม้ กี ารระบายนา้ ดีถงึ ดีมาก ถา้ ดินมีการระบายน้าในหน้าตัดดิน ดีอยเู่ สมอ ส่วนใหญจ่ ะมสี แี ดง แต่ถ้าการระบายนา้ ของดินไม่ดีเท่ากรณี แรก ดนิ จะมีสเี หลือง ดนิ สเี ทาปนนา้ เงนิ แสดงวา่ - ดินบริเวณนัน้ อยใู่ นสภาวะที่มีนา้ ขังตลอด - มีการระบายนา้ ไมเ่ พียงพอ ทาใหส้ ารประกอบของเหลก็ อยู่ในรูปทีม่ สี ี เทา ดินสปี ระ (mottle color) หรอื ดนิ ท่ีมหี ลายสีผสมกนั แสดงวา่ ดนิ บรเิ วณนั้น อยใู่ นสภาพท่ีมีน้าแชข่ ังสลับสภาพท่ดี นิ แหง้ โดยทั่วไปมกั ปรากฏเป็นจุดประสีเหลืองหรอื สีแดงบนวัสดุพ้ืนสีเทา เป็น ผลมาจาก การเปลีย่ นแปลงของสารประกอบของเหล็ก ที่จะแสดงสีเทา เมอ่ื อยู่ในสภาวะท่ีมีน้าขัง (ขาดออกซเิ จน) และเปลีย่ นรูปเป็นสารทใี่ หส้ ี แดงเมื่ออยูใ่ นสภาวะดินแหง้ (มอี อกซเิ จนมาก) มกั จะพบในดินนาซ่ึงมีความสูงจากระดับน้าทะเลพอสมควร ซ่งึ นา้ ระบายจากหนา้ ตดั จนแห้งได้ในฤดูแล้งหลังการเกบ็ เกีย่ ว บุญลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
49 ภาพท่ี 1.17 สีของดนิ ที่มา : http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_forming.htm บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
50 เนอ้ื ดิน เน้ือดนิ หมายถึง องค์ประกอบเชิงกายภาพของดิน เราจะสังเกตไดว้ า่ ดินในแตล่ ะสถานทมี่ ี ลกั ษณะ แตกตา่ งกนั เน่ืองจากดนิ ประกอบขึ้นจากของอนุภาคตะกอนหลายขนาดอนุภาคที่ใหญ่ท่ีสุด คือ อนภุ าคทราย อนภุ าคขนาดรองลงมาคือ อนุภาคทรายแป้ง และอนุภาคท่ีมีขนาดเลก็ ทีส่ ดุ คือ อนุภาคดินเหนียว การรวมตัว กันของอนุภาคขนาดทราย ทรายแป้ง และดินเหนียว ในสดั สว่ นทีแ่ ตกต่างกนั ทาให้เกิดเป็นเนื้อดินชนิดต่าง ๆ ข้นึ มาในการจาแนกประเภทของเน้ือดนิ นน้ั จะถือเอาเปอร์เซ็นตข์ องอนุภาค ขนาดเหล่านี้ทม่ี ีอยู่ในดนิ นน้ั ๆ เป็นหลัก โดยทั่วไปเนอ้ื ดินอาจแบง่ เป็นกลมุ่ ใหญ่ ๆ ได้ 3 กลุม่ คอื 1. ดนิ ทราย เป็นดนิ ท่ีมีอนุภาคขนาดทรายเป็นองคป์ ระกอบอยมู่ ากกวา่ ร้อยละ 85 ลกั ษณะโดยทั่วไปจะเกาะตวั กันหลวม ๆ และมองเห็นเปน็ เม็ดเด่ียว ๆ ได้ ถา้ สัมผสั ดินท่ี อยใู่ นสภาพแห้งจะร้สู ึกสากมือ เมอ่ื ลองกาดินทีแ่ ห้งนี้ไวใ้ นองุ้ มือแลว้ คลายมือออกดนิ ก็ จะแตกออกจากกนั ได้ แต่ถ้ากาดินท่อี ยใู่ นสภาพช้นื จะสามารถ ทาใหเ้ ป็นก้อนหลวม ๆ ได้ ไมส่ ามารถรดี เป็นเสน้ ได้แต่พอสมั ผสั จะแตกออกจากกันทันที ดนิ ทรายมีการระบาย น้าและอากาศดีมาก แตม่ ีความสามารถในการอมุ้ นา้ ตา่ มีความอดุ มสมบรู ณ์ต่า เพราะ ความสามารถในการดูดยึดธาตุอาหารพืชมีน้อย 2. ดินร่วน โดยทัว่ ไปจะประกอบด้วยอนุภาคขนาดทราย ทรายแปง้ และดิน เหนียวในปรมิ าณใกลเ้ คยี งกนั สัมผัสเน้ือดนิ คอ่ นขา้ งละเอยี ด นมุ่ มอื ในสภาพดนิ แหง้ จะ จับกันเปน็ ก้อนแข็งพอประมาณ ใน สภาพดนิ ช้ืนจะยดื หยุ่นได้บา้ ง เม่ือสัมผัสหรอื คลึง ดนิ จะร้สู ึกนมุ่ มือแต่อาจจะรสู้ ึกสากมืออยู่บ้างเล็กน้อย เม่ือกาดินให้แน่นในฝา่ มือแล้ว คลายมอื ออก ดนิ จะจบั กนั เป็นกอ้ นไม่แตกออกจากกนั สามารถรีดเปน็ เส้นสนั้ ๆ ได้ ดนิ ร่วนมีการระบายน้าไดด้ ีปานกลาง จัดเป็นเนื้อดินทม่ี ีความเหมาะสมสาหรับการ เพาะปลูก 3. ดินเหนียว เน้ือดนิ ประกอบดว้ ยอนุภาคขนาดดินเหนยี วตัง้ แต่ร้อยละ 40 ขึ้นไป มีอนุภาค ขนาดทราย ร้อยละ 45 หรือนอ้ ยกว่า และมอี นภุ าคขนาดทรายแป้ง น้อยกว่าร้อยละ 40 ดนิ เหนียวเปน็ ดนิ ท่มี เี นอื้ ละเอยี ด ในสภาพดินแห้งจะแตกออกเปน็ กอ้ นแข็งมาก เม่ือเปียกนา้ แล้วจะมีความยดื หยุ่น สามารถปั้นเปน็ กอ้ นหรือคลึงเปน็ เสน้ ยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมือ เปน็ ดนิ ที่มีการระบายนา้ และอากาศไม่ดี แต่สามารถ อุ้มน้า ดูดยึด และแลกเปลีย่ นธาตุอาหารพืชได้ดี เหมาะท่จี ะใชท้ านาปลูกขา้ วเพราะเกบ็ นา้ ไดน้ าน บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา
Search