เซลล์ (Cell) นางสาวนภิ าพร เขียวอ่อน ครู โรงเรยี นแม่เมาะวทิ ยา
สว่ นประกอบของเซลล์ ส่วนทห่ี อ่ ห้มุ เซลล์ 1. ผนังเซลล์ : Cell wall * เซลล์ : Cell 2. เยื่อหุ้มเซลล์ : Cell membrane โพรโทพลาซึม นิวเคลยี ส : Nucleus Protoplasm ไซโทพลาซึม : Cytoplasm ไซโทซอล : Cytosol ออรแ์ กเนลล์: organelle
ออรแ์ กเนลล์ : organelle ไม่มเี ย่ือห้มุ มีเยอื่ หุ้มช้ันเดียว มเี ยื่อหุ้ม 2 ช้ัน ไรโบโซม รา่ งแหเอนโดพลาซึม ไมโทคอนเดรยี เซนทรโิ อล ** กอลจบิ อดี คลอโรพลาสต์ * ไลโซโซม แวควิ โอล เพอร์ออกซโิ ซม
ผนังเซลล์ : Cell wall เปน็ ช้ันทแี่ ข็งแรงอยู่นอกสุดของเย่ือหมุ้ เซลล์ ประกอบดว้ ยคารโ์ บไฮเดรตเปน็ จานวนมาก ผนังเซลล์จะมี ลกั ษณะบางตอ่ มาจะหนาขนึ้ เพราะมกี ารสะสมสารตา่ ง ๆ โมเลกุลของเซลลูโลสที่เป็นองค์ประกอบหลักของผนังเซลลม์ ี ลกั ษณะเป็นสาย เรยี งตัวตามยาวเปน็ กลมุ่ มีชอ่ งใหเ้ ซลล์ท่อี ยใู่ กล้เคียงกันสามารถสง่ สารเคมีระหวา่ งกนั ได้
ผนังเซลล์ : Cell wall ยอมใหน้ า้ และสารอาหารผ่านไดโ้ ดยผา่ นบริเวณท่มี ผี นงั บางหรอื เป็นรเู รยี ก พิท (Pit) ซงึ่ มีชอ่ งเลก็ ๆใหไ้ ซโทพลา ซมึ ผา่ นได้ เรียก พลาสโมเดสมาตา (Plasmodesmata) ผนังเซลล์ พบไดใ้ นสิง่ มชี ีวิตหลากชนิด เช่น เซลล์พืช สาหรา่ ย แบคทเี รยี และรา
มี 2ชน้ั คอื : โครงสร้างของผนงั เซลล์ 1. Primary cell wall : cellulose, pectin 2. Secondary cell wall : cellulose
รปู ของผนงั เซลล์
หนา้ ทขี่ องผนงั เซลล์ 1. มีหน้าที่ป้องกันอนั ตรายและเพิม่ ความแขง็ แรงใหก้ ับเซลล์ 2. ทาให้เซลลค์ งรปู รา่ งอยไู่ ด้ เพราะโครงสร้างมีลกั ษณะแขง็ เป็นเหลย่ี มมมุ ทาให้เกิดเปน็ โครงรา่ งของลาตน้ พชื 3. เปน็ ทางผ่านของสารจากภายนอกสเู่ ซลล์
หนา้ ทขี่ องผนงั เซลล์ 4. เป็นผนงั กัน้ เซลล์และก่อใหเ้ กดิ เซลล์เพลตกั้นระหว่าง เซลล์ทเี่ กดิ ใหม่ 2 เซลล์ ในการแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ เพ่อื การเจริญเติบโตของพชื 5. ป้องกนั อนั ตรายทีจ่ ะเกดิ กับออร์แกเนลล์ภายในเซลล์
เย่อื หุ้มเซลล์ : Cell membrane
เย่ือหุ้มเซลล์ เปน็ โครงสร้างที่ใช้ห่อหุ้มส่วนของโปรโตพลาซึม เพ่ือใหเ้ ซลลค์ งรปู ร่างอยไู่ ด้ เป็นองคป์ ระกอบทส่ี ำคัญ พบในเซลล์สิง่ มีชวี ติ ทกุ ชนดิ
เยอ่ื ห้มุ เซลล์ Phospholipids bilayer
เยอ่ื หุม้ เซลล์ ไขมนั พวกฟอสโฟลพิ ิด สองชน้ั โดยหนั สว่ นท่ีไม่ ชอบน้า (Hydrophobic) ชนกนั และหันสว่ น ที่ ชอบน้า (Hydrophilic) ออกขา้ งนอก
นวิ เคลยี ส : Nucleus ประกอบดว้ ยสว่ นต่างๆ ดงั น้ี • Nuclear membrane (เยื่อหมุ้ นวิ เคลียส) มี 2ชน้ั • Nucleoplasm (nuclear sap) เป็น ของเหลวในนวิ เคลยี ส • Chromatin (chromosome) • Nucleolus
นวิ เคลยี ส : Nucleus • เปน็ แหลง่ พันธกุ รรม ถ่ายทอดไปยังรุ่นลกู หลานได้ • เปน็ ศนู ย์กลางควบคุม การทางานของเซลล์
เยื่อหุ้มนวิ เคลียส : Nuclear membrane • มลี ักษณะเปน็ เย่ือบางๆ 2 ชนั้ เยื่อแตล่ ะช้นั ประกอบด้วยลพิ ิด จดั เรยี งตวั เปน็ 2 ช้ัน และมโี ปรตีนแทรกอยู่เปน็ ระยะคล้ายกบั เย่ือ หุ้มเซลล์ • มีช่องเลก็ ๆทะลุผา่ นเย่อื ท้ังสองชั้น กระจายอย่ทู วั่ ไป เรยี กว่า นิวเคลียร์พอร์ (nuclear pore) หรอื แอนนลู สั (annulus) ทาหน้าท่ี เปน็ ทางผา่ นเข้าออกของสารระหวา่ งนวิ เคลียสและไซโทพลาซมึ
เยื่อห้มุ นวิ เคลียส : Nuclear membrane • เซลล์ของสิง่ มชี วี ติ เซลล์เดียวบางชนดิ ไม่มีเยือ่ หมุ้ นิวเคลยี ส ไดแ้ ก่ แบคทเี รยี และสาหร่ายสีเขยี วแกมน้าเงนิ หรอื ทเ่ี รยี กว่า ไซยาโนแบคทีเรีย (cyanobacteria) เซลลเ์ หลา่ นีเ้ รยี กวา่ เซลลโ์ พรคาริโอต (prokaryotic cell) • เซลลข์ องสิ่งมชี วี ิตที่มเี ยอื่ หุ้มนิวเคลียส เรียกวา่ เซลล์ยคู าริโอต (eukaryotic cell) ได้แก่ เซลล์ของพืช สตั ว์ และโพรทสิ ต์
เย่อื หุ้มนวิ เคลยี ส : Nuclear membrane
นวิ คลีโอพลาซมึ : Nucleoplasm นวิ คลีโอพลาสซึม หรอื คาลิโอลมิ พ์ (Nucleoplasm หรือ Karyolymph) มีลกั ษณะคล้ายโปรโตพลาสซมึ อยรู่ ะหวา่ ง เยื่อห้มุ นิวเคลียสและนวิ คลีโอลสั (nucleolus)
โครมาทิน : Chromatin เป็นสว่ นของนิวเคลียสท่ีย้อมตดิ สี เส้นเสน้ ใยเล็ก ๆ พันกนั เป็นรา่ งแหเรียกวา่ ร่างแหโครมาทิน (chromatin network) ซึ่งมีองคป์ ระกอบเป็น โปรตีนหลายชนิด และ DNA ในขณะที่นวิ เคลยี สมีการแบง่ ตัว โครมาทินจะขดตวั แนน่ ทาใหม้ ีขนาดใหญ่และสั้นลง เรียกวา่ โครโมโซม (chromosome)
โครมาทนิ : Chromatin
โครมาทิน : Chromatin ในการย้อมสีโครมาทินจะมกี ารตดิ สแี ตกต่างกนั ส่วนท่ีตดิ สเี ข้มจะไมม่ ยี ีนหรอื มีน้อยมากและไม่ทางาน เรยี กว่า เฮเทอโรโครมาทนิ (heterochromatin) ส่วนท่ีตดิ สีจาง เรยี กวา่ ยูโครมาทนิ (euchromatin) เป็นบรเิ วณท่ีอยู่ของยนี
นวิ คลโี อลสั : Nucleolus เปน็ ส่วนของนิวเคลียส คน้ พบโดยฟอนตานา ( Fontana ) เม่อื ปี ค.ศ. 1781 เปน็ บรเิ วณท่มี ีลักษณะทึบแสง จะปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อ ยอ้ มสีนิวเคลยี ส และจะสังเกตได้ชดั เจนขณะทใี่ นเซลลม์ กี าร สังเคราะห์โปรตีนมาก
นวิ คลีโอลัส: Nucleolus เปน็ โครงสร้างทไ่ี ม่มีเยือ่ หุ้ม ประกอบดว้ ย โปรตนี และ กรดนิวคลีอกิ ชนิด RNA เปน็ ส่วนใหญ่ และมี DNA ซ่ึงสรา้ ง RNA สาหรับเปน็ องคป์ ระกอบของไรโบโซม โปรตีนเปน็ ชนิดฟอสโฟโปรตนี (phosphoprotein) และ ไม่พบโปรตนี ฮีสโตนเลย
นวิ คลีโอลสั : Nucleolus พบเฉพาะเซลลข์ องพวกยูคาริโอตเทา่ นน้ั เซลล์อสจุ ิ เซลล์เม็ดเลือดแดง ทเ่ี จรญิ เตบิ โตเต็มท่ี ของสัตว์ เลย้ี งลูกด้วยน้านม และเซลล์ไฟเบอรข์ องกลา้ มเนอ้ื จะไม่มีนวิ คลีโอลัส นวิ คลีโอลสั มีหน้าท่ี สังเคราะห์ ไรโบโซม
นวิ คลโี อลสั : Nucleolus เปน็ โครงสรา้ งทไี่ ม่มเี ย่อื หุ้ม ประกอบด้วย โปรตีน และ กรดนิวคลีอกิ ชนิด RNA เปน็ สว่ นใหญ่ และมี DNA ซ่งึ สรา้ ง RNA สาหรับเปน็ องคป์ ระกอบของไรโบโซม โปรตีนเปน็ ชนิดฟอสโฟโปรตีน (phosphoprotein) และ ไม่พบโปรตนี ฮีสโตนเลย
ไรโบโซม : Ribosome • มขี นาดเลก็ มาก ประมาณ 100 – 200 องั สตรอม มีเยอ่ื หมุ้ ชน้ั เดยี ว • แมต้ รวจดดู ้วยกล้องจลุ ทรรศน์อเิ ลก็ ตรอน กจ็ ะเห็นเป็นเพยี งจดุ เท่านัน้ • พบบรเิ วณตดิ กับ endoplasmic reticulum บางสว่ นกระจายอยู่ ท่ัวไซโตพลาสซึม
ไรโบโซม : Ribosome • ribosome ประกอบด้วย 2 subunit ซง่ึ มีขนาดต่างกัน เรยี กชือ่ ตามความเรว็ ท่ตี กตะกอนลงมาเมื่อ centrifuge • ในสัตว์เล้ยี งลกู ด้วยนมและยีสต์ = 60s 40s • S = Svedberg
ไรโบโซม : Ribosome มีหน้าที่ สงั เคราะหโ์ ปรตนี
ไซโทสเกเลตอน : Cytoskeleton
ไซโทสเกเลตอน : Cytoskeleton
ไซโทสเกเลตอน : Cytoskeleton ระบบเสน้ ใยภายในเซลล์ เปน็ โปรตนี ขนาดเลก็ ทม่ี า รวมตัวกันเป็นเส้นใย ซงึ่ มบี ทบาทในการเคลื่อนทแี่ ละ การรวมตัวของเซลล์เป็นเนือ้ เยอ่ื พบทัง้ ในโพรคารโิ อต และยูคาริโอต
ไมโครทบู ูล : Microtubule มหี น่วยย่อยเปน็ ทวิ บูลิน(tubulin) มลี กั ษณะเปน็ ทรงกระบอกเสน้ ผ่าน ศนู ย์กลาง 25 nm (ชอ่ งข้างใน = 15nm) ประกอบดว้ ยเส้นใยย่อย 13 เสน้
ไมโครทบู ลู : Microtubule โครงสรา้ งของซิเลยี และแฟลกเจลลา เป็นเสน้ ใยท่ีประกอบด้วยการจัดตัวของ ไมโครทวิ บลู เป็น 9+2 คือ มีไมโครทิวบูลอยูร่ อบๆ 9 กลุม่ อยู่ตรงกลาง 2 อัน โคนของซเี ลียและแฟลกเจลลัม จะประกอบดว้ ย เบซัลบอดี 9+0 คือ มีไมโครทิวบลู อยู่รอบๆ 9 กลุ่ม อยูต่ รงกลางไมม่ ี ซิเลยี จะสน้ั กว่าแฟลกเจลลา มหี นา้ ทชี่ ว่ ยในการเคล่ือนที่
ไมโครทูบลู : Microtubule โครงสรา้ งของซเิ ลยี และแฟลกเจลลา
ไมโครทูบูล : Microtubule โครงสร้างเซนทรโิ อล ไมโครทิวบูลทจ่ี ดั ตัวแบบ 9+0 คือไมม่ ี ไมโครทวิ บลู ทอี่ ยตู่ รงกลาง พบเฉพาะในเซลล์สตั ว์ มีบทบาทในการแบ่งเซลล์ โดยเปน็ จุดเร่ิม ของการสร้างสายไมโครทิวบลู ไปจบั กับ โครโมโซม เพือ่ ดงึ ใหโ้ ครโมโซมเคล่อื นที่
อนิ เทอร์มเี ดียทฟิลาเมนต:์ Intermediate filament เป็นเสน้ ใยโปรตนี ทอ่ี ยใู่ นกลมุ่ เคอราติน (keratin family) มีเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 8-10 นาโนเมตร ประกอบดว้ ยเสน้ ใยโปรตีนหนว่ ยยอ่ ย ซึง่ เรียงตวั ป็นสาย ยาว ๆ 4 สาย 8 ชดุ พันบิดกนั เปน็ เกลียว จัดเรยี งตวั กันเปน็ รา่ งแหตามลักษณะของเซลล์
อินเทอร์มเี ดยี ทฟิลาเมนต:์ Intermediate filament หนา้ ทีข่ องอนิ เทอรม์ ีเดยี ทฟิลาเมนต์ ชว่ ยรักษารูปรา่ งของเซลล์อนิ เตอร์ ทนตอ่ แรงดึงภายนอก ช่วยยดึ ออรแ์ กเนลล์ บางอยา่ งใหอ้ ยู่กับท่ี เชน่ นวิ เคลียส สรา้ ง นวิ เคลยี ร์ลาร์มินาร์ (nuclear larminar) ซง่ึ เปน็ โครงสรา้ งร่างแห ภายในนิวเคลยี ส ทาหน้าทเี่ ป็นโครงรา่ งคา้ จุน ใหค้ วามแข็งแรงแก่ นวิ เคลียส
ไมโครฟลิ าเมนท:์ Microfilament ไมโครฟิลาเมนท์ หรือแอกทินฟิลาเมนท์ ประกอบดว้ ยเส้นไย โปรตนี ท่มี ขี นาดเส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 7 นาโนเมตร เกดิ จากโปรตนี แอกทนิ ซ่งึ มรี ูปรา่ งตอ่ กนั เป็นสาย 2 สายพนั บดิ กนั เปน็ เกลียวคล้ายสายสร้อยไขม่ ุก
ไมโครฟลิ าเมนท:์ Microfilament หน้าทีข่ องไมโครฟลิ าเมนท์ ควบคุมทศิ ทางการไหลของไซโทพลาสซมึ ในการเคลื่อนท่ีของเซลล์ เช่น อะมีบา เซลลเ์ มด็ เลือดขาว ทาหน้าทค่ี ้าจุน ซึง่ พบใน ไมโครวลิ ไล
รา่ งแหเอนโดพลาซมึ : Endoplasmic reticulum
รา่ งแหเอนโดพลาซมึ : Endoplasmic reticulum
รา่ งแหเอนโดพลาซมึ : Endoplasmic reticulum
รา่ งแหเอนโดพลาซึมชนดิ ขรุขระ : RER
รา่ งแหเอนโดพลาซึมชนดิ ขรุขระ : RER
รา่ งแหเอนโดพลาซึมชนดิ เรียบ : SER
ร่างแหเอนโดพลาซมึ ชนิดเรียบ : SER กาจดั สารพษิ เชน่ การทางานของเซลลต์ ับ ลดความเป็นพิษของยาบางชนิด กระตุ้นการทางานของกล้ามเนอ้ื โดย SER ในกล้ามเนื้อจะทา หน้าทีส่ ะสมแคลเซยี มไอออน เกย่ี วข้องกับการย่อยสลายไกลโคเจน
รา่ งแหเอนโดพลาซมึ ชนิดเรียบ : SER SER ในเซลล์ตับทาหนา้ ทขี่ นสง่ ไกลโคเจนและกลโู คส สงั เคราะห์สเตอรอยดฮ์ อร์โมน สะสมสารต่างๆ ลาเลยี งสารไปส่สู ่วนต่างๆ ของเซลล์ ควบคมุ การปล่อย-เกบ็ Ca2+ ในเซลลก์ ลา้ มเน้ือ
Search