Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สายใย สายสัมพันธ์

สายใย สายสัมพันธ์

Published by Karat Faucet, 2021-02-09 08:02:55

Description: สายใย สายสัมพันธ์

Search

Read the Text Version

[ จัดพมิ พ์ พุทธศกั ราช 2561 / 2018 ] 3

สารบญั กตญั ญกู ตเวทติ าพ่ออา้ ย – แม่งวิ้ 2 คำานาำ 5 4 ขอขอบคุณ 6 คาำ ปรารภจากคุณยุพิน กิตติวรภัทร 8 ประวัตขิ องตระกูล พ่ออา้ ย - แมง่ ิ้ว 10 ตำานานบา้ น พอ่ อ้าย-แม่งว้ิ 12 ทม่ี าและการต้งั เครอ่ื งไหวบ้ รรพบรุ ษุ ของตระกลู พ่ออ้าย - แม่งิว้ 22 ความภูมิใจของตระกลู พ่ออา้ ย-แม่งิว้ 26 ผใู้ หญเ่ ล่าเรือ่ ง 46 รายนามเครือญาติ ตระกูล พ่ออ้าย - แม่งว้ิ 63 ภาพประวัติศาสตร์ ทหี่ าดไู ด้ยาก 149 ภาพและกจิ กรรม งานทำาบุญรวมญาตปิ ระจำาปี 2560 151

คาำ นาำ ก่อนอ่ืนต้องขอกราบขอบพระคุณบรรพบุรุษผู้ ของตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว ควรต้องทําหน้าท่ีสืบสานเจตนารมณ์ของ บรรพบุรุษให้ดํารงอยู่ต่อไป และควรมีการจดบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่น ลว่ งลบั และญาตผิ ใู้ หญ ่ ผรู้ เิ รม่ิ จดั ทาํ บญุ ประจาํ ปขี องตระกลู หลังได้รู้จักรากเหง้าสาแหรกของตระกูลว่าเป็นใครมาจากไหน” จึง พอ่ อา้ ย-แม่ง้วิ ข้ึนมาคร้ังแรก ญาติผู้ใหญ่ของตระกูลได้มอง ทําให้คณะทํางานรวมตัวทํางานเป็นทีมได้อย่างลงตัว และพร้อมใจ การณไ์ กล และเลง็ เห็นความสาํ คญั ของการทาํ บญุ ประจําปี กนั ทํางานเพอื่ ให้หนังสอื ของตระกลู ออกมาสมบรู ณท์ ีส่ ดุ ใหแ้ กบ่ รรพบุรุษของตระกูลพ่ออา้ ย-แม่ง้วิ ซง่ึ ได้กําหนดเป็น หากการจดั ทาํ หนังสอื เล่มนี้ มขี อ้ บกพรอ่ งประการใด เชน่ การ วนั อาทติ ยท์ ี่ 3 ของเดอื นธนั วาคมของทกุ ป ี หรอื บางปอี าจเปน็ จัดพมิ พ์ช่อื นามสกุล ที่อยู ่ ของญาติๆ หลายทา่ นอาจผิดพลาด หรอื อาทิตยท์ ่ ี 2 ขน้ึ อย่กู บั ความสะดวกของเจา้ ภาพในปีน้นั ๆ วัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อประสานงานได้ ผู้ น้ีจึงเป็นวันสําคัญเพราะเป็นวันท่ีพวกเราได้มีโอกาสพบปะ เขียนขอน้อมรบั และขออภยั มา ณ โอกาสน้ี และหวงั เปน็ อย่างยงิ่ วา่ เครือญาติที่อยู่ห่างไกลกัน พวกเราจะกลับมารวมตัวกันอีก ลกู หลานรนุ่ ตอ่ ๆ ไป จะชว่ ยกนั สบื คน้ ประวตั ขิ องตระกลู พอ่ อา้ ย-แมงว้ิ ครัง้ ทที่ า่ ชา้ ง อาํ เภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบรุ ี ซ่ึง และจัดทําบัญชีเครือญาติให้ได้ครบสมบูรณ์ครบถ้วนได้มากย่ิงข้ึน เป็นถิ่นกําเนิดของต้นตระกูล เพื่อพร้อมใจกันทําบุญรําลึก ถงึ บรรพชนของตระกูลพอ่ อ้าย-แม่ง้วิ ของพวกเรา หนงั สอื ของตระกลู พอ่ อา้ ย-แมง่ ว้ิ เลม่ นเ้ี ปน็ เลม่ ท ี่ 4 จะ ด้วยรกั ไมส่ าํ เรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดหี ากไมไ่ ดร้ บั ความรว่ มมอื รว่ มใจจาก พรง้ิ พราย นธิ ยานนท์ เครือญาตขิ องทกุ สาย ต้องขอขอบคุณความรกั และกาํ ลงั ใจ ของทกุ ทา่ นมา ณ ทน่ี ดี้ ้วย โดยเฉพาะอย่างย่ิง คณุ อายพุ นิ สาย 4 กติ ติวรภัทร ทายาทสาย 7 ผเู้ ปน็ แกนหลักทั้งในการปรบั ปรุง รูปแบบการจัดงานทําบุญรวมญาติให้ดูทันสมัยเหมาะสม กับกาลเวลาที่เปล่ียนไป การจัดทําหนังสือเล่มนี้เป็นดําริ ของคณุ อายพุ นิ ทา่ นไดใ้ หข้ อ้ คดิ ทวี่ า่ “พวกเราเปน็ ลกู หลาน 5

ขอขอบคณุ หนังสือเล่มน้ีจะไม่สามารถจัดพิมพ์ออกมาได้สําเร็จ ขอขอบคุณ คุณอาสุขสันต์ มลิทอง สาย 7 คุณอาประมนต์ หากไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ และกาํ ลงั ใจจากญาตผิ ใู้ หญห่ ลาย ๆ สุธีวงศ์ สาย 7 คุณอาชัยเกษม นิติสิริ สาย 5 และพ่ีแอ๊ด คาราบาว ท่าน รวมถึงพ่ี-น้องของตระกูล จึงขอใช้พ้ืนที่น้ีกล่าวถึงเพื่อ สาย 1 ท่ีได้สละเวลาเขียนประวัติและเล่าผลงานให้ลูกหลานได้ทราบ เปน็ การแสดงความขอบคุณด้วยความเคารพรัก และเป็นแบบอย่างท่ีดีงามในการดํารงชีวิตในฐานะคนไทยท่ีได้สร้าง ขอขอบคุณ คุณป้ารัตนา วัชราไทย สาย 1, คุณอา คุณงามความดีให้แก่สังคมและประเทศชาติ เพ่ือให้ลูกหลานของ ศริ พิ ร จนั ทร์สว่าง สาย 4, คณุ อายพุ ิน หมื่นสกุ แสง สาย 1, ตระกูลเจริญรอยตามญาติผู้ใหญ่ท้ัง 4 ท่านเพื่อสร้างความภาคภูมิใจ คุณอาไพศาล นิติศิริ สาย 5 ท่ีกรุณาให้ข้อมูลประวัติของ ให้แก่วงศต์ ระกลู และบรรพชน ตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว รวมถึงความเป็นมาของบ้านพ่ออ้าย ขอขอบคณุ ญาตผิ ใู้ หญท่ เ่ี ปน็ ตวั แทนของแตล่ ะสาย ทไี่ ดส้ ละเวลา แมง่ ว้ิ และอกี ทา่ นทจี่ ะไมก่ ลา่ วถงึ ไมไ่ ดค้ อื พแ่ี อด๊ -คาราบาว เขียนบทความลงใน “ผู้ใหญ่เล่าเร่ือง” เป็นเน้ือหาที่มีคุณค่าแก่การ หรอื คณุ ยนื ยง โอภากลุ สาย1 ทไี่ ด้กรุณาอนญุ าตให้ถ่ายรูป จดจาํ ญาตผิ ู้ใหญ่ทงั้ 7 ทา่ นไดแ้ ก่ บ้านของพ่ออ้ายแม่งิ้วท่ีได้บูรณะอย่างประณีตงดงาม และ สาย 1 คุณอายุพิน หมื่นสุกแสง ยงั คงอนุรักษ์ลวดลายตา่ งๆ ไว้ได้ดงั เดิม รวมถึงไดก้ รณุ าส่ง สาย 2 คุณยายประชุม วิมลอนุพงษ์ รูปบ้านที่อยู่ในสภาพเดิมก่อนบูรณะมาให้ จึงทําให้เน้ือหา สาย 3 คุณอาประพนธ์ สุวรรณประทปี ตาํ นานของบ้านพ่ออ้ายแม่งิว้ สมบรู ณ์มากยง่ิ ขึน้ สาย 4 คณุ อาศิริพร จนั ทรส์ ว่าง ขอขอบคุณอาเอกศักดิ์ เจริญกาลัญญู (คุณอาฟัด) สาย 5 คณุ อาไพศาล นิตศิ ิริ สาย 1 ท่ีได้กรุณาให้ความรู้เก่ียวกับการตั้งเคร่ืองไหว้ สาย 6 คุณอาทรงพล พาณชิ ย์ บรรพบุรุษของตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว เพื่อให้ลูกหลานรุ่น สาย 7 คุณอาประมนต ์ สธุ วี งศ์ ต่อไปได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมการตั้งเครื่องไหว้บรรพบุรุษ ของตระกลู ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 6

ขอบคุณน้องๆ ที่น่ารักทุกคน ขอบคุณเอ(คุณไกรวุฒิ สีตล สุดท้ายขอขอบคุณครอบครัวตัวเอง พี่พงศ์ที่ให้คําแนะนําและ กาญจน์ สาย 1) กับเอิง(คุณกฤติกา สุธีวงศ์ สาย 7) ที่ช่วยรวบรวม น่ังเป็นเพ่ือนในขณะนั่งทําหนังสือในยามดึกดื่น ลูกต่อกับลูกแพรท่ีให้ และจัดหาข้อมูลให้ และหวาน(คุณปานเดช จันทร์สว่าง สาย 4) ที่ คําแนะนําด้านภาษา ขอบคุณพ่ีน้อย (คุณลิเลียน สุทธาโรจน์ สาย 4) ท้ัง 3 คนพาไปเก็บข้อมูลกับญาติผู้ใหญ่ท่ีท่าช้าง ขอบคุณขวัญ ที่ช่วยเกลาภาษาและช่วยตรวจทานในข้ันตอนสุดท้าย และแก้ปหลานรัก (คุณขวัญสกุล สีตลกาญจน์ สาย 1) ที่ช่วยเหลือในการเติมเต็ม (คณุ อตั ถสทิ ธ์ิ พพิ ธิ เมธานนท ์ สาย 4) ที่ชว่ ยปรับปรงุ หนา้ ปกหนงั สอื ข้อมูล ขอบคุณปาลม์ (คณุ ปารมี พานิช สาย 3) ที่ช่วยเหลอื ในการ รวบรวมรูปของต้นตระกูลทั้ง 7 สาย ขอบคุณโม (คุณวทัญญู นิธ พรงิ้ พราย นธิ ยานนท์ ยายน สาย 4) ท่ีช่วยประสานรายชื่อเครอื ญาติไดค้ รบถ้วนมากขนึ้ สาย 4 ขอขอบคุณญาติๆ ที่ได้กรุณาสละเวลารวบรวมบัญชีรายช่ือ ของแต่ละสาย เพ่ือให้หนงั สือเล่มนส้ี มบูรณท์ ีส่ ุดเทา่ ท่ีจะเป็นไปได ้ ขอบคุณคุณอาเขมา ตั้งใจม่ัน สาย 6 ท่ีได้กรุณาเขียน บทกลอน เพื่อให้ลูกหลานได้ตระหนักถึงวันสําคัญที่พวกเราจะได้มี โอกาสมารว่ มทาํ บญุ ใหแ้ ก่บรรพบุรุษของตระกลู ทุก ๆ ปี บุคคลสําคัญท่ีขอขอบคุณอีกท่าน คือคุณอายุพิน กิตติวรภัทร สาย 7 ทีเ่ ปน็ หลกั และเปน็ กาํ ลงั ใจในการจัดทําหนงั สือเลม่ นี้ 7

คำาปรารภจาก คณุ ยุพิน กติ ตวิ รภทั ร มองยอ้ นกลบั ไปเมอื่ ป ี พ.ศ. 2511 มคี ณะลกู หลานพอ่ ทุกปี จะมีบางปีท่ีลูกหลานสายใด ประกอบธุรกิจการค้าประสบ อา้ ย -แมง่ ว้ิ หลายทา่ นไดม้ คี วามรเิ รม่ิ สรา้ งกฎุ พี อ่ อา้ ย – แมง่ ว้ิ ความสําเร็จก็จะนําเงินมาสมทบกองทุนนี้ด้วย ดังนั้นสายที่เป็นเจ้า เพอื่ เปน็ อนสุ รณแ์ ละเกบ็ อฐั ขิ องพอ่ อา้ ย – แมง่ วิ้ รวมถงึ บรรดา ภาพจึงไม่ต้องจัดหางบประมาณ คงดูแลการเซ่นไหว้บรรพบุรุษท่ี ลูกหลานและเหลนเม่ือสิ้นชีวิตแล้วให้มาบรรจุไว้ท่ีอนุสรณ์ กุฎีอนุสรณ์ และต้อนรับญาติๆทุกสายท่ีจะมาร่วมงาน เพ่ือถามไถ่ โดยกาํ หนดใหม้ กี ารทาํ บุญอุทศิ สว่ นกศุ ลใหพ้ อ่ อ้าย – แม่งว้ิ สารทกุ ข์สุกดบิ หรือตา่ งก็มขี องฝากมามอบใหก้ ันและกนั แนะนําลูก รวมถึงลูกหลานทุกคนในเดือนธันวาคมของทุกปี เริ่มตั้งแต่ หลานใหม้ ารจู้ กั ทาํ ความเคารพผอู้ าวโุ สและญาตติ า่ งสาย เพอ่ื ใหเ้ กดิ สร้างอนุสรณ์เสร็จในปี พ.ศ.2512 ประเดิมการทําบุญโดย ความคุน้ เคย มีโอกาสชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ในโอกาสต่อไป เครือญาตสิ ายท ่ี 1 เปน็ เจ้าภาพประกอบพิธที ําบุญ โดยเชญิ จากป ี พ.ศ.2512 จนมาถงึ ปี พ.ศ.2547 กาลเวลาเปลี่ยน ญาติ เครอื ญาติท้ัง 7 สาย มารว่ มรับประทานอาหารดว้ ยกัน หลัง ผู้อาวุโสนับวันเหลือจํานวนไม่มาก และมีลูกหลานรุ่นใหม่ๆเกิดมา เสรจ็ พธิ ที างศาสนา จงึ ถอื เปน็ การเรมิ่ ตน้ ของงานทาํ บญุ รวม อีกจํานวนมาก แตร่ ูปแบบของการจดั งานรวมญาติพอ่ อ้าย – แมง่ วิ้ ญาตทิ งั้ 7 สาย ตงั้ แต ่ พ.ศ. 2512 เปน็ ตน้ มา และเปน็ ทต่ี กลง ยงั คงมีรปู แบบเชน่ เดิม ในขณะทโ่ี ลกและสังคมเปลย่ี นแปลงไปมาก กนั เครอื ญาตสิ ายลาํ ดบั ตอ่ ไปกม็ หี นา้ ทกี่ ารจดั งานรวมญาติ แลว้ หากงานรวมญาตพิ อ่ อา้ ย – แมง่ วิ้ ของเราไมป่ รบั เปลย่ี นใหท้ นั ยคุ ทุกสาย จากสาย 1 ถงึ สาย 7 เวยี นกนั ไปเชน่ นีท้ กุ ปี สมัย เกรงว่าความสนใจในการทําบุญงานรวมญาติของรุ่นลูกหลาน ถามวา่ การจดั งานนไี้ ด้งบประมาณมาจากที่ใด กล่าว จะลดลง ดังน้ันเราควรจะทําอย่างไรให้การมาร่วมทําบุญงานรวม คือบรรพบุรุษผู้ก่อต้ังอนุสรณ์ ได้ร่วมกันบริจาคสบทบ ญาตขิ องทุกปีใหม้ ลี ูกหลานรอคอยทจ่ี ะมาร่วมงานน ี้ มาเพ่อื ราํ ลกึ ถงึ ทุนกันเป็นกองทุนจํานวนหนึ่ง มอบให้คุณไพศาล นิติศิริ พระคณุ ของพ่ออา้ ย – แมง่ ิ้ว และบรรพบรุ ุษทงั้ 7 สาย ทายาทสาย 5 เป็นผู้ดูแลการเงิน ทําบัญชีรายรับ – ราย ดังนั้นในปี พ.ศ.2547 ในงานรวมญาติของสายท่ี 7 จึงได้ จ่าย โดยนําเงินกองทุนฝากไว้กับธนาคาร ซ่ึงในอดีตท่ีผ่าน เสนอแนะในท่ีประชุมของญาตทิ ้งั 7 สาย ขอใหส้ ่งตวั แทนซง่ึ เป็นลูก มาดอกเบ้ียเงินฝากมีอัตราสูง ทําให้กองทุนมีปริมาณเงิน หลานรุ่นใหม่มาเป็นคณะทํางานของตระกูลพ่ออ้าย - แม่งิ้ว แทน เพ่ิมสูงขึ้น บรรพบุรุษผู้ก่อต้ังอนุสรณ์และกองทุนนี้จึงให้ลูก ญาติผู้ใหญ่หลายท่านซึ่งอาวุโสมากแล้วควรให้ท่านได้พักผ่อน หลานนําดอกผลของเงินฝากมาใช้ในการจัดงานรวมญาติ 8

ในวันน้ันทุกสายให้ความร่วมมือส่งตัวแทนของสายมาครบทุกสาย เป็นการโชคดีที่ลูกหลานสายท่ี 4 คือคุณพร้ิงพราย นิธยา จงึ เปน็ ทนี่ า่ ยนิ ดกี บั ปรากฏการณใ์ หมน่ ี้ และเปน็ ทมี่ าวา่ ทาํ ไมงานทาํ บญุ นนท์ รับหน้าที่บรรณาธิการ มีคุณไกรวุฒิ ศรีตลกาญจน์ สายท่ี รวมญาตพิ อ่ อา้ ย - แมง่ ว้ิ จงึ ตอ้ งมกี าร Change ใหเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั ทง้ั นเี้ พอ่ื 1 คุณกฤติกา สุธีวงศ์ สายท่ี 7 ร่วมกันออกสัมภาษณ์ญาติผู้ใหญ่ ปรบั เปลยี่ นใหค้ นรนุ่ ใหมม่ าทาํ หนา้ ทสี่ บื สานเจตนารมณข์ องบรรพบรุ ษุ ทุกสายที่ยังมีชีวิตอยู่ เพ่ือให้ลําดับเรียบเรียงเล่าเร่ืองเก่ียวกับพ่อ ตอ่ ไป อ้าย – แม่งิ้ว และบรรพบุรุษท้ัง 7 สาย จากความทรงจําของท่าน ปี พ.ศ. 2558 สายท่ี 4 เป็นเจ้าภาพจัดงานรวมญาติ ที่ประชุม เหล่าน้ัน ส่วนกรรมการคณะทํางานสายอ่ืนๆก็ร่วมกันติดตาม เครือญาติเริ่มนัดหมายกับตัวแทนทั้ง 7 สายท่ีได้รับการประกาศ ภาพถ่ายในอดีตเพ่ือส่งให้กองบรรณาธิการรวบรวม เพ่ือประกอบ ใหเ้ ปน็ คณะทาํ งานตระกลู พอ่ อา้ ย – แมง่ วิ้ ทกุ คนยนื ยนั วา่ มคี วามพรอ้ ม ประวัติของตระกูลพอ่ อา้ ย – แม่งิว้ เทา่ ท่ีจะสามารถทําได้ ทีจ่ ะเร่ิมทํางาน 16 ธันวาคม 2561 งานรวมญาติปีน ี้ ญาติทกุ สายจะมีโอกาส จากวันที ่ 5 มนี าคม 2559 เป็นต้นมา คณะทํางานชดุ น้ีเร่มิ ทาํ งาน เป็นเจ้าของหนังสือเล่มที่ 4 ไปไว้เป็นท่ีระลึกถึงต้นตระกูล รว่ มกนั มาประชมุ กนั อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง แบง่ หนา้ ทก่ี นั รบั ผดิ ชอบ ไดเ้ สนอ พอ่ อ้าย - แม่ง้ิว แนะสาระที่สําคัญ คือ ขอให้มีการจัดทําหนังสือรวมญาติพ่ออ้าย-แม่ ในนามของคณะทํางานพ่ออ้าย – แม่ง้ิว ขอช่ืนชมและช่ืนใจ ง้ิว เลม่ ท ี่ 4 ซึ่งเดิมก่อนหนา้ นี้มีการจัดพมิ พ์มาแลว้ 3 เล่ม แต่ปจั จบุ นั กับน้ําใจของลูกหลานที่เป็นคณะทํางานทุกคนท่ีได้ทุ่มเทแรงกาย ลูกหลานรุ่นใหม่เกิดเพ่ิมขยายอีกจํานวนมาก คณะทํางานดําริร่วมกัน แรงใจ จนบรรลุเป้าหมาย สมกับเป็นลูกหลาน เลือดเน้ือเชื้อไข ว่าควรหาข้อมูลต้ังแต่คร้ังพ่ออ้าย – แม่งิ้วยังมีชีวิตอยู่ ท่านประกอบ ของพอ่ อ้าย - แม่งว้ิ อาชพี อะไร การดาํ เนินชวี ิตสมยั นั้นเปน็ อยา่ งไร และทา่ นเสียชีวิตเมอื่ ไร และลกู ๆ ทั้ง 7 คนของท่าน ก็คอื บรรพบุรษุ ของ 7 สายตระกลู พ่ออ้าย จากใจ – แม่ง้ิว มีการดํารงชีพและความเป็นอยู่อย่างไร เพ่ือจะได้นําประวัติ ยพุ ิน กติ ติวรภัทร ดังกล่าวลงพิมพ์ในหนังสือรวมญาติเล่มที่ 4 ตระกูลพ่ออ้าย – แม่ง้ิว สาย 7 9

ประวตั ิ พ่ออา้ ย - แม่งวิ้ จากการตรวจสอบหาขอ้ มลู ของตน้ ตระกลู พอ่ อา้ ย-แมง่ ว้ิ รูปถ่ายของนางศีลา ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2470 ขณะนั้นอายุ ยังไม่พบหลักฐานการจดบันทกึ ใดๆ ทีจ่ ะสรปุ ไดว้ ่า ทัง้ สองท่าน ๖๐ ปี ดังนั้นจึงนับได้ว่านางศีลา เกิดในปีพ.ศ. 2410 พ่ออ้าย มีประวัติความเป็นมาอย่างไร จากการได้สอบถามญาติผู้ใหญ่ แม่ง้ิวน่าจะเกิดก่อนนางศีลาไม่ต่ํากว่า 20 ปี จึงต้ังสมมุติฐาน พอจะสันนษิ ฐานไดว้ า่ พ่ออ้าย แซ่ตัง้ เดิมชื่อ นายไอ ่ แซต่ ้ัง เปน็ ได้ว่า พ่ออ้ายแม่งิ้วน่าจะเกิดก่อนปี พ.ศ. 2390 ซึ่งตรงกับรัช คนแตจ้ ว๋ิ อพยพมาจากเมอื งจนี คาดวา่ นา่ จะเขา้ มาอยเู่ มอื งไทย สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 3 ทรงครองราชย์ ในสมยั รชั กาลท ่ี 3 โดยการคาํ นวณอายแุ ละชว่ งปที เ่ี กดิ ของนาง ตั้งแต่วนั ท ี่ 21 กรกฎาคม 2367 - วันท่ ี 2 เมษายน 2394) ศีลา ซ่งึ เป็นลกู คนโต แมง่ วิ้ เดมิ แซ่ฉ่ัว ญาตผิ ใู้ หญ่เลา่ วา่ ท่านมี ในอดีต คนมักมีความเชื่อโบราณอย่างหนึ่งว่าการถ่ายรูปตัวเอง พนื้ เพเปน็ คนศรีประจันต ์ มีพี่ชาย 1 คน เมอื่ โตข้ึนแมง่ ิ้วกบั คณุ จะทําให้อายุส้ัน บังเอิญท่ีนางศีลาถ่ายรูปได้ 2 ปี ก็ถึงแก่กรรมเมื่อ พ่อได้ย้ายมาอยู่ท่าช้าง โดยท่ีพ่ีชายไม่ได้ย้ายตามมาด้วย พ่อ อายุได้ 62 ปี จึงทําให้ญาติผู้ใหญ่บางท่านมีความเช่ือและไม่ยอม อา้ ย-แมง่ ว้ิ มีบุตร-ธิดารวม 7 คน โดยเรยี งลาํ ดบั ได้ดงั น้ี ถ่ายรูปของตนเอง 1. นางศีลา แซ่ตง้ั ต้นตระกลู ศลี าเจริญ การประกอบอาชีพของพ่ออ้าย-แม่ง้ิว จากข้อมูลการเล่า 2. นายกวย แซ่ตัง้ ต้นตระกูลสวุ รรณสถติ ย์ ต่อๆ มา บ้านพ่ออ้าย-แม่ง้ิว เป็นบ้านหลังใหญ่มีบริเวณกว้าง และ 3. นางชัง แซต่ ้ัง ต้นตระกูลพานิช มียุ้งฉางหลังใหญ่หลายหลัง จึงสันนิษฐานได้ว่า ท่านคงจะมีท่ีนา 4 นางแหว้ แซต่ ัง้ ต้นตระกูลนธิ ยายน / นธิ ยานนท์ มาก แต่ไม่ได้มีการบันทึกและยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าท่านทํานาเอง 5. นางเขยี น แซ่ตง้ั ต้นตระกูลนิติสริ ิ หรือให้ผู้อื่นเช่าที่นา จากหลักฐานในสมุดข่อยของนายกวย สุวรรณ 6. นายโพธ ิ์ แซต่ ั้ง ตน้ ตระกูลพานชิ สถติ ย์ ลูกคนที ่ 2 ท่จี ดได้บนั ทกึ ไวล้ งบนสมดุ ข่อยดังน ี้ 7. นายใช้ แซ่ต้งั ตน้ ตระกูลสุธีวงศ์ / รตั นพาณชิ ย์ 1 นายเทยี่ ง นางใบ เอานา หนั พระ มาขายให้ ปชี วด เดอื น 3 นายเทยี่ งเอาเงนิ ไปซอื้ ควาย 600 ปลี ะ 2 เลม่ (ดอกเบย้ี ) เถาะ เดอื น 4 นายเท่ียงมากับนายโชต เอาเงินมาให้ 107 มะโรง เดอื น 3 นายเทยี่ งเอาเงินมาให้ 115 10

< รูปถา่ ยของนางศลี า ถ่ายเมอื่ ป ี พ.ศ. 2470 ขณะน้นั อายุ 60 ปี < หลกั ฐานในสมุดขอ่ ยของนายกวย สวุ รรณสถิตย์ ข้อมูลในสมุดข่อยของนายกวย สุวรรณสถิตย์ น่าจะอนุมานได้ ว่าบรรพบุรุษของตระกูล น่าจะมีฐานะ มีเงินซ้ือที่นาจากผู้อื่น และมีเงิน ปล่อยกู้กินดอกเบี้ย ดูจากลายมือที่เรียบร้อยสวยงาม บ่งบอกถึงเป็นผู้มี การศึกษามีความรู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครอบครัวพ่ออ้าย-แม่ง้ิวน่าจะเป็น ผู้มีฐานะดี เป็นผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง ลูกหลานจึงมีความรู้ในการ ประกอบอาชีพ ญาติผู้ใหญ่ได้เล่าว่า พ่ออ้ายมีร้านค้าขายเคร่ืองชํา จาก การท่ีได้มีโอกาสคุยกับญาติผู้ใหญ่ผู้อาวุโสหลายท่าน มีความเห็นพ้อง กนั วา่ ฐานะของพอ่ อ้าย-แม่งว้ิ สามารถจดั อยใู่ นระดับคหบดใี นสมยั นน้ั ได้ ผเู้ ขยี นหวงั วา่ ในอนาคตลกู หลานรนุ่ ตอ่ ๆ มา จะสามารถสบื คน้ เรอ่ื งราว ความเป็นมาของตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว ได้เพ่ิมขึ้น และช่วยกันนําข้อมูลมาลง บันทึกในหนงั สือของตระกูลเลม่ ตอ่ ไป 11

ตาำ นานบ้าน พ่ออา้ ย - แม่งว้ิ บ้านพ่ออ้าย-แม่งิ้ว เดิมต้ังอยู่ริมแม่น้ำาท่า จีนในซอยต้นมะขาม 1 ตำาบลเขาพระ อำาเภอเดิม บางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันมีอายุ ไม่ตำ่ากว่า 151 ปี สันนิษฐานจากรูปถ่ายของของ นางศีลาซึ่งเป็นลูกคนโตของพ่ออ้าย - แม่ง้ิว ถ่าย เมื่อปี พ.ศ. 2470 ขณะน้ันนางศีลาอายุ 60 ปี นนั่ หมายถงึ นางศลิ าเกดิ ในปี พ.ศ.2410 บา้ นไดส้ รา้ ง ก่อนนางศีลาเกิด แต่ไม่ทราบได้แน่ชัดว่าสร้างก่อน นางศิลาเกิดกี่ปี จึงสันนิษฐานได้ว่าบ้านน่าจะมีอายุ ไมต่ า่ำ กวา่ 151 ปี (พ.ศ.2561 - พ.ศ. 2410) และนา่ จะ สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2410 นับได้ว่าเป็นบ้าน ทเี่ ก่าแก่มากหลังหนึง่ 12



Legend ในสมยั กอ่ น คนไทยจะนยิ มอยกู่ ันเป็นครอบครัวใหญ่ ญาติพ่ี ผังบริเวณบา้ น นอ้ งจะอาศยั อยใู่ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งกนั เชน่ เดยี วกบั ลกู ๆ ของตระกลู “พ่ออา้ ย – แม่งวิ้ ” พอ่ อา้ ย-แมง่ วิ้ บา้ นพอ่ อา้ ย-แมง่ วิ้ มพี น้ื ทก่ี วา้ งขวางมาก มยี งุ้ ฉางหลงั ใหญห่ ลายหลงั ลกู ๆ ไดส้ รา้ งครอบครวั อยบู่ รเิ วณใกลก้ นั โดยมแี ปลง ** สาย 2 นายกวย ต้นตระกลู สวุ รรณสถติ ไดย้ ้ายไป อ.หนั คา ชัยนาท ท่ีดินอยู่ติดกัน แต่ตัวบ้านจะอยู่ห่างกันออกไป บ้านของนางเขียน ** สาย 4 นางแห้ว ตน้ ตระกูลนิธยายน และนิธยานนท์ ได้ยา้ ยไป อ.เมือง สพุ รรณบรุ ี ทายาทคนท่ี 5 ของพอ่ อา้ ย-แมง่ วิ้ ตน้ ตะกลู นติ สิ ริ ิ อยรู่ มิ แมน่ า้ํ ทา่ จนี จะตดิ กบั บา้ นนางศลี า ทายาทคนท ่ี 1 ตน้ ตระกลู ศลี าเจรญิ เยอ้ื งจาก บา้ นนางเขยี น จะเปน็ บา้ นนายใชท้ ายาทคนท ่ี 7 ซงึ่ เปน็ ลกู คนเลก็ ของ ครอบครวั ตน้ ตระกลู สธุ วี งศ ์ ถดั มาจะเปน็ บา้ นนางซงั ทายาทคนท ่ี 3 ต้นตระกูลพานิช บา้ นของนายโพธิ์ทายาทคนท่ี 6 ตน้ ตระกูลพานิช (สาย 6) จะอยถู่ ดั ออกมาดา้ นฝง่ั ที่ไม่ได้ตดิ แมน่ ้ํา นายกวยทายาทคนท ่ี 2 ตอ่ จากนางศลี า ตน้ ตระกลู สวุ รรณสถติ ย์ ไดย้ า้ ยครอบครวั ไปตง้ั ถน่ิ ฐานอยทู่ อ่ี าํ เภอหนั คา จงั หวดั ชยั นาท นางแหว้ ทายาทคนท ่ี 4 ตน้ ตระกลู นธิ ยายน/นธิ ยานนท ์ หลงั จากออกเรอื นแยก ครอบครวั แลว้ ทา่ นไดย้ า้ ยไปอยใู่ นอาํ เภอเมอื ง สพุ รรณบรุ ี นางแหว้ เปน็ ลกู สาวของพอ่ อา้ ย-แมง่ ว้ิ ทน่ี บั วา่ มอี ายยุ นื ทส่ี ดุ ในสมยั นน้ั คนทว่ั ไปอายุ เฉลย่ี ประมาณ 50-60 ป ี แตน่ างแหว้ มอี ายยุ นื ถงึ 93 ป ี (พ.ศ. 2417-พ.ศ. 2510) นางแหว้ เปน็ ญาตผิ ใู้ หญท่ ม่ี จี ติ ใจโอบออ้ มอารแี กญ่ าตพิ น่ี อ้ งทกุ คน หลานๆ ทอ่ี ยตู่ า่ งอาํ เภอเมอ่ื จะเขา้ ไปเรยี นในอาํ เภอเมอื ง สพุ รรณบรุ ี จะไปพกั อยกู่ บั นางแหว้ แมใ้ นยามสงครามโลกครง้ั ท ่ี 2 และหนภี ยั โจร รา้ ยในสมยั นน้ั ญาตๆิ กจ็ ะไปพกั อาศยั ทบ่ี า้ นของนางแหว้ 14

ริมตล่ิงของแม่น้ําท่าจีนบริเวณบ้านพ่ออ้าย-แม่งิ้ว เมื่อร้อยกว่า ตำานานบ้าน “พ่ออ้าย – แม่ง้ิว” เป็นอีกหน่ึงความภาคภูมิใจของ ปีมาแล้วจะเป็นตลิ่งที่สวยงาม นํ้าในแม่นํ้าจะใสสะอาด ลูกๆ หลานๆ บรรดาลูก หลาน เหลน ท่ีควรทราบถึงสาแหรกของตระกูลว่ามีความ ของพ่ออ้าย-แม่งิ้วในสมัยนั้นจะไปวิ่งเล่นและได้ไปหัดว่ายนํ้ากันท่ีริม เป็นมาอย่างไร และเพื่อเป็นข้อมูลสําหรับอนุชนรุ่นต่อไปในการจด ตล่ิง แต่ปัจจุบันเป็นท่ีเสียดายว่าริมตล่ิงไม่ได้สวยงามเหมือนเช่นใน บันทึกความเป็นมาของรากเหง้าของบรรพบุรุษว่าเปน็ ใครมาจากไหน อดีตเนื่องจากขาดการดูแลรักษาถูกปล่อยให้เป็นท่ีรกร้างมานาน ท้ังน้ี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลสาแหรกของตระกูลจะเป็นประโยชน์แก่ สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสาเหตุจากการหนีภัยสงครามโลกท้ัง 2 คร้ัง อนุชนรุ่นหลังผู้สืบสายสาแหรกไว้เตือนตนว่ามี “พ่ออ้าย-แม่งิ้ว” เป็น ท่ีเกิดขึ้น ทําให้สมาชิกแต่ละสายได้แยกย้ายไปสร้างครอบครัวใหม่ บ้าง บรรพชนผู้ให้กําเนิด เป็นผู้มีพระคุณที่ได้วางรากฐานอันแข็งแกร่ง ก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด บางสายก็มีการขยายครอบครัวออกไปอยู่ต่าง เพ่ือให้ทายาทในปัจจุบันและอนาคตจะได้เติบโตเป็นคนดีของสังคมไทย ประเทศ อีกทั้งการดําเนินชีวิตในปัจจุบันซึ่งมีผลมาจากการศึกษาและ และประเทศชาติสบื ตอ่ ไป การประกอบอาชพี จึงทาํ ใหล้ ูก หลาน เหลน ของตระกลู พ่ออ้าย - แม่งว้ิ ได้มีการย้ายถ่ินฐานตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัวแตก หน่อออกไปสรา้ งคณุ งามความดใี หแ้ กส่ งั คมไทยและประเทศชาต ิ ในอดีตบ้านทรงไทยสามารถบ่งบอกถึงฐานะและความเป็น อยู่ของเจ้าของบ้านได้ โดยดูจากขนาดของบ้านและวัสดุที่นํามาสร้าง บ้าน ย่ิงบ้านทรงไทยหลังใหญ่เท่าไหร่ ย่ิงแสดงถึงความมีฐานะและ ความร่ํารวยของเจ้าของบ้านมากเท่าน้ัน หากพิจาณาจากสภาพบ้าน ของพ่ออ้าย-แม่ง้ิวท่ีสร้างจากไม้สักท้ังหลังและมีอายุผ่านมาไม่ตํ่ากว่า 151 ปี น่าจะอนุมานได้ว่า “ตระกูลพ่ออ้าย-แม่งิ้ว” ในอดีตสามารถ จัดอยใู่ นฐานะเปน็ คหบดีท่านหนง่ึ ของจังหวดั 15

16

บ้านของต้นตระกูล พอ่ อา้ ย-แมง่ ้วิ 17

บ้านของตน้ ตระกลู พอ่ อา้ ย-แม่งวิ้ [ เรม่ิ บรู ณะ ] 18

19

20

21



ความเป็นมาของการไหว้บรรพบุรุษในอดีตนั้น มีวัตถุประสงค์ ถึง 50 ปี โดยในปีน้ีเครือญาติสายท่ี 7 เป็นเจ้าภาพในการดําเนินงาน เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว เพอ่ื ให้ลูกหลานเหลนของตระกลู พ่ออ้าย-แมง่ ิว้ ทราบถึงการตง้ั เครือ่ งไหว้ ท่ีได้เลี้ยงลูกหลานและให้การศึกษาอบรมเป็นอย่างดี เพ่ือตอบแทน บรรพบุรุษของตระกูล ได้อย่างถูกต้อง นายเอกศักด์ิ เจริญกาลัญญูตา บุญคุณและระลึกถึงจึงจัดพิธีนี้ขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ได้ เครือญาติสาย 1 ได้กรุณาให้ข้อมูลเก่ียวกับเครื่องไหว้จะต้อง รวมญาติที่อยู่ห่างไกลได้พบปะสังสรรค์กันสร้างความสนิทสนม ประกอบดว้ ยเคร่ืองเซน่ ไหว้ดังนี้ กลมเกลียวกันในหมูญ่ าตอิ กี ด้วย (ดูภาพประกอบและหัวข้อหนา้ ถดั ไป) สําหรับความเป็นมาของงานทําบุญรวมญาติไหว้บรรพบุรุษ “ต้น ตระกูลพ่ออ้าย-แม่งิ้ว” นั้น เป็นดําริของนายสมศักดิ์(ฮุย) ศีลาเจริญ สาย 1 และพระภิกษุสุขุม(เต็ก) สุวรรณสถิตย์ สาย 2 ได้มีความเห็น ว่าควรจะรวบรวมลูกหลานและเหลนของตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว ท่ีได้ ย้ายถ่ินฐานที่อยู่และมีอาชีพไปอยู่ท้องที่ต่างๆ ให้มีโอกาสได้รู้จักและ มีความสนิทสนมซึ่งกันและกัน ท้ังสองท่านจึงได้ร่วมปรึกษากับญาติๆ โดยมี นายทองอยู่(ดํา) พานิช นายล้วน สีตลกาญจน์ นายน้อม คหนุ รกั ษ ์ นายบุญสม(ยง้ ) สุธวี งศ ์ และหลวงตาสงา่ สุวรรณสถติ ย ์ ไดม้ คี วาม เห็นร่วมกันที่จะสร้างห้องสําหรับบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว เพื่อให้ลูกหลานทุกคนได้มีโอกาสมาเคารพกราบไหว้ อีกท้ังให้ลูกหลาน ได้มีโอกาสพบปะกันอย่างน้อยปีละคร้ัง โดยให้ญาติแต่ละสายเป็นเจ้า ภาพในแต่ละปี การทําบุญรวมญาติครั้งแรกได้เริ่มเม่ือปี พ.ศ. 2512 โดยเริ่มจากเครือญาติสายที่ 1 เป็นเจ้าภาพ หมุนเวียนกันในเครือญาติ ทั้ง 7 สาย จวบจนปจั จบุ ันปี พ.ศ. 2561 นบั เปน็ เวลาทีผ่ ่านมายาวนาน 23

1. ไก่ 7 ตวั หมายถึงลกู หลานทง้ั 7 สาย 2. ซาแซ (ประกอบดว้ ย ไก่ หม ู ปลาหมกึ หรือเปด็ กไ็ ด)้ 1 ชุด สาํ หรับพอ่ อา้ ย-แมง่ วิ้ ผเู้ ปน็ ตน้ ตระกลู 3. หัวหม ู 1 หัว 4. อาหารคาว อย่างน้อยตอ้ ง 4 อยา่ ง ถ้ามากกวา่ 4 อย่างต้องเป็น 5 หรือ 8 อย่าง คนไทยจะไม่นยิ มเลข 6 และคนจนี จะไมน่ ยิ มเลข 7 5. ผลไม้ 5 อยา่ ง ประกอบดว้ ย กลว้ ยหอมทอง หมายถงึ ความเจริญงอกงาม มีลูกหลานไวส้ บื สกุล องุ่นแดงหมายถงึ ความเจรญิ ร่งุ เรือง ส้มเป็นสแี ห่ง ความเปน็ สิริมงคล แอปเปิ้ลแดงจะสง่ ผลให้มสี ขุ ภาพสมบรู ณแ์ ข็งแรง สบั ปะรดหรือ “อง่ั ไล้” ภาษาจนี แปลว่าเรียกความโชคดใี หม้ าหา ผลไม้ที่ตอ้ งห้าม คือ มังคดุ อง่นุ ดาํ บว๊ ย สละ สาล ่ี ระกาํ 6. ข้าว 16 ถ้วย สําหรบั พ่ออ้าย-แม่งวิ้ รวม 2 ถว้ ย และลูกอกี 7 คน (รวมถึงสามแี ละภรรยาของลูก 7 คน) รวม 14 ถว้ ย 7. เหล้า 16 ถว้ ย ตอ้ งซอ้ื เหลา้ 2 ขวด ขวดหนึง่ ใช้เทเหลา้ ให้เต็มถ้วย อีกขวดทเ่ี ตม็ ขวดเตรียมไว้สําหรบั รินเพิ่ม 8. นํ้าชา 16 ถ้วย ตอ้ งมีกาใส่นาํ้ ชาให้เตม็ กาตั้งไว้ดว้ ย 9. ขนมฟสู ชี มพูจะต้องเปน็ แบบหน้าแตก หมายถึง เฟ่อื งฟ ู ถ้าใช้ซาลาเปา ตอ้ งหา้ มซาลาเปาหนา้ แตกเพื่อให้ลูกหลานกลมเกลียว ซาลาเปาสีขาวตอ้ งแต้มแดง 10. ธปู แดง 1 คู่ 11. เทียนแดง 1 ค่ ู ความสงู อย่างนอ้ ย 10 น้ิว ความหมายใหน้ บั ว่านว้ิ ละ 10 ปี เพอื่ ให้ลูกหลานอยกู่ ัน 100 ปี 12. ดอกไม ้ จะใช้ดอกอะไรก็ได้ สว่ นมากจะนยิ มดอกกล้วยไม้ ห้ามดอกบวั เพราะดอกบวั ใชไ้ หวพ้ ระพทุ ธ 24

ในการตั้งเรียงเครื่องเซ่นไหว้ ให้ตั้งเรียงเป็นลําดับดังน้ี (ดูภาพประกอบ) เจ้าภาพเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง (กระดาษกิมจั๊ว) 2 ปึก ธูป 1 มัด ญาติๆ สายอ่ืนก็สามารถนําผลไม้และกระดาษเงินกระดาษ แถวท่ี 1 ถว้ ยนา้ํ ชา 16 ถว้ ย ทองมาร่วมไหว้ได้ โดยวางผลไม้และของไหว้เรียงต่อ ๆ กัน หาก ตอ้ งมกี านา้ํ ชาวางดา้ นซ้ายโดยมพี วยกาหันออกทางซา้ ย แต่ละสายท่ีนําผลไม้มาไหว้ ขอให้เขียนเลขสายติดไว้ที่ตะกร้าเพ่ือ สะดวกในการนํากลับ การต้ังโต๊ะไหว้จะต้องตั้งในลักษณะตั้งขวาง แถวท่ี 2 ถ้วยเหล้า 16 ถ้วย (ดูภาพประกอบ) อาหารทุกจานไม่ต้องปักธูป การปักธูปบนอาหาร ตอ้ งมีเหลา้ ขวดเตม็ เปดิ ขวดวางดา้ นขวา เป็นการไหว้วิญญาณท่ีไม่มีญาติ เวลาท่ีเหมาะสมในการเริ่ม ไหว้คือเม่ือเจ้าภาพหัวหน้าสายมาถึงก็ให้ไหว้ได้ อย่างช้าไม่ควร แถวท่ี 3-4 ตัง้ ข้าว 2 แถว แถวละ 8 ถ้วย เกิน 09.00 น. พิธีกรรมในการไหว้ เมื่อพระสวด ขอให้ลูกหลาน มีตะเกียบและชอ้ นอยา่ งละ 16 ชดุ แต่ละสายต้ังจิตอธิษฐานว่าเป็นลูกหลานสายใด เม่ือพระข้ึนสวด ก็สามารถลาของไหวแ้ ละเผากระดาษกมิ จว๊ั ได้ แถวท่ี 5 อาหารคาว ผเู้ ขยี นหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ ว่า ข้อมูลเกีย่ วกับการต้ังเครื่องไหว้เซน่ ไหว้ บรรพบุรุษของตระกูลพ่ออ้ายแม่ง้ิว จะเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานของ แถวที่ 6 ตง้ั หวั หมู ตระกูลเพ่ือสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บังเกิดความสุข ดา้ นซ้ายตั้งซาแซ ดา้ นขวาตัง้ ไก่ 7 ตัววางบนถาด ความเจรญิ แก่ลูกหลานเหลนในอนาคตสืบไปในภายภาคหน้า ตัง้ หนั หนา้ เขาหารปู บรรพบุรุษ แถวท่ี 7 ตงั้ ผลไม้ไวต้ รงกลาง ด้านซ้ายตั้งซาลาเปา 1 ถาด ดา้ นขวาต้งั ขนมฟู 1 ถาด 25

ความภูมใิ จของตระกูล พอ่ อ้าย - แม่ง้วิ 26

ตระกูลพ่ออ้าย - แม่ง้ิว ถือกําเนิดในประเทศไทย นับถึงปัจจุบันราว 171 ปี (พ.ศ.2561 - พ.ศ.2390) โดยประมาณ ไดม้ กี ารแตกกง่ิ กา้ นสาขา มลี กู หลานมากมาย รวมหลายร้อยคนเป็นท่ีน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งท่ีตระกูลพ่ออ้าย - แม่ง้ิว มีทายาทท่ีได้ สร้างคุณงามความดีให้แก่สังคมและประเทศชาติ จนเป็นท่ียอมรับและได้รับการ ยกย่องแต่ละท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาประกอบกับ ความขยนั หมน่ั เพยี ร และการทมุ่ เททงั้ กาํ ลงั กายและกาํ ลงั ใจ ผลงานของทกุ ทา่ นลว้ น เปน็ ที่ประจกั ษแ์ กส่ มาชิกในตระกลู และในสงั คม ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีงามให้แก่อนุชนรุ่นหลังของตระกูลในการสร้างความดี ให้แก่สังคมและประเทศชาติ พ่ออ้าย-แม่งิ้วและบรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว คงจะ ภูมิใจกับความดีงามท่ีทายาทของท่านได้สร้างไว้ให้แก่แผ่นดินเกิด ดังน้ันจึง ขอจารึกประวัติและผลงานของท่านไว้ในหนังสือเล่มนี้เพ่ือเป็นหลักฐานให้แก่ ลกู หลานไดเ้ รยี นรเู้ พ่อื เป็นแบบอย่างในการสร้างคุณงามความดใี หแ้ กส่ งั คมไทย สุดท้ายน้ี ผู้เขียนหวังเป็นอย่างย่ิงว่าในอนาคตตระกูลพ่ออ้าย - แม่ง้ิว จะมที ายาทรนุ่ ตอ่ ๆ ไป ทจ่ี ะเจรญิ รอยตามญาตผิ ใู้ หญข่ องตระกลู ในการสรา้ งชอ่ื เสยี ง และประกอบคุณความดีให้แก่ประเทศชาติ และจะมีโอกาสได้จารึกประวัติ และผลงานไว้ในหนังสือของตระกูลเช่นเดียวกัน เพราะเรามีสายเลือดและรากแก้ว ตน้ เดียวกันคือ “ พ่ออ้าย - แม่งว้ิ ” 27

28

คือ หัตถา พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา และ ภูมพิ ลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟ้าวชิราลงกรณ เมอื่ ครงั้ ทรงพระเยาวใ์ นฉลองพระองคเ์ ชิ้ตและพระสนับเพลาสั้น ทรงพระ นาำ้ พระราชหฤทัย มาลากะโล่ประทับบนพระเพลาของพระบรมราชชนก ขณะท่ีทรงควาย หลอ่ เลี้ยงชาวนาไทย เหล็กในแปลงนาบริเวณพระตําหนักจิตรลดารโหฐานยังความประทับ ใจและตราตรึงอยู่ในความทรงจําของพสกนิกรชาวไทยผ่านกาลเวลา เสมอมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรงปลูกฝังให้พระ ราชโอรสเข้าใจและใส่ใจในอาชีพเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทํานาอัน เป็นหัวใจของเกษตรกรไทย มิรวมถึงโครงการในพระราชดําริต่าง ๆ อีก มากมายท่ีพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการทรงงานหนัก เพื่อพัฒนา ชวี ติ ความเป็นอยขู่ องเกษตรกรชาวไทยตลอดรัชสมยั ของพระองค ์ ภาพความทรงจําของพระมหากษัตริย์ไทยกับการเกษตรยังแจ่ม ชัดอยู่ในหัวใจของผู้ที่ได้มีโอกาสทํางานสนองเบ้ืองพระยุคลบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ดังท่ีนายสุขสันต์ มลิทอง อดีตเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวง เกษตรและสหกรณ ์ และอีกหลายตาํ แหน่ง ปัจจบุ ันเปน็ ทป่ี รกึ ษาสมาคม นักบริหารการพัฒนาเกษตรและสหกรณ์ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ท่ี มีโอกาสเข้าเฝ้าและถวายงานในตําแหน่งเกษตรจังหวัด คราวที่พระ องค์เสด็จฯ ทํานาท่ีจังหวัดสุพรรณบุรีถึง 3 คร้ัง เม่ือคร้ังยังดํารงพระ อสิ รยิ ยศเปน็ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร 29

มงิ่ ขวญั ชาวสุพรรณ วันท่ี 23 มนี าคม 2528 จังหวัดสพุ รรณบุร ี โดยนายอารยี ์ วงศอ์ ารยะ อดีตรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ ฯ เปน็ องคป์ ระธานในการ ทาํ ปุย๋ หมกั ผกั ตบชวาและวชั พืชตา่ ง ๆ เป็นปฐมฤกษใ์ นโครงการรณรงค์ ทําปุ๋ยหมักเพ่ือพระราชทานแก่เกษตรกรให้นําไปปรังปรุงคุณภาพดินให้ มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ณ บ้านแหลมสะแก ตําบลเดิมบาง อําเภอ เดมิ บางนางบวช จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี เนอ่ื งจากทรงตระหนกั วา่ สภาพดนิ ใน ขณะน้นั เสื่อมโทรมจากการใชส้ ารเคม ี และราคาขา้ วกําลังตกตํ่า นายสุขสันต์ มลิทอง ชายร่างเล็กผู้มีท่วงท่าอันคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉงเกินวัย 79 ปี ในชุดเส้ือคอกลมสีน้ําเงินมีตราสัญลักษณ์ จงั หวดั สพุ รรณบรุ บี นหนา้ อกและขอ้ ความสพุ รรณบรุ บี นตวั เสอ้ื เปน็ เสอื้ ที่ เขาเก็บรกั ษาไวเ้ ป็นอยา่ งดีแมว้ า่ จะผ่านกาลเวลามาถงึ 30 ปีแลว้ เพราะ เส้ือตัวนเ้ี ปน็ ความทรงจําอนั พิเศษ เขาไดถ้ า่ ยทอดเรือ่ งราวของเหตุการณ์ ในวันน้ันว่า “ พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการทําปุ๋ยหมักเป็นอย่าง มาก ทรงตรัสถามซักไซ้ถึงข้ันตอนในการทําปุ๋ยหมักอย่างละเอียดนาน เป็นชั่วโมง ผมเป็นเกษตรจังหวัดก็มีหน้าที่ถวายรายงานวิธีการทําเป็น ขั้นเป็นตอนไปหลังจากท่ีพระองค์เสด็จฯ ในวันนั้น ปรากฎว่าข้าราชการ ชาวนา แม้กระทั่งพระสงฆ์ตามวัดต่าง ๆ ท่ีอยู่ริมนํ้าต่ืนตัวในการทําปุ๋ย หมักเป็นอย่างมาก ทํากันจนผักตบชวาไม่มีเหลือในจังหวัดสุพรรณบุรี 30

น่ันเป็นคร้ังแรกที่ท่านเกษตรจังหวัดได้มีโอกาสถวายงานอย่าง ใกล้ชิด แต่ไม่ใช่ครั้งเดียวเพราะในปีถัดไปพระองค์ได้เสด็จฯ มา หวา่ นขา้ วและเก่ยี วข้าวทจ่ี ังหวดั สพุ รรณบรุ อี ีกถึง 2 คร้งั ภาพที่พระองค์ทรงรดนํ้ากองปุ๋ยหมักโดยมีนายสุขสันต์ มลิทอง นายสุขสันต์ได้เล่าถึงความปล้ืมปิติในเหตุการณ์น้ันว่า “โดยไม่ เข้าเฝ้าถวายงานต่าง ๆ น้ันถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 ภาพที่กระทรวง ได้คาดคิดว่าพระองค์จะเสด็จฯ ลงในแปลงนา แต่ก็มีการเตรียมการไว้ วัฒนธรรมได้ดําเนินโครงการตามหาบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจ พร้อมเผ่ือไว้ ผมได้กราบบังคมทูลว่าอาชีพทำาไร่ทำานาเป็นอาชีพหลัก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟา้ มหาวชิราลงกรณ สยามกุฎราชกมุ าร ของบรรพบุรุษของเราสืบทอดมาจนทุกวันน้ี ชาวนาเปรียบดังกระดูกสัน เนอ่ื งในโอกาสวันคลา้ ยวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคม 2559 โดยการ หลังของประเทศ พสกนิกรจะต้องประกอบอาชีพนี้เพราะเราเป็นประเทศ ตามหาบุคคลในภาพแห่งควาททรงจํา ท่ีได้มีโอกาสถวายงานพระองค์ เกษตรกรรม การเสดจ็ ฯ ทาำ นาของพระองคน์ บั จากนป้ี ระวตั ศิ าสตรจ์ ะจารกึ ในการเสด็จพระราชดําเนินทรงงานตามท้องถ่ินภูมิภาคต่าง ๆ เพ่ือเผย สบื ไป เมอื่ ผมกลา่ วจบพระองคก์ เ็ สดจ็ ฯ ลงในแปลงนาผทู้ เี่ ฝา้ ถวายงานอยู่ แพร่พระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึง ตรงนั้นกก็ ลุ ีกุจอช่วยกนั พบั พระสนับเพลาข้ึน วนั น้นั สมเดจ็ พระบรมฯ ทรง ปัจจุบันให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ฉลองพระองคซ์ าฟารีสฟี า้ อ่อน เสดจ็ พระราชดาำ เนนิ ดว้ ยพระบาทเปลา่ ลุย โคลนลงมาในแปลงนา ทรงหว่านปยุ๋ หมกั และหวา่ นข้าว ประชาชนเรอื น หมน่ื เรอื นแสนทม่ี าเฝา้ ชมพระบารมอี ยทู่ นี่ นั่ ตา่ งเปลง่ เสยี งแซซ่ อ้ งสรรเสรญิ ทรงพระเจรญิ ทรงพระเจรญิ ... ผมนกึ ถงึ ภาพในวนั นนั้ แลว้ ยงั ขนลกุ ไมห่ าย หลงั จากทรงงานในแปลงนาเสรจ็ ผมและทา่ นผวู้ า่ ฯ ไดช้ ว่ ยกนั ลา้ งพระบาท เป็นความทรงจาำ ทีไ่ มม่ วี ันลืม” อดีตเกษตรจงั หวัดไดเ้ ลา่ ถงึ ภาพประทบั ใจ ในวนั นั้นด้วยน้าํ เสียงและแววตาท่แี จม่ ชดั ราวกบั เพงิ่ เกิดข้นึ เม่อื วาน 31

เสียงหวานพระพทุ ธเจ้าข้า “ หลังจากวันน้ันท่านผู้ว่าฯ และคณะ ได้นํากระถางต้นข้าวท่ีทาง ไชโยโอรสาธริ าช สถานีทดลองข้าวสุพรรณบุรไี ด้ปลูกเตรียมไว้ไปถวายสาธิต การเกี่ยวขา้ ว ให้พระองค์ทอดพระเนตรและทรงทดลองเก่ียวข้าวท่ีกรมทหารมหาดเล็ก วันท ี่ 14 สิงหาคม 2529 เป็นโอกาสแหง่ ความปลื้มปตี ิอกี คร้งั ของ ราชวลั ลภรกั ษาพระองค ์ ผมมหี นา้ ทถ่ี วายสาธติ การเกยี่ วขา้ ว ผมจบเกษตร ชาวสุพรรณบุรี เม่ือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทแ่ี มโ่ จแ้ ละเคยทาํ นาดว้ ยจอบมากจ็ รงิ แตไ่ มม่ กี ารสอนภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เสดจ็ ฯ นาํ พสกนกิ รเกบ็ เก่ียวขา้ วแปลงนาสาธิต ณ บึงไผแ่ ขก ตําบลดอน ถึงวิธีการเก่ียวข้าวมาก่อนผมต้องไปขอเรียนรู้จากปราชญ์ชาวนา ฝึกฝน โพธิท์ อง อาํ เภอเมอื ง จงั หวัดสพุ รรณบุร ี ณ ทีซ่ ึ่งพระองคไ์ ด้ทรงปลกู ข้าว จนเป็นก่อนท่ีจะมาถวายการสาธิตให้พระองค์ทอดพระเนตร ผมกราบ ไว้ ภาพการถวายงานในการเสด็จฯ ครั้งนี้ของนายอารีย์ วงศ์อารยะ ผู้ บังคมทูลวา่ ถ้าเราเกยี่ วขา้ วตรง ๆ ตอซงั จะขาดยาก ถา้ เกยี่ วเฉยี งจะขาด ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ในขณะน้ันได้ถูกเลือกให้เป็นบุคคลในภาพ ง่ายต้นข้าวสมัยก่อนสูง บรรพบุรุษของเราจึงเก่ียวเฉียงเป็นปากฉลาม แห่งความทรงจํา 7 ภาพ เชน่ กัน นบั เป็นพระมหากรณุ าธคิ ุณอันหาท่ีสดุ ตอซังที่เป็นปากฉลามจะบาดเข่าได้ชาวนาจึงต้องพันผ้าไว้ที่ขา แต่ตอ มไิ ด ้ ท่พี ระองค์ทรงมตี อ่ ชาวนาและทรงมีพระราชวนิ ิจฉัยคัดเลอื กภาพถึง ข้าวปัจจุบันไม่สูงจึงเกี่ยวให้เฉียงเพียง 20 องศา ก็ใช้ได้พระพุทธเจ้าข้า 3 ภาพในการเสด็จฯ ทรงทํานาท่ีจังหวัดสุพรรณบุรีให้เป็น 3 ใน 7 ภาพ แล้วผมก็ถวายสาธิตโดยใช้เคียวโน้มต้นข้าวก่อนจึงใช้มือรวบแล้วเก่ียว บคุ คลแหง่ ความทรงจาํ ในโครงการตามหาบคุ คลในภาพพระราชกรณยี กจิ พระองค์ทรงปฏิบัติตามโดยเกี่ยวจากกระถางที่หนึ่ง สอง สาม ส่ี พอไป ถึงกระถางท่ีห้า เสียงเคียวเก่ียวข้าวขาดดังเฉ้ียบ ผมกราบบังคมทูลว่า เสียงหวานพระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงพระสรวลด้วยความพอพระราช หฤทยั และทรงเกย่ี วขา้ วจนครบ 20 กระถาง อยา่ งตง้ั มน่ั ในพระราชหฤทยั แล้วทรงมีพระกระแสรับสั่งว่า พระองค์จะเสด็จฯ ไปทรงเก่ียวข้าวที่ได้ หว่านไว้เมื่อขา้ วสุก ทาํ ให้หวั ใจของพวกเราพองโตด้วยความยนิ ด ี ” 32

“ บรรยากาศในวันนั้นพสกนิกรจำานวนมากได้มาร่วมเก่ียวข้าว พร้อมกับพระองค์มากมายเต็มท้องนา มีเสียงเพลงไชโยโอรสาธิราช ท่ี เปิดจากเครื่องขยายเสียงและเสียงแซ่ซ้องของพสกนิกรดังกึกก้องไปทั่ว พระองค์ทรงเกี่ยวข้าวอยู่นานจนเสร็จ พระเสโทไหลชุ่มพระวรกายแต่ พระพักตร์ของพระองคป์ รากฎรอยแย้มสรวล สร้างความช่นื ชมยนิ ดีแกผ่ ู้ ทม่ี าเฝ้าชืน่ ชมพระบารมี ในคร้งั นั้นพระองค์ทรงพระราชทานพนั ธุ์ข้าวให้ ขา้ ราชการทกุ หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ตวั แทนชาวไร่ชาวนา และเจา้ ของนา เคยี วดา้ มทองคาำ คพู่ ระหตั ถ์ หลังจากวันนั้นทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรม ในการเสด็จฯ ทรงเกี่ยวข้าวเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2529 น้ัน ฉายาลกั ษณ์ในการเสดจ็ ฯ ทาำ นาท้งั 3 ครงั้ แก่ทา่ นผูว้ า่ ฯ ไวจ้ ัดแสดงอนั ข้าราชการในจังหวัดสุพรรณบุรีได้ร่วมกันจัดทําเคียวด้ามทองคํา เป็นที่มาของการสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทย ที่จังหวัด ความยาว 42 เซนติเมตร ด้ามเคียวหมุ้ ด้วยทองคํา นา้ํ หนกั 7 บาท 3 สลงึ สุพรรณบุรี โดยสร้างขึ้นที่หน้าศาลากลางหลังเก่า ปัจจุบันได้ย้ายไปที่ สลักเสลาเป็นลายกนกเครือวัลย์ คอเคียวมีความโค้งมากแบบคอนก ศูนย์ราชการจังหวัดสุพรรณบุรีบริเวณศาลากลางจังหวัดแห่งใหม่อยู่ใน กระทุงจึงเรียกว่า “เคียวคอนกกระทุง” พระองค์ทรงพระราชทานเคียว ความดูแลของกรมศิลปากร ” นายสุขสันต์เล่าด้วยความภาคภูมิใจใน ด้ามทองคําคู่พระหัตถ์ที่ทรงใช้ในการเกี่ยวข้าวครั้งประวัติศาสตร์นี้แก่ เกยี รตปิ ระวตั ิท่ไี ดถ้ วายงานรบั ใช้ และได้ชืน่ ชมพระบารมีอย่างใกลช้ ดิ จังหวัดสุพรรณบุรี เพ่ือจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทย ตราบจนปัจจุบนั ร่วมกับพันธุ์ข้าวพระราชทานรวงขา้ วมงคล 9 รวง แรก ท่ีทรงเก่ียว ซึ่งเป็นข้าวเจ้าพันธุ์ กข23 และอุปกรณ์ท่ีทรงใช้อื่น ๆ อาทิ บัวรดน้ํา ขันนํ้า พลั่ว รถไถ และเครื่องนวดข้าว เป็นต้น ที่พิพิธภัณฑ์ ยังได้จัดแสดงภาพถ่ายและจําลองเหตุการณ์สําคัญทั้ง 3 คร้ังนี้ไว้ด้วย 33

ธ ทรงเปน็ ขวัญข้าวชาวนาไทย เป็นที่ประจักษ์ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระบรมราชชนกในด้านการเกษตร โดยเฉพาะข้าวและการทํานา จากการท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงปลูกฝังในวิถีการเกษตรไว้ต้ังแต่คร้ังยังทรงพระ เยาว์ เม่ือเจริญวัยขึ้นยังได้โดยเสด็จฯ พระบรมราชชนกไปทั่วถ่ินแคว้น แดนไทยเป็นเนื่องนิจ เพื่อบําบัดทุกข์บํารุงสุขของพสกนิกรชาวไทยอย่างมิ รู้เหน็ดเหน่ือย พระราชจริยวัตรอันงดงามของท้ังสองพระองค์นับเป็นแบบ อย่างและเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของปวงชนชาวไทยที่ โชคดีมพี ระมหากษตั รยิ ์ไทยทีท่ รงห่วงใยดูแลทุกข์สุขของราษฎรเสมอมา 34

ดว้ ยสาํ นกึ ในบญุ คณุ บรรพบรุ ษุ “พอ่ อา้ ย - แมง่ ว้ิ ” ตน้ ตระกลู 7 สาย ประวัตนิ ายสขุ สนั ต์ มลทิ อง ซ่ึงสายท่ี 7 เป็นบุตรนายใช้ - นางจัน สุธีวงศ์ ซ่ึงมีอาชีพเป็นช่าง ทอง คา้ ขายขา้ วเปลอื กและถ่าน มพี น่ี อ้ งรว่ มบดิ ามารดา 5 คน สาย 7 1. นายบุญสม สธุ ีวงศ์ 2. นายทองอย ู่ รัตนพาณชิ ย์ 3. นางทองย้อย มลทิ อง 4. นายพยงค์ สุธีวงศ์ 5. นางสาวบญุ ทรง สุธวี งศ์ ท้งั หมดถงึ แกก่ รรม 35

คณุ แมท่ องยอ้ ย มลทิ อง สมรสกบั ร.ต.ต.วณชิ มลทิ อง มบี ตุ ร ธดิ า รวม 7 คน งานจิตอาสา 1. นายดามพ์ กติ ิภัทรพิบูลย ์ ถงึ แกก่ รรม อดตี 2. นางวไิ ลวรรณ งามวัฒน์ ถึงแก่กรรม 1. กรรมการภาคประชาชนระดบั ชาติ สํานกั งานป้องกนั 3. พล.ต.ต.สันต ิ มลิทอง (จปร.5) ถึงแกก่ รรม และปราบปรามการฟอกเงนิ 4. นายสขุ สันต ์ มลิทอง 2. เครือขา่ ยปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ 5. นางวราภรณ์ มลิทอง สํานักงานป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ 6. นางพัสวีกานต์ วรรฐั สุนทร 3. ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการปอ้ งกันและปราบปรามการ 7. นางสาวสุรีย ์ มลทิ อง ทุจรติ สภาผแู้ ทนราษฎร 4. วุฒิอาสาผู้ตรวจการแผน่ ดิน การศึกษา ปัจจุบนั นายสขุ สนั ต์ มลิทอง 5. เครือข่ายภาคประชาสังคม ป.ป.ช. • จบประโยคครมู ธั ยมเกษตรกรรม (ปม.ก.) 6. กรรมการสมาคมข้าราชการอาวโุ สแหง่ ประเทศไทย มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จ.เชียงใหม่ 7. ที่ปรึกษาสมาคมนกั บรหิ ารการพฒั นาเกษตรและสหกรณ์ • ปรญิ ญาตรี B.S.A. Central Luzon State University 8. ทป่ี รึกษาศนู ยว์ ฒุ ิอาสาธนาคารสมองจังหวัดนนทบุรี Philippines 9. ทีป่ รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการพิจารณาศึกษาดา้ นสหกรณ ์ • ปริญญาโท M.S. Mississippi State University U.S.A. และอ่ืน ๆ สภานติ ิบัญญตั ิแหง่ ชาติ 10. อปุ นายกสมาคมชาวชัยนาท การรับราชการ 11. ประธานกรรมการจรยิ ธรรม กรมสง่ เสรมิ การเกษตร รองอธบิ ดกี รมส่งเสริมการเกษตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสขุ สนั ต ์มลทิ อง สมรสกบั นางนวลจนั ทร ์มลทิ อง เปน็ บตุ รสาวของ นายแพทยส์ นทิ – นางวงเดอื น ประจนั บาน สาํ เรจ็ การศึกษาจากวิทยาลยั การพยาบาล สภากาชาดไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นนักวิชาการ สง่ เสริมสขุ ภาพ ตําแหนง่ หวั หน้าฝ่ายสง่ เสริมสขุ ภาพ ระดับ 8 สํานกั งาน สาธารณสุขจังหวดั ชยั นาท ขา้ ราชการบํานาญ มบี ุตรสาว 2 คน คือ 36



ตื่นรู้ สูโ้ กง 38

ผู้เขียนเป็นคนในสาย 7 ของตระกูลพ่ออ้าย แม่ง้ิว ถือว่าเป็นผู้สูง สถานศึกษาและนอกสถานศึกษา จะเห็นว่าหลาย ๆ โรงเรียนมีหลักสูตร วัย เพราะอายุปีน้ี 79 ปีเต็ม มีลูกสามและหลานห้าคน เป็นครอบครัว ดา้ นนี้เพิ่มข้ึนในการเรียนการสอน ขนาดย่อมตามสมัยนิยม ยังไม่ได้เกษียณตัวเองเต็มเวลา ยังทํางานอยู่ บ้างเพื่อประโยชน์ของสังคม ร่วมทํางานกับมูลนิธิหลายแห่งที่เน้นการ การป้องกัน คือ การทํางานร่วมกับภาครัฐเพ่ือปรับปรุงหรือ สนบั สนนุ การศึกษาของเยาวชนท่ีด้อยโอกาส มีความสุขพอประมาณ เปล่ียนแปลง กฎระเบียบที่ยุ่งยาก ไม่ให้เป็นจุดที่มีการเรียกสินบน ในการอํานวยความสะดวกเปน็ ต้น เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว วิถีชีวิตทําให้ต้องรับภาระใหม่เพ่ิมเติม งานป้องกันท่ีสําคัญกว่านั้นคือการรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เร่ืองนั้นคือ การรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปช่ันในสังคมไทย ที่ ในการตรวจสอบ โครงการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ ทั้งส่วนกลางและท้องถ่ิน ภาคธุรกิจเอกชนเห็นว่าเป็นมะเร็งร้ายท่ีทําลายประเทศและคนไทย มีความสําเร็จท่ีน่าภาคภูมิใจท่ีกฎหมายการจัดซ้ือจัดจ้างฉบับปัจจุบัน มาช้านาน ถ้าไมท่ าํ อะไรบา้ งบา้ นเมืองอาจล่มสลายได้ มีมาตราท่ีกําหนดให้มีบุคคลภายนอกที่มีคุณวุฒิเหมาะสมเข้าไปร่วม ผู้เขียนมิได้เป็นคนริเร่ิมโครงการแต่รับสานต่อด้วยความสมัคร สังเกตการณ์ ในการประมูลงานของรัฐในทุกระดับ ในระยะปีเศษท่ีเริ่ม ใจทั้งที่รู้ว่าเป็นงานหินและเสี่ยงอันตราย คุณดุสิต นนทนาคร เพ่ือนรุ่น กระบวนการนี้ มีสถิติท่ีแสดงว่าการใช้งบประมาณในโครงการต่าง ๆ น้องอดีตประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยผู้ที่ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ท้ังน้ีเพราะความโปร่งใสทําให้การแข่งขันเป็นธรรม รับตําแหน่งต่อจากผู้เขียนเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ น่าเสียดายว่าคุณดุสิต การฮว้ั การประมูลนอ้ ยลง รัฐประหยดั เงินแผน่ ดินไปได้พอควร อายุสนั้ เสยี ชวี ิตหลังริเรมิ่ โครงการน้ไี ดไ้ มน่ าน ผูเ้ ขยี นได้รบั การรอ้ งขอให้ ช่วยขับเคล่ือนโครงการนี้ต่อเพ่ือไม่ให้เสียของ โดยมีคนกลุ่มหน่ึงอาสา การเปิดโปง เป็นกิจกรรมที่เสี่ยงอันตรายบ้าง เพราะถ้าไปเหยียบ ที่จะมาช่วยกันอย่างแข็งขัน องค์กรท่ีตั้งขึ้นน้ีช่ือว่า “ องค์กรต่อต้าน เท้าผู้มีอิทธิพลก็อาจถูกข่มขู่ได้ ดังนั้นการทํางานด้านน้ีจึงต้องระมัดระวัง คอรร์ ัปชัน่ (ประเทศไทย) ” องคก์ รนี้ต่อตา้ นคอรร์ ัปชน่ั ผ่านยทุ ธศาสตร ์ และปกปิดเท่าที่ทําได้ องค์กรฯ ให้การอบรมอาสาสมัครจากท่ัวประเทศ 3 ป คือ ปลกู ฝงั ป้องกันและเปิดโปง เพอื่ นาํ ไปส่กู ารปราบปราม ภายใตโ้ ครงการ “หมาเฝ้าบา้ น” ปัจจุบนั มีท้งั หมาเห่าและหมากดั กระจาย อยทู่ ว่ั ไป หมาเหลา่ นจี้ ะดมกลนิ่ และกดั ตดิ กบั งานของรฐั ทม่ี กี ลน่ิ ไมด่ ี และ การปลกู ฝงั คือ การทาํ งานร่วมกันหลาย ๆ หนว่ ยงานท่ีมีภารกิจ รายงานให้หน่วยงานปราบปรามอิสระหรือหน่วยงานราชการ เช่น คณะ ในการส่งเสริมความซ่ือสัตย์สุจริต คุณธรรมและจริยธรรม ทั้งใน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาต ิ (ปปช.) เป็นตน้ 39

เกย่ี วกบั ผ้เู ขยี น ประมนต์ สุธีวงศ์ เกิดท่ีจังหวัดสุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2482 ช่วง ชวี ติ ครอบครวั สมรสกบั คณุ เพญ็ พรรณ (ภทั รวทิ ย)์ ทพี่ บกนั ตอนอยู่ เร่ิมต้นของสงครามโลกครั้งท่ี 2 พอสงครามสงบ เข้ามาเป็นนักเรียน ตา่ งประเทศ มบี ตุ ร 3 คน หญงิ หนง่ึ ชายสอง และหลานหา้ คน เปน็ ครอบครวั ประจําท่ีโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ต้ังแต่ พอเพยี ง พยายามอบรมและใหก้ ารศึกษาลูก ๆ ให้เปน็ คนดีของสงั คม ประถมต้นถึงมัธยมปลาย หลังจากน้ันไปจบอุดมศึกษาท่ีสหรัฐอเมริกา ในฐานะประธานหอการคา้ ไทยและสภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทย ทางวิศวกรรมศาสตร์ เป็นยุคที่ความตึงเครียดของสงครามเย็นสูงสุด มีส่วนร่วมเสนอและกําหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยส่ง ระหว่างสองมหาอํานาจคือ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตรัสเซีย เสริมและสนับสนุนการเปิดการค้าเสรีในกลุ่มประเทศอาเชียน และคู่ เห็นกลยุทธ์การเมืองระหว่างประเทศมหาอํานาจที่ฝังใจ ใช้เวลา ค้าสําคัญ ๆ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป มีบทบาทสําคัญในการฟื้นฟู อยู่ต่างแดน 7 ปีเศษ ท้ังเรียนและทํางานหาประสบการณ์ชีวิต หรือควบรวมสถาบันการเงินสองแห่งเมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ช่วย เป็นตง้ั แตภ่ ารโรงถงึ วิศวกรชว่ ยออกแบบโรงถลุงเหล็ก งานราชการและสังคม เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการ กลับมาบ้านเกิดปี พ.ศ. 2508 เริ่มต้นเป็นลูกจ้างฝรั่งที่บริษัท เอส คลัง กระทรวงพาณิชย์ สํานักงานข้าราชการพลเรือน สภานิติบัญญัติ โซ่ ประเทศไทย ชว่ งนั้นวิกฤตนํ้ามันโลกเรม่ิ ก่อตัวทาํ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อ แห่งชาติ ปี 2549 มูลนิธิเอสซีจี และมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ได้รับ เศรษฐกิจและแผนการพัฒนาพลังงานของชาติ สร้างสมประสบการณ์ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปรมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญ ท่ีเป็นประโยชน์ร่ําเรียนวิทยายุทธ์อยู่ 15 ปี จนได้เป็นผู้บริหารระดับสูง ตรา The Order of the Rising Sun (Gold and Silver) จากสมเด็จ เปล่ียนอาชพี ย้ายไปเปน็ ผูบ้ ริหารในเครอื บริษทั ปูนซีเมนต์ไทย (มหาชน) พระจักรพรรดิประเทศญ่ีปุ่น ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ จาก จํากัด จนเกษียณอายุการทํางาน เป็นยุคเศรษฐกิจไทยโชติช่วงชัชวาล มหาวทิ ยาลยั แมฟ่ า้ หลวง และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ก่อนท่ีจะล่มสลายในปี 2540 ทําธุรกิจกับบริษัทร่วมทุนต่างชาติจนเป็นผู้ ปัจจุบันเป็นกรรมการหลายบริษัท และยังช่วยงานราชการ เชี่ยวชาญในการประสานผลประโยชน์ระหว่างไทยและเทศ หลังเกษียณ บ้าง แต่ให้เวลาหลักกับการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น ไดเ้ ปน็ กรรมการในหลายบรษิ ทั รวมถงึ เปน็ ประธานบรษิ ทั โตโยตา้ มอเตอร ์ ผ่านมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เคยถูกข่มขู่ ฟ้อง ประเทศไทย ทีผ่ ลติ และจําหน่ายรถยนตท์ ี่ใหญ่ที่สดุ ในประเทศ รอ้ ง และสาดกระสุนใสบ่ ้านเป็นหลายสิบนัด แต่พระยังคมุ้ ครอง 40

ผม ชยั เกษม นิตสิ ริ ิ สาย 5 ครับ ผมรู้สึกยินดีอย่างย่ิงท่ีคณะกรรมการตระกูลพ่ออ้ายแม่ง้ิว ได้ดําริที่จะจัดทําหนังสือประจําตระกูลพ่ออ้ายแม่ง้ิวข้ึนอีกครั้ง ห น่ึ ง แ ล ะ ใ ห้ เ กี ย ร ติ ผ ม ไ ด้ เ ล่ า ป ร ะ วั ติ โ ด ย ย่ อ ล ง ใ น ห นั ง สื อ ร่ ว ม กับญาติทุก ๆ สายในครั้งน้ีด้วย ผมมั่นใจว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็น หลักฐานอ้างอิงถึงตระกูลอันเก่าแก่ตระกูลหน่ึงของ บ้านท่าช้าง อําเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรีที่ลูกหลานพ่ออ้าย-แม่ ง้วิ หลายร้อยคนจะได้ใชเ้ ปน็ สื่อประสานสัมพันธถ์ ึงกันตลอดไป ตั้งแต่จําความได้คุณพ่อของผม พลโทศุภกาญจน์ นิติสิริ (อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ) พูดถึงญาติท่ีสุพรรณบุรีอยู่เสมอและ หาโอกาสไปร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นท่ีวัดท่าช้างจนกระท่ังท่านเสีย ชีวิตไป ทําให้ผมรู้สึกมีเลือดสุพรรณอยู่ครึ่งหน่ึงและจะบอกใครๆ ด้วยความภาคภมู ิใจวา่ พอ่ ผมเปน็ คนท่าช้าง สพุ รรณบุรี 41

คุณพ่อสมรสกับคุณแม่พจนา นิติสิริ (สกุลเดิม กีร์ติบุตร) ปีจึงได้รับทุนรัฐบาลตามความต้องการของสํานักงานอัยการสูงสุด(กรม มพี น่ี อ้ งร่วมบิดามารดาเดียวกันหกคน ดงั นี ้ อัยการในขณะน้ัน)ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยได้รับทุนจาก Starr Foundation 1. พลโทเขมชาต นิตสิ ริ ิ (ถงึ แก่กรรม) ในสหรัฐอเมริกาอีกทุนหนึ่งด้วย ผมได้เข้ารับราชการเป็นอัยการและได้ 2. รอ้ ยโทหญงิ อจั ฉรา นติ ิสิร ิ (ถึงแก่กรรม) เล่ือนตําแหน่งเรื่อยมาจนถึงตําแหน่งอัยการสูงสุด นอกจากนี้ผมได้รับ 3. ทนั ตแพทย์หญงิ ผการัตน์ นิตสิ ิริ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธานคณะ 4. นายทศั ไนย นิติสิริ (ถงึ แก่กรรม) กรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประธานคณะกรรมการ 5. นายชัยเกษม นติ สิ ิริ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย(องค์การมหาชน) และเป็น 6. พลเอกเปรมสนิ นติ ิสริ ิ กรรมการในรฐั วิสาหกิจหลายแห่ง เช่น ขสมก. การเคหะแหง่ ชาติ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ผมสมรสกับคุณอัมพร นิติสิริ(อดีตอธิบดีกรมสวัสดิการและ การบินไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย บมจ.ปตท บมจ.ปตท. ค้มุ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) มีบตุ รด้วยกนั ๒ คนไดแ้ ก ่ สผ. บมจ.ไทยออยล์ ฯลฯในด้านวิชาการ ผมได้เป็นอาจารย์สอนวิชา 1. นางสาวพรเกษม นิตสิ ริ ิ กฎหมายระดับปริญญาตรีและปริญญาโททั้งในมหาวิทยาลัยเอกชน ประกอบธุรกิจสว่ นตวั และเปน็ อาจารยส์ อนด้านอาหาร มหาวทิ ยาลัยของรัฐบาล และเนติบณั ฑิตยสภา รวมทัง้ เปน็ อุปนายก และ 2. นายเปรมมนัส นิติสิริ เปน็ พนักงาน บริษทั ปตท.จาํ กัด (มหาชน) เลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา ทําให้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ท้ังจากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน และเป็นศาสตราจารย์พิเศษใน ผมจบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก แผนกฝร่ังเศสและ คณะนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเดือนพฤษภาคม 2556 ผม โรงเรียนเตรยี มอุดมศกึ ษา หลังจากนั้นไดศ้ ึกษาตอ่ ระดับอดุ มศกึ ษา และ ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมใน ได้รับปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต(เกียรตินิยม)จากแผนกวิชานิติศาสตร์ รัฐบาลซ่ึงมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี และได้พ้นจาก คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับทุนการศึกษาสําหรับ ตาํ แหน่งรัฐมนตรีเน่ืองจากเกิดการปฏวิ ตั ิ ในเดอื นมิถุนายน 2557 ผู้เรียนดีจากมูลนิธิจอห์น เอฟ เคนเนด้ี ตลอดการศึกษา 4 ปีและเป็น เนติบัณฑิตในปีที่จบจากจุฬาลงกรณ์ฯ หลังจากนั้นได้ประกอบอาชีพ เป็นทนายความในสํานักกฎหมายดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ประมาณสอง 42

ผมมีความภูมิใจที่ได้เกิดมาในตระกูลท่ีมีพ่ออ้าย-แม่ง้ิวเป็น ผมภูมใิ จอย่างยิง่ ท่ีไดเ้ ป็นส่วนหน่งึ ในตระกูล พอ่ อ้าย - แมง่ ิ้ว ครบั บรรพบุรษุ มพี ่นี ้องมากมายในตระกูลถงึ 7 สาย ที่สําคัญทีส่ ดุ ลกู หลาน (ศาสตราจารยพ์ ิเศษชยั เกษม นติ ิสริ ิ) ของพ่ออ้าย-แม่งิ้ว ล้วนแต่เป็นคนดี และประสบความสําเร็จในชีวิตใน อดีตอยั การสูงสดุ ดา้ นตา่ งๆ ทงั้ ในการรบั ราชการ การเปน็ พนกั งานรฐั วสิ ากจิ การทาํ งานใน และ บรษิ ทั เอกชน ตลอดจนการประกอบธรุ กจิ ของตนเองจนตา่ งมฐี านะมน่ั คง อดีตรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงยุตธิ รรม สามารถดํารงตนเป็นพลเมืองท่ีดีของประเทศ และต่างก็มีลูกหลานสืบ ตระกลู ของพอ่ อา้ ย-แมง่ วิ้ จนมจี าํ นวนมากมายหลายรอ้ ยคนมากจนจาํ กนั ไดไ้ มห่ มด แตล่ กู หลานกส็ ามารถรวมกลมุ่ กนั จดั งานทาํ บญุ ใหบ้ รรพบรุ ษุ และญาติผู้ล่วงลับไปแล้วได้อย่างสมํ่าเสมอทุกปีเป็นเวลานานถึง 50 ปี แลว้ ซึง่ คงมไี มก่ ต่ี ระกูลท่ีสามารถทาํ ไดเ้ ช่นที่ลกู หลานของพ่ออา้ ย-แมง่ ว้ิ ไดป้ ฏบิ ตั ิกนั อยนู่ ้ี ผมจงึ หวังเป็นอยา่ งยิง่ วา่ ลูกหลานในยคุ ต่อไปยงั คงจะ สามารถสืบทอดการจัดงานทําบุญของตระกูลได้ต่อไปช่ัวกาลนาน และ หากมีสิ่งใดท่ีลูกหลานไม่ว่าจะอยู่ในสายเดียวกันหรือต่างสายสามารถ ติดต่อ ช่วยเหลือ เอ้ือเฟื้อเกื้อกูลกันให้ลูกหลานได้เจริญรุ่งเรืองย่ิงๆขึ้น ไป จะเป็นสิ่งท่ีเชื่อได้ว่าบรรพบุรุษและญาติพ่ีน้องท่ีล่วงลับไปแล้ว หาก มีญาณท่ีสามารถหย่ังรับทราบได้ก็คงจะปีติยินดีที่ได้เห็นลูกหลานเป็น คนด ี มีสมั มาอาชีวะ สามารถติดตอ่ คบค้าสมาคมชว่ ยเหลอื ดูแลกนั และ กนั และร่วมกนั ทาํ ให้สงั คมและประเทศชาติเจริญรงุ่ เรอื งย่งิ ข้ึนไป 43

แอด๊ คาราบาว ลูกหลาน พอ่ อ้าย-แมง่ ิ้ว คนหน่ึง 44

ผมเกิดเมื่อวันอังคารท่ี 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2497 ท่ีตลาดท่าเรือ จะขายบ้านหลังนี้ เน่ืองจากบ้านเก่าทรุดโทรมมาก จนไม่อาจอาศัยอยู่ (ตลาดทรัพย์สิน 4) อําเภอเมือง สุพรรณบุรี เป็นบุตรคนท่ี 6 ลูกคนสุด ได้ จึงอยากจะขายให้แก่พวกรับซ้ือบ้านเก่าไป เน่ืองด้วยบ้านหลังนี้เป็น ท้องของ นายมนัส และนางจงจินต์ โอภากุล จบการศึกษาจากสถาบัน บ้านของต้นตระกูลพ่ออ้ายแม่ง้ิว และมองเห็นถึงความสวยงามที่ซ่อน เทคโนโลยีมาปัว ประเทศฟิลิปปินส์ ปริญญาตรีสาขาสถาปัตยกรรม อยู่ในตัวบ้าน รู้สึกเสียดายบ้านของต้นตระกูล เม่ือทราบข่าวจึงได้ขอซ้ือ เคยทาํ งานอยู่การเคหะแห่งชาติในตาํ แหนง่ สถาปนกิ เป็นเวลา 5 ป ี ก่อน มา แลว้ ย้ายบา้ นมาปรบั ปรงุ และบูรณะใหม่ ปจั จบุ นั ต้งั อยู่ ณ บา้ นเลขที่ ออกมาตั้งวงดนตรี คาราบาว ในปีพ.ศ.2524 จนประสบความสําเร็จ 4 ซอยคาราบาว ถนนศรีนครินทร์ หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพมหานคร และเป็นวงดนตรีท่ีมีช่ือเสียงมากท่ีสุดวงหน่ึงในตํานานของเมืองไทย เป็นบ้านอยอู่ าศัยของครอบครัว ยนื ยง-ลนิ จง โอภากุล และลกู หลาน ปัจจุบัน (พ.ศ.2561) ยงั คงตระเวน แสดงคอนเสิร์ตทุกวันไปท่ัวประเทศ ถงึ แมจ้ ะมภี ารกจิ ทต่ี อ้ งรบั ผดิ ชอบ ปจั จบุ นั กย็ งั ไปรว่ มงานรวมญาติ และตา่ งประเทศ ในปีพ.ศ.2556 ไดร้ บั โปรดเกล้าให้เปน็ ศิลปินแหง่ ชาต ิ เพื่อร่วมทําบุญให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่วัดท่าช้างโดยตลอด มีบางปี เม่ือปีพ.ศ.2545 ได้ร่วมกับเพื่อนทําธุรกิจเครื่องด่ืมชูกําลังคารา ท่ีไม่ได้ไปร่วมงานเพราะติดงานคอนเสิร์ตอยู่ต่างจังหวัดไกล ๆ ทําให้ บาวแดง ซ่ึงได้รับความนิยมและประสบความสําเร็จในด้านการตลาด ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เป็นอย่างสูง จนสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในเวลาเพียง 10 ปีเศษ ผมขอส่งความรักความห่วงใยมาถึงพ่ีป้าน้าอา คุณปู่คุณย่า คุณ และขยายกิจการไปยังต่างประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ ทั้งใน ตาคุณยาย และลูกหลานพ่ออ้ายแม่ง้ิวทุกๆ ท่าน ที่คนในตระกูลของ เอเชีย เช่นสาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า เราเจริญรุ่งเรืองตามๆ กัน ท้ังน้ีมาจากความซ่ือสัตย์ ความสามัคคี และ นอกจากนี้ยังสามารถขยายตลาดไปยังประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ความขยันขันแข็ง ขอให้พวกเราจงรักสามัคคีกันเช่นน้ีตลอดไป เหล่า รวมทง้ั อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา และตะวนั ออกกลางอกี ด้วย บรรพชนจะไดภ้ าคภมู ิใจ และคอยปกปกั ษ์รกั ษาลูกหลานสืบไป ความผูกพันกับตระกูลพ่ออ้ายแม่ง้ิว เพราะมีคุณแม่จงจินต์ (ไซ้ค้ิม แซ่อ๊ึง) เป็นลูกหลานพ่ออ้ายแม่ง้ิวในสายท่ี 1 คือสายของยาย ขอบพระคุณครบั ศีิลา จึงนับเป็นทายาทโดยตรง สมัยเด็ก ๆ เคยติดตามคุณแม่ไปเยี่ยม ยนื ยง โอภากุล (แอด๊ คาราบาว) ญาติที่บ้านท่าช้างบ่อยๆ รู้จักกับญาติหลายๆท่านมาโดยตลอด เมื่อ ตอนคุณแม่เสีย ได้นําเถ้าอัฐิไปลอยอังคารท่ีบ้านเกิด คือหน้าบ้านยาย สาย 1 ศิีลา แล้วทราบว่าลูกหลานผู้ได้รับกรรมสิทธ์ิบ้านอาเล่าม่าศีลา กําลัง 45

ผใู้ หญเ่ ล่าเรอ่ื ง 46

หลังจากหนังสอื ของตระกลู พอ่ อ้าย-แมง่ ว้ิ เลม่ ท ่ี 3 ได้จัดทาํ ขนึ้ เมือ่ ปี พ.ศ. 2548 ก็ได้เว้นว่างการจัดทํามาร่วม 13 ปี จากการประชุมร่วมกับตัวแทนของตระกูลทุกๆ สาย ได้มีความเห็นว่าการจัดทําหนังสือของตระกูลคงจะไม่ได้มีโอกาสได้จัดทําขึ้น บ่อยครงั้ ดงั นนั้ จงึ มคี วามเหน็ พอ้ งกนั วา่ หนงั สอื ของตระกลู เลม่ ที่ 4 น ี้ นา่ จะขอผใู้ หญ่ ของตระกูลทง้ั 7 สาย ช่วยเล่าเร่ือง หรอื มีอะไรท่ีฝากถึงลูกหลาน หรอื อยากจะพูดถงึ ความรู้สกึ ท่ีเกดิ มาในตระกูลพอ่ อ้าย - แมง่ ้ิว ใหแ้ กล่ ูกหลานได้รับทราบ เพอื่ ได้ทราบ เรื่องราวความเป็นมาในอดีต และส่งต่อความรู้สึกดีๆ ของประเพณีทําบุญประจําปี ของตระกูล เพอื่ ให้ลกู หลานสบื ทอดเจตนารมณ์ของบรรพชนให้คงอยูส่ บื ต่อไป ส่ิงที่ญาติผู้ใหญ่หลายท่านได้ฝากไว้ให้แก่ลูกหลานคือ ขอให้มีความรัก ความ สามัคคี การเก้ือหนุนซ่ึงกันและกัน ผู้เขียนเช่ือว่าสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่ฝากไว้จะไม่เกิด ข้ึนได้เลยหากพวกเราท่ีเป็นลูกหลานไม่สละเวลามาพบปะกันในวันรวมญาติทําบุญ ประจาํ ปขี องตระกลู การพบปะ การได้ทาํ กจิ กรรมร่วมกัน จะนํามาซ่ึงความสัมพันธ์ ท่ีดตี ่อกนั ความรัก ความสามคั คี และความเอื้ออาทรเกื้อหนนุ กันก็จะเกิดข้ึนได้ ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ในวันทําบุญประจําปีของตระกูล ลูกหลาน ของตระกูลพ่ออ้าย-แม่ง้ิว จะมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อให้ญาติผู้ใหญ่ได้ชื่นใจ กับความรัก ความสามัคคี และความเอื้ออาทรเกื้อหนุนซ่ึงกันและกัน ท่ีได้เกิดขึ้น ในตระกูลพอ่ อา้ ย - แม่งว้ิ ของพวกเรา 47

ขา้ พเจา้ นางยพุ นิ หมนื่ สกุ แสง ลกู ของคณุ พอ่ ลว้ น กบั คณุ แมบ่ ญุ เออ้ื สตี ลกาญจน ์ เปน็ ทายาทของสาย 1 ในอดตี ไดม้ กี ารพดู คยุ กนั ในกลมุ่ พน่ี อ้ งรนุ่ คณุ พอ่ คณุ แมข่ องพวกเรา ซงึ่ เปน็ ทายาททง้ั 7 สาย ของพอ่ อา้ ยแม่ งว้ิ โดยมดี าํ รทิ จ่ี ะรว่ มใจกนั สรา้ งกฏุ ถิ วายพระ และสรา้ งหอ้ งบรรจอุ ฐั ขิ อง พอ่ อา้ ยแมง่ ว้ิ และทายาททง้ั 7 คนรวมถงึ ลกู หลานอกี มากมายของตระกลู ทงั้ นม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ทจี่ ะใหบ้ ตุ รหลานไดม้ าทาํ บญุ รว่ มกนั เปน็ โอกาสที่ พน่ี อ้ งซง่ึ อยหู่ า่ งไกลกนั จะไดพ้ บปะกนั และเกดิ ความใกลช้ ดิ สนทิ สนมกนั มากขน้ึ เนอ่ื งดว้ ยเรามสี ายเลอื ดบรรพบรุ ษุ เดยี วกนั ขา้ พเจา้ มคี วามรสู้ กึ วา่ บรรพชนทงั้ 7 สาย ไดม้ องการณไ์ กล ทจ่ี ะใหล้ กู หลานรกั ใครส่ ามคั คกี นั ข้าพเจ้าคิดว่าลูกหลานปัจจุบันมีอยู่หลายร้อยคน ได้มาร่วม ทําบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษกันทุกๆ ปี นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ อนชุ นร่นุ หลงั ขอให้ลกู หลานรุ่นตอ่ ๆ ไปปฏบิ ัตติ ามรุ่นของพวกเราตอ่ ไป ข้าพเจ้านางยุพิน หมื่นสุกแสง ภูมิใจอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าเกิดใน ตระกูลของพ่ออ้ายแม่ง้ิว ญาติพ่ีน้องของพวกเราเป็นคนดีมีอาชีพ สุจริตกันทุกคน ข้าพเจ้าหวังให้ทายาทมีความรักสามัคคีและมีความ กตัญญตู อ่ บรรพบุรุษตลอดไป นางยพุ นิ หมน่ื สุกแสง ทายาทสาย 1 48

ประวตั ิ นางยุพิน สีตลกาญจน์ สมรสกับ นายสุเทพ หม่ืนสุกแสง ทําธรุ กจิ โรงสแี ละตอ่ มาทาํ ธรุ กจิ รบั เหมากอ่ สรา้ ง บดิ า มารดา : นางบญุ เออื้ นายลว้ น สีตลกาญจน์ ทายาท : หมน่ื สกุ แสง คุณยุพิน 1. นพ.ปัญญา หม่ืนสกุ แสง หมน่ื สกุ แสง 2. นายอดศิ ร เหลา่ ธติ ิพงศ์ สาย 1 3. นางกนกวรรณ หมื่นสุกแสง 4. น.ส.นันทกา 49

คณุ ยาย ขยายความ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook