Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต

สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต

Published by ครูชิน บ้านสวน, 2020-04-09 08:49:05

Description: สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต

Search

Read the Text Version

สาระที่ 1 ส่งิ มีชวี ิตกบั กระบวนการดารงชีวิต มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธิบาย น้า แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แสงและ มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 คลอโรฟลิ ล์ เปน็ ปจั จยั ท่จี า้ เปน็ บางประการ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพชื อธบิ ายการสบื พนั ธข์ องพืชดอก การขยายพนั ธุพ์ ชื และ น้าความร้ไู ปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย นา้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสงและ คลอโรฟลิ ล์ เป็นปัจจยั ทีจ่ า้ เปน็ บางประการ ต่อการเจริญเติบโตและการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพชื

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย น้า แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ปัจจัยที่จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตของพืช • ดิน ดนิ ทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช ตอ้ งเปน็ ดนิ ท่ีอุม้ นา้ ได้ดี ร่วน ซยุ มอี นิ ทรยี ์วัตถุมาก การปรบั ปรงุ ดนิ ใหอ้ ุดมสมบูรณ์ ไดแ้ ก่ การไถพรวน 1. การใสป่ ุ๋ย การปลูกพืชหมุนเวียน • น้า มีความสาคัญตอ่ การเจรญิ เติบโตของพืชมาก น้าชว่ ยละลายแร่ธาตุ อาหารในดิน เพ่อื ให้รากดูดอาหารไปเล้ยี งส่วนต่างๆ ของลาตน้ ได้ และยัง 2. ช่วยใหด้ ินมีความชมุ่ ชื้น • ธาตุอาหารหรือปุ๋ย เป็นสง่ิ ทชี่ ว่ ยให้พืชเจริญเติบโต ดียิง่ ขน้ึ ธาตอุ าหารที่ จาเป็นต่อการเจรญิ เติบโตของพืชมี 16 ธาตุ แตธ่ าตุทพ่ี ชื ตอ้ งการมากและใน 3. ดินมักมีไมเ่ พียงพอ คอื ธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรสั และโพแทสเซียม

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย นา้ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ปจั จยั ท่จี าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตของพืช • อากาศ ในอากาศมแี ก๊สหลายชนิด แต่แก๊สทีพ่ ืชตอ้ งการมากคอื แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์และแก๊สออกซเิ จน ซง่ึ ใช้ในการสังเคราะหด์ ้วยแสงเพอ่ื 4. สรา้ งอาหารและหายใจ • แสงสวา่ งหรอื แสงแดด พืชต้องการแสงแดดมาใช้ในการสรา้ งอาหาร ถ้าขาด 5. แสงแดด พืชจะแคระแกรน ใบจะมีสีเหลอื งหรือขาวซีดและตายในท่สี ุด • อณุ หภมู ิ มสี ว่ นช่วยในการงอกและเจริญเติบโตของพืชเชน่ กัน บางชนิดชอบ ขึ้นในทมี่ อี ากาศหนาวเย็น บางชนิดก็ชอบข้นึ ในที่มีอากาศรอ้ น การปลูกจึง 6. ควรเลือกชนดิ ที่เหมาะสมกบั อุณหภูมทิ ่ีเปลี่ยนไปตามฤดกู าล

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย นา้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มเติม ธาตุอาหารหลัก ในปุ๋ยเคมี ปุ๋ยสตู ร 13 – 13 – 21 ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โปแตสเซยี ม (K) ( N) ( P) ไนโตรเจน ( N) ทาหนา้ ท่ี เสรมิ สร้างการเจรญิ เตบิ โตทางลาตน้ และใบ ฟอสฟอรัส ( P) ทาหน้าท่ี เสรมิ สร้างการออกดอก โปแตสเซยี ม (K) ทาหนา้ ที่ เสรมิ สรา้ งความหวาน คุณภาพของผลผลิตพชื

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย น้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช นา้ + แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ + คลอโรฟิลล์ + แสง แป้ง(น้าตาล) + แก๊สออกซิเจน

มาตรฐาน ว 1.1 ป.4/2 อธบิ าย น้า แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช ใบของพืชจะมสี ารทีม่ ีสเี ขียวเราเรยี กว่า คลอโรฟลิ ล์ โดย คลอโรฟิลล์ จะนา้ ใชใ้ นกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง เป็นกระบวนการ สร้างอาหารของพชื สเี ขยี ว การสงั เคราะหแ์ สง คือ กระบวนการท่ีพชื อาศัยปัจจัย ตา่ ง ๆ คอื น้า แสงแดด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟลิ ล์ ( ซ่งึ สารสี เขียวทา้ หน้าที่ดูดซบั แสงแดด มักมีมากท่ีใบของพืชสเี ขยี ว ) และแรธ่ าตุ ต่าง ๆ ทีล่ ะลายในนา้ สิง่ ท่ีได้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง คอื แป้ง และ น้าตาล เพอื่ ใชเ้ ป็นอาหารของพชื ชว่ ยให้พืชเจริญเตบิ โต

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พนั ธข์ุ องพชื ดอก การขยายพันธพุ์ ชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสบื พันธุข์ องพืชดอก การขยายพนั ธุ์พืช และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ การสบื พันธขุ์ องพชื ดอก แบ่งเปน็ 2 ประเภทคือ 1. • การสืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศ 2. • การสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พนั ธุ์ของพืชดอก การขยายพนั ธพุ์ ืช และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ สว่ นประกอบของดอกไม้

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสบื พันธุ์ของพชื ดอก การขยายพนั ธ์ุพชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ประเภทของดอก แบ่งโดยการใชเ้ กณฑ์ตา่ งๆ ประเภทของดอกโดยใช้องค์ประกอบทงั้ 4 ส่วนเปน็ เกณฑ์ ดอกครบส่วน (COMPLETE FLOWER) คือดอกทีป่ ระกอบด้วย -กลบี เลยี้ ง ตวั อย่างดอกไมค้ รบสว่ น -กลบี ดอก เช่น ดอกแพงพวย -เกสรตัวผู้ ดอกการเวก ดอกชงโค -เกสรตวั เมยี ดอกผักบงุ้ ชบา กุหลาบ มะลิ อัญชัน มะขาม กลว้ ยไม้ พลบั พลึง แกว้ เปน็ ต้น

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพันธขุ์ องพชื ดอก การขยายพันธุพ์ ชื และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ดอกไม่ครบส่วน (INCOMPLETE FLOWER) คอื ทมี่ ีส่วนประกอบไมค่ รบ ท้ัง 4 สว่ น เชน่ ตาลงึ ดอกแตงกวา ดอกบวบ ดอกข้าวโพด เปน็ ตน้ ไม่มกี ลีบเลี้ยง ไม่มกี ลบี ดอก เชน่ ดอกตาแย ผักโขม กัญชา บีท และ พวงชมพู ไม่มเี กสรตัวผู้หรอื เมยี อยา่ งใดอยา่ งหนึง่ เช่น ดอกเตย ลาเจียก สน ทะเล มะไฟ ฟักทอง ละหงุ่ มะยม ไมม่ ีทง้ั กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก เชน่ ดอกหนา้ วัว ดอกอุตพดิ หญา้ และ ข้าว

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสืบพันธุ์ของพชื ดอก การขยายพนั ธุ์พชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ประเภทของดอกโดยใช้เกสรตัวผแู้ ละเกสรตัวเมีย เป็น เกณฑ์ แบง่ ได้ 2 ประเภท ดอกสมบูรณเ์ พศ (PERFECT FLOWER) คือ ดอกท่มี ที ง้ั เกสร ตัวผแู้ ละเกสรตัวเมีย ตัวอยา่ ง • ดอกมะเขอื ดอกถ่ัว ดอกผักบงุ้ ดอกบัว ดอกมะมว่ ง ดอก แพงพวย ชบา ข้าว หอม กระเทียม สบั ปะรด บานบุรี ต้อยติง่ กหุ ลาบ บัว กะหลา่

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสบื พันธุข์ องพชื ดอก การขยายพันธพ์ุ ืช และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ดอกไมส่ มบรู ณ์เพศ (IMPERFECT FLOWER) ดอกทม่ี เี ฉพาะเกสรตัว ผู้หรอื เกสรตัวเมียอย่างหน่งึ อย่างใด ตัวอยา่ ง ดอกบวบ • ดอกข้าวโพด ดอกบวบ ดอกตาลึง ดอกฟักทอง ดอกแตงกวา ดอกฟักทอง

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสืบพันธข์ุ องพืชดอก การขยายพนั ธพ์ุ ืช และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ การขยายพันธ์พุ ืช การขยายพันธุ์พชื คอื การเพ่มิ จานวนตน้ พชื ใหไ้ ด้ จานวนมากพอกับ ปริมาณความตอ้ งการทเ่ี พ่มิ ขน้ึ โดยพชื ตน้ ใหมท่ ่ไี ด้ ยังคงลกั ษณะของพันธ์ุ และคณุ สมบตั ิท่ดี ไี วเ้ หมือนเดิมอาจกลา่ วได้วา่ การขยายพันธพุ์ ืชเปน็ การช่วยรักษาลกั ษณะที่ดขี องพนั ธไุ์ ว้ไม่ให้ สญู หาย การขยายพันธุ์พืชมี 2 แบบ 1. แบบอาศยั เพศ 2. แบบไม่อาศยั เพศ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พันธ์ขุ องพืชดอก การขยายพนั ธ์ุพชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ การขยายพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ ส่วนทีใ่ ช้ในการขยายพันธพุ์ ืชแบบอาศัยเพศ สว่ นทีใ่ ช้ในการขยายพันธ์ุพชื แบบอาศัยเพศ ดอกไม้ประกอบด้วยสว่ น ต่างๆ เรยี งจากช้ันนอกเข้าสู่ชนั้ ในท่ีสาคัญๆ 4 ส่วนได้แก่ 1. กลบี เลย้ี ง (speal) สว่ นน้จี ะอยนู่ อกสดุ โดยเปลีย่ นแปลง เจริญมาจากใบ มขี นาดเล็กมีสีเขียวทาหนา้ ทีป่ อ้ งกนั อนั ตรายใหแ้ ก่ ดอกไมข้ ณะตูม 2. กลีบดอก (Petal) สว่ นนอ้ี ยูถ่ ดั จากกลบี เลย้ี งเข้าไปมขี นาด ใหญ่กว่า กลบี เล้ียง ซึง่ มีสีสันสวยงาม มีกลิน่ หอมทาหนา้ ท่ีลอ่ แมลง เพือ่ ชว่ ยผสมเกสร

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพนั ธข์ุ องพืชดอก การขยายพันธพุ์ ืช และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ส่วนท่ีใชใ้ นการขยายพันธุพ์ ืชแบบอาศยั เพศ 3. เกสรตัวผ(ู้ Stamen) สว่ นนอ้ี ยู่ถดั จากกลบี ดอกเข้าไป ทาหนา้ ที่เปน็ เซลล์สบื พันธเ์ุ พศผู้มักมีหลายอันรวมกนั มีสว่ นประกอบทส่ี าคญั อยคู่ ือ 1. กา้ นชอู บั เรณู มีลักษณะแท่งยาวทรงกระบอก มีหน้าท่ี ชอู ับละอองเรณู 2. อบั เรณู เปน็ เมด็ เลก็ ๆอยบู่ นก้านชูอบั เรณู ภายในอบั เรณูจะมลี ะออง เรณอู ย่มู ากมายมลี กั ษณะเปน็ เมด็ เลก็ ๆ คลา้ ยผงสี เหลือง 3. ละอองเรณู อยู่ภายในอบั เรณทู าหนา้ ทส่ี ร้างเซลล์ สืบพันธ์เุ พศผู้

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพนั ธขุ์ องพชื ดอก การขยายพนั ธุ์พชื และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ สว่ นทใ่ี ช้ในการขยายพนั ธ์ุพืชแบบอาศัยเพศ 4. เกสรตัวเมยี (Pistill) ส่วนนอี้ ยชู่ ้ันในสดุ ทาหน้าท่เี ปน็ เซลลส์ ืบพันธุ์เพศ เมยี มีสว่ นประกอบทส่ี าคญั คือ 1. ยอดเกสรตวั เมีย ส่วนนีจ้ ะมขี นเสน้ เลก็ ๆ และมนี า้ หวานเหนยี ว ๆ สาหรบั ดักจบั ละอองเรณรู วมทั้งยังใชเ้ ปน็ อาหารสาหรบั การงอกของ หลอดละอองเรณู 2. ก้านเกสรตวั เมยี สว่ นน้ีจะทาหนา้ ทชี่ ยู อดเกสรตัวเมียให้อยใู่ น ระดบั สงู ๆ เพ่ือประโยชน์ในการผสมพนั ธุ์ นอกจากน้ยี ังเป็นทางให้ ละอองเรณแู ทงหลอดเรณลู งไปเพื่อใหเ้ ซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผู้เข้าผสมกับ เซลล์ไขไ่ ด้ 3. รงั ไข่ ส่วนนี้มอี อวุล ซึง่ มลี ักษณะเปน็ เมด็ เลก็ ๆบรรจุอย่ภู ายใน รงั ไขห่ น่งึ อาจมี 1 ออวุล หรอื หลายออวุล ก็ไดภ้ ายในอออวุลเปน็ แหลง่ สรา้ งเซลลไ์ ขซ่ ่งึ ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ เซลลส์ ืบพันธ์เุ พศเมีย

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพันธุ์ของพืชดอก การขยายพนั ธุ์พชื และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ การขยายพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ 1. การตอนก่งิ คือ การทาใหก้ งิ่ หรือต้นพชื เกดิ รากขณะตดิ อยกู่ บั ตน้ แม่ จะทาให้ ไดต้ ้นพชื ใหม่ ท่มี ีลกั ษณะทางสายพนั ธ์ุ เหมอื นกบั ต้นแม่ทุกประการ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพนั ธุ์ของพชื ดอก การขยายพนั ธ์พุ ืช และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พันธ์ขุ องพชื ดอก การขยายพนั ธุ์พชื และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. การทาบกิ่ง คือ การนาตน้ พืช 2 ต้นเป็น ต้นเดียวกันโดยส่วนของตน้ ตอที่ นามาทาบกิ่ง จะทาหน้าทเี่ ปน็ ระบบรากอาหารให้กับต้นพนั ธุด์ ี

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพนั ธุ์ของพชื ดอก การขยายพนั ธ์พุ ืช และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พันธข์ุ องพืชดอก การขยายพนั ธ์ุพชื และนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 3. การตดิ ตา คือ การเช่ือมประสานส่วนของตน้ พืชเขา้ ด้วยกนั เพ่ือใหเ้ จรญิ เปน็ พืชต้น เดียวกนั โดยการนาแผน่ ตาจากกิง่ พันธุ์ดี ไปตดิ บนต้นตอ การ ติดตาจะมวี ิธกี ารทา 2 วธิ ี คือ วิธกี ารติดตาแบบลอกเนอื้ ไม้ และแบบไม่ ลอกเนอ้ื ไม้ ซ่ึงในทนี ้จี ะแนะนาเฉพาะขั้นตอน การติดตาแบบลอกเนอื้ ไม้

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสบื พนั ธุ์ของพชื ดอก การขยายพนั ธ์พุ ชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ขั้นตอนการติดตา

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธิบายการสืบพนั ธ์ุของพชื ดอก การขยายพันธ์พุ ชื และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ 4.การตอ่ กิ่ง การตอ่ ก่ิงหรือเสยี บกิง่ (grafting) ซึ่งอาจตอ่ แบบปะ ตอ่ แบบปากฉลาม ต่อแบบเสยี บข้างและต่อแบบลิ่ม ในการต่อก่งิ หรอื เสียบกงิ่ ประกอบดว้ ย ต้นตอ ของการตอ่ กงิ่ มีลกั ษณะเชน่ เดียวกับต้นตอการตดิ ตา กิง่ ตอ่ ควรเลอื กก่ิงท่ีมียอดทเ่ี จรญิ จวนจะผลใิ บออ่ นออกมาใหม่และ กิง่ ต่อตอ้ งไม่ออ่ นหรือแกเ่ กนิ ไป กงิ่ ตอ่ ตอ้ งเป็นพนั ธ์ดุ ี เช่นเดยี วกบั ก่งิ พนั ธุ์ ของการทาบกิ่ง และมขี นาดเล็กกว่าต้นตอเล็กน้อย

มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายการสืบพนั ธขุ์ องพชื ดอก การขยายพนั ธ์ุพืช และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ 5.การเพาะเลีย้ งเน้อื เย่อื การเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอื่ พชื (Plant tissue culture) คอื การ เพาะเลยี้ งพชื เฉพาะบางส่วนของพืชเพื่อให้ไดพ้ ืชชนดิ นั้นท้ังต้น ท้าใหม้ ี ขยายพันธใ์ุ หไ้ ดจ้ ้านวนมาก ทัง้ ทพ่ี ชื ที่ถูกนา้ ช้นิ ส่วนมาขยายพนั ธุ์ต่อน้นั มี จ้านวนนอ้ ยต้น การเพาะเลยี้ งเนอ้ื เย่อื พืช (Plant tissue culture)เปน็ การ รวบรวมเทคนิคตา่ งๆมาใชใ้ นการดูแลรกั ษาและการเจรญิ เตบิ โต ของ เซลล์พชื หรือ เนอื้ เยื่อพชื หรอื อวยั วะชิน้ สว่ นของพชื ภายใตส้ ภาวะการ ปลอดเชื้อและสภาวะแวดลอ้ มที่เหมาะสมตอ่ การเพาะเล้ียงเนอ้ื เยื่อพชื

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและ อภิปรายความจา้ เป็นที่รา่ งกายต้องไดร้ ับสารอาหารใน สัดสว่ นที่เหมาะสมกบั เพศและวัย

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะห์สารอาหารและอภิปรายความจ้าเปน็ ท่รี ่างกายตอ้ งได้รบั สารอาหาร สารอาหาร อาหาร หมายถงึ ส่ิงท่ีเรารับประทานเขา้ ไปแลว้ ไม่เปน็ พิษต่อรา่ งกาย และทาให้ร่างกายเจริญเติบโต สารอาหารแบง่ ประเภทออกเป็น 5 หมู่ สารอาหาร หมายถงึ สิง่ ท่เี ป็นองค์ประกอบพื้นฐานของ อาหาร มีทั้งหมด 6 ประเภทแบ่งประเภท ความสามารถในการ ใหพ้ ลงั งาน –สารอาหารทใี่ ห้พลังงาน • คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั –สารอาหารทไี่ ม่ใหพ้ ลังงาน • เกลือแร่ วติ ามิน และ น้า

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะห์สารอาหารและอภิปรายความจา้ เป็นท่รี า่ งกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร 1. โปรตนี เนอื้ สัตวต์ ่างๆ (เนอ้ื หมู เนือ้ วัว เนื้อเป็ด เนอ้ื ไก่ กงุ้ หอย ปู ปลา) ไข่ ถ่วั เมล็ด

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะห์สารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทร่ี ่างกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร ประโยชนข์ องโปรตนี ทมี่ ีตอ่ ร่างกาย 1. สร้างความเจริญเตบิ โตและซ่อมแซมสว่ นท่สี กึ หรอ ให้แก่รา่ งกาย 2. ให้พลงั งานแก่ร่างกาย ในกรณที ีร่ ่างกายขาดพลงั งาน โปรตีน 1 กรมั จะใหพ้ ลังงานประมาณ 4 แคลอรี่ 3. สร้างน้าย่อย ฮอร์โมน น้านม และสารภูมิคุ้มกันโรคใหแ้ ก่รา่ งกาย 4. ช่วยรักษาความสมดลุ ของน้าในหลอดเลอื ด เนอื้ เยอ่ื 5.ช่วยรกั ษาความสมดุลของกรดและดา่ งของรา่ งกาย

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเปน็ ที่รา่ งกายต้องไดร้ บั สารอาหาร 2. คาร์โบไฮเดรต ขา้ ว (ขา้ วเจ้า ขา้ ว เหนยี ว ข้าวสาล)ี นา้ ตาล เผอื ก มัน

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจา้ เปน็ ทีร่ า่ งกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร ประโยชน์ของคารโ์ บไฮเดรตที่มตี อ่ ร่างกาย 1. ให้พลงั งานและความอบอุน่ แกร่ า่ งกาย คารโ์ บไฮเดรต 1 กรมั ให้ พลงั งานประมาณ 4 แคลอรี่ 2. ช่วยให้ร่างกายนาสารอาหารโปรตนี ไปใช้ประโยชนไ์ ด้เตม็ ที่ 3. ใชเ้ ปน็ พลังงานสารองของร่างกาย ถา้ รา่ งกายรับประทานพวก คาร์โบไฮเดรตมากเกินไป สว่ นเกินนี้จะถกู ปลี่ยนเป็นไขมนั สะสมไวต้ าม เนอ้ื เยือ่ ต่างๆของร่างกาย และจะถูกนามาใชเ้ มื่อรา่ งกาย ขาดแคลน พลังงาน 4. เปน็ องค์ประกอบทส่ี าคญั ของตบั ซงึ่ เป็นอวัยวะส่วนสาคัญของ รา่ งกายในการขจดั สารพิษ ในเลอื ด

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเปน็ ท่รี า่ งกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร 3. ไขมนั นา้ มนั พืช (นา้ มันมะกอก น้ามนั ถัว่ เหลอื ง นา้ มนั ดอก ทานตะวนั ) น้ามนั และ ผลิตภณั ฑ์จากสัตว์ เชน่ นา้ มนั หมู เนย ครมี

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทร่ี า่ งกายตอ้ งได้รบั สารอาหาร ประโยชน์ของไขมนั ท่ีมีตอ่ รา่ งกาย 1. ใหพ้ ลงั งานแกร่ ่างกายมากกว่าสารอาหารชนิดอื่น ไขมนั 1 กรัม ให้ พลงั งานประมาณ 9 แคลอร่ี 2. ช่วยใหค้ วามอบอุ่นแกร่ ่างกาย เพราะไขมันท่ีอยู่ใตผ้ วิ หนังจะชว่ ยปอ้ งกนั มใิ หค้ วามรอ้ นออกจากร่าง กายและชว่ ยบรรเทาความหนาวเย็นจาก ภายนอก 3. ชว่ ยปอ้ งกันการกระทบกระเทอื นของอวยั วะภายในของร่างกาย และ เปรียบเสมือนนวมทีบ่ ุอยทู่ ่วั รา่ งกาย 4. ละลายวิตามิน a,d,e,k เพื่อให้รา่ งกายดดู ซมึ วติ ามินเหล่าน้ีเขา้ สู่ร่างกาย 5. เปน็ สว่ นประกอบทสี่ าคญั ทข่ี องอวยั วะบางอยา่ งของรา่ งกาย เช่น เนอ้ื สมอง เส้นประสาท เปน็ ตน้

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเปน็ ที่รา่ งกายตอ้ งได้รบั สารอาหาร 4. วิตามิน

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจา้ เป็นทรี่ า่ งกายตอ้ งได้รบั สารอาหาร ประโยชนข์ องวติ ามินทม่ี ีตอ่ ร่างกาย ประโยชนข์ องวิตามินเอ 1.ชว่ ยบา้ รงุ สายตา และปอ้ งกันโรคตาฟางกลางคนื 2.ชว่ ยบา้ รุงผวิ หนังและเยือ่ บุอวัยวะตา่ งๆ เช่นนัยน์ตา ปาก หลอดลม 3.วติ ามินเอ ชว่ ยในการเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย เน่อื งจาก วติ ามนิ เอชว่ ยสงเสรมิ การทา้ งานของแคลเซยี ม 4.วติ ามนิ เอช่วยสร้างความต้านทานโรคทว่ั ไปใหแ้ กร่ ่างกาย ประโยชน์ของวติ ามนิ ดี 1.ชว่ ยทา้ ให้ธาตแุ คลเซยี มและฟอสฟอรสั ดูดซึมผา่ นผนงั บางๆ ของเซลล์ไดด้ ขี นึ้ 2.วติ ามินดชี ่วยท้าให้ธาตแุ คลเซยี มและฟอสฟอรสั รวมตวั กันเพ่อื สรา้ งกระดกู และฟนั

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะห์สารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทรี่ ่างกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร ประโยชน์ของวิตามนิ ทม่ี ีตอ่ รา่ งกาย ประโยชนข์ องวิตามนิ อี 1. การเป็นหมันในบางราย 2. อาการผดิ ปกติของสตรใี นระหวา่ งมปี ระจ้าเดือน 3. การแท้งโดยไมท่ ราบสาเหตุ 4. เลือดจากบางชนิดในทารก – วติ ามนิ ท่ีละลายใน 5. ชว่ ยป้องกันไมใ่ หเ้ ม็ดเลือดแดงแตกง่าย นา้ ได้แก่ วติ ามินซี และ ประโยชน์ของวิตามินเค วิตามนิ บีรวม 1. วติ ามนิ เคชว่ ยใหเ้ ลือดแข็งตัว – วิตามนิ ท่ีละลายใน 2. ท้าให้เลือดหยดุ ไหลได้เรว็ เม่ือเกดิ บาดแผล ไขมนั ได้แก่ วิตามนิ เอ ดี อี เค

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นที่รา่ งกายต้องไดร้ ับสารอาหาร 5.เกลอื แร่ เกลือแร่ เกลือแรเ่ ปน็ สารอาหารทจี่ าเป็นตอ่ รา่ งกายมาก แมเ้ กลอื แร่จะ ไมใ่ ชส่ าร อาหารทีใ่ หพ้ ลงั งานและความอบอุ่นแกร่ ่างกายก็ตาม เกลือแร่ เชน่ แคลเซียม ไอโอดนี เหลก็ ฟอสฟอรสั โซเดยี ม

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทรี่ า่ งกายต้องไดร้ ับสารอาหาร 6.นา้ ประโยชน์ของน้าท่ีมตี อ่ รา่ งกาย 1. ช่วยใหร้ า่ งกายชุม่ ชืน้ ผวิ พรรณเปล่งปลั่ง สดช่ืน 2. เป็นส่วนปรกอบของทกุ เซลลใ์ นร่างกาย 3. ชว่ ยในการย่อยและดูดซมึ อาหารเขา้ สรู่ า่ งกาย 4. ช่วยนาอาหารและออกซิเจนไปเลย้ี งสว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย 5. ช่วยขบั ถ่ายของเสียออกจากร่างกายเช่น เหง่ือ ปัสสาวะ และอุจจาระ 6. ช่วยควบคุมอุณหภูมขิ องรา่ งกายให้คงท่ี เชน่ เมอื่ ร่างกายมคี วามรอ้ นสงู รา่ งกายจะขบั เหงือ่ เพือ่ ระบายความรอ้ นออกจากรา่ งกาย 7. ช่วยหลอ่ เลย้ี งใหอ้ วยั วะตา่ งๆเคล่ือนไหวไดด้ ีและปอ้ งกนั การกระทบ กระแทก เชน่ น้าท่ีหลอ่ เลีย้ ง ในลูกตา ชอ่ งหัวใจ ชอ่ งปอด ไขขอ้ ตา่ งๆ เป็น ตน้

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นที่ร่างกายตอ้ งไดร้ บั สารอาหาร การบริโภคอาหารอย่างมสี ดั สว่ น อาหารในแต่ละม้ือควรมีสารอาหารครบทงั้ 5 ประเภท เพอื่ การกินดี มีสุข คอื ประกอบด้วยสารอาหารดงั ตอ่ ไปนี้ อาหารท่มี สี ารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน จะให้ พลงั งานและความอบอนุ่ อาหารทีม่ สี ารอาหารประเภทโปรตนี จะช่วยสรา้ งเสรมิ และ ซ่อมแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ อาหารทมี่ สี ารอาหารประเภทเกลอื แร่ และวิตามิน จะชว่ ยควบคมุ การท้างานของรา่ งกายใหเ้ ป็นปกติ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะห์สารอาหารและอภิปรายความจา้ เปน็ ที่ร่างกายตอ้ งไดร้ ับสารอาหาร ความตอ้ งการสารอาหาร 1. วยั ทารก (แรกเกดิ - 1 ปี) อาหารหลักคือ นา้ นม นมแม่เป็นอาหารทดี ี และเหมาะทส่ี ุดสาหรบั ทารกนอกจากนมแมแ่ ลว้ ทารกยงั จาเป็นต้อง ได้รบั อาหารเสรมิ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วิเคราะห์สารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทร่ี า่ งกายตอ้ งไดร้ ับสารอาหาร 2. เดก็ วัยก่อนเรียน (2 – 5 ปี) เด็กวยั น้ตี ้องการอาหารเชน่ เดยี วกับทารกใน ระยะ 1 ปแี รก แตต่ ้องการปริมาณมากขน้ึ เพราะมคี วามส้าคญั ตอ่ การ เจรญิ เติบโต 3. เดก็ วัยเรียน (6 – 13 ป)ี เปน็ วัยท่รี า่ งกายกา้ ลังเจริญเตบิ โตช้า ๆ แต่ สม้่าเสมอ การทจี่ ะเจรญิ เตบิ โตอย่างสมบรู ณ์ไดเ้ ด็กต้องไดอ้ าหารถูกต้อง ตามหลกั โภชนาการในปรมิ าณท่เี หมาะสม และเพียงพอกับความตอ้ งการ ของรา่ งกาย 4. เดก็ วัยรุ่น (13 – 19 ปี) วัยรุ่นควรไดร้ ับสารอาหารครบทกุ ประเภท คือ กนิ ข้าว เนื้อสัตว์ ถ่ัว ไข่ น้านม ไขมัน ผกั และผลไมท้ ุกวนั เน่ืองจากเป็นวยั ท่มี กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งมากทง้ั ด้านรูปร่าง หนา้ ตา จิตใจ อารมณ์ และ การรว่ มสังคมกบั คนอืน่ ๆ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะห์สารอาหารและอภิปรายความจ้าเป็นทีร่ า่ งกายต้องได้รบั สารอาหาร 5. วยั ผ้ใู หญ่ (20-40 ป)ี เป็นวัยทรี่ า่ งกายเจรญิ เติบโตเตม็ ทแ่ี ล้ว ผใู้ หญค่ วร กินอาหารให้ครบไดส้ ัดสว่ นตามความตอ้ งการของร่างกาย ควรลดปรมิ าณ การกนิ ของหวาน น้าตาล ไขมนั โดยเฉพาะไขมนั จากสัตวเ์ พ่ิม ปริมาณการ กินผักและผลไมม้ ากขน้ึ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 วเิ คราะหส์ ารอาหารและอภิปรายความจา้ เป็นท่รี า่ งกายตอ้ งไดร้ ับสารอาหาร

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธิบายการทางานทส่ี มั พันธ์กนั ของระบบ ย่อยอาหาร ระบบหายใจ และระบบ หมนุ เวยี นเลอื ดของมนษุ ย์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธบิ ายการทางานท่สี ัมพนั ธ์กันของระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นเลอื ดของมนุษย์ ระบบย่อยอาหาร การยอ่ ยอาหาร ( Digestion ) คอื กระบวนการแปรสภาพอาหาร โมเลกลุ ใหญใ่ หม้ ีขนาดเลก็ ลง เพอ่ื เขา้ ส่เู ซลล์รา่ งกายได้ สารอาหารท่ี ต้องยอ่ ยกอ่ นเขา้ สเู่ ซลล์ ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั โปรตีน ส่วน เกลอื แร่ วติ ามิน นา้ สามารถดูดซมึ เขา้ ไปยังเซลลไ์ ดโ้ ดยไม่ตอ้ งผา่ นการยอ่ ย เนื่องจากเปน็ สารอาหารที่มโี มเลกลุ เล็กทส่ี ดุ

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธิบายการทางานที่สมั พันธก์ นั ของระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมนุ เวยี นเลือดของมนษุ ย์

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธิบายการทางานทสี่ มั พนั ธก์ ันของระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นเลอื ดของมนษุ ย์ ประเภทของการยอ่ ย การย่อยมี 2 ลกั ษณะ คือ 1. การยอ่ ยเชิงกล ( Mechanical digestion ) เป็นการบดเคีย้ วอาหารให้มี ขนาดเลก็ ลงโดยไม่ใช้เอ็นไซมม์ าชว่ ยในการย่อย เชน่ การบดเคี้ยวอาหารในปาก 2. การยอ่ ยทางเคมี ( Chanical digestion ) เป็นการยอ่ ยสารอาหารที่ตอ้ งใช้ เอ็นไซม*์ หรอื น้ายอ่ ย มาช่วย ทาให้โมเลกลุ ของอาหารเกิดการเปลีย่ นแปลงทาง เคมีจนได้โมเลกุลที่มขี นาดเล็กลง เช่น การเปล่ยี นโมเลกลุ ของแปง้ เปน็ นา้ ตาล การเปลย่ี นโมเลกลุ ของโปรตนี ให้เป็นเปปไทด์ในกระเพาะอาหาร เป็นต้น

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธบิ ายการทางานท่ีสัมพันธก์ นั ของระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นเลือดของมนุษย์ อวัยวะท่ีมีส่วนเกยี่ วขอ้ งกบั การย่อยอาหาร  ตบั มหี นา้ มีส่ ร้างน้าดีสง่ ไปเก็บท่ีถงุ นา้ ดี  ตับอ่อน มหี น้าทส่ี รา้ งเอนไซมส์ ่งไปยอ่ ยอาหารทล่ี าไสเ้ ลก็  ลาไสเ้ ล็ก สร้างเอนไซม์มอลเทส ซเู ครส และแลค็ เทสย่อยอาหารทีล่ าไส้ เล็ก :: เอนไซม์(Enzyme) :: เปน็ สารประกอบประเภทโปรตีนท่ี ร่างกายสร้างขนึ้ เพื่อทาหน้าท่ีเรง่ อัตราการเกิด ปฎิกริ ยิ าเคมใี นรา่ งกาย เอนไซมท์ ใ่ี ช้ในการ ย่อยสารอาหารเรยี กวา่ “ นา้ ย่อย

มาตรฐาน ว 1.1 ป.6/2 อธบิ ายการทางานท่สี มั พันธก์ ันของระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมนุ เวยี นเลอื ดของมนษุ ย์ การทางานของเอนไซม์ เอนไซม์ในนา้ ลาย ทางานได้ดใี นสภาวะเป็นเบสเล็กนอ้ ยเปน็ กลางหรอื กรดเล็กนอ้ ยจะข้ึนอยู่กบั ชนิดของนา้ ตาลและท่อี ณุ หภูมปิ กติของ ร่างกายประมาณ 37 องศาเซลเซียล เอนไซมใ์ นกระเพาะอาหาร ทางานได้ดีในสภาวะเป็นกรดและท่อี ณุ หภมู ิ ปกตขิ องรา่ งกาย เอนไซมใ์ นลาไสเ้ ลก็ ทางานไดด้ ใี นสภาวะเป็นเบสและอณุ หภูมิปกติ ร่างกาย