Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore on holiday

on holiday

Published by Teacher.Orawan Pudmon, 2022-08-01 13:22:06

Description: on holiday

Search

Read the Text Version

บนั ทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎรบ์ ำรุง) ที…่ …………………วันที่ เดอื น พ.ศ. 2564 เร่อื ง ส่งแผนการเรียนรู้ เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) เนอื่ งด้วยข้าพเจา้ (นาย/นาง/นาวสาว) อรวรรณ พุดมอญ ไดร้ ับมอบหมายใหป้ ฏิบตั ิหน้าที่การ สอน และดำเนนิ การจัดทำหนว่ ยการเรียนรู/้ แผนการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ตามแบบฟอรม์ ที่ทางกลุม่ งานพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษากำหนด บดั นี้ ขา้ พเจ้าไดด้ ำเนินการจัดทำหน่วยการเรยี นรู้ / แผนการเรียนรู้เรียบร้อยแล้ว และขออนญุ าต ส่งหน่วยการเรียนรู้ / แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ซ่ึง แนบมาพรอ้ มกับเอกสารนี้ จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ ลงช่อื ( นางสาวอรวรรณ พดุ มอญ ) ตำแหน่ง ครู ลงชอ่ื (นางสาวอรวรรณ พุดมอญ) หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ..................../......................../................... เรียนเสนอผู้อำนวยการ ทราบ / อนมุ ัติ .................................................................... ...................................................................... ลงชือ่ ( นางสาวกนั ยาภทั ร ภัทรโสตถิ ) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎร์บำรงุ )

คำนำ การจดั การเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 ตอ้ งพฒั นาผู้เรยี นให้มีทักษะแหง่ อนาคต เป็นทักษะท่ีจาเปน็ ต้องใช้ ในการดาเนนิ ชวี ติ เพ่ือเตรยี มความผู้เรียนให้ใชช้ ีวิตในโลกท่เี ป็นจริง เน้นการศึกษาตลอดชวี ติ ให้ผู้เรยี นรจู้ ัก การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง การนาทฤษฎกี ารเรียนรทู้ ี่ได้รบั ไปสู่การปฏบิ ัติ สงิ่ สาคัญคือผู้เรยี นจะต้องเกิด กระบวนการการเรียนรู้ ซงึ่ ถือเปน็ จุดสาคญั การสอนภาษาเพ่ือการสื่อสาร (Communicative Language Teaching) เปน็ การสอนภาษา ทีเ่ นน้ หนา้ ท่ี ของภาษาและการส่ือความหมาย กล่าวคือ ผูเ้ รียนสามารถใช้ภาษาทสี่ องในการสอื่ สารได้ ซึง่ อาจจะใชภ้ าษาได้ ไมถ่ ูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่สามารถสื่อความได้ และเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยการสอนภาษาชนิดนม้ี ี เป้าหมายเพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถนาทกั ษะทางภาษามาใชเ้ พื่อการสอ่ื สารได้ หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารฉบับน้ีจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ที่ต้องการศกึ ษารปู แบบการจัดการเรยี นร้ใู หม่ เพอื่ พฒั นาผู้เรียนต่อไป อรวรรณ พุดมอญ

สารบัญ หน้า แผนผังมโนทัศนเ์ ป้าหมายการเรยี นรู้/ หลักฐานการเรียนรู้ แผนผังมโนทศั นข์ น้ั ตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจดั การเรยี นร้แู บบ CLT โครงสร้างหนว่ ยการเรยี นรู้ ผงั มโนทศั น์ หนว่ ยการเรียนรู้ On holiday แผนบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

แผนผงั มโนทศั น์เปา้ หมายการเรยี นรู้/ หลักฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ประโยค ข้อความส้นั ๆ ภาพสัญลักษณ์ 1) ทักษะการฟงั (Listening skill) 1. ซือ่ สัตยส์ ุจรติ เครื่องหมาย 2) ทกั ษะการพูด (Speaking skill) 2. มวี นิ ัย 2. ใจความสำคญั ของบทสนทนานทิ าน 3) ทักษะการอ่าน (Reading skill) 3. ใฝ่เรยี นรู้ ง่าย ๆ และเรอ่ื งเลา่ 4) ทกั ษะการเขยี น (Writing skill) 4. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 3. สถานการณง์ า่ ย ๆ 5. มจี ติ สาธารณะ 4. ข้อมูลเก่ยี วกับตนเอง เพอื่ น ครอบครัว กระบวนการกลุ่ม เรื่องใกล้ตัว 1) จบั คู่สนทนา 5. ถ้อยคำ น้ำเสยี ง และกรยิ าท่าทาง 2 ) ระดมสมอง วัฒนธรรม 3) ฝกึ กจิ กรรมกลมุ่ ตาม ของเจา้ ของภาษา มารยาทสงั คม แผนการจัดการเรียนรู้ 6. เสียงประโยคชนดิ ตา่ ง ๆเครื่องหมาย วรรคตอนโครงสรา้ งประโยค 7.คำศพั ท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ การเรียนรอู้ ื่น 9.ภาษาต่างประเทศขอ้ มลู ต่าง ๆ เปา้ หมายการเรยี น On Holiday หลกั ฐานการเรยี นรู้ - การพดู ถามและตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่ไป - การเขียนโปสการด์ ถงึ เพ่ือนเกย่ี วกบั สถานที่ที่ไปเทีย่ ว - การเขียนอเี มลถงึ เพ่อื นเก่ยี วกบั กิจกรรมที่ตนเองทำในสถานทน่ี ัน้ ๆ - การรวบรวมคำศัพท์ใน Your word book

แผนผังมโนทศั น์ข้ันตอนการทำกิจกรรมประกอบการจดั การเรียนรูแ้ บบ CLT ศึกษามาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนร้แู นวการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร Communicative Language Teaching : CLT Warm up Presentation Practice Production Wrap up ทดสอบหลงั เรียน (ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 60)

โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 หน่วยการเรยี นรู้ เวลา 14 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ เร่อื ง On holiday แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน เวลาเรียน (ชั่วโมง) 1. Sydney Opera House การพดู ถามและตอบเก่ยี วกบั สถานท่ที ่ีไป 2. Can I have the salt? การเขียนโปสการ์ดถงึ เพื่อนเก่ียวกับสถานทท่ี ี่ไปเที่ยว 3 3. Dear Mary การเขียนอเี มลถงึ เพื่อนเกย่ี วกับกิจกรรมที่ตนเองทำใน 3 สถานท่ีนั้นๆ 3 4. It was warm and sunny การรวบรวมคำศัพทใ์ น Your word book 5. Project Presentation นำเสนอ 4 1 รวมเวลาเรยี น 14

แผนที่ 1 ผงั มโนทศั น์ หนว่ ย Sydney Opera House หนว่ ยก On h จำนวน 3 ชั่วโมง จำนวน 1 แผนที่ 3 แผน Dear Mary Project P จำนวน 3 ชว่ั โมง จำนวน วทิ ยาศาสตร์ : สภาพอากาศ การเรยี นร

ยการเรียนรู้ On holiday แผนที่ 2 การเรยี นรู้ Can I have the salt? holiday 14 ชวั่ โมง จำนวน 3 ชว่ั โมง แผนท่ี 4 นท่ี 5 Presentation It was warm and sunny น 1 ช่วั โมง จำนวน 4 ชั่วโมง ร้แู บบบรู ณาการ ศลิ ปะ : วาดภาพ ระบายสี





แผนบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภมู ิคุม้ กนั ในตัวท่ดี ี 1. ออกแบบการจัดกจิ กรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรียนรสู้ ง่ เสริมกระบวนการคิด 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรียนรลู้ ่วงหนา้ ตวั ชีว้ ดั 2. ใช้เทคนคิ การจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย 2. จดั เตรยี มการวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลือกสือ่ แหลง่ เรยี นรเู้ หมาะสม สังเกตพฤตกิ รมนักเรยี น 3. วัดผลประเมินผลตรงตามเนอื้ หา เง่อื นไขความรู้ เง่ือนไขคุณธรรม 1. รจู้ กั เทคนคิ การสอนที่ส่งเสริมกระบวนการคดิ และนักเรยี น 1. มีความขยนั เสยี สละ และมงุ่ มน่ั ในการจัดหาส่ือมาพัฒนานักเรียน สามารถเรยี นรู้ได้อย่างมคี วามสุข ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มีความอดทนเพอื่ พฒั นานกั เรียนโดยใชเ้ ทคนคิ การสอนท่ี หลากหลาย นกั เรยี น ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การมภี ูมิคุ้มกันในตวั ทดี่ ี 1. การใช้เวลาในการทำกิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาใบงาน/ใบกจิ กรรม ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทันเวลา 2. ฝึกกระบวนการสังเกต อธบิ าย ทกั ษะการ 2. นำความรู้เร่อื ง วัน ต่างๆ ไปประยกุ ตใ์ ช้ 2. เลอื กสมาชิกกลมุ่ ได้เหมาะสมกบั เนื้อหาท่ี สืบค้นหาความรู้ ขอ้ มูลต่างๆ ในชวี ติ ประจำวันได้ เรียนและศักยภาพของตน เงือ่ นไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม 1. มีความรเู้ รื่อง วันสำคญั ตา่ งๆ ตลอดจนสามารถสรา้ งจดั ทำชนิ้ งาน 1. มีความรับผิดชอบ และปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงของกลุม่ ผลงานและใบงานไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มสี มาธชิ ่วยเหลือกนั ในการทำงานร่วมกนั สง่ ผลตอ่ การพัฒนา 4 มิติให้ยั่งยืนยอมรบั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงในยคุ โลกาภวิ ัฒน์ วตั ถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มคี วามรคู้ วามเข้าใจลกั ษณะการบอก มีความรู้และเขา้ ใจ มีความรแู้ ละเข้าใจ มคี วามรแู้ ละเข้าใจการ สภาพอากาศตา่ งๆ กระบวนการทำงาน เกยี่ วกับ ลกั ษณะ ชว่ ยเหลือ แบ่งปนั กลมุ่ สภาพอากาศ ต่างๆ ทักษะ (P) สามารถสรา้ งชนิ้ งาน ผลงาน ใบงาน ทำงานได้สำเรจ็ ตาม ใชแ้ หลง่ เรียนรโู้ ดยไม่ ช่วยเหลือ แบ่งปนั ซึง่ แบบทดสอบเร่ืองการบอกสภาพอากาศ เปา้ หมาย ด้วย ทำลายสิ่งแวดลอ้ ม กัน และกัน ตา่ งๆ ไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ กระบวนการกลมุ่ คา่ นิยม (A) เห็นประโยชนข์ องเรียนรู้ เกี่ยวกับ การ เหน็ คุณคา่ และ เห็นคณุ คา่ ของการใช้ ปลูกฝังนสิ ยั การ สภาพอากาศ ตา่ งๆ ภาคภมู ใิ จในการ แหลง่ เรียนรู้โดยไม่ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน ทำงานรว่ มกันได้ ทำลายสิง่ แวดล้อม สำเรจ็

หน่วยการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ รายวิชาภาษาอังกฤษ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 เรอ่ื ง On Holiday เวลา 14 ชั่วโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทฟี่ งั และอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมีเหตุผล ตัวช้ีวดั 1. ปฏบิ ัตติ ามคำสงั่ คำขอรอ้ ง และคำแนะนำทฟี่ ังและอ่าน ตวั ช้ีวัด 2. อ่านออกเสยี งข้อความ นิทาน และบทกลอนสั้นๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ตวั ชว้ี ัด 3. เลอื ก/ระบุ หรอื ข้อความสั้นๆ ตรงตามภาพ สญั ลักษณ์ หรือเครอื่ งหมายท่ีอ่าน ตัวชว้ี ัด 4. บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นทิ านง่ายๆ และ เรอื่ งเล่า มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั 1. พดู /เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบคุ คล ตัวช้ีวดั 2. ใชค้ ำส่งั คำขอร้อง และให้คำแนะนำ ตวั ช้วี ดั 4. พดู และเขยี นเพ่ือขอและใหข้ ้อมลู เกีย่ วกับตนเอง เพือ่ น ครอบครัว และเรื่องใกล้ตวั ตวั ชว้ี ดั 5. พดู /เขียนแสดงความร้สู กึ ของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองต่างๆ ใกลต้ ัว กิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งให้ เหตผุ ลสั้นๆ ประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่อื งตา่ งๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ชี้วัด 1. พดู /เขียนให้ข้อมูลเก่ียวกบั ตนเอง เพ่ือน และสง่ิ แวดล้อมใกลต้ วั ตวั ชี้วัด 3. พูด/เขียนแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเรอื่ งต่างๆ ใกลต้ วั มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั 1. ใชถ้ อ้ ยคำ นำ้ เสยี ง และกริ ยิ าทา่ ทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

ตัวช้ีวัด 1. บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใช้ เคร่อื งหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม ตัวช้ีวดั 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณต์ ่างๆ ทเี่ กดิ ข้ึนในห้องเรียนและสถานศึกษา 2. สาระสำคญั การเรยี นรู้เกีย่ วกับส่ิงทตี่ ้องใช้ในการเดินทาง และสถานท่ที ่ีจะเดนิ ทางไปนน้ั ทำให้ผู้เรยี นสามารถพูด และเขยี นเกีย่ วกบั สิง่ ที่ต้องใช้ในการเดินทาง และบอกถึงสถานทท่ี ี่จะเดนิ ทาง ซึง่ จะเปน็ พื้นฐานความรเู้ กย่ี วกับ การใชภ้ าษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสารในชวี ติ ประจำวัน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ (Knowledge) - กล่มุ คำ ประโยค และความหมายเกีย่ วกับส่ิงที่ต้องใชใ้ นการเดนิ ทาง และสถานท่ที จ่ี ะเดินทางไป - ประโยค บทสนทนา และเน้อื เร่ืองท่มี ีภาพประกอบ - ประโยคถามและตอบเก่ียวกบั สถานท่ีที่ไป เชน่ A : Where did you go? B : I went to the (สถานท)ี่ . - ประโยคถามและตอบเกีย่ วกบั ความร้สู ึกที่ได้ไปสถานทนี่ ั้น เช่น A : How was it? B : It was great. - ประโยค Past Simple Tense - ประโยคและข้อความทีใ่ ชใ้ นการพดู ใหข้ ้อมลู เกยี่ วกับตนเอง - กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเลน่ เกม การร้องเพลง - การใชภ้ าษาในการฟงั /พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ท่ีเกิดข้ึนในห้องเรยี น - การใช้ภาษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศัพทท์ ่ีเก่ียวข้องใกล้ตวั จากสือ่ และแหล่งการ เรยี นร้ตู ่างๆ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ (Process) 1. ทักษะการส่ือสาร 2. ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ 3. ทักษะกระบวนการคดิ 3.3 เจตคติ (Attitude) 1. มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษเพือ่ การส่อื สาร 2. มีความกระตือรือรน้ ในการทำกิจกรรม

3. มีความสนุกสนานในการเรียน 4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 4. มุ่งมน่ั ในการเรยี น 5. มีจิตสาธารณะ 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน - การพูดถามและตอบเกีย่ วกับสถานทท่ี ่ีไป - การเขยี นโปสการด์ ถึงเพื่อนเกี่ยวกับสถานที่ทไ่ี ปเท่ียว - การเขียนอีเมลถึงเพอ่ื นเก่ียวกับกจิ กรรมทต่ี นเองทำในสถานที่น้นั ๆ - การรวบรวมคำศพั ทใ์ น Your word book 7. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารผ่าน ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดขี น้ึ ไป สงั เกตการพูดถาม-ตอบ แบบสงั เกตการพดู ถาม-ตอบ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป มีผลการประเมนิ ในระดบั ดีขนึ้ ไป ตรวจใบงาน ใบงาน ดเี ยย่ี ม ประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน ดี พอใช้ เกณฑ์การตดั สนิ /ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถงึ คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถงึ คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถงึ คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถึง 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี 1 Sydney Opera House (ชวั่ โมงท่ี 1-3) 1.ทดสอบกอ่ นเรยี น

2.นกั เรียนดูภาพสถานท่ตี า่ ง ๆ หรือโปสการ์ดภาพสถานที่ในต่างประเทศมา แล้วบอกวา่ เป็นสถานที่ ใด และอยู่ท่ีไหน กจิ กรรมที่ 2 Can I have the salt? (ช่ัวโมงท่ี 4-6) 1.ให้นักเรียนแตง่ ประโยคสนทนาสนั้ ๆ เกี่ยวกับการขอรอ้ ง 2 บท และแต่งประโยคบอกความต้องการ ของตนเองอยา่ งสภุ าพ โดยใช้ would like 5 ประโยค 2. นกั เรียนทบทวนคำศัพท์ท่ีนักเรยี นได้เรยี นไปในบทท่ี 1 เกีย่ วกบั สถานที่และการเดินทางไปเทีย่ ว ในช่วงวันหยดุ 3. นักเรียนทบทวนประโยค Past Simple Tense ในรปู ประโยคบอกเลา่ คำถาม และปฏิเสธ กจิ กรรมที่ 3 Dear Mary (ชั่วโมงท่ี 7-9) 1. นักเรียนดูรูปแบบบทสนทนาใน หนังสือเรียน หน้า 52 ข้อ 6 Ask and answer. ครูให้นักเรียน อ่านบทสนทนาพร้อมกัน แล้วให้นักเรียนดูตารางที่ให้ไว้ ช่องแรกเป็นสถานท่ี และช่องที่ 2 เป็น คำคุณศัพท์ จากน้ันให้นักเรียนฝึกพูดถาม-ตอบเหมือนดังตัวอย่าง โดยใช้สถานท่ีและคำคุณศัพท์ในตาราง ครูให้นักเรียน สลบั บทบาทกนั จนพูดถาม-ตอบได้คลอ่ ง 2.นักเรียนทบทวนสิ่งท่ีเรียน โดยการตอบคำถามเกี่ยวกับตนเองใน แบบฝึกหัด หน้า 40 ข้อ 6 Answer the questions about you. ครูให้นักเรียนตอบคำถามตามความจริง เมื่อทำเสร็จแล้วครสู ุ่มเรียก นักเรียน 4 คู่ พูดถาม-ตอบคู่ละ 1 ข้อ โดยให้คนหน่ึงถามคำถาม และอีกคนหน่ึงบอกคำตอบของตนเอง จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นจับค่กู นั ฝึกพดู ถาม-ตอบ กิจกรรมที่ 4 It was warm and sunny (ชว่ั โมงที่ 10-14) 1.นักเรียนอ่านอีเมลของ Pat ท่ีส่งถึง Steve ใน แบบฝึกหัด หน้า 42 ข้อ 2 Read and complete the e-mail with past tense. แลว้ เติมคำกรยิ ารูป Past Simple Tense ลงในชอ่ งวา่ งให้ 2. นักเรียนช่วยกันบอกโครงสร้างประโยค จากน้ันครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นซักถามสิ่งท่ีตนเองไม่เข้าใจ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกโครงสร้างประโยค จากนนั้ ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามส่งิ ท่ีตนเองไม่เข้าใจ 3.ทดสอบหลังเรียน 9.แหลง่ เรียนรู้ / ส่ือ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝึกหดั Smile ป. 6 3. Audio CD Smile ป. 6 4. พจนานุกรม 5. บตั รภาพ บตั รคำ 6. อินเทอรเ์ น็ต 7. https://www.blooket.com/

แบบทดสอบ Pre - Post-test หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง On Holiday กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 Choose the correct answer. Monday, May 15th Today was a great day. It 1 warm and sunny. I went to the beach 2 my cousins. It was beautiful. We swam and 3 volleyball there. 1. a. is b. are c. am d. was b. and 2. a. with d. or c. to b. plays d. playing 3. a. play c. played b. a pizza place d. an amusement park 4. It’s a place where we go on roller coasters. a. a train station b. a pizza place c. a shopping centre d. an amusement park 5. It’s a place where we take a train. b. a pizza place a. a train station d. an amusement park c. a shopping centre b. a pizza place 6.It’s a place where we have pizza. d. an amusement park a. a train station c. a shopping centre 7.It’s a place where we buy things. a. a train station c. a shopping centre

Dan: 8 ’s the pizza place? Harry: It’s on High Road. Dan: 9 do I get to the pizza place? Harry: It’s on your left, 10 the train station. 8. a. Where b. When c. What d. How b. When 9. a. Where d. What c. How b. in d. near 10. a. at c. on

เฉลยแบบทดสอบ Post-test หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง On Holiday กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 Choose the correct answer. Monday, May 15th Today was a great day. It 1 warm and sunny. I went to the beach 2 my cousins. It was beautiful. We swam and 3 volleyball there. 1. a. is b. are c. am d. was b. and 2. a. with d. or c. to b. plays d. playing 3. a. play c. played b. a pizza place d. an amusement park 4. It’s a place where we go on roller coasters. a. a train station b. a pizza place c. a shopping centre d. an amusement park 5. It’s a place where we take a train. b. a pizza place a. a train station d. an amusement park c. a shopping centre b. a pizza place 6.It’s a place where we have pizza. d. an amusement park a. a train station c. a shopping centre 7.It’s a place where we buy things. a. a train station c. a shopping centre

Dan: 8 ’s the pizza place? Harry: It’s on High Road. Dan: 9 do I get to the pizza place? Harry: It’s on your left, 10 the train station. 8. a. Where b. When c. What d. How b. When 9. a. Where d. What c. How b. in d. near 10. a. at c. on

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง Sydney Opera House 1. สาระสำคัญ การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ และการใช้ประโยคแนะนำหรือชักชวน ช่วยให้พูดหรือเขียน แนะเก่ยี วกับสถานท่ีและเป็นการเรยี นรู้ภาษาอังกฤษเพือ่ นำไปใชส้ อื่ สารในชวี ิตประจำวัน 2. ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอ่ื งที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวัด 1. ปฏบิ ตั ิตามคำสงั่ คำขอร้อง และคำแนะนำท่ฟี งั และอ่าน ตวั ช้ีวดั 2. อา่ นออกเสยี งข้อความ นทิ าน และบทกลอนสน้ั ๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น ตัวชี้วัด 3. เลือก/ระบุ หรือขอ้ ความสั้นๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรอื เครือ่ งหมายท่ีอา่ น ตัวช้ีวดั 4. บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นทิ านง่ายๆ และ เรื่องเลา่ มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธิภาพ ตัวช้ีวดั 1. พดู /เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบุคคล 3.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ปฏิบัตติ ามคำสง่ั คำขอรอ้ ง คำแนะนำท่ีฟังและอ่านออกเสยี งข้อความ นิทาน และบทกลอนสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลักการอา่ น ได้ 2. เลอื ก/ระบุประโยคหรือข้อความสัน้ ๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมายท่อี ่าน และ สามารถบอกใจความสำคัญ ตอบคำถามจากการฟัง อ่านบทสนทนา นทิ านงา่ ยๆ เรื่องเล่าได 4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลุ่มคำ ประโยค และความหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการเดินทาง 2. Pronunciation: /i:/, /I/ 3. ประโยค บทสนทนา และเนอ้ื เรื่องทีม่ ีภาพประกอบ 4. ประโยคถามและตอบเกย่ี วกับสง่ิ ทท่ี ำในอดตี เชน่ A: Where did you go on holiday? B: I went to (สถานท่)ี . 5. ประโยคถามและตอบเกยี่ วกบั ความรสู้ กึ ที่ไดไ้ ปสถานทนี่ ั้น เช่น

A: How was it? B: It was great. 6. ประโยค Past Simple Tense 7. ประโยคและขอ้ ความที่ใชใ้ นการพดู ให้ขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง 8. การใชภ้ าษาในการฟงั /พูดในสถานการณ์งา่ ยๆ ทเี่ กิดข้ึนในหอ้ งเรยี น ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทกั ษะการฟงั การพูด การอา่ น การเขียน เจตคติ (Attitude : A) 1. มคี วามรับผดิ ชอบ ขยนั ใฝร่ ู้ใฝ่เรียน 2. มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออก 3. มีเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรยี นภาษาอังกฤษ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6.คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง 4. มุ่งมนั่ ในการเรียน 5. มีจติ สาธารณะ 7.กจิ กรรมการเรียนรู้ เนอื่ งจากอยใู่ นช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 จึงปรับการเรยี นการสอนในรูปแบบออนไลน์ โดยผา่ น Google Meet สว่ นนกั เรียนท่ีไม่สามารถเข้าเรียนออนไลน์ได้ นกั เรยี นสามารถเขา้ เรยี นยอ้ นหลงั ได้ หรอื สามารถ เรยี นแบบ On Hand (ทำในแบบฝกึ หดั วิชาภาษาองั กฤษ)

ชั่วโมงท่ี 1 Sydney Opera House ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) เขา้ เรยี นผา่ น Google Meet ข้ันนำ (Warm up) 1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน โดยใช้ Google form ครูส่งลิงค์ให้นกั เรียนทำ 2. นักเรียนตอบคำถามครูด้วยคำถาม How are you? เม่ือนักเรียนท้ังห้องทักทายตอบแล้ว ครู บอกนักเรียนว่าในการทักทายกันเราไม่จำเป็นต้องใช้ How are you? ตลอดเวลา นักเรียนสามารถ เปล่ียนไปใช้คำอ่ืนได้ แล้วครูเขียนประโยค How’s everything? และ How are things? บนกระดาน อธิบายวา่ 2 ประโยคนี้ใช้ทักทายแบบไม่เป็นทางการ หรือใช้ทักทายคนที่เรารู้จักอยู่แล้ว ในการตอบก็ตอบ งา่ ยๆ ว่า I’m good. หรือ Not bad. หรอื ในกรณีทเี่ ปน็ การทกั ทายแบบเปน็ ทางการมาก ๆ และเจอกนั เป็น คร้ังแรก นักเรียนสามารถทักทายว่า How do you do? ในการตอบก็ตอบว่า How do you do? จากน้ัน ครทู กั ทายนกั เรียนเป็นรายบุคคล 4-5 คน โดยใช้คำถามว่า How’s everything? หรือ How are things? 3. นักเรียนดูภาพสถานที่ต่าง ๆ ในต่างประเทศ แล้วครูถามนักเรียนว่าเป็นสถานท่ีใด และอยู่ที่ ไหน Teacher: What is it? (ภาพ Opera House) Students: It’s the Opera House. Teacher: Where is it? Students: In Australia. นักเรียนและครพู ดู สรปุ Teacher: It’s the Opera House. It is in Australia. 4. นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 46 ข้อ 1 What can you see? แล้วถามนักเรียนว่าเห็น อะไรบ้าง ดังนี้ Teacher: What can you see on this page? Students: A plane, skiing, camping, Opera House, etc. Teacher: Great! 5. นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 46 ข้อ 2 Look, listen and answer. แล้วดูภาพในข้อ 1 จากน้ันครูเปดิ Track 39 ให้นักเรียนฟังคำถามทั้งหมดก่อน 1 คร้ัง และเปดิ อีกคร้ัง โดยครหู ยุด Track 39 ทลี ะคำถาม เพ่ือใหเ้ วลานกั เรียนเขียนคำตอบ Look at the pictures. 1. Names the sports activities you can see in the pictures. 2. Some people are going camping. Where are they? 3. What sports can you see? 4. What is the man in a purple sweater doing?

5. Names two countries in the picture. 6. สุดท้ายครูและนักเรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบ 1. Climbing, skiing. 2. In the forest. 3. Climbing and skiing. 4. Skiing. 5. Australia, France. 5. นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เกย่ี วกบั สถานท่ตี า่ งๆ และการไปเทย่ี วพกั ผ่อนในวนั หยุด ขน้ั นำเสนอ (Presentation) นกั เรยี น 2-3 คน ตอบคำถามวา่ เคยไปเที่ยวจงั หวดั ใด และเดนิ ทางไปอยา่ งไร เช่น Teacher: What province did you visit? Sak: Phuket. Teacher: How did you go there? Sak: By plane. นักเรียนดูภาพต่าง ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 1 Listen, point and repeat. แล้วถามว่า เห็นอะไรในภาพบ้าง ให้นักเรียนช่วยกนั ตอบ จากนั้นครเู ปิด Track 40 ให้นักเรยี นฟงั 3-4 ครัง้ พรอ้ มท้ังชภ้ี าพ ตามใหถ้ กู ต้อง และออกเสยี งตาม Track 40 passport ticket suitcase diary kangaroo Opera House Eiffel Tower นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพท์ทั้ง 7 คำ พร้อมกันด้วยตนเอง แล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 3 คน ให้อ่านที ละคน สุดท้ายครูบอกนักเรียนว่าคำศัพท์ท้ัง 7 คำนี้เป็นคำนาม (noun) เพราะเป็นช่ือเรียกของสัตว์ ส่ิงของ และสถานท่ี ขัน้ ฝึก (Practice) 1. นักเรียนดูภาพต่าง ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 2 Listen and point. และถามนักเรียนว่า เห็นอะไรในภาพบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ เช่น a plane, (a map of) Australia, a passport, a hot dog, a ticket, a suitcase, Opera House, kangaroos, a boy/take photos, a beach

นักเรียนช่วยกันเดาความหมาย opera จากนั้นครูพูดว่า Look up the meaning on the internet, please. เพ่อื ใหน้ กั เรยี นคน้ หาความหมายของคำนีจ้ าก internet opera (n.) = a musical play in which most of the words are sung, or plays and music of this type (อุปรากร คือ ละครประเภทท่ีมดี นตรีเป็นส่วนประกอบสำคญั ) นักเรยี นดูคำวา่ opera house จาก Power point ท่ีครูนำเสนอ และใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั เดาความหมายอกี ครัง้ opera house (n.) a theatre where operas are performed (โรงอุปรากรหรอื โรงละคร) เสร็จแล้วครูช้ีที่ภาพ Opera House ในหนังสือเรียน หน้า 47 และถามนักเรียนว่า Where is this place? ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลายๆ คน และเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟังว่า ในภาพคือ Sydney Opera House หรือโรงอุปรากรซิดนีย์ ซ่ึงอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ครบู อกประวัติความเป็นมาส้นั ๆ เกีย่ วกับ โรงอปุ รากรนใ้ี ห้นักเรยี นฟัง Background Information Sydney Opera House หรือ โรงอปุ รากรซิดนีย์ เป็นโรงละครและสถานทจี่ ดั การ แสดงอเนกประสงค์ ตง้ั อยบู่ ริเวณปากอ่าวซดิ นีย์ ในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศ ออสเตรเลยี โรงอุปรากรแห่งน้ีไดร้ บั การออกแบบโดยสถาปนกิ ชาวเดนมารก์ ชอ่ื ว่า ยอรน์ อุตซอน (Jørn Utzon) ซงึ่ ได้ออกแบบโรงอปุ รากรแห่งน้ีใหม้ รี ูปร่างแปลกและ สะดดุ ตา โดยไดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากเปลือกสม้ ของพระเจ้าท่ีรว่ งหล่นลงมาจากฟ้า องค์การยูเนสโกได้ขนึ้ ทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 27 มถิ ุนายน พ.ศ. 2550 และยงั ไดร้ ับการกล่าวขานว่าเป็นสถาปัตยกรรมท่ีสวยงามท่สี ุดอีกแหง่ หนงึ่ ของโลกอีกด้วย ท่มี า: https://th.wikipedia.org/wiki/โรงอปุ รากรซิดนยี ์ ครูบอกนักเรียนว่า นักเรียนเองก็อาจจะเคยได้ดู opera แต่ไม่ใช่ opera ของทางตะวันตก นักเรียน พอจะเดาออกหรือไม่ว่าการแสดงทมี่ ีดนตรีเป็นส่วนประกอบสำคัญทมี่ ีการร้องเพลงตลอดทั้งเรอ่ื งหรือกึ่งพูดกึ่ง ร้องท่ีนักเรียนอาจเคยได้ดูในประเทศไทย คือการแสดงชนิดใด ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น จากน้ันครูเฉลยคำตอบว่า ง้ิว เพราะง้ิว เป็นอุปรากรของจีน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Chinese opera ส่วน ของไทยก็มีเหมือนกันแต่เป็นละครร้องซึ่งอาจหาชมไม่ได้ง่ายนัก อย่างเช่น ละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า โดย ละครร้องของไทยนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจาก opera ของตะวันตก กำเนิดขึ้นในตอนปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนละครเพลงที่นักเรียนอาจเคยได้ยินช่ือ จะแตกต่างจากละคร รอ้ ง เพราะละครเพลงจะเรียกว่า musical (จะเปน็ รปู แบบของละครท่ีรวมท้ังบทพูด ร้อง แสดง และเต้น) เช่น ละครเวทเี รอื่ งบัลลงั เมฆ เดอะ มิวสิคลั หรือทวิภพ เดอะมวิ สคิ ลั เป็นตน้

Background Information ครูเขา้ ไปหาข้อมูลเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับละครรอ้ งของไทยได้ที่เว็บไซต์สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน http://kanchanapisek.or.th/kp6/index.php และพิมพ์คำวา่ ละครร้องในช่องค้นหา 2. นักเรียนดูคำกริยาในหนังสือเรียน หน้า 47 กรอบ Remember! แล้วอธิบายว่าคำกริยาเหล่านี้ เป็นคำกริยาในรูปอดีต (past form) ซ่ึงนักเรียนควรจำให้ได้ จากน้ันครูถามนักเรียนว่าคำกริยาในรูปอดีตท่ีให้ มาในช่อง Past คำใดเป็น regular verbs (travelled) และคำใดเป็น irregular verbs (went, saw, took, ate, had, had, did) ครอู าจให้นกั เรยี นผนั กรยิ าท่เี ป็น irregular verbs ใหค้ รบทัง้ 3 ชอ่ ง ด้วยก็ได้ เช่น go went gone see saw seen take took taken eat ate eaten have had had do did done นักเรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเติม -ed ในคำกริยาท่ีเป็น regular verbs ด้วยการเขียน คำกรยิ าต่อไปนี้บนกระดาน และใหน้ กั เรยี นช่วยกนั อธบิ ายกฎการเติม -ed looked washed lived loved cried carried stopped planned 3. นักเรียนฟัง Track 41 ให้นักเรียนฟัง และช้ีภาพใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 2 Listen and point. ตามท่ีได้ยิน จากน้ันครูเปิด Track 41 ให้นักเรียนฟังอีก 2-3 คร้ัง แล้วครูถามคำถาม 2 ข้อ ท่ีอยู่ใต้ กรอบภาพ ให้นักเรยี นชว่ ยกันคดิ และตอบ

24th February: Today was the first day of my trip. I was on a plane to Australia. It was very exciting. I took my passport and my ticket. I only took one suitcase. It was very heavy. It weighed a lot! I had a good trip on the plane. I ate a hot dog on the plane. It was delicious. 25th February: Today I was in Sydney. I went to the Opera House. It was fantastic. I also went to the zoo. I saw kangaroos. They were cute. I took lots of photos. Tomorrow I’m going to the beach . 1. Peter was on a plane on 24th February. 2. Peter was in Sydney, Australia on 25th February. นักเรยี นฟงั อธบิ ายการใช้ Past Simple Tense สั้นๆ Background Information การใช้ Past Simple Tense มีหลักการ ดังนี้ 1) ใชก้ ลา่ วถึงเหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ และจบไปแลว้ ในอดตี เชน่ She visited Tom last week. We went to the Mall yesterday. 2) ใชก้ ล่าวถงึ สิ่งทที่ ำเป็นประจำ หรอื ทำเป็นนิสัยในอดตี แต่ปัจจุบนั ไม่ทำแลว้ เชน่ I liked milk when I was young. He was always absent last year. คำกริยาท่ีใช้กับ Past Simple Tense จะใช้คำกรยิ าในรปู อดตี (past form) ซึ่งการ เปลย่ี นคำกริยาให้อยู่ในรูปอดีตน้นั ทำได้ 2 วธิ ี คือ 1) คำกริยาโดยทั่วไปเติม -ed ได้เลย ซ่งึ เรียกว่า regular verbs 2) คำกรยิ าทเ่ี ปลยี่ นรปู หรอื บางคำอาจคงรูปเดมิ ซ่งึ เรียกวา่ irregular verbs เป็น คำกรยิ าช่องท่ี 2 ในกริยา 3 ช่อง Past Simple Tense มักมคี ำบอกเวลาอยู่ในประโยค ไดแ้ ก่

yesterday เม่ือวานนี้ week last (ท่แี ลว้ ) month night three days ago (ท่ผี ่านมาแลว้ ) two weeks one month เช่น I saw Ladda two days ago. She was always absent last year. He went to London yesterday. We cleaned our house last week. Background Information Past Simple Tense (Regular verbs)  การเติม -ed ทา้ ยคำกริยา มีหลักการดงั น้ี 1) คำกรยิ าโดยทัว่ ไปเติม -ed ได้เลย เช่น look - looked watch - watched walk - walked 2) คำกริยาท่ลี งทา้ ยดว้ ย e ใหเ้ ติมเฉพาะ -d เช่น close - closed love - loved wave - waved change - changed live - lived move - moved

die - died 3) คำกริยาทล่ี งทา้ ยด้วย y ใหเ้ ปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเตมิ -ed เช่น cry - cried dry - dried try - tried carry - carried hurry - hurried แตถ่ า้ หนา้ y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ใหเ้ ติม -ed ไดเ้ ลย เช่น play - played 4) คำกรยิ าพยางคเ์ ดยี ว มสี ระตัวเดียว และตัวสะกดตวั เดยี ว ใหเ้ พม่ิ ตัวสะกด อีก 1 ตัว แล้วจงึ เตมิ -ed เช่น stop - stopped beg - begged plan - planned หมายเหตุ คำกริยา travel เมอ่ื ทำเป็นรูปอดตี (past form) ถา้ เป็นภาษาอังกฤษแบบ อังกฤษ (British English) จะเพิม่ l หนึ่งตัว ก่อนเติม -ed travel - travelled แตถ่ า้ เปน็ ภาษาอังกฤษแบบอเมรกิ ัน (American English) ไม่จำเปน็ ต้องเพมิ่ l ที่ทา้ ยคำกอ่ นเตมิ -ed travel - traveled ให้นักเรียนเขา้ ไปเรยี นรแู้ ละฝึกฝนเพมิ่ เติมเกี่ยวกับเรอ่ื ง Past Simple Tense (regular verbs & irregular verbs) โดยดคู ลปิ วิดีโอท่ีเวบ็ ไซต์ต่อไปนี้ http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/past- simple- regular-verbs http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/past- simple- irregular-verbs เม่ือนักเรียนดูคลิปวิดีโอเสร็จแล้ว จะมีคำอธิบายเพ่ิมเติมข้างล่าง และมีแบบฝึกหัดให้นักเรียน ตรวจสอบความเขา้ ใจดว้ ย

ข้ันนำไปใช้ (Production) 1. นักเรียนเข้าไปเลน่ เกม interactive เกย่ี วกับ กรยิ าช่องท่ี 2 ในเวบ็ ไซต์ต่อไปนี้ https://dashboard.blooket.com/edit?id=61362d8c3975df0052e32c71 ขั้นสรุป (Wrap up) นักเรียนดูภาพบุคคลใน หนังสือเรียน หน้า 48 ข้อ 3 Listen and check (✓). แล้วอ่านข้อความ ในตาราง ต่อมาครูบอกนักเรียนว่าจะได้ฟัง Track 42 ให้นักเรียนตั้งใจฟังว่าทั้ง 3 คน ไปสถานท่ีใด และทำ กจิ กรรมอะไร จากน้นั ครูเปิด Track 42 ใหน้ ักเรยี นฟัง และขีด ✓ ลงในชอ่ งคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง เสรจ็ แล้วครแู ละ นกั เรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ 1. A: Laura, did you go to the beach? Laura: Yes, I did. I liked the beach. A: Did you swim? Laura: Yes, I did. 2. A: Nancy, did you go to Canada? Nancy: Yes, I did. I went there last month. A: Did you see the mountains? Nancy: No, I didn’t. I didn’t see the mountains. 3. A: Thomas, did you go to the mountains? Thomas: Yes, I did. I went to the mountains. A: Did you see the tigers? Thomas: Yes, I did. I saw the tigers.

Laura Did you … Yes, I did. No, I didn’t. Nancy go to the beach? ✓ ✓ swim? ✓ Thomas go to Canada? ✓ see the mountains? ✓ go to the mountains? ✓ see the tigers? ชว่ั โมงที่ 2 Sydney Opera House ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ขน้ั นำ(Warm up) นักเรยี นทำตารางเหมอื นอยา่ งในหนงั สือเรียน หนา้ 48 ข้อ 3 ลงในกระดาษ และเขียนกิจกรรมท่ที ำ ในวนั หยดุ ลงไปในตารางช่องแรก โดยปรบั เปลีย่ นบางกิจกรรมในหนังสือเรียนให้เหมาะสม จากนั้นเปลยี่ นกัน ถามเพอ่ื น 3 คนในช้ันวา่ ในปที ีผ่ ่านมาได้ทำกจิ กรรมเหลา่ น้ีหรือไม่ เช่น A: Did you go to Chiang Mai last year? B: Yes, I did. A: Did you visit Chiang Mai Zoo last year? B: No, I didn’t. เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นเติมข้อมูลลงในตารางท่ตี นเองทำไว้ โดยใช้ข้อมลู ที่ไปถามเพือ่ นมา และเขยี นบท สนทนาทด่ี ้านล่างของตาราง ขนั้ นำเสนอ (Presentation) นกั เรยี นดูภาพใน แบบฝึกหัด หน้า 34 ข้อ 1 Listen and point. จากน้ันฟัง Track 50 แล้วชี้ภาพ ใหส้ ัมพนั ธ์กับประโยคท่ไี ด้ยิน โดยครเู ปดิ Track 50 ใหน้ กั เรียนฟงั 2 คร้งั จากนน้ั ครเู ฉลยคำตอบ

1. Some people are going camping. 2. A boy is climbing. 3. There is a picture of a kangaroo in the picture. 4. A man is wearing goggles. 5. The Eiffel Tower is in France. 1. - g 2. - h 3. - e 4. - i 5. - d ขั้นฝึก (Practice) 1. นกั เรียนดูภาพในข้อ 1 อีกครงั้ แลว้ เติมคำท่ีกำหนดให้ลงในประโยคในแบบฝึกหัด หนา้ 34 ขอ้ 2 Look at the pictures. Then complete the sentences. ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วครูและนกั เรียนช่วยกัน เฉลยคำตอบ 1. map 2. purple 3. tent 4. France 5. plane 2. นักเรียนดูภาพท่ีกำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 35 ข้อ 1 Look at the pictures and write the words. แล้วเขียนคำศัพท์ให้สมั พันธก์ ับภาพ เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 5 คน ชว่ ยกันเฉลย จากนัน้ ครู ตรวจคำตอบ แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงคำศพั ท์พร้อม ๆ กนั 1. passport 2. ticket 3. suitcase 4. kangaroo 5. plane ขนั้ นำไปใช้ (Production) นักเรียนดูคำกริยาทั้ง 10 คำ ใน แบบฝึกหัด หน้า 35 ข้อ 2 Write the past form of the verbs. จากนั้นเปลี่ยนคำกริยาเหล่าน้ีให้เป็นรูป Past Simple นักเรียนอาจปรึกษากับเพ่ือนๆ หรือค้นหาใน พจนานุกรมกไ็ ด้ เสรจ็ แลว้ ครูสุ่มเรียกนักเรยี นให้บอก

1. did 2. had 3. took 4. ate 5. went 6. saw 7. made 8. got 9. travelled 10. looked ขั้นสรปุ (Wrap up) นักเรียนอ่านบทสนทนาใน แบบฝึกหัด หน้า 36 ข้อ 3 Listen and complete with did or didn’t. จากนนั้ ครเู ปิด Track 51 ให้นักเรียนฟัง 2 ครงั้ แลว้ เติม did หรอื didn’t ลงในชอ่ งว่าง A: Did you go to the beach? B: Yes, I did. A: Did you swim? B: No, I didn’t. A: Did you have a picnic? B: Yes, I did. เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 2 คน ใหอ้ า่ นบทสนทนา 1. Did 4. didn’t 2. did 5. Did 3. Did 6. did

ชวั่ โมงท่ี 3 Sydney Opera House ( เวลา 1 ช่วั โมง ) ขนั้ นำ (Warm up) นักเรยี นฝกึ ฝนการใช้ Past Simple Tense บอกเลา่ เกี่ยวกับการไปเทย่ี วพักผอ่ นในวันหยุด ข้ันนำเสนอ (Presentation) นักเรียนดูภาพและบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 48 ข้อ 4 Listen and match. Then complete the sentences. จากนั้นครูให้นักเรียนอ่านช่ือบุคคลท่ีให้มา และระบุว่าภาพ (a-d) เป็นภาพ อะไร ครูอธบิ ายว่านักเรยี นจะได้ฟังบทสนทนาสัน้ ๆ เก่ียวกับการเดนิ ทางไปเท่ียวของบุคคลเหล่านี้ เสร็จแล้วครู เปิด Track 43 ให้นักเรยี นฟงั 2 ครัง้ 1. A: Did Peter take two suitcases? B: Yes, he did. He took two suitcases. 2. A: Did Catherine go to China? B: No, she didn’t. She went to Japan. 3. A: Did Mary see the mountains? B: Yes, she did. She saw the mountains. 4. A: Did Paul travel by train? B: No, he didn’t. He travelled by plane. นกั เรยี นช่วยกนั เฉลยคำตอบ 1. c 2. a 3. d 4. b ข้ันฝึก (Practice) นกั เรยี นเตมิ คำในบทสนทนาในข้อ 4 ใหส้ มบูรณ์ ครสู ุม่ เรยี กนักเรียนใหอ้ า่ นคำตอบของตนเองใหเ้ พอ่ื น ฟัง แล้วครูเปิด Track 43 อกี ครั้ง เพือ่ ใหน้ กั เรยี นตรวจคำตอบ

2. No, she didn’t. She went to Japan. 3. Yes, she did. She saw the mountains. 4. No, he didn’t. He travelled by plane. ขั้นนำไปใช้ (Production) 1. นักเรยี นฝกึ ตอบคำถาม วา่ Teacher: What’s this? Students: It’s a diary. Teacher: Yes, it’s my diary. I write about everything I do every day. So I always remember everything. นักเรียนอ่านคำถาม 5 ข้อ ท่ีกำหนดให้ใน หนังสือเรียน หน้า 49 ข้อ 5 Read Ann’s diary and answer. เพื่อจะได้รู้จุดมุ่งหมายในการอ่าน ครูถามนักเรียนว่า มีคำถามข้อใดที่นักเรียนอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือไม่ ถ้ามี ครูให้นักเรียนคนอื่นๆ ในชั้นช่วยกันอธิบาย เพ่ือเป็นการตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน จากนน้ั ใหน้ ักเรียนอ่านไดอารขี่ อง Ann แลว้ ตอบคำถามทกี่ ำหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ 1. She went to London. 2. She got there by plane. 3. She took her passport, a ticket and a suitcase. 4. She saw the mountains. 5. It was great. 2. นักเรยี นฝึกเขยี นไดอารข่ี องตนเอง โดยใชค้ ำท่ีกำหนดให้ในกรอบในหนงั สอื เรยี น หน้า 49 ข้อ 6 Write your own travel diary. Use the words in the box. ให้นักเรียนดูไดอารี่ของ Ann เป็น ตวั อยา่ ง

ตัวอยา่ ง Dear Diary, Last week I was on TG plane to Tokyo, the capital of Japan. My parents travelled with me. The stewardesses were nice and beautiful. They served delicious food. I brought my passport, ticket and two red suitcases. My suitcases were large but not heavy. From the window of TG, I saw the great Mekong River. Then we flew over Mt. Fuji. I was very excited. So I took a lot of photos. The trip on the plane was wonderful. I enjoyed it very much. นกั เรยี นฝึกพดู โดยใช้บทสนทนาสัน้ ๆ ตอ่ ไปนี้ Dialogue 1 A: Good morning. Can I have your ticket, please? B: Here you are. A: Thank you. Would you like smoking or non-smoking? B: Non-smoking, please. Dialogue 2 A: Would you like a window or an aisle seat? B: An aisle seat, please. A: Do you have any baggage? B: Yes, this suitcase and this carry-on bag.

Background Information • smoking มาจาก smoking area หมายถึง ที่นงั่ ในเคร่อื งบินท่อี ยใู่ นเขตที่ สามารถ สบู บุหร่ีได้ หรอื หมายถึงบรเิ วณท่ีถูกจัดให้เป็นทส่ี ูบบุหรี่ได้ ภายในอาคารหรือ สนามบิน (ปจั จบุ นั สายการบินสว่ นใหญ่ไม่อนุญาตใหผ้ ู้โดยสารบนเครือ่ งบนิ สูบบุหร่)ี • non-smoking มาจาก non-smoking area หมายถึง ที่นั่งในเคร่ืองบินท่ีอย่ใู น เขตที่ไม่สามารถสบู บุหร่ไี ด้ หรอื หมายถึง บรเิ วณท่วั ไปที่อยู่ภายในอาคาร สนามบนิ ทไี่ ม่อนุญาตใหม้ ีการสบู บหุ ร่ี • a window seat หมายถงึ ท่ีนัง่ รมิ หนา้ ต่าง • an aisle seat หมายถงึ ทนี่ ่งั รมิ ทางเดิน 3. นกั เรยี นตอบคำถามวา่ บทสนทนาท้ัง 2 บทน้เี กิดข้ึนทใ่ี ด เมือ่ ได้คำตอบวา่ สนามบนิ (at the airport) แล้ว ครทู บทวนโครงสรา้ งประโยคที่ใช้ในการขอร้องอีกคร้ัง Can I + v.1? เชน่ Can I have your ticket, please? Can I see your passport? Can you + v.1?เชน่ Can you help me, please? Can I use your pen for a moment, please? นักเรยี นบอกว่ามคี ำศพั ท์ใดท่ีไม่รู้ความหมายหรือไม่ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั เดา แลว้ ครูจงึ เฉลยคำตอบ ครู อธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา่ would like มีความหมายเหมือนกบั คำว่า want แต่สภุ าพมากกวา่ เช่น I would like a cup of coffee, please. I would like to visit London. จากน้ันครูใหน้ ักเรียนบอกสิง่ ทตี่ นเองต้องการมาคนละ 1 อย่าง โดยใช้โครงสร้างต่อไปนี้ would like + noun wound like + to + v.1 นักเรยี นดูบทสนทนาต่อไปน้ี A: I’m thirsty. B: Would you like some tea? A: No, thanks. B: Would you like some apple juice? A: Oh, yes, please!

นกั เรยี นฟังครอู ธบิ ายว่านอกจาก would like จะเป็นการบอกความต้องการอย่างสุภาพแล้ว เมื่อ นำมาใช้ในรปู ประโยคคำถาม would you like ยังใชใ้ นการเสนอ (offer) บางสงิ่ บางอย่างใหก้ บั ผู้อน่ื อีกด้วย เชน่ Would you like some tea? Would you like some apple juice? ขน้ั สรุป (Wrap up) 1. นักเรียนฟัง Track 44 ให้นักเรียนฟังอย่างเดียว 1 ครั้ง จากนั้นครูเปิด Track 44 อีก 2 คร้ัง และ ใหน้ ักเรยี นฝึกออกเสียงคำศัพทต์ าม Track 44 leave live eat it 2. นกั เรยี นบอกวา่ คำศพั ท์ทั้ง 4 คำนี้ คำใดท่ีออกเสียงยาว คำใดที่ออกเสยี งสัน้ เม่ือได้คำตอบแลว้ ครูเขยี นคำตอบของนักเรียนบนกระดาน Long e หรือสัญลักษณ์ /i:/ Short i หรอื สัญลักษณ์ /I/ leave live eat it 3. นักเรยี นฝึกออกเสียงคำศัพท์เหล่านี้หลายๆ คร้ัง เพ่ือเน้นให้นักเรียนออกเสียงให้ถูกต้อง เสร็จแล้ว ครูถามนักเรียนว่า ea และ i ออกเสียงคล้ายกับเสียงสระตัวใดในภาษาไทย (ea ออกเสียงคล้ายสระอี ส่วน i จะออกเสยี งคล้ายกับสระอิ) ครูอาจใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกคำศพั ทท์ ม่ี ีเสียงเดียวกันน้ีเพิ่มเติม เชน่ Long e หรือสญั ลักษณ์ /i:/ Short i หรือสัญลกั ษณ์ /I/ leave live eat it pea pin sea sit tea tin bean bin meat mix

กจิ กรรมเพิ่มเติม ครูเปิดคลิปวิดีโอจากอินเทอร์เน็ตเพื่อให้นักเรียนฝึกออกเสียงคำศพั ท์ท่ีมี ea ประกอบ โดยให้เข้าไปที่ เว็บไซต์ www.youtube.com และพิมพ์คำว่า Sound ea ในช่องค้นหา (search) แล้วเลือกคลิปท่ีชื่อ 4 STEP PHONICS - STEP 3(Long Vowel Sounds) - Lesson 7(e- ea) และฝึกออกเสียงคำศัพท์ที่มี i ประกอบ โดยเข้าไปท่ีเว็บไซต์เดียวกัน และพิมพ์คำว่า 4 STEP PHONICS - STEP 2 ในช่องค้นหา แล้วเลือก คลิปท่ีชื่อ 4 STEP PHONICS - STEP 2(Short Vowel Sounds) - Lesson 6(i - ib, id, ig) หรือครูอาจ แนะนำเว็บไซตเ์ หลา่ นี้ใหน้ กั เรียนไปฝึกดว้ ยตนเองทบี่ า้ นหรือห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรยี นที่มอี ินเทอร์เน็ต ครูแนะนำวิธีการดูคลิปวิดีโอภาษาอังกฤษใน YouTube ว่า จะมีปุ่มที่สามารถแสดงคำบรรยาย หรือ subtitles ได้ ถ้านักเรียนฟังเจ้าของภาษาไม่เข้าใจ ให้กดปุ่มตามภาพด้านล่าง จะมี subtitles เป็น ภาษาอังกฤษแสดงข้ึนมา เพ่ือช่วยเหลือนักเรียนในการฟังได้ แต่อาจไม่มีทุกคลิป ข้ึนอยู่กับผู้ลงคลิป แต่ส่วน ใหญ่คลปิ วิดโี อท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการสอนภาษาอังกฤษจะมี subtitles ให้เกือบทุกคลปิ

8. การวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑ์การผ่าน วิธีการ แบบสังเกตการพูดถาม-ตอบ ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดับดขี น้ึ ไป สงั เกตการพูดถาม-ตอบ ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป 9. สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 6 3. Audio CD Smile ป. 6 4. พจนานกุ รม 5. บตั รภาพ บัตรคำ 6. นติ ยสาร หนังสือพมิ พ์ 7. อินเทอรเ์ นต็ 8. https://www.blooket.com/

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี เรื่อง Can I have the salt? 1. สาระสำคญั การเรยี นร้คู ำศัพทเ์ กีย่ วกับสถานท่ีต่าง ๆ และการบอกทิศทาง ช่วยให้พดู และเขยี นเกยี่ วกับ เสน้ ทางทีจ่ ะไปยงั สถานทน่ี ั้น ๆ เป็นการเรยี นรภู้ าษาองั กฤษเพ่ือนำไปใช้สื่อสารในชีวติ ประจำวนั 2. ตัวชี้วัด มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชว้ี ดั 2. ใช้คำส่ัง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ ตวั ชี้วดั 4. พดู และเขยี นเพื่อขอและใหข้ ้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรอ่ื งใกล้ตวั ตัวช้ีวดั 5. พดู /เขยี นแสดงความรูส้ กึ ของตนเองเก่ยี วกับเร่ืองตา่ งๆ ใกลต้ ัว กจิ กรรมต่างๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลสัน้ ๆ ประกอบ 3.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. พูด/เขียน ใช้คำสัง่ คำขอร้อง และใหค้ ำแนะนำ โต้ตอบในการส่อื สารระหวา่ งบุคคล 2. พดู และเขียน แสดงความรู้สึก ขอและให้ข้อมลู เก่ียวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตวั พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลสน้ั ๆ ประกอบ 4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กล่มุ คำ ประโยค และความหมายท่เี กี่ยวข้องกับการเดินทาง 2. Pronunciation: /i:/, /I/ 3. ประโยค บทสนทนา และเนื้อเรอื่ งทีม่ ีภาพประกอบ 4. ประโยคถามและตอบเก่ยี วกับสิ่งท่ที ำในอดตี เชน่ A: Where did you go on holiday? B: I went to (สถานท่ี). 5. ประโยคถามและตอบเกยี่ วกับความรสู้ ึกทไี่ ด้ไปสถานทนี่ นั้ เชน่ A: How was it? B: It was great. 6. ประโยค Past Simple Tense 7. ประโยคและข้อความทีใ่ ช้ในการพดู ใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง 8. การใชภ้ าษาในการฟงั /พูดในสถานการณ์งา่ ยๆ ทเี่ กดิ ขึ้นในห้องเรียน

ทกั ษะ / กระบวนการ (Process : P) ทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ น การเขยี น เจตคติ (Attitude : A) 1.มคี วามรับผดิ ชอบ ขยัน ใฝร่ ู้ใฝเ่ รยี น 2.มคี วามเชอ่ื มน่ั ในตนเอง กล้าแสดงออก 3.มีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรยี นภาษาอังกฤษ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 6.คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1 เรอ่ื ง Can I have the salt? ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ขนั้ นำ (Warm up) นกั เรยี นแต่งประโยคสนทนาสั้นๆ เก่ยี วกับการขอร้อง 2 บท และแตง่ ประโยคบอกความต้องการของ ตนเองอย่างสุภาพ โดยใช้ would like เช่น Request: A: Can I have the salt? B: Of course, here you are. A: Thank you. Would like (want): I would like some salt, please. I would like to visit Scotland. I would like to be a doctor. ขั้นนำเสนอ (Presentation) นักเรียนเติมบทสนทนาใน แบบฝกึ หัด หน้า 36 ข้อ 4 Complete the sentences

2. A: Did Jane take two suitcases? B: Yes, she did. 3. A: Did she see Mt. Fuji? B: Yes, she did. 4. A: Did she take any photos? B: No, she didn’t. 5. A: Did she eat Japanese food? B: Yes, she did. ขน้ั ฝกึ (Practice) นักเรียนอ่านคำถามท่ีกำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 37 ข้อ 5 Read Peter’s diary and answer the questions. เพ่ือจะได้รู้จุดมุ่งหมายในการอา่ น จากน้ันนักเรียนอ่านไดอารี่ของ Peter แลว้ ตอบ คำถาม นักเรียนสามารถหาคำศัพท์ท่ีไม่รู้ได้จากพจนานุกรม เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียนออกมาเขียนเฉลย คำตอบ ครตู รวจคำตอบ 1. He went to the beach. 2. He went there on Saturday 12th. 3. He liked ice cream. 4. He went home because it was cold. 5. He thinks he caught a cold. ข้ันนำไปใช้ (Production) นักเรียน เปิ ด แ บ บ ฝึ กหั ด ห น้ า 37 ข้ อ 6 Write your diary. Use the diary and the questions above to help you. ครูให้นักเรยี นเขียนไดอารี่เก่ียวกบั การเดินทางไปเท่ียวของตนเอง โดยใช้ ไดอารี่ของ Peter และประโยคคำถามในข้อ 5 เปน็ ตวั ช่วยในการเขียน

ตวั อย่าง Sunday 5th October Today I went to the zoo with my brothers and sisters by bus. I saw my neighbours there. I rode a bicycle and played with monkeys. I ate sandwiches and lollipops. The sandwiches were very delicious. It was very hot in the afternoon but I still took a boat in the river. I went home in the evening because I had a fever. At night, I was very tried and had a high fever. Now it’s 11 o’clock and the doctor is going to see me. ขน้ั สรปุ (Wrap up) 1. นักเรียนฟังคำศัพท์จาก Track 52 แล้ววงรอบคำศัพท์ท่ีได้ยินจาก Track 52 ใน แบบฝึกหัด หน้า 37 หัวข้อ English sounds กิจกรรม Listen and circle the words you hear. เสร็จแล้วครูเปิด Track 52 ใหน้ กั เรียนฟงั อกี คร้งั เพอื่ เฉลยคำตอบ sit read cheap sit read cheap 3. นกั เรียนไปค้นหาความหมายของคำศัพทท์ ี่จะเรียนในบทเรียนถัดไปในหนังสอื เรยี น หน้า 50 กรอบ Word box ลว่ งหนา้ พรอ้ มท้ังเปดิ พจนานุกรมหรอื อนิ เตอร์เนต็ เพื่อหาพยางค์ที่ออกเสยี ง เนน้ หนักในคำเหลา่ นดี้ ว้ ย

ช่วั โมงท่ี 2 เรอื่ ง Did you have a nice holiday, Ben? ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ข้นั นำ (Warm up) 1. นักเรยี นทบทวนคำศัพท์ได้เรียนไป เกย่ี วกับสถานที่และการเดนิ ทางไปเที่ยวในชว่ งวันหยดุ โดยใช้ รูปภาพและบัตรคำตา่ ง ๆ 2. นกั เรียนทบทวนประโยค Past Simple Tense ในรปู ประโยคบอกเลา่ คำถาม และปฏิเสธ ข้ันนำเสนอ (Presentation) 1. นกั เรยี นดูภาพในหนังสอื เรยี น หนา้ 50 ข้อ 1 Listen, point and repeat. แลว้ บอกครูว่าเห็น อะไรบ้าง เพือ่ ช่วยกนั เดาความหมายของคำศัพทจ์ ากภาพท่ีใหม้ า ภาพสดุ ทา้ ยถา้ นักเรียนเดาไม่ได้ ครูให้ นักเรียนคน้ หาความหมายจากพจนานุกรมได้ จากนนั้ ครูเปิด Track 45 ให้นักเรียนฟัง พร้อมทั้งชี้ภาพใหต้ รง กับคำท่ีได้ยนิ และออกเสยี งตามดงั ๆ museum Disney Land camp farm crowded 2. นักเรียนฟัง Track 45 อีก 3 ครง้ั แล้วฝึกออกเสียงตามจนคล่อง จากนนั้ ครูบอกนักเรียนวา่ คำว่า crowded เปน็ คำคณุ ศัพท์ (adjective) ส่วนอกี 5 คำท่ีเหลือเปน็ คำนาม (noun) 3. นักเรียนดภู าพใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 50 ข้อ 2 Listen and order the pictures. แล้วบอกครู วา่ เหน็ อะไรบ้าง Teacher: What do you see? Students: A farm, a camp, a museum. Teacher: Well done! 4. นักเรียนฟัง Track 46 2 ครั้ง และเขียนหมายเลข 1, 2, 3 ใต้ภาพ a, b และ c โดยเรียงลำดับภาพ ตามเหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขึน้ ก่อนและหลงั แลว้ ครเู ฉลยคำตอบ

I’m visiting London with my family. Yesterday morning I went to the British Museum. It was very crowded. It took a long time to walk around the museum. In the afternoon we drove to my uncle’s farm. We had dinner with him. Tomorrow I’m going camping with my cousins. I’m going to have lots of fun. a. 2 b. 3 c. 1 5. นักเรียนดูข้อความในส่วนของ Now listen again and complete the passage. แล้วเปิด Track 46 ใหน้ ักเรียนฟงั อีกครั้ง และเตมิ คำลงในชอ่ งว่าง เสร็จแล้วเฉลยคำตอบร่วมกนั 1) went 2) crowded 3) museum 4) farm 5) camping ข้นั ฝกึ (Practice) 1. นักเรียนดูภาพในตารางใน หนังสือเรียน หน้า 51 ข้อ 3 Listen and match. เพ่ือเตรียมตัวฟัง บทสนทนา โดยครชู ้ีภาพตวั ละคร และถามนักเรยี นว่าคอื ใคร Teacher: Who are they? Students: They are Ben, May, Anna and Harry. 2. ต่อมาครูช้ีภาพ a-d และถามนักเรียนทีละภาพว่าเป็นภาพอะไร จากน้ันครูเปิด Track 47 ให้ นักเรยี นฟงั บทสนทนา และจับคภู่ าพตัวละครกับภาพสถานทีท่ ส่ี ัมพันธ์กนั 1. A: Did you have a nice holiday, Ben? Ben: Yes, I did.

A: Where did you go? Ben: I went to London. A: What did you do there? Ben: I visited the British Museum. 2. A: And how about you, May? Did you have a nice holiday? May: Of course, I did. A: Where did you go? May: I went to my uncle’s farm. It was great. A: What did you do at the farm? May: I fed the chickens. 3. A: Anna, What did you do on holiday? Anna: I went to the mountains with my family. A: Did you go climbing there? Anna: Yes, I did. It was fantastic! 4. A: Now Harry, did you have a nice holiday? Harry: Yes, I did. A: What did you do? Harry: I went to Australia. A: Really? What did you do there? Harry: I did lots of great things. I visited the Great Barrier Reef. It was beautiful. And I saw some koalas. They were so cute. เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ โดยเปิด Track 47 ใหน้ ักเรียนฟงั บทสนทนาทลี ะบท 1. c 2. d 3. b 4. a ขน้ั นำไปใช้ (Production) นักเรียนทบทวนการใช้ Past Simple Tense และการเปลี่ยนคำกริยาเป็นรูปอดีต โดยครูเขียน คำกริยาบนกระดาน และให้นักเรียนร่วมกันเปล่ียนให้เป็นรูปอดีต โดยให้มีคำกริยาทั้งที่เป็น regular verbs และ irregular verbs จากน้นั ให้นักเรยี นเปิด หนังสือเรียน หน้า 51 ข้อ 4 Change the verbs into past tense. ให้นกั เรียนอา่ นขอ้ ความคร่าวๆ แลว้ ครูถามนักเรียนว่าขอ้ ความนี้เกี่ยวกับอะไร Teacher: What is the passage about?

Students: It’s about a holiday, Hong Kong, shopping, etc. จากนน้ั ให้นักเรยี นเปล่ียนคำกริยาในวงเลบ็ เปน็ รปู Past Simple Tense เสร็จแลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 1. went 6. ate 2. travelled 7. saw 3. stayed 8. loved 4. was 9. was 5. bought ข้ันสรุป (Wrap up) นกั เรียนสามารถใชร้ ูปอดีตของ verb to be ได้ถูกต้องหรือไม่ ถา้ ไม่ ครูทบทวนเกยี่ วกบั รูปอดีตของ verb to be ได้แก่ was/were อกี ครัง้ Background Information Past Simple Tense (verb to be) ประธานเอกพจน์ (รวมทง้ั I) ใช้ was were ประธานพหพู จน์ ใช้ เช่น - I was absent yesterday. - We were young five years ago. - They were not at school yesterday. - Was she busy last week? No, she wasn’t. - Were they in London yesterday? Yes, they were.

ชั่วโมงที่ 3 เรอ่ื ง My holiday ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) ขัน้ นำ (Warm up) นักเรียนดตู ารางปริศนาอักษรไขว้ใน แบบฝึกหดั หนา้ 38 ขอ้ 1 Complete the crossword. แลว้ อ่านประโยคท่ีกำหนดให้ เพือ่ หาคำมาเตมิ ลงในตาราง เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ ดังนี้ 1. 4. 9. 2. f a r m bf u 5. c r o w d e d s re 3. a t e 8. i d 7. u d n 6. c a m p i n g ad m e ขนั้ นำเสนอ (Presentation) นักเรยี นดภู าพท้ัง 4 ใน แบบฝึกหัด หนา้ 38 ข้อ 2 Listen and order the pictures. เพื่อเปน็ การเตรียมตัวก่อนฟัง Track 53 แลว้ ครูถามคำถามเพื่อให้นกั เรียนบอกว่าเป็นภาพอะไรบ้าง Teacher: What can you see in these pictures? (ครชู ้ีทีภ่ าพ a-d ใน หนงั สอื เรยี น) Students: Sandwiches and orange juice, dinner, sailing and a board game. Teacher: Well done! นกั เรียนฟงั ครอู ธบิ ายว่า ส่ิงทจ่ี ะได้ฟังจาก เป็นกจิ กรรมในวันหยดุ พักผ่อนของเดก็ คนหน่ึง แล้วครูเปิด Track 53 ให้นักเรยี นฟัง และเขียนหมายเลข 1-4 ท่ภี าพ โดยเรียงตามกจิ กรรมทเี่ กิดขึ้นกอ่ น-หลงั เสร็จแล้วครู เปิด Track 53 ใหน้ ักเรยี นฟงั อกี ครงั้ เพื่อเฉลยคำตอบ

Yesterday I went to the beach. I sailed with Dad for two hours. It was very exciting. After that I had sandwiches and orange juice. In the afternoon I played board games with my sister. Then we had dinner at a Chinese restaurant. The food was delicious. picture a - 2 picture b - 4 picture c - 1 picture d - 3 ขน้ั ฝึก (Practice) นักเรียนทำ แบบฝึกหัด หน้า 39 ข้อ 3 Follow the lines and write the sentences. โดยดู เส้น ที่ลากแต่ละข้อ ซ่ึงลากจากชื่อคนไปยังช่ือประเทศ และสถานท่ี จากน้ันให้นักเรียนแต่งประโยคตาม เสน้ เหล่านนั้ เสร็จแล้วครูสมุ่ เรยี กนกั เรียน 5 คน พดู เฉลยคำตอบ 2. Harry went to the USA. He saw the Statue of Liberty. 3. Liz went to China. She saw the Great Wall. 4. Anna went to France. She saw the Louvre Museum. 5. May went to Japan. She saw Mt. Fuji. 6. Frank went to Australia. He saw the Opera House. ขนั้ นำไปใช้ (Production) นักเรยี นทบทวนประโยคปฏเิ สธ (Negative form) ของ Past Simple Tense ดังน้ี - ประโยคท่ีมี was/were ใหเ้ ติม not ขา้ งหลังได้เลย เช่น was not หรอื รปู ยอ่ wasn’t, were not หรอื รปู ย่อ weren’t - ประโยคทไี่ ม่มี was/were ให้นำ did not/didn’t มาวางหน้าคำกริยา ซึ่งคำกริยาที่ตามมา ขา้ งหลงั did ต้องเปล่ียนเป็นคำกริยาในรปู base form แล้วให้นักเรยี นทำ แบบฝึกหัด หน้า 39 ข้อ 4 Complete the sentences with the negative form of the past simple of the verbs in bold. โดยข้อ 1 ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว เสร็จแล้วครู ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั เฉลยคำตอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook