บันทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ดริ์ าษฎร์บำรงุ ) ที…่ …………………วันที่ เดือน พ.ศ. เรือ่ ง สง่ แผนการเรยี นรู้ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 เรียน ผ้อู ำนวยการโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวสั ด์ิราษฎร์บำรงุ ) เนื่องด้วยขา้ พเจ้า (นาย/นาง/นาวสาว) อรวรรณ พุดมอญ ได้รับมอบหมายให้ปฏบิ ตั หิ น้าท่กี าร สอน และดำเนินการจัดทำหนว่ ยการเรียนร้/ู แผนการเรยี นรู้ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ตาม แบบฟอรม์ ท่ีทางกลุ่มงานพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษากำหนด บัดน้ี ข้าพเจ้าไดด้ ำเนินการจัดทำหน่วยการเรยี นรู้ / แผนการเรียนรู้เรียบรอ้ ยแล้ว และขออนญุ าต ส่งหน่วยการเรียนรู้ / แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ซึ่ง แนบมาพรอ้ มกับเอกสารนี้ จงึ เรยี นมาเพื่อโปรดทราบ ลงชื่อ ( นางสาวอรวรรณ พุดมอญ ) ตำแหน่ง ครู ลงช่ือ …………………………………………….. (นางสาวอรวรรณ พุดมอญ) หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ..................../......................../................... เรยี นเสนอผู้อำนวยการ ทราบ / อนุมัติ .................................................................... ...................................................................... ลงชอ่ื ( นางสาวกนั ยาภัทร ภทั รโสตถิ ) ผู้อำนวยการโรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรงุ )
คำนำ การจดั การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ตอ้ งพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ที กั ษะแหง่ อนาคต เป็นทกั ษะท่ี จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการดาเนินชวี ติ เพอ่ื เตรยี มความผเู้ รยี นใหใ้ ชช้ วี ติ ในโลกทเ่ี ป็นจรงิ เน้นการศกึ ษาตลอด ชวี ติ ใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง การนาทฤษฎกี ารเรยี นรทู้ ไ่ี ดร้ บั ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ สง่ิ สาคญั คอื ผเู้ รยี นจะตอ้ งเกดิ กระบวนการการเรยี นรู้ ซง่ึ ถอื เป็นจดุ สาคญั การสอนภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร (Communicative Language Teaching) เป็นการสอนภาษา ทเ่ี น้น หน้าทข่ี องภาษาและการสอ่ื ความหมาย กล่าวคอื ผเู้ รยี นสามารถใชภ้ าษาทส่ี องในการสอ่ื สารได้ ซง่ึ อาจจะใชภ้ าษาไดไ้ ม่ถกู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ แต่สามารถสอ่ื ความได้ และเหมาะสมกบั สถานการณ์ โดยการสอนภาษาชนิดน้มี เี ป้าหมายเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถนาทกั ษะทางภาษามาใชเ้ พอ่ื การสอ่ื สารได้ หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ ว่า เอกสารฉบบั น้ีจะเป็นประโยชน์ต่อผทู้ ต่ี อ้ งการศกึ ษารูปแบบการจดั การ เรยี นรใู้ หม่ เพอ่ื พฒั นาผเู้ รยี นต่อไป อรวรรณ พดุ มอญ
สารบัญ หน้า แผนผงั มโนทัศนเ์ ป้าหมายการเรียนรู้/ หลักฐานการเรียนรู้ แผนผังมโนทศั นข์ นั้ ตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจัดการเรยี นรู้แบบ CLT โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ ผงั มโนทศั น์ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 Let’s go shopping แผนบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6
แผนผงั มโนทัศนเ์ ปา้ หมายการเรยี นร/ู้ หลกั ฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ประโยค ข้อความสั้น ๆ ภาพสัญลักษณ์ 1) ทกั ษะการฟัง (Listening skill) 1. ซือ่ สตั ย์สุจริต เคร่อื งหมาย 2) ทักษะการพูด (Speaking skill) 2. มวี นิ ัย 2. ใจความสำคัญของบทสนทนานิทาน 3) ทักษะการอ่าน (Reading skill) 3. ใฝ่เรยี นรู้ ง่าย ๆ และเรอื่ งเล่า 4) ทกั ษะการเขยี น (Writing skill) 4. มุง่ มนั่ ในการทำงาน 3. สถานการณง์ ่าย ๆ 5. มจี ติ สาธารณะ 4. ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพอ่ื น ครอบครวั กระบวนการกลุ่ม เร่ืองใกลต้ วั 1) จับคู่สนทนา 5. ถอ้ ยคำ น้ำเสียง และกริยาท่าทาง 2 ) ระดมสมอง วฒั นธรรม 3) ฝึกกิจกรรมกลุ่มตาม ของเจา้ ของภาษา มารยาทสังคม แผนการจดั การเรียนรู้ 6. เสียงประโยคชนดิ ต่าง ๆเครอ่ื งหมาย วรรคตอนโครงสร้างประโยค 7.คำศพั ท์ที่เกี่ยวขอ้ งกับกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้อ่ืน 8.สถานการณต์ า่ ง ๆทีเ่ กิดขึ้น 9.ภาษาต่างประเทศข้อมูลต่าง ๆ เปา้ หมายการเรียน On Holiday หลักฐานการเรยี นรู้ - การพูดถามและตอบเกีย่ วกับสถานที่ที่ไป - การเขียนโปสการ์ดถงึ เพื่อนเกีย่ วกับสถานที่ทีไ่ ปเที่ยว - การเขยี นอเี มลถึงเพื่อนเกี่ยวกบั กจิ กรรมทต่ี นเองทำในสถานทนี่ ั้นๆ - การรวบรวมคำศัพท์ใน Your word book
แผนผังมโนทศั น์ข้ันตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจัดการเรียนรูแ้ บบ CLT ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการจัดการเรยี นรู้แนวการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร Communicative Language Teaching : CLT Warm up Presentation Practice Production Wrap up ทดสอบหลงั เรียน (ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60)
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 เวลา 14 ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เร่ือง On holiday แผนการจัดการเรยี นรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน เวลาเรยี น (ชัว่ โมง) 1. Sydney การพดู ถามและตอบเกยี่ วกบั สถานทท่ี ี่ไป 2. Can I have the salt? 3 3. Dear Mary การเขียนโปสการด์ ถงึ เพื่อนเก่ียวกบั สถานทท่ี ี่ไปเท่ียว 3 การเขียนอเี มลถึงเพื่อนเกย่ี วกับกิจกรรมที่ตนเองทำใน 3 4. It was warm and sunny สถานท่ีน้นั ๆ 5. Project Presentation การรวบรวมคำศัพท์ใน Your word book 4 นำเสนอ 1 14 รวมเวลาเรียน
แผนที่ 1 ผังมโนทัศน์ หนว่ ยการเรีย Sydney Opera House หนว่ ยกา On h จำนวน 3 ชัว่ โมง จำนวน แผนที่ 3 Dear Mary จำนวน 3 ชั่วโมง ภาษาไทย การเรยี นร 1.ฟังแสดงความคดิ เหน็ ฟังสรุปสาระสำคญั และจบั ใจความ 2.พูดแสดงความคิดเห็น และตอบคำถามอา่ นและสะกดคำ • เรียนร ถกู ตอ้ ง
ยนรทู้ ี่ 7 On holiday แผนท่ี 2 ารเรยี นร้ทู ี่ 7 Can I have the salt? holiday 14 ชว่ั โมง จำนวน 3 ชว่ั โมง แผนที่ 4 It was warm and sunny จำนวน 5 ชว่ั โมง รแู้ บบบรู ณาการ .ศิลปะ : ทัศนศิลป์ • วาดภาพและระบายสสี ิง่ มชี วี ติ วิทยาศาสตร์ รู้เกย่ี วกบั สภาพอาการ ฤดกู าล
แผนบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุม้ กนั ในตัวทด่ี ี 1. ออกแบบการจัดกิจกรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรยี นรสู้ ง่ เสริมกระบวนการคิด 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรยี นรู้ล่วงหนา้ ตัวชว้ี ัด 2. ใชเ้ ทคนิคการจัดการเรียนร้ทู ห่ี ลากหลาย 2. จดั เตรยี มการวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลือกสอื่ แหลง่ เรยี นรเู้ หมาะสม สงั เกตพฤติกรมนกั เรยี น 3. วัดผลประเมินผลตรงตามเนอื้ หา เงอื่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. รู้จักเทคนคิ การสอนท่ีส่งเสรมิ กระบวนการคดิ และนกั เรียน 1. มีความขยนั เสยี สละ และมุ่งมน่ั ในการจัดหาสอ่ื มาพฒั นานักเรยี น สามารถเรียนร้ไู ด้อยา่ งมีความสุข ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มคี วามอดทนเพือ่ พฒั นานกั เรยี นโดยใช้เทคนคิ การสอนท่ี หลากหลาย นกั เรยี น ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี ูมิคมุ้ กนั ในตัวท่ดี ี 1. การใช้เวลาในการทำกจิ กรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทำงานเปน็ กลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาใบงาน/ใบกจิ กรรม ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ทนั เวลา 2. ฝกึ กระบวนการสงั เกต อธบิ าย ทกั ษะการ 2. นำความรู้เร่อื ง ลกั ษณะของการบอก 2. เลือกสมาชกิ กลมุ่ ได้เหมาะสมกบั เนื้อหาท่ี สบื ค้นหาความรู้ ขอ้ มลู ตา่ งๆ ทศิ ทาง การเดินทาง ตา่ งๆ ไปประยกุ ต์ใช้ใน เรียนและศกั ยภาพของตน ชวี ิตประจำวนั ได้ เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. มคี วามรเู้ รือ่ ง ลักษณะของกีฬาตา่ งๆ ตลอดจนสามารถสร้างจดั ทำ 1. มคี วามรับผดิ ชอบ และปฏิบตั ติ ามข้อตกลงของกลุม่ ชนิ้ งาน ผลงานและใบงานไดต้ ามวัตถุประสงค์ 2. มีสติ มสี มาธิชว่ ยเหลอื กนั ในการทำงานรว่ มกนั ส่งผลตอ่ การพัฒนา 4 มิตใิ ห้ย่ังยืนยอมรับตอ่ การเปลีย่ นแปลงในยคุ โลกาภวิ ัฒน์ วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ (K) มีความร้คู วามเข้าใจลักษณะการบอก มีความร้แู ละเข้าใจ มีความรู้และเข้าใจ มคี วามรู้และเขา้ ใจการ สภาพอากาศตา่ งๆ กระบวนการทำงาน เกี่ยวกบั ลักษณะ ชว่ ยเหลือ แบ่งปนั กลุ่ม สภาพอากาศ ต่างๆ ทักษะ (P) สามารถสรา้ งชิ้นงาน ผลงาน ใบงาน ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตาม ใช้แหลง่ เรยี นรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลือ แบง่ ปนั ซ่ึง แบบทดสอบเรือ่ งการบอกสภาพอากาศ เป้าหมาย ดว้ ย ทำลายสง่ิ แวดล้อม กนั และกนั ตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการกลุม่ ค่านิยม (A) เห็นประโยชนข์ องเรียนรู้ เก่ยี วกบั การ เหน็ คุณคา่ และ เห็นคณุ คา่ ของการใช้ ปลกู ฝงั นสิ ยั การ สภาพอากาศ ตา่ งๆ ภาคภมู ใิ จในการ แหล่งเรียนร้โู ดยไม่ ช่วยเหลอื แบ่งปัน ทำงานร่วมกนั ได้ ทำลายสิ่งแวดลอ้ ม สำเรจ็
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ รายวิชาภาษาอังกฤษ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 เร่อื ง On Holiday เวลา 14 ช่ัวโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่อื งทีฟ่ งั และอา่ นจากสอื่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ชี้วัด 1. ปฏบิ ัตติ ามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำทฟ่ี งั และอา่ น ตวั ชี้วัด 2. อ่านออกเสยี งข้อความ นิทาน และบทกลอนสนั้ ๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น ตวั ชวี้ ัด 3. เลือก/ระบุ หรือขอ้ ความสั้นๆ ตรงตามภาพ สญั ลักษณ์ หรอื เคร่อื งหมายท่ีอา่ น ตัวชวี้ ดั 4. บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นทิ านง่ายๆ และ เรอ่ื งเลา่ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชี้วัด 1. พดู /เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ตวั ชว้ี ัด 2. ใชค้ ำส่ัง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ ตัวชว้ี ัด 4. พูดและเขียนเพ่ือขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกับตนเอง เพอ่ื น ครอบครัว และเร่อื งใกล้ตัว ตัวชีว้ ดั 5. พดู /เขียนแสดงความรู้สกึ ของตนเองเกย่ี วกับเรื่องตา่ งๆ ใกลต้ ัว กจิ กรรมต่างๆ พร้อมทง้ั ให้ เหตุผลสั้นๆ ประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรอ่ื งต่างๆ โดยการพูด และการเขยี น ตัวชีว้ ดั 1. พดู /เขยี นให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพ่ือน และสง่ิ แวดลอ้ มใกล้ตวั ตวั ชว้ี ัด 3. พูด/เขียนแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เรอ่ื งต่างๆ ใกลต้ ัว มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวชวี้ ดั 1. ใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสยี ง และกริ ยิ าทา่ ทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ตัวชว้ี ัด 1. บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใช้ เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตัวชวี้ ดั 1. ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณต์ ่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสำคญั การเรยี นรูเ้ กี่ยวกบั สิ่งทต่ี ้องใช้ในการเดนิ ทาง และสถานที่ที่จะเดินทางไปน้ัน ทำให้ผู้เรยี นสามารถพดู และเขียนเกย่ี วกบั ส่งิ ที่ต้องใชใ้ นการเดินทาง และบอกถึงสถานทีท่ ่ีจะเดนิ ทาง ซ่งึ จะเปน็ พ้ืนฐานความรูเ้ กย่ี วกบั การใชภ้ าษาอังกฤษเพ่อื การสื่อสารในชีวิตประจำวนั 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ (Knowledge) - กลุม่ คำ ประโยค และความหมายเกย่ี วกับสงิ่ ทตี่ ้องใชใ้ นการเดินทาง และสถานทีท่ ี่จะเดนิ ทางไป - ประโยค บทสนทนา และเนื้อเรือ่ งทม่ี ภี าพประกอบ - ประโยคถามและตอบเกยี่ วกบั สถานท่ีที่ไป เช่น A : Where did you go? B : I went to the (สถานท่ี). - ประโยคถามและตอบเก่ยี วกบั ความรู้สกึ ทไี่ ด้ไปสถานทน่ี ้ัน เช่น A : How was it? B : It was great. - ประโยค Past Simple Tense - ประโยคและข้อความท่ใี ชใ้ นการพูดให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง - กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เช่น การเล่นเกม การรอ้ งเพลง - การใชภ้ าษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ในห้องเรยี น - การใช้ภาษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศัพทท์ เ่ี กี่ยวข้องใกลต้ ัวจากสอื่ และแหลง่ การ เรียนรูต้ ่างๆ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ (Process) 1. ทักษะการส่ือสาร 2. ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม 3. ทักษะกระบวนการคดิ 3.3 เจตคติ (Attitude) 1. มีความม่นั ใจในการใช้ภาษาอังกฤษเพือ่ การส่ือสาร 2. มีความกระตอื รือรน้ ในการทำกจิ กรรม 3. มคี วามสนกุ สนานในการเรียน 4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. อย่อู ย่างพอเพยี ง 4. มงุ่ มั่นในการเรียน 5. มีจติ สาธารณะ 6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - การพูดถามและตอบเกยี่ วกับสถานที่ท่ีไป - การเขยี นโปสการด์ ถึงเพ่ือนเกี่ยวกับสถานที่ที่ไปเที่ยว - การเขียนอีเมลถงึ เพื่อนเกย่ี วกบั กจิ กรรมท่ีตนเองทำในสถานทน่ี ั้นๆ - การรวบรวมคำศพั ทใ์ น Your word book 7. การวดั ผลและประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การผา่ น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดับดีขนึ้ ไป สงั เกตการพดู ถาม-ตอบ แบบสงั เกตการพูดถาม-ตอบ ผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป มีผลการประเมินในระดบั ดขี ้นึ ไป ตรวจใบงาน ใบงาน ดีเย่ยี ม ประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน แบบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน ดี พอใช้ เกณฑ์การตดั สนิ /ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถงึ คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถงึ คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถึง คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถงึ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ 1 Sydney Opera House (ชัว่ โมงที่ 1-3) 1.ทดสอบก่อนเรยี น 2.ครนู ำภาพสถานท่ีตา่ ง ๆ หรือโปสการด์ ภาพสถานทีใ่ นตา่ งประเทศมาให้นักเรยี นดู แล้วถามนักเรียน วา่ เป็นสถานท่ีใด และอยทู่ ี่ไหน กจิ กรรมที่ 2 Can I have the salt? (ช่ัวโมงท่ี 4-6) 1.ให้นักเรียนทำงานคู่แต่งประโยคสนทนาสั้นๆ เกี่ยวกับการขอร้อง 2 บท และแต่งประโยคบอกความ ต้องการของตนเองอย่างสุภาพ โดยใช้ would like 5 ประโยค 2. ครทู บทวนคำศัพทท์ ี่นักเรียนไดเ้ รยี นไปในบทที่ 1 เก่ยี วกบั สถานที่และการเดนิ ทางไปเทยี่ วในช่วง วนั หยดุ โดยใช้รปู ภาพและบตั รคำตา่ ง ๆ 3. ครทู บทวนประโยค Past Simple Tense ในรปู ประโยคบอกเล่า คำถาม และปฏิเสธ กจิ กรรมท่ี 3 Dear Mary (ชว่ั โมงท่ี 7-9) 1. นักเรยี นดูรูปแบบบทสนทนาใน หนังสือเรียน หน้า 52 ข้อ 6 Ask and answer. ครูให้นักเรียน อ่านบทสนทนาพร้อมกัน แล้วให้นักเรียนดูตารางท่ีให้ไว้ ช่องแรกเป็นสถานท่ี และช่องท่ี 2 เป็นคำคุณศัพท์ จากน้ันให้นักเรียนฝึกพูดถาม-ตอบเหมือนดังตัวอย่าง โดยใช้สถานท่ีและคำคุณศัพท์ในตาราง ครูให้นักเรียน สลับบทบาทกนั จนพดู ถาม-ตอบได้คลอ่ ง 2.ครูให้นักเรียนทบทวนสิ่งท่ีเรียน โดยการตอบคำถามเก่ียวกับตนเองใน แบบฝึกหัด หน้า 40 ข้อ 6 Answer the questions about you. ครูให้นักเรียนตอบคำถามตามความจริง เม่ือทำเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก
นักเรียน 4 คู่ พูดถาม-ตอบคู่ละ 1 ข้อ โดยให้คนหน่ึงถามคำถาม และอีกคนหน่ึงบอกคำตอบของตนเอง จากน้นั ครูใหน้ ักเรยี นจับค่กู นั ฝึกพูดถาม-ตอบ กิจกรรมท่ี 4 It was warm and sunny (ชั่วโมงท่ี 10-14) 1.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน และอ่านอีเมลของ Pat ท่ีส่งถึง Steve ใน แบบฝึกหัด หน้า 42 ข้อ 2 Read and complete the e-mail with past tense. แล้วเติมคำกริยารูป Past Simple Tense ลงใน ชอ่ งวา่ งให้ 2. ให้นักเรียนช่วยกันบอกโครงสร้างประโยค จากนั้นครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามส่ิงท่ีตนเองไม่ เขา้ ใจ ให้นกั เรยี นช่วยกนั บอกโครงสรา้ งประโยค จากน้นั ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามสิง่ ท่ตี นเองไมเ่ ข้าใจ 3.ทดสอบหลังเรียน 9.แหล่งเรียนรู้ / ส่ือ 1. หนังสือเรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 6 3. Audio CD Smile ป. 6 4. พจนานกุ รม 5. บัตรภาพ บตั รคำ 6. นติ ยสาร หนังสือพมิ พ์ 7. อนิ เทอร์เนต็
แบบทดสอบ Pre-test หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 เร่ือง On Holiday กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 Fill in the blank with “Who, When, What, Where, Whose, Why, How, How much and How many”. 1. _______________ sing a song? Suzi. 2. ________________ does Dave wake up? At ten. 3. _________________did he write? A letter. 4. _________________are you now? I’m behind you. 5. _________________car is that? It’s mine. 6. _________________are they fighting? Because they are angry. 7. _________________do you feel today? Very well. 8. _________________will go with you? James. 9. _________________did she finish her homework? At 9 pm. 10. _________________book is this? It’s John’s.
เฉลยแบบทดสอบ Pre-test หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 เรอื่ ง On Holiday กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 Fill in the blank with “Who, When, What, Where, Whose, Why, How, How much and How many”. 1. _______________ sing a song? Suzi. 2. ________________ does Dave wake up? At ten. 3. _________________did he write? A letter. 4. _________________are you now? I’m behind you. 5. _________________car is that? It’s mine. 6. _________________are they fighting? Because they are angry. 7. _________________do you feel today? Very well. 8. _________________will go with you? James. 9. _________________did she finish her homework? At 9 pm. 10. _________________book is this? It’s John’s.
แบบทดสอบ Post-test หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 เรอ่ื ง On Holiday กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 Choose the correct answer. 1. Ladda __________ a letter to Tim yesterday. a. send b. sended c. sent d. sented 2. What did you ____________ for your lunch? a. chose b. choose c. chosen d. choosen 3. They ________ for Paris yesterday. a. leave b. leaved c. left d. lefted 4. I ______________ Laura two days ago. a. sees b. see c. seen d. saw 5. He ___________ always absent last year. a. is b. are c. were d. was 6. He didn’t __________ his homework last night. a. do b. does c. did d. done 7. They didn’t ____________ to be rich. a. used b. use c. uses d. using 8. They _____________ kind to me. a. was b. were c. is d. am 9. He didn’t _____________ for his meal. a. paid b. payed c. pays d. pay 10. Did you ____________ something outside? a. hears b. to hear c. heard d. hear
เฉลย แบบทดสอบ Post-test หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 เร่ือง On Holiday กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ วชิ าภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 Choose the correct answer. 1. Ladda __________ a letter to Tim yesterday. a. send b. sended c. sent d. sented 2. What did you ____________ for your lunch? a. chose b. choose c. chosen d. choosen 3. They ________ for Paris yesterday. a. leave b. leaved c. left d. lefted 4. I ______________ Laura two days ago. a. sees b. see c. seen d. saw 5. He ___________ always absent last year. a. is b. are c. were d. was 6. He didn’t __________ his homework last night. a. do b. does c. did d. done 7. They didn’t ____________ to be rich. a. used b. use c. uses d. using 8. They _____________ kind to me. a. was b. were c. is d. am 9. He didn’t _____________ for his meal. a. paid b. payed c. pays d. pay 10. Did you ____________ something outside? a. hears b. to hear c. heard d. hear
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 เร่ือง Sydney Opera House 1. สาระสำคญั การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ และการใช้ประโยคแนะนำหรือชักชวน ช่วยให้พูดหรือเขียน แนะเกยี่ วกับสถานทแี่ ละเปน็ การเรยี นรภู้ าษาองั กฤษเพอื่ นำไปใชส้ ่ือสารในชีวติ ประจำวัน 2. ตัวชี้วดั มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งที่ฟังและอา่ นจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั 1. ปฏิบัติตามคำสงั่ คำขอรอ้ ง และคำแนะนำทฟี่ งั และอ่าน ตวั ชีว้ ัด 2. อ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบทกลอนสั้นๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น ตวั ชีว้ ัด 3. เลอื ก/ระบุ หรือขอ้ ความสั้นๆ ตรงตามภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื เครอ่ื งหมายท่ีอ่าน ตวั ชี้วัด 4. บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่ายๆ และ เร่อื งเลา่ มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู ึกและ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ตัวชี้วดั 1. พูด/เขยี นโต้ตอบในการส่ือสารระหว่างบุคคล 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ปฏิบัตติ ามคำส่งั คำขอร้อง คำแนะนำทฟ่ี ังและอา่ นออกเสยี งข้อความ นทิ าน และบทกลอนส้ันๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น ได้ 2. เลอื ก/ระบปุ ระโยคหรอื ข้อความส้ันๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมายที่อ่าน และ สามารถบอกใจความสำคัญ ตอบคำถามจากการฟัง อ่านบทสนทนา นิทานงา่ ยๆ เรื่องเล่าได 4.สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลุ่มคำ ประโยค และความหมายท่เี ก่ยี วข้องกับการเดนิ ทาง 2. Pronunciation: /i:/, /I/ 3. ประโยค บทสนทนา และเนอื้ เรือ่ งทม่ี ีภาพประกอบ 4. ประโยคถามและตอบเกย่ี วกบั ส่ิงท่ีทำในอดตี เชน่ A: Where did you go on holiday? B: I went to (สถานที่). 5. ประโยคถามและตอบเกย่ี วกับความรูส้ ึกท่ีไดไ้ ปสถานท่นี ั้น เชน่ A: How was it? B: It was great.
6. ประโยค Past Simple Tense 7. ประโยคและข้อความท่ใี ช้ในการพูดใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกับตนเอง 8. การใชภ้ าษาในการฟัง/พูดในสถานการณง์ า่ ยๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรยี น ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทกั ษะการฟงั การพูด การอ่าน การเขยี น เจตคติ (Attitude : A) 1. มคี วามรบั ผิดชอบ ขยัน ใฝ่รใู้ ฝเ่ รียน 2. มคี วามเช่ือมัน่ ในตนเอง กล้าแสดงออก 3. มีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนภาษาองั กฤษ 5.สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. อย่อู ยา่ งพอเพียง 4. มงุ่ มัน่ ในการเรยี น 5. มีจติ สาธารณะ 7.กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 Sydney Opera House ( เวลา 1 ชวั่ โมง ) ขั้นนำ (Warm up) 1. ครูทักทายนักเรียนด้วยคำถาม How are you? เมื่อนักเรียนทั้งห้องทักทายตอบแล้ว ครูบอก นกั เรียนวา่ ในการทักทายกนั เราไมจ่ ำเปน็ ต้องใช้ How are you? ตลอดเวลา นักเรียนสามารถเปลยี่ นไปใช้คำอ่ืน ได้ แล้วครูเขียนประโยค How’s everything? และ How are things? บนกระดาน อธิบายว่า 2 ประโยคน้ีใช้ ทกั ทายแบบไม่เป็นทางการ หรือใช้ทักทายคนท่ีเรารู้จักอยู่แล้ว ในการตอบก็ตอบง่ายๆ วา่ I’m good. หรือ Not bad. หรอื ในกรณีที่เป็นการทกั ทายแบบเป็นทางการมาก ๆ และเจอกันเป็นคร้ังแรก นักเรียนสามารถทักทายว่า How do you do? ในการตอบก็ตอบว่า How do you do? จากน้ันครูทักทายนักเรียนเป็นรายบุคคล 4-5 คน โดยใช้คำถามวา่ How’s everything? หรือ How are things? 2. ครูนำภาพสถานท่ีต่าง ๆ หรือโปสการ์ดภาพสถานท่ีในต่างประเทศมาให้นักเรียนดู แล้วถาม นักเรยี นว่าเป็นสถานท่ใี ด และอย่ทู ไี่ หน Teacher: What is it? (ภาพ Opera House) Students: It’s the Opera House. Teacher: Where is it?
Students: In Australia. ครูพดู สรปุ Teacher: It’s the Opera House. It is in Australia. 3. ครูให้นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 46 ข้อ 1 What can you see? แล้วถามนักเรียนว่าเห็น อะไรบา้ ง ดงั นี้ Teacher: What can you see on this page? Students: A plane, skiing, camping, Opera House, etc. Teacher: Great! 4. ครูให้นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 46 ข้อ 2 Look, listen and answer. แล้วดูภาพในข้อ 1 จากน้ันครูเปิด Track 39 ให้นักเรียนฟังคำถามทั้งหมดก่อน 1 คร้ัง และเปิดอีกคร้ัง โดยครูหยุด Track 39 ทลี ะคำถาม เพ่อื ใหเ้ วลานักเรยี นเขยี นคำตอบ Look at the pictures. 1. Names the sports activities you can see in the pictures. 2. Some people are going camping. Where are they? 3. What sports can you see? 4. What is the man in a purple sweater doing? 5. Names two countries in the picture. สุดทา้ ยครแู ละนักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ 1. Climbing, skiing. 2. In the forest. 3. Climbing and skiing. 4. Skiing. 5. Australia, France. 5. ครูบอกนกั เรียนวา่ วันนน้ี ักเรยี นจะไดเ้ รียนรูเ้ ก่ยี วกบั สถานทต่ี ่างๆ และการไปเท่ียวพักผ่อนใน วนั หยุด - ครตู ดิ บัตรคำ holiday บนกระดาน และออกเสียง แล้วใหน้ กั เรียนอ่านออกเสยี งตาม ขน้ั นำเสนอ (Presentation) ครูสุ่มถามนักเรยี น 2-3 คน ว่าเคยไปเที่ยวจังหวัดใด และเดินทางไปอย่างไร เชน่ Teacher: What province did you visit? Sak: Phuket. Teacher: How did you go there? Sak: By plane.
ต่อมาครูให้นักเรียนดูภาพต่าง ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 1 Listen, point and repeat. แล้วถามว่าเห็นอะไรในภาพบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ จากน้ันครูเปิด Track 40 ให้นักเรียนฟัง 3-4 คร้ัง พร้อมทงั้ ชภี้ าพตามให้ถกู ตอ้ ง และออกเสียงตาม Track 40 passport ticket suitcase diary kangaroo Opera House Eiffel Tower จากน้ันให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพท์ท้ัง 7 คำ พรอ้ มกันดว้ ยตนเอง แล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 3 คน ให้อ่านทีละคน สุดท้ายครูบอกนักเรียนว่าคำศัพท์ทั้ง 7 คำน้ีเป็นคำนาม (noun) เพราะเป็นช่ือเรียกของสัตว์ สง่ิ ของ และสถานท่ี ขัน้ ฝึก (Practice) 1. ครูให้นักเรียนดูภาพต่าง ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 2 Listen and point. และถาม นักเรียนว่าเห็นอะไรในภาพบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ เช่น a plane, (a map of) Australia, a passport, a hot dog, a ticket, a suitcase, Opera House, kangaroos, a boy/take photos, a beach ต่อมาครูเขียนคำว่า opera บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันเดาความหมาย จากน้ันครูพูดว่า Look up the meaning in a dictionary, please. เพ่ื อให้นักเรียนค้นหาความหมายของคำนี้จาก พจนานกุ รม opera (n.) = a musical play in which most of the words are sung, or plays and music of this type (อุปรากร คอื ละครประเภทที่มดี นตรีเป็นสว่ นประกอบสำคญั ) จากน้ันครูเขยี นคำว่า opera house บนกระดาน และให้นักเรยี นช่วยกนั เดาความหมายอกี คร้ัง opera house (n.) a theatre where operas are performed (โรงอปุ รากรหรือโรง ละคร) เสร็จแล้วครูชี้ท่ีภาพ Opera House ในหนังสือเรียน หน้า 47 และถามนักเรียนว่า Where is this place? ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลายๆ คน และเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟังว่า ในภาพคือ Sydney Opera House หรือโรงอุปรากรซิดนีย์ ซึ่งอยใู่ นประเทศออสเตรเลีย ครบู อกประวัติความเป็นมาส้ันๆ เกยี่ วกับ โรงอปุ รากรนีใ้ ห้นักเรยี นฟงั Background Information Sydney Opera House หรอื โรงอุปรากรซดิ นีย์ เป็นโรงละครและสถานทจ่ี ดั การ แสดงอเนกประสงค์ ตั้งอยบู่ ริเวณปากอ่าวซิดนีย์ ในนครซดิ นยี ์ รัฐนวิ เซาท์เวลส์ ประเทศ ออสเตรเลีย โรงอุปรากรแหง่ นีไ้ ด้รับการออกแบบโดยสถาปนกิ ชาวเดนมารก์ ช่ือวา่ ยอรน์ อุตซอน (Jørn Utzon) ซึ่งไดอ้ อกแบบโรงอุปรากรแห่งนใ้ี หม้ รี ูปร่างแปลกและ สะดุดตา โดยได้แรงบนั ดาลใจมาจากเปลือกสม้ ของพระเจ้าทีร่ ่วงหล่นลงมาจากฟ้า
องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบยี นเป็นมรดกโลก เมื่อวนั ที่ 27 มถิ ุนายน พ.ศ. 2550 และยงั ไดร้ ับการกล่าวขานวา่ เป็นสถาปตั ยกรรมท่สี วยงามทส่ี ดุ อีกแหง่ หน่ึงของโลกอีกดว้ ย ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/โรงอุปรากรซดิ นีย์ ครูบอกนักเรียนว่า นักเรียนเองก็อาจจะเคยได้ดู opera แต่ไม่ใช่ opera ของทางตะวันตก นักเรียน พอจะเดาออกหรือไม่ว่าการแสดงทีม่ ีดนตรีเป็นส่วนประกอบสำคัญท่ีมีการรอ้ งเพลงตลอดท้ังเร่อื งหรือกึ่งพูดก่ึง ร้องท่ีนักเรียนอาจเคยได้ดูในประเทศไทย คือการแสดงชนิดใด ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น จากนั้นครูเฉลยคำตอบว่า งิ้ว เพราะงิ้ว เป็นอุปรากรของจีน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Chinese opera ส่วน ของไทยก็มีเหมือนกันแต่เป็นละครร้องซ่ึงอาจหาชมไม่ได้ง่ายนัก อย่างเช่น ละครร้องเร่ืองสาวเครือฟ้า โดย ละครร้องของไทยนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจาก opera ของตะวันตก กำเนิดขึ้นในตอนปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนละครเพลงท่ีนักเรียนอาจเคยได้ยินช่ือ จะแตกต่างจากละคร รอ้ ง เพราะละครเพลงจะเรียกวา่ musical (จะเป็นรปู แบบของละครท่ีรวมทงั้ บทพูด ร้อง แสดง และเต้น) เช่น ละครเวทีเรื่องบลั ลงั เมฆ เดอะ มิวสิคลั หรอื ทวิภพ เดอะมวิ สิคลั เป็นต้น Background Information ครเู ข้าไปหาข้อมลู เพ่ิมเติมเก่ยี วกับละครร้องของไทยได้ท่เี ว็บไซตส์ ารานกุ รมไทยฉบับเยาวชน http://kanchanapisek.or.th/kp6/index.php และพิมพ์คำว่า ละครร้องในช่องค้นหา 2. ครูให้นักเรียนดูคำกริยาในหนังสือเรียน หน้า 47 กรอบ Remember! แล้วอธิบายว่าคำกริยา เหล่านี้เป็นคำกริยาในรูปอดีต (past form) ซ่ึงนักเรียนควรจำให้ได้ จากนั้นครูถามนักเรียนว่าคำกริยาในรูป อดีตท่ีให้มาในช่อง Past คำใดเป็น regular verbs (travelled) และคำใดเป็น irregular verbs (went, saw, took, ate, had, had, did) ครูอาจให้นักเรียนผันกริยาที่เป็น irregular verbs ให้ครบทั้ง 3 ช่อง ด้วยก็ได้ เชน่ go went gone see saw seen take took taken eat ate eaten have had had do did done ครูอาจทบทวนความรู้เก่ียวกับเรื่องการเติม -ed ในคำกริยาที่เป็น regular verbs ด้วยการเขียน คำกรยิ าต่อไปน้ีบนกระดาน และใหน้ กั เรยี นช่วยกันอธบิ ายกฎการเติม -ed looked washed lived loved cried carried stopped planned
3. ครูเปิด Track 41 ให้นักเรียนฟัง และชี้ภาพใน หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 2 Listen and point. ตามที่ได้ยิน จากน้ันครูเปิด Track 41 ให้นักเรียนฟังอีก 2-3 ครั้ง แล้วครูถามคำถาม 2 ข้อ ที่อยู่ใต้ กรอบภาพ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ และตอบ 24th February: Today was the first day of my trip. I was on a plane to Australia. It was very exciting. I took my passport and my ticket. I only took one suitcase. It was very heavy. It weighed a lot! I had a good trip on the plane. I ate a hot dog on the plane. It was delicious. 25th February: Today I was in Sydney. I went to the Opera House. It was fantastic. I also went to the zoo. I saw kangaroos. They were cute. I took lots of photos. Tomorrow I’m going to the beach. 1. Peter was on a plane on 24th February. 2. Peter was in Sydney, Australia on 25th February. ครูอธิบายการใช้ Past Simple Tense ให้นกั เรยี นฟงั สน้ั ๆ
Background Information การใช้ Past Simple Tense มหี ลักการ ดงั น้ี 1) ใช้กลา่ วถงึ เหตุการณ์ทเี่ กดิ ขึน้ และจบไปแลว้ ในอดตี เชน่ She visited Tom last week. We went to the Mall yesterday. 2) ใช้กลา่ วถงึ สิง่ ท่ีทำเปน็ ประจำ หรือทำเปน็ นสิ ยั ในอดีต แต่ปัจจบุ นั ไมท่ ำแล้ว เชน่ I liked milk when I was young. He was always absent last year. คำกริยาที่ใชก้ ับ Past Simple Tense จะใชค้ ำกริยาในรูปอดตี (past form) ซ่ึงการ เปล่ียนคำกรยิ าให้อยู่ในรปู อดีตนั้นทำได้ 2 วิธี คือ 1) คำกรยิ าโดยท่วั ไปเติม -ed ได้เลย ซ่ึงเรยี กวา่ regular verbs 2) คำกรยิ าที่เปลี่ยนรปู หรอื บางคำอาจคงรปู เดมิ ซ่ึงเรียกว่า irregular verbs เป็น คำกริยาช่องที่ 2 ในกรยิ า 3 ช่อง Past Simple Tense มกั มคี ำบอกเวลาอยู่ในประโยค ได้แก่ yesterday เมือ่ วานนี ้ week last (ทีแ่ ล้ว) month night three days ago (ท่ผี ่านมาแล้ว) two weeks one month เช่น I saw Ladda two days ago. She was always absent last year. He went to London yesterday. We cleaned our house last week.
Background Information Past Simple Tense (Regular verbs) การเตมิ -ed ท้ายคำกริยา มีหลกั การดังน้ี 1) คำกรยิ าโดยท่วั ไปเติม -ed ได้เลย เชน่ look - looked watch - watched walk - walked 2) คำกริยาทีล่ งท้ายดว้ ย e ให้เติมเฉพาะ -d เช่น close - closed love - loved wave - waved change - changed live - lived move - moved die - died 3) คำกริยาท่ลี งทา้ ยด้วย y ใหเ้ ปล่ียน y เปน็ i แล้วจึงเติม -ed เช่น cry - cried dry - dried try - tried carry - carried hurry - hurried แตถ่ ้าหนา้ y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม -ed ได้เลย เชน่ play - played 4) คำกรยิ าพยางค์เดียว มสี ระตัวเดียว และตัวสะกดตัวเดยี ว ให้เพ่มิ ตัวสะกด อกี 1 ตวั แล้วจึงเติม -ed เชน่ stop - stopped beg - begged plan - planned หมายเหตุ คำกรยิ า travel เมือ่ ทำเป็นรูปอดีต (past form) ถา้ เป็นภาษาองั กฤษแบบ องั กฤษ (British English) จะเพมิ่ l หน่ึงตัว กอ่ นเติม -ed travel - travelled แตถ่ ้าเปน็ ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) ไม่จำเปน็ ต้องเพ่มิ l
ท่ที ้ายคำกอ่ นเตมิ -ed travel - traveled ครแู นะนำใหน้ ักเรียนเขา้ ไปเรียนร้แู ละฝกึ ฝนเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับเร่อื ง Past Simple Tense (regular verbs & irregular verbs) โดยดูคลิปวิดโี อทีเ่ ว็บไซตต์ ่อไปนี้ http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/past- simple- regular-verbs http://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/grammar-videos/past- simple- irregular-verbs เมื่อนักเรียนดูคลิปวิดีโอเสร็จแล้ว จะมีคำอธิบายเพิ่มเติมข้างล่าง และมีแบบฝึกหัดให้นักเรียน ตรวจสอบความเข้าใจด้วย ข้ันนำไปใช้ (Production) 1. ครูแนะนำใหน้ ักเรยี นเข้าไปเล่นเกม interactive เก่ยี วกับการใช้ was/were ในเว็บไซต์ต่อไปน้ี http://www.eslgamesplus.com/was-were/ คลิกทภี่ าพลกู เต๋า แล้วตวั เดนิ จะเคลอื่ นไป ตกที่ชอ่ งแต่ละช่อง และจะมีคาถามขนึ ้ มา ให้คลิกเลือกคาตอบที่ถกู ต้องและกดป่มุ submit 2. ครอู ธบิ ายการต้ังประโยคคำถามรปู Past Simple Tense ว่า เราจะใช้ did เป็นกริยาช่วยในการ ตัง้ ประโยคคำถาม โดยใช้ did ขึ้นต้นประโยค และกรยิ าหลักของประโยคต้องเปลยี่ นเป็นคำกรยิ าในรปู base form แล้วตามดว้ ยส่วนที่เหลือ และใส่เครื่องหมายคำถาม (Question mark) ไว้ทา้ ยประโยค ตัวอย่างเช่น - Tom bought a T-shirt yesterday. Did Tom buy a T-shirt yesterday? - They went to London last week. Did they go to London last week? - You took a lot of photos 3 days ago. Did you take a lot of photos 3 days ago? แต่ถ้าประโยคใดมี verb to be คือ was หรือ were ทำหน้าท่ีเป็นคำกริยา ให้ย้าย was หรือ were มาไว้หน้าประธาน หรือขนึ้ ต้นประโยคไดเ้ ลย ไมต่ ้องเอา did เขา้ มาช่วยในการทำเปน็ คำถาม ตัวอย่างเชน่
- She was absent yesterday. Was she absent yesterday? - We were naughty 10 years ago. Were we naughty 10 years ago? ตอ่ มาครถู ามคำถามนักเรียน แบบ Yes-No questions ทขี่ ึน้ ตน้ ดว้ ย did และใหน้ กั เรยี นพูดตอบ เชน่ Did you go to school yesterday? Yes, I did. Did you go to school last Sunday? No, I didn’t. เสร็จแล้วให้นักเรยี นช่วยกนั สรุปโครงสร้างประโยค โดยครูชว่ ยเขียนบนกระดาน ตอบรบั Yes, (คำสรรพนาม) did. ตอบปฏเิ สธ No, (คำสรรพนาม) didn’t. 3. จากน้ันครูอาจสอนการออกเสียงประโยคคำถามแบบ Yes-No questions โดยอธิบายว่าคำถามที่ ขึ้นต้นด้วย verb to do และ verb to be ทั้งในรูป Present Simple Tense และ Past Simple Tense จะต้องตอบคำถามด้วย yes หรือ no ดังนั้นจึงเรียกว่า Yes-No questions ซ่งึ การออกเสยี งคำถามแบบ Yes- No questions จะลงท้ายประโยคด้วยเสียงสูง แล้วครูยกตัวอย่างประโยค ให้นักเรียนออกเสียงให้ถูกต้อง ต่อมาครูถามนักเรยี นว่าในภาษาไทยมีการออกเสยี งคำถามด้วยเสียงสูงหรือไม่ ข้นั สรุป (Wrap up) ครูให้นักเรียนดูภาพบุคคลใน หนังสือเรียน หน้า 48 ข้อ 3 Listen and check (✓). แล้วอ่าน ข้อความในตาราง ต่อมาครูบอกนักเรียนว่าจะได้ฟัง Track 42 ให้นักเรียนตั้งใจฟังว่าทั้ง 3 คน ไปสถานท่ีใด และทำกิจกรรมอะไร จากนนั้ ครูเปดิ Track 42 ให้นักเรยี นฟงั และขดี ✓ ลงในช่องคำตอบทถี่ ูกต้อง เสรจ็ แล้ว ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 1. A: Laura, did you go to the beach? Laura: Yes, I did. I liked the beach. A: Did you swim? Laura: Yes, I did. Nancy, did you go to Canada? 2. A: Nancy: Yes, I did. I went there last month. A: Did you see the mountains? Nancy: No, I didn’t. I didn’t see the mountains. Thomas, did you go to the mountains? 3. A: Yes, I did. I went to the mountains. Thomas: Did you see the tigers? A: Yes, I did. I saw the tigers. Thomas:
Laura Did you … Yes, I did. No, I didn’t. Nancy go to the beach? ✓ ✓ swim? ✓ Thomas go to Canada? ✓ see the mountains? ✓ go to the mountains? ✓ see the tigers? ครนู ำ Audio Script ซงึ่ เขยี นใสก่ ระดาษแผน่ ใหญ่ไว้มาติดบนกระดาน และเปิด Track 42 อีกคร้ัง โดยครูหยดุ Track 42 หลังผพู้ ูดแต่ละคนพูดจบ ช่ัวโมงที่ 2 Sydney Opera House ( เวลา 1 ชวั่ โมง ) ข้ันนำ(Warm up) ครูใหน้ กั เรยี นทำตารางเหมือนอย่างในหนังสือเรยี น หน้า 48 ขอ้ 3 ลงในกระดาษ และเขียนกิจกรรมท่ี ทำในวันหยดุ ลงไปในตารางช่องแรก โดยปรับเปลีย่ นบางกิจกรรมในหนงั สอื เรยี นให้เหมาะสม จากนัน้ เดินไป ถามเพอ่ื น 3 คนในชัน้ ว่า ในปีทผี่ ่านมาได้ทำกจิ กรรมเหลา่ น้ีหรอื ไม่ เชน่ A: Did you go to Chiang Mai last year? B: Yes, I did. A: Did you visit Chiang Mai Zoo last year? B: No, I didn’t. เสรจ็ แล้วให้นกั เรยี นเตมิ ข้อมูลลงในตารางท่ีตนเองทำไว้ โดยใชข้ อ้ มูลที่ไปถามเพ่ือนมา และเขยี นบท สนทนาทดี่ ้านล่างของตาราง แล้วนำมาสง่ ครู ข้นั นำเสนอ (Presentation) นกั เรียนดูภาพใน แบบฝึกหัด หน้า 34 ข้อ 1 Listen and point. จากน้ันฟัง Track 50 แล้วชี้ภาพ ให้สมั พันธก์ ับประโยคทีไ่ ดย้ ิน โดยครเู ปิด Track 50 ให้นักเรียนฟงั 2 ครั้ง จากนนั้ ครเู ฉลยคำตอบ 1. Some people are going camping. 2. A boy is climbing. 3. There is a picture of a kangaroo in the picture. 4. A man is wearing goggles. 5. The Eiffel Tower is in France.
1. - g 2. - h 3. - e 4. - i 5. - d ข้นั ฝกึ (Practice) 1. นักเรยี นดภู าพในข้อ 1 อีกคร้ัง แล้วเติมคำที่กำหนดให้ลงในประโยคในแบบฝกึ หัด หนา้ 34 ข้อ 2 Look at the pictures. Then complete the sentences. ให้ถูกต้อง เสรจ็ แลว้ ครูและนกั เรยี นช่วยกัน เฉลยคำตอบ 1. map 2. purple 3. tent 4. France 5. plane 2. นักเรียนดูภาพท่ีกำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 35 ข้อ 1 Look at the pictures and write the words. แล้วเขียนคำศัพท์ให้สัมพันธ์กับภาพ เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 5 คน ออกมาเขียนเฉลยบน กระดาน จากน้ันครตู รวจคำตอบ แลว้ ให้นักเรียนอ่านออกเสยี งคำศพั ทพ์ ร้อม ๆ กัน 1. passport 2. ticket 3. suitcase 4. kangaroo 5. plane ขัน้ นำไปใช้ (Production) นักเรียนดูคำกริยาท้ัง 10 คำ ใน แบบฝึกหัด หน้า 35 ข้อ 2 Write the past form of the verbs. จากนั้นเปล่ียนคำกริยาเหล่านี้ให้เป็นรูป Past Simple นักเรียนอาจปรึกษากับเพ่ือนๆ หรือค้นหาใน พจนานุกรมกไ็ ด้ เสร็จแลว้ ครสู มุ่ เรยี กนักเรียนออกมาเขียนบนกระดาน 1. did 2. had 3. took 4. ate 5. went 6. saw 7. made 8. got 9. travelled 10. looked ข้นั สรปุ (Wrap up) นักเรียนอ่านบทสนทนาใน แบบฝึกหัด หน้า 36 ข้อ 3 Listen and complete with did or didn’t. จากน้นั ครูเปดิ Track 51 ใหน้ กั เรยี นฟงั 2 ครง้ั แลว้ เติม did หรือ didn’t ลงในช่องว่าง
A: Did you go to the beach? B: Yes, I did. A: Did you swim? B: No, I didn’t. A: Did you have a picnic? B: Yes, I did. เสรจ็ แล้วครสู ุม่ เรยี กนกั เรียน 2 คน ใหย้ นื ขึ้นอ่านบทสนทนา แล้วครเู ขยี นคำตอบบนกระดาน 1. Did 4. didn’t 2. did 5. Did 3. Did 6. did ชัว่ โมงท่ี 3 Sydney Opera House ( เวลา 1 ชัว่ โมง ) ขั้นนำ (Warm up) ครูบอกนักเรียนว่า ในชั่วโมงน้ี นักเรียนจะได้ฝึกฝนการใช้ Past Simple Tense บอกเล่าเกี่ยวกับการ ไปเทย่ี วพกั ผ่อนในวนั หยุด ขัน้ นำเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนดูภาพและบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 48 ข้อ 4 Listen and match. Then complete the sentences. จากนั้นครูให้นักเรียนอ่านช่ือบุคคลที่ให้มา และระบุว่าภาพ (a-d) เป็นภาพ อะไร ครูอธิบายว่านักเรียนจะได้ฟังบทสนทนาสั้นๆ เกย่ี วกับการเดินทางไปเที่ยวของบุคคลเหล่านี้ แล้วจบั คชู่ ื่อ บุคคล (1-4) กบั ภาพ (a-d) เสรจ็ แลว้ ครเู ปดิ Track 43 ใหน้ ักเรยี นฟัง 2 ครั้ง 1. A: Did Peter take two suitcases? B: Yes, he did. He took two suitcases. 2. A: Did Catherine go to China? B: No, she didn’t. She went to Japan. 3. A: Did Mary see the mountains?
B: Yes, she did. She saw the mountains. 4. A: Did Paul travel by train? B: No, he didn’t. He travelled by plane. เม่อื นกั เรยี นจบั คเู่ สร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 1. c 2. a 3. d 4. b ขัน้ ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนเตมิ คำในบทสนทนาในข้อ 4 ใหส้ มบูรณ์ ครสู ุ่มเรียกนักเรียนใหอ้ ่านคำตอบของตนเองให้ เพื่อนฟงั แลว้ ครูเปิด Track 43 อีกครั้ง เพือ่ ใหน้ ักเรียนตรวจคำตอบ 2. No, she didn’t. She went to Japan. 3. Yes, she did. She saw the mountains. 4. No, he didn’t. He travelled by plane. ขัน้ นำไปใช้ (Production) 1. ครูชไู ดอารขี่ องครใู หน้ ักเรยี นดู แล้วถามนักเรยี นวา่ Teacher: What’s this? Students: It’s a diary. Teacher: Yes, it’s my diary. I write about everything I do every day. So I always remember everything. ต่อมาครูให้นักเรียนอ่านคำถาม 5 ข้อ ที่กำหนดให้ใน หนังสือเรียน หน้า 49 ข้อ 5 Read Ann’s diary and answer. เพอ่ื จะได้รูจ้ ดุ ม่งุ หมายในการอ่าน ครูถามนักเรยี นว่า มคี ำถามข้อใดท่ีนักเรยี นอ่านแล้ว ไม่เข้าใจหรือไม่ ถ้ามี ครูให้นักเรียนคนอ่ืนๆ ในช้ันช่วยกันอธิบาย เพ่ือเป็นการตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรยี น จากนน้ั ให้นักเรียนอา่ นไดอารข่ี อง Ann แล้วตอบคำถามทก่ี ำหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ 1. She went to London. 2. She got there by plane. 3. She took her passport, a ticket and a suitcase. 4. She saw the mountains. 5. It was great. 2. ครใู หน้ ักเรยี นฝกึ เขยี นไดอาร่ีของตนเอง โดยใชค้ ำทกี่ ำหนดใหใ้ นกรอบในหนงั สือเรียน หน้า 49 ข้อ 6 Write your own travel diary. Use the words in the box. ให้นักเรียนดูไดอารี่ของ Ann เป็น ตวั อยา่ ง เมือ่ นกั เรียนเขยี นเสร็จแล้ว ครูรวบรวมและคัดเลือกผลงาน 3 ชน้ิ มาตดิ บนกระดาน
ตวั อย่าง Dear Diary, Last week I was on TG plane to Tokyo, the capital of Japan. My parents travelled with me. The stewardesses were nice and beautiful. They served delicious food. I brought my passport, ticket and two red suitcases. My suitcases were large but not heavy. From the window of TG, I saw the great Mekong River. Then we flew over Mt. Fuji. I was very excited. So I took a lot of photos. The trip on the plane was wonderful. I enjoyed it very much. ครสู อนบทสนทนาสั้นๆ ต่อไปน้ี Dialogue 1 A: Good morning. Can I have your ticket, please? B: Here you are. A: Thank you. Would you like smoking or non-smoking? B: Non-smoking, please. Dialogue 2 A: Would you like a window or an aisle seat? B: An aisle seat, please. A: Do you have any baggage? B: Yes, this suitcase and this carry-on bag.
Background Information • smoking มาจาก smoking area หมายถึง ท่ีนัง่ ในเคร่อื งบินทอ่ี ย่ใู นเขตท่ี สามารถ สูบบหุ ร่ีได้ หรือหมายถงึ บรเิ วณทถ่ี ูกจดั ให้เปน็ ทสี่ ูบบุหร่ีได้ ภายในอาคารหรือ สนามบิน (ปจั จบุ ันสายการบินส่วนใหญไ่ มอ่ นุญาตให้ผ้โู ดยสารบนเครื่องบนิ สูบบุหร่ี) • non-smoking มาจาก non-smoking area หมายถึง ทนี่ ่ังในเคร่ืองบนิ ท่ีอยูใ่ น เขตที่ไม่สามารถสบู บหุ รีไ่ ด้ หรอื หมายถึง บริเวณท่ัวไปท่ีอยู่ภายในอาคาร สนามบนิ ทไี่ ม่อนุญาตให้มีการสูบบหุ ร่ี • a window seat หมายถงึ ท่ีนง่ั รมิ หน้าตา่ ง • an aisle seat หมายถึง ที่นั่งริมทางเดนิ 3. ครูถามนกั เรียนว่าบทสนทนาท้ัง 2 บทนีเ้ กิดขน้ึ ที่ใด เมื่อได้คำตอบวา่ สนามบิน (at the airport) แลว้ ครูทบทวนโครงสรา้ งประโยคทใ่ี ช้ในการขอรอ้ งอีกคร้ัง Can I + v.1? เช่น Can I have your ticket, please? Can I see your passport? Can you + v.1?เช่น Can you help me, please? Can I use your pen for a moment, please? ครถู ามนักเรียนว่ามีคำศัพท์ใดทไี่ ม่รู้ความหมายหรือไม่ ใหน้ กั เรียนช่วยกันเดา แล้วครจู งึ เฉลยคำตอบ ครอู ธิบายเพิ่มเติมว่า would like มีความหมายเหมือนกับคำว่า want แต่สุภาพมากกวา่ เช่น I would like a cup of coffee, please. I would like to visit London. จากน้ันครใู ห้นักเรียนบอกสง่ิ ทตี่ นเองต้องการมาคนละ 1 อยา่ ง โดยใชโ้ ครงสรา้ งตอ่ ไปนี้ would like + noun wound like + to + v.1 ต่อมาครเู ขยี นบทสนทนาต่อไปนี้ A: I’m thirsty. B: Would you like some tea? A: No, thanks. B: Would you like some apple juice? A: Oh, yes, please! ครอู ธบิ ายว่านอกจาก would like จะเป็นการบอกความต้องการอย่างสุภาพแล้ว เมือ่ นำมาใชใ้ นรปู ประโยคคำถาม would you like ยงั ใช้ในการเสนอ (offer) บางสงิ่ บางอยา่ งใหก้ ับผู้อื่นอีกด้วย เชน่ Would you like some tea? Would you like some apple juice? เสรจ็ แลว้ ครใู ห้นักเรียนจับคู่กัน และฝึกแสดงบทสนทนา Dialogue 1 และ 2 บนกระดาน ครูย้ำให้ นกั เรยี นใช้กิริยาและภาษาทา่ ทางใหเ้ หมาะสม เมื่อเราขอร้องผู้อ่ืน และความสำคัญของการใช้ please ทีช่ ่วย
ทำใหก้ ารขอร้องของเราสุภาพมากย่ิงข้ึน เสรจ็ แล้วครูสุ่มเรียกนักเรยี น 2-4 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาทห่ี น้า ชัน้ เรยี น ขัน้ สรุป (Wrap up) 1. ครูเปิด Track 44 ให้นักเรียนฟังอย่างเดียว 1 ครั้ง จากน้ันครูเปิด Track 44 อีก 2 ครั้ง และให้ นกั เรียนฝกึ ออกเสยี งคำศัพท์ตาม Track 44 leave live eat it 2. ครถู ามนกั เรยี นว่าคำศัพท์ท้ัง 4 คำนี้ คำใดท่ีออกเสยี งยาว คำใดทีอ่ อกเสยี งสนั้ เม่ือไดค้ ำตอบแล้ว ครเู ขียนคำตอบของนักเรยี นบนกระดาน Long e หรือสญั ลักษณ์ /i:/ Short i หรอื สัญลกั ษณ์ /I/ leave live eat it 3. ครูช้ีไปท่ีคำศัพท์บนกระดาน และให้นักเรียนฝึกออกเสียงคำศัพท์เหล่าน้ีหลายๆ คร้ัง เพื่อเน้นให้ นักเรียนออกเสียงให้ถูกต้อง เสร็จแล้วครูถามนักเรียนว่า ea และ i ออกเสียงคล้ายกับเสียงสระตัวใดใน ภาษาไทย (ea ออกเสียงคล้ายสระอี ส่วน i จะออกเสียงคล้ายกับสระอิ) ครูอาจใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกคำศพั ท์ ทมี่ เี สยี งเดียวกนั นเี้ พิ่มเตมิ เช่น Long e หรือสัญลักษณ์ /i:/ Short i หรอื สัญลกั ษณ์ /I/ leave live eat it pea pin sea sit tea tin bean bin meat mix
กิจกรรมเพิ่มเติม ครูเปิดคลิปวิดีโอจากอินเทอร์เน็ตเพื่อให้นักเรียนฝึกออกเสียงคำศพั ท์ท่ีมี ea ประกอบ โดยให้เข้าไปที่ เว็บไซต์ www.youtube.com และพิมพ์คำว่า Sound ea ในช่องค้นหา (search) แล้วเลือกคลิปท่ีช่ือ 4 STEP PHONICS - STEP 3(Long Vowel Sounds) - Lesson 7(e- ea) และฝึกออกเสียงคำศัพท์ที่มี i ประกอบ โดยเข้าไปท่ีเว็บไซต์เดียวกัน และพิมพ์คำว่า 4 STEP PHONICS - STEP 2 ในช่องค้นหา แล้วเลือก คลิปท่ีชื่อ 4 STEP PHONICS - STEP 2(Short Vowel Sounds) - Lesson 6(i - ib, id, ig) หรือครูอาจ แนะนำเว็บไซตเ์ หลา่ นี้ใหน้ กั เรียนไปฝึกดว้ ยตนเองที่บา้ นหรือห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนที่มอี ินเทอร์เน็ต ครูแนะนำวิธีการดูคลิปวิดีโอภาษาอังกฤษใน YouTube ว่า จะมีปุ่มที่สามารถแสดงคำบรรยาย หรือ subtitles ได้ ถ้านักเรียนฟังเจ้าของภาษาไม่เข้าใจ ให้กดปุ่มตามภาพด้านล่าง จะมี subtitles เป็น ภาษาอังกฤษแสดงข้ึนมา เพ่ือช่วยเหลือนักเรียนในการฟังได้ แต่อาจไม่มีทุกคลิป ขึ้นอยู่กับผู้ลงคลิป แต่ส่วน ใหญ่คลปิ วิดโี อท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการสอนภาษาอังกฤษจะมี subtitles ให้เกือบทุกคลิป
8. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผา่ น วธิ กี าร แบบสังเกตการพดู ถาม-ตอบ ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดขี ึ้นไป สงั เกตการพูดถาม-ตอบ ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป 9. สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝึกหดั Smile ป. 6 3. Audio CD Smile ป. 6 4. พจนานกุ รม 5. บัตรภาพ บตั รคำ 6. นิตยสาร หนงั สือพมิ พ์ 7. อินเทอร์เน็ต
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เร่ือง Can I have the salt? 1. สาระสำคญั การเรยี นรู้คำศัพท์เก่ยี วกบั สถานท่ีตา่ ง ๆ และการบอกทิศทาง ช่วยใหพ้ ูดและเขยี นเก่ยี วกับ เส้นทางทจี่ ะไปยงั สถานทน่ี ้นั ๆ เปน็ การเรยี นรภู้ าษาองั กฤษเพ่ือนำไปใชส้ ่อื สารในชวี ติ ประจำวัน 2. ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและ ความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวช้วี ัด 2. ใชค้ ำส่ัง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ ตวั ชวี้ ดั 4. พดู และเขยี นเพื่อขอและให้ข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรอื่ งใกลต้ วั ตวั ช้วี ัด 5. พดู /เขยี นแสดงความรสู้ ึกของตนเองเกีย่ วกับเร่ืองต่างๆ ใกลต้ ัว กจิ กรรมตา่ งๆ พรอ้ มทั้ง ให้เหตผุ ลสั้นๆ ประกอบ 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. พดู /เขยี น ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ โต้ตอบในการส่อื สารระหวา่ งบุคคล 2. พดู และเขียน แสดงความรู้สึก ขอและใหข้ ้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเร่ืองใกล้ตัว พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลส้ันๆ ประกอบ 4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลมุ่ คำ ประโยค และความหมายทเ่ี กย่ี วข้องกับการเดินทาง 2. Pronunciation: /i:/, /I/ 3. ประโยค บทสนทนา และเน้ือเรือ่ งทม่ี ีภาพประกอบ 4. ประโยคถามและตอบเกย่ี วกบั ส่งิ ท่ที ำในอดีต เชน่ A: Where did you go on holiday? B: I went to (สถานที่). 5. ประโยคถามและตอบเกี่ยวกับความร้สู ึกทไ่ี ด้ไปสถานท่นี ้นั เช่น A: How was it? B: It was great. 6. ประโยค Past Simple Tense 7. ประโยคและข้อความท่ใี ชใ้ นการพูดใหข้ ้อมลู เก่ียวกับตนเอง 8. การใช้ภาษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในหอ้ งเรยี น ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะการฟงั การพดู การอ่าน การเขียน เจตคติ (Attitude : A) 1.มคี วามรับผดิ ชอบ ขยนั ใฝ่รู้ใฝเ่ รยี น 2.มีความเช่อื มัน่ ในตนเอง กล้าแสดงออก
3.มีเจตคตทิ ่ดี ีต่อการเรียนภาษาองั กฤษ 5.สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 6.คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ 1 เร่อื ง Can I have the salt? ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) ขน้ั นำ (Warm up) ใหน้ ักเรยี นทำงานคูแ่ ต่งประโยคสนทนาสนั้ ๆ เก่ยี วกบั การขอร้อง 2 บท และแตง่ ประโยคบอกความ ตอ้ งการของตนเองอย่างสุภาพ โดยใช้ would like 5 ประโยค เช่น Request: A: Can I have the salt? B: Of course, here you are. A: Thank you. Would like (want): I would like some salt, please. I would like to visit Scotland. I would like to be a doctor. ขัน้ นำเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนเติมบทสนทนาใน แบบฝึกหัด หน้า 36 ข้อ 4 Complete the sentences. โดยให้ นักเรยี นจับคู่กับเพ่ือนเพ่ือปรึกษากัน ซึ่งข้อ 1 ได้ทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ครูบอกนักเรียนว่าให้ใช้ Past Simple Tense เสรจ็ แล้วใหช้ ่วยกันเฉลยคำตอบ 2. A: Did Jane take two suitcases? B: Yes, she did. 3. A: Did she see Mt. Fuji? B: Yes, she did. 4. A: Did she take any photos? B: No, she didn’t. 5. A: Did she eat Japanese food? B: Yes, she did.
ขั้นฝึก (Practice) ครูให้อ่านคำถามที่กำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 37 ข้อ 5 Read Peter’s diary and answer the questions. เพื่อจะได้รู้จดุ มุ่งหมายในการอ่าน จากน้ันให้นกั เรียนอา่ นไดอาร่ีของ Peter แล้วตอบคำถาม นกั เรียนสามารถหาคำศัพท์ท่ีไม่ร้ไู ด้จากพจนานุกรม เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนเฉลยคำตอบบน กระดาน ครูตรวจคำตอบ และแบ่งนกั เรยี นเป็น 2 กลมุ่ กลมุ่ แรกให้อ่านคำถาม อีกกลมุ่ หนึ่งใหอ้ ่านคำตอบ 1. He went to the beach. 2. He went there on Saturday 12th. 3. He liked ice cream. 4. He went home because it was cold. 5. He thinks he caught a cold. ขน้ั นำไปใช้ (Production) นักเรียน เปิ ด แ บ บ ฝึ กหั ด ห น้ า 37 ข้ อ 6 Write your diary. Use the diary and the questions above to help you. ครใู ห้นักเรียนเขยี นไดอารี่เก่ียวกบั การเดินทางไปเที่ยวของตนเอง โดยใช้ ไดอารขี่ อง Peter และประโยคคำถามในข้อ 5 เปน็ ตัวช่วยในการเขียน ตวั อย่าง Sunday 5th October Today I went to the zoo with my brothers and sisters by bus. I saw my neighbours there. I rode a bicycle and played with monkeys. I ate sandwiches and lollipops. The sandwiches were very delicious. It was very hot in the afternoon but I still took a boat in the river. I went home in the evening because I had a fever. At night, I was very tried and had a high fever. Now it’s 11 o’clock and the doctor is going to see me. ขัน้ สรปุ (Wrap up) 1. ครูให้นักเรียนฟังคำศัพท์จาก Track 52 แล้ววงรอบคำศัพท์ท่ีได้ยินจาก Track 52 ใน แบบฝึกหัด หน้า 37 หัวข้อ English sounds กิจกรรม Listen and circle the words you hear. เสร็จแล้วครูเปิด Track 52 ให้นกั เรยี นฟงั อีกครั้งเพอื่ เฉลยคำตอบ
sit read cheap sit read cheap 2. ครูใหน้ กั เรียนไปคน้ หาความหมายของคำศัพท์ทีจ่ ะเรยี นในบทเรยี นถัดไปในหนังสือเรยี น หนา้ 50 กรอบ Word box ล่วงหน้า พร้อมท้งั เปดิ พจนานกุ รมเพื่อหาพยางค์ทอ่ี อกเสียงเน้นหนักในคำเหล่านดี้ ้วย ชวั่ โมงท่ี 2 เรอื่ ง Did you have a nice holiday, Ben? ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ข้นั นำ (Warm up) 1. ครูทบทวนคำศัพท์ที่นักเรียนได้เรยี นไปในบทที่ 1 เก่ยี วกบั สถานทแี่ ละการเดนิ ทางไปเทย่ี วในช่วง วนั หยดุ โดยใชร้ ปู ภาพและบัตรคำต่าง ๆ 2. ครูทบทวนประโยค Past Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า คำถาม และปฏิเสธ ขน้ั นำเสนอ (Presentation) 1. นักเรียนดภู าพในหนังสือเรียน หนา้ 50 ขอ้ 1 Listen, point and repeat. แล้วบอกครูว่าเห็น อะไรบา้ ง เพอ่ื ช่วยกนั เดาความหมายของคำศัพทจ์ ากภาพท่ีใหม้ า ภาพสดุ ทา้ ยถา้ นกั เรียนเดาไม่ได้ ครใู ห้ นกั เรยี นคน้ หาความหมายจากพจนานุกรมได้ จากนั้นครเู ปิด Track 45 ใหน้ กั เรียนฟงั พรอ้ มทง้ั ชี้ภาพให้ตรง กับคำที่ไดย้ ิน และออกเสยี งตามดังๆ museum Disney Land camp farm crowded 2. ให้นักเรียนฟงั Track 45 อีก 3 คร้งั แลว้ ฝกึ ออกเสียงตามจนคล่อง จากน้ันครูบอกนักเรียนว่า คำ วา่ crowded เปน็ คำคณุ ศัพท์ (adjective) สว่ นอกี 5 คำทีเ่ หลอื เป็นคำนาม (noun) 3. ครูให้นักเรียนดูภาพใน หนังสือเรียน หน้า 50 ข้อ 2 Listen and order the pictures. แล้ว บอกครวู า่ เห็นอะไรบ้าง Teacher: What do you see? Students: A farm, a camp, a museum. Teacher: Well done! 4. ครูเปิด Track 46 ให้นักเรียนฟัง 2 คร้ัง และเขียนหมายเลข 1, 2, 3 ใต้ภาพ a, b และ c โดย เรียงลำดับภาพตามเหตุการณท์ เี่ กิดข้ึนกอ่ นและหลงั แล้วครเู ฉลยคำตอบ
I’m visiting London with my family. Yesterday morning I went to the British Museum. It was very crowded. It took a long time to walk around the museum. In the afternoon we drove to my uncle’s farm. We had dinner with him. Tomorrow I’m going camping with my cousins. I’m going to have lots of fun. a. 2 b. 3 c. 1 5. ต่อมาครูให้นักเรียนดูข้อความในส่วนของ Now listen again and complete the passage. แลว้ เปิด Track 46 ให้นกั เรยี นฟังอกี คร้ัง และเติมคำลงในชอ่ งว่าง เสรจ็ แลว้ เฉลยคำตอบร่วมกนั 1) went 2) crowded 3) museum 4) farm 5) camping ขั้นฝึก (Practice) 1. นักเรียนดูภาพในตารางใน หนังสือเรียน หน้า 51 ข้อ 3 Listen and match. เพื่อเตรียมตัวฟัง บทสนทนา โดยครูชีภ้ าพตวั ละคร และถามนักเรยี นวา่ คือใคร Teacher: Who are they? Students: They are Ben, May, Anna and Harry. 2. ต่อมาครูชี้ภาพ a-d และถามนักเรียนทีละภาพว่าเป็นภาพอะไร จากน้ันครูเปิด Track 47 ให้ นกั เรียนฟังบทสนทนา และจับคู่ภาพตวั ละครกับภาพสถานท่ที ีส่ ัมพนั ธก์ ัน 1. A: Did you have a nice holiday, Ben? Ben: Yes, I did. A: Where did you go? Ben: I went to London.
A: What did you do there? Ben: I visited the British Museum. 2. A: And how about you, May? Did you have a nice holiday? May: Of course, I did. A: Where did you go? May: I went to my uncle’s farm. It was great. A: What did you do at the farm? May: I fed the chickens. 3. A: Anna, What did you do on holiday? Anna: I went to the mountains with my family. A: Did you go climbing there? Anna: Yes, I did. It was fantastic! 4. A: Now Harry, did you have a nice holiday? Harry: Yes, I did. A: What did you do? Harry: I went to Australia. A: Really? What did you do there? Harry: I did lots of great things. I visited the Great Barrier Reef. It was beautiful. And I saw some koalas. They were so cute. เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ โดยเปิด Track 47 ให้นักเรียนฟงั บทสนทนาทลี ะบท 1. c 2. d 3. b 4. a ขัน้ นำไปใช้ (Production) ครูทบทวนการใช้ Past Simple Tense และการเปล่ียนคำกริยาเป็นรูปอดีต โดยครูเขียนคำกริยาบน กระดาน และให้นักเรียนร่วมกันเปล่ียนให้เป็นรูปอดีต โดยให้มีคำกริยาท้ังที่เป็น regular verbs และ irregular verbs จากนั้นให้นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 51 ข้อ 4 Change the verbs into past tense. ใหน้ ักเรียนอ่านขอ้ ความครา่ วๆ แล้วครถู ามนักเรยี นวา่ ข้อความนเ้ี กยี่ วกับอะไร Teacher: What is the passage about? Students: It’s about a holiday, Hong Kong, shopping, etc. จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นเปลีย่ นคำกริยาในวงเลบ็ เป็นรูป Past Simple Tense เสรจ็ แล้วชว่ ยกันเฉลย คำตอบ
1. went 6. ate 2. travelled 7. saw 3. stayed 8. loved 4. was 9. was 5. bought ข้ันสรปุ (Wrap up) ครสู งั เกตว่านกั เรียนสามารถใช้รปู อดีตของ verb to be ได้ถกู ต้องหรอื ไม่ ถา้ ไม่ ครูทบทวนเกี่ยวกับ รปู อดีตของ verb to be ได้แก่ was/were อกี คร้ัง Background Information Past Simple Tense (verb to be) ประธานเอกพจน์ (รวมทงั้ I) ใช้ was were ประธานพหพู จน์ ใช้ เช่น - I was absent yesterday. - We were young five years ago. - They were not at school yesterday. - Was she busy last week? No, she wasn’t. - Were they in London yesterday? Yes, they were.
ชวั่ โมงท่ี 3 เรอ่ื ง My holiday ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ขน้ั นำ (Warm up) นักเรยี นดตู ารางปริศนาอักษรไขวใ้ น แบบฝึกหัด หนา้ 38 ข้อ 1 Complete the crossword. แล้วอ่านประโยคที่กำหนดให้ เพือ่ หาคำมาเตมิ ลงในตาราง เสรจ็ แล้วครเู ฉลยคำตอบ ดังนี้ 1. 4. 9. 2. f a r m bf u 5. c r o w d e d s re 3. a t e 8. i d 7. u d n 6. c a m p i n g ad m e ขน้ั นำเสนอ (Presentation) ครูให้นกั เรียนดภู าพทัง้ 4 ใน แบบฝกึ หดั หน้า 38 ขอ้ 2 Listen and order the pictures. เพื่อ เป็นการเตรยี มตวั ก่อนฟัง Track 53 แล้วครถู ามคำถามเพ่ือใหน้ กั เรียนบอกวา่ เป็นภาพอะไรบา้ ง Teacher: What can you see in these pictures? (ครูชี้ท่ีภาพ a-d ใน หนงั สอื เรียน) Students: Sandwiches and orange juice, dinner, sailing and a board game. Teacher: Well done! ครูบอกนักเรียนว่า ส่ิงท่ีจะได้ฟังจาก เป็นกิจกรรมในวันหยุดพักผ่อนของเด็กคนหนึ่ง แล้วครูเปิด Track 53 ให้นกั เรยี นฟัง และเขยี นหมายเลข 1-4 ทีภ่ าพ โดยเรยี งตามกิจกรรมท่เี กิดข้ึนก่อน-หลัง เสร็จแล้วครู เปิด Track 53 ให้นกั เรียนฟงั อีกคร้งั เพ่อื เฉลยคำตอบ Yesterday I went to the beach. I sailed with Dad for two hours. It was very exciting. After that I had sandwiches and orange juice. In the afternoon I played board games with my sister. Then we had dinner at a Chinese restaurant. The food was delicious.
picture a - 2 picture b - 4 picture c - 1 picture d - 3 ขน้ั ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนทำ แบบฝึกหัด หน้า 39 ข้อ 3 Follow the lines and write the sentences. โดยดูเส้น ท่ีลากแต่ละข้อ ซ่ึงลากจากชื่อคนไปยังชื่อประเทศ และสถานที่ จากน้ันให้นักเรียนแต่งประโยค ตามเสน้ เหล่านน้ั เสรจ็ แลว้ ครูสุม่ เรยี กนกั เรยี น 5 คน พดู เฉลยคำตอบ 2. Harry went to the USA. He saw the Statue of Liberty. 3. Liz went to China. She saw the Great Wall. 4. Anna went to France. She saw the Louvre Museum. 5. May went to Japan. She saw Mt. Fuji. 6. Frank went to Australia. He saw the Opera House. ข้ันนำไปใช้ (Production) ครทู บทวนประโยคปฏิเสธ (Negative form) ของ Past Simple Tense ดังน้ี - ประโยคทีม่ ี was/were ใหเ้ ติม not ขา้ งหลงั ได้เลย เช่น was not หรือรูปย่อ wasn’t, were not หรือรูปย่อ weren’t - ประโยคที่ไม่มี was/were ใหน้ ำ did not/didn’t มาวางหนา้ คำกริยา ซึง่ คำกรยิ าทตี่ ามมา ข้างหลัง did ต้องเปลีย่ นเป็นคำกรยิ าในรปู base form แล้วให้นักเรียนทำ แบบฝึกหัด หน้า 39 ข้อ 4 Complete the sentences with the negative form of the past simple of the verbs in bold. โดยข้อ 1 ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว เสร็จแล้วครู ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ 2. I liked her acting, but I didn’t like her singing. 3. Tom took his bag, but he didn’t take his camera. 4. Bob gave me a DVD for my birthday, but he didn’t give me a CD. 5. We went to the cinema last night, but we didn’t go to a restaurant. 6. I collected coins, but I didn’t collect stamps.
Search