Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนภาษาอังกฤษป.6 80 ชั่วโมงหน่วยที่9ใหม่14ชม

แผนภาษาอังกฤษป.6 80 ชั่วโมงหน่วยที่9ใหม่14ชม

Published by Teacher.Orawan Pudmon, 2021-05-08 10:28:58

Description: 9แผนภาษาอังกฤษป.6 80 ชั่วโมงหน่วยที่9ใหม่14ชม

Search

Read the Text Version

บันทึกข้อความ สว่ นราชการ โรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวัสด์ริ าษฎร์บำรุง) ที…่ …………………วันที่ เดอื น พ.ศ. เร่ือง ขออนญุ าตใชแ้ ผนการจัดการเรยี นเรยี นรู้ เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดพืชนิมติ (คำสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ำรุง) ด้วยขา้ พเจ้า นางสาวอรวรรณ พุดมอญ ตำแหน่ง ครู โรงเรยี นวัดพืชนิมิต (คำสวสั ดิร์ าษฎร์บำรุง) ไดร้ บั มอบหมายให้ปฏบิ ัติหน้าที่การสอน รายวิชาภาษาองั กฤษ รหัสวิชา อ16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 บัดน้ี ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนู้ แบบ การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching: CLT ) เป็นการสอนภาษา ที่เน้นหน้าท่ีของภาษาและการส่ือความหมาย ข้าพเจา้ จึงขออนญาตดำเนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ ที่จัดเตรียมไว้ จัดทำหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งแนบเอกสารหน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 ชื่อหน่วย That’s entertainment เวลาเรียน 16 มาพร้อมกับเอกสารนี้ จงึ เรยี นมาเพื่อโปรดทราบ ลงชื่อ ( นางสาวอรวรรณ พุดมอญ ) ตำแหนง่ ครู ลงช่ือ (นางสาวอรวรรณ พดุ มอญ) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ความเห็นผูอ้ ำนวยการโรงเรียน อนุญาต ไมอ่ นุญาต เนือ่ งจาก .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ( นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถิ ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสด์ริ าษฎร์บำรุง)

คำนำ การจดั การเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 ตอ้ งพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีทักษะแหง่ อนาคต เป็นทักษะท่ีจำเป็นต้องใช้ ในการดำเนนิ ชวี ติ เพ่ือเตรยี มความผู้เรียนให้ใช้ชวี ติ ในโลกทเ่ี ปน็ จริง เน้นการศึกษาตลอดชีวติ ให้ผู้เรยี นรูจ้ ัก การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง การนำทฤษฎีการเรียนรทู้ ี่ได้รบั ไปสู่การปฏบิ ัติ สงิ่ สำคัญคือผู้เรยี นจะต้องเกิด กระบวนการการเรียนรู้ ซงึ่ ถือเปน็ จดุ สำคัญ การสอนภาษาเพ่ือการสื่อสาร (Communicative Language Teaching) เปน็ การสอนภาษา ทีเ่ นน้ หนา้ ท่ี ของภาษาและการส่ือความหมาย กลา่ วคือ ผูเ้ รยี นสามารถใชภ้ าษาทสี่ องในการสอื่ สารได้ ซึง่ อาจจะใชภ้ าษาได้ ไมถ่ ูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แตส่ ามารถสื่อความได้ และเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยการสอนภาษาชนดิ นม้ี ี เป้าหมายเพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถนำทกั ษะทางภาษามาใช้เพื่อการสอ่ื สารได้ หวังเป็นอย่างย่ิงวา่ เอกสารฉบบั น้ีจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ที่ต้องการศกึ ษารปู แบบการจัดการเรยี นรใู้ หม่ เพอื่ พฒั นาผู้เรียนต่อไป อรวรรณ พุดมอญ

แผนผังมโนทศั น์เป้าหมายการเรียนร/ู้ หลักฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) คำศัพท์ กลมุ่ คำ ประโยคเกีย่ วกับ 1) ทักษะการฟัง (Listening skill) 1. ซ่ือสตั ย์สจุ ริต 2) ทักษะการพูด (Speaking skill) 2. มีวินยั ประเภทของรายการโทรทัศน์และดนตรี 3) ทักษะการอ่าน (Reading skill) 3. ใฝ่เรียนรู้ 4) ทักษะการเขียน (Writing skill) 4. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน และคำคุณศัพท์ 5. มจี ติ สาธารณะ กระบวนการกลุ่ม ทใ่ี ชแ้ สดงความรู้สกึ /ความคิดเห็น 1) จบั คสู่ นทนา 2) Pronunciation: final sound /t/, 2 ) ระดมสมอง /d/ 3) ฝกึ กจิ กรรมกลุ่มตาม 3) ประโยค บทสนทนา และเน้ือเรอ่ื งสนั้ ๆ แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่มภี าพประกอบ4) คำศัพท์ สำนวน และ ประโยคถาม-ตอบเกยี่ วกบั ประเภทของ รายการโทรทัศน์และเพลงชอบ และความถี่ /ความบ่อยในการดูรายการโทรทัศน์ เป้าหมายการเรยี น That’s entertainment หลักฐานการเรียนรู้ 1. การพูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั รายการโทรทัศน์ทช่ี อบ 2. การเขยี นบรรยายเกีย่ วกบั รายการโทรทัศน์ทตี่ นเองชอบ 3. การเขียนประโยคขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกับความถใ่ี นการทำกิจกรรมในเวลาว่างของเพื่อน 4. การเขยี นประวัตขิ องนักแสดงทต่ี นเองชนื่ ชอบ 5. การเขยี นประวัตขิ องตนเอง 6. ประเมนิ การทำชิน้ งาน A survey 7. การรวบรวมคำศัพทใ์ นสมุดคำศัพท์ Your word book

แผนผังมโนทศั น์ข้ันตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจดั การเรียนรูแ้ บบ CLT ศกึ ษามาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรียนรู้แนวการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร Communicative Language Teaching : CLT Warm up Presentation Practice Production Wrap up ทดสอบหลงั เรียน (ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60)

โครงสร้างหนว่ ยการเรยี นรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 9 เวลา 16 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เรือ่ ง That’s entertainment แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน เวลาเรียน (ช่วั โมง) 1. What type of TV programs 1. การพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับรายการโทรทศั น์ท่ีชอบ 3 do they like? 2. การเขยี นบรรยายเก่ียวกบั รายการโทรทัศน์ที่ 3 ตนเองชอบ 3 2. What do you do in your free 1.การเขียนประโยคขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกับความถี่ 3 4 time? ในการทำกิจกรรมในเวลาวา่ งของเพอ่ื น 16 2.การเขยี นประวตั ิของนกั แสดงทีต่ นเองชืน่ ชอบ 3. Michael Jackson 1.การเขยี นประวตั ิของนกั แสดงทีต่ นเองชนื่ ชอบ 4. Harry Potter 1.การเขียนประวตั ิของตนเอง 5. Project time 1.ประเมนิ การทำช้นิ งาน A survey รวมเวลาเรยี น

ผงั มโนทัศน์ หน่วยการเรียนรู้ท แผนที่ 1 หน่วยกา What type of TV programs do That’s en they like? จำนวน 3 ชั่วโมง จำนวน แผนท่ี 3 แ Michael Jackson Pro จำนว จำนวน 3 ชว่ั โมง การเรยี น ภาษาไทย 1.ฟังแสดงความคดิ เห็น ฟงั สรุปสาระสำคัญ และจบั ใจความ การง 2.พดู แสดงความคิดเหน็ และตอบคำถามอ่านและสะกดคำ ถูกตอ้ ง • การใชช้ ีว

ที่ 9 That’s entertainment ารเรยี นรู้ที่ 9 แผนที่ 2 What do you do in your free time? ntertainment จำนวน 3 ชัว่ โมง 16 ชวั่ โมง แผนท่ี 4 แผนท่ี 5 Harry Potter oject time จำนวน 3 ชว่ั โมง วน 4 ชว่ั โมง ศลิ ปะ : ทัศนศลิ ป์ นรู้แบบบรู ณาการ • วาดภาพและระบายสี งานและเทคโนโลยี วิตประจำวนั





แผนบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมีภูมิคุ้มกันในตัวทด่ี ี 1. ออกแบบการจัดกิจกรรม ตรงตาม 1. ออกแบบการเรยี นรสู้ ่งเสริมกระบวนการคดิ 1. ศึกษาแนวทางการจัดการเรยี นรูล้ ว่ งหนา้ ตวั ช้วี ัด 2. ใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 2. จัดเตรยี มการวดั ผลประเมินผล และแบบ 2. เลอื กสือ่ แหลง่ เรียนรเู้ หมาะสม สงั เกตพฤตกิ รมนกั เรยี น 3. วดั ผลประเมนิ ผลตรงตามเนอื้ หา เงือ่ นไขความรู้ เงือ่ นไขคุณธรรม 1. ร้จู ักเทคนคิ การสอนทสี่ ง่ เสรมิ กระบวนการคดิ และนักเรียน 1. มีความขยัน เสยี สละ และมุ่งมนั่ ในการจัดหาสื่อมาพัฒนานักเรียน สามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ใหบ้ รรลตุ ามจดุ ประสงค์ 2. มคี วามอดทนเพื่อพัฒนานกั เรียนโดยใชเ้ ทคนิคการสอนท่ี หลากหลาย นักเรียน ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมภี ูมิคุม้ กนั ในตัวท่ดี ี 1. การใช้เวลาในการทำกจิ กรรม/ภาระงาน 1. ฝกึ กระบวนการทำงานเปน็ กลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาใบงาน/ใบกจิ กรรม ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทันเวลา 2. ฝึกกระบวนการสังเกต อธบิ าย ทกั ษะการ 2. นำความรู้เรอื่ ง ลกั ษณะของการบอก 2. เลือกสมาชกิ กลมุ่ ไดเ้ หมาะสมกบั เนอื้ หาท่ี สบื ค้นหาความรู้ ข้อมูลต่างๆ ทิศทาง การเดินทาง ตา่ งๆ ไปประยุกตใ์ ชใ้ น เรียนและศกั ยภาพของตน ชวี ิตประจำวันได้ เง่อื นไขความรู้ เงือ่ นไขคณุ ธรรม 1. มคี วามร้เู ร่อื ง ลกั ษณะของกฬี าตา่ งๆ ตลอดจนสามารถสร้างจดั ทำ 1. มีความรบั ผิดชอบ และปฏิบัตติ ามข้อตกลงของกลุม่ ชน้ิ งาน ผลงานและใบงานไดต้ ามวัตถุประสงค์ 2. มีสติ มสี มาธิช่วยเหลือกนั ในการทำงานรว่ มกนั สง่ ผลตอ่ การพัฒนา 4 มิตใิ หย้ ่ังยืนยอมรับตอ่ การเปลย่ี นแปลงในยุคโลกาภวิ ัฒน์ วัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มีความรู้ความเข้าใจลกั ษณะการบอก มคี วามร้แู ละเขา้ ใจ มีความรแู้ ละเข้าใจ มคี วามรู้และเขา้ ใจการ ทิศทาง การเดนิ ทาง ต่างๆ กระบวนการทำงาน เกย่ี วกบั ลกั ษณะ ช่วยเหลือ แบ่งปัน กลุ่ม การบอกทศิ ทาง การ เดนิ ทาง ต่างๆ ทักษะ (P) สามารถสรา้ งชน้ิ งาน ผลงาน ใบงาน ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตาม ใช้แหล่งเรยี นรโู้ ดยไม่ ช่วยเหลือ แบง่ ปันซ่ึง แบบทดสอบเรอื่ งการใชเ้ วลาว่าง การ เปา้ หมาย ด้วย ทำลายสง่ิ แวดล้อม กนั และกนั เดนิ ทาง ตา่ งๆ ได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ กระบวนการกลมุ่ ค่านยิ ม (A) เห็นประโยชนข์ องเรยี นรู้ เกยี่ วกบั การใช้ เหน็ คุณคา่ และ เห็นคุณคา่ ของการใช้ ปลูกฝังนสิ ยั การ เวลาวา่ ง ตา่ งๆ ภาคภูมใิ จในการ แหล่งเรยี นรโู้ ดยไม่ ชว่ ยเหลอื แบ่งปนั ทำงานรว่ มกันได้ ทำลายสิง่ แวดล้อม สำเรจ็

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชาภาษาองั กฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 เร่ือง That’s entertainment เวลา 16 ช่ัวโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟงั และอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆและแสดงความคิดเห็นอยา่ งมี เหตุผล ตวั ช้ีวดั 1 ปฏิบตั ิตามคำสงั่ คำขอร้อง และ คำแนะนำที่ฟงั และอ่าน ตวั ชว้ี ัด 2 อ่านออกเสยี งข้อความ นิทานและบทกลอนส้ันๆ ถูกต้องตามหลกั การอา่ น ตวั ชวี้ ัด 3 เลือก/ระบุ ประโยคหรอื ขอ้ ความสนั้ ๆ ตรงตามภาพ สญั ลักษณ์ หรือ เคร่อื งหมายทีอ่ า่ น ตวั ชีว้ ดั 4 บอกใจความสำคญั และตอบคำถามจากการฟงั และอ่านบทสนทนา นิทาน งา่ ยๆ หรือเรอ่ื งเล่า มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและความ คิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ดั 1 พูด/เขียนโต้ตอบในการส่อื สารระหว่างบุคคล ตวั ชี้วดั 2 ใชค้ ำสง่ั คำขอรอ้ ง และให้คำแนะนำ ตัวชวี้ ัด 4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและใหข้ ้อมลู เก่ียวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และ เรื่องใกลต้ วั ตัวชว้ี ดั 5 พูด/เขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเก่ยี วกบั เร่อื งตา่ งๆ ใกล้ตวั กจิ กรรม ต่างๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลส้นั ๆ ประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรือ่ งตา่ งๆโดยการพดู และ การเขยี น ตวั ชวี้ ัด 1 พดู /เขยี นให้ข้อมลู เกยี่ วกบั ตนเอง เพ่ือน และสงิ่ แวดล้อมใกล้ตวั ตัวชี้วัด 2 เขียนภาพ แผนผงั แผนภูมิ และตารางแสดงขอ้ มูลต่างๆ ตามที่ฟังหรอื อ่าน ตวั ช้ีวดั 3 พดู /เขียนแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับเรอ่ื งต่างๆ ใกลต้ ัว มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้อยา่ ง เหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ชว้ี ัด 1 ใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสยี ง และกิริยาท่าทางอย่างสภุ าพเหมาะสมตามมารยาท สังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทยและนำมาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม ตวั ชว้ี ดั 1 บอกความเหมอื น/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใช้เครือ่ งหมายวรรคตอนและการลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยคของ ภาษาองั กฤษ มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชอื่ มโยงความรกู้ บั กลมุ่ สาระการเรยี นร้อู นื่ และเปน็ พื้นฐาน ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั น์ของตน

ตวั ชี้วดั 1 คน้ ควา้ รวบรวมคำศพั ท์ท่ีเกย่ี วข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื จากแหล่ง เรียนรแู้ ละนำเสนอด้วยการพดู /การเขยี น มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทั้งในสถานศกึ ษา ชมุ ชนและสังคม ตวั ชวี้ ดั 1 ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์ตา่ งๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรยี นและสถานศึกษา มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาต่างประเทศเปน็ เคร่ืองมือพ้ืนฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพ และการ แลกเปลี่ยนเรยี นร้กู บั สงั คมโลก ตัวช้วี ดั 1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมข้อมลู ตา่ งๆ 2. สาระสำคญั การเรยี นรู้คำศัพทเ์ กยี่ วกับประเภทต่างๆ ของรายการโทรทัศน์ และดนตรี การใช้ประโยคคำถามและ คำตอบเก่ยี วกับประเภทของรายการโทรทัศน์ท่ีชอบ ความบ่อยของการชมรายการโทรทัศน์ จะทำให้ผเู้ รยี น สามารถพดู และเขยี นตามโครงสรา้ งประโยคที่กำหนด ซ่ึงจะเปน็ พ้ืนฐานความร้เู กี่ยวกับการใชภ้ าษาอังกฤษเพื่อ การสอ่ื สารในชวี ติ ประจำวัน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ (Knowledge) 1) คำศัพท์ กลมุ่ คำ ประโยคเกี่ยวกับประเภทของรายการโทรทัศน์และดนตรี และคำคุณศพั ท์ ท่ีใชแ้ สดงความรสู้ ึก/ความคิดเห็น 2) Pronunciation: final sound /t/, /d/ 3) ประโยค บทสนทนา และเนือ้ เรอ่ื งสนั้ ๆ ท่มี ีภาพประกอบ 4) คำศัพท์ สำนวน และประโยคถาม-ตอบเก่ียวกบั ประเภทของรายการโทรทัศนแ์ ละเพลง ชอบ และความถี่/ความบ่อยในการดูรายการโทรทศั น์ เชน่ A: What type of TV programmes do you like? B: I like ……… . A: Why do you like them? B: Because I think they’re …… . A: How often do you watch …….? B: Every day./Twice a week. 5) คำ กล่มุ คำท่มี ีความหมายสมั พนั ธ์กบั ข้อมลู ต่าง ๆ เช่น ตาราง 6) กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเลน่ เกม การร้องเพลง 7) การรวบรวมคำศัพท์ท่ีเกี่ยวข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่ 8) การใชภ้ าษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ า่ ยๆ ทเ่ี กิดข้ึนในหอ้ งเรียน 9) การใชภ้ าษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ท่เี กีย่ วข้องใกลต้ วั จากส่ือและแหล่งการ เรยี นรูต้ ่าง ๆ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ (Process) 1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 2. ทกั ษะกระบวนการกลมุ่

3. ทกั ษะกระบวนการคิด 3.3 เจตคติ (Attitude) 1. มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษเพอื่ การสอื่ สาร 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำกจิ กรรม 3. มคี วามสนกุ สนานในการเรียน 4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. มคี วามสามารถในการสือ่ สาร 2. มคี วามสามารถในการคิด 3. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 4. มีความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 4. มุ่งมั่นในการทำงาน 5. มีจิตสาธารณะ 6. ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. การพดู ถาม-ตอบเกีย่ วกับรายการโทรทศั น์ทช่ี อบ 2. การเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั รายการโทรทศั น์ท่ีตนเองชอบ 3. การเขยี นประโยคขอและให้ขอ้ มลู เกีย่ วกบั ความถี่ในการทำกิจกรรมในเวลาว่างของเพ่ือน 4. การเขียนประวตั ขิ องนักแสดงที่ตนเองช่นื ชอบ 5. การเขยี นประวตั ิของตนเอง 6. ประเมนิ การทำช้นิ งาน A survey 7. การรวบรวมคำศัพท์ในสมุดคำศัพท์ Your word book 7. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดับดีข้นึ ไป สังเกตการพูดถาม-ตอบ แบบสังเกตการพดู ถาม-ตอบ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 60 ขึน้ ไป มผี ลการประเมินในระดับดขี ึ้นไป ตรวจใบงาน ใบงาน ดเี ยีย่ ม ประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน ดี พอใช้ เกณฑ์การตัดสิน/ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถึง คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถงึ คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถงึ

8. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ 1 What type of TV programs do they like? (ชั่วโมงที่ 1-3) 1.ทดสอบก่อนเรียน 2. ครูให้นักเรียนบอกรายการโทรทัศน์ท่ีแต่ละคนชอบ พร้อมบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมจึงชอบ และ นักเรยี นดูรายการโทรทศั น์นัน้ บ่อยมากนอ้ ยเพียงใด 3.ครอู ธิบายหลกั การใช้ Present Simple Tense และ Adverbs of frequency ให้นักเรยี นฟงั สั้นๆ พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน 4. ครูให้นักเรียนเขียนบรรยายเก่ียวกับรายการโทรทัศน์ที่ตนเองชอบ โดยใช้ประโยคขึ้นต้นตาม หนังสือเรียน หน้า 77 ข้อ 6 Write about a TV programme you like. นักเรียนสามารถดูข้อความใน ข้อ 5 เป็นตัวอย่าง เม่ือเขียนเสร็จแล้วนำมาส่งให้ครูตรวจ แล้วครูเลือกผลงานของนักเรียน 5 คน และให้ เจ้าของงานออกมาอ่านให้เพ่ือนฟงั หนา้ ชั้นเรยี น 5.ใบงานที่ 1.1 กิจกรรมที่ 2 What do you do in your free time? (ชว่ั โมงที่ 4-6) 1.ครอู ่านออกเสียงคำศัพท์บนกระดาน เพื่อใหน้ ักเรยี นสังเกตลมประกอบท่ีระเบดิ ทา้ ยเสียงในตำแหน่ง ท้ายคำ ซึง่ ทำให้การออกเสยี งท้ายพยางค์ /t/ และ /d/ ต่างกันทันที เสรจ็ แลว้ ครูให้นักเรียนฝกึ ออกเสยี งพร้อม ๆ กัน เพื่อฝึกเปล่งลมประกอบที่ระเบิดท้ายเสียงในตำแหน่งท้ายคำ เสร็จแล้วจึงสุ่มเรียกนักเรียน 4-5 คน ให้ อ่านออกเสียงทีละคน เม่ือนักเรียนฝึกได้คล่องแล้ว ครูเขียนคำศัพท์เพิ่มเติมบนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนฝึก เพ่ิมเตมิ 2.นกั เรียนดตู ัวอย่างบทสนทนาใน หนงั สือเรยี น หน้า 79 ข้อ 4 Ask and answer. แลว้ ครูใหน้ ักเรยี น อา่ นบทสนทนาพร้อม ๆ กนั จากน้ันให้นักเรยี นจับคู่กับเพื่อนพูดสนทนาเกยี่ วกับความถี่/บ่อยในการดูรายการ โทรทัศน์ โดยใช้ขอ้ มลู ที่กำหนดให้ ครูเดนิ ดูรอบ ๆ ช้ันเรยี นเพื่อสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรยี น และคอยให้ คำแนะนำ เสรจ็ แล้วครูส่มุ เรียกนักเรียน 4-5 คู่ ออกมาพดู สนทนาให้เพอ่ื นฟังหนา้ ช้นั เรยี น 3.ครูให้นักเรียนสำรวจความถ่ีในการทำกิจกรรมในเวลาว่างของเพ่ือนในเวลา 1 สัปดาห์ โดยให้ นักเรียนช่วยกันบอกกิจกรรม และครูเขียนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนเลือกมา 5 กิจกรรม จากนั้นครูเขียน ตารางบนกระดาน ใหน้ ักเรยี นลอกลงในสมดุ 4.ใบงานที่ 2.1 กจิ กรรมท่ี 3 Michael Jackson (ชั่วโมงที่ 7-9) 1.ครูบอกนักเรียนในชั่วโมงนี้ นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านและการถาม-ตอบเกี่ยวกับข้อมูล ของบุคคลทม่ี ีช่ือเสยี ง 2.ครูเขียนปี ค.ศ. บนกระดาน เช่น 1957, 2000, 2015 แล้วครูอ่าน ปี ค.ศ. ให้นักเรียนฟัง และถาม นักเรียนว่า เราจะอ่านปี ค.ศ. อย่างไร ให้นกั เรียนช่วยกนั คิดและตอบครู 3.ครทู บทวนประโยคคำถาม Wh-questions โดยใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั บอกว่า Question words แต่ละ คำใช้ถามเก่ียวกับอะไร จากน้ันให้นักเรยี นจับคู่กับเพื่อน พูดถาม-ตอบประวัติของบุคคลทั้ง 3 โดยให้คนหนึ่งชี้ ภาพและถามคำถามที่กำหนดให้ ส่วนอีกคนหนึ่งดูขอ้ มูลในกรอบและตอบคำถาม ครูเดนิ สังเกตรอบๆ ช้ันเรียน ขณะนกั เรยี นทำกจิ กรรม เพ่ือตรวจความถกู ตอ้ งของประโยคทีน่ ักเรยี นพดู แล้วสุม่ เรียกนักเรียน 3-4 คู่ ออกมา พูดถามและตอบให้เพอื่ นฟงั หน้าชัน้ เรียน 4.ใบงานท่ี 3.1

กจิ กรรมที่ 4 Harry Potter (ชั่วโมงท่ี 10-12) 1.ครูถามนักเรียนว่ารู้จักหนังสือเร่ือง Harry Potter หรือไม่ ใครเป็นผู้เขียน แล้วครูให้นักเรียนอ่าน ประวัติของ Joanne Kathleen Rowling หรือ JK Rowling ใน แบบฝึกหัด หน้า 62 ข้อ 2 Read and complete the fact file. แลว้ นำขอ้ มูลท่อี ่านไปเติมลงในกรอบ fact file 2. ครูถามนักเรียนว่าข้อมลู ในหัวขอ้ ใดท่ีนักเรยี นควรเขียนโดยใช้ Past Simple Tense เม่ือได้คำตอบ ว่า Country of birth and Year of birth แล้ว ครูให้นักเรียนนำข้อมูลเหล่าน้ันมาเขียนประวัติของตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุม่ เรียกนกั เรียน 2 คน ออกมาอา่ นประวตั ิของตนเองใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ชน้ั เรยี น 3.ใบงานที่ 4.1 กิจกรรมท่ี 5 Project presentation (ชั่วโมงท่ี 13-16) 1.Project time 2.ครูให้นักเรียนทำชิ้นงาน A survey ใน หนังสือเรียน หน้า 85 หัวข้อ Project time เพื่อสำรวจ ประเภทรายการโทรทัศน์ที่เพือ่ นในช้นั ชอบ ดงั นี้ 1) ให้นักเรยี นเลอื กประเภทของรายการโทรทศั นจ์ ำนวน 5 ประเภท เช่น cartoons, news, documentaries, game shows, films 2) ให้นกั เรียนนำประเภทของรายการโทรทัศนท์ ่ีได้มาเขยี นลงในตารางบนกระดาน เพอ่ื ใชเ้ ป็น เคร่อื งมอื ในการสำรวจเพอ่ื นๆ ในชนั้ เหมือนดังตัวอย่างในหนงั สือเรยี น 3. แบบทดสอบหลังเรยี น 4. สอบเก็บคะแนน 9.แหล่งเรยี นรู้ / สื่อ 1. หนงั สือเรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6 4. พจนานกุ รม 5. บัตรภาพ บตั รคำ 6. อินเทอร์เน็ต

แบบทดสอบ Pre-test / Post-test หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 9 เรอ่ื ง That’s entertainment กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 Choose the correct answer. 1. They ………………….. from Japan. a. comes b. am c. are d. be 2. Our parents …………………. kind to us. a. is b. am c. are d. be 3. Children ………………….. to eat ice-cream. a. like b. likes c. to like d. liking 4. My uncle usually ………………………… to the radio in the morning. a. listening b. to listen c. listen d. listens 5. He …………………… born in 1996. a. is b. was c. does d. were 6. Fish ………………….. in the river. a. swims b. swim c. to swim d. swimming 7. Sam never ………………… to the Mall. a. go b. to go c. going d. goes 8. My bicycle ………………….. new. a. is b. am c. are d. be 9. She …………..……… to London last month. a. go b. went c. goes d. want 10. Ladda ………………….. her homework. a. do b. does c. to do d. doing

เฉลย แบบทดสอบ Pre-test / Post-test หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 9 เรอื่ ง That’s entertainment กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาองั กฤษ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 Choose the correct answer. 1. They ………………….. from Japan. a. comes b. am c. are d. be 2. Our parents …………………. kind to us. a. is b. am c. are d. be 3. Children ………………….. to eat ice-cream. a. like b. likes c. to like d. liking 4. My uncle usually ………………………… to the radio in the morning. a. listening b. to listen c. listen d. listens 5. He …………………… born in 1996. a. is b. was c. does d. were 6. Fish ………………….. in the river. a. swims b. swim c. to swim d. swimming 7. Sam never ………………… to the Mall. a. go b. to go c. going d. goes 8. My bicycle ………………….. new. a. is b. am c. are d. be 9. She …………..……… to London last month. a. go b. went c. goes d. want 10. Ladda ………………….. her homework. a. do b. does c. to do d. doing

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 9 เรือ่ ง What type of TV programs do they like? 1. สาระสำคัญ การเรียนรู้คำศัพท์เก่ียวกับประเภทของรายการโทรทัศน์ ประโยคถามและตอบเก่ียวกับประเภทของ รายการโทรทัศน์ที่ชอบ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนส่ือสารเก่ียวกับเรื่องใกล้ตัว ซึ่งเป็นพ้ืนฐานความรู้ใน การใชภ้ าษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสารในชวี ติ ประจำวัน 2. ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ งั และอ่านจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล ตวั ชวี้ ดั 1. ปฏิบตั ติ ามคำส่งั คำขอร้อง และคำแนะนำที่ฟงั และอ่าน ตัวชว้ี ดั 2. อา่ นออกเสยี งข้อความ นทิ าน และบทกลอนสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลักการอา่ น ตวั ช้วี ัด 3 เลอื ก/ระบุ หรอื ขอ้ ความส้นั ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมายท่อี ่าน ตวั ชว้ี ดั 4. บอกใจความสำคัญและตอบคำถามจากการฟงั และอา่ นบทสนทนา นทิ านง่ายๆ และเรอ่ื ง เล่า 3.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามคำสัง่ คำขอรอ้ ง คำแนะนำทฟี่ ังและอ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบทกลอนส้นั ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ได้ 2. เลือก/ระบุประโยคหรือข้อความสน้ั ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายทอ่ี า่ น และ สามารถบอกใจความสำคญั ตอบคำถามจากการฟัง อ่านบทสนทนา นทิ านงา่ ยๆ เร่ืองเลา่ ได 4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. คำศัพท์ กล่มุ คำ ประโยคเกีย่ วกับประเภทของรายการโทรทศั น์และดนตรี และ คำคุณศพั ท์ที่ใชแ้ สดงความรสู้ ึก/ความคิดเห็น 2. กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เช่น การเล่นเกม 3. การใช้ภาษาในการฟงั /พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ท่ีเกิดขึน้ ในห้องเรียน ทกั ษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะการฟงั การพดู การอา่ น การเขียน เจตคติ (Attitude : A) 1. มีความรบั ผดิ ชอบ ขยนั ใฝ่รู้ใฝ่เรียน 2. มคี วามเช่อื ม่ันในตนเอง กลา้ แสดงออก 3. มเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการเรยี นภาษาอังกฤษ 5.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร

2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. อย่อู ยา่ งพอเพียง 4. มุ่งม่ันในการเรียน 5. มีจติ สาธารณะ 7.กิจกรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 1 What type of TV programs do they like? ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) ขนั้ นำ (Warm up) 1. หลังจากพูดทักทายกันแล้ว ครูทบทวนประโยคท่ีใช้ในการพูดทักทายที่ครูเคยสอนไป โดยให้ นักเรยี นช่วยกนั พดู บอก และครเู ขียนประโยคบนกระดาน แล้วครถู ามว่าแต่ละประโยคใช้อย่างไร How are you? (ใช้ในการทกั ทาย ถามวา่ สบายดีไหม) How’s everything?/How are things?(ใช้ในการทักทาย เหมือน How are you? แต่ มกั จะใช้ทักทายกับคนท่รี ู้จัก) Good morning./Good afternoon. (ใช้กล่าวทั กท ายเห มือน “hello” แต่เป็ น ทางการมากกวา่ ) How do you do? (ใช้ในการทักทายแบบเป็นทางการในการเจอกัน คร้ังแรก) จากน้ันให้นักเรยี นจับคฝู่ กึ พูดสนทนาโดยใชค้ ำทักทายบนกระดาน 2. ครูให้นักเรียนบอกรายการโทรทัศน์ที่แต่ละคนชอบ พร้อมบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมจึงชอบ และ นักเรียนดูรายการโทรทัศนน์ ัน้ บอ่ ยมากนอ้ ยเพียงใด 3. ครูให้นักเรียนบอกประเภทของรายการโทรทัศน์ เช่น การ์ตูน เกมโชว์ ละคร กีฬา ข่าว และครู ถามนักเรียนว่ารคู้ ำศัพท์เก่ียวกับประเภทของรายการโทรทัศน์เหล่านี้หรือไม่ จากน้ันครูบอกนักเรียนว่า ในบท นี้จะได้เรียนคำศัพท์เกี่ยวกับประเภทของรายการโทรทัศน์ และการถาม-ตอบประเภทของรายการโทรทัศน์ท่ี ชอบ 4. ครูให้นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 74 ข้อ 1 What can you see? แล้วครูถามนักเรียนว่า เห็นภาพอะไรในภาพบา้ ง Teacher: What can you see in the pictures? Students: A boy and a broom, a dinosaur, a guitar, drums, two penguins, football, etc. Teacher: Well done.

5. นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 74 ข้อ 2 Look, listen and answer. แล้วครูเปิด Track 68 ให้นักเรียนฟังคำถาม 2 รอบ และดูภาพในข้อ 1 ในรอบที่ 2 ครูหยุด Track 68 ทีละคำถาม เพื่อให้เวลา นักเรียนเขียนคำตอบ จากนั้นครูสุ่มเรียกนักเรียนพูดเฉลยคำตอบคนละ 1 ขอ้ ให้นักเรียนท่ีเหลือช่วยกันตรวจ ความถูกต้อง Look at the pictures. 1. Where are the people in picture 2? 2. What animals can you see in picture 4? 3. What are the boys in picture 3 doing? 4. Look at the TV programme in picture 4. Is it a game show? 5. Look at the TV programme in picture 5. What programme is it? 1. The cinema. 2. Penguins. 3. They are playing the drums and the guitar. 4. No, it isn’t. 5. The news. ขน้ั นำเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนดูภาพใน หนังสือเรียน หน้า 75 ข้อ 1 Listen, point and repeat. แล้วครูถามว่า เห็นภาพอะไรบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ ต่อมาครูอ่านออกเสียงคำศัพท์ประเภทของรายการโทรทัศน์ ให้ นักเรียนออกเสียงตามครู แล้วครูเปิด Track 69 ให้นักเรียนฟังคำศัพท์ และช้ีภาพตาม จากนั้นครูเปิด Track 69 ซ้ำอกี 2-3 คร้งั ใหน้ กั เรียนฝกึ ออกเสียงตาม cartoon film documentary sports programme game show the news soap opera

Culture ทมี่ าของคาว่า soap opera สำหรับละครแนว soap opera น้นั กค็ ือ ละครที่เผยแพร่ทำงวทิ ยแุ ละโทรทศั น์ ซ่ึงใน ปัจจุบนั บำงคร้ังเรียกส้นั ๆ วำ่ soap คนฟังก็เขำ้ ใจ (ในบริบทเก่ียวกบั ละคร แต่ธรรมดำ แลว้ soap ก็คือสบู่ทว่ั ไป) โดยส่ิงที่ทำใหล้ ะครแนว soap opera ตำ่ งจำกละคร โดยทวั่ ไปกค็ อื soap opera จะเป็นละครที่เนน้ เร่ืองของอำรมณ์ กำรบีบค้นั ควำมรู้สึก ส่วนจุดเร่ิมตน้ ของคำน้ีน้นั เกิดข้ึนท่ีสหรัฐฯในช่วงทศวรรษท่ี 1930 เนื่องจำกละครทำง วิทยใุ นช่วงน้นั มกั จะออกอำกำศในตอนกลำงวนั (ซ่ึงเรียกไดอ้ ีกชื่อวำ่ daytime serial drama) ดว้ ยเหตุน้ีโฆษณำท่ีออกอำกำศในช่วงน้ีจึงมกั จะเป็นสินคำ้ ท่ีมีกลมุ่ แม่บำ้ นเป็น เป้ำหมำย โดยจะเป็นพวกของใชส้ ำหรับกำรรีดผำ้ ซกั ผำ้ รวมไปถึงสบู่ จนผฟู้ ังต่ำง คุน้ ชินวำ่ ถำ้ มีละครกจ็ ะมีโฆษณำพวกสบูข่ องใชต้ ำ่ งๆ เหล่ำน้ี ทำใหค้ ำวำ่ soap opera ไดร้ ับควำมนิยมมำกข้ึนเรื่อยๆ ถึงแมว้ ำ่ ปัจจุบนั ละคร soap opera ยงั คงไดร้ ับกำรสนบั สนุนจำกบริษทั อยำ่ ง Procter & Gamble ที่ผลิตสินคำ้ ประเภท สบู่ ยำสระผม อยกู่ ต็ ำม แตจ่ ำกกำรที่ปัจจุบนั ละคร soap opera ไดด้ ึงดูดผชู้ มในหลำยๆ กลุม่ มำกข้นึ เช่น กล่มุ วยั รุ่น ทำใหโ้ ฆษณำสินคำ้ ใน ละคร soap opera น้นั มีท้งั ท่ีเป็นยำรักษำสิว และผลิตภณั ฑอ์ ่ืนๆ ดว้ ย ไมไ่ ดเ้ ป็นเพยี ง สินคำ้ เครื่องใชส้ ำหรับแม่บำ้ นเพียงอยำ่ งเดียว ที่มา: http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9490000046135 กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ ครพู ดู ช่อื รายการโทรทัศน์ทก่ี ำลงั ฉายอยใู่ นปัจจบุ นั และให้นกั เรียนบอกประเภทของรายการโทรทศั น์ เหล่านน้ั

Culture ครูอธิบำยใหน้ กั เรียนฟังวำ่ มีละครอีกประเภทท่ีไดร้ ับควำมนิยมมำก นอกจำก soap opera คือ sitcom ซ่ึงยอ่ มำจำก situation comedy ซ่ึงคอื ละครท่ีมีสถำนกำรณ์ตลกขบขนั ตำ่ งๆ เกิดข้นึ ละคร sitcom เป็นรำยกำรโทรทศั น์ที่ไดร้ ับควำมนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกำต้งั แต่ ทศวรรษท่ี 70 มำจนถึงปัจจุบนั จำกน้นั ครูบอกนกั เรียนวำ่ ประเทศไทยเองก็ไดร้ ับอิทธิพล จำกตะวนั ตก และเริ่มมีละคร sitcom ในช่วงปี พ.ศ. 2520 ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกละคร sitcom ท่ีประสบควำมสำเร็จในประเทศไทย เช่น สำมหนุ่มสำมมมุ เป็นต่อ และบำงรักซอย 9 เป็ นตน้ ตอ่ มำครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกละคร sitcom เพิ่มเติมท่ีกำลงั ฉำยอยใู่ นโทรทศั น์ขณะน้ีวำ่ มีเร่ืองอะไรบำ้ ง ครูอำจหำคลิปวดิ ีโอละคร sitcom ของประเทศสหรัฐอเมริกำมำเปิ ดใหน้ กั เรียนดู เช่น เรื่อง How I Met Your Mother จำก www.youtube.com แลว้ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบ ควำมเหมือนและควำมแตกต่ำงของละคร sitcom ของไทยกบั ของประเทศสหรัฐอเมริกำ ขัน้ ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนดูภาพ a-d ใน หนังสือเรียน หน้า 75 ข้อ 2 What type of TV programmes do they like? Listen and match. แล้วช่วยกันบอกว่าเป็นภาพรายการโทรทัศน์ประเภทใด ต่อมาครูให้ นักเรียนอ่านชื่อบุคคลทางด้านซ้าย แล้วครูเปิด Track 70 ให้นักเรียนฟังว่าใครชอบดูรายการโทรทัศน์ ประเภทใดบ้าง และจับคู่ชอ่ื บุคคลกบั ภาพให้สัมพันธ์กัน เสรจ็ แล้วครูสุ่มเรยี กนักเรียน 4 คน บอกคำตอบ และ ครูตรวจความถกู ตอ้ ง Teacher: What type of TV programmes do you watch, Sue? Sue: I like watching game shows because they’re fun. Teacher: And you, Lisa. What’s your favourite type? Lisa: Well, it’s difficult to say. I like many types. Teacher: What type do you like best? Lisa: Umm … I like cartoons. Teacher: Now Henry. How about you? Henry: I love animals. I always watch animal documentaries. Teacher: Isn’t there anyone in our class likes watching sports programmes? Henry: Yes, there is. Bob likes sports programmes but he isn’t here.

1. - c 2. - d 3. - b 4. - a และสนกุ สนานไปกับกจิ กรรมต่าง ๆ ท่จี ดั ข้ึนในงาน ขั้นนำไปใช้ (Production) ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพรายการโทรทศั น์ในหนงั สือเรยี น หน้า 76 ข้อ 3 Listen and complete the passage. แลว้ ครูถามนักเรียนว่า เห็นรายการโทรทัศน์ประเภทใดบ้าง ใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบ Teacher: What type of TV programmes can you see? Students: A documentary, a sports programme, a game show and a film. Teacher: Very good. จากนัน้ ครเู ปดิ Track 71 ให้นกั เรียนฟงั และเตมิ คำลงในช่องว่าง โดยครูเปิด CD ใหน้ ักเรยี นฟงั 2 ครง้ั เสรจ็ แลว้ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันพูดเฉลยคำตอบ Well, I don’t always watch television during the week because I have got lots of things to do. I do homework and sport. I always watch TV at the weekends. I always watch Sport on Two. It’s a great sports programme. I like it because I can watch different types of sports. I like watching documentaries too. I think animal documentaries are very interesting. And I sometimes watch the News. Oh, I never watch soap operas. I think they’re really boring. 1. weekends 2. sports 3. animal 4. news 5. soap operas 6. boring ครนู ำ Audio Script มาเขียนใส่กระดาษแผน่ ใหญ่ และติดบนกระดาน แลว้ ครูเปิด Track 71 อกี ครง้ั ให้นักเรยี นฝกึ อา่ นออกเสยี งตาม Track 71 ขั้นสรปุ (Wrap up) 1. ครอู ธบิ ายหลักการใช้ Present Simple Tense และ Adverbs of frequency ให้นักเรียนฟงั สั้นๆ พรอ้ มทง้ั ยกตัวอยา่ งประโยคบนกระดาน

Background Information โครงสร้ำงประโยค Present Simple Tense คือ ประธำนเอกพจน์ + v.1 เติม -s/-es ประธำนพหูพจน์ + v.1 ไมเ่ ติม -s/-es หรือ base form * I + v.1 ไม่เติม -s/-es หลกั กำรใช้ Present Simple Tense มีดงั น้ี 1) ใชก้ บั สิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบนั เช่น - I’m nineteen years old. - He lives in London. - I’m a student. 2) ใชก้ บั ส่ิงท่ีเกิดข้นึ เป็นประจำ หรือกิจวตั รประจำวนั เช่น - I play football every weekend. - He usually walks to school. 3) ใชก้ บั ส่ิงท่ีเป็นจริงเสมอ หรือกฎทำงธรรมชำติ เช่น - The sun rises in the east. - Snow is white. Adverbs of frequency คือ คำบอกควำมถี่/ควำมบ่อยของกำรกระทำ เช่น always - เสมอ usually - ตำมปกติ often - บ่อยๆ sometimes - บำงคร้ัง rarely - แทบจะไม่ never - ไมเ่ คย ตำแหน่งของ Adverbs of frequency ในประโยค 1) จะวำงไวห้ นำ้ กริยำหลกั ของประโยค เช่น - He usually gets up early. - The baby often cries. 2) ถำ้ ประโยคมี verb to be ใหว้ ำงไวห้ ลงั verb to be เช่น - She is always at home on Saturdays. 2. เม่ือนักเรียนเข้าใจการใช้ Present Simple Tense แล้ว ครูเขียนคำกริยาที่เติม -s/-es บน กระดาน และให้นักเรียนช่วยกันบอกหลักการเติม -s/-es หลังคำกริยา ใน Present Simple Tense เม่ือ ประธานเป็นเอกพจน์ เช่น walks, goes, cries, plays, watches, passes, fixes, pushes

Background Information หลกั กำรเติม -s/-es ทำ้ ยคำกริยำ (base form) 1) คำกริยำทวั่ ๆ ไป สำมำรถเติม -s ทำ้ ยคำกริยำไดเ้ ลย เช่น walk - walks eat - eats come - comes run - runs listen - listens read - reads 2) คำกริยำที่ลงทำ้ ยดว้ ย s, ss, sh, ch, o, x, z ใหเ้ ติม -es เช่น go - goes do - does pass - passes push - pushes watch - watches fix - fixes 3) คำกริยำท่ีลงทำ้ ยดว้ ย y ใหเ้ ปล่ียน y เป็น i แลว้ จึงเติม -es เช่น cry - cries carry - carries fly - flies study - studies แต่ถำ้ หนำ้ y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ใหเ้ ติม -s ทำ้ ยคำกริยำไดเ้ ลย เช่น play - plays

ช่วั โมงที่ 2 Lisa likes watching films. ( เวลา 1 ชว่ั โมง ) ครูให้นักเรียนดูภาพรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ ใน แบบฝึกหัด หน้า 54 ข้อ 1 Listen and point. แลว้ ครูเปดิ Track 80 ให้นกั เรยี นฟงั และชี้ภาพใหถ้ ูกต้อง จากน้นั ครเู ฉลยคำตอบ 1. The film is about dinosaurs. 2. The boys are playing in a band. 3. This is the news. 4. Some people are at the cinema. 5. This is a sports programme. 1. - b 2. - c 3. - e 4. - b 5. - f ขั้นนำเสนอ (Presentation) นักเรียนดูภาพในข้อ 1 อีกคร้ัง แล้วเติมคำท่ีกำหนดให้ลงในประโยคใน แบบฝึกหัด หน้า 54 ข้อ 2 Look at the pictures. Then complete the sentences. ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 3 คน พดู เฉลยคำตอบ หรือครูอาจจะใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั นี้เปน็ การบา้ น 1. cinema, film 2. band, drums 3. news ขั้นฝกึ (Practice) ให้นักเรียนหาคำศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในตารางปริศนาอักษรไขว้ ใน แบบฝึกหัด หน้า 55 ข้อ 1 Find seven words about entertainment. เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 7 คน ออกมาเขียนเฉลยคำตอบบน กระดานคนละ 1 คำ หรอื ครอู าจจะใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั นเ้ี ป็นการบ้าน

B U E I LGQL I SS S O A P O P E R A PD C A RTOONPROI D O C UM E N T A RY A D MK L S E H F TA F I LMGHWU I SP Z E B O D O S G E EQ F Y U G A M E S H OW ขั้นนำไปใช้ (Production) 1. ครูให้นักเรียนฟัง Track 81 แล้วเขียนเติมรายการโทรทัศน์ที่แต่ละคนชอบใน แบบฝึกหัด หน้า 55 ข้อ 2 Listen and complete. จากน้ันครูเปิด Track 81 อีกคร้ัง เพ่ือเฉลยคำตอบ โดยหยุดทีละ ประโยค แล้วใหน้ ักเรยี นบอกคำตอบ 1. Lisa likes watching films. 2. Bob likes sports programmes. 3. Sue likes animal documentaries. 4. Ben likes cartoons. 5. Ann likes the news. 6. May and Kate like game shows. 1. films 2. sports 3. animal 4. cartoons 5. news 6. game shows 2. ครูให้นักเรียนอา่ นรายการโทรทัศน์ใน แบบฝึกหัด หน้า 56 ข้อ 3 Read and complete the TV guide. Use the words in the box. แล้วนำคำท่ีกำหนดให้ไปเติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ครูบอก นักเรียนว่า ให้ดูรายละเอียดของแต่ละรายการที่ให้มา เพ่ือช่วยในการเลือกคำไปเติม เมื่อทำเสร็จแล้ว ครูให้ นกั เรียน 8 คน พดู เฉลยคำตอบใหเ้ พือ่ นฟัง หรอื ครูอาจจะใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หัดนเ้ี ป็นการบา้ น

1. cartoons 2. the news 3. music 4. documentary 5. sports 6. game show 7. film 8. soap opera ข้ันสรปุ (Wrap up) ครใู หน้ ักเรยี นทำงานคู่ ให้แต่ละค่ชู ่วยกันคดิ ชือ่ รายการโทรทศั น์ของไทยท่ีตนเองชอบตามประเภทของ รายการโทรทัศน์ท่ีได้เรียนไปแล้ว อย่างน้อย 5 ประเภท จากน้ันครูให้แต่ละคู่ผลัดกันฝึกพูดถาม-ตอบ โดยใช้ โครงสรา้ งดงั ต่อไปนี้ Student 1: What is your favourite news programme? Student 2: My favourite news programme is ……. . Student 1: What is your favourite game show? Student 2: My favourite game show is ……. . ชั่วโมงท่ี 3 I think it’s boring. ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) ขั้นนำ (Warm up) ครูบอกนักเรียนว่า ในชั่วโมงนี้นักเรียนจะได้ฝึกพูดบทสนทนาและเขียนเก่ียวกับรายการโทรทัศน์ที่ ชอบ การอา่ นจับใจความ และการฝึกออกเสยี งคำท่ีลงท้ายด้วยเสยี ง /t/ และ /d/ ขัน้ นำเสนอ (Presentation) ครูเขียนประโยคในกรอบ Remember! ในหนังสือเรียน หน้า 76 บนกระดาน แล้วขีดเส้นใต้คำว่า What type of ครอู ธิบายวา่ คำถามทข่ี ึ้นต้นดว้ ยวลีนี้เปน็ การถามชนิดหรอื ประเภทของสิ่งต่าง ๆ เช่น What type of music do you like? What type of sports do you like? What type of movies do you like? What type of books do you like? ครูอาจชว่ ยให้ความร้เู พิ่มเตมิ ว่า นอกจากคำว่า type แล้ว ยังสามารถใชค้ ำวา่ kind ได้ดว้ ย เชน่ What kind of music do you like? ในการตอบก็ขนึ้ อยู่กับคำถามว่าถามเก่ียวกับสง่ิ ใด เชน่ type of music ก็ตอ้ งตอบประเภทของดนตรี ทช่ี อบ เช่น I like pop music. I like rock music. ข้ันฝึก (Practice) ครสู มุ่ ถามนกั เรยี น 2-3 คน ว่าชอบดรู ายการโทรทศั น์ประเภทใด เชน่ Teacher: Mark, what type of TV programmes do you like?

Mark: I like sports programmes. ต่อมาครูอ่านออกเสียงคำคุณศัพท์ (adjectives) ท้ัง 5 คำ ท่ีกำหนดให้ในกรอบใน หนังสือเรียน หน้า 76 ข้อ 4 Ask and answer about TV programmes with your partner. Use the words in the box. โดยเน้นเสียงหนกั ในคำให้ถูกต้อง (ทุกคำเน้นหนักพยางค์แรก ยกเวน้ exciting เนน้ หนักพยางคท์ ่ี 2) แล้วให้นักเรียนออกเสียงตาม 2 ครง้ั จากนั้นครูทำท่าทางบอกใบ้คำศัพทบ์ างคำเพ่อื ให้นักเรยี นเดาความหมาย หรือบางคำให้หาความหมายจากพจนานุกรม แล้วให้นักเรียนอ่านตัวอย่างบทสนทนาที่ให้มาพร้อมกัน ครู ทบทวนวา่ คำถามท่ขี ึน้ ตน้ ด้วย Why ใชถ้ ามเหตุผล การตอบต้องตอบดว้ ย Because และชีใ้ ห้นักเรียนสงั เกตว่า คำคุณศัพทจ์ ะใชต้ ามหลงั verb to be จากนั้นครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนฝึกพูดสนทนา โดยใช้คำคุณศัพท์ท่ีกำหนดให้ ครูให้นักเรียนสลับ บทบาทกัน ขณะนักเรียนทำกิจกรรม ครูสังเกตการพูดสนทนาของนักเรียนเพ่ือคอยให้ความช่วยเหลือ เสร็จ แลว้ สมุ่ เรียกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาพูดสนทนาหน้าชั้นเรียน ครยู ำ้ เก่ียวกับการใช้ I think ในการเสนอความคิดเหน็ อกี ครงั้ โดยเขียนโครงสร้างประโยคใหน้ กั เรยี นดู บนกระดาน ดงั นี้ I think it is … I think they are … ข้นั นำไปใช้ (Production) จากนั้นครูให้นกั เรยี นใชโ้ ครงสร้างประโยคท่ีครูเขียนบนกระดานกบั คำคณุ ศัพทท์ ี่ใหม้ าใน หนังสือเรียน หน้า 76 ขอ้ 5 พดู แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั ละครท่ีกำลงั ดงั อย่ใู นขณะน้นั เชน่ Teacher: What do you think of (ชอ่ื ละครทีก่ ำลงั ดงั ในขณะนน้ั )? Student 1: I think it’s boring. Student 2: I think it’s great. ครเู ปลี่ยนช่ือละครไปเรื่อย ๆ เพ่ือใหน้ ักเรียนฝึกใช้คำคุณศัพทใ์ ห้ครบท้ัง 5 คำ หรอื อาจเปลีย่ นจากช่ือ ละครเปน็ ภาพยนตร์หรือเพลงทีก่ ำลงั ดังอยใู่ นขณะน้ันด้วยก็ได้ ขน้ั สรุป (Wrap up) 1. ครูให้นกั เรียนอ่านขอ้ ความใน หนังสือเรียน หนา้ 77 ข้อ 5 Read and answer. แล้วตอบ คำถามท่กี ำหนดให้ จากนน้ั ครูอ่านคำถาม และรวบรวมคำตอบจากนักเรยี น 1. It’s an American cartoon. 2. They live in Bloomington, USA. 3. He is the main character in The Simons. 4. He has got one sister. 5. It is on every Sunday. ครูให้นักเรียนเดาว่า obey the rules หมายความว่าอย่างไร โดยช่วยยกตัวอย่างประโยคเพิ่มเติม เช่น ยกตัวอย่างเด็กนักเรียนในช้ันท่ีไม่เคยมาโรงเรียนสายเลย และพูดว่า (ช่ือนักเรียน) is never late for school. She obeys the school rule. หรอื เรียกนักเรียนที่แต่งกายถูกระเบียบออกมายนื หนา้ ช้ันเรียน และ

พูดว่า Look at her uniform. She obeys the school rule. ครูให้นักเรียนในช้ันปรบมือให้กับนักเรียนที่ เป็นตวั อย่างเหล่าน้ีดว้ ย 2. ครูให้นักเรียนเขียนบรรยายเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ท่ีตนเองชอบ โดยใช้ประโยคข้ึนต้นตาม หนังสือเรียน หน้า 77 ข้อ 6 Write about a TV programme you like. นักเรียนสามารถดูข้อความใน ข้อ 5 เป็นตัวอย่าง เม่ือเขียนเสร็จแล้วนำมาส่งให้ครูตรวจ แล้วครูเลือกผลงานของนักเรียน 5 คน และให้ เจา้ ของงานออกมาอ่านใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ช้ันเรียน ตวั อย่าง My favourite TV programme is Ban Sai Thong. It’s a Thai soap opera. It is about a rich old family. The main character is Potjaman, a poor young girl. She enters the mansion to live with her aunt. Everyone in the mansion hates her, except a handicapped boy. She suffers a lot because everyone in a house always hurts her feeling. At the end, it is found that she’s the real owner of Ban Sai Thong. It’s on every Tuesday and Wednesday at 8.30 pm. I always wait for it. 8. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน วธิ ีการ แบบสังเกตการพดู ถาม-ตอบ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในระดับดีขึน้ ไป สังเกตการพูดถาม-ตอบ ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป 9. ส่ือ / แหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6 4. พจนานกุ รม 5. บัตรภาพ บัตรคำ 6. นติ ยสาร หนังสือพมิ พ์ 7. อนิ เทอร์เนต็

Worksheet ท่ี 1.1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 9 เร่อื ง That’s entertainment แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 What type of TV programs do they like? เร่ือง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 TV programme Complete the word. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______________._ ____________________________________________________________________________________________ gaetr obignr cexignit _____________ _____________ _____________ nufyn ertestnigni _____________ _____________ Excellent Good Fair

เฉลย Worksheet ท่ี 1.1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง That’s entertainment แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 What type of TV programs do they like? เร่ือง ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 TV programme Complete the word. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______ S_h_e__is_______ _________. _________. S_h_e__is_______________._ ____________________________________________________________________________________________ gaetr obignr cexignit _____________ _____________ _____________ nufyn ertestnigni _____________ _____________ Excellent Good Fair

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เวลา 3 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 9 เร่ือง What do you do in your free time? 1. สาระสำคญั การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับประเภทของรายการโทรทัศน์ ประโยคถามและตอบเกี่ยวกับประเภทของ รายการโทรทัศน์ที่ชอบ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนสื่อสารเก่ียวกับเร่ืองใกล้ตัว ซ่ึงเป็นพื้นฐานความรู้ใน การใช้ภาษาองั กฤษเพือ่ การสื่อสารในชีวิตประจำวนั 2. ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคิดเหน็ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตัวชวี้ ัด 1. พูด/เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหวา่ งบคุ คล ตวั ชว้ี ัด 2. ใช้คำสง่ั คำขอร้อง และให้คำแนะนำ ตวั ชี้วดั 4. พดู และเขียนเพ่ือขอและให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรอ่ื งใกลต้ ัว 3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. พดู /เขียน โตต้ อบส่อื สาร ใชค้ ำสง่ั คำขอรอ้ ง ให้คำแนะนำ ใหข้ ้อมลู เกย่ี วกบั ตนเอง เพอื่ น ครอบครวั และเรอื่ งใกล้ตัวได้ 4.สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. Pronunciation: final sound /t/, /d/ 2. กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเล่นเกม การรอ้ งเพลง 3. การใช้ภาษาในการฟงั /พดู ในสถานการณง์ า่ ยๆ ที่เกิดข้นึ ในห้องเรียน 4. การใช้ภาษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ทเ่ี กี่ยวข้องใกล้ตวั จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ต่าง ๆ ทกั ษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะการฟงั การพดู การอ่าน การเขียน เจตคติ (Attitude : A) 1.มีความรบั ผดิ ชอบ ขยัน ใฝ่รู้ใฝเ่ รียน 2.มคี วามเชอื่ มัน่ ในตนเอง กล้าแสดงออก 3.มเี จตคติท่ีดีต่อการเรยี นภาษาองั กฤษ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 เร่อื ง What do you do in your free time? ขน้ั นำ (Warm up) ( เวลา 1 ชั่วโมง ) 1. ครูเขยี นคำศพั ท์ตอ่ ไปน้บี นกระดาน bet bed hit hid mat mad pat pad ครูเขียนภาษาไทย คำว่า เบ็ด บนกระดาน และออกเสียงให้นักเรียนฟัง ครูถามนักเรียนว่าใน ภาษาไทยมีการออกเสียงท้ายพยางค์เหมือนอย่างในคำว่า bet และ bed หรอื ไม่ เมื่อได้คำตอบว่าไม่มแี ล้วครู บอกให้นักเรียนออกเสียงท้ายพยางค์ในภาษาอังกฤษให้ชัดเจน มิฉะนั้นเจ้าของภาษาอาจจะไม่เข้าใจนักเรียน หรอื เขา้ ใจความหมายในสิ่งทน่ี กั เรียนพูดผิดไปก็ได้ 2. จากน้ันครูอ่านออกเสียงคำศัพท์บนกระดาน เพื่อให้นักเรียนสังเกตลมประกอบที่ระเบิดท้ายเสียง ในตำแหน่งท้ายคำ ซ่ึงทำให้การออกเสียงท้ายพยางค์ /t/ และ /d/ ต่างกันทันที เสร็จแล้วครูให้นักเรียนฝึก ออกเสียงพร้อม ๆ กัน เพ่ือฝึกเปล่งลมประกอบที่ระเบิดท้ายเสียงในตำแหน่งท้ายคำ เสร็จแล้วจึงสุ่มเรียก นักเรียน 4-5 คน ให้อ่านออกเสียงทีละคน เม่ือนักเรียนฝึกได้คล่องแล้ว ครูเขียนคำศัพท์เพ่ิมเติมบนกระดาน เพ่ือใหน้ กั เรียนฝกึ เพิ่มเตมิ bat bad kit kid got God ครเู ขยี นคำว่า เบ็ด, bet และ bed บนกระดาน และให้นักเรียนฝกึ อา่ นออกเสยี งเพ่ือแยกแยะความ แตกต่างของเสยี งท้ายคำ 3. เสร็จแล้วให้นักเรียนเปิด หนังสือเรียน หน้า 77 หัวข้อ English sounds ครูเปิด Track 72 ให้ นักเรียนฟังและฝึกออกเสียงตาม 2-3 คร้ัง เมื่อนักเรียนออกเสียงคำศัพท์จนคล่องแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียน 3-4 คน ใหอ้ อกเสยี งคำศัพท์ตามที่ครูกำหนด mat mad pat pad ขน้ั นำเสนอ (Presentation) 1. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน และช่วยกันเติมบทสนทนาใน แบบฝึกหัด หน้า 56 ข้อ 4 Complete the dialogue. ให้สมบรู ณ์ โดยใช้วลีท่กี ำหนดให้ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคำตอบ

A: What do you do in your free time? B: I watch TV. A: What type of TV programmes do you like? B: I like cartoons. A: When are they on? B: At six o’clock. จากนั้นใหแ้ ต่ละคู่พดู สนทนากันโดยใช้รายการโทรทัศนใ์ นข้อ 3 ครูเดินสังเกตการพดู สนทนาของ นักเรียน เพื่อคอยให้ความช่วยเหลอื 2. ครูให้นักเรียนอ่านขอ้ ความใน แบบฝึกหัด หน้า 57 ขอ้ 5 Read and complete. และบอกครู ว่าเป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร จากน้ันให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้ไปเติมลงในช่องว่าง เสร็จแล้วครูให้นักเรียน ช่วยกันเฉลยคำตอบ จากน้ันครูให้นักเรียน 1 คน อ่านข้อความท่ีสมบูรณ์แล้ว หรือครูอาจให้นักเรียนทำ แบบฝกึ หัดนเี้ ปน็ การบ้าน 1. watches 2. but 3. likes 4. favourite 5. talks 6. or 7. boring 8. sometimes 9. because ขัน้ ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนเขียนบรรยายเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ท่ีตนเองชอบ โดยใช้ประโยคขึ้นต้นคำบรรยาย จาก แ บ บ ฝึ ก หั ด ห น้ า 57 ข้ อ 6 Write about yourself. Use the text above as a model. นักเรียนสามารถดูตัวอย่างได้จากข้อ 5 ครูให้เวลานักเรียน 10-15 นาที เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้วส่งให้ครู ตรวจความถูกต้อง จากนั้นครูสุ่มเรียกนักเรียน 4-5 คน ออกมาอ่านข้อความท่ีตนเองเขียนให้เพื่อนฟังหน้าชั้น เรียน ตวั อย่าง I watch quite a lot of television, but I don’t watch it all the time. I like cartoons. My favourite cartoon is Doraemon. I talk to my friends about it every day. I don’t like game shows and sports programmes. I think they’re boring.

ขน้ั นำไปใช้ (Production) ครูให้นักเรียนฟังคำศัพท์จาก Track 82 แล้ววงรอบคำศัพท์ท่ีได้ยินจาก Track 82 ใน แบบฝึกหัด หน้า 57 หัวข้อ English sounds กิจกรรม Listen and circle the words you hear. เสร็จแล้วครูเปิด Track 82 ใหน้ กั เรียนฟงั อกี ครง้ั เพื่อเฉลยคำตอบ had sat got had sat got ขั้นสรปุ (Wrap up) ครูให้นักเรียนไปค้นหาความหมายของคำศัพท์ท่ีจะเรียนในบทเรียนถัดไปในหนังสือเรียน หน้า 78 กรอบ Word box ลว่ งหน้า ชว่ั โมงท่ี 2 เร่อื ง Country music ( เวลา 1 ช่ัวโมง ) ขั้นนำ (Warm up) ครูบอกนักเรียนว่า ในบทนี้นักเรียนจะได้เรยี นรู้คำศัพท์เก่ียวกับดนตรี การถามและบอกความถ่ี/บ่อย ในการดูรายการโทรทัศน์ การฟังและอ่านจับใจความสำคัญ การเขียนประวัติของบุคคล รวมท้ังการร้องเพลง และเลน่ เกม ข้ันนำเสนอ (Presentation) ครูตดิ ภาพดนตรีประเภทตา่ ง ๆ บนกระดาน ได้แก่ rock, hip-hop, classical music, country music แลว้ ให้นกั เรยี นบอกว่า เป็นดนตรีประเภทใดบ้าง จากน้นั ครูเขยี นคำศัพท์ไว้ใตภ้ าพ และอ่านออกเสียง ให้นักเรียนออกเสียงตาม ต่อมาครูตดิ ภาพคอนเสิร์ตและภาพกลองบนกระดาน และถามนักเรยี นว่าคืออะไร ครูออกเสียงคำศัพท์ ให้นักเรียนออกเสียงตาม จากนั้นใหน้ ักเรียนฝึกออกเสยี งคำศัพท์ โดยครูเปดิ Track 73 ใหน้ กั เรียนฟัง และชค้ี ำศพั ท์ในหนังสือ เรียน หนา้ 78 ข้อ 1 Listen, point and repeat. ตามไปด้วย แลว้ ครูเปดิ Track 73 อกี 2-3 ครั้ง ให้ นักเรียนฝึกออกเสยี งตาม concert rock hip-hop classical music country music drum นักเรยี นอาจจะไม่ค้นุ เคยกับเพลงแนว country music ครูอธบิ ายความหมายให้นกั เรยี นเขา้ ใจมาก ขึ้น

country music เปน็ แนวเพลงทไ่ี ด้รบั ความนยิ มในแถบทางตอนใต้และตะวันตกของประเทศสหรฐั อเมริกา (popular music in the style of music from the southern and western US) หรือบางครงั้ เรยี กวา่ country and western ครอู าจเปิดคลิปจาก YouTube ใหน้ กั เรียนฟงั เชน่ เพลง I Walk The Line ของ Johnny Cash เพลง You're Still the One ของ Shania Twain โดยเข้าเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com แล้วพิมพ์ชื่อเพลงและนกั ร้องในช่องคน้ หา (search) ขนั้ ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนดูตารางใน หนังสือเรียน หน้า 78 ข้อ 2 Listen and match. ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ช่อง คือ ช่ือคน ประเภทของดนตรี และเหตุผลท่ีชอบดนตรีประเภทน้ัน แล้วให้นักเรียนอ่านข้อมูลในตาราง จากน้ันครูเปิด Track 74 ให้นักเรียนฟัง แล้วจับคู่ช่ือคน ประเภทของดนตรี และเหตุผลที่ชอบ โดยครูเปิดให้ นักเรียนฟงั 2 คร้งั Teacher: Now let’s talk about music. What kind of music do you like, Melissa? Melissa: I like pop music because the songs are usually about love and having fun. Teacher: I see…. Now Gordon, do you also like pop music? Gordon: No, I don’t. My favourite type of music is rock. I like loud music. Rock is faster and louder than pop. I like the drum and guitar in rock. Teacher: Melissa likes pop and Gordon likes rock. And how about you Jane? Jane: I like all types of music but I like hip-hop most. Hip-hop is fun and the words are interesting. Teacher: Now Bob, what’s your favourite type of music? Bob: I love dancing so my favourite type of music is dance music. เมอื่ นักเรียนทำกิจกรรมเสรจ็ แล้ว ครสู ่มุ เรียกนักเรียน 4 คน พูดเฉลยคำตอบ ใหน้ ักเรียนทเ่ี หลอื ชว่ ยกันตรวจความถูกต้อง Melissa - pop - The songs are about love. Gordon - rock - He likes loud music. Jane - hip-hop - The words are interesting. Bob - dance - He loves dancing.

ขั้นนำไปใช้ (Production) ครูให้นักเรียนดูคำถามท่ีกำหนดให้ในหนังสือเรียน หน้า 79 ข้อ 3 Listen and answer. What type of music does he play? แล้วครูบอกนักเรียนว่าคำถามที่ขึ้นต้นด้วย How often ใช้ถามความ ถ่ี/บ่อยในการทำกจิ กรรมต่างๆ แล้วครูถามความหมายของคำว่า practise และ interview ถ้านักเรียนไม่รู้ ให้ ช่วยกันเปดิ พจนานกุ รม จากนั้นครูเปิด Track 75 ให้นักเรยี นฟัง 2 ครง้ั แลว้ ให้นักเรียนจับคู่คำถามกับคำตอบ ทีส่ ัมพนั ธ์กนั ครอู าจจะใหน้ ักเรยี นจับคูก่ ับเพอ่ื นชว่ ยกันทำกจิ กรรม Jane: Good afternoon. Today I’m going to interview a rock singer Paul Owen. It’s great to see you Paul. Paul: Good afternoon. It’s great to see you and great to be here. Jane: You are very famous now. Your photo is in many magazines. You work very hard, don’t you? Paul: Yes, I do. But I’m very happy. Jane: How often do you practise? Paul: I practise every day. Jane: Really? Every day? Paul: Yes, if you want to be successful, you have to practise and practise. Jane: How often do you give interviews? Paul: Oh…maybe once a week. Jane: And how often do you travel to other countries? Paul: Twice a year. Last year I went to Canada and Japan. Jane: Thank you Paul. It was nice talking to you. เมอื่ นกั เรียนทำเสรจ็ แล้วครูสุ่มเรียกนักเรยี น 3 คู่ เฉลยคำตอบคลู่ ะ 1 ขอ้ โดยให้คนหน่งึ ถามคำถาม และอีกคนหนึ่งบอกคำตอบ แลว้ นกั เรยี นทเี่ หลือช่วยกนั ตรวจความถูกต้อง 1. c 2. a 3. b ขนั้ สรุป (Wrap up) 1. ครูให้นักเรียนดูกรอบ Remember! ด้านล่างของหนังสือเรียน หน้า 79 แล้วครูเขียนตัวอย่าง ประโยคเม่ือประธานเปน็ เอกพจน์ เชน่ How often does he play football? How often does she cook

dinner? แล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โครงสร้างประโยคคำถาม How often เพื่อถามความถี่/บ่อยในการ ทำกจิ กรรม และครูเขยี นโครงสร้างคำถามบนกระดาน ดงั น้ี How often + do/does + subject + v.1 …..? และอธิบายว่าการตอบคำถาม จะต้องบอกความถี่/บ่อยในการทำกิจกรรมโดยใช้ Adverbs of definite frequency (แบบที่บอกความถี่ชัดเจน) เช่น every day/month/year, once/twice a month, three times a month ตัวอย่าง A: How often do you go to the beach? B: I go to the beach twice a year. จากนัน้ ครสู ุ่มถามคำถามนักเรียน 3-4 คน เช่น Teacher: How often do you go to the cinema? Bill: I go to the cinema once a week. 2. นักเรียนดูตัวอย่างบทสนทนาใน หนังสือเรียน หน้า 79 ข้อ 4 Ask and answer. แล้วครูให้ นักเรียนอ่านบทสนทนาพร้อม ๆ กัน จากน้ันให้นักเรียนจับค่กู ับเพื่อนพูดสนทนาเกย่ี วกบั ความถี/่ บ่อยในการดู รายการโทรทัศน์ โดยใช้ข้อมูลท่ีกำหนดให้ ครูเดินดูรอบ ๆ ชั้นเรียนเพื่อสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน และคอยให้คำแนะนำ เสร็จแลว้ ครสู มุ่ เรยี กนกั เรียน 4-5 คู่ ออกมาพูดสนทนาให้เพอ่ื นฟังหน้าชัน้ เรียน ชวั่ โมงที่ 3 เร่ือง How often do you watch? ( เวลา 1 ชวั่ โมง ) ขั้นนำ (Warm up) ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดทบทวนคำศัพท์ท่ีเรียน โดยให้หาคำศัพท์ในตารางปริศนาอักษรไขว้ใน แบบฝึกหัด หน้า 58 ข้อ 1 Find eight words about music. ครูให้เวลานักเรียน 10 นาที เม่ือนักเรียน ทำเสร็จแล้ว ครูเฉลยคำตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียน 8 คน บอกคำศัพท์คนละ 1 คำ พร้อมท้งั สะกดคำด้วย แล้ว ใหน้ กั เรียนท่เี หลือชว่ ยกนั ตรวจความถกู ต้อง หรือครูอาจจะให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั นีเ้ ป็นการบ้าน ACLASS I CAL I ROCKRS I NGER CNBGHVD I I LO MCOUNT RYQ S F CEVBUGU I TAR O R C I Z CMM P U X ATQH I PHOPVA QSABOLBVUAB

ขั้นนำเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนเรียงคำที่กำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 58 ข้อ 2 Put the words in the correct order. ให้เป็นประโยคทถ่ี ูกต้อง เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรยี น 5 คน ออกมาเขียนประโยคบนกระดาน และให้ นกั เรยี นช่วยกันตรวจความถูกต้อง หรือครูอาจจะให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดนเี้ ปน็ การบ้าน 1. Who is your favourite singer? 2. How often do you practise? 3. What type of TV programmes do you like? 4. What type of music do you like best? 5. How often do you go to concerts? ขั้นฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนอ่านกิจกรรมท่ีกำหนดใน แบบฝึกหัด หน้า 59 ข้อ 3 Tick () your answers. จากนั้นครูบอกนักเรียนว่าให้สำรวจตนเองว่าทำกิจกรรมแต่ละอย่างบ่อยแค่ไหน แล้วขีด  ลงในช่องท่ี ตรง กับความถ่ีในการทำกิจกรรมนั้น เสร็จแล้วให้นักเรียนแต่งประโยคบอกความถี่ในการทำกิจกรรมตามข้อมูลใน ตาราง ต่อมาครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาอ่านประโยคให้เพื่อนฟัง หน้าช้ันเรียน หรือครูอาจจะให้ นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดน้ีเปน็ การบ้าน ตัวอย่าง Activities once a twice a twice a once a twice a never week week month year year  1. go to the cinema   2. watch a film on TV  3. eat pizza 4. watch soap operas  5. go bowling  6. go to a concert 2. I watch a film on TV twice a week. 3. I eat pizza twice a year. 4. I watch soap operas once a week. 5. I go bowling once a year. 6. I never go to a concert.

ข้ันนำไปใช้ (Production) ครูให้นักเรียนสำรวจความถี่ในการทำกิจกรรมในเวลาว่างของเพื่อนในเวลา 1 สัปดาห์ โดยให้นกั เรียน ช่วยกันบอกกิจกรรม และครูเขียนบนกระดาน แล้วให้นักเรียนเลือกมา 5 กิจกรรม จากน้ันครูเขียนตารางบน กระดาน ให้นักเรยี นลอกลงในสมดุ ตัวอย่าง Activities never once twice three times every day a week a week a week watch TV go to the cinema read books play computer games listen to music ขั้นสรปุ (Wrap up) ต่อมาครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน ผลัดกันพูดถามและตอบความถี่ในการทำกิจกรรมที่กำหนด แล้ว เขียนคำตอบของเพื่อนลงในตาราง เสร็จแล้วให้นักเรียนแต่งประโยคบอกความถี่ในการทำกิจกรรมของเพื่อน ตามขอ้ มูลในตาราง จากน้ันรวบรวมส่งให้ครูตรวจ ครูบอกนักเรียนวา่ ในชั่วโมงถัดไปจะสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คู่ ออกมาพูดสนทนาใหเ้ พอ่ื นดทู ี่หน้าชน้ั เรียน 8. การวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารผ่าน วธิ ีการ สังเกตการพดู ถาม-ตอบ แบบสังเกตการพูดถาม-ตอบ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดับดขี ้ึนไป ตรวจใบงาน ตรวจใบงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ 60 ขนึ้ ไป ประเมินการทำแผนผังความคิด แผนผังความคดิ ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดับดขี ึ้นไป 9. สื่อ / แหลง่ เรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หดั Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6 4. พจนานุกรม 5. บัตรภาพ บัตรคำ 6. นิตยสาร หนงั สอื พมิ พ์ 7. อนิ เทอร์เน็ต

Worksheet ที่ 2.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 9 เรอื่ ง Free time แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง What do you do in your free time? ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 What type of TV programme do you like? Ask and answer your pairs. 1 A: What type of TV programme do you like? A: Why do you like it? B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 2 B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 3 B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 4 Excellent Good Fair Name :……………………………………………………..………………. No………………………

7. แอผนิ นเทกาอรรจ์เนัด็ตกเาฉรลเรยียWนรoทู้ r่ีk2shเรeื่อeงt ที่ 2.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง Free time 6 What do you do in your free time? ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี What type of TV programme do you like? Ask and answer your pairs. 1 A: What type of TV programme do you like? A: Why do you like it? B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 2 B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 3 B: I like _____________________. B: Because I think It’s_____________. 4 Excellent Good Fair

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 9 เร่อื ง Michael Jackson 1. สาระสำคัญ การเรยี นรคู้ ำศพั ท์เกีย่ วกบั ประเภทของดนตรี ประโยคถาม-ตอบเกยี่ วกบั ความถี่/บอ่ ยในการดรู ายการ โทรทัศน์ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนส่ือสารเก่ียวกับเร่ืองใกล้ตัว ซึ่งเป็นพ้ื นฐานความรู้ในการใช้ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอื่ สารในชวี ิตประจำวัน 2. ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ งๆโดยการพูดและ การเขียน ตัวชี้วัด 1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มูลเกยี่ วกับตนเอง เพ่ือน และส่ิงแวดล้อมใกล้ตวั ตวั ชว้ี ดั 2 เขียนภาพ แผนผัง แผนภมู ิ และตารางแสดงข้อมลู ต่างๆ ตามท่ฟี ังหรืออา่ น ตวั ชว้ี ดั 3 พดู /เขยี นแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับเร่ืองต่างๆ ใกล้ตัว 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.พูด/เขียนให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพ่ือน สง่ิ แวดล้อม และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรอื่ งต่างๆ ใกล้ ตวั ได้ 2.เขยี นภาพ แผนผงั แผนภูมิ และตารางแสดงข้อมูลต่างๆ ตามที่ฟังหรืออา่ นได้ 4.สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1) ประโยค บทสนทนา และเนือ้ เรื่องสน้ั ๆ ทีม่ ภี าพประกอบ 2) คำศัพท์ สำนวน และประโยคถาม-ตอบเกย่ี วกับประเภทของรายการโทรทัศน์และเพลง ชอบ และความถี่/ความบ่อยในการดูรายการโทรทศั น์ เชน่ A: What type of TV programmes do you like? B: I like ……… . A: Why do you like them? B: Because I think they’re …… . A: How often do you watch …….? B: Every day./Twice a week. ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะการฟัง การพดู การอา่ น การเขยี น เจตคติ (Attitude : A) 1.มคี วามรับผิดชอบ ขยัน ใฝ่รู้ใฝเ่ รียน 2.มคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเอง กล้าแสดงออก 3.มีเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรยี นภาษาอังกฤษ

5.สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. มคี วามสามารถในการสื่อสาร 2. มีความสามารถในการคดิ 3. มีความสามารถในการแก้ปญั หา 4. มคี วามสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. อยอู่ ย่างพอเพียง 4. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5. มีจิตสาธารณะ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงที่ 1 เรื่อง Michael Jackson ( เวลา 1 ชั่วโมง ) ขน้ั นำ (Warm up) ครูบอกนักเรยี นในชวั่ โมงน้ี นกั เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านและการถาม-ตอบเก่ียวกับข้อมูลของ บคุ คลทม่ี ชี ่ือเสยี ง ขั้นนำเสนอ (Presentation) ครูเขียนปี ค.ศ. บนกระดาน เช่น 1957, 2000, 2015 แล้วครูอ่าน ปี ค.ศ. ให้นักเรียนฟัง และถาม นักเรียนว่า เราจะอา่ นปี ค.ศ. อยา่ งไร ใหน้ กั เรียนช่วยกันคดิ และตอบครู Background Information กำรอำ่ นปี ค.ศ. มีหลกั กำรอำ่ น ดงั น้ี  อ่ำนแยกเป็นคู่ ค่ทู ี่ 1 คอื เลข 2 ตวั แรก และคูท่ ่ี 2 คอื เลข 2 ตวั หลงั เช่น 1957 อ่ำนวำ่ nineteen fifty-seven  ถำ้ มีเลข 0 คนั่ กลำง ใหอ้ ่ำนว่ำ “oh” (โอ) เช่น 1905 อ่ำนวำ่ nineteen oh five  ปี ค.ศ. 2000 ข้ึนไป จะอ่ำนได้ 2 แบบ เช่น 2000 อ่ำนวำ่ two thousand หรือ twenty hundred 2007 อำ่ นวำ่ two thousand and seven หรือ twenty oh seven 2015 อำ่ นวำ่ two thousand and fifteen หรือ twenty fifteen

จากนั้นครูให้นักเรียนฝึกอ่านปี ค.ศ.โดยครูเขียนปี ค.ศ. บนกระดาน แล้วสุ่มเรียกนักเรียนอ่านทีละคน จนครแู นใ่ จว่านกั เรียนสามารถอา่ นปี ค.ศ. ได้ ข้นั ฝึก (Practice) ครูเปิด Track 76 ให้นักเรียนฟังประโยคใน หนังสือเรียน หน้า 80 ข้อ 5 Listen, say and read. จากนั้นครูเปิด Track 76 อีกคร้ัง โดยหยุดทีละประโยค และให้นักเรียนพูดปี ค.ศ. ที่ได้ยินในแต่ละประโยค และบอกวา่ ตรงกับตัวเลขใดในกรอบ จากนน้ั ครใู ห้นักเรยี นอ่านประโยคดว้ ยตนเอง พร้อมกัน แล้วครูสมุ่ เรียก นักเรียนอา่ นปี ค.ศ. ทีใ่ ห้มาในกรอบอกี ครง้ั My brother was born in nineteen eighty-seven. The astronauts walked on the moon in nineteen sixty-nine. JK Rowling was born in nineteen sixty-five. My family went to Australia in two thousand and five. ขน้ั นำไปใช้ (Production) ครูให้นกั เรียนดภู าพบุคคลทมี่ ีชอื่ เสยี งในอดีต แต่ปจั จบุ ันเสียชวี ติ ไปแลว้ ในหนังสอื เรียน หน้า 80 ข้อ 6 Match the pictures with the names. แลว้ อ่านชือ่ บุคคลในกรอบข้อมลู a-c และจบั คภู่ าพกบั ชื่อของ บุคคลใหส้ ัมพันธ์กนั เสร็จแลว้ ครูเฉลยคำตอบโดยการถามคำถาม ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบ เชน่ Teacher: Picture 1, who is he? Students: Michael Jackson. ภำพที่ 1 - Michael Jackson ภำพท่ี 2 - Elvis Presley ภำพที่ 3 - Walt Disney ต่อมาครูทบทวนประโยคคำถาม Wh-questions โดยให้นักเรียนช่วยกันบอกว่า Question words แต่ละคำใช้ถามเก่ียวกับอะไร จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน พูดถาม-ตอบประวัติของบุคคลทั้ง 3 โดยให้คน หนึ่งช้ีภาพและถามคำถามท่ีกำหนดให้ ส่วนอีกคนหน่ึงดูข้อมูลในกรอบและตอบคำถาม ครูเดินสังเกตรอบๆ ช้ันเรียนขณะนักเรียนทำกิจกรรม เพ่ือตรวจความถูกต้องของประโยคที่นักเรียนพูด แล้วสุ่มเรียกนักเรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถามและตอบใหเ้ พ่ือนฟังหน้าชัน้ เรยี น

Background Information  Michael Jackson ไดร้ ับกำรขนำนนำมวำ่ เป็นรำชำเพลงป็อป (King of Pop) มีผลงำนอลั บ้มั ท่ีขำยดีท่ีสุดตลอดกำลคอื Thriller และมีท่ำเตน้ ที่สร้ำงช่ือเสียง คอื ทำ่ มูนวอลก์ (moonwalk) ซ่ึงเป็นท่ำเตน้ ท่ีแสดงอำกปั กิริยำเหมือนกำลงั เดินไปขำ้ งหนำ้ แต่จริงๆ แลว้ กำลงั เดินถอยไปขำ้ งหลงั  Elvis Presley เป็นนกั ร้องชำวอเมริกนั เป็นที่รู้จกั ในฉำยำ “รำชำแห่งร็อก แอนด์โรลล”์ มีเพลงดงั มำกมำย เช่น Heartbreak Hotel, Blue Suede Shoe เป็นตน้ และยงั เป็นนกั แสดงท่ีไดร้ ับควำมนิยม ผลงำนภำพยนตร์เร่ือง “Love Me Tender” ทำใหเ้ ขำเป็นท่ีรู้จกั ไปทวั่ โลก  Walt Disney เป็นผูร้ ่วมก่อต้งั Walt Disney Company และเป็นผสู้ ร้ำงผลงำน กำร์ตนู ที่แพร่หลำย รวมถึงสร้ำงภำพยนตร์กำร์ตูนสีเป็นคนแรก ผลงำน กำร์ตนู ท่ีเป็นท่ีรู้จกั เช่น Mickey Mouse, Donald Duck และภำพยนตร์เรื่องยำว เช่น Snow White and the Seven Dwarfs, Pinocchio, Bambi นอกจำกน้ียงั สร้ำง สวนสนุก Disney Land  Oswald the Lucky Rabbit เป็นตวั กำร์ตูนกระต่ำยสีขำว- ดำ มีแตต่ ำดำ ไมม่ ีตำขำว จมูกกลมรี หูยำว แขนขำยำว มือและเทำ้ ใหญ่ พงุ ป่ อง ใส่แตก่ ำงเกง และไม่ใส่เส้ือ ถกู สร้ำงข้นึ โดย Walt Disney และ Ub Iwerks (อบั บ์ ไอเวิร์คส) แต่ลิขสิทธ์ิตวั กำร์ตนู น้ีตกเป็นของ บริษทั ยนู ิเวอร์แซล พกิ เจอร์ ทำให้ Walt Disney ตอ้ ง สร้ำงตวั กำร์ตนู ตวั ใหมข่ ้นึ มำแทน นนั่ คือ Mickey Mouse หลงั ใชเ้ วลำกวำ่ 74 ปี สิทธ์ิของ Oswald the Lucky Rabbit ไดก้ ลบั มำเป็นของดิสนียใ์ นปี 2006 ที่มา: https://th.wikipedia.org http://mickeystory.exteen.com/mickey-s-evolution ขน้ั สรปุ (Wrap up) 1. ครถู ามนักเรียนว่ารู้จัก Ricky Martin หรือไม่ เขาทำอาชีพอะไร แล้วครูบอกนักเรียนวา่ จะได้อ่าน ประวัติของ Ricky Martin ใน หนังสือเรียน หน้า 81 ข้อ 7 Read and complete the fact file. ต่อมา ครูให้นักเรียนดูกรอบข้อมูล และบอกครูว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง (ปี ค.ศ. และเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในปีน้ัน) จากน้ัน ครูให้นักเรียนอ่านประวัติของ Ricky Martin และเติมเหตุการณ์ให้ตรงกับปี ค.ศ. ท่ีกำหนดให้ในกรอบ เสร็จ

แล้วครูเฉลยคำตอบโดยเขียนปี ค.ศ. บนกระดาน และสุ่มเรียกนักเรียนออกมาเขียนเติมข้อมูล ครูตรวจความ ถกู ตอ้ ง แล้วให้นักเรียนอา่ นพรอ้ มกนั โดยครเู น้นให้นักเรยี นอา่ นปี ค.ศ. ใหถ้ กู ต้อง Fact file Year Ricky Martin 1971 born in Puerto Rico 1977 started singing 1984 joined the group Menudo 1990 moved to New York 1991 released first album 1994 starred in General Hospital 1999 released first English pop album Ricky Martin 2. ครูให้นักเรียนอ่านข้อมูลของ Jennifer Lopez ในหนังสือเรียน หน้า 81 ข้อ 8 Read and write about Jennifer Lopez. แล้วนำข้อมูลมาเขียนประวัติของ Jennifer Lopez โดยดูประวัติของ Ricky Martin ในข้อ 7 เป็นตวั อย่าง ครูใหเ้ วลานักเรียนเขยี น 10-15 นาที เสร็จแล้วสง่ ให้ครูตรวจความถูกตอ้ ง แลว้ ครคู ัดเลอื กผลงานของนกั เรยี น 2 คน ออกมาอา่ นให้เพ่ือนฟังหนา้ ชนั้ เรียน Jennifer Lopez was born in New York in 1970. In 1977, she moved to Hollywood and was a dancer on TV. Two years later, she started acting. In 1999, she released her first album On the Six. In 2001, she released her second album J’Lo. One year later, she started clothes business.

ชัว่ โมงที่ 2 เรื่อง Johnny Depp ( เวลา 1 ชวั่ โมง ) ขน้ั นำ (Warm up) นักเรียนจัดทำสมุดคำศัพท์ Your word book โดยรวบรวมคำศัพท์ใหม่ใน Unit 6 และจดบันทึก คำศัพทแ์ ยกตามหัวขอ้ ประเภทของรายการโทรทัศน์ และประเภทของดนตรี แล้วหาคำศัพท์เพิม่ อีกหัวข้อละ 4 คำ เสร็จแลว้ วาดภาพประกอบและระบายสีให้สวยงาม เมื่อครตู รวจสมุดคำศัพท์เสร็จแล้ว นกั เรยี นจะได้นำไป ทอ่ งจำในเวลาว่าง ข้นั นำเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดทบทวนการอ่านปี ค.ศ. ในแบบฝึกหัด หน้า 60 ข้อ 4 Listen and match. โดยครูเปิด Track 83 ให้นักเรียนฟัง แล้วจับคู่เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นกับปี ค.ศ.ที่เกิดเหตุการณ์นั้นให้ ถูกต้อง 1. Walt Disney was born in nineteen oh one. 2. Elvis Presley died in nineteen seventy-seven. 3. Michael Jackson died in two thousand and nine. 4. Johnny Shoo was born in nineteen eighty-two. 5. Justin Timberlake was born in nineteen eighty-one. 6. JK Rowling was born in nineteen sixty-five. เมอื่ นักเรียนทำแบบฝึกหดั เสร็จแลว้ ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 3. - f 6. - c 1. - d 2. - e 4. - a 5. - b ขัน้ ฝึก (Practice) ครูให้นักเรียนจับคู่ประโยคคำถามและคำตอบที่สัมพันธ์กันใน แบบฝึกหัด หน้า 60 ข้อ 5 Match the questions with the answers. เมื่อนักเรียนทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้ว ครูให้ช่วยกันเฉลยคำตอบ หรือ ครอู าจจะใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั นี้เป็นการบ้าน 1. - d 2. - f 3. - a 4. - b 5. - c 6. - e ขัน้ นำไปใช้ (Production) ครูให้นักเรียนอ่านประวัติของ Johnny Depp ใน แบบฝึกหัด หน้า 61 ข้อ 6 Read and answer the questions. เมื่ออ่านจบครูให้นักเรียนตอบคำถามท่ีกำหนดให้ เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 5 คน พูด เฉลยคำตอบ และครูตรวจความถกู ตอ้ ง หรอื ครอู าจจะให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดนี้เปน็ การบา้ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook