93 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 40 ช่ัวโมง เข้าใจคาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนาเรื่องราว บทสนทนา นิทาน สามารถถ่ายโอนเป็นภาพหรือสัญลักษณ์ อ่านออกเสียงคา กลุ่มคา ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสียง และใช้ถ้อยคา น้าเสียงได้ เหมาะสม ใช้ภาษาอังกฤษในการสอ่ื สารระหว่างบุคคล ใช้คาส่ัง คาขอร้อง และให้คาแนะนาแสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก แสดงความชว่ ยเหลือ ตอบรบั และปฏิเสธ ในสถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มูล เก่ยี วกับตนเอง เพอื่ น ครอบครวั และเร่อื งใกลต้ ัวซงึ่ อยู่ในท้องถน่ิ ของตน โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้เพือ่ การส่อื สาร ฝึกการใช้ภาษาเพอ่ื ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เห็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏิบัติตำมคำสงั่ คำขอร้อง และคำแนะนำงำ่ ย ๆ ตำมทฟี่ ังและอำ่ นได้ถกู ต้อง ๒. เขำ้ ใจเรือ่ งรำว บทสนทนำ นทิ ำน สำมำรถถ่ำยโอนเปน็ ภำพหรือสัญลักษณไ์ ด้ ๓. พูด/อ่ำนออกเสยี งคำ วลี ประโยค ข้อควำมส้นั ๆ บทสนทนำได้ถกู ต้องตำมหลักกำรออกเสยี ง ๔. ใช้ภำษำอังกฤษในกำรส่ือสำรระหวำ่ งบคุ คล ใหค้ ำแนะนำ แสดงควำมร้สู ึก ตอบรบั และปฏเิ สธในสถำนกำรณ์ ง่ำย ๆ ขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกลต้ ัว ๕. ใชภ้ ำษำองั กฤษได้ตำมมำรยำททำงสงั คมและวัฒนธรรมของเจำ้ ของภำษำ รวมทง้ั หมด 5 ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวิชา รหัสวชิ า อ 14201 ช่อื รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่อื สาร กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 40 ชว่ั โมง หลกั สูตรโรงเรียนวดั พชื นิมติ (คำสวัสดร์ิ ำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พืน้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
ลาดบั ที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา 94 (ข้อท)่ี (ช่ัวโมง) นา้ หนัก ๑ I can do it ข้อ ๑ ๖ ๑๐ ๒ My body ข้อ ๒ ข้อ ๓ ๖ ๑๐ ๓ Weather and seasons ข้อ ๔ ขอ้ ๕ ๖ ๑5 สอบกลางปี ข้อ ๑ ขอ้ ๒ ๒ 15 ๔ Clothes ขอ้ ๓ ๖ ๑๐ ขอ้ ๔ ๕ Daily activities ขอ้ ๕ ๖ ๑๐ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ลาดบั ท่ี ช่ือหน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก (ข้อที่) (ช่วั โมง) หลักสูตรโรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ริ ำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขัน้ พืน้ ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๖ Visiting the farm ข้อ ๑ 95 ๖ ๑5 ข้อ ๒ ๒ 15 ข้อ ๓ ๗๐ 30 ขอ้ ๔ ๔๐ ๑๐๐ ข้อ ๕ สอบปลายปี รวมระหวา่ งเรยี น รวมคะแนนสอบ รวม หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ดร์ิ ำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
96 คาอธิบายรายวิชาเพ่มิ เติม ภาษาอังกฤษเพ่อื การสอ่ื สาร ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 คาอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เติม รหสั วิชา อ 15201 ชือ่ รายวิชา ภาษาองั กฤษเพ่อื การสอื่ สาร กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ หลกั สูตรโรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คำสวัสดร์ิ ำษฎรบ์ ำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
97 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 40 ช่วั โมง เขำ้ ใจคำส่ัง คำขอร้อง คำแนะนำ เข้ำใจควำมหมำยของคำ กลุ่มคำ และประโยค รูปประโยคและโครงสร้ำง ประโยค โดยสำมำรถตอบคำถำมจำกกำรฟงั หรอื อำ่ นข้อควำม บทสนทนำ เร่อื งสน้ั เรอื่ งเลำ่ นทิ ำน บทกลอนสัน้ ๆ อำ่ นออกเสยี งคำ กลุ่มคำ ประโยค ข้อควำม บทอ่ำนได้ถูกตอ้ งตำมหลักกำรออกเสียง และกำรใชถ้ ้อยคำ น้ำเสยี ง กำรพูดและเขียนโตต้ อบในกำรสื่อสำรระหว่ำงบุคคล ใชค้ ำส่ัง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ แสดงควำมต้องกำร แสดงควำมรู้สึก ขอควำมช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถำนกำรณ์ง่ำย ๆ พูดและเขยี นเพื่อขอและให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซ่ึงอยู่ในท้องถิ่นของตน โดยใช้กระบวนกำรเรยี นรู้ เพ่อื กำรสื่อสำร ฝกึ กำรใช้ภำษำเพื่อให้มคี วำมรู้ เขำ้ ใจวฒั นธรรมของเจ้ำของภำษำ มีทักษะทำงภำษำ เห็นประโยชน์ในกำรเรียนรู้ ภำษำอังกฤษ และนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อยำ่ งเหมำะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏิบตั ิตำมคำส่งั คำขอร้อง และคำแนะนำงำ่ ย ๆ ตำมที่ฟงั และอำ่ นได้ถกู ตอ้ ง ๒. พดู /อำ่ นออกเสียงคำ วลี ประโยค ขอ้ ควำมส้ัน ๆ บทสนทนำ บทอ่ำน ได้ถูกต้องตำมหลักกำรอำ่ นออกเสียง ๓. ใช้ประโยคภำษำองั กฤษในกำรสอื่ สำรระหว่ำงบคุ คล และแลกเปลย่ี นข้อมูลต่ำง ๆ ไดถ้ กู ต้อง ๔. ตอบคำถำมจำกกำรฟงั หรืออำ่ นข้อควำม บทสนทนำ เรอื่ งส้ัน เร่ืองเล่ำ นิทำน บทกลอนสนั้ ๆ ได้ถูกต้อง ๕. ใช้ภำษำอังกฤษไดต้ ำมมำรยำททำงสังคมและวฒั นธรรมของเจ้ำของภำษำ รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวิชา รหสั วชิ า อ 15201 ชอ่ื รายวิชา ภาษาอังกฤษเพอื่ การสอ่ื สาร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ หลกั สูตรโรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ด์ิรำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 98 เวลา 40 ชั่วโมง หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา นา้ หนัก (ชวั่ โมง) (ข้อท่ี) 6 10 ๑ Our favorite dishes ข้อ ๑ 6 10 ข้อ ๒ 7 15 ข้อ ๓ 1 15 6๗ ข้อ ๔ 6๘ ข้อ ๕ 7๘ ๒ It’s more interesting ข้อ ๑ เวลา น้าหนกั (ชว่ั โมง) ข้อ ๒ ขอ้ ๓ ขอ้ ๔ ขอ้ ๕ ๓ Safety first ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ ขอ้ ๓ ขอ้ ๔ ขอ้ ๕ สอบกลางปี ๖ Having fun with activities ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ ขอ้ ๓ ขอ้ ๔ ขอ้ ๕ ๘ How healthy are you? ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ขอ้ ๕ ๙ Important days ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ ข้อ ๓ หน่วยท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ (ขอ้ ที่) หลกั สตู รโรงเรียนวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดริ์ ำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
ข้อ ๔ 99 ขอ้ ๕ 1 15 สอบปลายปี ๗๐ รวมระหวา่ งเรียน 30 รวมสอบปลายปี รวม ๔๐ ๑๐๐ หลักสตู รโรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ิรำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
100 คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม ภาษาองั กฤษเพือ่ การส่อื สาร ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ รหัสวชิ า อ16201 ชื่อรายวชิ า ภาษาองั กฤษเพ่อื การสอื่ สาร กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 40 ช่ัวโมง หลักสตู รโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวสั ดิร์ ำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
101 เขา้ ใจคาสั่ง คาขอร้อง รูปประโยคและโครงสรา้ งประโยค คา กลุ่มคา และประโยค วิเคราะหแ์ ละสรปุ เรอื่ งราว บทอ่าน บทสนทนา เรอ่ื งสัน้ เร่ืองเล่า นทิ าน บทกลอนส้ัน ๆ สานวนทใ่ี ช้ในเทศกาล การพดู และการเขียนโตต้ อบ ในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคล ใช้คาส่งั คาขอร้อง และให้คาแนะนา แสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏเิ สธ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรื่องใกล้ตัวซง่ึ อยู่ใน ท้องถ่ินของตน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพือ่ การสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษาเพ่อื ใหม้ ีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา มที กั ษะทางภาษา เหน็ ประโยชนใ์ นการเรยี นรู้ภาษาอังกฤษ และนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. วิเครำะหเ์ ร่อื งและสรปุ ควำมเรื่องทฟี่ ังและอ่ำนได้ ๒. ใช้ประโยคคำส่ัง คำขอร้อง กำรขออนญุ ำต ประโยคบอกเลำ่ ประโยคคำถำม ประโยคปฏเิ สธ ตำมโครงสร้ำง ประโยคได้ ๓. ใชภ้ ำษำองั กฤษในกำรขอและให้ข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เพ่อื น ครอบครวั และเรือ่ งใกล้ตัวซึ่งอยู่ในทอ้ งถ่ิน ของตนได้ ๔. ใช้ภำษำองั กฤษในกำรพูดและเขยี นโต้ตอบและสอื่ สำรตำมสถำนกำรณต์ ำ่ ง ๆ ได้อยำ่ งเหมำะสม ๕. ใช้ภำษำไดต้ ำมมำรยำททำงสงั คมและวัฒนธรรมของเจำ้ ของภำษำ รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้ โครงสรา้ งรายวชิ า รหัสวิชา อ16201 ช่ือรายวิชา ภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 40 ชว่ั โมง หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ิรำษฎร์บำรุง) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพนื้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา 102 (ขอ้ ที)่ (ช่ัวโมง) น้าหนัก ๑ What do you want to be? ขอ้ ๑ ๔ ๗ ขอ้ ๒ ๒ What can you see? ขอ้ ๓ ๔๗ ข้อ ๔ ๓ It was great. ข้อ ๕ ๕๘ ข้อ ๑ ๔ What did you do on ข้อ ๒ ๕๘ your holidays? ข้อ ๓ ข้อ ๔ ๒ ๑๐ สอบกลางปี ขอ้ ๕ ๖ ๑๐ ๕ Out and About! ขอ้ ๑ ข้อ ๒ ๖ That’s entertainment ข้อ ๓ ๖ ๑๐ ข้อ ๔ นา้ หนกั หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ข้อ ๕ เวลา ข้อ ๑ (ช่ัวโมง) ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ขอ้ ๕ ขอ้ ๑ ข้อ ๒ ผลการเรียนรู้ (ขอ้ ที่) ข้อ ๓ ข้อ ๔ หลกั สูตรโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดริ์ ำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
ขอ้ ๕ 103 ๗ On Vacation. ขอ้ ๑ ๖ ๑๐ ข้อ ๒ ๗๐ ๓๐ ขอ้ ๓ ๔๐ ๑๐๐ ขอ้ ๔ ข้อ ๕ รวมระหวา่ งเรียน สอบปลายปี รวม การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ติ (คำสวัสดิร์ ำษฎรบ์ ำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
104 กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ของผเู้ รยี นต้องอยูบ่ นหลักกำรพืน้ ฐำนสองประกำร คอื กำรประเมนิ เพ่ือ พัฒนำผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลกำรเรียน ในกำรพัฒนำคุณภำพกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผเู้ รียนจะต้องได้รับกำรพัฒนำและประเมินตำมตัวช้ีวัดเพื่อให้บรรลุตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สำคัญ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้เรียนซึง่ เป็นเปำ้ หมำยหลักในกำรวดั และประเมินผลกำรเรียนรใู้ นทุก ระดับไม่ว่ำจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถำนศึกษำ ระดับเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ และระดับชำติ กำรวัดและ ประเมินผลกำรเรียนรู้ เป็นกระบวนกำรพัฒนำคุณภำพผู้เรียนโดยใช้ผลกำรประเมินเป็นข้อมูลและสำรสนเทศที่ แสดงพฒั นำกำร ควำมก้ำวหน้ำ และควำมสำเร็จทำงกำรเรียนของผู้เรยี น ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชนต์ ่อกำร ส่งเสริมให้ผ้เู รยี นเกดิ กำรพัฒนำและเรียนรอู้ ย่ำงเต็มตำมศกั ยภำพ กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ แบ่งออกเปน็ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดบั สถำนศึกษำ ระดับ เขตพืน้ ที่กำรศกึ ษำ และระดับชำติ มีรำยละเอยี ด ดงั น้ี ๑. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นกำรวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ผู้สอน ดำเนนิ กำรเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในกำรจัดกำรเรยี นกำรสอน ใช้เทคนิคกำรประเมินอย่ำงหลำกหลำย เช่น กำร ซกั ถำม กำรสังเกต กำรตรวจกำรบ้ำน กำรประเมินโครงงำน กำรประเมินชิ้นงำน/ ภำระงำน แฟ้มสะสมงำน กำร ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกำสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพ่ือนประเมิ นเพ่ือน ผปู้ กครองร่วมประเมิน ในกรณที ่ไี ม่ผำ่ นตวั ชวี้ ดั ให้มีกำรสอนซอ่ มเสรมิ กำรประเมนิ ระดบั ช้ันเรียนเป็นกำรตรวจสอบว่ำ ผู้เรยี นมีพัฒนำกำรควำมก้ำวหน้ำในกำรเรียนรู้ อัน เป็นผลมำจำกกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนหรือไม่ และมำกน้อยเพียงใด มีส่ิงที่จะต้องได้รั บกำรพัฒนำ ปรับปรุงและส่งเสรมิ ในดำ้ นใด นอกจำกนี้ยงั เปน็ ข้อมลู ให้ผสู้ อนใช้ปรับปรงุ กำรเรยี นกำรสอนของตนด้วย ทัง้ นโี้ ดย สอดคลอ้ งกับมำตรฐำนกำรเรียนร้แู ละตัวช้ีวดั ๒. การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา เป็นกำรประเมินทส่ี ถำนศกึ ษำดำเนนิ กำรเพ่อื ตัดสินผล กำรเรยี นของ ผู้เรียนเป็นรำยปี/รำยภำค ผลกำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน นอกจำกนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับกำรจัดกำรศึกษำ ของสถำนศึกษำ ว่ำส่งผลต่อกำร เรียนรู้ของผูเ้ รียนตำมเป้ำหมำยหรือไม่ ผู้เรยี นมีจุดพัฒนำในด้ำนใด รวมท้ังสำมำรถนำผลกำรเรียนของผู้เรียนใน สถำนศึกษำเปรยี บเทียบกับเกณฑ์ระดับชำติ ผลกำรประเมินระดับสถำนศึกษำจะเป็นข้อมูลและสำรสนเทศเพ่ือ กำรปรับปรงุ นโยบำย หลักสูตร โครงกำร หรือวิธกี ำรจัดกำรเรียนกำรสอน ตลอดจนเพอ่ื กำรจัดทำแผนพัฒนำ คุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำ ตำมแนวทำงกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำและกำรรำยงำนผลกำรจัด กำรศึกษำต่อคณะกรรมกำรสถำนศึกษำ สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้น พ้ืนฐำน ผ้ปู กครองและชุมชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกำรประเมนิ คุณภำพผ้เู รียนในระดับเขตพื้นที่กำรศึกษำ ตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐำนในกำรพัฒนำ คุณภำพกำรศึกษำของเขตพื้นที่กำรศึกษำ ตำมภำระควำมรับผิดชอบ สำมำรถดำเนินกำรโดยประเมินคุณภำพ ผลสัมฤทธข์ิ องผ้เู รยี นดว้ ยขอ้ สอบมำตรฐำนทจ่ี ัดทำและดำเนินกำรโดยเขตพื้นที่กำรศึกษำ หรอื ด้วยควำมรว่ มมอื กบั หน่วยงำนต้นสังกัด ในกำรดำเนนิ กำรจัดสอบ นอกจำกนี้ยังได้จำกกำรตรวจสอบทบทวนขอ้ มูลจำกกำรประเมิน ระดับสถำนศึกษำในเขตพ้นื ทก่ี ำรศกึ ษำ หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คำสวสั ดิร์ ำษฎรบ์ ำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพนื้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
105 ๔. การประเมินระดบั ชาติ เป็นกำรประเมินคณุ ภำพผ้เู รยี นในระดับชำตติ ำมมำตรฐำนกำรเรียนร้ตู ำม หลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพืน้ ฐำน สถำนศึกษำต้องจดั ให้ผู้เรียนทกุ คนทเ่ี รยี น ในชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๓ ชั้น ประถมศกึ ษำปีที่ ๖ เข้ำรับกำรประเมิน ผลจำกกำรประเมนิ ใช้เป็นขอ้ มลู ในกำรเทียบเคยี งคณุ ภำพกำรศึกษำใน ระดบั ตำ่ ง ๆ เพ่ือนำไปใช้ในกำรวำงแผนยกระดบั คณุ ภำพกำรจัดกำรศึกษำ ตลอดจนเป็นขอ้ มูลสนับสนนุ กำร ตดั สนิ ใจในระดับนโยบำยของประเทศ ขอ้ มูลกำรประเมินในระดับต่ำงๆ ข้ำงต้น เปน็ ประโยชน์ต่อสถำนศกึ ษำในกำรตรวจสอบทบทวนพัฒนำ คุณภำพผู้เรียน ถือเป็นภำระควำมรับผิดชอบของสถำนศึกษำท่ีจะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข สง่ เสริมสนับสนุนเพอ่ื ให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนำเต็มตำมศักยภำพบนพ้ืนฐำนควำมแตกตำ่ งระหว่ำงบุคคลที่จำแนกตำม สภำพปัญหำและควำมต้องกำร ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีควำมสำมำรถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี ผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี นตำ่ กลมุ่ ผู้เรยี นทม่ี ีปญั หำดำ้ นวนิ ัยและพฤตกิ รรม กลมุ่ ผู้เรยี นทีป่ ฏเิ สธโรงเรียน กลุม่ ผู้เรยี น ที่มีปัญหำทำงเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิกำรทำงรำ่ งกำยและสติปญั ญำ เป็นต้น ข้อมูลจำกกำรประเมินจงึ เป็น หัวใจของสถำนศึกษำในกำรดำเนินกำรช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกำสให้ผู้เรียนได้รับกำรพัฒนำและ ประสบควำมสำเร็จในกำรเรยี น สถำนศึกษำในฐำนะผู้รับผิดชอบจัดกำรศึกษำ จะต้องจัดทำระเบียบว่ำด้วยกำรวัดและประเมินผลกำร เรียนของสถำนศึกษำให้สอดคล้องและเป็นไปตำมหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกำหนดของหลักสูตร แกนกลำงกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน เพอ่ื ให้บคุ ลำกรทเ่ี กีย่ วข้องทกุ ฝ่ำยถอื ปฏิบัตริ ่วมกนั เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียน ๑. การตดั สนิ การให้ระดับและการรายงานผลการเรยี น ๑.๑ การตัดสินผลการเรยี น ในกำรตัดสินผลกำรเรยี นของกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ กำรอำ่ น คิดวิเครำะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นำผ้เู รยี นน้ัน ผูส้ อนต้องคำนงึ ถงึ กำรพัฒนำผเู้ รียนแตล่ ะคนเปน็ หลกั และตอ้ งเก็บ ข้อมูลของผเู้ รยี นทุกด้ำนอย่ำงสมำ่ เสมอและต่อเนื่องในแต่ละภำคเรียน รวมท้ังสอนซ่อมเสริมผูเ้ รยี นให้พฒั นำจนเต็ม ตำมศักยภำพ ระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนต้องมเี วลำเรยี นไม่น้อยกวำ่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลำเรยี นทั้งหมด (๒) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั กำรประเมนิ ทกุ ตวั ชี้วดั และผ่ำนตำมเกณฑ์ที่สถำนศึกษำกำหนด (๓) ผ้เู รียนต้องไดร้ ับกำรตดั สินผลกำรเรียนทกุ รำยวชิ ำ (๔) ผู้เรียนต้องไดร้ บั กำรประเมนิ และมผี ลกำรประเมนิ ผำ่ นตำมเกณฑท์ ส่ี ถำนศึกษำกำหนด ใน กำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน กำรพิจำรณำเลื่อนช้ัน ถ้ำผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถำนศึกษำพิจำรณำเห็นว่ำ สำมำรถพัฒนำและสอนซอ่ มเสริมได้ ใหอ้ ยู่ในดลุ พินจิ ของสถำนศึกษำที่จะผ่อนผนั ใหเ้ ล่ือนชน้ั ได้ แต่หำกผเู้ รียนไม่ ผ่ำนรำยวิชำจำนวนมำก และมีแนวโน้มว่ำจะเป็นปัญหำต่อกำรเรียนในระดับชั้นท่ีสูงขึ้น สถำนศึกษำอำจต้ัง คณะกรรมกำรพจิ ำรณำให้เรียนซำ้ ชัน้ ได้ ท้งั น้ีให้คำนงึ ถึงวฒุ ภิ ำวะและควำมรูค้ วำมสำมำรถของผู้เรียนเป็นสำคญั หลักสูตรโรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คำสวัสดิ์รำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
106 ๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรียน ระดบั ประถมศกึ ษา ในกำรตดั สนิ เพอ่ื ใหร้ ะดับผลกำรเรยี นรำยวชิ ำ สถำนศึกษำสำมำรถใหร้ ะดบั ผลกำร เรยี นหรอื ระดบั คุณภำพกำรปฏบิ ตั ิของผเู้ รียน เปน็ ระบบตัวเลข ระบบตวั อกั ษร ระบบรอ้ ยละ และระบบที่ใช้คำ สำคญั สะท้อนมำตรฐำน (1) กำรให้ระดบั ผลกำรเรยี น โรงเรียนกำหนดให้กำรตดั สนิ เพอื่ ใหร้ ะดับผลกำรเรียนรำยวชิ ำของกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ให้ใชต้ ัวเลขแสดงระดับผลกำรเรยี นเป็น ๘ ระดับ ดงั นี้ ระดบั ผลการเรียน ชว่ งคะแนนเป็นร้อยละ ระบบทใี่ ช้คำสำคญั สะท้อนมำตรฐำน 5 ระดับ 4 ระดบั 2 ระดับ ๔ ๘๐ - ๑๐๐ ดเี ยี่ยม ดีเยีย่ ม ๓.๕ ๗๕ - ๗๙ ดี ดี ๓ ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ๖๕ - ๖๙ พอใช้ ผ่ำน ๒ ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ ๕๕ - ๕๙ ผ่ำน ผำ่ น ๑ ๕๐ - ๕๔ ๐ ๐ - ๔๙ ไม่ผ่ำน ไมผ่ ่ำน ไมผ่ ่ำน กำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผล กำร ประเมินเปน็ ดีเยีย่ ม ดี และผำ่ น (2) กำรสรปุ ผลกำรประเมินกำรอ่ำน คิดวเิ ครำะห์และเขยี น เพือ่ กำรเลื่อนระดับชัน้ และจบกำรศึกษำ กำหนดเกณฑ์กำรตดั สินเป็น ๔ ระดับและควำมหมำยของแต่ละระดบั ดังน้ี ดีเยยี่ ม หมำยถงึ มีผลงำนทแี่ สดงถงึ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์และเขียนทม่ี คี ุณภำพดี ดี หมำยถงึ เลศิ อยเู่ สมอ มผี ลงำนทแี่ สดงถงึ ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คิดวเิ ครำะห์และเขยี นทีม่ คี ณุ ภำพ เป็นทีย่ อมรบั หลักสูตรโรงเรียนวัดพชื นิมิต (คำสวัสด์ิรำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
107 ผา่ น หมำยถงึ มผี ลงำนทแ่ี สดงถงึ ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์และเขยี นที่มคี ณุ ภำพ เป็นที่ยอมรบั แตย่ งั มขี ้อบกพรอ่ งบำงประกำร ไม่มีผลงำนทแ่ี สดงถงึ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วเิ ครำะห์และเขียน หรอื ถ้ำมี ไม่ผ่าน หมำยถงึ ผลงำน ผลงำนนนั้ ยงั มขี ้อบกพรอ่ งท่ีตอ้ งไดร้ บั กำรปรบั ปรุงแกไ้ ขหลำย ประกำร (3) กำรสรุปผลกำรประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์รวมทกุ คณุ ลักษณะ เพื่อกำรเลอ่ื นระดบั ชัน้ และจบ กำรศกึ ษำ กำหนดเกณฑก์ ำรตัดสินเป็น ๔ ระดับและควำมหมำยของแตล่ ะระดบั ดงั น้ี ดเี ยี่ยม หมำยถงึ นกั เรยี นปฏบิ ัตติ นตำมคุณลกั ษณะจนเปน็ นิสยั และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวันเพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสงั คม โดยพจิ ำรณำจำกผลกำรประเมินระดบั ดเี ย่ียม จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลักษณะและไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใดได้ผลกำรประเมินตำ่ กวำ่ ระดบั ดี ดี หมำยถงึ นักเรยี นมีคณุ ลักษณะในกำรปฏบิ ัตติ ำมกฎเกณฑ์ เพื่อใหเ้ ปน็ กำรยอมรับของสงั คม โดยพจิ ำรณำจำก (๑) ได้ผลกำรประเมนิ ระดบั ดเี ยี่ยม จำนวน ๑-๔ คณุ ลักษณะและไม่มีคณุ ลกั ษณะใด ได้ผลกำรประเมนิ ตำ่ กวำ่ ระดบั ดี หรอื (๒) ไดผ้ ลกำรประเมินระดบั ดเี ยีย่ ม จำนวน ๔ คณุ ลกั ษณะและไมม่ คี ณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลกำรประเมินตำ่ กว่ำระดบั ผำ่ น หรอื (๓) ไดผ้ ลกำรประเมนิ ระดบั ดี จำนวน ๕-๘ คณุ ลักษณะและไม่มีคณุ ลกั ษณะใด ได้ผลกำรประเมนิ ต่ำกว่ำระดบั ผำ่ น ผา่ น หมำยถึง นักเรียนรบั รู้และปฏิบัตติ ำมกฎเกณฑแ์ ละเงื่อนไขทโี่ รงเรียนกำหนดโดยพจิ ำรณำจำก (๑) ได้ผลกำรประเมนิ ระดบั ผำ่ น จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใด ไดผ้ ลกำรประเมินต่ำกวำ่ ระดบั ผำ่ น หรอื (๒) ไดผ้ ลกำรประเมินระดบั ดี จำนวน ๔ คุณลักษณะและไม่มคี ณุ ลักษณะใดได้ผลกำร ประเมินตำ่ กวำ่ ระดบั ผ่ำน ไม่ผ่าน หมำยถึง นกั เรยี นรบั รูแ้ ละปฏบิ ตั ิไดไ้ มค่ รบตำมกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขทโี่ รงเรยี นกำหนด โดย พิจำรณำจำกมผี ลกำรประเมนิ ระดบั ไมผ่ ำ่ น ตงั้ แต่ ๑ คุณลกั ษณะ (4) กำรประเมนิ กจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี นจะตอ้ งพจิ ำรณำท้ังเวลำกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมอยำ่ งนอ้ ยรอ้ ยละ ๘๐ กำรปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงำนของนักเรียนตอ้ งผำ่ นรอ้ ยละ ๗๐ และใหผ้ ลกำรประเมินเปน็ ผ่ำนและไมผ่ ำ่ น โดยใหใ้ ช้ตัวอักษรแสดงผลกำรประเมินดงั น้ี “ผ” หมำยถงึ นกั เรียนมเี วลำกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม กำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและมผี ลงำนผำ่ นเกณฑ์ “มผ” หมำยถงึ นกั เรียนมเี วลำกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม กำรปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและมผี ลงำนไม่ผ่ำน เกณฑ์ หลกั สูตรโรงเรียนวดั พชื นิมติ (คำสวสั ดร์ิ ำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
108 ในกรณีที่นกั เรียนไดผ้ ลกำรเรยี น “มผ” ให้ครผู ู้สอนจัดซอ่ มเสริมใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมในส่วนท่ีนกั เรยี น ไมไ่ ดเ้ ขำ้ ร่วม หรอื ไมไ่ ดท้ ำจนครบถ้วน แลว้ จึงเปล่ยี นผลกำรเรยี นจำกไมผ่ ่ำนเป็นผำ่ น ท้ังนีต้ อ้ งดำเนนิ กำรให้ เสรจ็ ส้นิ ภำยในปีกำรศกึ ษำนั้น การสอนซอ่ มเสรมิ เป็นสว่ นหนึง่ ของกระบวนกำรจดั กำรเรียนรแู้ ละเปน็ กำรใหโ้ อกำสแก่นักเรียนไดม้ ี เวลำเรยี นรสู้ ิง่ ตำ่ งๆ เพิม่ ข้นึ จนสำมำรถบรรลตุ ำมมำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตวั ชี้วัดที่กำหนดไว้ กำรสอนซอ่ มเสรมิ เป็นเปน็ กำรสอนเพือ่ แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง กรณที น่ี กั เรยี นมคี วำมรู้ ทักษะกระบวนกำร หรอื เจตคต/ิ คุณลกั ษณะ ไม่ เปน็ ไปตำมเกณฑท์ ่ีโรงเรียนกำหนด กำรดำเนนิ กำรสอนซ่อมเสรมิ นน้ั ใหค้ รูผสู้ อนจัดสอนซ่อมเสรมิ ให้แก่นกั เรยี นเป็นกรณพี เิ ศษนอกเหนือไปจำกกำร สอนปกติ เพอื่ พัฒนำใหน้ กั เรียนสำมำรถบรรลมุ ำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั เปน็ กำรให้โอกำสแกน่ กั เรยี นได้ เรียนรู้และพฒั นำ โดยจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ท่ีหลำกหลำยและตอบสนองควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ๑.๓ การรายงานผลการเรียน กำรรำยงำนผลกำรเรียนเปน็ กำรสอ่ื สำรใหผ้ ปู้ กครองและผู้เรยี นทรำบควำมก้ำวหนำ้ ในกำรเรยี นรขู้ อง ผูเ้ รียน ซงึ่ สถำนศกึ ษำตอ้ งสรุปผลกำรประเมนิ และจัดทำเอกสำรรำยงำนใหผ้ ปู้ กครองทรำบเป็นระยะๆ หรืออยำ่ ง น้อยภำคเรียนละ ๑ ครง้ั กำรรำยงำนผลกำรเรียนสำมำรถรำยงำนเป็นระดบั คณุ ภำพกำรปฏบิ ัตขิ องผเู้ รียนทสี่ ะท้อนมำตรฐำน กำรเรยี นรกู้ ลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ๒. เกณฑก์ ารจบการศึกษา 2.1 การเลอื่ นชนั้ เม่ือส้ินปีกำรศกึ ษำ นกั เรยี นจะไดร้ บั กำรเล่ือนชั้น ต้องมีคณุ สมบตั ติ ำมเกณฑ์ ดงั ต่อไปนี้ (๑) นักเรยี นมเี วลำเรียนตลอดปีกำรศึกษำไมน่ ้อยกวำ่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลำเรียนท้ังหมด (๒) นักเรียนมผี ลกำรประเมนิ ผ่ำนทกุ รำยวิชำพน้ื ฐำนและเพม่ิ เตมิ (๓) นกั เรยี นตอ้ งไดร้ บั กำรประเมนิ กำรอำ่ น คดิ วิเครำะห์และเขียน กำรประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ กำรประเมนิ กจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี น โดยตอ้ งมผี ลกำรประเมินในระดับผำ่ น ทง้ั นี้ ถ้ำนักเรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและพิจำรณำเห็นว่ำสำมำรถพัฒนำและสอนซ่อม เสรมิ ได้ ควรผอ่ นผนั ให้เลื่อนช้นั ได้ สำหรับในกรณีทีพ่ บวำ่ มีนกั เรยี นกลุ่มพเิ ศษประเภทต่ำงๆ ทม่ี ปี ัญหำในกำรเรยี นรู้ ใหค้ รูผสู้ อน/ ครปู ระจำช้นั แจ้งผู้อำนวยกำรโรงเรยี นเพอื่ ดำเนินงำนรว่ มกับสำนกั งำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศึกษำ/ศูนย์กำรศึกษำพิเศษ จังหวดั /ศนู ย์กำรศกึ ษำพเิ ศษเขตกำรศกึ ษำ/หนว่ ยงำนต้นสังกัด โรงเรียนเฉพำะควำมพกิ ำร หำแนวทำงกำรแก้ไข และพัฒนำ ๒.2 เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา ๑. ผ้เู รียนเรยี นรำยวิชำพนื้ ฐำน จำนวน ๘๔๐ ชว่ั โมง และรำยวิชำเพิ่มเตมิ จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง และมผี ลกำรประเมนิ รำยวชิ ำพืน้ ฐำนผำ่ นทกุ รำยวชิ ำ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดร์ิ ำษฎร์บำรุง) ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพนื้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
109 ๒. ผูเ้ รียนต้องมีผลกำรประเมินกำรอำ่ น คดิ วิเครำะห์ และเขียน ระดับ “ผ่ำน” ขึน้ ไป ๓. ผูเ้ รยี นมีผลกำรประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับ “ผำ่ น” ข้ึนไป ๔. ผู้เรียนต้องเข้ำร่วมกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนและได้รับกำรตัดสินผลกำรเรียน “ผ่ำน” ทุก กจิ กรรม 5. ผู้เรียนตอ้ งมผี ลกำรประเมินรำยวชิ ำพนื้ ฐำน ระดบั ๑ ขึ้นไปทกุ รำยวิชำพื้นฐำน จึงจะถือ วำ่ ผ่ำนรำยวชิ ำพ้ืนฐำน สำหรับกำรจบกำรศึกษำสำหรับกลุ่มเป้ำหมำยเฉพำะ เช่น กำรศึกษำเฉพำะทำง กำรศึกษำสำหรับผู้มี ควำมสำมำรถพิเศษ กำรศกึ ษำทำงเลือก กำรศกึ ษำสำหรบั ผู้ดอ้ ยโอกำส กำรศึกษำตำมอธั ยำศัย ใหค้ ณะกรรมกำร ของสถำนศึกษำ เขตพน้ื ท่ีกำรศึกษำ และผู้ทเี่ กีย่ วข้อง ดำเนินกำรวัดและประเมินผล กำรเรียนรู้ตำมหลกั เกณฑใ์ น แนวปฏบิ ตั กิ ำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนสำหรับกลุ่มเป้ำหมำย เฉพำะ การเทยี บโอนผลการเรียน สถำนศึกษำสำมำรถเทยี บโอนผลกำรเรียนของผู้เรียนในกรณตี ่ำงๆได้แก่ กำรยำ้ ยสถำนศกึ ษำ กำรเปลยี่ น รปู แบบกำรศึกษำ กำรย้ำยหลักสูตร กำรออกกลำงคนั และขอกลับเข้ำรับกำรศึกษำต่อ กำรศึกษำจำกต่ำงประเทศ และขอเข้ำศึกษำต่อในประเทศ นอกจำกน้ี ยงั สำมำรถเทยี บโอนควำมรู้ ทกั ษะ ประสบกำรณจ์ ำกแหล่งกำรเรียนรู้ อื่นๆ เชน่ สถำนประกอบกำร สถำบันศำสนำ สถำบนั กำรฝึกอบรมอำชีพ กำรจัดกำรศกึ ษำโดยครอบครวั กำรเทียบโอนผลกำรเรียนควรดำเนินกำรในช่วงก่อนเปิดภำคเรียนแรก หรือต้นภำคเรียนแรก ที่ สถำนศึกษำรับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังนี้ ผู้เรียนท่ีได้รับกำรเทียบโอนผลกำรเรียนต้องศึกษำต่อเนื่องใน สถำนศึกษำที่รับเทียบโอนอย่ำงน้อย ๑ ภำคเรียน โดยสถำนศึกษำท่ีรับผู้เรียนจำกกำรเทียบโอนควรกำหนด รำยวชิ ำ/จำนวนหน่วยกติ ท่ีจะรบั เทียบโอนตำมควำมเหมำะสม กำรพิจำรณำกำรเทยี บโอน สำมำรถดำเนนิ กำรได้ ดงั นี้ ๑. พจิ ำรณำจำกหลกั ฐำนกำรศกึ ษำ และเอกสำรอน่ื ๆ ที่ให้ขอ้ มลู แสดงควำมรู้ ควำมสำมำรถของผเู้ รียน ๒. พจิ ำรณำจำกควำมรู้ ควำมสำมำรถของผเู้ รยี นโดยกำรทดสอบด้วยวธิ ีกำรตำ่ งๆ ทง้ั ภำคควำมรู้และ ภำคปฏิบตั ิ ๓. พจิ ำรณำจำกควำมสำมำรถและกำรปฏิบตั ใิ นสภำพจรงิ กำรเทียบโอนผลกำรเรียนใหเ้ ปน็ ไปตำม ประกำศ หรอื แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษำธิกำร เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ เปน็ เอกสำรสำคญั ทีบ่ ันทกึ ผลกำรเรียน ข้อมูลและสำรสนเทศท่ีเกี่ยวข้องกับ พัฒนำกำรของผเู้ รยี นในดำ้ นตำ่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกาหนด หลักสตู รโรงเรียนวัดพชื นิมิต (คำสวสั ด์ริ ำษฎรบ์ ำรงุ ) ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พ้นื ฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
110 ๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน เป็นเอกสำรแสดงผลกำรเรยี นและรบั รองผลกำรเรยี นของผเู้ รยี น ตำมรำยวิชำ ผลกำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์และเขียน ผลกำรประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถำนศึกษำ และผลกำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น สถำนศกึ ษำจะต้องบนั ทึกขอ้ มูลและออกเอกสำรนีใ้ ห้ผเู้ รยี น เป็นรำยบคุ คล เมือ่ ผู้เรยี นจบกำรศกึ ษำระดบั ประถมศกึ ษำ (ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๖) ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา เป็นเอกสำรอนุมตั ิกำรจบหลักสูตรโดยบันทึกรำยช่ือและ ขอ้ มูลของผ้จู บกำรศึกษำระดบั ประถมศกึ ษำ (ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทสี่ ถานศึกษากาหนด เปน็ เอกสำรท่ีสถำนศึกษำจดั ทำขนึ้ เพ่ือบนั ทกึ พัฒนำกำร ผลกำรเรยี นรู้ และขอ้ มูลสำคัญ เกี่ยวกับผเู้ รยี น เช่น แบบรำยงำนประจำตัวนักเรยี น แบบบนั ทึกผลกำรเรยี นประจำรำยวิชำ ระเบียนสะสม ใบรบั รองผลกำรเรยี น และ เอกสำรอ่นื ๆ ตำมวตั ถุประสงค์ของกำรนำเอกสำรไปใช้ การจดั การเรียนรู้ กำรจัดกำรเรียนรู้เป็นกระบวนกำรสำคญั ในกำรนำหลกั สตู รสู่กำรปฏิบัติ หลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้น พ้นื ฐำน เป็นหลักสูตรท่ีมีมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น เปำ้ หมำยสำหรับพัฒนำเด็กและเยำวชน ในกำรพัฒนำผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตำมเป้ำหมำยหลักสูตร ผู้สอนพยำยำมคัดสรร กระบวนกำรเรียนรู้ จัดกำรเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผำ่ นสำระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝัง เสรมิ สร้ำงคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พัฒนำทกั ษะตำ่ งๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผูเ้ รยี นบรรลุตำมเปำ้ หมำย ๑. หลกั การจัดการเรยี นรู้ กำรจัดกำรเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีควำมรู้ควำมสำมำรถตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตำมที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน โดยยึดหลักว่ำ ผู้เรียนมี ควำมสำคัญที่สุด เชื่อว่ำทุกคนมีควำมสำมำรถเรียนรู้และพัฒนำตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ต้องส่งเสริมใหผ้ ้เู รียน สำมำรถพฒั นำตำมธรรมชำติและเต็มตำมศกั ยภำพ คำนึงถึงควำม แตกตำ่ งระหว่ำงบุคคลและพัฒนำกำรทำงสมองเนน้ ให้ควำมสำคญั ทัง้ ควำมรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ กำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอำศัยกระบวนกำรเรียนรู้ที่หลำกหลำย เป็น เคร่ืองมือที่จะนำพำตนเองไปสู่เป้ำหมำยของหลักสูตร กระบวนกำรเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อำทิ กระบวนกำรเรียนรู้แบบบูรณำกำร กระบวนกำรสรำ้ งควำมรู้ กระบวนกำรคดิ กระบวนกำรทำงสังคม กระบวนกำร เผชิญสถำนกำรณ์และแก้ปัญหำ กระบวนกำรเรียนรู้จำกประสบกำรณ์จริง กระบวนกำรปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนกำรจัดกำร กระบวนกำรวิจัย กระบวนกำรเรียนรู้กำรเรยี นรูข้ องตนเอง กระบวนกำรพัฒนำลักษณะนิสยั หลกั สูตรโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวัสด์ริ ำษฎร์บำรุง) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขัน้ พืน้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
111 กระบวนกำรเหล่ำนี้เป็นแนวทำงในกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับกำรฝึกฝน พัฒนำ เพรำะจะ สำมำรถชว่ ยให้ผ้เู รยี นเกิดกำรเรียนรไู้ ด้ดี บรรลเุ ป้ำหมำยของหลกั สตู ร ดังนัน้ ผู้สอน จงึ จำเปน็ ตอ้ งศึกษำทำควำม เขำ้ ใจในกระบวนกำรเรียนรตู้ ำ่ ง ๆ เพือ่ ให้สำมำรถเลือกใช้ในกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษำหลักสูตรสถำนศึกษำให้เข้ำใจถึงมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสำระกำรเรียนรู้ที่เหมำะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจำรณำออกแบบกำร จดั กำรเรียนรู้โดยเลือกใชว้ ิธีสอนและเทคนิคกำรสอน สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ กำรวดั และประเมินผล เพื่อให้ผ้เู รียนได้ พัฒนำเต็มตำมศักยภำพและบรรลตุ ำมเปำ้ หมำยท่กี ำหนด ๔. บทบาทของผสู้ อนและผ้เู รยี น กำรจัดกำรเรียนรูเ้ พ่ือให้ผู้เรยี นมีคุณภำพตำมเป้ำหมำยของหลกั สตู ร ทั้งผู้สอนและผูเ้ รียนควรมีบทบำท ดังน้ี . ๔.๑ บทบาทของผ้สู อน ๑) ศกึ ษำวเิ ครำะห์ผู้เรยี นเปน็ รำยบุคคล แลว้ นำขอ้ มลู มำใช้ในกำรวำงแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ที่ ท้ำทควำมสำมำรถของผู้เรยี น ๒) กำหนดเป้ำหมำยที่ต้องกำรใหเ้ กิดขึ้นกับผู้เรียน ด้ำนควำมรู้และทักษะกระบวนกำร ท่ีเป็น ควำมคิดรวบยอด หลกั กำร และควำมสัมพนั ธ์ รวมท้ังคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบกำรเรียนรู้และจัดกำรเรียนรู้ที่ตอบสนองควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลและ พัฒนำกำรทำงสมอง เพือ่ นำผเู้ รยี นไปสเู่ ป้ำหมำย ๔) จดั บรรยำกำศทเ่ี ออื้ ต่อกำรเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลอื ผเู้ รยี นใหเ้ กิดกำรเรียนรู้ ๕) จัดเตรยี มและเลอื กใชส้ ่ือใหเ้ หมำะสมกับกจิ กรรม นำภมู ิปญั ญำท้องถ่ิน เทคโนโลยีทเี่ หมำะสม มำประยกุ ตใ์ ชใ้ นกำรจัดกำรเรยี นกำรสอน ๖) ประเมินควำมก้ำวหน้ำของผ้เู รียนดว้ ยวธิ ีกำรทห่ี ลำกหลำย เหมำะสมกบั ธรรมชำติของวิชำ และระดับพัฒนำกำรของผูเ้ รยี น ๗) วิเครำะห์ผลกำรประเมินมำใชใ้ นกำรซอ่ มเสริมและพฒั นำผ้เู รียน รวมท้งั ปรบั ปรงุ กำรจัดกำร เรยี นกำรสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผูเ้ รียน ๑) กำหนดเป้ำหมำย วำงแผน และรบั ผดิ ชอบกำรเรียนร้ขู องตนเอง ๒) เสำะแสวงหำควำมรู้ เข้ำถึงแหล่งกำรเรียนรู้ วิเครำะห์ สังเครำะห์ข้อควำมรู้ ตั้งคำถำม คิดหำ คำตอบหรอื หำแนวทำงแก้ปัญหำด้วยวิธีกำรตำ่ งๆ ๓) ลงมอื ปฏิบัติจริง สรุปสิง่ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง และนำควำมรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ในสถำนกำรณต์ ่ำงๆ ๔) มีปฏสิ มั พันธ์ ทำงำน ทำกิจกรรมร่วมกบั กลมุ่ และครู ๕) ประเมนิ และพัฒนำกระบวนกำรเรียนรู้ของตนเองอย่ำงตอ่ เนื่อง หลกั สตู รโรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ด์ิรำษฎรบ์ ำรงุ ) ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
112 สอ่ื การเรยี นรู้ สื่อกำรเรียนรู้เปน็ เครื่องมอื ส่งเสริมสนบั สนนุ กำรจัดกำรกระบวนกำรเรยี นรู้ ใหผ้ ้เู รยี นเขำ้ ถึงควำมรู้ ทกั ษะ กระบวนกำร และคุณลักษณะตำมมำตรฐำนของหลักสูตรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ สื่อกำรเรียนรู้มีหลำกหลำย ประเภท ทั้งสื่อธรรมชำติ สื่อส่งิ พิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครือขำ่ ย กำรเรียนร้ตู ่ำงๆ ที่มใี นท้องถ่ิน กำรเลือกใชส้ ่ือ ควรเลอื กใหม้ คี วำมเหมำะสมกับระดบั พัฒนำกำร และลลี ำกำรเรยี นรู้ท่หี ลำกหลำยของผเู้ รียน กำรจัดหำส่ือกำรเรียนรู้ ผูเ้ รียนและผู้สอนสำมำรถจัดทำและพัฒนำขึ้นเอง หรอื ปรับปรุงเลอื กใช้อย่ำงมี คุณภำพจำกส่ือต่ำงๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมำใช้ประกอบในกำรจัดกำรเรียนรู้ที่สำมำรถส่งเสริมและส่ือสำรให้ ผู้เรยี นเกิดกำรเรียนรู้ โดยสถำนศกึ ษำควรจัดให้มีอยำ่ งพอเพยี ง เพือ่ พฒั นำให้ผเู้ รียน เกดิ กำรเรียนร้อู ยำ่ งแท้จริง สถำนศึกษำ เขตพืน้ ทก่ี ำรศกึ ษำ หน่วยงำนทเ่ี กีย่ วข้องและผมู้ ีหนำ้ ทจ่ี ัดกำรศึกษำข้ันพนื้ ฐำน ควรดำเนนิ กำรดงั นี้ ๑. จัดให้มีแหล่งกำรเรียนรู้ ศูนย์สื่อกำรเรียนรู้ ระบบสำรสนเทศกำรเรียนรู้ และเครือข่ำย กำรเรียนรู้ทม่ี ีประสิทธิภำพท้ังในสถำนศกึ ษำและในชมุ ชน เพอ่ื กำรศกึ ษำคน้ คว้ำและกำรแลกเปล่ยี นประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้ ระหวำ่ งสถำนศึกษำ ท้องถน่ิ ชุมชน สงั คมโลก ๒. จัดทำและจัดหำสื่อกำรเรียนรู้สำหรับกำรศึกษำค้นควำ้ ของผูเ้ รียน เสรมิ ควำมรใู้ ห้ผูส้ อน รวมทงั้ จัดหำ ส่งิ ทม่ี ีอยู่ในท้องถ่ินมำประยุกต์ใช้เปน็ ส่ือกำรเรยี นรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อกำรเรียนรู้ท่ีมีคุณภำพ มีควำมเหมำะสม มีควำมหลำกหลำย สอดคล้อง กับวิธีกำร เรยี นรู้ ธรรมชำตขิ องสำระกำรเรียนรู้ และควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบคุ คลของผ้เู รียน ๔. ประเมินคุณภำพของสอ่ื กำรเรียนรู้ท่ีเลือกใช้อย่ำงเป็นระบบ ๕. ศกึ ษำคน้ ควำ้ วิจัย เพ่ือพฒั นำสื่อกำรเรยี นรู้ใหส้ อดคล้องกับกระบวนกำรเรยี นรู้ของผ้เู รียน ๖. จัดให้มีกำรกำกับ ติดตำม ประเมินคุณภำพและประสิทธิภำพเกี่ยวกับสื่อและกำรใช้ส่ือ กำรเรียนรเู้ ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ ในกำรจัดทำ กำรเลือกใช้ และกำรประเมนิ คณุ ภำพสื่อกำรเรียนรู้ทใี่ ชใ้ นสถำนศึกษำ ควรคำนึงถงึ หลกั กำร สำคัญของส่ือกำรเรียนรู้ เช่น ควำมสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ กำรออกแบบกิจกรรมกำร เรยี นรู้ กำรจัดประสบกำรณ์ให้ผเู้ รยี น เน้ือหำมีควำมถกู ต้องและทันสมยั ไม่กระทบควำมมั่นคงของชำติ ไม่ขัดต่อ ศลี ธรรม มกี ำรใชภ้ ำษำทถ่ี ูกตอ้ ง รปู แบบกำรนำเสนอที่เขำ้ ใจงำ่ ย และน่ำสนใจ การบรหิ ารจดั การหลักสตู ร ในระบบกำรศึกษำทมี่ ีกำรกระจำยอำนำจให้ท้องถิ่นและสถำนศึกษำมีบทบำทในกำรพัฒนำหลักสูตรน้ัน หนว่ ยงำนต่ำงๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องในแตล่ ะระดับ ต้งั แต่ระดบั ชำติ ระดบั ท้องถนิ่ จนถึงระดับสถำนศกึ ษำ มบี ทบำทหนำ้ ท่ี และควำมรับผดิ ชอบในกำรพัฒนำ สนับสนุน ส่งเสริม กำรใชแ้ ละพัฒนำหลักสูตรใหเ้ ป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ เพอ่ื ให้กำรดำเนนิ กำรจัดทำหลักสตู รสถำนศกึ ษำและกำรจดั กำรเรียนกำรสอนของสถำนศกึ ษำมปี ระสทิ ธภิ ำพสงู สดุ อันจะส่งผลให้กำรพฒั นำคณุ ภำพผู้เรียนบรรลุตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ทีก่ ำหนดไว้ในระดับชำติ ระดับทอ้ งถิ่น ได้แก่ สำนักงำนเขตพื้นทก่ี ำรศึกษำ หนว่ ยงำนต้นสังกัดอ่ืน ๆ เป็นหน่วยงำนที่มีบทบำทใน กำรขับเคล่ือนคุณภำพกำรจัดกำรศึกษำ เป็นตัวกลำงที่จะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลำ งกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนที่ กำหนดในระดับชำติให้สอดคล้องกับสภำพและควำมต้องกำรของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่กำรจัดทำหลักสูตรของ หลกั สูตรโรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ดิร์ ำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
113 สถำนศึกษำ สง่ เสรมิ กำรใช้และพฒั นำหลักสตู รในระดับสถำนศกึ ษำ ใหป้ ระสบควำมสำเรจ็ โดยมีภำรกิจสำคญั คอื กำหนดเป้ำหมำยและจุดเน้นกำรพัฒนำคุณภำพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจำรณำให้สอดคล้องกับสิ่งท่ีเป็น ควำมต้องกำรในระดับชำติ พัฒนำสำระ กำรเรียนร้ทู ้องถิ่น ประเมินคุณภำพกำรศึกษำในระดับท้องถ่ิน รวมทั้ง เพิ่มพูนคุณภำพกำรใช้หลักสูตรด้วยกำรวิจัยและพัฒนำ กำรพัฒนำบุคลำกร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตำมผล ประเมนิ ผล วิเครำะห์ และรำยงำนผลคุณภำพของผเู้ รยี น สถำนศึกษำมีหนำ้ ท่ีสำคญั ในกำรพัฒนำหลกั สูตรสถำนศกึ ษำ กำรวำงแผนและดำเนินกำรใชห้ ลักสตู ร กำร เพ่มิ พูนคณุ ภำพกำรใชห้ ลักสตู รด้วยกำรวจิ ัยและพัฒนำ กำรปรับปรุงและพัฒนำหลักสตู รจัดทำระเบียบกำรวดั และ ประเมินผล ในกำรพัฒนำหลักสูตรสถำนศึกษำต้องพิจำรณำให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ัน พนื้ ฐำน และรำยละเอยี ดท่ีเขตพืน้ ทีก่ ำรศึกษำ หรือหน่วยงำน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถ่นิ ได้จดั ทำเพม่ิ เตมิ รวมท้ัง สถำนศกึ ษำสำมำรถเพมิ่ เตมิ ในส่วนทเี่ กยี่ วกบั สภำพปญั หำในชุมชนและสงั คม ภมู ิปญั ญำท้องถน่ิ และควำมตอ้ งกำร ของผู้เรยี น โดยทุกภำคส่วนเข้ำมำมีสว่ นร่วมในกำรพฒั นำหลกั สูตรสถำนศกึ ษำ อภิธานศพั ท์ การเดาความหมายจากบรบิ ท ( context clue) กำรเดำควำมหมำยของคำศัพท์หรือข้อควำมท่ีไม่ทรำบควำมหมำยโดยไม่ต้องเปิดพจนำนุกรม เป็นกำร เดำควำมหมำยนน้ั โดยอำศัยกำรช้ีแนะจำกคำศัพท์หรือขอ้ ควำมที่แวดล้อมคำศัพท์หรือข้อควำมท่ีอ่ำนเพื่อช่วยใน กำรทำควำมเขำ้ ใจหรอื ตคี วำมหมำยของคำศัพท์หรือข้อควำมที่ไม่เข้ำใจควำมหมำย หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวสั ด์ิรำษฎร์บำรงุ ) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
114 การถา่ ยโอนข้อมูล กำรแปลงข้อมูลทผ่ี สู้ ่งสำรต้องกำรจะส่ือสำรให้ผ้รู ับสำรเข้ำใจควำมหมำยในรูปแบบทตี่ ้องกำร เชน่ กำร ถำ่ ยโอนข้อมูลที่เป็นคำ ประโยค หรือข้อควำมไปเป็นข้อมูลที่เป็นกรำฟ สญั ลักษณ์ รูปภำพ แผนผัง แผนภมู ิ ตำรำง ฯลฯ หรือกำรถ่ำยโอนข้อมลู ท่ีเป็นกรำฟ สัญลักษณ์ รปู ภำพ แผนผงั แผนภมู ิ ตำรำง ฯลฯ ไปเป็น ข้อมูลที่เป็นคำ ประโยค หรือขอ้ ควำม ทักษะการสอ่ื สาร ทักษะกำรฟงั กำรพดู กำรอำ่ น และกำรเขียน ซง่ึ เปน็ เคร่อื งมือในกำรรับสำรและสง่ สำรด้วยภำษำน้นั ๆ ไดอ้ ย่ำงส่อื ควำมหมำย คลอ่ งแคล่ว ถกู ต้อง เขำ้ ถึงสำรได้อยำ่ งชัดเจน บทกลอน (nursery rhyme) บทรอ้ ยกรองสำหรบั เดก็ ท่ีมีคำคล้องจองและมีควำมไพเรำะ เพอ่ื ช่วยใหจ้ ดจำไดง้ ่ำย บทละครส้ัน (skit) งำนเขยี นหรอื บทละครสั้นท่มี ีกำรแสดงออกดว้ ยท่ำทำงและคำพูด ทำให้เกิดควำมสนุกสนำน อำจเป็น เรื่องทมี่ ำจำกนทิ ำน นิยำย ชวี ติ ของคน สัตว์ สิง่ ของ หรอื ตดั ตอนมำจำกงำนเขียน ภาษาทา่ ทาง กำรสอื่ สำรโดยกำรแสดงท่ำทำงแทนคำพูดหรอื กำรแสดงท่ำทำงประกอบคำพดู เพอ่ื ใหค้ วำมหมำยมี ควำมชดั เจนย่งิ ขึน้ กำรแสดงทำ่ ทำงต่ำงๆ อำจแสดงไดห้ ลำยลักษณะ เช่น กำรแสดงออกทำงสหี น้ำ กำรสบตำ กำรเคลือ่ นไหวศีรษะ มอื กำรยกมอื กำรพยักหนำ้ กำรเลกิ คิว้ เปน็ ตน้ วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา วถิ กี ำรดำเนินชวี ติ ของคนในสังคมท่ีใช้ภำษำนน้ั นับตัง้ แตว่ ธิ กี ำรกนิ อยู่ กำรแต่งกำย กำรทำงำน กำร พกั ผ่อน กำรแสดงอำรมณ์ กำรสื่อควำม ค่ำนิยม ควำมคิด ควำมเช่ือ ทัศนคติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกำล งำนฉลอง และมำรยำท เป็นตน้ ส่อื ทีไ่ มใ่ ช่ความเรยี ง (non – text information) สิง่ ที่ใช้ส่ือสำรแทนคำ วลี ประโยค และข้อควำม เช่น กรำฟ สัญลักษณ์ รูปภำพ สิง่ ของ แผนผัง แผนภูมิ ตำรำง เปน็ ต้น หลกั สูตรโรงเรียนวัดพืชนิมิต (คำสวสั ดิ์รำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
115 หลักสูตรโรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ดิ์รำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
116 หลักสูตรโรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ดิ์รำษฎรบ์ ำรุง) ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124