๑ ระเบยี บการวัดผลและประเมนิ ผล โรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ พุทธศกั ราช 256๔ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช 2560) สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
๒ คำนำ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ มี จุดประสงค์ท่ีจะพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีขีดความสามารถ ในการ แข่งขัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการเพ่ิมศักยภาพของผู้เรียนให้สูงข้ึน สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข บนพ้ืนฐาน ของความเป็นไทยและความเป็นสากล รวมท้ังมีความสามารถในการประกอบอาชีพ หรือศึกษา ต่อตามความ ถนดั ความสนใจและความสามารถของแตล่ ะบคุ คล การวัดผลประเมินผลการเรียนเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยให้ได้มาซึ่งข้อมูลมาพัฒนาผู้เรี ยนให้บรรลุ เป้าหมายของหลักสูตร เพ่ือความเข้าใจตรงกันและมีแนวทางปฏิบัติ ในเรื่องการประเมินผลการเรียนไปใน ทศิ ทางเดียวกัน โรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระ จงึ ได้จัดทำระเบียบการวัดผลประเมินผลการเรียน เพ่ือให้ผู้บริหาร ครู และผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งเขา้ ใจสาระและเจตนารมณ์ของระเบียบ ตลอดจนแนวปฏบิ ตั ทิ ถ่ี ูกต้อง โรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระ ได้นำระเบียบการวัดและประเมินผลไปใช้ประกอบกบั หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 2551 และได้มีการปรับปรุงในบางกลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนั้นระเบียบ การวัดและประเมินผลจึงต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้าน พบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ ขอขอบคุณ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา ที่ได้ร่วมกันปรับปรุงระเบียบการวัดผลประเมินผล ของโรงเรียนมา ณ ท่ีนี้ด้วย โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ หวังเป็นอย่างย่ิงว่า ระเบียบการวัดผลประเมินผลการเรียนฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานด้านการ วัดผลประเมนิ การเรียน อันจะนำไปสู่การพัฒนาคณุ ภาพของผเู้ รียนอยา่ งมีประสิทธภิ าพและเกิดประสทิ ธผิ ล กลุม่ บริหารวชิ าการ โรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ
สารบัญ ๓ คำนำ หนา้ สารบญั ก ข ประกาศโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ ระเบยี บโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระวา่ ดว้ ยการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 หมวด 1 หลักการในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ หมวด 2 องคป์ ระกอบของการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หมวด 3 วิธกี ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การประเมินผลเพ่อื ปรับปรุงพฒั นาการเรยี นรู้ การประเมินผลเพื่อปรับปรงุ การเรยี นรู้ หมวด 4 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา การตัดสนิ ผลการเรยี น การกำหนดคะแนนระหว่างเรยี นและปลายปี การประเมินผลการเรยี นรู้ให้ระดับผลการเรียน การเลือ่ นช้นั การเรยี นซำ้ ช้ัน การสอนซ่อมเสริม การจบระดบั ประถมศึกษา การใหร้ ะดับผลการเรยี น หมวด 5 การเทยี บโอนผลการเรยี น หมวด 6 การรายงานผลการเรียน จดุ มุ่งหมายการรายงานผลการเรยี น ขอ้ มลู ในการรายงานผลการเรียน ลักษณะขอ้ มูลสำหรับการรายงาน เปา้ หมายการรายงาน วธิ ีการรายงาน การกำหนดระยะเวลาในการรายงาน หมวด 7 เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกำหนด เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคมุ และบังคบั แบบ
เอกสารหลักฐานการศึกษาทสี่ ถานศกึ ษาดำเนินการเอง ๔ หมวด 8 การยา้ ยทเ่ี รยี น บรรณานุกรม 25 ภาคผนวก 27 ภาคผนวก ก คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 28 ภาคผนวก ข เอกสารต่างๆเก่ียวกบั การวัดและประเมนิ ผลโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 29 45
๑ a ประกาศโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระ เรอื่ ง ใหใ้ ชร้ ะเบียบการวัดและประเมนิ ผลโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ พทุ ธศักราช 256๔ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ 2560) ............................................................................ ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ เป็นระเบียบวัดผล ประเมินผลท่ีมีความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) และได้ดำเนนิ การ ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ 1239/2560 ลงวันท่ี 7 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2560 เรือ่ งให้ใช้หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยระเบียบนี้กำหนดให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบวัดผลประเมินผล โรงเรียนชุมชน บ้านพบพระ พุทธศักราช 2564 ในระดับประถมศึกษา โดยเร่ิมใช้ในปีการศึกษา 2564 เมื่อวันท่ี 1 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2564 จงึ ประกาศให้ใช้ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระ พุทธศกั ราช 2564 ประกาศ ณ วันที่ 1๔ มิถนุ ายน 2564 (นายสมจติ ปันปงิ ) (นายภูรนิ ท์ ชนลิ กุล) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนชุมชนบา้ นพบพระ
๒ ระเบยี บโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ วา่ ดว้ ยการวดั ผลและประเมินผลการเรยี น ระดับประถมศกึ ษา พทุ ธศักราช 2561 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) ------------------------------------------------------------------- ตามทีโ่ รงเรียนชชุ นบ้านพบพระ ได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 25๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามคำส่ัง กระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ 1239/2560 ลงวันที่ 8 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2560 เรื่องให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) จึงเป็นการสมควรที่กำหนดระเบียบ โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) เพ่ือให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สอดคล้องกับคำสัง่ ดงั กล่าว ฉะน้ันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญั ติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบง่ ส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลกั สูตร และงานวิชาการ สถานศึกษาข้ันพนื้ ฐานโดยความเห็นขอบของคระกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ วา่ ด้วยการวดั และประเมนิ ผลการเรียน ระดับประถมศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ข้อ 2 ระเบยี บน้ีให้ใช้บังคบั ต้ังแต่ปีการศึกษา 256๔ เป็นตน้ ไป ขอ้ 3 ให้ยกเลกิ ระเบียบ ข้อบังคับ ท่ีขดั แย้งกบั ระเบยี บนี้ ใหใ้ ช้ระเบยี บนแ้ี ทน ข้อ 4 ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนี้ควบค่กู ับหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ขอ้ 5 ใหผ้ บู้ รหิ ารสถานศึกษารักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บนี้
๓ หมวด 1 หลกั การในการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ขอ้ 5 หลักการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและและประเมินผลการเรียนรู้ของโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตร นำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินผลการเรียน สถานศึกษาจึงมี กระบวนการจัดการที่เป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินการวดั และประเมินผลการเรียนรู้เป็นไปอย่างมคี ุณภาพและ ประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพการเรียนรู้ ความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน ถูกต้องตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมท้ังสามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาจึงกำหนดหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือเป็น แนวทางในการตัดสนิ ใจเก่ียวกบั การวัดและประเมินผลการเรียนรูข้ องสถานศึกษา ดังน้ี 5.1 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น เปดิ โอกาสใหท้ กุ ฝ่ายท่เี กีย่ วขอ้ งมสี ่วนรว่ ม 5.๒ การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการ เรยี นรู้และตดั สินผลการเรียน 5.๓ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชวี้ ัดตามกลุ่มสาระการเรยี นร้ทู ี่กำหนดในหลักสูตร และจัดใหม้ ีการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 5.๔ การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกต พฤติกรรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความ เหมาะสมของแตล่ ะระดับ 5.๕ การวดั และประเมินผลการเรียนรูเ้ ป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรยี นการสอนต้อง ดำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ท้ังด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสิ่งท่ีต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และระดบั ชนั้ ของผเู้ รียนโดยตงั้ อยู่บนพ้นื ฐานความเท่ียงตรง ยตุ ิธรรม และเชอ่ื ถือได้ 5.6 เปิดโอกาสให้ผเู้ รียนและผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งตรวจสอบผลการประเมินผลการเรยี นรู้ 5.7 มีการเทียบโอนผลการเรียนระหวา่ งสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาตา่ ง ๆ 5.8 จัดทำเอกสารหลกั ฐานการศึกษา เพ่ือเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงาน ผลการเรียน แสดงวฒุ ิการศึกษาและรับรองผลการเรียนของผูเ้ รียน
๔ หมวด 2 องคป์ ระกอบของการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ข้อ 6 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 กำหนดจุดหมาย สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน และมาตรฐาน การเรยี นรเู้ ป็น เป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาผู้เรียนใหเ้ ป็นคนดี มีปัญญา มีคณุ ภาพชวี ิตท่ีดีและมขี ีดความสามารถ ในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดที่กำหนดในกลุ่ม สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ มีความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน มีคุณลักษณะอันพึง ประสงคแ์ ละเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน และการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มอี งคป์ ระกอบดงั นี้ 6.1 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ตามรายกล่มุ สาระการเรียนรู้ ผู้สอนทำการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชา บนพื้นฐานของตัวช้ีวัดใน รายวิชาพนื้ ฐานและผลการการเรยี นรูใ้ นรายวิชาเพม่ิ เติมตามท่ีกำหนดในหน่วยการเรียนรู้ โดยผู้สอนใช้วิธกี ารท่ี หลากหลายจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน โดยทำ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้อยา่ งต่อเนื่องไปพรอ้ มกบั การจัดการเรียนการสอน สงั เกตพฒั นาการและความ ประพฤตขิ องผู้เรยี น สงั เกตพฤติกรรมการเรียน การรว่ มกจิ กรรม และการทดสอบ ผูส้ อนควรเน้นการประเมิน ตามสภาพจริง เช่น การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงาน หรือการประเมินจากแฟ้มสะสม ผลงาน ฯลฯ ควบคู่ไปกับการใชก้ ารทดสอบแบบต่าง ๆ อย่างสมดลุ ตอ้ งให้ความสำคัญกบั การประเมินระหว่าง เรียนมากกว่าการประเมินปลายปี/ปลายภาค และใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมินเล่ือนชั้นเรียนและจบการศึกษา ระดบั ต่าง ๆ 6.2 การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการ อ่านหนังสือ เอกสาร และส่ือตา่ ง ๆ เพอ่ื หาความรู้ เพ่ิมพูนประสบการณ์ ความสนุ ทรีย์และการประยุกตใ์ ช้ แล้ว นำเน้ือหาสาระท่ีอ่านมาคดิ วิเคราะห์ นำไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์ สร้างสรรค์ การแก้ปญั หาใน เรื่องต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วยการเขียนท่ีมีสำนวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและลำดับขั้นตอนในการ นำเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแกผ่ อู้ ่านได้อย่างชดั เจนตามความสามารถในแต่ละระดับชัน้ กรณีผู้เรียนมีความบกพร่องในกระบวนการด้านการเห็นหรือที่เกี่ยวข้องทำให้เป็นอุปสรรค ตอ่ การอ่าน สถานศึกษาสารถปรับวิธีการประเมนิ ให้เหมาะสมกบั ผเู้ รียนกลุ่มเปา้ หมายน้ัน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สถานศึกษาต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและ สรุปผลเป็นรายป/ี รายภาค เพ่ือวินิจฉยั และใช้เป็นข้อมลู ในการพัฒนาผู้เรยี นและประเมินการเล่ือนช้นั ตลอดจน การจบการศึกษาตา่ ง ๆ 6.3 การประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินคุณลักษณะท่ีต้องการให้เกินขึ้นกับ ผู้เรียน อันเปน็ คุณลกั ษณะที่สังคมต้องการในดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม จิตสำนึก สามารถอย่รู ่วมกบั ผ้อู ่ืน ในสังคมได้อย่างมีความสุข ท้ังในฐานะพลเมืองไทยและพลเมืองโลก หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
๕ พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ คุณลักษณะ ในการประเมินให้ประเมินแต่ละ คุณลักษณะ แล้วรวบรวมผลการประเมินจากผปู้ ระเมินทุกฝ่ายและแหล่งขอ้ มูลหลายแหล่งเพ่ือให้ไดข้ ้อมูลนำมา สกู่ ารสรุปผลเปน็ รายปี/รายภาค และใชเ้ ป็นข้อมลู เพือ่ การประเมนิ เลือ่ นชั้นและการจบศึกษาระดบั ต่าง ๆ 6.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของ ผู้เรียนและเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ในแต่ละกิจกรรม และใช้เป็นข้อมูลเพื่อการ ประเมินเลอ่ื นช้นั และการจบศกึ ษาระดบั ต่าง ๆ
๖ หมวด 3 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ข้อ 7 การประเมินผลเพอ่ื ปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้ 7.1 การจัดการเรียนรู้ 7.1.1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ครูผสู้ อนแจง้ ให้นักเรยี นทราบดังน้ี 1) มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี 2) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 3) การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน 4) วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ขอ้ 1) , 2) และ 3) 5) เกณฑก์ ารผา่ นขอ้ 1), 2) และ 3) และการผ่านกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 7.1.2 การจัดการเรยี นร้กู จิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นครผู ู้สอนแจง้ ให้นักเรยี นทราบดงั น้ี 1) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 3) วธิ กี ารวดั และประเมินผลขอ้ 1) และ 2) 4) เกณฑก์ ารผา่ น ขอ้ 1) และ 2) และการผา่ นกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนต้องประเมินผลก่อนเรียนเพ่ือตรวจสอบ ความรูพ้ น้ื ฐานและทกั ษะเบือ้ งตน้ ของนกั เรียน 7.3 ระหวา่ งเรยี น ผสู้ อนประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องนกั เรยี นเป็นระยะ ๆ ดงั นี้ 7.3.1 ประเมินผลตามตวั ชว้ี ัดช้ันปีของรายวิชาเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและ เพ่อื การผ่านตัวชว้ี ัดช้นั ปี 7.3.2 ประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อพัฒนาการ เรียนรูแ้ ละการผา่ นการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน 7.3.3 ประเมนิ ผลตามตัวบง่ ชีแ้ ต่ละคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อประเมนิ วินจิ ฉัย และปรับเปลย่ี นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และการผา่ นการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.3.4 ประเมินผลตามจุดประสงค์การเรียนรู้ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อ พฒั นาการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นและเพอ่ื ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ของกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน 7.4 ปลายปี เมื่อจบกระบวนการเรียนรู้ มีการประเมินผลการเรียนรู้ปลายปี โดยเลือก ประเมินเฉพาะตัวชี้วัดช้นั ปีท่ีสำคัญให้ครอบคลุมทง้ั ความรู้ ทักษะกระบวนการ และการอ่านคดิ วิเคราะห์และ เขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพอื่ ตรวจสอบคณุ ภาพตามทก่ี ำหนดไวใ้ นหลักสตู ร ข้อ 8 การประเมินผลเพอ่ื ปรบั ปรงุ การเรียนรู้ ตามข้อ 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้อ 7.3 ระหว่างเรียน และข้อ 7.4 ปลายปี ถ้านักเรียนมีความรู้ความสามารถต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ให้ผู้สอนสอนซอ่ มเสรมิ ใหส้ อดคล้องกับลกั ษณะการเรยี นรขู้ องนกั เรียน ขอ้ 9 ให้ใชผ้ ลการประเมนิ ตามข้อ 7 ในการตดั สนิ ผลดงั น้ี
๗ 9.1 ตามข้อ 7.3.1 ตัดสนิ ผลการผา่ นตวั ชี้วดั ชั้นปีของรายวชิ าเพ่ือพัฒนาการเรียนรูข้ อง ผู้เรียนเพอ่ื ผ่านตัวชว้ี ัดชั้นปี ใชต้ ดั สนิ ผลการผา่ นตวั ช้ีวดั ช้ันปี 9.2 ตามขอ้ 7.3.1 การประเมินผลตวั ช้ีวัดชั้นปขี องรายวิชาเพอ่ื พัฒนาการเรยี นรู้ของ ผ้เู รยี นและเพ่ือผ่านตัวช้ีวดั ชั้นปี กบั 7.4 การประเมินผลปลายปี เม่อื จบกระบวนการเรียนรู้ ใช้ตดั สนิ ผลการ ผา่ นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 9.3 ตามข้อ 7.3.2 การประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กับ การประเมนิ ผลปลายปี ใช้ตดั สินผลการผ่านการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น 9.4 ตามขอ้ 7.3.3 ตัดสินผลการผ่านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.5 ตามขอ้ 7.3.4 ตดั สนิ ผลการผา่ นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
๘ หมวด 4 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ขอ้ 10 การตดั สนิ ผลการเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดโครงสร้าง เวลาเรียน มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทีส่ ถานศึกษาตอ้ งจัดใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ มีคุณภาพเต็มตามศักยภาพ สถานศกึ ษา จงึ กำหนดเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เพ่อื ตัดสินผลการเรยี นของผู้เรียน ดังนี้ 10.1 ผเู้ รียนตอ้ งมเี วลาเรยี นไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นท้งั หมด 10.2 ผเู้ รียนต้องไดร้ บั การประเมนิ ทุกตัวชวี้ ัดช้ันปี และผ่านรอ้ ยละ 100 ของตวั ชี้วดั ชน้ั ปี รายวชิ า 10.3 ผู้เรียนต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา 10.4 ผเู้ รยี นต้องได้รบั การประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ี่กำหนดใน การ อ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ข้อ 11 การกำหนดคะแนนระหว่างเรียนและปลายปี เพ่อื ใช้ตดั สนิ ผลการเรยี น กำหนดดงั น้ี 11.1 รายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นำคะแนนระหว่างเรียนรวมกับปลายภาคเรียน แล้วนำมาตัดสนิ ผลการเรยี น ดงั น้ี 11.1.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ , สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และภาษาต่างประเทศ กำหนดดงั นี้ คะแนนระหวา่ งปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี และรายวชิ าเพ่ิมเติม กำหนดดงั น้ี คะแนนระหว่างปี / ภาค 80 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 20 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพ่ือการเล่ือนระดับช้ันและจบ การศกึ ษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสินเปน็ 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดงั น้ี ดีเยี่ยม หมายถงึ มีผลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนทม่ี ี คณุ ภาพทด่ี เี ลิศอยูเ่ สมอ ดี หมายถึง มผี ลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี นท่ีมี คุณภาพเปน็ ทยี่ อมรับ ผ่าน หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียนที่มี คุณภาพเป็นทยี่ อมรับ แตย่ งั มีขอ้ บกพร่องบางประการ
๙ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไมม่ ผี ลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน หรือถ้ามผี ลงาน ผลงานน้ันยังมขี ้อบกพรอ่ งท่ีตอ้ งได้รบั การปรบั ปรุง แก้ไขหลายประการ 11.3 การสรุปผลประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์รวมทุกคุณลกั ษณะ เพ่ือการเลื่อนระดับชน้ั และจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์การตดั สินเปน็ 4 ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังนี้ ดเี ย่ยี ม หมายถงึ นักเรยี นปฏิบตั ติ ามคุณลกั ษณะจนเป็นนสิ ัยและนำไปใชใ้ น ชีวติ ประจำวนั เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจาก ผลการประเมนิ ระดบั ดเี ย่ียม จำนวน 5 -๘ คณุ ลักษณะ และไม่มี คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ดี ดี หมายถึง นักเรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามเกณฑ์ เพ่ือให้เป็นการยอมรับ ของสงั คมโดยพจิ ารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับดีเย่ียมจำนวน 1-4 คุณลักษณะและไม่มี คณุ ลกั ษณะใดที่ได้ผลการการประเมนิ ตำ่ กว่าระดบั ดีหรือ (2) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน 4 คุณลักษณะและไม่มี คณุ ลกั ษณะใดที่ไดผ้ ลการการประเมินต่ำกวา่ ระดบั ดีหรอื (3) ได้ผลการประเมินระดับดีเย่ียมจำนวน 5-8 คุณลักษณะและไม่มี คณุ ลกั ษณะใดทไี่ ด้ผลการการประเมินต่ำกว่าระดับดี ผา่ น หมายถงึ นักเรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีโรงเรียนกำหนดโดย พจิ ารณาจาก (1) ได้ผลการประเมินระดับผ่านจำนวน 5-8 คุณลักษณะและไม่มี คณุ ลักษณะใดทไ่ี ดผ้ ลการการประเมินต่ำกว่าระดบั ผ่านหรือ (2) ได้ผลการประเมินระดับดีจำนวน 4 คุณ ลักษณ ะและไม่มี คุณลักษณะใดท่ไี ด้ผลการการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดบั ผา่ น ไม่ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่อื นไขท่ีโรงเรียน กำหนด โดยพิจารณาจากมีผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ต้ังแต่1 คณุ ลักษณะ 11.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อยร้อย ละ80 การปฏิบัติกจิ กรรม และผลงานของนักเรียน ต้องผ่านร้อยละ 70 และให้ผลการประเมินเปน็ ผ่านและไม่ ผา่ น โดยให้ใช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมินดงั น้ี “ผ” หมายถึง นักเรยี นมีเวลาการรว่ มกจิ กรรม การปฏิบัติกิจกรรม และมผี ลงานผา่ นเกณฑ์ “มผ” หมายถึง นักเรียนมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงานไม่ผ่าน เกณฑ์ ในกรณี ท่ีนักเรียนได้ผลการเรียน “มผ” ให้ครูผู้สอนจักซ่อมเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมในส่วนท่ี นักเรียนไม่ได้เข้าร่วม หรือไม่ไดทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ียนผลการเรียนจากๆไม่ผ่านเป็นผ่าน ทั้งน้ีต้อง ดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษาน้นั
๑๐ 11.5 การสอนซอ่ มเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้ส่ิงต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ การ สอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องท่ีพบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผเู้ รียน การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนนิ การได้ในกรณดี งั ต่อไปน้ี 11.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น จะ จดั การสอนซ่อมเสรมิ ปรบั ความร้/ู ทักษะพน้ื ฐาน 11.2 การประเมินระหวา่ งเรยี น ผเู้ รยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะกระบวนการหรือ เจตคต/ิ คุณลักษณะ ทก่ี ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชวี้ ดั 11.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอนซ่อม เสรมิ ก่อนจะใหผ้ เู้ รียนสอบแกต้ วั ข้อ 12 การประเมินผลการเรียนรู้และใหร้ ะดับผลการเรียน สถานศึกษากำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ซ่ึงสามารถอธิบายผลการเรียนว่าผู้เรียนต้องมี ความรู้ ทกั ษะและคณุ ลกั ษณะโดยรวม ดังนี้ 12.1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ กำหนดผลการเรยี นเปน็ 8 ระดับ คือ ระดับผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนร้อยละ 4 ผลการเรียนดเี ยีย่ ม 80 - 100 3.5 ผลการเรียนดีมาก 75 - 79 3 ผลการเรียนดี 70 - 74 2.5 ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี 65 - 69 2 ผลการเรียนปานกลาง 60 - 64 1.5 ผลการเรยี นพอใช้ 55 - 59 1 ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ข้ันตำ่ 50 - 54 0 ผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑ์ 0 - 49 12.2 การประเมนิ ผลการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น กำหนดผลจาก การประเมิน ดงั น้ี ชว่ งคะแนน 86-100 หมายถงึ ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับดเี ยย่ี ม ชว่ งคะแนน 70-85 หมายถงึ ผลการประเมินอยู่ในระดบั ดี ช่วงคะแนน 50-69 หมายถงึ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับผา่ น ชว่ งคะแนน 0-49 หมายถงึ ผลการประเมินอยใู่ นระดับ ไม่ผา่ น และแยกใหค้ ะแนนเปน็ ข้อ ๆ ดังนี้ 1. การอา่ น 35 คะแนน 2. การคิด 30 คะแนน
๑๑ 3. การเขียน 35 คะแนน รวมคะแนนการประเมินผลการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น เปน็ 100 คะแนน 12.3 การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ทำผลการประเมนิ เปน็ 4 ระดับ คือ โดยพิจารณาผลการประเมินดงั น้ี ช่วงคะแนน 86-100 หมายถึง ผลการประเมนิ อยู่ในระดบั ดีเยีย่ ม ช่วงคะแนน 70-85 หมายถงึ ผลการประเมินอยู่ในระดับดี ชว่ งคะแนน 50-69 หมายถึง ผลการประเมนิ อยูใ่ นระดับผ่าน ชว่ งคะแนน 0-49 หมายถึง ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับ ไมผ่ ่าน และแยกใหค้ ะแนนเปน็ ข้อ ๆ ดงั นี้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๘ ประการ ไดแ้ ก่ - รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 15 คะแนน ตวั ชว้ี ดั เป็นพลเมืองดีของชาติ 4 คะแนน ธำรงไว้ซงึ่ ความเปน็ ชาติไทย 3 คะแนน ศรัทธา ยดึ ม่นั และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ศาสนา 4 คะแนน เคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษตั ริย์ 4 คะแนน - ซอื่ สตั ย์สจุ รติ 10 คะแนน ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ 5 คะแนน ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผูอ้ นื่ ทั้งทางกาย วาจา ใจ 5 คะแนน - มีวินยั 15 คะแนน ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั โรงเรยี น และสงั คม 15 คะแนน - ใฝ่เรียนรู้ 15 คะแนน ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 8 คะแนน แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลือกใช้ส่ือ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ 7 คะแนน - อยอู่ ย่างพอเพยี ง 10 คะแนน ดำเนินชวี ิตอย่างพอประมาณ มเี หตผุ ล รอบคอบ มีคณุ ธรรม 5 คะแนน มภี มู ิคุ้มกนั ในตวั ท่ดี ี และปรับตัวเพ่ืออย่ใู นสังคมได้อยา่ งมีความสุข 5 คะแนน - มุ่งมั่นในการทำงาน 10 คะแนน ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ที่การงาน 5 คะแนน ทำงานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย 5 คะแนน - รักความเปน็ ไทย 10 คะแนน ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทยและมคี วามกตัญญู กตเวที 4 คะแนน เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 3 คะแนน อนรุ ักษ์ และสืบทอดภมู ปิ ัญญาไทย 3 คะแนน - มีจิตสาธารณะ 15 คะแนน
๑๒ ช่วยเหลือผอู้ นื่ ดว้ ยความเตม็ ใจโดยไมห่ วังส่งิ ตอบแทน 8 คะแนน เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่เป็นประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 7 คะแนน 12.4 การประเมนิ การเข้ารว่ มกิจกรรมของผู้เรยี น กำหนดการประเมินเป็น 2 ระดับ ดังนค้ี ือ ผ่าน หมายถึง ผ่านเกณฑ์ ไมผ่ า่ น หมายถงึ ไม่ผ่านเกณฑ์ ข้อ 13 การเล่อื นชนั้ สถานศึกษากำหนดกฎเกณฑ์การเลื่อนชั้น โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การตัดสินผล การเรยี น ตลอดจนกำหนดเกณฑ์เกยี่ วกับการผา่ นตวั ชวี้ ดั ทีช่ ัดเจนและประกาศให้ทราบท่ัวกัน ดังนี้ 13.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน ทัง้ หมด 13.2 ผเู้ รยี นตอ้ งได้รบั การประเมินทุกตัวช้ีวัดและตอ้ งผ่านทกุ ตัวชว้ี ดั ของแตล่ ะรายวิชา 13.3 ผูเ้ รียนตอ้ งได้รับการตัดสินผลการเรยี น และผา่ นทุกรายวิชาของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ โดยมเี กณฑก์ ารผ่าน ดงั นี้ 13.3.1 เวลาเรียนในแต่ละรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด 13.3.2 ต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัด และผ่านตัวช้ีวัดช้ันปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 100 ของตวั ช้ีวัดในรายวิชา 13.3.3 ระดับผลการเรยี นตัง้ แต่ระดับ 1 ขน้ึ ไป 13.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผู้เรียนต้องได้ระดับผลการเรียน ต้งั แตร่ ะดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ขึ้นไป 13.4 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผู้เรียนต้องได้ผลการประเมินระดับผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ขึ้นไป 13.5 การประเมนิ การเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผเู้ รียนตอ้ งได้ผลการประเมินระดับ ผ่าน โดยมเี กณฑก์ ารผา่ น ดงั น้ี 13.5.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลา เรียน 13.5.2 ผู้เรียนผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 100 ของจุดประสงค์ การเรยี นรใู้ นกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 13.5.3 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ตามเวลา ทก่ี ำหนดไวใ้ นโครงสร้างของหลกั สตู ร ดังนี้ 1) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 10 ชั่วโมง 2) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 จำนวน 10 ช่วั โมง 3) ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 ชว่ั โมง 4) ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 10 ชว่ั โมง 5) ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 จำนวน 10 ชัว่ โมง 6) ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 ช่วั โมง
๑๓ การพิจารณาเลื่อนช้ัน ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงบางตัวชี้วัด ซ่ึงพิจารณาเห็นว่าสามารถ พฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ กใ็ ห้อยู่ในดุลยพนิ ิจของคณะกรรมการทีจ่ ะผ่อนผนั ใหเ้ ล่ือนชั้นได้ ในกรณีท่ีผู้เรียนมีสติปัญญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรียนรู้ได้เร็วเป็นพิเศษ สถานศกึ ษาจะให้โอกาสผู้เรยี นเลอ่ื นชั้นระหว่างปีการศึกษา โดยสถานศกึ ษาแต่งตง้ั คณะกรรมการประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการและผู้แทนของเขตพ้ืนท่ีการศึกษาอย่างน้อย 1 คน เมื่อผู้เรียนมี คุณสมบตั ิครบถว้ นตามเงื่อนไขท้ัง 3 ประการ ต่อไปน้ี 1) มีผลการเรยี นปีการศกึ ษาท่ผี ่านมาและมีผลการเรยี นระหว่างปีอยู่ในเกณฑ์ดเี ยี่ยม 2) มวี ุฒิภาวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชน้ั ทสี่ ูงขึน้ 3) ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถตามตัวชี้วัดรายปีท้ังหมดในภาคเรียนท่ี 2 ปี ปจั จุบนั และภาคเรยี นท่ี 1 ของปกี ารศกึ ษาถัดไป การอนุมัติให้เลื่อนไปเรียนช้ันสูงได้ 1 ระดับชั้นนี้ ต้องได้รับการยินยอมจากนักเรียนและ ผู้ปกครองและดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ สิ้นภายในวันที่ 1 กันยายนของปีการศกึ ษาน้นั สำหรับในกรณีท่ีพบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ ท่ีมีปัญหาในการเรียนรู้สถานศึกษาจะ ดำเนินงานร่วมกบั สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาหาแนวทางการแก้ไขและพัฒนา ขอ้ 14 การเรียนซ้ำชัน้ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 กำหนดวา่ หากผู้เรียนไม่ผ่าน รายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้ัง คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำช้ันได้ ท้ังน้ีให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของนักเรียนเป็น สำคัญ ผเู้ รียนท่ไี มม่ คี ุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารอนมุ ตั ิเลื่อนชัน้ เรยี น จะต้องจัดใหเ้ รยี นซ้ำช้ัน ในกรณีที่ผู้เรียนขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง คณะกรรมการอาจใช้ดุลพินิจให้เลื่อนช้ันได้ หากพจิ ารณาเห็นว่า 1) ผู้เรยี นมเี วลาเรียนไม่ถึงรอ้ ยละ 80 อันเน่ืองจากสาเหตุจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย แต่มี คุณสมบตั ติ ามขอ้ อืน่ ๆ ครบถว้ น 2) ผ้เู รียนผา่ นมาตรฐานและตัวช้ีวดั ไม่ถึงเกณฑ์ตามท่ีกำหนดในแต่ละรายวชิ า และเห็นว่า สามารถสอนซ่อมเสรมิ ไดใ้ นปีการศึกษาถดั ไปและมีคุณสมบัติข้ออ่นื ๆ ครบถว้ น 3) ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ และผู้เรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการ เรยี นรู้ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมอยู่ในเกณฑผ์ า่ น ข้อ 15 การสอนซอ่ มเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้ส่ิงต่างๆ เพิ่มข้ึน จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ การ สอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพ่ือแก้ไข ข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผู้เรยี น
๑๔ การสอนซอ่ มเสรมิ สามารถดำเนนิ การได้ในกรณดี ังตอ่ ไปน้ี 15.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น จะ จัดการสอนซ่อมเสริม ปรับความร/ู้ ทกั ษะพ้ืนฐาน 15.2 การประเมนิ ระหว่างเรียน ผเู้ รียนไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือ เจตคต/ิ คณุ ลักษณะ ที่กำหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั 15.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอนซ่อม เสริมกอ่ นจะให้ผูเ้ รยี นสอบแก้ตวั ข้อ 16 เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา 16.1 ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน 5,040 ชั่วโมง และรายวิชาเพ่ิมเติม/กิจกรรม เพม่ิ เตมิ จำนวน 180 ชัว่ โมง และมผี ลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานผา่ นทุกรายวิชา 16.2 ผเู้ รยี นตอ้ งมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ข้ึนไป 16.3 ผเู้ รียนต้องมีอ ระดับ “ผา่ น” ขน้ึ ไป 16.4 ผู้เรยี นต้องเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน และไดร้ ับการตัดสินผลการเรียน ”ผา่ น” ทกุ กจิ กรรม 16.3 การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนจากการประเมินระหวา่ งปี/ภาคเรียนใน กลุม่ สาระการเรยี นร้กู ลมุ่ ละ 100 คะแนน ระดบั มธั ยมศกึ ษา ขอ้ 17 การตัดสนิ ผลการเรียน หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 กำหนดหลกั เกณฑ์การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อตดั สินผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น ดังนี้ ๑7.1 ตดั สินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ ้อยกวา่ ร้อย ละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมดในรายวิชาน้นั ๆ 17.2 ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชี้วัดและผ่านตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากำหนด 17.3 ผูเ้ รียนตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา 17.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินในระดับผ่านตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ข้อ 18 การกำหนดคะแนนระหว่างเรียนและปลายภาคเรียน เพื่อใช้ตัดสินผลการเรียน กำหนดดงั น้ี 18.1 รายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นำคะแนนระหว่างเรียนรวมกับปลายภาคเรียน แล้วนำมาตดั สินผลการเรียน ดงั นี้ 18.1.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และภาษาตา่ งประเทศ กำหนดดงั นี้ คะแนนระหวา่ งปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน
๑๕ 18.1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี และรายวิชาเพิม่ เตมิ กำหนดดังน้ี คะแนนระหวา่ งปี / ภาค 80 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 20 คะแนน รวม 100 คะแนน ขอ้ 19 ใหใ้ ชต้ ัวเลขแสดงระดับผลการเรียนในแต่ละสาระ ดังต่อไปนี้ การตัดสินผลการเรียนในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานใช้ระบบผ่านและไม่ผ่าน โดยกำหนดเกณฑ์การ ตดั สินผ่าน แต่ละวิชาที่ร้อยละ 50 จากน้ันจึงให้ระดับผลการเรยี นที่ผ่านสำหรับระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ใช้ ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนเป็น 8 ระดับ แนวการให้ระดบั ผลการเรียน 8 ระดับและความหมายของแตล่ ะระดับดังนี้ คะแนนร้อยละ ระดบั ผลการเรยี น ความหมายของผลการเรยี นประเมนิ 80-100 4 ดเี ย่ยี ม 75-79 3.5 ดีมาก 70-74 3 ดี 65-69 2.5 คอ่ นข้างดี 60-64 2 ปานกลาง 55-59 1.5 พอใช้ 50-54 1 ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตำ่ 0-49 0 ต่ำกว่าเกณฑ์ ข้อ ๒0 ใหใ้ ช้อักษรแสดงผลการเรียนทมี่ เี ง่ือนไข ดังตอ่ ไปนี้ การตดั สนิ ผลผลการเรียนตามกลุ่มสาระ 8 กลุ่ม มส หมายถึง ผู้เรียนไมม่ ีสิทธเิ ขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผ้เู รยี นมี เวลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นในแต่ละรายวชิ า และไมไ่ ด้รบั การผ่อนผันให้เข้ารบั การวัดผลปลาย ภาคเรยี น ร หมายถงึ รอการตัดสนิ และยงั ตดั สนิ ผลการเรียนไมไ่ ด้ เนือ่ งจากผูเ้ รียนไม่มีขอ้ มลู ผลการ เรยี นรายวิชาน้ันครบถว้ น ได้แก่ ไม่ได้วดั ผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานท่ีมอบหมายให้ทำ ซ่ึง งานน้ันเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวสิ ยั ท่ที ำให้ประเมินผลการเรยี นไม่ได้ การตดั สนิ ผลการเรียน กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ผ หมายถงึ ผูเ้ รียนมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ตามที่สถานศึกษากำหนด มผ หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และมผี ลงานไม่เป็นไปตามเกณฑต์ ามทีส่ ถานศึกษากำหนด
๑๖ การตดั สนิ ผลคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดเี ย่ียม หมายถงึ ผเู้ รียนปฏิบัติตนตามคุณลกั ษณะจนเปน็ นิสยั และนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน เพ่ือประโยชน์สุขของตนเองและสงั คมโดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ ม จำนวน 5-8 คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดบั ดี ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้เป็นการยอมรับของสังคม โดยพจิ ารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ย่ียม จำนวน 1-4 คณุ ลกั ษณะและไม่มีคณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับดี หรือ 2. ได้ผลการประเมินระดบั ดเี ย่ียม จำนวน 4 คุณลกั ษณะและไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใด ได้ผลการประเมินต่ำกวา่ ระดับผา่ น หรือ 3 ได้ผลการประเมนิ ระดับดี จำนวน 5-8 คุณลักษณะและไมม่ ีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ล การประเมินต่ำกวา่ ระดับผา่ น ผ่าน หมายถึง ผูเ้ รียนรับร้แู ละปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศกึ ษากำหนด โดยพจิ ารณาจาก 1 ได้ผลการประเมนิ ระดับผา่ น จำนวน 5-8 คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับผ่าน หรอื 2.ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน 4 คณุ ลักษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมนิ ตำ่ กว่าระดับผ่าน ไมผ่ ่าน หมายถึง ผ้เู รียนรบั รู้และปฏิบตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑแ์ ละเงอื่ นไข ทีส่ ถานศึกษากำหนด โดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับไมผ่ า่ น ต้ังแต่ 1. คณุ ลักษณะตามบางประการท่ี ต้องปรับปรุง การตัดสนิ ผล การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และการสอื่ ความ ดีเย่ียม หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นท่ีมคี ุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนท่ีมคี ุณภาพเปน็ ที่ยอมรับ ผา่ น หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นท่ีมคี ุณภาพเปน็ ทย่ี อมรับ แตย่ งั มขี ้อบกพรอ่ งบางประการ ไม่ผา่ น หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น หรอื ถ้ามผี ลงาน ผลงานนัน้ ยงั มขี ้อบกพรอ่ งทตี่ ้องไดร้ ับการปรบั ปรุงแก้ไขหลายประการ ข้อ ๒1 การเปลยี่ นระดับผลการเรยี น ใหถ้ อื ปฏบิ ัติ ดังนี้ ๒1.1 การเปล่ยี นผลการเรียน “0” สถานศกึ ษาจัดใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
๑๗ ท่ีผเู้ รยี นสอบไม่ผ่านก่อน แลว้ จึงสอบแก้ตัวได้ไมเ่ กิน 2 ครง้ั ถ้าผเู้ รยี นไมด่ ำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ี สถานศกึ ษากำหนด ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาทจ่ี ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก 1 ภาคเรียน ทงั้ นตี้ ้อง ดำเนินการใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้นั โดยตดั สนิ ผลใหร้ ะดับคะนนไมเ่ กนิ “1” ถ้าสอบแกต้ วั 2 คร้งั แล้ว ยังได้ระดับผลการเรยี น “0” อีก ให้สถานศึกษา แต่งตง้ั คณะกรรมการดำเนินการเกย่ี วกบั การเปลยี่ นผลการเรียนของผู้เรยี น โดยปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1) ถา้ เป็นรายวิชาพนื้ ฐาน ให้เรยี นซ้ำรายวชิ านัน้ 2) ถา้ เป็นรายวชิ าเพิ่มเติม ให้เรียนซำ้ หรอื เปลีย่ นรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังน้ี ใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในกรณที ีเ่ ปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี น ว่าเรยี นแทนรายวิชาใด ๒1.2 การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” การเปลยี่ นผลการเรยี น “ร” ให้ดำเนินการดงั นี้ ใหผ้ เู้ รยี นดำเนินการแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผ้เู รยี นแก้ไขปัญหาเสรจ็ แลว้ ให้ ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ต้ังแต่ 0 - 4) ถา้ ผเู้ รียนไมด่ ำเนินการแกไ้ ข “ร” ใหผ้ ู้สอนนำข้อมลู ท่ีมอี ยู่ตัดสินผลการเรียน ยกเวน้ มีเหตุสุดวสิ ยั ใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาค เรียน ทั้งนตี้ ้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปีการศึกษาน้ัน เมือ่ พ้นกำหนดนแ้ี ล้วหาก ผลการเรยี นเปน็ “0” ให้ดำเนินแก้ไขตามหลักเกณฑ์ 11.3 การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” การเปลย่ี นผลการเรียน “มส” มี 2 กรณี ดังนี้ 1) กรณผี เู้ รียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ 80 แตไ่ มน่ อ้ ย กวา่ รอ้ ยละ 60 ของเวลาเรยี นทัง้ หมด ให้สถานศึกษาจัดใหเ้ รียนเพม่ิ เติมโดยใช้ชว่ั โมงสอนซอ่ มเสริม หรอื ใชเ้ วลาว่าง หรอื ใชว้ ันหยุด หรอื มอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไว้สำหรับรายวชิ านน้ั แลว้ จงึ ให้วัดผลปลายภาคเ ปน็ กรณพี ิเศษผล การแก้ “มส ” ใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรยี นไมเ่ กิน “1” การแก้ “มส” กรณนี ี้ให้กระทำให้เสร็จส้นิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ถ้าผูเ้ รยี นไม่มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่ กำหนดไว้น้ใี ห้เรียนซ้ำ ยกเวน้ มเี หตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นกำหนดนแ้ี ล้วให้ปฏบิ ัตดิ งั นี้ (1) ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐาน ให้เรียนซ้ำรายวชิ านัน้ (2) ถ้าเป็นรายวชิ าเพ่ิมเติม ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรยี นซำ้ หรอื เปล่ียนรายวิชาเรยี นใหม่ 2) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมเี วลาเรียนน้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของเวลา เรยี นทงั้ หมด ให้สถานศกึ ษาดำเนินการดงั น้ี (1) ถ้าเปน็ รายวิชาพืน้ ฐานใหเ้ รียนซ้ำรายวิชานน้ั (2) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรอื เปล่ียน รายวชิ าเรยี นใหม่ ในกรณีทเี่ ปล่ียนรายวิชาเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรียน ว่าเรียนแทนรายวิชาใด การเรียนซ้ำรายวชิ า หากผ้เู รียนไดร้ บั การสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตวั 2 คร้ังแลว้
๑๘ ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ใหเ้ รยี นซ้ำรายวิชาน้ัน ทง้ั นี้ ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาในการจดั ให้เรยี นซ้ำ ในช่วงใดชว่ งหนง่ึ ที่สถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เช่น พักกลางวนั วันหยดุ ชวั่ โมงว่าง หลงั เลกิ เรียน ภาคฤดู ร้อน เป็นต้น ในกรณภี าคเรยี นที่ 2 หากผูเ้ รยี นยงั มีผลการเรียน “0” “ร” “มส” ใหด้ ำเนนิ การให้ เสรจ็ ส้ินก่อนเปดิ เรยี นปกี ารศึกษาถัดไป สถานศกึ ษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูรอ้ น เพอ่ื แก้ไขผลการเรียนของผู้เรียนได้ ทั้งน้ี หากสถานศึกษาใดไมส่ ามารถดำเนินการเปดิ สอนภาคฤดรู อ้ นได้ให้ สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา/ต้นสังกัดเป็นผู้พิจารณาประสานงานให้มีการดำเนินการเรยี นการสอนในภาคฤดู รอ้ นเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผู้เรยี น ๒1.4 การเปลยี่ นผลการเรียน “มผ” หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดใหผ้ เู้ รียน เข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 3 กจิ กรรม คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนกั เรียนซึง่ ประกอบด้วย กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ หรือนักศึกษาวิชาทหาร โดย ผูเ้ รียนเลือกเรยี นอย่างใดอยา่ งหน่งึ 1 กิจกรรมและเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชมุ นุม หรอื ชมรมอีก 1กิจกรรม 3) กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ในกรณที ีผ่ เู้ รียนไดผ้ ลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทำ กจิ กรรมในส่วนทผ่ี ู้เรยี นไมไ่ ด้เขา้ ร่วมหรือไมไ่ ด้ทำจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลย่ี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังนี้ดำเนินการใหเ้ สร็จส้ินภายในภาคเรยี นนน้ั ๆ ยกเวน้ มีเหตสุ ดุ วสิ ัยให้อยใู่ นดลุ ย พนิ ิจของสถานศกึ ษาทจี่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ 1. ภาคเรยี น แต่ต้องดำเนนิ การให้เสร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษานั้น ขอ้ ๒2 การเลื่อนชนั้ การพิจารณาเลอื่ นชนั้ ถ้าผ้เู รียนมีข้อบกพร่องเพียงเลก็ น้อยและสถานศึกษา พิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ให้อยใู่ นดลุ พนิ ิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะผ่อนผันให้เล่ือน ชัน้ ได้ เมือ่ ส้นิ ปกี ารศึกษา ผู้เรียนจะได้รับการเลอ่ื นชน้ั เม่ือมีคุณสมบัติตามเกณฑ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๒2.1 รายวชิ าพื้นฐานและรายวชิ าเพมิ่ เติม ไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนผา่ นตาม เกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด ๒2.2 ผ้เู รยี นต้องได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีถานศึกษา กำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ๒๒.๓ ระดบั ผลการเรยี นเฉลยี่ ในปีการศึกษานัน้ ควรได้ไมต่ ำ่ กว่า 1.00 ทง้ั นี้ รายวชิ าใดท่ไี มผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสรมิ ผู้เรียนให้ไดร้ ับการแก้ไขใน ภาคเรยี นถดั ไป ข้อ ๒3 การสอนซอ่ มเสรมิ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กำหนดให้
๑๙ สถานศกึ ษาจัดสอนซ่อมเสริมเพื่อพัฒนาการเรียนรูข้ องผู้เรยี นเต็มตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณที ีผ่ เู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ / คุณลกั ษณะ ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด สถานศึกษาต้องจดั สอนซ่อม เสริมเปน็ กรณีพเิ ศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพฒั นาใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุตาม 30 มาตรฐาน การเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั ที่กำหนดไว้ เปน็ การให้โอกาสแก่ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้และพฒั นา โดยจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ หลากหลาย และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนนิ การได้ในกรณีดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ผู้เรยี นมคี วามรู้/ทักษะพืน้ ฐานไมเ่ พยี งพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวชิ านน้ั ควรจัดการสอนซ่อมเสริม ปรบั ความรู้/ทกั ษะพนื้ ฐาน 2) ผเู้ รยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะกระบวนการ หรือเจตคติ / คุณลักษณะท่ีกำหนดไวต้ าม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั ในการประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น 3) ผู้เรียนท่ีได้ระดบั ผลการเรียน “๐” ใหจ้ ดั การสอนซอ่ มเสรมิ ก่อนสอบแก้ตัว 4) กรณีผเู้ รียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจดั สอนซ่อมเสรมิ ในภาคฤดรู ้อนเพอื่ แก้ไขผลการเรยี น ทง้ั นีใ้ หอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ข้อ ๒4 การเรยี นซำ้ ชัน้ ผเู้ รยี นท่มี ผี ลการประเมินรายวชิ าอยู่ในระดบั ไมผ่ ่านจำนวนมาก และมีแนวโนม้ ว่าจะเป็นปัญหาต่อการ เรยี นในระดับช้นั ที่สงู ขน้ึ สถานศกึ ษาอาจต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซ้ำชน้ั ได้ท้ังน้ีให้คำนึงถึงวุฒิภาวะ และความรู้ความสามารถของผ้เู รียนเป็นสำคัญ การเรยี นซ้ำช้นั มี 2 ลกั ษณะ คือ 1) ผูเ้ รียนมรี ะดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปีการศึกษานนั้ ต่ำกว่า 1.00 และมีแนวโน้มวา่ จะเป็นปญั หาต่อ การเรยี นในระดับชั้นท่สี ูงขึน้ 2) ผูเ้ รยี นมผี ลการเรยี น 0, ร, มส เกนิ คร่งึ หนงึ่ ของรายวิชาทลี่ งทะเบยี นเรยี นในปีการศกึ ษาน้นั ทัง้ นี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทั้ง ๒ ลักษณะ ใหส้ ถานศกึ ษาแตง่ ตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณา หากเห็นวา่ ไม่มเี หตุผลอันสมควรกใ็ ห้ซำ้ ช้นั โดยยกเลิกผลการเรยี นเดมิ และให้ใชผ้ ลการเรยี นใหมแ่ ทน หากพิจารณาแล้วไม่ ตอ้ งเรียนซ้ำชัน้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศกึ ษาในการแก้ไขผลการเรยี น ขอ้ ๒5 เกณฑก์ ารจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 1) ผ้เู รยี นเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานและเพิ่มเตมิ ไมเ่ กนิ 81 หนว่ ยกติ โดยเป็น รายวชิ าพ้ืนฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเติมตามที่สถานศึกษากำหนด 2) ผูเ้ รียนตอ้ งไดห้ น่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่นอ้ ยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็น รายวิชาพนื้ ฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เติมไมน่ ้อยกวา่ 11 หนว่ ยกิต 3) ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ในระดับผา่ น เกณฑ์การประเมินตามท่สี ถานศกึ ษากำหนด 4) ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดับผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ตามท่ีสถานศึกษากำหนด 5) ผเู้ รียนเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น และมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามท่สี ถานศึกษากำหนด
๒๐ หมวด 5 การเทียบโอนผลการเรียน ข้อ 26 การเทียบโอนผลการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนรู้กรณีย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยน รูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การละท้ิงการศึกษาและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ เทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรยี นรูอ้ ่ืน ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชพี การศึกษาโดยครอบครวั การเทียบ โอนผลการเรียนดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกของโรงเรียน นักเรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการ เรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง ในสถานศึกษาน้ีอย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษากำหนดรายวิชา จำนวน หน่วยกติ ท่จี ะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน ดำเนินการดงั นี้ 26.1 พจิ ารณาจากหลักฐานการศึกษา 26.2 พจิ ารณาจากความรู้ ประสบการณต์ รงจากการปฏิบัตจิ ริง การทดสอบ การสัมภาษณ์ เปน็ ตน้ 26.3 พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติจริง 26.4 ในกรณีมีเหตุผลจำเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไปศึกษา บางรายวิชาในสถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แล้วนำมาเทียบโอนได้ โด ยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศึกษา 26.5 การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ การเทียบโอน จำนวน 3 – 5 คน 26.6 การเทยี บโอนดำเนนิ การดังน้ี 26.6.1 กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอื่น นำรายวิชาที่มี ตัวชี้วัด/มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง/จุดประสงค์/เน้ือหาที่สอดคล้องกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มาเทยี บโอนผลการเรยี นและพิจารณาใหร้ ะดับผลการเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สูตรสถานศึกษา 26.6.2 กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ พิจารณาจากเอกสาร หลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเคร่ืองมือท่ีหลากหลายและให้ระดับผลให้สอดคล้องกับหลักสูตร สถานศกึ ษา 26.6.3 กรณีการเทียบโอนท่ีนักเรียนเข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบชั้นการศึกษาสำหรับ นกั เรียนทีเ่ ข้ารว่ มโครงการแลกเปล่ียน ท้ังนี้วิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการและ แนวปฏิบตั ิทเี่ กี่ยวข้อง แนวปฏิบตั ิการเทยี บโอนผลการเรียนรเู้ ขา้ สกู่ ารศกึ ษาในระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน
๒๑ การเทียบโอน จากการ การเทียบ จดั การศึกษา แนวทาง การเทยี บโอน การเทียบโอน โอน โดยศูนย์การ การเทียบโอน การพจิ ารณา จากการศึกษา จากการศึกษา จากการจัด เรยี นการศกึ ษา จากการศึกษา ในระบบเข้าสูก่ ารศึกษาในระบบ นอกระบบ การศึกษา ตามหลัก สตู ร ตามหลักสูตร วธิ ีปฏบิ ัติใน ตา่ งประเทศ การจัดเขา้ ชั้น ๑.เทยี บโอนรายวชิ า/สาระกิจกรรมท่ี เขา้ สู่ โดย ระยะสั้น เข้าสู่การศึกษา เรยี น ผา่ นการตดั สนิ ผลการเรยี นจาก การศึกษา ครอบครวั หลกั สูตรเฉพาะ สถานศึกษาเดมิ ไดท้ ั้งหมดและจัดเขา้ ในระบบ ประสบการณ์ ในระบบ ชนั้ เรียนตอ่ เนอื่ งจากทเ่ี ขา้ เรยี นอยเู่ ดมิ เขา้ สู่ การทำงานการ เช่น จบ ป.๑ จดั เขา้ เรยี น ป.๒สถาน การศกึ ษา ศึกษาอาจประเมิน บางรายวชิ าท่ี ในระบบ ฝกึ อาชพี เข้าสู่ จำเปน็ เพือ่ การตรวจสอบความรู้ พื้นฐาน การศกึ ษาใน ระบบ เทยี บโอน ๑.ใหน้ ำผล พิจารณา ๑. สำเร็จการ หมวดวิชา การวัดและ ความรู้ ทกั ษะ ศกึ ษาภาค สาระกิจกรรม ประเมินเขต ประสบการณ์ท่ี เรยี นใดช้นั ปีใด ทผี่ ่านการ พ้ืนท่ี ขอเทยี บโอนว่า ให้พจิ ารณา ตัดสนิ ผลการ การศึกษามา ตรงกับรายวชิ า/ เทยี บโอนภาค เรยี นจาก ประกอบการ สาระ/กิจกรรม เรยี นตอ่ ภาค สถานศึกษา พิจารณา ใด จงึ ทำการ เรยี นปีต่อปี เดิม ๒.ให้ ประเมิน หาก โดยนำพ้ืน ๑. เรียน สถานศกึ ษา ปรากฏวา่ ชือ่ ไม่ ความรู้สามัญ ผ่านอย่างน้อย ประเมิน ตรงกบั ท่ีปรากฏ เดิมมา ๓ หมวดวชิ า ความรู้ ในโครงสร้าง ประกอบ จดั ใหเ้ รียนปีที่ ทักษะ หลกั สูตรให้ การพิจารณา ๒ ของ ประสบการ กำหนดและ หรืออาจ ระดับชนั้ และ ณ์เพื่อการ บรรจุชือ่ นั้นไว้ ประเมนิ ลงทะเบียน จัดเข้าช้ัน ในหลักสูตร เพม่ิ เติมเพื่อ เรยี นตอ่ ไป เรียน ตรวจสอบ ตามปกติ ความรู้พื้นฐาน ๒. เรียน ผา่ นอยา่ งนอ้ ย
๒๒ การเทยี บโอน จากการ การเทยี บ จัดการศึกษา แนวทาง การเทยี บโอน การเทียบโอน โอน โดยศูนยก์ าร การเทียบโอน การพจิ ารณา จากการศึกษา จากการศึกษา จากการจัด เรยี นการศกึ ษา จากการศึกษา ในระบบเข้าส่กู ารศึกษาในระบบ นอกระบบ การศกึ ษา ตามหลกั สูตร ตามหลักสูตร จำนวน/หนว่ ย ต่างประเทศ การเรยี น/ ๒.รายวิชา/สาระ/กิจกรรมทย่ี ังไม่ได้ เข้าสู่ โดย ระยะส้ัน เขา้ สู่การศึกษา หนว่ ยน้ำหนัก ตัดสินผลการเรียนให้ประเมินตาม การศึกษา ครอบครวั หลักสตู รเฉพาะ เกณฑ์ ในระบบ ประสบการณ์ ในระบบ ท่ีสถานศึกษากำหนดหากไมผ่ ่านตาม เข้าสู่ การทำงานการ เกณฑ์ใหล้ งะเบียนเรยี นเพมิ่ เตมิ การศึกษา พิจารณาแลว้ เห็นว่าเทยี บโอนผลการ ในระบบ ฝกึ อาชพี เขา้ สู่ เรียนได้จำนวนหน่วยใหเ้ ปน็ ไปตาม โครง การศึกษาใน ระบบ ๖ หมวดวชิ า จดั ให้เรยี นปีท่ี ๓ ของ ระดบั ชั้นและ ลงทะเบียน เรยี นต่อใน รายวชิ าที่ จำเปน็ ต้อง เรยี นใหค้ รบ ตามเกณฑ์การ จบระดบั ชนั้ ตามหลักสูตร ของ สถานศึกษา ใหมท่ ร่ี บั เขา้ เรียน จำนวน/หนว่ ย พิจารณาแล้ว การเรยี น/หน่วย เหน็ ว่าเทียบ น้ำหนกั โอนผลการ เรียนได้จำนวน หนว่ ยให้เป็นไป ตามโครง
๒๓ การเทยี บโอน จากการ การเทยี บ จดั การศกึ ษา แนวทาง การเทียบโอน การเทยี บโอน โอน โดยศนู ยก์ าร การเทียบโอน การพิจารณา จากการศึกษา จากการศึกษา จากการจัด เรียนการศกึ ษา จากการศึกษา ในระบบเข้าสู่การศึกษาในระบบ นอกระบบ การศึกษา ตามหลกั สตู ร ตามหลกั สูตร ผลการเรียน/ ต่างประเทศ ผลการ ยอมรับผลการเรยี นของสถาน เข้าสู่ โดย ระยะสั้น เขา้ สู่การศึกษา ประเมนิ ศึกษาเดมิ การศกึ ษา ครอบครวั หลักสูตรเฉพาะ ในระบบ ประสบการณ์ ในระบบ การบันทึกผล ๑. ไม่ต้องนำรายวชิ าและผลการ เข้าสู่ การทำงานการ การเรยี นใน เรียนเดิมกรอกในใบแสดงผลการเรยี น การศกึ ษา แสดงผลการ ของสถานศึกษาใหม่ แตใ่ ห้แนบ เรียน แสดงผลการเรยี นเดมิ ไวก้ บั ใบแสดงผล ในระบบ ฝึกอาชีพเขา้ สู่ การเรยี นใหม่และบันทึกจำนวน การศึกษาใน ระบบ ไมต่ ้องใหผ้ ล ยอมรบั ผล ผลการ ผลการ การเรยี นใน การประเมนิ ประเมินความรู้ ประเมนิ เพมิ่ รายวิชา/ ของเขต ทักษะ เตมิ ให้เป็นไป สาระ/ พนื้ ที่ มา ประสบการณ์ให้ ตามทีส่ ถาน กิจกรรมที่ได้ เป็น เปน็ ไปตามที่ ศึกษาที่รับเขา้ จากการเทยี บ ส่วนประกอ สถานศกึ ษาใหม่ เรยี นกำหนด โอน บในการ กำหนด พิจารณา ไม่ต้องนำ ไม่ต้องนำ นำผลการ ๑. ให้กรอร หมวดวชิ าและ รายวิชาผล ประเมินความรู้ รายชอื่ และ ผลการเรยี น การเรยี น/ ทักษะ จำนวนหน่วย เดิมกรอกใน ผลการวัด ประสบการณ์ ตามรายวิชา ใบแสดงผล และประเมนิ กรอกในใบ ของ การเรยี นของ เดิมของเขต แสดงผลการ สถานศึกษาท่ี สถาน พืน้ ทก่ี รอก เรยี น รับเขา้ เรยี นใน ศกึ ษาใหม่ ในใบ ใบแสดงผลการ แต่ใหแ้ นบใบ แสดงผลการ เรียนของสถาน แสดงผลการ เรียนของ ศึกษาทรี่ บั เขา้ เรยี นเดิมไวก้ บั สถานศกึ ษา เรยี น แสดงผลการ ใหม่ แต่ให้ เรียนใหมแ่ ละ แนบเอกสาร บนั ทกึ เดมิ ไวก้ บั ใบ
๒๔ การเทยี บโอน จากการ การเทยี บ จัดการศกึ ษา แนวทาง การเทยี บโอน การเทยี บโอน โอน โดยศนู ยก์ าร การเทียบโอน การพจิ ารณา จากการศึกษา จากการศึกษา จากการจัด เรยี นการศึกษา จากการศึกษา ในระบบเข้าสู่การศึกษาในระบบ นอกระบบ การศกึ ษา ตามหลกั สูตร ตามหลักสตู ร ต่างประเทศ เขา้ สู่ โดย ระยะสนั้ เข้าสู่การศึกษา การศึกษา ครอบครวั หลักสูตรเฉพาะ ในระบบ ประสบการณ์ ในระบบ เข้าสู่ การทำงานการ การศึกษา ในระบบ ฝึกอาชพี เข้าสู่ การศกึ ษาใน ระบบ หน่วยท่ไี ด้รบั จำนวนหน่วยทไ่ี ดร้ ับการเทยี บโอนตาม แสดงผลการ โดยไม่ตอ้ ง การเทยี บโอน โครงสร้างหลักสตู รใหมไ่ วใ้ นช่องหมาย เรียนใหม่ กรอกผลการ ตามโครงสร้าง เหตุ และบันทึก เรยี นและแนบ หลักสูตรของ ข้อมูลและ ใบแสดงผลการ สถานศึกษา จำนวนหน่วย เรยี นจาก เดมิ ไว้ในช่อง ทไี่ ด้รับการ สถานศึกษาเดิม หมายเหตุ เทียบโอนไวใ้ น และสถานศึกษา ๒. รายวชิ า/ ชอ่ ง ทรี่ ับเข้าเรียนไว้ สาระ/กจิ กรรม หมายเหตุ ด้วยกนั และ ทีย่ งั ไม่ได้ บันทึกผลการ ตดั สนิ ผลการ เทยี บโอนไว้ใน เรียนและได้รับ ชอ่ งหมายเหตุ การประเมินให้ ๒. รายวชิ าท่ี นำผลการ ยังไม่ไดต้ ัดสิน ประเมินกรอก ผลการเรียน ในชอ่ งหมาย และสถานศึกษา เหตุ ท่รี ับเข้าเรียนได้ ประเมนิ ผลการ เรียนแล้วใหน้ ำ ผลการประเมนิ กรอกไว้ในช่อง หมายเหตุ
๒๕ การเทียบโอน จากการ การเทยี บ จดั การศกึ ษา แนวทาง การเทียบโอน การเทียบโอน โอน โดยศนู ยก์ าร การเทียบโอน การพิจารณา จากการศึกษา จากการศึกษา จากการจัด เรียนการศกึ ษา จากการศึกษา ในระบบเข้าสู่การศึกษาในระบบ นอกระบบ การศกึ ษา ตามหลกั สตู ร ตามหลักสูตร การคิดผล ตา่ งประเทศ การเรยี นเฉลยี่ การคิดผลการเรียนเฉลยี่ ให้นำผลการ เข้าสู่ โดย ระยะส้นั เข้าสู่การศึกษา เรยี นและจำนวนหนว่ ยจาก การศกึ ษา ครอบครวั หลักสตู รเฉพาะ สถานศกึ ษาเดมิ มาคดิ รวมกับผลการ ในระบบ ประสบการณ์ ในระบบ เรียนและจำนวนหนว่ ยที่ไดจ้ ากการ เขา้ สู่ การทำงานการ เรยี นในสถานศึกษาใหม่และคิดผล การคดิ ผล การศึกษา เรียนเฉลีย่ รวมตลอดระดับชั้น การเรียนเฉลี่ย ให้คิดจาก ในระบบ ฝกึ อาชีพเขา้ สู่ รายวชิ าทมี่ ี จำนวนหนว่ ย การศกึ ษาใน และระดับผล การเรียนทไ่ี ด้ ระบบ เรยี นใน สถานศึกษา การคดิ ผล การคดิ ผลการ ไดต้ ัดสนิ ผล ใหม่ การเรียน เรียนเฉล่ียใหค้ ิด การเรียนจาก เฉลีย่ ให้คดิ จากรายวชิ าทไี่ ด้ หลักสตู ร จากรายวชิ า จากการเรียนใน ต่างประเทศท่ี ท่ไี ด้จาก สถานศึกษาใหม่ สถานศกึ ษาที่ เรียนใน โดยไม่ต้องนำ รบั เข้าเรียนได้ สถานศึกษา ผลการประเมิน ประเมนิ แลว้ ใหม่ โดยนำ ความรู้ ทักษะ และไดร้ ะดบั ผลการ ประสบการณ์ ผลการเรียน ประเมนิ ของ มาคดิ รวม ให้นำมาคดิ ผล เขตพื้นท่ที ม่ี ี การเรียนเฉลย่ี ระดับผลการ รวมกบั ผลการ เรยี นมาคดิ เรียนทไ่ี ดจ้ าก รวม การเรยี นใน สถานศกึ ษาท่ี รบั เข้าเรยี น ตลอดระดบั ชั้น
๒๖ หมวด 6 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี น เปน็ การแจง้ ผลการเรยี นรู้และพัฒนาการในดา้ นตา่ ง ๆ ซ่ึงเป็นความก้าว หน้าของผู้เรียนให้ผู้เรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 คร้ัง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ ปรบั ปรุงแกไ้ ขและสง่ เสริมพฒั นาการของผู้เรยี นใหป้ ระสบความสำเร็จอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ รวมทั้งใช้เป็นข้อมูล สำหรับออกเอกสารหลักฐานการศึกษา การตรวจสอบ ยืนยัน การรับรองผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของ ผู้เรยี น ขอ้ 27 จุดมุง่ หมายการรายงานผลการเรยี น 27.1 เพื่อแจง้ ใหผ้ เู้ รยี น ผเู้ กย่ี วขอ้ งทราบความก้าวหน้าของผเู้ รยี น 27.2 เพ่ือใหผ้ ู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมลู ในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมและพฒั นาการ เรียนของผู้เรียน 27.3 เพื่อให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียน กำหนดแนวทางา การศึกษาและการเลือกอาชพี 27.4 เพ่ือเปน็ ข้อมูลให้ผู้ท่ีมีหน้าที่เกี่ยวข้อง ใช้ดำเนินการออกเอกสารหลักฐานการศกึ ษา ตรวจสอบและรับรองผลการเรยี น หรือวฒุ ิทางการศกึ ษาของผูเ้ รียน 27.5 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดใช้ ประกอบในการกำหนดนโยบาย วางแผนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ข้อ 28 ข้อมูลในการรายงานผลการเรียน 28.1 ข้อมูลระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย ผลการประเมินความรู้ ความสามารถ พฤติกรรมการเรียน ความประพฤติและผลงานในการเรียนของผู้เรียน เป็นข้อมูลสำหรับรายงานให้ผู้มีส่วน เกยี่ วข้อง ได้แก่ ผูเ้ รยี น ผู้สอนและผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า ความสำเร็จในการเรียนของผู้เรียน เพ่อื นำไปใช้ในการวางแผนกำหนดเป้าหมายและวิธีการในการพฒั นาผ้เู รยี น 28.2 ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายปี/รายภาค ผลการประเมิน ความก้าวหน้าในการเรียนรู้รายปี/รายภาคโดยรวมของสถานศึกษา เพ่ือใช้เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการ พัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพของผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด การตัดสินการ เล่ือนช้ันและการซ่อมเสริมผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องให้ผ่านระดับชั้นและเป็นข้อมูลในการออกเอกสารหลักฐาน การศกึ ษา 28.3 ข้อมูลการประเมินคุณภาพระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ได้แก่ ผลการประเมิน คุณภาพของผู้เรียนด้วยแบบประเมินท่ีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำข้ึนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สำคัญใน ระดับชั้นที่นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ เป็นข้อมูลท่ีผู้เก่ียวข้องใช้วางแผนและดำเนินการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพ่ือให้เกิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน และสถานศึกษา
๒๗ 28.4 ข้อมูลผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ ได้แก่ ผลการประเมินคุณภาพของ ผู้เรียนด้วยแบบประเมินที่เป็นมาตรฐานระดับชาติในกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีสำคัญในประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานระดับชาติ เป็นข้อมูลท่ีผู้เก่ียวข้องใช้วางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาในส่วนที่เก่ียวข้อง เพ่ือให้เกิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน สถานศึกษา และนำไปรายงานในเอกสารหลกั ฐานการศึกษาของผูเ้ รยี น 28.5 ข้อมูลพัฒนาการของผู้เรียนด้านอ่ืน ๆ ประกอบด้วย ข้อมูลเก่ียวกับพัฒนาการ ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของการแนะแนวและ จัดระบบการดูแลช่วยเหลือเพ่ือแจ้งให้ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ปกครอง และผู้เก่ียวข้องได้รับทราบข้อมูล โดยผู้มี หน้าท่ีรับผิดชอบแต่ละฝ่ายนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมท้งั นำไปจดั ทำเอกสารหลกั ฐานแสดงพัฒนาการของผเู้ รียน ข้อ 29 ลกั ษณะขอ้ มลู สำหรับการรายงาน การรายงานผลการเรียน สถานศึกษารายงานผลการเรียนดังน้ี 29.1 ผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้รายงานเป็นระดับผลการเรียน “0 – 4” ( 8 ระดบั ) 29.2 ผลการประเมินการอ่านคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น รายงานผลการประเมินคณุ ภาพเป็น ดีเยยี่ ม ดี ผา่ น และไม่ผา่ น 29.3 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ดี เยยี่ ม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน 29.4 ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ผ่าน และ ไมผ่ ่าน ขอ้ 30 เปา้ หมายการรายงาน การดำเนนิ การจัดการศึกษา ประกอบด้วยบคุ ลากรหลายฝ่ายร่วมมือประสานงานกันพัฒนา ผู้เรยี นท้งั ทางตรงและทางออ้ ม ใหค้ วามรคู้ วามสามารถ คุณธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ มอนั พึงประสงค์ โดยมี ผมู้ สี ่วนเกย่ี วขอ้ งควรไดร้ บั การรายงานผลการประเมินของผู้เรยี นเพ่ือใช้เปน็ ข้อมูลในการดำเนินงานดงั นี้ กลุม่ เป้าหมาย การใช้ข้อมูล ผู้เรียน - ปรบั ปรงุ แก้ไขและพฒั นาการเรียน รวมทั้งพัฒนาร่างกาย อารมณ์ ผูส้ อน สังคมและพฤติกรรมต่างๆ ของคน ครูวดั ผล นายทะเบียน - วางแผนการเรียน การเลอื กแนวทางการศึกษา และอาชพี ในอนาคต ครแู นะแนว - แสดงผลการเรยี น ความรู้ ความสามารถ และวุฒิการศึกษาของตน - วางแผนและดำเนินการปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาผเู้ รียน - ปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน - ตรวจสอบความถูกต้องในการประเมนิ ผลของผสู้ อน/ผเู้ รียน - พฒั นาระบบ ระเบียบและแนวทางการประเมินผลการเรยี น - จดั ทำเอกสารหลักฐานการศึกษา - ใหค้ ำแนะนำผเู้ รียนในดา้ นต่าง ๆ
๒๘ กล่มุ เปา้ หมาย การใชข้ ้อมูล คณะกรรมการบริหาร - พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบผลการเรยี นของผเู้ รยี น หลกั สูตรและวชิ าการของ - พฒั นาแนวทางการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา สถานศึกษา ผูบ้ ริหารสถานศึกษา - พิจารณาตดั สนิ และอนุมัตผิ ลการเรยี นของผ้เู รยี น - พัฒนากระบวนการจดั การเรียนของสถานศกึ ษา - วางแผนการบริหารจดั การศกึ ษาด้านต่าง ๆ ผ้ปู กครอง - รบั ทราบผลการเรียนและพัฒนาการของผเู้ รียน - ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพฒั นาการเรยี นของผเู้ รยี น รวมทง้ั การดแู ล สุขภาพอนามยั รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคมและพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ของผ้เู รยี น - พจิ ารณาวางแผนและส่งเสรมการเรยี น การเลอื กแนวทางการศึกษา และอาชพี ในอนาคตของผเู้ รยี น ฝา่ ย/หนว่ ยงานทม่ี หี น้าท่ี - ตรวจสอบ และรับรองผลการเรยี นและวุฒกิ ารศึกษาของผเู้ รียน ตรวจสอบรับรองความรู้ - เทยี บระดับ/วฒุ กิ ารศกึ ษาของผูเ้ รียน และวฒุ กิ ารศึกษา/ - เทยี บโอนผลการเรียน สถานศึกษา สำนักงานเขตพืน้ ท่ี - ยกระดับและพัฒนาการศึกษาของสถานศกึ ษาในเขตพื้นทีก่ ารศึกษา การศกึ ษา/หนว่ ยงานตน้ - นเิ ทศ ติดตาม และให้ความช่วยเหลอื การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา สังกดั ของสถานศกึ ษาท่ีมผี ลการประเมินตำ่ กวา่ คา่ เฉลีย่ ของสำนกั งานเขต พืน้ ท่ีการศกึ ษา ขอ้ 31 วธิ ีการรายงาน การรายงานผลการเรยี นใหผ้ เู้ ก่ียวข้องรบั ทราบ ดำเนนิ การดงั น้ี 31.1 การรายงานผลการเรยี นในเอกสารหลักฐานการศึกษา ได้แก่ 31.1.1 ระเบยี บแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) 31.1.2 แบบรายงานผสู้ ำเรจ็ การศกึ ษา (ปพ.3) 31.1.3 แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบคุ คล 31.1.4 แบบบันทกึ ผลการเรยี นประจำรายวชิ า 31.1.5 ระเบยี นสะสม 31.1.6 ใบรับรองผลการเรยี น 31.1.7 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดชั้นปี / ผลการเรยี นรู้ / จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 31.2 การรายงานคณุ ภาพการศกึ ษาให้ผเู้ กยี่ วขอ้ งทราบ รายงานหลายวิธี เช่น 31.2.1 รายงานคณุ ภาพการศกึ ษาประจำปี 31.2.2 วารสาร/จุลสารของสถานศึกษา 31.2.3 จดหมายส่วนตัว 31.2.4 การใหค้ ำปรึกษาหารอื เปน็ รายบคุ คล 31.2.5 การใหพ้ บครทู ่ปี รกึ ษาหรอื การประชมุ ผูป้ กครอง
๒๙ ขอ้ 33 การกำหนดระยะเวลาในการรายงาน ดงั นี้ 33.1 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะรายงานหลังจากประเมนิ ผลปลายปแี ล้วเสรจ็ ภายใน 15 วนั 33.2 ผลการประเมนิ คุณภาพระดบั เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา จะรายงานผลหลงั จากได้รบั ทราบ ผลภายใน 7 วนั 33.3 ผลการประเมินคุณภาพระดบั ชาติ จะรายงานผลหลังจากไดร้ ับทราบภายใน 7 วนั 33.4 ข้อมูลพฒั นาการของนกั เรียนประกอบด้วย ข้อมลู เก่ียวกับพฒั นาการทางดา้ น รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และพฤติกรรมต่าง ๆ จะรายงานให้ทราบพร้อมกับการรายงานผลในขอ้ 1 หมวด 7 เอกสารหลักฐานการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้มีเอกสารหลักฐานทาง การศึกษา 2 ประเภท คือ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และเอกสารหลักฐาน การศึกษาทส่ี ถานศึกษากำหนด รายละเอยี ด ดงั น้ี ข้อ 32 เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด เป็นเอกสารควบคุมและบังคับแบบ เรียกว่า แบบประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน (ปพ.) จัดทำขึ้นเพื่อตัดสิน รับรองผลการเรียน ของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีใช้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองคุณสมบัติทางการ ศึกษาของผู้เรียนได้ตลอดไป สถานศึกษาต้องใช้แบบพิมพ์และดำเนินการจัดทำตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดไว้เป็นมาตรฐานเดยี วกนั ดังนี้ ขอ้ 26.1 เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบงั คบั แบบ มีดังน้ี 26.1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็นหลักฐานเพ่ือแสดงผลการเรียนและ รับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้อง บันทึกข้อมูล และออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เม่ือผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 6) หรือเม่อื ลาออกจากสถานศกึ ษาในทุกกรณี ระเบียนแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) นำไปใชป้ ระโยชน์ ดงั น้ี - แสดงผลการเรยี นของผู้เรียนตามโครงสรา้ งหลักสูตรของสถานศึกษา - รบั รองผลการเรยี นของผเู้ รยี นตามขอ้ มลู ที่บันทกึ ในเอกสาร - ตรวจสอบผลการเรียนและวุฒิการศกึ ษาของผูเ้ รยี น - ใช้เป็นหลักฐานการศึกษาเพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรือขอรับ สทิ ธปิ ระโยชนอ์ นื่ ใดทพ่ี งึ มไี ด้ตามวฒุ กิ ารศกึ ษานั้น 26.1.2 แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ. 3) เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตร โดยบนั ทกึ รายชอ่ื และขอ้ มลู ของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6)
๓๐ แบบรายงานผ้สู ำเรจ็ การศกึ ษา (ปพ.3) นำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ - ใชต้ ดั สินและอนุมตั ิผลการเรยี นของผ้เู รยี น - แสดงรายช่ือผู้จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน แต่ละระดับ การศึกษาทีไ่ ดร้ บั การรับรองวฒุ ิจากกระทรวงศึกษาธกิ าร - ใช้สำหรับตรวจสอบ ค้นหา พิสูจน์ ยืนยันและรับรองวุฒิหรือผล การศกึ ษาของผู้จบหลกั สูตรการศกึ ษา 26.2 เอกสารหลักฐานการศึกษาทส่ี ถานศึกษาดำเนนิ การเอง เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีสถานศึกษากำหนด เป็นเอกสารท่ีจัดทำขึ้นเพื่อบันทึก พัฒนาการผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา แบบ รายงานประจำตัวนกั เรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรยี น และเอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถุประสงค์ของการ นำเอกสารไปใช้ 26.2.1 แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล เป็นเอกสารที่สถานศึกษา จัดทำขึ้นเพอ่ื บันทกึ ขอ้ มูลผลการเรียนรายวิชา และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแตล่ ะคน ตามเกณฑก์ าร ตัดสินผ่านระดับชั้นของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน รวมท้ังข้อมูลด้านอน่ื ๆ ของผู้เรียนท่ีบ้านและ สถานศึกษา โดยจัดทำเป็นเอกสารรายบุคคล เพื่อใช้สำหรับส่ือสารให้ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้ รับทราบผลการเรยี นและพัฒนาการดา้ นตา่ ง ๆ ของผ้เู รยี นอย่างตอ่ เนอ่ื ง แบบรายงานประจำตวั นกั เรยี น นำไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้ - รายงานผลการเรยี น ความประพฤติ และพฒั นาการของผเู้ รียนใหผ้ แู้ กครองไดร้ ับทราบ - ใช้เปน็ เอกสารสอ่ื สาร ประสานงาน เพอื่ ความรว่ มมือในการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขผเู้ รยี น - เป็นเอกสารสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการต่าง ๆ ของ ผู้เรยี น 26.2.2 แบบบันทกึ ผลการเรยี นประจำรายวิชา เป็นเอกสารทส่ี ถานศึกษาจดั ทำ ข้ึน เพ่ือให้ครูผู้สอนใช้บันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น สำหรับการพิจารณาตดั สินผลการเรยี นแตล่ ะรายวชิ าเป็นรายหอ้ งเรียน เอกสารบนั ทกึ ผลการเรียนรายวิชา นำไปใช้ประโยชน์ ดังน้ี - ใช้บันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น และผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของผุ้เรียนแต่ละรายวิชา - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเก่ียวกับ พฒั นาการ และผลการเรียนร้ขู องผูเ้ รียน เอกสารบนั ทึกผลการเรยี นรายวชิ า นำไปใช้ประโยชน์ ดังน้ี - ใช้บันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน และผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นของผู้เรยี นแต่ละรายวชิ า - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเก่ียวกับ พัฒนาการ และผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น
๓๑ 36.2.3 ระเบียนสะสม เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำข้ึน เพื่อบันทึกข้อมูล เกี่ยวกับพัฒนาการของผู้เรยี นในด้านต่างๆ เปน็ รายบุคคล โดยจะบันทึกขอ้ มูลของผ้เู รียนอย่างตอ่ เน่ือง ตลอด ช่วงระยะเวลาการศกึ ษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน 12 ปี ระเบยี นสะสม นำไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้ - ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการแนะแนวทางการศกึ ษาและการประกอบอาชีพของผเู้ รยี น - ใชเ้ ป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงบุคลิกภาพ ผลการเรียน และการปรับตัว ของผเู้ รียน - ใช้ติดต่อสื่อสาร รายงานพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนระหว่างสถานศึกษากับ ผู้ปกครอง - ใช้เปน็ หลกั ฐานสำหรบั ตรวจสอบ รับรอง และยืนยนั คณุ สมบัติของผเู้ รยี น 26.2.4 ใบรบั รองผลการเรยี น เป็นเอกสารทส่ี ถานศึกษาจัดทำขนึ้ เพ่อื ใชเ้ ปน็ เอกสาร สำหรับรับรองความเป็นนักเรียนของผู้เรียนเป็นการชว่ั คราวตามท่ีผเู้ รียนรอ้ งขอ ทั้งกรณีทีผ่ ู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ ในสถานศึกษาและเมอ่ื จบการศึกษาไปแล้ว ใบรับรองผลการเรียน นำไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้ - รับรองความเปน็ นักเรียนของสถานศกึ ษาท่ีเรียนหรือที่เคยเรียน - รับรองและแสดงความรู้ วฒุ ิการศึกษาของผู้เรียน - ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือมีกรณีอื่นใดที่ผู้เรียนแสดงคุณสมบัติเก่ียวกับวุฒิ ความรู้ หรือสถานการณ์เปน็ ผู้เรียนของตน - เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธ์ิความเป็น ผูเ้ รียน หรือการได้รับการรับรองจากสถานศกึ ษา 26.2.5 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี /ผลการ เรียนรู้ / จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำข้ึน เพ่ือใช้เป็นเอกสารหลักฐานสำหรับ แสดงผลการเรียนตามมาตรฐาน/ตัวช้ีวัดช้ันปี โดยแสดงผลการประเมินมาตรฐาน/ตัวช้ีวัดช้ันปี ที่ผู้เรียนได้ ประเมินไปแล้วในระดับชั้นท่ีผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ สถานศึกษาจะออกเอกสารหลักฐานแบบบันทึกผลการ ประเมินมาตรฐาน/ตัวชี้วัดชั้นปี เม่ือผู้เรียนย้ายท่ีเรียนไปยังสถานศึกษาอื่นในขณะท่ียังไม่ได้รับการประเมินผล ปลายปีการศึกษานัน้
๓๒ หมวด 8 การย้ายท่เี รยี น ข้อ 27. นักเรียนคนใดจำเป็นต้องย้ายท่ีเรียน โรงเรียนจัดทำเอกสารหลักฐานการเรียนของ นกั เรียนไปใหโ้ รงเรยี นใหม่ ดงั น้ี คอื 27.1 ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) 27.2 แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียนรายบคุ คล 27.3 ระเบยี นสะสม 27.4 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ช้ีวดั / ผลการเรยี นรู้ / จุดประสงค์การเรียนรู้ ประกาศ ณ วันท่ี 14 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2564 (นายภูรนิ ท์ ชนลิ กุล) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระ
๓๓ บรรณานกุ รม
๓๔ ภาคผนวก ก คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
๓๕ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ทงั้ 8 ประการ ไดแ้ ก่ 1) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2) ซอื่ สัตยส์ ุจรติ 3) มวี ินยั 4) ใฝ่เรยี นรู้ 5) อยอู่ ย่างพอเพยี ง 6) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7) รักความเปน็ ไทย 8) มจี ิตสาธารณะ การนำคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคท์ ั้ง 8 ประการดงั กล่าว ไปพัฒนาผเู้ รียนใหม้ ปี ระสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลน้นั สถานศึกษาตอ้ งมคี วามเขา้ ใจเก่ียวกับคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์อย่างชัดเจนโดย พิจารณาจาก นยิ าม ตวั ชวี้ ดั พฤติกรรมบ่งชี้ และเกณฑ์การใหค้ ะแนนของคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ซึ่งมี รายละเอยี ด ดงั นี้ ข้อท่ี 1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นิยาม รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ หมายถึง คณุ ลักษณะท่แี สดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธำรงไว้ซงึ่ ความเป็นชาติไทย ศรัทธา ยดึ ม่นั ในศาสนา และเคารพเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์ ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือ ผู้ท่ีมีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ มคี วามสามัคคีปรองดอง ภมู ใิ จ เชดิ ชคู วามเป็นชาตไิ ทย ปฏิบตั ติ นตามหลกั ศาสนาท่ีตนนับถือ และแสดงความจงรักภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษัตริย์ ตัวชีว้ ดั 1.1 เปน็ พลเมืองดขี องชาติ 1.2 ธำรงไว้ซ่งึ ความเปน็ ชาติไทย 1.3 ศรทั ธา ยึดมัน่ และปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนา 1.4 เคารพเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ ตัวชว้ี ัดและพฤตกิ รรมบง่ ชี้ พฤติกรรมบ่งช้ี ตัวชว้ี ดั 1.1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติ และอธิบายความหมาย 1.1 เป็นพลเมอื งดขี องชาติ ของเพลงชาตไิ ด้ถกู ตอ้ ง 1.1.2 ปฏบิ ัติตนตามสทิ ธิ และหนา้ ท่ีพลเมืองดขี องชาติ 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเป็น 1.1.3 มคี วามสามัคคี ปรองดอง ชาตไิ ทย 1.2.1 เขา้ ร่วม ส่งเสรมิ สนับสนุนกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คี ปรองดอง ที่เปน็ ประโยชน์ต่อโรงเรียน ชมุ ชนและสงั คม 1.2.2 หวงแหน ปกป้อง ยกย่องความเปน็ ชาติไทย
๓๖ ตวั ชีว้ ดั พฤติกรรมบ่งชี้ 1.3 ศรัทธา ยดึ ม่ันและปฏบิ ตั ิตน 1.3.1 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามหลักของศาสนา 1.3.2 ปฏิบตั ิตนตามหลกั ของศาสนาทต่ี นนบั ถอื 1.3.3 เป็นแบบอยา่ งทดี่ ีของศาสนิกชน 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบนั 1.4.1 เขา้ รว่ มและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมทเี่ ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์ 1.4.2 แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระมหากษตั รยิ ์ 1.4.3 แสดงออกซ่งึ ความจงรักภกั ดตี อ่ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ เกณฑก์ ารให้คะแนน ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) ตวั ชี้วดั ท่ี 1.1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ ยืนตรงเม่อื ไดย้ นิ ยนื ตรงเมือ่ ได้ยิน ยืนตรงเมอ่ื ไดย้ ิน พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ า่ น (0) เพลงชาติ ร้องเพลง เพลงชาติ ร้องเพลง เพลงชาติ รอ้ งเพลง 1.1.1 ยืนตรง ไมย่ ืนตรงเคารพ เคารพธงชาติ ร้อง ธงชาติ ชาติ และอธิบาย ชาติ และอธบิ าย ชาติ และอธิบาย เพลงชาติ และ อธบิ ายความหมาย ความหมายของ ความหมายของ ความหมายของ ของเพลงชาติ ไดถ้ ูกตอ้ ง เพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง เพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง เพลงชาติได้ถกู ต้อง 1.1.2 ปฏิบัติ ตนตามสทิ ธิ หน้าที่ ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธิ ปฏบิ ัตติ นตามสทิ ธิ ปฏิบตั ิตนตามสิทธิ พลเมืองดีของชาติ 1.1.3 มคี วาม และหนา้ ทข่ี อง และหนา้ ที่ของ และหนา้ ทขี่ อง สามัคคปี รองดอง นกั เรียน และให้ นกั เรียนและให้ พลเมืองดี และให้ ความรว่ มมอื ร่วมใจ ความร่วมมือร่วมใจ ความร่วมมือร่วมใจ ในการทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม ในการทำกิจกรรม กบั สมาชิกในช้นั กับสมาชกิ ใน กับสมาชิกใน เรยี น โรงเรียน โรงเรียนและชมุ ชน ตวั ชีว้ ัดที่ 1.2 ธำรงไว้ซ่งึ ความเปน็ ชาติไทย พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยยี่ ม(3) 1.2.1 เขา้ ร่วม ไม่เข้าร่วม เข้ารว่ มกจิ กรรมที่ เข้าร่วมกิจกรรม เขา้ ร่วมกจิ กรรม สง่ เสริมสนับสนนุ กิจกรรมทสี่ รา้ ง สรา้ งความสามคั คี และมีส่วนร่วมใน และมสี ่วนร่วมใน กจิ กรรมท่สี รา้ ง ความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ การจดั กิจกรรมท่ี การจดั กจิ กรรมที่ ความสามคั คี ประโยชนต์ อ่ สร้างความสามคั คี สรา้ งความสามคั คี ปรองดอง โรงเรียนและชุมชน ปรองดองและเป็น ปรองดองและเป็น ท่เี ปน็ ประโยชน์ ประโยชน์ต่อ ประโยชน์ต่อ โรงเรยี น และชมุ ชน โรงเรียน ชมุ ชน ตอ่ โรงเรยี น และสงั คม ชนื่ ชมใน ความเปน็ ชาตไิ ทย ชุมชนและสังคม 1.2.2 หวงแหน ปกป้อง ยกยอ่ ง ความเปน็ ชาตไิ ทย
๓๗ ตัวช้วี ัดท่ี 1.3 ศรัทธา ยดึ มั่น และปฏบิ ัติตนตามหลักของศาสนา พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยยี่ ม(3) 1.3.1 เข้าร่วม ไมเ่ ขา้ ร่วม เขา้ รว่ มกิจกรรม เข้าร่วมกิจกรรม เข้ารว่ มกิจกรรม กจิ กรรมทางศาสนา กิจกรรมทาง ทางศาสนาที่ตนนบั ทางศาสนาท่ีตนนับ ทางศาสนา ที่ตนนับถือ ศาสนาท่ตี น ถือและปฏิบัติตน ถือและปฏิบตั ิตน ทีต่ นนบั ถือปฏบิ ัติ 1.3.2 ปฏิบัติตน นับถือ ตามหลักของ ตามหลักของ ตนตามหลกั ตามหลกั ของศาสนา ศาสนาตามโอกาส ศาสนาอยา่ ง ของศาสนาอยา่ ง ท่ตี นนับถือ สม่ำเสมอ สม่ำเสมอ 1.3.3 เปน็ และเปน็ แบบอย่าง แบบอย่างทีด่ ขี อง ทีด่ ีของศาสนิกชน ศาสนิกชน ตวั ชว้ี ดั ท่ี 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ยี่ยม(3) 1.4.1 เขา้ รว่ ม ไม่เข้ารว่ ม เขา้ ร่วมกิจกรรมที่ เข้าร่วมกิจกรรม เข้ารว่ มกิจกรรม และมีส่วนร่วม กิจกรรมที่ เก่ยี วกับสถาบัน และมีสว่ นรว่ มใน และมสี ว่ นรว่ มใน ในการจัดกิจกรรมที่ เกี่ยวกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ การจัดกจิ กรรมท่ี การจัดกิจกรรมท่ี เก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ตามทโี่ รงเรียนและ เกย่ี วกบั สถาบัน เก่ียวกบั สถาบัน พระมหากษัตริย์ ชมุ ชนจดั ข้ึน พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ 1.4.2 แสดง ตามทีโ่ รงเรยี นและ ตามทโ่ี รงเรียนและ ชุมชนจดั ขนึ้ ชุมชนจัดขนึ้ ชื่นชม ความสำนึกใน ในพระราชกรณยี กิจ พระปรีชา พระมหากรุณาธิคุณ สามารถของ พระมหากษัตรยิ ์ ขอพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ 1.4.3 แสดงออกซ่ึง ความจงรักภักดีต่อ สถาบันพระมหา กษัตริย์ ข้อท่ี 2 ซอ่ื สัตย์สุจรติ นิยาม ซ่อื สัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะท่แี สดงออกถงึ การยึดมั่นในความถูกต้องประพฤติตรงตามความเป็น จริงต่อตนเองและผ้อู ื่นทง้ั ทางกาย วาจา ใจผูท้ ่ีมีความซ่ือสัตย์สจุ ริต คอื ผทู้ ี่ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงท้ังทาง กาย วาจา ใจ และยึดหลักความจริง ความถกู ตอ้ งในการดำเนนิ ชีวติ มีความละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทำผิด ตัวช้ีวัด 2.1 ประพฤตติ รงตามความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผู้อ่ืนทงั้ ทางกาย วาจา ใจ
๓๘ ตัวช้วี ดั และพฤติกรรมบ่งชี้ พฤติกรรมบ่งชี้ ตัวช้ีวดั 2.1.1 ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้องและเปน็ จรงิ 2.1 ประพฤติตรงตาม 2.1.2 ปฏิบตั ิตนโดยคำนงึ ถึงความถูกต้องละอายและเกรงกลัว ความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเองทั้งทาง ต่อการกระทำผิด กาย วาจา ใจ 2.1.3 ปฏิบัติตามคำมนั่ สัญญา 2.2 ประพฤตติ รงตาม 2.2.1 ไมถ่ อื เอาสิ่งของหรือผลงานของผู้อืน่ มาเปน็ ของตนเอง ความเปน็ จรงิ ต่อ ผ้อู ืน่ ทงั้ ทาง 2.2.2 ปฏิบัติตนต่อผอู้ ่ืนด้วยความซอ่ื ตรง กาย วาจา ใจ 2.2.3 ไมห่ าประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกต้อง เกณฑ์การให้คะแนน ตวั ชี้วดั ที่ 2.1 ประพฤติตรงตามความเปน็ จรงิ ต่อตนเองทัง้ ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ย่ียม(3) 2.1.1 ใหข้ อ้ มูลที่ ไมใ่ ห้ข้อมูลที่ ใหข้ ้อมลู ท่ีถูกต้อง ให้ขอ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง ให้ขอ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ ง ถูกต้องและเป็นจริง 2.1.2 ปฏิบตั ิตน ถูกตอ้ งและเป็นจริง และเป็นจริง และเปน็ จริง ปฏิบตั ิ และเป็นจรงิ ปฏบิ ตั ิ โดยคำนึงถงึ ความถูกตอ้ ง ปฏิบัตใิ นสิ่งที่ ในสง่ิ ท่ถี กู ต้อง ในสิ่งทถี่ ูกต้อง ละอายและ เกรงกลวั ถูกต้อง ทำตาม ทำตามสญั ญาทต่ี น ทำตามสญั ญาท่ตี นให้ ต่อการกระทำผดิ 2.1.3 ปฏบิ ตั ิตาม สญั ญาทีต่ นให้ไว้ ใหไ้ วก้ บั เพือ่ นพ่อแม่ ไวก้ บั เพ่ือน คำมัน่ สญั ญา กบั เพื่อน หรอื ผปู้ กครอง และ พอ่ แม่ หรอื พอ่ แม่ หรอื ครู ละอายและเกรง ผู้ปกครอง และครู ผู้ปกครอง กลัวท่ีจะทำ ละอายและ และครู ละอาย ความผิด เกรงกลวั ท่จี ะทำ และเกรงกลัว ความผดิ เป็น ทจี่ ะทำความผดิ แบบอยา่ งทดี่ ดี า้ น ความซอ่ื สัตย์
๓๙ ตวั ช้วี ัดที่ 2.2 ประพฤตติ รงตามความเปน็ จรงิ ต่อผู้อ่ืนทง้ั ทางกาย วาจา ใจ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ย่ียม(3) 2.2.1 ไมถ่ ือเอาสิ่งของ นำสิ่งของของ ไมน่ ำส่งิ ของ และ ไมน่ ำสิ่งของ และ ไม่นำส่งิ ของ และ ผลงานของผู้อ่นื มา หรือผลงานของผ้อู นื่ คนอืน่ มาเปน็ ผลงานของผู้อืน่ ผลงานของผู้อืน่ มา เป็นของตนเองปฏิบตั ิ ตนต่อผูอ้ น่ื ด้วยความ มาเปน็ ของตนเอง ของตนเอง มาเปน็ ของตนเอง เปน็ ของตนเอง ซอื่ ตรง 2.2.2 ปฏบิ ัติตนต่อ ปฏิบัติตนตอ่ ผอู้ ื่น ปฏิบตั ติ นต่อผอู้ น่ื ผอู้ ื่นดว้ ยความซ่ือตรง ด้วยความซ่ือตรง ดว้ ยความซอื่ ตรง 2.2.3 ไม่หาประโยชน์ ไมห่ า ข้อท่ี 3 มวี ินัย นิยาม มวี นิ ัย หมายถึง คณุ ลักษณะทีแ่ สดงออกถงึ การยดึ มั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ผูท้ ่มี ีวินัย คือ ผู้ทป่ี ฏิบตั ติ นตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คมเป็นปกตวิ ิสยั ไมล่ ะเมดิ สิทธขิ องผู้อ่นื ตวั ชว้ี ดั 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสังคม ตวั ช้ีวดั และพฤตกิ รรมบ่งชี้ ตวั ชีว้ ัด พฤติกรรมบ่งชี้ 3.1 ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ 3.1.1 ปฏบิ ัติตน ตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับ ระเบยี บ ข้อบงั คับ ของ ของครอบครัว โรงเรยี นและสังคม ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิของผู้อนื่ ครอบครวั โรงเรยี น และสังคม 3.1.2 ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน และ รบั ผิดชอบในการทำงาน
๔๐ เกณฑ์การให้คะแนน ตัวช้ีวดั ท่ี 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั โรงเรียนและสังคม พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยีย่ ม(3) 3.1.1 ปฏิบัตติ นตาม ไม่ปฏบิ ัตติ นตาม ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏิบัตติ าม ข้อตกลงกฎเกณฑ์ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั ระเบียบข้อบงั คับของ ระเบียบ ข้อบังคับ ขอ้ บงั คบั ของ ขอ้ บังคบั ของ โรงเรียนและ สงั คม ไมล่ ะเมดิ ครอบครัว โรงเรียน ของครอบครัวและ ครอบครัวและ ครอบครวั และ สทิ ธิของผอู้ ่นื ตรงต่อเวลา และสงั คม ไมล่ ะเมิด โรงเรยี น โรงเรียน ตรงต่อ โรงเรียน ตรงต่อ ในการปฏิบัติ กจิ กรรมตา่ งๆ สทิ ธขิ องผู้อ่นื เวลาในการปฏบิ ตั ิ เวลาในการปฏบิ ัติ ในชีวิตประจำวัน และรับผดิ ชอบใน 3.1.2 ตรงต่อเวลา กจิ กรรมต่าง ๆ กจิ กรรมตา่ งๆ ใน การทำงาน ใน ในชวี ติ ชวี ิตประจำวัน และ การปฏิบัติกิจกรรม ประจำวนั รบั ผิดชอบในการ ตา่ งๆ ใน ทำงาน ชวี ติ ประจำวนั และ รับผิดชอบในการ ทำงาน ข้อที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ นยิ าม ใฝ่เรยี นรู้ หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงความตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น แสวงหา ความร้จู ากแหล่งเรยี นรู้ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียน ผูท้ ใี่ ฝเ่ รียนรู้ คอื ผู้ท่ีมีลกั ษณะซงึ่ แสดงออกถึงความต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี นอยา่ งสม่ำเสมอ ด้วย การเลอื กใชส้ อ่ื อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ ตวั ชี้วดั 4.1 ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ ต่างๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น ดว้ ยการเลอื กใช้ส่ืออย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้
๔๑ ตวั ชี้วัดและพฤตกิ รรมบ่งช้ี ตัวช้วี ดั พฤตกิ รรมบ่งชี้ 4.1 ตง้ั ใจ เพียรพยายาม 4.1.1 ต้ังใจเรียน ในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรม 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมคี วามเพียรพยายามในการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ 4.2 แสวงหาความรู้จาก 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความร้จู ากหนงั สือ เอกสาร ส่งิ พิมพ์ ส่ือ แหลง่ เรยี นรู้ ต่างๆ ท้งั ภายในและ เทคโนโลยีต่างๆ แหลง่ เรียนร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรียน และ ภายนอกโรงเรียน ด้วยการ เลอื กใชส้ ื่อได้อยา่ งเหมาะสม เลือกใชส้ ือ่ อย่างเหมาะสม สรุป 4.2.2 บันทึกความรู้ วเิ คราะหต์ รวจสอบ จากสง่ิ ทเี่ รยี นรู้ สรุปเปน็ องค์ เป็นองค์ความรู้ และ ความรู้ สามารถนำไปใช้ใน 4.2.3 แลกเปลยี่ นความรู้ ด้วยวธิ ีการตา่ งๆ และนำไปใชใ้ น ชีวิตประจำวนั ได้ ชวี ติ ประจำวนั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ตัวช้ีวัดที่ 4.1 ตัง้ ใจ เพียรพยายาม ในการเรียนและเข้ารว่ ม กิจกรรม พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยย่ี ม(3) 4.1.1 ต้ังใจเรยี น ไม่ตง้ั ใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา 4.1.2 เอาใจใส่และมี ความเพียรพยายามใน ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ตั้งใจเรยี น เอาใจ ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่ การเรียนรู้ 4.1.3 เข้าร่วมกิจกรรม ในการเรยี น มสี ว่ น ใส่ และมีความ และมคี วามเพียร การเรยี นรู้ต่างๆ รว่ มในการเรียนรู้ เพยี รพยายามใน พยายามใน และเข้ารว่ มกจิ กรรม การเรยี นรู้ มีสว่ น การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ตา่ งๆ รว่ มในการเรียนรู้ มีส่วนรว่ มในการ เป็นบางครงั้ และเขา้ รว่ ม เรยี นร้แู ละเขา้ ร่วม กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ตา่ งๆ บอ่ ยครงั้ ต่าง ๆ ทง้ั ภายใน และภายนอก โรงเรยี นเปน็ ประจำ
๔๒ ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรู้ ตา่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการเลอื กใช้สือ่ อย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ สามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยย่ี ม(3) 4.2.1 ศึกษาคน้ คว้า ไมศ่ ึกษาคน้ คว้า ศึกษาค้นคว้าความรู้ ศึกษาคน้ คว้าหา ศึกษาคน้ ควา้ หา หาความรู้จากหนังสือ หาความรู้ จากหนงั สือ เอกสาร ความร้จู ากหนงั สือ ความรู้จากหนงั สือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ ส่ิงพมิ พ์ สื่อ เอกสาร สิ่งพิมพ์ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สือ่ เทคโนโลยีตา่ ง ๆ แหล่ง เทคโนโลยี ส่ือ เทคโนโลยแี ละ เทคโนโลยี และ เรยี นรู้ทง้ั ภายในและ แหลง่ เรยี นรู้ สารสนเทศ แหล่ง สารสนเทศ แหลง่ ภายนอกโรงเรียน และ ทง้ั ภายในและ เรยี นรู้ ทัง้ ภายใน เรียนรู้ท้ังภายใน เลือกใช้สือ่ ได้อยา่ ง ภายนอกโรงเรียน และภายนอก และภายนอก เหมาะสม เลือกใช้สื่อ โรงเรยี น และ โรงเรียน เลอื กใช้ 4.2.2 บันทกึ ความรู้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม เลือกใช้สื่อได้ สือ่ ได้อยา่ งเหมาะสม วิเคราะห์ข้อมูล จากสิ่งที่ และมีการ อยา่ งเหมาะสม มีการบันทึกความรู้ เรียนรู้ สรปุ เปน็ องค์ บันทกึ ความรู้ มกี ารบนั ทึก วิเคราะห์ข้อมูล ความรู้ ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ 4.2.3 แลกเปล่ียนเรียนรู้ ข้อมูล สรปุ เปน็ และแลกเปล่ยี น ดว้ ยวธิ ีการต่างๆ และ องค์ความรู้ และ เรียนรู้ ด้วยวิธกี าร นำไปใชใ้ น แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ที่หลากหลาย และ ชวี ิตประจำวัน กบั ผ้อู ่ืนได้ นำไปใช้ใน ชีวติ ประจำวัน ข้อท่ี 5 อยู่อยา่ งพอเพียง นยิ าม อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง คณุ ลักษณะท่แี สดงออกถึงการดำเนนิ ชวี ติ อย่างพอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม มภี มู ิคุ้มกนั ในตัวทีด่ ี และปรบั ตวั เพ่ืออยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ผูท้ อี่ ยอู่ ยา่ งพอเพียง คอื ผู้ทีด่ ำเนนิ ชีวิตอยา่ งประมาณตน มเี หตุผล รอบคอบ ระมดั ระวัง อยูร่ ว่ มกับผ้อู ื่นดว้ ยความรบั ผิดชอบ ไมเ่ บียดเบยี นผู้อ่ืน เห็นคุณคา่ ของทรัพยากรต่างๆ มีการวางแผนป้องกนั ความเส่ียงและพร้อมรับการเปล่ียนแปลง ตวั ช้วี ดั 5.1. ดำเนินชีวติ อยา่ งพอประมาณ มเี หตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มภี ูมิคมุ้ กันในตัวทด่ี ี ปรบั ตวั เพือ่ อยใู่ นสงั คมได้อย่างมีความสขุ
๔๓ ตัวช้ีวดั และพฤตกิ รรมบ่งชี้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ตวั ชี้วดั 5.1.1ใชท้ รพั ยส์ ินของตนเอง เชน่ เงิน สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ 5.1 ดำเนินชวี ติ อยา่ ง อย่างประหยัดคมุ้ ค่าและเก็บรักษาดูแลอย่างดรี วมทงั้ การใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม พอประมาณ มีเหตผุ ล 5.1.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่าและเก็บรักษาดูแลอย่างดี รอบคอบ มีคุณธรรม 5.1.3 ปฏิบัตติ นและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.1.4ไม่เอาเปรียบผ้อู ่ืนและไม่ทำให้ผอู้ ่ืนเดือดร้อน พร้อมให้อภยั 5.2 มีภูมคิ มุ้ กันในตวั ทีด่ ี เม่อื ผอู้ น่ื กระทำผิดพลาด ปรบั ตัวเพือ่ อยใู่ น สงั คมได้อย่างมคี วามสขุ 5.2.1วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวันบนพื้นฐานของ ความรู้ ข้อมูล ขา่ วสาร 5.2.2 รเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม ยอมรับและปรับตัวเพ่อื อย่รู ่วมกับผู้อ่นื ได้อย่างมีความสุข เกณฑ์การใหค้ ะแนน ตวั ชว้ี ดั ที่ 5.1 ดำเนนิ ชีวิตอยา่ งพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มคี ุณธรรม พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไม่ผา่ น (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ยย่ี ม(3) 5.1.1ใชท้ รพั ยส์ ินของ ใช้เงนิ และของ ใชท้ รพั ยส์ ิน ใช้ทรพั ยส์ นิ ใชท้ รพั ยส์ ิน ตนเอง เชน่ เงิน ส่ิงของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อย่าง ใชส้ ่วนตัว ของตนเองและ ของตนเองและ ของตนเองและ ประหยัด คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดูแลอยา่ งดี รวมทงั้ การ อย่างไม่ ทรัพยากรของ ทรัพยากรของ ทรพั ยากรของ ใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.1.2 ใชท้ รัพยากรของ ประหยัด ส่วนรวมอย่าง ส่วนรวม สว่ นรวม อย่าง ส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่าและเก็บรักษาดูแล ประหยดั อยา่ งประหยัด ประหยัด อยา่ งดี 5.1.3 ปฏบิ ตั ติ นและ คุ้มคา่ คุ้มคา่ คมุ้ คา่ ตดั สนิ ใจดว้ ยความ รอบคอบ มีเหตุผล เก็บรกั ษาดแู ล เก็บรักษาดูแล เก็บรกั ษาดูแล 5.1.4 ไมเ่ อาเปรียบผอู้ นื่ และไม่ทำให้ผู้อ่นื เดือดร้อน อย่างดี อย่างดี อย่างดี พร้อมใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ ่นื กระทำผิดพลาด รอบคอบ รอบคอบ มี รอบคอบ มเี หตุผล เหตุผล มีเหตผุ ล ไม่เอาเปรยี บ ไม่เอาเปรยี บ ผู้อน่ื และไมท่ ำ ผ้อู นื่ ไมท่ ำให้ ให้ผอู้ น่ื ผู้อ่นื เดือดร้อน เดอื ดร้อน และใหอ้ ภยั เม่อื ผู้อ่ืน กระทำ ผดิ พลาด
๔๔ ตวั ชีว้ ัดที่ 5.2 มีภูมคิ ุ้มกันในตวั ทีด่ ี ปรับตัวเพ่ืออย่ใู นสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 5.2.1 วางแผนการเรียน ไม่วางแผนการ ใช้ ความรู้ ใช้ ความรู้ ใช้ ความรู้ ขอ้ มลู การทำงานและการใช้ เรยี นและ ข้อมลู ข่าวสาร ข้อมลู ข่าวสาร ขา่ วสารในการวาง ชวี ิตประจำวันบน การใช้ ในการวาง ในการวาง แผนการเรียน พ้ืนฐานของ ความรู้ ชวี ติ ประจำวนั แผนการเรยี น แผนการเรียน การทำงานและใช้ ขอ้ มูลขา่ วสาร 5.2.2 รู้เทา่ ทนั การ การทำงานและ การทำงานและ ในชีวติ ประจำวัน ใช้ ใน ใชใ้ น ยอมรับ การ เปล่ยี นแปลงของสังคม ชวี ิตประจำวนั ชีวิตประจำวัน เปล่ยี นแปลงของ และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรับตวั อยู่ รบั รู้การ ยอมรับการ ครอบครัว ชมุ ชน เปล่ยี นแปลง เปลยี่ นแปลงของ สงั คม รว่ มกับผ้อู ่ืนได้อย่างมี ของครอบครวั ครอบครวั สภาพแวดล้อม ความสขุ ชุมชนและ ชุมชนสังคม และปรบั ตวั อยู่ สภาพแวดลอ้ ม และ รว่ มกับผอู้ นื่ สภาพแวดล้อม ได้อย่างมคี วามสขุ ขอ้ ท่ี 6 มงุ่ ม่ันในการทำงาน นยิ าม ม่งุ ม่นั ในการทำงาน หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจและรับผดิ ชอบในการ ทำหนา้ ทกี่ ารงาน ด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพ่ือให้งานสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย ผทู้ ่มี ุ่งม่นั ในการทำงาน คอื ผทู้ ม่ี ลี กั ษณะซ่งึ แสดงออกถึงความตั้งใจปฏิบตั ิหนา้ ทที่ ่ีได้รับ มอบหมายดว้ ยความเพยี รพยายาม ทุม่ เทกำลงั กาย กำลังใจ ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ใหส้ ำเร็จลลุ ว่ ง ตาม เปา้ หมายท่ีกำหนดดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามภาคภมู ใิ จในผลงาน ตวั ชี้วดั 6 .1 ต้ังใจและรับผดิ ชอบในหน้าทีก่ ารงาน 6 .2 ทำงานดว้ ย ความเพียรพยายาม และ อดทนเพื่อให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย ตวั ชวี้ ัดและพฤติกรรมบ่งชี้ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ตัวชีว้ ัด 6 .1.1 เอาใจใสต่ ่อการปฏิบัตหิ น้าท่ที ีไ่ ด้รบั มอบหมาย 6 .1.2 ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเร็จ 6 .1 ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบ 6 .1.3 ปรับปรงุ และพฒั นาการทำงานดว้ ยตนเอง ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี การงาน 6 .2.1 ท่มุ เททำงาน อดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน 6 .2.2 พยายามแก้ปัญหาและอปุ สรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6 .2 ทำงานดว้ ย ความ 6 .2.3 ชื่นชมผลงานดว้ ยความภาคภูมใิ จ เพยี ร พยายาม และ อดทนเพ่ือให้งานสำเร็จ ตามเป้าหมาย
๔๕ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ตวั ช้วี ัดที่ 6 .1 ตงั้ ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ัติหนา้ ที่การงาน พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผา่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยย่ี ม(3) 6.1.1 เอาใจใส่ ไมต่ ้งั ใจปฏบิ ตั ิ ตั้งใจและ ต้ังใจและรับผดิ ชอบ ตง้ั ใจและ ต่อการปฏบิ ตั ิ หน้าทก่ี ารงาน หน้าทที่ ่ีได้รับ รบั ผดิ ชอบในการ ในการปฏิบัตหิ น้าที่ที่ รับผดิ ชอบในการ มอบหมาย 6.1.2 ตงั้ ใจและ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทท่ี ่ีได้รับ ไดร้ บั มอบหมายให้ ปฏิบัตหิ นา้ ทที่ ่ีไดร้ บั รบั ผิดชอบใน การทำงานให้ มอบหมายให้สำเรจ็ สำเร็จ มีการปรบั ปรุง มอบหมายให้สำเร็จ สำเร็จ 6.1.3 ปรบั ปรงุ มีการปรับปรงุ การ และพัฒนาการ มีการปรับปรงุ และ และพัฒนาการ ทำงานด้วยตนเอง ทำงานให้ดีขน้ึ ทำงานใหด้ ีขึ้น พฒั นาการทำงาน ใหด้ ขี น้ึ ด้วยตนเอง ตัวชี้วัดท่ี 6 .2 ทำงานดว้ ย ความเพียรพยายาม และ อดทนเพือ่ ใหง้ านสำเรจ็ ตามเป้าหมาย พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยีย่ ม(3) 6.2.1 ทมุ่ เท ไมข่ ยัน อดทน ทำงานด้วยความ ทำงานด้วยความขยนั ทำงานด้วยความ ทำงานอดทนไม่ ในการทำงาน ขยัน อดทน และ อดทน และพยายาม ขยันอดทน และ ยอ่ ท้อต่อปัญหา พยายามให้งาน ใหง้ านสำเร็จตาม พยายามให้งาน และอุปสรรค สำเร็จตาม เปา้ หมาย ไมย่ ่อท้อ สำเร็จตาเป้าหมาย ในการทำงาน 6.2.2 พยายาม เปา้ หมาย และช่นื ตอ่ ปญั หาในการ ภายในเวลาท่ี ชมผลงานด้วย ทำงาน และชน่ื ชม กำหนด ไมย่ ่อท้อ แกป้ ญั หาและ ความภาคภมู ใิ จ ผลงานดว้ ยความ ต่อปญั หาแก้ปัญหา อปุ สรรคในการ ภาคภมู ใิ จ ทำงานใหส้ ำเรจ็ 6.2.3 ชื่นชม ผลงานดว้ ยความ ภาคภูมิใจ
๔๖ ขอ้ ที่ 7 รกั ความเปน็ ไทย นิยาม รักความเปน็ ไทย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถงึ ความภาคภมู ิใจ เหน็ คุณค่ารว่ มอนุรกั ษ์ สบื ทอดภมู ิปญั ญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการสอื่ สารได้อย่า ถกู ต้องและเหมาะสม ผทู้ ีร่ ักความเปน็ ไทย คือ ผทู้ ่ีมีความภาคภูมใิ จ เหน็ คณุ ค่า ช่นื ชม มีสว่ นร่วมในการอนรุ กั ษ์ สบื ทอด เผยแพรภ่ มู ิปญั ญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรมไทย มีความกตญั ญกู ตเวที ใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารอย่างถกู ต้องเหมาะสม ตัวช้ีวดั 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมคี วามกตญั ญูกตเวที 7.2 เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 7.3 อนรุ ักษ์ และสืบทอดภูมิปญั ญาไทย ตวั ช้ีวดั ตวั ชีว้ ัดและพฤติกรรมบ่งช้ี 7.1 ภาคภมู ใิ จใน พฤตกิ รรมบ่งช้ี ขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย 7.1.1 แตง่ กายและมีมารยาทงดงามแบบไทย มีสมั มาคารวะ กตญั ญู และมีความกตญั ญกู ตเวที กตเวทีตอ่ ผู้มีพระคุณ 7.1.2 ร่วมกิจกรรมที่เกย่ี วข้องกับประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรมไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และ 7.1.3 ชักชวน แนะนำใหผ้ ูอ้ ่ืนปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ใช้ภาษาไทย ในการสอื่ สารได้ ศิลปะและวฒั นธรรมไทย อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 7.2.1 ใชภ้ าษาไทยและเลขไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 7.3 อนุรักษ์ สบื ทอด 7.2.2 ชกั ชวน แนะนำ ใหผ้ อู้ ื่นเหน็ คุณคา่ ของการใชภ้ าษาไทยท่ีถกู ต้อง ภูมปิ ญั ญาไทย 7.3.1 นำภูมิปญั ญาไทยมาใช้ใหเ้ หมาะสมในวถิ ชี ีวติ 7.3.2 รว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับภูมิปญั ญาไทย
Search