Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 7_ 5 มีนาคม 64

รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 7_ 5 มีนาคม 64

Published by Sasithorn Daisai, 2021-03-05 05:27:23

Description: รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 7_ 5 มีนาคม 64

Search

Read the Text Version

35 ของการใช้ประโยชน์ที่ดินซึ่งส่งผลต่อการชะล้างพังทลายของดินด้วย โดยเฉพาะพืชไร่ เช่น ข้าวโพด ซ่ึง เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกเป็นส่วนใหญ่และปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ทำให้ดินมีอัตราการถูกชะล้าง พังทลายของดินสูง เนื่องจากปลูกในพื้นท่ีที่มีความลาดชันสูงและมีสิ่งปกคลุมผิวหน้าดินน้อย ส่งผลทำให้ ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง รวมทั้งในพื้นที่มีการใช้เครื่องจักรกลในการไถพรวนดินบ่อยครั้ง เป็น สาเหตุสำคญั ทที่ ำใหส้ มบตั ิดินทางกายภาพลดลง และสง่ เสรมิ ให้เกดิ การชะลา้ งพังทลายของดินเพม่ิ สูงข้ึน ตารางท่ี 3-3 ทรัพยากรดินในพื้นท่ีลุม่ นำ้ หว้ ยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จงั หวดั นา่ น ลำดบั สญั ลกั ษณ์ คำอธบิ าย เนอื้ ที่ ไร่ รอ้ ยละ 1 AC-mw,col- ตะกอนนำ้ พาเชิงซ้อนทม่ี ีการระบายนำ้ ดีปานกลางและเป็นดนิ รว่ นหยาบ 322 0.35 slA มีเนื้อดนิ บนเป็นดินรว่ นปนทราย ความลาดชนั 0-2 เปอร์เซน็ ต์ 2 Cg-br-clB ดนิ คล้ายชดุ ดนิ เชยี งของที่เปน็ ดนิ สนี ้ำตาล มีเน้อื ดินบนเปน็ ดนิ ร่วน 201 0.22 ปนดนิ เหนียว ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซ็นต์ 3 Li-gclC ชดุ ดินลี้ มเี นอ้ื ดินบนเปน็ ดินรว่ นปนดนิ เหนียว ปนกรวด ความลาด 4,558 4.97 ชัน 5-12 เปอร์เซน็ ต์ 4 Li-gclD/st ชุดดินลี้ มีเน้อื ดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนดินเหนยี ว ปนกรวด ความลาด 599 0.65 ชัน 12-20 เปอร์เซน็ ต์ ปนก้อนหิน 5 Mr-gslB ชดุ ดินแม่รมิ มเี นอื้ ดนิ บนเป็นดินรว่ นปนทราย ปนกรวด ความลาด 647 0.71 ชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 6 Mr-gslC ชุดดนิ แม่รมิ มเี น้ือดนิ บนเปน็ ดินรว่ นปนทราย ปนกรวด ความลาด 449 0.49 ชัน 5-12 เปอร์เซน็ ต์ 7 Mt-clC ชุดดินแมแ่ ตง มีเนื้อดินบนเป็นดนิ ร่วนปนดนิ เหนยี ว ความลาดชนั 2,199 2.40 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 8 Na-br-siclA ดนิ คลา้ ยชุดดินนา่ นทเ่ี ป็นดนิ สนี ้ำตาล มเี นือ้ ดนิ บนเป็นดินรว่ น 3,029 3.30 เหนยี วปนทรายแป้ง ความลาดชนั 0-2 เปอร์เซ็นต์ 9 Na-fsi-silA ดนิ คลา้ ยชดุ ดนิ นา่ นทเ่ี ปน็ ดนิ ทรายแป้งละเอียด มีเนอ้ื ดนิ บนเปน็ ดิน 154 0.17 ร่วนปนทรายแป้ง ความลาดชัน 0-2 เปอร์เซ็นต์ 10 Pae-slB ชุดดนิ แพร่ มเี น้ือดนิ บนเปน็ ดนิ ร่วนปนทราย ความลาดชนั 2-5 460 0.50 เปอรเ์ ซ็นต์ 11 Pae-slC ชุดดินแพร่ มเี น้อื ดนิ บนเปน็ ดนิ รว่ นปนทราย ความลาดชัน 5-12 540 0.59 เปอร์เซน็ ต์ 12 Sp-slB ชุดดนิ สนั ป่าตอง มีเนื้อดินบนเปน็ ดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 2- 593 0.65 5 เปอร์เซน็ ต์ 13 Ws-br-clB ดินคล้ายชดุ ดินวังสะพุงทีเ่ ป็นดนิ สนี ้ำตาล มเี นือ้ ดินบนเป็นดินร่วน 2,249 2.45 ปนดินเหนยี ว ความลาดชัน 2-5 เปอรเ์ ซน็ ต์ 14 Ws-clB ชุดดินวังสะพงุ มเี น้อื ดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนดนิ เหนยี ว ความลาดชนั 449 0.49 2-5 เปอร์เซน็ ต์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

36 ตารางท่ี 3-3 ทรัพยากรดินในพนื้ ที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จงั หวัดนา่ น (ต่อ) ลำดับ สญั ลกั ษณ์ คำอธิบาย เน้อื ท่ี 15 Ws-clC ไร่ ร้อยละ ชดุ ดินวังสะพงุ มีเนอ้ื ดินบนเป็นดนิ ร่วนปนดนิ เหนยี ว ความลาดชัน 2,497 2.72 16 Ws-vd-clB 5-12 เปอร์เซ็นต์ 1,177 1.28 17 Ws-vd,gm- ดนิ คล้ายชดุ ดนิ วังสะพงุ ที่เป็นดนิ ลกึ มาก มเี นอื้ ดนิ บนเปน็ ดิน clB/b รว่ นปนดนิ เหนยี ว ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซน็ ต์ 664 0.72 ดนิ คลา้ ยชุดดินวงั สะพงุ ทีเ่ ป็นดินลกึ มากและมจี ดุ ประสเี ทา มี 18 SC เน้อื ดนิ บนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 2-5 68,030 74.20 19 U เปอร์เซ็นต์ มคี ันนา 2,048 2.23 20 W พ้นื ท่ลี าดชนั เชงิ ซอ้ น (ความลาดชนั มากกวา่ 35 เปอร์เซน็ ต์) พ้นื ที่ชุมชนและสิง่ ปลกู สรา้ ง 831 0.91 พ้นื ทีแ่ หลง่ นำ้ 91,696 100.00 รวมเน้อื ที่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

37 ภาพท่ี 3-4 ทรัพยากรดนิ พื้นท่ีลุ่มนำ้ ห้วยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

38 สภาพปญั หาและข้อจำกดั ของดนิ สภาพปัญหาและข้อจำกัดของดินในพื้นที่ลุ่มน้ำหว้ ยน้ำแหงส่วนใหญ่ ความลาดชันเชิงซ้อน มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ เสี่ยงต่อการขาดแคลนนำ้ และการชะลา้ งพงั ทลายของดิน เนื่องจากพื้นท่ีมี โดยแยกเป็น 4 ประเภทหลกั (กรมพฒั นาที่ดิน, 2561) (ตารางท่ี 3-4 ภาพท่ี 3-5) โดยมรี ายละเอียด พอสังเขป ดังนี้ 1) ปัญหาการใชท้ ด่ี นิ ไมต่ รงตามศักยภาพของดิน (ทดี่ อนทำนา) เป็นดนิ ทีอ่ ยู่ในทด่ี อนทม่ี ีการทำคนั นาขังนำ้ เพ่ือปลูกข้าว (การใชท้ ่ดี นิ อย่างไมถ่ กู ต้อง) เสย่ี งต่อการ ขาดน้ำ ยามฝนทง้ิ ช่วง สภาพปญั หานี้พบครอบคลุมเนื้อท่รี วม 664 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 0.72 ของเน้ือท่ี ทง้ั หมด ไดแ้ ก่ Ws-vd,gm-clB/b 2) ปัญหาดินค่อนขา้ งเป็นทรายและความอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ ตำ่ ที่บนพืน้ ทีด่ อน เป็นดินที่มีเนือ้ ดินบนคอ่ นข้างเป็นทราย มีความสามารถในการอุม้ น้ำต่ำและดดู ซับแร่ธาตุอาหาร ได้น้อย จึงมีความอุดมสมบูรณ์ธรรมชาติต่ำ เกิดการชะล้างพังทลายได้ง่าย สภาพปัญหานี้พบครอบคลุม เนือ้ ที่รวม 915 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 1.00 ของเน้อื ท่ีท้งั หมด ไดแ้ ก่ หน่วยแผนทด่ี ิน AC-mw, col-slA และ Sp-slB 3) ปญั หาดินมคี วามอุดมสมบูรณต์ ำ่ บนพื้นทดี่ อน เมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินในประเทศไทยนั้น กรมพัฒนา ที่ดินใช้เกณฑ์การประเมินจากค่าวิเคราะห์ดิน 5 รายการ คือ ร้อยละปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณ ฟอสฟอรัสทเี่ ปน็ ประโยชน์ ปริมาณโพแทสเซยี มทเี่ ปน็ ประโยชน์ ความจแุ ลกเปลย่ี นแคตไอออน และอัตรา ร้อยละความอิ่มตัวเบส ซึ่งแต่ละรายการจะมีเกณฑ์ประเมินเป็นค่าสูง ปานกลาง ต่ำ เนื่องจากสภาพทาง ธรรมชาติ โดยดินมีวัตถุต้นกำเนิดดินที่มีแร่ธาตุอาหารตามธรรมชาติต่ำ ประกอบกับมีการใช้ประโยชน์ ที่ดินอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้มีการปรับปรุงบำรุงดินเท่าที่ควร ทำให้ดินเสื่อมโทรม ความอุดมสมบูรณ์ลดลงอยา่ งต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตช้า ผลผลิตตกต่ำ คุณภาพไม่ดี สภาพปัญหาน้ี พบครอบคลุมเน้ือท่รี วม 3,400 ไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 3.71 ของเน้อื ทท่ี ั้งหมด ไดแ้ ก่ หนว่ ยแผนท่ดี ิน Pae- slB Pae-slC Cg-br-clB และ Mt-clC 4) ปญั หาดนิ ต้ืน เป็นดินท่ีเป็นชัน้ ดินหนาประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนใหญม่ ีเน้ือดินเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินร่วนปนดินเหนียว ชั้นถัดไปเป็นชั้นดินมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนปนดินเหนียวและดนิ เหนียวที่มีปริมาณกรวด หรือเศษหินปะปนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 35 โดยปริมาตร หรือพบหินพ้ืน ภายในความลกึ 50 เซนติเมตร จากผิวดิน จากลักษณะของดินดงั กล่าวถือเปน็ อุปสรรคตอ่ การเจริญเติบโต ของพืชด้านการชอนไชของรากพืช ทำให้การเกาะยึดตัวของดินไม่ดี ยากแก่การไถพรวน เกิดการชะล้าง พังทลายได้ง่าย สภาพปัญหานี้พบครอบคลุมเนื้อที่รวม 6,253 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.82 ของเนื้อที่ ทั้งหมด แบ่งดินต้นื ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ (1) ดินตื้นถึงชั้นก้อนกรวด ลูกรังหรือเศษหินบนพื้นที่ดอน มีเนื้อที่ 1,096 ไร่ หรือร้อยละ 1.20 ของเนือ้ ทที่ ัง้ หมด ได้แก่ หนว่ ยแผนที่ดนิ Mr-gslB และ Mr-gslC แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

39 (2) ดินตนื้ ชน้ั หนิ พน้ื บนพน้ื ทดี่ อน มีเนือ้ ที่ 5,157 ไร่ หรือรอ้ ยละ 5.62 ของเนอื้ ที่ทงั้ หมด ไดแ้ ก่ หน่วยแผน ทดี่ นิ Li-gclC และ Li-gclD/st 5) ปัญหาพืน้ ทมี่ ีความลาดชนั สงู พน้ื ทีท่ ม่ี ีความลาดชันสูง มีความลาดชนั มากกว่า 35 เปอรเ์ ซ็นต์ สว่ นใหญ่มสี ภาพการใช้ท่ีดินเป็น ป่าไม้ เหมาะที่จะนำมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร และมีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดิ นสูง สภาพปัญหาน้ีพบครอบคลุมเนื้อที่รวมมีเนื้อที่ 68,030 ไร่ หรือร้อยละ 74.20 ของเนื้อที่ทั้งหมด ได้แก่ หน่วย แผนท่ดี ิน SC (ตาราง 3-4 ภาพที่ 3-5) นอกจากนย้ี งั มีดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง มีเน้อื ท่ีรวม 9,555 ไร่ หรือร้อยละ 10.41 ของ เน้อื ทีท่ ง้ั หมด ไดแ้ ก่ ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางในพื้นที่ลุ่ม มีเนื้อที่ 3,183 ไร่ หรือร้อยละ 3.47 ของเนื้อท่ี ทงั้ หมด ได้แก่ หนว่ ยแผนทดี่ ิน Na-fsi-silA และ Na-br-siclA ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางบนพื้นที่ดอน มีเนื้อที่ 6,372 ไร่ หรือร้อยละ 6.94 ของเนื้อท่ี ทงั้ หมด ได้แก่ หน่วยแผนท่ีดนิ Ws-br-clB Ws-clB Ws-clC และ Ws-vd-clB และพื้นที่อื่น ๆ มีเนื้อที่ 2,879 ไร่ หรือร้อยละ 3.14 ของเนื้อที่ทั้งหมด ได้แก่ หน่วยแผนทีด่ ิน U และ W ตารางที่ 3-4 สภาพปญั หาของดนิ ในพ้ืนทลี่ ่มุ นำ้ หว้ ยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน คำอธบิ าย เนอ้ื ที่ ไร่ รอ้ ยละ 1) ปัญหาการใชท้ ี่ดนิ ไมต่ รงตามศักยภาพของดนิ (ท่ีดอนทำนา) 2) ปัญหาดินค่อนขา้ งเปน็ ทรายและความอุดมสมบรู ณข์ องดินต่ำ 664 0.72 ท่บี นพน้ื ที่ดอน 915 1.00 3) ปัญหาดินมคี วามอุดมสมบรู ณต์ ่ำบนพนื้ ทด่ี อน 4) ปัญหาดนิ ตน้ื 3,400 3.71 6,253 6.82 4.1) ดินต้นื ถงึ ช้ันกอ้ นกรวด ลูกรัง หรอื เศษหินบนพ้นื ที่ดอน 1,096 1.20 4.2) ดินตน้ื ถงึ ช้นั หนิ พน้ื บนพนื้ ทด่ี อน 5,157 5.62 5) ปัญหาพื้นท่มี ีความลาดชันสูง 68,030 74.20 6) ดนิ ท่มี ีความอุดมสมบรู ณ์ปานกลาง 9,555 10.41 6.1) ดนิ ที่มคี วามอุดมสมบูรณ์ปานกลางในพ้ืนทลี่ ุ่ม 3,183 3.47 6.2) ดินท่ีมคี วามอุดมสมบูรณ์ปานกลางบนพืน้ ทีด่ อน 6,372 6.94 7) อืน่ ๆ 2,879 3.14 91,696 100.00 รวมเน้อื ท่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

40 ภาพที่ 3-5 สภาพปัญหาทรัพยากรดนิ พน้ื ทล่ี มุ่ น้ำห้วยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จงั หวดั น่าน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

41 พน้ื ทลี่ ุ่มน้ำหว้ ยน้ำแหง ลกั ษณะล่มุ น้ำวางตัวตามแนวทิศตะวนั ตก-ตะวันออก เปน็ ส่วนหน่งึ ของลมุ่ น้ำสาขานำ้ แหง โดยมีรายละเอียด (ภาพท่ี 3-6) ดังนี้ ลุ่มน้ำสาขาน้ำแหง (0910) เป็นลุ่มน้ำสาขาที่อยู่ตอนกลางของลุม่ น้ำน่าน ครอบคลุมพื้นท่ี อำเภอนาหม่ืน อำเภอนานอ้ ย และอำเภอเวียงสา จังหวดั นา่ น สภาพภูมิประเทศสว่ นใหญ่เป็นภูเขาลาดชัน มีแม่น้ำสายสำคัญ คือ น้ำแหง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากสันปันน้ำขุนสถาน (แบ่งระหว่างลุ่มน้ำยมที่อำเภอร้อง กวาง) ความสูง 900 เมตร ที่ระดับน้ำทะเลปานกลาง ไหลลงสู่แม่น้ำน่านทางฝั่งขวา มีพื้นที่การ เกษตรกรรมเพียงเลก็ น้อยตามทร่ี าบช่องเขา ลำนำ้ ทสี่ ำคญั อ่นื ๆ ไดแ้ ก่ ห้วยเขียด ห้วยช้าง หว้ ยช้างน้อย หว้ ยนาราบ หว้ ยนำ้ จำ ห้วยน้ำสระ ห้วยน้ำแหง ห้วยปง ห้วยเปา ห้วยเหมืองซี ห้วยเหมืองร่อง และห้วยฮูด เป็นต้น สำหรับแหล่งน้ำที่สำคัญใน พื้นที่ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำน้ำแหง และสระห้วยปู - แหล่งน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีขนาดเล็กและตื้นเขิน ขาดระบบส่งน้ำและเครื่องสูบนำ้ ตลอดจนการบริหารจดั การทีด่ ี - ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ตลอดจนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะในช่วง ฤดแู ลง้ ในบรเิ วณพื้นท่ีใกล้ลำน้ำหรือแหล่งน้ำขนาดเลก็ - การบุกรุกพื้นที่แหล่งน้ำจากชาวบ้าน บริเวณแหล่งน้ำหลายสายถูกบุกรุกจากชาวบ้าน เพอ่ื นำไปใชเ้ ปน็ พืน้ ท่เี พาะปลูก โดยเฉพาะการปลกู พชื สวนและไร่นา เปน็ ต้น - คณุ ภาพนำ้ ในลำน้ำสายสำคัญบางสายเสื่อมโทรม เนื่องจากการปนเปื้อนของสารเคมีทาง การเกษตรสู่ลำนำ้ โดยตรง - การพัฒนาพื้นที่แหล่งน้ำที่มีอยู่ไม่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมี ศกั ยภาพในการเกบ็ และการระบายนำ้ - ปัญหาน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นในบางชมุ ชน เนื่องจากลำน้ำมคี วามลาดชนั สูง ไม่มีแหลง่ เกบ็ กกั น้ำและชะลอการไหลของน้ำ อกี ท้ังยงั เป็นพ้นื ทท่ี เี่ ปน็ ทางผา่ นของน้ำอกี ด้วย แนวโน้มในอนาคตสถานการณ์ปัญหาของแหล่งน้ำ เช่น ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ในช่วง ฤดูแล้ง ปัญหาน้ำท่วมในชว่ งฤดูฝนทีเ่ กิดขึน้ ในบางพื้นที่ ปัญหาการบุกรุกพื้นทีแ่ หล่งน้ำ ปัญหาการพัฒนา พื้นที่แหล่งน้ำ และปัญหาคุณภาพแหล่งน้ำ ในอนาคตเมื่อคำนึงถึงความต้องการทีเ่ พิ่มขึ้นของการใชน้ ำ้ ใน ดา้ นตา่ ง ๆ อนั เนื่องมาจากการเพ่ิมขนึ้ ของประชากร การเจรญิ เติบโตดา้ นเศรษฐกิจ และสงั คม ซึ่งจะทำให้ เกิดความไม่สมดุลในด้านการใช้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ปัญหาเหล่านย้ี งั คงเปน็ ปญั หาสำคัญทค่ี วรไดร้ บั การแกไ้ ขอยา่ งต่อเน่ือง แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

42 ภาพที่ 3-6 เสน้ ทางน้ำและเส้นทางคมนาคมในพื้นท่ีลมุ่ น้ำหว้ ยนำ้ แหง อำเภอนาน้อยจงั หวดั นา่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

43 จากการศึกษาสภาพพน้ื ท่ีของล่มุ นำ้ คอื ลมุ่ นำ้ A มพี ้ืนทร่ี บั นำ้ เทา่ กบั 90.80 ตารางกิโลเมตร (56,750 ไร)่ และพ้นื ท่ีรับน้ำ B มีพนื้ ที่รบั นำ้ เท่ากับ 55.91 ตารางกโิ ลเมตร (34,946 ไร่) โดยภายในลุ่มน้ำ จะมีลำนำ้ ลำหว้ ยไหลลงสลู่ ำน้ำสายหลัก จงึ สามารถแบง่ พน้ื ที่ภายในเปน็ ลุม่ นำ้ ย่อยไดอ้ ีก A B ภาพท่ี 3-7 พน้ื ทล่ี ุ่มน้ำหว้ ยน้ำแหง อำเภอนานอ้ ย จงั หวัดน่าน ปรมิ าณนำ้ ท่า โดยวธิ ี Reginal Runoff equation จากการคำนวณปริมาณน้ำท่า ด้วยวิธี Reginal Runoff equation ซึ่งอาศัยความสัมพันธ์แบบรี เกรซชั่น (regression) ระหว่างปริมาณน้ำนองสูงสุดเฉลี่ยและพื้นที่รับน้ำฝน ซึ่งจากข้อมูลพื้นที่ลุ่มน้ำ ไดแ้ ก่ พื้นทร่ี บั น้ำ A และพนื้ ท่ีรับน้ำ B มพี นื้ ท่ีรบั นำ้ เท่ากับ 90.80 และ 55.91 ตารางกิโลเมตร ตามลำดับ สามารถคำนวณปริมาณน้ำท่าไดจ้ ากสมการ ������ = 0.248������1.007 (4) สามารถวิเคราะห์ปริมาณน้ำเฉลี่ยรายปีและพื้นที่รับน้ำที่ได้จากสมการท่ี 3 เท่ากับ 22.36 และ 26.07 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ลมุ่ น้ำทง้ั สองมีศักยภาพในการพฒั นาดา้ นการเก็บกักน้ำท่า เพือ่ ใชใ้ นพื้นท่กี ารเกษตรได้ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

44 ภาพท่ี 3-8 ความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณนำ้ ท่าเฉลี่ยรายปแี ละพื้นท่รี บั น้ำฝนของลุม่ นำ้ น่าน ทีม่ า : กรมชลประทาน (2563) แนวทางหน่งึ ในการแก้ปญั หาทรัพยากรน้ำของพืน้ ท่ีควรเร่ิมตน้ ท่ชี ุมชนและท้องถ่ิน คือการ พัฒนาแหล่งน้ำของชุมชนและท้องถิ่นว่าควรเป็นการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กที่ ด้วยเหตุผลของ ข้อจำกัดในงบประมาณ ความรวดเร็ว และการจัดการภายในพื้นที่เฉพาะ การพัฒนาแหล่งนำ้ ขนาดเล็กจึง เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีความสำคัญต่อชุมชนดังนั้น เพื่อให้เกิดภาพรวมในการแก้ไขปัญหา ทรัพยากรนำ้ ของพื้นท่ีให้มปี ระสิทธิภาพและมคี วามเช่ือมโยงกันระหว่างการพัฒนาทรัพยากรน้ำและมิติอ่ืน ๆ ทั้งในด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ การฟื้นฟูสภาพป่า และการใช้ที่ดิน อย่างเป็นรูปธรรม ให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจในศักยภาพของพืน้ ที่ท้องถน่ิ ของตนเองวา่ มีปรมิ าณต้นทุนเดิมและความเป็นไปได้ในการพัฒนา ทรพั ยากรน้ำเพิ่มมากขึ้นเพียงใดในพ้นื ท่ีศกึ ษาลุ่มน้ำหว้ ยน้ำแหงทผ่ี า่ นมาในด้านการพฒั นาแหล่งน้ำต้นทุน ไมไ่ ด้มโี ครงการขนาดใหญม่ ีเพยี งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเลก็ โดยหนว่ ยงานต่าง ๆ (ตารางท่ี 3-5) ตารางท่ี 3-5 แหล่งน้ำต้นทนุ ท่ีดำเนนิ การผ่านโครงการพฒั นาแหล่งน้ำต้นทนุ อำเภอนานอ้ ย จังหวดั น่าน ลำดบั ที่ ประเภทโครงการ บา้ น ตำบล อำเภอ จงั หวัด หน่วยงาน 1 อา่ งเก็บนำ้ นาอดุ ม นาน้อย นานอ้ ย นา่ น กรมชลประทาน 2 อ่างเกบ็ น้ำ นาอุดม นานอ้ ย นาน้อย นา่ น กรมชลประทาน 3 อา่ งเกบ็ น้ำ สนั เชยี งของ นาน้อย น่าน กรมชลประทาน 4 อา่ งเก็บน้ำ แต เชียงของ นานอ้ ย น่าน กรมชลประทาน 5 อา่ งเกบ็ น้ำ น้ำหก ศรษี ะเกษ นาน้อย น่าน กรมชลประทาน 6 อา่ งเก็บนำ้ หว้ ยเลา ศรีษะเกษ นาน้อย นา่ น กรมชลประทาน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

45 ตารางท่ี 3-5 แหลง่ นำ้ ตน้ ทุนทีด่ ำเนินการผา่ นโครงการพฒั นาแหลง่ นำ้ ตน้ ทุน อำเภอนาน้อย จงั หวัดนา่ น (ต่อ) ลำดับที่ ประเภทโครงการ บา้ น ตำบล อำเภอ จงั หวัด หน่วยงาน 7 อ่างเก็บนำ้ หนองบัว ศรษี ะเกษ นานอ้ ย น่าน กรมชลประทาน 8 อ่างเกบ็ นำ้ หนองบวั ศรษี ะเกษ นานอ้ ย นา่ น กรมชลประทาน 9 อ่างเก็บนำ้ หนองบวั ศรษี ะเกษ นานอ้ ย นา่ น กรมพฒั นาทีด่ นิ 10 อ่างเกบ็ นำ้ หนองผำ ศรีษะเกษ นาน้อย นา่ น กรมพฒั นาทดี่ ิน 11 อา่ งเก็บนำ้ หนอง ศรีษะเกษ นาน้อย นา่ น กรมพฒั นาที่ดิน 12 อ่างเกบ็ นำ้ นาไค้ บัวใหญ่ นาน้อย นา่ น กรมพัฒนาที่ดิน 13 อา่ งเก็บน้ำ นาดอย สถาน นานอ้ ย นา่ น กรมพฒั นาทด่ี ิน 14 อา่ งเกบ็ นำ้ เชตวนั สนั ทะ นานอ้ ย นา่ น กรมพัฒนาทดี่ ิน พืน้ ทีป่ า่ ไม้ในเขตป่าตามกฎหมายวิเคราะห์ จากการซ้อนทับข้อมูลพื้นที่ป่าอนรุ ักษ์ (เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ ป่า อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน) พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (เขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ใน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ) พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ป่าไม้ ถาวรนอกเขตป่า เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แปลงที่ดินทำกินตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และสภาพการใช้ทด่ี ินในพ้ืนที่โครงการ พบว่า มีสถานภาพของทรพั ยากรปา่ ไม้ (ตารางที่ 3-6) ตารางที่ 3-6 สถานภาพทรพั ยากรป่าไมใ้ นพนื้ ทลี่ ุ่มนำ้ ห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จงั หวัดน่าน สถานภาพทรพั ยากรป่าไม้ เน้ือที่ ไร่ ร้อยละ พ้นื ทใ่ี นเขตปา่ ตามกฎหมาย 78,863 67.68 1) พื้นท่ปี ่าสมบูรณ์ 35,389 20.27 2) พน้ื ท่ปี ่ารอสภาพฟื้นฟู 1,255 1.37 3) พ้นื ท่มี กี ารใช้ประโยชนเ์ พ่อื เกษตรกรรม 40,170 43.81 - นาขา้ ว 623 0.68 - พชื ไร่ 16,910 18.44 - ไมย้ นื ต้น 8,792 9.59 - ไมย้ นื ต้น/ไม้ผล 12 0.01 - ไมผ้ ล 1,024 1.12 - พชื ไรห่ มุนเวยี น 12,809 13.97 4) พน้ื ทเี่ บ็ดเตล็ด 453 0.49 5) พ้นื ที่ชุมชนและสง่ิ ปลูกสรา้ ง 828 0.90 6) พนื้ ท่ีน้ำ 768 0.84 หมายเหตุ: เน้อื ที่ป่าไม้ตามกฎหมายและป่าตามมตคิ ณะรฐั มนตรี คำนวณด้วยระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

46 ขอ้ มลู ขอบเขตทดี่ นิ ของรัฐดา้ นทรพั ยากรป่าไม้ (ตารางที่ 3-7) ตารางท่ี 3-7 ขอ้ มูลทด่ี ินของรัฐท่ีใช้ร่วมในการวิเคราะหด์ า้ นทรพั ยากรป่าไม้ อำเภอนานอ้ ย จงั หวดั น่าน หนว่ ยงาน และข้อมูลประเภทที่ดิน สถานะทางกฎหมาย 1. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ปา่ และพนั ธุ์พชื 1.1 อทุ ยานแห่งชาติ แผนทแ่ี นบท้าย พระราชกฤษฎกี า(พระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และท่ีแก้ไขเพม่ิ เติม) 1.2 เขตรักษาพนั ธ์ุสัตวป์ า่ แผนทแ่ี นบท้าย พระราชกฤษฎีกา(พระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตวป์ า่ พ.ศ.2535 พระราชบัญญัตสิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ ่า (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2546 และพระราชบัญญตั สิ งวนและ คมุ้ ครองสตั วป์ า่ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ.2557) 1.3 เขตห้ามลา่ แผนที่แนบทา้ ยประกาศกฎกระทรวง 1.4 วนอุทยาน ไมร่ ะบุ 2. กรมป่าไม้ 2.1 ป่าสงวนแหง่ ชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ โดยกฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ. ปา่ สงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507และที่แก้ไขเพิม่ เตมิ 2.2 เขตการจำแนกเขตการใชป้ ระโยชน์ มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 และ 17 มนี าคม 2535 ทรัพยากรและดนิ ปา่ ไม้ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ 3. สำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ชั้นคุณภาพลมุ่ น้ำ มตคิ ณะรฐั มนตรี 4. กรมพฒั นาทดี่ นิ ป่าไมถ้ าวร มติคณะรัฐมนตรี 5. สำนักงานปฏิรปู ท่ดี ินเพ่อื เกษตรกรรม เขตปฏิรูปทีด่ ิน (ส.ป.ก.) แผนที่แนบท้าย พระราชกฤษฎกี า (พระราชบญั ญัตกิ ารปฏิรปู ที่ดิน เพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2518) 6. คณะกรรมการนโยบายทดี่ ินแหง่ ชาติ (คทช.) แปลงท่ดี ินทำกินตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ มติคณะรัฐมนตรี (คทช.) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

47 เมอื่ จำแนกพื้นทป่ี ่าไม้ตามข้อกำหนดการใช้ที่ดินประเภทและวัตถุประสงค์ของการประกาศเขตป่าไม้ ตามกฎหมาย (แนวเขตป่าไม้และที่ดินของรัฐประเภทอื่นไม่ชัดเจนและมีการทับซ้อนกัน) สามารถจำแนก พน้ื ท่ีในพนื้ ทีล่ มุ่ นำ้ ไดด้ ังนี้ พื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหงอยู่ในเขตพื้นที่เตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติขุนสถาน (กรม อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, 2560) เนื้อที่ประมาณ 8,037 ไร่ หรือร้อยละ 8.76 ของเนื้อที่ โครงการฯ การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามมติ คณะรฐั มนตรี วันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 ได้ใหค้ วามเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการ นโยบายป่า ไม้แห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินปา่ ไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซ่ึงได้จำแนกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ออกเป็น 3 เขต ดังนี้ เขตพื้นที่ป่าเพื่อการ อนุรักษ์ (โซน C) เขตพื้นที่ป่าเพื่อเศรษฐกิจ (โซน E) และเขตพื้นที่ป่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร (โซน A) เม่อื จำแนกปา่ ตามเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ พบว่า พืน้ ท่ีลุม่ นำ้ หว้ ยน้ำแหง อยูใ่ นเขตปา่ สงวนแห่งชาติหลายป่า (ตารางที่ 3-8) และสามารถจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (ตารางท่ี 3-9) ตารางที่ 3-8 พน้ื ที่เขตปา่ สงวนแห่งชาติในพ้ืนท่ีลมุ่ นำ้ ห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ป่าสงวนแหง่ ชาติ เนอื้ ที่ ร้อยละ ไร่ 91.05 พนื้ ทป่ี ่าสงวนแห่งชาติ 89.03 - ป่าฝ่งั ขวาแม่น้ำนา่ นตอนใต้ 83,491 0.01 - ปา่ แมค่ ำมี 81,639 0.06 - ปา่ แมส่ าครฝงั่ ขวา 1.95 - ป่าสาลกี 12 51 1,789 ท่มี า : กรมป่าไม้ (2560) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

48 ตารางที่ 3-9 พื้นที่เขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้พื้นท่ีลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวดั น่าน เขตป่าจำแนกในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เนือ้ ที่ ร้อยละ ไร่ 37.43 พ้นื ท่ีปา่ อนรุ ักษ์ (โซน C) 34,326 54.42 พ้นื ที่ปา่ เศรษฐกิจ (โซน E) 49,903 1.97 พ้ืนทป่ี า่ เกษตร (โซน A) 1,802 ที่มา : กรมป่าไม้ (2560) ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ เพื่อให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ เหมาะสมจึงได้แบ่งพื้นที่ชั้นคุณภาพลุม่ น้ำออกเป็น 6 ชั้น คือ พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1B พื้นท่ี ลุ่มน้ำชั้น 2 พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 4 และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 5 จากข้อกำหนดการใช้ประโยชน์และ การจัดการพื้นที่ชั้นลุ่มน้ำคุณภาพต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญได้ คือ การใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่ต้องสงวนรักษาไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและ เป็นพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ เนื่องจากมีลักษณะและสมบัติที่อาจมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการ เปลีย่ นแปลงการใช้ที่ดินได้ง่ายและรุนแรง ไม่ควรจะเปล่ียนแปลงพนื้ ที่เพื่อใช้ทำการเกษตร สำหรับการใช้ ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 4 และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 5 น้ัน ให้ใช้ทำการเกษตรได้แต่ต้องมีมาตรการตามข้อ กำหนดการใช้ประโยชน์พ้นื ท่ีลุ่มน้ำ ไดแ้ ก่ มาตรการดา้ นการอนุรักษ์ดนิ และน้ำ และการป้องกันการชะล้าง พังทลายของดนิ เป็นตน้ ดงั นั้นข้อกำหนดต่าง ๆ จึงมมี าตรการทเี่ ข้มงวดแตกต่างกัน เพื่อป้องกันการเสื่อม โทรมของดิน และให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืนต่อไปพื้นที่โครงการฯ รายละเอียดแสดงใน ตารางที่ 3-10 ประกอบดว้ ย ช้นั คณุ ภาพลมุ่ นำ้ ดังน้ี 1) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 ซึ่งมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ก่อนปี 2525 โดยพื้นที่นี้ควรสงวนรักษาไว้เป็นป่าต้นนำ้ ลำธาร (ห้ามมีการใช้ประโยชน์อย่างอื่น) มีเนื้อท่ีประมาณ 3,468 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 3.78 ของเนื้อที่ทัง้ หมด 2) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 เป็นพื้นที่มีความลาดชันค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณภาพเหมาะสมต่อการเป็น ป่าต้นน้ำลำธาร และสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อกิจการที่สำคัญ เช่น การทำเหมืองแร่ สวนยางพารา หรือพชื ทีม่ ีความมั่นคงตอ่ เศรษฐกจิ มเี นือ้ ทป่ี ระมาณ 26,109 ไร่ หรือร้อยละ 28.47 ของเนอ้ื ทท่ี ้ังหมด 3) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 เป็นพื้นที่มีความลาดเทสูง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งกิจกรรมทำ ไม้ เหมืองแร่ และสามารถใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรได้โดยถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินลึกควรปลูกไม้ผล หรือไม้ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

49 ยนื ตน้ แต่ถา้ เปน็ บริเวณที่เปน็ ดินตื้นควรปลูกป่าและทงุ่ หญ้า มีเนือ้ ที่ประมาณ 49,568 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 54.06 ของ เนื้อทที่ ัง้ หมด 4) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 4 เป็นพื้นที่มีความลาดชันต่ำ และป่าถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ใชป้ ระโยชน์ เพ่ือ กิจการทำไม้ เหมืองแร่ และสามารถใช้พื้นทีเ่ พื่อการเกษตรได้ โดยถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินลึก และมีความ ลาดชันมากควรปลูกไม้ผล แต่ถ้าเป็นบริเวณที่มีความลาดชันน้อยจะใช้ประโยชน์เพื่อการปลูกพืชไร่ได้ มี เนื้อทีป่ ระมาณ 8,906 ไร่ หรอื ร้อยละ 9.71 ของเนื้อท่ีทั้งหมด 5) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 5 เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีเนื้อที่ประมาณ 3,645 ไร่ หรือร้อยละ 3.98 ของเนื้อที่ ทั้งหมด ตารางท่ี 3-10 พน้ื ทีช่ ั้นคณุ ภาพล่มุ น้ำในพ้ืนทล่ี ุ่มน้ำหว้ ยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวดั น่าน ชั้นคุณภาพลมุ่ นำ้ เนือ้ ที่ รอ้ ยละ ไร่ 3.78 พืน้ ทล่ี ่มุ น้ำช้นั 1A 3,468 28.47 54.06 พ้นื ทล่ี ุ่มนำ้ ชนั้ 2 26,109 9.71 3.98 พ้นื ทล่ี มุ่ นำ้ ช้นั 3 49,568 100.00 พ้ืนท่ีลุ่มนำ้ ชน้ั 4 8,906 พน้ื ที่ลุ่มนำ้ ชน้ั 5 3,645 รวมเนื้อท่ี 91,696 ทม่ี า: สำนักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม (2555) ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นแนวเขตที่ดินที่เห็นสมควรรักษาไว้เป็นเขตป่าไม้ โดยมีกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการนำพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวร ในพน้ื ทีโ่ ครงการฯ ประกอบด้วย พนื้ ท่เี ขตปา่ ไม้ถาวรนอกเขตปา่ ดงั นี้ (ตารางท่ี 3-11) ตารางท่ี 3-11 พน้ื ที่เขตป่าไมถ้ าวรนอกเขตปา่ ในพนื้ ทล่ี ุ่มห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จงั หวดั นา่ น ป่าไม้ถาวรนอกเขตปา่ เน้อื ที่ รอ้ ยละ ไร่ 0.32 พ้ืนที่ป่าไม้ถาวร 390 0.32 - ป่าฝัง่ ขวาแม่นำ้ นา่ นตอนใต้ 390 เขตพื้นที่ปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามแผนที่แนบท้าย พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 พบว่า มีเนื้อที่ 24,134 ไร่ หรือร้อยละ 26.33 ของเนอ้ื ที่ทง้ั หมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

50 แปลงที่ดินทำกินตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พบวา่ มีเนอื้ ที่ 1,160 ไร่ หรอื ร้อยละ 1.27 ของเน้ือท่ีทงั้ หมด สภาพการใช้ที่ดินในโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบ อนรุ กั ษด์ นิ น้ำ พน้ื ทลี่ ุ่มนำ้ หว้ ยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซ่ึงเน้อื ท่ีรวมทั้งสิ้น 91,696 ไร่ พบว่า มีการ ใช้ท่ีดนิ แบง่ ออกเป็น 5 ประเภทหลกั (ตารางท่ี 3-12 และภาพที่ 3-12) ไดแ้ ก่ (U) มีเนื้อที่ 2,048 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2.23 ของเนื้อ ที่ท้งั หมด ได้แก่ หมบู่ า้ น 16 หมูบ่ า้ น ตวั เมืองและย่านการค้า สถานทร่ี าชการและสถาบันตา่ ง ๆ ลานตาก และแหลง่ รับซ้ือทางการเกษตร สถานทพี่ ักผอ่ นหยอ่ นใจ และสสุ าน ปา่ ชา้ (1) ตัวเมืองและย่านการค้า (U101) มีเนื้อที่ 210 ไร่ หรือร้อยละ 0.23 ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย โดยทั่วไป (2) หมู่บ้าน (U201) มีเนื้อที่ 1,789 ไร่ หรือร้อยละ 1.95 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบด้วย หมู่บ้านบนพื้นท่รี าบ ซึ่งเปน็ ท่อี ยู่อาศยั โดยทัว่ ไป (3) สถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ (U301) มเี นื้อท่ี 31 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ของเนื้อท่ี ทัง้ หมด (4) ย่านอุตสาหกรรม (U501) มีเนื้อที่ 10 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบด้วย ลานตากและแหลง่ รบั ซอ้ื ทางการเกษตร (5) พื้นที่อื่น ๆ (U601 และ U603) มีเนื้อที่ 8 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบดว้ ย พ้นื ทีพ่ กั ผ่อนหยอ่ นใจ 5 ไร่ และสสุ าน และปา่ ช้า 3 ไร่ มีเนื้อที่ 64,801 ไร่ หรือร้อยละ 70.67 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบดว้ ย (1) นาขา้ ว (A1) มีเน้ือที่ 3,475 ไร่ หรือร้อยละ 3.79 ของเนื้อท่ที งั้ หมด (2) พืชไร่ (A2) เป็นพืชเกษตรกรรมที่มีสัดส่วนมากที่สุด มีเนื้อที่ 28,172 ไร่ หรือ ร้อยละ 30.72 ของเนอ้ื ที่ทัง้ หมด พ้ืนทพี่ ืชไรท่ ี่สำคัญทางเศรษฐกิจของจงั หวดั น่าน ประกอบด้วย - ขา้ วโพด (A202) มเี น้ือที่ 27,878 ไร่ หรอื ร้อยละ 30.40 ของเนอ้ื ทีท่ ั้งหมด - พื้นที่ไร่ร้าง (A202) มเี น้อื ท่ี 294 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.32 ของเนื้อทที่ ้ังหมด (3) ไม้ยืนต้น (A3) มีเนื้อที่ 16,533 ไร่ หรือร้อยละ 18.03 ของเนื้อที่ทั้งหมด พืชเศรษฐกิจที่ สำคัญของจังหวัด ประกอบดว้ ย - ยางพารา (A302) มเี นอื้ ที่ 14,527 ไร่ หรือรอ้ ยละ 15.84 ของเนอื้ ทีท่ ั้งหมด - สัก (A305) มเี นือ้ ที่ 1,991 ไร่ หรือรอ้ ยละ 2.17 ของเนอื้ ท่ีทั้งหมด - ไมย้ ืนตน้ ร้าง/เส่ือมโทรม 15 ไร่ หรือร้อยละ 0.02 ของเนอ้ื ทที่ ้ังหมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

51 (4) ไม้ยืนต้น/ไม้ผล (A3/A4) มีเนื้อที่ 28 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ได้แก่ สัก/มะขาม (A305/A412) (5) ไม้ผล (A4) มีเนอ้ื ที่ 2,290 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 2.50 ของเน้อื ที่ท้ังหมด ประกอบดว้ ย - มะมว่ ง (A407) มีเนื้อท่ี 41 ไร่ หรือร้อยละ 0.04 ของเนื้อทท่ี ้ังหมด - มะมว่ ง/มะขาม (A407/A412) มีเนอ้ื ท่ี 779 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.85 ของเน้ือทท่ี ้งั หมด - มะขาม (A412) มเี นื้อที่ 1,358 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 1.49 ของเน้อื ท่ที ้ังหมด - มะขาม/ลำไย (A412/A413) มีเนื้อท่ี 13 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเนอ้ื ที่ทง้ั หมด - ลำไย (A413) มีเน้ือที่ 3,245 ไร่ หรือร้อยละ 1.56 ของเน้อื ท่ที ั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีไม้ผลอื่น ๆ ที่เกษตรกรปลูกเป็นแปลงเล็ก ๆ อีกหลายชนิดได้แก่ พื้นที่ไม้ผล รา้ ง/เสอื่ มโทรม 13 ไร่ ไม้ผลผสม 6 ไร่ (6) ไร่หมุนเวียน (A6) มีเนื้อที่ 14,289 ไร่ หรือร้อยละ 15.58 ของเนื้อที่ทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นที่ เกษตรกรรมหลักของชุมชนบนพื้นที่สูงที่มีการทำเกษตรกรรม โดยมีการหมุนเวียนเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืช และทิ้งพื้นที่ไว้เพื่อให้ดินมีการพักตัว ตั้งแต่ 3-7 ปี จากนั้นจึงกลับมาทำการเกษตรกรรมใหม่อีกครั้ง ประกอบดว้ ย - ข้าวโพด (ไร่หมุนเวียน) (A602) ) มีเนื้อที่ 12,130 ไร่ หรือร้อยละ 13.23 ของเนื้อที่ ทง้ั หมด - ข้าวโพด (ไร่หมุนเวียน) (A602)/ข้าวไร่ (ไร่หมุนเวียน) (A616) มีเนื้อที่ 2,015 ไร่ หรือ ร้อยละ 2.20 ของเน้ือทที่ ้งั หมด - ไร่ร้าง (ไร่หมุนเวียน) (A600) มีเนื้อที่ 140 ไร่ หรือร้อยละ 0.15 ของเนื้อที่ทั้งหมด เป็น การพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่หมุนเวียนซึ่งในช่วงเวลาที่ทำการสำรวจพบว่าเป็นช่วงเวลาที่มีการทิ้งพื้นที่ไว้ เพ่ือใหด้ นิ มีการพกั ตวั โดยมวี ัชพืชซึ่งไม้พมุ่ สลับกับทงุ่ หญา้ ธรรมชาตขิ ้นึ ปกคลุมตามธรรมชาติ - ข้าวไร่ (ไร่หมุนเวียน) (A616) มีเนื้อที่ 4 ไร่ ของเนื้อที่ท้ังหมด เป็นการปลูกเพื่อการ บริโภคของประชากรชุมชนบนพื้นที่สูงเป็นส่วนใหญ่ โดยจะเริ่มปลูกประมาณเดือนพฤษภาคม และเก็บ เกีย่ วในเดือนพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม (7) เกษตรผสมผสาน/ไร่นาสวนผสม (A001) มีเนื้อที่ 14 ไร่ หรือร้อยละ 0.02 ของเนื้อท่ี ทัง้ หมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

52 ภาพที่ 3-9 สถานภาพปา่ ไม้ และแปลงที่ดินทำกิน ในพ้นื ทลี่ ่มุ นำ้ ห้วยนำ้ แหง อำเภอนานอ้ ย จงั หวดั นา่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

53 มเี นือ้ ท่ี 23,196 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 25.30 ของเน้ือที่ทั้งหมด ประกอบดว้ ย (1) ป่าไม่ผลัดใบ (F1) มีเนื้อท่ี 1,782 ไร่ หรือร้อยละ 1.94 ของเนื้อที่ท้ังหมด ซึ่งเป็นป่าไม่ ผลัดใบสมบูรณ์ (โ101) ทัง้ หมด (2) ป่าผลัดใบ (F2) มีเนื้อที่ 21,414 ไร่ หรือร้อยละ 23.36 ของเนื้อที่ทั้งหมด แบ่งเป็น ป่าผลัดใบสมบูรณ์ (F201) 18,790 ไร่ หรือร้อยละ 20.50 ของเนื้อที่ทั้งหมด ป่าผลัดใบรอสภาพฟื้นฟู (F00) 2,624 ไร่ หรือร้อยละ 2.86 ของเนอ้ื ที่ทงั้ หมด มีเนื้อที่ 820 ไร่ หรือร้อยละ 0.89 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบด้วย ทุ่ง หญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ 782 ไร่ หรือร้อยละ 0.85 ของเนื้อที่ทั้งหมด บ่อดิน 29 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ของเน้ือที่ทั้งหมด และท่ีท้ิงขยะ 9 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเน้ือที่ทั้งหมด มีเนอ้ื ที่ 831 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.91 ของเนอื้ ที่ท้งั หมด ตามลำดบั ประกอบด้วย (1) แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ หนอง บึง ทะเลสาบ (W102) มีเนื้อที่ 30 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ของเนื้อที่ทั้งหมด ทำให้เกิดแหล่งน้ำผิวดินที่เกิดจากการถูกกระทำของลำน้ำกระจายอยู่ทั่วไป ทั้ง ลักษณะหนอง บงึ และบางแหง่ พบมากเปน็ แหล่งน้ำชุมชนในรปู ฝาย (2) แหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ (W201) มีเนื้อที่ 758 ไร่ หรือร้อยละ 0.83 ของ เน้ือท่ีทง้ั หมด และ บอ่ น้ำในไรน่ า มีเน้อื ที่ 43 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.05 ของเน้ือท่ีทั้งหมด ตารางที่ 3-12 ประเภทการใชท้ ด่ี นิ ในพ้ืนที่ลุม่ นำ้ ห้วยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน สัญลักษณ์ ประเภทการใชท้ ่ีดิน เน้ือท่ี ร้อยละ ไร่ 2.23 U พนื้ ที่ชุมชนและสิ่งปลูกสรา้ ง 2,048 0.23 U101 ตัวเมืองและย่านการคา้ 210 1.95 U201 หมบู่ ้านบนพ้นื ราบ 1,789 0.03 U301 สถานท่ีราชการและสถาบันต่าง ๆ 31 0.01 U503 ลานตากและแหลง่ รับซอื้ ทางการเกษตร 10 0.01 U601 สถานที่พักผอ่ นหย่อนใจ - U603 สสุ าน ป่าช้า 5 70.67 3 3.79 A พืน้ ทีเ่ กษตรกรรม 64,801 3.79 A1 พน้ื ทนี่ า 3,475 30.72 3,475 0.32 A101 นาข้าว 28,172 30.40 A2 พชื ไร่ 294 27,878 A200 ไรร่ า้ ง A202 ข้าวโพด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

54 ตารางที่ 3-12 ประเภทการใชท้ ีด่ ินในพืน้ ท่ลี มุ่ น้ำห้วยนำ้ แหง อำเภอนานอ้ ย จงั หวดั นา่ น (ตอ่ ) สญั ลักษณ์ ประเภทการใช้ที่ดนิ เนอื้ ที่ รอ้ ยละ ไร่ 18.03 A3 ไม้ยืนต้น 16,533 0.02 A300 ไม้ยนื ต้นร้าง/เสื่อมโทรม 15 15.84 A302 ยางพารา 14,527 2.17 A305 สัก 1,991 0.03 28 0.03 A3/A4 ไม้ยนื ต้น /ไมผ้ ล 28 2.50 A305/A412 สกั /มะขาม 2,290 0.01 A4 ไมผ้ ล 13 0.01 0.04 A400 ไม้ผลร้าง/เสื่อมโทรม 6 0.85 A401 ไม้ผลผสม 41 1.49 A407 มะม่วง 779 0.01 A407/A412 มะม่วง/มะขาม 1,358 0.09 A412 มะขาม 13 15.58 A412/A413 มะขาม/ลำไย 80 0.15 A413 ลำไย 14,289 13.23 A6 140 2.20 A600 ไรห่ มนุ เวียน 12,130 0.00 A602 ไร่หมุนเวียนรา้ ง 2,015 0.02 A602/A616 ขา้ วโพด(ไร่หมุนเวยี น) 4 0.02 A616 ขา้ วโพด(ไร่หมนุ เวยี น)/ข้าวไร(่ ไรห่ มุนเวยี น) 14 25.30 A0 ขา้ วไร่(ไรห่ มุนเวยี น) 14 1.94 A001 23,196 2.86 F เกษตรผสมผสาน/ไร่นาสวนผสม 1,782 20.50 F101 เกษตรผสมผสาน/ไรน่ าสวนผสม 2,624 0.91 F200 พน้ื ที่ปา่ ไม้ 18,790 0.03 F201 ป่าไม่ผลัดใบสมบูรณ์ 831 0.83 W ป่าผลัดใบรอสภาพฟ้ืนฟู 30 0.05 W102 ป่าผลัดใบสมบรู ณ์ 758 W201 43 W202 พนื้ ทีน่ ้ำ หนอง บงึ ทะเลสาบ อ่างเก็บนำ้ บอ่ นำ้ ในไรน่ า แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

55 ตารางท่ี 3-12 ประเภทการใช้ทีด่ ินในพนื้ ที่ลุม่ นำ้ หว้ ยนำ้ แหง อำเภอนานอ้ ย จงั หวดั นา่ น (ต่อ) สญั ลกั ษณ์ ประเภทการใชท้ ่ีดิน เน้ือที่ ร้อยละ ไร่ 0.89 M พืน้ ที่เบ็ดเตล็ด 820 0.85 M102 ทงุ่ หญ้าสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมาะ 782 0.03 M304 บ่อดนิ 29 0.01 M701 ทท่ี ง้ิ ขยะ 9 100.00 รวมเน้ือที่ 91,696 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

56 ภาพท่ี 3-10 สภาพการใชท้ ่ีดนิ ในพืน้ ทีล่ มุ่ น้ำหว้ ยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

57 การชะล้างพังทลายของดินเป็นปญั หาท่ีสำคัญที่สง่ ผลให้ทรัพยากรที่ดินเสือ่ มโทรมเนื่องจาก ทำให้ เกิดการสูญเสียหน้าดิน การสูญเสียธาตุอาหารและอินทรียวัตถุในดิน ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดลง โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในพน้ื ที่ทีม่ ีการใชท้ ีด่ ินในการปลูกพืชอย่างเข้มข้นในรอบปี รวมทั้งในพนื้ ที่ทม่ี ีการ ใชเ้ คร่ืองจกั รกลในการไถพรวนดินเปน็ สาเหตสุ ำคัญทที่ ำใหส้ มบัติทางกายภาพของดินโดยเฉพาะโครงสร้าง ดินถูกทำลาย ยิ่งส่งเสริมให้เกิดการพังทลายของดินในพื้นที่ ผลจากการชะล้างพังทลายของดินจะส่งผล กระทบต่อส่งิ แวดลอ้ มทง้ั ในพนื้ ทีท่ ี่เกิดการชะล้างพังทลายของดิน และพน้ื ทโี่ ดยรอบ และทำให้ผลผลิตต่อ หนว่ ยพน้ื ทล่ี ดลง เนอื่ งจากความอุดมสมบรู ณล์ ดลง และเกดิ การต้นื เขนิ ของแม่นำ้ ลำคลองจากมีการสะสม ของตะกอนดิน ทำให้ศักยภาพในการเก็บกักน้ำของแหล่งน้ำต่ำลง ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการ เพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการป้องกันการชะล้างพังทลายของ ดิน เพอ่ื รกั ษาทรัพยากรท่ีดนิ ให้สามารถใชท้ ี่ดินได้อย่างยง่ั ยนื การชะล้างพังทลายของดินในแต่ละพื้นที่จะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะ ของดินเอง และปัจจัยจากภายนอก โดยปกติแล้วการชะลา้ งพงั ทลายของดินในประเทศไทยจะเกดิ ขึน้ โดยมี ฝนเป็นปจั จัยหลักที่สำคญั แต่โดยธรรมชาติแล้วจะเกิดไม่รุนแรงบนพืน้ ที่ท่ีมีความลาดชันน้อยและมีสิง่ ปก คลุมผิวดินหรอื พ้ืนท่ที ่ีมคี วามลาดชนั สงู แตม่ ีส่งิ ปกคลมุ ผิวดนิ หนาแนน่ จนเม็ดฝนไม่สามารถกระทบส่พู ้ืนดิน ได้ แต่จะเกิดรุนแรงมากขึ้นถ้าพื้นที่มีความลาดชันมากขึ้นและไม่มีสิ่งปกคลุมผิวดิน โดยมีกิจกรรมการใช้ ที่ดินของมนุษย์เป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น การชะล้างพังทลายของดินนอกจากมีผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มแล้วยังส่งผลเสยี ทางด้านเศรษฐกจิ และจากการประเมินการสญู เสยี ดิน (ตัน/ไร่/ปี) ในพ้ืนท่ีลุ่ม น้ำห้วยน้ำแหง สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินออกเป็น 3 ระดับ (ตารางท่ี 3-13 และภาพท่ี 3-13) ดงั นี้ พื้นที่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับน้อย ซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน 0-2 ตันต่อไร่ต่อปี โดยมีครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 8,329 ไร่ หรือร้อยละ 9.08 ของเนื้อที่ท้ังหมดพบ กระจายตัวอยู่ในตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลนาน้อย และตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย บริเวณที่มี สูญเสียดินเล็กน้อยส่วนใหญ่มีสภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อยถึงพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้าง ราบเรียบการใช้ท่ดี ินสว่ นใหญ่เป็นป่าผลดั ใบสมบรู ณ์ และใช้ประโยชน์ในการปลกู สัก ยางพารา ลำไย และ ข้าว แม้ในพื้นที่นี้ซึ่งมีสถานภาพความรุนแรงในระดับน้อย แต่ควรได้รับการจัดการด้วยมาตรการอนุรักษ์ ดินและนำ้ ท่ีเหมาะสม เพอ่ื ป้องกนั การสูญเสียดนิ เพ่อื ใชป้ ระโยชน์อยา่ งเหมาะสม พื้นที่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับปานกลาง ซึ่งมีปริมาณการ สูญเสียดิน 2-5 ตันต่อไร่ต่อปี โดยมีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณ 11,193 ไร่ หรือร้อยละ 12.21 ของเนื้อท่ี ทง้ั หมด พบกระจายตัวอยใู่ นตำบลน้ำตก ตำบลบวั ใหญ่ ตำบลศรีษะเกษ และตำบลนานอ้ ย อำเภอนาน้อย แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

58 สภาพพ้ืนทสี่ ว่ นใหญ่มีลักษณะเปน็ พ้ืนท่ีลูกคล่นื ลอนชัน สว่ นใหญเ่ ปน็ ปา่ ผลัดใบสมบูรณ์ และใช้ประโยชน์ ในการปลูกข้าวโพด ยางพารา ข้าวโพด (ไร่หมุนเวียน) และลำไย พื้นที่นี้ควรมีการใช้ประโยชน์ที่ดนิ อย่าง ระมัดระวัง โดยการปลูกพืชตามแนวระดับหรือขวางความลาดเท และควรมีการปรับปรุงบำรุงดินอย่าง ตอ่ เน่อื ง พื้นที่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับรุนแรง ซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน 5-15 ตันต่อไร่ต่อปี โดยมีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณ 72,174 ไร่ หรือร้อยละ 78.71 ของเนื้อที่ทั้งหมด โดยพบ กระจายตัวอยู่พืน้ ท่ีตำบลนำ้ ตกฝ่ังทศิ ใต้ ตำบลบัวใหญต่ อนบน และตำบลนานอ้ ยทางทิศตะวนั ตก อำเภอ นาน้อย ส่วนใหญ่มีการใช้ที่ดินในการปลูกข้าวโพด ยางพารา และพืชไร่หมุนเวียน เช่น ข้าวโพด ข้าวไร่ พื้นที่นี้ควรนำมาตรการป้องกันการสูญเสียดินทั้งวิธีพืชและวิธีกลสำหรับป้องกันการสูญเสียดิน มีการ ปรบั ปรงุ บำรงุ ดินอยา่ งตอ่ เนื่อง เพ่ือการใชป้ ระโยชนท์ ่ีดินทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืนตลอดไป ตารางที่ 3-13 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ระดับความรนุ แรง คา่ การสญู เสียดนิ เน้ือท่ี (ตนั /ไร่/ปี) 0-2 ไร่ ร้อยละ 2-5 นอ้ ย 5-15 8,329 9.08 ปานกลาง รุนแรง 11,193 12.21 72,174 78.71 รวมเนอื้ ท่ี 91,696 100.00 จากผลการศึกษา จะเห็นว่า พื้นที่ส่วนใหญ่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายในระดับ รุนแรง โดยมีปริมาณการสูญเสียดิน 5-15 ตันต่อไร่ต่อปี โดยครอบคลุมเนื้อที่คิดเป็นร้อยละ 78.71 ของ เนื้อที่ทั้งหมด โดยพบกระจายตัวอยู่พื้นที่ตำบลน้ำตกฝั่งทิศใต้ ตำบลบัวใหญ่ตอนบน และตำบลนาน้อย ทางทิศตะวันตก อำเภอนาน้อย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันอยู่ในช่วง 0-75 เปอร์เซ็นต์ มี ลักษณะสภาพพื้นทเี่ ป็นแบบราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรยี บ ลูกคลื่นลอดลาดเล็กน้อย ลกู คล่ืนลอนลาดลูก คลื่นลอนชนั เนนิ เขา สูงชนั สูงสันมาก และสงู ชันมากท่สี ุดบางส่วน เมอ่ื พิจารณาประเภทการใช้ท่ีดินเป็น ป่าผลัดใบสมบูรณ์ และมีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในการปลูกข้าวโพด ยางพารา และข้าวโพด (ไร่ หมุนเวียน) ซึ่งหากมีปัญหาการชะล้างพังทลายควรได้รับการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการ ผลิตและผลผลิตของเกษตรกร อีกทั้งลดต้นทุนการผลิตที่สูญหายไปกับการชะล้างของผิวหน้าดินที่อาจ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศแบบเนินเขาแบบสูงชนั และแบบสูงชันมาก จะเกิดการชะล้างพังทลายของดินที่มีความรุนแรงมากที่สุด โดยก่อให้เกิดปริมาณการสูญเสียดินมากกว่า 20 ตันต่อไร่ต่อปี โดยพื้นทด่ี ังกลา่ วมกี ารใช้ประโยชนท์ ีด่ นิ เป็นขา้ วโพด และข้าวโพดแบบไร่หมนุ เวยี น ทัง้ นี้ เพ่ือเป็นการป้องกันและหยดุ การชะล้างพังทลายของดินอย่างย่ังยืนโดยเฉพาะพื้นท่ีท่ีมี ความรนุ แรงของการสูญเสียดนิ ปานกลางถึงรุนแรงมากท่ีสุดนั้น ควรมีมาตรการในการจดั ระบบอนุรักษ์ดิน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

59 และน้ำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่บางแห่งที่มีการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ควรปรับเปลี่ยนการใช้ที่ดินให้เหมาะสม และวิธีการจัดการมีความ เป็นไปได้จริง วิธีการที่สะดวก และเสียค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องใช้แรงงานมาก และสอดคล้องตามความ ต้องการของชุมชน ท้ังน้ี เม่อื พจิ ารณาถึงการคาดคะเนการชะล้างพังทลายของดนิ ในแต่ละพื้นท่ีและแต่ละ ระดับ แมก้ ระท้งั ในพื้นทที่ ี่มีการชะล้างพังทลายในระดบั น้อยซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน 0-2 ตันตอ่ ไร่ต่อปี ซ่งึ ไมค่ วรเพิกเฉยต่อการใช้มาตรการอนรุ ักษ์ดนิ และน้ำ และมจี ดั การปรับปรงุ ดนิ ทีเ่ หมาะสม ซ่ึงหากมีการ ละเลยหรือมีการจัดการที่ไม่เหมาะสม และถูกต้องตามหลักวิชาการอาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้น ซ่ึง เกิดปัญหาต่อการสญู เสียดนิ ปริมาณและคณุ ภาพผลผลิต และส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลติ การจัดการ ดิน นำ้ ปยุ๋ ทำใหเ้ กษตรกรในพืน้ ทีม่ คี ่าใชจ้ ่ายที่เพิ่มสูงข้นึ ตามไปด้วย แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

60 ภาพที่ 3-11 การสูญเสียดินในพืน้ ท่ลี ่มุ นำ้ หว้ ยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จังหวัดนา่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

61 จากข้อมูลทุติยภูมิและเอกสารรายงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าพื้นที่ดำเนินการ 91,696 ในเขตพัฒนา ที่ดินลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง ครอบคลุมพื้นที่อยู่ในเขตพื้นที่ 6 ตำบล ของอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ประกอบด้วย ตำบลนาน้อย ตำบลน้ำตก ตำบลบวั ใหญ่ ตำบลเชียงของ ตำบลศรีษะเกษ และสันทะ ซึง่ พื้นท่ี ดำเนินการส่วนใหญ่ อยู่ใน 3 ตำบล ไดแ้ ก่ ตำบลนานอ้ ย ตำบลน้ำตก และตำบลบวั ใหญ่ มสี ภาวะเศรษฐกิจ และสังคม ดังนี้ ตำบลนาน้อย อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่อำเภอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาน้อยประมาณ 400 เมตร และห่างจากตวั จังหวดั ไปทางทิศใต้ ประมาณ 60 กิโลเมตร อาณาเขต ทศิ เหนอื ติดต่อกับ ตำบลศรษี ะเกษ และตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กบั ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับ ตำบลเชียงของ อำเภอนานอ้ ย จังหวดั นา่ น ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ กับ ตำบลสันทะ และตำบลบวั ใหญ่ อำเภอนานอ้ ย จังหวัดนา่ น ตำบลนาน้อย มพี ื้นทที่ ง้ั หมด 53.43 ตารางกโิ ลเมตร หรือ 33,392 ไร่ แบง่ เขตการปกครอง ออกเปน็ 10 หมบู่ ้าน ดังนี้ (กรมการปกครอง, 2552) หมู่ท่ี 1 บ้านนาราบ หมทู่ ่ี 2 บา้ นดอนไชย หมทู่ ่ี 3 บา้ นนาหลวง หมู่ที่ 4 บ้านนานอ้ ย หมู่ที่ 5 บา้ นบุ้ง หมู่ที่ 6 บ้านไร่ หมทู่ ี่ 7 บา้ นนาหลา่ ย หมู่ที่ 8 บา้ นหวั ทุ่ง หมทู่ ี่ 9 บ้านนาอดุ ม หมทู่ ี่ 10 บา้ นคลองชล โครงสร้างพนื้ ฐาน 1) สาธารณปู โภค ไดแ้ ก่ - ไฟฟ้า ในเขตพื้นที่ปกครองของ อบต.นาน้อยมีการให้บริการไฟฟ้าประมาณ 94.20 % จำนวน 634 ครัวเรือน ส่วนในเขตพื้นที่ปกครองของเทศบาลตำบลนาน้อย มีการให้บริการไฟฟ้า 100 % ครอบคลุมท้งั หมด 4 หมู่บา้ น จำนวนครวั เรือน 1,080 ครัวเรือน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

62 - การโทรคมนาคม ในเขตเทศบาลตำบลนาน้อย มีที่ทำการไปรษณีย์ 1 แห่ง สถานี โทรคมนาคมอนื่ ๆ 1 แหง่ เสาสัญญาณโทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี 2 แหง่ และสถานีวิทยชุ ุมชน 1 แหง่ - การคมนาคม/ขนส่ง ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1026 สายนาน้อย-นาหมื่น ทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 1083 สาย อ.นาน้อย-อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ทางหลวง (รพช.) สายนาราบ-สันทะ ระยะทาง 20 กิโลเมตร ทางหลวง (อบจ.) สายนาราบ-หนองห้า ทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน บ้านบุ้ง-บา้ นไร่-บ้านหัวทุ่ง ทาง เชื่อม (ชลประทาน) บ้านนาหลวง-บ้านหัวทุ่ง-บ้านดอนไชย-บ้านนาอุดม ทางเชื่อมดินลูกรัง (ชลประทาน) บ้าน ดอนไชย-นาอุดม ทางเช่ือมดนิ ลกู รงั บา้ นนาราบ-บ้านดอนไชย 2) สถานบริการสาธารณะ ได้แก่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลนาน้อย ท่ีทำการเทศบาล ตำบลนาน้อย โรงเรียนประถมศึกษา 4 แห่ง โรงเรียนมัธยมศึกษาขยายโอกาส 1 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3 แห่ง ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน 2 แห่ง ห้องสมุดประชาชน 1 แห่ง ท่ีอ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน 9 แห่ง สถานีอนามัยประจำตำบล/หมู่บ้าน 1 แห่ง สถานีตำรวจ 1 แห่ง สถานีดับเพลิง 1 แห่ง กองร้อย อส. 1 แห่ง และวัด/สำนักสงฆ์ 7 แห่ง 3) หน่วยธุรกิจ ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน/ใช้มือหมุน 3 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมปั้นอิฐ 3 แห่งโรงสีข้าว 9 แห่ง ร้านอาหาร 26 แห่ง ร้านค้า 90 แห่ง ธนาคาร 2 แห่ง สถานพยาบาลเอกชน 3 แห่ง ร้านขายยาแผน ปัจจบุ ัน 2 แห่ง เปน็ ต้น 4) การรวมกลุ่มของประชาชน ได้แก่ กลุ่มอาชีพ 18 กลุ่ม กลุ่มออมทรัพย์ 4 กลุ่ม กลุ่มอื่นๆ 8 กลมุ่ ตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จงั หวดั น่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพื้นที่อำเภอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาน้อย ประมาณ 10 กโิ ลเมตร และห่างจากตวั จงั หวัดไปทางทิศใต้ ประมาณ 65 กิโลเมตร อาณาเขต ทิศเหนอื ตดิ ต่อกบั ตำบลแมส่ าคร และตำบลอา่ ยนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดนา่ น ทิศใต้ ติดตอ่ กบั ตำบลบวั ใหญ่ และตำบลนาน้อย อำเภอนานอ้ ย จังหวัดน่าน ทิศตะวันออก ติดต่อกบั ตำบลศรษี ะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวดั น่าน ทศิ ตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดแพร่ ตำบลน้ำตก มีพื้นที่ทั้งหมด 102.55 ตารางกิโลเมตร หรือ 64,094 ไร่ แบ่งเขตการปกครอง ออกเป็น 7 หมู่บา้ น ดังน้ี (กรมการปกครอง, 2555) หมู่ท่ี 1 บ้านพืชเจริญ หม่ทู ี่ 2 บ้านน้ำพุ หมูท่ ี่ 3 บา้ นนำ้ สระ หมทู่ ี่ 4 บ้านวงั กอก หมู่ท่ี 5 บ้านเปา หมทู่ ี่ 6 บา้ นไทยงาม แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

63 หมูท่ ่ี 7 บา้ นพชื มงคล โครงสรา้ งพ้ืนฐาน 1) สาธารณปู โภค ไดแ้ ก่ - ไฟฟ้า มีไฟฟ้าใช้ครบทกุ หมูบ่ ้าน - แหล่งน้ำท่สี รา้ งขนึ้ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 1 แห่ง ฝาย 12 แห่ง บ่อน้ำตน้ื 44 แหง่ - การคมนาคม/ขนส่ง ถนนลาดยาง ถนนสาย หนองห้า – สาคร ถนนคอนกรีตเสรมิ เหลก็ สายทางเขา้ บา้ นไทยงาม สายทางเขา้ บ้านพชื เจรญิ ถนนคอนกรีตเสริมไมไ้ ผภ่ ายในหมูบ่ ้านทั้ง 7 หมู่บา้ น ถนนลูกรงั ในพืน้ ทีท่ ำการเกษตรทั้ง 7 หมบู่ ้าน 2) สถานบริการสาธารณะ ได้แก่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล 1 แห่ง โรงเรียน ประถมศึกษา 3 แห่ง โรงเรียนขยายโอกาส 2 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2 แห่ง ที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำ หมู่บ้าน 7 แห่ง ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน 1 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 แห่ง ป้อมจุด ตรวจ 1 แห่ง วัด 6 แห่ง 3) การรวมกลุ่มของเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มทำเมย้ี ง กลมุ่ แปรรูปฟักทอง กลุ่มทำนมถวั่ เหลอื ง และ กล่มุ เพาะเหด็ 4) หน่วยธรุ กจิ ได้แก่ ป้มั น้ำมนั หลอด 2 แห่ง ตำบลบวั ใหญ่ อำเภอนานอ้ ย จังหวดั น่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่อำเภอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาน้อย ประมาณ 13 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดไปทางทศิ ใต้ ประมาณ 72 กิโลเมตร อาณาเขต ทศิ เหนือ ติดต่อกับ ตำบลนำ้ ตก อำเภอนานอ้ ย จังหวัดนา่ น ทศิ ใต้ ติดตอ่ กบั ตำบลสนั ทะ อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกับ ตำบลนาน้อย อำเภอนานอ้ ย จงั หวดั น่าน ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จงั หวดั แพร่ ตำบลบัวใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมด 98.04 ตารางกิโลเมตร หรือ 61,273 ไร่ แบ่งเขตการปกครอง ออกเป็น 8 หมู่บ้าน ดงั นี้ (กรมการปกครอง, 2555) หมู่ท่ี 1 บา้ นอ้อย หมู่ที่ 5 บ้านนาไค้ หมูท่ ี่ 2 บา้ นใหม่มงคล หมู่ท่ี 6 บ้านตนม่วง หมู่ท่ี 3 บา้ นนาแหน หมู่ที่ 7 บา้ นสนั พยอม หมทู่ ่ี 4 บา้ นทับม่าน หม่ทู ่ี 8 บา้ นหนองหา้ โครงสรา้ งพืน้ ฐาน 1) สาธารณูปโภค ไดแ้ ก่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

64 - ไฟฟา้ มีไฟฟ้าใชค้ รบทุกหมู่บ้าน - ประปา ใช้ประปานครหลวง ใช้ใน หมู่ 1, 3, 4, 5 ประปากรมทรัพยากรน้ำ ใช้ใน หมู่ 2 ประปาธรรมชาติ บ่อริน ใชใ้ น หมู่ 2 ประปาภเู ขา ใช้ใน หมู่ 4, 5, 6, 8 และประปาผวิ ดินขนาดเล็ก ใช้ใน หมู่ 7 - การโทรคมนาคม โทรศัพท์สาธารณะ 1 แห่ง ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข 1 แห่ง ศูนย์ อินเตอรเ์ น็ตตำบล 1 แห่ง - การคมนาคม/ขนส่ง ถนนลาดยาง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1216 สาย นาน้อย-ทัพม่าน และถนน ร.พ.ช. สายบวั ใหญ่ – สนั ทะ 2) สถานบริการสาธารณะ ได้แก่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล 1 แห่ง โรงเรียน ประถมศึกษาขยายโอกาส 2 แห่ง โรงเรียนมัธยมศึกษา 1 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3 แห่ง ที่อ่าน หนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน 2 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 แห่ง ศูนย์ ศสมช. 8 แห่ง วัด/ สำนักสงฆ์ 5 แห่ง 3) หน่วยธรุ กิจ ได้แก่ รา้ นขายของชำ 56 แหง่ ป๊ัมนำ้ มันหัวจา่ ย 2 แหง่ ป๊มั หลอด 16 แห่ง โรงสีข้าว 10 แหง่ รา้ นจำหนา่ ยเครื่องใช้ไฟฟ้า 3 แห่ง เสาสัญญาณโทรศัพท์ 3 แห่ง สหกรณช์ มุ ชน 1 แหง่ ร้าน ซ้อมรถ/อ๊อกเช่อื ม 11 แห่ง หอ้ งเชา่ /บ้านเชา่ 5 แหง่ รา้ นเสรมิ สวย 9 แหง่ โรงสขี ้าวโพด 8 แหง่ โรงกลัน่ สรุ า 6 แหง่ โรงผลิตนำ้ ด่มื 5 แหง่ จากการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ เอกสารและรายงานที่เกี่ยวข้อง ประชากรและโครงสร้าง ประชากร ในพน้ื ท่ตี ำบลนาน้อย ตำบลน้ำตก ตำบลบวั ใหญ่ อำเภอนานอ้ ย จังหวัดนา่ น (ตารางท่ี 3-14) มี รายละเอียดดงั นี้ ตำบลนาน้อย มีประชากร 2,649 คน ประชากรหญิง 2,810 คน มีประชากรรวม 5,459 คน มคี รัวเรือนทัง้ หมด 1,080 ครวั เรอื น มีประชากรเฉล่ยี 5 คนตอ่ หลงั คาเรอื น มีประชากรเฉล่ยี 102 คน ตอ่ ตารางกิโลเมตร มีครวั เรือนเกษตรกร คดิ เปน็ ร้อยละ 82.32 ของครัวเรอื นทั้งหมด มีพ้ืนที่ทำการเกษตร 7.50 ไร่ตอ่ ครัวเรือน มีแรงงานภาคการเกษตร 3 คนต่อครวั เรอื น มีรายได้เฉล่ีย 23,000 บาทตอ่ คนต่อปี ตำบลน้ำตกมีประชากร 1,274 คน ประชากรหญงิ 1,240 คน มีประชากรรวม 2,514 คน มีครัวเรือนทั้งหมด 788 ครัวเรือน มีประชากรเฉลี่ย 3 คนต่อหลังคาเรือน มีประชากรเฉลี่ย 25 คนต่อ ตารางกิโลเมตร มีครัวเรือนเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 92.45 ของครัวเรือนทั้งหมด มีพื้นที่ทำการเกษตร 37.25 ไร่ตอ่ ครัวเรือน มแี รงงานภาคการเกษตร 2 คนตอ่ ครวั เรอื น มีรายไดเ้ ฉลยี่ 23,000 บาทตอ่ คนตอ่ ปี ตำบลบัวใหญ่ มีประชากร 2,020 คน ประชากรหญิง 1,979 คน มีประชากรรวม 3,999 คน มีครัวเรือนทั้งหมด 1,227 ครัวเรือน มีประชากรเฉลี่ย 3 คนต่อหลังคาเรือน มีประชากรเฉล่ีย 41 คน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

65 ตอ่ ตารางกิโลเมตร มคี รวั เรอื นเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 84.00 ของครัวเรอื นท้ังหมด มพี ้ืนท่ที ำการเกษตร 32.00 ไรต่ อ่ ครวั เรือน มีแรงงานภาคการเกษตร 2 คนต่อครวั เรือน มรี ายไดเ้ ฉลี่ย 23,000 บาทตอ่ คนต่อปี ตารางท่ี 3-14 ประชากรและโครงสรา้ งประชากรในพน้ื ทล่ี ่มุ น้ำหว้ ยน้ำแหง อำเภอนานอ้ ย จังหวดั นา่ น ล่นุ นำ้ หว้ ย จำนวนประชากร (คน) ครัวเรอื น ประชาก ประชากร ครวั เรอื น พ้นื ท่ีทำ แรงงานภาคเกษตร รายได้ แหง ชาย หญงิ รวม ทงั้ หมด รเฉลี่ย/ เฉลี่ย/ เกษตร การเกษตร (คน/ครวั เรือน) (บาท/คน/ (ครัวเรอื น) หลงั คา ตาราง (ของ (ไร/่ ครัวเรอื น) เรอื น กิโลเมตร ครวั เรือน ปี) 1,080 (คน) (คน) ท้งั หมด) ตำบลนา 2,649 2,810 5,459 788 7.50 3 23,000.00 น้อย 1,227 5 102 86.32 37.25 2 23,000.00 32.00 2 23,000.00 ตำบลน้ำตก 1,274 1,240 2,514 3,095 3 25 92.45 25.58 2 23,000.00 ตำบลบัว 2,020 1,979 3,999 3 41 84.00 ใหญ่ 5,943 6,02 11,972 4 56 87.59 รวม 9 ทีม่ า: จากการสัมภาษณ์ จากการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ เอกสารและรายงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรในพื้นท่ี ดำเนินการประสบปัญหาและมีความต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ (ตารางที่ 3-15) แยกพิจารณา เปน็ 3 ประเด็นในภาพรวม ดงั นี้ (1) ปัญหาในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร พบว่า เกษตรกรประสบปัญหาขาด แคลนน้ำหรือแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรมากที่สุด รองลงมาคือ ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ได้รับตกต่ำ และปัญหาศตั รูพืชรบกวน คิดเป็นรอ้ ยละ 66.67 41.52 และ 29.86 ของเกษตรกรทัง้ หมด ตามลำดับ (2) ปัญหาด้านกาครองชพี พบว่า เกษตรกรประสบปัญหาภยั แล้งมากทีส่ ดุ รองลงมาคือ ปัญหารายได้น้อยกว่ารายจ่าย และปัญหาค่าครองชีพสูง คิดเป็นร้อยละ 39.89 32.79 และ 28.81 ของ เกษตรกรทั้งหมด ตามลำดบั (3) ความต้องการความช่วยเหลือและการส่งเสริมจากภาครัฐ พบว่า เกษตรกรมีความ ตอ้ งการให้ภาครัฐ สนับสนนุ และชว่ ยเหลอื ในด้านการขดุ ลอก หว้ ย หนอง บงึ สระ มากท่ีสดุ รองลงมาคือ การจัดหาและสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การประกันราคาผลผลิตและพยุงราคาผลผลิต การจัดหา ปัจจัยการผลิตในราคายุติธรรม การจัดอบรมให้ความรู้ด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง และ การจัดอบรม เพอื่ สร้างอาชพี เสริม คิดเป็นรอ้ ยละ 89.26 88.70 60.21 58.88 53.85 และ 37.38 ของเกษตรกรทงั้ หมด ตามลำดับ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

66 ตารางที่ 3-15 ปัญหาและความต้องการของเกษตรกรเกี่ยวกบั การใช้ที่ดิน รายการ ตำบล ตำบลนำ้ ตก ตำบล เฉลยี่ พ้นื ท่ี นานอ้ ย รอ้ ยละ บัวใหญ่ ดำเนินการ 1.ปัญหาในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร ร้อยละ รอ้ ยละ ขาดแคลนแหลง่ นำ้ /แหล่งนำ้ รอ้ ยละ ตน้ ทุนการผลติ สงู ศัตรพู ชื รบกวน 24.55 100.00 75.45 66.67 ราคาผลผลติ ตกตำ่ 25.00 25.00 23.00 24.33 วชั พืชมาก 25.00 31.25 33.33 29.86 ปรมิ าณผลผลติ ต่ำ 3.58 18.75 6.67 9.67 ปัจจยั การผลติ ราคาสูง 7.15 6.78 8.90 7.61 ขาดคลองสง่ น้ำเขา้ พน้ื ทกี่ ารเกษตร 23.22 55.66 45.67 41.52 ขาดแคลนเงินทนุ 14.28 25.00 20.00 19.76 25.00 28.99 13.33 22.44 10.73 15.64 14.22 13.53 ประสบภยั ธรรมชาติ 14.28 25.00 26.67 21.98 2.ปญั หาด้านการครองชีพที่ประสบ รายได้น้อยกวา่ รายจา่ ย 45.67 31.25 21.44 32.79 20.00 27.82 มหี นสี้ ิน/หนส้ี ินเพิ่ม 38.46 25.00 30.00 28.81 30.77 ค่าครองชีพสงู 30.77 25.66 - 13.69 39.89 ประปาหม่บู ้านไมเ่ พียงพอ/ไม่ทวั่ ถงึ 30.77 - 10.00 40.00 วา่ งงานหลังฤดูเกบ็ เกย่ี ว 12.33 18.75 แล้งจดั 54.66 25.00 3.ความตอ้ งการความชว่ ยเหลอื และส่งเสริมจากภาครัฐ จัดหาตลาดจำหน่ายผลผลิต 3.45 20.33 12.47 12.08 75.80 37.38 ให้จัดอบรมอาชพี เสรมิ 20.69 15.66 54.34 60.21 87.11 88.70 ประกันราคาผลผลติ /พยงุ ราคาผลผลติ 55.41 70.88 45.78 58.88 15.44 14.22 จดั หา/จดั สร้างแหล่งนำ้ เพ่อื การเกษตร 78.99 100.00 87.45 89.26 50.00 53.85 จดั หาปัจจยั การผลิตในราคายุตธิ รรม 55.66 75.21 11.44 10.96 ลดค่าครองชพี 6.90 20.31 ขดุ ลอก ห้วย หนอง บงึ สระ 80.33 100.00 จดั อบรมให้ความร้ดู ้านการเกษตรอย่างต่อเน่ือง 71.54 40.00 ปลด/ลดหนใ้ี ห้เกษตรกร 13.78 7.66 ทม่ี า: จากการสัมภาษณ์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

67 จากผลการสมั ภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตวั อย่างเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดิน และน้ำในพื้นที่ลุ่มนำ้ ห้วยน้ำแหง โดยมุ่งเน้นข้อมูลเกี่ยวกับ 1) ความรู้ ความเข้าใจ การชะล้างพังทลายของ ดิน 2) ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผลผลิต 3) แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และทัศนคติต่อการป้องกันสภาพปัญหา และ 4) ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ (ตารางท่ี 3-16) ดงั นี้ (1) ความรู้ ความเข้าใจ การชะล้างพังทลายของดิน เกษตรกรให้ข้อมูลถึงการชะล้าง พังทลายของดินในพื้นที่เพาะปลูกพืช และที่อยู่อาศัยของเกษตรกร พบว่า เกษตรกร ร้อยละ 48.15 ของ เกษตรกรทั้งหมด พื้นที่มีสภาพหน้าดินเป็นร่องหรือร่องน้ำขนาดเล็ก และเห็นว่ามีสารเคมีและยาฆ่าแมลง ไหลปนไปกับตะกอนดิน ร้อยละ 46.30 มีน้ำไหลบ่าพัดพาหน้าดินโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ร้อยละ 44.44 การ ชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดนิ สง่ ผลให้แหล่งน้ำตื้นเขนิ ขน้ึ ทำให้มีปริมาณการกักเก็บน้ำได้น้อยลง ร้อยละ 32.07 ในบางพน้ื ทมี่ สี ภาพรอยทรดุ หรือรอยแยกของหน้าดนิ ทั้งน้ี จะเห็นวา่ เกษตรกรมคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการชะล้างพังทลาย ของดนิ ตอ่ ความเสยี หายทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดินทถ่ี ูกชะล้างหรือกัดเซาะจะถูกพัด พาไหลไปตกตะกอนในแหล่งน้ำ ทำให้แหล่งนำ้ ต้ืนเขิน สง่ ผลใหใ้ นฤดูฝนแม่น้ำลำคลองเกบ็ น้ำไว้ไม่ทันเกิด น้ำท่วม และเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง อีกทั้งสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่ไหลปนไปกับตะกอนดินสู่ พนื้ ทต่ี อนลา่ ง ทำใหเ้ กดิ มลพิษสะสมในดนิ และน้ำมผี ลเสียตอ่ คน พืช สัตว์บก และสตั ว์น้ำ (2) ผลกระทบต่อผลผลิต เกษตรกรร้อยละ 57.69 ได้รับผลกระทบต่อปริมาณผลผลิต จากการชะล้างพังทลายของดิน ในกรณีพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรที่มีสภาพเป็นร่องน้ำ การสูญเสีย ของหน้าดินซึ่งถูกพัดพาไป หรือทรุดตัวในบางแห่ง โดยแบ่งระดับผลกระทบต่อผลผลิตออกเป็น 3 ระดับ คอื นอ้ ย (ลดลงไมเ่ กนิ 20%) ปานกลาง (ลดลง 20-40%) และมาก (ลดลงมากกวา่ 40%) ซึ่งมีสดั สว่ นของ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบใกล้เคียงกันร้อยละ 9.62 – 19.23 แต่มีเกษตรมากถึง ร้อยละ 42.31 ให้ ข้อมูลวา่ สภาพปัญหาการชะลา้ งพงั ทลายทเ่ี กิดข้ึนไมไ่ ดส้ ง่ ผลกระทบต่อปริมาณผลผลติ ทางเกษตร (3) แนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาการชะลา้ งพงั ทลาย จากสภาพปญั หาของการชะ ล้างพังทลายของดินในพ้ืนที่เพาะปลูกพืช และทอี่ ย่อู าศยั ของเกษตรกร จะเหน็ ว่า มเี กษตรกรเพียงร้อยละ 27.78 ของเกษตรกรทั้งหมด มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลาย โดยอาศัย 4 วิธีหลัก คือ 1) การ ก่ออฐิ ขวางทางน้ำ 2) การปลูกพชื คลุมดนิ 3) การปลูกหญา้ แฝก 4) การทำคนั ดิน ในขณะท่ีเกษตรกรมาก ถงึ รอ้ ยละ 72.22 ทีไ่ มไ่ ด้มีแนวทางหรอื มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขแต่อย่างใด โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ ส่วน ใหญ่ขาดองคค์ วามรู้ และยงั ขาดการสนบั สนุนงบประมาณ ขาดแรงงาน เพอื่ ดำเนินการดังกล่าว อกี ทั้งไม่มี เวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ หากมชี อ่ งทางในการป้องกันหรือแก้ไขโดยอาศัยหน่วยงานรัฐเข้ามาจัดการ แก้ไขให้ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 52.83) มีความต้องการให้เข้ามาดำเนินการแก้ไข และมีเพียง บางสว่ นทีไ่ มต่ ้องการให้เข้ามาดำเนนิ การแก้ไข แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

68 (4) ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ จากการสำรวจข้อมูลเกษตรกรเพ่ือ สอบถามความรู้ ความเข้าใจ ด้านการอนุรกั ษด์ ินและนำ้ พบวา่ เกษตรกรท้ังหมดมีความเหน็ ว่า การใช้วัสดุ คลมุ ดนิ เช่นฟางข้าว เศษซากพืช ทำใหด้ นิ มคี วามชุ่มช้ืน การไถกลบซากพชื ในดนิ เป็นการเพิ่มความอุดม สมบูรณ์ของธาตุอาหารในดิน เกษตรกรร้อยละ 98.00 ของเกษตรกรทั้งหมดเห็นว่า การปลูกพืชชนิด เดียวกันซ้ำในพื้นที่เดิมติดต่อกันหลายๆ ปี ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ การใช้แต่ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการ เกษตรมากเกินไปทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ เกษตรกรร้อยละ 96.00 ของเกษตรกรทั้งหมดเห็นว่า การเผา เศษซากพืชก่อนเตรียมดินปลูกพืช ส่งผลให้ดนิ ขาดความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ที่มีความลาดชัน ควรปลูกพืช โดยการปรับพ้ืนท่ีทำขั้นบันไดดนิ ขวางความลาดเท การปลูกพืชตามแนวระดับขวางความลาดเทของพ้นื ที่ ชว่ ยลดปรมิ าณน้ำไหลบ่าหน้าดนิ เกษตรกรรอ้ ยละ 94.00 ของเกษตรกรท้ังหมดเห็นวา่ พ้นื ทีท่ ีม่ คี วามลาด ชันมากควรมีการไถพรวนขวางความลาดเทเพ่ือควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน เกษตรกรร้อยละ 90.00 ของเกษตรกรทั้งหมดเห็นว่า หญ้าแฝกมีระบบรากฝอยที่ยาวหยั่งลึกลงไปตามแนวดิ่ง ทำหน้าที่ เกาะยึดดนิ และเก็บรักษาความชมุ่ ชื้น และเกษตรกรร้อยละ 86.00 ของเกษตรกรทั้งหมดเห็นว่า หญา้ แฝก สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในพนื้ ท่ีอื่น ๆ เพ่ือรกั ษาสภาพแวดล้อม ตารางที่ 3-16 ความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จงั หวดั น่าน ปีการผลิต 2563 รายการ รอ้ ยละ 1) ลกั ษณะและสภาพปญั หาดา้ นการชะลา้ งพังทลายของดิน ในพื้นท่ปี ลูกพชื และทีอ่ ยอู่ าศยั (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ข้อ) (1) หนา้ ดนิ มีรอ่ ง/ร่องนำ้ เลก็ ๆ 48.15 (2) มีการใช้ปยุ๋ /สารเคม/ี ยาฆา่ แมลง มากขึ้น 48.15 (3) นำ้ ไหลบา่ พัดพาหนา้ ดนิ 46.30 (4) แหลง่ นำ้ ตน้ื เขนิ มากขึ้น 44.44 (5) มรี อยทรุดหรอื รอยแยก 32.07 (6) อ่นื ๆ 7.89 2) ผลกระทบต่อผลผลิต (กรณที ่ีมีร่องน้ำ/หน้าดินถกู พดั พาหรอื ทรดุ ตวั ) (1) ไม่มี 42.31 (2) มี โดยมผี ลกระทบให้ผลผลติ ลดลงในระดบั 57.69 - นอ้ ย (ลดลงไม่เกิน 20%) 9.62 - ปานกลาง (ลดลง 20-40%) 13.46 - มาก (ลดลงมากกว่า 40%) 19.23 3) แนวทางการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาการชะล้างพังทลาย (กรณีทีด่ ินถูกน้ำกดั เซาะ/นำ้ พัดพาหน้าดนิ ) (1) ดำเนินการแก้ไข/ปอ้ งกัน โดยวิธี 27.78 - การกอ่ อิฐขวางทางนำ้ 14.81 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

69 ตารางที่ 3-16 ความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง อำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น ปกี ารผลติ 2563 (ต่อ) รายการ ร้อยละ - การปลูกพืชคลุมดนิ 27.78 - การปลูกหญา้ แฝก 24.07 - การทำคันดนิ 22.22 (2) ไม่ดำเนนิ การแกไ้ ข/ป้องกนั เน่ืองจาก 72.22 - ขาดองคค์ วามรู้ 38.88 - ขาดงบประมาณสนบั สนุน 44.44 - ขาดแรงงาน 33.33 - ไมม่ เี วลา 12.96 กรณีที่ไมไ่ ด้แกไ้ ข ความประสงคใ์ หห้ น่วยงานรฐั ช่วยเหลือ (1) ไมต่ ้องการ 47.17 (2) ต้องการ โดยมรี ะดบั ความตอ้ งการ 52.83 - น้อย 1.92 - ปานกลาง 44.23 - มาก 46.15 4) ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการอนรุ กั ษ์ดนิ และนำ้ (1) ปลกู พืชชนิดเดยี วกันซำ้ ในพื้นทเ่ี ดิมติดต่อกนั หลายๆ ปี ทำใหด้ นิ เส่ือมคณุ ภาพ 98.00 (2) เผาเศษซากพืชกอ่ นเตรียมดินปลูกพชื ส่งผลให้ดนิ ขาดความอุดมสมบูรณ์ 96.00 (3) การใช้แตป่ ยุ๋ เคมีและสารเคมที างการเกษตรมากเกินไปทำใหด้ นิ เส่อื มคุณภาพ 98.00 (4) การใชว้ ัสดุคลมุ ดิน เชน่ ฟางขา้ ว เศษซากพชื ทำให้ดนิ มีความชมุ่ ชืน้ 100.00 (5) พน้ื ที่ที่มคี วามลาดชันมากควรมีการไถพรวนขวางความลาดเทเพอ่ื ควบคมุ การชะลา้ งพังทลายของดิน 94.00 (6) พ้นื ท่ีมีความลาดชัน ควรปลูกพชื โดยการปรับพื้นที่ทำข้ันบนั ไดดินขวางความลาดเท 96.00 (7) การไถกลบซากพชื ในดนิ เป็นการเพ่ิมความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารในดิน 100.00 (8) การปลกู พชื ตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นทช่ี ่วยลดปรมิ าณนำ้ ไหลบ่าหน้าดนิ 96.00 (9) หญา้ แฝกมีระบบรากฝอยทีย่ าวหยัง่ ลกึ ลงไปตามแนวดง่ิ ทำหนา้ ทเ่ี กาะยึดดิน และเกบ็ รักษาความชมุ่ ช้ืนในดินได้ 90.00 (10) หญ้าแฝกสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในพืน้ ที่อ่ืน ๆ เพอ่ื รักษาสภาพแวดล้อม 86.00 หมายเหตุ เกษตรกรตอบได้มากกว่าหนึ่งข้อ ทมี่ า : จากการสำรวจ, 2563 ทั้งนี้ จะเห็นว่า เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในวิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดการชะล้าง พังทลายของดินในแต่ละวิธีการมากน้อยแตกต่างกัน แต่เมื่อสอบถามถึงความต้องการวิธีการรักษาและ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

70 ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พบว่า 3 อันดับแรกที่เกษตรต้องการ คือ การทำคันดินขวางทางลาดเท การทำฝายน้ำล้น หรือคันชะลอความเร็วของน้ำ การยกร่อง และการปลูกพืชทำร่องน้ำไปตามแนวระดับ (ตารางที่ 3-17) ตารางที่ 3-17 ความรู้และความเข้าใจ และลำดับความต้องการของวิธีการรักษาและป้องกันการชะล้าง พังทลายของหน้าดนิ พน้ื ทล่ี ่มุ นำ้ หว้ ยนำ้ แหง อำเภอนาน้อย จงั หวัดน่าน ปีการผลติ 2563 วธิ ีการรกั ษาและปอ้ งกัน ร้อยละ ลำดับความ ใช่ ไมใ่ ช่ ไมแ่ นใ่ จ ต้องการ 1) การทำบอ่ ดักตะกอนดนิ 97.30 2.70 0.00 1 2) การทำฝายนำ้ ลน้ หรือคนั ชะลอความเรว็ ของน้ำ 89.74 7.69 2.56 2 3) การทำคนั ดนิ ขวางทางลาดเท 91.43 2.86 5.71 3 4) การปลกู พชื แบบข้ันบันได (ปรบั พืน้ ทีเ่ ปน็ ข้ัน ๆ) 100.00 0.00 0.00 4 5) การปลูกพืชหมุนเวยี น/ปลูกพชื แซม/ปลูกพชื เหลอื่ มฤดู 91.43 2.86 5.71 5 6) การปลูกพชื สลบั เปน็ แถบ ปลูกพชื ขวางความลาดเท 91.89 5.41 2.70 6 7) การปลกู พืชคลมุ ดนิ 93.94 3.03 3.03 7 8) การปลูกหญ้าแฝกขวางทางลาดเท 94.59 5.41 0.00 8 9) การใช้วัสดตุ ่าง ๆ อย่างง่าย เช่นท่อนไม้ หิน กระสอบ 94.12 2.94 2.94 9 บรรจทุ ราย อิฐ และ ก่อสรา้ งขวางทางระบายนำ้ เพอ่ื ชะลอ ความเร็วของนำ้ ไม่ให้กดั เซาะ 10) การใช้วสั ดุคลมุ ดิน เชน่ เศษซากพชื ฟางข้าว เปลือก 100.00 0.00 0.00 10 ข้าวโพด ซงั ข้าวโพด 11) การถางป่า ตัดไม้ทำลายปา่ การขุดถนน 86.67 6.67 6.67 11 เมื่อพิจารณาข้อมูลทัศนคติของเกษตรกรเกี่ยวกับประเด็นที่เชื่อมโยงกับสภาพปัญหาการชะ ล้างพังทลายของดิน (ตารางที่ 3-18) พบว่า ในพื้นที่ตำบลนาน้อย เกษตรกรปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชผักสวนครัว เป็นพืชหลัก เป็นทั้งพื้นที่เกษตรอาศัยน้ำฝน และพื้นที่เขตชลประทาน เกษตรกร ประสบปญั หาภัยแล้งและนำ้ ท่วมทกุ ปี เกษตรกรไมม่ ีความต้องการเปล่ยี นแปลงพชื ท่ปี ลูกอยเู่ ดมิ เน่ืองจาก เกษตรกรปลูกขา้ วไวบ้ ริโภคในครัวเรือน และดินไม่สามารถปลูกพชื อย่างอ่นื ได้ และเกษตรกรบางส่วนปลูก ยังต้องการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เหมือนเดิม เนื่องจากมีโรงงานรับซื้อมีตลาดรองรับเป็นที่ต้องการของ ตลาด ปลูกและดูแลรักษาง่าย มีราคาดี ดินเป็นดินที่มีสีดำคล้ำ เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย เกษตรกรมี ความเข้าใจว่าวิธีการแก้ไขสภาพดินที่เสื่อมโทรมในพื้นที่เกษตร 3 อันดับแรก คือ การใส่สารปรับปรุงดิน เช่น ปูนโดโลไมท์เพื่อปรับปรุงสภาพดินกรด ไม่เผาเศษซากพืช และใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ของดิน คิดเป็นร้อยละ 79.42 78.99 และ 66.67 ของเกษตรกรทั้งหมด ตามลำดับ เกษตรกรเห็นว่า แนวทางในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรคือ ใส่ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ และวัสดุต่าง ๆ เพ่ือ ปรบั ปรงุ บำรงุ ดิน ปลูกพชื หมนุ เวียน และลงทนุ สร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 58.33 33.33 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

71 และ 8.33 ตามลำดับ เกษตรกรทั้งหมดสนใจการเกษตรอินทรีย์โดยใช้สารเคมีในระดับปลอดภัย และมี เกษตรกรเพียงร้อยละ 50.00 มีความสนใจที่จะทำการเกษตรแบบพอเพียง ในพื้นที่ตำบลนาน้อยมี เกษตรกรทำการเกษตรอินทรีย์ ร้อยละ 12.50 ของเกษตรกรท้ังหมด ยงั ไมม่ กี ารรวมกลมุ่ การผลติ หรือขาย ผลผลติ ทางการเกษตร มีเกษตรกรร้อยละ 37.50 เลยี้ งสตั วป์ ีกเพื่อการค้า ในพื้นที่ตำบลน้ำตก เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยางพารา เป็นพืชหลัก เป็นพื้นที่ เกษตรอาศัยน้ำฝน เกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งทุกปี เกษตรกรร้อยละ 50 ของเกษตรกรทั้งหมดมี ความต้องการเปลี่ยนแปลงพืชที่ปลูกอยู่เดิมเป็นยางพาราเพราะเป็นพืชที่มีราคาดี ให้ผลผลิตนานหลายปี ปลูกและดูแลรักษาง่าย และคิดว่าเป็นพืชที่เหมาะสมกับสภาพดินและสภาพพื้นที่ ดินมีการชะล้าง พงั ทลาย เปน็ ดนิ รว่ นเหนยี วปนทราย เกษตรกรมีความเข้าใจว่าวิธีการแก้ไขสภาพดินที่เสื่อมโทรมในพ้ืนท่ี เกษตร 3 อนั ดบั แรก คือ การใส่ปุย๋ เคมีเพ่ือเพิม่ ความอุดมสมบูรณ์ของดนิ การใสส่ ารปรับปรุงดิน เช่น ปูน โดโลไมท์เพื่อปรับปรุงสภาพดินกรด และ การปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน คิดเป็นร้อยละ 53.33 37.84 และ 30.48 ของเกษตรกรทั้งหมด ตามลำดับ เกษตรกรเห็นว่าแนวทางในการเพิ่มผลผลิตทาง การเกษตรคอื ใสป่ ยุ๋ เคมี ปุ๋ยอินทรยี ์ ปุ๋ยชวี ภาพ และวสั ดตุ า่ ง ๆ เพือ่ ปรบั ปรงุ บำรงุ ดิน เพ่มิ พ้ืนท่ีเพาะปลูก ปลูกพืชหมุนเวียน และลงทุนสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร คิดเป็นร้อยละ 53.33 26.67.33 13.33 และ 6.67 ตามลำดับ เกษตรกรท้ังหมดมคี วามสนใจที่จะทำการเกษตรแบบพอเพียง และสนใจในการทำเกษตร อินทรีย์ โดยมีเกษตรกรร้อยละ 50.00 สนใจการเกษตรอินทรีย์โดยใช้สารเคมีในระดับปลอดภัย และ ตามลำดับ เกษตรกรร้อยละ 50.00 สนใจการเกษตรอินทรีย์โดยไม่ใช้สารเคมีเลย ในพื้นที่ตำบลน้ำตกมี เกษตรกรทำการเกษตรอินทรีย์ รอ้ ยละ 50.00 ของเกษตรกรท้ังหมด ยงั ไม่มกี ารรวมกลุ่มการผลติ หรือขาย ผลผลิตทางการเกษตร มีเกษตรกรร้อยละ 75.00 เลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า โดยเป็นการเลี้ยงสัตว์ปีก ร้อยละ 66.67 และเปน็ การเลี้ยงสุกรรอ้ ยละ 33.33 ของเกษตรกรทเ่ี ล้ียงสัตวเ์ พื่อการคา้ ในพื้นที่ตำบลบัวใหญ่ เกษตรกรปลูกข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพืชหลัก เป็นพื้นที่ เกษตรอาศัยน้ำฝน เกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมทุกปี เกษตรกรร้อยละ 12.50 ของ เกษตรกรทั้งหมดมีความต้องการเปลี่ยนแปลงพืชที่ปลูกอยู่เดิมเป็นยางพาราเพราะเป็นพืชที่มีราคาดี ให้ ผลผลิตนานหลายปี และคิดว่าเป็นพืชที่เหมาะสมกับสภาพดินและสภาพพื้นที่ ดินมีการชะล้างพังทลาย เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย เกษตรกรมีความเข้าใจว่าวธิ ีการแก้ไขสภาพดินทีเ่ สื่อมโทรมในพื้นที่เกษตร 3 อันดับแรก คือ การปลูกพืชหมุนเวียน การใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และการใส่ปุ๋ยมัก หรือปุ๋ยคอกเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน คิดเป็นร้อยละ 54.33 44.44 และ 25.61 ของเกษตรกรทั้งหมด ตามลำดบั เกษตรกรเหน็ ว่าแนวทางในการเพิ่มผลผลติ ทางการเกษตรคือ ใสป่ ุย๋ เคมี ปยุ๋ อนิ ทรีย์ ป๋ยุ ชวี ภาพ และวัสดุต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ลงทุนสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และปลูกพืชปุ๋ยสดปรับปรุง บำรุงดิน คิดเป็นร้อยละ 70.00 20.00 และ 10.00 ตามลำดับ เกษตรกรทั้งหมดมีความสนใจที่จะทำ การเกษตรแบบพอเพียง และเกษตรกรร้อยละ 75.00 ของเกษตรกรทั้งหมดสนใจในการทำเกษตรอินทรีย์ โดยมีเกษตรกรร้อยละ 66.67 สนใจการเกษตรอินทรีย์โดยใช้สารเคมีในระดับปลอดภัย และ ตามลำดับ เกษตรกรรอ้ ยละ 33.33 สนใจการเกษตรอนิ ทรีย์โดยไม่ใช้สารเคมีเลย ในพน้ื ท่ตี ำบลบัวใหญม่ ีเกษตรกรทำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

72 การเกษตรอนิ ทรีย์ ร้อยละ 37.50 ของเกษตรกรทั้งหมด ยงั ไม่มกี ารรวมกลุ่มการผลิตหรือขายผลผลิตทาง การเกษตร มีเกษตรกรรอ้ ยละ 50.00 เลี้ยงสัตวป์ กี เพอื่ การคา้ ตารางท่ี 3-18 ทัศนคติของเกษตรกรดา้ นการใชท้ ่ีดิน รายการ ตำบลนานอ้ ย ตำบล ตำบลบัวใหญ่ เฉลีย่ พนื้ ที่ ร้อยละ น้ำตก รอ้ ยละ ดำเนินการ ร้อยละ ร้อยละ 1. พชื หลักท่ีเกษตรกรปลกู 46.67 33.33 ขา้ วนา 53.33 80.11 44.44 40.00 ข้าวโพดเลย้ี งสตั ว์ 12.47 74.22 22.22 59.29 ยางพารา 50.24 20.33 10.45 36.30 พชื ผกั สวนครวั 27.01 2. สภาพดนิ ทใ่ี ช้ในการทำการเกษตรในปจั จบุ ัน 11.11 25.00 88.89 ดนิ เหนยี ว 55.56 12.33 57.88 41.67 ดนิ ร่วนปนทราย 12.33 84.41 42.34 41.92 ดนิ มีการชะลา้ งพงั ทลาย 10.37 6.25 11.11 46.36 ดนิ มีหินกรวดปะปน 27.84 31.24 25.64 9.24 ดินทราย 81.99 12.50 20.56 28.24 ดนิ ดำ 31.49 25.00 32.11 38.35 ดินร่วน 33.33 31.25 29.87 29.53 ดินเหนยี วปนทราย 31.48 3. วธิ กี ารแกไ้ ขสภาพดนิ ท่ีเสื่อมโทรม 25.00 27.34 25.61 ใส่ปุย๋ หมกั /ปยุ๋ คอก 79.42 37.84 22.22 25.98 ใสส่ ารปรับปรงุ ดนิ เชน่ โดโลไมท์ 15.67 20.78 54.33 46.49 ปลูกพืชหมนุ เวียน 78.99 26.67 16.67 30.26 ไม่เผาเศษ/ซากพืช 8.33 13.33 23.45 40.78 ใส่ป๋ยุ ชีวภาพ 66.67 53.33 44.44 15.04 ใส่ป๋ยุ เคมี 25.67 30.48 16.67 54.81 ใชป้ ยุ๋ พืชสด 30.67 6.67 56.87 24.27 ไถพรวนหลายครั้ง 31.40 4. แหลง่ นำ้ ที่ใช้ทำการเกษตร 100.00 100.00 100.00 น้ำฝน 23.41 16.67 9.09 100.00 บ่อบาดาล บอ่ สระ 77.78 33.33 27.27 16.39 ห้วย คลอง 22.22 46.13 นำ้ ชลประทาน 22.22 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

73 ตารางท่ี 3-18 ทัศนคติของเกษตรกรด้านการใช้ที่ดิน (ต่อ) รายการ ตำบลนาน้อย ตำบล ตำบลบวั ใหญ่ เฉลย่ี พ้นื ท่ี ร้อยละ น้ำตก รอ้ ยละ ดำเนนิ การ รอ้ ยละ รอ้ ยละ 5. ปัญหาภยั แล้ง/ขาดแคลนแหล่งนำ้ ใน 58.33 พน้ื ทีก่ ารเกษตร 75.00 1-2 ปี ตอ่ ครงั้ 25.00 100.00 50.00 37.50 62.50 ทกุ ปี 75.00 100.00 50.00 79.17 6.ปัญหาน้ำท่วมในพ้ืนท่ีการเกษตร 31.25 1-2 ปี ตอ่ ครงั้ 25.00 50.00 100.00 ทุกปี 75.00 50.00 16.67 33.33 7. ความต้องการเปล่ยี นแปลงพชื ท่ปี ลกู อย่เู ดิมเปน็ พืชอุตสาหกรรม 25.00 33.33 เกษตรกรไม่ตอ้ งการเปล่ยี น 100.00 50.00 87.50 26.91 เกษตรกรตอ้ งการเปลย่ี น 50.00 12.50 26.19 21.32 8. เกษตรกรตอ้ งการเปลี่ยนเป็นพืช 13.57 9.52 ยางพารา 100.00 100.00 19.05 25.47 9. เหตุผลท่ีต้องการเปล่ียนเพราะ 17.61 ปลกู และดูแลรักษางา่ ย 16.67 37.50 25.00 ราคาผลผลติ ดี 33.33 33.33 66.67 เหมาะสมกับสภาพดินและพื้นท่ี 16.67 33.33 60.55 เปน็ พืชทีใ่ หผ้ ลผลติ นานหลายปี 33.33 33.33 10. เหตุผลท่ีไมต่ อ้ งการเปลย่ี นเพราะ ปลกู ไว้บรโิ ภคในครัวเรอื น 23.81 33.33 23.59 มโี รงงานรบั ซ้อื 19.05 33.33 ทด่ี ินไม่สามารถปลกู พชื อืน่ ได้ 19.05 23.59 ราคาผลผลิตดี 9.52 17.61 มตี ลาดรองรับเป็นทต่ี ้องการของตลาด 9.52 ปลูกและดแู ลรกั ษาง่าย 19.05 ได้รบั ผลผลิตเร็ว 33.33 17.61 ใชแ้ รงงานนอ้ ย 17.61 11. ความสนใจตอ่ พืชชนดิ ใหม่ เกษตรกรไม่สนใจ 50.00 25.00 เกษตรกรไมแ่ น่ใจ 25.00 เกษตรกรสนใจ 50.00 75.00 75.00 12. แนวทางการเพมิ่ ผลผลติ ทางการเกษตร ใสป่ ุย๋ เคมี ปุ๋ยอินทรยี ์ ปุ๋ยชวี ภาพ 58.33 53.33 70.00 และวสั ดุตา่ งๆ เพอื่ ปรบั ปรุงบำรุงดนิ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

74 ตารางท่ี 3-18 ทศั นคตขิ องเกษตรกรด้านการใชท้ ี่ดิน (ต่อ) รายการ ตำบลนานอ้ ย ตำบลน้ำตก ตำบลบวั ใหญ่ เฉลี่ยพืน้ ท่ี รอ้ ยละ ร้อยละ ร้อยละ ดำเนนิ การ รอ้ ยละ เพิม่ พน้ื ทเี่ พาะปลูก 26.67 26.67 ปลูกป๋ยุ พชื สด 10.00 10.00 ปลูกพืชหมุนเวยี น 33.33 13.33 23.33 ลงทุนสรา้ งแหลง่ น้ำเพ่ือการเกษตร 8.33 6.67 20.00 11.67 13. ความสนใจในการทำเกษตรอนิ ทรีย์ สนใจ 100.00 100.00 75.00 91.67 ไมส่ นใจ 25.00 25.00 14. รปู แบบเกษตรอนิ ทรยี ์ทสี่ นใจ 100.00 50.00 66.67 72.22 ใชส้ ารเคมีในระดบั ปลอดภัย 50.00 33.33 41.67 ไม่ใช้สารเคมเี ลย 15. การทำเกษตรอนิ ทรยี ใ์ นหมูบ่ า้ นหรือตำบล มกี ารทำเกษตรอินทรีย์ 12.50 50.00 37.50 33.33 16. ความสนใจในการทำการเกษตรแบบพอเพียง สนใจ 50.00 100.00 100.00 83.33 ไม่สนใจ 50.00 50.00 17. การรวมกลมุ่ ผลิตหรอื ขายผลผลิตทางการเกษตร ไม่มี 100.00 100.00 100.00 100.00 18. การเลยี้ งสัตวเ์ พอ่ื การคา้ ไมเ่ ลยี้ ง 62.50 25.00 50.00 45.83 เลี้ยง 37.50 75.00 50.00 54.17 19. ชนิดสตั วท์ ี่เลยี้ งเพ่ือการค้า สัตว์ปีก 100.00 66.67 100.00 88.89 สุกร 33.33 33.33 ทม่ี า: จากการสัมภาษณ์ จากการสำรวจทัศนคติของเกษตรกรที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ เกษตรกรมีความเห็นวา่ ปญั หาและอปุ สรรคในการดำเนนิ การอนุรักษด์ ินและน้ำ ได้แก่ ไม่มีความรู้ในเรื่อง วิธีการทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มากที่สุด รองลงมา คือ ไม่มีแรงงานในการทำระบบอนุรักษ์ดินและนำ้ ไม่มีความรู้ในการปลูกหญ้าแฝก การปลูกหญ้าแฝกทำให้ยุ่งยากเสียเวลา การทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ยุ่งยากเสียเวลา ของเกษตรกรทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 82.05 รองลงมา 74.36 71.79 69.23 และ 66.67 ของเกษตรกรท้ังหมดตามลำดบั (ตารางท่ี 3-19) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

75 ตารางที่ 3-19 ทศั นคติของเกษตรกรทเี่ ป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการอนรุ กั ษ์ดินและน้ำ ร้อยละ 82.05 รายการ 66.67 74.36 (1) ไมม่ คี วามรใู้ นเร่ืองวิธีการทำระบบอนุรักษด์ นิ และน้ำ 43.59 (2) การทำระบบอนรุ กั ษด์ ินและนำ้ ยุ่งยาก เสยี เวลา 71.79 (3) ไมม่ ีแรงงานในการทำระบบอนุรกั ษด์ นิ และนำ้ 69.23 (4) การกอ่ สรา้ งระบบอนรุ ักษ์ดนิ และนำ้ ทำใหเ้ สยี พน้ื ที่เกษตรกรรม 46.15 (5) ไมม่ ีความรูใ้ นการปลกู หญา้ แฝก 38.46 (6) การปลูกหญา้ แฝกทำใหย้ ุ่งยาก เสยี เวลา (7) ไม่มแี รงงานในการปลูกหญ้าแฝก 43.59 (8) กลา้ หญา้ แฝกหายาก ไม่เพยี งพอ (9) ไมม่ ีรายได้จากการปลกู หญ้าแฝกเหมือนพืชเศรษฐกิจอ่ืน ๆ จากการรวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สังคมและเศรษฐกิจ เพื่อจัดทำแผนการใช้ ที่ดินเพื่อการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำแหง ได้ วิเคราะห์ SWOT โดยศึกษาสภาพการณ์ภายในและภายนอก วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ อุปสรรค เพือ่ นำไปใช้ในการกำหนดมาตรการที่เหมาะสมและวางแผนบรหิ ารโครงการ สรปุ ได้ดังน้ี จุดแขง็ จดุ ออ่ น 1. มีป่าสมบูรณ์/ป่าชุมชน ที่รักษาเป็นแหล่งต้นน้ำ 1. พื้นที่ทำกินอยู่ในเขตป่า (ไม่มีเอกสารสิทธิ์) ร้อย รวมทั้งมีพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้น (ยางพารา) ซึ่งมีการ ละ 11.42 ของเกษตรกรท่ตี อบจดุ ออ่ น ดูแลโดยชาวบ้าน ร้อยละ 12.90 ของเกษตรกรท่ี 2. เกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจในด้านการ ตอบจุดแข็ง ทำการเกษตร การฟื้นฟูปรับปรุงบำรุงดิน อนุรักษ์ 2. ชุมชนมีความเข้มแข็งและกติกาในการใช้ที่ดิน ดินและน้ำ ร้อยละ 8.57 ของเกษตรกรที่ตอบ ร่วมอนุรกั ษธ์ รรมชาติ รอ้ ยละ 9.67 ของเกษตรกรที่ จุดออ่ น ตอบจดุ แขง็ 3. แหล่งกักเก็บน้ำ แหล่งน้ำทางการเกษตรไม่ 3. มีปราชญ์เกษตรอินทรีย์/ผสมผสาน หมอดิน เพียงพอ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอาศัยน้ำฝน อาสา ผู้นำชุมชนเข้มแข็งและสามัคคีในชุมชน ร้อย เป็นหลกั รอ้ ยละ 8.57 ของเกษตรกรทตี่ อบจุดอ่อน ละ 9.67 ของเกษตรกรท่ีตอบจุดแขง็ 4. ดินตื้น ดินเสื่อมโทรม ดินขาดความอดุ มสมบรู ณ์ 4. มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ดอยผาผึ้ง ดอย ร้อยละ 8.57 ของเกษตรกรที่ตอบจุดออ่ น เสมอดาวและผาชู้) ร้อยละ 9.67 ของเกษตรกรที่ 5. มีพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน ความลาดชันสูง/มีการ ตอบจดุ แขง็ ปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีการชะล้างสูงสังเกตจากมี ตะกอนในแหล่งน้ำเยอะและตนื้ เขิน น้ำไหลบ่ า่ เรว็ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

76 จดุ แข็ง (ต่อ) จดุ อ่อน (ต่อ) 5. พื้นที่มีความลาดชันน้อย มีทางลำเลียง การ เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ร้อยละ 8.57 ของเกษตรกรที่ คมนาคมสะดวก ร้อยละ 9.67 ของเกษตรกรที่ตอบ ตอบจดุ ออ่ น จุดแขง็ 6. ใช้สารเคมีมาก (ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมง 6. มีพื้นที่เอกสารสิทธิ์ สปก. นส.3 และ สค.1 ร้อย เช่น หนอนกระทู้ข้าวโพด) ร้อยละ 8.57 ของ ละ 6.45 ของเกษตรกรตอบจุดแขง็ เกษตรกรทีต่ อบจดุ ออ่ น 7. ดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทาง 7. แรงงานในภาถเกษตรเป็นแรงงานสูงอายุ ขาด การเกษตร ร้อยละ 6.45 ของเกษตรกรที่ตอบจุด แรงงานฤดูเก็บเกี่ยวการผลิตและว่างงานหลังฤดู แขง็ เก็บเกย่ี ว ร้อยละ 8.57 ของเกษตรกรท่ตี อบจดุ อ่อน 8. มีน้ำต้นทุนและมีแหล่งกักเก็บน้ำ และระบบ 8. พื้นที่ทางการเกษตรยังขาดการพัฒนาด้าน กระจายน้ำ (ประปาภูเขา) ร้อยละ 6.45 ของ คมนาคม (ในแปลงไม่มีทางลำเลียงที่ใช้ได้ทั้งปี) เกษตรกรทตี่ อบจุดแขง็ ร้อยละ 5.71 ของเกษตรกรที่ตอบจดุ ออ่ น 9. มีการปรับเปลี่ยนพื้นไร่เป็นไม้ยืนต้น (ยางพารา) 9. ขาดแคลนแหล่งน้ำ/แหล่งน้ำตื้นเขิน ร้อยละ มากขึน้ ร้อยละ 6.45 ของเกษตรกรท่ตี อบจุดแขง็ 5.71 ของเกษตรกรทตี่ อบจดุ อ่อน 10. มีการรวมกลุ่มเกษตรกร เช่น กลุ่มยางพารา 10. สภาพพ้ืนทที่ างการเกษตรค่อนขา้ งลาดชนั เกิด และกลุ่มเนื้อโควัว เพื่อสร้างความเข้มแข็งในอาชีพ การชะล้างพังทลายของหน้าดิน ร้อยละ 5.71 ของ ร้อยละ 6.45 ของเกษตรกรที่ตอบจุดแข็ง เกษตรกรทีต่ อบจุดออ่ น 11. เกษตรกรร้จู ักผลติ ภัณฑ์ พด. ร้อยละ 3.22 ของ 11. ขาดแคลนนำ้ ใช้ในฤดแู ลง้ บรเิ วณ หมู่ 3 4 และ เกษตรกรท่ีตอบจุดแข็ง 5 ต.น้ำตก ต้องนำเข้าน้ำ ร้อยละ 2.85 ของ 12. มีศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงในชุมชน ร้อยละ เกษตรกรที่ตอบจุดอ่อน 3.22 ของเกษตรกรท่ีตอบจดุ แข็ง 12. ขาดความรู้ในเรื่องการใช้สารเคมีการเกษตร 13. มีเครื่องจักรการเกษตรในพื้นที่ เยอะเกือบทุก ร้อยละ 2.85 ของเกษตรกรท่ีตอบจุดอ่อน หลังคา ร้อยละ 3.22 ของเกษตรกรทตี่ อบจดุ แขง็ 13. สภาพพ้นื ทที่ างการเกษตรค่อนข้างลาดชนั เกิด 14 เคยมงี านจัดระบบอนุรักษด์ ินและน้ำ เกิน 10 ปี การชะล้างพังทลายของหน้าดิน ร้อยละ 5.71 ของ รอ้ ยละ 3.22 ของเกษตรกรที่ตอบจุดแข็ง เกษตรกรทต่ี อบจดุ ออ่ น 15. นอกฤดูเพาะปลูก มีพ้ืนที่ว่างสำหรับการ 14. ขาดแคลนนำ้ ใช้ในฤดูแล้ง บริเวณ หมู่ 3 4 และ ปรบั ปรงุ พน้ื ท่ี รอ้ ยละ 3.22 ของเกษตรกรทตี่ อบจุด 15 ต.น้ำตก ต้องนำเข้าน้ำ ร้อยละ 2.85 ของ แข็ง เกษตรกรท่ีตอบจดุ อ่อน 16. ขาดความรู้ในเรื่องการใช้สารเคมีการเกษตร ร้อยละ 2.85 ของเกษตรกรทต่ี อบจุดอ่อน 17. ยงั ขาดตลาดรับซื้อผลผลติ เกษตร ร้อยละ 2.85 ของเกษตรกรที่ตอบจุดออ่ น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

77 จดุ แข็ง จดุ อ่อน 18. การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีไม่เหมาะสม กบั พ้ืนท่ี รอ้ ยละ 2.85 ของเกษตรกรทต่ี อบจุดออ่ น 19. เมล็ดพันธุ์พืชมีราคาแพง/ปุ๋ยราคาแพง ร้อยละ 2.85 ของเกษตรกรทตี่ อบจุดอ่อน 20. ยังไม่มีการรวมกลุ่มเกษตรกรด้วยตนเอง ยกเว้นยางพารา ร้อยละ 2.85 ของเกษตรกรที่ตอบ จุดอ่อน 21. มีการเผาป่าเกิดหมอกควัน ร้อยละ 2.85 ของ เกษตรกรท่ีตอบจดุ อ่อน โอกาส อุปสรรค 1. ภาครัฐสนับสนุนส่งเสริมด้านพันธ์ุพืช ปัจจัยการ 1. มีภัยธรรมชาติ (พายุและวาตภัย/ฝนตกไม่ตาม ผลติ องคค์ วามรู้ในการใช้สารชวี ภณั ฑ์กำจัดศัตรูพืช ฤดูกาล/ทิ้งช่วง/ภัยแล้ง) น้ำต้นทุน ในช่วง 2 ปีที่ รอ้ ยละ 14.28 ของเกษตรกรทตี่ อบโอกาส ผ่านมาเร่ิมมีปัญหาในช่วงฤดูแลง้ (เริ่มพฤศจิกายน- 2. ภาครัฐจัดสรรพืน้ ท่/ี ขยายสทิ ธิทำกนิ ใหเ้ กษตรกร พฤษภาคม) ร้อยละ 21.73 ของเกษตรกรที่ตอบ เช่น สปก. คทช. สทก. ฯลฯ ร้อยละ 9.52 ของ อุปสรรค เกษตรกรทตี่ อบโอกาส 2. ขาดการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการ 3. สนับสนุนการอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน สนับสนุนปัจจัยจากรัฐ หน่วยงานภาครัฐเข้าไม่ถึง ให้ความรู้ และสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ ในการผลิต เกษตรกร (ไม่ต่อเน่ืองและตรงตามฤดกู าล ) ร้อยละ สารอินทรีย์ทดแทนการใช้สารเคมีและพัฒนา 13.04 ของเกษตรกรทต่ี อบอุปสรรค คุณภาพของสารอินทรีย์ให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียง 3. ตน้ ทุนการผลิตสงู ขึ้น (เมล็ดพนั ธุ์ ป๋ยุ ยา และค่า การใช้สารเคมี ร้อยละ 9.52 ของเกษตรกรที่ตอบ ขนส่ง) มีหน้ีสินจากต้นทุนการผลิต ร้อยละ 13.04 โอกาส ของเกษตรกรท่ตี อบอุปสรรค 4. นโยบายภาครัฐมาสนับสนุนทางการเกษตร 4. งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐในด้าน (ประกันราคาสินค้าภาคการเกษตร) ร้อยละ 9.52 การเกษตรยังไม่เพียงพอ (ไม่ค่อยควบคุมทุกพืช) ของเกษตรกรท่ีตอบโอกาส ขาดความต่อเนื่องจาการส่งเสริมจากภาครัฐ ร้อย 5. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบกระจายน้ำ การ ละ 13.04 ของเกษตรกรที่ตอบอปุ สรรค ทำฝนเทียมในฤดูแล้งและส่งเสริมการปลูกพืชทน 5. ไม่มีร้านค้า (ขายวัตถุดิบ) และตลาดรับซื้อใน แลง้ รอ้ ยละ 9.52 ของเกษตรกรทตี่ อบโอกาส พื้นที่การขายผลผลิตต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ร้อย 6. มีเทคโนโลยที างการเกษตรเพ่ิมขึ้น นำเทคโนโลยี ละ 8.69 ของเกษตรกรทีต่ อบอุปสรรค และนวัตกรรมมาใช้ทดแทนแรงงาน ร้อยละ 9.52 ของเกษตรกรท่ตี อบโอกาส แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

78 โอกาส อุปสรรค 7. ได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดิน มี 6. ศัตรูพืช เช่น โรค แมลง และหนอน ระบาดไม้ เจา้ หนา้ ท่ีเข้ามาแนะนำให้ความรู้ รอ้ ยละ 9.52 ของ ผล พืชไร่ (ข้าวโพดและยางพารา) ร้อยละ 8.69 เกษตรกรทต่ี อบโอกาส ของเกษตรกรท่ีตอบอปุ สรรค 8. ได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดิน มี 7. ราคาผลผลิตตกต่ำ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ เจ้าหนา้ ทเี่ ขา้ มาแนะนำใหค้ วามรู้ ร้อยละ 9.52 ของ ไม่ดี ร้อยละ 4.34 ของเกษตรกรทตี่ อบอปุ สรรค เกษตรกรท่ตี อบโอกาส 8. มีพื้นที่ป่าสงวนจำนวนมาก เป็นอุปสรรคต่อ 9. มีการสำรวจข้อมูลภาวะเศรษฐกิจและสังคมจาก การพัฒนา เพราะเครื่องจักรเข้าทำงานไม่ได้ ร้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบเศรษฐกิจและ ละ 4.34 ของเกษตรกรท่ีตอบอุปสรรค สังคมในชุมชนซึ่งนำไปประกอบการพัฒนาชุมชน 9. ปญั หาเรอื่ งท่ีดิน เชน่ ดนิ ลกู รัง ดนิ ตื้น ดินสีขาว รอ้ ยละ 4.76 ของเกษตรกรท่ีตอบโอกาส ปนทราย ดินบนพื้นที่สูงชะล้าง อุ้มน้ำไม่ดี ความ 10. มีการแบ่งโซนพื้นที่ทำการเกษตรตาม อุดมสมบูรณ์ต่ำ ร้อยละ 4.34 ของเกษตรกรที่ ความหมาะสม (Zoning) เพื่อการปรับเปลี่ยนการ ตอบอุปสรรค ทำการเกษตรในพน้ื ท่ี ร้อยละ 4.76 ของเกษตรกรท่ี 10. โรคระบาด (Covid-19) ทำใหต้ ลาดค้าผลผลิต ตอบโอกาส ทางการเกษตรปิดตัว เนื่องจากนโยบายของรัฐสั่ง 11. มีการปลูกป่า อนุรักษ์ป่า ไม้ยืนต้น โดยรัฐให้ ปิดชั่วคราว ร้อยละ 4.34 ของเกษตรกรที่ตอบ การสนับสนุนปัจจัยค่าตอบแทน ร้อยละ 4.76 ของ อุปสรรค เกษตรกรทต่ี อบโอกาส 12. เป็นเส้นทางไปยังแหล่งทอ่ งเที่ยวอื่น ๆ ร้อยละ 4.76 ของเกษตรกรท่ีตอบโอกาส 13. ไม่มีไฟป่าในพื้นที่ ร้อยละ 4.76 ของเกษตรกร ท่ีตอบโอกาส 14. จัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำและให้ความรู้ใน การใช้ประโยชน์ที่ดินตามความเหมาะสม ร้อยละ 4.76 ของเกษตรกรท่ตี อบโอกาส 15. นโยบายประกันราคาของภาครัฐลดการกด ราคาทางการเกษตรจากพ่อค้าคนกลางมีพื้นที่ป่า สงวนจำนวนมาก ควรอนุรกั ษไ์ วเ้ พอื่ เปน็ พ้ืนทตี่ น้ นำ้ 16. โรคระบาด (covid-19) ทำให้แรงงานพลัดถ่ิน กลับมาสู่ชุ่มชน ส่งเสริมอาชีพเสริมเพื่อสร้าง แรงงานในชุมชน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง

79 จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งกับโอกาส จุดแข็งกับข้อจำกัด จุดอ่อนกับ โอกาส และจุดอ่อนกับข้อจำกัด (TOWS matrix) ซึ่งผลของการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในข้อมูลแต่ละคู่ ดังกล่าว ทำให้ไดแ้ นวทางและมาตรการสำหรับการพฒั นาพ้ืนทเี่ พ่ือป้องกันการชะล้างพงั ทลายของดินและ ฟื้นฟู พื้นที่เกษตรกรรม เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ กำหนด แผนงาน/โครงการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาในการกำหนด แผนการดำเนินงาน และกลไกการขับเคลือ่ นแผนบรหิ ารจัดการโครงการ ในลำดับตอ่ ไป จากการสำรวจแปลงเกษตรกรในพื้นที่โครงการ เพื่อวิเคราะห์ภาวะการผลิตพืช โดยแบ่ งการ วิเคราะหส์ ภาพพน้ื ที่ทำการเกษตร ตามระดับความรนุ แรงของการสูญเสยี ดนิ ออกเปน็ 3 ระดับ ไดแ้ ก่ 1) พื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดินในระดับรุนแรง จะพบในที่ดอน เกษตรกรมกี ารใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ เพ่ือปลูกข้าวโพดและยางพารา (ตารางที่ 3-20) ภาวะการผลิตข้าวโพดในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดินในระดับรุนแรง เกษตรกรทั้งหมดปลูกข้าวโพดพันธุ์ CP888 และมีร้อยละ 21.52 ของเกษตรกรตัวอย่างที่ปลูกข้าวโพด เลือกปลูกข้าวโพดพันธุ์ไพโอเนียร่วมดว้ ย เป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดในเขตเกษตรอาศัยน้ำฝน มีช่วงเวลาปลูก อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม และมีช่วงเวลาเก็บเก่ียว อยู่ระหว่างเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตเฉลี่ย 645.12 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกรขายผลผลิตทั้งหมด ตามสถานที่รับซื้อผลผลิตข้าวโพด จำแนกเป็น การรับซื้อ ณ จุดรับซือ้ ท้องถิ่น การรับซื้อในหมู่บ้าน การรับซื้อในไร่นา คิดเป็นร้อยละ 43.43 33.99 และ 22.58 ของปรมิ าณผลผลิตท้ังหมด ตามลำดบั ภาวะการผลิตยางพาราในพื้นทีท่ ำการเกษตรที่มีความรนุ แรงของการสูญเสียดนิ ในระดับรุนแรง เกษตรกรปลูกยางพาราพันธุ์ RRIM600 เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราในเขตเกษตรอาศัยน้ำฝน มีช่วงเวลาเก็บ เกี่ยว อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลติ เฉลี่ยยางก้อนถ้วย 215.33 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกร ขายผลผลติ ท้ังหมด ตามสถานท่ีรบั ซอื้ ผลผลิตยางพารา จำแนกเป็น การรบั ซ้ือ ณ จดุ รับซ้อื ท้องถิ่น การรับ ซือ้ ในหมบู่ า้ น คดิ เปน็ ร้อยละ 51.40 และ 48.60 ของปริมาณผลผลิตทัง้ หมด ตามลำดบั แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

80 ตารางที่ 3-20 ภาวะการผลิตพืช ปีการผลิต 2562/63 ในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการ สูญเสยี ดนิ ในระดับรุนแรง รายการ ปกี ารผลติ 2562/63 ร้อยละ ชนดิ พืชและพนั ธุ์ ข้าวโพดพนั ธ(ุ์ ร้อยละของเกษตรกร) 26.00 CP888(ร้อยละของเกษตรกรทผ่ี ลิตขา้ วโพด) 100.00 ไพโอเนยี (รอ้ ยละของเกษตรกรท่ผี ลิตขา้ วโพด) 21.52 ยางพาราพนั ธ(ุ์ ร้อยละของเกษตรกร) 18.00 RRIM600(รอ้ ยละของเกษตรกรที่ผลติ ยางพารา) 100.00 แหล่งนำ้ ท่ใี ช้ผลิตข้าวโพดและยางพารา(ร้อยละของเกษตรกร) นำ้ ฝน 100.00 ชว่ งเวลาปลูก/เก็บเกยี่ วขา้ วโพด เดอื นปลูก(รอ้ ยละของเกษตรกร) 45.66 พ.ค. 18.23 ม.ิ ย. 36.11 ก.ค. เดอื นเกบ็ เก่ยี ว(รอ้ ยละของเกษตรกร) 3.45 ธ.ค. 80.46 ม.ค. 16.09 ก.พ. ชว่ งเวลาปลูก/เก็บเกี่ยวยางพารา 20.30 ปลกู เดือน/ปี(ร้อยละของเกษตรกร) 24.31 ก.ย.-49 12.38 พ.ค.-52 8.41 มิ.ย.-53 7.32 ก.ค.-54 10.64 มิ.ย.-56 16.64 ก.ค.-59 มิ.ย.-59 100.00 เดือนเกบ็ เกี่ยว(ร้อยละของเกษตรกร) ส.ค.-ก.พ. 645.12 ปริมาณผลผลิต 215.33 ขา้ วโพด(กก./ไร่) ยางพารา(กก./ไร)่ * แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าหว้ ยน้าแหง

81 ตารางที่ 3-20 ภาวะการผลิตพืช ปีการผลิต 2562/63 ในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการ สญู เสียดินในระดับรุนแรง (ต่อ) รายการ ปีการผลิต 2562/63 รอ้ ยละ การใช้ประโยชนผ์ ลผลิตขา้ วโพด(รอ้ ยละของปริมาณผลผลติ ) ขาย 100.00 การใช้ประโยชนผ์ ลผลิตยางพารา(ร้อยละของปรมิ าณผลผลิต) 100.00 ขาย 33.99 สถานทจ่ี ำหนา่ ยผลผลติ ข้าวโพด 22.58 การรับซ้อื ในหมูบ่ า้ น (รอ้ ยละของปริมาณผลผลิต) 43.43 การรบั ซ้อื ในไร่นา (ร้อยละของปรมิ าณผลผลติ ) การรบั ซือ้ ณ จุดรับซ้ือท้องถิน่ (รอ้ ยละของปริมาณผลผลติ ) 48.60 51.40 สถานทจี่ ำหน่ายผลผลิตยางพารา การรับซอื้ ในหมู่บา้ น (รอ้ ยละของปรมิ าณผลผลติ ) การรบั ซือ้ ณ จุดรบั ซอ้ื ท้องถิน่ (รอ้ ยละของปริมาณผลผลติ ) ท่มี า : จากการสำรวจ 2563 *ยางพารา ขายยางกอ้ นถ้วย จากการวิเคราะห์ตน้ ทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวโพดในพ้ืนท่ีทำการเกษตรทม่ี ีความรุนแรงของ การสูญเสียดินในระดับรุนแรง (ตารางที่ 3-21) พบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวโพดทั้งที่เป็นเงินสด และไม่เป็นเงินสด รวม 6,103.69 บาทต่อไร่ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดมีรายได้เฉลี่ย 4,541.64 บาทต่อไร่ เมื่อพิจารณาผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด พบว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ทำการเกษตรที่มี ความรุนแรงของการสญู เสยี ดนิ ในระดับรนุ แรงขาดทุนในการปลูกข้าวโพด 1,562.05 บาทต่อไร่ ตารางท่ี 3-21 ต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ขา้ วโพด ปีการผลิต 2562/63 ในพื้นท่ที ำการเกษตรที่มี ความรนุ แรงของการสญู เสยี ดินในระดับรุนแรง ข้าวโพดปีการผลติ 2562/63 รายการ ตน้ ทุนและผลตอบแทน (บาท/ไร่) รวมตน้ ทนุ การผลิต เป็นเงินสด ไม่เป็นเงินสด รวม 1. ตน้ ทุนผนั แปร 6,103.69 4,746.03 1,357.66 5,678.58 1.1 คา่ วัสดุการเกษตร 2,272.02 พนั ธุ์ 4,746.03 932.55 ปุ๋ยเคมี 712.33 สตู ร 15-15-15 2,272.02 0.00 712.33 0.00 320.45 0.00 320.45 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

82 ตารางท่ี 3-21 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตข้าวโพด ปกี ารผลิต 2562/63 ในพนื้ ทที่ ำการเกษตรที่มี ความรนุ แรงของการสญู เสียดนิ ในระดับรนุ แรง (ต่อ) ข้าวโพดปีการผลติ 2562/63 รายการ ตน้ ทนุ และผลตอบแทน (บาท/ไร่) สูตร 16-20-0 เปน็ เงินสด ไม่เปน็ เงนิ สด รวม สตู ร 20-10-12 234.66 0.00 234.66 สุตร 8-3-8 0.00 0.00 0.00 สูตร 46-0-0 0.00 0.00 0.00 ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมกั มูลววั 324.56 0.00 324.56 สารป้องกนั และปราบวชั พชื สารปอ้ งกันและปราบศตั รพู ชื 0.00 0.00 0.00 น้ำมันเชอ้ื เพลงิ และหล่อลน่ื 315.05 0.00 315.05 1.2 คา่ แรงงานคน 210.22 0.00 210.22 1.3 คา่ ซ่อมแซมอุปกรณ์การเกษตร 154.75 0.00 154.75 1.4 คา่ ขนส่งผลผลติ 1,582.33 932.55 2,514.88 1.5 ดอกเบ้ยี เงนิ กู้ 233.14 0.00 233.14 2. ตน้ ทุนคงท่ี 199.99 0.00 199.99 ค่าเสอื่ มเครอื่ งมือและอุปกรณก์ ารเกษตร 458.55 0.00 458.55 ผลผลติ เฉลยี่ ตอ่ ไร่ (กก./ไร่) 425.11 425.11 ราคาตอ่ หน่วย (บาท/กก.) 0.00 425.11 425.11 0.00 645.12 รวมมลู ค่าผลผลิต (บาท/ไร่) ผลตอบแทนเหนือตน้ ทุนเงินสด (บาท/ไร)่ 7.04 ผลตอบแทนเหนอื ตน้ ทุนผนั แปร (บาท/ไร)่ 4,541.64 ผลตอบแทนเหนอื ต้นทุนทั้งหมด (บาท/ไร)่ -204.39 -1,136.94 ทมี่ า : จากการสำรวจ 2563 -1,562.05 ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตยางพาราในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดิน ในระดับรุนแรง (ตารางที่ 3-22) พบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตยางพาราทั้งที่เป็นเงินสดและไม่เป็น เงินสด รวม 6,417.59 บาทต่อไร่ เกษตรกรผู้ปลูกยางพารามีรายได้เฉลี่ย 3,852.25 บาทต่อไร่ เม่ือ พิจารณาผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด พบว่าเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความ รนุ แรงของการสญู เสยี ดนิ ในระดับรุนแรงขาดทนุ ในการปลูกยางพารา 2,565.34 บาทต่อไร่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าหว้ ยน้าแหง

83 ตารางท่ี 3-22 ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ยางพารา ปกี ารผลติ 2562/63 ในพ้ืนที่ทำการเกษตรท่ี มีความรนุ แรงของการสญู เสยี ดนิ ในระดบั รุนแรง ยางพาราปกี ารผลติ 2562/63 รายการ ต้นทนุ และผลตอบแทน (บาท/ไร)่ รวมตน้ ทุนการผลติ เปน็ เงนิ สด ไม่เปน็ เงินสด รวม 1,902.40 4,515.19 6,417.59 1. ตน้ ทนุ ผนั แปร 1,902.40 4,402.61 6,305.01 1.1 ค่าวัสดกุ ารเกษตร 1,083.66 82.61 1,166.27 พนั ธุ์ ปยุ๋ เคมี 0.00 82.61 82.61 สูตร 15-15-15 สูตร 26-2-0 0.00 0.00 0.00 สตู ร 20-10-12 269.57 0.00 269.57 สุตร 8-3-8 0.00 สตู ร 46-0-0 0.00 0.00 0.00 ปุ๋ยคอก/ปยุ๋ หมัก มูลวัว 0.00 0.00 0.00 261.54 0.00 261.54 สารปอ้ งกันและปราบวชั พชื 0.00 0.00 สารป้องกนั และปราบศตั รพู ืช 0.00 น้ำมนั เชือ้ เพลิงและหล่อลนื่ 0.00 0.00 0.00 1.2 ค่าแรงงานคน 0.00 0.00 0.00 1.3 ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร 552.55 4,320.00 552.55 1.4 ค่าขนส่งผลผลิต 0.00 0.00 4,320.00 1.5 ดอกเบ้ยี เงินกู้ 254.66 0.00 254.66 2. ต้นทนุ คงท่ี 66.75 0.00 66.75 ค่าเสอื่ มเคร่ืองมือและอุปกรณก์ ารเกษตร 497.33 112.58 497.33 ผลผลติ เฉลย่ี ต่อไร่ (กก./ไร)่ 0.00 112.58 112.58 ราคาตอ่ หน่วย (บาท/กก.) 0.00 112.58 ผลตอบแทนเหนอื ต้นทนุ เงินสด (บาท/ไร่) 215.33 ผลตอบแทนเหนอื ตน้ ทุนผนั แปร (บาท/ไร)่ 17.89 ผลตอบแทนเหนอื ต้นทุนทงั้ หมด (บาท/ไร่) 1,949.85 -2,452.76 ท่มี า : จากการสำรวจ 2563 -2,565.34 2) พื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดินในระดับปานกลาง จะพบในที่ดอน เกษตรกรมีการใชป้ ระโยชน์ทดี่ ินเพื่อปลูกข้าวโพดและยางพารา (ตารางที่ 3-23) ภาวะการผลิตข้าวโพดในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดินในระดับปานกลาง เกษตรกรทั้งหมดปลูกข้าวโพดพันธุ์ CP888 และมีเกษตรกรที่เลือกปลูกข้าวโพดพันธุ์ไพโอเนียหรือพันธ์ุ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าหว้ ยน้าแหง

84 ลูกผสม เช่น มะม่วงคู่ ร่วมด้วย คิดเป็นร้อยละ 21.52 และ 12.56 ของเกษตรกรตัวอย่างที่ปลูกข้าวโพด ตามลำดับ เป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดในเขตเกษตรอาศัยน้ำฝน มีช่วงเวลาปลูก อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม และมีชว่ งเวลาเก็บเกยี่ ว อย่รู ะหวา่ งเดือนธันวาคม – กุมภาพนั ธ์ ผลผลติ เฉลี่ย 780.68 กิโลกรัม ต่อไร่ เกษตรกรขายผลผลิตทั้งหมด ตามสถานท่ีรับซ้ือผลผลติ ข้าวโพด จำแนกเป็น การรบั ซือ้ ในไร่นา การ รับซื้อ ณ จุดรับซื้อท้องถิ่น การรับซื้อในหมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 58.59 25.72 และ 15.69 ของปริมาณ ผลผลติ ท้งั หมด ตามลำดบั ภาวะการผลิตยางพาราในพื้นท่ีทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการสูญเสียดินในระดับปานกลาง เกษตรกรปลูกยางพาราพันธุ์ RRIM600 เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราในเขตเกษตรอาศัยน้ำฝน มีช่วงเวลาเก็บ เกี่ยว อยู่ระหวา่ งเดอื นสิงหาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตเฉลี่ยยางก้อนถ้วย 275.46 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกร ขายผลผลติ ทง้ั หมด ตามสถานที่รบั ซอ้ื ผลผลติ ยางพารา จำแนกเปน็ การรบั ซ้อื ณ จุดรบั ซ้ือในทอ้ งถิ่น การ รับซื้อ ณ จุดรับซื้อนอกท้องถิ่น การรับซื้อในหมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 54.88 30.49 และ 14.63 ของ ปริมาณผลผลิตท้งั หมด ตามลำดบั ตารางที่ 3-23 ภาวะการผลิตพืช ปีการผลิต 2562/63 ในพื้นที่ทำการเกษตรที่มีความรุนแรงของการ สญู เสียดินในระดบั ปานกลาง รายการ ปกี ารผลติ 2562/63 รอ้ ยละ ชนดิ พชื และพันธุ์ ขา้ วโพดพนั ธ(์ุ ร้อยละของเกษตรกร) 36.00 CP888(ร้อยละของเกษตรกรที่ผลติ ข้าวโพด) 100.00 ไพโอเนีย(รอ้ ยละของเกษตรกรทผี่ ลติ ข้าวโพด) 21.52 ลกู ผสมราคาถูก เชน่ มะมว่ งคู่(รอ้ ยละของเกษตรกรทีผ่ ลติ ข้าวโพด) 12.56 ยางพาราพันธ(ุ์ ร้อยละของเกษตรกร) 14.00 RRIM600(รอ้ ยละของเกษตรกรทผ่ี ลติ ยางพารา) 100.00 แหล่งน้ำทใี่ ช้ผลิตข้าวโพดและยางพารา(ร้อยละของเกษตรกร) นำ้ ฝน 100.00 ชว่ งเวลาปลูก/เกบ็ เก่ยี วข้าวโพด เดือนปลูก (ร้อยละของเกษตรกร) พ.ค. 51.03 ม.ิ ย. 21.80 ก.ค. 27.12 เดือนเก็บเกีย่ ว(รอ้ ยละของเกษตรกร) ธ.ค. 7.37 ม.ค. 51.66 ก.พ. 40.97 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าหว้ ยน้าแหง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook