35 ต่อการเกิดการชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะดินที่มีลักษณะเนื้อดินบนและดินล่างต่างกัน ดินตื้นที่มีเนื้อดิน ร่วนหยาบ และมีความลาดชันสูง (สภาพพื้นที่ลอนชันและพื้นที่เนินเขา ความลาดชัน 12-35 เปอร์เซ็นต์) ควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและนำ้ ทีเ่ หมาะสม เช่น การทำคันดินกั้นน้ำ ทำขั้นบันได และปลูกพืชตามแนว ระดับขวางความลาดชันของพื้นที่ เพื่อชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่าผ่านผิวดิน ช่วยลดการชะล้างของ หน้าดิน และน้ำซึมผ่านลงไปในดินชั้นล่างได้มากขึ้น ทำให้ความชื้นในดินมากขึ้น นอกจากนี้ ควรปลูกพืช คลมุ ดินเพือ่ ชว่ ยรกั ษาความชืน้ ของดินไว้และยังช่วยลดการชะล้างพังทลายของดินได้อีกดว้ ย เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านลกั ษณะของดินที่มีผลต่อการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ซึ่งดินแตล่ ะชนดิ จะ ทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึง โดยเฉพาะค่าปัจจยั ความคงทนของ ดิน (K-factor) ที่สามารถนำไปประเมินการสูญเสียดินในสมการการสูญเสียดินสากล (USLE) จะเห็นว่า ปัจจัยสมบัติดินที่มีผลต่อค่าปัจจัยความคงทนของดิน ได้แก่ (1) ผลรวมปริมาณร้อยละของทรายแป้งและ ปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (% silt + % very fine sand) (2) ปริมาณร้อยละของทราย (% sand) (3) ปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดิน (% organic matter) (4) โครงสร้างของดิน (soil structure) และ (5) การซาบซึมน้ำของดิน (permeability) (กรมพัฒนาที่ดิน, 2545) จากการศึกษาค่า ปัจจัยความคงทนของดินต่อการชะลา้ งพังทะลาย (K-factor) ตามชนิดวัตถตุ ้นกำเนิดดินในพ้ืนที่สูงของลุ่ม นำ้ คลองลาว พบว่า ผลรวมปรมิ าณร้อยละของทรายแป้งและปรมิ าณร้อยละของทรายละเอยี ดมากมีค่าสูง ส่งผลให้ค่า K-factor สูง และปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดินสูงส่งผลให้ค่า K-factor ต่ำ และยัง พบว่าดนิ ในกลมุ่ วัตถตุ ้นกำเนดิ ดินพวกหินตะกอนเน้ือหยาบมีแนวโน้มให้ค่า K-factor มากที่สดุ และดินใน กลุ่มวัตถุต้นกำเนิดดินพวกหินอัคนีสีเข้มมีค่า K-factor น้อยที่สุด (กองสำรวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน, 2562) จากลักษณะและสมบัติดินดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ดินที่มีค่า K-factor สูง (ง่ายต่อการกร่อน) จะมี แนวโนม้ เกดิ การชะลา้ งพงั ทลายของดินไดส้ ูง ส่วนดินที่มีค่า K-factor ต่ำ (ยากตอ่ การกร่อน) จะมแี นวโน้ม เกดิ การชะล้างพงั ทลายของดนิ ได้ต่ำ ดินที่พบเป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ อยู่ในกลุ่มดินท่ีเกิดจากตะกอนน้ำพามาทับถมอยู่บนพื้นที่ราบ (ตะพักลำน้ำเก่า) ซึ่งมีเน้ือดินเป็นดินร่วนถึงร่วนละเอียด ปริมาณอินทรียวัตถุปานกลาง ได้แก่ ชุดดินลำภู รา (Ll) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13.17 ของเน้ือทที่ ั้งหมด มีแนวโน้มค่าปัจจัยความคงทนของดิน (K-factor) ต่ำกว่า ดินในกลุ่มวัตถุต้นกำเนิดดินพวกหินตะกอนเนื้อหยาบซึ่งมีเนื้อดินเป็นกลุ่มดินร่วนหยาบแล ะปริมาณ อินทรียวัตถุต่ำ ได้แก่ ชุดดินสวี (Sw) ชุดดินท่าแซะ (Te) และชุดดินพะโต๊ะ (Pto) คิดป็นร้อยละ10.76 ของเนือ้ ทที่ ้ังหมด นอกจากปัจจัยด้านลักษณะสมบัติของดินแล้ว ปัจจัยด้านสภาพพื้นที่และการใช้ประโยชน์ที่ดินก็มี ผลต่อการชะล้างพังทลายของดนิ โดยเฉพาะความลาดชันของพื้นที่จะมีผลโดยตรงต่อการชะล้างพังทลาย ของผิวหน้าดิน การไหลบ่าของน้ำผ่านผิวหน้าดิน ระดับน้ำใต้ดิน ความชื้นในดินการระบายน้ำ ความยาก ง่ายต่อการกักเก็บน้ำและเขตเกษตรกรรม ดังนั้น สภาพพื้นที่จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ควบคุม ลักษณะของการใช้ประโยชน์ที่ดินซึ่งส่งผลต่อการชะล้างพังทลายของดินด้วย โดยเฉพาะไม้ยืนต้น เช่น ปาลม์ นำ้ มันและยางพารา ซงึ่ เปน็ พชื เศรษฐกจิ ทปี่ ลูกเปน็ ส่วนใหญ่และปลกู ในพื้นท่ีท่มี ีความลาดชันสูง ทำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
36 ให้ดินมีอัตราการถูกชะล้างพังทลายของดินสูง เนื่องจากปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงและมีสิ่งปกคลุม ผิวหนา้ ดนิ น้อย ส่งผลทำให้ความอดุ มสมบูรณข์ องดนิ ลดลง เปน็ สาเหตสุ ำคญั ที่ทำใหส้ มบัตดิ นิ ทางกายภาพ ลดลง และส่งเสริมให้เกิดการชะล้างพังทลายของดินเพิ่มสูงขึ้น พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อนหรือพื้นที่ลาดชันสูง (slope complex or steep slope) มีความลาดชันมากกวา่ 35 เปอรเ์ ซ็นต์ เปน็ พนื้ ท่ีท่ียังไม่มกี ารจำแนก ประเภทดิน ซึง่ กระจายตัวเป็นสว่ นใหญ่ของพน้ื ที่ คิดเป็นร้อยละ 20.51 ของเนอ้ื ที่ท้ังหมด ไม่เหมาะสมต่อ การปลูกพืชทุกชนิด เนื่องจากมีอัตราการชะล้างพังทลายสูงมาก การจัดการดูแลรักษาลำบาก ทำให้เกิด การชะล้างพังทลายรุนแรงมาก แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องนำพื้นที่นี้มาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร มี ความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาถึงชนิดพืชที่จะปลูกร่วมกับลักษณะของดินภายใต้การจัดการ อนุรักษ์ดินและน้ำเป็นพิเศษหรือทำในระบบวนเกษตร สภาพพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อนหรือพื้นที่ลาดชันสูง สามารถแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ 3 ระดับ ดงั นี้ 1) พน้ื ท่สี งู ชนั (steep slope) มคี วามลาดชนั 35-50 เปอรเ์ ซ็นต์ 2) พ้นื ทสี่ ูงชนั มาก (very steep slope) มคี วามลาดชัน 50-75 เปอรเ์ ซ็นต์ 3) พนื้ ท่ีสูงชันมากทีส่ ุด (extremely steep slope) มีความลาดชันมากกวา่ 75 เปอรเ์ ซ็นต์ ตารางท่ี 3-3 ทรัพยากรดนิ ในพ้นื ทีล่ ุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบ่ี ลำดับ สัญลักษณ์ คำอธิบาย เนือ้ ท่ี ไร่ รอ้ ยละ 1 Ak-cA ชุดดนิ อา่ วลกึ มีเนอ้ื ดนิ บนเป็นดนิ เหนียว ความลาดชนั 280 0.19 0-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ 123 0.08 2 Ak-cB ชุดดนิ อ่าวลกึ มเี นอ้ื ดนิ บนเป็นดินเหนียวความลาดชนั 2-5 เปอร์เซน็ ต์ 11 0.01 3 Ak-cC ชดุ ดินอา่ วลึก มเี นือ้ ดินบนเป็นดินเหนยี วความลาดชนั 456 0.31 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 178 0.12 4 Fd-slB ชดุ ดินฝัง่ แดง มเี น้อื ดินบนเปน็ ดนิ รว่ นปนทราย ความ ลาดชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 524 0.35 5 Fd-slC ดนิ ฝง่ั แดง มเี นื้อดนิ บนเปน็ ดินร่วนปนทราย ความลาด 605 0.41 ชัน 5-12 เปอร์เซ็นต์ 1,591 1.07 6 Kbi-br-clB ดินกระบี่ทมี่ ีสีน้ำตาล มเี น้ือดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนดิน เหนยี ว ความลาดชนั 2-5 เปอร์เซ็นต์ 7 Kbi-br-clC ดินกระบี่ที่มสี ีน้ำตาล มีเน้ือดินบนเป็นดินรว่ นปนดนิ เหนยี ว ความลาดชัน 5-12 เปอรเ์ ซน็ ต์ 8 Kbi-clA ชุดดนิ กระบ่ี มเี นื้อดนิ บนเป็นดินร่วนปนดนิ เหนียว ความลาดชนั 0-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
37 ตารางที่ 3-3 ทรัพยากรดินในพ้นื ทล่ี ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จังหวัดกระบ่ี (ตอ่ ) ลำดับ สัญลักษณ์ คำอธบิ าย เนอ้ื ที่ ไร่ ร้อยละ 9 Kbi-clB ชุดดินกระบี่ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาด ชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 2,819 1.90 3,194 2.15 10 Kbi-clC ชุดดินกระบี่ มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาด 1,358 0.92 ชัน 5-12 เปอร์เซน็ ต์ 65 0.04 11 Kbi-clD ชุดดินกระบี่ เนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาด 247 0.17 ชัน 12-20 เปอร์เซ็นต์ 969 0.65 12 Kc-clD ชุดดินคลองซาก มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความ 360 0.24 ลาดชนั 12-20 เปอรเ์ ซน็ ต์ 414 0.28 13 Klt-clC ชุดดินคลองเต็ง มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความ 3,314 2.24 ลาดชนั 5-12 เปอร์เซน็ ต์ 2,459 1.66 1,552 1.05 19 Ll-mw, ดินลำภูราที่มีการระบายน้ำดีปานกลางและดินร่วนละเอียด มี 4,267 2.88 fl-clB เนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 1,584 1.07 2,432 1.64 20 Nat-slC ชุดดินนาทวี มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 21 Ntn-clB ชุดดินนาทอน มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความ ลาดชนั 2-5 เปอร์เซ็นต์ 22 Ntn-clC ชดุ ดินนาทอน มีเนอื้ ดนิ บนเป็นดนิ รว่ นปนดินเหนียวความลาด ชัน 5-12 เปอร์เซ็นต์ 23 Ntn-clD ชุดดนิ นาทอน มีเนอ้ื ดนิ บนเปน็ ดนิ รว่ นปนดินเหนียวความลาด ชัน 12-20 เปอรเ์ ซน็ ต์ 24 Ntn-clE ชุดดนิ นาทอน มีเนื้อดินบนเป็นดินรว่ นปนดินเหนยี วความลาด ชนั 20-35 เปอรเ์ ซ็นต์ 25 Ntn-fl-lC ชุดดินนาทอนที่เป็นดินร่วนละเอียดมีเนื้อดินบนเป็นดินร่วน ปนดินเหนียว ความลาดชนั 5-12 เปอร์เซ็นต์ 26 Ntn-vd- ดินนาทอนที่เป็นดินลึกมาก ที่มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดิน clB เหนยี ว ความลาดชนั 2-5 เปอรเ์ ซน็ ต์ 27 Pac-clA ชดุ ดนิ ปากจัน่ มเี นื้อดินบนเปน็ ดนิ รว่ นปนดินเหนยี วความลาด ชัน 0-2 เปอรเ์ ซ็นต์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
38 ตารางที่ 3-3 ทรพั ยากรดินในพ้นื ทีล่ ุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จงั หวดั กระบ่ี (ต่อ) ลำดับ สัญลักษณ์ คำอธิบาย เนอ้ื ที่ ไร่ รอ้ ยละ 28 Pac-clB ชุดดนิ ปากจั่น มเี นอ้ื ดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 6,481 4.37 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 29 Pac-clC ชดุ ดนิ ปากจ่นั มีเนอื้ ดนิ บนเป็นดนิ ร่วนปนดนิ เหนียว ความลาดชัน 6,014 4.06 5-12 เปอรเ์ ซน็ ต์ 30 Pac-fl-lB ชุดดินปากจั่นที่เป็นดินแบบร่วนละเอียด มีเนื้อดินบนดินร่วน 7,188 4.85 ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซ็นต์ 31 Pkm-sclB ชุดดินปากคม มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายปนทราย 412 0.28 ความลาดชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 32 Pkm-slB ชุดดินปากคม มีเนื้อดินบนเปน็ ดินรว่ นปนทรายความลาดชนั 2-5 701 0.47 เปอรเ์ ซ็นต์ 33 Pkm-slC ชุดดินปากคม มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5- 228 0.15 12 เปอร์เซน็ ต์ 34 Pto-slC ชุดดินพะโต๊ะ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5- 1,570 1.06 12 เปอรเ์ ซ็นต์ 35 Pto-slD ชุดดินพะโตะ๊ มเี น้ือดินบนเปน็ ดินรว่ นปนทราย ความลาดชัน 12- 3,228 2.18 20 เปอร์เซน็ ต์ 36 Pto-slE ชดุ ดนิ พะโตะ๊ มเี นือ้ ดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชนั 20- 1,556 1.05 35 เปอร์เซ็นต์ 37 Ro-fl-sclA ดินรือเสาะที่มีอนุภาคดินเป็นดนิ รว่ นละเอยี ด มเี นื้อดินบนเป็นดิน 1,210 0.82 ร่วนเหนยี วปนทราย ความลาดชัน 0-2 เปอรเ์ ซ็นต์ 38 Ro-fl-slA ชดุ ดนิ รือเสาะท่มี ีอนุภาคดินเป็นดินร่วนละเอียด มีเนื้อดินบนเป็น 11,436 7.71 ดนิ รว่ นปนทราย ความลาดชัน 0-2 เปอร์เซน็ ต์ 39 Ro-pic- ดินรือเสาะที่มีศิลาแลงอ่อน มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย 1,065 0.72 siclA ความลาดชนั 0-2 เปอร์เซ็นต์ 40 Ro-siclA ชุดดินรอื เสาะ มีเนือ้ ดนิ บนเป็นดนิ ร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ความ 3,753 2.53 ลาดชัน 0-2 เปอร์เซน็ ต์ 41 Ro-siclB ชุดดินรอื เสาะ มเี นื้อดนิ บนเป็นดนิ รว่ นเหนียวปนทรายแป้ง ความ 350 0.24 ลาดชนั 2-5 เปอร์เซ็นต์ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
39 ตารางท่ี 3-3 ทรัพยากรดนิ ในพนื้ ท่ีลมุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลึก จังหวดั กระบี่ (ตอ่ ) ลำดับ สัญลักษณ์ คำอธบิ าย เนอ้ื ท่ี ไร่ ร้อยละ 42 Ro-silA ชุดดินรือเสาะ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายแป้ง ความลาด 2,664 1.80 ชัน 0-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ 43 Ro-silB ชุดดินรือเสาะ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายแป้ง ความลาด 29 0.02 ชัน 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 44 Sw-d- ชุดดนิ สวีท่เี ป็นดนิ ลกึ มีเนอ้ื ดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาด 3,296 2.22 slA ชัน 0-2 เปอร์เซ็นต์ 45 Sw-d- ชุดดินสวที เ่ี ปน็ ดินลึก มเี นื้อดินบนเป็นดนิ รว่ นปนทราย ความลาด 503 0.34 slB ชนั 2-5 เปอรเ์ ซน็ ต์ 46 Sw-d- ชุดดนิ สวที เ่ี ปน็ ดนิ ลึก มีเนอ้ื ดินบนเป็นดินรว่ นปนทราย ความลาด 170 0.11 slC ชัน 5-12 เปอร์เซน็ ต์ 47 Sw-slB ชดุ ดนิ สวี มเี น้อื ดินบนเป็นดินรว่ นปนทราย ความลาดชนั 2-5 1,546 1.04 เปอรเ์ ซน็ ต์ 48 Sw-slC ชุดดินสวี มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5-12 1,330 0.90 เปอร์เซ็นต์ 49 Te-slA ชุดดินท่าแซะ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 0-2 3,725 2.51 เปอรเ์ ซน็ ต์ 50 Te-slB ชดุ ดินทา่ แซะ มเี นอ้ื ดนิ บนเป็นดินร่วนปนทราย 3,418 2.30 ความลาดชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 51 Te-slB/d3cชุดดินท่าแซะ มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย พบก้อนกรวดมาก 777 0.52 ท่รี ะดับความลกึ 50-100 เซนตเิ มตร ความลาดชนั 2-5 เปอร์เซ็นต์ 52 Te-slC ชุดดินทา่ แซะ มีเนื้อดินบนเป็นดินรว่ นปนทราย 1,203 0.81 ความลาดชัน 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 53 SC พ้ืนทีล่ าดชันเชงิ ซอ้ นมีความลาดชนั มากกวา่ 35 เปอรเ์ ซน็ ต์ 30,407 20.51 54 U เขตชุมชนและส่งิ ปลกู สรา้ ง 4,475 3.02 55 W พ้นื ท่นี ำ้ 760 0.51 เนื้อที่รวม 148,272 100.00 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
40 ภาพท่ี 3-4 ทรัพยากรดิน พื้นท่ีลุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จงั หวัดกระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
41 สภาพปัญหาและข้อจำกดั ของดนิ สภาพปัญหาและข้อจำกดั ของดนิ ในพื้นทีล่ ุ่มน้ำคลองลาว ส่วนใหญ่เป็นดินต้ืนและเนื้อดินปนเศษหนิ ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและการชะล้างพังทลายของดิน เนื่องจากพื้นที่มี ความลาดชนั สูง โดยแยกเปน็ 3 ประเภทหลัก (กรมพฒั นาท่ีดนิ , 2561) ซึง่ พบการกระจายตัวในพื้นท่ีต่าง ๆ (ตารางท่ี 3-4 ภาพที่ 3-5) โดยมีรายละเอียด พอสังเขป ดังนี้ 1) ปัญหาดนิ ตื้น เป็นดินที่เป็นชั้นดนิ หนาประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนใหญ่มเี นื้อดินเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินร่วนปนดินเหนียว ชั้นถัดไปเป็นชั้นดินมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนปนดินเหนียวและดิน เหนียวที่มีปริมาณกรวด หรือเศษหินปะปนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 35 โดยปริมาตร หรือพบหินพื้น ภายในความลึก 50 เซนติเมตรจากผิวดิน จากลักษณะของดินดังกล่าวถอื เปน็ อุปสรรคต่อการเจริญเตบิ โต ของพืชด้านการชอนไชของรากพืช ทำให้การเกาะยึดตัวของดินไม่ดี ยากแก่การไถพรวน เกิดการชะล้าง พังทลายไดง้ า่ ย สภาพปญั หานีพ้ บครอบคลมุ เนอ้ื ที่รวม 2,699 ไร่ หรือรอ้ ยละ 1.82 ของเน้อื ทที่ ้ังหมด แบ่ง ดนิ ตื้นออกได้เป็น 2 ประเภท คือ (1) ปัญหาดินตื้นถึงเศษหิน ก้อนกรวดหรือเศษหิน ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ตำบลนา เหนอื มีเนอ้ื ท่ี 1,241 ไร่ หรือร้อยละ 0.84 ของเนอื้ ทีท่ ้งั หมด (2) ปัญหาดินตื้นถึงช้นั หนิ พ้ืน สว่ นใหญพ่ บกระจายตัวอยู่ในพื้นทีต่ ำบลเขาใหญ่ มีเน้ือที่ 1,458 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.98 2) ปัญหาดนิ มคี วามอุดมสมบูรณ์ตำ่ เม่ือพจิ ารณาหลกั เกณฑ์การประเมินความอดุ มสมบูรณข์ องดินในประเทศไทยนน้ั กรมพฒั นาที่ดิน ใช้เกณฑ์การประเมินจากค่าวิเคราะห์ดิน 5 รายการ คือ ร้อยละปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณฟอสฟอรัสท่ี เปน็ ประโยชน์ ปรมิ าณโพแทสเซียมทเ่ี ป็นประโยชน์ ความจุแลกเปล่ยี นแคตไอออน และอัตราร้อยละความ อม่ิ ตัวเบส ซง่ึ แตล่ ะรายการจะมีเกณฑ์ประเมินเปน็ ค่าสูง ปานกลาง ตำ่ เน่อื งจากสภาพทางธรรมชาติ โดย ดินมวี ัตถตุ น้ กำเนิดดินที่มีแรธ่ าตุอาหารตามธรรมชาตติ ่ำ ประกอบกับมีการใชป้ ระโยชน์ที่ดินอย่างต่อเน่ือง ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้มีการปรับปรุงบำรุงดินเท่าท่ีควร ทำให้ดินเสือ่ มโทรม ความอุดมสมบูรณ์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตช้า ผลผลิตตกต่ำ คุณภาพไม่ดี สภาพปัญหานี้พบกระจาย ครอบคลุมเน้ือท่ีรวม 102,078 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 68.85 ของเนอ้ื ทที่ ั้งหมด และสามารถแบ่งตามสภาพพ้ืนที่ คือ (1) ดนิ มคี วามอุดมสมบูรณต์ ่ำทีเ่ ป็นดนิ ลึกปานกลาง สว่ นใหญ่พบกระจายตวั อยูใ่ นพนื้ ที่ ตำบลเขา ตอ่ ตำบลนาเหนือ และตำบลเขาใหญ่ มเี น้อื ท่ี 100,865 ไร่ หรอื ร้อยละ 68.03 ของเน้อื ที่ทั้งหมด (2) ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำที่เป็นดินลึกมาก ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ ตำบลเขาต่อ และตำบลนาเหนอื มเี น้ือท่ี 1,213 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.82 ของเนอื้ ที่ท้งั หมด 3) ปญั หาพน้ื ที่มีความลาดชันสงู พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ส่วนใหญ่มีสภาพการใช้ที่ดินเป็นป่าไม้ พื้นท่ีนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ ประโยชน์ด้านการเกษตร และมีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทะลายของดินสูง ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
42 ในพื้นที่ตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ มีเนื้อที่ 30,407 ไร่ หรือร้อยละ 20.51 ของเนือ้ ทีท่ ง้ั หมด 4) พน้ื ทล่ี าดชนั เชงิ ซอ้ น มีความลาดชนั มากกว่า 35 เปอรเ์ ซน็ ต์ ดินท่มี คี วามอุดมสมบูรณป์ านกลางถึงสงู ในพ้นื ท่ีดอน สว่ นใหญ่พบกระจายตวั อยู่ในพน้ื ทต่ี ำบลเขา ต่อและตำบลนาเหนอื มเี น้ือท่ี 30,407 ไรห่ รือรอ้ ยละ 20.51 ของเนอื้ ท่ที ้ังหมด 5) พ้ืนที่นำ้ มีเนือ้ ท่ี 4,475 ไร่หรอื ร้อยละ 3.02 ของเนอ้ื ท่ีทง้ั หมด 6) พน้ื ทล่ี าดชันเชิงซอ้ น มเี นอื้ ที่ 760 ไร่หรอื รอ้ ยละ 0.51 ของเนอื้ ท่ที ั้งหมด ตารางท่ี 3-4 สภาพปัญหาของดนิ ในพ้ืนทล่ี ่มุ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลึก จงั หวัดกระบ่ี คำอธบิ าย เนอื้ ท่ี ไร่ รอ้ ยละ 1) ปัญหาดินตน้ื 2,699 1.82 1.1) ดินต้นื ถงึ เศษหนิ 1,241 0.84 1.2) ดินตนื้ ถึงชั้นหินพ้ืน 1,458 0.98 2) ปัญหาดินมคี วามอุดมสมบรู ณ์ต่ำ 102,110 68.87 2.1) ดินที่มีความอุดมสมบูรณต์ ่ำทีเ่ ป็นดินลึกปานกลาง 100,897 68.05 2.2) ดินทม่ี คี วามอุดมสมบูรณ์ตำ่ ท่ีเปน็ ดนิ ลึกมาก 1,213 0.82 3) ดนิ ท่ีมคี วามอดุ มสมบรู ณป์ านกลางถงึ สูง 7,821 5.27 4) พน้ื ที่ลาดชนั เชงิ ซ้อน มีความลาดชันมากกว่า 35 เปอรเ์ ซ็นต์ 30,407 20.51 5) พืน้ ที่ชุมชนและสิ่งปลกู สรา้ ง 4,475 3.02 6) พ้ืนท่นี ำ้ 760 0.51 รวมเน้อื ท่ี 148,272 100.00 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
43 ภาพท่ี 3-5 สภาพปญั หาทรัพยากรดนิ พื้นทล่ี ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จังหวัดกระบี่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
44 พืน้ ทลี่ ุ่มน้ำคลองลาว ลกั ษณะล่มุ นำ้ วางตวั ตามแนวทศิ เหนือ-ทศิ ใต้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของลมุ่ นำ้ สาขาภาคใตฝ้ ัง่ ตะวนั ตกสว่ นท่ี 2 (2505) และลมุ่ นำ้ หลักภาคใต้ฝง่ั ตะวนั ตก (25) (ภาพที่ 3-6) ดงั น้ี ลุ่มน้ำสาขาภาคใต้ฝั่งตะวันตกส่วนที่ 2 (2505) เป็นลุ่มน้ำสาขาที่อยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือของลุ่มน้ำสาขาภาคใต้ฝั่งตะวันตก (25) ครอบคลุมพื้นที่อำเภอปลายพระยา อำเภอ อ่าวลกึ อำเภอเมอื งกระบี่ จังหวดั กระบี่ อำเภอทับปุด อำเภอเมอื งพังงา อำเภอตะกว่ั ทุ่ง อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลาด ชนั เชงิ ซ้อนรองลงมาเปน็ ลกู คลื่นลอนลาดเล็กน้อย พน้ื ที่ราบเรียบหรอื คอ่ นขา้ งราบเรยี บ พ้นื ทล่ี กู คลื่นลอน ชัน พ้นื ทเี่ นินเขา ตามลำดับมีความสงู จากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,097 เมตร โดยมีคลองพังงาไหลผ่าน พนื้ ท่ที างทศิ เหนือลงไปทางทศิ ใต้ของล่มุ น้ำ ไหลลงสู่ทะเลอนั ดามัน บริเวณอำเภอเมอื งพังงา จงั หวัดพงั งา ลกั ษณะทางกายภาพของลุ่มนำ้ คลองลาว มีรปู แบบลำธารแบบรปู แบบของลำธารเป็นแบบ กิ่งไม้ (dendritic drainage pattern) เป็นลักษณะโครงข่าย การระบายน้ำที่ลำน้ำย่อยไหลมารวมกันกับ ลำน้ำหลัก ลักษณะคล้ายกิ่งไม้หรอื เส้นประสาทมีทิศทางการไหลจากทิศตะวันตก ได้แก่ คลองบางเท่าแม่ คลองบางอวด คลองแทงแก คลองบางไก่ตาย คลองมะรุ่ย และทิศตะวันออก ได้แก่ คลองบางปริก คลอง บางไทร คลองทอม ไหลมาบรรจบลงสู่ตอนกลางของพื้นที่ เป็นคลองสายหลักคือ คลองลาว และออกสู่ แม่น้ำมะรุ่ยทางตอนใต้ของพื้นที่เขตพัฒนาท่ีดินลุ่มน้ำคลองลาว สำหรับระบบอุทกวิทยาของลุ่มน้ำคลอง ลาว ประกอบดว้ ย ลำน้ำ ดังน้ี 1) คลองลาว เป็นคลองสายหลักของพืน้ ท่ีเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำคลองลาว มีต้นกำเนิดจาก แนวเขาแก้ว อยู่ทางตอนบนของพื้นที่ลุ่มน้ำ ไหลมารวมกับลำธารเล็ก ๆ หลายสายไหลลงสู่แม่น้ำมะรุ่ย ทางตอนใตข้ องพน้ื ท่ี บรเิ วณบา้ นมะร่ยุ ตำบลมะรุ่ย อำเภอทบั ปุด จังหวัดพังงา 2) คลองบางเทา่ แม่ มตี น้ กำเนิดจากน้ำตกบางเทา่ แม่ บริเวณบ้านบางยิงววั อยู่ทางตอนบน ของพื้นที่ลุ่มน้ำ ไหลมารวมกับลำธารเล็ก ๆ หลายสายไหลลงสู่คลองลาว บริเวณบ้านเขาต่อ ตำบลเขาต่อ อำเภออา่ วลึก 3) คลองบางอวด มตี น้ กำเนิดจากแนวเขาพนม อยู่ทางทศิ ตะวนั ตกของพื้นทล่ี ุ่มน้ำไหลมารวม กบั ลำธารเล็ก ๆ หลายสายไหลลงสคู่ ลองลาว บริเวณบ้านบางไทร ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก 4) คลองแทงแก มีต้นกำเนิดจากแนวเขาพนม บริเวณบ้านเขาใหญ่ เป็นลำคลองที่รับน้ำ จากคลองบางปริก และคลองบางไทร อยู่ทางตอนกลางของพ้ืนทีล่ ุ่มน้ำ ไหลลงสู่คลองลาว บริเวณบ้านนา เหนอื ตำบลนาเหนอื อำเภออา่ วลึก 5) คลองท่อม มีต้นกำเนิดจากแนวเขาใหญ่ ไหลลงสู่คลองลาว บ้านนาเหนือ ตำบลนาเหนือ อำเภออา่ วลกึ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
45 - แหล่งน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีขนาดเล็กและตื้นเขิน ขาด ระบบส่งนำ้ และเครื่องสบู น้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการทีด่ ี - ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ตลอดจนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะในช่วงฤดู แล้งในบริเวณพนื้ ที่ใกลล้ ำน้ำหรือแหล่งนำ้ ขนาดเล็ก - การบุกรุกพื้นที่แหล่งน้ำจากชาวบ้าน บริเวณแหล่งน้ำหลายสายถูกบุกรุกจากชาวบ้านเพื่อ นำไปใชเ้ ปน็ พ้ืนทเ่ี พาะปลูก โดยเฉพาะการปลูกพืชสวนและไรน่ า เปน็ ตน้ - คุณภาพน้ำในลำน้ำสายสำคัญบางสายเสื่อมโทรม เนื่องจากการปนเปื้อนของสารเคมีทาง การเกษตรส่ลู ำนำ้ โดยตรง - การพฒั นาพน้ื ทแี่ หล่งน้ำที่มีอยู่ไมไ่ ดร้ บั การพฒั นาและปรับปรงุ ใหม้ ีประสิทธิภาพ มีศักยภาพ ในการเก็บและการระบายน้ำ - ปัญหาน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นในบางชุมชน เนื่องจากลำน้ำมีความลาดชันสูงไม่มีแหล่งเก็บ กกั นำ้ และชะลอการไหลของน้ำ อีกทงั้ ยังเปน็ พื้นทท่ี ่ีเปน็ ทางผ่านของน้ำอีกด้วย แนวโน้มในอนาคตสถานการณ์ปัญหาของแหล่งน้ำ เช่น ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ในช่วงฤดู แล้ง ปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่เกิดขึ้นในบางพื้นท่ี ปัญหาการบุกรุกพื้นที่แหล่งน้ำ ปัญหาการพัฒนา พื้นที่แหล่งน้ำ และปัญหาคุณภาพแหล่งน้ำ ในอนาคตเมื่อคำนึงถึงความต้องการทีเ่ พิ่มขึ้นของการใชน้ ้ำใน ดา้ นต่าง ๆ อนั เนือ่ งมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การเจริญเติบโตดา้ นเศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงจะทำให้ เกิดความไม่สมดุลในด้านการใช้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ปญั หาเหล่านยี้ ังคงเป็นปญั หาสำคัญที่ควรไดร้ ับการแกไ้ ขอย่างต่อเน่อื ง แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
46 ภาพที่ 3-6 เส้นทางน้ำและเสน้ ทางคมนาคม พ้ืนท่ีลมุ่ น้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอา่ วลกึ จงั หวัดกระบี่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
47 ภาพที่ 3-7 ขอบเขตพนื้ ท่ลี ุม่ น้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอ่าวลึก จงั หวดั กระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
48 ข้อมูลขอบเขตที่ดินของรฐั ดา้ นทรพั ยากรป่าไม้ (ตารางที่ 3-5) ตารางที่ 3-5 ข้อมูลท่ีดนิ ของรัฐทีใ่ ชร้ ่วมในการวิเคราะห์ดา้ นทรัพยากรป่าไม้ อำเภอปลายพระยา และ อำเภออ่าวลกึ จงั หวัดกระบ่ี หน่วยงานและข้อมูลประเภททดี่ ิน สถานะทางกฎหมาย 1. กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ป่า และพนั ธ์ุพชื 1.1 อุทยานแห่งชาติ แผนท่แี นบท้าย พระราชกฤษฎกี า(พระราชบัญญัติ อทุ ยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เตมิ ) 1.2 เขตรักษาพันธส์ุ ัตว์ปา่ แผนทแี่ นบท้าย พระราชกฤษฎีกา(พระราชบัญญตั ิ สงวนและคุ้มครองสัตวป์ ่า พ.ศ.2535 พระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองสัตว์ปา่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2546 และพระราชบัญญตั ิสงวนและ คมุ้ ครองสตั วป์ ่า (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2557) 1.3 เขตห้ามลา่ แผนที่แนบท้ายประกาศกฎกระทรวง 1.4 วนอทุ ยาน ไม่ระบุ 2. กรมปา่ ไม้ 2.1 ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสงวนแหง่ ชาติ โดยกฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ.ปา่ สงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม 2.2 เขตการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ มตคิ ณะรฐั มนตรี วันท่ี 10 และ 17 มนี าคม 2535 ทรัพยากรและดนิ ปา่ ไม้ในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ 3. สำนกั งานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ชั้นคุณภาพลุ่มนำ้ มติคณะรัฐมนตรี 4.กรมพฒั นาท่ดี ิน ปา่ ไม้ถาวร มติคณะรัฐมนตรี 5. สำนกั งานปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม เขตปฏิรปู ทดี่ ิน (ส.ป.ก.) แผนทแ่ี นบท้าย พระราชกฤษฎีกา (พระราชบัญญตั ิ การปฏริ ปู ท่ดี นิ เพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2518) 6.คณะกรรมการนโยบายทีด่ นิ แหง่ ชาติ (คทช.) แปลงทีด่ นิ ทำกนิ ตามนโยบายทีด่ ินแหง่ ชาติ (คทช.) มติคณะรัฐมนตรี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
49 เมื่อจำแนกพนื้ ทปี่ ่าไม้ตามข้อกำหนดการใชท้ ่ีดินประเภทและวัตถุประสงค์ของการประกาศเขตป่าไม้ ตามกฎหมาย (แนวเขตป่าไม้และที่ดินของรัฐประเภทอื่นไม่ชัดเจนและมีการทับซ้อนกัน) สามารถจำแนก พน้ื ทใ่ี นพืน้ ทลี่ มุ่ น้ำ ไดด้ งั นี้ การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามมติ คณะรัฐมนตรี วันท่ี 10 และ 17 มีนาคม 2535 ไดใ้ หค้ วามเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการ นโยบายป่า ไม้แห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการจำแนกเขตการใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่า ไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งได้จำแนกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ออกเป็น 3 เขต ดังนี้ เขตพื้นที่ป่าเพื่อการ อนุรักษ์ (โซน C) เขตพื้นที่ป่าเพื่อเศรษฐกิจ (โซน E) และเขตพื้นที่ป่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร (โซน A) เมื่อจำแนกป่าตามเขตป่าสงวนแห่งชาติ พบว่า พื้นท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหลายป่า (ตารางที่ 3-6) และสามารถจำแนกเขตการใช้ประโยชนท์ รัพยากรและท่ีดินป่าไม้ในพืน้ ที่ป่าสงวนแห่งชาติ (ตารางท่ี 3-7) ตารางท่ี 3-6 พ้นื ทเี่ ขตป่าสงวนแห่งชาติในพน้ื ที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จงั หวดั กระบี่ ป่าสงวนแห่งชาติ เนือ้ ท่ี ไร่ รอ้ ยละของลุม่ นำ้ พ้นื ท่ปี ่าสงวนแหง่ ชาติ 69,490 46.87 - ปา่ ควนมะรุย่ 1,393 0.94 - ป่าเขาตอ่ 35,830 24.17 - ปา่ เขาพนมและปา่ พลูเถ่ือน 770 0.52 - ปา่ เขาแก้วและป่าควนยงิ วัว 29,913 20.17 - ป่าเขาใหญ่ 1,584 1.07 ทีม่ า : กรมปา่ ไม้ (2560) ตารางที่ 3-7 พื้นที่เขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและทีด่ ินปา่ ไม้ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระ ยาและอำเภออา่ วลึก จังหวัดกระบี่ เขตป่าจำแนกในเขตปา่ สงวนแห่งชาติ เน้ือที่ ไร่ ร้อยละของลุ่มนำ้ พนื้ ท่ีเหมาะสมต่อการเกษตร (โซน A) 8,814 5.94 พืน้ ที่ปา่ อนุรกั ษ์ (โซน C) 22,342 15.07 พนื้ ท่ปี ่าเศรษฐกิจ (โซน E) 31,802 21.45 ที่มา : กรมป่าไม้ (2560) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
50 ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดชั้นคณุ ภาพลุ่มน้ำ เพื่อให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรท่ี เหมาะสมจึงได้แบ่งพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำออกเป็น 6 ชั้น คือ พื้นที่ลุ่มน้ำชัน้ 1A พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1B พื้นท่ี ลุ่มน้ำชั้น 2 พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 4 และพ้ืนที่ลุ่มน้ำชั้น 5 จากข้อกำหนดการใช้ประโยชน์และ การจัดการพื้นที่ชั้นลุ่มน้ำคุณภาพต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญได้ คือ การใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่ต้องสงวนรักษาไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและ เป็นพื้นท่ีป่าไม้ของประเทศ เนื่องจากมีลักษณะและสมบัติที่อาจมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการ เปลย่ี นแปลงการใช้ทีด่ ินได้ง่ายและรุนแรง ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงพ้ืนที่เพ่ือใชท้ ำการเกษตร สำหรับการใช้ ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3 4 และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 5 นั้น ให้ใช้ทำการเกษตรได้แต่ต้องมีมาตรการตามข้อ กำหนดการใชป้ ระโยชน์พน้ื ทีล่ ุ่มน้ำ ได้แก่ มาตรการดา้ นการอนรุ กั ษ์ดินและน้ำ และการป้องกันการชะล้าง พงั ทลายของดิน เป็นตน้ ดงั น้นั ขอ้ กำหนดตา่ ง ๆ จงึ มมี าตรการท่เี ขม้ งวดแตกตา่ งกัน เพ่อื ปอ้ งกันการเส่ือม โทรมของดิน และให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืนต่อไปพื้นที่โครงการฯ (ตารางที่ 3-8) ประกอบด้วย ชั้นคณุ ภาพลุม่ น้ำ ดังน้ี 1) พื้นท่ีลุ่มน้ำชั้น 1A เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 ซึ่งมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ก่อนปี 2525 โดย พ้ืนท่ีนีค้ วรสงวนรักษาไว้เป็นป่าต้นน้ำลำธาร (ห้ามมีการใช้ประโยชน์อยา่ งอื่น) มเี นือ้ ทป่ี ระมาณ 3,774 ไร่ หรอื ร้อยละ 2.55 ของเนือ้ ทที่ ั้งหมด 2) พ้นื ทีล่ ุม่ นำ้ ชัน้ 1B เป็นพนื้ ท่ีลุ่มนำ้ ช้ันที่ 1 ซึ่งสภาพปา่ ถูกบุกรุก หรือมีการเปล่ียนแปลง ไปเพื่อพัฒนาการใช้ท่ีดินรูปแบบอื่นก่อน ปี 2525 โดยพื้นที่นี้ควรสงวนรักษาไว้เป็นป่าต้นน้ำลำธาร และ ควบคมุ การใช้ประโยชนเ์ ปน็ พิเศษ มเี นอ้ื ที่ประมาณ 1,800 ไร่ หรือรอ้ ยละ 1.21 ของเนื้อทท่ี ัง้ หมด 3) พนื้ ที่ลุม่ นำ้ ช้นั 2 เปน็ พน้ื ที่มีความลาดชันค่อนข้างสูง ซึง่ มคี ณุ ภาพเหมาะสมต่อการเป็น ป่าต้นน้ำลำธาร และสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อกิจการที่สำคัญ เช่น การทำเหมืองแร่ สวนยางพารา หรอื พืชท่ีมคี วามมน่ั คงต่อเศรษฐกจิ มีเนือ้ ทีป่ ระมาณ 17,311 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 11.68 ของเน้อื ทท่ี งั้ หมด 4) พ้ืนทล่ี ุม่ นำ้ ชน้ั 3 เปน็ พืน้ ทม่ี คี วามลาดเทสูง สามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ได้ท้ังกิจกรรมทำ ไม้ เหมืองแร่ และสามารถใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรได้โดยถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินลึกควรปลูกไม้ผล หรือไม้ ยืนต้น แต่ถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินตื้นควรปลูกป่าและทุ่งหญ้า มีเนื้อที่ประมาณ 15,308 ไร่ หรือร้อยละ 10.32 ของเน้ือทท่ี ้ังหมด 5) พน้ื ท่ีลมุ่ น้ำชน้ั 4 เปน็ พืน้ ทมี่ คี วามลาดชันต่ำ และป่าถกู บกุ รุกเป็นพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์เพื่อ กิจการทำไม้ เหมืองแร่ และสามารถใช้พื้นทีเ่ พื่อการเกษตรได้ โดยถ้าเป็นบรเิ วณที่เป็นดินลึก และมีความ ลาดชันมากควรปลูกไม้ผล แต่ถ้าเป็นบริเวณที่มีความลาดชันน้อยจะใช้ประโยชน์เพื่อการปลูกพืชไร่ได้ มี เน้อื ท่ปี ระมาณ 40,446 ไร่ หรอื ร้อยละ 27.28 ของเน้ือท่ีท้งั หมด 6) พ้นื ท่ลี ุม่ น้ำชน้ั 5 เปน็ พื้นทรี่ าบลุม่ มีเน้อื ท่ปี ระมาณ 69,633 ไร่ หรือรอ้ ยละ 46.96 ของ เนอ้ื ที่ทง้ั หมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
51 ตารางที่ 3-8 พน้ื ท่ีชนั้ คุณภาพลมุ่ น้ำในพื้นทล่ี ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลึก จังหวดั กระบ่ี ชน้ั คณุ ภาพล่มุ นำ้ เนอื้ ที่ รอ้ ยละ ไร่ 2.55 พื้นทลี่ ุ่มน้ำชั้น 1A 3,774 1.21 พน้ื ท่ลี ุ่มน้ำชน้ั 1B 1,800 11.68 พื้นที่ลมุ่ น้ำชน้ั 2 17,311 10.32 พื้นทล่ี ุ่มน้ำชั้น 3 15,308 27.28 พนื้ ทีล่ มุ่ นำ้ ช้นั 4 40,446 46.96 พื้นที่ลมุ่ นำ้ ชัน้ 5 69,633 148,272 100.00 รวมเน้อื ที่ ทีม่ า: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม (2555) ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นแนวเขตที่ดินที่เห็นสมควรรักษาไว้เป็นเขตป่าไม้ โดยมีกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการนำพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวรใน พื้นทโ่ี ครงการฯ ประกอบด้วย พ้ืนท่ีเขตปา่ ไม้ถาวรนอกเขตป่า ดังนี้ (ตารางที่ 3-9) ตารางที่ 3-9 พื้นทเี่ ขตป่าไม้ถาวรนอกเขตป่าในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ป่าไมถ้ าวรนอกเขตปา่ เน้ือท่ี ไร่ รอ้ ยละ พื้นท่ีป่าไมถ้ าวร 8,266 5.58 - ป่าหนิ ดานควนลังตงั หรอื ป่าเขาแก้วและปา่ ควนยิงววั 7,500 5.06 - ปา่ เขาตอ่ 766 0.52 เขตพื้นที่ปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามแผนที่แนบท้าย พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 พบว่า มีเนื้อที่ 5,448 ไร่ หรือร้อยละ 3.62 ของเนอื้ ท่ที ั้งหมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
52 เขตนิคมสหกรณ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว เป็นนิคมสหกรณ์จัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกา ประกอบด้วย เขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึก มีเนื้อที่ 6,497 ไร่ หรือร้อยละ 4.38 ของเนื้อที่ทั้งหมด และเขต นคิ มสหกรณ์พนม มเี นื้อที่ 2,970 ไร่ หรอื ร้อยละ 2.00 ของเนอื้ ที่ทั้งหมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
53 ภาพที่ 3-8 สถานภาพป่าไม้ พน้ื ท่ีลุม่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอ่าวลกึ จงั หวดั กระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
54 พื้นที่ป่าไม้ในเขตป่าตามกฎหมายวิเคราะห์ จากการซ้อนทับข้อมูลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (เขตรักษาพันธุ์ สัตวป์ า่ อทุ ยานแห่งชาติ วนอุทยาน) พน้ื ทีป่ า่ สงวนแห่งชาติ (เขตการใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรและที่ดิน ป่าไม้ ในพืน้ ทีป่ า่ สงวนแห่งชาติ) พน้ื ท่ปี า่ อนรุ ักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เรอื่ ง การกำหนดช้นั คุณภาพลุ่มน้ำ ป่าไม้ ถาวรนอกเขตป่า เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แปลงท่ีดินทำกินตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และสภาพการใชท้ ีด่ ินในพ้นื ท่โี ครงการ พบว่า มสี ถานภาพของทรัพยากรป่าไม้ (ตารางที่ 3-10) ตารางที่ 3-10 สถานภาพทรัพยากรป่าไม้ในพื้นทีล่ ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบี่ สถานภาพทรัพยากรปา่ ไม้ เน้ือที่ ไร่ ร้อยละ 1) พื้นทใ่ี นเขตปา่ ตามกฎหมาย 18,809 12.68 1.1) พ้นื ทีป่ ่าสมบูรณ์ 17,248 11.63 1.2) พน้ื ทปี่ ่ารอสภาพฟืน้ ฟู 1,561 1.05 2) พ้นื ท่ีมกี ารใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรม 122,500 82.62 - พนื้ ท่ีนา 59 0.04 - ไมย้ ืนตน้ 122,172 82.4 - ไมผ้ ล 179 0.12 3) ทุ่งหญา้ เล้ยี งสตั ว์และโรงเรือนเลย้ี งสตั ว์ 90 0.06 4) พน้ื ที่เบ็ดเตล็ด 1,728 1.17 5) พน้ื ที่ชมุ ชนและส่ิงปลกู สรา้ ง 4,475 3.02 6) พืน้ ท่นี ้ำที่สร้างขนึ้ 760 0.51 รวมเน้ือท่ี 148,272 100.00 หมายเหตุ : เนอื้ ที่ป่าไมต้ ามกฎหมายและป่าตามมติคณะรัฐมนตรี คำนวณดว้ ยระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ สภาพการใช้ที่ดินในโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูที่เกษตรกรรมด้วยระบบ อนุรักษ์ดินน้ำ พื้นท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี ซึ่งเนื้อที่รวมทั้งสิน้ 148,272 ไร่ พบว่า มีการใช้ทด่ี ินแบง่ ออกเป็น 5 ประเภทหลกั (ตารางที่ 3-11 และภาพท่ี 3-8) ได้แก่ 1) พ้ืนทชี่ มุ ชนและสงิ่ ปลูกสร้าง (U) มีเนือ้ ที่ 4,475 ไร่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 3.01 ของเน้ือที่ท้ังหมดได้แก่ หมู่บ้าน 26 หมู่บ้าน สถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ โรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งรับซื้อทาง การเกษตร ไดแ้ ก่ ยางพารา ปาลม์ นำ้ มนั กาแฟและทเุ รียน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
55 2) พืน้ ทเี่ กษตรกรรม (A) มีเนื้อท่ี 122,500 ไร่ หรือรอ้ ยละ 82.62 ของเน้ือทีท่ ง้ั หมด 3) พน้ื ท่ปี ่าไม้ (F) มีเนอ้ื ท่ี 18,809 ไร่ หรือรอ้ ยละ 12.69 ของเนือ้ ท่ที ัง้ หมด 4) พื้นที่เบ็ดเตล็ด มีเนื้อที่ 1,728 ไร่ หรือร้อยละ 1.17 ของเนื้อที่ทั้งหมด ได้แก่ ทุ่งหญ้าธรรมชาติ และทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ 5) พื้นท่ีนำ้ มเี น้อื ที่ 760 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.51 ของเนือ้ ทท่ี ง้ั หมด ตารางท่ี 3-11 ประเภทการใชท้ ่ีดินในพนื้ ท่ีลมุ่ น้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวดั กระบ่ี สญั ลักษณ์ ประเภทการใชท้ ี่ดิน เน้อื ที่ ไร่ ร้อยละ U พื้นทีช่ มุ ชนและส่งิ ปลูกสร้าง 4,475 3.02 U2 หมู่บา้ นบนพนื้ ราบ 2,938 1.98 U201 หมู่บา้ นบนพืน้ ราบ 2,836 1.91 U201/A301 หมู่บ้านบนพ้นื ราบ/ไมย้ ืนต้นผสม 77 0.05 U201/A401 หมบู่ า้ นบนพน้ื ราบ/ไม้ผลผสม 25 0.02 U3 สถานท่รี าชการและสถาบันตา่ ง ๆ 489 0.33 U301 สถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ 489 0.33 U4 สถานคี มนาคม 422 0.29 U405 ถนน 422 0.29 U5 ย่านอตุ สาหกรรม 593 0.40 U500 พนื้ ทีอ่ ุตสาหกรรมร้าง 71 0.05 U502 โรงงานอตุ สาหกรรม 522 0.35 U6 อื่นๆ 33 0.02 U605 สถานีบรกิ ารน้ำมัน 33 0.02 A พ้ืนทีเ่ กษตรกรรม 122,500 82.62 A1 พ้นื ที่นา 59 0.04 A100 นารา้ ง 59 0.04 A3 ไม้ยนื ต้น 122,172 82.41 A300 ไม้ยนื ตน้ ร้าง/เสอ่ื มโทรม 157 0.11 A301 ไม้ยืนต้นผสม 1 0.00 A302 ยางพารา 25,146 16.96 A302/A312 ยางพารา/กาแฟ 5 0.00 A302/A403 ยางพารา/ทุเรยี น 9 0.01 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
56 ตารางที่ 3-11 ประเภทการใช้ทดี่ ินในพ้นื ท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออา่ วลกึ จังหวัดกระบี่ (ตอ่ ) สัญลักษณ์ ประเภทการใชท้ ี่ดิน เนอ้ื ที่ ไร่ รอ้ ยละ A303 ปาลม์ นำ้ มัน 96,788 65.28 A303/A411 ปาลม์ นำ้ มัน/กล้วย 46 0.03 A303/A419 ปาล์มน้ำมนั /มังคดุ 7 0.01 A312 กาแฟ 13 0.01 A4 ไม้ผล 179 0.11 A401 ไม้ผลผสม 93 0.06 A403 ทุเรียน 5 0.00 A403/A411 ทเุ รยี น/กลว้ ย 9 0.01 A403/A420 ทุเรียน/ลางสาด ลองกอง 16 0.01 A403/A422 ทเุ รียน/มะนาว 4 0.00 A404 เงาะ 10 0.01 A411 กลว้ ย 7 0.00 A414 ฝรง่ั 24 0.02 A419 มังคดุ 5 0.00 A420 ลางสาด ลองกอง 6 0.00 A7 ทุง่ หญ้าเลย้ี งสตั ว์และโรงเรือนเลี้ยงสตั ว์ 90 0.06 A703 โรงเรือนเลี้ยงสัตวป์ กี 47 0.03 A704 โรงเรือนเลยี้ งสุกร 43 0.03 F พน้ื ท่ปี า่ ไม้ 18,809 12.68 F1 ป่าไมผ่ ลัดใบ 18,809 12.68 F100 ปา่ ไมผ่ ลดั ใบรอสภาพฟ้นื ฟู 1,561 1.05 F101 ป่าไมผ่ ลัดใบสมบรู ณ์ 17,248 11.63 W พน้ื ทน่ี ำ้ 760 0.51 W1 แหลง่ นำ้ ธรรมชาติ 230 0.16 W101 แม่น้ำ ลำหว้ ย ลำคลอง 203 0.14 W102 หนอง บึง ทะเลสาบ 27 0.02 W2 แหล่งนำ้ ทส่ี ร้างขน้ึ 530 0.35 W201 อ่างเก็บน้ำ 155 0.10 W202 บ่อนำ้ ในไรน่ า 375 0.25 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
57 ตารางท่ี 3-11 ประเภทการใชท้ ี่ดนิ ในพ้ืนทล่ี ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออา่ วลกึ จังหวดั กระบ่ี (ตอ่ ) สัญลกั ษณ์ ประเภทการใช้ท่ีดิน เนอื้ ท่ี ไร่ ร้อยละ M พื้นทเ่ี บ็ดเตล็ด 1,728 1.17 M1 ท่งุ หญ้าธรรมชาติ 1,671 1.13 M101 ทุ่งหญ้าธรรมชาติ 1,327 0.90 M102 ทุง่ หญ้าสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมาะ 344 0.23 M4 พ้ืนที่ถม 57 0.04 M405 พ้ืนท่ีถม 57 0.04 รวมเนอ้ื ท่ี 148,272 100.00 1) พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง (U) มีเนื้อที่ 4,475 ไร่ หรือร้อยละ 3.02 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบดว้ ย หมูบ่ ้านบนพืน้ ราบ สถานท่ีราชการและสถาบันตา่ ง ๆ สถานคี มนาคม ย่านอุตสาหกรรมและ พื้นทอี่ ื่น ๆ (1) หมู่บ้านบนพื้นราบ (U2) มีเนื้อที่ 2,938 ไร่ หรือร้อยละ 1.98 ของเนื้อที่ทั้งหมดประกอบด้วย หมบู่ า้ นบนพื้นราบ 2,836 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 1.91 ของเน้ือทที่ ้ังหมด หม่บู ้านบนพ้นื ราบ/ไม้ยืนตน้ ผสม 77 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.05 และหมู่บ้านบนพื้นราบ/ไม้ผลผสม 25 ไร่ หรือร้อยละ 0.02 ซง่ึ เป็นที่อยู่อาศัยโดยท่ัวไป นอกจากตวั เมอื ง มกั กระจายอยู่ทวั่ ไปตามพื้นท่ี (2) สถานที่ราชการและสถาบนั ตา่ งๆ (U3) มเี นื้อท่ี 489 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.33 ของเนอ้ื ทท่ี ้ังหมด (3) สถานคี มนาคม (U4) ประกอบด้วย ถนน มเี นื้อที่ 422 ไร่ หรือร้อยละ 0.29 ของเนอ้ื ทีท่ ้ังหมด (4) ย่านอุตสาหกรรม (U5) มีเนื้อที่ 593 ไร่ หรือร้อยละ 0.40 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบด้วย พน้ื ทอี่ ุตสาหกรรมร้าง 71 ไร่ หรือร้อยละ 0.05 และโรงงานอุตสากรรม 522 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.35 (5) พ้ืนที่อนื่ ๆ (U6) มเี นื้อที่ 33 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.02 ของเน้อื ทีท่ ัง้ หมด ประกอบด้วย สถานีบริการ นำ้ มัน 33 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.02 2) พ้นื ท่เี กษตรกรรม (A) มเี นอื้ ท่ี 122,500 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 82.62 ของเนือ้ ทท่ี ง้ั หมด (1) พนื้ ท่นี า (A1) มีเน้ือท่ี 59 ไร่ หรือร้อยละ 0.04 ของเนอื้ ท่ที ้ังหมด ประกอบดว้ ย นารา้ ง มเี น้ือ ท่ี 59 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.04 ของเน้อื ทีท่ ั้งหมด (2) ไม้ยนื ตน้ (A3) มเี นอ้ื ที่ 122,172 ไร่ หรือรอ้ ยละ 82.41 ของเน้อื ท่ีทั้งหมด พืชเศรษฐกิจท่ีสำคัญ ของจงั หวัด คอื ปาลม์ นำ้ มัน มีเน้อื ท่ี 96,788 ไร่ หรือร้อยละ 65.28 ของเนือ้ ที่ทัง้ หมด และยางพารา (A302) มีเน้ือท่ี 25,146 ไร่ หรือร้อยละ 16.96 ของเนอื้ ท่ีทง้ั หมด นอกจากนี้ ยังมีไมย้ นื ตน้ อนื่ ๆ ประกอบดว้ ย ไม้ยืน ต้นร้าง/เสื่อมโทรม 157 ไร่ ไม้ยืนต้นผสม 1 ไร่ ยางพารา/กาแฟ 5 ไร่ ยางพารา/ทุเรียน 9 ไร่ ปาล์มน้ำมัน/ กล้วย 46 ไร่ ปาลม์ นำ้ มัน/มงั คุด 7 ไร่ และกาแฟ 13 ไร่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
58 (3) ไม้ผล (A4) มเี น้ือท่ี 179 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.11 ของเนอ้ื ทท่ี ้ังหมด ประกอบด้วย - ไม้ผลผสม (A401) มีเนือ้ ท่ี 93 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.06 ของเนอ้ื ที่ทงั้ หมด - ทเุ รียน (A403) มีเนอ้ื ท่ี 5 ไร่ - ทุเรียน/กล้วย (A403/A411) มีเนื้อที่ 9 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเนอื้ ท่ีทงั้ หมด - ทุเรียน/ลางสาด ลองกอง (A403/A420) มีเนอ้ื ท่ี 16 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.01 ของเนอ้ื ทีท่ ั้งหมด - ทุเรียน/มะนาว (A403/A422) มีเน้ือที่ 4 ไร่ - เงาะ (A404) มีเน้ือที่ 10 ไร่ หรือร้อยละ 0.01 ของเนือ้ ทที่ ้ังหมด - กล้วย (A411) มีเนื้อที่ 7 ไร่ - ฝรั่ง (A414) มีเน้ือที่ 24 ไร่ หรือร้อยละ 0.02 ของเนื้อที่ทง้ั หมด - มังคุด (A419) มีเนื้อท่ี 5 ไร่ - ลางสาด ลองกอง (A420) มีเน้ือท่ี 6 ไร่ (4) ทุ่งหญ้าและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ (A7) มีเนื้อที่ 90 ไร่ ประกอบด้วย โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปีก 47 ไร่ และโรงเรือนเลีย้ งสุกร 43 ไร่ 3) พ้ืนที่ป่าไม้ (F) มีเน้ือท่ี 18,809 ไร่ หรือร้อยละ 12.68 ของเน้ือท่ีจังหวัด ประกอบด้วย (1) ป่าไม่ผลัดใบ (F1) มีเนื้อที่ 18,809 ไร่ หรือร้อยละ 12.68 ของเนื้อที่ทั้งหมด แบ่งเป็น ป่าไม้ ผลัดใบรอสภาพฟน้ื ฟู 1,561 ไร่ หรอื ร้อยละ 1.05 ของเนือ้ ที่ทั้งหมด ป่าไมผ่ ลดั ใบสมบรู ณ์ 17,248 ไร่ หรือ ร้อยละ 11.63 ของเน้ือท่ีท้ังหมด 4) พืน้ ท่ีนำ้ (W) มีเนอื้ ท่ี 760 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.51 ของเนอื้ ทีท่ ้ังหมด ประกอบดว้ ย (1) แหล่งนำ้ ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ แมน่ ้ำ ลำหว้ ย ลำคลอง (W101) มีเนื้อท่ี 203 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.14 ของเนื้อที่ทั้งหมด และหนอง บึง ทะเลสาบ (W102) มีเนื้อที่ 27 ไร่ หรือร้อยละ 0.02 ของเนื้อที่ทั้งหมด ทำให้เกิดแหล่งน้ำผิวดินที่เกิดจากการถูกกระทำของลำน้ำกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งลักษณะหนอง บึง และ บางแหง่ พบมากเปน็ แหล่งนำ้ ชมุ ชนในรปู ฝาย (2) แหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ (W201) มีเนื้อท่ี 155 ไร่ หรือร้อยละ 0.10 ของเนื้อที่ ทั้งหมด และบอ่ นำ้ ในไรน่ า มเี นื้อที่ 375 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.25 ของเนื้อทท่ี งั้ หมด 5) พื้นที่เบ็ดเตล็ด (M) มีเนื้อที่ 1,728 ไร่ หรือร้อยละ 1.17 ของเนื้อที่ทั้งหมด ประกอบด้วย ทุ่ง หญ้าธรรมชาติ 1,327 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.90 ของเน้อื ทที่ ั้งหมด ทงุ่ หญา้ สลับไม้พุ่ม/ไมล้ ะเมาะ 344 ไร่ หรือร้อย ละ 0.23 ของเนอื้ ที่ท้ังหมด และพ้นื ท่ถี ม 57 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.04 ของเนื้อทที่ ัง้ หมด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
59 ภาพที่ 3-9 สภาพการใช้ท่ดี นิ พ้ืนทีล่ ุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออา่ วลกึ จงั หวัดกระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
60 การชะล้างพังทลายของดินเป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลให้ทรัพยากรที่ดินเสื่อมโทรม เนื่องจากทำให้ เกิดการสูญเสียหน้าดิน การสูญเสียธาตุอาหารและอินทรียวัตถุในดิน ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดลง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในพ้ืนทีท่ ่ีมีการใช้ทดี่ ินในการปลกู พชื อยา่ งเข้มขน้ ในรอบปี รวมทั้งในพ้ืนท่ีที่มีการ ใช้เครื่องจักรกลในการไถพรวนดนิ เป็นสาเหตุสำคญั ที่ทำใหส้ มบัติทางกายภาพของดนิ โดยเฉพาะโครงสร้าง ดินถูกทำลาย ยิ่งส่งเสริมให้เกิดการพังทลายของดินในพื้นที่ผลจากการชะล้างพังทลายของดินจะส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในพืน้ ที่ที่เกิดการชะล้างพังทลายของดินและพื้นที่โดยรอบ และทำให้ผลผลิตต่อ หน่วยพื้นที่ลดลง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ลดลง และเกิดการตื้นเขินของแม่น้ำ ลำคลองจากมีการ สะสมของตะกอนดิน ทำให้ศักยภาพในการเก็บกักน้ำของแหลง่ นำ้ ต่ำลง ปัญหาเหล่านี้จะสง่ ผลกระทบตอ่ การเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดนิ เพื่อรักษาทรัพยากรทีด่ นิ ใหส้ ามารถใช้ทดี่ นิ ได้อยา่ งย่ังยืน การชะล้างพังทลายของดินในแต่ละพื้นที่จะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะ ของดินเอง และปัจจัยจากภายนอก โดยปกติแล้วการชะล้างพงั ทลายของดินในประเทศไทยจะเกิดข้นึ โดย มีฝนเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ แต่โดยธรรมชาติแล้วจะเกิดไม่รุนแรงบนพื้นที่ที่มีความลาดชันน้อยและมีสิ่ง ปกคลุมผิวดินหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงแต่มีสิ่งปกคลุมผิวดินหนาแน่นจนเม็ดฝนไม่สามารถกระทบสู่ พื้นดินได้ แต่จะเกิดรุนแรงมากขึ้นถ้าพื้นที่มีความลาดชันมากขึ้นและไม่มีสิ่งปกคลุมผิวดิน โดยมีกิจกรรม การใช้ที่ดินของมนุษย์เป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น การชะล้างพังทลายของดินนอกจากมี ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมแลว้ ยังสง่ ผลเสยี ทางด้านเศรษฐกิจ และจากการประเมินการสูญเสยี ดนิ (ตนั ต่อไร่ ต่อปี) ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินออกเป็น 5 ระดับ (ตารางท่ี 3-12 และภาพที่ 3-9) ดังน้ี 1) ความรนุ แรงของการชะลา้ งพงั ทลายของดินระดับน้อย พนื้ ที่มคี วามรนุ แรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับน้อย ซึ่งมีปรมิ าณการสูญเสยี ดนิ 0-2 ตนั ต่อ ไร่ตอ่ ปี โดยมีครอบคลุมเนอ้ื ท่ปี ระมาณ 28,622 ไร่ หรอื ร้อยละ 19.30 ของเน้อื ทท่ี งั้ หมดพบกระจายตัวอยู่ ในตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา ตำบลนาเหนอื ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก ซึ่งบริเวณ ที่มีสูญเสียดินเล็กน้อยส่วนใหญ่มีสภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อยถึงพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้าง ราบเรยี บ การใชท้ ด่ี นิ ส่วนใหญ่เป็นป่าไมผ่ ลัดใบสมบรู ณ์ และใช้ประโยชนใ์ นการปลูกยางพารา พ้ืนท่ีนี้ซึ่งมี สถานภาพความรุนแรงในระดับน้อย แต่ควรได้รับการจัดการด้วยมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม เพ่อื ปอ้ งกันการสญู เสียดนิ เพอื่ ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเหมาะสม 2) ความรุนแรงของการชะลา้ งพังทลายของดินระดบั ปานกลาง พื้นที่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับปานกลาง ซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน 2-5 ตันต่อไร่ต่อปี โดยมเี นือ้ ที่ครอบคลมุ ประมาณ 43,937 ไร่ หรือร้อยละ 29.63 ของเน้ือทท่ี ั้งหมดพบกระจายตัว อยู่ในตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก สภาพ พื้นท่ีส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน ส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ในการปลูกปาล์มน้ำมัน และ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
61 ยางพารา พื้นที่นี้ควรมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างระมัดระวัง โดยการปลูกพืชตามแนวระดับหรือขวาง ความลาดเท และควรมกี ารปรับปรงุ บำรุงดนิ อย่างต่อเน่ือง 3) ความรนุ แรงของการชะล้างพังทลายของดินระดบั รุนแรง พนื้ ทม่ี คี วามรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับรุนแรง ซ่งึ มีปริมาณการสญู เสียดนิ 5-15 ตัน ต่อไร่ต่อปี โดยมีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณ 52,537 ไร่ หรือร้อยละ 35.43 ของเนื้อที่ทั้งหมด โดยพบกระจาย ตัวอยู่พื้นที่ตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก ส่วนใหญ่เป็นป่าไม่ผลัดใบสมบูรณ์ และใช้ประโยชน์ในการปลูกยางพารา พื้นที่นี้ควรนำมาตรการป้องกัน การสูญเสียดินทั้งวิธีพืชและวิธีกลสำหรับป้องกันการสูญเสียดินมีการปรับปรุงบำรงุ ดินอย่างต่อเนื่อง เพ่ือ การใช้ประโยชน์ท่ดี ินทางการเกษตรได้อย่างยงั่ ยนื ตลอดไป 4) ความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดนิ ระดบั รุนแรงมาก พืน้ ทีม่ คี วามรุนแรงของการชะลา้ งพงั ทลายของดินในระดบั รุนแรงมาก ซงึ่ มีปรมิ าณการสูญเสยี ดนิ 15- 20 ตันต่อไร่ต่อปี โดยมีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณ 3,538 ไร่ หรือร้อยละ 2.39 ของเนื้อที่ทั้งหมด โดยส่วน ใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยาตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก สภาพพื้นท่ีส่วนใหญ่มีความลาดชันสูง และมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา และป่าไมผ่ ลัดใบสมบูรณ์ พื้นท่นี ี้หากมีการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินทางการเกษตร จำเป็นอย่างย่ิง ที่ต้องมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างเคร่งครัดมีการปรับปรุงบำรุงดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการ สญู เสยี ดิน 5) ความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดินระดบั รนุ แรงมากทสี่ ุด พื้นที่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในระดับรุนแรงมาก ซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน มากกว่า 20 ตันต่อไรต่ ่อปี โดยมเี นือ้ ที่ครอบคลุมประมาณ มเี นอื้ ที่ 19,638 ไร่ หรอื ร้อยละ 13.24 ของเนื้อ ที่ทั้งหมด โดยพบกระจายตัวอยู่ในตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา ตำบลนาเหนือ ตำบล เขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก พื้นที่ส่วนใหญ่มีความลาดเทสูง สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นพื้นที่ลูกคลื่น ลอนชนั ส่งผลใหม้ อี ตั ราการสูญเสยี ดินรุนแรงมากท่สี ดุ โดยมากกว่า 9.6 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปี มีลักษณะของการ ชะล้างพังทลายของดินเป็นร่องลึก (gully) เกิดขึ้นทั่วไป และมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกปาล์ม น้ำมนั และยางพารา แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
62 ตารางที่ 3-12 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระ ยาและอา่ วลกึ จังหวดั กระบี่ ระดบั ความรุนแรง คา่ การสูญเสยี ดนิ เนื้อที่ (ตนั /ไร่/ป)ี 0-2 ไร่ ร้อยละ 2-5 น้อย 5-15 28,622 19.30 ปานกลาง 15-20 รนุ แรง มากกว่า 20 43,937 29.63 รุนแรงมาก รนุ แรงมากท่สี ุด 52,537 35.43 3,538 2.39 19,638 13.24 รวมเนอ้ื ท่ี 148,272 100.00 จากผลการศึกษา จะเห็นว่า พื้นที่ส่วนใหญ่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายในระดับรุนแรง โดยมีปริมาณการสูญเสียดิน 5-15 ตันต่อไร่ต่อปี โดยครอบคลุมเนื้อที่คิดเป็นร้อยละ 35.43 ของเนื้อที่ ท้ังหมด โดยพบกระจายตวั อยูใ่ นตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา ตำบลนาเหนอื ตำบลเขา ใหญ่ อำเภออ่าวลึก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันอยู่ในช่วง 0-12 เปอร์เซ็นต์ต์ มีลักษณะ สภาพพื้นที่เป็นแบบราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ ลูกคลื่นลอดลาดเล็กน้อย และลูกคลื่นลอนลาด บางส่วนเมื่อพิจารณาประเภทการใช้ที่ดินเป็นป่าผลัดใบสมบูรณ์ และมีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในการ ปลกู ปาลม์ นำ้ มันและยางพารา ซงึ่ หากมีปัญหาการชะลา้ งพงั ทลายควรได้รบั การป้องกันเพอ่ื ไม่ใหเ้ กิดความ เสียหายต่อการผลิตและผลผลิตของเกษตรกร อีกทั้งลดต้นทุนการผลิตที่สูญหายไปกับการชะล้างของ ผิวหน้าดินที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศแบบเนินเขาแบบสูงชันและ แบบสูงชันมากจะเกิดการชะล้างพังทลายของดินที่มีความรุนแรงมากที่สุด โดยก่อให้เกิดปริมาณการ สูญเสยี ดินมากกว่า 20 ตนั ตอ่ ไร่ต่อปี โดยพืน้ ที่ดังกล่าวมกี ารใช้ประโยชน์ทีด่ ินเป็นปาลม์ น้ำและยางพารา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและหยุดการชะล้างพังทลายของดินอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความ รุนแรงของการสูญเสียดินปานกลางถึงรุนแรงมากที่สุดนั้น ควรมีมาตรการในการจัดระบบอนุรักษ์ดินและ น้ำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่บางแห่งที่มีการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมเนื่องจาก พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ควรปรับเปล่ียนการใช้ท่ีดินให้เหมาะสม และวิธีการจัดการมีความนไปได้จริง วิธีการที่สะดวก และเสียค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องใช้แรงงานมาก และสอดคล้องตามความต้องการของชุมชน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงการคาดคะเนการชะล้างพังทลายของดินในแต่ละพื้นที่และแต่ละระดับ แม้กระทั้งใน พน้ื ทที่ ่ีมีการชะล้างพังทลายในระดบั น้อยซึ่งมีปริมาณการสูญเสียดิน 0-2 ตันต่อไร่ต่อปี ซง่ึ ไม่ควรเพิกเฉยต่อ การใช้มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ และมีจัดการปรับปรุงดินที่เหมาะสม ซงึ่ หากมกี ารละเลยหรือมีการจัดการ ที่ไม่เหมาะสม และถูกต้องตามหลักวิชาการอาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเกิดปัญหาต่อการสูญเสียดิน ปริมาญและคุณภาพผลผลิต และส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต การจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย ทำให้เกษตรกรใน พ้ืนที่มคี ่าใช้จ่ายทเ่ี พ่ิมสงู ขึ้นตามไปด้วย แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
63 ภาพที่ 3-10 การสญู เสยี ดิน พน้ื ทลี่ ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลกึ จงั หวัดกระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
64 จากการศึกษาข้อมูลเชิงสังคมและเศรษฐกิจจากหน่วยงานต่าง ๆ และการสัมภาษณ์เกษตรกรใน พนื้ ท่ลี ุม่ น้ำยอ่ ยคลองลาว ประกอบด้วย ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลกึ ตำบลเขาเขน ตำบล เขาต่อ อำเภอปลายพระยา จงั หวดั กระบี่ มรี ายละเอยี ดดังน้ี (ตารางที่ 3-13) 1. สภาพสงั คมและการรวมกลุ่มเกษตรกร ประชากรของพื้นท่ีล่มุ น้ำคลองลาว เฉลย่ี ตำบลละ 3,960.00 คน โดยตำบลทม่ี ปี ระชากรสูงสุด คือ ตำบลเขาต่อ จำนวน 5,468 คน รองลงมาเป็นตำบลเขาเขน จำนวน 4,143 คน ตำบลนาเหนือ จำนวน 3,460 คน และตำบลเขาใหญ่ จำนวน 2,769 คน ตามลำดับ มีจำนวนประชาชนเพศชาย โดยรวม เฉล่ีย ตำบลละ 1,969.25 คน จำนวนประชาชนเพศหญิง เฉลี่ยตำบลละ 1,990.75 คน จำนวนครัวเรือน โดยรวม เฉลี่ยตำบลละ 1,270.75 ครัวเรือน โดยตำบลเขาต่อมีจำนวนครัวเรือนสูงสุด จำนวน 1,597.00 ครวั เรอื น รองลงมาตำบลเขาเขน จำนวน 1,375.00 ครัวเรือน ตำบลนาเหนอื จำนวน 1,096.00 ครวั เรือน ตำบลเขาใหญ่ จำนวน 1,015.00 ครัวเรือน โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคทุกครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้ ครัวเรือนที่มีการใช้น้ำประปาตลอดทั้งปี เฉลี่ยร้อยละ 92.38 มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เฉลี่ยรอ้ ยละ 99.42 ทุก ครัวเรือนมีการใช้เส้นทางคมนาคมตลอดทั้งปี นอกจากนี้มีสถานบริการสาธารณะ หน่วยธุรกิจ และการ รวมกลุ่มของเกษตรกรหรือกลุ่มอาชีพทุกตำบล ซึ่งมีจำนวนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และ ประชากร 2. ดา้ นเศรษฐกจิ การประกอบอาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในทุกตำบลประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืช เศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ คือ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา นอกจากนี้ประชากรในตำบลต่าง ๆ มีการ ประกอบอาชีพ ด้านอื่น ๆ เช่น รับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ธุรกิจส่วนตัว ได้แก่ ค้าขาย และอื่น ๆ เช่น รับจ้างทั่วไป จากครัวเรือนทำการเกษตรทั้งหมด การประกอบอาชีพเกษตรกรรม ตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 51.16 รองลงมาตำบลเขาเขน เฉลี่ยร้อยละ 45.87 ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อย ละ 42.44 และตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 42.15 โดยภาพรวมอาชีพเกษตรกรรม เฉลี่ยร้อยละ 45.41 รับ ราชการ ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 2.28 รองลงมาตำบลเขาเขน เฉลี่ยร้อยละ 1.76 ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ย ร้อยละ 1.48 และตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 0.94 โดยภาพรวมอาชีพรับราชการ เฉลี่ยร้อยละ 1.62 พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 0.47 รองลงมาตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 0.24 ตำบล เขาเขน เฉลี่ยร้อยละ 0.20 และตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อยละ 0.15 โดยภาพรวมอาชพี พนักงานรัฐวสิ าหกิจ เฉลี่ยร้อยละ 0.27 พนักงานบริษัท ตำบลเขาเขน เฉล่ียร้อยละ 1.79 รองลงมาตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 1.73 ตำบลนาเหนือ เฉลยี่ ร้อยละ 0.92 และตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อยละ 0.49 โดยภาพรวมอาชพี พนักงาน บริษัท เฉลี่ยร้อยละ 1.23 ธุรกิจส่วนตัว เช่น ค้าขาย ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 3.90 รองลงมาตำบลเขา แขน เฉลี่ยร้อยละ 3.67 ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อยละ 2.38 และตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 1.54 โดย ภาพรวมธุรกจิ สว่ นตัว เชน่ คา้ ขาย เฉลย่ี รอ้ ยละ 2.87 อื่น ๆ เชน่ รับจา้ งทว่ั ไป ตำบลนาเหนอื เฉลยี่ ร้อยละ 2.24 รองลงมาตำบลเขาแขน เฉลยี่ ร้อยละ 1.85 ตำบลเขาใหญ่ เฉลย่ี รอ้ ยละ 1.59 และตำบลเขาตอ่ เฉล่ีย แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
65 รอ้ ยละ 1.34 โดยภาพรวมอืน่ ๆ เช่น รบั จ้างท่วั ไป เฉลีย่ รอ้ ยละ 1.76 ไมม่ ีอาชพี ตำบลเขาแขน เฉล่ียร้อย ละ 5.69 รองลงมา ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 5.02 ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อยละ 4.85 และตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 3.86 โดยภาพรวมไม่มีอาชีพ เฉลี่ยร้อยละ 4.86 ครัวเรือนเกษตรกร (ร้อยละของครัวเรือน ทั้งหมด) ตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 93.75 รองลงมาตำบลเขาแขน เฉลี่ยร้อยละ 89.02 ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยร้อยละ 88.00 และตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 87.54 โดยภาพรวมครัวเรือนเกษตรกร (ร้อยละของ ครัวเรือนทั้งหมด) เฉลี่ยร้อยละ 89.58 พื้นที่ทำการเกษตร (ไร่ต่อครัวเรือน) ตำบลเขาเขน เฉลี่ยร้อยละ 37.78 รองลงมาตำบลนาเหนือ เฉล่ียร้อยละ 35.92 ตำบลเขาใหญ่ เฉลยี่ ร้อยละ 31.05 ตำบลเขาตอ่ เฉลยี่ ร้อยละ 28.60 โดยภาพรวมพื้นที่ทำการเกษตร (ไร่ต่อครัวเรือน) เฉลี่ยร้อยละ 34.34 แรงงานภาค การเกษตร (คนต่อครัวเรือน) ตำบลเขาใหญ่ เฉล่ียรอ้ ยละ 2.62 รองลงมาตำบลเขาเขน เฉล่ียรอ้ ยละ 2.38 ตำบลนาเหนือ เฉลี่ยร้อยละ 2.18 ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยร้อยละ 2.10 โดยภาพรวมแรงงานภาคการเกษตร (คนต่อครัวเรือน) เฉลี่ยร้อยละ 2.32 รายได้ (บาทต่อคนต่อปี) ตำบลเขาใหญ่ เฉลี่ยปีละ 78,130.72 บาท รองลงมาตำบลเขาเขน เฉลี่ยปีละ 76,612.04 บาท ตำบลเขาต่อ เฉลี่ยปีละ 70,813.95 บาท ตำบลนา เหนือ เฉลี่ยปีละ 56,889.61 บาท โดยภาพรวมรายได้ (บาทต่อคนต่อปี) เฉลี่ยปีละ 70,611.58 บาท ลักษณะการถือครองที่ดิน (ครัวเรือน) เป็นโฉนดที่ดิน,นส.3,น.ส.3กฯ ตำบลนาเหนือ จำนวน 1,246.00 ครัวเรือน รองลงมาตำบลเขาต่อ จำนวน 1,125.00 ครัวเรือน ตำบล เขาเขน จำนวน 953.00 ครัวเรือน ตำบลเขาใหญ่ จำนวน 895.00 ครัวเรือน โดยภาพรวมโฉนดที่ดิน,นส.3,น.ส.3กฯ ค่าเฉลี่ย 1,054.75 ครวั เรอื น ใบจอง ส.ค.1 ส.ค.2 ส.ค.3 นค.3 กสน.5 ตำบลเขาเขน จำนวน 168.00 ครัวเรอื น โดยภาพรวม ใบจอง ส.ค.1 ส.ค.2 ส.ค.3 นค.3 กสน.5 ค่าเฉลี่ย 42.00 ครัวเรือน สทก.1 ส.ป.ก.4-01 ตำบลเขาต่อ จำนวน 338.00 ครัวเรือน และตำบลเขาเขน จำนวน 64.00 ครัวเรือน โดยภาพรวมสทก.1 ส.ป.ก.4-01 ค่าเฉลี่ย 201.00 ครัวเรือน ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตำบลเขาต่อ จำนวน 13.00 ครัวเรือน และตำบลเขาเขน จำนวน 2.00 ครัวเรือน โดยภาพรวมไม่มีเอกสารสิทธิ์ ค่าเฉลี่ย 3.75 ครัวเรือน สำหรับเครื่องมือทาง การเกษตร เกษตรกรสว่ นใหญใ่ นพ้ืนท่ี มเี คร่อื ง ตดั หญ้า และเครื่องพน่ ยาฆ่าหญา้ เปน็ ต้น ตารางที่ 3-13 สภาวะเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ลุ่มคลองลาว ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก ตำบลเขาเขน ตำบลเขาตอ่ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบ่ี สภาวะเศรษฐกิจและสังคม อ.อ่าวลกึ อ.ปลายพระยา ค่าเฉลี่ย ต.นาเหนอื ต.เขาใหญ่ ต.เขาเขน ต.เขาตอ่ 3,960.00 สภาพสงั คมและการรวมกลุ่มเกษตรกร 4,143 5,468 1,969.25 2,060 2,681 1,990.75 1) ประชากร 3,460 2,769 2,083 2,787 1,270.75 1,375 1,597 (1) ชาย (คน) 1,738 1,398 (2) หญิง (คน) 1,722 1,371 (3) จำนวนครัวเรอื น 1,096 1,015 (หลงั คาเรือน) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
66 ตารางท่ี 3-13 สภาวะเศรษฐกิจและสังคมในพ้ืนท่ีลุ่มคลองลาว ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภอ อ่าวลึก ตำบลเขาเขน ตำบลเขาตอ่ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบ่ี (ตอ่ ) สภาวะเศรษฐกิจและสงั คม อ.อ่าวลึก อ.ปลายพระยา คา่ เฉลีย่ 2) โครงสรา้ งพืน้ ฐาน ต.นาเหนือ ต.เขาใหญ่ ต.เขาเขน ต.เขาตอ่ (1) สาธารณปู โภค (ร้อยละ) - ครัวเรือนที่มไี ฟฟ้าใช้ 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 - ครวั เรือนทใี่ ช้นำ้ ประปา 100.00 100.00 92.00 77.52 92.38 ตลอดปี 97.66 100.00 100.00 100.00 99.42 - ครวั เรือนทีม่ ีโทรศพั ท์ เคลื่อนที่ 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 - การคมนาคมใช้ได้ตลอด ทัง้ ปี มี มี มี มี (2) สถานบรกิ ารสาธารณะ มี มี มี มี (3) หน่วยธุรกิจ มี มี มี มี (4) การรวมกล่มุ ของ เกษตรกร/กลุ่มอาชีพ 51.16 42.44 45.87 42.15 45.41 สภาพเศรษฐกิจ 0.94 1.48 1.76 2.28 1.62 1) การประกอบอาชีพ 0.24 0.15 0.20 0.47 0.27 (1) เกษตรกรรรม 0.92 0.49 1.79 1.73 1.23 (2) ราชการ 1.54 2.38 3.67 3.90 2.87 (3) พนกั งานรฐั วสิ าหกิจ 2.24 1.59 1.85 1.34 1.76 (4) พนักงานบริษัท 3.86 4.85 5.69 5.02 4.86 (5) ธรุ กจิ ส่วนตวั เชน่ คา้ ขาย 93.75 88.00 89.02 87.54 89.58 (6) อืน่ ๆ เชน่ รับจ้างทว่ั ไป (7) ไม่มอี าชพี 35.92 31.05 37.78 28.60 34.34 2) ครวั เรอื นเกษตรกร (รอ้ ยละของครวั เรอื นทั้งหมด) สภาพเศรษฐกิจ 3) พื้นที่ทำการเกษตร (ไร/่ ครวั เรือน) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
67 ตารางที่ 3-13 สภาวะเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ลุ่มคลองลาว ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก ตำบลเขาเขน ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จงั หวัดกระบ่ี (ตอ่ ) สภาวะเศรษฐกจิ และสงั คม อ.อา่ วลึก อ.ปลายพระยา ค่าเฉล่ีย ต.นาเหนอื ต.เขาใหญ่ ต.เขาเขน ต.เขาตอ่ 4) แรงงานภาคเกษตร 2.18 2.62 2.38 2.10 2.32 (คน/ครัวเรอื น) 5) รายได้ (บาท/คน/ปี) 56,889.61 78,130.72 76,612.04 70,813.95 70,611.58 6) ลักษณะการถือครองทีด่ นิ (ครวั เรือน) (1) โฉนดท่ีดิน,นส.3,น.ส.3กฯ 1,246.00 895.00 953.00 1,125.00 1,054.75 (2) ใบจอง ส.ค.1 ส.ค.2 ส.ค. - - 168.00 - 42.00 3 นค.3 กสน.5 (3) สทก.1 ส.ป.ก.4-01 - - 64.00 338.00 201.00 (2) ไม่มีเอกสารสทิ ธ์ิ - - 2.00 13.00 3.75 7) เครอ่ื งมือการเกษตร เคร่ืองตดั เครือ่ งตัด เคร่ืองตดั เครอ่ื งตัดหญ้า หญ้า หญ้า หญา้ เคร่อื งพ่นยา เคร่อื งพน่ ยา เคร่อื งพ่นยา เครือ่ งพน่ ยา ทม่ี า : กรมการพฒั นาชุมชน (2562) 3. พืชเศรษฐกิจที่สำคญั จากผลการศึกษาสถานการณ์พืชเศรษฐกิจท่ีสำคัญภาคใตต้ อนบน ลุม่ น้ำคลองลาวในพื้นที่ตำบล เขาเขน ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ลุ่ม น้ำคลองลาวเกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ คือ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา จากการกำหนดกรอบ หลักการ ความเข้าใจ เข้าถึง และการพัฒนา โดยการนำ ฐานขอ้ มลู ด้านทรัพยากรดิน ดนิ มปี ญั หา การชะล้างพังทลายดิน เป็นตัวกำหนดพืน้ ทเ่ี ป้าหมาย จากสภาพ ปัญหา โดยพิจารณาการปลูกพืชตามระดับความรุนแรง การชะล้างพังทลายของดิน ได้ 5 ระดับ ในพ้ืนที่ ปลูกปาล์มน้ำมัน แบ่งตามระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับความรุนแรงน้อย (0 - 2 ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับความรุนแรงปานกลาง (2 - 5 ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับ ความรุนแรง (5 - 15 ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับความรุนแรงมากที่สุด (มากกว่า 20 ตันต่อไร่ต่อปี) และพื้นที่ ปลกู ยางพารา แบ่งตามระดบั ความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดิน แบ่งออกเปน็ 5 ระดบั คือ ระดบั แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
68 ความรุนแรง น้อย (0 - 2 ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับความรุนแรงปานกลาง (2 - 5 ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับความ รนุ แรง (5 - 15 ตนั ต่อไรต่ อ่ ป)ี ระดบั ความรนุ แรงมาก (15 - 20 ตันต่อไร่ตอ่ ป)ี ระดับความรุนแรงมากท่ีสุด (มากกวา่ 20 ตันตอ่ ไรต่ ่อป)ี 3.1 ปาล์มนำ้ มนั แบ่งตามระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน แบง่ ออกเป็น 4 ระดบั 1) ระดบั ความรนุ แรงนอ้ ย (0 - 2 ตันตอ่ ไร่ตอ่ ปี) ใหผ้ ลผลติ เฉลย่ี ไรล่ ะ 3,262 กิโลกรัม ราคา ผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.41 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 11,123.42 บาท ต้นทุนการผลิต ทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 7,492.88 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน เฉลี่ยไร่ละ 3,630.54 บาท ผลตอบแทนเหนอื ตน้ ทนุ ทงั้ หมด เฉล่ียไร่ละ 2.30 บาท 2) ระดับความรุนแรงปานกลาง (2 - 5 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 3,850.36 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.41 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 13,129.73 บาท ต้นทุนการผลติ ทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 7,964.03 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน เฉลี่ยไรล่ ะ 5,165.70 บาท ผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมด เฉลี่ยไร่ละ 2.07 บาท 3) ระดับความรุนแรง (5 - 15 ตนั ต่อไร่ต่อป)ี ให้ผลผลติ เฉลี่ยไรล่ ะ 3,836.14 กโิ ลกรัม ราคา ผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.41 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 13,081.24 บาท ต้นทุนการผลิต ทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 8,258.39 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 2.15 ผลตอบแทนเหนือ ต้นทุนท้ังหมด เฉลีย่ ไร่ละ 4,822.85 บาท 4) ระดับความรุนแรงมากท่ีสุด (มากกว่า 20 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 3,182.50 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.41 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 10,852.33 บาท ต้นทุนการผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 8,635.06 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 2.17 ผลตอบแทนเหนือตน้ ทุนทั้งหมด เฉล่ียไรล่ ะ 2,217.27 บาท เมื่อพจิ ารณาในภาพรวมของผลผลติ ต้นทนุ ผลตอบแทนของปาล์มนำ้ มนั พบวา่ ในพ้นื ที่ดิน แต่ละระดับความรุนแรงการชะล้างพังทลายของดิน ในระดับความรุนแรงน้อย ผลผลิตต่อไร่โดยเฉลี่ยใน ภาพรวมได้รับผลผลิตต่ำ เนื่องจากบางพื้นที่ในช่วงฤดูฝนน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตลดลง ส่วนระดับความ รุนแรงปานกลาง และระดับรุนแรง ทั้งสองระดับได้รับผลผลติ ต่อไร่ไม่มีความแตกตา่ งกนั มากนัก พื้นที่ที่มี ระดับความรุนแรงมากที่สดุ ผลผลิตลดลง ตามระดับความรุนแรงของการชะล้างที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิต มีแนวโนม้ เพิม่ ข้ึนตามระดับความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดิน ผลตอบแทนเหนือต้นทนุ ทั้งหมดมี แนวโน้มลดลง เมอ่ื ระดับการชะล้างพงั ทลายของดินเพิ่มสงู ขนึ้ 3.2 ยางพารา แบง่ ตามระดบั ความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดิน แบ่งออกเป็น 5 ระดับ 1) ระดับความรุนแรงน้อย (0 - 2 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 236.33 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.20 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 7,609.83 บาท ต้นทุนการ ผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไรล่ ะ 6,142.74 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.24 ผลตอบแทนเหนอื ตน้ ทุนทงั้ หมด เฉลย่ี ไรล่ ะ 1,467.09 บาท แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
69 2) ระดบั ความรุนแรงปานกลาง (2 - 5 ตันต่อไร่ต่อปี) ใหผ้ ลผลติ เฉล่ยี ไร่ละ 233.00 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.20 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 7,180.60 บาท ต้นทุนการ ผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 5,953.57 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.21 ผลตอบแทนเหนือ ต้นทุนทงั้ หมด เฉล่ยี ไรล่ ะ 2,227.03 บาท 3) ระดับความรุนแรง (5 - 15 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 205.00 กิโลกรัม ราคา ผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.20 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 6,601.00 บาท ต้นทุนการผลิต ทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 5,958.80 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.11 ผลตอบแทนเหนือ ตน้ ทนุ ท้ังหมด เฉลี่ยไร่ละ 642.20 บาท 4) ระดับความรุนแรงมาก (15 - 20 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 193.71 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.20 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 6,237.46 บาท ต้นทุนการ ผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไรล่ ะ 6,209.25 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.00 ผลตอบแทนเหนอื ตน้ ทนุ ทั้งหมด เฉลีย่ ไร่ละ 28.21 บาท 5) ระดับความรุนแรงมากที่สุด (มากกว่า 20 ตันต่อไร่ต่อปี) ให้ผลผลิต เฉลี่ยไร่ละ 175.40 กิโลกรัม ราคาผลผลิต เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.20 บาท มูลค่าผลผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 5,647.88 บาท ต้นทุนการผลิตทั้งหมด เฉลี่ยไร่ละ 5,842.09 บาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 0.97 ผลตอบแทนเหนือต้นทนุ ทัง้ หมดขาดทุน เฉลี่ยไรล่ ะ 194.21 บาท เมื่อพิจารณาในภาพรวมของผลผลิต ต้นทุน ผลตอบแทนของยางพารา พบว่า ผลผลิตลดลง เมื่อระดับความรุนแรงการชะล้างพังทลายของดินเพิ่มขึ้น และผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดลดลง เม่ือ ระดับความรนุ แรงการชะล้างพังทลายของดนิ เพิ่มขนึ้ เช่นเดียวกนั ผลจากการเกิดการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา โดยเฉพาะ ผลผลิต ต้นทุนการผลิต และผลตอบแทนของการปลูกพืชในพื้นที่มีการชะล้างพังทลายของดิน เห็นว่า โดย ภาพรวมของต้นทุนต่อหน่วยผลิตในแต่ละระดับยังขึ้นอยู่กับการจัดการของเกษตรกรแต่ละราย เช่น การใช้ ปจั จยั การผลติ การดูแลรกั ษา และบางพน้ื ที่ในชว่ งฤดูฝนนำ้ ท่วม ทำใหผ้ ลผลิตลดลง ถา้ หากเกษตรกรไม่มีการ จัดการท่ดี ีพอ เมื่อพิจารณาผลจากการเกดิ ชะล้างพังทลายของดินในพ้ืนที่เพาะปลูกพืช โดยเฉพาะผลผลติ ต้นทนุ การผลิต และผลตอบแทนของการปลูกพชื ในพ้นื ทีม่ รี ะดบั การชะลา้ งพังทลายตา่ งกนั จะเหน็ วา่ โดย ภาพรวมของต้นทุนการผลิตพืชมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อปลูกในพื้นที่มีระดับความรุนแรงของการชะล้าง พังทลายของดินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลทำให้ต้นทุนผัน แปรในการผลิตเพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างแรงงานเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมัน ค่ากรีดยางพารา นอกจากนี้ ผลผลิต ของพืชมีปริมาณลดลงตามระดับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของการชะล้างพังทลายของดิน ส่งผลให้แนวโน้ม ของผลตอบแทนเหนือต้นทนุ ทั้งหมดลดลง (ตารางที่ 3-14) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
70 ตารางท่ี 3-14 ต้นทุนการผลิต ผลผลิต และผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมดของการปลูกพืช ในพน้ื ทีม่ ี ระดบั การชะล้างพังทลายตา่ งกัน พืช ระดบั การ ผลผลติ ราคา มูลค่า ต้นทุนการ ผลตอบแทน ชะล้าง เฉลีย่ ผลผลติ ผลผลติ ผลติ B/C เหนอื ตน้ ทนุ พังทลาย (กก./ไร)่ (บาท/ (บาท/ไร่) ทงั้ หมด ratio ท้งั หมด ของดนิ * กก.) (บาท/ไร่) (บาท/ไร่) ปาลม์ นำ้ มัน น้อย 3,262.00 3.41 11,123.42 7,492.88 2.03 3,630.54 ปานกลาง 3,850.36 3.41 13,129.73 7,964.03 2.07 5,165.70 รุนแรง 3,836.14 3.41 13,081.24 8,258.39 2.15 4,822.85 รนุ แรง 3,182.50 3.41 10,852.33 8,635.06 2.15 2,217.27 มากทส่ี ุด ยางพารา น้อย 236.33 32.20 7,609.83 6,142.74 1.24 1,467.09 ปานกลาง 223.00 32.20 7,180.60 5,953.57 1.21 1,227.03 รนุ แรง 205.00 32.20 6,601.00 5,958.80 1.11 642.20 รนุ แรงมาก 193.71 32.20 6,237.46 6,209.25 1.00 28.21 รนุ แรงมาก 175.40 32.20 5,647.88 5,842.09 0.97 -194.21 ทส่ี ดุ หมายเหตุ : * ระดบั การชะลา้ งพงั ทลายของดิน 5 ระดบั ค่าการสญู เสียดิน คือ น้อย (0 - 2 ตันต่อไรต่ ่อป)ี ปานกลาง (2 - 5 ตนั ตอ่ ไร่ต่อปี) รนุ แรง (5 - 15 ตนั ตอ่ ไร่ต่อปี) รุนแรงมาก (15 - 20 ตนั ตอ่ ไร่ต่อป)ี รุนแรงมากทสี่ ดุ (มากกว่า 20 ตันตอ่ ไร่ต่อปี) ทมี่ า : จากการสำรวจ กลุ่มวางแผนการใชท้ ่ี สพข.11 (2563) 4. ความรู้ ความเขา้ ใจ ดา้ นการอนรุ ักษ์ดนิ และน้ำ จากการสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำใน พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว โดยมุ่งเน้นข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจ 1) ด้านการชะล้างพังทลายของดิน 2) ผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน 3) วิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดชะล้างพังทลายของดิน 4) ทัศนคตติ อ่ การปอ้ งกันสภาพปัญหาท่เี กิดขน้ึ ในพ้ืนท่ี 4.1 ความรู้ ความเข้าใจ การชะล้างพังทลายของดิน 1) จากการสมั ภาษณ์เกษตรกรเก่ยี วกับการชะล้างพงั ทลายของดินในพ้ืนทเ่ี พาะปลูกพืช และ ที่อยู่อาศัย พบว่า เกษตรกรไม่มีลักษณะสภาพปัญหาด้านการชะล้างพังทลายของดิน เฉล่ียหรือร้อยละ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
71 20.40 ส่วนใหญม่ ปี ัญหาการชะล้างพังทลายของดิน เฉลี่ยร้อยละ 79.60 ลกั ษณะและสภาพปัญหาท่ีพบใน พื้นที่ของเกษตรกร คือ หน้าดินมีร่องหรือร่องน้ำเล็ก เฉลี่ยร้อยละ 87.85 น้ำไหลบ่าพัดพาหน้าดิน เฉลี่ย ร้อยละ 59.06 แหล่งน้ำตื้นเขินมากขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 13.28 มีรอยทรุดหรือรอยแยก เฉลี่ยร้อยละ 16.18 และมกี ารใชป้ ยุ๋ หรอื สารเคมหี รือยาฆ่าแมลง มากขึน้ เฉลย่ี รอ้ ยละ 9.64 ของเกษตรกรท่ีสำรวจท้งั หมด 2) ผลกระทบต่อผลผลิต พบว่า เกษตรกรส่วนเกษตรกรที่เหลือร้อยละ 22.23 ไม่มี ผลกระทบต่อผลผลิต ส่วนใหญ่มีผลกระทบต่อผลผลิต เฉลี่ยร้อยละ 77.77 กรณีมีผลกระทบจากการชะ ล้างพังทลายของดินทำให้ผลผลิตลดลงในระดับน้อย (ลดลงไม่เกินร้อยละ 20) เฉลี่ยร้อยละ 48.24 ระดับ ปานกลาง (ลดลงร้อยละ 20 - 40) เฉลี่ยร้อยละ 33.34 และระดับมาก (ลดลงมากกว่าร้อยละ 40) เฉลี่ย รอ้ ยละ 18.42 3) แนวทางการป้องกันและแก้ไขปญั หาการชะล้างพงั ทลาย จะเห็นว่า เกษตรกรดำเนินการ แก้ไขและป้องกัน เฉลี่ยรอ้ ยละ 33.15 ของเกษตรกรทัง้ หมด โดยใช้วธิ กี ารใชท้ างปาลม์ นำ้ มันหรือเศษวัสดุ ขวางทางน้ำ เฉลยี่ รอ้ ยละ 70.22 สร้างคูระบายน้ำ เฉล่ยี รอ้ ยละ 20.11 ปลกู พชื คลมุ ดนิ เฉลยี่ รอ้ ยละ 9.67 เกษตรกรที่เหลือไม่ได้ดำเนินการแก้ไขหรือป้องกัน เฉลี่ยร้อยละ 66.85 เนื่องจากขาดองค์ความรู้ เฉลี่ย ร้อยละ 68.86 ขาดงบประมาณสนับสนุน เฉลี่ยร้อยละ 22.91 ขาดแรงงาน เฉลี่ยร้อยละ 4.67 ไม่มีเวลา เฉลี่ยร้อยละ 3.56 4) กรณีเกษตรกรไม่ได้แก้ไข แต่มีความประสงค์ให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือ เฉลี่ยร้อยละ 77.82 โดยมีระดับความต้องการให้หน่วยงานของรัฐช่วยเหลือในระดับน้อย เฉลี่ยร้อยละ 19.31 ระดับ ปานกลาง เฉลี่ยร้อยละ 65.98 ระดับมาก เฉลี่ยร้อยละ 14.71 มีเพียงบางส่วนไม่ต้องการให้เข้าไปแก้ไข ดำเนินการ เฉล่ียร้อยละ 22.18 (ตารางท่ี 3-15) ตารางที่ 3-15 ความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ในพื้นท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออา่ วลึก จังหวัดกระบ่ี ปกี ารผลิต 2563 รายการ รอ้ ยละ 1) ลกั ษณะและสภาพปัญหาดา้ นการชะลา้ งพังทลายของดนิ ในพ้นื ทปี่ ลกู พืชและทอี่ ยู่อาศัย (1) ไม่มี 20.40 (2) มี (ตอบได้มากกวา่ 1 ข้อ) 79.60 - หน้าดนิ มรี ่อง/ร่องน้ำเล็ก ๆ 87.85 - น้ำไหลบ่าพัดพาหนา้ ดิน 59.06 - แหลง่ นำ้ ต้นื เขินมากข้ึน 13.28 - มรี อยทรดุ หรอื รอยแยก 16.18 - มกี ารใชป้ ุ๋ย/สารเคม/ี ยาฆ่าแมลง มากขนึ้ 9.64 2) ผลกระทบต่อผลผลติ (กรณที ม่ี ีร่องน้ำ/หน้าดนิ ถูกพัดพาหรือทรุดตวั ) (1) ไมม่ ี 22.23 (2) มี โดยมผี ลกระทบใหผ้ ลผลิตลดลงในระดับ 77.77 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
72 ตารางที่ 3-15 ความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออา่ วลกึ จังหวัดกระบี่ ปกี ารผลติ 2563 (ต่อ) รายการ รอ้ ยละ - น้อย (ลดลงไมเ่ กิน 20%) 48.24 - ปานกลาง (ลดลง 20-40%) 33.34 - มาก (ลดลงมากกวา่ 40%) 18.42 3) แนวทางการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาการชะล้างพงั ทลาย (กรณที ่ดี นิ ถูกนำ้ กัดเซาะ/นำ้ พดั พาหน้าดนิ ) (1) ดำเนินการแก้ไข/ป้องกนั โดยวธิ ี 33.15 - ใชท้ างปาล์มนำ้ มัน/เศษวัสดุขวางทางนำ้ 70.22 - ครู ะบายนำ้ 20.11 - ปลูกพืชคลุมดนิ 9.67 4) แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการชะล้างพังทลาย (กรณที ดี่ นิ ถกู น้ำกัดเซาะ/น้ำพัดพาหน้าดนิ ) (2) ไมด่ ำเนนิ การแก้ไข/ป้องกัน เนอื่ งจาก 66.85 - ขาดองคค์ วามรู้ 68.86 - ขาดงบประมาณสนับสนุน 22.91 - ขาดแรงงาน 4.67 - ไม่มเี วลา 3.56 5) กรณที ไี่ มไ่ ดแ้ กไ้ ข ความประสงค์ให้หนว่ ยงานรัฐช่วยเหลือ (1) ไม่ตอ้ งการ 22.18 (2) ต้องการ โดยมีระดบั ความต้องการ 77.82 - นอ้ ย 19.31 - ปานกลาง 65.98 - มาก 14.71 ที่มา : จากการสำรวจ กลมุ่ วางแผนการใช้ท่ีดนิ สำนกั งานพัฒนาทด่ี นิ เขต 11 (2563) 4.2 ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน พบว่า เกษตรกร มี ความรู้ ความเข้าใจถึงผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน ดังนี้ ตะกอนดินในแม่น้ำลำคลองตื้นเขนิ จะทำให้ในฤดูฝนเก็บน้ำไว้ไม่ทัน ทำให้เกิดน้ำท่วม และในฤดูแล้งขาดแคลนน้ำ เฉลี่ยร้อยละ 99.31 ไม่ แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 0.69 ดินที่ถูกชะล้าง/กัดเซาะจะถูกพัดพาไหลไปตกตะกอนในแหล่งน้ำ ลำคลอง อ่าง เก็บน้ำ ทำให้ตื้นเขิน เฉลี่ยร้อยละ 95.73 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 2.55 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 1.73 สารเคมี และยาฆ่าแมลงที่ไหลไปปนกับตะกอนดิน ทำให้เกิดมลพิษสะสมในดิน และน้ำในพ้ืนที่ตอนล่าง มีผลเสีย แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
73 หายต่อคน พืช สัตว์บก และสัตว์น้ำ เฉลี่ยร้อยละ 92.64 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 3.78 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 4.37 ทำใหเ้ กดิ ความเสียหายกบั ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม เฉล่ยี รอ้ ยละ 89.82 ไม่ใช่ เฉลีย่ รอ้ ยละ 7.65 ไม่แนใ่ จ เฉลี่ยร้อยละ 2.53 ของเกษตรกรท่สี ำรวจทงั้ หมด ทั้งนี้ จะเห็นว่า เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการชะล้างพังทลาย ของดนิ ต่อความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดนิ ท่ถี ูกชะล้างหรือกัดเซาะจะถูกพัด พาไหลไปตกตะกอนในแหล่งน้ำ ทำใหแ้ หล่งน้ำตนื้ เขนิ สง่ ผลให้ในฤดฝู นแม่น้ำลำคลองเก็บน้ำไว้ไม่ทันเกิด น้ำท่วม และเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง อีกทั้งสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่ไหลปนไปกับตะกอนดินสู่ พืน้ ทีต่ อนล่าง ทำใหเ้ กิดมลพิษสะสมในดินและน้ำมผี ลเสยี ต่อคน พชื สตั ว์บก และสัตวน์ ำ้ (ตารางที่ 3-16) ตารางที่ 3-16 ความรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับผลกระทบการชะล้างพังทลายของหน้าดิน พื้นที่ลุ่มน้ำ คลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลกึ จังหวดั กระบ่ี ปีการผลติ 2563 รายการ ใช่ รอ้ ยละ ลำดบั ไมใ่ ช่ ไมแ่ นใ่ จ 1 1) ตะกอนดนิ ในแมน่ ำ้ ลำคลอง จะทำใหใ้ นฤดูฝนเก็บน้ำ 99.31 2 - 0.69 3 ไว้ไมท่ นั ทำใหเ้ กิดนำ้ ท่วม และในฤดูแล้งขาดแคลนน้ำ 2.55 1.73 4 2) ดนิ ทถี่ ูกชะลา้ ง/กัดเซาะจะถูกพัดพาไหลไปตกตะกอน 95.73 3.78 4.37 ในแหลง่ น้ำ ลำคลอง อา่ งเก็บนำ้ ทำให้ต้ืนเขนิ 7.65 2.53 3) สารเคมแี ละยาฆา่ แมลงท่ีไหลไปปนกบั ตะกอนดนิ ทำ 92.64 ให้เกิดมลพษิ สะสมในดนิ และนำ้ ในพ้นื ทต่ี อนล่าง มี ผลเสียหายต่อคน พืช สัตวบ์ ก และสตั วน์ ้ำ 4) ทำให้เกิดความเสยี หายกบั ทรัพยากรธรรมชาติและ 89.82 ส่ิงแวดล้อม ที่มา : จากการสำรวจ กลุ่มวางแผนการใชท้ ่ีดนิ สพข.11 (2563) 4.3 ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับวิธีการรักษาและป้องกนั ไม่ให้เกิดชะล้างพังทลายของดนิ พบวา่ เกษตรกร มีความรู้ ความเข้าใจถึงวิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดชะล้างพังทลายของดิน ดังนี้ การยก ร่องและปลูกพืชทำร่องน้ำไปตามแนวระดับ เฉลย่ี รอ้ ยละ 87.70 ไม่ใช่ เฉลย่ี ร้อยละ 7.59 ไม่แน่ใจ เฉล่ียร้อย ละ 4.71 การใช้วัสดุต่าง ๆ อย่างง่าย เช่น ท่อนไม้ หิน กระสอบบรรจุทราย อิฐ และ ก่อสร้างขวางทาง ระบายน้ำเพื่อชะลอความเร็วของน้ำไม่ให้กัดเซาะ เฉลี่ยร้อยละ 86.11 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 8.04 ไม่แน่ใจ เฉลยี่ ร้อยละ 5.84 การทำฝายนำ้ ล้นหรือคันชะลอความเรว็ ของน้ำ เฉล่ยี รอ้ ยละ 84.29 ไม่ใช่ เฉล่ียร้อยละ 6.49 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 8.58 การทำคันดินขวางทางลาดเท เฉลี่ยร้อยละ 82.28 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 11.62 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 6.10 การปลูกพืชแบบขั้นบันได (ปรับพื้นที่เป็นขั้น ๆ ) เฉลี่ยร้อยละ 80.12 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 8.55 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 11.34 การใช้วัสดุคลุมดิน เช่น เศษซากพืช เฉลี่ยร้อยละ 80.11 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 15.08 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 4.81 การถางป่า ตัดไม้ทำลายป่า การขุดถนนทำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
74 ให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน เฉลี่ยร้อยละ 78.83 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 11.97 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 9.20 การปลกู หญ้าแฝกขวางทางลาดชัน เฉลยี่ ร้อยละ 78.03 ไม่ใช่ เฉล่ียรอ้ ยละ 11.94 ไม่แนใ่ จ เฉลย่ี ร้อย ละ 10.03 การปลูกพืชสลบั เป็นแถบ เฉลย่ี ร้อยละ 77.39 ไมใ่ ช่ เฉล่ียรอ้ ยละ 14.64 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 7.97การปลูกพืชคลุมดิน เฉลี่ยร้อยละ 71.79 ไม่ใช่ เฉลี่ยร้อยละ 19.95 ไม่แน่ใจ เฉลี่ยร้อยละ 8.25 การ ปลูกพืชหมุนเวียน หรอื ปลูกพืชแซมหรือปลูกพืชเหลื่อมฤดู เฉลี่ยร้อยละ 69.07 ไม่ใช่ เฉล่ียร้อยละ 23.70 ไมแ่ น่ใจ เฉลยี่ ร้อยละ 7.22 ทั้งนี้ จะเห็นว่า เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในวิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดการชะล้าง พังทลายของดินในแต่ละวิธีการมากน้อยแตกต่างกัน แต่เมื่อสอบถามถึงความต้องการวิธีการรักษาและ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พบว่า 4 อันดับแรกที่เกษตรต้องการ คือ การยกร่องและปลูกพืชทำร่อง น้ำไปตามแนวระดับ การใช้วัสดุต่าง ๆ อย่างง่าย เช่น ท่อนไม้ หิน กระสอบบรรจุทราย อิฐ และ ก่อสร้าง ขวางทางระบายน้ำเพื่อชะลอความเร็วของน้ำไม่ให้กัดเซาะ การทำฝายน้ำล้นหรือคันชะลอความเร็วของน้ำ การทำคนั ดินขวางทางลาดเท การปลูกพืชแบบข้นั บนั ได (ปรับพ้ืนท่ีเปน็ ขน้ั ๆ ) (ตารางที่ 3-17) ตารางที่ 3-17 ความรู้ ความเข้าใจ วิธีการรักษาและป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำ คลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลกึ จังหวัดกระบ่ี ปกี ารผลติ 2563 วธิ ีการรกั ษาและป้องกนั รอ้ ยละ ไมแ่ น่ใจ ใช่ ไมใ่ ช่ 4.71 5.84 1) การยกร่องและปลกู พชื ทำร่องนำ้ ไปตามแนวระดับ 87.70 7.59 8.58 2) การใชว้ สั ดุตา่ ง ๆ อย่างงา่ ย เช่น ท่อนไม้ หนิ 86.11 8.04 6.10 11.34 กระสอบบรรจุทราย อฐิ และ ก่อสร้างขวางทาง 4.81 9.20 ระบายน้ำเพอ่ื ชะลอความเรว็ ของนำ้ ไมใ่ ห้กัดเซาะ 10.03 3) การทำฝายน้ำลน้ หรือคันชะลอความเร็วของน้ำ 84.29 6.49 7.97 8.25 4) การทำคนั ดินขวางทางลาดเท 82.28 11.62 7.22 5) การปลูกพืชแบบขัน้ บันได (ปรบั พืน้ ท่ีเป็นข้ัน ๆ) 80.12 8.55 6) การใช้วัสดุคลมุ ดิน เชน่ เศษซากพืช 80.11 15.08 7) การถางป่า ตัดไม้ทำลายป่า การขุดถนนทำให้เกดิ 78.83 11.97 การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ 8) การปลกู หญ้าแฝกขวางทางลาดชนั 78.03 11.94 9) การปลูกพชื สลับเปน็ แถบ 77.39 14.64 10) การปลูกพชื คลุมดนิ 71.79 19.95 11) การปลูกพชื หมุนเวียน/ปลูกพชื แซม/ 69.07 23.70 ปลูกพืชเหลอื่ มฤดู ที่มา : จากการสำรวจ กลุ่มวางแผนการใชท้ ่ีดนิ สำนักงานพัฒนาทด่ี ินเขต 11 (2563) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
75 4.4 ทศั นคตติ อ่ การป้องกนั สภาพปัญหา จากการสอบถามข้อมลู ของเกษตรกรเก่ียวกับ ดา้ นทศั นคติการย้ายถนิ่ ฐาน ความช่วยเหลือจาก หนว่ ยงานของรัฐในการจัดทำเขตระบบอนรุ กั ษ์ดินและน้ำ และสภาพปญั หาด้านการเกษตร ดงั นี้ 1) การย้ายถิ่นฐาน จากการสอบถามข้อมูลของเกษตรกร ในกรณีที่คาดว่าในอนาคตจะเกิด ดินถล่ม และทางรัฐต้องการให้เกษตรกรอพยพออกจากพื้นที่โดยทางรัฐจัดหาสถานที่ให้ พบว่า เกษตรกร ไม่มีความต้องการออกจากพื้นที่ เฉลี่ยร้อยละ 47.12 ต้องการออกจากพื้นที่ไปอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เฉล่ียร้อยละ 20.19 ไมแ่ นใ่ จ เฉล่ียรอ้ ยละ 32.69 2) ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐในการจัดทำเขตระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ จากการ สอบถามเกษตรกร พบว่า เกษตรกรที่ตอบแบบสอบถามทัง้ หมดเห็นด้วยทีใ่ หห้ น่วยงานรฐั จัดทำเขตระบบ อนรุ ักษด์ นิ และนำ้ ในพนื้ ที่ 3) ปัญหาด้านการเกษตร พบว่า เกษตรส่วนใหญ่ร้อยละ 92.31 มีปัญหาเกี่ยวกับการทำ การเกษตร คือ ราคาผลผลติ ตกต่ำ เฉลี่ยร้อยละ 84.00 ศัตรูพืชรบกวน เฉลี่ยรอ้ ยละ 24.00 ผลผลิตลดลง เฉลี่ยรอ้ ยละ 22.15 ฝนแล้งหรอื ฝนท้งิ ช่วง เฉล่ียร้อยละ 16.62 และมเี กษตรกรบางส่วน รอ้ ยละ 7.69 ไม่มี ปญั หา (ตารางที่ 3-18) ตารางที่ 3-18 ทัศนคติด้านการย้ายถิ่นฐาน ปัญหาด้านการเกษตร ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลาย พระยา อำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบี่ ปกี ารผลติ 2563 รายการ รอ้ ยละ 1) การย้ายถน่ิ ฐาน (กรณีทค่ี าดวา่ ในอนาคตจะเกิดดินถล่ม และทางรัฐต้องการพ้นื ที่ 47.12 ให้อพยพออกจากโดยทางจัดหาสถานทใ่ี ห้) 20.19 32.69 (1) ไมม่ คี วามต้องการออกจากพนื้ ที่ - (2) มคี วามต้องการออกจากพ้ืนท่ีไปอย่ใู นสถานทที่ ร่ี ฐั จัดให้ 100.00 (3) ไม่แนใ่ จ 7.69 2) ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครฐั ในการจดั ทำเขตระบบอนรุ ักษ์ดินและนำ้ 92.31 (1) ไม่เหน็ ดว้ ย 84.00 (2) เห็นดว้ ย 24.00 3) ปัญหาดา้ นการเกษตร 22.15 (1) ไม่มี 16.62 (2) มี - ราคาผลผลิตตกต่ำ - ศตั รูพชื รบกวน - ผลผลิตลดลง - ฝนแลง้ /ฝนท้งิ ช่วง ท่มี า : จากการสำรวจ กลมุ่ วางแผนการใช้ทด่ี นิ สำนกั งานพัฒนาทดี่ ินเขต 11 (2563) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
76 จากการรวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สังคมและเศรษฐกิจ เพ่ือจัดทำแผนการใช้ท่ีดิน เพื่อการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว ได้วิเคราะห์ SWOT โดยศึกษาสภาพการณ์ภายในและภายนอก วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและข้อจำกัด ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านนโยบาย เพื่อนำไปใช้ในการกำหนด มาตรการท่เี หมาะสมและวางแผนบริหารโครงการ สรปุ ได้ดังน้ี 1. ด้านกายภาพ (ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม) จดุ แข็ง (Strength) จดุ อ่อน (Weakness) 1. มีระบบลุ่มน้ำที่สามารถบริหารจัดการเชิง 1. ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม เนื่องจากการใช้ พนื้ ทไ่ี ด้ ประโยชนท์ ่ดี นิ มานาน และปลกู พชื เชิงเดีย่ ว 2. ทรัพยากรดินส่วนใหญ่มีศักยภาพในการปลูก 2. การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อทำการเกษตรในพื้นที่ พืชเศรษฐกิจหลักของพื้นที่ ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ไม่เหมาะสมทำการเกษตร ทำให้ระบบนิเวศน์ถูก ยางพารา หรือพืชทางเลือกอื่น ๆ ทำลาย 3. มีแหล่งน้ำที่สร้างไว้แล้ว โดยได้รับการ 3. พ้ืนที่ส่วนใหญ่มีตะกอนดินสะสมในลำน้ำ ทำให้ สนับสนุนแหลง่ น้ำต้นทนุ จาก กรมพัฒนาท่ีดนิ ระบายนำ้ ไม่ทนั 4. พืน้ ท่มี ศี ักยภาพในการพฒั นาแหล่งน้ำ 4. ขาดแคลนนำ้ อปุ โภคบริโภคในช่วงฤดูรอ้ น โอกาส (Opportunity) ปญั หา (Threat) 1. เป็นนโยบายระดับประเทศในการแก้ไขปัญหา 1. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการบุกรุก ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม พน้ื ท่ีปา่ พน้ื ที่สาธารณะ ปญั หาการทับซ้อนกันระหว่าง 2. จังหวัดได้ให้ความสำคัญกับแผนอนุรักษ์และ พ้นื ทที่ ำกินของราษฎรเดิมกับพืน้ ท่เี ขตป่า ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่าง 2. การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทำให้มีผลกระทบ ยงั่ ยืน ได้กำหนดไวเ้ ปน็ ยทุ ธศาสตร์จงั หวัด ต่อส่ิงแวดลอ้ ม 3. ภาคเอกชนให้ความสนใจและเข้าร่วม ส น ั บ ส น ุ น ก า ร แ ก ้ ไ ข ป ั ญ ห า แ ล ะ ฟ ื ้ น ฟู ทรัพยากรธรรมชาติ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
77 2. ด้านสังคม จุดแข็ง (Strength) จดุ อ่อน (Weakness) 1. เกษตรกรในพื้นที่ให้ความสนใจและเข้ามามี 1. หัวหน้าครอบครัวที่เป็นเกษตรกรส่วนใหญ่เป็น ส่วนร่วมในการกำหนดแผนงาน/กจิ กรรมตา่ ง ๆ ผู้สงู อายุ 2. เกษตรกรมีความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ใน 2. การขาดแคลนแรงงาน แล ะมีการอพยพ การหาแนวทางเพ่ือแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ เคลอื่ นยา้ ยแรงงาน 3. ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ให้ 3. คนในชุมชนมีทัศนคติแบบเดิม ยากตอ่ การยอมรับ ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ นวัตกรรมใหม่ โอกาส (Opportunity) ปญั หา (Threat) 1. จังหวัดได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้าง 1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคม การรับเอา คุณภาพชีวิตประชาชนสู่สังคมน่าอยู่ และปรับตัว วัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามาส่งผลกระทบต่อสังคม รองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ถูกกำหนดไว้เป็น กอ่ ให้เกดิ ปัญหาตา่ ง ๆ ยุทธศาสตร์ของจงั หวดั 2. ค่าครองชีพสูงผลให้เกษตรกรในพื้นที่มีความ 2. ภาคเอกชนให้ความสนใจและเข้าร่วมสนับสนุน เดอื ดรอ้ น รายไดไ้ ม่พอค่าใชจ้ า่ ย การแก้ไขปัญหาใหก้ บั ชุมชน 3. กระแสการบริโภคอาหารปลอดภยั ใส่ใจสขุ ภาพ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
78 3. ด้านเศรษฐกจิ จุดแขง็ (Strength) จุดออ่ น (Weakness) 1. เป็นชุมชนที่มกี ารประกอบอาชีพเกษตรกรรมอยู่ 1. ฐานการผลติ สนิ คา้ เกษตรกรรมเป็นการปลูก แลว้ พืชทป่ี ลกู ไดแ้ ก่ ปาลม์ น้ำมนั ยางพารา และไม้ผล พืชเชงิ เดย่ี วทำให้เกษตรกรมคี วามเสย่ี งจาก ผสม การเขา้ ไปส่งเสรมิ หรือพัฒนา ทำไดง้ า่ ยขน้ึ ความไม่แน่นอนของราคา 2. เกษตรกรบางส่วนขาดองค์ความรู้ เชน่ ดา้ น การพฒั นาทรพั ยากรดนิ พชื นำ้ และการตลาด 3. ผูป้ ระกอบการรายยอ่ ยบางส่วน ยงั ขาด ความรดู้ ้านการผลิต การตลาด และสร้าง มลู คา่ เพ่ิม 4. การผลิตพืชอาหารทางการเกษตรไมเ่ พียงพอ ตอ่ ความต้องการบริโภคในพ้ืนที่ โอกาส (Opportunity) ปัญหา (Threat) 1. นโยบายของรัฐบาลมงุ่ เนน้ การแก้ไขปัญหาภาค 1. ราคาผลผลิตทางการเกษตรไม่แน่นอน การเกษตรเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สง่ ผลกระทบต่อรายไดแ้ ละความเป็นอยู่ 2. จังหวัดได้ใหค้ วามสำคัญกับการยกระดับขดี 2. ปัจจัยการผลิตมีราคาแพง ส่งผลกระทบต่อ ความสามารถในการผลติ ด้านการเกษตรและแปรรูป รายไดแ้ ละตน้ ทุนการผลติ สินค้าเกษตรอยา่ งครบวงจรควบคูก่ บั การพฒั นา 3. งบประมาณสนับสนนุ จากภาครฐั จำกัด อุตสาหกรรมสะอาดและพลังงานทางเลือกได้ถูก กำหนดไวเ้ ป็นยุทธศาสตรจ์ ังหวัด 3. แผนปฏริ ูปประเทศด้านเศรษฐกจิ ใหค้ วามสำคัญ กับการพัฒนาฟ้ืนฟูทรัพยากรดนิ ท่ีเปน็ พ้นื ฐานสำคญั ตอ่ การพัฒนาการผลิตภาคการเกษตร 4. กรมพัฒนาที่ดินมีแผนงาน/โครงการ สนับสนุนท่ี สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของ เกษตรกรเพอ่ื เพม่ิ ประสิทธภิ าพและลดตน้ ทนุ การผลติ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
79 4. ดา้ นนโยบาย จดุ แข็ง (Strength) จดุ ออ่ น (Weakness) 1. กรมพัฒนาที่ดิน ให้ความสำคัญในการคัดเลือกพื้นท่ี 1. เกษตกรยังขาดการรับรู้นโยบายของ เปน็ ตน้ แบบในการบรหิ ารจดั การเชงิ พนื้ ทร่ี ะดับลุ่มนำ้ หนว่ ยงานระดับพน้ื ท่ี 2. กรมพัฒนาที่ดิน กำหนดให้เป็นแผนปฏิบัติการ โครงการ ระยะ 20 ปี 3. หน่วยงานมีฐานข้อมูลเชิงวิชาการสนับสนุนการ วางแผนและกำหนดมาตรการในการแก้ไขปญั หา 4. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นท่ีดินลุ่มน้ำ ให้ ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม การแก้ปญั หาการบุกรุกทำลายปา่ และความ เสื่อมโทรมของดิน การปลูกต้นไม้ การสร้างจิตสำนึก ให้กับประชาชนในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านต่าง ๆ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การ ประกอบอาชีพ การช่วยเหลอื ดา้ นตา่ ง ๆ การรวมกลุ่ม โอกาส (Opportunity) ปัญหา ( Threat ) 1. จังหวัดได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับขีด 1. การสนับสนุนด้านนโยบาย ขาดความ ความสามารถในการผลิตด้านการเกษตรและแปรรูป ต่อเนื่อง สินค้าเกษตรอย่างครบวงจร ควบคู่กับการพัฒนา 2. ขาดการติดตามและประเมินผลตาม อุตสาหกรรมสะอาดและพลังงานทางเลือก และกำหนด ตัวชี้วัดที่ครอบคลุมทุกมิติทางกายภาพ ไว้เปน็ ยทุ ธศาสตรจ์ งั หวดั สังคมและเศรษฐกิจ 2. มีหน่วยงานของรัฐเข้าบูรณาการงานในพื้นท่ีเพ่ือ ส่งเสริม/สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร เช่น การปลูกพืชผสมผสาน การปลกู พืชแซม ใช้ท่ดี ินตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งกับโอกาสจุดแข็งกับข้อจำกัดจุดอ่อนกับโอกาสและจุดอ่อน กับข้อจำกัด (TOWS matrix) ซึ่งผลของการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในข้อมูลแต่ละคู่ดังกล่าวทำให้ได้ แนวทางและมาตรการสำหรับการพัฒนาพื้นที่เพื่อป้องกันการชะล้างพังทล ายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ี เกษตรกรรม เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ กำหนดแผนงาน/ โครงการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาในการกำหนดแผนการ ดำเนินงาน และกลไกการขับเคลอ่ื นแผนบริหารจดั การโครงการ ในลำดบั ถัดไป แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
80 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
81 4 แผนกำรใชท้ ่ดี นิ เพ่อื กำรอนรุ กั ษ์ดนิ และน้ำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
82 4บทที่ เขตการใช้ที่ดินเป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสภาพการใช้ ทีด่ นิ ร่วมกบั ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายในพ้ืนทีโ่ ครงการฯ โดยการวเิ คราะห์อยูภ่ ายใต้เงื่อนไขที่ต้องรักษา สภาพป่าไม้และระบบนิเวศของพ้นื ท่ีไว้ ร่วมกับการใช้พ้ืนทใ่ี ห้เหมาะสมกบั ศักยภาพของท่ีดินตามประเภท การใช้ที่ดิน ภายใต้ข้อจำกัดการใชท้ ี่ดินของภาครัฐ และต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจสังคมของชุมชน ในพืน้ ทต่ี ามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยเนน้ การมสี ่วนร่วมของชุมชนและภาครัฐในการพิจารณาจัดทำ แผนการใช้ที่ดินในพื้นที่โครงการฯ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างยั่งยืน และคงไว้ซึ่งสมดุลของ ระบบนเิ วศรวมทง้ั กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นแง่ของการฟืน้ ฟแู ละอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตใิ นพน้ื ท่ีโครงการฯ ตอ่ ไป จากการวเิ คราะหฐ์ านข้อมูลเพื่อการพิจารณากำหนดเขตการใชท้ ี่ดินในพ้ืนท่ีลุ่มนำ้ คลองลาว สามารถ กำหนดเขตการใช้ที่ดินในพ้ืนที่ ได้เป็น 5 เขตหลัก คอื 1) เขตพน้ื ท่ปี ่าไม้ตามกฎหมาย 2) เขตเกษตรกรรม 3) เขตชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง 4) เขตแหล่งน้ำ และ 5) เขตพื้นที่คงสภาพป่าไม้นอกเขตป่าตามกฎหมาย (ตารางที่ 4-1 และภาพท่ี 4-1) โดยมรี ายละเอียด ดงั นี้ เขตพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมายในพื้นที่โครงการฯ มีเนื้อที่ 31,452 ไร่ หรือร้อยละ 21.21 ของเนื้อที่ ทั้งหมด พื้นที่ในเขตนี้เป็นบริเวณที่มีการประกาศเป็นเขตป่าไม้ตามกฎหมาย รวมถึงบริเวณที่มีมติ คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรที่ดิน พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือ พื้นทชี่ ั้นคณุ ภาพล่มุ น้ำช้นั ท่ี 1 และชน้ั ท่ี 2 และเมอ่ื พิจารณาตามวัตถุประสงคห์ ลักของการประกาศเขตป่า ไม้ ความเหมาะสมของที่ดนิ ต่อการทำเกษตรบนพ้ืนท่ีสูงในด้านความลาดชันของพน้ื ที่และความลึกของดิน สามารถกำหนดเขตการใชท้ ด่ี นิ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เขตนี้อยู่ในพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ (โซน C) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือพ้ืนที่คุณภาพลุ่มน้ำช้ันท่ี 1 และชั้นท่ี 2 โดยเขตน้ีกำหนดข้ึนเพื่อให้คงสภาพเป็นป่าท่ีสมบูรณ์ ซึ่งเป็น พื้นที่ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมอย่างสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำ โดยบริเวณนี้มี ลักษณะเป็นผืนป่าขนาดใหญ่จึงมีความจำเป็นต้องสงวนรักษาพื้นที่ไว้เป็นป่าของประเทศต่อไป เพื่อ รักษาคุณภาพของพื้นที่ลุ่มน้ำและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร อีกทั้งเพื่อป้องกันภัยธรรมชาติอันเนื่องมาจากน้ำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
83 ท่วม และการพังทลายของดิน หรือเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ที่มีคุณค่าและหา ยาก ตลอดจนรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลการสำรวจสภาพการใช้ที่ดิน สามารถจำแนกออกเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ พื้นที่ป่ารอสภาพฟื้นฟู และพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์เพื่อ การเกษตร ซงึ่ เป็นพ้นื ทร่ี อการพสิ ูจน์สิทธิตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี 30 มิถนุ ายน 2541 1) เขตคุ้มครองสภาพป่า (หน่วยแผนที่ 111) เขตนี้มีเนื้อที่ 13,143 ไร่ หรือร้อยละ 8.86 ของเน้ือทที่ ้ังหมด สภาพพ้ืนทป่ี จั จบุ นั มลี ักษณะเปน็ ป่าสมบรู ณ์ ข้อเสนอแนะการใชพ้ นื้ ทใ่ี นเขตคุ้มครองสภาพป่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่เด่นชัดในการรักษาพื้นที่ป่าไม้ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นป่า สมบูรณ์ให้คงสภาพอยู่ เพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศภายในพื้นที่ลุ่มน้ำ ดังน้ันในการใช้พื้นท่ี ดังกลา่ วจึงควรดำเนนิ การ ดังน้ี - ควบคุมมใิ หม้ กี ารเปล่ียนแปลงสภาพปา่ ตามธรรมชาติไปใช้ประโยชนใ์ นรปู แบบอืน่ - ควรมีการบำรงุ รักษาสภาพป่าธรรมชาติตามหลกั วชิ าการ - ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าให้มีประสิทธิภาพและมี การปฏบิ ัตอิ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง รวมทัง้ ดำเนินการกบั ผกู้ ระทำผดิ อย่างเด็ดขาด - ถา้ บริเวณนมี้ ีการบุกรุกพ้ืนที่ในภายหลัง เจา้ หนา้ ที่ผ้รู ับผิดชอบในพ้ืนที่ควรรีบดำเนินการ ปลกู ปา่ ทดแทนโดยเร็ว และป้องกนั การบกุ รกุ เพ่มิ - ควรส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียงเห็นคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้ และมี สว่ นรว่ มในการดูแลรกั ษาปา่ ไม้ 2) เขตฟื้นฟูทรัพยากรป่าตามธรรมชาติ (หน่วยแผนที่ 112) เขตนี้มีเนื้อที่ 1,344 ไร่ หรือ ร้อยละ 0.91 ของเนอ้ื ท่ีทั้งหมด พน้ื ทใ่ี นเขตนี้ปจั จบุ นั มสี ภาพเป็นพื้นที่ป่ารอสภาพฟ้ืนฟู และบางบริเวณมี การใชป้ ระโยชน์เพอ่ื การเกษตร ได้แก่ บรเิ วณที่มีการปลูกพืชไร่ ไรห่ มุนเวยี น ในสภาพพ้ืนทมี่ ีความลาดชัน มากกวา่ 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ สว่ นใหญม่ ีการใช้พ้นื ทเ่ี พ่ือปลกู พืชไร่ ปา่ รอสภาพฟื้นฟู และไร่หมุนเวยี น ข้อเสนอแนะการใชพ้ นื้ ท่ีในเขตฟนื้ ฟูสภาพปา่ ธรรมชาติ - กำหนดมาตรการและแนวทางในการป้องกันมิให้ราษฎรบุกรุกพื้นที่ในเขตนี้ เพื่อนำ กลับมาใช้ดา้ นการเกษตรรวมทง้ั ปอ้ งกันมิให้มีการเปดิ พ้นื ทีป่ า่ เพ่อื ทำการเกษตรเพ่ิม - ควรจัดทำแนวกันไฟเพ่ือป้องกันไฟป่าท่ีอาจเกิดขึ้นได้จากธรรมชาตหิ รือจากกิจกรรมของ มนษุ ย์ เพื่อใหป้ า่ ไมม้ ีการฟืน้ ตวั ตามธรรมชาตทิ ี่สมบรู ณ์ 3) เขตฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติภายใต้เงื่อนไข เขตนี้มีเนื้อที่ 7,377 ไร่ หรือร้อยละ 4.98 ของเนอื้ ท่ีทั้งหมด พน้ื ทใ่ี นเขตน้ีปจั จบุ ันเป็นบริเวณทีม่ กี ารใช้ท่ีดนิ เพอื่ การปลูกยางพาราและไมผ้ ล - เขตพน้ื ทที่ ม่ี ีการใช้ท่ีดนิ เพื่อการเกษตรท่มี แี นวโน้มของการชะล้างพังทลายสูง (หน่วย แผนที่ 1131) เขตนี้มีเนื้อที่ 5,183 ไร่ หรือร้อยละ 3.50 ของเนื้อที่ทั้งหมด พื้นที่เขตนี้ปัจจุบันมีการใช้ ที่ดินปลูกยางพาราและไม้ผล ซึ่งดินเป็นดินลึกในสภาพพื้นที่มีความลาดชัน 35-50 เปอร์เซ็นต์ และเป็น บริเวณซงึ่ มคี วามเสย่ี งตอ่ การชะล้างพังทลายในระดบั รนุ แรงถึงรนุ แรงมากท่สี ุด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
84 - เขตพื้นที่ท่ีมีการใช้ที่ดนิ เพ่ือการเกษตรที่มีแนวโนม้ ของการชะลา้ งพังทลายปานกลาง (หน่วยแผนที่ 1132) มีเนื้อที่ 2,055 ไร่ หรือร้อยละ 1.39 ของเนื้อที่ทั้งหมด พื้นที่เขตนี้ปัจจุบันมีการใช้ ที่ดิน เพื่อปลูกยางพารา ในสภาพพื้นที่มีความลาดชัน 12-35 เปอร์เซ็นต์ และเป็นบริเวณซึ่งมีความเสี่ยง ต่อการชะลา้ งพงั ทลายในระดบั ปานกลางถึงรุนแรง - เขตพน้ื ท่ีทมี่ กี ารใช้ท่ีดินเพื่อการเกษตรท่ีมีแนวโน้มของการชะล้างพังทลายต่ำ (หน่วย แผนที่ 1133) มีเนื้อที่ 139 ไร่ หรือร้อยละ 0.09 ของเนื้อที่ทั้งหมด พื้นที่เขตนี้ปัจจุบันมีการใช้ที่ดินเพื่อ การปลูกข้าวโพด ในสภาพพื้นที่มีความลาดชันต่ำกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ และเป็นบริเวณซึ่งมีความเสี่ยงต่อ การชะล้างพังทลายในระดบั น้อยถงึ ปานกลาง ข้อเสนอแนะการใช้พื้นทีใ่ นเขตฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาตภิ ายใตเ้ งอ่ื นไข - ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ โดยมุ่งเน้นแกไ้ ขปัญหาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย เช่น เขตอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้กรมป่าไม้สำรวจพื้นที่ที่มีการ ครอบครองให้ชัดเจน - ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2540 เรื่อง แผนการจัดการทรพั ยากรที่ดนิ และป่าไม้ระดับพื้นท่ี เพ่อื ใหเ้ กิดการบริหารจัดการทรัพยากรท่ดี นิ และป่าไม้ อย่างมีระบบโดยให้มีการอนุรักษ์ควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน และสงวนรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรป่าไม้ท่ี เหลืออยู่รวมถึงฟื้นฟูป่าที่เสื่อมสภาพ โดยต้องอยู่บนหลักในการลดปัญหาความขัดแย้งของการใช้ ทรพั ยากรในพนื้ ที่ - ควรเพิ่มมาตรการในการอนุรักษ์ที่เข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อคงสภาพป่าไม้ให้มีความ สมบูรณ์ โดยการพฒั นาด้านต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความย่ังยืนของระบบนิเวศและผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้ำ ด้านล่าง โดยเฉพาะแนวทางจดั การให้พนื้ ท่ปี ่าไม้เปน็ ตัวควบคุมปริมาณนำ้ ในลมุ่ น้ำในเวลาที่เหมาะสม เชน่ การสรา้ งฝายชะลอนำ้ ในบรเิ วณทเี่ หมาะสม - ควรเรง่ ปลูกป่าทดแทนและฟ้ืนฟสู ภาพปา่ เพ่ือรักษาระบบนเิ วศลุ่มน้ำบริเวณพ้นื ที่ที่มีความลาด ชนั สงู และพ้ืนท่เี สยี่ งตอ่ การชะล้างพังทลาย โดยเพม่ิ มาตรการอนุรักษ์ดนิ และน้ำที่เหมาะสม เช่น การปลูก หญา้ แฝกและสร้างฝายชะลอน้ำ เป็นตน้ - ควรส่งเสรมิ และรณรงคใ์ หร้ าษฎรในพื้นที่เห็นถึงคณุ ค่าของทรัพยากรป่าไม้และมีส่วนร่วมใน การดูแลและบำรุงรักษาผืนป่าในพืน้ ทร่ี ว่ มกนั เขตนี้อยู่ในพื้นที่ป่าเพื่อเศรษฐกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจำแนกเขตการใช้ ประโยชนท์ รพั ยากรและทด่ี ินป่าไม้ในพื้นทปี่ ่าสงวนแห่งชาติ วนั ที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 ซึ่งพื้นที่ป่า เพื่อเศรษฐกิจนี้ได้กำหนดไว้เพื่อการผลิตไม้และของป่า เพื่อการพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ และประสาน การใช้ประโยชนร์ ่วมกนั ระหวา่ งทรัพยากรป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอืน่ ๆ เพือ่ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158