Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานเสนอรูปแบบการนิเทศภายใน

รายงานเสนอรูปแบบการนิเทศภายใน

Published by peerawat.bok, 2022-06-09 06:39:04

Description: รายงานเสนอรูปแบบการนิเทศภายใน

Search

Read the Text Version

คำนำ รายงานการนำเสนอรปู แบบการนิเทศภายในของสถานศึกษาฉบับน้ี จดั ทำข้นึ เพ่ือนำเสนอรูปแบบ วิธีการ แนวทางในการดำเนินการนิเทศภายใน โดยใช้กระบวนการ PLC ของโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ซึ่งได้มีการดำเนินการตามโครงการนิเทศภายในของ สถานศึกษาท่ีได้มีการกำหนดวตั ถปุ ระสงค์ จดุ มุ่งหมายเพ่ือพฒั นาบุคลากรและพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียน การนิเทศภายในโดยใช้กระบวนการ PLC ดังกล่าวทางโรงเรียนได้ใช้เป็นนแนวทางในการนิเทศ ติดตามเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งภายในโรงเรียน และเพื่อให้โรงเรียนดำเนินการนิเทศ ภายในโรงเรียนได้อย่างเป็นระบบ เชอ่ื มโยงกบั ระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ผู้เรียน มีคุณภาพ ตามหลกั สตู รและมีความสามารถตามสมรรถนะในศตวรรษท่ี 21 ขอขอบคุณคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการจัดทำรายงานการนำแสน อรูปแบบการนิเทศภายในโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อการพัฒนาการศึกษาในทุกระดับมี คุณภาพ ส่งผลต่อ คณุ ภาพการศกึ ษาต่อไป โรงเรียนนิคมสรา้ งตนเอง 3

สารบัญ หนา้ เร่ือง ก ข คำนำ สารบญั 1 ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของสถานศกึ ษา 8 8 ตอนท่ี 2 ผลการดำเนินงานด้านนเิ ทศภายในของสถานศึกษา 8 2.1 ชอ่ื รปู แบบ 14 2.2 สภาพปญั จบุ ัน / ปญั หา 19 2.3 รูปแบบหรือกระบวนการนเิ ทศภายในของสถานศกึ ษา 20 2.4 วิธีดำเนินการ 21 2.5 การกำกบั ตดิ ตาม ประเมินและรายงาน 2.6 ผลสำเรจ็ ทีไ่ ด้ และการนำผลไปใช้ 22 23 ตอนท่ี 3 ข้อมูลอืน่ ๆ เพิ่มเติม 27 รูปแบบการนิเทศภายใน 36 รูปภาพกิจกรรมการนิเทศภายใน 51 เครอื่ งมือที่ใช้ในการนิเทศภายใน 54 ตัวอย่างผลงานจากการ PLC โครงการ คำสั่ง

1 ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่วั ไปของสถานศกึ ษา สถานท่ตี งั้ ชือ่ สถานศกึ ษา โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ต้ังอยูเ่ ลขท่ี - หมู่ที่ 6 ตำบลบึงเจริญ อำเภอบา้ นกรวด จังหวัดบุรีรมั ย์ รหัสไปรษณยี ์ 31180 โทรศัพท์ 088-5946891 E-mail : [email protected] Facebook page : โรงเรยี นนิคมสรา้ งตนเอง 3 สพป.บรุ ีรัมย์ เขต 2 กลมุ่ โรงเรียนบ้านกรวด 4 สังกัด สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาบรุ ีรัมย์ เขต 2 เปดิ สอนระดับช้นั อนบุ าลปที ่ี 2 ถึงระดับช้ัน มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เขตพ้ืนท่ีบริการ 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หมทู่ ่ี 6 หมูท่ ี่ 7 หมู่ท่ี 13 ตำบลบงึ เจรญิ หมู่ท่ี 10 และ หมู่ 14 ตำบลปราสาท ผูบ้ ริหารคนปจั จบุ นั ชื่อ นางสงวน อรญั เพม่ิ วทิ ยฐานะชำนาญการพิเศษ วฒุ กิ ารศึกษาสงู สุด ปริญญาโท สาขาการบริหารการศกึ ษา ดำรงตำแหนง่ ท่ีโรงเรียนนีต้ ง้ั แต่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปจั จุบนั ความเปน็ มา 1. ประวัติของโรงเรียน โรงเรยี นนิคมสร้างตนเอง 3 ตั้งข้นึ เม่ือ พ.ศ. 2508 โดยใชง้ บประมาณของกรมประชาสงเคราะห์ มี ผ้ปู กครองนิคมสรา้ งตนเองบ้านกรวดเปน็ ผูก้ ่อต้ัง ตงั้ อย่บู ้านสายตรี 4 หมู่ 6 ตำบลบงึ เจริญ อำเภอบา้ นกรวด จังหวดั บรุ ีรมั ย์ มเี นอ้ื ที่ 48 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา เปดิ ทำการสอนคร้ังแรกเมื่อวนั ที่ 2 พฤษภาคม 2509โดย เปิดสอนในระดับ ป.1- 4 มนี ายชาย เจตนิ ยั เปน็ ครูใหญ่ และนายวิจิตร พทุ ไธสง เปน็ ครผู ูส้ อน มีนกั เรยี นชาย 36 คน นกั เรยี นหญิง 36 คนรวม 72 คน ปัจจุบัน โรงเรียนเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2564 มนี ักเรยี นทง้ั สิ้น 246 คน ชาย 126 คน หญงิ 120 คน มีครูประจำการ 17 คน พนกั งานราชการ 1 คน เจา้ หนา้ ที่ธุรการ 1 คน โดยมนี างสงวน อรญั เพิม่ เปน็ ผ้อู ำนวยการสถานศึกษา สภาพชุมชน โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ตั้งในบ้านพื้นที่บ้านสานตรี 4 เหนือ โดยมีเขตพื้นที่บริการ 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หม่ทู ี่ 6 หมทู่ ่ี 7 หมู่ที่ 13 ตำบลบงึ เจริญ หมูท่ ี่ 10 และหมู่ 14 ตำบลปราสาท ซงึ่ สภาพชุมชนมีลักษณะ คล้ายคลึงกันมากทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ สภาพชุมชน และสภาพเศรษฐกิจ คือ ประชาชนอพยพมาจากหลาย ถิ่นมาอาศัยอยู่รวมกัน แล้วรวมตัวกันจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง และทำไร่ทำนา จาก การที่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างนี่เองที่ส่งผลกระทบกับโรงเรียน คือ การย้ายถิ่นฐานของ ประชาชน เป็นเหตุให้นักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ต่อเนื่อง บางครั้งผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานก็จะ

2 อพยพไปทำงาน ปลอ่ ยบตุ รหลานให้อาศยั อยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย ซ่ึงมีอายุมากไม่สามารถดูแลบุตรหลานได้อย่าง ทั่วถึง เป็นสาเหตุให้นักเรียนมีปัญหาด้านความอบอุ่นและไม่เอาใจใส่ต่อการศึกษาเท่าที่ควร เป็นการส่ง ผลกระทบตอ่ ผลการเรยี นของนักเรยี นในระดับหนึ่ง คำขวญั ของโงเรยี น มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ ส้งู าน ประสานชมุ ชน ตราสัญลักษณข์ องโรงเรยี น อกั ษรย่อ น.ค. 3 สปี ระจำโรงเรียน เหลอื ง - แดง ข้อมูลครูและบุคลากร 1) จำนวนขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากร ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ รอง ครผู ้สู อน พนักงาน ครูอัตรา นกั การภาร เจา้ หน้าที่ ผูอ้ ำนวยการ ราชการ จ้าง โรง อ่ืนๆ จำนวน(คน) 1 0 16 1 0 0 1 จำนวนขำ้ รำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 18 รองผอู้ ำนวยกำร ครูผู้สอน พนักงำนรำชกำร ครอู ัตรำจ้ำง นักกำรภำรโรง เจำ้ หน้ำท่ีอน่ื ๆ 16 0 16 10 0 1 14 12 10 8 6 4 2 0 ผอู้ ำนวยกำร จำนวน 1

2) วิทยฐานะ 3 วทิ ยฐานะ ครูผชู้ ่วย คศ.1 คศ.2 คศ.3 คศ.4 0 จำนวน (คน) 2 1 59 วทิ ยฐานะของขา้ ราชการครู ปีการศกึ ษา 2564 คศ.4 ครผู ชู้ ่วย 0% 12% คศ.1 6% คศ.3 53% คศ.2 29% ครผู ้ชู ่วย คศ.1 คศ.2 คศ.3 คศ.4 3) วุฒิการศกึ ษาสงู สุดขอ ปวส. ปริญญาตรี ป.บณั ฑิต ปรญิ ญาโท ปริญญาเอก บคุ ลากร 0 10 0 9 0 วฒุ กิ ารศึกษา ม.6 ปวช. จำนวน (คน) 0 0 วุฒิการศกึ ษาสูงสดุ ของบคุ ลากร ปกี ารศกึ ษา 2564 ม.6 ปวช. ปวส. ปรญิ ญาตรี ป.บัณฑิต ปรญิ ญาโท ปรญิ ญาเอก 0% 5% 0% 0% 45% 50% 0%

4) สาชาวชิ าที่จบการศึกษาและภาระงานสอน 4 สาขาวิชา จำนวน ภาระงานสอนเฉล่ยี ของครู 1 คน (คน) ในแตล่ ะสาขาวิชา(ชม./สปั ดาห)์ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ 2 20 วิทยาศาตร์ 1 20 ชีววิทยา 1 20 วทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า 1 20 สงั คมศึกษา 1 20 เทคโนโลยีการศกึ ษาและคอมพิวเตอร์ศึกษา 3 20 ปฐมวยั 1 20 ภาษาอังกฤษ 1 20 ประถมศึกษา 1 20 นาฎศิลป์ 2 20 เทคโนโลยกี ารศึกษา 1 20 1 20 สาขาวิชาท่จี บการศึกษาและภาระงานสอนของครู 25 20 15 10 5 0 จานวน (คน) ภาระงานสอนเฉลย่ี ของครู 1 คน

5 5) ข้อมูลนักเรียน จำนวนนักเรียนปีการศึกษา 2564 รวมทัง้ สน้ิ 246 คน จำแนกตามระดับช้ันท่เี ปิดสอน ดงั นี้ ระดับชน้ั จำนวนหอ้ ง ชาย หญิง รวม อนบุ าล 2 1 7 8 15 อนุบาล 3 1 6 5 11 รวมอนบุ าล 2 13 13 26 ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 1 10 10 20 ประถมศึกษาปีท่ี 2 1 14 9 23 ประถมศึกษาปีที่ 3 1 10 9 19 ประถมศึกษาปที ่ี 4 1 9 19 28 ประถมศึกษาปที ่ี 5 1 13 12 25 ประถมศึกษาปที ่ี 6 1 14 14 28 รวมประถม 6 70 73 143 มัธยมศึกษาปที ี่ 1 2 19 16 35 มัธยมศึกษาปีท่ี 2 1 13 10 23 มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 1 11 8 19 รวมมธั ยมศึกษาตอนตน้ 4 43 34 77 รวมทั้งหมด 12 126 120 246 หมายเหตุ ข้อมูล ณ 25 มิถุนายน 2564 จานวนนกั เรียนชายหญิงระดับปฐมวยั ปกี ารศกึ ษา 2564 30 17 26 89 12 14 20 9 อนบุ าล 3 รวม อนุบาล ชาย หญงิ รวม 10 4 5 0 อนบุ าล 2

6 จานวนนักเรียนชายหญิงระดบั ประถมศึกษา ปีการศกึ ษา 2564 160 153 140 120 100 76 77 80 60 40 22 23 17 24 26 29 29 20 12 10 13 10 7 14 12 14 15 16 13 0 ชาย หญงิ รวม จานวนนักเรยี นชายหญิงระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปี 2564 80 80 70 60 50 43 37 40 35 20 รวม 30 25 20 15 13 20 15 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 10 7 10 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 0 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ชาย หญงิ รวม

7 ตอนท่ี 2 ผลการดำเนินงานดา้ นนเิ ทศภายในของสถานศกึ ษา 2.1 ชื่อรูปแบบ “การนเิ ทศภายใน โดยใช้กระบวนการ PLC” 2.2 สภาพปจั จุบนั /ปัญหา การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษาของไทย เพราะปัจจุบัน ในโลกทัศน์ใหม่ของการศึกษายุคโลกาภิวัตน์ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการ เปลี่ยนแปลงทางการศึกษาไดเ้ กิดข้ึนอย่างรวดเรว็ และมคี วามจำเปน็ ทป่ี ระเทศไทยต้องเรียนรูท้ จ่ี ะปรบั ตัวให้ทัน กับการเปลย่ี นแปลงทางการศึกษาทีเ่ คลอื่ นไหวอยตู่ ลอดเวลา และเตรียมพร้อมทจ่ี ะเผชิญความท้าทายจากการ เคลอ่ื นไหวของกระแสการศึกษาโลก โดยปจั จยั สำคัญทีจ่ ะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายดังกล่าว ก็คอื การสร้างคุณภาพของมนษุ ย์ โดยวิธี จดั การศึกษาเพ่ือพฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพนั้น จึงเป็นเรื่องท่ีสำคัญอย่าง ยงิ่ เพ่อื ทำให้ศักยภาพทม่ี ีอยู่ในตัวของแต่ละคนไดร้ ับการพัฒนาอย่างเต็มความสามารถทำให้เป็นคนท่ีรู้จักการ คิดวิเคราะห์รู้จักแก้ปัญหา มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถปรับตัวให้ทัน กับการ เคลื่อนไหวทางการศกึ ษาและการเปลี่ยนแปลงท่ีรวดเร็วรวมทั้งส่ิงที่สำคัญท่ีสดุ ในการพฒั นาคุณภาพชีวิต และ คุณภาพการศึกษาคือ คุณธรรม จริยธรรมที่ดีงาม สามารถจรรโลงจิตใจของผู้เรียนสามารถดำรงชีวติอยู่ใน สังคมได้อยา่ งมีความสขุ ภารกจิ หลักของโรงเรียน คือการจดั การเรียนการ สอน งานวิชาการจึงเปน็ งานหลักของโรงเรยี นเพราะ โรงเรียนเป็นหน่วยงานทางศึกยาที่สำคัญที่สดุ ผู้บริหารศกึ ษาจึงด้องใช้เวลาในการบริหารงานวิชาการมากกว่า งานอนื่ ๆ เพราะงานอนื่ ๆ เป็นงามทสี่ นับสนนุ การเรยี นการสอน เพือ่ ให้การบรหิ ารงานวิชาการมปี ระสิทธิภาพ ส่งผลให้เด็กและเขาวชน ได้รับความรู้ ฝึกฝนสติปัญญาซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความเป็น มนุษย์ ผู้บริหาร โรงเรียนยุตใหม่จะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นผูน้ ำทางวิชาการที่เข้มเข็ง เป็นผู้อำนวย ความสะดวก เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ทีก่ วา้ งไกล เป็นผู้นำหรอื สนับสนนุ ส่งเสริมในการนำนวัดกรรมรูปแบบใหมม่ าใช้ ใบการปรับปรงุ พัฒนากระบวนการเรียนรู้กระบวนการสอนให้ไดผ้ ลดแี ละมปี ระสิทธิภาพ เกดิ ประ โยชน์สูงสุด แก่ผเู้ รยี น การนิเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหน่วยงานทุกระตับ การนิเทศการสอนของครูเป็นการนิเทศภายใน รปู แบบหนงึ่ เพือ่ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงรีขนใหด้ ี และเป็นขัน้ ตอนสำคัญในการบริหารงาน การนิเทศ จะช่วยแก้ไขปรับปรุงส่วนที่บกพร่องให้มีการพัฒนาค้นวิชาชีพครู เพื่อครูจะได้ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง การเรียนการสอนของตนเอง ช่วยให้ครูได้พัฒนาความรู้ความสามารถใบต้นการสอน รวมทั้งพัฒนาคุณภาพ ของนักเรียน การนิเทศการศึกษาเป็นกลไกที่สำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา ทั้งนี้เพราะการนิทศ การศึกษาเป็นงานเกี่ยวกับการเรียนการสอน การบริหารงานวิชาการ ตรวจสอบพัฒนาควบคุมสถานศึกยา การศึกษาทคลองและวิจัยในเรื่องที่เกีย่ วข้องกบั การเรียนการสอน หลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกบั

8 สภาพปัจจุบัน การจัดทำคู่มือกรูเอกสารวิชาการ และจัดหาวัสดุการเรียนการสอน การปรับปรุงส่งเสริม คุณภาพการเรียนการสอน การจัดอบรมสัมมนาครู อาจารย์ หรือผู้บริหารการศึกษาเพื่อส่งเสริมงานวิชาการ การประเมินผลงานด้านวิชาการ รวมทั้งเสนอแนะและให้คำปรึกษาทางวิชาการ ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า การนิเทศ การศึกษา เป็นดังใจของความสำเร็จในการปรับปรุงการศึกษาและการนิเทสภายในเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ ผู้บริหารการศึกษาและผู้เกีย่ วข้องกับการบริหารการศึกษาทุกระดบั ที่จะใช้เปน็ เครื่องมือนำไปสู่ความสำเร็จใน การรวมพลังครู และผ้บู ริหาร รวมทัง้ การพฒั นาให้มีความสามารถ ปรับปรงุ และพัฒนาการดำเนินงานให้ได้ผล ยิ่งขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับปัญหาความต้องการและสักยภาพของโรงเรียน โดยเน้นกระบวนการร่วมคิดร่วมทำ ของบคุ ลากรในองคก์ าร การนิเทศการสอนเป็นกระบวนการให้คำแนะ นำ ช่วยเหลือ ให้คำปรึกยาแก่ครูและบุคลากรทางการ ศึกษา เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพและปรับปรุงการเรียนการสอน ส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพให้มีการ พัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะการบิเทศมี ความสำคัญต่อการเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่ง เพราะในบางครั้งแม้ครูอาจารย์จะใช้ความสามารถในการจัด กจิ กรรมตามท่ีวางแผนไว้แลว้ ก็ตาม อาจจะมีบางส่งิ บางอย่างขาดดกบกพร่อง ทำให้การสอนขาดความสมบูรณ์ ดังนน้ั หากมีบุคคลอ่นื ไดช้ ้ีแนะ แนะนำให้ความช่วยเหลอื กย็ ่อมเกดิ ผลดี การนเิ ทศจงึ เปรยี บเสมอื นกระจกเงาที่ คอยส่องให้เห็นภาพการสอนของครูและเป็นกระบวนการที่เสริมสร้างการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพ เพื่อ เป็นข้อมูลในการวางแผนในการพัฒนาการศึกษา การสร้างสื่อและนวัดกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมในการ จัดการเรียนร้ใู ห้กับผูเ้ รยี นได้ถูกตอ้ งตามจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รสถานศกึ ษา โดยเนนั้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ และยัง เป็นการสร้างความตระหนักให้กับกรูถึงปัญหาเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไห้สามารถแก้ไขปัญหา ได้ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูผู้สอนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมุ่งให้เกิดความร่วมมือและประสานงานกันเป็น อย่างดีภายใต้ระบบการบริหารงานของโรงเรียนเพื่อควบกุมมาดรฐานและพัฒนางานค้านการสอนให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยฉพาะการก้าวสู่ระบบการประกับคุณภาพการศึกษารอบที่ 3 กล่าวโดยรวมก็คือการ จัดการนิเทศการศึกษาก็เพื่อหาแนวทางปรับปรุงพัฒนาการปฏิบัติงานค้านการสอนของครู การทำงานเป็นทีม การสร้างเจตคติท่ีตีในการทำงาน ความร่วมมือในการแก้ปัญหาทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยรวมส่งผลตอ่ คณุ ภาพของผู้เรยี นในทส่ี ุด การพัฒนาคุณภาพศกึ ษาให้เกิดคุณภาพนน้ั ส่ิงหน่งึ ท่เี ป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปคือคณุ ภาพของ ผู้เรยี น เพอ่ื ให้เชื่อมน่ั ว่าคุณภาพผเู้ รยี นจะเกิดได้และบรรลุหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 และ มาตรฐาน การเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) และหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560 นนั้ จะต้องมีกระบวนการสู่ความสำเรจ็ มอี งค์ประกอบและปัจจัยคือ คณุ ภาพของผเู้ รยี น ท่ี โรงเรียนตอ้ งประกนั คุณภาพ ตอ่ ผปู้ กครอง และผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสีย โรงเรยี นตอ้ งประกนั คุณภาพต่อผู้ปกครอง และผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียว่าผู้เรียนจะตอ้ งมีคุณภาพและมาตรฐานตามหลักสตู ร มีทักษะท่ีจำเปน็ ในศตวรรษที่ 21 ดังน้ันการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน จะตอ้ งมกี ระบวนการสู่ความสำเรจ็ ในการพฒั นา 3 กระบวนการ คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการเรียนการสอน และกระบวนการนิเทศการศกึ ษา ซงึ่ กระบวนการนเิ ทศ การศึกษา เป็น ภารกจิ จำเป็นตอ่ การจดั การศึกษาที่ ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะ อย่างย่ิงทางด้าน การพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน บุคลากรทเ่ี กย่ี วข้องในหน่วยงานจดั การศกึ ษา

9 จำเปน็ ตอ้ งพัฒนาและปรบั ปรุง ตนเองให้ทนั ต่อการเปลย่ี นแปลง เพอื่ ให้การปฏบิ ตั ิงานเป็นไปอยา่ งมี ประสิทธภิ าพ ซ่ึงการนเิ ทศการศกึ ษา เปน็ กระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพ่ือ ช่วยเหลอื ช้แี นะและพัฒนางานให้ ประสบผลสำเร็จ ทันต่อสภาพ การเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ขึน้ อีกทั้งเปน็ องค์ประกอบ สำคัญที่ช่วยเหลอื สนับสนุน ให้กระบวนการบริหาร และกระบวนการเรยี นการสอนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ของประเทศ ท้ังยงั เป็นส่วนสำคญั ในการส่งเสรมิ ระบบประกนั คุณภาพการศึกษา ทต่ี อ้ งพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นใหม้ ี ทกั ษะทจ่ี ำเป็น ในศตวรรษที่ 21 เพ่ือเขา้ สู่การปฏริ ปู การศึกษาและการจัดการศกึ ษาในยุคประเทศไทย 4.0 ตลอดทัง้ มาตรฐานการศึกษาของชาตทิ ี่มุ่งเน้นให้ผ้เู รียนมีคุณภาพ มีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มที ักษะวิชาการ ทักษะ อาชีพ ทักษะชวี ติ ทกั ษะการเปน็ ผู้นำ และทักษะการนำไปสุ่การสร้างนวัตกรรมขับเคล่ือนการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน การนิเทศการศึกษาจึงมีความสำคัญต่อการพั ฒนา ปรบั ปรงุ และเพิ่มประสทิ ธภิ าพใน การจดั การการศึกษา ในสถานศกึ ษา เพ่อื ให้ผู้บรหิ ารและครผู สู้ อนมีความรู้ความเข้าใจในด้านการบริหาร จดั การ ด้านหลกั สตู ร การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสทิ ธิภาพ รวมท้ังการปฏิบตั ิงานอ่ืนๆ ทีส่ ่งผล ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จากผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติข้นั พ้ืนฐาน (O-NET) ของผู้เรียน สภาพปัจจบุ นั ของการจดั การศกึ ษาของโรงเรียนนคิ มสรา้ งตนเอง 3 พบว่า กระบวนการนเิ ทศ ภายในโรงเรียนยังมีการดำเนินการไม่เต็มรปู แบบ มีท้งั ปัจจัยท่ีเอ้ือและปจั จัยทเ่ี ปน็ อปุ สรรคตอ่ การนิเทศ การ นเิ ทศยงั ขาดความต่อเนื่องและความเปน็ เอกภาพทสี่ อดคล้องกับบริบทของพ้ืนท่ี เพื่อให้ทนั ต่อการเปล่ยี นแปลง ในยคุ ประเทศไทย 4.0 และการพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ที ักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมอื งไทย มีทักษะและ คณุ ลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี 21 นอกจากนัน้ สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษายังมีความต้องการใหม้ ีการ พัฒนาระบบนิเทศภายในสถานศกึ ษาให้เข้มแขง็ และต่อเนอ่ื ง โรงเรยี นนิคมสร้างตนเอง 3 จึงได้จัดทำโครงการ นิเทศภายในของโรงเรียน โดยการยึดแนวทางการนเิ ทศบรู ณาการโดยใช้กระบวนการ PLC ตามแนวทางของ ครุ ุสภา เพอ่ื พัฒนาคุณภาพของผ้เู รียนขน้ึ เพ่ือสร้างความเขม้ แข็งการนิเทศ ภายในโรงเรียนใหม้ ีประสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ล บรรลุเป้าหมายการจัดการศึกษา จากนโยบายการนิเทศภายใน ของสำนักงานเขตพืน้ ท่ี การศึกษาการประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ซ่งึ ต้องการพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหเ้ ข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน การ นิเทศภายในสถานศกึ ษา เปน็ กระบวนการทผ่ี ู้นิเทศในสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้บรหิ าร ครูวชิ าการ และครู ทีผ่ บู้ ริหารมอบหมาย ดำเนินการโดยใช้ภาวะผนู้ ำทำให้เกิดความร่วมมอื ร่วมใจ ประสานงานและ ใช้ศักยภาพการทำงานอย่างเตม็ ที่ ซึ่งจะส่งผลต่อการพฒั นางานของสถานศึกษาโดยสว่ นรวม ใหเ้ ปน็ ไปตาม มาตรฐานหลกั สตู ร มาตรฐานการศึกษา นอกจากนี้พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไข เพม่ิ เติม มีเจตนารมณอ์ ยา่ งชดั เจนในเรอื่ งกระบวนการ จัดการเรียนการสอน โดยยึดนักเรียนเป็นสำคญั จะตอ้ งปฏิรูปกระบวนการเรยี นรู้ใหเ้ ด็กได้คิดและปฏิบตั กิ จิ กรรม ดว้ ยตนเอง จงึ ต้องมีการพัฒนาครใู ห้ สอดคล้องกบั หลักการดงั กล่าว เพีอ่ เปน็ การสนองต่อนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐานและสำนกั งาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 อกี ทง้ั ในปีการศกึ ษาทผี่ า่ นๆมามีผลการประเมินการทดสอบ ความสามารถพน้ื ฐานผู้เรียนระดับชาติ (NT) และ ผลการประเมินการทดสอบความสามารถในการอา่ นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 (RT) ซงึ่ เมื่อเทียบกบั ระดบั เขตพ้นื ท่ีและระดับประเทศแลว้ ถือว่าอย่ใู นระดับที่ยงั ต้องมกี าร พฒั นา ซึ่งทางโรงเรียนนิคมสรา้ งตนเอง 3 เห็นถึงความสำคัญในสว่ นน้ี และมีความตอ้ งการพฒั นาคณุ ภาพการ

10 บริหารจดั การชนั้ เรียน และยกระดับผลสมั ฤทธิ์ของผเู้ รยี น จึงไดม้ ีการจดั ทำแผนนิเทศภายในครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษาของโรงเรยี น ทั้งน้ีเพือ่ เป็นการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนและเพอ่ื พัฒนา ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนของครูผสู้ อนซงึ่ จะเกิดประโยชนต์ อ่ ผเู้ รยี นต่อไป 2.3 วัตถุประสงค์ของการนเิ ทศภายใน 1. เพ่ือให้สถานศึกษามีศักยภาพในการพัฒนาคณุ ภาพการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นให้สอดคล้องกับ มาตรฐาน หลกั สูตรและเปน็ ไปตามแนวทางของพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแ่ี ก้ไข เพมิ่ เติม 2. เพื่อให้สถานศึกษาสามารถบริหารและจดั การเรียนรู้ได้อยา่ งมคี ณุ ภาพ 3. เพ่อื พฒั นาหลกั สูตรและการเรยี นรใู้ ห้มปี ระสทิ ธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของชมุ ชน และ สังคม ทนั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงทุกด้าน 4. เพอ่ื ใหบ้ ุคลากรในสถานศกึ ษา ได้พัฒนาเพ่ิมพูนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรูแ้ ละการปฏบิ ัติงาน ตลอดจนความต้องการในวิชาชพี 5. เพอ่ื ส่งเสริมให้โรงเรียนปฏิรูประบบบรหิ าร โดยให้ทกุ คนมสี ว่ นร่วมคดิ ร่วมทำร่วมตัดสินใจ และรว่ มรับผิดชอบ ช่ืนชมในผลงาน 2.4 เป้าหมายของการนิเทศภายในระดับโรงเรยี น การนเิ ทศ กำกบั ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนาคุณภาพการจดั การศกึ ษาภายใน โรงเรยี นมกี ารแบ่งกจิ กรรมการนิเทศ ออกเป็นกิจกรรม คอื ประกอบด้วยการเย่ียมชัน้ เรียน การสงั เกตการสอน ในชั้นเรยี น การนเิ ทศการเรยี นการสอนของครู การสงั เกตพฤติกรรมการสอน การนเิ ทศแผนการจัดการเรยี นรู้ 2.5 ขอบเขตของการนเิ ทศภายใน 1. ผู้นิเทศ 1. ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา 2. หัวหน้าสายชัน้ เรียน 3. ครูผสู้ อน 2. ผรู้ ับการนิเทศ ครูทกุ คนในโรงเรียนจำนวน 17 คน 3. เคร่อื งมือการนิเทศภายใน 1. แบบนิเทศการเย่ยี มชน้ั เรียน 2. แบบนเิ ทศการสงั เกตการสอนในชั้นเรยี น 3. แบบนิเทศการเรยี นการสอนของครู 4. การสังเกตพฤติกรรมการสอน 5. การนเิ ทศแผนการจัดการเรียนรู้ 4.4 ระยะเวลาในการนเิ ทศ มิถุนายน 2564 – มีนาคม 2565

11 2.6 ข้อมูลพ้ืนฐานของสถานศึกษา ผลการประเมินการทดสอบความสามารถในการอ่านช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 (RT) ประจำปีการศกึ ษา 2563 ดา้ น คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละของ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ โรงเรียน ของระดบั เขตพ้ืนท่ี ของระดับประเทศ ดา้ นการอ่านออกเสยี ง 44.54 77.78 74.14 ดา้ นการอ่านรูเ้ รื่อง 40.81 68.42 71.86 เฉลีย่ ทัง้ 2 ดา้ น 42.68 73.11 73.02 ผลการประเมินการทดสอบความสามารถในการอา่ นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 (RT) ประจาปกี ารศึกษา 2563 80 77.78 74.14 68.42 71.86 73.11 73.02 40.81 42.68 70 ดา้ นการอา่ นรูเ้ ร่ือง เฉลีย่ รวมทง้ั 2 ด้าน 60 44.54 คะแนนเฉลยี่ ร้อยละของระดับเขตพื้นที่ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละของระดับประเทศ 50 40 30 20 10 0 ดา้ นการอา่ นออกเสียง คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละของโรงเรียน ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพ้ืนฐานผเู้ รียนระดับชาติ ปีการศกึ ษา 2561 - 2563 เปรียบเทยี บผลการประเมินการทดสอบความสามารถในการอ่านช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 (RT) และรอ้ ยละผลตา่ ง ระหว่างปีการศกึ ษา 2561 - 2563 ความสามารถ ปี 2561 ปี 2562 ผลต่าง 2561-2562 ปี 2563 ผลต่าง 2562-2563 ดา้ นการอ่านออกเสียง 53.70 25.59 -28.11 44.54 18.95 ด้านการอ่านรูเ้ รื่อง 53.76 38.28 -15.48 40.81 2.53 รวมเฉลีย่ ท้งั 2 ดา้ น 53.73 31.94 -21.79 42.68 10.74

12 เปรียบเทยี บผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถในการอ่านชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 (RT) ระหวา่ งปกี ารศกึ ษา 2561-2563 60 53.7 53.76 53.73 50 44.54 38.28 40.81 42.68 40 ดา้ นการอา่ นรเู้ ร่ือง 31.94 30 25.59 รวมเฉล่ยี ท้งั 2 ดา้ น 20 10 0 ดา้ นการอ่านออกเสียง ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพ้นื ฐานผเู้ รียนระดับชาติ (NT) ประจำปีการศึกษา 2563 ดา้ น คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละของ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ โรงเรยี น ของระดับเขตพ้นื ท่ี ของระดบั ประเทศ ด้านคำนวณ 46.70 43.25 40.47 ด้านภาษา 48.37 50.04 47.46 46.64 43.97 เฉล่ยี ทั้ง 2 ดา้ น 47.53 ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพน้ื ฐานผเู้ รยี นระดับชาติ (NT) ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 ประจาปกี ารศกึ ษา 2563 60 46.7 43.25 40.47 48.37 50.04 47.46 47.53 46.64 43.97 50 ดา้ นภาษา เฉลี่ยรวมทง้ั 2 ด้าน 40 คะแนนเฉล่ียร้อยละของระดบั เขตพ้นื ที่ คะแนนเฉลีย่ ร้อยละของระดบั ประเทศ 30 20 10 0 ดา้ นคานวณ คะแนนเฉลยี่ ร้อยละของโรงเรียน

13 ผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพืน้ ฐานผู้เรียนระดบั ชาติ ปีการศึกษา 2561 - 2563 เปรียบเทยี บผลการประเมินการทดสอบความสามารถพื้นฐานผ้เู รียนระดับชาติ (NT) และรอ้ ยละ ผลตา่ ง ระหวา่ งปกี ารศึกษา 2561 - 2563 ความสามารถ ปี 2561 ปี 2562 ผลตา่ ง 2561-2562 ปี 2563 ผลตา่ ง 2562-2563 ดา้ นภาษา 51.97 48.68 -3.29 48.37 -0.31 ดา้ นคำนวณ 48.90 52.00 3.10 46.70 -5.30 รวมเฉลีย่ ท้งั 2 ดา้ น 50.44 50.34 -0.10 47.53 -2.81 เปรยี บเทยี บผลการประเมินการทดสอบความสามารถพื้นฐานระดับชาติ (NT) ระหว่างปีการศกึ ษา 2561-2563 51.97 52 50.44 50.34 52 48.9 47.53 50 48.68 48.37 46.7 รวมเฉลีย่ ทง้ั 2 ดา้ น 48 ด้านคานวณ 46 44 ดา้ นภาษา ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 เปรยี บเทียบผลการประเมนิ การทดสอบความสามารถพน้ื ฐานของนักเรียนระดบั ชาติ (NT) ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 ปีการศึกษา 2562 - 2563 จำแนกตามรอ้ ยละของระดับคุณภาพ ความสามารถด้านภาษา ความสามารถด้านคำนวณ ระดับ ปี2562 ปี 2563 ปี2562 ปี 2563 คณุ ภาพ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ้รอยละ จำนวน ้รอยละ ปรบั ปรงุ 6 25.00 5 20.83 5 20.83 8 33.33 พอใช้ 6 25.00 10 41.67 7 29.17 8 33.33 ดี 11 45.83 7 29.17 8 33.33 3 12.50 ดีมาก 1 4.17 2 8.33 4 16.67 5 20.83 รวม 24 24 24 24

14 2.7 รปู แบบหรอื กระบวนการนิเทศภายในของสถานศกึ ษา 2.1 การนำกระบวนการ PLC ไปสกู่ ารปฏิบัติในสถานศึกษา ในการพัฒนาสถานศกึ ษาให้เปน็ โรงเรยี นแห่งการเรยี นรู้ไดน้ น้ั ปัจจยั ท่ีสำคัญท่ีสดุ อย่างหน่ึงทจ่ี ะขาด มิได้ก็คือ จะต้องมี “ชุมชนแห่งวิชาชีพ หรือProfessional community” เกิดขึ้นในโรงเรียนนั้น เพื่อให้เป็น สถานทส่ี ำหรบั การปฏิสัมพันธ์ของมวลสมาชิกผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูของโรงเรียน เกยี่ วกบั เร่ืองการให้ความดูแล และพูดถึงการปรับปรุงผลการเรียนของนักเรียน ตลอดจนงานทางวิชาการของโรงเรียน และเนื่องจากครูส่วน ใหญ่ในแทบทุกประเทศมักเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวในการปฏิบัติงานสอนของตน ดังนั้น การมี “ชุมชนแห่ง วิชาชีพ” เกิดขึ้นในโรงเรียนจึงช่วยคลี่คลายปัญหาดังกล่าว เพราะทำให้ครูมีโอกาสพูดคุยกับบุคคลผู้มีส่วนได้ เสียกับงานของครู (เช่น ผู้ปกครอง สมาชิกอื่นๆ ของชุมชน เป็นต้น) แต่แน่นอนว่า เหตุการณ์ทำนองนี้จะ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้องมีการเปลี่ยนด้านโครงสร้างของโรงเรียน ตลอดจนจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมของโรงเรียนอีกดว้ ย โดยกิจกรรมของชุมชนแห่งวิชาชพี ในโรงเรยี นควรประกอบด้วย 1) การมโี อกาส เสวนาใคร่ครวญ (Reflective dialogue) ระหว่างกัน 2) การเปิดกว้างให้มีการปฏิสัมพันธ์ในหมูค่ รูผู้สอนมาก ขึน้ เพอื่ ลดความรู้สึกโดดเด่ียว (DE privatization) ในงานสอนของครู 3) การรวมกลมุ่ เพ่ือเนน้ เร่ืองการเรียนรู้ ของนักเรียน 4) การร่วมมือร่วมใจกันในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 5) การแลกเปลี่ยนในประเด็นที่ เปน็ ค่านยิ มและปทสั ถานร่วม (Shared values and norms) ดงั จะกลา่ วในแต่ละ ประเดน็ ดงั น้ี 1) กจิ กรรมท่ีจำเปน็ ต่อความเป็นชมุ ชนแห่งวชิ าชพี ในสถานศึกษา (1) การมีโอกาสเสวนาใคร่ครวญ (Reflective dialogue) ระหว่างกัน ซึ่งเป็นการนำเอา ประเด็นปัญหาที่พบเห็น จากการปฏิบัติงานด้านการเรียนการสอนของครูขึ้นมาพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ช่วยให้แต่ละคนได้วิเคราะห์และสะท้อนมุมมองของตนในประเด็นนั้นต่อกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ทำให้ทุกคนได้มี โอกาสเกิดการเรียนรู้ และได้ข้อสรุปต่อปัญหาจากหลากหลายมุมมองยิ่งขึ้น บรรยากาศเช่นนี้ก่อให้เกิดความ ร่วมมือร่วมใจขึ้นในหมู่ครูผู้สอน เพื่อช่วยกันปรับปรุงด้านการเรียนการสอนให้มีผลดียิ่งขึ้น แต่กิจกรรมนี้จะ สำเรจ็ ราบรนื่ ได้กต็ ่อเมื่อแตล่ ะคนต้องยอมเปิดใจกว้าง รบั ฟังการประเมนิ จากเพ่ือรว่ มกลุ่มระหว่างการสนทนา เชิงสรา้ งสรรคด์ งั กล่าว (2) การลดความโดดเด่ยี วระหวา่ งปฏิบตั งิ านสอนของครู (DE privatization of instructional practices) เป็นกิจกรรมท่ชี ่วยเสรมิ สร้างสมั พนั ธภาพท่ีดรี ะหวา่ งครู กลา่ วคือ ครูมีโอกาสแสดง บทบาททงั้ เปน็ ผ้ใู หข้ ้อมูลและได้แสดงบทบาทการเปน็ ที่ปรึกษา (Advisor) การเปน็ พีเ่ ลีย้ ง (Mentor) หรืออาจ เป็นผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) ก็ได้ ในระหว่างที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนด้วยกัน ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า วิชาชีพครูแตกต่างกับวิชาชีพอื่นตรงที่ ผู้ปฏิบัติมักทำงานในลักษณะโดดเดี่ยวตามลำพัง ซึ่งเป็นผลให้ครูไม่ สามารถที่จะเรียนรู้จากผู้อื่นได้ และขาดประโยชน์ที่จะได้รับผลการวิเคราะห์และการให้ข้อมูลป้อนกลับด้าน การสอนจากผู้อื่นที่มีต่องานสอนของตน ด้วยเหตุนี้ ถ้าผู้นำสถานศึกษาต้องการให้เกิดกิจกรรมการเสวนา ใครค่ รวญระหว่างครขู ึน้ ก็จำเป็นต้องพิจารณาให้มีการเปลีย่ นแปลงวัฒนธรรมการโดดเด่ยี วในการสอนของครู ให้ไดเ้ สยี กอ่ น

15 (3) รวมกลุ่มเพอ่ื มงุ่ เนน้ ทก่ี ารเรยี นรขู้ องนกั เรียน (Collective focus on student learning) เป็นกิจกรรมที่ดีมากแต่ยุ่งยากตรงประเด็นให้ครูเกิด “จุดมุ่งเน้น” อย่างไรก็ตาม ถ้าถือว่าการมี ชุมชนแห่งวิชาชพี คอื ลักษณะสำคญั ของโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ ทม่ี ีเจตจำนงมุง่ สรา้ งผลลพั ธ์คือการเรียนรู้ของ นักเรียนให้สูงขึ้นแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญอันดับแรกกับกิจกรรมที่สร้างความงอกงามของผู้เรียน ซึ่งค่อนข้าง ยากลำบากอยู่ไม่น้อยด้วยเหตุนี้ การที่ชุมชนแห่งวิชาชีพมีกิจกรรมให้ครูได้มาเสวนาใคร่ครวญ (Reflective dialogue) เพื่ออภิปรายและวิเคราะห์ด้านหลักสูตร และกลยุทธ์ด้านการสอนของครู ซึ่งแม้จะใช้เวลามาก กต็ าม แตท่ ัง้ หลายทั้งปวงกเ็ พื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ผลดยี ง่ิ ขึ้น และเพื่อทจ่ี ะเปน็ จุดเร่ิมต้นในการพัฒนา นกั เรยี นใหเ้ ป็นผสู้ ามารถเรียนรูด้ ้วยตนเอง (Self - starting learners) ไดต้ ่อไป (4) สรา้ งจดุ เรม่ิ แหง่ ความรว่ มมือรว่ มใจ (Collaboration starts) เม่อื ครหู ลดุ พ้นจากสภาพการต้องทำงานแบบโดดเดี่ยว และสามารถแสวงหาความเชย่ี วชาญจากเพ่ือนคนอ่ืนที่ อยู่ในชุมชนวิชาชีพของตนได้แล้วก็ตาม แต่ความเป็นมืออาชีพของครูก็อาจไม่สามารถบรรลุได้ถ้าครูยังขาด การปรับปรุง และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ดังนั้น ความร่วมมือร่วมใจทางวิชาชีพต่อกันของครู จะก่อให้เกิดพลังในการร่วมวเิ คราะห์ปัญหา และความต้องการอันซับซ้อนของผูเ้ รยี น แต่ละคนได้ บรรยากาศ แห่งความร่วมมอื ร่วมใจกันนีจ้ ะชว่ ยเสริมการปฏบิ ตั งิ านประจำวันของครแู ต่ละคน ได้อยา่ งถาวร (5) ทำการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ดา้ นค่านยิ ม และปทัสถานร่วม (Shared values and norms) เมื่อบุคคลต่างๆ ในวิชาชพี ทั้งครผู ู้สอน ครูแนะแนว ครูนิเทศ และผู้บริหารมาร่วมกันในชมุ ชนแห่งวิชาชีพแลว้ ในประเด็นนี้ Sergiovanni (1992) เห็นว่า การสร้างค่านิยมและปทัสถานร่วมกันของคนในวิชาชีพที่อยู่ใน โรงเรียนแห่งการเรียนรู้ดังกล่าว ด้วยความเป็นมืออาชีพของบุคคลเหล่านี้จะพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า อำนาจเชิง คุณธรรม (Moral authority) ขึ้นเป็นแนวทางของการอยู่ร่วมกันแทนที่การใช้อำนาจเชิงกฎหมายหรืออำนาจ โดยตำแหนง่ (Position authority) ซึ่งไมเ่ หมาะสมกบั ชุมชนแหง่ วิชาชีพนัก 2) ความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างใหม่ของโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ ให้สามารถรองรับการเกิดชุมชน แห่งวิชาชีพ เนอื่ งจากโรงเรียนส่วนใหญถ่ ูกออกแบบโครงสร้างเปน็ แบบราชการ (Bureaucratic organization) ที่มีสายงานบังคับบัญชาด้วยอำนาจโดยตำแหน่งที่ลดหลั่นตามลำดับลงมา กล่าวคือ มีกฎระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ มามากมายที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะตึงตัวและใช้ได้ดีในอดีตที่เป็นโลกยุค อุตสาหกรรม แต่กลับเป็นอุปสรรคสำคัญในโลกแห่งยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ ที่ต้องการมีโครงสร้างองค์การที่ ยืดหยุ่นคล่องตัวได้สูง พร้อมที่จะรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายตลอดเวลา โดยเฉพาะ อย่างยิ่งต่อความเป็นไปได้ ของชุมชนแหง่ วิชาชีพที่จะเกิดขึน้ ในโรงเรียนได้นั้น โครงสร้างองคก์ ารของโรงเรยี น แหง่ การเรยี นจึงจ าเป็นตอ้ งไดร้ บั การปรบั ปรุงแกไ้ ข ไดแ้ ก่ประเด็นต่อไปนี้ (Louis et al., 1994) (1) การกำหนดตารางเวลาวา่ งเพื่อการพบปะ ถกปัญหา (Time to meet and discuss) มีผลการวิจัยเรื่องความมีประสิทธิผลของโรงเรียนและครูผู้สอน ชี้ชัดว่า การจัดสรรเวลาพิเศษเพื่อให้ครูได้ ปรึกษาหารอื ระหวา่ งกนั เป็นสง่ิ ทจี่ ำเป็นอย่างย่ิง ทงั้ นเ้ี พราะปกตขิ องการจดั ชัว่ โมงสอน เม่ือหมดการสอนแต่ละ คาบเวลา ครูจะต้องเคลื่อนยา้ ยการสอนจากห้องหนึ่งไปอีกหอ้ งหน่ึงตลอดเวลา จึงไม่มีโอกาสท่ีครจู ะได้พบปะ เพื่อแสวงหาความร่วมมือทางวิชาชีพซึ่งกันและกันได้ ทั้งที่ครูเหล่านี้จ าเป็นต้องร่วมกันพิจารณาหากลยุทธ์

16 ใหม่ๆด้านการสอน ที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ การจัดตารางเวลาที่ว่างตรงกันเพื่อให้ครูได้ปฏิสัมพันธ์ จึงเป็น เง่อื นไขทจี่ ำเป็นถา้ ตอ้ งการให้ความรว่ มมือรว่ มใจของครูเกิดขน้ึ (2) การกำหนดขนาดของชน้ั เรยี น (Class size) มีผลงานวิจัยระบุว่า ถ้าจำนวนนักเรียนในชั้นเรียนน้อยลงได้เท่าไรก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิผลของการเรี ยนรู้ยิ่งขึ้น ทง้ั นใี้ นหอ้ งเรียนที่มีครูเพียงหน่งึ คนน้ัน ครสู ามารถท่ีจะดูแลนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิผลได้ในจำนวนท่ีจำกัด แมว้ า่ จะไม่สามารถกำหนดจำนวนนกั เรียนทเ่ี หมาะสมแนน่ อน แต่การขยายจำนวน นกั เรียนต่อชั้นมากข้นึ ย่อมเพมิ่ ภาระและความยากล าบากแก่ครูท่ีจะดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี นไดอ้ ยา่ งท่วั ถึง (3) การเพ่ิมอำนาจความรับผิดชอบแก่ครู และการใหอ้ ิสระแก่โรงเรียน (Teacher empowerment and school autonomy) การเพิ่มอำนาจความรับผิดชอบแก่ครูเป็นปัจจัยที่จำเป็น เนื่องจากช่วยสร้างความรู้สึกมั่นใจต่อการปฏิบัติงานในชั้นเรียนที่ตนรับผิดชอบได้ดีขึ้น การเพิ่มอำนาจความ รับผิดชอบแก่ครู ยังสอดคล้องกับแนวทางบริหารจัดการร่วม (Shared governance) ซึ่งเป็นคุณลักษณะหน่งึ ที่จำเป็นของโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ ในขณะเดียวกันโรงเรียนแต่ละแห่งของเขตพื้นที่การศึกษาก็ควรมีความ อิสระ (Autonomy) อย่างเพียงพอที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนได้อย่างคล่องตัวและ รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เขตพื้นที่การศึกษาจึงควรร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ในการจัดทำวิสัยทัศน์เป้าหมาย และ วัตถุประสงค์รวมแบบกว้างของเขตพื้นที่การศึกษา จากนั้นจึงให้อิสระแต่ละโรงเรียนไปจัดท ำรายละเอียดที่ สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของโรงเรยี น และความต้องการของครูผู้สอน และผูน้ ำสถานศึกษาแต่ละแห่ง ท่ีจะริเริ่มส่ิง ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิผลต่อการเรยี นรู้ของนักเรียนของตน ในเรื่องนี้นักการศึกษาส่วนใหญ่เชือ่ ว่า ไม่มีวิธีสอน ใดหรือวิธีบริหารจัดการใดที่ดีที่สุด แต่พบว่า จากการใช้เทคนิควิธีในการเสวนาใคร่ครวญ (Reflective dialogue) การทำงานแบบร่วมมือร่วมใจ (Collaboration) และการสร้างปทัสถานและค่านิยมร่วม (Shared norms and values)แล้วจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการรับมอบอำนาจความรับผิดชอบของครูต่อการ ปฏิบัติงานได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการให้อิสระแก่นักเรียนหรือที่เรียกว่า “การบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็น ฐานหรือ Site - based management” เพื่อความอิสระในการตัดสินใจต่างๆ ของโรงเรียนได้เองนั้น เป็น มาตรการที่ควรได้ระบชุ ัดเจนในกรอบนโยบายของเขตพื้นที่การศกึ ษา ทั้งนี้มิได้หมายความว่า จะต้องให้อิสระ แก่โรงเรียนและครูโดยสิ้นเชงิ แต่ควรจัดทำเปน็ แนวปฏิบัติร่วมกันทีอ่ ยู่ภายใต้กรอบนโยบายรวมของเขตพื้นท่ี การศึกษา และขึ้นอยู่ท่ีขดี ระดับความสามารถของครใู นแต่ละโรงเรยี น ที่จะสามารถสนองตอบและรบั ผิดชอบ ต่อการเรยี นรู้ของนักเรยี นได้ดีเพียงไรด้วย 3) เง่อื นไขดา้ นการปรับเปลย่ี นวฒั นธรรมองค์การ (Professional community culture) วัฒนธรรมองค์การเป็นระบบความเชื่อที่สมาชิกขององค์การยดึ ถือรว่ มกัน ตวั อย่างเช่น ถ้าครูผู้สอนทุกคนและ ผู้นำของโรงเรียนมีความเชื่อว่า “มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเรียนรู้ได้” ความเชื่อเช่นนี้จะท ำให้ สมาชิกของโรงเรียนพยายามที่จะสร้างสภาพแวดล้อมและแสวงวิธีการเรียนการสอนใหม่ๆ อย่างหลากหลาย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อนกั เรียนแต่ละคนที่มีความแตกตา่ งกนั ให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาศกั ยภาพของ ตนได้สูงสดุ เป็นต้น ในชมุ ชนแหง่ วชิ าชพี ก็เชน่ กัน สมาชกิ แต่ละคนจะยึดเหนย่ี วต่อกนั ด้วยระบบค่านิยม ความ เชอื่ และปทสั ถานร่วมกัน ใหเ้ กิดการดำรงอยู่ของชุมชนแห่งวชิ าชีพของตน อยา่ งไร ก็ตาม มีวัฒนธรรมองค์การ

17 แบบเดิมหลายประการที่ควรได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะต่อการเป็นชุมชนแห่งวิชาชีพ ได้แก่ (1) ลดความเปน็ องคก์ ารทย่ี ดึ “วฒั นธรรมแบบราชการ หรือ Bureaucratic culture” ที่ใช้กฎระเบียบคำสั่งต่างๆ แบบตึงตัวในการปฏิบัติงาน และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกผู้ปฏิบัติงานไปสู่ การเน้น “วัฒนธรรมแบบกัลยาณมิตรทางวิชาการหรือ Collegial culture” ซึ่งเน้นวิธีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สมาชิก ที่ยึดถือค่านิยมเชิงคุณธรรมจริยธรรม (Moral and ethical cultures) เช่น การเอ้ืออาทรห่วงใย ชว่ ยเหลอื และร่วมมือต่อกนั ในการปฏิบัตงิ าน และการดำเนินชีวติ ประจำวนั ของสมาชิก เปน็ ตน้ (2) สร้างเสริมวัฒนธรรมแห่ง “ความไว้วางใจ (Trust) และความนับถือ (Respect)” ต่อกัน ในมวลหม่สู มาชิกของชมรมแหง่ วิชาชีพ กลา่ วคอื ความนบั ถอื หมายถงึ การร้จู กั ใหเ้ กียรตแิ ละยอมรับในความรู้ ความสามารถและความเชี่ยวชาญของผู้อื่น ส่วนความไว้วางใจ หมายถึง ระดับคุณภาพของความสัมพันธ์ ระหว่างบคุ คลของมวลสมาชกิ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมาชิกเป็นผลทม่ี าจากการที่สมาชกิ ไดม้ ีกิจกรรมการ เสวนาอย่างใคร่ครวญ (Reflective dialogue) และการร่วมมือร่วมใจ (Collaboration) ระหว่างกัน ดังนั้น การสรา้ งความไวว้ างใจและความนบั ถือต่อกนั จึงเป็นปจั จัยพ้ืนฐานสำคัญต่อการสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่าง สมาชิก โดยแนวคิดดังกล่าวนี้สามารถขยายกรอบให้กว้างขวางออกไปจนครอบถึงผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ทงั้ หลาย เช่น ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ผูป้ กครอง ตลอดจนสมาชิกของหนว่ ยงานท้ังหลายท่ีเป็น ชุมชนแวดล้อมของโรงเรียน เป็นต้น โดยที่บุคคลเหล่านี้ให้การยอมรับว่า การศึกษาและการเรียนรู้เป็นความ รบั ผิดชอบรว่ มของทุกๆ คนในชุมชน (3) การสรา้ งวฒั นธรรมการใชท้ ักษะดา้ นการคิดและใชส้ ติปญั ญาเปน็ ฐาน (A cognitive skill base) วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง (Profession) ที่ต้องใช้ความรู้ การคิดและการใช้สติปัญญาเป็นเครื่องมือ สำคญั ในการประกอบวชิ าชีพ ครูผ้สู อนจงึ ตอ้ งเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ตอ้ งเปน็ Life-long learners และต้องเป็น ผู้เรียนรู้ร่วมไปกับนักเรียนที่ตนทำการสอน ด้วยเหตุนี้วัฒนธรรมเชิงความคิดของครูที่ต้องปรับปรุงใหม่ ก็คือ เปลี่ยนความเชื่อที่ว่า ตนเป็นผู้ทำการสอน (Teaching) ไปเป็นผู้เรียนรู้ (Learning) แทน จึงต้องปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของตนจากผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้จัดสรรประสบการณ์ การเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับผู้เรียน พร้อมทั้งพยายามสร้างความตระหนัก ให้ผู้เรียนรู้จักรับผิดชอบในการใฝ่หาความรู้ด้วยตนเองอยู่เนืองนิตย์ เพอื่ ให้สามารถบรรลเุ ปา้ หมายการเรยี นของตน (4) สรา้ งวฒั นธรรมการชอบริเร่ิมสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ๆ (Openness to innovation) ในชุมชน แห่งวิชาชีพสมาชิกทุกคนต้องส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันในการค้นคว้าและริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะต้องเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ใหม่ (Knowledge creation) กล่าวคือ ครูผู้สอนจะต้องได้รับการ สนบั สนนุ ในการออกแบบการสอนใหม่ๆ ทเ่ี หมาะสมกับภาวะแวดลอ้ มทีข่ ้อมลู สารสนเทศเกิดขน้ึ มากมายอย่าง รวดเร็ว ตอ้ งคน้ หาวา่ จะมวี ิธีการเรียนรู้ได้ดที ี่สุดในภาวะเชน่ นี้ได้อย่างไร ข้อมลู สารสนเทศท่ีเกิดข้ึนมากมายจะ สง่ ผลกระทบตอ่ หลกั สูตรและความต้องการของผเู้ รยี นซงึ่ เปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลาเชน่ กันได้อยา่ งไร การที่จะ ทำให้สมาชิกเป็นผู้รเิ ริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้นั้น ผู้นำองค์การจำเปน็ ตอ้ งสร้างวัฒนธรรมการกล้าเสี่ยง (Taking risks) ชอบการทดลอง (Experiment) เพื่อหาแนวทางปรับปรุงการเรียนรู้ของนกั เรียน ทั้งนี้สมาชิกของชุมชน แห่งวิชาชีพต้องไม่ถือว่าความผิดพลาดท่ีได้จากการทดลองคือความล้มเหลว แต่ต้องถือว่าข้อผิดพลาดที่ได้ ดังกล่าวเป็นโอกาสดีทีจ่ ะไดเ้ กิดการเรยี นรู้ใหม่เพม่ิ เติมและ “ถือว่าผดิ เป็นครู” ไม่เปน็ เรอื่ งทคี่ วรตำหนิ แต่เป็น

18 เร่ืองทีค่ วรสนับสนุนให้กำลังใจเพ่ือจะได้คน้ หาคำตอบท่ีเหมาะสมตอ่ ไป นอกจากนี้ ควรปรบั ปรุงระบบเน้นการ ให้ความดคี วามชอบแกส่ มาชิกทชี่ อบทดลองค้นค้าหานวัตกรรมและริเริ่มสร้างสรรค์ส่งิ ใหม่ๆ ให้แก่โรงเรียนอีก ด้วย (5) ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้นำ (Supportive leadership) การที่ครูผู้สอน และผู้นำสถานศึกษาได้ทำงานร่วมกันในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพแล้ว ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วจะเพ่ิม จำนวนโรงเรียนที่มีชุมชนดังกล่าวให้มากขึ้นได้อย่างไร กระบวนทัศน์ ทางการศึกษาที่เปลี่ยนไปบ่งชี้ว่าทั้ง บรรดาครูผู้สอนทั้งหลายและสาธารณชน จำเป็นต้องร่วมกันกำหนดบทบาทใหม่ที่เหมาะสมของครู โดยต้อง ทบทวนที่ต้องให้ครูใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่หน้าชั้นเรียน และอยู่กับนักเรียนตลอดเวลานั้น ได้มี การศึกษาเปรียบเทียบเรื่อง การใช้เวลาของครูผู้สอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏผลออกมาชัดเจนว่าใน หลายประเทศ เช่น ในญี่ปุ่น พบว่า ครูมีชั่วโมงสอนน้อยลง และมีโอกาสได้ใช้เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ไปกับการ จัดทำแผนเตรียมการสอน การประชุมปรึกษาหารือกับเพื่อนรว่ มงาน การให้คำปรึกษาและทำงานกับนักเรียน เปน็ รายบคุ คล การแวะเยย่ี มช้นั เรยี นอนื่ เพอ่ื สังเกตการณ์เรยี นการสอน และการไดใ้ ชเ้ วลาไปเพอ่ื กจิ กรรมต่างๆ ด้านการพัฒนาวิชาชีพของครูมากขึ้น (Darling– Hammond,1994,1996) เป็นต้น การที่จะให้การ เปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความตระหนัก และให้มุมมองใหม่ต่อสาธารณชน และ วงการวชิ าชีพครูทต่ี ้องเน้นและเหน็ คุณคา่ ของความจ าเปน็ ตอ้ งพัฒนาครูใหม้ คี วามเป็น มืออาชีพยงิ่ ขน้ึ ถ้าหาก ต้องการคณุ ภาพการศกึ ษาของนักเรยี น ดังที่มผี ูก้ ลา่ วว่า “ครตู อ้ งเปน็ บคุ คลแรกทต่ี ้องเป็นนักเรยี น (Teachers are the first Learners) โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ซึ่งจะส่งผลให้การ ปฏิบัติงานมีประสิทธิผลมากขึ้น และช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนสูงตามไปด้วย นั่นคือความ ปรารถนาใฝ่ฝนั ของบคุ คลทุกฝา่ ยท่มี ิอาจปฏเิ สธได้ 2.3.2 เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการนเิ ทศภายใน ประกอบด้วย 1. แบบนเิ ทศการเยีย่ มชน้ั เรยี น 2. แบบนิเทศการสังเกตการสอนในชน้ั เรยี น 3. แบบนเิ ทศการเรียนการสอนของครู 4. การสงั เกตพฤติกรรมการสอน 5. การนเิ ทศแผนการจัดการเรยี นรู้

19 2.8 วธิ ดี ำเนนิ การ Flow Chart แสดงขั้นตอนการดำเนินการนิเทศภายใน โดยใช้กระบวนการ PLC รวมกลุ่ม PLC คน้ หำปัญหำ/ควำมต้องกำร วิธีกำร/นวตั กรรม ออกแบบกจิ กรรมกำร ดำเนนิ กำรแก้ปัญหำ แลกเปลยี่ น/เสนอแนะ นำไปสกู่ ำรปฏิบัติ กำรสังเกต นเิ ทศกำรจดั กำรเรียนกำรสอน สะท้อนผล นวัตกรรม/Best Practices จาก Flow Chart แสดงข้ันตอนการดำเนินการนเิ ทศภายใน โดยใชก้ ระบวนการ PLC ไปใชใ้ น สถานศึกษามีรายละเอยี ด แต่ละข้ันตอน ดังน้ี 1. การรวมกลมุ่ PLC รวมกลุ่มครทู ี่มีปัญหา/ความต้องการ เดยี วกนั เชน่ ครูกลุม่ สาระเดียวกนั ครูทส่ี อนในระดับช้นั เดียวกัน เป็นตน้

20 2. คน้ หาปัญหา ความตอ้ งการ/ร่วมกนั หาแนวทางในการแก้ปญั หา 1) รว่ มกันเสนอปัญหา/ความต้องการ 2) จัดกลุ่มปัญหา 3) จดั ลำดับความจำเปน็ เร่งด่วน 4) เลือกปัญหาเพยี ง 1 ปญั หา โดยการพจิ ารณารว่ มกนั 5) เร่ืองเล่าเร้าพลงั /บอกเลา่ ประสบการณ์ทแี่ ก้ปญั หาไดส้ ำเร็จ 6) ค้นหาตัวอย่าง/รปู แบบที่ประสบความสำเรจ็ 7) รว่ มกนั ตดั สนิ ใจเลือกรูปแบบ/วิธีการ/นวัตกรรมในการแกป้ ญั หา 3. ออกแบบกิจกรรมการดำเนนิ การแก้ปัญหา ออกแบบกจิ กรรมตามวิธกี าร/นวัตกรรมทกี่ ลุม่ เลือก 4. แลกเปล่ียนเสนอแนะ นำเสนอกจิ กรรมการแกป้ ญั หา ใหผ้ ู้เชยี่ วชาญหรอื ผทู้ ีม่ ปี ระสบการณใ์ ห้ข้อเสนอแนะ 5. นำไปสูก่ ารปฏบิ ตั กิ ารสงั เกต นเิ ทศการจัดการเรียนการสอน 1) นำกิจกรรมไปใชใ้ นการแก้ปญั หาในช้ันเรียน 2) คณะกรรมการนิเทศรว่ มสังเกตในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน เชน่ การเยยี่ ม ชั้นเรยี น การสงั เกตการสอน การนเิ ทศการสอน การประชุมหารือข้อเสนอแนะแนวทางแก้ปญั หา เป็นต้น 6. สะท้อนผล 1) สรปุ ผลการนำรปู แบบ/วธิ ีการ ในการนำไปแก้ปัญหา 2) อภปิ รายผลการแก้ปญั หา เสนอแนะแนวทางในการพฒั นา 2.9 การกำกับ ตดิ ตาม ประเมินและรายงานผล ตามโครงการนิเทศภายในของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนนคิ มสร้างตนเอง 3 ได้มีการ กำหนดโครงการและกำหนดจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน และยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยการนเิ ทศ ติดตามกระบวนการดำเนินการภายในสถานศึกษาจากคณะกรรมการ นิเทศภายในที่ได้จัดตั้งขึ้น มีการใช้รูปแบบการนิเทศด้วยกระบวนการ PLC ร่วมด้วย มีนางสงวน อรัญเพ่ิม ผู้อำนวยการโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 เป็นคณะทำงาน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ (Mentor) มีหน้าที่ กำกับติดตามประเมินผลและรายงานผลการนิเทศการจัดการเรียนการสอนภายใน ของคณะครูทุกคน 5 กลุ่ม สาระการเรยี นร้หู ลัก ตามประกาศของโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ทงั้ นย้ี งั มคี ณะทำงานช่วยกำกับติดตาม การ นิเทศ ประกอบ ด้วย สมาชิกในกลุ่ม PLC ดังนี้ 1. model teacher ครูผู้สอน ซึ่งเป็นผู้นำผลการประชุมจาก กระบวนการ PLC ไปใช้ 2. buddy teacher ครูร่วมเรียนรู้ 3. mentor หัวหน้ากลุ่มสาระ/ฝ่ายวิชาการ 4. administrator ผู้บริหาร 5. export ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีส่วนช่วยในการดำเนินการตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น เพื่อให้การวิเคราะห์ปัญหา การวิเคราะห์ความต้องการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนมีการ ประชุมตดิ ตามการดำเนินการเป็นระยะ

21 จากผลการสังเกตการนิเทศ การนำผลจากการ PLC ไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทำให้ได้ เห็นรูปแบบเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย และแปลกใหม่ มีการนำสื่อ เทคโนโลยีมา ประยุกตใ์ ช้ไดส้ อดคล้องกับชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ซ่งึ ในปีการศึกษา 2563 ที่ผ่านมาการดำเนินการดังที่กล่าวมานั้นมีส่วนช่วยให้ผลการประเมินการทดสอบความสามารถพื้นฐาน ผู้เรียนระดบั ชาติ (NT) เฉล่ียทั้ง 2 ด้านสงู กว่าระดบั เขตพ้นื ทแี่ ละระดบั ประเทศ 2.10 ผลสำเรจ็ ทีไ่ ด้ และการนำผลไปใช้ 1. สถานศึกษามีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน หลกั สตู รและเป็นไปตามแนวทางของพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และฉบบั เพ่มิ เติม 2. สถานศึกษาสามารถบรหิ ารและจดั การเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีคณุ ภาพ 3. สถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสตู รและการเรียนรู้ ให้มีประสิทธภิ าพสอดคลอ้ งกับความ ต้องการ ของชมุ ชน สงั คมและทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงทุกด้าน 4. บุคลากรในสถานศึกษา ได้พัฒนาเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการจัดกิจกรรม การ เรียนรู้และการปฏบิ ัตงิ าน ตลอดจนความต้องการในวชิ าชพี 5. โรงเรียนมีการปฏิรูประบบบริหารโดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำร่วมตัดสินใจและร่วม รับผิดชอบ ชน่ื ชมในผลงาน

22 ตอนท่ี 3 ข้อมูลอื่นๆ รูปแบบการนเิ ทศภายใน รปู แบบการนเิ ทศภายในโดยใช้กระบวนการ PLC

23 รปู ภาพกิจกรรมการนเิ ทศภายใน 1. รวมกลมุ่ PLC คณะครูรวมการ PLC เรื่องการหาแนวทางวิธกี ารจดั การเรียนการสอนในสถานการณโ์ ควดิ 19 2. ค้นหาปัญหา/ความตอ้ งการ รวมพดู คยุ ปญั หาจากการได้จัดการเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์โควดิ 19 ทผ่ี ่านมามีปัญหาอยา่ งไร เพื่อหาแนว ทางแก้ไข

24 3. ออกแบบกจิ กรรมการดำเนินการแก้ปญั หา การออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์โควิดโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ได้ใช้กระบวนการท่ี หลากหลายทั้งแบบ On – Hand สำหรับนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมในการเรียนออนไลน์ และแบบ On – Demand สำหรับนักเรียนที่มีความพร้อมในเรื่องอินเตอร์เน็ตโดยมีการใช้ Application Zoom ร่วมกับ Application Line ใน การเรียนการสอน

25 4. แลกเปลยี่ น/เสนอแนะ รวมพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ปญั หา โดยมผี เู้ ช่ียวชาญในดา้ นนน้ั ๆได้ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะแก่คณะครู 5. นำไปสู่การปฏิบตั ิ การสังเกต นิเทศการจดั การเรียนการสอน นำความรูแ้ ละแนวทางท่ีไดร้ ับจากผ้เู ชยี่ วชาญไปแก้ปญั หาในช้นั เรยี นของตนเอง คณะกรรมการนิเทศภายในกจ็ ะ ดำเนนิ การนิเทศการเรยี นการสอนตามที่ครูผูส้ อนออกแบบไว้

26 6. การสะทอ้ นผล คณะครแู ละผู้อำนวยการรวมสรุปผล อภปิ ราย การนำรูปแบบ/วิธกี าร ในการนำไปแก้ปัญหา

27 เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการนิเทศภายใน แบบนิเทศการเยยี่ มนเิ ทศช้นั เรยี น โรงเรยี นนคิ มสรา้ งตนเอง 3 สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาบรุ ีรัมย์ เขต 2 ชือ่ ผู้รบั การนเิ ทศ ....................................................................... (หวั หน้าระดบั /หัวหน้าช่วงช้นั ) วันท่ี ......... เดอื น .........................................พ.ศ. .................................. คำชแ้ี จง ใหก้ าเครือ่ งหมาย ในช่องทางขวามอื ตามเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ เกณฑ์ 5 = ดมี าก 4 = ดี 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย 1 = แก้ไข รายการประเมิน ระดบั การปฏิบัติ หมายเหตุ 54321 สภาพห้องเรียน 1. มปี า้ ยนิเทศเพ่ือแสดงข่าวสารและความรูต้ ่าง ๆ 2. มปี ้ายแสดงข้อมูลสถิติของหอ้ งเรียนที่เป็นปัจจบุ ัน 3. มีสัญลกั ษณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 4. มีการแสดงผลงานนกั เรียน 5.บรรยากาศในห้องเรียนเอื้อตอ่ การเรียนรู้ การบริหารจดั การห้องเรยี น 6. ใชก้ ารเสริมแรงเชงิ บวกในการจัดการเรยี นรู้ (Positive Reinforcement) 7. ใช้วิธีการทำงานเป็นกลุ่ม 8. นกั เรียนทุกคนมสี ่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ (Involve Everyone) ครผู ู้สอน 9. มกี ารจดั ทำแผนการจดั การเรยี นรู้ 10. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคญั 11. ใชส้ ่อื เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ 12. มขี อ้ มูลนักเรยี นเปน็ รายบุคคล 13. มวี จิ ัยชั้นเรยี นเพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ 14. ดแู ลเอาใจใสน่ ักเรยี นอย่างทว่ั ถึง 15. แต่งกายเหมาะสมกบั ความเปน็ ครู นกั เรียน 16. ตัง้ ใจปฏิบัติกจิ กรรมการเรยี นทไ่ี ด้รับมอบหมาย 17. นกั เรียนร่าเรงิ แจม่ ใส 18. นักเรียนกระตอื รือร้นและกลา้ ซกั ถามครู

รายการประเมนิ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 28 54321 19. นักเรยี นมรี ะเบยี บวนิ ยั หมายเหตุ 20. นกั เรยี นแตง่ กายสะอาดถูกตอ้ งตามระเบยี บ รวม เฉลย่ี ขอ้ คิดและข้อเสนอแนะของผู้นเิ ทศ ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ ................................................... ลงชอ่ื ..................................................................ผูน้ เิ ทศ (................................................................) รบั ทราบ/ปรบั ปรุง/ดำเนนิ การตามคำแนะนำ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ......................................................................................................................................... ....................................

29 แบบบนั ทึกผลนิเทศการเยย่ี มนเิ ทศชน้ั เรียน โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาบรุ รี มั ย์ เขต 2 ชือ่ ผูร้ ับการนิเทศ .....................……………...................................................ชัน้ .......................................... วัน เดอื น ปี วเิ คราะหผ์ ลการเย่ยี มนิเทศช้ันเรียน สรุปผลการเยี่ยมนเิ ทศชน้ั เรียน ใหค้ ำปรึกษาแนะนำ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ....................... ....................................................... ............................................ ................................ ลงชอื่ ..................................................................ผู้นิเทศ (................................................................) รบั ทราบ/ปรับปรุง/ดำเนนิ การตามคำแนะนำ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ..................................................................ผู้รับการนิเทศ (...................................................................)

30 แบบนิเทศการสงั เกตการสอนในช้นั เรียน โรงเรียนนคิ มสรา้ งตนเอง 3 สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 2 ชอ่ื ผู้สอน ......................................................... วิชา ................................................. ระดับช้ัน…………… ชือ่ ผู้นเิ ทศ ........................................................ ตําแหนง่ ............................................................................. คร้งั ท่นี เิ ทศ ...................................................... วนั /เดือน/พ.ศ. ................................................................... คำชี้แจง ให้กาเครื่องหมาย ✔ ในชอ่ งทางขวามอื ตามเกณฑ์การประเมนิ ดังนี้ เกณฑ์ 5 = ดีมาก 4 = ดี 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = แก้ไข รายการประเมนิ ระดบั การปฏบิ ัติ ข้อคน้ พบ ข้อเสนอแนะ 5432 1 1. ขั้นเตรยี มความพร้อม (ขนั้ นำ) 1.1 มีกจิ กรรมเตรยี มความพร้อมที่กระตุ้นมอง โดย ใช้เวลาเหมาะสม (ไมย่ าวเกินไป) และนา่ สนใจ 2. ขัน้ สอน 2.1 จดั กระบวนการเรยี นรู้สอดคล้องกบั การทำงาน ของ สมอง 2.2 จัดกระบวนการเรยี นรู้สะท้อนมาตรฐานตัวชี้วัด ของ หลกั สูตร 2.3 มลี ำดับข้นั ตอนจากงา่ ยไปหายาก 2.4 เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการ เรยี น การสอน นักเรยี นได้ลงมือปฏิบัติ 2.5 มกี ารใช้คำถามส่งเสรมิ กระบวนการคิดระดับสงู แก่ผู้เรยี นอย่างต่อเนื่อง 2.6 มกี ารใช้ส่อื อุปกรณ์การเรยี นรู้และเทคโนโลยี ที่ เหมาะสมกบั มาตรฐาน ตัวชีว้ ัดในหลกั สตู ร 2.7 มกี ารใช้คาพูดเชงิ บวก เสรมิ แรง สร้างความ ภาคภมู ิใจ และความมนั่ ใจแก่ผู้เรียน 2.8 มคี วามแม่นยำในเนอ้ื หา 2.9 เอาใจใส่และช่วยเหลอื ผู้เรยี นได้อย่างทว่ั ถงึ ทุก กลมุ่ 2.10 จัดบรรยากาศสภาพแวดล้อมส่งเสรมิ การ เรยี นรู้ 2.11 สร้างวินยั ในชั้นเรยี นด้วยความเป็น กลั ยาณมติ ร

31 รายการประเมนิ ระดบั การปฏิบตั ิ ข้อค้นพบและ 2.12 จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนได้ครบถว้ นตาม 5 4 3 2 1 ขอ้ เสนอแนะ แผน 3. ข้นั สรุป 3.1 มีการทบทวนและสรปุ ความรู้หรอื ทักษะ ท่ีสอนเพื่อให้ผู้เรยี นเขา้ ใจและแม่นยำในสงิ่ ทเี่ รยี นรู้ มากขน้ึ โดยให้ผู้เรยี นช่วยกนั สรปุ บทเรยี น 3.2 มวี ิธีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างหลากหลายและเหมาะสม 4. ด้านบุคลกิ ภาพ 4.1 เสยี งดงั ชดั เจน 4.2 ใช้ภาษาถูกต้อง 4.3 วางตนเหมาะสมกบั ความเป็นครู 4.4 ควบคุมอารมณ์ 4.5 แตง่ กายสุภาพ รวม เฉลยี่ ผู้นเิ ทศให้ข้อมูลย้อนกลบั เพือ่ เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้ดังนี้ 1. จุดเด่นของการสอนในคาบน้ี ............................................................................................................................. ................................................. 2. สงิ่ ที่ควรปรับปรุง/ พัฒนาต่อยอด ....................................................................................................................................................................... ....... 3. ความคิดเห็นของผู้รบั การนิเทศต่อการจัดการเรียนรู้ของตน .................................................................. ..................................................................................................... ....... ลงช่ือ ........................................................ ผู้รบั การนิเทศ (..................................................) ลงชอ่ื ........................................................ ผู้นเิ ทศ (................................................) หมายเหตุ ให้โรงเรยี นศกึ ษาสภาพและบรบิ ทของโรงเรียนจัดทำเกณฑ์ระดับคุณภาพทีเ่ หมาะสม

32 บันทกึ การนิเทศการจดั การเรยี นรู้Observation( Record) การนเิ ทศคร้งั ที(่ Observation time) ……………..…/…………….…. ภาคเรยี นที่ (Semester) ………………….…. ปกี ารศกึ ษา…………………… (Academic Year) ชอื่ /สกลุ ผู้สอน(Teacher’s Name) ……………………………………………………………………….. ตำแหนง่ (Position) …………………………………………………………… วันทส่ี อน(Date) ………………..… เดือน(Month)…………………….………………….. พ.ศ (Year) …………………………………... เวลา (Time) ……………….……..…… ชนั้ (Class)………………กลุม่ สาระการเรยี นร(ู้ Department)……………………………....……………โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 (Nikomsangton-ang 3 school) แผนการจัดการเรียนรู้ที่(Lesson Plan No.)…………เรอ่ื ง(Topic)…………………………………….รายวิชา(Subject)………………… รหัส(Code3school)………… ผลการประเมิน (Rating Scale) ระดบั ระดับ ระดับ ระดบั ระดับ รายการ (Criteria for Teaching Assessment) มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ุด (Very Good) (Good) (Fair) (Poor) (Failed) ๕ ๔๓ ๒๑ ๑.การเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นสอน(Preparation) ๑.๑ จดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้มอี งค์ประกอบถกู ตอ้ งครบถ้วน Correctness and preparation of the lesson plans. .๒ จดั ทำสื่ออปุ กรณก์ ารสอนครบถว้ น สอดคลอ้ งกับกจิ กรรมการเรยี นการสอ Teaching materials used are relevant to the teaching activities and Expectation ๒.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้(Procedure) ๒.๑ แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นร(ู้ Telling the objective. ๒.๒ จดั กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ Relevance of the expectation and learning activities. ๒.๓ จดั กิจกรรมตามข้นั ตอนที่กำหนดไว้ในแผนการจดั การเรยี นรู้ The sequences of teaching step. ๒.๕ จดั กจิ กรรมให้นักเรยี นฝึกปฏิบตั ิจนเกิดทกั ษะต่าง Providing activities to enable students proficiency ๒.๖ ใชเ้ ทคนคิ การตง้ั คำถาม นักเรียนมสี ่วนร่วมแสดงความคิดเห็น Motivated Questioning to motivate students ๒.๗ เลอื กใช้เทคนคิ การสอนที่ตอบสนองความตอ้ งการของนกั เรียน The teaching/learning meets the student’s requirement. ๒.๘ ใช้เสริมแรงตลอดการจัดการกจิ กรรมการเรยี นรู้ Giving motivation for learning. ๒.๙ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นระหว่างนกั เรยี นอย่างต่อเนื่อง Checking student’s understanding. ๓.การใช้ส่ือเทคโนโลยี (Technology Use) ๓.๑ สื่อเทคโนโลยสี อดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ The technology used is relevant to the learning expectation. ๓.๒ สือ่ เรา้ ใจและกระต้นุ ความสนใจในการเรยี นรู้ The technology used is well motivated ๓.๓ ครูใช้สอื่ การสอนเหมาะสมถกู ต้อง คุ้มคา่ Worth and appropriateness of using technology

33 ผลการประเมิน (Rating Scale) ระดบั ระดบั ระดบั ระดับ ระดบั รายการ (Criteria for Teaching Assessment) มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่ีสดุ (Very Good) (Good) (Fair) (Poor) (Failed) ๕๔ ๓ ๒ ๑ ๔.การจดั บรรยากาศและบรกิ ารช้ันเรยี น(Classroom Management) ๔.๑ จดั บรรยากาศให้เอือ้ ตอ่ การเรยี นการสอน Managing the room with proper atmosphere for learning. ๔.๒ กระตุน้ ให้เกดิ ความสนใจการเรยี นรูผ้ า่ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ Motivating students with technology ๔.๓ ครใู ห้คำแนะนำและแกไ้ ขปญั หาแกน่ ักเรยี น Giving room recommendation and problem – solving ๔.๔ ใชเ้ ทคนิคหลากหลายในการควบคมุ ช้ันเรยี น Controlling the classroom with variety of techniques. ๕.การประเมินผล (Evaluation/Assessment) ๕.๑ ประเมนิ ศักยภาพนกั เรยี นระหวา่ งเรยี น Having evaluation for the proficiency expected. ๕.๒ ใช้เทคนิคการประเมินผลตามสภาพจรงิ (Authentic Evaluation) ๕.๓ ผลการเรียนทำให้นกั เรยี นเกิดการเรียนรู้ ทักษะ และ คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์The teaching reflect to the student’s proficiency รวมคะแนน ร้อยละ (Percent) ระดับคณุ ภาพ (Quality Level) ความคิดเห็นเพิ่มเติม(Recommend)………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………… ……………………….…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………. ระดับคุณภาพ (Level of quality) ลงช่อื …………………………………………..……………..ผ้ปู ระเมนิ ๙๓ - ๑๐๕ ระดับมากที่สุด (Very Good) (………………………………………………………………..) ๘๐ - ๙๒ ระดับมาก (Good) ๖๕ – ๗๙ ระดับปานกลาง (Fair) วนั ท…ี่ …..……เดอื น……………………………พ.ศ………………. ๕๑ - ๖๕ ระดับนอ้ ย(Needs improvement) ต่ำกวา่ ๕๐ ระดับนอ้ ยที่สุด (Failed) คำอธิบายระดับคณุ ภาพสำหรับดา้ นที่ ๑ – ๓ (Description of Quality) ๕ หมายถึง มีความชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมระดับมากท่ีสุด (means the teaching is very clear, relevant and it covers the expectation.) ๔ หมายถึง มีความชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมระดบั มาก (means the teaching is clear, relevant and it almost covers the expectation.) ๓ หมายถงึ มคี วามชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมระดบั ปานกลาง (means the teaching is quite clear but not relevant or covered the expectation.) ๒ หมายถึง มีความชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมระดับนอ้ ย (means the teaching is not clear, or relevant or covered the expectation.) ๑ หมายถงึ มคี วามชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมระดับน้อยทีส่ ดุ (means the teaching is not so clear or relevant or covered the expectation.)

34 แบบนิเทศพฤตกิ รรมการสอนของครู โรงเรยี นนคิ มสร้างตนเอง 3 สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาบรุ ีรัมย์ เขต 2 ชื่อ……………………………………………ช้ัน……………………จำนวนนกั เรยี น…………….คน ครงั้ ท่ี 1 วันที่…………..เดอื น…………………พ.ศ………….กลุ่ม/วชิ า………………………………. คร้ังที่ 2 วนั ท่ี…………..เดอื น…………………พ.ศ………….กลุ่ม/วิชา……………………………… พฤติกรรมการสอนของครู รายการพฤตกิ รรมที่สังเกต ครงั้ ที่ 1 คร้งั ท่ี 2 ทำ ไม่ทำ ทำ ไม่ทำ การเตรียมการสอน 1. จัดทำแผนการสอน ตามข้ันตอนอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง 2. เตรียมสื่อการสอนสอดคล้องกับจดุ ประสงค์และเน้ือหา 3. แบบประเมินผลการเรยี นสอดคล้องกับจุดประสงค์และเนอ้ื หา 4. นกั เรียนมีส่วนร่วมในการเตรียมการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 5. บอกจดุ ประสงค์การเรยี นรูก้ ่อนสอน 6. จดั กิจกรรมได้สอดคลKองกับเนอ้ื หาท่สี อน 7. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดม้ ีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอนอย่างทว่ั ถึง 8. มอบหมายงานใหน้ กั เรยี นทำตามความสามารถ 9. ส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นทำงานโดยใชก้ ระบวนการกลุ่ม 10. มีการสง่ เสริมนกั เรยี นท่เี รียนชา้ และสง่ เสริมนกั เรยี นทีเ่ รียนเรว็ การใชส้ ่อื การสอน 11. ใช้ส่อื ไดส้ อดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคเ์ นื้อหากิจกรรม 12. ส่อื ทีใ่ ชช้ ดั เจน และเร้าความสนใจของนักเรียน 13. นกั เรยี นไดศ้ ึกษาและใช้สื่อการสอนอย่างใกล้ชดิ ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………..…………….ผู้นเิ ทศ (...............................................)

35 แบบนิเทศแผนการจดั การเรยี นรู้ครงั้ ท่.ี ..................... โรงเรียนนิคมสรา้ งตนเอง 3 สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ชอื่ ครูผสู้ อน..........................................................ชัน้ ................กลุ่มสาระการเรียนรู้................................................ หน่วย/เรื่อง........................................................................................วนั ท่ีประเมนิ .................................................. คำช้แี จง ประเมินตามสภาพจรงิ ตามรายการและให้ระดบั คุณภาพตามคำอธบิ ายดังนี้ 5 หมายถงึ มีความชัดเจน/สอดคล้อง/ครอบคลุม/เหมาะสมมากทส่ี ุด 4 หมายถึง มีความชดั เจน/สอดคล้อง/ครอบคลุม/เหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง มีความชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมน้อย 1 หมายถงึ มีความชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมน้อยที่สดุ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 54321 1. องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรู้ 2. สาระสำคัญ 3. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด 4. การวัดประเมินผลการเรียนร 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 6. สาระการเรียนรู้ 7. กระบวนการเรยี นรู้/กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. สือ่ การจัดการเรยี นรหู้ รือแหล่งเรยี นรู้ ระดับคุณภาพ X ความถี่ คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉล่ยี ร้อยละ เกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ น้อยกว่า 50 ปรบั ปรงุ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 50.00 – 59.00 พอใช้ คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 60.00 – 69.00 ดี คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 70.00 – 79.00 ดีมาก คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 80.00 – 100.00 ดเี ย่ียม ผลการประเมิน ระดับคุณภาพ............................... ลงช่ือ ........................................................ผ้ปู ระเมนิ (..................................................)

ตวั อย่าง ผลงานจากการนิเทศ PLC 36 แผนปฏิบตั กิ ารชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชีพ (PLC Action Plan) แผนการดำเนนิ งาน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 1. ชอื่ – นามสกุล Model teacher นางไพรวลั ย์ คำโฮง วิทยฐานะ ชำนาญการ เจ้าของแผน 2. โรงเรียนนคิ มสรา้ งตนเอง 3 สงั กดั สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบุรรี ัมย์ เขต 2 3. รายวชิ าทีใ่ ชด้ ำเนินการ วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรูป้ ฐมวยั 4. อนบุ าล 3 นกั เรยี นชาย 6 คน หญิง 5 คน รวมท้ังหมด 11 คน 5. สมาชิกทีม PLT ประเภทเพอ่ื นครู (Buddy Teacher : BT) 5.1 เพือ่ นครู นางณรษาภร สมิ งาม วทิ ยฐานะ ชำนาญการ วิชาเอก ประถมศึกษา 6. สมาชิก PLT ประเภทผู้บริหาร (School administrators : SA) 6.1 ผู้อำนวยการโรงเรียน นางสงวน อรญั เพิม่ วทิ ยฐานะ ชำนาญการพเิ ศษ 7. สมาชิก PLT ประเภทผู้ทรงคุณวุฒทิ างการศึกษา (Senior educator : SE) 7.1 นายนายอนนั ตกรณ์ สอนศลิ ปพ์ งศ์ วิทยฐานะ/ตำแหนง่ ทางวิชาการ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ 8. แผนการดำเนินกิจกรรมและเวลาเป้าหมาย ลำดับที่ กจิ กรรม รอบท่ี 1 รอบท่ี 2 รอบที่ 3 8.1 สรา้ งทมี PLT 7 มถิ ุนายน 9-11 กรกฎาคม 9 มิถุนายน 64 64 8.2 เลอื กปัญหาการเรียนรขู้ องนกั เรยี น 14– 18 มิถุนายน 12 – 16 8.3 ประชุมเสนอปัญหาและแนวทางการแกป้ ัญหา(การ 64 กรกฎาคม ออกแบบการสอน) 21 – 25 มถิ ุนายน 64 เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ – วพิ ากษ์การออกแบบ 64 19-23 8.4 การสอน กรกฎาคม 64 28 ม.ิ ย.-2 ก.ค. 28 กรกฎาคม 64 8.5 ปรับแกแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ – เตรยี มการสอน 64 28 กรกฎาคม 64 8.6 ดำเนนิ การปฏบิ ัติการสอน – สงั เกตช้นั เรียน - 5 กรกฎาคม 64 28 - 29 บันทึกคลิปวิดโี อวิดีทัศน์การสอน 5 กรกฎาคม 64 กรกฎาคม 64 8.7 ประชุมสะท้อนผลการสงั เกตช้ันเรียน 5 - 7 กรกฎาคม 8.8 สรุป บนั ทึกการสังเกตช้ันเรยี น – สรปุ ผล – 64 ปรับปรงุ – ออกแบบแผนการสอนใหม่ วันท่ี เดือน ปที ี่จัดทำแผน 7 มถิ นุ ายน 2564 ลงช่อื .................................................................ผู้จัดทำแผน (นำงนำงไพรวัลย์ คำโฮง)

37 สมาชกิ แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชพี Professional Learning Team (PLT) ชือ่ ทีม โรงเรยี นนคิ มสร้างตนเอง 3 Plc เริ่มจัดต้ังทมี วนั ที่ 7 มถิ นุ ายน 2564 หัวหนา้ ทีม นางไพรวลั ย์ คำโฮง โรงเรียน นคิ มสร้างตนเอง 3 สงั กัด สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบรุ รี มั ย์ เขต2 นำงณรษำภร สิมงำม นายอนนั ตกรณ์ สอนศลิ ปพ์ งศ์ Buddy ศกึ ษานิเทศก์ Expert นางไพรวัลย์ คำโฮง Model Teacher นางหทยั รัตน์ ละสระนอ้ ย นางสงวน อรัญเพิม่ หวั หน้าวิชาการ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน Mentor Administrators วนั เดือน ปี ที่ประชุม 1 กันยายน 2563 สถานท่ปี ระชุม ห้องประชมุ โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 ที่ ช่อื – สกลุ บทบาทหน้าที่ ๑ นางสงวน อรัญเพ่ิม School Admin ๒ นางณรษาภร สิมงาม Buddy teacher 3 นางไพรวัลย์ คำโฮง Model Teacher 4 นางหทัยรตั น์ ละสระน้อย 5 นายอนันตกรณ์ สอนศลิ ป์พงศ์ Mentor Expert ความเหน็ /ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น ( นางสงวน อรัญเพ่ิม ) วันที่ 29 เดือน กรกฎาคม พ.ศ 2564

ชอ่ื นามสกุล Model Teacher นางไพรวัลย์ คำโฮง โรงเรียนนคิ มส วิธีการวดั /การประเมนิ ทักษะการ ใบงาน รวบยอด กา แบบสงั เกต/การสงั เกต เดก็ ได้ส เมลด็ พชื ชน้ั อนุบาล 3 กลุ่มสาระ/วชิ า การศึกษาปฐมวัย กลุ่มเปา้ หมายนักเรยี น

38 สรา้ งตนเอง 3 สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบรุ ีรัมย์ เขต2 ตวั ช้วี ัดความสำเร็จ รสงั เกต การการเปรียบเทยี บ คดิ ปัญหา/จุดพัฒนา ทักษะการคิดในศตวรรษท่ี 21 ารคิดเชิงเหตุผล และการแก้ปัญหา สงั เกตและอธิบายเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของ เรอ่ื ง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ชในน้ำเปล่า น้ำโซดา และน้ำอัดลมได้ กจิ กรรม การทดลองเมลด็ พืชเต้นระบำ ทกั ษะการคิด ตัวแปร(เป้าหมายท่ีจะพัฒนา) ความเหน็ /ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… …………………........................................................................ ลงช่ือ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น ( นางสงวน อรญั เพิม่ ) วนั ท่ี ………เดือน…………………พ.ศ………….

39 วงรอบท่ี 1 แบบรายงาน 1.1 การวิเคราะห์งานนกั เรยี น บันทกึ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC ) โรงเรียนนคิ มสรา้ งตนเอง 3 สังกดั .สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 2 กิจกรรม เมลด็ พชื เตน้ ระบำ จำนวนสมาชิก 5 คน ครัง้ ที่ 1 14 มถิ ุนายน 2564 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 จำนวน 2 ชัว่ โมง เวลา 15.30 – 17.30 น. 1. ประเดน็ วเิ คราะห์สาเหตุของปญั หา 2. การอภปิ รายประเด็น 2.1 ขอบข่ายของปัญหาท่ีพบ การพฒั นาการจัดประสบการณว์ ิทยาศาสตร์สำหรับเดก็ ปฐมวัย โดยมเี ปา้ หมายในการปลกู ฝังใหเ้ ด็ก ๆ มีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ และเทคโนโลยีด้วยกิจกรรมที่สร้างความสนุก ความเพลิดเพลิน ตาม ความสนใจใคร่รู้และความกระตือรือร้น ฝึกทักษะการสังเกต รู้จักตั้งคำถาม พยายามหาคำตอบด้วย ตนเองตั้งแต่ระดับปฐมวัย เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร หรือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีจิตวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะสามารถช่วยในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ในการนี้ สพฐ. ได้ศึกษาแนวทางการจัด กิจกรรมของโครงการฯ พบว่ามีความสอดคล้องกับหลักการและแนวคิดของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช 2560 โดยมงุ่ เนน้ ให้เด็ก ๆ ได้ลงมอื ปฏบิ ัติจริง เน้นทกั ษะการตงั้ คำถามและค้นคว้าหาคำตอบของ แต่ละบุคคล การแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ได้รับจากการค้นพบ และการให้ข้อสรุปด้วยวาจา มีการทำการ ทดลองร่วมกันเป็นกลุ่มย่อย ผู้รับผิดชอบสามารถนำกิจกรรมการสอนวิทยาศาสตร์ มาบูรณาการผ่านการ กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ให้เด็ก ๆ ในห้องเรียนได้ 2.2 หลกั ฐานประจกั ษ์ของปัญหา 1. โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ \"บ้านนักวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย” 2. เพอ่ื พัฒนาครใู ห้มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์สำหรบั เดก็ ปฐมวัยได้ 3. เพ่ือปลูกฝังเตรียมความพร้อมให้เด็กปฐมวยั มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะพื้นฐาน และ เจตคติทด่ี ี ตอ่ การเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2.3 วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาจากหลักฐานในข้อท่ี 2 1. พัฒนาครูใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถจดั กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรส์ ำหรบั เด็ก ปฐมวยั ได้ 2. เตรยี มความพร้อมให้เด็กปฐมวยั มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะพื้นฐาน และ เจตคตทิ ่ีดีต่อการ เรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.4 สรปุ สาเหตุและทม่ี าของปญั หา

40 1. ฝกึ ทักษะการสงั เกต รูจ้ ักต้ังคำถาม พยายามหาคำตอบดว้ ยตนเองตง้ั แต่ระดบั ปฐมวัย เพอ่ื เตรียม ความพร้อมใหเ้ ด็ก ๆ 2. ผูร้ บั ผดิ ชอบสามารถนำกิจกรรมการสอนวทิ ยาศาสตร์ มาบูรณาการผา่ นการกิจกรรมเสริม ประสบการณ์ใหเ้ ด็ก ๆ ในห้องเรยี นได้ 3. การอภิปรายการดำเนินการ Administrator ดำเนินกิจกรรมท่สี อดคลอ้ งและเหมาะกบั ความสนใจของเดก็ ๆ Model กจิ กรรมพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ของครปู ฐมวัย เรือ่ ง การจัดทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ teacher ตามแนวทางของโครงการการบ้านนกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย - จัดกิจกรรมการทดลองวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมเมล็ดพืชเต้นระบำ Buddy การเลอื กกิจกรรมที่ตืน่ เตน้ ทำใหเ้ ดก็ ๆเกิดความสนใจ 4. สรปุ ส่งิ ทไี่ ด้จากการอภิปราย การเลอื กกิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตรท์ ่ที ำให้เดก็ เกดิ ความสนใจ สนุกสนาน ฝกึ ทักษะการสงั เกต รู้จกั ตงั้ คำถาม 5. ความรแู้ ละหลกั การท่นี ำมาใช้ในกจิ กรรม การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ให้กับเดก็ ปฐมวัยมุ่งเนน้ พัฒนาการ ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้าน อารมณ์ - จิตใจ ด้านสังคม และดา้ นสติปญั ญา ใหเ้ กิดการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ท้ัง 4 ด้าน นอกจากการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับการทดลองต่างๆ เรื่อง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซ่ึ ง โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยแห่งประเทศไทย ดังนั้นโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 3 จึง เพิ่มการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรเู้ ก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัย 6. การประชุมครงั้ ตอ่ ไป - การวางแผนการจัดทำแผนการจดั ประสบการณ์

41 วงรอบที่ ๑ แบบรายงาน ๑.๒ รอ่ งรอยการทำงานรว่ มกบั ทีมและผลการออกแบบบทเรยี น หัวข้อ เรือ่ ง กจิ กรรม เมลด็ พืชเต้นระบำ โครงสร้างแผนจดั การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ธรรมชาติรอบตวั เด็ก .............................................................................................................................................................................. Lesson Date: วันท่สี อนบทเรียน: 5 กรกฎาคม 64 Lesson Title: ช่อื บทเรยี น: เมลด็ พชื เต้นระบำ Grade/Team ระดับช้นั อนบุ าล 3 1. Unit Title: ชื่อหนว่ ยการเรยี นร้:ู การทดลองวิทยาศาสตร์ เร่อื งกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ 2. Lessons within unit: บทเรยี นในหนว่ ยการเรียนรู้: (Unit Plan) (แผนการจดั การเรียนรู้ ) มาตรฐานคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ สำหรบั เดก็ ปฐมวัย พฒั นาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ 9 ใชภ้ าษาสือ่ สารไดเ้ หมาะสมกบั วัย มาตรฐานท่ี 10 มีความสามารถในการคิดท่ีเป็นพ้ืนฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 11 มจี นิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ มาตรฐานท่ี 12 มเี จตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรไู้ ด้ เหมาะสมกับวัย ตวั บง่ ช้ี 1. สนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผอู้ ื่นเข้าใจ 2. อา่ น เขียนภาพ และสญั ลักษณไ์ ด้ 3. มีความสามารถในการคดิ รวบยอด 4. มคี วามสามารถในการคิดเชิงเหตุผล 5. มคี วามสามารถในการคิดแก้ไขปัญหาและตดั สินใจ 6. ทำงานศิลปะตามจนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ 7. มีเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรียนรู้ 8. มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ 3. วัตถุประสงค์การจัดการเรียนรขู้ องบทเรียน (แนวคดิ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละแนวปฏบิ ัติ – อ้างถึงมาตรฐาน การเรยี นรู้ท่ีเหมาะสม) 3.1 เพ่อื ให้เดก็ มีทกั ษะการสังเกตเปรียบเทยี บ 3.2 เพื่อให้เดก็ รูจ้ กั คณุ สมบัติกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ 3.3 เพ่ือส่งเสรมิ กระบวนการตงั้ สมมตฐิ านเปรียบเทยี บความเหมอื นต่างของอุปกรณ์ท่ใี ช้และสรุปผล การทดลอง 3.4 เพือ่ เสรมิ สรา้ งให้เด็กมีความสนใจและกระตือรือรน้ ในการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ 3.5 เพื่อให้เกิดการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ตรง

42 4. คำถามหลักสำหรับการตรวจสอบความเขา้ ใจของผ้เู รียน (คำถามเพ่ือถามความเขา้ ใจในระยะยาว คำถาม เพ่อื ถามแนวคิดใหญ่ หรอื คำถามอืน่ ท่รี ะบใุ นตาราง) 4.1 น้ำเปลา่ น้ำอดั ลม นำ้ โซดา มลี กั ษณะแตกตา่ งกันอย่างไร 4.1 เด็กๆ คิดว่าถ้าเรานำเมล็ดพชื ใส่ลงไปในแก้วนำ้ เปลา่ แกว้ น้ำอัดลม แก้วนำ้ โซดา จะเป็นอยา่ งไร 4.3 เมลด็ พืชทใี่ ชใ้ นการทดลอง มลี ักษณะแตกต่างกันอย่างไร 5. ลกั ษณะของงานที่มอบหมายให้นกั เรียน (ระบุระดับของการร้คู ดิ ) นักเรยี นทำงานที่ทา้ ทายความคิดอยา่ งไร (หรอื อ้างถึงในตาราง) 5.1 เดก็ ๆนำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆและคณุ ครูฟัง 6. สอ่ื และอปุ กรณท์ จ่ี ำเป็น (นอกเหนือจากท่รี ะบุไวใ้ นคูม่ ือ) 6.1 น้ำโซดา/นำ้ อัดลม 6.2 น้ำเปลา่ 6.3 แกว้ นำ้ 6.4 เมลด็ พชื เช่น ถว่ั เขยี ว ถ่ัวแดง 6.5 แว่นขยาย 6.6 ใบงาน 7. โครงสรา้ งแผนการจัดการเรียนรู้ สง่ิ ท่คี รูอาจต้อง โครงสร้างการทำ แผนการปฏบิ ัตขิ องครู: คำถาม พฤตกิ รรมการ สนบั สนนุ ให้แก่ กจิ กรรม หลกั ; แผนสำหรับการจัดการเรยี นรู้ ตอบสนองของผู้เรยี นท่ี นักเรียน เพม่ิ เตมิ (จากการคาดการณ์ อาจจะเกิดขึ้น และการสะทอ้ น หอ้ งเรียน) Warm Up (Gathering: - ถามประสบการณเ์ ดิมเดก็ วา่ น้ำที่ เด็กๆร่วมกนั สงั เกต - Check prior เด็กๆ ร้จู กั มนี ำ้ อะไรบา้ ง เปรยี บเท่ียบ และ Knowledge) 1. ขนั้ - เด็กๆรว่ มกันสงั เกตนำ้ ทคี่ ุณครู สนทนาตอบคำถาม เตรยี มความพร้อม (ขัน้ นำมา(นำ้ เปล่า นำ้ อัดลม นำ้ โซดา)มี เกยี่ วกบั น้ำท่ีคณุ ครนู ำมา การคน้ หาและเลอื ก ลักษณะอยา่ งไร ว่ามลี กั ษณะแตกตา่ งกนั ข้อมลู เพ่อื ตรวจสอบ อยา่ งไร ความรู้เดมิ (5 นาท)ี Introduction of the - เด็กและครรู ่วมกันสนทนาเกี่ยวกับ เดก็ ๆรว่ มกนั สังเกต - main topic (Explore) กจิ กรรมการทดลองวิทยาศาสตร์ สนทนา ตอบคำถาม เรอื่ งเมล็ดพชื เต้นระบำ

43 โครงสรา้ งการทำ แผนการปฏิบัติของครู: คำถาม พฤติกรรมการ สงิ่ ทคี่ รูอาจต้อง กิจกรรม หลกั ; แผนสำหรับการจดั การเรียนรู้ ตอบสนองของผู้เรียนที่ สนับสนนุ ให้แก่ นกั เรยี น เพิ่มเตมิ อาจจะเกิดข้นึ (จากการคาดการณ์ และการสะทอ้ น ห้องเรียน) 2. ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น - เดก็ ๆสงั เกตเปรยี บเทยี บวสั ดุ เก่ียวกับวสั ดุอปุ กรณ์ท่ี (สำรวจ) การแจ้ง อปุ กรณ์ที่คุณครูนำมาวา่ มอี ะไรบา้ ง คุณครูนำมา วัตถปุ ระสงค์ของการ - คณุ ครูใช้คำถามกระตุน้ ให้เด็กเกิด เรียนร้ปู ระจำวัน การ การคดิ เกี่ยวกับน้ำที่คณุ ครูนำมา วางเปา้ หมายของ (น้ำเปลา่ นำ้ อดั ลม นำ้ โซดา) บทเรยี น การ ตง้ั สมมตฐิ าน การชแี้ จง เดก็ ๆ คดิ วา่ ถา้ เรานำเมล็ดพืชใส่ กิจกรรม (5 – 10 นาท)ี ลงไปในแก้วนำ้ เปลา่ แกว้ น้ำโซดา แก้วน้ำอัดลม จะเป็นอยา่ งไร ทำไม ถึงคิดวา่ เปน็ เชน่ นน้ั - เดก็ และครรู ่วมกนั คาดคะเนการ ทดลองเมล็ดพืชเต้นระบำ Body (Processing) - เด็กๆรว่ มกันทำกจิ กรรมการทดลอง - เด็กๆสามารถลงมอื - 3. ข้ันกิจกรรม การแก้ไข เมล็ดพชื เต้นระบำโดยให้เดก็ ๆสงั เกต ปฏิบัติกิจกรรมการ ปญั หาการรวบรวม และเปรียบเทยี บผลของการทดลอง ทดลอง เมลด็ พืชเต้น หลักฐานเชงิ ประจักษ์ การลอยของเมล็ดพืชในน้ำเปล่า น้ำ ระบำได้ กิจกรรมการวางแผน โซดา นำ้ อดั ลม - เดก็ ๆมีทักษะการ การลงมอื ปฏิบัตแิ ละการ - เด็กบันทึกผลการทดลองกจิ กรรม สื่อสาร(การฟงั การพูด แปลความ (ข้ันการจัดทำ เมล็ดพชื เต้นระบำ การอ่าน การเขียน) ขอ้ มูลและสรุปความรู้) (5 นาท)ี Closing (Elaboration) - เดก็ และครรู ว่ มกันสรปุ กิจกรรม เด็กๆสามารถออกมา - 4. ข้นั ปดิ บทเรยี น การ เมลด็ พืชเตน้ ระบำโดยครบู อกถึง นำเสนอผลงานของ เชือ่ มไปสู่การนำไปใช้ สาเหตุการลอยของเมลด็ พชื เพราะ ตนเองได้ จริง การบ้าน และการ เหตใุ ด เมล็ดพืชถึงลอยในน้ำอัดลม และนำ้ โซดา เหตเุ ป็นเพราะในนำ้

44 โครงสรา้ งการทำ แผนการปฏิบัตขิ องครู: คำถาม พฤติกรรมการ ส่งิ ทค่ี รอู าจต้อง กจิ กรรม หลัก; แผนสำหรบั การจดั การเรียนรู้ ตอบสนองของผ้เู รยี นท่ี สนับสนุนให้แก่ นกั เรียน เพิ่มเติม เช่ือมโยงกับ สาระวชิ า อาจจะเกดิ ขึน้ (จากการคาดการณ์ อนื่ (5 – 10 นาที) และการสะท้อน โซดามีก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ เมอ่ื Exit, (Self – ห้องเรียน) Regulating) ใส่เมลด็ พชื ลงไปในน้ำโซดา และ . ขน้ั ประเมนิ ผลการ - เรยี นรู้ สะท้อนผลการ น้ำอดั ลมเมลด็ พชื จะลอยขึ้นลง เรียนรู้ และการสะทอ้ น ถึงความสมเหตสุ มผล - เด็กนำเสนอผลงานของตนเองให้ เด็กมที ักษะการสื่อสาร (5 – 10 นาที) เพอื่ นๆและคณุ ครูฟงั โดยครจู ดบนั ทึก สามารถเล่าเรอ่ื งราวผ่าน ผลการนำเสนอของเด็กๆ ผลงานของตนเองให้ เพอื่ นและครูฟงั ได้ 8. สะทอ้ นผลการจัดการเรียนรู้ของครู: ทราบได้อยา่ งไรว่าแผนการจัดการเรยี นรูน้ ้ี สำเร็จผลด้วยดี (ระบุ หลกั ฐาน) 8.1 ผลของการจัดกจิ กรรมในชนั้ เรยี น 8.2 ผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ผรู้ ว่ มออกแบบแผนการจดั การเรยี นร้วู งรอบท่ี ๑ ท่ี ชอื่ – สกลุ บทบาทหน้าท่ี 1 นางสงวน อรญั เพิ่ม School Admin 2 นางณรษาภร สมิ งาม Buddy teacher 3 นางไพรวลั ย์ คำโฮง Model Teacher 4 นางหทัยรตั น์ ละสระน้อย 5 นายอนันตกรณ์ สอนศลิ ป์พงศ์ Mentor Expert วัน เดือน ปีท่ีออกแบบแผนจดั การเรียนรู้ 21 มถิ ุนายน 2564 ลงชื่อ.............................................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน (นางสงวน อรญั เพิม่ )

45 วงรอบที่ 1 แบบรายงาน 1.3 การเปิดชั้นเรยี นและผลการสงั เกตชั้นเรียน โครงสร้างแผนจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ปฐมวัย Lesson Date: วันทีส่ อนบทเรียน: 5 กรกฎาคม 2564 Lesson Title: ช่ือบทเรียน: เมล็ดพชื เตน้ ระบำ Grade/Team ระดับช้ันอนบุ าล 3 1. Unit Title: ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้: การทดลองวทิ ยาศาสตร์ เรือ่ งกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ 2. Lessons within unit: บทเรียนในหน่วยการเรียนร:ู้ (Unit Plan) (แผนการจัดการเรียนรู้ ) มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ สำหรับเด็กปฐมวัย พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาส่อื สารได้เหมาะสมกับวยั มาตรฐานท่ี 10 มีความสามารถในการคิดท่ีเป็นพนื้ ฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 11 มีจินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ มาตรฐานที่ 12 มเี จตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความร้ไู ด้ เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งช้ี 1. สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอื่ งให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจ 2. อา่ น เขียนภาพ และสญั ลกั ษณ์ได้ 3. มคี วามสามารถในการคดิ รวบยอด 4. มคี วามสามารถในการคิดเชงิ เหตผุ ล 5. มีความสามารถในการคดิ แก้ไขปัญหาและตัดสนิ ใจ 6. ทำงานศิลปะตามจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ 7. มเี จตคติท่ีดตี ่อการเรยี นรู้ 8. มีความสามารถในการแสวงหาความรู้ 3. วตั ถุประสงค์การจดั การเรียนรูข้ องบทเรยี น (แนวคิดทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละแนวปฏิบตั ิ – อ้างถงึ มาตรฐาน การเรียนรู้ที่เหมาะสม) 3.1 เพอ่ื ใหเ้ ด็กมีทกั ษะการสงั เกตเปรยี บเทียบ 3.2 เพอ่ื ให้เด็กรจู้ ักคุณสมบัติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3.3 เพ่ือสง่ เสรมิ กระบวนการตั้งสมมติฐานเปรียบเทียบความเหมือนต่างของอุปกรณ์ที่ใช้และสรปุ ผล การทดลอง 3.4 เพ่ือเสรมิ สร้างใหเ้ ดก็ มคี วามสนใจและกระตือรือรน้ ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์

46 3.5 เพ่อื ใหเ้ กิดการเรียนรจู้ ากประสบการณ์ตรง 4. คำถามหลักสำหรบั การตรวจสอบความเข้าใจของผเู้ รียน (คำถามเพื่อถามความเขา้ ใจในระยะยาว คำถาม เพื่อถามแนวคิดใหญ่ หรอื คำถามอน่ื ที่ระบุในตาราง) 4.1 นำ้ เปล่า น้ำอัดลม นำ้ โซดา มีลักษณะแตกตา่ งกันอย่างไร 4.2 เดก็ ๆ คดิ ว่าถ้าเรานำเมล็ดพืชใส่ลงไปในแกว้ นำ้ เปลา่ แก้วนำ้ อดั ลม แกว้ นำ้ โซดา จะเป็นอย่างไร 4.3 เมลด็ พชื ที่ใชใ้ นการทดลอง มีลกั ษณะแตกต่างกันอย่างไร 5. ลักษณะของงานท่ีมอบหมายใหน้ ักเรยี น (ระบรุ ะดบั ของการรคู้ ดิ ) นักเรียนทำงานท่ที า้ ทายความคิดอยา่ งไร (หรืออ้างถงึ ในตาราง) 5.1 เด็กๆนำเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พอ่ื นๆและคุณครูฟัง 6. สื่อ และอปุ กรณ์ที่จำเป็น (นอกเหนือจากทรี่ ะบุไว้ในคมู่ ือ) 6.1 นำ้ โซดา/นำ้ อดั ลม 6.2 นำ้ เปล่า 6.3 แกว้ น้ำ 6.4 เมลด็ พืช เช่น ถัว่ เขียว ถวั่ แดง 6.5 แว่นขยาย 6.6 ใบงาน 7. โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ โครงสร้างการทำ แผนการปฏิบตั ิของครู: พฤติกรรมการ ส่งิ ทคี่ รูอาจต้อง กิจกรรม คำถามหลกั ; แผน ตอบสนองของผ้เู รียนท่ี สนบั สนนุ ให้แก่นักเรยี น สำหรับการจดั การ เรียนรู้ อาจจะเกดิ ขึน้ เพิ่มเตมิ (จากการ คาดการณ์และการ สะท้อนหอ้ งเรียน) 1. ขน้ั เตรยี มความ ผลการสงั เกตชัน้ เรียน ผลการสงั เกตชั้นเรียน ผลการสังเกตชนั้ เรียน พร้อม (ขัน้ การค้นหา - เตรยี มความพร้อมได้ดี - เด็กสนใจในการทำกิ - ครูควรมีการรอ้ งเพลง และเลือกข้อมูลเพื่อ ถามเกยี่ วกบั จรรมดี หรือท่องคำคลอ้ งจองกนิ ตรวจสอบความรู้เดิม ประสบการณ์ความรู้เดิม นำเข้าส่บู ทเรยี น (5 นาท)ี เป็นไปตามแผน 2. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ผลการสังเกตชน้ั เรยี น ผลการสังเกตชนั้ เรียน ผลการสงั เกตชั้นเรยี น (สำรวจ) การแจ้ง - ครูเตรียมและการแจ้ง - เด็กๆมกี ารตอบคำถาม - ครูอาจจะมีการเพ่ิม วัตถุประสงค์ของการ วัตถปุ ระสงค์ของการ ไดด้ ี คำศัพทภ์ าษาอังกฤษมา เรียนรปู้ ระจำวัน การ เรยี นรไู้ ด้เปน็ ไปตามแผน ให้เดก็ ได้อา่ นและเรยี นรู้ วางเปา้ หมายของ

47 โครงสร้างการทำ แผนการปฏบิ ตั ขิ องครู: พฤตกิ รรมการ สิ่งทคี่ รอู าจต้อง กจิ กรรม คำถามหลัก; แผน ตอบสนองของผเู้ รยี นที่ สนับสนุนใหแ้ กน่ ักเรียน สำหรับการจัดการ เรยี นรู้ อาจจะเกดิ ข้ึน เพิม่ เติม (จากการ คาดการณแ์ ละการ บทเรยี น การ ผลการสงั เกตชั้นเรยี น สะทอ้ นห้องเรียน) - เดก็ ๆสามารถลงมือ ต้งั สมมตฐิ าน การ ปฏิบตั ิกจิ กรรมการ ผลการสงั เกตชน้ั เรียน ทดลอง เมลด็ พืชเตน้ - ครูควรมกี ารจัดโต๊ะ ชแี้ จงกิจกรรม (5 – 10 ระบำได้ กิจกรรมและวสั ดอุ ุปกรณ์ ให้เด็กไดท้ ำการทดลอง นาที) ผลการสงั เกตชั้นเรยี น อยา่ งทัว่ ถึงทกุ คน - เด็กๆสามารถออกมา 3. ข้นั กจิ กรรม การ ผลการสงั เกตช้ันเรียน นำเสนอผลงานของ ผลการสงั เกตช้ันเรยี น ตนเองได้ - เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ได้ แก้ไข ปัญหาการ - ครจู ัดกิจกรรมใหเ้ ด็กได้ ตอบคำถามเองไมเ่ ร่งเด็ก ผลการสงั เกตชั้นเรียน ในการตอบคำถาม รวบรวมหลกั ฐานเชงิ ทดลอง และสังเกตการ เดก็ สามารถเลา่ เรื่องราว ผา่ นผลงานของตนเองให้ ผลการสังเกตชัน้ เรยี น ประจักษ์กจิ กรรมการ เปลี่ยนแปลงเปน็ ไปตาม เพื่อนและครูฟังได้ ให้เดก็ ไดเ้ ลา่ ในสง่ิ ท่ี ตนเองทำกิจกรรมในใบ วางแผน การลงมือ แผนและระยะเวลา งานโดยไมเ่ รง่ เด็ก ปฏบิ ัตแิ ละการแปล ความ (ขัน้ การจดั ทำ ขอ้ มลู และสรปุ ความร)ู้ (5 นาที) 4. ขัน้ ปิดบทเรียน การ ผลการสงั เกตช้นั เรยี น เช่อื มไปสู่การนำไปใช้ - ครูนำเข้าสูบ่ ทสรปุ จริง การบ้าน และการ กจิ กรรมเมล็ดพืชได้ดี เชื่อมโยงกับ สาระวชิ า เป็นไปตามแผน อ่ืน (5 – 10 นาที) ๕. ขัน้ ประเมนิ ผลการ ผลการสังเกตชั้นเรยี น เรยี นรู้ สะทอ้ นผลการ ครเู ปิดกาสให้เด็กๆ เรียนรู้ และการ ออกมานำเสนอผลงาน สะทอ้ นถงึ ความ ของตนเอง สมเหตุสมผล (ข้นั ประเมินตนเองหรือ ควบคุมตนเอง) (5 – 10 นาท)ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook