Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม PLC 63-2

เล่ม PLC 63-2

Published by mamablueeuro, 2021-08-05 14:49:16

Description: เล่ม PLC 63-2

Search

Read the Text Version

แบบบันทกึ กจิ กรรมชมุ ชนการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ (Professional Learning Community:PLC) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 กลมุ่ “PLC for Biology4” วงรอบที่ 1 Administrator Model Teacher Administrator Buddy Teacher Mentor .. Expert นางหนงึ่ ฤทยั อเุ ทศ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการ โรงเรียนชมุ พลโพนพิสยั จงั หวดั หนองคาย สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาหนองคาย

แบบเสนอการสรา้ งชุมชนแห่งการเรยี นรู้ PLC โรงเรียนชมุ พลโพนพสิ ยั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธี ยมศึกษา เขต 21 ชอ่ื กล่มุ PLC for Biology 4 สมาชิก บทบาทหน้าที่ ลายมอื ช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรียน ท่ี ชื่อ-สกุล รองผู้อำนวยการโรงเรียน 1. นายพิพัฒน์ ศรีสุขพนั ธ์ 2. นางสาวสภุ าวดี ผาตะเนตร ผ้เู ชี่ยวชาญ 3. นางกาญจนา ทองจบ หัวหนา้ กลมุ่ สาระฯ 4. นายธนภณ อุ่นวิเศษ 5. นางสาวเกศรินทร์ ดีแสน ครรู ว่ มเรยี นรู้ 6. นางหนึง่ ฤทัย อุเทศ ครผู สู้ อน ปัญหาท่ีเลือก สาเหตขุ องปัญหา วิธกี ารแก้ปญั หา นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ - ครใู ช้รูปแบบการจัดการเรยี น จดั การเรยี นรู้โดยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ทางการเรยี นต่ำ และขาด การสอนท่ไี มส่ ่งเสรมิ ให้นักเรยี น แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ทักษะกระบวนการทาง เกดิ ททั ักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิชาชีววทิ ยา วทิ ยาศาสตร์ มากเทา่ ที่ควร หรอื ยงั ไมม่ แี นวทางท่ีเหมาะสมในการ จดั การเรยี นการสอน

PLC-01 Professional Learning Community: PLC ชอ่ื กลุ่ม “PLC for Biology 4” กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เร่มิ จดั ต้ังในวันท่ี 7 เดือน ธนั วาคม พ.ศ.2563 หัวหน้าทีม (Model Teacher) คือ นางหนงึ่ ฤทัย อเุ ทศ โรงเรียนชุมพลโพนพิสยั อำเภอโพนพสิ ยั จงั หวัดหนองคาย สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาหนองคาย Administrator Model Teacher Administrator นายพพิ ัฒน์ ศรสี ขุ พันธ์ นางหนึ่งฤทยั อเุ ทศ นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร Buddy Teacher Mentor Expert น.ส.เกศรินทร์ ดแี สน นายธนภณ อุ่นวเิ ศษ นางกาญจนา ทองจบ

PLC-01 วัน/เดือน/ปี ที่ประชุม 7 ธันวาคม พ.ศ.2563 สถานที่ หอ้ งเกียรตยิ ศ โรงเรยี นชุมพลโพนพิสัย ท่ี ช่ือ-สกุล บทบาทหน้าท่ี ลายมือชอื่ 1 นายพพิ ัฒน์ ศรสี ุขพันธ์ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น Administrator รองผ้อู ำนวยการ 2 นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร กลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ Administrator 3 นางกาญจนา ทองจบ ผ้เู ชี่ยวชาญ Expert 4 นายธนภณ อุน่ วเิ ศษ หวั หน้ากลุ่มสาระฯ Mentor 5 นางสาวเกศรินทร์ ดีแสน ครูร่วมเรียนรู้ Buddy Teacher 6 นางหน่งึ ฤทัย อเุ ทศ ครผู สู้ อน/เลขานุการ Model Teacher ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ผู้บรหิ าร (นายพพิ ัฒน์ ศรีสขุ พันธ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนชุมพลโพนพิสยั

PLC-02 ปฏทิ นิ ปฏิบัตงิ าน ภาคเรียนท่ี 2/2563 ชุมชนการเรยี นรทู้ างวิชาชพี (Professional Learning Community : PLC) ของ Model Teacher และ Buddy Teacher คร้งั ท่ี ว/ด/ป กจิ กรรม PLC เวลา หลกั ฐาน/ชิน้ งาน (ชั่วโมง) 1 7 ธ.ค. 63 - สรา้ งทมี /กลุ่ม เพอ่ื ดำเนนิ งาน PLC 2 [ ] ชุดกิจกรรม 2 8 ธ.ค. 63 - เลือกปญั หาการเรยี นรูข้ องนกั เรยี น 2 [ ] แผนการจัด การเรียนรู้ วงรอบที่ 1 3 [ ] ใบกิจกรรม 3 9-10 ธ.ค. 63 - ประชุมเสนอปญั หาและแนวทางแกไ้ ข [ ] ใบความรู้ จัดการออกแบบการสอน (PLAN) [ ] ภาพกิจกรรม - สรปุ บันทึกผลการวิพากษ์การออกแบบการสอน 2 [ ] ส่อื VDO 4 13-11 ธ.ค. 63 - เขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ - เตรียมการสอน 5 14-18 ธ.ค. 63 - ดำเนินการปฏบิ ตั ิการสอน(เปดิ ช้ันเรยี น) 2 และสงั เกตการสอน (DO) - บันทึกคลิปวดี ีโอการสอน 6 21-22 ธ.ค. 63 - ประชมุ สะท้อนผลการสังเกตชัน้ เรียน (SEE) 2 - สรุป บนั ทึกสังเกตชัน้ เรยี น - สรุปผล - ปรบั ปรุง - ออกแบบการสอนใหม่ วงรอบ ท่ี 2 7 28-29 ธ.ค. 63 - ประชมุ เสนอปญั หาและแนวทางแก้ไข 3 จัดการออกแบบการสอน (PLAN) - สรุป บนั ทึกผลการวพิ ากษ์การออกแบบการสอน 8 30 ธ.ค. 63 - เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ 2 - 3 ม.ค. 64 - เตรียมการสอน 2 9 4-8 ม.ค. 64 - ดำเนินการปฏิบัตกิ ารสอน(เปิดชั้นเรยี น) 2 และสังเกตการสอน (DO) - - บันทกึ คลิปวีดโี อการสอน 10 11-15 ม.ค. 64 - ประชุมสะท้อนผลการสงั เกตชัน้ เรยี น (SEE) - สรุป บนั ทึกสงั เกตชนั้ เรียน - สรปุ ผล - ปรับปรงุ - ออกแบบการสอนใหม่

คร้งั ที่ ว/ด/ป กจิ กรรม PLC เวลา หลกั ฐาน/ช้นิ งาน (ชว่ั โมง) วงรอบ ที่ 3 3 11 18-19 ม.ค. 64 - ประชุมเสนอปญั หาและแนวทางแก้ไข จดั การออกแบบการสอน (PLAN) 2 - สรุป บันทกึ ผลการวิพากษก์ ารออกแบบการสอน 2 2 12 20-24 ม.ค. 64 - เขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ - เตรียมการสอน 2 2 13 25-29 ม.ค. 64 - ดำเนินการปฏบิ ตั ิการสอน (เปดิ ช้นั เรยี น) 35 และสังเกตการสอน (DO) บันทกึ คลิปวีดีโอการสอน 14 1-5 ก.พ. 64 - ประชุมสะทอ้ นผลการสังเกตชนั้ เรียน (SEE) - สรปุ บันทึกสังเกตชนั้ เรยี น - สรุปผล - ปรับปรงุ - ออกแบบการสอนใหม่ 15 8-10 ก.พ. 64 - สรุปรายงานผลการดำเนินงาน PLC 16 11-12 ก.พ. 64 - สรา้ งนวตั กรรม/ดำเนนิ งาน PLC – Show & Share แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ร่วมกนั รวมเวลา ลงชอ่ื ผู้รายงาน ลงชื่อ ผู้บริหาร (นางหนง่ึ ฤทัย อุเทศ) (นายพพิ ัฒน์ ศรสี ุขพนั ธ)์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ ผ้อู ำนวยการโรงเรียนชมุ พลโพนพสิ ัย

PLC-03 วงรอบ 1.1 การวเิ คราะหง์ านนกั เรยี น แบบบันทกึ กิจกรรมชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี (Professional Learning Community : PLC) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นชมุ พลโพนพสิ ัย ชือ่ กลมุ่ “PLC for Biology 4” วนั /เดือน/ปี : 9 ธันวาคม 2563 ครง้ั ที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 เริม่ ดำเนินการเวลา 15.30 น. เสรจ็ สิน้ เวลา 18.30 น. รวมระยะเวลาทัง้ สิน้ 3 ชั่วโมง กิจกรรมครั้งนี้อยู่ในความสอดคล้องกับการพัฒนาบทเรยี นรว่ มกัน (Lesson study) (ทำเครื่องหมาย ✓ลงในชอ่ ง )  ขน้ั ที่ 1 วเิ คราะห์และวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Analyze & Plan)  ข้ันท่ี 2 ปฏบิ ัติและสงั เกตการเรยี นรู้ (Do & See)  ขนั้ ท่ี 3 สะทอ้ นความคิดและปรบั ปรุงใหม่ (Reflect & Redesign) จำนวนครทู ่ีเขา้ ร่วมกจิ กรรม 6 คน โดยมรี ายชื่อและบทบาทต่อกจิ กรรม ดงั น้ี ท่ี ช่อื -สกลุ บทบาทหน้าที่ ลายมอื ชือ่ 1. นายพิพัฒน์ ศรีสขุ พันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรยี น 2. นางสาวสภุ าวดี ผาตะเนตร รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี น 3. นางกาญจนา ทองจบ 4. นายธนภณ อนุ่ วิเศษ ผู้เช่ยี วชาญ 5. นางสาวเกศรินทร์ ดแี สน หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ 6. นางหน่ึงฤทยั อเุ ทศ ครรู ่วมเรียนรู้ ครผู ู้สอน 1. ประเด็นปัญหาทจ่ี ะพัฒนา (เนน้ คุณภาพผเู้ รยี น) พัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2. การอภปิ รายประเด็น (สาเหตขุ องปญั หา) 2.1 ขอบเข่ายของปัญหาที่พบ - นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นต่ำ และขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รายวิชาชวี วิทยา ในการสอบระดบั โรงเรยี นในแตล่ ะคร้งั ทม่ี ีการทดสอบเชน่ การสอบกลางภาคและการสอบปลายภาคเรียน 2.2 หลักฐานประจกั ษพ์ ยานของปญั หา - คะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาชวี วิทยา จาก ปพ.5 และผลการทดสอบ O-net 2.3 วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาจากหลกั ฐานในข้อที่ 2 - จากผสู้ อนไมม่ สี อ่ื และเทคโนโลยี - จากผู้สอนไม่มีกิจกรรมท่สี ่งเสริมใหน้ ักเรยี นเกิดทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากเท่าที่ควร หรอื ยงั ไมม่ แี นวทางท่เี หมาะสมในการจดั การเรียนการสอน - จากตวั นกั เรียน ขาดความสนใจในการเรยี น ขาดความกระตือรือร้นในการเรยี น

2.4 สรปุ สาเหตแุ ละทีม่ าของปัญหา - สาเหตทุ ี่สำคัญที่สุด คอื รูปแบบการจดั การเรยี นการสอนทีไ่ มส่ ่งเสรมิ ทกั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 3. ความร้/ู หลักการท่นี ำมาใช้ 1. การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. การจดั การเรยี นรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) 3. เทคนิคการใชค้ ำถาม 4. เกณฑการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5. การจัดสภาพแวดลอมและบรรยากาศการเรียนรู้ 4. การอภปิ รายดำเนินการ (แนวทางการแกป้ ัญหา) Administrator ครูตอ้ งปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมการสอน หารูปแบบวธิ ีการทนี่ ่าสนใจ กระตนุ้ ให้เกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์การทำงานเป็นกลุม่ Model teacher ต้องมีสือ่ และกจิ กรรมในการเรียนการสอนท่นี า่ สนใจตามรปู แบบการเรยี นรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ (5E) Buddy 1 ผเู้ รียนกต็ ้องมกี ารปรับเปลยี่ นพฤติกรรมในการเรยี นรู้ และครผู สู้ อนควรใชก้ าร จัดการเรียนร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพ่อื พัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ Mentor ครเู ปน็ ผ้คู อยควบคมุ ดูแลหรือเป็นผู้ชี้แนะแนวทางท่เี หมาะสม Expert กิจกรรมท่ีจดั ควรเปน็ กจิ กรรมกลมุ่ ทกุ ครั้งเพ่ือใหเ้ กิดการเรยี นร้แู บบร่วมมอื ชว่ ยกนั เรียน 4. สรุปส่งิ ท่ไี ด้จากการอภปิ ราย ครูจะต้องปรบั เปล่ียนพฤติกรรมในการสอนโดยการหารปู แบบที่น่าสนใจในการจัดการเรียนการสอน และนักเรียนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียน โดยนักเรียนต้องเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมนั้นๆ โดยจะตอ้ งเรียนรู้รว่ มกนั สร้างสรรคค์ วามรจู้ ากสอื่ การเรียนท่มี ีอยรู่ อบตวั ครูจงึ ต้องออกแบบ การจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ที่พฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นและทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. การประชุมครั้งตอ่ ไป - วันท่ี 12 ธนั วาคม 2563 เวลา 15.30 – 17.30 น. หวั ข้อ เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ 6. รอ่ งรอยหลกั ฐานประกอบการ PLC แบบผังกา้ งปลานำเสนอปัญหาการเรยี นรูข้ องผู้เรียน เลิกประชมุ เวลา 18.30 น.

แบบผังกา้ งปลานำเสนอปญั ช่ือ นางหน่งึ ฤทยั อเุ ทศ โรงเรียนชุมพลโพนพสิ ยั สังกัดสำนักงานเ วิธกี ารวดั /ประเมนิ ผล ตวั ชค้ี ว - ทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ นักเรยี นผลสมั - ตรวจใบกิจกรรม เรยี นสูงขึ้นและ - สังเกตการณ์ปฏบิ ัตงิ านกล่มุ กระบวนการท วิชาชีววทิ ยา นักเรียน ม.5/2 จำนวน 36 คน การเรียนรู้โด วิชาชีววทิ ยา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การเรยี นร้แู บ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (5E) กลุ่มเปา้ หมาย นกั เรยี น ตวั แปร/เป

ญหาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น PLC-03 ศ Model Teacher เขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศึกษาหนองคาย วามสำเรจ็ ปญั หา มฤทธ์ทิ างการ นกั เรียนมผี ลสมั ฤทธ์ิ ะมีทักษะ ทางการเรยี นตำ่ และ ทางวิทยาศาสตร์ ขาดทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ดยใชช้ ุดกิจกรรม บบสบื เสาะหาความรู้ วิชาชวี วิทยา ปา้ หมายทีจ่ ะพฒั นา

ลงช่อื ผบู้ ันทกึ ลงชือ่ (นางหนึ่งฤทัย อุเทศ) (นายธนภณ อนุ่ วิเศษ) ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความคดิ เห็น.................................................................. ความคดิ เห็น................................................................. ..................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ลงชื่อ (นางจติ รามาศ คำดบี ุญ) (นายวทิ ยา อนิ กง) หัวหนา้ งานกำกับตดิ ตาม PLC หวั หน้ากลมุ่ งานบริหารวิชาการ ความคิดเห็น.................................................................. ความคดิ เหน็ .................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ลงช่อื ลงชื่อ (นางสาวสภุ าวดี ผาตะเนตร) (นายพพิ ฒั น์ ศรีสขุ พนั ธ์) รองผอู้ ำนวยการโรงเรียน กลมุ่ งานบริหารวชิ าการ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นชมุ พลโพนพิสัย

ภาพ/ร่องรอย/หลักฐานประกอบการ PLC ภาพการจัดกิจกรรม PLC ของกลมุ่ “PLC for Biology 4” ขั้นท่ี 1 วิเคราะหแ์ ละวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Analyze & Plan) โดยดำเนนิ การในวนั ที่ 9 ธันวาคม 2563 2563 เวลา 15.30 – 18.30 น. สถานที่ ห้องโสตทัศศกึ ษา 1

PLC-04 วงรอบ 1.2 รอ่ งรอยการทำงานรว่ มกบั ทีมและผลการออกแบบบทเรยี น แบบบนั ทกึ กจิ กรรมชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชีพ (Professional Learning Community : PLC) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนชุมพลโพนพิสยั ชอ่ื กลุ่ม “PLC for Biology 4” คร้ังที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 วนั /เดอื น/ปี : 12 ธนั วาคม 2563 เริม่ ดำเนินการเวลา 15.30 น. เสร็จสิ้นเวลา 17.30 น. รวมระยะเวลาทัง้ ส้นิ 2 ชว่ั โมง กิจกรรมคร้ังน้ีอยคู่ วามสอดคลอ้ งกับการพฒั นาบทเรยี นร่วมกนั (Lesson study) (ทำเครื่องหมาย ✓ลงในชอ่ ง )  ข้ันที่ 1 วเิ คราะห์และวางแผนการจดั การเรยี นรู้ (Analyze & Plan)  ข้นั ที่ 2 ปฏบิ ัติและสงั เกตการเรียนรู้ (Do & See)  ข้ันท่ี 3 สะท้อนความคิดและปรบั ปรุงใหม่ (Reflect & Redesign) จำนวนครูทีเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรม 6 คน โดยมีรายช่ือและบทบาทต่อกจิ กรรม ดังนี้ ท่ี ช่ือ-สกุล บทบาทหนา้ ท่ี ลายมือช่อื 1. นายพิพฒั น์ ศรีสขุ พนั ธ์ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น 2. นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียน 3. นางกาญจนา ทองจบ 4. นายธนภณ อุ่นวเิ ศษ ผ้เู ชีย่ วชาญ 5. นางสาวเกศรินทร์ ดแี สน หวั หน้ากลุ่มสาระฯ 6. นางหนง่ึ ฤทยั อเุ ทศ ครูรว่ มเรียนรู้ ครผู สู้ อน 1. ประเดน็ ปญั หาทีจ่ ะพัฒนา (เน้นคุณภาพผเู้ รียน) พฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 2. สาเหตขุ องปัญหา รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนไม่พัฒนาผลสมั ฤทธ์แิ ละทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ความรู้/หลักการท่นี ำมาใช้ 1. การพัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. การจัดการเรยี นรู้โดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) 3. เทคนิคการใชค้ ำถาม 4. เกณฑการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5. การจัดสภาพแวดลอมและบรรยากาศการเรยี นรู้

4. แนวทางการแก้ปญั หา ครตู อ้ งปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมการสอน หารูปแบบวิธีการท่ีน่าสนใจ กระตุ้นให้เกิดผลสมั ฤทธท์ิ างการ เรียนและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การทำงานเปน็ กล่มุ โดยใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ (5E) 5. การออกแบบกิจกรรม/เคร่อื งมือ/วธิ ีการเพ่ือแก้ปัญหา ออกแบบชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) 6. กิจกรรมท่ีทำ เขยี นแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และวิพากษอ์ อกแบบการสอน 7. ผลทไี่ ด้จากกิจกรรม ไดแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้และชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และข้อวิพากษ์ ออกแบบการสอนเพอื่ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสม 8. การนำผลท่ไี ด้ไปใช้ นำข้อวพิ ากษอ์ อกแบบการสอนไปพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ใู ห้เหมาะสม 9. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ - 10. การประชุมคร้ังต่อไป - วันที่ 17 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00-12.00 น. หัวขอ้ ดำเนนิ การสอน (เปิดชั้นเรียน) สังเกตการ สอน 11. รอ่ งรอยหลักฐานประกอบการ PLC แผนการจดั การเรียนรู้ ภาพกจิ กรรม ใบความรู้ สื่อวีดิโอ ใบกจิ กรรม เลิกประชมุ เวลา 17.30 น.

ลงช่ือ ผู้บันทึก ลงชื่อ (นางหนึ่งฤทยั อเุ ทศ) (นายธนภณ อ่นุ วิเศษ) ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคดิ เหน็ .................................................................. ความคิดเห็น................................................................. ..................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ลงชื่อ (นางจิตรามาศ คำดีบุญ) (นายวทิ ยา อินกง) หวั หน้างานกำกบั ตดิ ตาม PLC หัวหนา้ กลุม่ งานบริหารวชิ าการ ความคิดเหน็ .................................................................. ความคดิ เหน็ .................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ลงช่อื ลงชื่อ (นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร) (นายพิพฒั น์ ศรสี ุขพันธ)์ รองผู้อำนวยการโรงเรยี น กลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ ผู้อำนวยการโรงเรียนชมุ พลโพนพิสยั

ภาพการปฏิบัตกิ ิจกรรม PLC ภาพการจัดกิจกรรม PLC ของกลุม่ “PLC for Biology 4” ขั้นที่ 1 วเิ คราะหแ์ ละวางแผนการจัดการเรยี นรู้ (Analyze & Plan) โดยดำเนนิ การในวนั ท่ี 12 ธันวาคม 2563 เวลา 15.30 – 17.30 น. สถานที่ หอ้ งโสตทศั นศกึ ษา 1

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรูป้ ระกอบหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง โครงสร้างปอดของสัตวเ์ ลีย้ งลูกเวยน้ำนม รายวชิ า ชีววทิ ยา ผู้สอน นางหน่ึงฤทัย อุเทศ คำช้ีแจง โปรดเขียนเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั การประเมนิ ระดบั การประเมนิ 5 หมายถึง มีความสอดคลอ้ ง/เช่อื มโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมมากที่สุด 4 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชอ่ื มโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชื่อมโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมมากปานกลาง 2 หมายถึง มีความสอดคลอ้ ง/เชอื่ มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถึง มีความสอดคลอ้ ง/เชอ่ื มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมนอ้ ยท่ีสุด รายการประเมิน ระดบั การประเมนิ 5 4 321 1. แผนการจดั การเรยี นรสู้ อดคลอ้ งสัมพนั ธ์กบั หน่วยการเรียนรูท้ ี่กำหนดไว้  2. แผนการจดั การเรียนร้มู ีองคป์ ระกอบสำคัญครบถ้วน  3. ความสอดคลอ้ งของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกบั มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ัดหรอื  ผลการเรยี นรู้ 4. ตวั ช้ีวดั หรือผลการเรยี นรู้ครอบคลุมสาระการเรยี นรู้ พฒั นาผูเ้ รยี นเกิด K P A  5. จดุ ประสงค์การเรยี นรูพ้ ฒั นานักเรยี นครอบคลุมด้าน K P A  6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกบั เวลาและตัวช้ีวดั หรอื ผลการเรยี นรู้  7. กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บ่งเป็นขั้นตอนตามความเหมาะสม  8. กจิ กรรมการเรยี นรเู้ หมาะสมกับสาระการเรยี นรแู้ ละระดบั ช้นั นกั เรยี น  9. กิจกรรมการเรียนรมู้ คี วามหลากหลายและสามารถปฏิบัติไดจ้ ริง  10. กิจกรรมการเรยี นร้สู ามารถพฒั นาครอบคลุมดา้ นองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ  11. กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ ปน็ กิจกรรมทสี่ ง่ เสรมิ กระบวนการคดิ ของนักเรยี น  12. กจิ กรรมการเรียนรู้สอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรมและคณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์หรอื มี  คุณลกั ษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 13. กิจกรรมเนน้ ให้นักเรยี นปฏิบัติจริง /เน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั / Active Learning  14. แผนการจัดการเรยี นรกู้ ำหนดวัสดอุ ุปกรณ์ ส่ือและแหลง่ เรียนรทู้ ่หี ลากหลาย  เหมาะสม 15. แผนการจดั การเรียนรู้ สอดคล้องกบั สาระการเรยี นรูแ้ ละกิจกรรมการเรยี นรู้  16. นกั เรยี นใชส้ ือ่ และแหลง่ เรียนรู้ด้วยตนเอง  17. แผนการจัดการเรียนร้กู ำหนดช้นิ งาน/ภาระงานอยา่ งเหมาะสม  18. การทำช้นิ งานได้ใชค้ วามรู้ ความคิดมากกวา่ การทำตามที่ครูกำหนดหรือการ  แบบฝกึ หดั ทว่ั ไป 19. การวัดและประเมนิ ผลสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั หรือผลการเรียนรู้  20. นักเรียนไดม้ สี ว่ นรว่ มในการวดั และประเมนิ ผล  รวม 19 1 รวม/สรุปผลไดร้ ะดับคณุ ภาพ ระดบั ดีมาก

การแปลความหมาย 90 – 100 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดมี าก 70 – 89 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี 50 – 69 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปานกลาง 30 – 49 คะแนน ระดับคณุ ภาพ พอใช้ 20 – 29 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง ลงช่ือ.................................................... (นายธนภณ อ่นุ วเิ ศษ) ผู้ประเมนิ

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรปู้ ระกอบหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง โครงสร้างปอดของสัตว์เลีย้ งลูกเวยน้ำนม รายวชิ า ชีววทิ ยา ผสู้ อน นางหน่งึ ฤทยั อุเทศ คำช้ีแจง โปรดเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับการประเมนิ ระดบั การประเมิน 5 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมมากที่สุด 4 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เช่อื มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมมาก 3 หมายถึง มีความสอดคลอ้ ง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมมากปานกลาง 2 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชอื่ มโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เช่ือมโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมนอ้ ยท่ีสุด รายการประเมิน ระดับการประเมิน 5 4 321 1. แผนการจดั การเรียนรู้สอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กบั หนว่ ยการเรยี นรู้ท่กี ำหนดไว้  2. แผนการจดั การเรยี นร้มู อี งคป์ ระกอบสำคัญครบถว้ น  3. ความสอดคลอ้ งของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั หรือ  ผลการเรยี นรู้ 4. ตวั ช้ีวดั หรือผลการเรยี นรคู้ รอบคลมุ สาระการเรียนรู้ พฒั นาผ้เู รียนเกิด K P A  5. จดุ ประสงค์การเรียนรพู้ ฒั นานกั เรียนครอบคลุมดา้ น K P A  6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลาและตัวช้วี ัดหรือผลการเรียนรู้  7. กจิ กรรมการเรียนรู้แบ่งเปน็ ข้นั ตอนตามความเหมาะสม  8. กจิ กรรมการเรยี นร้เู หมาะสมกับสาระการเรยี นรูแ้ ละระดับช้ันนักเรียน  9. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลายและสามารถปฏิบตั ิได้จริง  10. กิจกรรมการเรยี นรูส้ ามารถพฒั นาครอบคลุมดา้ นองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ  11. กจิ กรรมการเรยี นรู้เปน็ กจิ กรรมท่สี ่งเสรมิ กระบวนการคดิ ของนกั เรยี น  12. กจิ กรรมการเรียนรู้สอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรมและคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์หรือมี  คุณลกั ษณะตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 13. กิจกรรมเนน้ ให้นกั เรยี นปฏิบัตจิ ริง /เน้นผู้เรียนเป็นสำคญั / Active Learning  14. แผนการจัดการเรยี นรกู้ ำหนดวัสดอุ ุปกรณ์ สื่อและแหลง่ เรยี นร้ทู ห่ี ลากหลาย  เหมาะสม 15. แผนการจดั การเรียนรู้ สอดคลอ้ งกับสาระการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมการเรียนรู้  16. นกั เรยี นใชส้ ือ่ และแหลง่ เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง  17. แผนการจัดการเรยี นรูก้ ำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอยา่ งเหมาะสม  18. การทำชนิ้ งานไดใ้ ช้ความรู้ ความคิดมากกว่าการทำตามทคี่ รกู ำหนดหรอื การ  แบบฝกึ หดั ทัว่ ไป 19. การวัดและประเมนิ ผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดหรือผลการเรียนรู้  20. นกั เรยี นไดม้ สี ว่ นร่วมในการวัดและประเมนิ ผล  รวม 18 2 รวม/สรปุ ผลไดร้ ะดับคณุ ภาพ ระดับ ดีมาก

การแปลความหมาย 90 – 100 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก 70 – 89 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี 50 – 69 คะแนน ระดับคุณภาพ ปานกลาง 30 – 49 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ 20 – 29 คะแนน ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ ลงช่อื .................................................... (นางกาญจนา ทองจบ) ผูป้ ระเมิน

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรปู้ ระกอบหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง โครงสร้างปอดของสัตวเ์ ลย้ี งลกู เวยน้ำนม รายวิชา ชีววทิ ยา ผู้สอน นางหน่งึ ฤทยั อเุ ทศ คำช้แี จง โปรดเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั การประเมิน ระดบั การประเมิน 5 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมมากท่ีสุด 4 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชือ่ มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชอ่ื มโยง/ครอบคลมุ /เหมาะสมมากปานกลาง 2 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เช่อื มโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมน้อย 1 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมนอ้ ยที่สดุ รายการประเมิน ระดบั การประเมนิ 5 4 321 1. แผนการจดั การเรียนรูส้ อดคลอ้ งสมั พนั ธก์ ับหน่วยการเรียนรทู้ ีก่ ำหนดไว้  2. แผนการจดั การเรยี นรมู้ อี งค์ประกอบสำคัญครบถ้วน  3. ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกบั มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ัดหรือ  ผลการเรยี นรู้ 4. ตวั ช้ีวดั หรือผลการเรยี นรู้ครอบคลุมสาระการเรยี นรู้ พฒั นาผเู้ รียนเกิด K P A  5. จุดประสงค์การเรียนรู้พฒั นานกั เรียนครอบคลุมดา้ น K P A  6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกบั เวลาและตวั ชี้วัดหรือผลการเรียนรู้  7. กิจกรรมการเรยี นรู้แบง่ เป็นขัน้ ตอนตามความเหมาะสม  8. กิจกรรมการเรยี นรเู้ หมาะสมกบั สาระการเรียนรูแ้ ละระดบั ช้ันนกั เรียน  9. กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความหลากหลายและสามารถปฏิบตั ิไดจ้ รงิ  10. กิจกรรมการเรยี นรู้สามารถพัฒนาครอบคลมุ ดา้ นองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ  11. กจิ กรรมการเรียนร้เู ปน็ กจิ กรรมท่ีสง่ เสรมิ กระบวนการคิดของนักเรียน  12. กิจกรรมการเรยี นร้สู อดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมและคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงคห์ รือมี  คุณลักษณะตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 13. กจิ กรรมเนน้ ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั จิ รงิ /เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ/ Active Learning  14. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดวสั ดอุ ุปกรณ์ ส่ือและแหลง่ เรยี นรทู้ ีห่ ลากหลาย  เหมาะสม 15. แผนการจัดการเรยี นรู้ สอดคล้องกับสาระการเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรียนรู้  16. นกั เรียนใช้สื่อและแหล่งเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง  17. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอยา่ งเหมาะสม  18. การทำช้ินงานไดใ้ ช้ความรู้ ความคิดมากกวา่ การทำตามทค่ี รกู ำหนดหรอื การ  แบบฝกึ หัดท่ัวไป 19. การวัดและประเมินผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั หรือผลการเรียนรู้  20. นักเรียนไดม้ ีส่วนรว่ มในการวัดและประเมินผล  รวม 18 2 รวม/สรปุ ผลได้ระดับคุณภาพ ระดับ

การแปลความหมาย 90 – 100 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดมี าก 70 – 89 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดี 50 – 69 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปานกลาง 30 – 49 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ 20 – 29 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง ลงชือ่ .................................................... (นางสาวเกศรนิ ทร์ ดีแสน) ผ้ปู ระเมิน

แผนการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววิทยา 4 รหสั วิชา ว 32242 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 เรื่อง โครงสร้างปอดของสตั ว์เลย้ี งลกู ด้วยนำ้ นม เวลา 2 คาบ ผสู้ อน นางหนึง่ ฤทยั อเุ ทศ โรงเรียนชมุ พลโพนพิสยั มาตรฐานการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 4. เขา้ ใจการย่อยอาหารของสตั ว์และมนษุ ย์ รวมทง้ั การหายใจและการแลกเปล่ียนแก๊ส การลำเลียง สารและการหมุนเวยี นเลือด ภูมิคุ้มกันของรา่ งกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่การ สืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกบั การรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ สาระสำคัญ ทางเดินหายใจของมนุษย์ประกอบด้วยรูจมูก โพรงจมูก คอหอย กล่องเสียง ท่อลม หลอดลม หลอดลมฝอยและถุงลมในปอด โดยปอดเป็นบริเวณท่ีมีการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างถงุ ลมกับหลอดเลือดฝอย และบริเวณเซลล์ของเน้ือเย่ือต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนแก๊สโดยการแพร่ผ่านหลอดเลือดฝอย เช่นกัน ซึ่ง O2 และ CO2 จะถูกลำเลียงโดยระบบหมุนเวียนเลือด นอกจากน้ีการทำงานของระบบหายใจ ยังเกี่ยวขอ้ งกับการ รักษาดลุ ยภาพของกรด-เบส ของเลือด การจดั การเรยี นการสอนทส่ี อดคลอ้ งกับยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561 – 2580 1. การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ยข์ องประเทศ 2. ความหลากหลายทางชวี ภาพ คณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ ม และความยงั่ ยืนของทรพั ยากรธรรมชาติ มาตรฐานการศึกษาข้ันพน้ื ฐานที่สามารถตอบสนองกจิ กรรมการเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของผูเ้ รียน 1.1 ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการอา่ น การเขียน การส่อื สารและการคิดคำนวณตามเกณฑข์ องแตล่ ะระดบั ขัน้ 2) ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแกป้ ัญหา 3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร 1.2 คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องผู้เรยี น 1) การมีคุณลักษณะและคา่ นยิ มที่ดีตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด โดยไม่ขัดกบั กฎหมายและ วฒั นธรรมอนั ดขี องสังคม

มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ 1) การมกี ระบวนการเรียนการสอนทสี่ รา้ งโอกาสให้ผูเ้ รยี นทุกคนมสี ว่ นรว่ ม 2) การจัดการเรียนการสอนทยี่ ดึ โยงกับบรบิ ทของชมุ ซนและทอ้ งถิ่น 3) การตรวจสอบและประเมนิ ความรู้ความเขา้ ใจของผู้เรยี นอยา่ งเปน็ ระบบ และมปี ระสิทธภิ าพ สาระการเรยี นรู้ 1. ลกั ษณะภายนอกและภายในของปอด 2. การเปลีย่ นแปลงของปอดเมอ่ื มีการสูบลมเขา้ 3. ลกั ษณะโครงสร้างของท่อลม หลอดลมและเน้อื เยื่อปอด ผลการเรยี นรู้ สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งท่ใี ช้ในการแลกเปลยี่ นแก๊ส และกระบวนการแลกเปลีย่ นแก๊ส ของมนุษย์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตลกั ษณะภายนอกและภายในของปอด 2. สงั เกตการเปลย่ี นแปลงของปอดเม่อื มกี ารสูบลมเข้า 3. สังเกตและอธิบายลกั ษณะโครงสร้างของทอ่ ลม หลอดลม และเน้ือเย่ือปอด สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสงั เกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการเปรยี บเทยี บ 4) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคท์ ส่ี ามารถตอบสนองกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ภาระงาน/ชน้ิ งานนักเรยี น รายงานปฏบิ ัติการโครงสร้างปอดของสตั วเ์ ลยี้ งลูกดว้ ยนำ้ นม

กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ขัน้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยการทบทวนความรู้เดิมจากการศึกษาโครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนแก๊ส ของสัตว์ชนดิ ต่าง ไดแ้ ก่ ส่ิงมชี ีวิตเซลลเ์ ดียว ฟองนำ้ ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดอื น แมลง ปลา กบ นก ซึง่ มีความซบั ซ้อนของโครงสร้างรา่ งกายสภาพแวดล้อมทีอ่ าศัยและปริมาณ O2 ทต่ี อ้ งการแตกตา่ งกัน 2. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาโครงสร้างปอดของสตั ว์เล้ียงลูกด้วยน้ำนม จากน้นั นำเขา้ สกู่ ิจกรรมท่ี 14.1 โดยตั้ง คำถามดังน้ี - โครงสรา้ งท่ใี ชใ้ นการแลกเปลีย่ นแกส๊ ของสัตว์เล้ยี งลูกด้วยนำ้ นมมีลักษณะอยา่ งไร ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) นักเรียนศึกษาโครงสร้างปอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โดยใช้ บทปฏิบัติการ โครงสร้างปอดของ สตั ว์เล้ียงลกู ดว้ ยนำ้ นม ดังน้ี บทปฏบิ ตั ิการ โครงสรา้ งปอดของสตั ว์เลี้ยงลูกด้วยนำ้ นม จดุ ประสงค์ 1. สงั เกตลกั ษณะภายนอกและภายในของปอด 2. สังเกตการเปลย่ี นแปลงของปอดเมอื่ มกี ารสบู ลมเข้า 3. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะโครงสรา้ งของทอ่ ลม หลอดลม และเนื้อเยอื่ ปอด เวลาทใ่ี ช้ (โดยประมาณ) 2 คาบ วสั ดุและอปุ กรณ์ ปริมาณต่อกลุม่ รายการ 1 อัน 200 ml 1. ปอดหมู หรือปอดวัว (ท่มี ที ่อลมและกลอ่ งเสียงตดิ อย่)ู 1 ชุด 2. น้ำ 1 ถาด 3. เครือ่ งมือผา่ ตดั ตามจำนวนนกั เรยี น 4. ถาดผา่ ตัด 2 เสน้ 5. ถงุ มือยาง 1 อัน 6. สายยางขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 1.5 cm และ 1 c 1 ใบ 7. ท่สี ูบลมหรอื ทส่ี ูบลูกโป่ง 8. บกี เกอร์ ขนาด 250 m การเตรยี มตัวล่วงหนา้ สำหรับครู ครเู ตรยี มปอดหมูหรอื ปอดวัวซ่งึ ต้องสง่ั ผู้ขายล่วงหนา้ เพราะปอดท่ีนำมาขายในตลาดนั้นมักถูกหั่นเป็น ชิ้นจึงไม่เหมาะที่จะนำมาศึกษา ควรให้ปอด ท่อลมและกล่องเสียงมีความสมบรูณ์ ไม่ฉีกขาดโดยอาจนำส่วน ของฝาปอดกล่องเสียงที่ติดอยู่กับล้ินรวมทั้งหลอดอาหารมาด้วย ท้ังนี้ การเลอื กตัวอยา่ งสัตว์ควรคำนึงว่าไม่ขัด ต่อศาสนาของนักเรยี น 2. ให้นักเรียนศกึ ษาขั้นตอนการทำกิจกรรมใหล้ ะเอียดโดยครอู าจอธิบายขั้นตอนพร้อมกบั สาธิตให้ นักเรียนดูก่อนจากนั้นครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-5 คน ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างจริงพร้อมเปรียบเทียบ

โครงสรา้ งของปอดกับรูป 14.10 ในหนังสือเรยี น โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายคำถามภายในกลุ่มและ บนั ทึกผลดว้ ยการวาดรูปหรือถา่ ยรูป 3. ในการศึกษาการขยายตัวของปอด ควรใช้สายยางและที่สูบลม ไม่ควรเป่าลมจากปาก โดยตรง เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคจากสัตว์ได้ และในการศึกษาหลอดลมอาจใช้สายยาง ขนาดต่างๆ ที่มีขนาด ใกล้เคียงกับหลอดลมท่ีสังเกตเพื่อสูบลมเข้าไป ครูช้ีแจงว่าการทำเช่นนี้ เพื่อให้เห็นว่าหลอดลมมีขนาดต่างๆ โดยหลอดลมที่ต่อกบั ท่อลมมีขนาดใหญ่และจะมี ขนาดเล็กลงตามลำดับ จนมีขนาดเล็กที่สุดเรียกว่าหลอดลม ฝอย ซึ่งหลอดลมฝอยมองดว้ ยตาเปล่าไมเ่ หน็ แต่นักเรียนอาจเหน็ จุดส้ินสุดเทา่ ท่ีสังเกตดว้ ยตาเปลา่ ได้ ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อธบิ ายผลทีไ่ ดจ้ ากการทำกิจกรรม โดยมีแนวทางผลการทำกิจกรรม ดังน้ี จากการสังเกตโครงสร้างภายนอกของปอดหมู พบว่าปอดมสี ีแดงเรือ่ ปอดซ้ายมี 3 พู ปอดขวามี 4 พู มีกล่องเสียง ต่อกับท่อลม ท่อลมมีกระดูกอ่อนทำให้ไม่แฟบและรูปร่าง กระดูกอ่อนคล้ายตัวอักษร ภาษาองั กฤษ C เรยี งตวั ต่อกัน ทำให้มีความยืดหย่นุ เมื่อสูบลมเข้าท่อลมทั้งปอดซ้ายและ ปอดขวาจะพองตัว จากนนั้ จะแฟบลง เมอ่ื ใช้กรรไกรตัดท่อลมตามแนวยาวจนถึงหลอดลมให้นกั เรยี นสังเกตว่าทอ่ ลมแยกออกเปน็ หลอดลม เขา้ ส่ปู อดทงั้ 2 ข้าง เม่ือใช้สายยางสอดเข้าไปที่หลอดลมด้านใดด้านหน่ึงแล้วสูบลม ปอดด้านนั้นจะพองตวั และเมอื่ ผา่ เน้อื ปอดจะเหน็ หลอดลมแตกแขนงเป็นหลอดลมขนาด เล็กลงไปท่ัวปอด

เม่อื ตัดชน้ิ เน้ือปอดใส่ในบีกเกอร์ที่มีหรือภาชนะอ่นื ชนิ้ เน้ือปอดจะลอยน้ำเพราะมีอากาศ คา้ งอยู่ภายใน ถุงลม โดยครูอาจใหน้ ักเรียนเปรยี บเทียบกบั ชิน้ กลา้ มเน้อื ซง่ึ จะพบว่าช้ินกล้ามเนือ้ จะจม นอกจากน้ีครอู าจใชก้ ิจกรรมน้ชี ้แี นะนกั เรียนท่มี คี วามเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าปอดมี ลักษณะคล้ายลกูโปง่ ท่มี ี อากาศภายใน โดยอธิบายว่าปอดมีเนื้อเยอ่ื ที่ภายในมีถุงลมจำนวนมาก และหลอดเลือดถ้าสังเกตแล้วพบวา่ ช้ิน เน้ือปอดไม่ลอยอาจเป็นเพราะเป็นบริเวณทีมีเลือดค้างอยู่ภายใน ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการกลืนอาหาร โดยนำส่วนของกล่องเสียง ฝาปิดกล่องเสียง และ หลอดอาหารมาอธิบาย ให้นักเรียนเปรียบเทียบการทำงานของฝาปิดกล่องเสียงในการหายใจเข้าและหายใจ ออก กับขณะกลืนอาหารซึง่ ลิน้ จะดันอาหารไปด้านหลังของช่องปาก อาหารจะดันลิ้นไก่และ เพดานอ่อนข้นึ ด้านบนปดิ กนั้ ทางเดนิ หายใจเพอ่ื ป้องกนั อาหารไมใ่ หเ้ ขา้ สโู่ พรงจมูกและท่อลม เนื่องจากมีฝาปิดกล่องเสียงปิด ช่องเปดิ ของกลอ่ งเสยี งไว้ ซง่ึ อาจสรุปไดด้ ังน้ี โครงสรา้ ง ขณะหายใจเขา้ และหายใจออก ขณะกลนื อาหาร ฝาปิดกลอ่ งเสยี ง ยกตัวสูงข้นึ เลอื่ นตวั ตำ่ ลง ทางเดินหายใจ เปิด ทางเดนิ อาหาร ปดิ ปดิ เปิด 2. จากการทำกิจกรรม นักเรียนอาจวาดรูปทางเดินหายใจและปอดได้หลากหลายขึ้นกับส่วน ประกอบที่ สังเกตได้จากการทำกจิ กรรม โดยควรมีสว่ นประกอบที่สำคัญคอื กล่องเสียง ท่อลม หลอดลมและ ปอด ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยการถามตอบ โดยมีแนวคำถามดังนี้ - ปอดมีสีอะไร เพราะอะไรจึงเป็นเช่นน้ัน (แนวตอบ: ปอดมีสแี ดง เพราะบรเิ วณถงุ ลมมหี ลอดเลือดฝอยลอ้ มรอบ) - เนือ้ ปอดมีลักษณะอยา่ งไร

(แนวตอบ : เนื้อปอดมลี กั ษณะหยนุ่ คล้ายฟองนำ้ ) - ลกั ษณะรปู รา่ งของปอดซ้ายและปอดขวามีความแตกต่างกนั อย่างไร (แนวตอบ : ปอดซ้ายเล็กกว่าปอดขวาเล็กน้อย เน่ืองจากดา้ นซ้ายเปน็ บรเิ วณท่ีมีหวั ใจ โดยในปอดของ หมู ปอดซา้ ยมี 3 พู ปอดขวามี 4 พู ซึง่ แตกตา่ งจากปอดของมนุษย์ท่ปี อดซา้ ยมี 2 พู ปอดขวามี 3 พู) - เมอ่ื ใชน้ ว้ิ มอื บีบทอ่ ลมแลว้ ปลอ่ ย ท่อลมจะมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวตอบ : เมือ่ บบี ทอ่ ลมจะแฟบ เม่ือปลอ่ ยทอ่ ลมจะกลับคนื รูปเดิม) - ลักษณะของท่อลมและการจัดเรียงตัวของกระดูกออ่ น รูปร่างของกระดูกอ่อนมีความเหมาะสมต่อ การทำงานอยา่ งไร (แนวตอบ : ทอ่ ลมมกี ระดูกอ่อนเป็นวงเรียงตัวต่อกันทำให้ท่อลมไม่ตบี แบนและปลายกระดูกอ่อนแต่ ละชิน้ ไม่ชนกันมกี ลา้ มเน้ือเชื่อมระหว่างปลายจึงมีลกั ษณะเหมอื นตัวอกั ษรภาษาอังกฤษ C มคี วามยืดหยุ่นและ สามารถขยายตัวได้เล็กน้อยจงึ มีประโยชน์ทำใหอ้ ากาศเข้าและ ออกจากปอดไดส้ ะดวก) - เมื่อสอดสายยางแล้วสบู ลมเขา้ ท่ีหลอดลมดา้ นหน่งึ ของปอด ปอดอกี ขา้ งหนงึ่ มกี ารเปลีย่ นแปลง อยา่ งไร (แนวตอบ : ปอดอกี ข้างไม่มกี ารเปลยี่ นแปลง) - เมอื่ ตัดเน้อื ปอดเปน็ ชิน้ ขนาดเลก็ ใสใ่ นบกี เกอร์ท่มี ีน้ำจะเกิดอะไรขน้ึ เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ : ชน้ิ เนอื้ ปอดจะลอยน้ำเพราะมอี ากาศคา้ งอยูภ่ ายในถงุ ลมในปอด) 2. ครูตรวจรายงานปฏิบตั ิการโครงสร้างปอดของสตั ว์เล้ียงลูกด้วยน้ำนม ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเติม ชีววทิ ยา เลม่ 4 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 บทที่ 14 ระบบหายใจ ของ สสวท. 2) ปฏบิ ัตกิ ารโครงสรา้ งปอดของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ด้วยนำ้ นม 3) e-book จาก http://online.pubhtml5.com/binj/xphk/ หรือ ผ่านทาง QRCode แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งปฏบิ ตั ิการชวี วทิ ยา 2) อินเทอรเ์ น็ต

การวดั ผลประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน ประเมินระหว่างการจดั - สงั เกตจากการตอบคำถาม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ กิจกรรมการเรียนรู้ 80 1) กิจกรรมนำสกู่ ารเรยี น และแสดงความคิดเหน็ รายบุคคล - ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 - การตอบคำถาม - ตรวจรายงานปฏิบัตกิ าร รายงานปฏบิ ตั ิการ 2) โครงสรา้ งปอดของ โครงสรา้ งปอดของสัตว์เล้ียง โครงสร้างปอดของสตั ว์ สตั วเ์ ลีย้ งลูกด้วยนำ้ นม ลกู ด้วยน้ำนม เลีย้ งลกู ดว้ ยนำ้ นม 3) การนำเสนอผลการ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ทำกจิ กรรม ผลทำกจิ กรรม นำเสนอผลทำกิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ทำงานรายบุคคล ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 ทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 6) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลักษณะอนั พึง ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน



คำนำ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E) บทท่ี 14 ระบบหายใจ รายวิชาชีววทิ ยาเพ่มิ เติม 4 รหัสวิชา ว32242 ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เล่มที่ 1 เรือ่ ง โครงสรา้ งปอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม จัดทำ ขึ้นตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในสาระชีววิทยาเพ่ือ ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 4 รหัสวิชา ว32242 เป็นการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ท่ี เน้นนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ทักษะการสืบค้นข้อมูล กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์โดยครูเป็นผู้ให้ คำปรึกษา แนะนำ และคอยอำนวยความสะดวกตลอดจนติดตามผลการศกึ ษาอย่างใกล้ชิด โดยการพัฒนาชุด กิจกรรมการเรยี นรู้นี้ ได้มกี ารจดั ทำ ปรบั ปรงุ และพฒั นาข้ึนทั้งหมด จำนวน 2 เลม่ เวลา 4 ชัว่ โมง ดังน้ี ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เล่มที่ 1 โครงสรา้ งปอดของสัตว์เลย้ี งลูกด้วยนำ้ นม ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เลม่ ท่ี 2 โครงสรา้ งหัวใจของสตั ว์เลี้ยงลูกดว้ ยน้ำนม ครูสามารถมอบให้นักเรียนนำไปศึกษาได้ด้วยตนเอง ทบทวนเนื้อหาหรือสามารถนำไปใช้ ในการเรยี นซ่อมเสรมิ ในกรณีทีน่ ักเรยี นสอบไมผ่ า่ นเกณฑไ์ ดอ้ ีกดว้ ย ผู้จัดทำขอขอบพระคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาที่ดีในการจัดทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน ครูผู้สอน อาจารย์ และผู้ที่สนใจ เพื่อจะช่วยให้การ ดำเนินการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้มีประสทิ ธิภาพและนกั เรียนสามารถเรยี นรไู้ ดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ นางหนง่ึ ฤทัย อเุ ทศ

คำชีแ้ จงชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) บทท่ี 14 ระบบหายใจ รายวชิ าชวี วทิ ยา 4 รหัสวชิ า ว32242 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 เลม่ ที่ 1 เรอื่ ง โครงสรา้ งปอดของสัตวเ์ ลยี้ งลูกด้วยนำ้ นม ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E) บทท่ี 14 ระบบหายใจ รายวิชาชวี วิทยา 4 รหสั วิชา ว32242 ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 เล่มที่ 1 เร่อื ง โครงสรา้ งปอดของสตั ว์เล้ยี งลูกดว้ ยนำ้ นม เป็นชดุ การ เรียนร้ทู ่เี น้นใหน้ กั เรียนพฒั นาความร้โู ดยวิธีการสบื เสาะหาความรทู้ ง้ั 5 ขัน้ ตอน ซึ่งใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม การวางแผนการทำงาน การแก้ปญั หา ค้นคว้าหาความรหู้ รือคำตอบ โดยภายในชุดการ เรยี นรู้แต่ละชุดมกี ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย นกั เรียนมสี ว่ นร่วมในการทำกิจกรรมและมี ปฏิสัมพนั ธ์ซงึ่ กันและกนั ภายในกลุ่ม ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) บทที่ 14 ระบบหายใจ รายวชิ าชีววทิ ยา 4 รหัสวิชา ว32242 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ใชด้ ำเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ ในภาคเรียนท่ี 2 ประกอบด้วยชดุ การเรยี นรู้ จำนวน 2 เล่ม รวม จำนวน 4 ช่ัวโมง ดังนี้ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เลม่ ท่ี 1 โครงสรา้ งปอดของสตั ว์เล้ียงลกู ดว้ ยนำ้ นม จำนวน 2 ชั่วโมง ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เล่มท่ี 2 โครงสร้างหัวใจของสัตว์เล้ียงลูกด้วยนำ้ นม จำนวน 2 ช่ัวโมง ชดุ การเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) บทที่ 14 ระบบหายใจ เล่มที่ 1 โครงสรา้ งปอดของสัตว์ เลี้ยงลกู ดว้ ยนำ้ นมชดุ นี้ จะเป็นประโยชนแ์ ละเปน็ แนวทางในการพฒั นาการเรยี นร้ทู ่เี น้นให้นกั เรยี นไดใ้ ช้วิธีการ สืบเสาะหาความร้ดู ้วยตนเอง

คำแนะนำการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำหรับครู) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) บทที่ 14 ระบบหายใจ รายวิชาชีววิทยา 4 รหัสวิชา ว32242 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่มที่ 1 เรื่อง โครงสร้างปอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมี จดุ มงุ่ หมายเพือ่ ช่วยใหก้ ารดำเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้และมีประสิทธิภาพ ผู้สอน ควรเตรียมความพรอ้ ม และปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ศึกษารายละเอียดเก่ียวกบั การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ และแผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง โครงสร้าง ปอดของสตั ว์เล้ียงลกู ดว้ ยนำ้ นม รายวชิ าชวี วทิ ยา 4 รหัสวชิ า ว32242 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ใหเ้ ขา้ ใจ 2. เตรยี มชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ ตามจำนวนนักเรยี น วัสดุ ส่งิ ของ และอปุ กรณ์ที่ระบุไวใ้ น ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจ บทบาทของตนเอง แนะนำขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวปฏิบัติในระหว่างการดำเนินกิจกรรม การเรียนรู้ 4. การดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ตามกระบวนการ 5 ขั้น ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบาย และลงข้อสรุป (Explanation) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) การจัดชัน้ เรยี นนกั เรียนจะทำกิจกรรมเป็นกลมุ่ ๆ ละ 5 – 6 คน โดยคละนกั เรียนในกลมุ่ เปน็ 3 ระดับ คือ เก่ง ปานกลางและอ่อน จำนวนกล่มุ จะขน้ึ อย่กู บั นกั เรียนในชนั้ เรียน เมอื่ ทำการวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน นักเรียน จะตอ้ งแยกกลมุ่ และจัดห้องทำการสอบเปน็ รายบุคคล 5. ดำเนินการประเมินผลการเรียนรู้จากการตรวจแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สังเกต พฤติกรรมการปฏิบัติงานกลุม่ ประเมินผลการปฏิบัติการ ตรวจใบกิจกรรมการเรียนรู้ 6. ครูใหค้ ำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 7. เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ครูให้นักเรียนรวมตรวจสอบ และเก็บวัสดุ สิ่งของและอุปกรณใ์ ห้เรียบรอ้ ย เพือ่ สะดวกในการใช้ครง้ั ต่อไป

คำแนะนำการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำหรบั นักเรยี น) ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) บทที่ 14 ระบบหายใจ รายวิชาชวี วทิ ยา 4 รหัส วชิ า ว32242 ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เลม่ ท่ี 1 เรือ่ ง โครงสร้างปอดของสตั ว์เลีย้ งลกู ดว้ ยน้ำนม นกั เรยี นปฏบิ ัติตามขั้นตอนด้วยความซ่อื สตั ย์และตั้งใจ ดังน้ี 1. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง โครงสรา้ งปอดของสตั วเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยน้ำนม ใช้เวลา 2 ชว่ั โมง 2. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ กล่มุ ๆ ละ 5 – 6 คน จำนวนกลุม่ ข้นึ อย่กู ับนกั เรียนในช้ันเรยี น โดยคละนกั เรยี นในกลุ่มเป็น 3 ระดบั คอื เก่ง ปานกลาง และอ่อน 3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาสาระสำคญั ผลการเรยี นรู้ และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ขอบข่าย เนื้อหาประจำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนเรือ่ งระบบหายใจของคน จำนวน 10 ขอ้ 5. นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนในแต่ละชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ มีขั้นตอนประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ขนั้ ที่ 5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation) 6. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง โครงสรา้ งปอดของสตั วเ์ ลยี้ งลกู ด้วยน้ำนม จำนวน 10 ข้อ 7. หากพบข้อสงสัยใหป้ รึกษาครูผูส้ อนไดท้ นั ที

ผังมโนทัศน์ข้นั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ ชแ้ี จงการใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ อา่ นคำช้ีแจงและคำแนะนำ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ปฏบิ ัติกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขัน้ ที่ 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ ข้นั ท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Engagement) (Exploration) ขั้นที่ 5 ข้ันประเมิน ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ ขัน้ ที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและ (Evaluation) (Elaboration) ลงข้อสรปุ (Explanation) ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์ พบครู, ซ่อมเสรมิ ศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ่อไป

แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง โครงสรา้ งปอดของสัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้ำนม วชิ าชวี วทิ ยา 4 รหัสวชิ า ว 32242 ข้อสอบแบบปรนัย 10 ข้อ 10 คะแนน โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย _____________________________________________________________________ คำช้ีแจง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องที่สดุ เพียงข้อเดยี ว แลว้ ตอบลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะโครงสร้างในการแลกเปล่ยี นแก๊สของรา่ งกายไมว่ ่าจะเปน็ ของสัตว์ชนดิ ใดจะมลี ักษณะ เหมือนกัน ก. ตอ้ งบางและชน้ื อย่เู สมอ ข. ต้องมเี ส้นเลอื ดฝอยมาหลอ่ เล้ียง ค. ตอ้ งมนี ำ้ มาหล่อเลี้ยงตลอดเวลา ง. ตอ้ งเป็นแผน่ บาง ๆ ท่ซี อ้ นทับกนั หรือพับไปมา 2. เมอ่ื นกั เรยี นสดู อากาศเขา้ ทางรจู มูก อากาศจะผ่านอวยั วะใดบ้าง ก. รูจมูก-->โพรงจมูก-->กล่องเสยี ง--> คอหอย-->หลอดลม-->ท่อลม-->หลอดลมฝอย-->ถงุ ลม ข. รูจมกู -->โพรงจมกู --> คอหอย-->กล่องเสียง-->หลอดลม-->ท่อลม-->หลอดลมฝอย-->ถุงลม ค. รูจมกู -->โพรงจมูก-->คอหอย-->กลอ่ งเสยี ง-->ทอ่ ลม-->หลอดลม-->หลอดลมฝอย-->ถุงลม ง. รูจมกู -->โพรงจมกู -->คอหอย-->กล่องเสียง-->ท่อลม-->หลอดลม-->ถงุ ลม-->หลอดลมฝอย ภาพใชต้ อบคำถามขอ้ 3-6 3. หมายเลขใด เป็นบริเวณทม่ี ีเยื่อบุผวิ มีซิเลียและเมือกเพ่อื ดักจบั สิง่ แปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ถงุ ลม ก. 1 และ 2 ข. 1 และ 3 ค. 1 และ 4 ง. 1 และ 5

4. หมายเลขใด ท่ีมีลกั ษณะเปน็ หลอดขนาดเล็กท่ีแตกแขนงจากหลอดลม มีหลายขนาด ลำเลียงอากาศไปยงั ถงุ ลมปอด ก. 5 ข. 6 ค. 7 ง. 8 5. หมายเลขใด เป็นบรเิ วณทม่ี กี ารแลกเปล่ียนแก๊ส ก. 5 ข. 6 ค. 7 ง. 8 6. ข้อใดกล่าวถงึ รูปรา่ งและขนาดของปอดซ้ายและปอดขวาของมนษุ ยไ์ ด้ถกู ต้อง ก. ปอดซา้ ยมี 2 พู ปอดขวามี 3 พู และปอดซ้ายมขี นาดเลก็ กว่าปอดขวา ข. ปอดซา้ ยมี 3 พู ปอดขวามี 4 พู และปอดซ้ายมขี นาดเล็กกวา่ ปอดขวา ค. ปอดซา้ ยมี 3 พู ปอดขวามี 2 พู และปอดซ้ายมีขนาดใหญก่ ว่าปอดขวา ง. ปอดซา้ ยมี 4 พู ปอดขวามี 3 พู และปอดซา้ ยมขี นาดใหญก่ วา่ ปอดขวา ภาพใช้ตอบตำถามขอ้ 7-8 ภาพแสดงลักษณะหลอดเลอื ดฝอยท่ลี ้อมรอบถงุ ลมในปอดซึง่ มีทศิ ทางการไหลของเลอื ดตามลูกศร 7. ลำดับทศิ ทางการแพร่ของ O2 เป็นอย่างไร ก. A --> B --> C --> E --> D ข. A --> B --> C --> D --> E ค. E --> D --> C --> B --> A ง. D --> E --> C --> B --> A 8. จากรปู บริเวณใดทม่ี คี วามดันย่อยของ CO2 สูงทสี่ ดุ ก. D ข. E ค. B และ C ง. A และ B

9. การแลกเปล่ยี นแก๊สเกิดข้นึ ท่ีบริเวณใด 1. ถุงลมกบั หลอดเลือดฝอย 2. เซลล์ของเนือ้ เยื่อต่างๆ กบั หลอดเลอื ดฝอย 3. หลอดเลือดฝอยกบั ท่อลม 4. รูจมูกกับท่อลม ก. 1 และ 2 ข. 1และ 3 ค. 1 ง. 4 10. ในขณะท่สี ูดลมหายใจเข้า การทำงานของกล้ามเนือ้ กะบังลม กะบังลม กล้ามเนือ้ ระหว่างซี่โครงแถบนอก และกระดูกซ่โี ครง เป็นอยา่ งไร ก. กลา้ มเนอื้ กะบังลมหดตวั กะบงั ลมยกตวั สงู ขน้ึ กล้ามเนอ้ื ระหว่างกระดูกซีโ่ ครงแถบนอก หดตวั กระดูกซี่โครงยกสงู ขึ้น ข. กลา้ มเนื้อกะบังลมหดตวั กะบังลมเคล่ือนต่ำลง กลา้ มเน้อื ระหวา่ งกระดกู ซ่ีโครงแถบนอก หดตวั กระดูกซี่โครงยกสูงขน้ึ ค. กลา้ มเนื้อกะบังลมหดตวั กะบังลมเคลอื่ นต่ำลง กล้ามเน้อื ระหวา่ งกระดูกซ่โี ครงแถบนอก หดตวั กระดกู ซี่โครงลดต่ำลง ง. กลา้ มเนอื้ กะบงั ลมหดตวั กะบงั ลมเคลอื่ นต่ำลง กล้ามเนื้อระหว่างกระดกู ซี่โครงแถบนอกคลายตัว กระดกู ซ่โี ครงลดตำ่ ลง ง. กระดูกซ่โี ครงลดต่ำลงความดนั อากาศในปอดคงที่

กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น ช่อื ...........................................................................................................ชน้ั ...................... เลขที่............. ขอ้ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ชุดกิจกรรมเล่มที่ 1 โครงสรา้ งปอดของสตั ว์เลย้ี งลูกด้วยนำ้ นม ประกอบแผนการจัดการเรยี นรู้เรอื่ งโครงสร้างปอดของสัตว์เลยี้ งลูกดว้ ยน้ำนม บทท่ี 14 ระบบหายใจ เวลา 2 คาบ จุดประสงค์ 1. สงั เกตลักษณะภายนอกและภายในของปอด 2. สงั เกตการณ์เปลี่ยนแปลงของปอดเมอ่ื มกี ารสบู ลม 3. สังเกตและอธิบายลักษณะโครงสร้างของท่อลม หลอดลม และเน้ือเยอื่ ปอด สาระสำคญั ทางเดินหายใจของมนุษย์ประกอบด้วยรูจมูก โพรงจมูก คอหอย กล่องเสียง ท่อลม หลอดลม หลอดลมฝอยและถุงลมในปอด โดยปอดเป็นบริเวณที่มีการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างถงุ ลมกับหลอดเลือดฝอย และบริเวณเซลล์ของเน้ือเย่ือต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนแก๊สโดยการแพร่ผ่านหลอดเลือดฝอย เช่นกัน ซึ่ง O2 และ CO2 จะถูกลำเลียงโดยระบบหมุนเวียนเลือด นอกจากนี้การทำงานของระบบหายใจ ยังเกี่ยวขอ้ งกับการ รกั ษาดุลยภาพของกรด-เบส ของเลือด กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) นักเรียนศึกษาโครงสรา้ งปอดของสตั วเ์ ลี้ยงลกู ด้วยน้ำนม จากนั้นนำเขา้ สู่กิจกรรมที่ 14.1 แล้ว คำถามดังนี้ - โครงสรา้ งท่ีใช้ในการแลกเปล่ียนแก๊สของสัตว์เลย้ี งลูกด้วยน้ำนมมีลักษณะอย่างไร ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) นักเรียนศึกษาโครงสร้างปอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โดยใช้ บทปฏิบัติการ โครงสร้างปอดของ สัตว์เลีย้ งลกู ด้วยน้ำนม การเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ 1. เตรยี มปอดหมหู รอื ปอดวัวซึ่งตอ้ งส่งั ผ้ขู ายล่วงหนา้ เพราะปอดทนี่ ำมาขายในตลาดนัน้ มักถกู หั่นเป็น ชิ้นจึงไม่เหมาะท่ีจะนำมาศึกษา ควรให้ปอด ท่อลมและกล่องเสียงมีความสมบรูณ์ ไม่ฉีกขาดโดยอาจนำส่วน ของฝาปอดกล่องเสียงท่ีติดอยู่กับล้ินรวมท้ังหลอดอาหารมาด้วย ท้ังน้ี การเลือกตัวอย่างสตั ว์ควรคำนึงว่าไม่ขัด ต่อศาสนาของนกั เรียน 2. ให้นักเรียนศกึ ษาข้ันตอนการทำกิจกรรมให้ละเอียดโดยครอู าจอธิบายขั้นตอนพร้อมกบั สาธิตให้ นักเรียนดูก่อนจากนั้นครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-5 คน ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างจริงพร้อมเปรียบเทียบ โครงสรา้ งของปอดกับรปู 14.10 ในหนงั สอื เรียนโดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายคำถามภายในกลุ่มและบันทึก ผลดว้ ยการวาดรปู หรอื ถ่ายรปู 3. ในการศึกษาการขยายตัวของปอด ควรใช้สายยางและที่สูบลม ไม่ควรเป่าลมจากปาก โดยตรง เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคจากสัตว์ได้ และในการศึกษาหลอดลมอาจใช้สายยาง ขนาดต่างๆ ที่มีขนาด

ใกล้เคียงกับหลอดลมท่ีสังเกตเพ่ือสูบลมเข้าไป เพื่อให้เห็นว่าหลอดลมมีขนาดต่างๆ โดยหลอดลมที่ต่อกับทอ่ ลมมีขนาดใหญ่และจะมี ขนาดเล็กลงตามลำดบั จนมีขนาดเลก็ ทส่ี ุดเรยี กว่าหลอดลมฝอย ซึ่งหลอดลมฝอยมอง ด้วยตาเปล่าไมเ่ หน็ แต่นกั เรียนอาจเหน็ จุดสิ้นสุดเทา่ ท่สี งั เกตด้วยตาเปล่าได้ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. นกั เรียนรว่ มกันอธบิ ายผลทไี่ ด้จากการทำกิจกรรม โดยมแี นวทาง ดงั น้ี - โครงสร้างภายนอกของปอดหมู - เมือ่ ใชก้ รรไกรตัดทอ่ ลมตามแนวยาวจนถงึ หลอดลม ให้นักเรียนสังเกตลักษณะของทอ่ ลม - เปรยี บเทยี บการจมการลอยของชน้ิ เนื้อปอดกับชิ้นกล้ามเนอ้ื ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการกลนื อาหาร โดยนำส่วนของกล่องเสียง ฝาปิดกล่องเสียง และหลอดอาหารมาอธิบาย ให้นักเรียนเปรียบเทียบการทำงานของฝาปิดกล่องเสียงในการหายใจเข้าและ หายใจออก กับขณะกลืนอาหารซึ่งลิ้นจะดันอาหารไปด้านหลังของช่องปาก อาหารจะดันลิ้นไก่และ เพดาน อ่อนข้นึ ด้านบนปดิ กั้นทางเดนิ หายใจเพอื่ ป้องกนั อาหารไม่ให้เข้าสูโ่ พรงจมูกและทอ่ ลม เนือ่ งจากมีฝาปิดกล่อง เสยี งปดิ ชอ่ งเปดิ ของกลอ่ งเสยี งไว้ ซึง่ อาจสรุปได้ดังนี้ โครงสรา้ ง ขณะหายใจเขา้ และหายใจออก ขณะกลืนอาหาร ฝาปิดกลอ่ งเสียง ยกตัวสูงขึน้ เลือ่ นตวั ต่ำลง ทางเดนิ หายใจ เปิด ปดิ ทางเดนิ อาหาร ปดิ เปดิ 2. จากการทำกิจกรรม ให้นักเรียนอาจวาดรูปทางเดินหายใจและปอดได้หลากหลายขึ้นกับ ส่วน ประกอบที่สังเกตได้จากการทำกจิ กรรม โดยควรมีสว่ นประกอบทส่ี ำคัญคอื กล่องเสียง ท่อลม หลอดลมและปอด ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยการถามตอบ โดยมีแนวคำถามดังนี้ - ปอดมสี ีอะไร เพราะอะไรจงึ เปน็ เช่นน้ัน - เนอื้ ปอดมลี ักษณะอย่างไร - ลกั ษณะรปู ร่างของปอดซ้ายและปอดขวามีความแตกตา่ งกนั อย่างไร - เมอ่ื ใช้น้ิวมอื บีบทอ่ ลมแล้วปล่อย ทอ่ ลมจะมกี ารเปลย่ี นแปลงอย่างไร - ลักษณะของท่อลมและการจดั เรียงตัวของกระดกู ออ่ น รูปร่างของกระดกู อ่อนมคี วามเหมาะสมต่อ การทำงานอยา่ งไร - เมื่อสอดสายยางแล้วสูบลมเข้าที่หลอดลมด้านหนึ่งของปอด ปอดอีกข้างหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง อยา่ งไร - เมื่อตัดเนื้อปอดเป็นช้นิ ขนาดเลก็ ใส่ในบีกเกอรท์ ีม่ ีนำ้ จะเกิดอะไรข้นึ เพราะเหตใุ ด

ปฏบิ ัตกิ าร โครงสร้างปอดของสตั ว์เลย้ี งลูกด้วยนำ้ นม จดุ ประสงค์ 1. สงั เกตลักษณะภายนอกและภายในของปอด 2. สงั เกตการณเ์ ปลยี่ นแปลงของปอดเม่ือมกี ารสูบลม 3. สังเกตและอธบิ ายลักษณะโครงสร้างของท่อลม หลอดลม และเนือ้ เยอ่ื ปอด สาระสำคญั ทางเดินหายใจของมนุษย์ประกอบด้วยรูจมูก โพรงจมูก คอหอย กล่องเสียง ท่อลม หลอดลม หลอดลมฝอยและถุงลมในปอด โดยปอดเป็นบริเวณที่มีการแลกเปลีย่ นแก๊สระหว่างถุงลมกับหลอดเลือดฝอย และบริเวณเซลล์ของเนื้อเย่ือต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนแก๊สโดยการแพร่ผ่านหลอดเลือดฝอย เช่นกัน ซึ่ง O2 และ CO2 จะถูกลำเลียงโดยระบบหมุนเวียนเลือด นอกจากน้ีการทำงานของระบบหายใจ ยังเกีย่ วขอ้ งกับการ รักษาดุลยภาพของกรด-เบส ของเลือด วัสดุและอปุ กรณ์ 1. ปอดหมู หรือปอดวัว (ที่มีท่อลมและกลอ่ งเสยี งติดอย่)ู 2. น้ำ 3. เครอ่ื งมอื ผ่าตดั 4. ถาดผ่าตดั 5. ถุงมือยาง 6. สายยางขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 1.5 cm. และ 1 cm. 7. ท่สี ูบลมหรอื ท่ีสบู ลูกโปง่ 8. บกี เกอร์ ขนาด 250 mL ข้อควรระวัง 1. ระมดั ระวงั ในการใชเ้ ครือ่ งมือผ่าตดั 2. ห้ามใช้ปากเป่าลมเขา้ สู่ปอดสัตว์ 3. สวมถงุ มือยางระหว่างการทำกิจกรรม 4. หลงั การทำกจิ กรรมควรทำความสะอาดอุปกรณ์ และล้างมอื ใหส้ ะอาด ระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการทดลอง 2 คาบ (1 ช่ัวโมง 40 นาที )

วิธที ำการทดลอง 1. ลา้ งปอดให้สะอาด และสงั เกตโครงสรา้ งภายนอก 2. สังเกตลกั ษณะกลอ่ งเสยี ง ท่อลม และกระดกู ออ่ นทปี ระกอบกนั เปน็ ท่อลม โดยเปรียบเทียบ โครงสร้างกับรปู 14.10 จากนั้นใช้น้ิวมือบบี ทอ่ ลมแลว้ ปลอ่ ย สงั เกตการเปลย่ี นแปลงที่เกิดขึน้ 3. กรีดท่อลมเปน็ ช่องแล้วสอดสายยางท่ีมีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5 cm. เขา้ ไปในทอ่ ลม จากน้ันสูบลม เขา้ ไปโดยใช้ทสี่ ูบลม สงั เกตการเปล่ยี นแปลงของปอดและนำสายยางออกจากท่อลม 4. ใชก้ รรไกรตัดทอ่ ลมตามแนวยาวจนถึงหลอดลม แล้วสอดสายยางที่มีเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 1 cm. เขา้ ที่หลอดลมด้านใดด้านหน่ึง จากนน้ั สูบลมเข้าไปโดยใชท้ ่ีสบู ลม สังเกตการเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ข้นึ 5. ผา่ เนอ้ื เยอื่ ปอดบรเิ วณหลอดลม สังเกตการณ์แตกแขนงของหลอดลมและการเรียงตัวของทางเดิน หายใจ 6. ตดั เนอื้ ปอดเป็นช้นิ ขนาดเลก็ ใส่ในบีกเกอรท์ ่ีมีน้ำ สงั เกตการเปลยี่ นแปลงที่เกดิ ขึน้ 7. วาดภาพทางเดินหายใจและปอด พรอ้ มทงั้ ระบโุ ครงสรา้ งที่สังเกตจากการทำกจิ กรรม ผลการทำกจิ กรรม จากการสงั เกตโครงสร้างภายนอกของปอดหมู พบวา่ ............................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. เมือ่ สบู ลมเขา้ ท่อลมพบวา่ ..................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ดังภาพ ภาพ ลักษณะของปอดกอ่ นสบู ลักษณะของปอดหลงั สบู ลมเข้าทอ่ ลม

เม่อื ใชก้ รรไกรต่อทอ่ ลมตามแนวยาวจนถึงหลอดลม แล้วสังเกตของท่อลมพบว่า................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ดังภาพ ภาพลักษณะหลอดลมและหลอดลมฝอย เมื่อตดั ชน้ิ เนื้อใส่บกี เกอร์ท่ีมนี ำ้ พบวา่ .................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ดังภาพ ภาพ ช้นิ กล้ามเนอ้ื และช้นิ เน้ือปอดในบกี เกอรน์ ้ำ

จากการทำกิจกรรม สามารถวาดรูปทางเดนิ หายใจและปอดได้ดงั น้ี ภาพทางเดนิ หายใจและปอด สรปุ ผลการทำกิจกรรม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

คำถามทา้ ยกิจกรรม 1. ปอดมสี ีอะไร เพราะอะไรจึงเป็นเชน่ นั้น .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. เน้อื ปอดมลี ักษณะอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ลักษณะรูปรา่ งของปอดซ้ายและปอดขวามีความแตกต่างกนั อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. เมื่อใชน้ ว้ิ มือบบี ท่อลมแล้วปล่อย ทอ่ ลมจะมกี ารเปล่ียนแปลงอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. ลักษณะของท่อลมและการจัดเรยี งตวั ของกระดกู ออ่ น รปู ร่างของกระดกู ออ่ นมคี วามเหมาะสมต่อการ ทำงานอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 6. เม่อื สอดสายยางแลว้ สูบลมเข้าที่หลอดลมดา้ นหนงึ่ ของปอด ปอดอกี ข้างหนึง่ มกี ารเปลย่ี นแปลงอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 7. เมอ่ื ตัดเนื้อปอดเป็นชนิ้ ขนาดเลก็ ใส่ในบกี เกอรท์ ม่ี นี ้ำจะเกดิ อะไรขึน้ เพราะเหตุใด .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

ใบความรู้เร่ือง โครงสร้างปอดของสตั วเ์ ลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ในแตล่ ะวันคนเราหายใจเข้าและออกตลอดเวลา การหายใจเกดิ จากการทำงานรว่ มกันของอวยั วะใน ระบบหายใจ ซึ่งทำหนา้ ทนี่ ำแก๊สออกซิเจนจากอากาศเข้าสู่เซลล์รา่ งกายสำหรับทำปฏกิ ิริยากบั อาหารต่างๆ ภายในเซลลเ์ พ่อื เปลี่ยนเป็นพลงั งาน แลว้ ถ่ายเทแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์สว่ นทม่ี ากเกนิ พอทไ่ี ม่ต้องการจาก ปฏกิ ิริยาออกจากเซลล์เซลล์ตา่ งๆในรา่ งกายมิไดส้ ัมผัสกับอากาศภายนอกโดยตรง ร่างกายจงึ ต้องมีวธิ ีการท่ีจะ ช่วยใหแ้ ก๊สทีอ่ ยภู่ ายนอกตดิ ตอ่ กับเซลลภ์ ายในร่างกาย จงึ เกดิ กระบวนการรับส่งแกส๊ ออกซเิ จนและแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์โดยอาศยั การทำงานของปอดเป็นเครือ่ งนำอากาศเข้าออกจากรา่ งกาย และการไหลเวียน ของเลอื ดพาแกส๊ เหลา่ นน้ั ไปยงั สว่ นตา่ งๆท่ัวรา่ งกาย ระบบการหายใจ คอื ระบบทป่ี ระกอบด้วยอวยั วะเกย่ี วขอ้ งกับการหายใจ เปน็ การนำอากาศเข้าและ ออกจากร่างกายสง่ ผลให้แกส๊ ออกซเิ จนทำปฏกิ ริ ยิ ากบั สารอาหาร ได้พลงั งาน น้ำ และแกส๊ ารบ์ อนไดออกไซด์ กระบวนการหายใจเกิดขึน้ กบั ทกุ เซลล์ตลอดเวลา การหายใจจำเป็นตอ้ งอาศยั โครงสร้าง 2 ชนิดคอื กลา้ มเน้อื กะบงั ลม และกระดูกซ่ีโครง การหายใจของคนประกอบด้วย 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ 1. การหายใจภายนอก (external respiration) เปน็ การนำอากาศเขา้ สูป่ อดการแลกเปลยี่ นแก๊ส ระหวา่ งปอดกบั เลือด 2. การหายใจภายใน (internal respiration) การขนสง่ แกส๊ จากเลือดไปยังเซลล์และเนื้อเยือ่ ซง่ึ จะทำให้ไดพ้ ลงั งานในรปู ของความรอ้ นทำใหร้ ่างกายอบอ่นุ และ ATP ทนี่ ำไปใช้ในกจิ กรรมต่างๆ ของเซลล์ ซึ่งเป็นจดุ ประสงค์สำคัญท่ีสุดของการหายใจ ระบบหายใจของคนประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดงั นค้ี ือ สว่ นนำอากาศเขา้ ส่รู ่างกาย (conducting division) มีอวยั วะท่ีทำหน้าทีเ่ ป็นทางผ่านของอากาศ เขา้ สู่ส่วนทมี่ ีการแลกเปลี่ยนแก๊ส โดยเร่ิมต้งั แต่ รูจมกู (nostril) โพรงจมูก (nasal cavity) คอหอย (pharynx) กล่องเสยี ง (larynx) หลอดลมคอ (trachea) หลอดลมข้ัวปอดหรอื บรอนคัส (bronchus) หลอดลมฝอยหรือ บรอนคิโอล (bronchiole) หรอื เทอรม์ ินอลบรอนคิโอล (terminalbronchiol)

แผนผังทางผ่านของอากาศสเู่ ซลล์ สว่ นท่ที ำหนา้ ที่แลกเปลี่ยนแก๊ส (respiratory division) เป็นส่วนของหลอดลมฝอยทต่ี อ่ จาก เทอร์มินอลบรอนคิโอล คอื เรสไพราทอรบี รอนคิโอล ซึง่ จะมกี ารโป่งพองออกเป็นถงุ ลมย่อย (pulmonaryalveoli) ซึง่ ทำให้แลกเปล่ยี นแกส๊ ได้ สำหรบั ส่วนทต่ี ่อจากเรสไพราทอรบี รอนคิโอล จะเปน็ ท่อถุง ลม (alveolarduct) ถุงลม (alveolarsac) และถงุ ลมยอ่ ย (alveoli pulmonaryalveoli) อยู่ปลายสุด โครงสร้างตง้ั แต่หลอดลม (bronchus) ท่มี ีการแตกแขนงและมีขนาดเลก็ ลงไปเรื่อยๆคอื หลอดลมฝอยท่อ ลมถุงลมถุงลมยอ่ ยจะเรียกวา่ บรอนเคยี ลทรี (bronchial tree) ซ่ึงจะถกู บรรจอุ ยใู่ นปอดยกเวน้ หลอดลม ตอนต้นๆที่อยนู่ อกปอดนอกจากนีโ้ ครงสร้างทก่ี ล่าวมาแล้วยังมสี ่วนประกอบทสี่ ำคัญซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบร่วม คอื กระดกู ซ่ีโครง (rib) และกลา้ มเน้อื ยดึ กระดกู ซ่โี ครง (intercostal muscle) ซึง่ จะรว่ มกันทำงานให้เกิดการ หายใจเขา้ หายใจออกและป้องกนั อันตรายให้แก่ระบบหายใจ ภาพแสดงระบบหายใจของคน

อวยั วะทเ่ี กย่ี วข้องกับระบบหายใจส่วนตา่ งๆ ต้งั แตจ่ มกู และปาก ตอ่ ถงึ คอหอยและหลอดลมได้ อากาศผ่านเขา้ รจู มกู แล้วจะเขา้ สโู่ พรงจมูกซึง่ มขี น เส้นเลก็ ๆ และต่อมน้ำมันชว่ ยในการกรองและหาก เป็นหวดั นานๆ เชอื้ หวัดอาจทำใหเ้ ย่ือบโุ พรงจมกู อักเสบและทำให้ปวดศรี ษะ เรยี กว่าเปน็ ไซนัสหรือไซนัสอกั เสบ 1. จมูก (nose) ภายนอกประกอบด้วยกระดูกแขง็ 2 ชิน้ ประกอบเปน็ สันจมกู หรือด้ัง สว่ นใหญ่เป็นกระดกู ออ่ น ภายในโพรงจมูกแบง่ ออกเปน็ 2 ชอ่ ง ภายในชอ่ งจมกู มขี นจมกู ส าหรบั ดกั กรองอากาศ จับฝุ่นละอองไม่ให้ผา่ นลงสปู่ อดทีโ่ พรงจมกู มเี ย่ือโพรงจมูกหนา ชว่ ยใหอ้ ากาศท่เี ข้ามามคี วามชุ่มช้ืนและมอี ุณหภูมิสูงข้ึน เน่อื งจากมีเสน้ เลอื ดจำนวนมากท่ีอยใู่ ต้เยอื่ ผิวของโพรงจมูก ภาพแสดงโพรงจมูก ถ้ามตี อ่ มนำ้ มนั (Sebaceous gland) และตอ่ ม เหงื่อ (Sweat gland) ขบั ของเหลวออกมาเพือ่ ให้เกิดความ ชุม่ ชืน้ เมื่อมฝี ่นุ เข้ามาเกาะและแหง้ แล้วจะกลายเป็นแผน่ ล่อนหลดุ ได้ ในจมกู มบี ริเวณซง่ึ เรยี กว่า ออลแฟกทอรแี อเรยี (olfactoryarea) ทำหน้าที่รบั กลิน่ โดยมีเซลล์เยือ่ บุผิวซ่งึ เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่ เฉพาะ เรยี กว่าออลแฟกทอรีเซลล์ (olfactory cell) จมูกมีพ้ืนที่ 10 ตารางเซนติเมตร มีขนาด ลดลงเมื่อมอี ายมุ ากขนึ้ จึงทำให้คนแกร่ ับกล่ินต่างๆ ได้ นอ้ ยลงผนังดา้ นบนจมกู มเี ส้นประสาทสัมผัสกลิ่น ภาพแสดงโครงสรา้ งในโพรงจมกู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook