Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

Published by naratham1965, 2019-12-02 03:13:59

Description: คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

Search

Read the Text Version

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู ุมนกั เรียนอกี 2-3 คน ใหออกมาสรปุ ปญั หาทางด้านจิตใจน้นั มผี ลก่อให้เกดิ อาการผดิ ปกตทิ างร่างกาย ดงั น้ี สาระสาํ คญั จากการนาํ เสนอของแตละกลมุ จากนนั้ ใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบนั ทึกผล ตวั อย่างอาการผดิ ปกตทิ างรา่ งกายอนั เปน็ ผลจากปญหาสขุ ภาพจิต การเรียนรู กิจกรรมท่ี 6.3 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ นอนไม่หลบั ขาดสมาธิ สุขศกึ ษา ม.2 กิจกรรมที่ 6.3 นอนหลบั ยาก หรอื ฝนร้าย ท�าอะไรได้ไมน่ าน หนว ยท่ี 6 อารมณแ ละความเครย� ด เบื่ออาหาร ซึมเศร้า อยคู่ นเดยี ว หรือกินมากผิดปกติ การด�าเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน ต้องประสบภาวะที่ท�าให้เกิดท้ังความสุขและความทุกข ์ ซึง่ อาจทา� ให้มีปญั หาทางดา้ นอารมณ์ได้ หากไม่ไดร้ ับการแกไ้ ขทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสม อาจเกดิ ปญั หา อ่อนเพลีย ไม่มแี รง เสยี งสั่น ปากส่ัน สขุ ภาพทงั้ ดา้ นร่างกาย จิตใจ และสงั คมในระยะยาวได ้ การดูแลสขุ ภาพกายและสุขภาพจติ จึงเปน็ ท�างานประจ�าวันไมค่ อ่ ยได้ หรือมอื สนั่ เวลาไม่พอใจ สงิ่ สา� คญั เนอื่ งจากกายและจติ ทา� งานสมั พนั ธก์ นั ดงั นน้ั การรจู้ กั ปฏบิ ตั ติ นและเลอื กวธิ จี ดั การอารมณ์ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะชว่ ยใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี แี ละสามารถปรบั ตวั ใหอ้ ยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ขมวดค้ิวตลอดเวลา ปวด หรอื เกร็งกลา้ มเนือ้ บริเวณคอและไหล่ ๑. อารมณ์และความเครียดท่มี ผี ลตอ่ สุขภาพ อารมณ์ หมายถึง กระบวนการของความรู้สึกตอบสนองข้ันต้นของจิตต่อสิ่งเร้าท่ีกระตุ้น ปวดศรี ษะ เวยี นศรี ษะ ฉนุ เฉียว โมโหงา่ ย ทางรา่ งกาย เชน่ ความโกรธ ความกลัว ความวิตกกังวล ความคับขอ้ งใจ ความรกั ความชอบ ความเกลยี ด ความพอใจ ความเสียใจ เปน็ ต้น หายใจตดิ ขดั ใจสั่น หวั ใจเตน้ แรง เหนื่อยง่าย ความเครียด กรมสขุ ภาพจิต ไดใ้ ห้ความหมายของความเครยี ดวา่ “ความเครยี ด เป็นภาวะที่ อ่อนเพลยี ไมม่ ีแรง เกดิ ข้ึนเมื่อจติ ใจถกู กระตุ้นดว้ ยสง่ิ เร้าทีท่ า� ใหต้ น่ื เต้น หรือวิตกกงั วล สง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลง ท�างานประจ�าวันไมค่ ่อยได้ ระบบขับถ่ายผดิ ปกติ1 หรอื ความผดิ ปกตทิ างรา่ งกาย หากความเครยี ดน้ันมีมากและคงอยู่เปน็ เวลานาน” ๑.๑ ลักษณะอารมณ์และความเครียดของวัยรุ่น ตืน่ เต้น ตกใจงา่ ย จุกแน่นหนา้ อก วัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในระยะการเปลี่ยนแปลงระหว่างวัยเด็กกับผู้ใหญ่ ซ่ึงจะมีการพัฒนา เหงอ่ื ออกง่าย รว่ มกันระหว่างรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม พัฒนาการด้านอารมณ์เปน็ ส่วนหนง่ึ ของการ พัฒนาท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในวัยรุ่น เพราะช่วงระยะน้ีอารมณ์จะแปรปรวนมาก เนื่องจาก วัยรุ่นมักจะมีอารมณ์รุนแรง มีความเช่ือมั่นในตนเอง และอาจมีความคิดขัดแย้งต่อผู้ใหญ่ หรือ บุคคลอ่นื ได ้ โดยอาจมอี ารมณก์ ้าวร้าวรุนแรง เช่น โกรธ อิจฉา เกลียดชงั อารมณเ์ กบ็ กด เช่น กลัว กังวลใจ เศร้าใจ เป็นต้น อารมณ์ดังกล่าวมักจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาการของวัยรุ่น ในด้านต่างๆ เช่น ร่างกาย สังคม สติปัญญา จริยธรรม เป็นต้น ดังน้ัน การรู้จักปรับตนเอง การเผชิญปัญหากับความเครียดจึงเป็นสิ่งส�าคัญและจ�าเป็นอย่างย่ิงต้ังแต่วัยเด็ก เพ่ือเป็นการ ระงับ บรรเทา หรือขจัดความเครียด หรือสิ่งที่มาคุกคามที่เป็นอันตราย ซ่ึงมีผลต่อพฤติกรรม การแสดงออกของบุคคลได้ ๑.๒ สาเหตุของความเครียด ความเครยี ดเกิดจากสาเหตหุ ลายประการ ดังน้ี ๑) ภาวะด้านร่างกาย เช่น สุขภาพอ่อนแอ ความเจ็บป่วย การติดสารเสพติด ความพิการ ภาวะทุพโภชนาการ การเจริญเติบโตผิดปกติ ความอ้วนเน่ืองมาจากกรรมพันธ ุ์ การเปล่ียนแปลงตามพัฒนาการทั้งในวัยรุ่นและวัยสูงอายุ ความผิดปกติของพัฒนาการทางด้าน สมองและสตปิ ญั ญา เป็นตน้ 88 ทงั้ น้ ี ผทู้ ่มี ปี ัญหาสุขภาพจติ อาจมลี กั ษณะอาการอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด หรือหลายอย่างผสมกัน รวมทั้งการแสดงออกของแต่ละบุคคลก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้น พฤติกรรมที่แสดงถึงการมี ความเครียดจงึ อาจสังเกตได้ยาก ถ้าหากไมใ่ ช่คนทีอ่ ยูใ่ กลช้ ดิ นอกจากนี้ ระดับการเกิดความเครียดของแต่ละบุคคลก็ยังแตกต่างกัน ปัญหาเดียวกัน บางคนอาจจะรู้สึกเฉยๆ หรืออาจมีความเครียดเกิดข้ึนบ้างแต่ไม่มากนัก แต่บางคนอาจมี ความเครยี ดมาก จนสง่ ผลกระทบทา� ให้ร่างกายมีอาการบางอยา่ งผดิ ปกติ 9๒ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET หากปลอยใหต นเองมคี วามเครียดสะสมไวเ ปนเวลานาน จะสงผลใหเ กดิ ครอู าจศกึ ษาขอมูลเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สุขภาพจติ ของนักเรยี นเพ่อื นํามาใชประกอบ การเจบ็ ปวยที่รุนแรงได ยกเวน ขอ ใด การจดั การเรยี นการสอนได โดยสามารถดาวนโ หลดคมู ือสง เสรมิ สุขภาพจติ นักเรียน 1. โรคจติ ระดบั มธั ยมศกึ ษา ไดจ าก เว็บไซตกรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ 2. โรคเกาท http://www.dmh.go.th/download/ebooks/MEH7.pdf 3. โรคกระเพาะอาหาร 4. โรคประสาทบางชนดิ นกั เรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ เมือ่ มีความเครียดสะสมไวเปนเวลานาน โดยไมไ ด ผอ นคลายจะสง ผลใหเกดิ การเจ็บปว ยทรี่ นุ แรงได เชน โรคประสาท 1 ระบบขบั ถา ยผดิ ปกติ ภาวะเครยี ดเปน ปจ จยั ทท่ี าํ ใหเ กดิ ความผดิ ปกตขิ อง บางชนิด โรคจติ โรคกระเพาะอาหาร เปนตน แตสาํ หรบั โรคเกาทนั้น ระบบขบั ถา ยอยเู ปน ประจาํ หรอื เรยี กอกี อยา งวา อาการทอ งผกู เรอื้ รงั ไมไ ดเปนโรคที่เกิดจากความเครียด แตเปนโรคทเี่ กดิ จากภาวะที่มกี รดยรู ิก ในเลอื ดสงู จงึ ทาํ ใหม อี าการปวดตามขอ ตอ ตา งๆ ของรา งกาย ตอบขอ 2. 92 คูม ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ นอกจากอาการดงั กล่าวข้างต้นแลว้ ผูม้ ปี ญั หาสุขภาพจติ ยงั อาจเกิดความรสู้ ึกอนื่ ๆ ไดอ้ ีก หลงั จากทีน่ กั เรยี นไดทาํ การศึกษาเกี่ยวกับ อารมณแ ละความเครยี ด และไดร ว มกนั แลกเปลยี่ น ตัวอย่างการเกดิ ความร้สู กึ ผิดปกตขิ องผ้มู ีปญ หาสขุ ภาพจติ เรือ่ งราวเกี่ยวกับผทู ่ีมีปญหาสุขภาพจติ แลว เพ่อื ขยายความเขา ใจโดยใหนกั เรยี นนาํ ความรทู ไ่ี ด หงอยเหงา วา้ เหว่ น้อยใจ อยากรอ้ งไห้ ไปประยกุ ตใชใ นชวี ติ ประจําวันไดน ้ัน รสู้ กึ ว่าถกู ทอดทิง้ ใหน กั เรียนหาขาวจากหนังสอื พมิ พหรอื เบอ่ื หนา่ ย เซ็ง ไมม่ ีความสขุ เศร้าหมอง อนิ เทอรเน็ตเกี่ยวกับเหตกุ ารณท ่ีเกดิ จากบุคคล ทมี่ ีปญหาสุขภาพจิต จากนัน้ ใหเขียนวเิ คราะห ถึงสาเหตุ และแนวทางการแกไขลงในกระดาษ รายงาน รูส้ ึกว่าตนเองไมม่ คี ุณคา่ หงดุ หงดิ กระวนกระวายใจ ไมม่ คี วามส�าคญั กระสบั กระสา่ ย ร้สู กึ จริงจงั กบั ทกุ ๆ เรือ่ ง วติ กกังวล ซึมเศร้า หวาดกลัว จากการที่ได้ศึกษาลักษณะอาการเบ้ืองต้นของผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ หรือผู้ที่มีความ เครียดสูง พบว่าอาการต่างๆ ส่งผลกระทบ ทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย จึงสรุปได้ว่าผู้ที่ มปี ญั หาความเครยี ด ท้งั ระดบั ความเครยี ดมาก หรือน้อยก็ตาม บุคคลนั้นควรได้รับการรักษา ใหค้ วามเครียดลดลง หรอื หมดไป ซ่งึ อาจทา� ได้ หลายวธิ ดี ว้ ยกนั เชน่ การพกั ผอ่ น การนอนหลบั การออกก�าลังกาย การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เปน็ ต้น เพราะหากบุคคลเกดิ ความเครยี ดอยา่ ง ใตห่อห้ เนม่ือดงไเปร ้ืออรังา จทโดา� ยใหม้เิไปดน็้รับโรกคาตร่ารงักๆษ 1าแ ลหะรอือาขจจนัดา� ไปสู่การท�าร้ายร่างกายตนเอง หรือน�าไปสู่การ การทา� กจิ กรรมทตี่ นเองสนใจ เปน การลดความตงึ เครยี ด มีพฤตกิ รรมเสี่ยงทอ่ี าจเปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพ ทางอารมณว ธิ ีหนึ่ง 9๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู ใหน กั เรียนบอกสาเหตขุ องความเครียด พรอ มยกตวั อยางประกอบ ครอู าจยกตวั อยางผทู ่ีมปี ญ หาสุขภาพอันเปน ผลมาจากความเครียด แนวตอบ • ภาวะดานรางกาย เชน สขุ ภาพออ นแอ ความพิการ ภาวะ ใหน ักเรียนฟง เพื่อใหน กั เรยี นเกิดความตระหนักและใสใ จในสุขภาพของตนเอง รวมไปถงึ บุคคลในครอบครัวมากขึน้ ทพุ โภชนาการ การเจรญิ เตบิ โตผิดปกติ การเปลย่ี นแปลง ตามพัฒนาการแตละวยั เปนตน นกั เรยี นควรรู • ภาวะดา นจติ ใจ เชน ความตองการการยอมรบั การสูญเสีย ความวิตกกงั วล ความขัดแยง เปนตน 1 โรคตางๆ เม่ือเกิดความเครยี ดมากๆ โดยไมมกี ารผอ นคลายหรอื ขจัดให • ภาวะดา นสิ่งแวดลอ ม เชน สภาพอุณหภูมิ การจราจร หมดไป อาจทาํ ใหเ กดิ โรคตา งๆ ตามมาได เชน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหลอดเลอื ด ตดิ ขดั นา้ํ ทวม ฝนแลง ไฟไหม การสอบ การเรียน สมองตบี เปนตน ซ่ึงโรคตางๆ เหลาน้อี าจสงผลใหเ กดิ ความพกิ ารตามมาได กฎระเบียบตางๆ เปน ตน หากมกี ารดแู ลสขุ ภาพที่ไมดี เชน โรคอมั พฤกษ โรคอมั พาต เปน ตน คมู อื ครู 93

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูทบทวนความรูเดมิ เก่ียวกับการจดั การกับ ๓. วธิ ปี ฏบิ ัตติ นเพอื่ จัดการกับอารมณ์และความเครียด อารมณและความเครยี ด จากน้ันใหน ักเรียนชว ยกนั เสนอกรณตี วั อยา งผทู ่ีไมส ามารถจัดการกับอารมณ เราทุกคนคงเคยอยู่ในสภาวะของความเครียดกันทั้งนัน้ เช่น เวลาใกล้สอบ การถูกท�าโทษ และความเครยี ดของตนเองได แลว ชวยกันแสดง การเสียใจ หรือเศร้าใจเม่ือไม่ได้ในส่ิงท่ีตนอยากได้ เป็นต้น สภาวะดังกล่าวนี้ย่อมท�าให้เกิด ความคิดเห็น และหาแนวทางในการแกไข จากนนั้ ความเครียดได้ ซ่ึงความรุนแรงจะมีมาก หรือน้อยก็ข้ึนอยู่กับเทคนิคการจัดการกับอารมณ์และ ครูตั้งคาํ ถามเพอ่ื กระตุนความสนใจ โดยนักเรยี น ความเครียด ไม่ใช่ระงับ หรือหลีกเล่ียงอารมณ์และความเครียด แต่จะเน้นการจัดการ หรือการ สามารถแสดงความคิดเห็นไดอยา งอิสระ บรหิ ารจดั การ (Management) หรอื การเผชญิ กบั ความเครยี ดอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยการใชเ้ ทคนคิ เพื่อช่วยให้บุคคลสามารถแก้ไขปญั หาต่างๆ ทเี่ กิดข้ึนได้อย่างเหมาะสมและเกิดผลดตี อ่ บุคคลนั้น • เวลาสอบใครเครยี ดบา ง ซ่ึงวิธีการในการจดั การกบั อารมณ์และความเครียด มดี ังนี้ (แนวตอบ ขึ้นอยกู บั คําตอบของนักเรยี น แตสวนใหญจะเครียดกนั หมด) ๓.๑ การพักผอ่ น • หากนักเรยี นมีความเครียด นักเรยี นจะเลอื ก การที่ร่างกายได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลาย และได้ออกก�าลังกายอย่างเหมาะสม จะช่วยลด วิธจี ดั การกบั อารมณและความเครยี ดแบบใด ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการด�าเนินชีวิตประจ�าวันของเราได้มาก และช่วยให้เราสามารถเผชิญ เพราะเหตใุ ดจึงใชว ธิ ีการน้นั กบั สภาวการณ์ตา่ งๆ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคาํ ตอบของนักเรียน ถ้าคนเราได้ใช้เวลาแม้เพียงวันละ ๕ นาที ของแต่ละวัน เพ่ือการพักผ่อนหรือผ่อนคลาย โดยอาจตอบวา หาทางระบายความเครยี ด ความตึงเครยี ด จะท�าใหผ้ ลการเรยี น หรอื การท�างานเกิดประสิทธิภาพทดี่ มี ากยง่ิ ขนึ้ ดว ยการพดู คยุ เรอ่ื งทเ่ี ครยี ดใหก บั เพอื่ นฟง หรือ การพกั ผอ่ นเปรยี บเสมอื นการทา� ใหส้ มองของเราไดผ้ อ่ นคลาย ถอื วา่ เปน็ การฝกึ จติ อยา่ งหนง่ึ อาจจะดูหนงั ฟงเพลงใหเ กดิ ความสบายใจ) จะท�าให้จิตใจสดชื่น เกิดความสบายใจ คลายความวิตกกังวล สามารถคิดหาทางแก้ปัญหาได้ มีความเขม้ แข็งขน้ึ และมพี ลังจติ เพ่ิมขน้ึ ซ่ึงเราควรได้ยดึ เป็นหลกั ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป โดยกิจกรรมเพ่ือ สาํ รวจคน หา Explore การพักผ่อนมีหลายอย่าง ดังตัวอย่างแผนผงั ต่อไปนี้ ใหนกั เรยี นศึกษาเรื่อง วธิ ปี ฏิบตั ติ นเพอื่ จัดการ แผนผังแสดงตวั อย่างกิจกรรมทท่ี �าใหส้ มองไดพ้ ักผอ่ น กับอารมณและความเครียดจากหนังสอื เรียน และ แหลง การเรยี นรเู พ่มิ เติมตางๆ จากนัน้ ใหน ักเรยี น เดนิ เล่นกับเพื่อน ใช้เส้นทางใหม่ แบง กลมุ ออกเปน 6 กลุม โดยใหแตล ะกลมุ สง ท่ไี ม่เคยไป ตวั แทนออกมาจับสลากเพอ่ื เลือกเรือ่ งท่จี ะนาํ เสนอ ในประเดน็ ดังตอไปน้ี ซื้อของขวัญเลก็ นอ้ ย การใหส้ มองไดพ้ กั ผอ่ น นงั่ / นอน ให้ตนเอง การผอ่ นคลายความเครยี ด นบั ดวงดาว • การพกั ผอ น • การนอนหลบั เลน่ ตลก / กระเซา้ เพ่ือน เขียนจดหมายถึง • การออกกําลังกาย คนท่ีเรารกั / เคารพ • การผอนคลาย อา่ นหนังสอื ท่นี กั เรยี นชอบ (ถงึ แมจ้ ะเคยอ่านแลว้ ) รับประทานอาหารเชา้ 1 94 บนเตยี ง เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่ือมสาระ สามารถนําเนื้อหาเรือ่ งวิธปี ฏบิ ัติตนเพอื่ จดั การกบั อารมณแ ละ กอ นการกระตนุ ความสนใจ ครอู าจเรม่ิ ตนดวยการใหน กั เรียนนง่ั สมาธิ 5 นาที ความเครียดไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลุมสาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา กอ นเขา สูเนอื้ หา จากน้นั ครูถามความรสู ึกของนักเรยี นหลังจากการนั่งสมาธิ ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เรอื่ งการบรหิ ารจติ และ เพ่ือเชื่อมโยงเขาสูเนอื้ หาถึงวธิ ปี ฏิบตั ิตนเพอ่ื จดั การกบั อารมณแ ละความเครยี ด การเจรญิ ปญ ญา นกั เรยี นควรรู 1 อาหารเชา ผูทไี่ มรบั ประทานอาหารมื้อเชา จะสง ผลใหร ะดับนํ้าตาลใน เลือดต่าํ ไมม สี มาธิ อารมณหงดุ หงิด ซ่ึงสงผลตอประสทิ ธิภาพในการเรยี นหรือ ทาํ งาน โดยการรบั ประทานอาหารเชา นั้น ไมค วรเนน อาหารประเภทขาวแปง แตเ พยี งอยา งเดยี ว ควรรับประทาน คกู ับนม และเพม่ิ ไข ซง่ึ เปน อาหารเชาทดี่ ีท่ีสดุ และเสริมดวยสลัดผักและผลไมดว ยก็จะไดสารอาหารทเ่ี พยี งพอตอความตอ งการ ของรา งกาย 94 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๒ การนอนหลับ1 ใหนักเรียนกลมุ ทจี่ บั สลากไดประเดน็ เรอื่ ง การพกั ผอนและการนอนหลบั ออกมานําเสนอ การนอนหลบั มคี วามสา� คญั และจา� เปน็ ตอ่ สขุ ภาพและการปฏบิ ตั หิ นา้ ทปี่ ระจา� วนั ของรา่ งกาย หนาชนั้ เรยี น จากนนั้ ครูเสนอแนะเพมิ่ เติม และ โดยผู้ใหญ่ต้องการเวลานอนหลับประมาณ ตั้งคาํ ถามเพ่ือนาํ ไปสูขอ สรปุ ที่ถกู ตอ งรวมกนั ๗-๘ ชั่วโมง ส�าหรับเด็กน้ันต้องการเวลานอน ประมาณ ๘-๑๐ ช่วั โมง • การพักผอ น ชว ยใหผ อนคลายความเครียด ไดอ ยางไร ๑) การประเมินพฤติกรรมใน การออกก�าลังกายช่วยให้นอนหลับได้ง่ายข้ึน เนื่องจาก (แนวตอบ การพักผอนเปรียบเสมือนการทาํ ให การนอนหลับ ถ้านักเรียนง่วงนอนบ่อยๆ ร่างกายได้ผอ่ นคลาย และเปน ผลจากความเหนอ่ื ย สมองไดผอนคลาย จิตใจสดช่นื เกิดความ สบายใจ และคลายความวติ กกงั วล) แม้ว่าจะนอนมากเท่าไรก็ยังง่วง ควรไปพบ แพทย ์ เพราะอาจเป็นอาการทีบ่ ง่ บอกถึงปญั หา • วธิ ที ี่จะทาํ ใหนอนหลับสบายมากขึ้น สุขภาพทางกาย หรือจิตใจได้ หรือการนอน สามารถทาํ ไดอ ยา งไรบา ง ไม่หลับก็เช่นเดียวกัน ควรไปพบและปรึกษา (แนวตอบ เชน ออกกาํ ลงั กายในชว งเยน็ แพทย์ เพราะอาจเนื่องมาจากร่างกายมีความ ดมื่ นมอนุ ๆ กอนนอน นําน้ํามนั หอมระเหย เครยี ดโดยท่ีเราไมร่ ู้ตวั ซึง่ อาจเป็นความเครยี ด วางในหองนอนจะทําใหรูส ึกผอนคลาย ที่คอ่ ยๆ สะสมไว ้ มีความวติ กกังวลสงู จนทา� ให้ เปน ตน ) เกดิ อาการนอนไม่หลับ เกร็ดนา่ รู้ จัดระเบยี บการนอน เคล็ดไม่ลบั หลบั สนทิ สบาย ผทู้ ่มี ีปญหาการนอนไมค่ อ่ ยหลบั สามารถท�าได้ ดงั นี้ • จดั ระเบยี บเวลาการนอน ควรนอนกอ่ น ๒๒.oo น. เพราะเปน ชว่ งทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ ในการพกั ผอ่ นรา่ งกาย • ปรับอุณหภูมิและเคร่ืองฟอกอากาศ ควรปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นระหว่าง ๑๗–๒๕ องศาเซลเซียส เพราะจะทา� ใหห้ ลับสบาย รวมทง้ั เสริมเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพ่อื เพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนท่ีสมดลุ ซง่ึ จะ ทา� ให้หลบั ลกึ ไดต้ อ่ เน่อื ง • ออกกําลังกายก่อนนอน ควรออกก�าลังกายก่อนนอนในช่วงเย็น เน่ืองจากการออกก�าลังกายอย่าง สม่า� เสมอจะชว่ ยทา� ใหห้ ลับสบายมากขนึ้ • ใชอุปกรณ์เสริมและสรางบรรยากาศ การเปดดนตรีเบาๆ หรือน�าน�้ามันหอมระเหยวางในห้อง จะทา� ใหร้ ้สู กึ ผอ่ นคลายและนอนหลับไดง้ า่ ยขน้ึ และควรอยหู่ ่างจากเครื่องมือสื่อสารทกุ ชนิด เพราะสิ่งเหล่าน้ี จะทา� ให้เรามวั แตส่ นใจและนอนดกึ เหมือนเชน่ เคย ทมี่ า : บทความสุขภาพ จากส�านักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ฉบับวนั ท่ี ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ 9๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรยี นควรรู ใครจัดการกบั ความเครียดไดเ หมาะสมทีส่ ุด 1 การนอนหลบั ผทู ต่ี อ งการเพิม่ ความสูง ควรนอนหลบั พักผอ นใหเพียงพอ 1. กายปาและทาํ ลายขาวของ และตอ งเขานอนตั้งแตห วั คา่ํ เพราะโกรทฮอรโมน ซง่ึ เปน ฮอรโ มนท่ีชว ยทาํ ให 2. แกวซื้อของที่ตนเองอยากไดท ุกอยา ง รา งกายเจรญิ เติบโตจะหลง่ั ออกมาเตม็ ท่ขี ณะทเี่ รานอนหลบั 3. เกดออกไปเที่ยวสถานเรงิ รมยกับเพ่อื น 4. กุกอานหนงั สอื ท่ีตนเองชอบ แมจ ะเคยอา นแลว มุม IT วิเคราะหคําตอบ กกุ สามารถจดั การกับความเครยี ดไดเหมาะสมท่สี ุด เพราะการอา นหนงั สอื ทตี่ นเองชอบ แมจะเคยอา นมาแลว กต็ าม เปนการ สามารถศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับเรื่องการนอนหลบั ใหไ ดประโยชนส งู สุด ไดจาก ชวยสรา งความเพลิดเพลนิ ใหก บั ตนเอง ถอื เปนการจดั การกับอารมณแ ละ เว็บไซตส าํ นักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา งเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www. thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/23694 ความเครียดไดดีวิธีหนงึ่ ตอบขอ 4. คูมือครู 95

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนกั เรียนดตู ารางประเมินพฤตกิ รรม ลักษณะพฤติกรรมการง่วงนอนบ่อยๆ หรือการนอนไม่หลับ สามารถส�ารวจและประเมินได้ การนอนหลับหนา 96 จากนั้นครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ โดยสังเกตพฤตกิ รรมเกยี่ วกบั การนอนของตนเองในชว่ ง ๒ สัปดาห์ทีผ่ า่ นมา ดงั ตารางด้านล่างน้ี โดยอธิบายในเรอ่ื งของการทาํ แบบประเมิน เกณฑ การใหคะแนน และการแปลผลคะแนนทีไ่ ด แลวให ตารางประเมนิ พฤติกรรมการนอนหลบั นกั เรียนทาํ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการนอนหลบั ของตนเองจากแบบประเมนิ ดังกลาว จากนน้ั ให ๑. กวา่ ทีน่ ักเรยี นจะหลับได ้ ตอ้ งใช้เวลานานเทา่ ใด มากกว่าท่ีตอ้ งการ เท่ากบั ท่ีตอ้ งการ นกั เรียนวิเคราะหขอมูลของตนเองวามีปญหาการ ๑ ชวั่ โมง หรอื มากกว่า น้อยกวา่ ที่ตอ้ งการ (๓) (๔) นอนหลับหรือไม อยางไร โดยแลกเปล่ยี นความ คิดเห็นรวมกันในชัน้ เรียน (๑) (๒) ๒. เม่ือนอนหลับแล้ว นกั เรยี นคิดว่าไดน้ อนหลับมากน้อยเพยี งใด นอ้ ยกวา่ ที่ตอ้ งการมาก น้อยกว่าท่ีตอ้ งการ มากกว่าทตี่ อ้ งการ เท่ากบั ที่ตอ้ งการ (๑) (๒) (๓) (๔) ๓. นกั เรียนเคยตื่นข้ึนมากลางดกึ แลว้ ไม่สามารถนอนหลบั ตอ่ ได้อกี หรอื ไม่ ถา้ เคย เคยบ่อยเพียงใด ๖ คืน หรอื มากกวา่ ๓ - ๕ คืน ๑ - ๒ คืน ไม่เคย (๑) (๒) (๓) (๔) ๔. โดยเฉล่ยี แล้วใน ๑ คืน นกั เรยี นมีอาการ หรือประสบเหตกุ ารณด์ งั ขอ้ ๓. มากนอ้ ยเพยี งใด ๔ ครั้ง หรือมากกว่า ๓ คร้ัง ๑ - ๒ ครั้ง ไมเ่ คย (๑) (๒) (๓) (๔) ๕. ในชว่ ง ๒ สัปดาห์ท่ีผา่ นมา นักเรยี นคดิ วา่ คุณภาพของการนอนหลบั ของนกั เรียนเปน็ อย่างไร ร้สู ึกเหมอื นว่า มปี ญั หาในการนอนหลบั มีปัญหาในการนอนหลับ หลบั อย่าง ไม่ไดน้ อนหลบั เลย ปานกลาง เพยี งเลก็ น้อย เตม็ อม่ิ (๑) (๒) (๓) (๔) ๖. โดยทว่ั ไปนกั เรียนคิดวา่ ระดับพลงั งานในตวั นกั เรียนในแตล่ ะวันเปน็ อยา่ งไร รู้สึกเหนื่อย เพลยี มาก รูส้ ึกเหนือ่ ย มีพลงั งานท�างานไดป้ กติ มีพลังงานท�างานมาก (๑) เพลยี ปานกลาง (๓) (๔) (๒) คะแนน ๑๘ - ๒๔ - นิสัยการนอนหลบั ท่ดี ีเยีย่ ม ๑๒ - ๑๗ - ดี (อาจจะพิจารณาบางประเด็นทีเ่ ปน็ ปัญหา) ๖ - ๑๑ - พอใช้ (แต่กส็ ามารถปรับปรงุ ได้) ๐ - ๕ - ต้องการการเปลย่ี นแปลง ถ้าไม่สามารถปรบั ปรงุ ให้ดขี น้ึ ภายใน ๒ สปั ดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ ทีม่ า : Neidhardt, E.J. et al. General Health and Well-Being. Vancouver Western Centre Group. 1984 อ้างใน Daugan, B.et.al. Lifeskills for Self-Development. National Council for Mental Health, Johannesburg, South Africa, 1986, p.27. 96 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดอธิบายประโยชนของการจัดการกบั อารมณและความเครยี ด หลงั จากที่ใหนกั เรยี นทาํ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการนอนหลบั แลว ครูสามารถ ไดชดั เจนที่สดุ รวบรวมและวิเคราะหข อมูลของนกั เรียนที่มปี ญหาการนอนหลับ เพือ่ ใชเปนกจิ กรรม 1. หวั ใจเตนชา ลง ใหนักเรียนหาวธิ ีการแกไขตอไป 2. มสี มรรถภาพทางกายทด่ี ี 3. รบั ประทานอาหารไดมากขึ้น มมุ IT 4. มอี ารมณร า เริงแจม ใส โกรธยาก วเิ คราะหค ําตอบ การทเี่ ราสามารถขจดั ความเครยี ดออกไปไดน นั้ จะสง ผล สามารถศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั เรอื่ ง “ฝก ลดความเครียด นอนหลับอยางสบาย” ใหเราเปน ผูทีม่ สี ุขภาพจติ ดี ซึง่ สามารถแสดงออกมาใหเ ห็นในรูปของ ไดจ าก http://viphealthy.blogspot.com/2012/10/blog-post_28.html การมีอารมณร าเรงิ แจม ใส และเมือ่ มอี ะไรมากระตุน ใหเราเกดิ ความโกรธ เมอ่ื เรามีสขุ ภาพจติ ทด่ี ีก็จะทําใหเ ราสามารถยับยง้ั ความโกรธไดด ี ตอบขอ 4. 96 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) ข้อแนะน�าเพื่อการนอนหลับท่ีดี แนวทางการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใหน กั เรียนกลมุ ท่จี ับสลากไดป ระเดน็ เร่อื ง เป็นสิ่งส�าคัญที่บุคคลควรศึกษา เพราะการนอนหลับเป็นวิธีการช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ การนอนหลบั และการออกกาํ ลงั กายออกมานํา ทางหนึ่ง โดยเฉพาะเม่ือบุคคลนั้นได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งข้อแนะน�าส�าหรับ เสนอตอ หนาช้ันเรยี น จากนนั้ ครูเสนอแนะเพม่ิ เติม การนอนหลับให้เกิดประสิทธิภาพนั้นสามารถ และตงั้ คาํ ถามเพอ่ื นําไปสขู อ สรปุ ท่ถี ูกตองรว มกัน สรุปได ้ ดงั นี้ ๑. กอ่ นเขา้ นอนควรทา� จติ ใจให้ • ลักษณะของหองนอนท่ีดี ทม่ี ีสวนชว ยให สงบ และควรเข้านอนให้เป็นเวลา หลบั สบายควรมีลกั ษณะอยา งไร ๒. เข้านอนเพ่ือการนอนหลับ (แนวตอบ นมุ สบาย อากาศถายเทไดส ะดวก โดยตรง ไม่ใชเ่ พื่ออา่ นหนังสอื เพ่อื คิดเกยี่ วกบั เงียบ และปราศจากเสียงรบกวน) สง่ิ ทก่ี งั วลอย ู่ หรอื เพอื่ ดโู ทรทศั น ์ เลน่ อนิ เทอรเ์ นต็ เตียงนอนควรจะเหมาะสม นอนสบาย และ • เพราะเหตใุ ดจึงควรหลีกเล่ยี งการดมื่ กาแฟ ห้องนอนควรจะเงยี บ ปราศจากเสียงรบกวน กอ นเขานอน ๓. หลกี เลยี่ งสารหรอื สง่ิ กระตนุ้ (แนวตอบ เพราะกาแฟจะมีสารกาเฟอีน ทกาท่ี เา�ฟใอหนี้ร1า่ ง(Cกaายffeตiนื่neต)วั บเชหุ น่ร่ี กยาาบแฟาง ชเคนริดือ่ งเดปม่ืน็ ทตม่ีน้ ี (Caffeine) ทก่ี ระตนุ ใหร า งกายตืน่ ตวั การดม่ื นมอนุ่ ๆ กอ่ นนอน จะชว่ ยลดความเครยี ดและชว่ ย จงึ ทําใหไ มร สู กึ งวงหรอื นอนไมหลบั ได) ให้นอนหลบั สบายข้ึน • การออกกําลังกายชว ยผอนคลาย ซงึ่ อาจจะท�าให้นอนไม่หลับ ความเครียดไดอ ยา งไร ๔. การดมื่ นม ๑ แก้ว ก่อนเขา้ นอนจะชว่ ยใหน้ อนหลับได้งา่ ยขึ้น (แนวตอบ การออกกาํ ลังกายจะชว ย ๕. เม่ือรู้สกึ ง่วง ควรจะคดิ ถงึ ส่ิงท่ดี ี หรอื นึกภาพของสิง่ ทนี่ า� ความสขุ มาให้ ซึ่งจะ ผอ นคลายกลา มเน้อื รา งกายเกดิ ความ กระปรก้ี ระเปรา และรสู กึ สดชืน่ จงึ ชว ย ผอนคลายความเครยี ดไดเ ปน อยางด)ี ท�าใหจ้ ติ ใจสบายและสงบ การฝกึ การผ่อนคลาย กลา้ มเน้อื กอ่ นนอน จะชว่ ยใหน้ อนหลบั ไดอ้ ย่าง มคี วามสุข ๖. ก่อนจะเข้านอนควรจะท�า จิตใจใ๓ห.ป้ ๓ล อกดโาปรรอ่ง อสกงบกําลังกาย2 การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายมีผล การออกก�าลังกายนอกจากท�าให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ต่อสุขภาพและการมีชีวิตท่ียืนยาว นอกจากนี้ ยงั ช่วยผอ่ นคลายความเครยี ดดว้ ย การออกกา� ลงั กายยงั เปน็ การผอ่ นคลายกลา้ มเนอื้ ชว่ ยลดความเครยี ด และสง่ เสริมความสามารถ ทางดา้ นสติปัญญาด้วย 9๗ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู นักเรียนคิดวา การนอนไมห ลบั มกั มสี าเหตมุ าจากปจจัยใด 1 กาเฟอนี เปนสารประเภทแซนทีนอัลคาลอยด ซงึ่ สามารถพบไดใ นอาหาร แนวตอบ อาจมสี าเหตมุ าจากการเกดิ ความเครยี ดโดยไมร ตู วั ซ่งึ อาจ หลายชนิด มฤี ทธก์ิ ระตุนระบบประสาทสวนกลาง ทาํ ใหรา งกายเกดิ ความตืน่ ตวั เปนความเครียดที่คอยๆ สง่ั สมไวเ ปนเวลานานทม่ี กั จะมีความวิตกกังวล และลดความงวงได หากบริโภคกาเฟอีนในประมาณมาก อาจทาํ ใหห ัวใจสน่ั อยบู อ ยคร้งั จนทาํ ใหเกดิ อาการนอนไมห ลบั ได มือสั่น นอนไมหลับ ปวดศีรษะ คอเลสเตอรอลสงู ความดันโลหิตสูง และทาํ ให เกิดแผลในกระเพาะอาหารได 2 การออกกาํ ลังกาย การออกกาํ ลังกายมคี วามสาํ คญั ตอ การนอนหลับมาก ซง่ึ ผูท ่ีนอนไมคอ ยหลบั หรือนอนหลับยาก อาจมสี าเหตเุ นื่องมาจากความเครยี ด หรือความวิตกกงั วล ซง่ึ การออกกาํ ลงั กายจะชว ยใหนอนหลบั ไดด แี ละไดนาน มากย่ิงขนึ้ คูม อื ครู 97

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดป ระเดน็ เรอ่ื ง ก ารเรมยี กีนาดรีขวึ้นจิ ยั กในาปรเรจะ็บเทปศว่ ฝยรลงั่ ดเศลสง แโดลยะมใหกี น้ ากัรเพรัฒยี นนไาดวเ้ รุฒยี ิภนาววชิ 1ะาเพร็วลขศน้ึกึ ษามากขนึ้ กวา่ เดมิ พบว่ามผี ล การผอ นคลาย ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากนนั้ กจิ กรถรมา้2วรธิว่ กีมากรบัทผน่ี อู้กั นื่เร ยีเชนน่ ใช วเ้ พงิ่ กอ่ื บักเาพรออื่ อนก รกว่ า� มลกงั กจิ ากยรเรปม็นกสลิ่งมุ่ ทห่ีนร่าอื เชบม่ือ รมก ็คเปวรน็ หตาน้ ว ิธทีกา� าใหรใเ้ หกมดิ ค่ วโดายมอรสู้าจกึ ทวา่�า ครเู สนอแนะเพ่ิมเตมิ และตั้งคาํ ถามเพ่ือนาํ ไปสู การออกก�าลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และอาจจัดเวลาท่ีบ้านให้สะดวกต่อการออกก�าลังกาย ขอ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั ซ่ึงวิธตี า่ งๆ เหล่านี้อาจช่วยให้นักเรียนไดอ้ อกก�าลังกายเพ่ิมมากขึ้นด้วย • การผอ นคลายสามารถชว ยลดความเครยี ด ๓.4 การผอ่ นคลาย ไดอ ยา งไร (แนวตอบ การผอ นคลายเปน การหยุดพัก การผอ่ นคลาย หมายถึง การหยุดพักชวั่ คราวจากกิจกรรมประจ�าวันท่ปี ฏิบตั ิอยู่ สมองของ ชั่วคราวจากกิจกรรมประจําวันทป่ี ฏบิ ัตอิ ยู คนเราเหนอ่ื ยลา้ เชน่ เดยี วกบั รา่ งกาย และตอ้ งการการกระตนุ้ ใหก้ ระชมุ่ กระชวย มพี ลงั เหมอื นเดมิ ซ่งึ เปนวิธกี ารหนงึ่ ทชี่ ว ยลดระดับของความ กิจกรรมทท่ี า� เพอ่ื ให้เกดิ การผ่อนคลายจะชว่ ยท�าใหส้ มองไดม้ ีโอกาสพกั ดงั นั้น กจิ กรรมเหลา่ นน้ั วติ กกังวล และความเครียดไดเ ปนอยา งดี ไมค่ วรจะเป็นการแขง่ ขัน แต่ก็ควรจะเปน็ กิจกรรมทผี่ ู้ปฏิบตั สิ นใจ และจงู ใจใหอ้ ยากท�า เม่ือยามท่ีรางกายตอ งเผชญิ กบั ความเครียด จากการดาํ เนนิ ชวี ิตประจาํ วนั หากไดรบั การ ๑) หลักการผ่อนคลาย การผ่อนคลายเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดระดับของความ ผอ นคลาย ก็จะชว ยทําใหร างกายเกิดการ ฟน ฟู และมพี ลงั ในการดาํ เนนิ ชีวิตประจาํ วัน วิตกกังวลและความเครียดทางกล้ามเน้ือ หลักส�าคัญของการผ่อนคลาย คือ การพยายามที่จะ ไดต อไป โดยไมกอ ใหเ กดิ การเหน่อื ยลา) ให้กลุ่มกล้ามเน้ือบางกลุ่มของร่างกายตึงและหย่อน (ผ่อนคลาย) อย่างเป็นระบบ การท�าให้ กล้ามเน้ือตึงจะท�าให้ร่างกายเกิดความรู้สึกเฉพาะอย่างหนึ่ง และเมื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ส่วนนั้นก็จะเกิดความรู้สึกอีกชนิดหน่ึง ซ่ึงตรงกันข้ามกับความรู้สึกเดิม เม่ือฝึกการท�าให้ กล้ามเน้ือตึงแล้วก็หย่อน จะเกิดความแรงและท�าให้ระดับของความตึงเครียดของร่างกายท่ีมี อยู่เดมิ ลดลง ดงั แผนผัง แผนผังแสดงการเปล่ยี นแปลงของร่างกายเมอื่ ผ่อนคลาย ๑. การหายใจช้าลง ความ ๔. สมองส่วนไฮโปทาลามัส ตอ้ งการออกซเิ จนน้อยลง (Hypothalamus) จะทา� ให้ ต่อมพิทูอิทารี (Pituitary ๒. ต่อมหมวกไตชั้นในไม่หลั่ง Gland) และระบบประสาท ฮอรโมน ปริมาณของ อัตโนมัติเกิดการเปล่ียน- ฮอรโมนอะดรีนาลินใน แปลง คล่ืนสมองจะช้าลง กระแสโลหติ จะลดลง และลกึ ๕. ปริมาณเหง่ือลดลงอย่าง เหน็ ไดช้ ัด ๓. มีการผอ่ นคลายของ ๖. การเตน้ ของหวั ใจชา้ ลงและ กลา้ มเน้ือ ความดันโลหิตลดลง 98 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET บุคคลใดมีการทาํ กจิ กรรมเพ่ือผอนคลายความเครยี ด 1 วุฒิภาวะ คือ ความสามารถในการยบั ยง้ั ชัง่ ใจหรือควบคมุ อารมณ 1. นา้ํ หม่นั ทบทวนบทเรียนอยเู สมอเพือ่ เตรยี มสอบ ความตอ งการของตนเอง ซง่ึ เปนภาวะทีไ่ ดร ับการพัฒนาอยางสมบูรณ ทําให 2. เป วงิ่ แขง กบั เพอื่ นเปน ประจาํ เพื่อทดสอบความเร็ว บุคคลมคี ุณสมบัติ มคี ณุ ภาพเต็มตัวในดา นบุคลิกภาพและพฤติกรรมดา นอารมณ 3. กบิ๊ มกั จะเลนกับสัตวเล้ยี งหลังจากทาํ การบา นเสรจ็ 2 กจิ กรรม ทกุ คนควรมี “วงจรชวี ติ ทสี่ รา งความสขุ ” (Pleasure Circuit) เพอื่ ให 4. จา ฝก รอ งเพลงทกุ วนั เพื่อจะไปแขงขันประกวดรองเพลง สามารถดาํ เนนิ ชวี ติ อยา งมคี วามสขุ ไดอ ยา งถกู ตอ ง ซงึ่ อาจสรา งความสขุ ไดโ ดยการ วิเคราะหคาํ ตอบ กิจกรรมเพอื่ ผอนคลายความเครยี ดควรเปน กิจกรรมที่ ทาํ กจิ กรรมทหี่ ลากหลาย เชน การอา น การเขยี น ศลิ ปะ ดนตรี การทอ งเทยี่ ว ทาํ เพอื่ ใหเ กิดการผอ นคลาย ซึ่งชวยใหสมองไดม โี อกาสพกั และไมค วรเปน เชงิ เรยี นรแู ละสรา งสรรค ทศั นศกึ ษา การเลน กฬี า เปน ตน กจิ กรรมทเี่ ปนการแขง ขัน ซึง่ กิ๊บสามารถเลอื กทํากิจกรรมเพ่ือผอนคลาย ความเครยี ดไดด ีท่ีสดุ ตอบขอ 3. 98 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) วธิ กี ารผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื เปน็ การฝกึ ทค่ี วรทา� ตามระบบ หรอื ขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสม ใหน กั เรียนกลมุ ที่จับสลากไดประเด็นเร่ือง เพือ่ ให้เกดิ ประสิท๒ธ.๑ภิ )า พกสาูงรสเตุดร ซียึ่งมขตนั้ วั ต ใอหนน้ ดกั งั เกรลยี า่นวน อมนีดหงั นงาี้ ย1 (ถ้ามีหอ้ งที่เหมาะสม) หรือน่งั โดยมี การผอนคลาย ออกมานาํ เสนอตอหนาชัน้ เรยี น บรรยากาศของส่งิ แวดล้อม ดังน้ี จากน้ันครูเสนอแนะเพม่ิ เติม และต้งั คาํ ถาม ๑. เงยี บและไม่ถกู รบกวน เพือ่ นาํ ไปสูข อ สรุปทถ่ี ูกตอ งรว มกัน ๒. ให้แน่ใจว่าอยู่ในท่าที่สบาย ทั้งท่าน่ัง หรือท่านอน ไม่ควรกอดอก หรอื ไขวข้ ากนั • ทา ทางการปฏิบัตผิ อ นคลายกลามเนอ้ื ๓. ใหค้ วามคดิ ตา่ งๆ อยใู่ นสภาวะของการผอ่ นคลายดว้ ย ไมก่ งั วล ไมส่ นใจ ทถ่ี ูกตอ งควรเปนแบบใด กบั ส่ิงที่จะหนั เหความสนใจจากการฝกึ ปฏบิ ัติ (แนวตอบ นอนหงายหรือนั่ง โดยใหอยูในทา ๔. พยายามฝึกปฏิบัติวันละ ๒-๓ ครั้ง การฝึกปฏิบัติในสถานที่และ ทส่ี บาย และไมควรกอดอกหรือไขวขากนั ) สิง่ แวดล้อมท่แี ตกตา่ งกันจะชว่ ยให้เราสามารถฝกึ การผ่อนคลายไดใ้ นทุกสถานที่ ๒.๒) การผอ่ นคลายกล้ามเนอ้ื แบ่งออกเปน็ • เพราะเหตใุ ดสถานทใ่ี นการผอนคลาย ๑. การทา� ใหก้ ลา้ มเนอ้ื ตงึ โดยการบบี หรอื เพมิ่ ความตงึ ไปสบู่ รเิ วณกลา้ มเนอ้ื ความเครียดจึงตอ งเปน ทีส่ งบเงียบ (แนวตอบ เพราะบรรยากาศทส่ี งบเงียบ ไมมี สิง่ รบกวน มีสว นชวยใหเกิดการผอนคลาย รสู ึกสบายใจ ซ่ึงมผี ลดตี อสขุ ภาพจิต) จะท�าให้ผู้ปฏิบัติเกิดความรู้สึกตึง ซ่ึงความแรงของความตึงน้ีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวบุคคล และความตึงเครียดของร่างกายในขณะนั้น ถ้าร่างกายมีความตึงเครียดมากก็อาจท�าให้การตึงตัว ของกลา้ มเนอื้ บรเิ วณต่างๆ มากตามไปด้วย ๒. การผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยผ่อนคลายกล้ามเน้ือท่ีตึงน้ันอย่างรวดเร็ว เพ่ือให้กล้ามเนื้อหย่อนและอยู่ในสภาพเดิม ขณะเดียวกันก็เน้นความสนใจไปยังความรู้สึกท่ี ผอ่ นคลาย และพยายามเปรยี บเทียบความรู้สกึ ทง้ั สองอยา่ งวา่ แ๒ตก.๓ต)า่ งกกาันรอหยา่ายงใไจร2 ควรทา� ใหก้ าร หายใจเปน็ ไปโดยอตั โนมตั ิ ตามปกตขิ ณะทที่ า� ให้ กล้ามเนื้อตึง การหายใจจะตื้นและเร็ว เพราะ เกดิ การตงึ กลา้ มเนอ้ื บรเิ วณหนา้ อกและหนา้ ทอ้ ง ซึ่งถา้ คนเรามคี วามตงึ เครยี ดอยู่อย่างสมา่� เสมอ กจ็ ะทา� ใหร้ ปู แบบของการหายใจนก้ี ลายเปน็ นสิ ยั ของบุคคลนน้ั ขณะทผี่ อ่ นคลายกลา้ มเนอื้ อยนู่ น้ั ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งบงั คบั หรอื ควบคมุ ระบบการหายใจ สถานท่ีท่ีสงบเงียบและปลอดโปร่ง จะท�าให้รู้สึกสบายใจ เมื่อรู้สึกผ่อนคลาย รูปแบบ หรือลักษณะการ ซงึ่ มผี ลดีตอ่ สุขภาพจิต หายใจทเ่ี ป็นปกตกิ จ็ ะเกิดข้นึ เองโดยอัตโนมัติ 99 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู วธิ ีปฏบิ ตั ิตนเพอื่ จัดการกบั อารมณและความเครยี ด สามารถทาํ ได ครูอาจใหน กั เรยี นฝกปฏิบตั ิการผอนคลายกลา มเน้อื ตดิ ตอ กันเปนระยะเวลา 1 อยางไรบา ง สปั ดาห จากนน้ั บนั ทึกผลการเปลย่ี นแปลงของรางกายที่เกดิ ข้นึ หลังการผอ นคลาย แนวตอบ สามารถปฏบิ ัตไิ ด ดังนี้ แลว นาํ มาเปรยี บเทยี บกบั สภาพรา งกายกอ นการผอ นคลาย • พักผอนดว ยการทํากิจกรรมตา งๆ ทีช่ ว ยใหร า งกายเกดิ นกั เรยี นควรรู การผอ นคลายจากความเครยี ดที่เกิดขึ้นจากการ ดาํ เนนิ ชวี ิตประจําวนั 1 นอนหงาย ผูที่มอี าการปวดหลังไมเหมาะกับการนอนหงาย เพราะจะทําให อาการปวดรุนแรงขน้ึ ซึง่ เวลานอนอาจใชหมอนหนนุ รองใตโคนขา เพื่อชวยบรรเทา • ออกกําลงั กายเพอื่ ผอ นคลายกลามเนอื้ ซ่ึงจะชว ยลด อาการปวดหลงั ได ความเครยี ด และสงเสริมความสามารถทางดานสติปญญา 2 การหายใจ การฝกผอ นคลายโดยวิธฝี กการหายใจใหถ ูกวธิ ี คือ หายใจเขา ลกึ ๆ ชา ๆ และกลัน้ ลมหายใจเอาไวส กั ครู แลวหายใจออกชาๆ โดยใหพูดในใจ • ฝก บรหิ ารจิต ใหจติ ใจเกดิ ความสงบ ไมเครียด กบั ตนเองวา “ผอ นคลาย” เพราะจะทาํ ใหร สู กึ วา รา งกายเกดิ ความผอ นคลายมากขนึ้ คมู ือครู 99

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูใหนกั เรยี นลองฝกปฏิบตั กิ ารผอนคลาย โดย ๓) การฝก ปฏบิ ตั ิการผอ่ นคลาย คอื กระบวนการ หรอื ขัน้ ตอนของการฝกึ ปฏิบตั ิ ครูอธบิ ายข้นั ตอนในการปฏบิ ัติแตละขัน้ ตอนแลวให การผ่อนคลาย สามารถฝึกไดก้ บั กลา้ มเนอื้ ๓ กลุม่ คือ มอื ขวา มอื ซ้าย หน้าอก หลงั และไหล่ นักเรียนปฏบิ ตั ติ าม จากน้ันใหน ักเรยี นรวมกนั แสดง ซ่ึงสามารถปฏบิ ตั ิได้ ดังน้ ี ความคิดเหน็ วา หลงั จากการปฏบิ ตั ินกั เรยี นรสู ึกวา ๑. นัง่ บนเก้าอ้สี บาย หรอื อยใู่ นทา่ ที่รู้สึกสบายและหลับตา รางกายไดรบั การผอ นคลายหรอื ไม โดยครูสามารถ ๒. ระบายความเครียดให้เกิดขึ้นท่ีมือขวา ให้กล้ามเนื้อบริเวณแขนตึงและแน่น เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และต้งั คําถามเพ่ือกระตุนการ โดยใหก้ ลา้ มเนอื้ ของแขนขวาสว่ นบนตงึ เหมอื นกบั กา� ลงั ยกของหนกั แตอ่ ยา่ ใหม้ อื ขวาเคลอ่ื นไหว เรยี นรขู องนักเรยี น ๓. ให้กลา้ มเน้อื ดังกลา่ วเกดิ ความตึงเป็นเวลาประมาณ ๕. - ๗. วินาที ๔. ลดความตึงของกลา้ มเนื้อขน้ึ ลงเรว็ ๆ พร้อมทั้งหายใจออก แลว้ ให้กล้ามเน้อื • เม่อื ปฏิบัตแิ ลว นกั เรียนมคี วามรูส กึ อยางไร สว่ นนัน้ คลายตัวเป็นเวลา ๒๐-๓๐ วนิ าท ี สังเกตความรสู้ ึกทเี่ กิดขน้ึ แลว้ ทา� ข้อที ่ ๓ และ ๔ ซ�้ากัน (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น โดย ๕. ท�าให้กล้ามเน้ือบริเวณแขนซ้ายตึงข้ึน พยายามเก็บความรู้สึกต่อสภาวะ สว นใหญจ ะตอบวา รสู กึ ผอ นคลาย โดยเฉพาะ ความตงึ ของแขนนัน้ ทกุ สว่ น กลามเนื้อสวนตา งๆ ของรา งกาย) ๗๖.. ใลหดค้คววาามมตตึงงึ ขขอองงแกขลนา้ มซเา้ นยอ้ืค1แงอขยนู่ปซรา้ ะยมลางณ แ ล๕ะ-ท๗�า กวจิินการทรี มข้อ ๕.-๗. ซ้า� อีก • เมื่อรางกายไดร ับการผอ นคลายจะกอใหเ กดิ ๘. ท�าให้ความตึงเกิดขึ้นบริเวณกล้ามเนื้อส่วนหน้าอก หลัง และไหล่ หายใจ ความรูสึกอยางไร (แนวตอบ ทําใหรูสึกสดชืน่ สบายใจ และคลาย ความวติ กกังวลไดเ ปน อยา งดี) เขา้ ลึกๆ คงไว้อย่างนน้ั ชัว่ คร่ ู หอ่ ไหลใ่ หช้ ดิ กัน ขณะเดียวกันกใ็ ห้กล้ามเนือ้ บรเิ วณอกตงึ ตวั ๙. ใหค้ วามตงึ ของหนา้ อกคงอยปู่ ระมาณ ๕-๗ วนิ าที ๑๐. ค่อยๆ ผ่อนคลายส่วนกล้ามเน้อื ทีต่ ึง ขณะฝึกพยายามใหก้ ารหายใจเปน็ ปกติ ถึงแม้วา่ จะยากต่อการปฏิบตั ิ การฝกึ นใ้ี หท้ �าประมาณ ๓-๕ นาที ควรฝกึ ปฏิบตั วิ ันละ ๒ ครงั้ การน่ังในท่าทป่ี ล่อยใหร้ า่ งกายไดผ้ ่อนคลาย และทา� จิตใจให้สงบ สามารถช่วยลดความตึงเครยี ดของกล้ามเน้ือได้ ๑00 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การฝก ปฏบิ ตั กิ ารผอ นคลายควรปฏิบัติตอ ไปนย้ี กเวนขอใด ในระหวางท่ีนกั เรียนฝกปฏิบัตกิ ารผอ นคลายอยูน้ัน ครคู วรเดินดูนักเรียนดว ยวา 1. สูดลมหายใจเขาลกึ ๆ ชา ๆ แลว คอ ยเร็วขน้ึ ปฏบิ ตั ใิ นทา ทถ่ี กู ตอ งหรอื ไม หากนกั เรยี นคนใดปฏบิ ตั ไิ มถ กู ตอ งครสู ามารถชแี้ นะได 2. น่ังบนเกาอสี้ บาย หรอื อยใู นทา ทรี่ สู ึกสบายและหลับตา ท้งั นเี้ พื่อใหการปฏบิ ตั ิดังกลาวเปนไปอยา งมีประสทิ ธภิ าพมากทสี่ ุด 3. อยใู นหองทีส่ งบ และเปดเพลงเบาๆ เพ่ือใหเกิดความผอนคลาย 4. ทําจติ ใจใหสงบ ไมค ิดเร่อื งตา งๆ ทท่ี าํ ใหร ูสกึ เครยี ดระหวา งปฏิบตั ิ นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคําตอบ การฝกปฏิบัติการผอ นคลายท่ีถูกตองนน้ั ควรฝก ในหอ ง หรือสถานท่ีท่สี งบ หรืออาจเปดเพลงเบาๆ เพ่อื ใหเกิดความผอนคลาย 1 ความตึงของกลามเน้ือ ความเครียดหรือการโหมทํางานหนัก สงผลให โดยควรนง่ั บนเกา อี้หรืออยูในทาที่สบายแลวหลบั ตา ทําจติ ใจใหส งบ ไมคิด กลา มเน้อื เกดิ การบาดเจ็บและตงึ ซ่ึงทาํ ใหปวดคอหรอื ไหลเปน ประจําได เร่อื งตางๆ ที่ทําใหร สู กึ เครยี ด แลว สดู ลมหายใจเขา ลึกๆ อยา งชาๆ ใหรสู ึก ไดผอนคลาย ตอบขอ 1. 100 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔) หลักในการปฏิบัติเพ่ือผ่อนคลายกล้ามเน้อื เป็นเทคนิคและวิธีการในการ ครสู ุม นกั เรียน 2-3 คน ออกมาสาธติ การ ปฏบิ ัตเิ พ่อื ผอ นคลายหนาช้ันเรยี นพรอ มกบั บอกถงึ ผ่อนคลายให้เกดิ ประสิทธิภาพ ในการช่วยคลายความเครียด มหี ลักในการฝึกปฏบิ ัติ ดงั น้ี ประโยชนทไี่ ดร ับจากการผอนคลายดังกลา ว ๑. ใชห้ อ้ ง หรอื บรเิ วณที่รู้สึกสบายและเงียบสงบ จากนน้ั ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน อาสาออกมาบอกเลา ๒. นง่ั หรอื นอน จากนน้ั หายใจเขา้ ใหล้ กึ ๆ และหายใจออกอย่างเปน็ ระบบ ถงึ ความรูสึกทไ่ี ดร บั หลงั การปฏิบัติหนาช้นั เรยี น ๓. ให้ความตึงของกล้ามเนอ้ื เกดิ บริเวณแขนขา ผอ่ นคลายพรอ้ มท้งั หายใจออก ๔. ปฏิบัติการท�าให้กล้ามเน้ือตึงและหย่อน ในแต่ละชุดของกล้ามเน้ือ ๒ คร้ัง ครตู งั้ คาํ ถามเพ่ืออธิบายความรเู พม่ิ เตมิ กอ่ นจะฝกึ กบั กลา้ มเนอ้ื กล่มุ อื่นอกี และควรหยุดพักประมาณ ๑ นาท ี กอ่ นเรม่ิ ตน้ ใหม่ • หลักสาํ คญั ของการผอ นคลายคอื อะไร ๕. มุ่งความสนใจไปท่คี วามรูส้ กึ ของตนขณะมีการตงึ ตวั และขณะผ่อนคลาย ๖. หายใจออกในช่วงผ่อนคลายกลา้ มเนอ้ื ใหค้ วามตงึ เครยี ดผอ่ นออกมากที่สุด (แนวตอบ การพยายามทจ่ี ะใหกลามเนือ้ ๗. ฝกึ ปฏบิ ัติกับกลา้ มเนอื้ กลุ่มต่างๆ เรียงตามลา� ดบั บางกลมุ ของรางกายตึงและหยอน ๘. ประเมินสภาวะของร่างกายก่อนและหลงั ฝกึ ปฏบิ ัติ ฝึกทา� ๒-๓ ครง้ั ตอ่ วัน (ผอนคลาย) อยางเปนระบบ) จากทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ จะพบวา่ เมอื่ เกดิ ความเครยี ดจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าทาง • การผอนคลายกลา มเน้ือสามารถชว ยลด ร่างกาย ต่อความเครยี ดเพิม่ มากขึ้น ท�าใหม้ ีลักษณะอาการตา่ งๆ เกดิ ขึ้น ดังนัน้ เราจงึ ต้องหาวิธี ความเครียดไดห รือไม เพราะอะไร กา� จดั ความเครยี ดดว้ ยการผอ่ นคลาย ปฏกิ ริ ยิ าทางรา่ งกายตอ่ การผอ่ นคลายกจ็ ะลดลง ซงึ่ ดไู ดจ้ าก (แนวตอบ ได เพราะการผอ นคลายกลา มเนอ้ื ตารางดา้ นล่างนี้ เปน วธิ ีการหนงึ่ ท่ชี ว ยลดระดับของความวิตก กงั วล และความเครยี ดทางกลามเนอื้ ปฏกิ ิรยิ าทางร่างกาย ลกั ษณะอาการทางร่างกาย ปฏกิ ริ ยิ าทางรา่ งกาย ทีส่ ามารถทาํ ไดดวยตนเอง โดยจะทําให ตอ่ ความเครียด ต่อการผอ่ นคลาย รา งกายรูส กึ ผอนคลายไดเปน อยางดี การเต้นหวั ใจ และเมอ่ื รางกายรูสึกผอ นคลายแลวจติ ใจจะ เพิม่ ความดนั โลหติ ลด สงบข้นึ และคลายเครียดไปในตวั ดวย) เพม่ิ การหายใจ ลด เพิม่ ลด เพ่มิ กเหางรอ่ืตองึ ตอกัว1ของร่างกาย ลด เพ่มิ ลด เพมิ่ อะดรนี าลนิ (Adrenaline) จะหลง่ั ลด ออกมาเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเน้ือ ระบบหายใจ ท�างานอย่างหนัก และรวดเร็ว สง่ ผลใหร้ ะบบตา่ งๆ ในร่างกายทา� งานผดิ ปกต ิ และมี ผลตอ่ อารมณแ์ ละร่างกาย ๑0๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู อารมณแ ละความเครยี ดมคี วามแตกตา งกันอยางไร จงอธิบาย ครสู ามารถแนะนาํ นกั เรียนวา การปฏิบัตกิ ารผอ นคลายนัน้ ควรปฏิบัตใิ นหอง แนวตอบ อารมณเปนภาวะหนึ่งของจติ ใจท่เี กดิ จากส่ิงเรา ทม่ี ากระตนุ ทส่ี งบเงียบ ไมม สี งิ่ รบกวน ไมมืดทึบหรือแสงแดดไมส องผา น มีความสะอาด และ สวนความเครียดเปนเพยี งภาวะของอารมณท่เี ผชิญกบั ปญหาตางๆ มีบรรยากาศท่เี ออื้ ตอ การผอ นคลาย เชน อาจเปดเพลงเบาๆ หรือนําน้าํ มันหอม แตอยา งไรกต็ ามหากบุคคลตองเผชิญกับส่ิงใดส่งิ หนึง่ กย็ อ มกอ ใหเ กิด ระเหยมาวางไวใ นหอ ง เปน ตน เพอื่ ใหรูสกึ ถงึ ความผอนคลาย อารมณและอาจสงผลใหเกิดความเครียดไดเชน กนั นกั เรยี นควรรู 1 เหงื่อออก ความเครียดและความวติ กกังวลมสี ว นกระตนุ ใหเ กิดเหง่ือได เชนกัน เนอ่ื งจากอารมณเหลา นี้จะกระตุนการหลัง่ สารอะดรนี าลินใหร า งกายต่ืนตัว พรอมเผชิญสถานการณต ึงเครียดทอ่ี าจเกิดข้ึนทุกเมอื่ สงผลใหตอ มเหง่ือทาํ งาน คูม ือครู 101

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน จากนน้ั ๓.๕ การหัวเราะเพอื่ คลายเครียด ใหส มาชกิ ภายในกลมุ ผลดั กนั เลา เรอ่ื งขาํ ขนั และ คัดเลือกเรอ่ื งทค่ี ดิ วาขําทส่ี ุดมา 1 เรือ่ ง พรอ มกบั การหวั เราะเปน็ วธิ กี ารหนง่ึ ทที่ างการแพทยใ์ ชบ้ า� บดั โรค ซง่ึ เรยี กวา่ “หวั เราะบา� บดั ” (Laughter บนั ทกึ ความรูส ึกท่ไี ดฟ ง เพื่อเตรียมออกมานําเสนอ Therapy) ได้มีการทดลองในผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยดูภาพยนตร์ตลก พบว่าหลังการทดลอง หนาชั้นเรยี น อาการป่วยดีขึ้น อธบิ ายความรู Explain ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า แคนาดา องั กฤษ และอีกหลายประเทศนั้น การรักษาผู้ป่วยด้วย ใหนักเรียนแตล ะกลุมสง ตัวแทนออกมาเลา เรอื่ ง ดกวา้ รยหกวัาเรรใาชะย้ กาา�คลลงั าเยขเา้ คมรายี มด1บี หทรบอื ายทาแแทกนป้ กวดาร เบพา� รบาดัะ ขําขันทคี่ ัดเลอื กมาใหเ พ่อื นในหอ งฟง พรอ มกับ อารมณข์ นั จะมผี ลเชน่ เดยี วกบั การใชย้ า นกั วจิ ยั บรรยายความรสู กึ ของตนเองทีไ่ ดฟง เรื่องดังกลา ว จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ใหเ พอื่ นไดร ับรู จากน้ันใหถามถึงความรูสกึ พบวา่ การหัวเราะเพียง ๑๐ วินาที มีค่าเทา่ กบั ของเพือ่ นในหอ งวามคี วามรสู กึ อยางไร หลงั จาก การออกกา� ลงั กายบนเครอ่ื งกรรเชยี งถงึ ๓ นาที ท่ีไดฟ งเรอื่ งที่ไดเ ลา ไป พรอมกบั ใหต ัวแทนกลุม (อา้ งอิง : สา� นักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ ง ทอ่ี อกมาเลา นน้ั เรยี กเพอ่ื นกลมุ ตอ ไปออกมา จากนน้ั เสริมสุขภาพ (สสส.)) เพราะการหัวเราะช่วย ครูต้ังคําถามเพ่อื กระตุนการเรยี นรูข องนกั เรยี น ให้หัวใจและชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย การย้ิมและการหัวเราะท�าให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย เมอื่ หยดุ หวั เราะรา่ งกายจะคอ่ ยๆ คนื สสู่ ภาพปกต ิ • การหัวเราะกอใหเ กดิ ผลดีตอสขุ ภาพ ความเครียดและเปนการสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธท ่ดี ีต่อผู้อื่น จงึ ท�าใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย อยา งไรบาง การหัวเราะม ี ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ (แนวตอบ ชว ยใหระบบไหลเวียนโลหติ และ ๑. หวั เราะแบบธรรมชาติ เกิดจากการกระตนุ้ ใหห้ ัวเราะ ซงึ่ เกดิ ขนึ้ ในชีวิตประจ�าวนั เสนเลือดสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงหัวใจดขี ้นึ ๒. หวั เราะบา� บดั เปน็ การหวั เราะแบบรตู้ วั มเี ปา หมายเพอื่ รกั ษาโรค หรอื การเจบ็ ปว่ ย ชว ยใหปอดแข็งแรง ระบบหายใจดี ไดร บั มีผูก้ ลา่ วว่า คนเราควรหัวเราะอย่างนอ้ ย ๑๕ นาที ใน ๑ วัน เพราะการหวั เราะจะช่วยให้ ออกซเิ จนมากข้ึน) ระบบไหลเวียนโลหิตและเส้นเลือดสูบฉีดโลหิตไปเล้ียงหัวใจได้ดีข้ึน โดยทั่วไปการหัวเราะจะก่อ ใหเ้ กดิ ประโยชน ์ ดังนี้ • การหัวเราะชว ยผอ นคลายความเครียดได ● ชว่ ยใหป้ อดแข็งแรง อยา งไร ● ช่วยทา� ความสะอาดหลอดลม (แนวตอบ เพราะขณะหวั เราะรา งกายจะ ● ขจดั ความเครยี ด หลงั่ สารเอน็ ดอรฟ น ซ่งึ เปน สารท่กี อใหเกดิ ● ลดความกลัดกลมุ้ ใจ ความสุข ชวยทําใหอ ารมณดี สดใส และลด ● ลดความดนั โลหติ ความเครยี ดได) ● พัฒนาการเจริญเติบโตของสมอง โดยกระตนุ้ การท�างานของสมอง ● ระบบหายใจดี ไดร้ ับออกซเิ จนมากข้นึ ๑0๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดไมใช ประโยชนข องการหัวเราะ ครูควรเสนอแนะนกั เรยี นวา นกั เรียนไมควรนําเรื่องขาํ ขนั ของเพือ่ นในชน้ั เรยี น 1. ขจดั ความเครยี ด มาเลา เพราะจะทาํ ใหเ พือ่ นคนนน้ั รสู ึกอับอาย โดยนกั เรียนอาจนาํ เร่ืองตลกขบขัน 2. ลดความดนั โลหิต ในละครหรอื ภาพยนตรตลก มาเลา ใหเพือ่ นฟง แทนได 3. ทําใหเ ปน ทีส่ นใจของคนรอบขา ง 4. กระตุนการทํางานของสมองทาํ ใหพ ฒั นาการทางสมองดขี ึ้น นกั เรยี นควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ โดยท่ัวไปการหวั เราะจะกอใหเกิดประโยชน ดงั น้ี ชว ยใหป อดแข็งแรง ชว ยทําความสะอาดหลอดลม ขจัดความเครยี ด 1 ยาคลายเครียด จดั วา เปนยาเสพตดิ ชนิดหนง่ึ ซ่งึ ถารับประทานเปน ระยะ ลดความกลดั กลมุ ใจ ลดความดันโลหติ ทาํ ใหระบบไหลเวียนและ เวลานานตดิ ตอกันจะกอใหเกิดผลเสียตอรางกาย เชน ฤทธ์ขิ องยาจะทําใหเกิด การสูบฉีดโลหติ ดขี ้นึ ระบบหายใจดี ไดร บั ออกซเิ จนมากขึน้ และพฒั นา การเสพติด ทาํ ใหต องรับประทานยาในปรมิ าณท่ีเพม่ิ ขึ้น หรือเกิดความผิดปกติ การเจรญิ เติบโตของสมอง ตอบขอ 3. ในเวลาทไี่ มไดร บั ประทานยา เปนตน ดังนนั้ ในการรับประทานยาดงั กลา ว ควรอยภู ายใตก ารดแู ลของแพทย และควรรบั ประทานยาตามท่ีแพทยส ง่ั เทานัน้ 102 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ● ระบบไหลเวยี นและการสบู ฉีดโลหิตดขี ึน้ ใหน กั เรยี นฝก บรหิ ารจติ ดว ยการนง่ั สมาธิ ● ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดี ซึ่งเป็นการออกก�าลังของส่วนกระเพาะอาหาร กอ นเรยี น 10 นาที แลว ใหน กั เรยี นบอกเลา ความ และล�าไส้ รสู กึ หลงั การปฏบิ ตั ิ จากนน้ั ใหน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ● ภ คลมู าิคยุม้ เคกรนั ยี1ดดี ททา� า� ลใาหยร้ อา่ งนกุมาลูยอไดิสพ้ระกั2 ผเพอ่ ่ิมนค ผววิาพมรเขรณม้ ขด้นขี ขน้ึ อ เงสแน้ อปนรตะสบิ าอทดบี ซน่งึใเบปหน็ นภา้ มูยิคดื ุม้หกยนุ่ัน การฝก บรหิ ารจติ จากหนงั สอื เรยี นหรอื แหลง การ ● เรยี นรอู น่ื ๆ เพม่ิ เตมิ ที่หมุนเวยี นในกระแสเลือด อธบิ ายความรู Explain ● เพ่ิมระดับเม็ดเลือดขาว ซ่ึงท�าหน้าท่ีในการก�าจัดส่ิงแปลกปลอมท่ีหลุดเข้ามาใน ใหน ักเรยี นรวมกันเสนอแนะประโยชนท ไ่ี ดจาก ร่างกาย ท�าใหม้ ภี มู ิคุ้มกันโรคตา่ งๆ เพ่ิมมากขึ้น การปฏิบตั นิ ่งั สมาธิ จากนัน้ ครเู สนอแนะเพิ่มเตมิ ● ใ นวยั เดก็ การหวั เราะจะท�าใหร้ ่างกายหล่ังฮอร์โมนโดปามนี (Dopamine) ซึ่งเป็น และต้ังคาํ ถามเพือ่ นําไปสูขอสรุปท่ถี กู ตองรวมกนั ฮอร์โมนทเ่ี กย่ี วข้องกับการเรยี นร ู้ การเคล่อื นไหว ความจา� และทส่ี �าคญั คอื ชว่ ย คลายเครยี ด • การฝกบรหิ ารจติ ชว ยผอ นคลาย ● ขณะหัวเราะร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนท่ีช่วย ความเครียดไดจรงิ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ระงับความเจ็บปวด ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นสารท่ีก่อให้เกิดความสุข (แนวตอบ จริง เพราะเมอ่ื ปฏิบตั ิแลว จะชว ยให นักวิชาการหลายท่านให้นิยามสารชีวเคมีน้ีว่าเป็น “สารสุข” นอกจากน้ี ร่างกาย จิตใจสงบ และมีอารมณท ่ีม่นั คง) จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงเป็นสารส�าคัญชนิดหน่ึงในสมอง ช่วย ในการน�าสัญญาณประสาทต่างๆ ตามเส้นประสาท เป็นฮอร์โมนท่ีท�าให้เรา อารมณ์ดี สดใส ลดความเครียด ซ่ึงในขณะท่ีเกิดความเครียด ฮอร์โมนนี้จะหล่ัง ออกมาน้อยมาก จึงมีส่วนน�าไปสู่ความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะก่อให้เกิด อารมณ์เศร้า เหงาหงอย หงดุ หงดิ นอนไม่หลบั และกระสับกระสา่ ย ● การหวั เราะช่วยเสริมพลังจติ พลงั กาย ● การหัวเราะชว่ ยสรา้ งความสมั พันธก์ บั ผอู้ ื่น ● ช่วยสรา้ งเสน่ห์ใหก้ บั ตนเอง ๓.6 การฝึกบรหิ ารจติ การฝึกให้จิตใจสงบนั้นมีอยู่หลายวิธีและหลายระดับ ในที่นี้จะกล่าวถึงการฝึกจิตให้สงบใน ขนั้ ตน้ ของอารมณ์ธรรมชาติ ซงึ่ เปน็ วธิ ีที่ท�าได้งา่ ย สะดวก ทา� ได้ในทกุ สถานทีแ่ ละทุกเวลา โดยมี วิธีปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๑. กา� หนดใหร้ า่ งกายอยนู่ ง่ิ ๆ ในทา่ ใดกไ็ ด ้ เชน่ ยนื นงั่ นอน เปน็ ตน้ แตท่ น่ี ยิ มปฏบิ ตั ิ กันมากที่สุด คือ ท่าน่ังขัดสมาธิ นั่งตัวตรง มือขวาทับมือซ้าย น่ังให้สบาย อย่าให้ร่างกายฝืน หรอื เกรง็ ๒. หลบั ตาพอสบาย ไม่เกรง็ นยั นต์ า ๑0๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรียนควรรู คุณคา ของการฝกบรหิ ารจติ ในขอใดมคี วามชัดเจนทส่ี ุด 1 ภูมิคมุ กัน เปน กลไกในการปอ งกนั ตนเองอยา งหนง่ึ คอื เมอื่ มสี งิ่ แปลกปลอม 1. หมาก เรียนหนังสือไดปกติ ที่อาจใหโ ทษแกร า งกาย เชน แบคทีเรยี ไวรัส เปนตน ภมู ิคมุ กนั จะออกมาตอ ตา น 2. ปุกลกุ สามารถทาํ งานไดสมํา่ เสมอ หรือทาํ ลายสงิ่ แปลกปลอมนั้นๆ เพือ่ ทจ่ี ะทาํ ใหร างกายอยูอยางปกติสุข ปราศจาก 3. น้าํ หวาน อยูรว มกบั ผูอืน่ ไดโ ดยไมม ีปญ หา โรคภยั ไขเจบ็ 4. กุบ กบ๊ิ สามารถกาํ จดั สง่ิ ท่ีมารบกวนจิตใจใหน อยลงได 2 อนมุ ูลอิสระ เบตาแคโรทนี วิตามนิ ซีและอี เปนกลมุ ของสารอาหารทช่ี ว ย วเิ คราะหคาํ ตอบ ในการฝกบรหิ ารจติ คุณคาที่มีความชัดเจนมากทส่ี ุด กาํ จดั อนมุ ลู อสิ ระท่ที ําใหร างกายเกดิ การอกั เสบ ทําลายเนื้อเยอ่ื เกิดตอกระจก คือ สามารถกําจัดสิง่ ท่มี ารบกวนจติ ใจใหนอยลงได เพราะถาเรามีสมาธิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โดยสารท้ัง 3 ตวั โดยเฉพาะเบตาแคโรทนี จะชวยเสรมิ สรางภมู คิ มุ กนั ปองกนั เนื้องอก ลดความเสี่ยงการเปน ตอกระจก ก็จะทําใหเรามีจติ ใจสงบ ปราศจากส่งิ รบกวนตางๆ ตอบขอ 4. มะเรง็ และหัวใจได ดงั น้นั จึงควรรบั ประทานผกั และผลไมเ ปนประจาํ ทกุ วัน หรอื อยางนอยวันละ 4 สว นของอาหารทร่ี ับประทาน เพอื่ การมสี ขุ ภาพทด่ี ี คูมือครู 103

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ครตู ้งั คาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนกั เรยี นตอ ๓. ตงั้ ศนู ยก์ ลางของจติ ใจไวท้ ลี่ มหายใจโดยการจนิ ตนาการ เมอื่ ลมหายใจกระทบจมกู • การกําหนดลมหายใจท่ถี กู ตอ งในการฝก ตรงสว่ นใดกต็ ามทรี่ สู้ กึ เชน่ บรเิ วณชอ่ งจมกู ในโพรงจมกู รมิ ฝป ากบน เปน็ ตน้ กใ็ ชจ้ ดุ ทล่ี มหายใจ กระทบนน้ั เปน็ จดุ กา� หนดการส�านึก ดังน้ี บรหิ ารจิต ควรทําอยา งไร (แนวตอบ ตงั้ ศนู ยก ลางของจติ ใจไวท ล่ี มหายใจ ● เมือ่ รสู้ กึ ลมหายใจเขา้ กระทบจุดทก่ี า� หนด ก็ให้สา� นึกวา่ “พทุ ” เม่ือหายใจเขาใหสํานกึ วา “พทุ ” และเมอ่ื ● เมื่อรสู้ ึกลมหายใจออกกระทบจุดท่ีก�าหนด ก็ให้สา� นกึ วา่ “โธ” หายใจออกใหส ํานึกวา “โธ”) ท้ังน้ี ต้องพยายามส�านึก “พุท” และ “โธ” ให้ได้จังหวะพอดีกับที่ลมหายใจกระทบ จุดที่ก�าหนด ไม่กอ่ นและไม่หลัง และอย่าตามลมหายใจเข้า หรือออก ท�าอุปมาเหมือนยามเฝา ขยายความเขา ใจ Expand ประตคู อยดูแต่คนเข้าและออกเท่าน้นั ๔. ใหท้ �าซ�า้ ตามที่กล่าวในขอ้ ๓. ไปเรือ่ ยๆ จนรูส้ ึกว่า ระหวา่ งการสา� นกึ “พุท” กับ ใหนกั เรียนฝกปฏบิ ัติการบรหิ ารจิตเปน เวลา 2 “โธ” น้นั จิตใจไมเ่ ผลอเตลดิ ไปคดิ เรอื่ งอ่ืนๆ หรอื ท�าตามก�าหนดเวลาทต่ี ั้งไว้ สปั ดาห แลว ใหน กั เรยี นประเมนิ ตนเองวา สขุ ภาพจติ ในการท�าครั้งแรกๆ น้ัน จิตจะสงบอยู่กับลมหายใจยากและอยู่ได้ไม่นาน เพราะจะเผลอไป ของนกั เรยี นดขี น้ึ หรอื ไม ความเครยี ดลดลงมากนอ ย คิดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อเม่ือได้ฝึกท�าบ่อยๆ หรือท�าเป็นประจ�า ก็จะสามารถก�าหนดจิตให้อยู่กับ เพยี งใด จากนน้ั ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรม ลมหายใจเขา้ -ออกไดง้ า่ ย ซง่ึ หมายถงึ วา่ ถา้ เราพยายามฝกึ ทา� จติ ใหส้ งบอยบู่ อ่ ยๆ เรากจ็ ะสามารถ สรา งสรรคพ ฒั นาการเรียนรู กจิ กรรมที่ 2 ท�าจิตของเราให้สงบได้ง่ายตามต้องการ และถ้าฝึกต่อไปอีกก็สามารถลืมตาท�าสมาธิ หรือท�า วปิ สั สนาตามวธิ ที ี่กล่าวไวใ้ นพระพทุ ธศาสนาต่อไป ใหนักเรียนแบงกลมุ กลุม ละ 3-4 คน จดั ทาํ คลิปวดิ โี อการฝก บรหิ ารจิตความยาวไมเกิน 30 นาที แลว นําสงครผู สู อน การนง่ั สมาธทิ �าใหจ้ ิตใจสบาย คลายเครยี ด และมคี วามมัน่ คงทางอารมณ ๑04 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน กั เรียนแตละคนเขยี นเรือ่ งท่ีทาํ ใหเกิดความเครียดลงบนกระดาษ รายงาน พรอมกับเขยี นวิธกี ารจดั การกบั อารมณและความเครียดท่นี ักเรยี น ครูอาจสรปุ เนอื้ หาจากการศกึ ษาท่ีผานมาในเรื่องของอารมณและความเครยี ด ปฏบิ ัตสิ ง ครูผูสอน ใหนกั เรียนฟง อกี ครงั้ หนึง่ เพ่อื ใหน ักเรียนเกิดความรคู วามเขา ใจในการนําความรู ไปใชในชีวติ ประจาํ วันไดเ ปนอยางดี กิจกรรมทา ทาย มุม IT ใหน ักเรียนจัดทาํ ปายนิเทศขนาดเลก็ และแผนพบั เรื่อง วธิ ีปฏิบัตติ น เพ่อื จดั การกับอารมณแ ละความเครียด โดยใหน กั เรียนนาํ ใสก ลอ งจัดวางไว สามารถศึกษาเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั การบริหารจิตและเจรญิ ปญ ญา ไดจาก ทบ่ี รเิ วณท่เี หมาะสมเพอื่ เผยแพรค วามรูใหก บั ผูอ ื่น http://www.watsuanvang.com/read.php?tid-1718.html 104 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน กั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง แนวทางการ แกไขปญ หาทางอารมณข องตนเอง จากเสริมสาระ แนวทางการแกไขปญ หาทางอารมณ์ของตนเอง จากนั้นครูใหนกั เรียนรวมกันเสนอแนวทางการ แกไ ขปญ หาอารมณข องตนเอง โดยครูเสนอแนะ การประสบกบั ภาวะความเครยี ดจากสถานการณต า่ งๆ นน้ั บางครง้ั เราอาจแกไ้ ขปญ หาความเครยี ดนน้ั ไดด้ ว้ ยตนเอง เพ่มิ เติม และต้ังคาํ ถามเพ่ือขยายความเขาใจของ แต่บางคร้ังก็อาจต้องให้ผู้อ่ืนช่วยเหลือ ทั้งน้ี โดยใช้กลวิธี หรือวิธีการท่ีแตกต่างกันออกไปตามความรู้ ประสบการณ นักเรยี น หรือความสามารถของแตล่ ะบคุ คล แตใ่ นขณะเดยี วกนั ถา้ ไมส่ ามารถแกไ้ ขปญ หาความเครียดน้ันได้ บุคคลอาจเกิดภาวะ ความตงึ เครียดสงู ซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ ปญ หาแก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมได้ • เพราะเหตุใดจงึ ตองรูจ ักอารมณตนเอง (แนวตอบ เพราะจะไดร ูเ ทาทนั ตออารมณท ี่ ดงั นน้ั การหาวธิ กี ารเพอื่ เปน แนวทางการแกไ้ ขปญ หาทางอารมณข องตนจงึ เปน สง่ิ สา� คญั ซง่ึ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั นี้ เกดิ ข้ึน และสามารถจัดการกบั อารมณและ ๑) รูจกั อารมณต์ นเอง เปนพนื้ ฐานของการควบคมุ อารมณเพ่อื การแสดงออกไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดงั น้ี ความรสู กึ ของตนเองได) ๑.๑) รูตัว รูตน หมายถึง รู้จักอารมณของตนเอง รู้สาเหตุท่ีท�าให้เกิดอารมณนั้นๆ รู้ว่าผลที่ตามมาจะ • การสรา งแรงจูงใจใหก บั ตนเองกอใหเ กดิ เปน อยา่ งไร สามารถประเมนิ ความสามารถตนเองได้ตามความเปนจริงและน�ามาใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม ผลดอี ยางไร (แนวตอบ เพอื่ ใหมคี วามเช่ือม่นั ในตนเอง ๑.๒) รูทน รูควร หมายถึง ความสามารถในการจัดการกับความรู้สึก หรืออารมณของตนเอง เช่น มกี าํ ลงั ใจเพิ่มข้นึ และมีความมงุ มน่ั ใหบรรลุ ความโกรธ ความหงดุ หงดิ ความไม่พอใจ รู้จักอดทนอดกล้ัน สะกดอารมณไ ด้อยา่ งดแี ละสงบสุข เปาหมายทีต่ ั้งไว) ๑.๓) รูเท่า รูทัน หมายถึง การรู้เท่าทันต่ออารมณท่ีเกิดขึ้น มีสติ สามารถระงับอารมณต่างๆ ได้อย่าง เหมาะสม โดยใช้วิธีการทบทวนด้วยใจเปนกลาง และการใช้ทกั ษะการแก้ปญ หาด้วยเหตผุ ล ๒) การจัดการกับอารมณ์ตนเองได เปนความสามารถในการควบคุมอารมณและการแสดงออกอย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ตลอดจนการรจู้ ักพักและผอ่ นคลายความเครยี ดดว้ ยวิธีการท่เี หมาะสมกับตนเอง ๓) การสรางแรงจูงใจใหกับตนเอง เปนการมองหาแง่ดีของเหตุการณที่เกิดข้ึน ช่วยให้เชื่อมั่นในตนเอง และมีก�าลังใจเพิ่มขึ้น โดยการจัดล�าดับความต้องการของตนเอง ตั้งเปาหมาย และมีความมุ่งม่ันให้บรรลุเปาหมาย การยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ ฝกหาประโยชนจากอุปสรรค สร้างทัศนคติและความรู้สึกที่ดี รวมถึง การรู้จักคุณค่าและการเชอ่ื ม่ันในตนเอง 4) การรับรูอารมณ์ผูอ่ืน เปนความสามารถในการรู้ หรือเข้าใจความรู้สึกและอารมณของผู้อ่ืน และแสดง อารมณต นเองตอบสนองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมดว้ ยพฤตกิ รรมต่างๆ เชน่ การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ทา่ ทาง การพูด นา�้ เสยี ง เปน ตน้ สามารถอ่านอารมณ ความรสู้ กึ ผู้อ่ืน เข้าใจ เหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ๕) การรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อผูอ่ืน เปนความสามารถในการแสดงความรู้สึกท่ีดีต่อผู้อื่น การแสดงน�้าใจ การให้เกยี รติ การแสดงความชน่ื ชม ความจริงใจ การสือ่ สารท่มี ปี ระสทิ ธิภาพต่อผอู้ นื่ ท่มี า : คู่มือความฉลาดทางอารมณ กรมสุขภาพจติ กระทรวงสาธารณสุข ความเครยี ดเปน ภาวะทางดา นจติ ใจ ซง่ึ สง ผลใหเ กดิ ความผดิ ปกตติ อ รา งกาย หรอื จติ ใจได หากปลอยใหเก็บสะสมอยูนานโดยไมไดรับการแกไข อาจสงผลกระทบกับตนเอง หรือบุคคลอ่ืน ในสังคมได แตในขณะเดียวกันเราก็สามารถปองกันและรักษาอาการเครียดได เชน การรักษา สุขภาพ การมองโลกในแงดี การนอนหลับ การออกกําลังกาย การผอนคลายกลามเน้ือ การหัวเราะ การฝกปฏิบัติสมาธิ เปนตน ซึ่งหากเราจัดการกับความเครียดไดอยางเหมาะสมจะ ทาํ ใหเ กดิ ความสขุ นาํ มาซงึ่ ความสขุ กาย สขุ ใจของตนเอง ครอบครวั รวมถงึ บคุ คลอน่ื ในสงั คมดว ย ๑0๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู ขอใดที่แสดงใหเ หน็ ถึงความสาํ คญั ของสขุ ภาพกายทส่ี ง ผลตอการมี ครสู ามารถอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา เมอื่ เกดิ ความเครยี ดนกั เรยี นอาจปรกึ ษาผปู กครอง สุขภาพจติ ทีด่ ี ครู อาจารย ไดเสมอ เพราะทานสามารถชว ยเราแกไขปญหาไดอ ยางถูกตอ ง ไมค วร เก็บปญ หานั้นไวค นเดียว ซึง่ จะสงผลใหเกดิ ความวิตกกงั วลมากย่งิ ข้ึนอันเปน สาเหตุ 1. ดม่ื นมวนั ละนิด จิตไมแ ปรปรวน ใหเสยี สุขภาพจิตตามมา 2. ออกกาํ ลงั กายวนั ละนิด จิตแจม ใส 3. จิตใจที่เบิกบาน ยอ มอยูใ นรางกายที่สมบรู ณ มุม IT 4. รบั ประทานอาหารครบสว น สขุ ภาพสมบรู ณ วเิ คราะหคําตอบ รา งกายและจิตใจมีความสัมพันธที่เชือ่ มกนั จนแยก สามารถศกึ ษาเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั เร่อื ง 8 วธิ ีดับอารมณรอ น ไดจ าก http://www. ไมออก โดยสุขภาพกายกจ็ ะแสดงใหทราบถงึ สุขภาพทางจติ ได เชน จิตใจ pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=504880&Ntype=128 ทม่ี ีความทุกขรอน กระวนกระวาย ทําใหก ินไมไ ดนอนไมห ลบั รางกาย ทรุดโทรม กอใหเ กดิ โรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ แตถ า รางกายสมบรู ณแ ข็งแรง ปราศจากโรคภยั ไขเจ็บ กย็ อ มทําใหจติ ใจสุขสบายไมมัวหมองไดเ ชน กัน ตอบขอ 3. คูมอื ครู 105

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การเขียนวิเคราะหถ งึ สาเหตุ และแนวทางการ คา� ถาม ประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ แกไ ขเกี่ยวกบั เหตุการณท เี่ กดิ จากบคุ คลทม่ี ี ปญหาสขุ ภาพจิต ๑. ในชว่ ง ๑ เดอื นทผ่ี า่ นมา นกั เรยี นมคี วามรสู้ กึ เครยี ดหรอื ไม่ แลว้ นกั เรยี นมวี ธิ จี ดั การกบั ความเครยี ดนนั้ ได้อย่างไร 2. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสรา งสรรคพฒั นาการเรยี นรู 3. การจดั ทําคลปิ วิดีโอการฝก บรหิ ารจติ ๒. เมอื่ เกดิ ความเครยี ดในระยะยาว นกั เรยี นคดิ วา่ มผี ลตอ่ สขุ ภาพหรอื ไม ่ โดยอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความผดิ ปกติ อย่างไรบา้ งต่อร่างกายและจติ ใจ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๓. “ขมวดค้ิวตลอดเวลา นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ” อาการดังกล่าวเป็นความผิดปกติของผู้ท่ีมีปัญหา 1. ใบงานการเขยี นวิเคราะหถ งึ สาเหตุ และแนวทาง สขุ ภาพจติ นกั เรยี นคดิ วา่ มคี วามรุนแรงหรือไม ่ และส่งผลเสยี ต่อสขุ ภาพอยา่ งไร การแกไ ขเกีย่ วกับเหตุการณท่ีเกดิ จากบคุ คลทม่ี ี ปญ หาสขุ ภาพจติ ๔. หากเพอ่ื นของนกั เรยี นมปี ญั หาสขุ ภาพจติ แลว้ มาขอคา� ปรกึ ษากบั นกั เรยี น นกั เรยี นจะมวี ธิ แี นะนา� เพอ่ื น อยา่ งไรบ้าง 2. คลปิ วิดีโอการฝก บรหิ ารจิต ๕. เพราะเหตใุ ดการออกกา� ลงั กายจึงเป็นวธิ หี นง่ึ ที่สามารถชว่ ยผ่อนคลายความเครยี ดได้ กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ กิจกรรมท ี่ ๑ นกั เรยี นแตล่ ะคนเขยี นเรอื่ งเกยี่ วกบั ความเครยี ดทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ตนเองอยเู่ สมอ พรอ้ มวธิ ี กจิ กรรมที่ ๒ จดั การกับความเครียดนั้นๆ ความยาว ๑ หน้ากระดาษ A4 แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรยี น นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๑๐ คน และให้แต่ละกลุ่มอภิปรายถึงความส�าคัญของการ กจิ กรรมที่ ๓ ฝึกบริหารจิตท่ีมีผลต่อสุขภาพจิต และให้ฝึกทดสอบประมาณ ๑๕ นาที จากนั้น ให้ตวั แทนกลุ่มสรุปผลการอภิปรายและการทดลองฝึกบรหิ ารจิต นักเรียนสืบค้นแบบประเมินความเครียดจากเว็บไซต์ของกรมสุขภาพจิต กระทรวง สาธารณสขุ จากนนั้ ใหท้ า� แบบประเมนิ และสรปุ ผลการประเมนิ ความเครยี ดของตนเอง แล้วจึงนา� มาอภปิ รายรว่ มกันในชน้ั เรียน ๑06 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. ขึ้นอยูกบั คําตอบของนักเรียน โดยครูผสู อนเปน ผูพ จิ ารณาคาํ ตอบ 2. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น โดยอาจตอบวา เมอื่ เกดิ ความเครียดในระยะยาวจะสง ผลเสยี ตอสุขภาพ โดยอาจกอใหเ กิดความผดิ ปกตติ อ รางกาย เชน โรคประสาท โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคมะเรง็ เปน ตน สวนความผดิ ปกตติ อ จติ ใจ เชน โรคจติ โรคซึมเศรา เปนตน 3. อาการดังกลา วมีความรนุ แรง เพราะเปน สญั ญาณเตือนวา บุคคลนั้นกาํ ลังมีปญ หาสุขภาพจติ ซงึ่ สง ผลเสยี ตอ สุขภาพกายและสุขภาพจติ โดยจําเปน ทีจ่ ะตองขจดั ใหหมดไป เพราะหากอาการเร่มิ รุนแรงขนึ้ อาจนําไปสกู ารทาํ รา ยรา งกายตนเอง หรอื นําไปสูการมีพฤติกรรมเสย่ี งทอ่ี าจเปน อนั ตรายตอสุขภาพได 4. แนะนาํ ใหเ พ่อื นผอ นคลายความเครยี ดดว ยการทาํ กจิ กรรมตา งๆ ทกี่ อใหเ กิดความผอ นคลาย เชน การทาํ กิจกรรมทีต่ นเองชอบ การออกกําลังกาย การฝก บริหารจิต เปนตน นอกจากนค้ี วรทําจิตใจใหร าเริงแจม ใส ไมคิดฟุงซา นหรอื วติ กกงั วลกบั เร่ืองตา งๆ มากจนเกินไป 5. เพราะการออกกาํ ลังกายจะทาํ ใหร สู กึ สดชื่น เกิดความกระปร้ีกระเปรา ชวยผอนคลายความตงึ ของกลา มเนอ้ื ทําใหล ืมความเครียด และความวติ กกังวลตา งๆ อกี ทัง้ ยัง สามารถออกกําลงั กายรว มกับเพือ่ นๆ ได เพราะการออกกาํ ลงั กายเปน กลุมจะทําใหเ กิดความสนกุ สนาน และกอ ใหเ กิดสัมพนั ธภาพท่ีดตี อ กนั 106 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู เลอื กใชบริการทางสุขภาพอยา งมีเหตผุ ล สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญ หา คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรยี นรู 2. อยอู ยางพอเพียง 3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage ๗หนว่ ยท่ี ใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนวย จากนั้นครู ตั้งคาํ ถามกระตุน ความสนใจ โดยนักเรียนสามารถ การเลอื กใช้บริการสขุ ภาพในชวี ิตประจา� วนั แสดงความคิดเห็นไดอยา งอิสระ ตวั ช้ีวดั ปจจุบันการบริการดานสุขภาพสําหรับ • นักเรยี นคดิ วา ผูปว ยในภาพเลือกใชบริการ สขุ ภาพจากแหลงใด ■ เลอื กใช้บริการทางสุขภาพอยา่ งมีเหตผุ ล (พ ๔.๑ ม.๒/๑) ประชาชนมมี ากมายและหลากหลายรปู แบบ • เพราะเหตใุ ด บุคคลน้นั จงึ เลือกใช สถานบรกิ ารสขุ ภาพแหงน้ัน ทง้ั สถานบรกิ ารสขุ ภาพทมี่ ที งั้ หนว ยงานของ รฐั และเอกชน รวมถงึ สทิ ธทิ างการแพทยท ร่ี ฐั จัดใหมีข้ึน การตัดสินใจเลือกใชสถานบริการ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สุขภาพเหลาน้ีเพื่อใหไดรับประโยชนสูงสุดนั้น ■ การเลือกใช้บรกิ ารทางสขุ ภาพ เราจงึ ควรมคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั สถานบรกิ าร สขุ ภาพนนั้ ๆ เปน อยา งดี และเลอื กใชอ ยา งมเี หตผุ ล เพราะมีความสําคัญตอชีวิตของผูไดรับบริการ เปน อยา งมาก หากตดั สนิ ใจเลอื กผดิ พลาดอาจกอ ให เกดิ ผลเสยี ทง้ั ในดา นสขุ ภาพและทรพั ยส นิ จาํ นวนมาก ตามมาได เกรด็ แนะครู ครคู วรสาํ รวจนกั เรียนวา นักเรยี นมีทศั นคติหรือมีเหตุผลอยา งไรในการ เลือกใชสถานบริการสขุ ภาพนั้นๆ เม่อื นกั เรียนหรอื ญาติของนกั เรียนเกิดการเจบ็ ปวย โดยใหน กั เรยี นแลกเปล่ียนเรียนรูร ว มกัน ซง่ึ ครูสามารถประเมนิ นกั เรียนไดว า นกั เรียนสว นใหญม คี วามคดิ เหน็ อยา งไรตอ การเลือกใชสถานบรกิ ารสุขภาพเหลาน้ัน เพ่อื นาํ มาวเิ คราะหวา ปจจยั ใดบา งทนี่ ักเรยี นสวนใหญนาํ มาใชในการเลอื ก หรอื ตดั สินใจใชบ ริการสุขภาพนน้ั คมู อื ครู 107

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูตงั้ คําถามกระตนุ ความสนใจ โดยนักเรียน เมอื่ ประชาชนเกดิ ปญั หาสขุ ภาพยอ่ มมคี วามตอ้ งการการบรกิ ารดา้ นสขุ ภาพทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถแสดงความคิดเห็นไดอยา งอสิ ระ แต่ในความจริงอาจไม่เป็นเช่นน้ัน เน่ืองจากประชาชนบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ สถานบริการสขุ ภาพทีต่ นเองจะไปใช้บริการ จึงมงุ่ ไปใชบ้ รกิ ารแตส่ ถานบรกิ ารสุขภาพขนาดใหญ ่ • นกั เรยี นคดิ วา ระบบบรกิ ารสุขภาพใน จนสง่ ผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการใหบ้ รกิ าร ดงั นนั้ การมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การบรกิ ารของ ประเทศไทยมลี ักษณะอยา งไร สถานบริการสุขภาพในแต่ละระดบั จะชว่ ยใหเ้ ลือกใช้บริการสขุ ภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น ไดอยางอสิ ระ) ๑. ระบบบริการสุขภาพ การบริการสุขภาพ คือ การจัดบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในรูปแบบต่างๆ • สถานบรกิ ารสขุ ภาพทนี่ กั เรียนรจู ัก หรือเคย เพ่ือแก้ปัญหาความต้องการของประชาชนในเรื่องของสุขภาพ และเป็นการยกระดับสุขภาพของ ใชบ รกิ าร มอี ะไรบาง ประชาชนให้ดขี ้นึ โดยท่ีการมสี ุขภาพทด่ี นี นั้ หมายถึง การมสี ุขภาวะท่ีสมบรู ณ์ และมีความสมดุล (แนวตอบ ข้ึนอยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดย ทง้ั ทางกาย จติ ใจ สงั คม และปญั ญา ดงั นน้ั สขุ ภาพจงึ ไมอ่ าจแยกจากชวี ติ ประจา� วนั ได ้ และสขุ ภาพ อาจตอบวา สถานอี นามยั โรงพยาบาล คลนิ กิ ) ต้องมีความสมดุลกับทงั้ ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม ตลอดจนต้องดา� รงอยู่ ในครอบครัว ชมุ ชน และสังคมที่ดี ซง่ึ ในเรอื่ งดงั กลา่ วนน้ั หนว่ ยงานรฐั บาลไดพ้ ยายามจดั บรกิ าร • ความแตกตา งของสถานบริการสขุ ภาพ สขุ ภาพใหท้ ว่ั ถงึ และครอบคลมุ ประชาชนทงั้ ในเมอื งและชนบท ตลอดจนหาแนวทางใหป้ ระชาชนรจู้ กั ในแตละแหง มคี วามแตกตางกนั อยางไรบาง การบรกิ ารตนเอง ครอบครวั และชุมชนในเรือ่ งสุขภาพด้วยเช่นกัน (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น ทั้งในใสน่วปนัจขจอุบงันหรนะ่บวยบงบารนิกราัฐรบสาุขลภแาลพะขหอนง่วปยรงะเาทนศเอไทกยชนนั้น นมอีผกู้ทจ่ีดาก�าเนน้ี ินยกังามรีอในงรคะ์กบรบพอัฒยนู่หาลเาอยกฝช่านย1 ไดอ ยา งอสิ ระ) (NGO : Non Government Organization) ตา่ งๆ เช่น มูลนธิ เิ ดก็ เปน็ ตน้ รวมถงึ ภาคประชาชน ท่ีมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน จึงนับว่าหน่วยงาน สาํ รวจคน หา Explore และองค์กรเหล่านี้เป็นฟันเฟืองส�าคัญของระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย ที่จะช่วยท�าให้ ประชาชนในชาตมิ สี ุขภาพดีในทีส่ ุด โดยมหี น่วยงานรฐั บาลเปน็ แกนน�าในการด�าเนนิ การ ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ระบบบริการสขุ ภาพและ การจดั ระบบบรกิ ารสุขภาพในประเทศไทย จาก ๒. การจดั ระบบบรกิ ารสขุ ภาพในประเทศไทย หนังสอื เรียน และแหลง การเรียนรูเพ่มิ เติมตางๆ การจัดบริการสุขภาพของประเทศไทยนั้น เป็นภาระหน้าท่ีส�าคัญของกระทรวงสาธารณสุข อธบิ ายความรู Explain ที่จะต้องส่งเสริม สนับสนุน ควบคุม และประสานกิจกรรมทุกประเภทท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาพ ตลอดจนความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีข้ึน โดยกระทรวงสาธารณสุขมีอ�านาจหน้าท่ีตาม ครูตง้ั คําถามกระตุนการเรยี นรขู องนกั เรียน พระราชบญั ญัติปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ ดังน้ ี • การบริการสุขภาพ หมายถึงอะไร “กระทรวงสาธารณสุขมีอ�านาจหน้าท่ีเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพอนามัย การป้องกัน (แนวตอบ หมายถงึ การจดั บรกิ ารทาง ควบคุมและรักษาโรคภัย การฟื้นฟูสมรรถภาพของประชาชนและราชการอ่ืนตามท่ีกฎหมาย การแพทยแ ละสาธารณสขุ ในรปู แบบตา งๆ กา� หนดให้เป็นอา� นาจหน้าทขี่ องกระทรวงสาธารณสขุ ” เพอ่ื แกปญ หาความตองการของประชาชน ในเรือ่ งของสุขภาพ และเปน การยกระดับ 108 สขุ ภาพของประชาชนใหด ีขึ้น) เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET สขุ ภาพจะตอ งมคี วามสมดุลกับสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง และ ครสู ามารถใหนักเรียนรวมกันจัดอภปิ รายกลุมยอย เพอ่ื อภปิ รายเกย่ี วกับ ส่ิงแวดลอ มอยางไร ปญหาสําคญั ของการบริการสขุ ภาพในประเทศไทย โดยใหนักเรียนสรปุ และจดั ทํา แนวตอบ เม่อื เรามีสุขภาพดี การใชชีวติ ประจําวนั กจ็ ะดําเนนิ ไปในทาง เปน รายงานสง ครูผูสอน ทีด่ ดี วย เพราะเราไมสามารถดาํ รงชวี ติ ไดเ พียงลําพัง ตองมีการตดิ ตอ กับ บุคคลอนื่ ท้งั ทางสังคม ธรุ กจิ การทาํ งาน สิง่ แวดลอม ซึ่งหากเราอยใู น นักเรยี นควรรู สิง่ แวดลอ มที่ดีกจ็ ะทําใหเ รามรี างกายทีส่ มบูรณแ ข็งแรง มีความคิดที่ ปลอดโปรง และสามารถดาํ เนินชวี ติ ไดอ ยางปกติสุข 1 องคก รพัฒนาเอกชน เปน กลุม สมาคม มลู นธิ ิ หนวยงาน หรือองคกรที่ มีลกั ษณะเปนสถาบันนอกระบบราชการ มีจุดมงุ หมายเพอ่ื ชวยเหลือและปกปอง ประชาชนไมใ หไดร ับผลกระทบจากการพฒั นาทไ่ี มม ีการจดั การที่ดขี องรัฐบาล รวมถึงชวยคลคี่ ลายปญ หาสังคมและเนน การมสี วนรวมของประชาชน โดยมไิ ด แสวงหากําไรหรอื ผลประโยชนใ ดๆ 108 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ซ่ึงการด�าเนนิ งานด้านสุขภาพ มีองค์ประกอบสา� คญั ในการบรกิ ารครอบคลมุ ๔ ดา้ น คือ ครูขออาสาสมัครนกั เรียนจํานวน 1 คน ออกมาสรุปสาระสาํ คัญเกี่ยวกับองคป ระกอบ ๑) การสร้างเสรมิ สุขภาพ (Health Promotion) เป็นการจัดบรกิ ารท่มี ุง่ เนน้ การ สําคัญในการบรกิ ารดานสขุ ภาพ จากนน้ั ให สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพกายและจติ เพอ่ื ใหม้ สี ขุ ภาพกายทแ่ี ขง็ แรง สขุ ภาพจติ ทด่ี ี และเปน็ การใหบ้ รกิ าร นกั เรียนถามคาํ ถามเพ่อื นในหอ ง ทัง้ นี้เพือ่ ให แกป่ ระชาชนทกุ เพศทกุ วยั ตงั้ แตป่ ฏสิ นธใิ นครรภม์ ารดาจนถงึ วยั ชรา โดยมกี จิ กรรมหลายประการ นกั เรียนคนอนื่ ๆ ไดมสี ว นรวมในการเรียน และ ปงารนะอกนอบามกัยันโ รเงชเร่นีย นง1 างนาวนาสงรแ้าผงเนสครริมอสบขุ คภราัวพ จงิตา นงโาภนชอนนาากมายั รแ มง่แานลสะเุขดศ็กึก เษปา็น ตงน้านทันตสาธารณสุข ครตู ัง้ คําถาม เพือ่ นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถี่ ูกตองรว มกัน ๒) การปองกันและควบคุมโรค (Diseases Prevention) เป็นการจัดบริการ • การดําเนินงานดา นสขุ ภาพ จะตองมี ที่เน้นการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย องคประกอบทส่ี ําคัญ ไดแกอะไรบาง ในประชาชน โดยประกอบด้วยกิจกรรมหลาย (แนวตอบ ประการ เชน่ การปรบั ปรงุ สขุ าภบิ าลสงิ่ แวดลอ้ ม 1. การสรางเสรมิ สุขภาพ เปน การ การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค การจดั หานา้� สะอาด จัดบรกิ ารท่มี งุ เนน การสรา งเสรมิ สุขภาพ พเพาื่อหกะนารา� อโรุปคโ ภกาครบบรริโกิภาคร อากชาวีรอกน�าจามัดยัข2เอพงอ่ื เปสียอ้ งแกลนัะ กายและจิต เพือ่ ใหมีสขุ ภาพกายทแ่ี ข็งแรง โรคทเ่ี กดิ จากการประกอบอาชพี รวมถงึ โรคตา่ งๆ การพ่นเคมีกำาจัดยุงลาย เป็นการปรับปรุงสุขาภิบาล สุขภาพจติ ท่ีดี ทีอ่ าจเกิดการระบาดขนึ้ เป็นตน้ ส่ิงแวดล้อม เพ่อื ปอ้ งกันไม่ให้เกดิ โรคไขเ้ ลือดออก 2. การปอ งกนั และควบคุมโรค เปนการจดั บริการที่เนนการปอ งกันไมให ๓) การรักษาพยาบาล (Treatment) เป็นบริการที่จัดขึ้นเม่ือมีการเจ็บไข้ได้ป่วย เกดิ ภาวะเจบ็ ไขไ ดปวยในประชาชน เชน โดยเน้นการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วย เพ่ือให้หายจากโรคท่ีเป็นอยู่และ การสรา งเสริมภมู คิ มุ กนั โรค การปรับปรงุ เปน็ การปอ้ งกนั ภาวะทพุ พลภาพหรอื บรรเทาอาการป่วยทหี่ นกั ให้เบาลง สขุ าภบิ าลสงิ่ แวดลอม การกาํ จดั ของเสีย และพาหะนําโรค เปน ตน ๔) การฟน ฟสู มรรถภาพ (Rehabilitation) เปน็ บรกิ ารทจี่ ดั ขน้ึ เพอื่ ฟนื ฟสู มรรถภาพ 3. การรกั ษาพยาบาล เปน บรกิ ารท่ี ทางกายและจิตใจของผูป้ ว่ ยให้คืนสู่สภาพปกติ และสามารถด�ารงอยู่ในสงั คมได้อย่างเปน็ ปกตสิ ขุ จดั ขน้ึ เมื่อมกี ารเจบ็ ไขไดปว ย โดยเนน การ เชน่ การทา� กายภาพบา� บดั เพอื่ ชว่ ยฟนื ฟสู ภาพรา่ งกาย การฟนื ฟสู ขุ ภาพจติ ของผปู้ ว่ ยจากการตดิ ตรวจวนิ จิ ฉัยและใหการรักษาพยาบาล สารเสพตดิ ให้กลับคืนสูส่ ภาพปกติ การสังคมสงเคราะห์ผ้สู งู อาย ุ เปน็ ต้น แกผูปวย ถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีหนา้ ทห่ี ลกั ในการจดั บรกิ ารสขุ ภาพตา่ งๆ แต่ปัญหา 4. การฟน ฟูสมรรถภาพ เปนบรกิ าร ดา้ นสขุ ภาพของประเทศไทยในปจั จบุ นั กจ็ า� เปน็ จะตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื จากองคก์ รหรอื สถาบนั ทจี่ ดั ขน้ึ เพอื่ ฟน ฟูสมรรถภาพทางกายและ อ่ืนๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั สุขภาพด้วยเช่นกนั ทง้ั องคก์ รภาครัฐ องคก์ รภาคธรุ กิจ องค์กรพัฒนาเอกชน จิตใจของผูปว ยใหคนื สสู ภาพปกติ และ รวมถึงประชาชนกลุม่ ต่างๆ ท่จี ะต้องมสี ่วนรว่ มในการดแู ลสุขภาพ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครวั สามารถดํารงอยูในสงั คมไดอยาง เปน ปกติสขุ ) ชมุ ชน และสงั คม เพอื่ ใหร้ ะบบบรกิ ารสขุ ภาพนนั้ ดา� เนนิ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย มคี วามสะดวกรวดเร็ว และได้รับบรกิ ารอย่างทว่ั ถงึ 109 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอใดไมใชกจิ กรรมดานการสรา งเสรมิ สขุ ภาพ 1 งานอนามยั โรงเรยี น คอื กิจกรรมหรือการดําเนนิ งานทกี่ อ ใหเ กิดความรแู ละ 1. งานสขุ ศึกษา ความเขาใจเกย่ี วกบั การสรา งเสริมสุขภาพ การปอ งกนั และการรักษาแกบคุ คลใน 2. งานทันตสาธารณสุข โรงเรยี น เพ่ือใหม สี ุขภาพดี โดยเนนการบริการดา นสขุ ภาพ การศึกษา ส่ิงแวดลอม 3. งานวางแผนครอบครัว รวมถงึ การประสานความรวมมือกันระหวา งโรงเรียน บาน และชุมชน 4. การสรางเสรมิ ภูมิคุมกันโรค 2 อาชวี อนามัย เปนศาสตรและศิลปเ กี่ยวกบั การดูแลสขุ ภาพอนามยั และ วเิ คราะหคาํ ตอบ การสรา งเสริมสขุ ภาพเปนการจดั บริการที่มงุ เนน ความปลอดภัยของผปู ระกอบอาชพี รวมถึงการปอ งกนั โรค การสรางเสริมสขุ ภาพ การมสี ขุ ภาพกายที่แขง็ แรง สุขภาพจติ ที่ดี โดยมกี จิ กรรม เชน การรักษาพยาบาล การฟน ฟสู มรรถภาพ และการจัดการ เพอ่ื ใหค นทกุ สาขาอาชพี งานวางแผนครอบครวั งานโภชนาการ งานสขุ ศึกษา งานทนั ตสาธารณสขุ สามารถประกอบอาชีพไดอ ยา งปลอดโรค ปลอดภยั มสี ภาวะทสี่ มบรู ณทงั้ ทางดา น งานอนามยั โรงเรยี น เปนตน แตส าํ หรบั การสรา งเสริมภมู ิคมุ กันโรคนัน้ รางกายและจิตใจ รวมถึงสามารถปฏิบัตงิ านไดอยา งมีประสิทธิภาพ เปนการใหบริการทางดานการปองกันและควบคุมโรค ตอบขอ 4. คมู ือครู 109

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นดแู ผนภมู ิแสดงระดบั การบรกิ าร ๒.1 ความเช่ือมตอ่ ของระบบบริการสุขภาพในประเทศไทย ระบบส่งตอ่ สุขภาพ แลว ใหน ักเรยี นรว มกนั สรปุ สาระสาํ คญั จากแผนภมู ดิ งั กลาว โดยครูชว ยอธิบายเพ่ิมเตมิ วา ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยน้ัน หน่วยงานสาธารณสุขในทุกระดับจะต้องมีการ ระบบบริการสาธารณสขุ ของประเทศไทยน้นั ด�าเนินงานทางด้านสุขภาพท่ีผสมผสานกันไป ท้ัง ๔ ด้าน โดยสถานบริการสุขภาพแต่ละแห่ง หนว ยงานสาธารณสุขในทุกระดับจะตองมกี าร จะเน้นหนักการให้บริการในแต่ละด้านแตกต่างกันออกไป ซ่ึงสามารถสรุประดับของการบริการ ดาํ เนินงานทางดา นสุขภาพทีผ่ สมผสานกัน สุขภาพได ้ ดงั แผนภมู ิ ท้ัง 4 ดา น ซง่ึ อยใู นแผนภูมดิ ังกลา ว จากนนั้ ครู ตั้งคาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนักเรยี น เพ่ือนําไป การบรกิ าร สูขอสรุปทีถ่ กู ตอ งรว มกัน สาธารณสขุ ระดบั ๓ • การบริการสาธารณสุขมูลฐาน คอื การให การบริการ บริการสุขภาพในเรอ่ื งใด สาธารณสุข (แนวตอบ เปนการดูแลสขุ ภาพที่กระจายไป ระดับ ๒ ถงึ ระดบั หมบู าน ซงึ่ จะไดรบั ความรวมมอื การบรกิ าร จากชุมชนในการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง สาธารณสขุ และเพื่อนบาน โดยมอี าสาสมัครสาธารณสขุ ระดบั ๑ ประจาํ หมบู าน (อสม.) ทไ่ี ดรับการคดั เลือก และฝกอบรมเปน ผใู หบรกิ ารแกป ระชาชนใน การบริการ ชุมชนนน้ั ๆ เนนการใหความรูค วามเขา ใจ สาธารณสขุ แกป ระชาชนในทอ งถิน่ ใหใ สใจสขุ ภาพ ของตนเอง) มูลฐาน แผนภูมแิ สดงระดับการบรกิ ารสขุ ภาพ ๑) การบรกิ ารสาธารณสขุ มลู ฐาน เปน็ การดแู ลสขุ ภาพทก่ี ระจายไปถงึ ระดบั หมบู่ า้ น ซสา่งึ ธจาะรไดณ้รสบั ุขคปวราะมจรา� ว่ หมมมบู่ อื ้าจนา ก(ชอุมสมชน.1) ในทกไี่ ดาร้รดบั ูแกลาสรคุขดัภเาลพือขกอแงลตะนฝเึกอองบแรลมะเเพป็นอื่ นผู้ใบห้า้บนร ิกโดายรมแกีอป่าสราะชสมาชัคนร ในชุมชนนัน้ ๆ เนน้ การใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจแก่ประชาชนในท้องถิน่ ให้ใสใ่ จต่อสุขภาพของตนเอง เป็นการป้องกนั มใิ หเ้ กดิ โรคมากกว่าเนน้ การบา� บัดรกั ษา ๒) การบริการสาธารณสขุ ระดับ ๑ หรือระดับปฐมภมู ิ เปน็ บรกิ ารทีจ่ ดั ขน้ึ ส�าหรับ ประชาชนทป่ี ว่ ยดว้ ยโรคเบอื้ งตน้ โดยอยใู่ นขอบเขตการรกั ษาของโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตา� บล แต่ถ้ามอี าการรนุ แรงมากขึ้น กจ็ ะมีการสง่ ตอ่ ไปรบั การรกั ษาที่โรงพยาบาลชมุ ชนตอ่ ไป 110 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดไมใชห ัวใจสําคัญของลักษณะการดําเนนิ งานสาธารณสุขมลู ฐาน ครูควรอธิบายเพ่ิมเตมิ ในเร่ืองของอาสาสมัครสาธารณสขุ วา ควรมีคุณสมบัติ 1. ดูแลสขุ ภาพอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน อยางไรบา ง ในการทํางานรวมกบั หนวยงานสาธารณสขุ เพอ่ื เปนประโยชนแ ก 2. การใหก ารรกั ษาพยาบาลอาการเจบ็ ปวยของประชาชน นกั เรยี นท่สี นใจ 3. ประชาชนไมม สี ว นรวมในการสง เสรมิ สขุ ภาพกบั หนวยงาน 4. ใหก ารสง เสริมสุขภาพและการฟนฟสู มรรถภาพของรา งกาย นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ งานสาธารณสขุ มลู ฐาน สามารถใหประชาชนมี สว นรว มในการสง เสรมิ ดแู ลสขุ ภาพกบั หนว ยงานและชมุ ชนได ตอบขอ 3. 1 อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจําหมบู า น (อสม.) เปนรูปแบบหน่งึ ของการมี สว นรวมของประชาชนในการดูแลสขุ ภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดย ผานกระบวนการอบรมใหความรจู ากเจาหนาทส่ี าธารณสุข และการปฏบิ ัตงิ าน ดว ยความเสยี สละตอ ประชาชนในหมบู า น ซงึ่ กระทรวงสาธารณสขุ ไดเ รม่ิ ดาํ เนนิ งาน มาตง้ั แตป  พ.ศ. 2520 จนถึงปจจบุ นั 110 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การบรกิ ารสาธารณสขุ ระดบั ๒ หรอื ระดบั ทตุ ยิ ภมู ิ เปน็ การบรกิ ารทจ่ี ดั ขน้ึ สา� หรบั ครูต้งั คาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนักเรยี นตอ เพื่อนาํ ไปสขู อสรุปทีถ่ ูกตอ งรว มกนั ประชาชนท่ีป่วยด้วยโรคต่างๆ ซ่ึงเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�าบล ท่ีจะรักษา จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลท่ัวไป • เพราะเหตุใด การบรกิ ารสาธารณสขุ เนอื่ งจากมขี ดี ความสามารถท่สี งู กว่า ระดบั 1 จงึ ไมค อ ยไดร บั การยอมรบั จาก ผูเขา รบั บริการ ๔) การบรกิ ารสาธารณสขุ ระดบั ๓ (แนวตอบ เพราะเปนสถานบรกิ ารสุขภาพ ท่มี ีขนาดเล็ก ไมเ พียงพอตอผใู หบรกิ าร หรือระดับตติยภูมิ เป็นการบริการที่จัดขึ้น โดยเฉพาะเตยี งผูปวย นอกจากน้ียังขาด ส�าหรับประชาชนที่ป่วยด้วยโรคท่ีซับซ้อน บคุ ลากรและอปุ กรณท างการแพทย แ ล ะ ต ้ อ ง ใ ช ้ เ ค รื่ อ ง มื อ พิ เ ศ ษ ใ น ก า ร รั ก ษ า เทาทคี่ วร) รวมถึงต้องใช้แพทย์เฉพาะทางในการตรวจ วินิจฉัย สถานบริการท่ีให้บริการในระดับน้ี • การบริการสาธารณสขุ ระดบั 3 เปนการให ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลมหาราช บรกิ ารผปู วยทมี่ ีลักษณะอาการอยางไร โรงพยาบาลเฉพาะโรค เชน่ สถาบนั โรคทรวงอก และยกตวั อยา งสถานบรกิ ารสุขภาพใน สถาบนั สขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชินี สถาบัน ระดับนี้ มะเร็งแห่งชาติ สถาบันโรคผิวหนัง เป็นต้น กรณีฉุกเฉินสถานบริการแต่ละแห่งสามารถพิจารณา (แนวตอบ เปนการบรกิ ารสขุ ภาพสําหรับ รวมถึงโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัดหน่วยงานอ่ืน ส่งต่อผู้ป่วยให้แก่กันได้ เพ่ือประสิทธิภาพในการรักษา ประชาชนทป่ี ว ยดวยโรคทซี่ ับซอ น และตอ ง ที่มีขีดความสามารถในการรักษาสูง ได้แก ่ ผูป้ ่วย ใชเครอื่ งมือพิเศษในการรกั ษา รวมถึงตองใช โรงพยาบาลมหาวทิ ยาลยั เชน่ โรงพยาบาลรามาธบิ ด ี โรงพยาบาลศริ ริ าช เปน็ ตน้ โรงพยาบาลสงั กดั แพทยเฉพาะทางในการตรวจวินจิ ฉยั กรุงเทพมหานคร เช่น วชิรพยาบาล โรงพยาบาลกลาง เป็นต้น โรงพยาบาลสงั กดั กองทพั ตา่ งๆ สถานบรกิ ารท่ใี หบ รกิ ารในระดบั น้ี เชน เชน่ โรงพยาบาลภมู ิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา้ เปน็ ต้น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศริ ริ าช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา เปนตน ) ๒.๒ โครงสรา้ งและบทบาทของสถานบรกิ ารสุขภาพ สถานบริการสุขภาพทใี่ ห้บรกิ ารในประเทศไทยน้ัน สามารถจา� แนกออกเป็น ๒ ประเภทหลัก คือ สถานบริการสขุ ภาพภาครฐั และสถานบรกิ ารสุขภาพภาคเอกชน ซง่ึ เนอ้ื หาในหนว่ ยนจ้ี ะเนน้ การจดั บรกิ ารสขุ ภาพของสถานบรกิ ารสขุ ภาพภาครฐั เปน็ หลกั เนอ่ื งจากครอบคลมุ กลมุ่ ประชากร เปน็ จา� นวนทมี่ ากกวา่ สว่ นสถานบรกิ ารสขุ ภาพของภาคเอกชน เปน็ ทางเลอื กของผทู้ ม่ี รี ายไดม้ าก พอทีจ่ ะจา่ ยค่าบริการสขุ ภาพด้วยตนเอง ซง่ึ เปน็ ไปตามความพอใจของแต่ละบุคคล ในการดา� เนินงานให้บรกิ ารสขุ ภาพของภาครัฐ หน่วยงานที่มบี ทบาทอย่างยงิ่ คือ กระทรวง สาธารณสุขดังที่ได้กล่าวแล้วในเบ้ืองต้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานภาครัฐอีกหลายแห่ง ท่ีมีส่วนร่วมในการจัดบริการสุขภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งระบบการจัดบริการสุขภาพในภาครัฐนั้น สามารถจ�าแนกได้เปน็ ๒ สว่ น ดังน้ี 111 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู สถานบริการสขุ ภาพในขอใด จดั เปน การบริการสาธารณสุขระดับปฐมภมู ิ ครอู าจพานักเรียนไปทัศนศึกษาสถานบรกิ ารสุขภาพในทองถิน่ และใหนกั เรยี น 1. โรงพยาบาลศูนย จดั ทํารายงานสรุปความรูท่ีไดร บั สง ครูผสู อน 2. โรงพยาบาลมหาราช 3. สถาบันมะเรง็ แหง ชาติ บรู ณาการอาเซยี น 4. โรงพยาบาลสง เสริมสุขภาพตาํ บล วิเคราะหคาํ ตอบ โรงพยาบาลสง เสรมิ สขุ ภาพตาํ บลเปนสถานบริการ ปจจบุ นั ประเทศในกลมุ อาเซียนไดมีความรว มมอื กนั ในการสงเสรมิ ดาน สุขภาพระดับปฐมภมู ิสาํ หรับประชาชนทีป่ ว ยดวยโรคเบือ้ งตน แตถามอี าการ สาธารณสุข โดยเฉพาะอยางยิ่งการปองกนั และควบคุมโรคตดิ ตอ เชน โรคเอดส รนุ แรงมากข้นึ ก็จะมีการสง ตอไปรับการรักษาทโ่ี รงพยาบาลชุมชนตอไป และโรคทางเดนิ หายใจเฉยี บพลันอยา งรุนแรง เปน ตน ซง่ึ สาเหตทุ ก่ี ลมุ ประเทศ อาเซยี นทง้ั 10 ประเทศ ไดมกี ารตกลงรวมมอื กนั นัน้ กเ็ พ่ือเปน การสงเสรมิ ให ตอบขอ 4. ประชาชนอาเซยี นมสี ขุ ภาพรางกายสมบรู ณแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไขเจ็บตา งๆ และสามารถดาํ เนนิ ชีวิตในสงั คมไดอยา งมคี วามสุข คูม ือครู 111

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสุมนกั เรยี นตามลําดับเลขที่ของหอ งจํานวน ๑) การจัดบริการสุขภาพในส่วนกลาง มีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบด้วยกันหลาย 1 คน ใหอ อกมานําเสนอโครงสรา ง และบทบาท หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ ของสถานบริการสุขภาพ โดยหลงั จากการนําเสนอ ๑. กระทรวงสาธารณสุข มี ครใู หน ักเรยี นถามคาํ ถามกับนักเรยี นคนอน่ื ๆ โรงพยาบาลและสถาบันท่ีให้การดูแลทางด้าน จากน้นั ครเู สนอแนะและต้ังคําถามเพ่อื ใหไ ดขอ สรปุ สุขภาพแก่ประชาชนด้วยกันหลายแห่ง เช่น ที่ถกู ตองรวมกัน โโรรงงพพยยาาบบาาลลรสามชเวดถิ ็จ ี เโจร้างพพยระายบาา1 ลนสพถารบตั นันรสาุขชภธาาพน ี สเดถ็กาแบหันธ่งัญชาญตาิมรหกั ษา2ร ์ เาปช็นินตี ้นส ถาบันโรคทรวงอก • หนวยงานที่จดั บริการสขุ ภาพในสว นกลาง ๒. กระทรวงกลาโหม มี ไดแ กอ ะไรบาง และมีขดี ความสามารถ โรงพยาบาลอยใู่ นสงั กดั ดว้ ยกนั หลายโรงพยาบาล ในการรักษาทด่ี อี ยางไร ท่ีส�าคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (แนวตอบ ไดแ ก กระทรวงสาธารณสขุ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช นอกจากจะให้การดูแล อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ รกั ษาผปู้ ว่ ยทอ่ี ยใู่ นสงั กดั กองทพั อากาศแลว้ ยงั ใหบ้ รกิ าร โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบ โรงพยาบาลในสังกดั ของมหาวิทยาลัย แกป่ ระชาชนทัว่ ไปดว้ ย ของกองทัพบก และโรงพยาบาลสมเด็จ กรุงเทพมหานคร และสภากาชาดไทย ซงึ่ โรงพยาบาลและสถาบนั ทีอ่ ยใู นสวนกลาง พระปน่ิ เกลา้ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิติ ์ อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของกองทัพเรอื เหลา นี้ จะมขี ีดความสามารถในการใหก าร ๓. สา� นกั งานต�ารวจแหง่ ชาติ ได้แก่ โรงพยาบาลตา� รวจ รักษาพยาบาล และดูแลสุขภาพอยใู นระดบั 3 ๔. กรุงเทพมหานคร เช่น โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลวชิรพยาบาล สามารถท่จี ะใชบรกิ ารทงั้ การรกั ษาโรคทว่ั ไป โรงพยาบาลกลาง เป็นต้น และโรคเฉพาะทางทตี่ องใชค วามชาํ นาญ พเิ ศษ เชน โรงพยาบาลราชวถิ ี โรงพยาบาล เกร็ดน่ารู้ ตํารวจ โรงพยาบาลภมู ิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลกลาง ระบบสง่ ต่อผปู้ ่วย โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ เปน ตน ) เหตุผลสำาคัญท่ีทำาให้การจัดบริการสุขภาพ จำาเป็นต้องพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยขึ้นมา เป็นเพราะ ขีดความสามารถของสถานบริการสาธารณสุขในแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในด้านของการ รักษาพยาบาล ทั้งในกรณีที่สถานบริการเดิมมีขีดความสามารถในการรักษาไม่เพียงพอ จึงต้องส่งต่อไปยัง สถานบรกิ ารท่ีมขี ีดความสามารถสงู กวา่ เพอื่ การรักษาทเี่ หมาะสม หรอื ในกรณีท่มี กี ารส่งต่อผปู้ ว่ ยที่ได้รับการ รกั ษาจนอาการทเุ ลาลงแล้ว แต่ตอ้ งได้รับการรกั ษาดแู ลอยา่ งตอ่ เนือ่ ง จึงส่งตอ่ กลบั ลงไปยังสถานบริการทอ่ี ยู่ ใกล้บ้านของผปู้ ่วยทม่ี ีขดี ความสามารถเพยี งพอท่ีจะใหก้ ารดูแลต่อได้ ระบบดังกลา่ วนี้ เรยี กว่า “ระบบสง่ ตอ่ ” โดยมีจุดมุ่งหมายสำาคัญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการสุขภาพที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันก็ช่วยกลั่นกรองมิให้ ผู้เจบ็ ป่วยเพยี งเลก็ นอ้ ยไปแออดั ในสถานบรกิ ารขนาดใหญจ่ นเกินไป ท่มี า : https://www.gotoknow.org/post5/512240 11๒ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET การจดั ใหมสี ถานบรกิ ารสุขภาพในสว นกลางจํานวนมากสง ผลดหี รือไม 1 โรงพยาบาลสมเด็จเจาพระยา ตง้ั อยทู ่ีเขตคลองสาน จังหวดั กรุงเทพมหานคร อยา งไร กอต้งั ขึน้ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลาเจา อยหู วั รัชกาลท่ี 5 เพอ่ื ใหก าร แนวตอบ สงผลดี เน่อื งจากปจจุบนั ประเทศไทยมจี าํ นวนประชากรเพม่ิ ข้ึน รกั ษาผูป วยทเ่ี ปนโรคทางจิตเวช ซงึ่ เดมิ ชาวบานนยิ มเรียกวา โรงพยาบาลหลังคาแดง อยา งตอเนื่อง ทาํ ใหมคี วามจําเปน ตอ งไดรบั การบริการดานสุขภาพ ทงั้ น้ี ปากคลองสาน เพราะอาคารโรงพยาบาลใชกระเบ้อื งมงุ หลงั คาสีแดง เมื่อมีสถานบริการสาธารณสขุ จํานวนมากกจ็ ะชวยใหก ารเขา รบั บรกิ ารดา น 2 สถาบนั ธญั ญารกั ษ ปจ จบุ นั ไดเ ปด ใหบรกิ ารดานวิชาการ ท้ังการวิจยั สุขภาพอยางทว่ั ถึง และผเู ขารบั บริการสามารถใชบริการไดตามลาํ ดบั ขนั้ การประเมินเทคโนโลยี การถา ยทอดความรู และพัฒนานโยบายดานการบาํ บัดรักษา ของการรักษาอาการเจ็บปวยที่เปน อยู สารเสพตดิ รวมทงั้ เปด ใหบ รกิ ารบาํ บดั รกั ษาผตู ดิ ยาและสารเสพตดิ ทกุ ประเภทในระดบั ตตยิ ภมู ิ ท้ังแบบผปู ว ยนอกและผูป ว ยใน โดยบําบดั ดว ยยา จาํ นวน 200 เตียง และฟนฟูสมรรถภาพจาํ นวน 600 เตียง 112 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๕. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี ครสู มุ นกั เรยี นตามลาํ ดบั เลขทข่ี องหอ งอกี 1 คน อย่ใู นสังกัดของมหาวิทยาลัยมหดิ ล โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าอยใู่ น โดยไมซ าํ้ กบั คนเดิมออกมานาํ เสนอ โครงสรา ง สงั กดั ของมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ เปน็ ตน้ และบทบาทของสถานบริการสุขภาพ โดยหลังจาก ๖. สภากาชาดไทย ได้แก่ การนาํ เสนอ ครูใหน ักเรียนถามคําถามกับนักเรียน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คนอนื่ ๆ จากนนั้ ครเู สนอแนะและตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ด โดยส่วนใหญ่แล้วโรงพยาบาล ขอ สรปุ ทถ่ี กู ตอ งรวมกัน และสถาบันที่อยู่ในส่วนกลางเหล่าน้ี จะมี ขีดความสามารถในการให้การรักษาพยาบาล • การจัดบรกิ ารสขุ ภาพในสว นภมู ิภาค และดูแลสขุ ภาพอยูใ่ นระดบั ๓ หรือระดบั สูงสดุ มงุ เนน การจัดบรกิ ารในลักษณะใด สามารถที่จะให้บริการทั้งการรักษาโรคทั่วไป (แนวตอบ มุงเนน การจัดบริการใหครอบคลุม และโรคเฉพาะทางที่ต้องใช้ความช�านาญพิเศษ และทัว่ ถึงประชาชนทงั้ ในเขตเมืองและ นอกจากนั้น ยังมีหน้าที่ในการค้นคว้าวิจัย เขตชนบท) และพัฒนาเทคนิคการวิเคราะห์โรค การรักษา พยาบาล และการฟืนฟูสมรรถภาพผู้ป่วย ท�า โรงพยาบาลศิริราชเป็นหน่ึงในสถานบริการสุขภาพ • ยกตวั อยา งสถานบริการสขุ ภาพในสวน หนา้ ทฝ่ี กึ อบรมบคุ ลากรทางดา้ นการแพทยต์ าม ภาครัฐ ท่ีมีประชาชนมาใชบ้ ริการเป็นจำานวนมาก เพราะ ภูมิภาค ระดับจงั หวดั มคี วามเช่ือมน่ั ในการบาำ บัดรกั ษา และเสยี ค่าใช้จา่ ยนอ้ ย (แนวตอบ ไดแก โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศูนย และโรงพยาบาลทัว่ ไป) ความชา� นาญพเิ ศษเฉพาะโรค ตลอดจนมหี นา้ ทส่ี นบั สนนุ ดา้ นวชิ าการแกห่ นว่ ยงานระดบั ลา่ งอกี ดว้ ย • โรงพยาบาลมหาราช มหี นา ที่ในการให ๒) การจดั บรกิ ารสขุ ภาพในส่วนภมู ภิ าค การจดั บรกิ ารสขุ ภาพในสว่ นภมู ภิ าคนนั้ บรกิ ารตรวจรักษาแกประชาชนในดาน มุ่งเน้นการจัดบริการให้ครอบคลุมและทั่วถึงประชาชนท้ังในเขตเมืองและเขตชนบท ซ่ึงมีการ ใดบาง จัดบริการสุขภาพแบง่ เป็นระดบั ยอ่ ยๆ ตามการบรหิ ารงานได ้ ดงั น้ี (แนวตอบ ใหบรกิ ารตรวจรกั ษาแกประชาชน ๒.๑) ระดบั จงั หวดั จะประกอบดว้ ยโรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศนู ย ์ และ ทวั่ ไป และโรคเฉพาะทาง เชน โรคทางตา หู โรงพยาบาลทว่ั ไป ซ่ึงมคี วามแตกตา่ งกนั ในเร่ืองของบรกิ ารสุขภาพ ดังน้ี คอ จมูก เปน ตน ซงึ่ โรงพยาบาลมหาราช (๑) โรงพยาบาลมหาราช เป็นโรงพยาบาลที่มีจ�านวนเตียงผู้ป่วยมากกว่า มขี ดี ความสามารถในการใหบริการสุขภาพ อยใู นระดับ 3) โ๑ร,ค๐ท๐๐าง เหต ูยีคงอ ม จหี มนกู า1้ ทเปใ่ี นน็ กตาน้ ร ใ ห โรบ้ ครหกิ ารรอื ตอราวกจารรกัผษดิ าปแกกตป่ เิ หระลชา่ านชจี้ นา� ทเปว่ั น็ไปตแอ้ ลงะอโารศคยั เฉแพพาทะยทท์ าม่ีง คี เชวาน่ ม โเรชคย่ี ทวาชงาตญา พเิ ศษ โรงพยาบาลมหาราชจึงมีขดี ความสามารถในการให้บริการสขุ ภาพอยู่ในระดบั ๓ (๒) โรงพยาบาลศนู ย  เปน็ โรงพยาบาลทม่ี ขี นาด ๕๐๐-๑,๐๐๐ เตยี ง มหี นา้ ท่ี ในการให้บริการตรวจรักษาแก่ประชาชนท่ัวไปและโรคเฉพาะทาง ซ่ึงจ�าเป็นต้องอาศัยแพทย์ท่ีมี ความเช่ียวชาญพิเศษเช่นเดียวกับโรงพยาบาลมหาราช แต่มีจ�านวนของบุคลากรและศกั ยภาพใน การใหบ้ รกิ ารนอ้ ยกวา่ โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศนู ยน์ น้ั มขี ดี ความสามารถในการให้บริการ สขุ ภาพอยใู่ นระดบั ๓ 11๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู สถานพยาบาลคใู ดทมี่ ขี อบขา ยการทาํ งานใกลเคยี งกันมากท่สี ดุ ครอู าจใหน ักเรียนจัดทาํ ตารางแสดงรายช่ือโรงพยาบาลสถานบริการของรฐั ที่อยู 1. คลินกิ - รา นขายยา ภายในจงั หวดั โดยระบทุ ต่ี ง้ั เบอรโ ทรศพั ทต ดิ ตอ ระดบั การใหบ รกิ าร และขอ มลู อน่ื ๆ 2. คลินิก - โรงพยาบาล ตามความเหมาะสม แลวนําไปตดิ ทปี่ ายนิเทศ 3. โรงพยาบาล - โรงพยาบาลสงเสรมิ สุขภาพตาํ บล 4. โรงพยาบาลสงเสรมิ สขุ ภาพตําบล - ศนู ยส ขุ ภาพชุมชน นักเรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ โรงพยาบาลสง เสริมสขุ ภาพตําบล - ศูนยสุขภาพชมุ ชน เปน สถานพยาบาลทีม่ ีขอบขา ยการทาํ งานใกลเ คียงกนั มากที่สุด แต 1 โรคทางตา โรคทางหู คอ จมูก ปจ จุบันไดมโี รงพยาบาลเอกชนหลายแหง ทเ่ี ปดใหบ ริการโรคเฉพาะทาง เชน โรงพยาบาลจักษรุ ัตนิน เปนตน ซ่ึงเปน ศูนยส ขุ ภาพชุมชนจะมบี รกิ ารทางสขุ ภาพทีห่ ลากหลายกวา ตอบขอ 4. ทางเลือกหนง่ึ ในการอํานวยความสะดวกในการรกั ษาใหแกประชาชน คมู อื ครู 113

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นทอี่ อกมานาํ เสนอเลอื กเพอ่ื นอกี 1 คน (๓) โรงพยาบาลทั่วไป มีขนาดต้ังแต่ ๑๔๐-๔๐๐ เตียง (ไม่เกิน โดยไมซ ํ้ากบั คนเดมิ ออกมานาํ เสนอ โครงสรางและ ๕๐๐ เตยี ง) มหี นา้ ทคี่ ลา้ ยคลงึ กบั โรงพยาบาลศนู ยแ์ ตม่ ศี กั ยภาพในการรกั ษาพยาบาลทด่ี อ้ ยกวา่ เลก็ บทบาทของสถานบรกิ ารสุขภาพ โดยหลังจากการ น้อย ในเรือ่ งของจา� นวนบุคลากรและจา� นวนเตยี งของผปู้ ว่ ยที่สามารถรับไว้รักษาได้ โรงพยาบาล นาํ เสนอ ครใู หน กั เรยี นถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นคนอน่ื ๆ ทว่ั ไปมีขดี ความสามารถในการให้บรกิ ารสขุ ภาพอยู่ในระดบั ๒-๓ แล้วแต่กรณี จากน้นั ครเู สนอแนะและตงั้ คาํ ถามเพือ่ ใหไดขอ สรุป ๒.๒) ระดบั อา� เภอ จะมโี รงพยาบาลชมุ ชน ซง่ึ มขี นาดตงั้ แต ่ ๑๐-๑๒๐ เตยี ง (ไมเ่ กนิ ทถ่ี กู ตอ งรวมกัน ๑๕๐ เตยี ง) โรงพยาบาลชมุ ชนเปน็ สถานบรกิ ารทมี่ กี ารใหบ้ รกิ ารทางดา้ นสขุ ภาพแบบผสมผสาน โดย มกี ารใหบ้ รกิ ารดา้ นสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การตรวจวนิ จิ ฉยั การรกั ษาพยาบาล และการฟนื ฟสู มรรถภาพ • โรงพยาบาลศนู ย มหี นา ทใ่ี นการใหบ รกิ ารรกั ษา ทงั้ ผปู้ ว่ ยนอกและผปู้ ว่ ยใน มกี ารดา� เนนิ งานดา้ นการปอ้ งกนั โรคและการสขุ าภบิ าลในชมุ ชน มรี ะบบ อยา งไรบา ง การรับ-ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อตรวจรักษาต่อ และมีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาการทางวิชาการ (แนวตอบ มีหนา ทใ่ี นการใหบริการตรวจรักษา ที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขเป็นหลัก โรงพยาบาลชุมชนมีขีดความสามารถในการให้บริการ แกป ระชาชนทวั่ ไปและโรคเฉพาะทาง ซง่ึ จาํ เปน สขุ ภาพอยใู่ นระดับ ๒ ตอ งอาศยั แพทยท มี่ คี วามเชยี่ วชาญพเิ ศษ แตมี ๒.๓) ระดบั ตา� บลและหมบู่ ้าน ดังน้ี จาํ นวนบุคลากรและศกั ยภาพในการใหบ รกิ าร (๑) โรงพยาบาลสง เสริมสขุ ภาพตา� บล (รพ.สต.) เป็นสถานบริการสุขภาพ นอ ยกวา ) ที่เกิดจากการยกระดับศักยภาพของสถานีอนามัย หรือศูนย์สุขภาพชุมชน ซ่ึงเป็นหน่วยบริการ สผาสธมาผรสณาสนขุ ใทน้งั รดะา้ดนบั กตาา� รบสลรทา้ ม่ีงเขี สดีรคมิ วสาขุ มภสาาพม1 ากราถรเคพวม่ิ บมคามุกแขลน้ึ ะ โปด้อยงเกนันน้ โกราคร2 ด กา� เานรนิรกักษาราบพรยกิ าาบราสลาธ แาลรณะกสาขุร • โรงพยาบาลชมุ ชนในระดับอาํ เภอ มีการให ฟนื ฟูสมรรถภาพ รวมทัง้ การจดั การปัจจยั เส่ียงตอ่ สขุ ภาพ ทงั้ ในระดับบคุ คล ชุมชน และสงั คม บริการสขุ ภาพในดา นใดบา ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�าบลมีขีดความ (แนวตอบ การสง เสริมสขุ ภาพ การตรวจ สามารถในการใหบ้ รกิ ารอย่ใู นระดบั ๑-๒ วนิ จิ ฉยั การรกั ษาพยาบาล และการฟน ฟสู ภาพ (๒) สถานบริการสาธารณสุข ทงั้ ผปู ว ยนอกและผปู ว ยใน นอกจากนยี้ ังมี การดําเนนิ งานดา นการปองกันโรคและการ สขุ าภบิ าลในชมุ ชนท่ีเปนเขตรบั ผิดชอบ อยางมรี ะบบ) ขยายความเขา ใจ Expand ชุมชน (สสช.) เป็นสถานบริการสุขภาพท่ีให้ บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ผู้มารับบริการ ซ่ึงครอบคลุมงานหลักท่ีส�าคัญ ได้แก่ การ ใหน กั เรียนศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั การจัดระบบ ส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค บริการสุขภาพในประเทศไทยอยางละเอยี ด แลวนํา การรกั ษาพยาบาล และการฟนื ฟสู มรรถภาพ อาจให้ มาจดั ทําเปน รปู เลมรายงานสง ครูผสู อน บริการเป็นบางงานหรือทุกงานก็เป็นได้ ทั้งใน ส่วนของสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ หรือ โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำาบลเวยี งเหนือ เปน็ หนง่ึ ใน ของเอกชนก็ตาม ประกอบด้วย ศูนย์สุขภาพ สถานบรกิ ารสขุ ภาพทมี่ คี วามพรอ้ มในการรกั ษาพยาบาล ชุมชน คลินกิ ของรฐั รวมถึงสถานบรกิ ารอนื่ ใด ให้กับประชาชนในชมุ ชน ทีเ่ ขา้ ขา่ ยในลกั ษณะน้ี 11๔ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET โรงพยาบาลท่ีมีขนาดตัง้ แต 140 - 400 เตยี ง แตไ มเ กิน 500 เตียง คือ ครูอาจใหน กั เรียนเขยี นแสดงความคดิ เหน็ วา ในชมุ ชนทน่ี กั เรยี นอาศยั อยนู ัน้ โรงพยาบาลใด มกี ารจัดการสุขาภบิ าลในชมุ ชนอยา งไรบา ง บรรลุผลสําเร็จหรือไม และมีการ 1. โรงพยาบาลศูนย พฒั นาหรือเปลี่ยนแปลงไปอยา งไร โดยใหนกั เรียนเขียนลงในกระดาษรายงาน 2. โรงพยาบาลทั่วไป แลว นําสง ครูผูสอน 3. โรงพยาบาลชุมชน 4. โรงพยาบาลมหาราช นกั เรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ โรงพยาบาลทว่ั ไป มีขนาดตั้งแต 140-400 เตยี ง (ไมเ กิน 500 เตียง) มีหนา ทคี่ ลา ยกบั โรงพยาบาลศูนยซ ึ่งมขี นาด 500-1,000 เตียง 1 การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ คอื กระบวนการปฏิบตั ิเพือ่ การมีสขุ ภาพที่แข็งแรง แตม ีศกั ยภาพในการรักษาทด่ี อ ยกวา เลก็ นอย สวนโรงพยาบาลมหาราช ปราศจากโรคภยั ไขเ จ็บ และสามารถดํารงชีวติ อยใู นสงั คมไดอ ยางปกตสิ ุข จะมจี ํานวนเตียงผูปวยมากกวา 1,000 เตยี ง และโรงพยาบาลชุมชนจะมี 2 ปอ งกนั โรค คอื การขจดั ยบั ยัง้ พฒั นาการของโรค รวมถึงการประเมนิ และ ขนาดตั้งแต 10-120 เตียง (ไมเ กนิ 150 เตยี ง) ตอบขอ 2. การรกั ษาเฉพาะทาง เพอื่ ขจดั ความกา วหนาของโรคในทกุ ระยะ 114 คูม ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ นอกจากน้ียังมีศูนยสาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) เป็นลักษณะของ ครูต้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจ โดยนักเรียน การจัดบริการสุขภาพโดยประชาชนที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นผู้ท่ีให้บริการทาง สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยางอสิ ระ ดา้ นสาธารณสขุ มูลฐานเป็นหลัก เน้นการตรวจ คัดกรองและการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ • นกั เรียนรูจ ักหรอื เคยไดยินเกี่ยวกบั ขนั้ พน้ื ฐานตามขดี ความสามารถของอาสาสมคั ร หลกั ประกนั สขุ ภาพมาบางหรือไม สาธารณสุขท่ีได้รับการฝึกอบรมมา เช่น การ (แนวตอบ นกั เรยี นสวนใหญอ าจจะเคยไดย นิ ตรวจคัดกรองโรคเบาหวานด้วยการเจาะเลือด มาบาง ในรปู แบบของหลักประกันสุขภาพ ที่ปลายนิ้ว เพื่อตรวจสอบระดับน้�าตาลในเลือด ถว นหนา หรอื บตั รทอง 30 บาท รกั ษาทกุ โรค การตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงด้วยการ และระบบประกันสงั คม ซึ่งอาจรูจักไดจ าก วดั ความดนั โลหติ เปน็ ตน้ ผปู กครองของนักเรยี น) ๓. หลกั ประกันสุขภาพ • การทาํ ประกันสุขภาพ กอใหเกิดประโยชน ฝเปา่ ็นยผกกรู้าบัราทรปป�ารรสะะกัญกนั ญันภสายั 1ุขร กะภหบั าวฝพ่าา่ งย(บHผุคเู้eอคaาลltปh ร ๒ะIกn sนัฝuภ่าrยยัa2n โcคดeยือ)ผ รู้ บั อโปราครสตะาก่าสงมนั ๆัคภรแสยัลาตะธใกาหรล้บณงรสิกจุขาะรช(สอดง่สเมใสชร.)ิมค้ จสา่ะขุ ใเภนชาน้จ้ พกา่ ขายัน้รใตพนรน้ื วกฐจาาคนรดั รกกัรอษงา อยางไรบา ง พยาบาลและอน่ื ๆ ใหก้ บั ผเู้ อาประกนั ภยั เมอื่ ผเู้ อาประกนั ภยั เจบ็ ปว่ ยจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ หรอื อบุ ตั เิ หตุ (แนวตอบ จะชวยเพิ่มความอนุ ใจใหก บั ตนเอง กรณที เ่ี กดิ การเจบ็ ปว ย ซงึ่ ฝา ยผรู บั ประกนั ภยั จะเขา มาดูแลคา รักษาพยาบาลแทนเรา โดยทเี่ ราไมต อ งกงั วลกบั คารกั ษาพยาบาล ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ อีกท้ังยังไดร ับคาํ ปรึกษาและ การดแู ลจากทมี แพทยผ เู ชยี่ วชาญเปน อยา งด)ี หลักการโดยท่วั ไปของการประกนั สขุ ภาพ เปน็ การลดภาระค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉนิ สาํ รวจคน หา รวมถึงลดภาระของบุคคลรอบข้าง นอกจากน้ี การประกนั สขุ ภาพยงั เปน็ การกระจายความเสย่ี ง Explore ทางการเงนิ หรอื ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยอนั เกดิ จากความ ใหน ักเรียนศึกษาเรือ่ ง หลักประกนั สุขภาพจาก เจ็บป่วยของบุคคลไปสู่คนหมู่มาก โดยการ หนงั สือเรยี น และแหลง การเรียนรเู พิม่ เตมิ ตางๆ จ่ายเงินเข้าสู่กองกลางเป็นจ�านวนท่ีคงท่ี จากน้ันใหนักเรียนแบง กลมุ ออกเปน 4 กลุม ซึง่ เราเรียกว่า เบ้ียประกันภยั เป็นลกั ษณะของ กลมุ ละ 4-5 คน ใหส ง ตวั แทนออกมาหนา ชนั้ เรยี น การเปลีย่ นแปลงคา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาพยาบาล เพ่ือจับสลากเลือกประเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ จ�านวนมากท่ีไม่แน่นอนไปสู่ค่าใช้จ่ายจ�านวน น้อยๆ แตจ่ ่ายเปน็ จา� นวนคงทเี่ ปน็ ประจา� • สวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขาราชการ ในปัจจุบันรูปแบบของการประกันสุขภาพ • หลกั ประกนั สุขภาพถว นหนา ให้แก่ประชาชน เพ่ือการเข้าถึงบริการสุขภาพ • ระบบประกนั สังคม ในประเทศไทย สามารถจ�าแนกเปน็ ๔ รูปแบบ แม้รัฐบาลจะให้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่ • การประกันสขุ ภาพภาคเอกชน ใหญ่ๆ ได้แก่ ประชาชนกค็ วรหาวธิ ตี า่ งๆ เพอื่ ปอ้ งกนั ตนเองจากโรคภยั ไขเ้ จ็บ โดยการออกกำาลังกายเป็นประจำา 11๕ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู ขอใดไมจดั วาเปนสวสั ดกิ ารรักษาพยาบาลของขาราชการ 1 ผรู บั ประกันภัย คอื ผทู ี่ตกลงจา ยคาสนิ ไหมทดแทนใหแ กผูร ับประโยชน 1. การตรวจสุขภาพประจําป เมอ่ื ผเู อาประกนั ภยั ตอ งมีภาระคาใชจา ยจากการไปบาํ บดั รักษาอาการเจบ็ ไข 2. การใชบ ริการในกรณฉี ุกเฉิน ไดป ว ยในสถานพยาบาล ทัง้ นี้จะตอ งเปน ไปตามเง่ือนไขทไี่ ดตกลงกันไว 3. การรักษาพยาบาลและศลั ยกรรม 2 ผเู อาประกันภัย คอื ผทู ีบ่ รษิ ัทประกันภยั ตกลงจะชดเชยคาใชจา ยท่เี กิดขึน้ 4. การศัลยกรรมตกแตงเพ่อื ความงามและบริการปอ งกนั โรค จากการรักษาพยาบาล ไมว า คารกั ษาพยาบาลนน้ั จะเกดิ ข้นึ จากการเจ็บปว ย วิเคราะหค ําตอบ การศลั ยกรรมตกแตง เพอ่ื ความงามและบรกิ ารปอ งกนั โรค หรอื การบาดเจบ็ จากอุบัติเหตุ ไมถ ือวาเปนการรกั ษาโรค แตเ ปนการเสริมเพ่มิ เติม ซ่งึ อยนู อกเหนอื จาก สวัสดิการรกั ษาพยาบาลของขาราชการ หากตอ งการใชบ รกิ ารดังกลา วนี้ มุม IT ก็จะตองเสยี คา ใชจ า ยเองทง้ั หมด ตอบขอ 4. สามารถศึกษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั หลักประกนั สขุ ภาพ จากสาํ นกั งานหลักประกัน สขุ ภาพแหงชาติ ไดจาก http://www.nhso.go.th/FrontEnd/Index.aspx คมู ือครู 115

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นกลมุ ที่จับสลากไดป ระเดน็ สวัสดกิ าร ๓.1 สวสั ดกิ ารรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ รักษาพยาบาลของขาราชการและหลักประกัน สขุ ภาพถวนหนา ออกมานําเสนอ โดยหลังจาก ขอกาี้ ร ๓าช เคปกนน็า รบกบราา�กิรนใาหราทส้ญทิา งแธสลปิ ขุะรภบะโาคุ ยพคชทลนใอี่ แ์นยลคภู่ ะราคอยวบใาตคมร้รคะวั บมุ้ ไบคดหรแ้ อลกงกั ่ ดคปา้สู่รนมะกกรนาัสรน บร ี้กัไดิ ดษาแ้ ามกพา ่ บยรารดกบิ าาา แรลรลแกัะกษบข่ าตุ า้ พรรทยาชาย่ี บกงั ไาามลรบ่ แลลรกู ระจลศา้นุลั งยติปกภิรระารจวมา�ะ12 การนาํ เสนอครแู ละนักเรียนกลุมอื่นๆ เสนอแนะ ผปู้ ว่ ยนอกและผปู้ ว่ ยใน บรกิ ารฉกุ เฉนิ รวมทง้ั ยาและเวชภณั ฑ ์ การตรวจสขุ ภาพประจา� ป ี โดยทง้ั นี้ เพิ่มเตมิ และต้งั คําถามเพ่ือนาํ ไปสขู อ สรปุ ท่ถี กู ตอง ไม่รวมค่าบริการบางอย่าง เช่น ศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามและบริการป้องกันโรค เป็นต้น รว มกนั ผู้มีสิทธิสามารถไปรับบริการได้ท่ีโรงพยาบาลของรัฐแห่งใดก็ได้ และในช่วงหน่ึงผู้มีสิทธิสามารถ ไปใช้บริการท่ีโรงพยาบาลเอกชนได้ แต่สิทธิดังกล่าวมักมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา • ระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา ราชการ อยา่ งไรก็ตาม ผ้มู สี ิทธไิ ม่สามารถขอเบิกคา่ ใช้จา่ ยส�าหรับบรกิ ารท่ีคลินกิ ของเอกชนได้ ใหสทิ ธปิ ระโยชนแ ละความคุมครองแก บคุ คลใด ๓.๒ หลกั ประกันสขุ ภาพถว้ นหน้า (แนวตอบ ไดแก ขา ราชการ ลกู จา งประจาํ ขาราชการบํานาญ และบุคคลในครอบครวั หลักประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ เป็นนโยบายทรี่ ฐั บาลมีความมุ่งหวงั ให้ประชาชนมหี ลักประกัน เชน คูสมรส บิดา มารดาของตน และบตุ ร หรอื ความมน่ั ใจวา่ เมอ่ื เจบ็ ปว่ ยสามารถไปพบแพทยเ์ พอ่ื รบั บรกิ ารตรวจรกั ษา ขอคา� แนะนา� รวมถงึ ที่ยงั ไมบรรลนุ ติ ภิ าวะอกี 3 คน เปนตน ) ได้รับยารักษาโรค โดยไม่ต้องกังวลในเร่ืองค่ารักษาพยาบาล จนท�าให้ขาดโอกาสในการเข้ารับ การรกั ษา โดยรฐั บาลจะเปน็ ผจู้ า่ ยคา่ รกั ษาพยาบาลแทน นอกจากนยี้ งั มงุ่ เนน้ ในเรอื่ งของการสง่ เสรมิ • ระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา ราชการ สขุ ภาพและการปอ้ งกนั โรค เพื่อปอ้ งกันความเจ็บป่วยและเปน็ การสร้างเสรมิ สุขภาพมากกวา่ การ ใหบ รกิ ารทางสุขภาพในเรื่องใดบา ง ซอ่ มสขุ ภาพ (แนวตอบ ไดแ ก บริการรักษาพยาบาลและ การสร้างหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหน้า เริ่มต้นมาต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยรฐั มนี โยบายเพ่ือ ศลั ยกรรมผปู ว ยนอกและผปู วยใน บรกิ าร ให้ประชาชนทุกคนไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลมากเกินไป โดยเสียค่าใช้จ่าย ฉกุ เฉิน รวมท้งั ยาและเวชภัณฑ การตรวจ ครง้ั ละ ๓๐ บาท เป็นค่าธรรมเนยี มในการให้บรกิ าร ซง่ึ ในปจั จบุ ันได้มกี ารยกเลกิ ค่าธรรมเนยี ม สุขภาพประจาํ ป โดยท้ังนีไ้ มรวมคา บรกิ าร ดังกล่าวแล้ว และมีการให้บริการแก่ประชาชนผู้มีสิทธิโดยไม่คิดมูลค่า รวมถึงการให้ประชาชน บางอยา ง เชน ศลั ยกรรมตกแตง เพ่ือ ผมู้ สี ทิ ธสิ ามารถเขา้ รบั การรกั ษาในโรงพยาบาลใดกไ็ ดท้ ว่ั ประเทศ โดยไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเขา้ รบั การรกั ษา ความงาม และบริการปองกันโรค) เฉพาะโรงพยาบาลทีร่ ะบุตามสทิ ธ ิ เฉพาะในกรณฉี กุ เฉินเท่านั้น เชน่ โรคหรอื อาการของโรคทมี่ ี ลักษณะรุนแรงตอ้ งรกั ษาเป็นการเร่งด่วน โรคทต่ี อ้ งผ่าตดั ดว่ น เปน็ ตน้ • บคุ คลใดมสี ทิ ธเิ ขารวม “โครงการ 30 บาท ท้ังน้ี ประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องเป็นประชาชนผู้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง รักษาทุกโรค” ตามระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา้ ราชการและระบบประกนั สงั คมทม่ี อี ยแู่ ลว้ และประชาชนจะ (แนวตอบ ประชาชนผูท่ไี มไ ดรบั ความคุม ครอง ไดร้ บั “บตั รทอง” ซง่ึ ตอ่ มาไดม้ กี ารยกเลกิ และใหป้ ระชาชนผมู้ สี ทิ ธใิ ชบ้ ตั รประจา� ตวั ประชาชนแทนได ้ ตามระบบสวัสดกิ ารรักษาพยาบาลของ นบั ตง้ั แตเ่ ดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ ตน้ มา โดยโรงพยาบาลทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการนน้ั มที งั้ โรงพยาบาล ขา ราชการและระบบประกันสังคมทีม่ อี ยแู ลว ) ในสงั กดั ของกระทรวงสาธารณสขุ และโรงพยาบาลของรฐั ในสงั กดั อน่ื ๆ รวมถงึ โรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจสมัครเขา้ รว่ มโครงการด้วย 116 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET “โครงการ 30 บาท รักษาทกุ โรค” เปน การประกนั สุขภาพรปู แบบใด 1 บรรลุนติ ิภาวะ บุคคลที่มีอายถุ งึ กาํ หนดทก่ี ฎหมายใหพ นจากภาวะผเู ยาว 1. ระบบประกนั สงั คม และใหสามารถใชสทิ ธิตามกฎหมายไดดว ยตนเอง คอื มอี ายุ 20 ปบ ริบรู ณ หรอื 2. หลกั ประกนั สุขภาพถว นหนา ทาํ การสมรสเมอ่ื ชายและหญงิ มอี ายุครบ 17 ปบริบรู ณแลว 3. การประกนั สุขภาพภาคเอกชน 2 ศลั ยกรรม การปรับปรงุ ตกแตงอวัยวะตา งๆ เพื่อความสวยงามหรือแกไข 4. สวัสดิการรักษาพยาบาลของขาราชการ ความผดิ ปกตขิ องรูปรางทงั้ การผา การตัด การใสเขา ไป และการเอาออกมา เชน วเิ คราะหค าํ ตอบ เปน การประกันสุขภาพในรปู แบบของหลักประกันสขุ ภาพ การผา ตัดแกไขปากแหวงเพดานโหว การเสรมิ หนา อก การเสริมจมกู ถว นหนา เพอ่ื ใหป ระชาชนมหี ลกั ประกนั สขุ ภาพโดยไมต อ งรบั ภาระคา ใชจ า ย การแปลงเพศ เปน ตน ดา นการรกั ษาพยาบาลมากเกินไป ตอบขอ 2. 116 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๓ ระบบประกนั สงั คม ใหนกั เรียนกลมุ ท่จี ับสลากไดป ระเดน็ เรื่อง ระบบประกนั สังคมออกมานําเสนอ โดยหลงั จาก พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. ๒๕๓๓ กา� หนดใหส้ ถานประกอบการทมี่ ลี กู จา้ งตงั้ แต ่ ๑ คน การนาํ เสนอ ครูและนักเรยี นกลมุ อนื่ ๆ เสนอแนะ ขน้ึ ไป จะตอ้ งเปน็ ผปู้ ระกนั ตนตามกฎหมายน ้ี โดยนายจา้ งและลกู จา้ งจะตอ้ งจา่ ยเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ เพม่ิ เติม และตง้ั คําถามเพือ่ นาํ ไปสูขอสรุปท่ี ประกันสงั คม ร้อยละ ๑.๕ ของเงนิ ค่าจา้ งรายเดอื นของลกู จา้ งในแต่ละฝ่าย และรัฐบาลจะตอ้ งจ่าย ถูกตองรว มกัน สมทบอกี รอ้ ยละ ๑.๕ เชน่ เดยี วกนั โดยสทิ ธปิ ระโยชนท์ ผี่ ปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั จากกองทนุ ประกนั สงั คม ขไดาแ้ดกร า่ ปยรไะดโ1 ้ยปชรนะโท์ ยดชแนทท์ นดกแรทณนปีในระกสรบณอคี นั ลตอรดาบยตุหรร2 อืปเรจะบ็ โปยชว่ ยนอท์ นัดมแใิทชนจ่ ใานกกกราณรทที า� พุ งพานล ภแาลพะเจงานิ กทกดาแรปทรนะกสาบร • ระบบประกันสงั คม นายจา งและลูกจา ง อนั ตรายหรอื เจบ็ ปว่ ยอนั ไมใ่ ชจ่ ากการทา� งาน ประโยชนท์ ดแทนในกรณตี ายโดยมใิ ชป่ ระสบอนั ตราย จะตอ งจายเงินสมทบเขา กองทนุ ประกัน หรือการเจ็บป่วยจากการท�างาน ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร และประโยชน์ทดแทน สงั คมจาํ นวนเทาใด กรณชี ราภาพ (แนวตอบ รอยละ 1.5 ของเงนิ คาจา ง การบรกิ ารสขุ ภาพภายใตร้ ะบบประกนั สงั คมนนั้ จดั ในรปู ของเครอื ขา่ ย โดยทโ่ี รงพยาบาลของ รายเดอื นของลูกจางในแตล ะฝาย) รฐั หรอื เอกชนทสี่ นใจ สามารถสมคั รเขา้ รว่ มโครงการได ้ และผปู้ ระกนั ตนสามารถเลอื กโรงพยาบาล ในการเขา้ รับบรกิ ารสุขภาพไดต้ ามความพงึ พอใจ • สิทธิประโยชนท ี่ผปู ระกันตนจะไดร บั จาก กองทนุ ประกนั สงั คมไดแ กอ ะไรบาง (แนวตอบ ประโยชนท ดแทนกรณปี ระสบ อนั ตราย หรือเจ็บปว ยอนั มใิ ชจ ากการ ทาํ งาน ประโยชนทดแทนในกรณีคลอดบุตร ประโยชนท ดแทนในกรณีทพุ พลภาพจาก การประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ปวยอนั ไมใช จากการทํางาน ประโยชนท ดแทนในกรณี เสยี ชวี ิตโดยมใิ ชประสบอนั ตรายหรือ การเจบ็ ปวยจากการทํางาน ประโยชน ทดแทนกรณีสงเคราะหบ ุตร และประโยชน ทดแทนกรณชี ราภาพ) บัตรรับรองสิทธิการรกั ษาพยาบาลใชแ้ สดงสิทธทิ ่ีจะเข้ารับการบริการในโรงพยาบาลที่ผปู้ ระกนั ตนได้เลอื กใช้ 11๗ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอใดไมใ ชส ิทธปิ ระโยชนทจี่ ะไดร ับในระบบประกนั สังคม 1 เงินทดแทนการขาดรายได กรณีสมคั รใจลาออก ผปู ระกนั ตนจะไดรบั เงิน 1. ประโยชนทดแทนกรณีชราภาพ ทดแทนระหวางการวา งงานปละไมเกิน 90 วัน ในอตั รารอ ยละ 30 ของคาจาง 2. ประโยชนทดแทนในกรณีคลอดบุตร โดยคาํ นวณจากฐานเงนิ สมทบสูงสุดไมเกนิ 15,000 บาท หากใน 1 ปมีการยื่น 3. ประโยชนท ดแทนในกรณีสงเคราะหบตุ ร ขอรบั เงนิ ทดแทนระหวา งการวา งงานเกนิ กวา 1 ครั้ง ใหนับระยะเวลาการรับเงนิ 4. คมุ ครองดานการรกั ษาพยาบาลแกครอบครัว ทดแทนระหวางการวางงานรวมกันไมเกนิ 180 วนั เงนิ ทดแทนการขาดรายได วิเคราะหคาํ ตอบ ทุกขอ ลวนเปนสิทธิประโยชนท ี่จะไดร ับในระบบ จะจา ยเปนงวดเดือน โดยโอนเงินผา นบัญชีธนาคารตามทีผ่ ปู ระกนั ตนแจง ประกนั สงั คม แตส าํ หรบั การคมุ ครองดา นการรกั ษาพยาบาลแกค รอบครวั นนั้ 2 ประโยชนทดแทนในกรณคี ลอดบุตร ผปู ระกันตนท่จี ายเงนิ สมทบครบ 7 เดอื น ภายใน 15 เดอื น กอ นเดอื นคลอดบุตรมสี ทิ ธิเบกิ คาคลอดบตุ รได เปนสวัสดกิ ารรักษาพยาบาลของขา ราชการ ตอบขอ 4. คูมือครู 117

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรียนกลมุ ทีจ่ ับสลากไดป ระเดน็ เรอ่ื ง ระบบ การประกนั สงั คมเป็นเรื่องสา� คัญทร่ี ฐั บาลของประเทศตา่ งๆ ในโลกส่วนใหญน่ า� ระบบประกนั ประกันสงั คมออกมานําเสนอตอ โดยหลังจากการ สงั คมไปใช้ในการให้หลักประกนั ชวี ติ แก่ประชาชนของตนตัง้ แต่เกิดจนตาย โดยหลกั ประกันสังคม นาํ เสนอ ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ มีคุณลกั ษณะ ดังน้ี และต้งั คาํ ถามเพ่อื นําไปสูขอสรปุ ท่ีถกู ตองรว มกัน ๑. เป็นระบบการของการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขซ่ึงกันและกันระหว่างสมาชิก ซ่ึงโดยท่ัวไป รัฐบาลของประเทศจะให้ความส�าคัญแก่บุคคลท่ีท�างาน มีรายได้และอยู่ในระบบแรงงานก่อน • หากผปู ระกนั ตนเจบ็ ปว ยและมีความตอ งการ แเรลยี ะกจวะ่าข ย“แารยงคงวาานมนคอุ้มกครระอบงบ1ไ”ปสู่ผู้ท�างานที่มีรายได้นอกระบบการจ้างงานปกติ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่ อยหู องพิเศษในโรงพยาบาล ผูป ระกนั ตน ๒. เงนิ สมทบทเี่ กบ็ ไปนนั้ จะสะสมเปน็ กองทนุ ซงึ่ จะใหส้ ทิ ธปิ ระโยชนเ์ ฉพาะกบั บคุ คลทสี่ ง่ เงนิ สามารถเรียกรองสทิ ธเิ พ่ือยกเวนการเสีย สมทบ ซ่ึงประเทศไทยเรยี กวา่ “ผู้ประกันตน” เทา่ น้นั คาใชจ ายไดหรือไม อยา งไร ๓. การเก็บเงินสมทบซง่ึ ถือว่าเปน็ ภาษีพเิ ศษ จะเกบ็ จากบคุ คลทีก่ ฎหมายก�าหนดเท่านน้ั (แนวตอบ ไมได เพราะระบบประกนั สังคมนน้ั ความสา� เรจ็ ประการหนงึ่ ของการประกนั สงั คม คอื เปา้ หมายหลกั ทจ่ี ะทา� ใหก้ ารประกนั สงั คม จะใหส ิทธเิ พียงคา รกั ษาพยาบาลเทา นั้น หาก สามารถครอบคลุมทุกตัวบุคคลของประชาชนในชาต ิ (Universal Coverage) ในอนาคต ผูประกันตนมีความตองการอยูห องพเิ ศษ เม่ือจ่ายเงินสมทบครบ ๓ เดือน ภายในระยะเวลา ๑๕ เดือนก่อนเดือนรับบริการทาง จะตอ งเสียคา ใชจา ยทนี่ อกเหนอื เอง) การแพทย์และเลือกโรงพยาบาลแล้ว ผู้ประกันตนจะได้รับ “บัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล” ซงึ่ บตั รจะมชี อื่ ของผปู้ ระกนั ตนและชอื่ สถานพยาบาลทเี่ ลอื กไวแ้ ตไ่ มม่ ภี าพถา่ ยตดิ จงึ ตอ้ งใชค้ วบคู่ กับบัตรประจา� ตัวประชาชน การเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็น “ผู้ป่วยนอก” หรือ “ผู้ป่วยใน” ค่ารักษาที่เกิดข้ึนท้ังหมด ในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ผู้ประกันตนจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้น กรณีที่มีความต้องการอยู่ห้องพิเศษ หรือขอแพทย์พิเศษเอง สถานพยาบาลที่ผู้ประกันตน เลือกถือเป็นสถานพยาบาลหลัก ซ่ึงสถานพยาบาลหลักน้ันอาจมีสถานพยาบาลเครือข่าย เช่น โรงพยาบาลเล็กๆ หรือคลินิก เพ่ืออ�านวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตน สามารถเข้าไปรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น ในขณะเดียวกันถ้าโรคบางโรค โรงพยาบาลตามบัตรรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาลรกั ษาไม่ได ้ เช่น การผา่ ตดั หัวใจ ผา่ ตดั สมอง ผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เป็นต้น โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลก็จะส่งตัว ไปรักษากับโรงพยาบาลระดับสูง (โรงพยาบาลท่ีมีศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ ประกันตนที่เกินขีดความสามารถของสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลจะให้ บรกิ ารแกผ่ ปู้ ระกนั ตนได)้ ทส่ี ถานพยาบาลตามบตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาลนนั้ ทา� ขอ้ ตกลงไว้ โดยค่ารักษาพยาบาลท่ีเกิดข้ึนจะอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการ รักษาพยาบาล 118 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูอาจใหน ักเรียนสอบถามความคิดเห็นจากบคุ คลในครอบครวั วา ระบบ ใหนกั เรยี นสืบคนขอมลู เพ่ิมเติมเกีย่ วกบั ระบบประกันสังคม จากน้นั ประกันสังคมทไ่ี ดใชบริการนัน้ เปน การจดั บรกิ ารสขุ ภาพทใ่ี หค วามคมุ ครองกบั เขยี นสรุปสาระสาํ คญั ลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครผู สู อน ประชาชนมากนอยเพียงใด จากนั้นใหน กั เรียนรว มกนั แสดงความคิดเห็นในชัน้ เรียน กิจกรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ใหน กั เรียนสอบถามหรือสัมภาษณบุคคลทีเ่ คยเขา รบั บรกิ ารสุขภาพ 1 แรงงานนอกระบบ สว นใหญไมไดร ับคาแรงขนั้ ต่ํา และมีรายไดไ มแ นน อน จากระบบประกันสังคม จาํ นวน 2 คน วามคี วามพึงพอใจตอ การใชบริการ เขาไมถงึ ระบบประกนั สังคม เน่ืองจาก พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบบั ปจจบุ ันยกเวน สขุ ภาพดงั กลา วหรอื ไม อยางไร จากน้นั ใหน กั เรียนเขยี นรายงานสรุปขอ มลู การคมุ ครองแรงงานนอกระบบ จึงทําใหข าดหลกั ประกันท่ีจาํ เปนในการดํารงชีวิต ที่ไดจ ากการสมั ภาษณ แลว นําสง ครูผสู อน ทผี่ ใู ชแรงงานในระบบไดรบั ไมวา จะเปนกรณกี ารเจบ็ ปว ย ทุพพลภาพ เสยี ชวี ิต คลอดบตุ ร สงเคราะหบตุ ร ชราภาพ และวางงาน 118 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ผปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั บตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาล เมอื่ สง่ เงนิ สมทบครบ ๓ เดอื นภายใน ใหน กั เรยี นกลมุ ที่จับสลากไดป ระเดน็ เรื่อง ระยะเวลา ๑๕ เดอื นกอ่ นเดอื นรบั บรกิ ารทางการแพทย ์ โรงพยาบาลตามบตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษา การประกนั สุขภาพภาคเอกชนออกมานําเสนอ พยาบาล คอื โรงพยาบาลทผี่ ู้ประกันตนเลือกเองสามารถเปล่ียนแปลงไดป้ ลี ะ ๑ คร้งั ชว่ งเดอื น โดยหลงั จากการนาํ เสนอ ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ มกราคมถงึ มนี าคมของทุกปี เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และต้ังคําถามเพ่อื นาํ ไปสู ขอสรุปทีถ่ ูกตองรวมกนั ๓.๔ การประกันสุขภาพภาคเอกชน • บุคคลกลุม ใดทส่ี ามารถเขา รับบรกิ าร ผู้ท่ีเข้าสู่ระบบน้ีมักเป็นกลุ่มผู้มีฐานะ มีรายได้สูง และกลุ่มผู้ท�างานที่มีบริษัทนายจ้างเป็น สรู ะบบการประกันสุขภาพภาคเอกชน หลักแหล่ง มีก�าลังทรัพย์พอที่จะซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันของเอกชน และใช้บริการ (แนวตอบ กลมุ ผูม ีฐานะ มรี ายไดส ูง และ ทางด้านสุขภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาบริการจากภาครัฐ ซ่ึงนับเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนในสังคม กลมุ ผทู ํางานทม่ี บี ริษทั นายจาง ขอบเขตของการให้บริการสุขภาพจะเป็นไปตามแต่สัญญาที่กระท�าระหว่างผู้ประกันตนกับบริษัท เปน หลกั แหลง มกี าํ ลังทรพั ยม ากพอ รบั ประกนั แต่พบว่าในการด�าเนินงานให้บรกิ ารนนั้ บริษัทประกันมกั จะเลอื กผู้ทา� ประกนั ดว้ ยการ ที่จะซ้ือประกนั สุขภาพกบั บริษัทประกัน พิจารณาจากสภาวะสุขภาพของผู้ท�าประกัน โดยปฏิเสธผู้ป่วย หรือผู้มีแนวโน้มว่าจะป่วยไม่ให้ ของเอกชน) เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพของตน เพื่อลดความเส่ียงในการด�าเนินงานของบริษัท ท�าให้บุคคล กลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อหาประกันสุขภาพได้ ทั้งๆ ท่ีเป็นผู้มีความจ�าเป็นสูงสุดท่ีจะต้องเข้ารับ • บริษทั ประกนั มกั จะเลอื กผูทําประกนั บริการทางการแพทย์ ซึ่งทางภาครัฐก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหาน้ี เพื่อท�าให้การดูแลสุขภาพ ดวยการพจิ ารณาจากอะไรเปน สาํ คัญ การบา� บดั รกั ษาโรค สามารถคุ้มครองประชาชนไดท้ ุกกลุม่ และเปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ เพราะเหตุใด (แนวตอบ พจิ ารณาจากสภาวะสุขภาพของ ข้อดีและขอ้ เสียของการประกนั สขุ ภาพภาคเอกชน ผูทาํ ประกนั โดยปฏิเสธผปู วยหรอื ผูมี แนวโนมวา จะปว ยไมใ หเ ขาสูระบบประกัน ข้อดี ข้อเสีย สขุ ภาพของตน เพ่อื ลดความเสีย่ งในการ ดําเนนิ งานของบรษิ ทั ) ๑. ใหค้ วามคมุ้ ครองประชาชนทไ่ี มไ่ ดร้ บั การคมุ้ ครอง ๑. คมุ้ ครองสขุ ภาพประชาชนได้จ�านวนจา� กดั จากรัฐและบริการที่หลักประกันสุขภาพของรัฐ ๒. จา� กดั สทิ ธปิ ระโยชนแ์ ละปฏเิ สธการใหค้ วามคมุ้ ครอง ขยายความเขา ใจ ไมค่ มุ้ ครองเพียงบางสว่ น กบั ผู้ท่มี คี วามเสี่ยงสงู Expand ๒. ช่วยให้ผู้มีประกันสุขภาพเอกชนสามารถเข้าถึง ๓. ม ผี ลกระทบตอ่ ความเปน็ ธรรมในการเขา้ ถงึ บรกิ าร ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุม ละ 3-4 คน รว มกนั บริการสขุ ภาพไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็วขึ้น ส�าหรับประชาชนกลุ่มอ่ืน เพราะกลุ่มท่ีมีประกัน วเิ คราะหห ลักประกันสขุ ภาพแตล ะรปู แบบ แลว ๓. เป็นการเพิ่มทางเลือกของการประกันและบริการ สุขภาพเอกชนมักจะไดร้ บั บรกิ ารกอ่ น นําเสนอหนาชั้นเรียน โดยประเด็นในการวเิ คราะห แกป่ ระชาชน ๔. คา่ บริการจัดการสงู เพราะตอ้ งทา� การตลาด เพือ่ มีดังตอไปนี้ ๔. มกี ารใชแ้ รงจงู ใจทจ่ี ะทา� ใหค้ ณุ ภาพของการบรกิ าร หาสมาชิก ท�าให้การขยายบทบาทของประกัน ดีข้นึ สุขภาพเอกชนท�าได้ไม่มากนัก • สทิ ธปิ ระโยชนทีป่ ระชาชนควรไดร บั ๕. เพิ่มทรพั ยากรให้ระบบบริการสุขภาพ • ความครอบคลุมถึงบริการสุขภาพ • ขอดแี ละขอเสียของหลักประกันสขุ ภาพ 119 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ด การประกนั สุขภาพภาคเอกชนจึงมกั เปนกลมุ ผมู ฐี านะและ ครอู าจสรปุ ทบทวนความรูเ กย่ี วกบั การเลือกใชบ ริการสุขภาพในชวี ิตประจาํ วนั มรี ายไดส งู เขา รบั บริการ ใหนกั เรียนฟงอีกครั้งหนึ่ง เนือ่ งจากเปน เรอ่ื งท่นี กั เรียนควรทาํ ความเขา ใจ และตอง วเิ คราะหคาํ ตอบ เนื่องจากมกี ําลงั ทรัพยม ากพอทีจ่ ะซือ้ ประกันสุขภาพ เรยี นรูเพือ่ การนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจําวนั ของตนเอง และบุคคลในครอบครวั ซง่ึ หาก กับบรษิ ทั ประกนั ของเอกชน และใชบ รกิ ารทางดานสขุ ภาพโดยไมตอ งพ่ึงพา นกั เรียนไมม คี วามรูหรือความเขา ใจในเรือ่ งนด้ี พี อ อาจทําใหน กั เรียนเสยี สิทธิในสิง่ ที่ บริการจากภาครัฐ จงึ ทาํ ใหการประกนั สขุ ภาพภาคเอกชนมกั เปนกลุม ตนเองหรอื บุคคลในครอบครวั ควรไดร บั โดยรเู ทา ไมถึงการณ ผมู ฐี านะ และมรี ายไดส ูงเขารับบรกิ าร คูม อื ครู 119

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบง กลุม ตามแถวที่นัง่ ของนกั เรยี น ๔. แนวทางการเลอื กใชบ้ รกิ ารทางสุขภาพ จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกันระดมความคิดเกี่ยวกับ แนวทางการเลือกใชบรกิ ารทางสุขภาพ วากลมุ ของ จากหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ ทท่ี า� ใหป้ ระชาชนไดร้ บั บรกิ ารทางสขุ ภาพอยา่ งเทา่ เทยี มกนั นกั เรยี นมแี นวทางอยา งไร โดยใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ จะเห็นได้ว่า การให้บริการดูแลรักษาพยาบาลประชาชนน้ันต้องอาศัยทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ สงตัวแทนออกมาหนา ชน้ั เรยี น และแจกปากกา และภาคเอกชน รวมถงึ ประชาชนดว้ ย ไวทบ อรดใหก ับนกั เรยี น แลวเขยี นขอ มลู ท่ีได ปจั จบุ นั สวสั ดกิ ารบริการสุขภาพส�าหรับประชาชนมตี ัวเลือกให้ใชเ้ พิ่มขึ้น อีกทั้งการเลือกใช้ บนกระดาน โดยครจู ะจับเวลาประมาณ 2 นาที บริการทางการแพทย์สามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการได้มากมาย ทั้งน้ี การที่จะตัดสินใจเลือกใช้ เมื่อหมดเวลาใหน กั เรียนคนอนื่ ๆ ชว ยกนั ตรวจสอบ สวสั ดกิ ารเหล่าน ี้ เพอ่ื ให้ได้รับประโยชน์สงู สดุ ควรมีความร ู้ ความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ดงั นี้ ขอ มูลที่ได หากนักเรยี นกลมุ ใดไดข อมูลเปน จํานวน มากทส่ี ดุ และมคี วามถกู ตอ ง กลมุ นน้ั จะเปน ฝา ยชนะ ส�าหรบั ผเู้ ขา้ รบั บรกิ าร สา� หรับสถานบรกิ าร หลังจากการทาํ กิจกรรมเสรจ็ ส้นิ ใหน กั เรียนศึกษา เรอ่ื ง แนวทางการเลือกใชบ ริการทางสขุ ภาพ ๑. ร จู้ กั แหลง่ สถานบรกิ ารสขุ ภาพตา่ งๆ ใหค้ รอบคลมุ ๑. เ ทคนิคการบริการท่ีมีความพร้อม เช่น ความ จากหนงั สอื เรียน ท้ังหน่วยงานของรัฐและเอกชนว่ามีอยู่ที่ใดบ้าง เช่ียวชาญของแพทย์แต่ละสาขา ความพร้อม มจี ดุ ไหนทส่ี ะดวกตอ่ การเดนิ ทาง มกี ารใหบ้ รกิ าร ของเครอ่ื งมอื และอปุ กรณท์ างการแพทย ์ เปน็ ตน้ อธบิ ายความรู Explain ด้านใด และมจี ุดเด่นในด้านใด ๒. ก ารเข้าถึงบริการท่ีสะดวกไม่ยุ่งยากในด้าน ครูต้งั คาํ ถามเพ่ือกระตนุ การเรยี นรขู องนักเรยี น ๒. ม ีความเข้าใจถึงระเบียบการท�างานของสถาน ต่างๆ เช่น การเรียงล�าดับการให้บริการผู้ป่วย • แนวทางในการเลอื กใชบริการสุขภาพที่ บรกิ ารพยาบาล เงอ่ื นไขการใหบ้ รกิ ารตา่ งๆ ซง่ึ จะ ก่อน-หลัง ความสะดวกรวดเร็วในการท�าบัตร เหมาะสม ควรดําเนินการอยางไรบา ง (แนวตอบ ประเมินภาวะสุขภาพของตนเอง ทา� ใหง้ า่ ยและเกดิ ความรวดเรว็ ในการเขา้ รบั บรกิ าร ย่ืนบัตร การจ่ายเงนิ การแนะน�าประชาสัมพันธ์ ประเมินขดี ความสามารถของสถานบรกิ าร สขุ ภาพ พจิ ารณาปจ จัยแวดลอมอนื่ ๆ ในสถานพยาบาลน้นั ๆ และใหค้ า� ปรึกษา เปน็ ตน้ พจิ ารณาหลกั ประกันสุขภาพ และตดั สนิ ใจ ในการเลือกใชบ รกิ าร) ๓. ม คี วามร ู้ ความเขา้ ใจในขน้ั ตอนการเขา้ รบั บรกิ าร ๓. ก ารบริการและมนุษยสัมพันธ์ของเจ้าหน้าท่ีใน ทางการแพทย์ในสถานบริการทางสุขภาพต่างๆ ด้านต่างๆ เช่น การเอาใจใส่ต่อคนไข้ การให้ รวมถึงสิทธิการรักษาที่ได้รับจากรัฐ หรือเอกชน บริการที่เป็นมิตรต่อผู้ป่วย การให้สิทธิผู้ป่วยที่ ในด้านค่าใช้จา่ ย เท่าเทียมกัน เปน็ ตน้ ๔. ม ีความรู้ในด้านบุคลากรทางการแพทย์ว่าได้รับ ๔. ล ักษณะกายภาพต่างๆ เช่น ความสะอาด ใบอนุญาต หรือมีความสามารถเด่นในเร่ืองใด การจัดสวน ร่มไม้ เป็นต้น ช่วยให้เกิดความ มีใครที่เรารู้จักเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ซ่ึงอาจ ผ่อนคลาย และแสดงถึงภาพลักษณ์ท่ีดีของ ทา� ใหง้ ่ายตอ่ การติดตอ่ และปรกึ ษา สถานพยาบาลแก่ผ้มู าใชบ้ รกิ าร การท่ีประชาชนจะตัดสินใจใช้บริการของสถานบริการสุขภาพแห่งใดนั้น ข้ึนอยู่กับปัจจัย หลายประการ บางคนเลือกใช้สถานบริการท่ีอยู่ใกล้บ้าน เพราะเดินทางสะดวกและไม่ต้องเสีย ค่าใชจ้ า่ ยในการเดินทางมากนัก แตไ่ ม่ไดค้ า� นงึ ถึงคณุ ภาพในระบบของการรักษา ความเช่ียวชาญ ของแพทย ์ และการให้บรกิ าร บางคนอาจเลือกสถานบรกิ ารตามความมีช่ือเสียง หรือการบอกเลา่ 1๒0 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การตดั สินใจไปใชบ ริการที่สถานบริการสุขภาพมีหลายประการ ยกเวน ครอู าจใหน ักเรียนรวมกนั อภปิ รายวา กอนท่ีนักเรียนจะเขารบั การรกั ษาท่ี ขอ ใด โรงพยาบาล นักเรียนควรจะตอ งมีความรเู กย่ี วกับเรอ่ื งใดบา ง เพ่ือใหนกั เรยี น 1. คา ใชจ า ย สามารถปฏิบัตติ นไดอ ยางถกู ตอง 2. อาการของโรค 3. ความสะดวกสบาย มมุ IT 4. ยาและเคร่อื งมือแพทย วิเคราะหคําตอบ การตัดสินใจไปใชบ ริการที่สถานบริการสุขภาพนน้ั สามารถศกึ ษาเพม่ิ เติมเก่ียวกับ แนวทางการเลอื กใชบริการทางสขุ ภาพ จาก มหี ลายประการทคี่ วรคํานงึ ถงึ เชน คา ใชจ าย อาการของโรค ยาและ บทความเร่อื ง “หลกั การเลอื กใชบ ริการสขุ ภาพเบื้องตน ” ไดจ าก เคร่ืองมอื แพทย เปนตน โดยจะทาํ ใหผ ูไปใชบ รกิ ารไดรับการบรกิ าร www.thaihealthlife.com ไดอยา งเหมาะสม ตอบขอ 3. 120 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ของญาติสนิทมิตรสหายว่าที่น่ีรักษาดีก็จะมาใช้บริการ ซ่ึงแนวทางเหล่านี้บางแนวทางอาจท�าให้ ครตู ั้งคําถามตอ เพือ่ กระตนุ การเรียนรูข อง เกิดปัญหาต่อระบบบริการสุขภาพท้ังระบบได้ เช่น เกิดความแออัดของประชาชนท่ีมารอรับ นักเรียน บริการในสถานบริการสุขภาพขนาดใหญ่ โดย จะพบว่ามีคนไข้มารอตรวจเป็นจ�านวนมาก • การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพของตนเอง ควรมี ส่ิงเหล่าน้ีอาจท�าให้ประชาชนผู้มารอรับบริการ การประเมินในเรอื่ งใดเปนสาํ คญั สญู เสยี โอกาสในการรบั บรกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพไปได ้ (แนวตอบ ควรประเมินวา ปญหาสุขภาพ ดังน้ัน แนวทางในการเลือกใช้บริการสุขภาพที่ ของเราเปน เชน ไร ตองการไดรับบรกิ าร เหมาะสมน้นั ควรด�าเนนิ การ ดังน้ี ประเภทใด อาการของเรานัน้ เปนมากนอย เพยี งใด จําเปนที่จะตองเขารบั การรกั ษา ๑) ประเมินภาวะสุขภาพของ ในสถานบริการสุขภาพทต่ี อ งใชความ ตนเอง ว่าปัญหาสุขภาพของเราเป็นเช่นไร ชาํ นาญเปน พเิ ศษหรอื ไม อยา งไร) ตรกัอ้ ษงกาพารยไาดบร้ าบั ลบ กราิกราฟรนปื ฟระสู เมภรทรใถดภ บารพกิ1 หารรดอื า้บนรกกิ าารร เมอ่ื เกดิ อาการเจบ็ ปว่ ยเพยี งเลก็ นอ้ ย สามารถดแู ลสขุ ภาพ ดา้ นการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ หรือการปอ้ งกนั โรค ตนเองเบือ้ งต้นได้ โดยพกั ผอ่ นให้เพียงพอและผ่อนคลาย • ปจ จยั แวดลอ มตางๆ ท่คี วรคํานึงถงึ เพื่อ ซง่ึ ถา้ เปน็ บรกิ ารดา้ นการรกั ษาพยาบาล ควรทจี่ ะ ความเครียด ประกอบการตดั สินใจในการเลอื กใชบริการ สุขภาพ ไดแกอะไรบา ง ประเมนิ ตอ่ ไปดว้ ยวา่ อาการของเรานน้ั เปน็ มากนอ้ ยเพยี งใด ตอ้ งเขา้ รบั การรกั ษาจากสถานบรกิ าร (แนวตอบ ไดแก คาใชจ า ยในการเดนิ ทาง สุขภาพหรือไม่ ระยะเวลาในการเดินทาง เพอ่ื ทเ่ี รา จะไดไปรับบรกิ ารไดอ ยางทนั ทว งที ไมเ กดิ ๒) ประเมินขีดความสามารถของสถานบริการสุขภาพ ท่ีเราต้องการไปใช้ ความขลกุ ขลกั ในการใชบ ริการ) บริการว่าสามารถให้บริการอะไรได้บ้าง สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพของเราหรือไม่ มีบุคลากร ทางการแพทย์ท่ีมีความสามารถหรือเช่ียวชาญ จากน้นั ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมวา การท่จี ะตดั สินใจ ในสาขานั้นๆ มากพอหรอื ไม่ เลือกใชบ ริการสขุ ภาพจากสถานบริการแตล ะแหง นักเรยี นควรมวี จิ ารณญาณในการเลือกทีเ่ หมาะสม ๓) พจิ ารณาปจ จยั แวดลอ้ มอน่ื ๆ เพอื่ ใหไดส ถานบริการสุขภาพทม่ี ีประสิทธิภาพ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ สะดวก รวดเรว็ เสียคา ใชจายนอ ย และมคี ณุ ภาพ การบริการดีทส่ี ุดสําหรับตนเองและครอบครัว สขุ ภาพ เชน่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทาง ระยะเวลา ในการเดินทาง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ท่ีมีการ จราจรติดขัด เช่น กรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพ่ือท่ีเราจะได้ไปรับบริการได้อย่างทันท่วงที ไมเ่ กดิ ความขลกุ ขลกั ในการใชบ้ รกิ าร นอกจากนี ้ อาจจะต้องประเมินด้วยว่า จ�าเป็นท่ีจะต้องหา ที่พักใกล้ๆ กับสถานบริการนั้นๆ เพื่อรอรับ สภาวะการจราจรในเมืองใหญ่เป็นอีกหน่ึงปัจจัยสำาคัญที่ บรกิ ารหรือไม ่ อยา่ งไร ตอ้ งใชพ้ จิ ารณาเพอื่ เลอื กสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ทส่ี ะดวก กับการเดนิ ทาง 1๒1 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู หากนักเรยี นมีอาการปวดทองอยา งรุนแรงควรไปใชส ถานบริการสขุ ภาพ 1 การฟนฟสู มรรถภาพ หมายถึง การแกไ ขพยาธิสภาพที่เกดิ ขนึ้ และฟน ฟูเพ่อื ในขอใด ใหสมรรถภาพการทาํ งานสามารถกลับมาใชงานไดต ามปกติหรอื ใกลเ คยี งกบั ปกติ รวมท้งั การประเมินการสูญเสยี สมรรถภาพในการทํางานของรา งกายหลงั จากทไ่ี ด 1. คลินิก รับการฟน ฟูเต็มที่แลว ซึ่งการฟน ฟูสุขภาพเปน การใหบรกิ ารดา นการฟน ฟูแกผูป วย 2. รา นขายยา ทส่ี ญู เสยี สมรรถภาพนนั้ ๆ ซง่ึ อาจจะเปน ทางกายหรอื ทางจติ ใจตามความเหมาะสม 3. โรงพยาบาล กบั สภาพของผปู ว ย เพอ่ื ใหบ คุ คลเหลา นนั้ สามารถมชี วี ติ อยใู นสงั คมอยา งมคี วามสขุ 4. โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตาํ บล พอสมควรตามอตั ภาพทงั้ รา งกายและจิตใจ วิเคราะหค าํ ตอบ ควรไปโรงพยาบาล เพราะการปวดทอ งอยางรนุ แรงน้นั อาจจําเปน ตอ งมีการตรวจอยางละเอียดโดยแพทยผ เู ช่ยี วชาญ ซึ่งการไป โรงพยาบาลอาจทําใหไ ดร บั การรักษาดวยเคร่อื งมือแพทยทีค่ รบครนั และ ทันสมยั ตอบขอ 3. คมู อื ครู 121

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นอา นเกร็ดนา รูเรอื่ ง ขอ ควรรกู อ นไป ๔) ในกรณีที่มีหลักประกันด้านสุขภาพ ควรจะต้องพิจารณาว่าในหลักประกัน โรงพยาบาล จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา หากนักเรียนหรือญาติของนกั เรยี นเกดิ การเจบ็ ปวย สขุ ภาพประเภทตา่ งๆ ของตนเองน้ัน ได้ระบุสถานบริการทจ่ี ะเขา้ รบั บรกิ ารเป็นอันดับแรกหรือไม ่ และจําเปนจะตองไปโรงพยาบาล ควรปฏบิ ตั ิตน ซ่ึงควรเลือกรับบริการตามสถานบริการสุขภาพที่ระบุไว้ก่อน ยกเว้นในกรณีของเหตุฉุกเฉิน อยา งไรบาง โดยครสู ามารถอธิบายเพ่ิมเตมิ วา เพ่ือทจ่ี ะไดไ้ มม่ ปี ัญหาในการใชส้ ิทธิดงั กล่าวในภายหลงั กอนไปโรงพยาบาลควรเตรยี มบัตรประจําตัวผูปวย เตรยี มขอมูลเกี่ยวกับอาการปว ย และยาทงั้ หมดไป ๕) ตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ เม่ือพิจารณาประเด็นต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ดวยทุกคร้งั เพ่อื ใชเ ปนขอมูลเบอื้ งตน ก็ตัดสินใจใช้บริการสุขภาพได้เลย และในระบบของบริการสุขภาพเองน้ัน ก็จะมีระบบในการ ขยายความเขา ใจ Expand รับ-ส่งต่อผู้ป่วยอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่ผู้ให้การรักษาพิจารณาแล้วพบว่า จ�าเป็นต้องได้รับ การรักษาพยาบาลในสถานบริการสุขภาพท่ีมีขีดความสามารถสูงกว่าก็จะมีการส่งต่อผู้ป่วย เพ่ือ ใหนักเรียนแบงกลมุ กลุมละ 3-4 คน รว มกนั ไปรบั บรกิ ารทีเ่ หมาะสมกับปัญหาสขุ ภาพนั้นๆ สบื คนขอมลู เก่ยี วกบั สถานบรกิ ารสุขภาพท่อี ยูใน จากแนวทางดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า การที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการสุขภาพ ทอ งถิน่ วามบี ทบาทหนา ทอ่ี ยา งไรบา ง เงื่อนไขใน จากสถานบริการแต่ละแห่ง ประชาชนควรมีวิจารณญาณในการเลือกที่เหมาะสม เพ่ือให้ได้ การใหบ รกิ ารเปนอยางไร แลวนํามาจัดปายนิเทศ สถานบรกิ ารสขุ ภาพทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สะดวก รวดเรว็ เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย และมคี ณุ ภาพการบรกิ าร ที่ดที สี่ ุดส�าหรบั ตนเองและครอบครัว เกรด็ นา่ รู้ ขอ้ ควรร้กู ่อนไปโรงพยาบาล เพ่ือให้การไปรักษาพยาบาลของผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกรวดเร็ว ผู้ป่วยหรือญาติ ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ ๑. เตรียมบตั รประจาำ ตวั ผปู้ ว่ ยไปด้วยทุกครงั้ เพอ่ื ให้ง่ายต่อการสืบค้นประวัติการรกั ษา ๒. เตรียมขอ้ มลู สาำ คัญเกยี่ วกบั อาการป่วยให้มีความกระชับและชดั เจน ๓. หากมยี าทร่ี ับประทานอยู่ ควรนาำ ยาท้ังหมดไปด้วย เพอ่ื แพทยจ์ ะไดเ้ พมิ่ หรือลดยาไดถ้ ูกตอ้ ง ๔. เมอื่ แพทย์ตรวจรา่ งกายแล้ว ควรสอบถามถึงผลการวนิ ิจฉยั และปรึกษาแผนการรักษา ๕. •หากแตพอ้ ทงยเข์จ้าะรทับำากกาารรผนา่ ัดตใดั ห้ผคู้ปวร่วปยฏมิบาตตั ริ ดวจงั เนล้ี ือดหรือเอกซเรย1์ เพ่ือตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย ซง่ึ ผปู้ ่วยควรเขา้ รบั การตรวจตามท่แี พทยส์ ง่ั • ผปู้ ว่ ยตอ้ งงดอาหารและนาำ้ เพราะหากในกระเพาะอาหารไมว่ า่ งอาจเกดิ การสาำ ลกั หรอื อาเจยี นได้ ซ่งึ จะเป็นอนั ตรายตอ่ ผปู้ ่วย • ผปู้ ่วยท่ีใสฟ่ นั ปลอม จะตอ้ งถอดฟนั ปลอมกอ่ นเข้ารับการผา่ ตดั เพ่อื ปอ้ งกันมิใหฟ้ นั ปลอมหลุด • ผเขปู้ า้ ว่ไยปตออ้ดุ งตแนั จรง้ ใะหบแ้บพททายงเท์ ดรนิ าหบาวยา่ ใเจคยแพย้ า2ชนดิ ใดบา้ งและอาการแพเ้ ปน็ อยา่ งไร แพทยจ์ ะไดไ้ มใ่ ห้ ยาน้ันซ้ำาอกี เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ท่ีมา : บทความเรอ่ื ง “การพบแพทย์ : วิธเี ตรียมตัว” จากโรงพยาบาลบาำ รงุ ราษฎร์ 1๒๒ นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปน ส่ิงสําคญั ทส่ี ุดทผ่ี ปู วยหรอื ญาตผิ ปู วยจะตอ งนํามาโรงพยาบาล 1 เอกซเรย รังสีชนดิ หน่งึ ท่เี ราไมสามารถมองเหน็ ไดด ว ยตาเปลา มลี กั ษณะ ดวยทกุ ครงั้ เปน ทั้งคลนื่ และอนุภาคของแมเ หลก็ ไฟฟา ทมี่ ชี ว งคลื่นส้นั มาก ซึ่งมคี ณุ สมบตั พิ ิเศษ 1. ยาบํารงุ รางกาย คือ มีอํานาจทะลุทะลวงผา นวัตถุตา งๆ จงึ ถูกนาํ มาเปน เครอ่ื งมือทางการแพทย 2. ใบตรวจสุขภาพ สาํ หรบั ใชในการตรวจวินจิ ฉยั โรค 3. บตั รประจําตัวผูป ว ย 2 แพย า มักจะเกดิ อาการขน้ึ หลงั จากรบั ประทานยาทันทีหรือไมเกนิ 2 ช่ัวโมง 4. ของใชสาํ หรับผูปวย โดยอาการทีส่ าํ คัญ ไดแ ก มีผ่นื คนั คดั จมกู หายใจไมอ อก หายใจเสียงดังหวดี วเิ คราะหคําตอบ สิ่งทผี่ ปู ว ยหรอื ญาตผิ ูป วยจะตอ งเตรยี มนาํ มา แขนและขาบวม โรงพยาบาลดว ยทุกครั้ง คือ บัตรประจําตวั ผูปว ย เพ่อื ใหงายตอการสืบคน ประวตั กิ ารรักษา รวดเรว็ และไดข อมูลที่ถกู ตอ ง ตอบขอ 3. 122 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน กั เรียนรวมกนั เสนอแนะวา ทําอยา งไร สุขภาพของเราจึงจะแขง็ แรงสมบรู ณ จากนัน้ ให 10 เคลด็ ลบั เพื่อห่างไกลแพทย นกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง 10 เคลด็ ลับ เพื่อหา ง ไกลแพทย จากนัน้ ครตู ัง้ คาํ ถามเพอ่ื ขยายความ การเสรมิ สรา้ งและรกั ษารา่ งกายใหแ้ ขง็ แรง เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หเ้ จบ็ ปว่ ย เขาใจของนักเรียน สามารถปฏิบตั ิได้ ดงั น้ี • นกั เรยี นมวี ิธกี ารสรา งเสรมิ สุขภาพตนเอง ๑. การรับประทานอาหาร มีแนวปฏิบัติได้หลายอย่าง อยางไรบา งเพอ่ื ใหห า งไกลจากโรค เช่น รับประทานอาหารที่สด สะอาด และปลอดสารพิษ (แนวตอบ เชน รบั ประทานอาหารใหค รบ รับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ โดยเน้นอาหารท่ีมีกากใย ทงั้ 5 หมู ออกกาํ ลังกายอยางสมํา่ เสมอ หมาลกีกเลเชี่ย่นงอธาญัหาพรชื หมผักกั ดอผงล1ไอมา้ หเปาน็รทต่ีมน้ ีสีสรันวมฉถูดึงฉคาวดรแดล่ืมะนอมาหด้วายร นอนหลับพกั ผอนอยา งเพียงพอ ทาํ จิตใจ ท่มี รี สจดั และด่ืมนำ้าสะอาดอยา่ งนอ้ ยวันละ ๘ แกว้ ใหร า เรงิ แจม ใส ทํากิจกรรมเพื่อผอ นคลาย ๒. ออกกำาลงั กายอยา่ งสม่ำาเสมอ เพราะจะทาำ ให้รา่ งกาย ความเครยี ด เปนตน ) โแรขค็งเแบรางหแวลาะนป2้อเงปก็นันตโน้รคหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ๓. ดูแลรักษาร่างกายให้สะอาด ด้วยการอาบน้ำาทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ คร้ัง แปรงฟันอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง การรักษาความสะอาดบริเวณบ้านและหม่ันปลูก สระผมอยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละ ๒ ครัง้ ขับถา่ ยอจุ จาระให้เป็นเวลา ต้นไม้ดอกไม้ใหเ้ กดิ ความรม่ รืน่ สวยงาม เป็นวธิ ีการ ทกุ วนั ในตอนเชา้ หน่ึงท่จี ะช่วยป้องกันการเกดิ โรคได้ ๔. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ ๖-๘ ชั่วโมง และควรเข้านอนแต่หัวคำ่าแล้วต่ืนตอนเช้า จะทาำ ใหส้ ดช่นื กระปร้ีกระเปรา่ มากกวา่ การนอนดึกแลว้ ตน่ื สาย ๕. จัดสง่ิ แวดล้อมภายในบา้ นและรอบบา้ นใหน้ า่ อยู่อาศยั เชน่ หมนั่ ปัดกวาดเชด็ ถูมิใหบ้ ้านสกปรก เปด หนา้ ตา่ ง รับลมและแสงแดดมิให้บ้านอับชื้นและช่วยให้เกิดความสดช่ืน กำาจัดขยะมิให้ส่งกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ เชอ้ื โรค ปลกู ตน้ ไม้ ดอกไมใ้ ห้อากาศบรสิ ุทธิ์ ๖. ทำาจติ ใจใหร้ ่าเริงแจม่ ใสอยเู่ สมอ มองโลกในแง่ดี และรู้จกั การให้อภยั ๗. สร้างความสมั พันธ์ในครอบครวั ให้อบอุน่ มอบความรัก ความเข้าใจ และความเอื้ออารใี หแ้ ก่กนั และกัน ๘. ควรหาเวลาผ่อนคลายความเคร่งเครยี ดจากการทาำ งาน หรอื การเรียนหนงั สือบ้าง ๙. งดด่มื เครอื่ งดื่มที่มแี อลกอฮอล์ กาแฟ ชา น้าำ อดั ลม และงดสบู บหุ ร่ี รวมถึงสารเสพติดทุกชนิด ๑๐. งดการสาำ สอ่ นทางเพศ เพื่อปอ้ งกันโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ เชน่ โรคเอดส์ โรคซิฟลสิ เป็นตน้ การเลอื กใชบ รกิ ารทางสขุ ภาพ จะตอ งเลอื กและตดั สนิ ใจอยา งมเี หตผุ ล โดยการพจิ ารณา จากปจ จยั ตา งๆ เชน ประเมนิ ปญ หาสขุ ภาพของตนเองวา อยใู นระดบั ใด สถานบรกิ ารสขุ ภาพแหง นน้ั มขี ดี ความสามารถในการรกั ษาเปน เชน ไร มคี วามนา เชอื่ ถอื หรอื ไม รวมถงึ สทิ ธกิ ารประกนั สขุ ภาพ ท้งั ในสถานบรกิ ารของรฐั และเอกชน ซง่ึ สงิ่ เหลา นจี้ ะชว ยใหส ามารถตัดสินใจเลือกใชส ถานบรกิ าร ทางสุขภาพไดอยางเหมาะสมและมีคุณภาพ ไดรับการบริการตรงกับความตองการของเราได มากทส่ี ดุ 1๒๓ ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’50 ออกเกีย่ วกับการดแู ลสุขภาพของตนเอง 1 อาหารหมักดอง พบมากในผลไมด อง ผลไมแ ชอ ม่ิ โดยจะพบสารซคั คารนิ คาํ กลาวทวี่ า “มนุษยทุกคนมีหมอ 2 คน คอื ขาขวาและขาซา ย” หรือ ขณั ฑสกร ในปริมาณมากเกนิ กวาท่ีกาํ หนด เปน วตั ถุที่ใหค วามหวานแทน นํ้าตาล ซึง่ ใหความหวานมากกวาน้ําตาล 300 เทา ทัง้ นผ้ี ใู ชจะตองไดร ับอนุญาต นกั เรียนสามารถเปรียบเทยี บไดใกลเ คยี งกบั ขอ ความใด จากสาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กอ น เพราะสารซคั คารินเปน สาร 1. ออกกาํ ลงั กายดวยการเดนิ กอ มะเรง็ ซงึ่ หลายประเทศมีการออกประกาศหามใชแลว 2. ออกกาํ ลังกายปองกันโรค 2 โรคเบาหวาน เปน ภาวะของโรคท่ีเกดิ ขน้ึ จากระดับน้าํ ตาลในเลือดมปี รมิ าณ 3. การดแู ลตนเองกอนเสมอ สูงขนึ้ ขณะทเี่ นื้อเย่ือของรา งกายไมสามารถนาํ นา้ํ ตาลนั้นไปใชเปนพลงั งานได 4. การมหี มอหรือแพทยป ระจําครอบครวั ตามปกติ เม่ือมอี าการของโรคมากขนึ้ ในท่สี ุดน้ําตาลกจ็ ะถูกขับออกมาในรูปของ วเิ คราะหคาํ ตอบ สามารถเปรยี บเทียบไดก ับการเดนิ ซึง่ การเดนิ ถือวา ปส สาวะ ทําใหสามารถตรวจพบน้ําตาลในปส สาวะได ซึ่งหากภาวะน้าํ ตาลในเลอื ด สูงเปน ระยะเวลานาน จะทําใหเ กิดโรคแทรกซอนตอ อวัยวะตา งๆ ไดแทบทกุ ระบบ เปน การออกกําลงั กายอยา งหนงึ่ ทมี่ ีสวนชว ยในการเผาผลาญพลงั งานและ เชน ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด เปนตน สง ผลใหรางกายแขง็ แรง ปราศจากโรคภยั ไขเจบ็ ตางๆ เพราะถา หากเรา มีสุขภาพรางกายท่แี ข็งแรง เรากไ็ มมคี วามจาํ เปนตองไปพบแพทย และไมต อ งเสยี คา รักษาพยาบาลอกี ดว ย ตอบขอ 1. คมู ือครู 123

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การทํารายงานเรื่อง การจัดระบบบรกิ ารสุขภาพ คา� ถาม ประจา� หน่วยการเรยี นรู้ ในประเทศไทย ๑. สถานบรกิ ารสขุ ภาพของรฐั และเอกชนมคี วามแตกตา่ งกันในเรอื่ งใดบา้ ง จงอธิบาย 2. การวิเคราะหห ลกั ประกนั สุขภาพแตละรปู แบบ ๒. หากนกั เรยี นอาศยั อยู่ในเขตชนบท และมคี วามตอ้ งการใชบ้ รกิ ารทางสขุ ภาพ นกั เรยี นจะเลอื กใชบ้ รกิ าร 3. การจดั ทาํ ปา ยนเิ ทศเกย่ี วกบั สถานบรกิ ารสขุ ภาพ จากสถานบรกิ ารสุขภาพจากแหล่งใด เพราะเหตใุ ด ในทองถิ่น ๓. การสรา้ งหลกั ประกนั สขุ ภาพใหก้ บั ประชาชน นกั เรยี นคดิ วา่ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ การบรกิ ารสขุ ภาพ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่ อยา่ งไร ๔. สวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการมีข้อจ�ากัดในการใช้สิทธิที่แตกต่างจากหลักประกันสุขภาพใน 1. รายงานเรอื่ ง การจัดระบบบรกิ ารสุขภาพ ในประเทศไทย รูปแบบอื่นอย่างไรบา้ ง ๕. หากเพอื่ นของนกั เรยี นปว่ ยเปน็ โรครา้ ยแรงและตอ้ งไดร้ บั การผา่ ตดั แตม่ หี ลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ 2. ปา ยนเิ ทศเกีย่ วกบั สถานบรกิ ารสุขภาพ ในทอ งถ่นิ นกั เรยี นจะแนะนา� ใหเ้ พอ่ื นเลอื กใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพทเ่ี หมาะสมกบั ปญั หาสขุ ภาพและสทิ ธิในหลกั ประกนั สุขภาพทม่ี ีอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร กิจกรรม สร้างสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ ี ๑ นกั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานบรกิ ารสขุ ภาพทอ่ี ยู่ในทอ้ งถน่ิ วา่ มบี ทบาท หนา้ ทอ่ี ย่างไรบา้ ง วนั เวลา และเง่อื นไขในการใหบ้ ริการเปน็ อยา่ งไร แล้วน�ามาจัด กจิ กรรมที่ ๒ เป็นป้ายนิเทศ กิจกรรมท่ ี ๓ นักเรียนแต่ละคนส�ารวจข้อมูลเก่ียวกับหลักประกันสุขภาพของบุคคลในครอบครัว ตนเอง ว่าใครมหี ลกั ประกนั สขุ ภาพอะไรบ้าง และเขยี นสรุปส่งครูผู้สอน แบ่งนกั เรียนออกเป็น ๔ กลมุ่ แตล่ ะกล่มุ จับสลากศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเตมิ ถึงแนวทาง ในการใช้บริการเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์จากการมีหลักประกันสุขภาพประเภทต่างๆ ไดแ้ ก ่ สวสั ดิการด้านการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ หลกั ประกนั สุขภาพถว้ นหน้า ระบบประกันสังคม และระบบประกันสุขภาพเอกชน โดยนักเรียนสามารถสืบค้น ข้อมูลได้จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากน้ันวิเคราะห์ว่า หลักประกันสุขภาพ ประเภทใดท่ีนักเรียนสามารถใช้สิทธิเข้ารับบริการทางสุขภาพได้ แล้วน�าเสนอผล การศึกษาหน้าชน้ั เรยี น 1๒๔ แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. สถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐและเอกชนมีความแตกตา งกันในเรื่องของการใหบ รกิ าร และคาใชจ าย โดยสถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐนั้นจะมีความลา ชาในการใหบ รกิ าร ผปู ว ย แตจ ะเสยี คาใชจ ายนอย สําหรับสถานบรกิ ารสขุ ภาพของเอกชนนัน้ จะมคี วามรวดเร็วในการใหบ ริการ อีกท้ังยงั มีอุปกรณทางการแพทยทที่ ันสมยั แตค า ใชจาย ในการรกั ษาพยาบาลคอ นขางสงู 2. อาจเลือกใชบ รกิ ารสขุ ภาพในสถานบริการสขุ ภาพ เชน โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบล เพราะเปน สถานบริการสขุ ภาพทีอ่ ยูใกลบานมากทสี่ ดุ และมีบริการสาธารณสขุ ผสมผสานทั้งดานการสรา งเสริมสขุ ภาพ การควบคุมและปองกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟน ฟูสมรรถภาพทคี่ รอบคลมุ สําหรับประชาชน 3. ขน้ึ อยูก ับคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา ครอบคลุม เพราะประชาชนทกุ คนมสี ิทธทิ จ่ี ะไดร ับความคุม ครองทางดา นสขุ ภาพไมวา จะมฐี านะยากจนหรือรํา่ รวย โดย เลือกใชร ะบบประกันสขุ ภาพใหถูกตองตามความเหมาะสมหรอื สทิ ธทิ ่ตี นเองไดรับ 4. เปน การใหส ิทธปิ ระโยชนและความคุมครองดานการรักษาพยาบาลแกบุคคลในครอบครวั ทป่ี ระกอบอาชีพรบั ราชการ ไดแก คสู มรส บิดา มารดา และบุตรท่ยี ังไมบ รรลุ นติ ภิ าวะอกี 3 คน 5. แนะนาํ ใหเพ่อื นเขา รับการรักษาพยาบาลในสถานบริการสุขภาพใดกไ็ ดทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการรกั ษาทีด่ ี เน่อื งจากเปนกรณีฉกุ เฉินท่จี ําเปนตองไดรบั การผา ตัดอยาง เรง ดวน โดยไมตอ งคาํ นงึ วาจะตองเลอื กใชส ถานบริการสุขภาพที่ระบุไวตามสทิ ธเิ พียงเทา น้ัน 124 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. วเิ คราะหผลของการใชเ ทคโนโลยที ่ีมตี อ สขุ ภาพได 2. วเิ คราะหความเจรญิ กาวหนา ทางการแพทย ท่ีมผี ลตอสขุ ภาพ สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. ใฝเ รียนรู 3. มุงม่ันในการทาํ งาน ๘หนว ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage เทคโนโลยที างสขุ ภาพ ครูนาํ ภาพรูปแบบการรักษาทางการแพทย และความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ในสมยั อดตี และในปจ จุบันมาใหน กั เรยี นดู เพอ่ื เปรยี บเทยี บความแตกตาง จากนน้ั ครตู งั้ คําถาม ตัวชว้ี ดั ก ารแพทยในปจจุบันมีความเจริญ กระตุนความสนใจ โดยนกั เรยี นสามารถ แสดงความคิดเหน็ ไดอ ยางอิสระ ■ วเิ คราะหผ ลของการใชเ ทคโนโลยีท่มี ีตอ สุขภาพ กา วหนา มากขนึ้ เนอ่ื งจากมกี ารคดิ คน วธิ กี าร (พ ๔.๑ ม.๒/๒) • นักเรยี นคดิ วา การแพทยในสมยั อดตี กบั ■ วเิ คราะหค วามเจรญิ กา วหนา ทางการแพทยทม่ี ผี ลตอ สขุ ภาพ การแพทยใ นปจ จบุ นั มคี วามแตกตา งกัน (พ ๔.๑ ม.๒/๓) บาํ บดั รกั ษาดว ยการนาํ เทคโนโลยตี า งๆ เขา มา อยา งไร ชว ยเหลอื ซงึ่ ในการนาํ เทคโนโลยเี หลา นน้ั มาใช เราจะตองคํานึงถึงผลดี และผลเสียท่ีเกิดข้ึน • เพราะเหตใุ ด การแพทยใ นปจจุบนั จงึ ไดรับ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ดวยวาจะกอใหเกิดผลดีตอสุขภาพหรือเกิด ความนิยมกนั อยางแพรหลาย ■ ผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีตอ สขุ ภาพ ผลกระทบตอสุขภาพมากนอยเพียงใด โดยเรา • นักเรียนคดิ วา ความเจริญกา วหนาทาง ■ ความเจริญกาวหนา ทางการแพทยทม่ี ีผลตอ สขุ ภาพ จะตองรจู ักใชเ ทคโนโลยีอยางชาญฉลาด ทง้ั น้เี พอื่ การแพทยใ นปจ จบุ ันกอ ใหเ กดิ ผลกระทบตอ สุขภาพของเราไดหรือไม อยา งไร การมีสขุ ภาพทด่ี ี บีบ Leading ไว้ เกร็ดแนะครู ครูควรเนนใหน กั เรยี นรจู กั เลอื กใชเ ทคโนโลยที างสุขภาพตางๆ ดว ยความ ระมัดระวงั ไมก อ ใหเ กิดผลกระทบตอ สขุ ภาพของตนเอง เนอ่ื งจากปจจบุ ัน เทคโนโลยีทางสุขภาพตา งๆ ไดม กี ารพฒั นาและมีความเจรญิ กา วหนา มากยงิ่ ขนึ้ จงึ ทาํ ใหนกั เรยี นอาจไมรูเ ทาทันเทคโนโลยเี หลา นั้น อาจกอ ใหเ กดิ ผลเสียตอสขุ ภาพ ได ซ่ึงถานกั เรียนมีความรคู วามเขา ใจและนาํ ไปใชอ ยางถูกวธิ ี กย็ อมสงผลให นักเรียนเกิดความปลอดภัย และสามารถนาํ ประโยชนจ ากเทคโนโลยเี หลาน้ัน ไปใชไ ดอ ยางมปี ระสิทธภิ าพ คมู ือครู 125

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครตู ้ังคําถามกระตุน ความสนใจ โดยนกั เรียน ปจั จบุ นั มกี ารนา� เทคโนโลยมี าใชอ้ า� นวยความสะดวกในการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั ซง่ึ เทคโนโลยี สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอ ยา งอสิ ระ ทนี่ า� มาใช้มีทง้ั คณุ และโทษ ในการใชเ้ ทคโนโลยีจึงควรค�านึงถึงผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้นทง้ั ทางบวกและ ทางลบ ดงั นน้ั การเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งชาญฉลาดจะชว่ ยให้ปลอดภยั และใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ ง • นักเรยี นคนใดรูจกั หรอื เคยไดยินเก่ียวกับ เต็มประสทิ ธภิ าพ นอกจากน้กี ารให้บรกิ ารทางการแพทย์และสุขภาพกม็ ีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีทางสุขภาพมาบางหรอื ไม เชน่ กนั จึงต้องรูจ้ ักเลอื กรูปแบบการใหบ้ รกิ ารท่เี หมาะสมกับตนเอง (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยางอสิ ระ) ๑. เทคโนโลยที างสขุ ภาพในชวี ติ ประจ�าวัน เทคโนโลยที างสขุ ภาพ หมายถึง การรวบรวมความรแู้ ละวธิ ีการทางวิทยาศาสตรม์ าใชอ้ ย่าง • เทคโนโลยีทางสุขภาพท่ีนักเรยี นรจู ัก เปน็ ระบบ ซงึ่ จะช่วยใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การปอ้ งกนั โรค การรักษาโรค มอี ะไรบาง และการฟ้ืนฟสู ุขภาพ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บุคคลหรือชุมชนมีสุขภาพที่ดีและมีความปลอดภัยในชีวิต มีความ ไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา ผลติ ภณั ฑ สา� คัญตอ่ สขุ ภาพและการดา� รงชีวิตประจ�าวนั ของเราอย่างมาก เน่อื งจากในแตล่ ะวนั เราต้องอาศยั เสรมิ อาหาร เครอื่ งสาํ อาง เครอ่ื งมือทาง เทคโนโลยีหลายอย่างเพ่ือการอุปโภคและบริโภค นับตั้งแต่เร่ิมตื่นนอนจนกระท่ังเข้านอน การแพทยท ม่ี ีความทนั สมัยมากข้นึ ฯลฯ) ซเค่ึงรเือ่ทงคใโชน้ไโฟลฟย้าีต ่าโงทๆร ศเัพหทล์ ่าเนค้ีเรป่ือ็นงสเคา� รอ่ือางง1อ อ�าปุนกวรยณคว์ทาามงสกะาดรแวพกใทหย้ก ์ ับเปวน็ิถตีก้นารด�าเนินชีวิตของเรา เช่น • เทคโนโลยีทางสุขภาพ มีความสําคัญอยา งไร ๑.๑ คณุ คา่ ของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ กับชีวติ เรา (แนวตอบ เพือ่ ใชในการดูแลสุขภาพ เทคโน๑โล)ย ีทดา้างนสคขุ ภุณาภพามพคี ณุชีวคิตา่2ต ่อคววถิ าีกมาเรจดรา�ิญเนกนิ้าชวหวี ิตนข้าอทงาบงุคเทคคลใโนนภโลายพีใรนวสม่ว น ดทงั ่ีนเกี้ ่ียวข้องกับ สรา งเสรมิ สุขภาพ ปองกนั รกั ษาโรคภัยไขเจบ็ และฟน ฟูสมรรถภาพรา งกาย เพอ่ื ใหต นเอง มสี ขุ ภาพดี ปราศจากโรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ) สาํ รวจคน หา Explore สุขภาพนั้น ช่วยให้บุคคลมีวิถีการด�าเนินชีวิตที่สะดวกสบาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพท้ัง ใหน กั เรียนศึกษาเร่อื ง เทคโนโลยีทางสุขภาพใน ร่างกาย จติ ใจ สังคม และปญั ญา ชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของบคุ คลให้สามารถใช้ชวี ติ ประจา� วนั ชวี ติ ประจาํ วนั จากหนงั สอื เรยี น และแหลง การเรยี นรู ไดอ้ ย่างมีความสขุ อน่ื ๆ เพม่ิ เตมิ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ ๒) ดา้ นประสทิ ธภิ าพของงาน ในทางการแพทยก์ ารนา� เทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใช้ • คุณคา ของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ • ประเภทของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ จะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการท�างานของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ทันสมัย ซึ่งจะท�าให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อการน�ามาใช้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ ของประชาชนดว้ ย ๓) ด้านประสิทธิผลของผลผลิต เทคโนโลยีในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาพช่วยให้ การศึกษา ค้นควา้ และการวิจยั ของนกั วชิ าการทางสุขภาพในหลากหลายสาขาวชิ า สามารถสร้าง ผลงานหรอื ผลผลติ ทมี่ คี ณุ คา่ และมปี ระโยชนต์ อ่ ชวี ติ มนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ รวมถงึ มคี วามทนั สมยั เหมาะสมกบั ชว่ งเวลา ชว่ ยใหก้ ารดแู ลรกั ษาโรคใหแ้ กผ่ คู้ นมปี ระสทิ ธภิ าพและสะดวกสบายมากขนึ้ ๑26 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การนาํ เทคโนโลยีทางสุขภาพมาใช กอ ใหเกดิ ประสทิ ธภิ าพในการดูแล 1 เครื่องสาํ อาง บางคนอาจใชเ คร่ืองสําอางแลว เกดิ ผลขา งเคียง โดยสวนใหญ สขุ ภาพในดานตา งๆ ยกเวน ขอใด จะเกิดขนึ้ บริเวณท่สี ัมผัสกับเครอ่ื งสําอางโดยตรง ซึ่งอาจเกิดอาการแพไดต ั้งแตก าร 1. การสรา งเสริมสุขภาพ ระคายเคือง คนั แสบ รอ น บวมแดง ผื่นขนึ้ ผวิ แหง แตก ลอก หรือมีอาการรุนแรง 2. การชวยลดการเกดิ อบุ ัติเหตุ ถึงขัน้ เปนแผลพุพองได 3. การฟน ฟูสมรรถภาพรา งกาย 2 คณุ ภาพชีวิต เปน เปา หมายของการดาํ เนนิ งานสาธารณสขุ เพ่อื ใหป ระชาชน 4. การปอ งกันรักษาโรคภยั ไขเ จ็บ ทุกคนมคี ณุ ภาพชวี ิตที่ดี นอกจากนีค้ ณุ ภาพชีวติ ยงั เปน เครือ่ งช้วี ัดความเจรญิ วเิ คราะหค าํ ตอบ การนําเทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใชช ว ยใหเกิด กา วหนาของมติ ิทางดานประชากร สงั คม สขุ ภาพ จติ วญิ ญาณ สิ่งแวดลอ ม และ ประสทิ ธิภาพในการดแู ลสุขภาพในดานตางๆ ทง้ั การสรางเสรมิ สุขภาพ องคป ระกอบอน่ื ๆ ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ความเปน อยทู ด่ี ขี องมนษุ ย ซงึ่ เปน เปา หมายทส่ี าํ คญั การปองกนั รักษาโรคภัยไขเ จ็บ และการฟน ฟสู มรรถภาพรางกาย เพ่อื ให ของการพัฒนาประชากรของประเทศตางๆ ในปจจุบนั บุคคลมสี ขุ ภาพทีด่ ีและมีความปลอดภัยในชวี ิต ตอบขอ 2. 126 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔) ดา้ นความประหยัด การใชเ้ ทคโนโลยที างสุขภาพ ช่วยประหยัดทง้ั แรงงานและ ใหนกั เรียนรว มกนั แสดงความคดิ เห็นวา เทคโนโลยีทางสขุ ภาพมคี ณุ คาอยา งไรตอ การ เวลาในการท�างาน รวมถึงช่วยให้บุคคลสามารถใช้เวลาในการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและเกิด ดําเนนิ ชีวติ ของเรา จากน้นั ครเู สนอแนะและ ประโยชน์มากข้ึน เนื่องจากขั้นตอนหรือ อธิบายเพิม่ เติมใหกบั นักเรียนวา เทคโนโลยีทาง กระบวนการผลิตได้รับการพัฒนาอยู่ตลอด สขุ ภาพมคี ณุ คาตอการดําเนนิ ชวี ติ ของเรา ไดแ ก เวลา เพื่อให้เกิดความประหยัดทั้งในเรื่องเวลา ชวยใหบ ุคคลมีวถิ กี ารดําเนนิ ชวี ิตท่ีสะดวกสบาย แรงงาน และการลงทนุ กอ ใหเกดิ ประโยชนต อสขุ ภาพทัง้ รา งกาย จิตใจ อารมณ และสังคม เพ่ือนาํ มาใชในการดูแล ๑.2 ประเภทของเทคโนโลยี สขุ ภาพ สรางเสรมิ สุขภาพ ปอ งกนั โรค และฟน ฟู ทางสุขภาพ สมรรถภาพรา งกายใหมีความแข็งแรง ปราศจาก โรคภัยไขเ จ็บตางๆ นอกจากนกี้ ารใชเ ทคโนโลยี เทคโนโลยีทางสุขภาพ จ�าแนกออกได้ ทางสขุ ภาพ ยังชวยใหเ กดิ ความประหยัดทัง้ ๓ ประเภทตามแนวทางพื้นฐานของสุขภาพ แรงงานและเวลาในการทาํ งาน รวมถงึ ชวยให ผู้บรโิ ภค คอื บุคคลสามารถใชเ วลาในการปฏบิ ตั งิ านไดอ ยา ง รวดเร็วและเกดิ ประโยชนม ากขนึ้ ๑) เทคโนโลยเี กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ สุขภาพ เป็นเทคโนโลยีที่น�ามาใช้เป็นเคร่ือง อปุ โภคและบรโิ ภคในชวี ติ ประจา� วนั โดยสามารถ สบู เปนผลิตภัณฑท ี่นาํ มาใช เพอ่ื ชําระลางส่ิงสกปรกจาก แบ่งออกได้เป็น ๕ ประเภท ดังน้ี รางกาย เพ่ือกอ ใหเกิดการมสี ขุ ภาพดี ๑.๑) เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคร่ืองสําอาง เป็นเทคโนโลยีที่น�ามา ประยุกตใ์ ชก้ บั เครอื่ งสา� อาง ท้ังอปุ กรณ์ ผลติ ภณั ฑ ์ กระบวนการผลติ และการปรงุ แตง่ เพ่อื ใหเ้ กิด ความสวยงามหรือมีสุขภาพดี เช่น น้�าหอม ลปิ สตกิ แปง้ สบ ู่ ยาสฟี นั ยาสระผม โฟมลา้ งหนา้ โฟมโกนหนวด ครมี ทาหนา้ ครมี ทาตวั ยากา� จดั กลนิ่ ตัว เปน็ ตน้ ๑.๒) เทคโนโลยีเก่ียวกับ ผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นเทคโนโลยีท่ีน�าความรู้ และวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรม์ าใชใ้ นกระบวนการ ผลิต การปรุงผสม การบรรจุ การเก็บรักษา และการถนอมอาหาร ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้ รับคุณค่าหรือประโยชน์จากอาหารมากท่ีสุด แนล้�ามะตันรพงชื ตเาสมริมคสวขุามภตาพ้อ งไกขา่สรขุ ขภอางพร1่ าเงปก็นาตยน้ เช่น ไขสุขภาพ เปนการนําเทคโนโลยีมาใชเพ่ือเพ่ิมคุณคา ทางอาหารใหม ากขึ้นกวา เดมิ เชน มโี อเมกา ๓ ปรมิ าณ คอเลสเตอรอลนอยลง เปน ตน ๑2๗ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู ขอใดกลา วไมถกู ตองเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางสุขภาพถงึ แมว า จะมีคุณคา ตอ การดําเนินชวี ติ ของเรา แตก็ยงั มี 1. ชว ยใหมนษุ ยม อี ายุยืนยาวขึน้ ผลกระทบตอ สุขภาพของเราดวยเชนกนั โดยครูอาจถามนักเรียนวา ผลกระทบของ 2. ชวยรกั ษาสภาพแวดลอมใหดีข้ึน เทคโนโลยที ี่มตี อ สขุ ภาพในชวี ิตประจําวันน้ันมีอะไรบา ง แลว ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ นัน้ 3. เพิ่มความสะดวกในการดาํ รงชวี ติ มคี วามรุนแรงอยา งไร และนกั เรียนมีแนวทางในการปอ งกนั แกไขอยางไรบาง 4. เพิ่มความรวดเรว็ ในการผลิตสนิ คา และบรกิ าร วเิ คราะหค ําตอบ จากความเจริญกา วหนา ของเทคโนโลยีที่มีการพฒั นา นักเรยี นควรรู อยางตอเนือ่ ง ซึ่งชวยทําใหเ รามีคุณภาพชีวติ ทยี่ นื ยาวและสะดวกสบาย มากยง่ิ ขนึ้ อีกทัง้ ยงั ชว ยเพม่ิ ความรวดเร็วในการผลิตสนิ คา และบริการ 1 ไขส ุขภาพ เปนไขท่ีมสี ารอาหารเสริมนอกเหนอื จากสารอาหารทมี่ ีอยู เชน อกี ดว ย แตใ นขณะเดยี วกนั ยง่ิ เทคโนโลยมี คี วามเจรญิ กา วหนา มากขน้ึ เทา ไหร โอเมกา 3 วิตามินอี สารตานอนมุ ูลอสิ ระ เปน ตน รวมทงั้ ไขทีไ่ ดจ ากไกเ ลีย้ ง ย่งิ จะสงผลกระทบใหสงิ่ แวดลอ มมีคณุ ภาพเสอื่ มโทรมมากขน้ึ เทานัน้ โดยธรรมชาติ และปราศจากการปนเปอนจากสารเคมี ตอบขอ 2. คูมือครู 127

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรียนรว มกันอภิปรายวา เทคโนโลยีทาง ๑.๓) เทคโนโลยีเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ยา เป็นการน�าเทคโนโลยีมาใช้เพื่อผลิต สุขภาพทนี่ กั เรยี นรจู กั หรอื เคยไดยนิ มีอะไรบาง มแลาสะคก้นดั หเปาน็ตตวั วยั ยาใาหทมา� เ่ๆป ็นหแรอืคปปรซับลู ป ยรางุ ตเมวั ด็ยคาเุมดกิม�าใเหนม้ิดปีแรบะบสฉทิ กุ ธเภิ ฉาินพ1 มเปาน็กตขน้้ึน เช่น การน�าสมนุ ไพรไทย จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั ๑.๔) เทคโนโลยีเก่ียวกับ ในประเดน็ ประเภทของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ ผลติ ภณั ฑท์ เี่ ปนเครอื่ งมอื แพทย์ ผลิตภัณฑท์ ่ี โดยครูและนกั เรียนคนอ่ืนๆ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ เปน็ เครอื่ งมอื แพทย ์ ไดม้ กี ารนา� เทคโนโลยมี าใช้ และตัง้ คาํ ถามเพือ่ นําไปสูขอ สรปุ ท่ถี กู ตอ งรว มกัน อยา่ งมาก โดยเฉพาะในสว่ นของผลติ ภณั ฑห์ รอื เครือ่ งมือและกระบวนการในการผลิต เพอ่ื ใช้ใน • ยกตวั อยา งเทคโนโลยที เ่ี ก่ียวกับผลติ ภณั ฑ การวนิ จิ ฉยั โรคและตรวจหาความผดิ ปกตทิ เี่ กดิ ขนึ้ สุขภาพ รวมถึงอุปกรณ์ท่ีใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น อุปกรณ์ตรวจคลื่นหัวใจโดยใช้ไฟฟ้า เคร่ืองวัด ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เทคโนโลยี แคปซูลสมุนไพรไทย เปนการนําเทคโนโลยีมาใชเพ่ือ ความดันโลหิตอัตโนมัติ อุปกรณ์ตรวจวัดระดับ เกี่ยวกับผลติ ภัณฑเครื่องสําอาง ผลิตภณั ฑ เพมิ่ ประสิทธิภาพในการรักษาโรคใหดขี น้ึ นา้� ตาลหรอื คอเลสเตอรอลในเลอื ด เปน็ ตน้ อาหาร ผลิตภัณฑยา ผลติ ภณั ฑท เี่ ปน เครอื่ งมอื แพทย และผลติ ภณั ฑท เ่ี ปน อปุ กรณ ๑.๕) เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เปนอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือสุขภาพ เป็น หรอื เครอ่ื งมอื สขุ ภาพ) การนา� เทคโนโลยมี าใชเ้ พอื่ การผลติ อปุ กรณห์ รอื เครอ่ื งมอื อา� นวยความสะดวกสบาย การสรา้ งเสรมิ เสกุขา้ ภอาน้ี พวด ไกฟาฟรผา้2 ่อเคนรคื่อลงานยวคดวฝาา มเทเคา้ รเียปดน็ ตแ้นละการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ เช่น เคร่ืองนวดไฟฟ้า • การนาํ เทคโนโลยีเกี่ยวกบั ผลิตภัณฑท ีเ่ ปน อุปกรณหรือเครื่องมือสุขภาพมาใช ๒) เทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีเพ่ือการให้บริการสุขภาพ กอใหเ กดิ ประโยชนอ ยา งไร ซึ่งแบ่งออกได้เปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี (แนวตอบ เพ่อื อํานวยความสะดวกสบาย ๒.๑) เทคโนโลยีเกี่ยวกับการ สรางเสริมสุขภาพ ผอนคลายความเครียด ตรวจและรกั ษาโรค ไดม้ กี ารนา� เทคโนโลยใี หมๆ่ และปอ งกนั โรคภัยไขเ จบ็ ตางๆ) มาใช้ ท้งั เคร่อื งมอื หรอื ผลิตภัณฑ์ กรรมวธิ กี าร ตรวจวินจิ ฉัย และการรักษาโรคโดยใชเ้ คร่อื งมือ • เทคโนโลยเี กี่ยวกบั การสรา งเสริมสขุ ภาพ ทันสมัยหรือโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เช่น มีประโยชนตอ เราอยางไร สวิรศา้ วงกภรารพมดเ้วนยื้อสเนยาื่อมแแลมะ่เผหิวลห็ก3น (MังเRทIีย : มM aเgคnรe่ือticง (แนวตอบ เพือ่ ชวยใหเ รามีโอกาสสรา งเสริม สุขภาพหรอื ทาํ ใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณไ ด เชน เครอ่ื งออกกําลงั กาย หนุ ยนตช ว ยดแู ล ผูที่ชวยเหลือตนเองไมไ ด เปนตน) เครื่องสรางภาพดวยสนามแมเหล็ก สามารถตรวจสอบ R e s o n a n c I m a g i n g ) เ ค ร่ื อ ง เ อ ก ซ เ ร ย ์ ความผิดปกติในรางกายไดอยางแมนยํา และรวดเร็ว คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง แคปซูลวินิจฉัยโรค ชวยอํานวยความสะดวกในการวินจิ ฉยั โรค ในระบบทางเดินอาหาร เปน็ ต้น ๑28 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดไมใชก ารแสดงถึงการใชเทคโนโลยีทมี่ ีผลตอ สขุ ภาพ 1 ยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉกุ เฉนิ เปนยาทีย่ ับย้งั การตั้งครรภแบบเฉียบพลนั 1. การผลติ หนุ ยนต ปอ งกนั ไมใ หไ ขท ่ไี ดรับการผสมแลว ฝง ตวั ทีผ่ นงั มดลูก ซ่ึงตองรับประทานยาภายใน 2. การผลติ วัคซนี ปอ งกนั โรค 48 ช่วั โมง หลงั การมีเพศสัมพันธ และตอ งรับประทานยาซํ้าอกี ครัง้ หลังจากท่ี 3. การผลติ ผลิตภณั ฑส าํ หรับการออกกาํ ลงั กาย รบั ประทานคร้ังแรก 12 ชัว่ โมง โดยอาจมีอาการขางเคยี ง คอื คลื่นไสและอาเจียน 4. การใชผ ลิตภัณฑใหมๆ เพอื่ ชวยในการรักษาโรค 2 เกาอ้นี วดไฟฟา หากนงั่ เปน ระยะเวลานานๆ จะสงผลกระทบตอ รางกาย วิเคราะหคาํ ตอบ เทคโนโลยที างสขุ ภาพ คอื การรวบรวมความรแู ละวธิ กี าร โดยอาจเกดิ การบาดเจบ็ ทีก่ ลามเน้ือ หรือกระดกู สันหลงั ได ทงั้ น้เี กา อ้ีนวดสามารถ ทางวิทยาศาสตรม าใชอ ยางเปน ระบบ ซึง่ จะชว ยใหเกิดประสิทธิภาพ ชวยไดเพียงกระตนุ ระบบไหลเวยี นโลหิตใหเ พิ่มมากขึน้ เทานน้ั แตไมส ามารถรกั ษา ในการดูแลสขุ ภาพ สรางเสรมิ สุขภาพ ปองกันโรค และฟน ฟสู มรรถภาพ โรคไดด งั สรรพคุณท่ีกลาวอาง รา งกาย สาํ หรบั การผลิตหนุ ยนตนนั้ เปนการพฒั นาเทคโนโลยีรปู แบบหนึ่ง 3 เครอื่ งสรางภาพดวยสนามแมเ หล็ก เปนเคร่ืองมือบนั ทกึ ภาพทางการแพทย ทส่ี ามารถอาํ นวยความสะดวกสบายใหก บั มนุษย แตไ มส ามารถนํามาใช โดยจะสงคล่นื วทิ ยุเขา สรู างกายของผรู ับการตรวจ สามารถใหรายละเอยี ดและ ในเรอื่ งที่เกี่ยวขอ งกบั สุขภาพได ตอบขอ 1. ความคมชดั เสมือนการตดั รางกายออกเปนสว นๆ แพทยจ งึ สามารถมองจดุ ท่ี ผดิ ปกติในรา งกายไดอ ยางละเอยี ด โดยไมก อ ใหเกิดอันตรายใดๆ 128 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ส ุขภาพดี ลดอัต๒รา.๒กา) รเเจทบ็ คปโวนยโแลลยะีเกกาี่ยรวเสกยี ับชกีวาิตรไดป้ อเชงก่นั นเโครรคอื่ งตเปรว็นจเหทาคเโชนอ้ื โไลวยรีัสทต่ีชับ่วอยกัใหเส้คบนชเนรดิามซ1ีี ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั การใช้อุปกรณ์สร้างคล่ืนความถ่สี ูงเพ่อื ไลห่ นู แมลงสาบ เปน็ ต้น ตอ ในประเดน็ ประเภทของเทคโนโลยีทางสุขภาพ ๒.๓) เทคโนโลยเี กย่ี วกบั การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ มจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ ชว่ ยใหค้ นเรา โดยครแู ละนกั เรียนคนอ่นื ๆ เสนอแนะเพิ่มเติม มโี อกาสสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพหรอื ทา� ใหร้ า่ งกายแขง็ แรงสมบรู ณไ์ ด ้ เชน่ เครอ่ื งออกกา� ลงั กายแบบใหม่ และตัง้ คําถามเพอื่ นาํ ไปสูขอสรปุ ทถี่ ูกตองรวมกนั โถสว้ มปลอดภยั สา� หรับผู้สูงอายุและผู้ปว ย หุ่นยนตช์ ว่ ยดูแลผ้ทู ช่ี ่วยเหลอื ตนเองไมไ่ ด ้ เป็นตน้ • เทคโนโลยเี ก่ียวกบั ขา วสารสุขภาพที่ ๓) เทคโนโลยีเกี่ยวกับขาวสารสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร นักเรียนรูจ ักมีอะไรบาง การเผยแพรข่ า่ วสารทางสุขภาพ โดยผ่านส่ือต่างๆ ทง้ั สอ่ื สิ่งพิมพ์ สอ่ื ที่ไมใ่ ชส่ ื่อสง่ิ พมิ พ์ และส่อื (แนวตอบ ไดแ ก เทคโนโลยกี ารพมิ พเ กยี่ วกบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซึ่งสามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี ขา วสารสขุ ภาพ เทคโนโลยคี มนาคมเกย่ี วกบั ๓.๑) เทคโนโลยีการพิมพ์เก่ียวกับขาวสารสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้อง ขา วสารสขุ ภาพ และเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร กบั การพมิ พ ์ การบนั ทกึ ดว้ ยตวั อกั ษร การบนั ทกึ ดว้ ยภาพตา่ งๆ และการควบคมุ การพมิ พบ์ นระบบ เก่ียวกบั ขา วสารสขุ ภาพ) เครือขา่ ย เพ่อื ใหส้ ามารถพมิ พ์งานข่าวสารสุขภาพได้คมชัดและได้รูปแบบตามต้องการ ๓.๒) เทคโนโลยคี มนาคมเกีย่ วกบั ขา วสารสุขภาพ เป็นการนา� เทคโนโลยมี าใช้ • นกั เรียนคดิ วา เทคโนโลยีเก่ยี วกบั ขาวสาร ท้ังในกระบวนการและผลผลิต ท�าให้เป็นระบบท่ีสามารถส่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพในรูปของ สขุ ภาพใดมบี ทบาทมากทส่ี ดุ เพราะเหตใุ ด ตวั อกั ษร รปู ภาพ และเสียงทเ่ี รยี กวา่ มลั ตมิ เี ดยี (แนวตอบ เทคโนโลยีคอมพิวเตอรเกีย่ วกบั (Multimedia) ผา่ นสอ่ื ประเภทตา่ งๆ ท้งั สื่อแบบ ขา วสารสขุ ภาพ เพราะเปนสอื่ ท่มี อี ทิ ธิพล ใช้สายและสื่อแบบไร้สายไปยังผู้รับข่าวสาร มากทสี่ ุดในการเขาถงึ ขอมลู ขาวสารตา งๆ ทางดา นสขุ ภาพ ซึ่งสามารถสืบคน ไดอยาง งา ยดายภายในเวลาอนั รวดเร็ว จึงเปน เทคโนโลยที มี่ คี วามนยิ มมากทสี่ ดุ ในปจ จบุ นั ) สุขภาพไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแมน่ ยา� ขยายความเขา ใจ Expand ๓.๓) เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เกยี่ วกบั ขา วสารสขุ ภาพ ในปจั จบุ นั คอมพวิ เตอร์ ใหน กั เรียนสบื คนภาพตวั อยา งเทคโนโลยีทาง ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสื่อสารด้าน สขุ ภาพมาอยางนอ ย 10 อยาง แลว นาํ ขอมลู ท่ีได สุขภาพ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร มาจัดทาํ เปน สมุดภาพ พรอ มทั้งบอกถงึ ประโยชน บนเวบ็ ไซต ์ (Website) ในอนิ เทอรเ์ นต็ (Internet) หรือคณุ คา ท่ไี ดรบั จากการใชเ ทคโนโลยี กซงึ่ามรแหี ลลากกเปหลลา่ียยนรคปู วแาบมบค เิดชเน่ ห บ็นทผค่าวนาเมวอ็บอบนอไลรน์ด2 ์ ทางสขุ ภาพนัน้ ๆ (Web Board) การน�าเสนอข้อมูลผ่านทาง เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน ์ เชน่ เฟซบกุ (Facebook) หรอื ทวติ เตอร ์ (Twitter) ผา่ นทางโทรศพั ทม์ อื ถอื โปสเตอรรณรงคด า นสุขภาพ เปนการนําเทคโนโลยีมาใช เปน็ ต้น เพือ่ สรา งความรูค วามเขา ใจดานสุขภาพใหแกประชาชน ๑2๙ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ใหน ักเรียนหาขา วเกย่ี วกับเทคโนโลยีทางสขุ ภาพมา 1 ขา ว จากน้ัน 1 ไวรัสตบั อกั เสบชนดิ ซี เปนไวรสั ขนาดเลก็ ท่ที าํ ลายเซลลตับเหมือนชนดิ เอ นาํ มาสรุปสาระสาํ คัญลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครผู สู อน และบี เมอ่ื เช้อื เขา สรู า งกายแลว จะเขาไปเจรญิ เติบโตอยภู ายในเซลลต บั โดยจะ ทําลายเซลลตับใหอ อ นแอลงเรือ่ ยๆ และทําใหเกดิ โรคตบั อักเสบเรอ้ื รงั จนในที่สุด กจิ กรรมทา ทาย อาจสงผลใหเปนโรคตับแขง็ และโรคมะเรง็ ตับได 2 เวบ็ บอรด คอื พน้ื ทบี่ างสว นของเวบ็ ไซตทจ่ี ดั ใหเปน เหมือนกระดานขา ว ใหน ักเรียนเลอื กเทคโนโลยีทางสุขภาพทนี่ กั เรยี นชืน่ ชอบมา 1 อยา ง ในการพดู คุย แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ แสดงความรู และอนื่ ๆ ของสมาชิกทเี่ ขา มา จากน้นั วิเคราะหวา เทคโนโลยที น่ี กั เรยี นเลอื กมาน้ันมีประโยชนอยางไร เย่ยี มชมเวบ็ ไซตแ หง น้นั โดยการโพสตข อความ ภาพ เสียง ใสไวบนเวบ็ บอรด เพ่ือ ตอสุขภาพของนักเรียน และถา ไมมีเทคโนโลยดี ังกลาว จะสงผลอยา งไร ใหสามารถสอ่ื สารกบั สมาชกิ คนอืน่ ๆ ได ซึ่งนกั เรียนควรใชอ ยา งมีวิจารณญาณ กบั นกั เรียนบา ง โดยใหสรปุ ผลการวิเคราะหลงในกระดาษรายงาน รูจ ักเลือกรับสวนทเี่ ปนดานดี ตัดสวนท่เี ปนดา นไมดี เชน การเขาสูเว็บไซตลามก แลว นาํ สงครผู สู อน หองสนทนาท่ีมีพฤตกิ รรมรุนแรงตา งๆ เปนตน เพ่ือการมพี ฤตกิ รรมทดี่ ีอันจะเปน ประโยชนต อ การดาํ เนินชีวติ ตอ ไป คมู ือครู 129

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรียนแบงกลมุ กลุมละ 3-4 คน ศกึ ษา ๒. ตวั อยา่ งของเทคโนโลยีทเ่ี ปนประเดน็ ทางสุขภาพ เร่อื ง ตวั อยางของเทคโนโลยีท่เี ปนประเด็นทาง ปัจจุบันเทคโนโลยีทางสุขภาพได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีการด�าเนินชีวิตและก่อให้เกิด สุขภาพ จากหนังสอื เรยี น และแหลง การเรยี นรู ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพของคนเราอยา่ งมาก โดยจะขอยกตวั อยา่ งของเทคโลยที เ่ี ปน็ ประเดน็ ทางสขุ ภาพ เพม่ิ เตมิ ตา งๆ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ มาน�าเสนอเป็นบางประเดน็ ดังน้ี • ผลิตภัณฑ GMOs 2.๑ ผลิตภัณฑ GMOs • วิตามินสังเคราะหแ ละวติ ามนิ จากธรรมชาติ อธบิ ายความรู Explain ในร่างกายของคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ท้ังพืช สัตว์ และจุลินทรีย์น้ัน มีหน่วยพันธุกรรมที่ ควบคมุ การแสดงออกของลักษณะต่างๆ เช่น ทา� ใหม้ ีตาสฟี ้า ตาสดี �า มีผวิ เหลือง ผวิ ขาว เป็นต้น ครถู ามนักเรยี นวา ผลติ ภัณฑ GMOs ทีน่ ักเรยี น ซ่ึงหน่วยพันธุกรรมดังกล่าวน้ี เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า “ยีน (Gene)” โดยยีนมีส่วนประกอบที่ส�าคัญ รจู กั นน้ั มอี ะไรบา ง โดยใหน กั เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถาม คอื ดเี อน็ เอ (DNA) เม่ือความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตรเ์ จริญขนึ้ จงึ มีการศึกษาคน้ ควา้ วเิ คราะห์ และแสดงความคิดเห็น ซึ่งครูสามารถเสนอแนะ โครงสร้างของยีนและได้ทดลองท�าการตัดต่อยีน โดยน�ายีนของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งใส่เข้าไปใน หรอื อาจยกตัวอยา งใหน ักเรียนเกิดความเขา ใจ สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหน่ึง ท�าให้ส่ิงมีชีวิตชนิดหลังแสดงลักษณะบางประการของสิ่งมีชีวิตชนิดแรก มากยง่ิ ขน้ึ เชน แตงโมสเ่ี หลี่ยม ดอกไม ทใ่ี หสีสัน ออกมา การทดลองดงั กลา่ วเปน็ ทมี่ าของ จเี อ็มโอ (GMOs) ซ่งึ ค�าว่าจเี อม็ โอ (GMOs) นั้น มาจาก ตามท่ีเรากาํ หนด เปน ตน จากน้ันครสู ุมนักเรยี น คา� ว่า จีเนติคอลลี โมดิฟาย ออกะนิสซมึ (Genetically Modified Organisms) แปลว่า สิ่งมชี ีวิต 2 กลุม ออกมานําเสนอในประเด็นผลติ ภณั ฑ ท่ผี า่ นการดดั แปลงหรอื ตบแตง่ ด้วยกรรมวธิ ที างพันธวุ ศิ วกรรม (Genetic Engineering) GMOs หลงั การนาํ เสนอเสร็จส้นิ ครแู ละนักเรียน ในปจั จบุ นั มกี ารนา� เทคนคิ การตดั ตอ่ ยนี มาใชใ้ นหลายๆ ดา้ น กอ่ ใหเ้ กดิ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ขนึ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม แลว ตงั้ คําถามเพือ่ นําไปสู หลากหลายชนิด เช่น ยา วัคซนี สารตรวจสอบทางห้องปฏิบัตกิ าร อาหาร สตั ว์ พชื เนือ้ สัตว์ ขอ สรุปท่ีถกู ตอ งรว มกนั สารที่ใช้ทางปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์เกษตร เป็นต้น ซึ่งท้ังหมดที่กล่าวมาน้ี มิใช่ว่าทุกชนิดจะเป็น ผลิตภัณฑ์ จีเอ็มโอ มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้น • GMOs (Genetically Modififified Organisms) เชน่ หมายถึงอะไร ที่ใช้ก●ับ ผยู้ปาวบยาโงรชคนเบิดา หเวชา่นน2 อินซูลิน1บางชนิด (แนวตอบ การดดั แปลงหรอื ตบแตง สง่ิ มีชีวิต (มีการรับรองโดย ดวยกรรมวิธีทางพนั ธุวศิ วกรรม) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาให้ สามารถใชไ้ ดใ้ นป  พ.ศ. ๒๕๒๕) โกรทฮอร์โมน • ยกตัวอยางผลติ ภณั ฑท ี่นกั เรียนคดิ วา (Growth Hormone) ส�าหรับรักษาอาการ มีการนําเทคนคิ การตดั ตอยีนมาใชเ พ่ือ แคระแกร็น ยาปฏิชีวนะ วิตามินบี ๒ สาร กอ ใหเ กดิ เปนผลติ ภณั ฑ GMOs ท่ีรจู ักกนั อิริโธรโพอิติน (Erythropoietin) ส�าหรับใชร้ ักษา ในปจ จุบัน โรคโลหติ จาง เป็นต้น (แนวตอบ ขึ้นอยกู บั คําตอบของนกั เรียน โรคเอ●ด สว ์ ัควัคซซีนีนบปา้องงชกนันิดโ รคเชพ่นิษ สุนวัคขั ซบี้าน3 ปเป้อ็นงตกน้ัน โดยอาจตอบวา ยา วัคซีน สารตรวจสอบทาง พชื บางชนดิ ทต่ี ดั ตอ พนั ธกุ รรม อาจมที ง้ั ผลดแี ละผลกระทบ หอ งปฏิบตั ิการอาหาร สัตว พืช ผลิตภณั ฑ จงึ ควรพจิ ารณาใหร อบคอบกอนเลือกซื้อบรโิ ภค เกษตร เปนตน ) ๑3๐ นกั เรยี นควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ สามารถนําเนอ้ื หาเรื่อง ตัวอยา งของเทคโนโลยที ี่เปน ประเด็นทางสขุ ภาพ 1 อนิ ซูลิน เปนฮอรโมนที่สรางจากตับออ น มหี นาทคี่ วบคุมระดบั น้ําตาล ผลิตภณั ฑ GMOs ไปบูรณาการเชอ่ื มโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตร ในเลือดใหเปนปกติ วิชาวทิ ยาศาสตร เร่ือง เทคโนโลยชี วี ภาพในการขยายพนั ธุ ปรบั ปรงุ พนั ธุ และ 2 โรคเบาหวาน เปน ความผดิ ปกตขิ องตับออนท่ไี มส ามารถสรา งอนิ ซูลนิ ได เพิม่ ผลผลติ ของสัตว อยางเพียงพอ หรอื รา งกายตอบสนองตออนิ ซลู นิ ไดนอยกวาปกติ จึงไมสามารถ เผาผลาญคารโ บไฮเดรตไดอ ยา งเหมาะสม สง ผลใหร ะดบั นาํ้ ตาลในเลอื ดสงู กวา ปกติ 3 โรคพิษสนุ ัขบา เรยี กอีกอยางหนงึ่ วา โรคกลัวนํ้า (Hydrophobia) เปน โรค ตดิ เชอื้ ของระบบประสาทสว นกลางท่ีมอี นั ตรายรา ยแรงถึงชวี ิต เกดิ ในสัตว เลยี้ งลูกดว ยนมทุกชนิด โดยเฉพาะสุนัข และแมว สามารถติดตอ มาสูม นุษยได โดยเชอื้ จะแสดงอาการภายใน 14 - 90 วัน อาการของสุนขั ท่ีไดรบั เชอ้ื สวนใหญ จะดรุ าย บางคร้งั อาจซมึ เศราและหวาดระแวง นา้ํ ลายจะไหลยืดอยูตลอดเวลา หางตก มอี าการกลัวนํ้า ซ่งึ ปจ จบุ ันโรคนีย้ ังไมส ามารถรักษาใหห ายขาดได แตส ามารถฉดี วคั ซีนปองกนั โรคได 130 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ● ชดุ ตรวจสอบทางห้องปฏิบตั ิการ เช่น ชุดตรวจสอบยาปฏชิ วี นะ1ตกคา้ งในน�้านม เปน็ ตน้ ใหนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายวา การตัดตอยนี ● พืชตัดตอ่ พันธุกรรม มักพบในการเกษตรกรรม เพื่อใหพ้ ืชทนต่อสภาพแวดลอ้ ม (ความ ทางพนั ธุวศิ วกรรม หรอื GMOs นั้น มีประโยชน แห้งแลง้ สารฆ่าวชั พืช การติดเชือ้ ราหรือไวรสั แมลง) เช่น ฝา้ ย ถว่ั เหลอื ง ขา้ วโพด มะเขอื เทศ ตอการนํามาใชอ ยา งไรบา ง โดยครตู ั้งคาํ ถามเพ่อื มันฝรั่ง เป็นต้น และท�าให้ได้ผลผลิตตามที่ กระตนุ การเรียนรูข องนักเรยี น ต้องการ เช่น ท�าให้ดอกคาร์เนชั่นมีสีตามที่ ก�าหนดได้ ท�าให้ต้นข้าวสาลีผลิตแป้งท่ีเหมาะ • GMOs มีประโยชนอยา งไรกับมนุษย แก่การท�าขนมปงั เป็นตน้ (แนวตอบ ● สัตว์ตัดต่อพันธุกรรม มีการใช้สัตว์ 1. ชวยในการปรับปรุงพันธพุ ืชใหม ี ทดลองทมี่ กี ารตดั ตอ่ ยนี เพอ่ื ศกึ ษาความผดิ ปกติ ความสามารถในการตานแมลงและ ทางพันธุกรรมและหาแนวทางหรือพัฒนาการ โรคไดด ขี ึน้ รกั ษา หรอื มกี ารทดลองใชส้ ตั วต์ ดั ตอ่ พนั ธกุ รรม 2. ชวยในการพัฒนาพันธพุ ืชใหม ี เพอื่ ใชใ้ นการผลิตยาหรอื สารต่างๆ คุณภาพผลผลิตทีพ่ งึ ประสงค เมื่อพืชหรือสัตว์ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม 3. นําไปใชในการพฒั นาพนั ธสุ ตั ว เชน เหล่านี้ถูกน�ามาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร จึง มะเขือเทศที่ตัดตอพันธุกรรม จะสุกงอมชา ทําให การเปล่ยี นยีนใหหมู ทําใหหมโู ตเร็ว ไมเ นาเสียระหวางการขนสง และมีขนาดใหญก วา หมูปกติ แตก นิ อาหารลดลง เปนตน เรยี กวา่ อาหาร จีเอม็ โอ เชน่ นา้� นมถ่วั เหลืองที่ผลิตจากถ่วั เหลอื ง จเี อ็มโอ เป็นตน้ 4. นาํ ไปใชใ นการพฒั นาสายพันธุ จลุ นิ ทรยี ใ หม คี ณุ สมบตั พิ เิ ศษ ๑) ประโยชน์ของ จเี อ็มโอ ประโยชน์ของการตัดตอ่ พันธกุ รรมมหี ลายประการ ดงั น้ี เพอื่ ใหส ามารถนําไปใชประโยชน ๑. ช่วยในการปรับปรุงพันธุ์พืชให้มีความสามารถในการต้านแมลงและโรคได้ ในดา นตา งๆ เชน การผลติ วัคซนี ดีข้นึ เชน่ การตัดตอ่ พันธุกรรมในฝา้ ย ข้าวโพด และถ่วั เหลอื ง ทา� ใหพ้ ืชดงั กล่าวมีความตา้ นทาน การผลติ สว นประกอบของยา เปน ตน ) แมลงได้เอง โดยไม่ต้องฉดี พ่นสารเคม ี เปน็ ตน้ ๒. ช่วยในการพัฒนาพันธุ์พืชให้มีคุณภาพผลผลิตที่พึงประสงค์ เช่น ท�าให้ได้ มะเขอื เทศสุกงอมช้าลง การพัฒนาพนั ธพุ์ ืชใหม้ ีวติ ามนิ มากข้ึน การปรับปรงุ พันธพุ์ ชื ให้สามารถ ตรึงไนโตรเจนอสิ ระ (Nitrogen Fixation) จากอากาศได้ เปน็ ต้น ๓. น�าไปใช้ในการพัฒนาพันธุ์สัตว์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพ่ือพัฒนาเป็นอาหาร เช่น การเปล่ียนยีนให้หมู ท�าให้หมูโตเร็วและมีขนาดใหญ่กว่าหมูปกติ แต่กินอาหารลดลง เป็นต้น นอกจากหมแู ล้ว สัตวอ์ น่ื ๆ เช่น วัว สัตว์ปก สตั ว์น�า้ กถ็ กู ปรบั ปรุงพันธ์ ุ โดยมจี ุดประสงค ์ คอื ให้สัตวโ์ ตเร็ว กินอาหารนอ้ ย ทนทานต่อโรคและแมลง ให้ผลผลิตมากขนึ้ แตล่ ดต้นทนุ การผลติ ลง ๔. น�าไปใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์จุลินทรีย์ให้มีคุณสมบัติพิเศษ เพ่ือให้สามารถ น�าไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การผลิตวัคซีน การผลิตส่วนประกอบของยา รวมทั้งผลิต จุลนิ ทรียท์ ีม่ ีลักษณะพเิ ศษที่ใชย้ ่อยคราบน้า� มนั ในทะเล เป็นต้น ๑3๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอ ใดไมใช ประโยชนของ GMOs 1 ยาปฏิชวี นะ เปน ยาทใ่ี ชฆา เชื้อแบคทเี รยี ไดแ ก ยาเพนิซลิ ลนิ เตตราซยั คลนิ 1. ชว ยใหพ ืชมีวิตามินมากข้นึ ซลั ฟา คลอแรมเฟนิคอล ซึง่ ยาเหลา นจ้ี ะใชร กั ษาโรคที่เกดิ จากการตดิ เชือ้ แบคทเี รีย 2. ชวยใหผ ลผลิตมีราคาสงู ขน้ึ เทา นัน้ แตถ า หากใชเ ปนเวลานานจะสง ผลใหเ กิดภาวะด้ือยา และเกิดการกด 3. ชว ยใหพ ชื มคี วามตา นแมลงและโรคไดดี ภูมิคมุ กันตานทานโรคของรางกายท่ีมตี ามธรรมชาติ ทําใหรา งกายออนแอลง 4. ชว ยใหสัตวโ ตเร็วและมขี นาดใหญกวา ปกติ ไมส ามารถตา นทานเชื้อโรคไดดวยภมู คิ ุมกนั ของตนเอง วิเคราะหค าํ ตอบ ประโยชนข อง GMOs มหี ลายประการ เชน ชว ยใหพชื มวี ติ ามนิ มากข้นึ มีความตา นทานแมลงและโรคไดดี ชวยใหสตั วโตเรว็ มุม IT และมขี นาดใหญก วาปกติ เปนตน แตเนอื่ งจากปจจุบนั พบวา ผลผลิต ทเ่ี กดิ จาก GMOs มีราคาถกู มาก การชวยใหผลผลติ มีราคาสงู ขน้ึ จงึ ไมใช สามารถศึกษาเพิ่มเติมเก่ยี วกบั ประโยชนข อง GMOs ไดจ าก http://biotech- nology-en.blogspot.com/2011/02/gmos.html ประโยชนข อง GMOs ตอบขอ 2. คูมอื ครู 131

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรียน 2 กลมุ โดยไมซํ้ากบั กลุมเดิม ๒) ขอ้ ควรระวงั เกย่ี วกบั จเี อม็ โอ เทคโนโลยที กุ อยา่ งนนั้ เมอื่ มปี ระโยชนก์ ม็ กั มโี ทษ ออกมานําเสนอตอ ในประเด็นผลติ ภัณฑ GMOs หลงั จากการนาํ เสนอเสรจ็ สิ้น ครูและนกั เรยี น ด้วยเสมอ พันธุวิศวกรรมท่ีน�ามาใช้ตกแต่งสายพันธุ์ของส่ิงมีชีวิตก็เช่นกัน อาจมีผลทางลบด้วย เสนอแนะเพิม่ เติม แลว ต้ังคาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสูขอ สรุป หากกระทา� โดยปราศจากความระมัดระวัง กลา่ วคือ จเี อ็มโอ ทผ่ี ลิตข้นึ อาจเกิดความไมป่ ลอดภยั ทถี่ กู ตองรว มกนั ทางชวี ภาพ (Biosafety) ซ่ึงอาจเปน็ ปญั หาตอ่ สุขภาพของมนุษย์ และมผี ลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ (Biodiversity) ได้ ซง่ึ ผลติ ภณั ฑ ์ จีเอม็ โอ นัน้ • ขอควรระวงั เก่ียวกบั GMOs มีอะไรบาง กอ่ ใหเ้ กดิ ข้อสงสยั ในหลายประเดน็ เชน่ (แนวตอบ ส ารพ ันธุกรร มจา●ก ไผวลรัสิต1หภรัณือฑส์จาราพก ันจธีเุกอรม็ รโมอท ่ีสกรอ่ ้าใงหสเ้ ากรดิ พอิษนั ตจระากย่อหใรหอื ้เไกมิด่ พเชิษ่นต กหคา้ากง หจรเีืออไม็มโ่ ออ านหั้นามร ี 1. พิจารณาดวู าผลติ ภณั ฑ GMOs กอ ให จเี อม็ โอ มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการเทยี บเทา่ กบั อาหารทมี่ าจากสายพนั ธต์ุ ามธรรมชาตหิ รอื ไม ่ เปน็ ตน้ เกิดอนั ตราย หรือมีสารพษิ ตกคา งหรอื ไม ● อาหาร จีเอ็มโอ เชน่ อาหารทะเล อาหารจากพืชตระกูลถว่ั ไข่ ซ่ึงถูกตกแตง่ 2. สารพันธุกรรมท่ใี ชตกแตงในส่งิ มชี ีวิต พันธุ์โดยยีนจากส่ิงมีชีวิตหนึ่งไปยังสิ่งมีชีวิตอีกพวกหน่ึง อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของ อาจกอ ใหเ กิดการแพรกระจายและถายทอด อาการภูมิแพ้ได้ ส่วนในกรณีของการตกแต่งพันธุกรรมในสัตว์จะปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่นั้น ไปสสู ง่ิ มชี วี ติ อ่ืนๆ ไดหรือไม) จะต้องมีการประเมนิ ความปลอดภยั ที่ครอบคลุมมากกว่าของจุลนิ ทรยี ์และพืช เป็นต้น ● สารพันธุกรรมที่ใช้ตกแต่งในส่ิงมีชีวิต อาจเกิดการแพร่กระจายและถ่ายทอด • การควบคมุ ผลติ ภัณฑ GMOs สามารถทาํ ได ไปส่สู ิ่งมชี วี ติ อืน่ ๆ ไดห้ รือไม่ อยา งไรบา ง ● การตัดต่อยีนของพืช เพ่ือท�าให้พืชสามารถฆ่าแมลงได้ เช่น ฝ้ายสามารถ (แนวตอบ สรา้ งสารพษิ ฆา่ แมลงไดเ้ อง หากผเี สอ้ื และผ้งึ มาตอมฝา้ ยน้แี ล้ว จะตายหรอื ไม่ เป็นต้น 1. ใหมีการจดทะเบยี นหนว ยงานวจิ ยั ทกุ อยา งท่ีเกยี่ วขอ งกบั การผลติ GMOs ๓) การควบคมุ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ในปจั จบุ นั การควบคมุ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ไดร้ บั 2. การกาํ หนดใหม ีการข้ึนทะเบยี น ผลิตภัณฑ GMOs กอนอนญุ าตใหน าํ เขาจาก การดแู ลมากข้นึ ในระดบั สากล โดยมขี ้อกา� หนดท่ียอมรับกันท่วั ไป ดงั น้ี ตางประเทศมาจําหนาย ๑. ให้มีการจดทะเบียนหน่วยงานวิจัยทุกอย่างท่ีเก่ียวข้องกับการผลิต จีเอ็มโอ 3. การทาํ การตลาดผลิตภณั ฑจ าก พรอ้ มท้งั มกี ารตรวจสอบเป็นระยะ GMOs ทใี่ ชเปนอาหาร ตองผา นการดูแล ๒. การปล่อย จีเอ็มโอ เข้าสูส่ ง่ิ แวดลอ้ ม เช่น การปลกู เป็นต้น ตอ้ งย่นื เรื่องเพ่ือ ควบคมุ และอนญุ าตกอน จากหนวยงาน ขออนุญาตและต้องมีการประเมินรายการก่อนจากหลายหน่วยงานและคณะกรรมการอย่างอิสระ ของรฐั ) พรอ้ มตรวจสอบสถานทีท่ ดลอง ๓. การก�าหนดให้มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ จีเอ็มโอ ก่อนอนุญาตให้น�าเข้า จากต่างประเทศมาจา� หน่าย โดยกา� หนดใหม้ ีฉลากระบวุ ่าเปน็ สนิ ค้า จีเอม็ โอ บนผลติ ภัณฑต์ ่างๆ (กฎหมายจะแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะประเทศ) ๔. การท�าการตลาดผลิตภัณฑ์จาก จีเอ็มโอ ท่ีใช้เป็นอาหาร ต้องผ่านการดูแล ควบคมุ และอนญุ าตกอ่ นจากหน่วยงานของรฐั ๑32 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET GMOs นอกจากจะมีประโยชนแลว ยังสงผลเสยี อยางไรบา ง ครูอาจใหนักเรยี นหาขาวเกยี่ วกบั ผลดี และผลเสยี ของผลติ ภณั ฑ GMOs แนวตอบ อาจมีความเสี่ยงและความซบั ซอ นในการบริหารจดั การเพ่ือ แลว นาํ มาอภิปรายรวมกนั ในช้ันเรียน ใหม คี วามปลอดภัย ซง่ึ GMOs อาจกอ ใหเกิดอนั ตรายตอ ผูบรโิ ภคได เน่ืองจากสารอาหารจาก GMOs อาจมีสงิ่ ปนเปอนทีเ่ ปน อนั ตราย สงผล นกั เรียนควรรู ใหผบู ริโภคเกดิ การเจบ็ ปวยและอาจเสยี ชวี ติ ได ซง่ึ ขณะนีย้ ังไมส ามารถ ประเมินไดวาอาหาร GMOs จะมีผลกระทบตอ ชีวิตมนษุ ยอยางไร โดย 1 ไวรสั เปน สิง่ มชี ีวิตท่ีมีขนาดเลก็ มาก ไมสามารถมองเหน็ ไดจ ากการดผู าน กาํ ลังอยใู นระหวา งการดาํ เนนิ การวจิ ยั ของนกั วิทยาศาสตรใ นหลายสาขา กลองจุลทรรศนธรรมดา ตอ งดดู วยกลองจลุ ทรรศนอเิ ลก็ ตรอน ซึ่งมีกําลงั ขยาย ต้ังแต 5,000 เทาข้ึนไป ซ่งึ เชื้อไวรัสสามารถแบง ตวั ขยายจํานวนไดใ นเซลลร างกาย คนเรา โดยเซลลท มี่ เี ชอ้ื ไวรสั อยอู าจถกู ทาํ ลาย ทาํ ใหเ ซลลน นั้ ทาํ งานไดไ มเ หมอื นปกติ กอใหเกิดอาการของโรคตา งๆ ได 132 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2.2 วิตามนิ สงั เคราะหแ ละวติ ามนิ จากธรรมชาติ ครสู มุ นกั เรยี น 1 กลมุ โดยไมซ าํ้ กบั กลมุ เดมิ ออกมานาํ เสนอในประเดน็ วติ ามนิ สงั เคราะหแ ละ วิตามิน เป็นส่งิ ทีร่ า่ งกายขาดไม่ได ้ เพราะวิตามนิ มสี ารอาหารทีร่ า่ งกายต้องการหลายอยา่ ง วติ ามนิ จากธรรมชาติ หลงั จากการนาํ เสนอเสรจ็ สนิ้ อีกท้ังยังช่วยบ�ารุงร่างกายเพ่ือรักษาชีวิตให้อยู่รอดและมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น วิตามินบางตัว ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ แลว มีหน้าท่ีคล้ายฮอร์โมนเป็นตัวควบคุมเมแทบอลิซึม (Metabolism) ของแร่ธาตุ คือ วิตามินดี ตง้ั คาํ ถามเพอ่ื นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั (Vitamin D) บางตวั ควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตและการเปลย่ี นแปลงไปทา� หนา้ ทเี่ ฉพาะของเซลลแ์ ละ เนอื้ เยอ่ื คอื วติ ามนิ เอ (Vitamin A) นอกจากนยี้ งั มสี ว่ นชว่ ยในการตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ไดแ้ ก ่ วติ ามนิ อ ี • วิตามินสังเคราะหก ับวติ ามินจากธรรมชาติ (Vitamin E) และวติ ามนิ ซี (Vitamin C) มีความแตกตา งกนั หรอื ไม อยางไร ในปจั จบุ นั ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ง่ ผลใหม้ ผี ลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารเกดิ ขนึ้ มากมาย (แนวตอบ มคี วามแตกตา งกัน เพราะวิตามนิ โดยเฉพาะวิตามินต่างๆ จึงท�าให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง สงั เคราะหนน้ั เปนวิตามินท่ีถูกสรา งหรือ ยังสะดวกต่อการรับประทานและหาซ้ือได้ง่าย ซ่ึงพบว่า วิตามินดังกล่าวน้ัน เป็นวิตามินที่ถูก ผลิตขึน้ มาในรูปของผลิตภณั ฑเสรมิ อาหาร สังเคราะห์ข้ึนมาโดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานจากธรรมชาติที่เรียกว่า “วิตามินสังเคราะห” โดย แตสาํ หรบั วติ ามินจากธรรมชาตนิ ั้นเปน นา� มาเลยี นแบบโครงสรา้ งสงั เคราะหข์ นึ้ ใหมท่ งั้ หมด โดยแตกตา่ งจากสารในธรรมชาต ิ และมกั เปน็ วติ ามินทไี่ ดจ ากธรรมชาติโดยตรง ซึ่งไดจาก สารเคมเี ชงิ เดยี่ ว อาจเกดิ ประโยชนต์ อ่ ผปู้ ว ยทไี่ ดร้ บั วติ ามนิ ตามคา� สง่ั แพทย ์ เนอื่ งจากรา่ งกายขาด การบริโภคพืชและสัตว สามารถดดู ซมึ เขา สู วิตามินหรือมีปัญหาในการรับประทานอาหาร เพ่ือให้ร่างกายได้รับวิตามินนั้นๆ บางคร้ังอาจก่อ รางกายไดอ ยางรวดเร็ว) ให้เกิดโทษหรือผลข้างเคียงได้เช่นกัน หากน�ามาใช้ในทางท่ีไม่ถูกต้องและอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อร่างกายได้ ซ่ึงแตกต่างจากในอดีตท่ียังไม่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางสุขภาพ เราจึง • นักเรียนคดิ วา วิตามนิ สังเคราะหม ขี อดี ได้รับวิตามินต่างๆ ท่ีได้จากพืชและเน้ือสัตว์เพียงเท่าน้ัน หรือท่ีเรียกว่า “วิตามินจากธรรมชาติ” และขอเสยี อยางไร ซึ่งวิตามินท่ีได้จากธรรมชาติเหล่าน้ีจะมีประโยชน์ต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมากและ (แนวตอบ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ขอ ดี คือ งายตอการรบั ประทาน เหมาะ เช่น วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการบ�ารุงสายตา สําหรบั ผทู ไี่ มช อบรับประทานผกั และผลไม จะพบมากในไข ่ ตบั นม มะละกอ กลว้ ย วติ ามนิ ซ ี แตมีความตอ งการไดรับวิตามนิ ซี ชว่ ยเสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ กร่ า่ งกายจะพบมาก ขอเสยี คือ ราคาแพง และหาก ในผักและผลไม้ เช่น กะหล่�าดอก มะเขือเทศ รบั ประทานเปนประจําจะเกิดการสะสม สับปะรด ฝร่งั ส้ม เปน็ ต้น ในรางกาย และถา ไมไ ดถ ูกขับออกมา ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่เกิดข้ึนใหม่น้ันจะให้ จะกอ ใหเ กดิ อนั ตรายตอ รา งกายได) คุณประโยชน์แก่เรามากมายแต่ก็อาจจะเกิด โทษดว้ ยเสมอ วติ ามนิ กเ็ ชน่ เดยี วกนั หากเลอื กใช้ ไมถ่ กู ตอ้ งก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังน้ัน เราจึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับ สมเปนผลไมที่มีวิตามินซีสูงที่ไดจากธรรมชาติ โดยสม ความตอ้ งการของรา่ งกายตนเองอยา่ งเหมาะสม ๑ ผลขนาดกลาง จะใหวติ ามินซีมากถึง ๗๐ มลิ ลิกรมั ๑33 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดไมใชว ิตามนิ ท่พี บไดจ ากธรรมชาติ ครสู ามารถแนะนํานกั เรียนวา การไดร ับวิตามนิ จากธรรมชาตนิ ้ันจะไดผ ลดี 1. ผกั สีเขยี ว มากกวา การไดรับวิตามนิ สงั เคราะห เพราะสามารถดูดซมึ เขาสรู างกายไดอยาง 2. ผลไมหลากสี รวดเรว็ แคเพยี งการรับประทานผักและผลไม เน้ือสตั ว ฯลฯ ใหพ อเหมาะรางกาย 3. เครือ่ งในสัตว กไ็ ดร บั วติ ามนิ แลว แตถาหากตอ งการบรโิ ภควิตามนิ สงั เคราะหซ ่งึ สวนใหญอยูใน 4. แคปซลู สกัดจากชาเขยี ว รปู ของผลิตภณั ฑเสริมอาหารนั้น นักเรยี นควรรูจกั เลอื กซื้ออยางถูกตอง โดยดฉู ลาก แนวตอบ วติ ามนิ ท่พี บไดจากธรรมชาตนิ ั้นมาจากพชื และสตั ว ซง่ึ สามารถ อย. และวนั หมดอายุ นอกจากน้ไี มค วรบริโภคตดิ ตอกนั เปน เวลานาน เพราะอาจ ดูดซึมเขา สรู างกายไดอยางรวดเรว็ เชน วติ ามินเอ พบมากในไข ตับ วิตามินซี ทาํ ใหว ติ ามินเกดิ การสะสมในรางกายมากเกนิ ไป และหากไมไ ดถ กู ขับออกจะกอ พบมากในฝร่ัง สม เปน ตน แตสําหรับแคปซูลสกัดจากชาเขยี วนนั้ เปน วติ ามนิ ใหเกดิ อันตรายตอ สขุ ภาพได สงั เคราะหทผี่ า นกระบวนการทางเทคโนโลยีทางสุขภาพท่อี ยูในรปู ของ ผลิตภัณฑเ สรมิ อาหารจึงไมใชว ติ ามินจากธรรมชาติ ตอบขอ 4. คูมือครู 133

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรยี นศกึ ษาเร่อื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี ๓. ผลกระทบของเทคโนโลยีทีม่ ีตอ่ สุขภาพ ทมี่ ตี อ สขุ ภาพ จากหนงั สอื เรยี นและแหลง การเรยี นรู เพม่ิ เตมิ ตา งๆ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ เปน็ สง่ิสจัง�าคเมปไ็นทใยนใชนีวปิตัจปจรุบะจันา� วมันีก าไรดใแ้ ชก้อ ่ ุปโกทรรณศพั ์สท่ือม์สาือรถอือิเ1 ลค็กอทมรพอนิวเิกตสอ์กรัน ์ อเคยร่า่ืองงแเพล่นร่หเพลลางยแ บจบนพกกลพายา รวมทัง้ อุปกรณเ์ สริม เช่น บลทู ูธ (Bluetooth) สมอลล์ทอลค์ (Small Talk) เป็นต้น นอกจากน้ยี ัง • โทรศพั ทมือถือ มกี ารผลติ เทคโนโลยเี พอื่ ใช้เสรมิ ความงามตา่ งๆ เชน่ การรักษาสวิ ด้วยเลเซอร์ (Smooth Beam • คอมพวิ เตอร Laser) เลนส์สมั ผสั (Contact Lens) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อุปกรณส์ อ่ื สารอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละ • เลนสสมั ผสั เทคโนโลยีเพ่ือใช้เสริมความงามเหล่านี้ หากใช้อย่างไม่ถูกวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของ ผู้ใชไ้ ด ้ ซงึ่ ในทีน่ จี้ ะขอยกตัวอยา่ งเทคโนโลยที ีส่ ง่ ผลกระทบต่อสขุ ภาพในบางประเดน็ ดงั น้ี อธบิ ายความรู Explain โทรศัพทม์ ือถือ ใหนักเรยี นรวมกันอภปิ รายวา จากผลความ คอื อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ใ่ี ชใ้ นการสอื่ สาร ในปจั จบุ นั นอกจาก เจริญกาวหนา ของวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยที ีม่ ี ความสามารถพนื้ ฐานในการใชพ้ ดู คยุ กนั แลว้ ยงั มคี ณุ สมบตั ทิ เี่ พมิ่ ขนึ้ การพฒั นาอยางตอ เน่ือง มผี ลกระทบตอสขุ ภาพ เช่น การส่งข้อความสนั้ ๆ ปฏิทิน นาฬกาปลุก กล้องถ่ายภาพ เกม ของเราอยา งไร แลว ใหน กั เรยี นยกตวั อยา งเทคโนโลยี การใช้งานอินเทอร์เน็ต เป็นต้น จึงท�าให้วัยรุ่นสนใจเป็นอย่างมาก ในปจ จุบนั ท่อี าจสงผลกระทบตอสุขภาพ จากน้ัน หากใชเ้ ปน็ เวลานานๆ อาจส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพได้ ครตู ง้ั คําถามกระตนุ การเรยี นรูของนักเรยี น ผลกระทบด้านบวก • เทคโนโลยที ่ีใชส าํ หรับการส่อื สารจาํ พวก ๑. ใช้ตดิ ตอ่ ประสานงาน ซงึ่ ในปัจจบุ ันเทคโนโลยโี ทรศพั ทม์ อื ถอื ยงั สามารถเชอื่ มต่อระบบอนิ เทอร์เน็ต โทรศพั ทมอื ถอื เมือ่ นําโทรศพั ทแนบกับหู เปนประจาํ จะกอใหเ กิดผลกระทบตอ สขุ ภาพ ได้ดว้ ย ดงั นน้ั จึงมผี ูใ้ ช้ระบบการสอื่ สารเพื่อท�างานนอกสถานท่ีหรอื ทา� งานทบี่ า้ นแทนการเดินทาง อยางไร มาทา� งานจ�านวนไม่น้อย (แนวตอบ กอ ใหเ กดิ ผลกระทบในระยะสั้น ๒. ใ ชเ้ พ่ือนดั หมายบคุ คล หรอื นดั หมายวนั เวลา สถานที ่ ที่แนช่ ัด เพ่ือลดความเส่ียงในการผดิ นัดหรอื ไดแก ปวดหู ปวดศีรษะ ตาพรามวั และมนึ งง ใชเ้ พอ่ื พดู คยุ ทกั ทายเพอื่ น ญาตสิ นทิ แทนการเดนิ ทางไปพบในบางโอกาสเมอื่ เราไมส่ ะดวก สว นผลกระทบในระยะยาวนน้ั ไดแ ก ๓. ใ ชเ้ พอื่ สอ่ื สารกนั ระหวา่ งประเทศ เชน่ การตดิ ตอ่ ธรุ กจิ ระหวา่ งประเทศ การตดิ ตอ่ เพอื่ นหรอื ญาตสิ นทิ โรคความจาํ เสื่อม และโรคมะเร็งสมอง) ทอี่ ยู่ตา่ งประเทศ เปน็ ต้น ๔. ใ ช้เพอ่ื ผ่อนคลายความเครยี ด เช่น ดูภาพยนตร ์ ฟงั เพลง ถา่ ยภาพ ถ่ายคลิปวดิ โี อ (Clip Video) เลน่ เกม เชอื่ มต่อกับอนิ เทอร์เน็ต เป็นต้น ผลกระทบด้านลบ ผใู้ ชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ทมี่ กั มพี ฤตกิ รรมการใชแ้ บบเอาหแู นบกบั ตวั เครอ่ื งอยตู่ ลอดเวลาชว่ งการสนทนา นานๆ จะทา� ใหค้ ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทเ่ี กดิ จากการรบั -สง่ สญั ญาณโทรศพั ท ์ แพรเ่ ขา้ มากระทบกบั อวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย ทงั้ บรเิ วณ ห ู ตา และเขา้ ไปถงึ สมอง ซงึ่ อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ การทา� ลายเซลลแ์ ละเนอื้ เยอ่ื ในบรเิ วณ ดังกล่าวได้ โดยผลกระทบในระยะส้ัน อาจมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพรา่ มวั ขาดสมาธ ิ และเครยี ด ส่วนผลกระทบในระยะยาวอาจทา� ใหเ้ กดิ โรคความจ�าเส่ือม มะเรง็ สมอง เนอ่ื งจากมีผลการศกึ ษาพบว่า เนอื้ งอกในสมอง มคี วามสัมพันธก์ ับการใชโ้ ทรศัพทม์ อื ถือ โดยเนื้องอกในสมองมักจะเปน็ ข้างเดยี วกบั ข้างทใ่ี ชฟ้ ัง-พูดโทรศพั ทม์ ือถือเปน็ ประจ�า ๑34 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปน ผลกระทบระยะสนั้ จากการใชโทรศพั ทม อื ถอื ครคู วรแนะนํานกั เรยี นวา การใชโ ทรศพั ทม ือถือใหเกดิ ความปลอดภัยน้ัน 1. หตู งึ ควรใชแ ตล ะครง้ั ใหม รี ะยะเวลานอยลง และควรใชอ ปุ กรณเ สรมิ จําพวก Small Talk 2. โรคมะเรง็ สมอง หรือ Bluetooth ทุกคร้งั เพราะจะทําใหไดร บั คล่นื แมเหล็กไฟฟานอยลง 3. ปวดหู ปวดศีรษะ 4. โรคความจาํ เส่อื ม นกั เรียนควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ผทู ่ีใชโทรศัพทม ือถือ มกั จะมีพฤตกิ รรมการใชแ บบเอาหู แนบกบั ตวั เคร่อื งอยูต ลอดชว งการสนทนานานๆ ซ่ึงอาจทาํ ใหม ีอาการปวดหู 1 โทรศัพทม อื ถอื การใชโทรศัพทมือถือในขณะขับรถมคี วามเส่ียงตอการเกิด ปวดศรี ษะ และมอี าการอื่นรว มดว ย คอื ตาพรา มัว มนึ งง ขาดสมาธิ อบุ ตั ิเหตบุ นทองถนน เนือ่ งจากผขู ับขีจ่ ะจดจอ อยกู ับการพูดคุยกับคูสนทนา จึงทาํ ให และเกดิ ความเครยี ด แตส ําหรบั อาการหตู ึง เกดิ โรคมะเรง็ สมอง และโรค ไมม ีสมาธิขณะขบั ขี่ นอกจากนก้ี ารแชทหรือพมิ พขอความในโทรศพั ทมือถอื ระหวา ง ความจาํ เสอื่ มนั้นเปน ผลกระทบในระยะยาว ตอบขอ 3. การขบั ขน่ี ้ันก็มีความเสย่ี งตออันตรายเชน กัน เพราะผขู ับขจี่ ะตองคอยกมมองและ จดจอ อยูกับหนา จอโทรศัพท จงึ เปน สาเหตใุ หเกดิ อุบัตเิ หตขุ ึ้นได 134 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คอมพวิ เตอร์ ครถู ามนักเรียนวา เมือ่ นักเรียนใชค อมพิวเตอร เปน็ ผลติ ผลทางเทคโนโลยอี นั ทนั สมยั ทช่ี ว่ ยอา� นวยความสะดวก- เปน ระยะเวลานานอยา งตอ เน่ือง นักเรียนรสู กึ สบายและเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการทา� งานในยคุ ขอ้ มลู ขา่ วสาร นบั วนั ถงึ ความผดิ ปกตขิ องรางกายหรือไมมีอาการ คอมพวิ เตอรจ์ ะเขา้ มามบี ทบาทในการดา� เนนิ ชวี ติ และการประกอบ- อยา งไรบา ง จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ การเรยี นรู การหลายแขนงมากข้ึนเร่ือยๆ โดยอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ได้ ของนกั เรยี น เชน่ กัน • การใชคอมพิวเตอรน านเกินกวา 6 ชั่วโมง ผลกระทบดา้ นบวก ๑. ด ้านการศกึ ษา ใชเ้ พ่อื งานด้านการเรียนการสอนในหลายรูปแบบ เชน่ การน�าบทเรยี น การผลติ ส่ือ ตอ วนั จะสงผลตอ สายตาอยางไร (แนวตอบ เกดิ อาการระคายเคอื ง ตาพรา การสอน เกมเพือ่ การศึกษาหรอื คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน และสายตาสัน้ ) ๒. ด ้านความบนั เทงิ เป็นการใชค้ อมพิวเตอร์เพื่อความบันเทงิ เช่น เลน่ เกม ฟังเพลง ชมภาพยนตร ์ • เพราะเหตุใด การใชคอมพิวเตอรจึงสงผล ใหเกดิ อาการทอ งรวงได เป็นต้น (แนวตอบ เพราะบนคียบ อรดมักจะมี ๓. ด า้ นการสอื่ สารและคมนาคม ใชใ้ นการตดิ ตอ่ สอื่ สารผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ สอื่ สารถา่ ยทอดผา่ นเครอ่ื งบนิ แบคทเี รียสะสมอยู และผใู ชงานจะนาํ มอื ท่ีสัมผัสกับคียบ อรด น้ันไปหยบิ จับอาหาร และรถไฟฟา้ แบคทเี รยี เหลานน้ั จึงอาจปะปนมากบั อาหาร ๔. ด้านการแพทย ์ เช่น การใชท้ ดลองประกอบวินิจฉยั ของแพทย์ ใชใ้ นการตรวจเลอื ด ตรวจปัสสาวะ ที่รับประทานเขาไป ซึง่ ทาํ ใหเกิดอาการ ทองรวงได) การผา่ ตดั หัวใจ การควบคุมแสงเลเซอร์ การเอกซเรยก์ ารตรวจคลนื่ สมอง คลืน่ หัวใจ เป็นต้น • อาการ RSI และอาการ CTS มอี าการ แตกตา งกนั อยางไร ผลกระทบดา้ นลบ (แนวตอบ อาการ RSI จะมีอาการตึงเครียด ๑. ป ญั หาเกยี่ วกบั สายตา การใชค้ อมพวิ เตอรน์ านเกนิ กวา่ ๖ ชว่ั โมงตอ่ วนั จะทา� ใหเ้ กดิ อาการระคายเคอื ง ของกลา มเนื้อ ซ่งึ เกิดขนึ้ ไดท ุกสว นของ รา งกายตั้งแตส ายตา ตน คอ หัวไหล ตาพรา่ และสายตาสน้ั นอกจากนยี้ งั มอี าการไมเกรนดว้ ย เพราะกลา้ มเนอื้ ตาจะบบี รดั เลนสต์ าจนลา้ แผน หลงั แขน ขอมอื และขอนิ้ว แตสาํ หรบั ๒. อาการทอ้ งรว่ งเพราะคยี บ์ อรด์ (Qwerty Tummy) สาเหตเุ กดิ จากบนคยี บ์ อรด์ มกั จะมแี บคทเี รยี สะสมอย ู่ อาการ CTS จะมอี าการชาและเจบ็ ปวด ที่บริเวณขอ มอื ไมไ ดเ กิดขนึ้ กับทกุ สวนของ เนอ่ื งจากหลายคนมกั รบั ประทานอาหารทหี่ นา้ จอคอมพวิ เตอร ์ แบคทเี รยี เหลา่ นจ้ี งึ อาจปะปนเขา้ มา รา งกาย ) ในอาหารผ่านทางการสัมผัสด้วยนิ้วมือท่ีใช้เคาะคีย์บอร์ดและหยิบจับอาหาร ท�าให้เกิดอาการ ๓. อ ทาอ้ กงารรว่ ซงไวี ดเี อ้ ส1 (CVS : Computer Vision Syndrome) จะมอี าการเมอื่ ยลา้ ตา ปวดตา เคอื งตา ตาแหง้ น้า� ตาไหล ตามวั เหน็ ภาพซ้อน ปวดคอ หลัง และไหล่ ๔. อ าการอาร์เอสไอ (RSI : Repetitive Strain Injury) เกิดจากการน่งั ทา� งานหนา้ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ แบบไมถ่ กู สขุ ลกั ษณะ จงึ ทา� ใหเ้ กดิ การตงึ เครยี ดของกลา้ มเนอื้ ซง่ึ สามารถเกดิ ไดท้ กุ สว่ นของรา่ งกาย ต้งั แต่สายตา ต้นคอ หัวไหล่ แผน่ หลงั แขน ข้อมอื และขอ้ น้ิว หากปลอ่ ยไวน้ านเกินไปอาจตอ้ ง ผ่าตัดเอน็ ๕. อ าการซที เี อส (CTS : Carpal Tunnel Syndrome) เกดิ จากการใช้งานซา�้ ๆ ท่บี รเิ วณข้อมอื ท�าให้ เอน็ รอบบริเวณขอ้ มอื หนาตัวขนึ้ และไปกดเส้นประสาทท่วี ิ่งผา่ น ทา� ใหเ้ กิดอาการชาและเจบ็ ปวด ๑3๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู โรคพังผืดกดทบั เสนประสาท มักเกดิ ข้นึ กบั ผูใชอุปกรณเทคโนโลยีใดเปนประจํา ครูควรแนะนาํ นกั เรียนวา หากนกั เรียนจําเปนตอ งใชคอมพวิ เตอรเปน เวลานาน 1. คอมพวิ เตอร ควรถนอมสายตาดวยการหาแผนกรองรังสีไวท ห่ี นาจอคอมพิวเตอรเพือ่ ชว ยลด 2. โทรศัพทมือถือ แสงจาใหน อ ยลง และควรหยดุ พักสายตา 15 นาที ทุกๆ 2 ช่ัวโมง โดยการหลับตา 3. หฟู งโทรศพั ทมอื ถอื สักครู มองออกไปไกลๆ ในพื้นทส่ี เี ขียว 4. เครื่องเลนเพลงแบบพกพา วิเคราะหค ําตอบ โรคพงั ผดื กดทบั เสน ประสาท สาเหตเุ กดิ จากการ นักเรียนควรรู ใชง านซา้ํ ๆ ที่บรเิ วณขอมือ สงผลใหเ อ็นรอบบริเวณขอ มอื กอ ตัวหนาขึ้น และ 1 อาการซีวเี อส เปน กลุมอาการทางสายตาท่ีเกิดจากการใชเวลาอยูหนา จอ ไปกดทบั เสน ประสาททว่ี ง่ิ ผา น ทาํ ใหเ กดิ อาการชาและเจบ็ ปวดได ตอบขอ 1. คอมพิวเตอรวันละหลายๆ ช่ัวโมง ซ่ึงผลท่ตี ามมาก็คือ อาการตาแหงและเกดิ การเกรง็ ของกลา มเน้อื ตาทาํ ใหมอี าการปวดตา เคืองตา และสายตาลา บางคนอาจ ไมส ามารถโฟกัสภาพใหช ัดเจนได และจะทําใหเ กิดอาการสายตายาวเรว็ ขน้ึ กวาปกติ คูมือครู 135

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา เลนสส มั ผสั หรอื เลเลนนสสส์ ์สมั มัผผสั สั หรอื คอนแทกตเ์ ลนส1 ์ (Contact Lens) เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ บก๊ิ อายส ทวี่ ยั รนุ นยิ มใชก นั ในปจ จบุ นั นน้ั อนั ตราย หรอื ไม สง ผลกระทบตอ สขุ ภาพอยา งไร จากนนั้ ที่คิดค้นขึ้นมาเพ่ือแก้ไขปัญหาการท่ีต้องสวมใส่แว่นตาและส�าหรับ ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น ผทู้ ี่มสี ายตาผดิ ปกติ เชน่ สายตาสั้นมาก หรอื ใชใ้ นการรกั ษาโรคที่ เกีย่ วข้องกับตาหรือใชเ้ พอ่ื วตั ถุประสงค์อ่นื เช่น เพือ่ ความสวยงาม • บิ๊กอายส (Big Eyes) ใชใ นการรกั ษาโรค ท่ที า� ให้มองเห็นตากลมโต หรือท่เี รียกว่า บิ๊กอายส์ (Big Eyes) ทเ่ี กี่ยวของกับดวงตาไดหรือไม เพราะเหตุใด คอนแทกตเ์ ลนสจ์ ะมลี กั ษณะเปน็ แผน่ พลาสตกิ ใสบางๆ แผน่ กลม (แนวตอบ ไมได เพราะบ๊ิกอายสเปน และตัวเลนสท์ ี่ใชจ้ ะมลี ักษณะเชน่ เดียวกบั เลนสท์ ี่ใช้กับแว่นตา โดย เลนสส ัมผัสท่ีใชเ พ่ือความสวยงาม ใหด วงตา คอนแทกต์เลนส์ประเภทนี้เหมือนกับคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นที่มี ดูกลมโตเทานั้น) หลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีด�าหรือสีเข้มต่างๆ ท่ี จะท�าให้มองเห็นวา่ ผ้ใู สม่ ตี าดา� ขยายใหญ่และกลมโตกวา่ ปกติ ซงึ่ การใสค่ อนแทกตเ์ ลนสอ์ ยา่ งไม่ถูกวิธีน้ัน • ผทู ใ่ี ชเลนสสมั ผสั ตดิ ตอกนั เปน เวลานานๆ อาจท�าให้เกิดการตดิ เชื้อท่ีดวงตา กระจกตาเปน็ แผล และอาจทา� ใหต้ าบอดได้ จะสง ผลกระทบตอสขุ ภาพอยางไร (แนวตอบ มีอาการตาแหง เกิดการอักเสบของ ผลกระทบดา้ นบวก กระจกตา และอาจติดเชือ้ ได) ๑. เพอื่ แก้ปญั หาสายตาท่ผี ดิ ปกติ ซง่ึ ได้ทง้ั สายตาสั้น ยาว เอียง และสายตาของผู้สูงอายุ ๒. เ พอื่ ความสวยงาม เชน่ การใชค้ อนแทกตเ์ ลนสส์ ตี า่ งๆ ใหเ้ ขา้ กบั เสอื้ ผา้ หรอื ใสค่ อนแทกตเ์ ลนสต์ าโต เพือ่ ท�าให้ตาดา� โตสวยงาม ๓. ใ ชร้ กั ษาโรคของตาดา� บางชนดิ เชน่ ใชค้ อนแทกตเ์ ลนสป์ ด ไวใ้ นผปู้ ว ยทม่ี ตี าดา� ถลอก หรอื ใชเ้ มอื่ มกี าร ทา� เลสกิ ซงึ่ ตอ้ งมกี ารผา่ กระจกตาออกแลว้ ปด โดยไมต่ อ้ งเยบ็ ซงึ่ การใสค่ อนแทกตเ์ ลนสไ์ วจ้ ะชว่ ยให้ กระจกตาทีถ่ ูกผา่ ติดกันแนบแนน่ ยิง่ ขึ้น ๔. ใ ช้เพ่ือรักษาสายตาสั้นใหห้ ายชวั่ คราว ซง่ึ เป็นการใช้คอนแทกตเ์ ลนสใ์ นเวลานอนเพือ่ ปรับความโคง้ ของตาใหแ้ บนลง (ลดภาวะสายตาส้นั ) เมอื่ ตื่นขน้ึ เอาเลนส์ออก สายตาก็จะหายส้ันไปช่วั เวลาหน่ึง จนบางคนหายจากสายตาสัน้ ได ้ แตเ่ นือ่ งจากมคี วามเส่ียงต่อการติดเช้อื ไดง้ ่าย วธิ ีน้ีจงึ ยังไมเ่ ป็นที่ แพร่หลาย ผลกระทบด้านลบ ๑. เ กดิ ตมุ่ อกั เสบบนหนงั ตาดา้ นใน สาเหตเุ กดิ จากการระคายเคอื งจากเลนส ์ และอาการทอี่ าจเกดิ ตอ่ เนอ่ื ง ตามมา เชน่ ภาวะตาตก ตาแดง ระคายเคอื ง มองภาพไมช่ ัด มีน�้าตา ตาไม่สู้แสง เป็นตน้ ๒. เ กดิ การอกั เสบของกระจกตาและเยอ่ื ตาขาว ส่วนท่สี ัมผัสกบั คอนแทกต์เลนส์ อาการนี้มกั เกดิ จาก การแพ ้ หรอื จากพษิ ขา้ งเคยี งของวตั ถกุ นั เสยี หรอื สารเคมที ใ่ี ชฆ้ า่ เชอื้ เปน็ อาการแพท้ ค่ี อ่ ยๆ เกดิ ขน้ึ ซงึ่ อาจใชเ้ วลา ๒-๓ ป นอกจากนี้การเกิดส่ิงสะสมบนเลนส์หรอื อาการตาแหง้ จะท�าใหอ้ าการอกั เสบ เกิดมากข้ึน ๑36 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ผูทใี่ สคอนแทกตเลนสเ ปน เวลานานๆ อาจกอใหเ กดิ ผลกระทบอยางไร 1 คอนแทกตเ ลนส คอนแทกตเ ลนสท ไ่ี ดค ณุ ภาพ มาตรฐานการรบั รอง 1. อาการ CVS จากสาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมคี วามกวา งไมเ กนิ 14.5 2. สายตาพรา มัว มลิ ลเิ มตร หากมขี นาดกวา ง 15 - 19 มลิ ลเิ มตร ถอื วา ผดิ กฎหมาย โดยผทู ใ่ี ส 3. เคืองตาและนาํ้ ตาไหล คอนแทกตเ ลนส ควรมอี ายุ 18 ปข น้ึ ไป หรอื เปน ผทู บี่ รรลนุ ติ ภิ าวะแลว 4. เกดิ การอักเสบและตดิ เชอื้ ไมแ นะนาํ ใหเ ดก็ อายตุ า่ํ กวา 15 ปใ ส เนอ่ื งจากยงั ขาดความระมดั ระวงั ความใสใ จ วเิ คราะหค าํ ตอบ ผูท ่ใี สคอนแทกตเ ลนสเ ปนเวลานานๆ อาจกอใหเ กิด ดแู ลทาํ ความสะอาด เสย่ี งตอ ปญ หาตาอกั เสบตดิ เชอื้ ซง่ึ มผี ลกบั อนาคตในระยะยาว การอักเสบของกระจกตาและเย่ือตาขาว มกั เกิดจากการแพ ซงึ่ เปน อาการแพ หากมคี วามจาํ เปน ตอ งใส เชน มปี ญ หาสายตา ควรปรกึ ษาจกั ษแุ พทยม ากกวา ทค่ี อ ยๆ เกิดขน้ึ 2 - 3 ป และเกิดการตดิ เชื้อในเวลาตอ มา ตอบขอ 4. รา นขายแวน หรอื รา นตดั แวน ทว่ั ไป 136 คูม อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. อ าการตาแหง้ ซง่ึ มกั เกดิ จากการแพ ้ พบในผทู้ ใ่ี ชค้ อนแทกตเ์ ลนสน์ าน ๒-๓ ป  นอกจากนยี้ งั มปี จั จยั อนื่ ใหน กั เรยี นอา นเกรด็ นา รเู รอื่ ง ขอ ควรระวงั ทที่ �าให้ตาแห้งได้ เชน่ ในการใชค อนแทกตเ ลนส แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา การใชค อนแทกตเ ลนสเ พอ่ื ใหเ กดิ • การใชย้ าบางชนิด เช่น ยาขบั ปสั สาวะ หรือยารักษาโรคหวั ใจ ความปลอดภยั นนั้ ควรปฏบิ ตั ติ นอยา งไร จากนนั้ • การกะพรบิ ตาท่ผี ิดปกติ ครตู ง้ั คาํ ถามเพอื่ กระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น • ตาโปนผดิ ปกติ • ผวิ ของลูกตาผดิ ปกต ิ เน่ืองจากมจี ดุ เหลืองๆ บนกระจกตา หรอื ต้อลม หรือตอ้ เน้อื • วิธกี ารใสค อนแทกตเลนสอ ยา งถกู ตอง • ผวิ คอนแทกตเ์ ลนสไ์ มเ่ รียบ ควรปฏิบัตอิ ยา งไร ๔. ก ารอกั เสบ เนื่องจากเกิดบาดแผลหรือการช�า้ ทเ่ี ยื่อตา ตาแหง้ มีอาการแพ้ หรอื ขาดออกซิเจน และ (แนวตอบ ลา งมอื ฟอกสบใู หส ะอาดทกุ ครงั้ กอ นสมั ผสั เลนส และไมค วรใสค อนแทกต- เกิดการติดเช้อื ซึ่งเป็นอันตรายได้ จึงจา� เป็นต้องให้ผู้ปว ยหยดุ การใชค้ อนแทกตเ์ ลนส์จนกว่าแผลจะ เลนสข ณะวา ยนาํ้ เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ การ หายเสียก่อน ตดิ เชอ้ื ทด่ี วงตาได) ๕. การติดเชื้อ พบในผู้ที่ใช้เลนส์ชนิดที่ใส่ติดต่อกันนานๆ หรือการติดเชื้อเกิดจากตัวผู้ใช้เอง หรือ มาจากน้า� ยาทใ่ี ช้กบั เลนส์ หรอื ภาชนะบรรจุเลนส์ และโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิตา้ นทานต่า� เชน่ ผ้ปู ว ย • หากเกดิ อาการผดิ ปกตทิ ่ดี วงตาในขณะใส โรคเบาหวาน คอนแทกตเลนส ควรทําอยางไร (แนวตอบ ใหหยดุ ใสค อนแทกตเลนสท นั ที เกรด็ นา่ รู้ และรบี ไปพบจักษุแพทยโ ดยเรว็ ) ขอ ควรระวงั ในการใชค อนแทกตเลนส ขยายความเขา ใจ Expand ๑. การเลอื กใชค อนแทกตเ ลนสค แู รก ตอ งไดร บั การตรวจตาเสยี กอ นวา ไมม ขี อ หา มในการใชแ ละตอ งได รบั การประกอบขนาดทแ่ี นน อน เหมาะสมจากจกั ษแุ พทยห รอื ผเู ชยี่ วชาญเทา นนั้ ไมค วรไปซอื้ เองจากรา นทวั่ ไป ใหนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน เพราะการใชค อนแทกตเลนสท ีไ่ มพอดกี ับดวงตา อาจทาํ ใหก ระจกตาเปนแผล เกิดการตดิ เชอื้ หรอื ตาบอดได รวบรวมบทความหรอื ผลงานวจิ ัยเกยี่ วกับการใช ๒. ผูทีม่ ีสภาวะของดวงตาผดิ ปกติ เชน ตอ เนื้อ ตอ ลม ตาแดง กระจกตาไวตอความรสู กึ ลดลง ตาแหง เทคโนโลยที มี่ ีผลกระทบตอ สุขภาพ แลว นํามา กะพริบตาไมเ ต็มที่ ไมค วรใชคอนแทกตเ ลนส จัดปา ยนเิ ทศ ๓. ควรเปลี่ยนตลบั ใสคอนแทกตเ ลนสท ุก ๓ เดอื น ๔. ไมควรใสค อนแทกตเลนสข ณะวายน้ํา เพราะอาจทําใหเ กดิ การติดเช้ือทตี่ าได ๕. ลางมือฟอกสบใู หส ะอาดทกุ คร้ังกอ นสัมผสั เลนส ๖. หากเกิดอาการผิดปกติ เชน เจ็บหรอื ปวดตารว มกบั อาการแพแสง ตามวั ลง นาํ้ ตาไหลมาก ตาแดง ใหห ยดุ ใชค อนแทกตเลนสท ันที และรีบพบจักษุแพทยโ ดยเร็ว ๗. ปฏิบัติตามคําแนะนําของผูประกอบเลนสและคูมือ หรือฉลากอยางเครงครัด และควรไดรับการ ตรวจตาจากจกั ษแุ พทยเ ปนระยะๆ แมไมม ีอาการ ๘. ผูสวมใสตองมีเวลาใหดวงตาไดพักหรือปลอดจากการใสเลนส ถาเปนผูมีความผิดปกติของสายตา ควรมีแวนสายตาไวใชในระยะเวลาพกั ของดวงตา ทม่ี า : สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๑3๗ กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน ักเรียนคนควา ขอ มูลเก่ียวกับอันตรายจากการใชคอนแทกตเลนส ครคู วรแนะนาํ นักเรยี นวา หากนักเรยี นมปี ญหาทางดา นสายตา ควรไปพบ แลวจัดทําเปน แผน พับแจกใหก บั บุคคลอนื่ ภายในโรงเรยี น จกั ษุแพทยทันที และไมควรซอ้ื คอนแทกตเลนสมาใสเ องโดยเฉพาะตามทอ งตลาด ทม่ี ขี ายกนั ทวั่ ไป เพราะเสยี่ งอนั ตรายตอ สขุ ภาพเปน อยา งมาก ซง่ึ อาจทาํ ใหต าบอดได กิจกรรมทาทาย มุม IT ใหน ักเรยี นวิเคราะหความแตกตางระหวางคอนแทกตเ ลนสทใี่ ชเ พือ่ การรักษาโรค กับคอนแทกตเ ลนสท ใี่ ชเ พอื่ ความสวยงาม จากนัน้ ใหบ อก สามารถศึกษาเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับ อนั ตรายจากการใสบิก๊ อายส จากบทความเรื่อง ผลกระทบดา นบวก และผลกระทบดา นลบทเี่ กดิ จากการใชค อนแทกตเ ลนส “เตือน ! บิก๊ อายสระบาดซ้ํา เส่ียงติดเชอ้ื ตาบอด” ไดจ าก www.thaihealth.or.th ทงั้ 2 ชนดิ โดยจัดทําเปน รูปเลม รายงานแลว นําสงครผู ูสอน คูมอื ครู 137

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ครรู ว มสนทนากับนักเรยี น และถามนักเรยี นวา อย่างไรก็ตาม คอนแทกต์เลนส์หรือเลนส์สัมผัสถึงแม้ว่าจะใช้ส�าหรับผู้ที่มีปัญหา หากนกั เรียนจาํ เปน จะตอ งใชเ ทคโนโลยีทางสขุ ภาพ ทางสายตาทไี่ มอ่ ยากสวมแวน่ แตส่ า� หรบั บางคนกใ็ ชเ้ พอื่ ความสวยงามโดยการเปลย่ี นสขี องดวงตา นกั เรยี นจะมวี ธิ ีการเลือกหรือตดั สนิ ใจในการใช เชน่ ใหม้ สี นี า้� ตาล หรอื สฟี า้ เปน็ ตน้ หรอื รปู แบบของดวงตา แตไ่ มว่ า่ จะใชเ้ พอ่ื วตั ถปุ ระสงคใ์ ดกต็ าม เทคโนโลยเี หลา นนั้ ไดอยา งไร จากน้นั ใหน ักเรยี น เนื่องจากเลนส์ท่ีใช้ต้องสัมผัสผิวของดวงตาท่ีบอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย ศกึ ษาเรื่อง การตัดสนิ ใจเลือกรับและใชเทคโนโลยี ดงั นน้ั ถา้ ผใู้ ชค้ อนแทกตเ์ ลนสป์ ฏบิ ตั ติ ามคา� เตอื น ขอ้ ควรระวงั และขอ้ หา้ มใชด้ งั กลา่ วขา้ งตน้ กจ็ ะมี ทางสขุ ภาพ จากหนงั สอื เรียน เพือ่ เตรียมอภิปราย ความปลอดภัยและสามารถลดความเส่ยี งจากการใชค้ อนแทกต์เลนสไ์ ด้ รว มกัน ๔. การตดั สนิ ใจเลอื กรับและใช้เทคโนโลยที างสขุ ภาพ อธบิ ายความรู Explain ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีทางสุขภาพจะมีคุณค่าในการช่วยให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายและ ใหน กั เรียนรวมกนั อภิปรายเรือ่ ง การตดั สนิ ใจ มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนก็ตาม แต่หากมนุษย์ไม่รู้จักตัดสินใจเลือกรับและใช้เทคโนโลยีทางสุขภาพ เลอื กรบั และใชเ ทคโนโลยที างสขุ ภาพ โดยครอู ธบิ าย ขใหอ้เงหเมทาคะโสนมโลแยลีทะถ่ีมูกีตต่อ้อสงิ่ง แอวันดตลร้อามย หเรชือ่นค วกามารเสที่ย�างใหต่อ้เกสิดุขภภาาวพะกโล็อกาจร้เอกนิด1 ขก้ึนาไรดเ้ กเิดนภื่อางวจะามกลผพลิษกรตะ่าทงบๆ เพิ่มเตมิ วา การตัดสนิ ใจเลือกรับและใชเ ทคโนโลยี การขาดคุณธรรมหรือศีลธรรมต่อมวลมนุษย์ การใช้มนุษย์เป็นตัวทดลองเพ่ือค้นคว้าวิจัยในเร่ือง ทางสขุ ภาพ ควรมหี ลกั ดังนี้ การผลิตยาหรือวัคซีน การน�าเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการผลิตสารเคมีหรือเช้ือโรคเพื่อมุ่งร้าย ท�าลายกัน ขณะเดียวกันความต้องการผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในการบริโภค ท้ังอาหารและยารักษาโรคท ่ี 1. ศึกษาขอมูลของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพตา งๆ เพมิ่ มากขนึ้ ท�าให้มกี ารตัดแต่งพนั ธกุ รรม ซงึ่ อาจส่งผลอันตรายตอ่ สุขภาพได ้ เปน็ ต้น จากเอกสารหรอื คมู ือการใช ดังน้ัน การตัดสินใจเลอื กรับและใช้เทคโนโลยที างสุขภาพ จงึ ควรมีหลกั พจิ ารณา ดงั นี้ ๑. ไม่ควรหลงเชื่อค�าโฆษณาชวนเช่ือต่างๆ โดยใช้หลักของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า 2. ปฏิบตั ิตามข้ันตอนในการใชอยางถกู ตอง “กาลามสูตร” คือ ให้รู้จักใช้สติและปัญญาพิจารณาไตร่ตรองดูว่าข้อมูลท่ีได้รับฟังมานั้นเป็นจริง 3. คาํ นงึ ถงึ สขุ ภาพและความปลอดภยั เปน สาํ คญั และถกู ต้องมากนอ้ ยเพยี งใด เพ่ือไมใ่ หเ้ กดิ ผลเสียตามมา 4. ใชเครื่องมือหรืออุปกรณท างสุขภาพดว ย ๒. ศึกษาข้อมูลของเทคโนโลยีทางสุขภาพต่างๆ จากเอกสารหรือคู่มือการใช้ เพ่ือให้เกิด ความรู้ความเขา้ ใจขน้ั ตอนหรอื วิธกี ารใช้เทคโนโลยีทางสุขภาพนั้นๆ ความระมดั ระวงั ๓. ปฏิบัติตามข้ันตอนในการใช้อย่างถูกต้อง ท้ังอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ อุปกรณ ์ สอื่ สารอิเล็กทรอนกิ ส์ เทคโนโลยที ีม่ ลี ักษณะเป็นเคร่อื งจกั รกล หรือเครื่องยนต์ ๔. ค�านึงถึงวัตถุประสงค์ของการน�าเทคโนโลยีทางสุขภาพไปใช้ โดยพิจารณาจากประเภท ลักษณะ ประโยชนใ์ ชส้ อย ความถูกตอ้ ง และความเหมาะสม ๕. พิจารณาถึงคณุ ภาพของการผลิตและการนา� ไปใช้งานเพ่อื ให้เกดิ ประสิทธิภาพมากท่ีสดุ ๖. คา� นงึ ถงึ สขุ ภาพและความปลอดภยั เปน็ สา� คญั ถงึ แมว้ า่ เทคโนโลยบี างอยา่ งอาจจะมผี ลดี ตอ่ สุขภาพ แตข่ ้นั ตอนหรือกระบวนการผลติ อาจมีส่วนท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพโดยทางอ้อมหรอื ในระยะยาวได้ ๑38 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET บคุ คลใดไม สามารถตดั สนิ ใจและเลอื กใชเทคโนโลยที างสขุ ภาพไดอ ยาง 1 ภาวะโลกรอ น สาเหตุที่ทาํ ใหเกิดภาวะโลกรอ นก็เพราะวา กา ซเรอื นกระจก เหมาะสม เชน ไอนํา้ กาซคารบอนไดออกไซด โอโซน มีเทนและไนตรสั ออกไซด เปน ตน 1. จอส ปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนในการใชไ ดอ ยา งถูกตอง ท่เี พม่ิ ขนึ้ จากการทาํ กิจกรรมตางๆ ของมนุษย ไมว าจะเปน การเผาผลาญถา นหนิ 2. จอม ใชเ ครอ่ื งมือหรืออปุ กรณท างสขุ ภาพดว ยความระมัดระวงั และเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีท่ีมสี ว นผสมของกา ซเรือนกระจกท่มี นษุ ยใช และ 3. แจง ศกึ ษาขอ มูลของเทคโนโลยที างสขุ ภาพจากคูมอื การใชงาน อืน่ ๆ อกี มากมาย จงึ ทาํ ใหกา ซเรอื นกระจกเหลานีล้ อยขึ้นไปรวมตวั กันอยบู นชั้น 4. จมุ ไมค าํ นงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงคข องการนาํ เทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใชง าน บรรยากาศของโลก ทาํ ใหร งั สีของดวงอาทิตยทคี่ วรจะสะทอ นกลับออกไปในปริมาณ วิเคราะหคาํ ตอบ การตดั สินใจและเลอื กใชเ ทคโนโลยที างสขุ ภาพ ควร ท่เี หมาะสม กลับถูกกา ซเรอื นกระจกเหลานก้ี กั เกบ็ ไว ทําใหอ ุณหภมู ขิ องโลกคอ ยๆ ศกึ ษาขอมูลของเทคโนโลยีทางสุขภาพนน้ั ๆ จากคมู อื การใชงาน คํานงึ ถึง สงู ขน้ึ จากเดมิ ความปลอดภัยและความระมัดระวงั ปฏบิ ัติตามข้นั ตอนในการใชไ ดอยาง ถูกตอง และคํานงึ ถึงวัตถปุ ระสงคของการนาํ เทคโนโลยที างสขุ ภาพ มาใชง าน โดยพจิ ารณาจากประเภท ลกั ษณะ ประโยชนใ ชสอย ความถูกตอ ง และความเหมาะสม ตอบขอ 4. 138 คูมือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Evaluate Engage Explore Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครตู ง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยนกั เรียน สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอ ยา งอสิ ระ ๗. พจิ ารณาถึงราคา ค่าใช้จ่าย และผูใ้ ช้ เพ่ือให้เกดิ ความคุ้มคา่ แก่การลงทนุ • นกั เรยี นคิดวา ปจจบุ ันการแพทยของไทย ๘. เทคโนโลยีนั้น ควรมคี วามสะดวกและวิธกี ารใชท้ ่ไี มย่ ุ่งยากซับซอ้ นจนเกินไป ไดรับการพฒั นามากข้นึ กวาในสมยั อดตี ๙. ใชเ้ ครือ่ งมอื หรอื อุปกรณท์ างสุขภาพดว้ ยความระมัดระวงั อยา งไรบาง ๑๐. ควรค�านงึ ถงึ คุณธรรมและความถูกต้องเหมาะสมในการใช้ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอ ยางอสิ ระ) ๕. ความเจริญกา้ วหน้าทางการแพทยท์ ี่มีผลตอ่ สขุ ภาพ • นักเรียนคิดวา ววิ ฒั นาการทางการแพทย ววิ ฒั นาการทางการแพทย์ของไทยนัน้ มกี ารพัฒนามาตามล�าดบั นบั จากการใชก้ ารแพทย์ แผนปจจบุ นั เกิดขึ้นไดอ ยางไร แผนไทยหรือการแพทย์แผนโบราณมาต้ังแต่สมัยอดีตในสมัยสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความ และเมื่อมีการเร่ิมติดต่อกับชาติตะวันตก ก็ได้มีการน�าการแพทย์แผนปัจจุบันหรือการแพทย์ คดิ เหน็ ไดอยา งอิสระ โดยจะไดศ กึ ษาใน แผนตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย โดยเริ่มจากในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชท่ีมี เนอื้ หาตอ ไป) การติดต่อกับชาวฝรั่งเศส แต่ในสมัยต่อมา หลังจากท่ีสมเด็จพระเพทราชาได้ขับไล่ชาวฝร่ังเศส ออกไปแล้ว การแพทย์แผนปัจจุบันที่น�ามาโดยชาวฝร่ังเศสก็พลอยสูญหายไปด้วย คนไทยจึง • ระบบการแพทยของไทยในปจจบุ ัน กลับไปใชก้ ารแพทยแ์ ผนโบราณตามเดมิ มอี ะไรบาง การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ไดถ้ กู รอื้ ฟน้ื มาอกี ครงั้ ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ พรอ้ มกบั การเขา้ มา (แนวตอบ ไดแก การแพทยแ ผนปจ จบุ ัน ของนกั สอนศาสนาคริสต ์ ทีส่ า� คญั ก็คอื นายแพทยแ์ ดน บชี บรัดเลย ์ (Dan Beach Bradley) การแพทยแผนไทยและการแพทยแ ผนไทย หรือที่เรียกว่า “หมอบรัดเลย” ซึ่งได้เข้ามาปฏิบัติงานทางการแพทย์จนมีชื่อเสียงเป็นท่ีรู้จักกัน ประยุกต และการแพทยท างเลือก) ท่ัวไป ท้ังในหมู่ประชาชน ข้าราชการ และ สาํ รวจคน หา Explore บุคคลชั้นสูงของประเทศ นับจากน้ันเป็นต้นมา การแพทยแ์ ผนปัจจบุ ันไดม้ คี วามเจรญิ กา้ วหน้า มากขึ้นมาตามล�าดับ กล่าวคือ ในรัชสมัยของ ใหนกั เรยี นแบงกลุม กลุม ละ 3-4 คน ศกึ ษา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รง เรอ่ื ง ความเจรญิ กาวหนาทางการแพทยท ี่มีผลตอ มกี ารจา้ งแพทยช์ าวองั กฤษมาประจา� ในราชสา� นกั สขุ ภาพ จากหนงั สือเรยี นและแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ แต่กิจการส�าคัญท่ีท�าให้การแพทย์แผนปัจจุบัน เพ่มิ เตมิ โดยมีประเด็นในการศกึ ษา ดังน้ี สามารถปักหลักอย่างม่ันคงในประเทศไทยได้ ก็คือการท่ีมีพระราชด�าริให้สร้างโรงพยาบาล • ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจ จบุ นั ศิริราชข้ึน เพ่ือใช้เป็นท่ีบ�าบัดรักษาและพ�านัก • หลกั ในการพจิ ารณาเลือกใชบ รกิ ารทาง การแพทยท ี่เหมาะสม ส�าหรับราษฎรท่ีเกิดการเจ็บปวยจนกว่าอาการ อธบิ ายความรู Explain จะทเุ ลา ในขณะทกี่ อ่ นหนา้ นนั้ ถ้าราษฎรเจบ็ ไข้ ไดป้ ว ยตอ้ งไปอาศยั วงั ของเจา้ นายและเคหสถาน ศหมาสอบนราดั คเรลิสยตเป น แนลาะยยแังพเปทยนช ผาูเวรอิ่มเมตรนกิ นัททําเี่กขาา รมผาเาผตยัด1แพในร ครตู ง้ั คาํ ถามเพอ่ื กระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น ของขนุ นางเป็นที่พกั ชัว่ คราว • บุคคลใดเปนผูรเิ ริม่ การแพทยแ ผนปจจบุ ัน ประเทศไทยเปนครัง้ แรก ซ่งึ มคี วามเจริญกาวหนาเปน อยางมากจนถึง ๑3๙ ปจจบุ นั น้ี (แนวตอบ นายแพทยแ ดน บีช บรดั เลย (Dan Beach Bradley) หรือหมอบรัดเลย) แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดเปนผลมาจากความเจริญกาวหนาทางการแพทยทใ่ี ชในการรักษาโรค ครอู าจใหน ักเรยี นสบื คน ขอ มูลเกี่ยวกบั ประวัตแิ ละคณุ ูปการทางการแพทยของ 1. เครอื่ งใหย าสลบ หมอบรดั เลยท มี่ ตี อ สังคมไทย แลว เขยี นสรุปสาระสาํ คัญในรูปแบบของผงั ความคิด 2. เครื่องตรวจสารเคมี สง ครูผูสอน 3. เครอื่ งชวยการไดย นิ 4. เคร่ืองตรวจคลน่ื ความถี่ วิเคราะหคาํ ตอบ ความเจริญกา วหนาทางการแพทยทใ่ี ชในการรักษาโรค นักเรียนควรรู คือ เครื่องชวยการไดย ิน ซ่ึงจะสามารถชวยผบู กพรองทางการไดย ิน 1 การผา ตัด ปจจุบันมกี ารผา ตัดดว ยการสองกลอง 3 มติ ิ ซึ่งจะชวยเพมิ่ ความ ใหสามารถรับรูขอมูลตางๆ ได ตอบขอ 3. แมนยาํ ใหแพทยไดเห็นรายละเอียดเชิงลึกไดช ดั เจน สามารถกะระยะไดตรงจุด ชวยใหก ารผาตัดมีความปลอดภัยและรวดเร็วมากกวาการผา ตดั เปด แผลแบบเดิม อีกทง้ั ยังชวยลดการบาดเจบ็ และทาํ ใหผปู ว ยฟน ตวั ไดเ ร็วขน้ึ คูม ือครู 139

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี น 1 กลมุ ออกมานาํ เสนอในประเดน็ จากความเจริญก้าวหน้าของการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ส่งผล ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจ จบุ ัน โดยครู ให้การแพทย์แผนไทยที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเสื่อมถอยความนิยมไป แต่ในปัจจุบันได้มีการรื้อฟื้น และนักเรียนกลุมอนื่ ๆ เสนอแนะเพิม่ เตมิ และ ขึน้ มาใหม ่ โดยจัดใหม้ ีการเรียนการสอนหลกั สตู รการแพทย์แผนไทยเพ่ิมมากข้นึ และมีการผลติ ต้ังคาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสขู อสรุปท่ีถกู ตองรว มกนั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ผนไทย เพอ่ื เปน็ อีกทางเลอื กหนึ่งในการดแู ลสขุ ภาพของประชาชน • การแพทยแผนปจจบุ นั มลี กั ษณะอยางไร ๕.๑ ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจจบุ ัน (แนวตอบ เปน การแพทยท ใี่ หก ารรักษาทางยา การผาตัด รังสรี กั ษา และยาเคมีบําบัด ในประเทศไทยปจั จบุ นั นน้ั เมอื่ กลา่ วถงึ ระบบการแพทย ์ จะมกี ารจา� แนกออกไดเ้ ปน็ ๓ ประเภท โดยวชิ าความรดู า นแพทยศาสตรและการ คอื การแพทยแ์ ผนปจั จบุ ันหรอื การแพทยก์ ระแสหลัก การแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทย พยาบาลนนั้ แพทยและพยาบาลจะตองผา น ประยุกต ์ และการแพทย์ทางเลือก ซ่ึงมีความแตกตา่ งกนั ดงั ตอ่ ไปนี้ การเรียนการสอนและการฝก ฝนจากโรงเรียน แพทยแ ละโรงเรียนพยาบาล) รังสีรักษา แ๑ล)ะ ยกาเาครมแีบพ�าบทัดย1 ์แโผดยนวปิชจาคจวุบาันม รู้ดค้าือน แกพาทรแยศพาทสยต์ทรี่์แใหล้กะกาารรรพักยษาาบทาาลงนยั้นา การผ่าตัด แพทย์และ • การแพทยแผนไทย มลี ักษณะอยา งไร พยาบาลจะต้องผ่านการเรียนการสอนและการฝกฝนจากโรงเรียนแพทย์และโรงเรียนพยาบาล (แนวตอบ เปน การแพทยท่ใี ชห ลกั ทฤษฎคี วาม การแพทย์แผนปัจจบุ ันเป็นความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ทพ่ี สิ ูจน์และตรวจสอบได้ มีแหล่งท่ีมาจากการ สมดลุ ของธาตุตา งๆ ในรา งกายเขา มาอธบิ าย ศึกษาถูกต้องตามหลักวิชาและหลักสถิติ มีการค้นคว้าวิจัย มีการเผยแพร่องค์ความรู้ และมีการ ผสมผสานองคความรูจากวัฒนธรรมอินเดยี รบั รองจากองคก์ รหรอื สถาบนั ตา่ งๆ ทว่ั โลกวา่ ใหป้ ระโยชนต์ อ่ ผปู้ ว ยไดจ้ รงิ การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนา และการถา ยทอดสบื ตอ กนั มา นบั วา่ เปน็ การแพทย์กระแสหลกั ของสงั คมไทยท่ีประชาชนใหก้ ารยอมรับเปน็ อย่างสูง นอกจากนีก้ ารแพทยแผนไทยยงั รวมถึงการ ผลติ ยาแผนไทย การนวดไทย และ การผดุงครรภเขา ไปในกระบวนการ ทางแพทยอีกดวย) การแพทยแผนปจจุบัน จะใชเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวย เพ่ือใหการบําบัดรักษาโรคเปนไปอยาง มปี ระสทิ ธภิ าพและสะดวกรวดเร็ว ๑4๐ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน การรกั ษาแบบการแพทยแผนปจจุบัน ครูอาจใหนักเรยี นสบื คนขอมูลเกี่ยวกับการแพทยแ ผนปจ จบุ ันในประเทศ 1. การผาตดั อาเซยี น แลว นาํ มาอภิปรายรว มกันวา ประเทศในอาเซียนมคี วามเจรญิ กา วหนา 2. การนวดแผนไทย ทางการแพทยม ากนอยเพียงใด และคดิ วาเปนการบําบดั รกั ษาโรคทไ่ี ดผลหรอื ไม 3. การใชสมุนไพรรักษา 4. การปฏิบตั ิโยคะเพอ่ื บําบดั โรค นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ การรักษาแบบการแพทยแ ผนปจ จุบัน คือ การแพทย ท่ีใหการรกั ษาทางยา การผา ตดั รงั สรี กั ษา และยาเคมบี ําบัด เปน ความรู 1 ยาเคมบี าํ บัด เปน ยาที่ใชในการรักษาโรคมะเรง็ ทีม่ ีคุณสมบัตฆิ าเซลลมะเรง็ ทางวทิ ยาศาสตรที่พสิ ูจนและตรวจสอบได มกี ารคนควา วิจยั และมกี าร หรอื ยับยง้ั การเจริญเติบโตของเซลลม ะเร็ง ยาเคมบี าํ บัดบางชนิดไดม าจากพืช รบั รองจากองคก รหรือสถาบันตา งๆ ท่วั โลกวา ใหป ระโยชนตอผปู ว ย แตน าํ มาสงั เคราะหเพ่อื ใหไดปริมาณมากพอท่ีจะใชร กั ษาโรคมะเร็งใหห ายได ไดจ ริง ตอบขอ 1. 140 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) การแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ การแพทยแ์ ผนไทยและ ครูสุมนกั เรียนอีก 1 กลุม โดยไมซ ้าํ กับ การแพทยแ์ ผนไทยประยุกต์นั้น มคี วามแตกตา่ งกันในบางประเดน็ ดงั นี้ กลุม เดิม ออกมานําเสนอในประเดน็ ระบบ ๒.๑) การแพทยแ์ ผนไทย มักเป็นทีร่ ู้จกั กันในนามของ “การแพทยแ ผนโบราณ” การแพทยข องประเทศไทยในปจ จุบัน โดยครู เป็นความพยายามจะอธิบายถึงภาวะต่างๆ ที่ และนกั เรยี นกลุมอนื่ ๆ เสนอแนะเพิ่มเติม และ เก่ียวกับสุขภาพ ท้ังสภาวะปกติและสภาวะท่ี ตัง้ คาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสขู อสรุปท่ถี กู ตองรว มกนั ผดิ ปกต ิ (เปน็ โรค) โดยใชท้ ฤษฎคี วามสมดลุ ของ ธาตตุ ่างๆ ในร่างกายเขา้ มาอธิบาย ผสมผสาน • การแพทยแ ผนไทย มบี ทบาทหนาทใ่ี นการ องคค์ วามรจู้ ากวฒั นธรรมอนิ เดยี และพระพทุ ธ- บําบดั รักษาในดานใดบาง ศาสนา โดยการแพทย์แผนไทยน้ัน ถือเป็น (แนวตอบ ภูมิปัญญาด้านสุขภาพของคนไทยที่อยู่คู่กับ 1. เวชกรรมไทย เปนการทาํ หนาท่ใี น สังคมไทยมาตั้งแต่อดีต เป็นการบ�าบัดรักษา การตรวจวนิ จิ ฉยั โรค เพอ่ื หาสาเหตุ ทคี่ นไทยไดท้ ดลองปฏบิ ตั จิ รงิ แลว้ ไดผ้ ล จงึ สะสม ของการเกดิ โรคตามทฤษฎี และ องค์ความรู้ไว้ ซ่ึงการแพทย์แผนไทยมีประวัติ หลกั การของการแพทยแผนไทย และวิวัฒนาการควบคู่มากับประวัติศาสตร์ สมุนไพรไทยเปนภูมิปญญาพ้ืนบานท่ีตกทอดจากรุน จากน้นั จงึ ใหการรกั ษาตามกรรมวิธี ชาติไทย ดังมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่ใน สูรุน ซึ่งไดรับการทดสอบแลววาสามารถบํารุงรางกาย ของการแพทยแ ผนไทย บนั ทกึ ต่างๆ และรักษาโรคได 2. เภสัชกรรมไทย เปน การเตรยี มยา และผลติ ยาแผนไทย เชน การเตรยี ม นอกจากนี้ การแพทย์แผนไทย อาจหมายถึง กระบวนการทางการแพทย์ท่ี ยาผง ยาลูกกลอน เปน ตน เก่ียวกับการตรวจวินิจฉัย บ�าบัด การป้องกันโรค การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ การผดุงครรภ์ 3. ผดงุ ครรภไทย เปน การทําหนาท่ี การนวดไทย และหมายความรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย ประดิษฐ์อุปกรณ์ ในการดูแลสขุ ภาพของมารดาและ รวมทั้งเคร่ืองมือทางการแพทย์ โดยการอาศัยความรู้หรือต�าราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา เด็กในหญิงตง้ั ครรภต ้ังแตก อนคลอด ซึ่งการแพทย์แผนไทยน้ันอาจจะไม่มีองค์ความรู้ด้านกลไกการเกิดโรคและเทคนิคทางศัลยกรรม จนถึงหลังคลอด มากนกั 4. นวดไทย ทําหนาที่ในการรกั ษาและ แพทย์แผนไทยนนั้ มบี ทบาทหน้าที่ในการบา� บดั รักษารวม ๔ ด้าน คือ บรรเทาอาการของผูปว ยดวยการนวด (๑) เวชกรรมไทย เปน็ การทา� หนา้ ทใี่ นการตรวจวนิ จิ ฉยั โรค เพอื่ หาสาเหตุ รวมถงึ อาจมกี ารใชย าสมุนไพรชนิด รับประทานควบคูไปดว ย) ของการเกดิ โรคตามทฤษฎแี ละหลกั การของการแพทยแ์ ผนไทย จากนนั้ จงึ ใหก้ ารรกั ษาตามกรรมวธิ ี ของการแพทย์แผนไทย ซ่ึงส่วนใหญม่ ักใหก้ ารรกั ษาดว้ ยยาแผนไทยหรอื ยาสมนุ ไพร (๒) เภสชั กรรมไทย เปน็ การเตรยี มยาและผลติ ยาแผนไทย ซง่ึ มกี รรมวธิ ใี น การเตรยี มยาท้ังหมด ๒๘ วิธี เชน่ การเตรียมยาผง ยานตั ถ์ุ ยาลูกกลอน ยาเม็ดแคปซลู เปน็ ตน้ ๑4๑ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง การเลอื กซือ้ ยาสมุนไพร ควรมหี ลกั ในการเลอื กซือ้ อยางไร ครอู าจพานักเรยี นไปทัศนศกึ ษาเกย่ี วกบั การแพทยแ ผนไทยท่ีศนู ยก ารเรียนรู แนวตอบ ควรตรวจสอบดูวา ยานน้ั มกี ารขนึ้ ทะเบียนจากสํานกั งาน การดแู ลสขุ ภาพภาคประชาชน การแพทยแ ผนไทย อภัยภเู บศร เนอ่ื งจาก คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรอื ไม นอกจากนน้ั กต็ อ ง ดูวนั /เดือน/ป เปน แหลงพฒั นาและรวบรวมองคค วามรูดานการแพทยแ ผนไทยและสมนุ ไพร ท่ีผลิต วนั หมดอายุ การบรรจหุ ีบหอ วาไดม าตรฐานหรอื ไม คือ จะตองไมรั่ว เพ่ือมงุ หวงั ใหป ระชาชนคนไทยสามารถพึง่ ตนเองไดใ นการดูแลสุขภาพขนั้ พน้ื ฐาน ไมม ีรอยบุบ หรอื มกี ารเปด หีบหอ ซึง่ จะมผี ลทาํ ใหย าเส่ือมคณุ ภาพ แลว หาก อีกทงั้ ยังเปนการถา ยทอดภมู ปิ ญ ญาไทยใหก ับเยาวชนรนุ หลังไดรูจ ักและเหน็ นาํ ไปใชก็อาจเกดิ โทษได คณุ คา จากนน้ั ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน ชวยกนั สรปุ ผลการศึกษา แลวเลือกวธิ ีการบาํ บดั รกั ษาโรคดว ยการแพทยแผนไทยอยา งงายมา 1 วิธี พรอ มทัง้ สาธิตวิธีการรกั ษาหนาช้ันเรียน คมู อื ครู 141


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook