กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู ุมนกั เรียนอกี 2-3 คน ใหออกมาสรปุ ปญั หาทางด้านจิตใจน้นั มผี ลก่อให้เกดิ อาการผดิ ปกตทิ างร่างกาย ดงั น้ี สาระสาํ คญั จากการนาํ เสนอของแตละกลมุ จากนนั้ ใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบนั ทึกผล ตวั อย่างอาการผดิ ปกตทิ างรา่ งกายอนั เปน็ ผลจากปญหาสขุ ภาพจิต การเรียนรู กิจกรรมท่ี 6.3 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ นอนไม่หลบั ขาดสมาธิ สุขศกึ ษา ม.2 กิจกรรมที่ 6.3 นอนหลบั ยาก หรอื ฝนร้าย ท�าอะไรได้ไมน่ าน หนว ยท่ี 6 อารมณแ ละความเครย� ด เบื่ออาหาร ซึมเศร้า อยคู่ นเดยี ว หรือกินมากผิดปกติ การด�าเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน ต้องประสบภาวะที่ท�าให้เกิดท้ังความสุขและความทุกข ์ ซึง่ อาจทา� ให้มีปญั หาทางดา้ นอารมณ์ได้ หากไม่ไดร้ ับการแกไ้ ขทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสม อาจเกดิ ปญั หา อ่อนเพลีย ไม่มแี รง เสยี งสั่น ปากส่ัน สขุ ภาพทงั้ ดา้ นร่างกาย จิตใจ และสงั คมในระยะยาวได ้ การดูแลสขุ ภาพกายและสุขภาพจติ จึงเปน็ ท�างานประจ�าวันไมค่ อ่ ยได้ หรือมอื สนั่ เวลาไม่พอใจ สงิ่ สา� คญั เนอื่ งจากกายและจติ ทา� งานสมั พนั ธก์ นั ดงั นน้ั การรจู้ กั ปฏบิ ตั ติ นและเลอื กวธิ จี ดั การอารมณ์ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะชว่ ยใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี แี ละสามารถปรบั ตวั ใหอ้ ยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ขมวดค้ิวตลอดเวลา ปวด หรอื เกร็งกลา้ มเนือ้ บริเวณคอและไหล่ ๑. อารมณ์และความเครียดท่มี ผี ลตอ่ สุขภาพ อารมณ์ หมายถึง กระบวนการของความรู้สึกตอบสนองข้ันต้นของจิตต่อสิ่งเร้าท่ีกระตุ้น ปวดศรี ษะ เวยี นศรี ษะ ฉนุ เฉียว โมโหงา่ ย ทางรา่ งกาย เชน่ ความโกรธ ความกลัว ความวิตกกังวล ความคับขอ้ งใจ ความรกั ความชอบ ความเกลยี ด ความพอใจ ความเสียใจ เปน็ ต้น หายใจตดิ ขดั ใจสั่น หวั ใจเตน้ แรง เหนื่อยง่าย ความเครียด กรมสขุ ภาพจิต ไดใ้ ห้ความหมายของความเครยี ดวา่ “ความเครยี ด เป็นภาวะที่ อ่อนเพลยี ไมม่ ีแรง เกดิ ข้ึนเมื่อจติ ใจถกู กระตุ้นดว้ ยสง่ิ เร้าทีท่ า� ใหต้ น่ื เต้น หรือวิตกกงั วล สง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลง ท�างานประจ�าวันไมค่ ่อยได้ ระบบขับถ่ายผดิ ปกติ1 หรอื ความผดิ ปกตทิ างรา่ งกาย หากความเครยี ดน้ันมีมากและคงอยู่เปน็ เวลานาน” ๑.๑ ลักษณะอารมณ์และความเครียดของวัยรุ่น ตืน่ เต้น ตกใจงา่ ย จุกแน่นหนา้ อก วัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในระยะการเปลี่ยนแปลงระหว่างวัยเด็กกับผู้ใหญ่ ซ่ึงจะมีการพัฒนา เหงอ่ื ออกง่าย รว่ มกันระหว่างรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม พัฒนาการด้านอารมณ์เปน็ ส่วนหนง่ึ ของการ พัฒนาท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในวัยรุ่น เพราะช่วงระยะน้ีอารมณ์จะแปรปรวนมาก เนื่องจาก วัยรุ่นมักจะมีอารมณ์รุนแรง มีความเช่ือมั่นในตนเอง และอาจมีความคิดขัดแย้งต่อผู้ใหญ่ หรือ บุคคลอ่นื ได ้ โดยอาจมอี ารมณก์ ้าวร้าวรุนแรง เช่น โกรธ อิจฉา เกลียดชงั อารมณเ์ กบ็ กด เช่น กลัว กังวลใจ เศร้าใจ เป็นต้น อารมณ์ดังกล่าวมักจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาการของวัยรุ่น ในด้านต่างๆ เช่น ร่างกาย สังคม สติปัญญา จริยธรรม เป็นต้น ดังน้ัน การรู้จักปรับตนเอง การเผชิญปัญหากับความเครียดจึงเป็นสิ่งส�าคัญและจ�าเป็นอย่างย่ิงต้ังแต่วัยเด็ก เพ่ือเป็นการ ระงับ บรรเทา หรือขจัดความเครียด หรือสิ่งที่มาคุกคามที่เป็นอันตราย ซ่ึงมีผลต่อพฤติกรรม การแสดงออกของบุคคลได้ ๑.๒ สาเหตุของความเครียด ความเครยี ดเกิดจากสาเหตหุ ลายประการ ดังน้ี ๑) ภาวะด้านร่างกาย เช่น สุขภาพอ่อนแอ ความเจ็บป่วย การติดสารเสพติด ความพิการ ภาวะทุพโภชนาการ การเจริญเติบโตผิดปกติ ความอ้วนเน่ืองมาจากกรรมพันธ ุ์ การเปล่ียนแปลงตามพัฒนาการทั้งในวัยรุ่นและวัยสูงอายุ ความผิดปกติของพัฒนาการทางด้าน สมองและสตปิ ญั ญา เป็นตน้ 88 ทงั้ น้ ี ผทู้ ่มี ปี ัญหาสุขภาพจติ อาจมลี กั ษณะอาการอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด หรือหลายอย่างผสมกัน รวมทั้งการแสดงออกของแต่ละบุคคลก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้น พฤติกรรมที่แสดงถึงการมี ความเครียดจงึ อาจสังเกตได้ยาก ถ้าหากไมใ่ ช่คนทีอ่ ยูใ่ กลช้ ดิ นอกจากนี้ ระดับการเกิดความเครียดของแต่ละบุคคลก็ยังแตกต่างกัน ปัญหาเดียวกัน บางคนอาจจะรู้สึกเฉยๆ หรืออาจมีความเครียดเกิดข้ึนบ้างแต่ไม่มากนัก แต่บางคนอาจมี ความเครยี ดมาก จนสง่ ผลกระทบทา� ให้ร่างกายมีอาการบางอยา่ งผดิ ปกติ 9๒ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET หากปลอยใหต นเองมคี วามเครียดสะสมไวเ ปนเวลานาน จะสงผลใหเ กดิ ครอู าจศกึ ษาขอมูลเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สุขภาพจติ ของนักเรยี นเพ่อื นํามาใชประกอบ การเจบ็ ปวยที่รุนแรงได ยกเวน ขอ ใด การจดั การเรยี นการสอนได โดยสามารถดาวนโ หลดคมู ือสง เสรมิ สุขภาพจติ นักเรียน 1. โรคจติ ระดบั มธั ยมศกึ ษา ไดจ าก เว็บไซตกรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ 2. โรคเกาท http://www.dmh.go.th/download/ebooks/MEH7.pdf 3. โรคกระเพาะอาหาร 4. โรคประสาทบางชนดิ นกั เรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ เมือ่ มีความเครียดสะสมไวเปนเวลานาน โดยไมไ ด ผอ นคลายจะสง ผลใหเกดิ การเจ็บปว ยทรี่ นุ แรงได เชน โรคประสาท 1 ระบบขบั ถา ยผดิ ปกติ ภาวะเครยี ดเปน ปจ จยั ทท่ี าํ ใหเ กดิ ความผดิ ปกตขิ อง บางชนิด โรคจติ โรคกระเพาะอาหาร เปนตน แตสาํ หรบั โรคเกาทนั้น ระบบขบั ถา ยอยเู ปน ประจาํ หรอื เรยี กอกี อยา งวา อาการทอ งผกู เรอื้ รงั ไมไ ดเปนโรคที่เกิดจากความเครียด แตเปนโรคทเี่ กดิ จากภาวะที่มกี รดยรู ิก ในเลอื ดสงู จงึ ทาํ ใหม อี าการปวดตามขอ ตอ ตา งๆ ของรา งกาย ตอบขอ 2. 92 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ นอกจากอาการดงั กล่าวข้างต้นแลว้ ผูม้ ปี ญั หาสุขภาพจติ ยงั อาจเกิดความรสู้ ึกอนื่ ๆ ไดอ้ ีก หลงั จากทีน่ กั เรยี นไดทาํ การศึกษาเกี่ยวกับ อารมณแ ละความเครยี ด และไดร ว มกนั แลกเปลยี่ น ตัวอย่างการเกดิ ความร้สู กึ ผิดปกตขิ องผ้มู ีปญ หาสขุ ภาพจติ เรือ่ งราวเกี่ยวกับผทู ่ีมีปญหาสุขภาพจติ แลว เพ่อื ขยายความเขา ใจโดยใหนกั เรยี นนาํ ความรทู ไ่ี ด หงอยเหงา วา้ เหว่ น้อยใจ อยากรอ้ งไห้ ไปประยกุ ตใชใ นชวี ติ ประจําวันไดน ้ัน รสู้ กึ ว่าถกู ทอดทิง้ ใหน กั เรียนหาขาวจากหนังสอื พมิ พหรอื เบอ่ื หนา่ ย เซ็ง ไมม่ ีความสขุ เศร้าหมอง อนิ เทอรเน็ตเกี่ยวกับเหตกุ ารณท ่ีเกดิ จากบุคคล ทมี่ ีปญหาสุขภาพจิต จากนัน้ ใหเขียนวเิ คราะห ถึงสาเหตุ และแนวทางการแกไขลงในกระดาษ รายงาน รูส้ ึกว่าตนเองไมม่ คี ุณคา่ หงดุ หงดิ กระวนกระวายใจ ไมม่ คี วามส�าคญั กระสบั กระสา่ ย ร้สู กึ จริงจงั กบั ทกุ ๆ เรือ่ ง วติ กกังวล ซึมเศร้า หวาดกลัว จากการที่ได้ศึกษาลักษณะอาการเบ้ืองต้นของผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ หรือผู้ที่มีความ เครียดสูง พบว่าอาการต่างๆ ส่งผลกระทบ ทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย จึงสรุปได้ว่าผู้ที่ มปี ญั หาความเครยี ด ท้งั ระดบั ความเครยี ดมาก หรือน้อยก็ตาม บุคคลนั้นควรได้รับการรักษา ใหค้ วามเครียดลดลง หรอื หมดไป ซ่งึ อาจทา� ได้ หลายวธิ ดี ว้ ยกนั เชน่ การพกั ผอ่ น การนอนหลบั การออกก�าลังกาย การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เปน็ ต้น เพราะหากบุคคลเกดิ ความเครยี ดอยา่ ง ใตห่อห้ เนม่ือดงไเปร ้ืออรังา จทโดา� ยใหม้เิไปดน็้รับโรกคาตร่ารงักๆษ 1าแ ลหะรอือาขจจนัดา� ไปสู่การท�าร้ายร่างกายตนเอง หรือน�าไปสู่การ การทา� กจิ กรรมทตี่ นเองสนใจ เปน การลดความตงึ เครยี ด มีพฤตกิ รรมเสี่ยงทอ่ี าจเปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพ ทางอารมณว ธิ ีหนึ่ง 9๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู ใหน กั เรียนบอกสาเหตขุ องความเครียด พรอ มยกตวั อยางประกอบ ครอู าจยกตวั อยางผทู ่ีมปี ญ หาสุขภาพอันเปน ผลมาจากความเครียด แนวตอบ • ภาวะดานรางกาย เชน สขุ ภาพออ นแอ ความพิการ ภาวะ ใหน ักเรียนฟง เพื่อใหน กั เรยี นเกิดความตระหนักและใสใ จในสุขภาพของตนเอง รวมไปถงึ บุคคลในครอบครัวมากขึน้ ทพุ โภชนาการ การเจรญิ เตบิ โตผิดปกติ การเปลย่ี นแปลง ตามพัฒนาการแตละวยั เปนตน นกั เรยี นควรรู • ภาวะดา นจติ ใจ เชน ความตองการการยอมรบั การสูญเสีย ความวิตกกงั วล ความขัดแยง เปนตน 1 โรคตางๆ เม่ือเกิดความเครยี ดมากๆ โดยไมมกี ารผอ นคลายหรอื ขจัดให • ภาวะดา นสิ่งแวดลอ ม เชน สภาพอุณหภูมิ การจราจร หมดไป อาจทาํ ใหเ กดิ โรคตา งๆ ตามมาได เชน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหลอดเลอื ด ตดิ ขดั นา้ํ ทวม ฝนแลง ไฟไหม การสอบ การเรียน สมองตบี เปนตน ซ่ึงโรคตางๆ เหลาน้อี าจสงผลใหเ กดิ ความพกิ ารตามมาได กฎระเบียบตางๆ เปน ตน หากมกี ารดแู ลสขุ ภาพที่ไมดี เชน โรคอมั พฤกษ โรคอมั พาต เปน ตน คมู อื ครู 93
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูทบทวนความรูเดมิ เก่ียวกับการจดั การกับ ๓. วธิ ปี ฏบิ ัตติ นเพอื่ จัดการกับอารมณ์และความเครียด อารมณและความเครยี ด จากน้ันใหน ักเรียนชว ยกนั เสนอกรณตี วั อยา งผทู ่ีไมส ามารถจัดการกับอารมณ เราทุกคนคงเคยอยู่ในสภาวะของความเครียดกันทั้งนัน้ เช่น เวลาใกล้สอบ การถูกท�าโทษ และความเครยี ดของตนเองได แลว ชวยกันแสดง การเสียใจ หรือเศร้าใจเม่ือไม่ได้ในส่ิงท่ีตนอยากได้ เป็นต้น สภาวะดังกล่าวนี้ย่อมท�าให้เกิด ความคิดเห็น และหาแนวทางในการแกไข จากนนั้ ความเครียดได้ ซ่ึงความรุนแรงจะมีมาก หรือน้อยก็ข้ึนอยู่กับเทคนิคการจัดการกับอารมณ์และ ครูตั้งคาํ ถามเพอ่ื กระตุนความสนใจ โดยนักเรยี น ความเครียด ไม่ใช่ระงับ หรือหลีกเล่ียงอารมณ์และความเครียด แต่จะเน้นการจัดการ หรือการ สามารถแสดงความคิดเห็นไดอยา งอิสระ บรหิ ารจดั การ (Management) หรอื การเผชญิ กบั ความเครยี ดอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยการใชเ้ ทคนคิ เพื่อช่วยให้บุคคลสามารถแก้ไขปญั หาต่างๆ ทเี่ กิดข้ึนได้อย่างเหมาะสมและเกิดผลดตี อ่ บุคคลนั้น • เวลาสอบใครเครยี ดบา ง ซ่ึงวิธีการในการจดั การกบั อารมณ์และความเครียด มดี ังนี้ (แนวตอบ ขึ้นอยกู บั คําตอบของนักเรยี น แตสวนใหญจะเครียดกนั หมด) ๓.๑ การพักผอ่ น • หากนักเรยี นมีความเครียด นักเรยี นจะเลอื ก การที่ร่างกายได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลาย และได้ออกก�าลังกายอย่างเหมาะสม จะช่วยลด วิธจี ดั การกบั อารมณและความเครยี ดแบบใด ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการด�าเนินชีวิตประจ�าวันของเราได้มาก และช่วยให้เราสามารถเผชิญ เพราะเหตใุ ดจึงใชว ธิ ีการน้นั กบั สภาวการณ์ตา่ งๆ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคาํ ตอบของนักเรียน ถ้าคนเราได้ใช้เวลาแม้เพียงวันละ ๕ นาที ของแต่ละวัน เพ่ือการพักผ่อนหรือผ่อนคลาย โดยอาจตอบวา หาทางระบายความเครยี ด ความตึงเครยี ด จะท�าใหผ้ ลการเรยี น หรอื การท�างานเกิดประสิทธิภาพทดี่ มี ากยง่ิ ขนึ้ ดว ยการพดู คยุ เรอ่ื งทเ่ี ครยี ดใหก บั เพอื่ นฟง หรือ การพกั ผอ่ นเปรยี บเสมอื นการทา� ใหส้ มองของเราไดผ้ อ่ นคลาย ถอื วา่ เปน็ การฝกึ จติ อยา่ งหนง่ึ อาจจะดูหนงั ฟงเพลงใหเ กดิ ความสบายใจ) จะท�าให้จิตใจสดชื่น เกิดความสบายใจ คลายความวิตกกังวล สามารถคิดหาทางแก้ปัญหาได้ มีความเขม้ แข็งขน้ึ และมพี ลังจติ เพ่ิมขน้ึ ซ่ึงเราควรได้ยดึ เป็นหลกั ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป โดยกิจกรรมเพ่ือ สาํ รวจคน หา Explore การพักผ่อนมีหลายอย่าง ดังตัวอย่างแผนผงั ต่อไปนี้ ใหนกั เรยี นศึกษาเรื่อง วธิ ปี ฏิบตั ติ นเพอื่ จัดการ แผนผังแสดงตวั อย่างกิจกรรมทท่ี �าใหส้ มองไดพ้ ักผอ่ น กับอารมณและความเครียดจากหนังสอื เรียน และ แหลง การเรยี นรเู พ่มิ เติมตางๆ จากนัน้ ใหน ักเรยี น เดนิ เล่นกับเพื่อน ใช้เส้นทางใหม่ แบง กลมุ ออกเปน 6 กลุม โดยใหแตล ะกลมุ สง ท่ไี ม่เคยไป ตวั แทนออกมาจับสลากเพอ่ื เลือกเรือ่ งท่จี ะนาํ เสนอ ในประเดน็ ดังตอไปน้ี ซื้อของขวัญเลก็ นอ้ ย การใหส้ มองไดพ้ กั ผอ่ น นงั่ / นอน ให้ตนเอง การผอ่ นคลายความเครยี ด นบั ดวงดาว • การพกั ผอ น • การนอนหลบั เลน่ ตลก / กระเซา้ เพ่ือน เขียนจดหมายถึง • การออกกําลังกาย คนท่ีเรารกั / เคารพ • การผอนคลาย อา่ นหนังสอื ท่นี กั เรยี นชอบ (ถงึ แมจ้ ะเคยอ่านแลว้ ) รับประทานอาหารเชา้ 1 94 บนเตยี ง เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่ือมสาระ สามารถนําเนื้อหาเรือ่ งวิธปี ฏบิ ัติตนเพอื่ จดั การกบั อารมณแ ละ กอ นการกระตนุ ความสนใจ ครอู าจเรม่ิ ตนดวยการใหน กั เรียนนง่ั สมาธิ 5 นาที ความเครียดไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลุมสาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา กอ นเขา สูเนอื้ หา จากน้นั ครูถามความรสู ึกของนักเรยี นหลังจากการนั่งสมาธิ ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เรอื่ งการบรหิ ารจติ และ เพ่ือเชื่อมโยงเขาสูเนอื้ หาถึงวธิ ปี ฏิบตั ิตนเพอ่ื จดั การกบั อารมณแ ละความเครยี ด การเจรญิ ปญ ญา นกั เรยี นควรรู 1 อาหารเชา ผูทไี่ มรบั ประทานอาหารมื้อเชา จะสง ผลใหร ะดับนํ้าตาลใน เลือดต่าํ ไมม สี มาธิ อารมณหงดุ หงิด ซ่ึงสงผลตอประสทิ ธิภาพในการเรยี นหรือ ทาํ งาน โดยการรบั ประทานอาหารเชา นั้น ไมค วรเนน อาหารประเภทขาวแปง แตเ พยี งอยา งเดยี ว ควรรับประทาน คกู ับนม และเพม่ิ ไข ซง่ึ เปน อาหารเชาทดี่ ีท่ีสดุ และเสริมดวยสลัดผักและผลไมดว ยก็จะไดสารอาหารทเ่ี พยี งพอตอความตอ งการ ของรา งกาย 94 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๒ การนอนหลับ1 ใหนักเรียนกลมุ ทจี่ บั สลากไดประเดน็ เรอื่ ง การพกั ผอนและการนอนหลบั ออกมานําเสนอ การนอนหลบั มคี วามสา� คญั และจา� เปน็ ตอ่ สขุ ภาพและการปฏบิ ตั หิ นา้ ทปี่ ระจา� วนั ของรา่ งกาย หนาชนั้ เรยี น จากนนั้ ครูเสนอแนะเพมิ่ เติม และ โดยผู้ใหญ่ต้องการเวลานอนหลับประมาณ ตั้งคาํ ถามเพ่ือนาํ ไปสูขอ สรปุ ที่ถกู ตอ งรวมกนั ๗-๘ ชั่วโมง ส�าหรับเด็กน้ันต้องการเวลานอน ประมาณ ๘-๑๐ ช่วั โมง • การพักผอ น ชว ยใหผ อนคลายความเครียด ไดอ ยางไร ๑) การประเมินพฤติกรรมใน การออกก�าลังกายช่วยให้นอนหลับได้ง่ายข้ึน เนื่องจาก (แนวตอบ การพักผอนเปรียบเสมือนการทาํ ให การนอนหลับ ถ้านักเรียนง่วงนอนบ่อยๆ ร่างกายได้ผอ่ นคลาย และเปน ผลจากความเหนอ่ื ย สมองไดผอนคลาย จิตใจสดช่นื เกิดความ สบายใจ และคลายความวติ กกงั วล) แม้ว่าจะนอนมากเท่าไรก็ยังง่วง ควรไปพบ แพทย ์ เพราะอาจเป็นอาการทีบ่ ง่ บอกถึงปญั หา • วธิ ที ี่จะทาํ ใหนอนหลับสบายมากขึ้น สุขภาพทางกาย หรือจิตใจได้ หรือการนอน สามารถทาํ ไดอ ยา งไรบา ง ไม่หลับก็เช่นเดียวกัน ควรไปพบและปรึกษา (แนวตอบ เชน ออกกาํ ลงั กายในชว งเยน็ แพทย์ เพราะอาจเนื่องมาจากร่างกายมีความ ดมื่ นมอนุ ๆ กอนนอน นําน้ํามนั หอมระเหย เครยี ดโดยท่ีเราไมร่ ู้ตวั ซึง่ อาจเป็นความเครยี ด วางในหองนอนจะทําใหรูส ึกผอนคลาย ที่คอ่ ยๆ สะสมไว ้ มีความวติ กกังวลสงู จนทา� ให้ เปน ตน ) เกดิ อาการนอนไม่หลับ เกร็ดนา่ รู้ จัดระเบยี บการนอน เคล็ดไม่ลบั หลบั สนทิ สบาย ผทู้ ่มี ีปญหาการนอนไมค่ อ่ ยหลบั สามารถท�าได้ ดงั นี้ • จดั ระเบยี บเวลาการนอน ควรนอนกอ่ น ๒๒.oo น. เพราะเปน ชว่ งทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ ในการพกั ผอ่ นรา่ งกาย • ปรับอุณหภูมิและเคร่ืองฟอกอากาศ ควรปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นระหว่าง ๑๗–๒๕ องศาเซลเซียส เพราะจะทา� ใหห้ ลับสบาย รวมทง้ั เสริมเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพ่อื เพม่ิ ปรมิ าณออกซเิ จนท่ีสมดลุ ซง่ึ จะ ทา� ให้หลบั ลกึ ไดต้ อ่ เน่อื ง • ออกกําลังกายก่อนนอน ควรออกก�าลังกายก่อนนอนในช่วงเย็น เน่ืองจากการออกก�าลังกายอย่าง สม่า� เสมอจะชว่ ยทา� ใหห้ ลับสบายมากขนึ้ • ใชอุปกรณ์เสริมและสรางบรรยากาศ การเปดดนตรีเบาๆ หรือน�าน�้ามันหอมระเหยวางในห้อง จะทา� ใหร้ ้สู กึ ผอ่ นคลายและนอนหลับไดง้ า่ ยขน้ึ และควรอยหู่ ่างจากเครื่องมือสื่อสารทกุ ชนิด เพราะสิ่งเหล่าน้ี จะทา� ให้เรามวั แตส่ นใจและนอนดกึ เหมือนเชน่ เคย ทมี่ า : บทความสุขภาพ จากส�านักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ฉบับวนั ท่ี ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ 9๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรยี นควรรู ใครจัดการกบั ความเครียดไดเ หมาะสมทีส่ ุด 1 การนอนหลบั ผทู ต่ี อ งการเพิม่ ความสูง ควรนอนหลบั พักผอ นใหเพียงพอ 1. กายปาและทาํ ลายขาวของ และตอ งเขานอนตั้งแตห วั คา่ํ เพราะโกรทฮอรโมน ซง่ึ เปน ฮอรโ มนท่ีชว ยทาํ ให 2. แกวซื้อของที่ตนเองอยากไดท ุกอยา ง รา งกายเจรญิ เติบโตจะหลง่ั ออกมาเตม็ ท่ขี ณะทเี่ รานอนหลบั 3. เกดออกไปเที่ยวสถานเรงิ รมยกับเพ่อื น 4. กุกอานหนงั สอื ท่ีตนเองชอบ แมจ ะเคยอา นแลว มุม IT วิเคราะหคําตอบ กกุ สามารถจดั การกับความเครยี ดไดเหมาะสมท่สี ุด เพราะการอา นหนงั สอื ทตี่ นเองชอบ แมจะเคยอา นมาแลว กต็ าม เปนการ สามารถศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับเรื่องการนอนหลบั ใหไ ดประโยชนส งู สุด ไดจาก ชวยสรา งความเพลิดเพลนิ ใหก บั ตนเอง ถอื เปนการจดั การกับอารมณแ ละ เว็บไซตส าํ นักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา งเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www. thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/23694 ความเครียดไดดีวิธีหนงึ่ ตอบขอ 4. คูมือครู 95
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนกั เรียนดตู ารางประเมินพฤตกิ รรม ลักษณะพฤติกรรมการง่วงนอนบ่อยๆ หรือการนอนไม่หลับ สามารถส�ารวจและประเมินได้ การนอนหลับหนา 96 จากนั้นครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ โดยสังเกตพฤตกิ รรมเกยี่ วกบั การนอนของตนเองในชว่ ง ๒ สัปดาห์ทีผ่ า่ นมา ดงั ตารางด้านล่างน้ี โดยอธิบายในเรอ่ื งของการทาํ แบบประเมิน เกณฑ การใหคะแนน และการแปลผลคะแนนทีไ่ ด แลวให ตารางประเมนิ พฤติกรรมการนอนหลบั นกั เรียนทาํ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการนอนหลบั ของตนเองจากแบบประเมนิ ดังกลาว จากนน้ั ให ๑. กวา่ ทีน่ ักเรยี นจะหลับได ้ ตอ้ งใช้เวลานานเทา่ ใด มากกว่าท่ีตอ้ งการ เท่ากบั ท่ีตอ้ งการ นกั เรียนวิเคราะหขอมูลของตนเองวามีปญหาการ ๑ ชวั่ โมง หรอื มากกว่า น้อยกวา่ ที่ตอ้ งการ (๓) (๔) นอนหลับหรือไม อยางไร โดยแลกเปล่ยี นความ คิดเห็นรวมกันในชัน้ เรียน (๑) (๒) ๒. เม่ือนอนหลับแล้ว นกั เรยี นคิดว่าไดน้ อนหลับมากน้อยเพยี งใด นอ้ ยกวา่ ที่ตอ้ งการมาก น้อยกว่าท่ีตอ้ งการ มากกว่าทตี่ อ้ งการ เท่ากบั ที่ตอ้ งการ (๑) (๒) (๓) (๔) ๓. นกั เรียนเคยตื่นข้ึนมากลางดกึ แลว้ ไม่สามารถนอนหลบั ตอ่ ได้อกี หรอื ไม่ ถา้ เคย เคยบ่อยเพียงใด ๖ คืน หรอื มากกวา่ ๓ - ๕ คืน ๑ - ๒ คืน ไม่เคย (๑) (๒) (๓) (๔) ๔. โดยเฉล่ยี แล้วใน ๑ คืน นกั เรยี นมีอาการ หรือประสบเหตกุ ารณด์ งั ขอ้ ๓. มากนอ้ ยเพยี งใด ๔ ครั้ง หรือมากกว่า ๓ คร้ัง ๑ - ๒ ครั้ง ไมเ่ คย (๑) (๒) (๓) (๔) ๕. ในชว่ ง ๒ สัปดาห์ท่ีผา่ นมา นักเรยี นคดิ วา่ คุณภาพของการนอนหลบั ของนกั เรียนเปน็ อย่างไร ร้สู ึกเหมอื นว่า มปี ญั หาในการนอนหลบั มีปัญหาในการนอนหลับ หลบั อย่าง ไม่ไดน้ อนหลบั เลย ปานกลาง เพยี งเลก็ น้อย เตม็ อม่ิ (๑) (๒) (๓) (๔) ๖. โดยทว่ั ไปนกั เรียนคิดวา่ ระดับพลงั งานในตวั นกั เรียนในแตล่ ะวันเปน็ อยา่ งไร รู้สึกเหนื่อย เพลยี มาก รูส้ ึกเหนือ่ ย มีพลงั งานท�างานไดป้ กติ มีพลังงานท�างานมาก (๑) เพลยี ปานกลาง (๓) (๔) (๒) คะแนน ๑๘ - ๒๔ - นิสัยการนอนหลบั ท่ดี ีเยีย่ ม ๑๒ - ๑๗ - ดี (อาจจะพิจารณาบางประเด็นทีเ่ ปน็ ปัญหา) ๖ - ๑๑ - พอใช้ (แต่กส็ ามารถปรับปรงุ ได้) ๐ - ๕ - ต้องการการเปลย่ี นแปลง ถ้าไม่สามารถปรบั ปรงุ ให้ดขี น้ึ ภายใน ๒ สปั ดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ ทีม่ า : Neidhardt, E.J. et al. General Health and Well-Being. Vancouver Western Centre Group. 1984 อ้างใน Daugan, B.et.al. Lifeskills for Self-Development. National Council for Mental Health, Johannesburg, South Africa, 1986, p.27. 96 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดอธิบายประโยชนของการจัดการกบั อารมณและความเครยี ด หลงั จากที่ใหนกั เรยี นทาํ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการนอนหลบั แลว ครูสามารถ ไดชดั เจนที่สดุ รวบรวมและวิเคราะหข อมูลของนกั เรียนที่มปี ญหาการนอนหลับ เพือ่ ใชเปนกจิ กรรม 1. หวั ใจเตนชา ลง ใหนักเรียนหาวธิ ีการแกไขตอไป 2. มสี มรรถภาพทางกายทด่ี ี 3. รบั ประทานอาหารไดมากขึ้น มมุ IT 4. มอี ารมณร า เริงแจม ใส โกรธยาก วเิ คราะหค ําตอบ การทเี่ ราสามารถขจดั ความเครยี ดออกไปไดน นั้ จะสง ผล สามารถศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั เรอื่ ง “ฝก ลดความเครียด นอนหลับอยางสบาย” ใหเราเปน ผูทีม่ สี ุขภาพจติ ดี ซึง่ สามารถแสดงออกมาใหเ ห็นในรูปของ ไดจ าก http://viphealthy.blogspot.com/2012/10/blog-post_28.html การมีอารมณร าเรงิ แจม ใส และเมือ่ มอี ะไรมากระตุน ใหเราเกดิ ความโกรธ เมอ่ื เรามีสขุ ภาพจติ ทด่ี ีก็จะทําใหเ ราสามารถยับยง้ั ความโกรธไดด ี ตอบขอ 4. 96 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) ข้อแนะน�าเพื่อการนอนหลับท่ีดี แนวทางการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใหน กั เรียนกลมุ ท่จี ับสลากไดป ระเดน็ เร่อื ง เป็นสิ่งส�าคัญที่บุคคลควรศึกษา เพราะการนอนหลับเป็นวิธีการช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ การนอนหลบั และการออกกาํ ลงั กายออกมานํา ทางหนึ่ง โดยเฉพาะเม่ือบุคคลนั้นได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งข้อแนะน�าส�าหรับ เสนอตอ หนาช้ันเรยี น จากนนั้ ครูเสนอแนะเพม่ิ เติม การนอนหลับให้เกิดประสิทธิภาพนั้นสามารถ และตงั้ คาํ ถามเพอ่ื นําไปสขู อ สรปุ ท่ถี ูกตองรว มกัน สรุปได ้ ดงั นี้ ๑. กอ่ นเขา้ นอนควรทา� จติ ใจให้ • ลักษณะของหองนอนท่ีดี ทม่ี ีสวนชว ยให สงบ และควรเข้านอนให้เป็นเวลา หลบั สบายควรมีลกั ษณะอยา งไร ๒. เข้านอนเพ่ือการนอนหลับ (แนวตอบ นมุ สบาย อากาศถายเทไดส ะดวก โดยตรง ไม่ใชเ่ พื่ออา่ นหนังสอื เพ่อื คิดเกยี่ วกบั เงียบ และปราศจากเสียงรบกวน) สง่ิ ทก่ี งั วลอย ู่ หรอื เพอื่ ดโู ทรทศั น ์ เลน่ อนิ เทอรเ์ นต็ เตียงนอนควรจะเหมาะสม นอนสบาย และ • เพราะเหตใุ ดจึงควรหลีกเล่ยี งการดมื่ กาแฟ ห้องนอนควรจะเงยี บ ปราศจากเสียงรบกวน กอ นเขานอน ๓. หลกี เลยี่ งสารหรอื สง่ิ กระตนุ้ (แนวตอบ เพราะกาแฟจะมีสารกาเฟอีน ทกาท่ี เา�ฟใอหนี้ร1า่ ง(Cกaายffeตiนื่neต)วั บเชหุ น่ร่ี กยาาบแฟาง ชเคนริดือ่ งเดปม่ืน็ ทตม่ีน้ ี (Caffeine) ทก่ี ระตนุ ใหร า งกายตืน่ ตวั การดม่ื นมอนุ่ ๆ กอ่ นนอน จะชว่ ยลดความเครยี ดและชว่ ย จงึ ทําใหไ มร สู กึ งวงหรอื นอนไมหลบั ได) ให้นอนหลบั สบายข้ึน • การออกกําลังกายชว ยผอนคลาย ซงึ่ อาจจะท�าให้นอนไม่หลับ ความเครียดไดอ ยา งไร ๔. การดมื่ นม ๑ แก้ว ก่อนเขา้ นอนจะชว่ ยใหน้ อนหลับได้งา่ ยขึ้น (แนวตอบ การออกกาํ ลังกายจะชว ย ๕. เม่ือรู้สกึ ง่วง ควรจะคดิ ถงึ ส่ิงท่ดี ี หรอื นึกภาพของสิง่ ทนี่ า� ความสขุ มาให้ ซึ่งจะ ผอ นคลายกลา มเน้อื รา งกายเกดิ ความ กระปรก้ี ระเปรา และรสู กึ สดชืน่ จงึ ชว ย ผอนคลายความเครยี ดไดเ ปน อยางด)ี ท�าใหจ้ ติ ใจสบายและสงบ การฝกึ การผ่อนคลาย กลา้ มเน้อื กอ่ นนอน จะชว่ ยใหน้ อนหลบั ไดอ้ ย่าง มคี วามสุข ๖. ก่อนจะเข้านอนควรจะท�า จิตใจใ๓ห.ป้ ๓ล อกดโาปรรอ่ง อสกงบกําลังกาย2 การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายมีผล การออกก�าลังกายนอกจากท�าให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ต่อสุขภาพและการมีชีวิตท่ียืนยาว นอกจากนี้ ยงั ช่วยผอ่ นคลายความเครยี ดดว้ ย การออกกา� ลงั กายยงั เปน็ การผอ่ นคลายกลา้ มเนอื้ ชว่ ยลดความเครยี ด และสง่ เสริมความสามารถ ทางดา้ นสติปัญญาด้วย 9๗ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู นักเรียนคิดวา การนอนไมห ลบั มกั มสี าเหตมุ าจากปจจัยใด 1 กาเฟอนี เปนสารประเภทแซนทีนอัลคาลอยด ซงึ่ สามารถพบไดใ นอาหาร แนวตอบ อาจมสี าเหตมุ าจากการเกดิ ความเครยี ดโดยไมร ตู วั ซ่งึ อาจ หลายชนิด มฤี ทธก์ิ ระตุนระบบประสาทสวนกลาง ทาํ ใหรา งกายเกดิ ความตืน่ ตวั เปนความเครียดที่คอยๆ สง่ั สมไวเ ปนเวลานานทม่ี กั จะมีความวิตกกังวล และลดความงวงได หากบริโภคกาเฟอีนในประมาณมาก อาจทาํ ใหห ัวใจสน่ั อยบู อ ยคร้งั จนทาํ ใหเกดิ อาการนอนไมห ลบั ได มือสั่น นอนไมหลับ ปวดศีรษะ คอเลสเตอรอลสงู ความดันโลหิตสูง และทาํ ให เกิดแผลในกระเพาะอาหารได 2 การออกกาํ ลังกาย การออกกาํ ลังกายมคี วามสาํ คญั ตอ การนอนหลับมาก ซง่ึ ผูท ่ีนอนไมคอ ยหลบั หรือนอนหลับยาก อาจมสี าเหตเุ นื่องมาจากความเครยี ด หรือความวิตกกงั วล ซง่ึ การออกกาํ ลงั กายจะชว ยใหนอนหลบั ไดด แี ละไดนาน มากย่ิงขนึ้ คูม อื ครู 97
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดป ระเดน็ เรอ่ื ง ก ารเรมยี กีนาดรีขวึ้นจิ ยั กในาปรเรจะ็บเทปศว่ ฝยรลงั่ ดเศลสง แโดลยะมใหกี น้ ากัรเพรัฒยี นนไาดวเ้ รุฒยี ิภนาววชิ 1ะาเพร็วลขศน้ึกึ ษามากขนึ้ กวา่ เดมิ พบว่ามผี ล การผอ นคลาย ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากนนั้ กจิ กรถรมา้2วรธิว่ กีมากรบัทผน่ี อู้กั นื่เร ยีเชนน่ ใช วเ้ พงิ่ กอ่ื บักเาพรออื่ อนก รกว่ า� มลกงั กจิ ากยรเรปม็นกสลิ่งมุ่ ทห่ีนร่าอื เชบม่ือ รมก ็คเปวรน็ หตาน้ ว ิธทีกา� าใหรใเ้ หกมดิ ค่ วโดายมอรสู้าจกึ ทวา่�า ครเู สนอแนะเพ่ิมเตมิ และตั้งคาํ ถามเพ่ือนาํ ไปสู การออกก�าลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และอาจจัดเวลาท่ีบ้านให้สะดวกต่อการออกก�าลังกาย ขอ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั ซ่ึงวิธตี า่ งๆ เหล่านี้อาจช่วยให้นักเรียนไดอ้ อกก�าลังกายเพ่ิมมากขึ้นด้วย • การผอ นคลายสามารถชว ยลดความเครยี ด ๓.4 การผอ่ นคลาย ไดอ ยา งไร (แนวตอบ การผอ นคลายเปน การหยุดพัก การผอ่ นคลาย หมายถึง การหยุดพักชวั่ คราวจากกิจกรรมประจ�าวันท่ปี ฏิบตั ิอยู่ สมองของ ชั่วคราวจากกิจกรรมประจําวันทป่ี ฏบิ ัตอิ ยู คนเราเหนอ่ื ยลา้ เชน่ เดยี วกบั รา่ งกาย และตอ้ งการการกระตนุ้ ใหก้ ระชมุ่ กระชวย มพี ลงั เหมอื นเดมิ ซ่งึ เปนวิธกี ารหนงึ่ ทชี่ ว ยลดระดับของความ กิจกรรมทท่ี า� เพอ่ื ให้เกดิ การผ่อนคลายจะชว่ ยท�าใหส้ มองไดม้ ีโอกาสพกั ดงั นั้น กจิ กรรมเหลา่ นน้ั วติ กกังวล และความเครียดไดเ ปนอยา งดี ไมค่ วรจะเป็นการแขง่ ขัน แต่ก็ควรจะเปน็ กิจกรรมทผี่ ู้ปฏิบตั สิ นใจ และจงู ใจใหอ้ ยากท�า เม่ือยามท่ีรางกายตอ งเผชญิ กบั ความเครียด จากการดาํ เนนิ ชวี ิตประจาํ วนั หากไดรบั การ ๑) หลักการผ่อนคลาย การผ่อนคลายเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดระดับของความ ผอ นคลาย ก็จะชว ยทําใหร างกายเกิดการ ฟน ฟู และมพี ลงั ในการดาํ เนนิ ชีวิตประจาํ วัน วิตกกังวลและความเครียดทางกล้ามเน้ือ หลักส�าคัญของการผ่อนคลาย คือ การพยายามที่จะ ไดต อไป โดยไมกอ ใหเ กดิ การเหน่อื ยลา) ให้กลุ่มกล้ามเน้ือบางกลุ่มของร่างกายตึงและหย่อน (ผ่อนคลาย) อย่างเป็นระบบ การท�าให้ กล้ามเน้ือตึงจะท�าให้ร่างกายเกิดความรู้สึกเฉพาะอย่างหนึ่ง และเมื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ส่วนนั้นก็จะเกิดความรู้สึกอีกชนิดหน่ึง ซ่ึงตรงกันข้ามกับความรู้สึกเดิม เม่ือฝึกการท�าให้ กล้ามเน้ือตึงแล้วก็หย่อน จะเกิดความแรงและท�าให้ระดับของความตึงเครียดของร่างกายท่ีมี อยู่เดมิ ลดลง ดงั แผนผัง แผนผังแสดงการเปล่ยี นแปลงของร่างกายเมอื่ ผ่อนคลาย ๑. การหายใจช้าลง ความ ๔. สมองส่วนไฮโปทาลามัส ตอ้ งการออกซเิ จนน้อยลง (Hypothalamus) จะทา� ให้ ต่อมพิทูอิทารี (Pituitary ๒. ต่อมหมวกไตชั้นในไม่หลั่ง Gland) และระบบประสาท ฮอรโมน ปริมาณของ อัตโนมัติเกิดการเปล่ียน- ฮอรโมนอะดรีนาลินใน แปลง คล่ืนสมองจะช้าลง กระแสโลหติ จะลดลง และลกึ ๕. ปริมาณเหง่ือลดลงอย่าง เหน็ ไดช้ ัด ๓. มีการผอ่ นคลายของ ๖. การเตน้ ของหวั ใจชา้ ลงและ กลา้ มเน้ือ ความดันโลหิตลดลง 98 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET บุคคลใดมีการทาํ กจิ กรรมเพ่ือผอนคลายความเครยี ด 1 วุฒิภาวะ คือ ความสามารถในการยบั ยง้ั ชัง่ ใจหรือควบคมุ อารมณ 1. นา้ํ หม่นั ทบทวนบทเรียนอยเู สมอเพือ่ เตรยี มสอบ ความตอ งการของตนเอง ซง่ึ เปนภาวะทีไ่ ดร ับการพัฒนาอยางสมบูรณ ทําให 2. เป วงิ่ แขง กบั เพอื่ นเปน ประจาํ เพื่อทดสอบความเร็ว บุคคลมคี ุณสมบัติ มคี ณุ ภาพเต็มตัวในดา นบุคลิกภาพและพฤติกรรมดา นอารมณ 3. กบิ๊ มกั จะเลนกับสัตวเล้ยี งหลังจากทาํ การบา นเสรจ็ 2 กจิ กรรม ทกุ คนควรมี “วงจรชวี ติ ทสี่ รา งความสขุ ” (Pleasure Circuit) เพอื่ ให 4. จา ฝก รอ งเพลงทกุ วนั เพื่อจะไปแขงขันประกวดรองเพลง สามารถดาํ เนนิ ชวี ติ อยา งมคี วามสขุ ไดอ ยา งถกู ตอ ง ซงึ่ อาจสรา งความสขุ ไดโ ดยการ วิเคราะหคาํ ตอบ กิจกรรมเพอื่ ผอนคลายความเครยี ดควรเปน กิจกรรมที่ ทาํ กจิ กรรมทหี่ ลากหลาย เชน การอา น การเขยี น ศลิ ปะ ดนตรี การทอ งเทยี่ ว ทาํ เพอื่ ใหเ กิดการผอ นคลาย ซึ่งชวยใหสมองไดม โี อกาสพกั และไมค วรเปน เชงิ เรยี นรแู ละสรา งสรรค ทศั นศกึ ษา การเลน กฬี า เปน ตน กจิ กรรมทเี่ ปนการแขง ขัน ซึง่ กิ๊บสามารถเลอื กทํากิจกรรมเพ่ือผอนคลาย ความเครยี ดไดด ีท่ีสดุ ตอบขอ 3. 98 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) วธิ กี ารผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื เปน็ การฝกึ ทค่ี วรทา� ตามระบบ หรอื ขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสม ใหน กั เรียนกลมุ ที่จับสลากไดประเด็นเร่ือง เพือ่ ให้เกดิ ประสิท๒ธ.๑ภิ )า พกสาูงรสเตุดร ซียึ่งมขตนั้ วั ต ใอหนน้ ดกั งั เกรลยี า่นวน อมนีดหงั นงาี้ ย1 (ถ้ามีหอ้ งที่เหมาะสม) หรือน่งั โดยมี การผอนคลาย ออกมานาํ เสนอตอหนาชัน้ เรยี น บรรยากาศของส่งิ แวดล้อม ดังน้ี จากน้ันครูเสนอแนะเพม่ิ เติม และต้งั คาํ ถาม ๑. เงยี บและไม่ถกู รบกวน เพือ่ นาํ ไปสูข อ สรุปทถ่ี ูกตอ งรว มกัน ๒. ให้แน่ใจว่าอยู่ในท่าที่สบาย ทั้งท่าน่ัง หรือท่านอน ไม่ควรกอดอก หรอื ไขวข้ ากนั • ทา ทางการปฏิบัตผิ อ นคลายกลามเนอ้ื ๓. ใหค้ วามคดิ ตา่ งๆ อยใู่ นสภาวะของการผอ่ นคลายดว้ ย ไมก่ งั วล ไมส่ นใจ ทถ่ี ูกตอ งควรเปนแบบใด กบั ส่ิงที่จะหนั เหความสนใจจากการฝกึ ปฏบิ ัติ (แนวตอบ นอนหงายหรือนั่ง โดยใหอยูในทา ๔. พยายามฝึกปฏิบัติวันละ ๒-๓ ครั้ง การฝึกปฏิบัติในสถานที่และ ทส่ี บาย และไมควรกอดอกหรือไขวขากนั ) สิง่ แวดล้อมท่แี ตกตา่ งกันจะชว่ ยให้เราสามารถฝกึ การผ่อนคลายไดใ้ นทุกสถานที่ ๒.๒) การผอ่ นคลายกล้ามเนอ้ื แบ่งออกเปน็ • เพราะเหตใุ ดสถานทใ่ี นการผอนคลาย ๑. การทา� ใหก้ ลา้ มเนอ้ื ตงึ โดยการบบี หรอื เพมิ่ ความตงึ ไปสบู่ รเิ วณกลา้ มเนอ้ื ความเครียดจึงตอ งเปน ทีส่ งบเงียบ (แนวตอบ เพราะบรรยากาศทส่ี งบเงียบ ไมมี สิง่ รบกวน มีสว นชวยใหเกิดการผอนคลาย รสู ึกสบายใจ ซ่ึงมผี ลดตี อสขุ ภาพจิต) จะท�าให้ผู้ปฏิบัติเกิดความรู้สึกตึง ซ่ึงความแรงของความตึงน้ีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวบุคคล และความตึงเครียดของร่างกายในขณะนั้น ถ้าร่างกายมีความตึงเครียดมากก็อาจท�าให้การตึงตัว ของกลา้ มเนอื้ บรเิ วณต่างๆ มากตามไปด้วย ๒. การผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยผ่อนคลายกล้ามเน้ือท่ีตึงน้ันอย่างรวดเร็ว เพ่ือให้กล้ามเนื้อหย่อนและอยู่ในสภาพเดิม ขณะเดียวกันก็เน้นความสนใจไปยังความรู้สึกท่ี ผอ่ นคลาย และพยายามเปรยี บเทียบความรู้สกึ ทง้ั สองอยา่ งวา่ แ๒ตก.๓ต)า่ งกกาันรอหยา่ายงใไจร2 ควรทา� ใหก้ าร หายใจเปน็ ไปโดยอตั โนมตั ิ ตามปกตขิ ณะทที่ า� ให้ กล้ามเนื้อตึง การหายใจจะตื้นและเร็ว เพราะ เกดิ การตงึ กลา้ มเนอ้ื บรเิ วณหนา้ อกและหนา้ ทอ้ ง ซึ่งถา้ คนเรามคี วามตงึ เครยี ดอยู่อย่างสมา่� เสมอ กจ็ ะทา� ใหร้ ปู แบบของการหายใจนก้ี ลายเปน็ นสิ ยั ของบุคคลนน้ั ขณะทผี่ อ่ นคลายกลา้ มเนอื้ อยนู่ น้ั ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งบงั คบั หรอื ควบคมุ ระบบการหายใจ สถานท่ีท่ีสงบเงียบและปลอดโปร่ง จะท�าให้รู้สึกสบายใจ เมื่อรู้สึกผ่อนคลาย รูปแบบ หรือลักษณะการ ซงึ่ มผี ลดีตอ่ สุขภาพจิต หายใจทเ่ี ป็นปกตกิ จ็ ะเกิดข้นึ เองโดยอัตโนมัติ 99 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู วธิ ีปฏบิ ตั ิตนเพอื่ จัดการกบั อารมณและความเครยี ด สามารถทาํ ได ครูอาจใหน กั เรยี นฝกปฏิบตั ิการผอนคลายกลา มเน้อื ตดิ ตอ กันเปนระยะเวลา 1 อยางไรบา ง สปั ดาห จากนน้ั บนั ทึกผลการเปลย่ี นแปลงของรางกายที่เกดิ ข้นึ หลังการผอ นคลาย แนวตอบ สามารถปฏบิ ัตไิ ด ดังนี้ แลว นาํ มาเปรยี บเทยี บกบั สภาพรา งกายกอ นการผอ นคลาย • พักผอนดว ยการทํากิจกรรมตา งๆ ทีช่ ว ยใหร า งกายเกดิ นกั เรยี นควรรู การผอ นคลายจากความเครยี ดที่เกิดขึ้นจากการ ดาํ เนนิ ชวี ิตประจําวนั 1 นอนหงาย ผูที่มอี าการปวดหลังไมเหมาะกับการนอนหงาย เพราะจะทําให อาการปวดรุนแรงขน้ึ ซึง่ เวลานอนอาจใชหมอนหนนุ รองใตโคนขา เพื่อชวยบรรเทา • ออกกําลงั กายเพอื่ ผอ นคลายกลามเนอื้ ซ่ึงจะชว ยลด อาการปวดหลงั ได ความเครยี ด และสงเสริมความสามารถทางดานสติปญญา 2 การหายใจ การฝกผอ นคลายโดยวิธฝี กการหายใจใหถ ูกวธิ ี คือ หายใจเขา ลกึ ๆ ชา ๆ และกลัน้ ลมหายใจเอาไวส กั ครู แลวหายใจออกชาๆ โดยใหพูดในใจ • ฝก บรหิ ารจิต ใหจติ ใจเกดิ ความสงบ ไมเครียด กบั ตนเองวา “ผอ นคลาย” เพราะจะทาํ ใหร สู กึ วา รา งกายเกดิ ความผอ นคลายมากขนึ้ คมู ือครู 99
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูใหนกั เรยี นลองฝกปฏิบตั กิ ารผอนคลาย โดย ๓) การฝก ปฏบิ ตั ิการผอ่ นคลาย คอื กระบวนการ หรอื ขัน้ ตอนของการฝกึ ปฏิบตั ิ ครูอธบิ ายข้นั ตอนในการปฏบิ ัติแตละขัน้ ตอนแลวให การผ่อนคลาย สามารถฝึกไดก้ บั กลา้ มเนอื้ ๓ กลุม่ คือ มอื ขวา มอื ซ้าย หน้าอก หลงั และไหล่ นักเรียนปฏบิ ตั ติ าม จากน้ันใหน ักเรยี นรวมกนั แสดง ซ่ึงสามารถปฏบิ ตั ิได้ ดังน้ ี ความคิดเหน็ วา หลงั จากการปฏบิ ตั ินกั เรยี นรสู ึกวา ๑. นัง่ บนเก้าอ้สี บาย หรอื อยใู่ นทา่ ที่รู้สึกสบายและหลับตา รางกายไดรบั การผอ นคลายหรอื ไม โดยครูสามารถ ๒. ระบายความเครียดให้เกิดขึ้นท่ีมือขวา ให้กล้ามเนื้อบริเวณแขนตึงและแน่น เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และต้งั คําถามเพ่ือกระตุนการ โดยใหก้ ลา้ มเนอื้ ของแขนขวาสว่ นบนตงึ เหมอื นกบั กา� ลงั ยกของหนกั แตอ่ ยา่ ใหม้ อื ขวาเคลอ่ื นไหว เรยี นรขู องนักเรยี น ๓. ให้กลา้ มเน้อื ดังกลา่ วเกดิ ความตึงเป็นเวลาประมาณ ๕. - ๗. วินาที ๔. ลดความตึงของกลา้ มเนื้อขน้ึ ลงเรว็ ๆ พร้อมทั้งหายใจออก แลว้ ให้กล้ามเน้อื • เม่อื ปฏิบัตแิ ลว นกั เรียนมคี วามรูส กึ อยางไร สว่ นนัน้ คลายตัวเป็นเวลา ๒๐-๓๐ วนิ าท ี สังเกตความรสู้ ึกทเี่ กิดขน้ึ แลว้ ทา� ข้อที ่ ๓ และ ๔ ซ�้ากัน (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น โดย ๕. ท�าให้กล้ามเน้ือบริเวณแขนซ้ายตึงข้ึน พยายามเก็บความรู้สึกต่อสภาวะ สว นใหญจ ะตอบวา รสู กึ ผอ นคลาย โดยเฉพาะ ความตงึ ของแขนนัน้ ทกุ สว่ น กลามเนื้อสวนตา งๆ ของรา งกาย) ๗๖.. ใลหดค้คววาามมตตึงงึ ขขอองงแกขลนา้ มซเา้ นยอ้ืค1แงอขยนู่ปซรา้ ะยมลางณ แ ล๕ะ-ท๗�า กวจิินการทรี มข้อ ๕.-๗. ซ้า� อีก • เมื่อรางกายไดร ับการผอ นคลายจะกอใหเ กดิ ๘. ท�าให้ความตึงเกิดขึ้นบริเวณกล้ามเนื้อส่วนหน้าอก หลัง และไหล่ หายใจ ความรูสึกอยางไร (แนวตอบ ทําใหรูสึกสดชืน่ สบายใจ และคลาย ความวติ กกังวลไดเ ปน อยา งดี) เขา้ ลึกๆ คงไว้อย่างนน้ั ชัว่ คร่ ู หอ่ ไหลใ่ หช้ ดิ กัน ขณะเดียวกันกใ็ ห้กล้ามเนือ้ บรเิ วณอกตงึ ตวั ๙. ใหค้ วามตงึ ของหนา้ อกคงอยปู่ ระมาณ ๕-๗ วนิ าที ๑๐. ค่อยๆ ผ่อนคลายส่วนกล้ามเน้อื ทีต่ ึง ขณะฝึกพยายามใหก้ ารหายใจเปน็ ปกติ ถึงแม้วา่ จะยากต่อการปฏิบตั ิ การฝกึ นใ้ี หท้ �าประมาณ ๓-๕ นาที ควรฝกึ ปฏิบตั วิ ันละ ๒ ครงั้ การน่ังในท่าทป่ี ล่อยใหร้ า่ งกายไดผ้ ่อนคลาย และทา� จิตใจให้สงบ สามารถช่วยลดความตึงเครยี ดของกล้ามเน้ือได้ ๑00 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การฝก ปฏบิ ตั กิ ารผอ นคลายควรปฏิบัติตอ ไปนย้ี กเวนขอใด ในระหวางท่ีนกั เรียนฝกปฏิบัตกิ ารผอ นคลายอยูน้ัน ครคู วรเดินดูนักเรียนดว ยวา 1. สูดลมหายใจเขาลกึ ๆ ชา ๆ แลว คอ ยเร็วขน้ึ ปฏบิ ตั ใิ นทา ทถ่ี กู ตอ งหรอื ไม หากนกั เรยี นคนใดปฏบิ ตั ไิ มถ กู ตอ งครสู ามารถชแี้ นะได 2. น่ังบนเกาอสี้ บาย หรอื อยใู นทา ทรี่ สู ึกสบายและหลับตา ท้งั นเี้ พื่อใหการปฏบิ ตั ิดังกลาวเปนไปอยา งมีประสทิ ธภิ าพมากทสี่ ุด 3. อยใู นหองทีส่ งบ และเปดเพลงเบาๆ เพ่ือใหเกิดความผอนคลาย 4. ทําจติ ใจใหสงบ ไมค ิดเร่อื งตา งๆ ทท่ี าํ ใหร ูสกึ เครยี ดระหวา งปฏิบตั ิ นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคําตอบ การฝกปฏิบัติการผอ นคลายท่ีถูกตองนน้ั ควรฝก ในหอ ง หรือสถานท่ีท่สี งบ หรืออาจเปดเพลงเบาๆ เพ่อื ใหเกิดความผอนคลาย 1 ความตึงของกลามเน้ือ ความเครียดหรือการโหมทํางานหนัก สงผลให โดยควรนง่ั บนเกา อี้หรืออยูในทาที่สบายแลวหลบั ตา ทําจติ ใจใหส งบ ไมคิด กลา มเน้อื เกดิ การบาดเจ็บและตงึ ซ่ึงทาํ ใหปวดคอหรอื ไหลเปน ประจําได เร่อื งตางๆ ที่ทําใหร สู กึ เครยี ด แลว สดู ลมหายใจเขา ลึกๆ อยา งชาๆ ใหรสู ึก ไดผอนคลาย ตอบขอ 1. 100 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔) หลักในการปฏิบัติเพ่ือผ่อนคลายกล้ามเน้อื เป็นเทคนิคและวิธีการในการ ครสู ุม นกั เรียน 2-3 คน ออกมาสาธติ การ ปฏบิ ัตเิ พ่อื ผอ นคลายหนาช้ันเรยี นพรอ มกบั บอกถงึ ผ่อนคลายให้เกดิ ประสิทธิภาพ ในการช่วยคลายความเครียด มหี ลักในการฝึกปฏบิ ัติ ดงั น้ี ประโยชนทไี่ ดร ับจากการผอนคลายดังกลา ว ๑. ใชห้ อ้ ง หรอื บรเิ วณที่รู้สึกสบายและเงียบสงบ จากนน้ั ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน อาสาออกมาบอกเลา ๒. นง่ั หรอื นอน จากนน้ั หายใจเขา้ ใหล้ กึ ๆ และหายใจออกอย่างเปน็ ระบบ ถงึ ความรูสึกทไ่ี ดร บั หลงั การปฏิบัติหนาช้นั เรยี น ๓. ให้ความตึงของกล้ามเนอ้ื เกดิ บริเวณแขนขา ผอ่ นคลายพรอ้ มท้งั หายใจออก ๔. ปฏิบัติการท�าให้กล้ามเน้ือตึงและหย่อน ในแต่ละชุดของกล้ามเน้ือ ๒ คร้ัง ครตู งั้ คาํ ถามเพ่ืออธิบายความรเู พม่ิ เตมิ กอ่ นจะฝกึ กบั กลา้ มเนอ้ื กล่มุ อื่นอกี และควรหยุดพักประมาณ ๑ นาท ี กอ่ นเรม่ิ ตน้ ใหม่ • หลักสาํ คญั ของการผอ นคลายคอื อะไร ๕. มุ่งความสนใจไปท่คี วามรูส้ กึ ของตนขณะมีการตงึ ตวั และขณะผ่อนคลาย ๖. หายใจออกในช่วงผ่อนคลายกลา้ มเนอ้ื ใหค้ วามตงึ เครยี ดผอ่ นออกมากที่สุด (แนวตอบ การพยายามทจ่ี ะใหกลามเนือ้ ๗. ฝกึ ปฏบิ ัติกับกลา้ มเนอื้ กลุ่มต่างๆ เรียงตามลา� ดบั บางกลมุ ของรางกายตึงและหยอน ๘. ประเมินสภาวะของร่างกายก่อนและหลงั ฝกึ ปฏบิ ัติ ฝึกทา� ๒-๓ ครง้ั ตอ่ วัน (ผอนคลาย) อยางเปนระบบ) จากทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ จะพบวา่ เมอื่ เกดิ ความเครยี ดจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าทาง • การผอนคลายกลา มเน้ือสามารถชว ยลด ร่างกาย ต่อความเครยี ดเพิม่ มากขึ้น ท�าใหม้ ีลักษณะอาการตา่ งๆ เกดิ ขึ้น ดังนัน้ เราจงึ ต้องหาวิธี ความเครียดไดห รือไม เพราะอะไร กา� จดั ความเครยี ดดว้ ยการผอ่ นคลาย ปฏกิ ริ ยิ าทางรา่ งกายตอ่ การผอ่ นคลายกจ็ ะลดลง ซงึ่ ดไู ดจ้ าก (แนวตอบ ได เพราะการผอ นคลายกลา มเนอ้ื ตารางดา้ นล่างนี้ เปน วธิ ีการหนงึ่ ท่ชี ว ยลดระดับของความวิตก กงั วล และความเครยี ดทางกลามเนอื้ ปฏกิ ิรยิ าทางร่างกาย ลกั ษณะอาการทางร่างกาย ปฏกิ ริ ยิ าทางรา่ งกาย ทีส่ ามารถทาํ ไดดวยตนเอง โดยจะทําให ตอ่ ความเครียด ต่อการผอ่ นคลาย รา งกายรูส กึ ผอนคลายไดเปน อยางดี การเต้นหวั ใจ และเมอ่ื รางกายรูสึกผอ นคลายแลวจติ ใจจะ เพิม่ ความดนั โลหติ ลด สงบข้นึ และคลายเครียดไปในตวั ดวย) เพม่ิ การหายใจ ลด เพิม่ ลด เพ่มิ กเหางรอ่ืตองึ ตอกัว1ของร่างกาย ลด เพ่มิ ลด เพมิ่ อะดรนี าลนิ (Adrenaline) จะหลง่ั ลด ออกมาเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเน้ือ ระบบหายใจ ท�างานอย่างหนัก และรวดเร็ว สง่ ผลใหร้ ะบบตา่ งๆ ในร่างกายทา� งานผดิ ปกต ิ และมี ผลตอ่ อารมณแ์ ละร่างกาย ๑0๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู อารมณแ ละความเครยี ดมคี วามแตกตา งกันอยางไร จงอธิบาย ครสู ามารถแนะนาํ นกั เรียนวา การปฏิบัตกิ ารผอ นคลายนัน้ ควรปฏิบัตใิ นหอง แนวตอบ อารมณเปนภาวะหนึ่งของจติ ใจท่เี กดิ จากส่ิงเรา ทม่ี ากระตนุ ทส่ี งบเงียบ ไมม สี งิ่ รบกวน ไมมืดทึบหรือแสงแดดไมส องผา น มีความสะอาด และ สวนความเครียดเปนเพยี งภาวะของอารมณท่เี ผชิญกบั ปญหาตางๆ มีบรรยากาศท่เี ออื้ ตอ การผอ นคลาย เชน อาจเปดเพลงเบาๆ หรือนําน้าํ มันหอม แตอยา งไรกต็ ามหากบุคคลตองเผชิญกับส่ิงใดส่งิ หนึง่ กย็ อ มกอ ใหเ กิด ระเหยมาวางไวใ นหอ ง เปน ตน เพอื่ ใหรูสกึ ถงึ ความผอนคลาย อารมณและอาจสงผลใหเกิดความเครียดไดเชน กนั นกั เรยี นควรรู 1 เหงื่อออก ความเครียดและความวติ กกังวลมสี ว นกระตนุ ใหเ กิดเหง่ือได เชนกัน เนอ่ื งจากอารมณเหลา นี้จะกระตุนการหลัง่ สารอะดรนี าลินใหร า งกายต่ืนตัว พรอมเผชิญสถานการณต ึงเครียดทอ่ี าจเกิดข้ึนทุกเมอื่ สงผลใหตอ มเหง่ือทาํ งาน คูม ือครู 101
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน จากนน้ั ๓.๕ การหัวเราะเพอื่ คลายเครียด ใหส มาชกิ ภายในกลมุ ผลดั กนั เลา เรอ่ื งขาํ ขนั และ คัดเลือกเรอ่ื งทค่ี ดิ วาขําทส่ี ุดมา 1 เรือ่ ง พรอ มกบั การหวั เราะเปน็ วธิ กี ารหนง่ึ ทที่ างการแพทยใ์ ชบ้ า� บดั โรค ซง่ึ เรยี กวา่ “หวั เราะบา� บดั ” (Laughter บนั ทกึ ความรูส ึกท่ไี ดฟ ง เพื่อเตรียมออกมานําเสนอ Therapy) ได้มีการทดลองในผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยดูภาพยนตร์ตลก พบว่าหลังการทดลอง หนาชั้นเรยี น อาการป่วยดีขึ้น อธบิ ายความรู Explain ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า แคนาดา องั กฤษ และอีกหลายประเทศนั้น การรักษาผู้ป่วยด้วย ใหนักเรียนแตล ะกลุมสง ตัวแทนออกมาเลา เรอื่ ง ดกวา้ รยหกวัาเรรใาชะย้ กาา�คลลงั าเยขเา้ คมรายี มด1บี หทรบอื ายทาแแทกนป้ กวดาร เบพา� รบาดัะ ขําขันทคี่ ัดเลอื กมาใหเ พ่อื นในหอ งฟง พรอ มกับ อารมณข์ นั จะมผี ลเชน่ เดยี วกบั การใชย้ า นกั วจิ ยั บรรยายความรสู กึ ของตนเองทีไ่ ดฟง เรื่องดังกลา ว จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ใหเ พอื่ นไดร ับรู จากน้ันใหถามถึงความรูสกึ พบวา่ การหัวเราะเพียง ๑๐ วินาที มีค่าเทา่ กบั ของเพือ่ นในหอ งวามคี วามรสู กึ อยางไร หลงั จาก การออกกา� ลงั กายบนเครอ่ื งกรรเชยี งถงึ ๓ นาที ท่ีไดฟ งเรอื่ งที่ไดเ ลา ไป พรอมกบั ใหต ัวแทนกลุม (อา้ งอิง : สา� นักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ ง ทอ่ี อกมาเลา นน้ั เรยี กเพอ่ื นกลมุ ตอ ไปออกมา จากนน้ั เสริมสุขภาพ (สสส.)) เพราะการหัวเราะช่วย ครูต้ังคําถามเพ่อื กระตุนการเรยี นรูข องนกั เรยี น ให้หัวใจและชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย การย้ิมและการหัวเราะท�าให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย เมอื่ หยดุ หวั เราะรา่ งกายจะคอ่ ยๆ คนื สสู่ ภาพปกต ิ • การหัวเราะกอใหเ กดิ ผลดีตอสขุ ภาพ ความเครียดและเปนการสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธท ่ดี ีต่อผู้อื่น จงึ ท�าใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย อยา งไรบาง การหัวเราะม ี ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ (แนวตอบ ชว ยใหระบบไหลเวียนโลหติ และ ๑. หวั เราะแบบธรรมชาติ เกิดจากการกระตนุ้ ใหห้ ัวเราะ ซงึ่ เกดิ ขนึ้ ในชีวิตประจ�าวนั เสนเลือดสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงหัวใจดขี ้นึ ๒. หวั เราะบา� บดั เปน็ การหวั เราะแบบรตู้ วั มเี ปา หมายเพอื่ รกั ษาโรค หรอื การเจบ็ ปว่ ย ชว ยใหปอดแข็งแรง ระบบหายใจดี ไดร บั มีผูก้ ลา่ วว่า คนเราควรหัวเราะอย่างนอ้ ย ๑๕ นาที ใน ๑ วัน เพราะการหวั เราะจะช่วยให้ ออกซเิ จนมากข้ึน) ระบบไหลเวียนโลหิตและเส้นเลือดสูบฉีดโลหิตไปเล้ียงหัวใจได้ดีข้ึน โดยทั่วไปการหัวเราะจะก่อ ใหเ้ กดิ ประโยชน ์ ดังนี้ • การหัวเราะชว ยผอ นคลายความเครียดได ● ชว่ ยใหป้ อดแข็งแรง อยา งไร ● ช่วยทา� ความสะอาดหลอดลม (แนวตอบ เพราะขณะหวั เราะรา งกายจะ ● ขจดั ความเครยี ด หลงั่ สารเอน็ ดอรฟ น ซ่งึ เปน สารท่กี อใหเกดิ ● ลดความกลัดกลมุ้ ใจ ความสุข ชวยทําใหอ ารมณดี สดใส และลด ● ลดความดนั โลหติ ความเครยี ดได) ● พัฒนาการเจริญเติบโตของสมอง โดยกระตนุ้ การท�างานของสมอง ● ระบบหายใจดี ไดร้ ับออกซเิ จนมากข้นึ ๑0๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดไมใช ประโยชนข องการหัวเราะ ครูควรเสนอแนะนกั เรยี นวา นกั เรียนไมควรนําเรื่องขาํ ขนั ของเพือ่ นในชน้ั เรยี น 1. ขจดั ความเครยี ด มาเลา เพราะจะทาํ ใหเ พือ่ นคนนน้ั รสู ึกอับอาย โดยนกั เรียนอาจนาํ เร่ืองตลกขบขัน 2. ลดความดนั โลหิต ในละครหรอื ภาพยนตรตลก มาเลา ใหเพือ่ นฟง แทนได 3. ทําใหเ ปน ทีส่ นใจของคนรอบขา ง 4. กระตุนการทํางานของสมองทาํ ใหพ ฒั นาการทางสมองดขี ึ้น นกั เรยี นควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ โดยท่ัวไปการหวั เราะจะกอใหเกิดประโยชน ดงั น้ี ชว ยใหป อดแข็งแรง ชว ยทําความสะอาดหลอดลม ขจัดความเครยี ด 1 ยาคลายเครียด จดั วา เปนยาเสพตดิ ชนิดหนง่ึ ซ่งึ ถารับประทานเปน ระยะ ลดความกลดั กลมุ ใจ ลดความดันโลหติ ทาํ ใหระบบไหลเวียนและ เวลานานตดิ ตอกันจะกอใหเกิดผลเสียตอรางกาย เชน ฤทธ์ขิ องยาจะทําใหเกิด การสูบฉีดโลหติ ดขี ้นึ ระบบหายใจดี ไดร บั ออกซเิ จนมากขึน้ และพฒั นา การเสพติด ทาํ ใหต องรับประทานยาในปรมิ าณท่ีเพม่ิ ขึ้น หรือเกิดความผิดปกติ การเจรญิ เติบโตของสมอง ตอบขอ 3. ในเวลาทไี่ มไดร บั ประทานยา เปนตน ดังนนั้ ในการรับประทานยาดงั กลา ว ควรอยภู ายใตก ารดแู ลของแพทย และควรรบั ประทานยาตามท่ีแพทยส ง่ั เทานัน้ 102 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ● ระบบไหลเวยี นและการสบู ฉีดโลหิตดขี ึน้ ใหน กั เรยี นฝก บรหิ ารจติ ดว ยการนง่ั สมาธิ ● ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดี ซึ่งเป็นการออกก�าลังของส่วนกระเพาะอาหาร กอ นเรยี น 10 นาที แลว ใหน กั เรยี นบอกเลา ความ และล�าไส้ รสู กึ หลงั การปฏบิ ตั ิ จากนน้ั ใหน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ● ภ คลมู าิคยุม้ เคกรนั ยี1ดดี ททา� า� ลใาหยร้ อา่ งนกุมาลูยอไดิสพ้ระกั2 ผเพอ่ ่ิมนค ผววิาพมรเขรณม้ ขด้นขี ขน้ึ อ เงสแน้ อปนรตะสบิ าอทดบี ซน่งึใเบปหน็ นภา้ มูยิคดื ุม้หกยนุ่ัน การฝก บรหิ ารจติ จากหนงั สอื เรยี นหรอื แหลง การ ● เรยี นรอู น่ื ๆ เพม่ิ เตมิ ที่หมุนเวยี นในกระแสเลือด อธบิ ายความรู Explain ● เพ่ิมระดับเม็ดเลือดขาว ซ่ึงท�าหน้าท่ีในการก�าจัดส่ิงแปลกปลอมท่ีหลุดเข้ามาใน ใหน ักเรยี นรวมกันเสนอแนะประโยชนท ไ่ี ดจาก ร่างกาย ท�าใหม้ ภี มู ิคุ้มกันโรคตา่ งๆ เพ่ิมมากขึ้น การปฏิบตั นิ ่งั สมาธิ จากนัน้ ครเู สนอแนะเพิ่มเตมิ ● ใ นวยั เดก็ การหวั เราะจะท�าใหร้ ่างกายหล่ังฮอร์โมนโดปามนี (Dopamine) ซึ่งเป็น และต้ังคาํ ถามเพือ่ นําไปสูขอสรุปท่ถี กู ตองรวมกนั ฮอร์โมนทเ่ี กย่ี วข้องกับการเรยี นร ู้ การเคล่อื นไหว ความจา� และทส่ี �าคญั คอื ชว่ ย คลายเครยี ด • การฝกบรหิ ารจติ ชว ยผอ นคลาย ● ขณะหัวเราะร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนท่ีช่วย ความเครียดไดจรงิ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ระงับความเจ็บปวด ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นสารท่ีก่อให้เกิดความสุข (แนวตอบ จริง เพราะเมอ่ื ปฏิบตั ิแลว จะชว ยให นักวิชาการหลายท่านให้นิยามสารชีวเคมีน้ีว่าเป็น “สารสุข” นอกจากน้ี ร่างกาย จิตใจสงบ และมีอารมณท ่ีม่นั คง) จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงเป็นสารส�าคัญชนิดหน่ึงในสมอง ช่วย ในการน�าสัญญาณประสาทต่างๆ ตามเส้นประสาท เป็นฮอร์โมนท่ีท�าให้เรา อารมณ์ดี สดใส ลดความเครียด ซ่ึงในขณะท่ีเกิดความเครียด ฮอร์โมนนี้จะหล่ัง ออกมาน้อยมาก จึงมีส่วนน�าไปสู่ความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะก่อให้เกิด อารมณ์เศร้า เหงาหงอย หงดุ หงดิ นอนไม่หลบั และกระสับกระสา่ ย ● การหวั เราะช่วยเสริมพลังจติ พลงั กาย ● การหัวเราะชว่ ยสรา้ งความสมั พันธก์ บั ผอู้ ื่น ● ช่วยสรา้ งเสน่ห์ใหก้ บั ตนเอง ๓.6 การฝึกบรหิ ารจติ การฝึกให้จิตใจสงบนั้นมีอยู่หลายวิธีและหลายระดับ ในที่นี้จะกล่าวถึงการฝึกจิตให้สงบใน ขนั้ ตน้ ของอารมณ์ธรรมชาติ ซงึ่ เปน็ วธิ ีที่ท�าได้งา่ ย สะดวก ทา� ได้ในทกุ สถานทีแ่ ละทุกเวลา โดยมี วิธีปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๑. กา� หนดใหร้ า่ งกายอยนู่ ง่ิ ๆ ในทา่ ใดกไ็ ด ้ เชน่ ยนื นงั่ นอน เปน็ ตน้ แตท่ น่ี ยิ มปฏบิ ตั ิ กันมากที่สุด คือ ท่าน่ังขัดสมาธิ นั่งตัวตรง มือขวาทับมือซ้าย น่ังให้สบาย อย่าให้ร่างกายฝืน หรอื เกรง็ ๒. หลบั ตาพอสบาย ไม่เกรง็ นยั นต์ า ๑0๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรียนควรรู คุณคา ของการฝกบรหิ ารจติ ในขอใดมคี วามชัดเจนทส่ี ุด 1 ภูมิคมุ กัน เปน กลไกในการปอ งกนั ตนเองอยา งหนง่ึ คอื เมอื่ มสี งิ่ แปลกปลอม 1. หมาก เรียนหนังสือไดปกติ ที่อาจใหโ ทษแกร า งกาย เชน แบคทีเรยี ไวรัส เปนตน ภมู ิคมุ กนั จะออกมาตอ ตา น 2. ปุกลกุ สามารถทาํ งานไดสมํา่ เสมอ หรือทาํ ลายสงิ่ แปลกปลอมนั้นๆ เพือ่ ทจ่ี ะทาํ ใหร างกายอยูอยางปกติสุข ปราศจาก 3. น้าํ หวาน อยูรว มกบั ผูอืน่ ไดโ ดยไมม ีปญ หา โรคภยั ไขเจบ็ 4. กุบ กบ๊ิ สามารถกาํ จดั สง่ิ ท่ีมารบกวนจิตใจใหน อยลงได 2 อนมุ ูลอิสระ เบตาแคโรทนี วิตามนิ ซีและอี เปนกลมุ ของสารอาหารทช่ี ว ย วเิ คราะหคาํ ตอบ ในการฝกบรหิ ารจติ คุณคาที่มีความชัดเจนมากทส่ี ุด กาํ จดั อนมุ ลู อสิ ระท่ที ําใหร างกายเกดิ การอกั เสบ ทําลายเนื้อเยอ่ื เกิดตอกระจก คือ สามารถกําจัดสิง่ ท่มี ารบกวนจติ ใจใหนอยลงได เพราะถาเรามีสมาธิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โดยสารท้ัง 3 ตวั โดยเฉพาะเบตาแคโรทนี จะชวยเสรมิ สรางภมู คิ มุ กนั ปองกนั เนื้องอก ลดความเสี่ยงการเปน ตอกระจก ก็จะทําใหเรามีจติ ใจสงบ ปราศจากส่งิ รบกวนตางๆ ตอบขอ 4. มะเรง็ และหัวใจได ดงั น้นั จึงควรรบั ประทานผกั และผลไมเ ปนประจาํ ทกุ วัน หรอื อยางนอยวันละ 4 สว นของอาหารทร่ี ับประทาน เพอื่ การมสี ขุ ภาพทด่ี ี คูมือครู 103
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ครตู ้งั คาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนกั เรยี นตอ ๓. ตงั้ ศนู ยก์ ลางของจติ ใจไวท้ ลี่ มหายใจโดยการจนิ ตนาการ เมอื่ ลมหายใจกระทบจมกู • การกําหนดลมหายใจท่ถี กู ตอ งในการฝก ตรงสว่ นใดกต็ ามทรี่ สู้ กึ เชน่ บรเิ วณชอ่ งจมกู ในโพรงจมกู รมิ ฝป ากบน เปน็ ตน้ กใ็ ชจ้ ดุ ทล่ี มหายใจ กระทบนน้ั เปน็ จดุ กา� หนดการส�านึก ดังน้ี บรหิ ารจิต ควรทําอยา งไร (แนวตอบ ตงั้ ศนู ยก ลางของจติ ใจไวท ล่ี มหายใจ ● เมือ่ รสู้ กึ ลมหายใจเขา้ กระทบจุดทก่ี า� หนด ก็ให้สา� นึกวา่ “พทุ ” เม่ือหายใจเขาใหสํานกึ วา “พทุ ” และเมอ่ื ● เมื่อรสู้ ึกลมหายใจออกกระทบจุดท่ีก�าหนด ก็ให้สา� นกึ วา่ “โธ” หายใจออกใหส ํานึกวา “โธ”) ท้ังน้ี ต้องพยายามส�านึก “พุท” และ “โธ” ให้ได้จังหวะพอดีกับที่ลมหายใจกระทบ จุดที่ก�าหนด ไม่กอ่ นและไม่หลัง และอย่าตามลมหายใจเข้า หรือออก ท�าอุปมาเหมือนยามเฝา ขยายความเขา ใจ Expand ประตคู อยดูแต่คนเข้าและออกเท่าน้นั ๔. ใหท้ �าซ�า้ ตามที่กล่าวในขอ้ ๓. ไปเรือ่ ยๆ จนรูส้ ึกว่า ระหวา่ งการสา� นกึ “พุท” กับ ใหนกั เรียนฝกปฏบิ ัติการบรหิ ารจิตเปน เวลา 2 “โธ” น้นั จิตใจไมเ่ ผลอเตลดิ ไปคดิ เรอื่ งอ่ืนๆ หรอื ท�าตามก�าหนดเวลาทต่ี ั้งไว้ สปั ดาห แลว ใหน กั เรยี นประเมนิ ตนเองวา สขุ ภาพจติ ในการท�าครั้งแรกๆ น้ัน จิตจะสงบอยู่กับลมหายใจยากและอยู่ได้ไม่นาน เพราะจะเผลอไป ของนกั เรยี นดขี น้ึ หรอื ไม ความเครยี ดลดลงมากนอ ย คิดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อเม่ือได้ฝึกท�าบ่อยๆ หรือท�าเป็นประจ�า ก็จะสามารถก�าหนดจิตให้อยู่กับ เพยี งใด จากนน้ั ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรม ลมหายใจเขา้ -ออกไดง้ า่ ย ซง่ึ หมายถงึ วา่ ถา้ เราพยายามฝกึ ทา� จติ ใหส้ งบอยบู่ อ่ ยๆ เรากจ็ ะสามารถ สรา งสรรคพ ฒั นาการเรียนรู กจิ กรรมที่ 2 ท�าจิตของเราให้สงบได้ง่ายตามต้องการ และถ้าฝึกต่อไปอีกก็สามารถลืมตาท�าสมาธิ หรือท�า วปิ สั สนาตามวธิ ที ี่กล่าวไวใ้ นพระพทุ ธศาสนาต่อไป ใหนักเรียนแบงกลมุ กลุม ละ 3-4 คน จดั ทาํ คลิปวดิ โี อการฝก บรหิ ารจิตความยาวไมเกิน 30 นาที แลว นําสงครผู สู อน การนง่ั สมาธทิ �าใหจ้ ิตใจสบาย คลายเครยี ด และมคี วามมัน่ คงทางอารมณ ๑04 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน กั เรียนแตละคนเขยี นเรือ่ งท่ีทาํ ใหเกิดความเครียดลงบนกระดาษ รายงาน พรอมกับเขยี นวิธกี ารจดั การกบั อารมณและความเครียดท่นี ักเรยี น ครูอาจสรปุ เนอื้ หาจากการศกึ ษาท่ีผานมาในเรื่องของอารมณและความเครยี ด ปฏบิ ัตสิ ง ครูผูสอน ใหนกั เรียนฟง อกี ครงั้ หนึง่ เพ่อื ใหน ักเรียนเกิดความรคู วามเขา ใจในการนําความรู ไปใชในชีวติ ประจาํ วันไดเ ปนอยางดี กิจกรรมทา ทาย มุม IT ใหน ักเรียนจัดทาํ ปายนิเทศขนาดเลก็ และแผนพบั เรื่อง วธิ ีปฏิบัตติ น เพ่อื จดั การกับอารมณแ ละความเครียด โดยใหน กั เรียนนาํ ใสก ลอ งจัดวางไว สามารถศึกษาเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั การบริหารจิตและเจรญิ ปญ ญา ไดจาก ทบ่ี รเิ วณท่เี หมาะสมเพอื่ เผยแพรค วามรูใหก บั ผูอ ื่น http://www.watsuanvang.com/read.php?tid-1718.html 104 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน กั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง แนวทางการ แกไขปญ หาทางอารมณข องตนเอง จากเสริมสาระ แนวทางการแกไขปญ หาทางอารมณ์ของตนเอง จากนั้นครูใหนกั เรียนรวมกันเสนอแนวทางการ แกไ ขปญ หาอารมณข องตนเอง โดยครูเสนอแนะ การประสบกบั ภาวะความเครยี ดจากสถานการณต า่ งๆ นน้ั บางครง้ั เราอาจแกไ้ ขปญ หาความเครยี ดนน้ั ไดด้ ว้ ยตนเอง เพ่มิ เติม และต้ังคาํ ถามเพ่ือขยายความเขาใจของ แต่บางคร้ังก็อาจต้องให้ผู้อ่ืนช่วยเหลือ ทั้งน้ี โดยใช้กลวิธี หรือวิธีการท่ีแตกต่างกันออกไปตามความรู้ ประสบการณ นักเรยี น หรือความสามารถของแตล่ ะบคุ คล แตใ่ นขณะเดยี วกนั ถา้ ไมส่ ามารถแกไ้ ขปญ หาความเครียดน้ันได้ บุคคลอาจเกิดภาวะ ความตงึ เครียดสงู ซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ ปญ หาแก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมได้ • เพราะเหตุใดจงึ ตองรูจ ักอารมณตนเอง (แนวตอบ เพราะจะไดร ูเ ทาทนั ตออารมณท ี่ ดงั นน้ั การหาวธิ กี ารเพอื่ เปน แนวทางการแกไ้ ขปญ หาทางอารมณข องตนจงึ เปน สง่ิ สา� คญั ซง่ึ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั นี้ เกดิ ข้ึน และสามารถจัดการกบั อารมณและ ๑) รูจกั อารมณต์ นเอง เปนพนื้ ฐานของการควบคมุ อารมณเพ่อื การแสดงออกไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดงั น้ี ความรสู กึ ของตนเองได) ๑.๑) รูตัว รูตน หมายถึง รู้จักอารมณของตนเอง รู้สาเหตุท่ีท�าให้เกิดอารมณนั้นๆ รู้ว่าผลที่ตามมาจะ • การสรา งแรงจูงใจใหก บั ตนเองกอใหเ กดิ เปน อยา่ งไร สามารถประเมนิ ความสามารถตนเองได้ตามความเปนจริงและน�ามาใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม ผลดอี ยางไร (แนวตอบ เพอื่ ใหมคี วามเช่ือม่นั ในตนเอง ๑.๒) รูทน รูควร หมายถึง ความสามารถในการจัดการกับความรู้สึก หรืออารมณของตนเอง เช่น มกี าํ ลงั ใจเพิ่มข้นึ และมีความมงุ มน่ั ใหบรรลุ ความโกรธ ความหงดุ หงดิ ความไม่พอใจ รู้จักอดทนอดกล้ัน สะกดอารมณไ ด้อยา่ งดแี ละสงบสุข เปาหมายทีต่ ั้งไว) ๑.๓) รูเท่า รูทัน หมายถึง การรู้เท่าทันต่ออารมณท่ีเกิดขึ้น มีสติ สามารถระงับอารมณต่างๆ ได้อย่าง เหมาะสม โดยใช้วิธีการทบทวนด้วยใจเปนกลาง และการใช้ทกั ษะการแก้ปญ หาด้วยเหตผุ ล ๒) การจัดการกับอารมณ์ตนเองได เปนความสามารถในการควบคุมอารมณและการแสดงออกอย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ตลอดจนการรจู้ ักพักและผอ่ นคลายความเครยี ดดว้ ยวิธีการท่เี หมาะสมกับตนเอง ๓) การสรางแรงจูงใจใหกับตนเอง เปนการมองหาแง่ดีของเหตุการณที่เกิดข้ึน ช่วยให้เชื่อมั่นในตนเอง และมีก�าลังใจเพิ่มขึ้น โดยการจัดล�าดับความต้องการของตนเอง ตั้งเปาหมาย และมีความมุ่งม่ันให้บรรลุเปาหมาย การยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ ฝกหาประโยชนจากอุปสรรค สร้างทัศนคติและความรู้สึกที่ดี รวมถึง การรู้จักคุณค่าและการเชอ่ื ม่ันในตนเอง 4) การรับรูอารมณ์ผูอ่ืน เปนความสามารถในการรู้ หรือเข้าใจความรู้สึกและอารมณของผู้อ่ืน และแสดง อารมณต นเองตอบสนองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมดว้ ยพฤตกิ รรมต่างๆ เชน่ การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ทา่ ทาง การพูด นา�้ เสยี ง เปน ตน้ สามารถอ่านอารมณ ความรสู้ กึ ผู้อ่ืน เข้าใจ เหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ๕) การรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อผูอ่ืน เปนความสามารถในการแสดงความรู้สึกท่ีดีต่อผู้อื่น การแสดงน�้าใจ การให้เกยี รติ การแสดงความชน่ื ชม ความจริงใจ การสือ่ สารท่มี ปี ระสทิ ธิภาพต่อผอู้ นื่ ท่มี า : คู่มือความฉลาดทางอารมณ กรมสุขภาพจติ กระทรวงสาธารณสุข ความเครยี ดเปน ภาวะทางดา นจติ ใจ ซง่ึ สง ผลใหเ กดิ ความผดิ ปกตติ อ รา งกาย หรอื จติ ใจได หากปลอยใหเก็บสะสมอยูนานโดยไมไดรับการแกไข อาจสงผลกระทบกับตนเอง หรือบุคคลอ่ืน ในสังคมได แตในขณะเดียวกันเราก็สามารถปองกันและรักษาอาการเครียดได เชน การรักษา สุขภาพ การมองโลกในแงดี การนอนหลับ การออกกําลังกาย การผอนคลายกลามเน้ือ การหัวเราะ การฝกปฏิบัติสมาธิ เปนตน ซึ่งหากเราจัดการกับความเครียดไดอยางเหมาะสมจะ ทาํ ใหเ กดิ ความสขุ นาํ มาซงึ่ ความสขุ กาย สขุ ใจของตนเอง ครอบครวั รวมถงึ บคุ คลอน่ื ในสงั คมดว ย ๑0๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู ขอใดที่แสดงใหเ หน็ ถึงความสาํ คญั ของสขุ ภาพกายทส่ี ง ผลตอการมี ครสู ามารถอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา เมอื่ เกดิ ความเครยี ดนกั เรยี นอาจปรกึ ษาผปู กครอง สุขภาพจติ ทีด่ ี ครู อาจารย ไดเสมอ เพราะทานสามารถชว ยเราแกไขปญหาไดอ ยางถูกตอ ง ไมค วร เก็บปญ หานั้นไวค นเดียว ซึง่ จะสงผลใหเกดิ ความวิตกกงั วลมากย่งิ ข้ึนอันเปน สาเหตุ 1. ดม่ื นมวนั ละนิด จิตไมแ ปรปรวน ใหเสยี สุขภาพจิตตามมา 2. ออกกาํ ลงั กายวนั ละนิด จิตแจม ใส 3. จิตใจที่เบิกบาน ยอ มอยูใ นรางกายที่สมบรู ณ มุม IT 4. รบั ประทานอาหารครบสว น สขุ ภาพสมบรู ณ วเิ คราะหคําตอบ รา งกายและจิตใจมีความสัมพันธที่เชือ่ มกนั จนแยก สามารถศกึ ษาเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั เร่อื ง 8 วธิ ีดับอารมณรอ น ไดจ าก http://www. ไมออก โดยสุขภาพกายกจ็ ะแสดงใหทราบถงึ สุขภาพทางจติ ได เชน จิตใจ pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=504880&Ntype=128 ทม่ี ีความทุกขรอน กระวนกระวาย ทําใหก ินไมไ ดนอนไมห ลบั รางกาย ทรุดโทรม กอใหเ กดิ โรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ แตถ า รางกายสมบรู ณแ ข็งแรง ปราศจากโรคภยั ไขเจ็บ กย็ อ มทําใหจติ ใจสุขสบายไมมัวหมองไดเ ชน กัน ตอบขอ 3. คูมอื ครู 105
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การเขียนวิเคราะหถ งึ สาเหตุ และแนวทางการ คา� ถาม ประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ แกไ ขเกี่ยวกบั เหตุการณท เี่ กดิ จากบคุ คลทม่ี ี ปญหาสขุ ภาพจิต ๑. ในชว่ ง ๑ เดอื นทผ่ี า่ นมา นกั เรยี นมคี วามรสู้ กึ เครยี ดหรอื ไม่ แลว้ นกั เรยี นมวี ธิ จี ดั การกบั ความเครยี ดนนั้ ได้อย่างไร 2. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสรา งสรรคพฒั นาการเรยี นรู 3. การจดั ทําคลปิ วิดีโอการฝก บรหิ ารจติ ๒. เมอื่ เกดิ ความเครยี ดในระยะยาว นกั เรยี นคดิ วา่ มผี ลตอ่ สขุ ภาพหรอื ไม ่ โดยอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความผดิ ปกติ อย่างไรบา้ งต่อร่างกายและจติ ใจ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๓. “ขมวดค้ิวตลอดเวลา นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ” อาการดังกล่าวเป็นความผิดปกติของผู้ท่ีมีปัญหา 1. ใบงานการเขยี นวิเคราะหถ งึ สาเหตุ และแนวทาง สขุ ภาพจติ นกั เรยี นคดิ วา่ มคี วามรุนแรงหรือไม ่ และส่งผลเสยี ต่อสขุ ภาพอยา่ งไร การแกไ ขเกีย่ วกับเหตุการณท่ีเกดิ จากบคุ คลทม่ี ี ปญ หาสขุ ภาพจติ ๔. หากเพอ่ื นของนกั เรยี นมปี ญั หาสขุ ภาพจติ แลว้ มาขอคา� ปรกึ ษากบั นกั เรยี น นกั เรยี นจะมวี ธิ แี นะนา� เพอ่ื น อยา่ งไรบ้าง 2. คลปิ วิดีโอการฝก บรหิ ารจิต ๕. เพราะเหตใุ ดการออกกา� ลงั กายจึงเป็นวธิ หี นง่ึ ที่สามารถชว่ ยผ่อนคลายความเครยี ดได้ กจิ กรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ กิจกรรมท ี่ ๑ นกั เรยี นแตล่ ะคนเขยี นเรอื่ งเกยี่ วกบั ความเครยี ดทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ตนเองอยเู่ สมอ พรอ้ มวธิ ี กจิ กรรมที่ ๒ จดั การกับความเครียดนั้นๆ ความยาว ๑ หน้ากระดาษ A4 แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรยี น นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๑๐ คน และให้แต่ละกลุ่มอภิปรายถึงความส�าคัญของการ กจิ กรรมที่ ๓ ฝึกบริหารจิตท่ีมีผลต่อสุขภาพจิต และให้ฝึกทดสอบประมาณ ๑๕ นาที จากนั้น ให้ตวั แทนกลุ่มสรุปผลการอภิปรายและการทดลองฝึกบรหิ ารจิต นักเรียนสืบค้นแบบประเมินความเครียดจากเว็บไซต์ของกรมสุขภาพจิต กระทรวง สาธารณสขุ จากนนั้ ใหท้ า� แบบประเมนิ และสรปุ ผลการประเมนิ ความเครยี ดของตนเอง แล้วจึงนา� มาอภปิ รายรว่ มกันในชน้ั เรียน ๑06 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. ขึ้นอยูกบั คําตอบของนักเรียน โดยครูผสู อนเปน ผูพ จิ ารณาคาํ ตอบ 2. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น โดยอาจตอบวา เมอื่ เกดิ ความเครียดในระยะยาวจะสง ผลเสยี ตอสุขภาพ โดยอาจกอใหเ กิดความผดิ ปกตติ อ รางกาย เชน โรคประสาท โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคมะเรง็ เปน ตน สวนความผดิ ปกตติ อ จติ ใจ เชน โรคจติ โรคซึมเศรา เปนตน 3. อาการดังกลา วมีความรนุ แรง เพราะเปน สญั ญาณเตือนวา บุคคลนั้นกาํ ลังมีปญ หาสุขภาพจติ ซงึ่ สง ผลเสยี ตอ สุขภาพกายและสุขภาพจติ โดยจําเปน ทีจ่ ะตองขจดั ใหหมดไป เพราะหากอาการเร่มิ รุนแรงขนึ้ อาจนําไปสกู ารทาํ รา ยรา งกายตนเอง หรอื นําไปสูการมีพฤติกรรมเสย่ี งทอ่ี าจเปน อนั ตรายตอสุขภาพได 4. แนะนาํ ใหเ พ่อื นผอ นคลายความเครยี ดดว ยการทาํ กจิ กรรมตา งๆ ทกี่ อใหเ กิดความผอ นคลาย เชน การทาํ กิจกรรมทีต่ นเองชอบ การออกกําลังกาย การฝก บริหารจิต เปนตน นอกจากนค้ี วรทําจิตใจใหร าเริงแจม ใส ไมคิดฟุงซา นหรอื วติ กกงั วลกบั เร่ืองตา งๆ มากจนเกินไป 5. เพราะการออกกาํ ลังกายจะทาํ ใหร สู กึ สดชื่น เกิดความกระปร้ีกระเปรา ชวยผอนคลายความตงึ ของกลา มเนอ้ื ทําใหล ืมความเครียด และความวติ กกังวลตา งๆ อกี ทัง้ ยัง สามารถออกกําลงั กายรว มกับเพือ่ นๆ ได เพราะการออกกาํ ลงั กายเปน กลุมจะทําใหเ กิดความสนกุ สนาน และกอ ใหเ กิดสัมพนั ธภาพท่ีดตี อ กนั 106 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู เลอื กใชบริการทางสุขภาพอยา งมีเหตผุ ล สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญ หา คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรยี นรู 2. อยอู ยางพอเพียง 3. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage ๗หนว่ ยท่ี ใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนวย จากนั้นครู ตั้งคาํ ถามกระตุน ความสนใจ โดยนักเรียนสามารถ การเลอื กใช้บริการสขุ ภาพในชวี ิตประจา� วนั แสดงความคิดเห็นไดอยา งอิสระ ตวั ช้ีวดั ปจจุบันการบริการดานสุขภาพสําหรับ • นักเรยี นคดิ วา ผูปว ยในภาพเลือกใชบริการ สขุ ภาพจากแหลงใด ■ เลอื กใช้บริการทางสุขภาพอยา่ งมีเหตผุ ล (พ ๔.๑ ม.๒/๑) ประชาชนมมี ากมายและหลากหลายรปู แบบ • เพราะเหตใุ ด บุคคลน้นั จงึ เลือกใช สถานบรกิ ารสขุ ภาพแหงน้ัน ทง้ั สถานบรกิ ารสขุ ภาพทมี่ ที งั้ หนว ยงานของ รฐั และเอกชน รวมถงึ สทิ ธทิ างการแพทยท ร่ี ฐั จัดใหมีข้ึน การตัดสินใจเลือกใชสถานบริการ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สุขภาพเหลาน้ีเพื่อใหไดรับประโยชนสูงสุดนั้น ■ การเลือกใช้บรกิ ารทางสขุ ภาพ เราจงึ ควรมคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั สถานบรกิ าร สขุ ภาพนนั้ ๆ เปน อยา งดี และเลอื กใชอ ยา งมเี หตผุ ล เพราะมีความสําคัญตอชีวิตของผูไดรับบริการ เปน อยา งมาก หากตดั สนิ ใจเลอื กผดิ พลาดอาจกอ ให เกดิ ผลเสยี ทง้ั ในดา นสขุ ภาพและทรพั ยส นิ จาํ นวนมาก ตามมาได เกรด็ แนะครู ครคู วรสาํ รวจนกั เรียนวา นักเรยี นมีทศั นคติหรือมีเหตุผลอยา งไรในการ เลือกใชสถานบริการสขุ ภาพนั้นๆ เม่อื นกั เรียนหรอื ญาติของนกั เรียนเกิดการเจบ็ ปวย โดยใหน กั เรยี นแลกเปล่ียนเรียนรูร ว มกัน ซง่ึ ครูสามารถประเมนิ นกั เรียนไดว า นกั เรียนสว นใหญม คี วามคดิ เหน็ อยา งไรตอ การเลือกใชสถานบรกิ ารสุขภาพเหลาน้ัน เพ่อื นาํ มาวเิ คราะหวา ปจจยั ใดบา งทนี่ ักเรยี นสวนใหญนาํ มาใชในการเลอื ก หรอื ตดั สินใจใชบ ริการสุขภาพนน้ั คมู อื ครู 107
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูตงั้ คําถามกระตนุ ความสนใจ โดยนักเรียน เมอื่ ประชาชนเกดิ ปญั หาสขุ ภาพยอ่ มมคี วามตอ้ งการการบรกิ ารดา้ นสขุ ภาพทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถแสดงความคิดเห็นไดอยา งอสิ ระ แต่ในความจริงอาจไม่เป็นเช่นน้ัน เน่ืองจากประชาชนบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ สถานบริการสขุ ภาพทีต่ นเองจะไปใช้บริการ จึงมงุ่ ไปใชบ้ รกิ ารแตส่ ถานบรกิ ารสุขภาพขนาดใหญ ่ • นกั เรยี นคดิ วา ระบบบรกิ ารสุขภาพใน จนสง่ ผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการใหบ้ รกิ าร ดงั นนั้ การมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การบรกิ ารของ ประเทศไทยมลี ักษณะอยา งไร สถานบริการสุขภาพในแต่ละระดบั จะชว่ ยใหเ้ ลือกใช้บริการสขุ ภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น ไดอยางอสิ ระ) ๑. ระบบบริการสุขภาพ การบริการสุขภาพ คือ การจัดบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในรูปแบบต่างๆ • สถานบรกิ ารสขุ ภาพทนี่ กั เรียนรจู ัก หรือเคย เพ่ือแก้ปัญหาความต้องการของประชาชนในเรื่องของสุขภาพ และเป็นการยกระดับสุขภาพของ ใชบ รกิ าร มอี ะไรบาง ประชาชนให้ดขี ้นึ โดยท่ีการมสี ุขภาพทด่ี นี นั้ หมายถึง การมสี ุขภาวะท่ีสมบรู ณ์ และมีความสมดุล (แนวตอบ ข้ึนอยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดย ทง้ั ทางกาย จติ ใจ สงั คม และปญั ญา ดงั นน้ั สขุ ภาพจงึ ไมอ่ าจแยกจากชวี ติ ประจา� วนั ได ้ และสขุ ภาพ อาจตอบวา สถานอี นามยั โรงพยาบาล คลนิ กิ ) ต้องมีความสมดุลกับทงั้ ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม ตลอดจนต้องดา� รงอยู่ ในครอบครัว ชมุ ชน และสังคมที่ดี ซง่ึ ในเรอื่ งดงั กลา่ วนน้ั หนว่ ยงานรฐั บาลไดพ้ ยายามจดั บรกิ าร • ความแตกตา งของสถานบริการสขุ ภาพ สขุ ภาพใหท้ ว่ั ถงึ และครอบคลมุ ประชาชนทงั้ ในเมอื งและชนบท ตลอดจนหาแนวทางใหป้ ระชาชนรจู้ กั ในแตละแหง มคี วามแตกตางกนั อยางไรบาง การบรกิ ารตนเอง ครอบครวั และชุมชนในเรือ่ งสุขภาพด้วยเช่นกัน (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น ทั้งในใสน่วปนัจขจอุบงันหรนะ่บวยบงบารนิกราัฐรบสาุขลภแาลพะขหอนง่วปยรงะเาทนศเอไทกยชนนั้น นมอีผกู้ทจ่ีดาก�าเนน้ี ินยกังามรีอในงรคะ์กบรบพอัฒยนู่หาลเาอยกฝช่านย1 ไดอ ยา งอสิ ระ) (NGO : Non Government Organization) ตา่ งๆ เช่น มูลนธิ เิ ดก็ เปน็ ตน้ รวมถงึ ภาคประชาชน ท่ีมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน จึงนับว่าหน่วยงาน สาํ รวจคน หา Explore และองค์กรเหล่านี้เป็นฟันเฟืองส�าคัญของระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย ที่จะช่วยท�าให้ ประชาชนในชาตมิ สี ุขภาพดีในทีส่ ุด โดยมหี น่วยงานรฐั บาลเปน็ แกนน�าในการด�าเนนิ การ ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ระบบบริการสขุ ภาพและ การจดั ระบบบรกิ ารสุขภาพในประเทศไทย จาก ๒. การจดั ระบบบรกิ ารสขุ ภาพในประเทศไทย หนังสอื เรียน และแหลง การเรียนรูเพ่มิ เติมตางๆ การจัดบริการสุขภาพของประเทศไทยนั้น เป็นภาระหน้าท่ีส�าคัญของกระทรวงสาธารณสุข อธบิ ายความรู Explain ที่จะต้องส่งเสริม สนับสนุน ควบคุม และประสานกิจกรรมทุกประเภทท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาพ ตลอดจนความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีข้ึน โดยกระทรวงสาธารณสุขมีอ�านาจหน้าท่ีตาม ครูตง้ั คําถามกระตุนการเรยี นรขู องนกั เรียน พระราชบญั ญัติปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ ดังน้ ี • การบริการสุขภาพ หมายถึงอะไร “กระทรวงสาธารณสุขมีอ�านาจหน้าท่ีเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพอนามัย การป้องกัน (แนวตอบ หมายถงึ การจดั บรกิ ารทาง ควบคุมและรักษาโรคภัย การฟื้นฟูสมรรถภาพของประชาชนและราชการอ่ืนตามท่ีกฎหมาย การแพทยแ ละสาธารณสขุ ในรปู แบบตา งๆ กา� หนดให้เป็นอา� นาจหน้าทขี่ องกระทรวงสาธารณสขุ ” เพอ่ื แกปญ หาความตองการของประชาชน ในเรือ่ งของสุขภาพ และเปน การยกระดับ 108 สขุ ภาพของประชาชนใหด ีขึ้น) เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET สขุ ภาพจะตอ งมคี วามสมดุลกับสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง และ ครสู ามารถใหนักเรียนรวมกันจัดอภปิ รายกลุมยอย เพอ่ื อภปิ รายเกย่ี วกับ ส่ิงแวดลอ มอยางไร ปญหาสําคญั ของการบริการสขุ ภาพในประเทศไทย โดยใหนักเรียนสรปุ และจดั ทํา แนวตอบ เม่อื เรามีสุขภาพดี การใชชีวติ ประจําวนั กจ็ ะดําเนนิ ไปในทาง เปน รายงานสง ครูผูสอน ทีด่ ดี วย เพราะเราไมสามารถดาํ รงชวี ติ ไดเ พียงลําพัง ตองมีการตดิ ตอ กับ บุคคลอนื่ ท้งั ทางสังคม ธรุ กจิ การทาํ งาน สิง่ แวดลอม ซึ่งหากเราอยใู น นักเรยี นควรรู สิง่ แวดลอ มที่ดีกจ็ ะทําใหเ รามรี างกายทีส่ มบูรณแ ข็งแรง มีความคิดที่ ปลอดโปรง และสามารถดาํ เนินชวี ติ ไดอ ยางปกติสุข 1 องคก รพัฒนาเอกชน เปน กลุม สมาคม มลู นธิ ิ หนวยงาน หรือองคกรที่ มีลกั ษณะเปนสถาบันนอกระบบราชการ มีจุดมงุ หมายเพอ่ื ชวยเหลือและปกปอง ประชาชนไมใ หไดร ับผลกระทบจากการพฒั นาทไ่ี มม ีการจดั การที่ดขี องรัฐบาล รวมถึงชวยคลคี่ ลายปญ หาสังคมและเนน การมสี วนรวมของประชาชน โดยมไิ ด แสวงหากําไรหรอื ผลประโยชนใ ดๆ 108 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ซ่ึงการด�าเนนิ งานด้านสุขภาพ มีองค์ประกอบสา� คญั ในการบรกิ ารครอบคลมุ ๔ ดา้ น คือ ครูขออาสาสมัครนกั เรียนจํานวน 1 คน ออกมาสรุปสาระสาํ คัญเกี่ยวกับองคป ระกอบ ๑) การสร้างเสรมิ สุขภาพ (Health Promotion) เป็นการจัดบรกิ ารท่มี ุง่ เนน้ การ สําคัญในการบรกิ ารดานสขุ ภาพ จากนน้ั ให สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพกายและจติ เพอ่ื ใหม้ สี ขุ ภาพกายทแ่ี ขง็ แรง สขุ ภาพจติ ทด่ี ี และเปน็ การใหบ้ รกิ าร นกั เรียนถามคาํ ถามเพ่อื นในหอ ง ทัง้ นี้เพือ่ ให แกป่ ระชาชนทกุ เพศทกุ วยั ตงั้ แตป่ ฏสิ นธใิ นครรภม์ ารดาจนถงึ วยั ชรา โดยมกี จิ กรรมหลายประการ นกั เรียนคนอนื่ ๆ ไดมสี ว นรวมในการเรียน และ ปงารนะอกนอบามกัยันโ รเงชเร่นีย นง1 างนาวนาสงรแ้าผงเนสครริมอสบขุ คภราัวพ จงิตา นงโาภนชอนนาากมายั รแ มง่แานลสะเุขดศ็กึก เษปา็น ตงน้านทันตสาธารณสุข ครตู ัง้ คําถาม เพือ่ นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถี่ ูกตองรว มกัน ๒) การปองกันและควบคุมโรค (Diseases Prevention) เป็นการจัดบริการ • การดําเนินงานดา นสขุ ภาพ จะตองมี ที่เน้นการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย องคประกอบทส่ี ําคัญ ไดแกอะไรบาง ในประชาชน โดยประกอบด้วยกิจกรรมหลาย (แนวตอบ ประการ เชน่ การปรบั ปรงุ สขุ าภบิ าลสงิ่ แวดลอ้ ม 1. การสรางเสรมิ สุขภาพ เปน การ การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั โรค การจดั หานา้� สะอาด จัดบรกิ ารท่มี งุ เนน การสรา งเสรมิ สุขภาพ พเพาื่อหกะนารา� อโรุปคโ ภกาครบบรริโกิภาคร อากชาวีรอกน�าจามัดยัข2เอพงอ่ื เปสียอ้ งแกลนัะ กายและจิต เพือ่ ใหมีสขุ ภาพกายทแ่ี ข็งแรง โรคทเ่ี กดิ จากการประกอบอาชพี รวมถงึ โรคตา่ งๆ การพ่นเคมีกำาจัดยุงลาย เป็นการปรับปรุงสุขาภิบาล สุขภาพจติ ท่ีดี ทีอ่ าจเกิดการระบาดขนึ้ เป็นตน้ ส่ิงแวดล้อม เพ่อื ปอ้ งกันไม่ให้เกดิ โรคไขเ้ ลือดออก 2. การปอ งกนั และควบคุมโรค เปนการจดั บริการที่เนนการปอ งกันไมให ๓) การรักษาพยาบาล (Treatment) เป็นบริการที่จัดขึ้นเม่ือมีการเจ็บไข้ได้ป่วย เกดิ ภาวะเจบ็ ไขไ ดปวยในประชาชน เชน โดยเน้นการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วย เพ่ือให้หายจากโรคท่ีเป็นอยู่และ การสรา งเสริมภมู คิ มุ กนั โรค การปรับปรงุ เปน็ การปอ้ งกนั ภาวะทพุ พลภาพหรอื บรรเทาอาการป่วยทหี่ นกั ให้เบาลง สขุ าภบิ าลสงิ่ แวดลอม การกาํ จดั ของเสีย และพาหะนําโรค เปน ตน ๔) การฟน ฟสู มรรถภาพ (Rehabilitation) เปน็ บรกิ ารทจี่ ดั ขน้ึ เพอื่ ฟนื ฟสู มรรถภาพ 3. การรกั ษาพยาบาล เปน บรกิ ารท่ี ทางกายและจิตใจของผูป้ ว่ ยให้คืนสู่สภาพปกติ และสามารถด�ารงอยู่ในสงั คมได้อย่างเปน็ ปกตสิ ขุ จดั ขน้ึ เมื่อมกี ารเจบ็ ไขไดปว ย โดยเนน การ เชน่ การทา� กายภาพบา� บดั เพอื่ ชว่ ยฟนื ฟสู ภาพรา่ งกาย การฟนื ฟสู ขุ ภาพจติ ของผปู้ ว่ ยจากการตดิ ตรวจวนิ จิ ฉัยและใหการรักษาพยาบาล สารเสพตดิ ให้กลับคืนสูส่ ภาพปกติ การสังคมสงเคราะห์ผ้สู งู อาย ุ เปน็ ต้น แกผูปวย ถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีหนา้ ทห่ี ลกั ในการจดั บรกิ ารสขุ ภาพตา่ งๆ แต่ปัญหา 4. การฟน ฟูสมรรถภาพ เปนบรกิ าร ดา้ นสขุ ภาพของประเทศไทยในปจั จบุ นั กจ็ า� เปน็ จะตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื จากองคก์ รหรอื สถาบนั ทจี่ ดั ขน้ึ เพอื่ ฟน ฟูสมรรถภาพทางกายและ อ่ืนๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั สุขภาพด้วยเช่นกนั ทง้ั องคก์ รภาครัฐ องคก์ รภาคธรุ กิจ องค์กรพัฒนาเอกชน จิตใจของผูปว ยใหคนื สสู ภาพปกติ และ รวมถึงประชาชนกลุม่ ต่างๆ ท่จี ะต้องมสี ่วนรว่ มในการดแู ลสุขภาพ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครวั สามารถดํารงอยูในสงั คมไดอยาง เปน ปกติสขุ ) ชมุ ชน และสงั คม เพอื่ ใหร้ ะบบบรกิ ารสขุ ภาพนนั้ ดา� เนนิ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย มคี วามสะดวกรวดเร็ว และได้รับบรกิ ารอย่างทว่ั ถงึ 109 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอใดไมใชกจิ กรรมดานการสรา งเสรมิ สขุ ภาพ 1 งานอนามยั โรงเรยี น คอื กิจกรรมหรือการดําเนนิ งานทกี่ อ ใหเ กิดความรแู ละ 1. งานสขุ ศึกษา ความเขาใจเกย่ี วกบั การสรา งเสริมสุขภาพ การปอ งกนั และการรักษาแกบคุ คลใน 2. งานทันตสาธารณสุข โรงเรยี น เพ่ือใหม สี ุขภาพดี โดยเนนการบริการดา นสขุ ภาพ การศึกษา ส่ิงแวดลอม 3. งานวางแผนครอบครัว รวมถงึ การประสานความรวมมือกันระหวา งโรงเรียน บาน และชุมชน 4. การสรางเสรมิ ภูมิคุมกันโรค 2 อาชวี อนามัย เปนศาสตรและศิลปเ กี่ยวกบั การดูแลสขุ ภาพอนามยั และ วเิ คราะหคาํ ตอบ การสรา งเสริมสขุ ภาพเปนการจดั บริการที่มงุ เนน ความปลอดภัยของผปู ระกอบอาชพี รวมถึงการปอ งกนั โรค การสรางเสริมสขุ ภาพ การมสี ขุ ภาพกายที่แขง็ แรง สุขภาพจติ ที่ดี โดยมกี จิ กรรม เชน การรักษาพยาบาล การฟน ฟสู มรรถภาพ และการจัดการ เพอ่ื ใหค นทกุ สาขาอาชพี งานวางแผนครอบครวั งานโภชนาการ งานสขุ ศึกษา งานทนั ตสาธารณสขุ สามารถประกอบอาชีพไดอ ยา งปลอดโรค ปลอดภยั มสี ภาวะทสี่ มบรู ณทงั้ ทางดา น งานอนามยั โรงเรยี น เปนตน แตส าํ หรบั การสรา งเสริมภมู ิคมุ กันโรคนัน้ รางกายและจิตใจ รวมถึงสามารถปฏิบัตงิ านไดอยา งมีประสิทธิภาพ เปนการใหบริการทางดานการปองกันและควบคุมโรค ตอบขอ 4. คมู ือครู 109
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นดแู ผนภมู ิแสดงระดบั การบรกิ าร ๒.1 ความเช่ือมตอ่ ของระบบบริการสุขภาพในประเทศไทย ระบบส่งตอ่ สุขภาพ แลว ใหน ักเรยี นรว มกนั สรปุ สาระสาํ คญั จากแผนภมู ดิ งั กลาว โดยครูชว ยอธิบายเพ่ิมเตมิ วา ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยน้ัน หน่วยงานสาธารณสุขในทุกระดับจะต้องมีการ ระบบบริการสาธารณสขุ ของประเทศไทยน้นั ด�าเนินงานทางด้านสุขภาพท่ีผสมผสานกันไป ท้ัง ๔ ด้าน โดยสถานบริการสุขภาพแต่ละแห่ง หนว ยงานสาธารณสุขในทุกระดับจะตองมกี าร จะเน้นหนักการให้บริการในแต่ละด้านแตกต่างกันออกไป ซ่ึงสามารถสรุประดับของการบริการ ดาํ เนินงานทางดา นสุขภาพทีผ่ สมผสานกัน สุขภาพได ้ ดงั แผนภมู ิ ท้ัง 4 ดา น ซง่ึ อยใู นแผนภูมดิ ังกลา ว จากนนั้ ครู ตั้งคาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนักเรยี น เพ่ือนําไป การบรกิ าร สูขอสรุปทีถ่ กู ตอ งรว มกัน สาธารณสขุ ระดบั ๓ • การบริการสาธารณสุขมูลฐาน คอื การให การบริการ บริการสุขภาพในเรอ่ื งใด สาธารณสุข (แนวตอบ เปนการดูแลสขุ ภาพที่กระจายไป ระดับ ๒ ถงึ ระดบั หมบู าน ซงึ่ จะไดรบั ความรวมมอื การบรกิ าร จากชุมชนในการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง สาธารณสขุ และเพื่อนบาน โดยมอี าสาสมัครสาธารณสขุ ระดบั ๑ ประจาํ หมบู าน (อสม.) ทไ่ี ดรับการคดั เลือก และฝกอบรมเปน ผใู หบรกิ ารแกป ระชาชนใน การบริการ ชุมชนนน้ั ๆ เนนการใหความรูค วามเขา ใจ สาธารณสขุ แกป ระชาชนในทอ งถิน่ ใหใ สใจสขุ ภาพ ของตนเอง) มูลฐาน แผนภูมแิ สดงระดับการบรกิ ารสขุ ภาพ ๑) การบรกิ ารสาธารณสขุ มลู ฐาน เปน็ การดแู ลสขุ ภาพทก่ี ระจายไปถงึ ระดบั หมบู่ า้ น ซสา่งึ ธจาะรไดณ้รสบั ุขคปวราะมจรา� ว่ หมมมบู่ อื ้าจนา ก(ชอุมสมชน.1) ในทกไี่ ดาร้รดบั ูแกลาสรคุขดัภเาลพือขกอแงลตะนฝเึกอองบแรลมะเเพป็นอื่ นผู้ใบห้า้บนร ิกโดายรมแกีอป่าสราะชสมาชัคนร ในชุมชนนัน้ ๆ เนน้ การใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจแก่ประชาชนในท้องถิน่ ให้ใสใ่ จต่อสุขภาพของตนเอง เป็นการป้องกนั มใิ หเ้ กดิ โรคมากกว่าเนน้ การบา� บัดรกั ษา ๒) การบริการสาธารณสขุ ระดับ ๑ หรือระดับปฐมภมู ิ เปน็ บรกิ ารทีจ่ ดั ขน้ึ ส�าหรับ ประชาชนทป่ี ว่ ยดว้ ยโรคเบอื้ งตน้ โดยอยใู่ นขอบเขตการรกั ษาของโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตา� บล แต่ถ้ามอี าการรนุ แรงมากขึ้น กจ็ ะมีการสง่ ตอ่ ไปรบั การรกั ษาที่โรงพยาบาลชมุ ชนตอ่ ไป 110 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดไมใชห ัวใจสําคัญของลักษณะการดําเนนิ งานสาธารณสุขมลู ฐาน ครูควรอธิบายเพ่ิมเตมิ ในเร่ืองของอาสาสมัครสาธารณสขุ วา ควรมีคุณสมบัติ 1. ดูแลสขุ ภาพอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน อยางไรบา ง ในการทํางานรวมกบั หนวยงานสาธารณสขุ เพอ่ื เปนประโยชนแ ก 2. การใหก ารรกั ษาพยาบาลอาการเจบ็ ปวยของประชาชน นกั เรยี นท่สี นใจ 3. ประชาชนไมม สี ว นรวมในการสง เสรมิ สขุ ภาพกบั หนวยงาน 4. ใหก ารสง เสริมสุขภาพและการฟนฟสู มรรถภาพของรา งกาย นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ งานสาธารณสขุ มลู ฐาน สามารถใหประชาชนมี สว นรว มในการสง เสรมิ ดแู ลสขุ ภาพกบั หนว ยงานและชมุ ชนได ตอบขอ 3. 1 อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจําหมบู า น (อสม.) เปนรูปแบบหน่งึ ของการมี สว นรวมของประชาชนในการดูแลสขุ ภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดย ผานกระบวนการอบรมใหความรจู ากเจาหนาทส่ี าธารณสุข และการปฏบิ ัตงิ าน ดว ยความเสยี สละตอ ประชาชนในหมบู า น ซงึ่ กระทรวงสาธารณสขุ ไดเ รม่ิ ดาํ เนนิ งาน มาตง้ั แตป พ.ศ. 2520 จนถึงปจจบุ นั 110 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การบรกิ ารสาธารณสขุ ระดบั ๒ หรอื ระดบั ทตุ ยิ ภมู ิ เปน็ การบรกิ ารทจ่ี ดั ขน้ึ สา� หรบั ครูต้งั คาํ ถามกระตุนการเรยี นรขู องนักเรยี นตอ เพื่อนาํ ไปสขู อสรุปทีถ่ ูกตอ งรว มกนั ประชาชนท่ีป่วยด้วยโรคต่างๆ ซ่ึงเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�าบล ท่ีจะรักษา จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลท่ัวไป • เพราะเหตุใด การบรกิ ารสาธารณสขุ เนอื่ งจากมขี ดี ความสามารถท่สี งู กว่า ระดบั 1 จงึ ไมค อ ยไดร บั การยอมรบั จาก ผูเขา รบั บริการ ๔) การบรกิ ารสาธารณสขุ ระดบั ๓ (แนวตอบ เพราะเปนสถานบรกิ ารสุขภาพ ท่มี ีขนาดเล็ก ไมเ พียงพอตอผใู หบรกิ าร หรือระดับตติยภูมิ เป็นการบริการที่จัดขึ้น โดยเฉพาะเตยี งผูปวย นอกจากน้ียังขาด ส�าหรับประชาชนที่ป่วยด้วยโรคท่ีซับซ้อน บคุ ลากรและอปุ กรณท างการแพทย แ ล ะ ต ้ อ ง ใ ช ้ เ ค รื่ อ ง มื อ พิ เ ศ ษ ใ น ก า ร รั ก ษ า เทาทคี่ วร) รวมถึงต้องใช้แพทย์เฉพาะทางในการตรวจ วินิจฉัย สถานบริการท่ีให้บริการในระดับน้ี • การบริการสาธารณสขุ ระดบั 3 เปนการให ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลมหาราช บรกิ ารผปู วยทมี่ ีลักษณะอาการอยางไร โรงพยาบาลเฉพาะโรค เชน่ สถาบนั โรคทรวงอก และยกตวั อยา งสถานบรกิ ารสุขภาพใน สถาบนั สขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชินี สถาบัน ระดับนี้ มะเร็งแห่งชาติ สถาบันโรคผิวหนัง เป็นต้น กรณีฉุกเฉินสถานบริการแต่ละแห่งสามารถพิจารณา (แนวตอบ เปนการบรกิ ารสขุ ภาพสําหรับ รวมถึงโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัดหน่วยงานอ่ืน ส่งต่อผู้ป่วยให้แก่กันได้ เพ่ือประสิทธิภาพในการรักษา ประชาชนทป่ี ว ยดวยโรคทซี่ ับซอ น และตอ ง ที่มีขีดความสามารถในการรักษาสูง ได้แก ่ ผูป้ ่วย ใชเครอื่ งมือพิเศษในการรกั ษา รวมถึงตองใช โรงพยาบาลมหาวทิ ยาลยั เชน่ โรงพยาบาลรามาธบิ ด ี โรงพยาบาลศริ ริ าช เปน็ ตน้ โรงพยาบาลสงั กดั แพทยเฉพาะทางในการตรวจวินจิ ฉยั กรุงเทพมหานคร เช่น วชิรพยาบาล โรงพยาบาลกลาง เป็นต้น โรงพยาบาลสงั กดั กองทพั ตา่ งๆ สถานบรกิ ารท่ใี หบ รกิ ารในระดบั น้ี เชน เชน่ โรงพยาบาลภมู ิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา้ เปน็ ต้น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศริ ริ าช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา เปนตน ) ๒.๒ โครงสรา้ งและบทบาทของสถานบรกิ ารสุขภาพ สถานบริการสุขภาพทใี่ ห้บรกิ ารในประเทศไทยน้ัน สามารถจา� แนกออกเป็น ๒ ประเภทหลัก คือ สถานบริการสขุ ภาพภาครฐั และสถานบรกิ ารสุขภาพภาคเอกชน ซง่ึ เนอ้ื หาในหนว่ ยนจ้ี ะเนน้ การจดั บรกิ ารสขุ ภาพของสถานบรกิ ารสขุ ภาพภาครฐั เปน็ หลกั เนอ่ื งจากครอบคลมุ กลมุ่ ประชากร เปน็ จา� นวนทมี่ ากกวา่ สว่ นสถานบรกิ ารสขุ ภาพของภาคเอกชน เปน็ ทางเลอื กของผทู้ ม่ี รี ายไดม้ าก พอทีจ่ ะจา่ ยค่าบริการสขุ ภาพด้วยตนเอง ซง่ึ เปน็ ไปตามความพอใจของแต่ละบุคคล ในการดา� เนินงานให้บรกิ ารสขุ ภาพของภาครัฐ หน่วยงานที่มบี ทบาทอย่างยงิ่ คือ กระทรวง สาธารณสุขดังที่ได้กล่าวแล้วในเบ้ืองต้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานภาครัฐอีกหลายแห่ง ท่ีมีส่วนร่วมในการจัดบริการสุขภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งระบบการจัดบริการสุขภาพในภาครัฐนั้น สามารถจ�าแนกได้เปน็ ๒ สว่ น ดังน้ี 111 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู สถานบริการสขุ ภาพในขอใด จดั เปน การบริการสาธารณสุขระดับปฐมภมู ิ ครอู าจพานักเรียนไปทัศนศึกษาสถานบรกิ ารสุขภาพในทองถิน่ และใหนกั เรยี น 1. โรงพยาบาลศูนย จดั ทํารายงานสรุปความรูท่ีไดร บั สง ครูผสู อน 2. โรงพยาบาลมหาราช 3. สถาบันมะเรง็ แหง ชาติ บรู ณาการอาเซยี น 4. โรงพยาบาลสง เสริมสุขภาพตาํ บล วิเคราะหคาํ ตอบ โรงพยาบาลสง เสรมิ สขุ ภาพตาํ บลเปนสถานบริการ ปจจบุ นั ประเทศในกลมุ อาเซียนไดมีความรว มมอื กนั ในการสงเสรมิ ดาน สุขภาพระดับปฐมภมู ิสาํ หรับประชาชนทีป่ ว ยดวยโรคเบือ้ งตน แตถามอี าการ สาธารณสุข โดยเฉพาะอยางยิ่งการปองกนั และควบคุมโรคตดิ ตอ เชน โรคเอดส รนุ แรงมากข้นึ ก็จะมีการสง ตอไปรับการรักษาทโ่ี รงพยาบาลชุมชนตอไป และโรคทางเดนิ หายใจเฉยี บพลันอยา งรุนแรง เปน ตน ซง่ึ สาเหตทุ ก่ี ลมุ ประเทศ อาเซยี นทง้ั 10 ประเทศ ไดมกี ารตกลงรวมมอื กนั นัน้ กเ็ พ่ือเปน การสงเสรมิ ให ตอบขอ 4. ประชาชนอาเซยี นมสี ขุ ภาพรางกายสมบรู ณแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไขเจ็บตา งๆ และสามารถดาํ เนนิ ชีวิตในสงั คมไดอยา งมคี วามสุข คูม ือครู 111
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสุมนกั เรยี นตามลําดับเลขที่ของหอ งจํานวน ๑) การจัดบริการสุขภาพในส่วนกลาง มีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบด้วยกันหลาย 1 คน ใหอ อกมานําเสนอโครงสรา ง และบทบาท หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ ของสถานบริการสุขภาพ โดยหลงั จากการนําเสนอ ๑. กระทรวงสาธารณสุข มี ครใู หน ักเรยี นถามคาํ ถามกับนักเรยี นคนอน่ื ๆ โรงพยาบาลและสถาบันท่ีให้การดูแลทางด้าน จากน้นั ครเู สนอแนะและต้ังคําถามเพ่อื ใหไ ดขอ สรปุ สุขภาพแก่ประชาชนด้วยกันหลายแห่ง เช่น ที่ถกู ตองรวมกัน โโรรงงพพยยาาบบาาลลรสามชเวดถิ ็จ ี เโจร้างพพยระายบาา1 ลนสพถารบตั นันรสาุขชภธาาพน ี สเดถ็กาแบหันธ่งัญชาญตาิมรหกั ษา2ร ์ เาปช็นินตี ้นส ถาบันโรคทรวงอก • หนวยงานที่จดั บริการสขุ ภาพในสว นกลาง ๒. กระทรวงกลาโหม มี ไดแ กอ ะไรบาง และมีขดี ความสามารถ โรงพยาบาลอยใู่ นสงั กดั ดว้ ยกนั หลายโรงพยาบาล ในการรักษาทด่ี อี ยางไร ท่ีส�าคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (แนวตอบ ไดแ ก กระทรวงสาธารณสขุ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช นอกจากจะให้การดูแล อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ รกั ษาผปู้ ว่ ยทอ่ี ยใู่ นสงั กดั กองทพั อากาศแลว้ ยงั ใหบ้ รกิ าร โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบ โรงพยาบาลในสังกดั ของมหาวิทยาลัย แกป่ ระชาชนทัว่ ไปดว้ ย ของกองทัพบก และโรงพยาบาลสมเด็จ กรุงเทพมหานคร และสภากาชาดไทย ซงึ่ โรงพยาบาลและสถาบนั ทีอ่ ยใู นสวนกลาง พระปน่ิ เกลา้ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิติ ์ อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของกองทัพเรอื เหลา นี้ จะมขี ีดความสามารถในการใหก าร ๓. สา� นกั งานต�ารวจแหง่ ชาติ ได้แก่ โรงพยาบาลตา� รวจ รักษาพยาบาล และดูแลสุขภาพอยใู นระดบั 3 ๔. กรุงเทพมหานคร เช่น โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลวชิรพยาบาล สามารถท่จี ะใชบรกิ ารทงั้ การรกั ษาโรคทว่ั ไป โรงพยาบาลกลาง เป็นต้น และโรคเฉพาะทางทตี่ องใชค วามชาํ นาญ พเิ ศษ เชน โรงพยาบาลราชวถิ ี โรงพยาบาล เกร็ดน่ารู้ ตํารวจ โรงพยาบาลภมู ิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลกลาง ระบบสง่ ต่อผปู้ ่วย โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ เปน ตน ) เหตุผลสำาคัญท่ีทำาให้การจัดบริการสุขภาพ จำาเป็นต้องพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยขึ้นมา เป็นเพราะ ขีดความสามารถของสถานบริการสาธารณสุขในแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในด้านของการ รักษาพยาบาล ทั้งในกรณีที่สถานบริการเดิมมีขีดความสามารถในการรักษาไม่เพียงพอ จึงต้องส่งต่อไปยัง สถานบรกิ ารท่ีมขี ีดความสามารถสงู กวา่ เพอื่ การรักษาทเี่ หมาะสม หรอื ในกรณีท่มี กี ารส่งต่อผปู้ ว่ ยที่ได้รับการ รกั ษาจนอาการทเุ ลาลงแล้ว แต่ตอ้ งได้รับการรกั ษาดแู ลอยา่ งตอ่ เนือ่ ง จึงส่งตอ่ กลบั ลงไปยังสถานบริการทอ่ี ยู่ ใกล้บ้านของผปู้ ่วยทม่ี ีขดี ความสามารถเพยี งพอท่ีจะใหก้ ารดูแลต่อได้ ระบบดังกลา่ วนี้ เรยี กว่า “ระบบสง่ ตอ่ ” โดยมีจุดมุ่งหมายสำาคัญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการสุขภาพที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันก็ช่วยกลั่นกรองมิให้ ผู้เจบ็ ป่วยเพยี งเลก็ นอ้ ยไปแออดั ในสถานบรกิ ารขนาดใหญจ่ นเกินไป ท่มี า : https://www.gotoknow.org/post5/512240 11๒ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET การจดั ใหมสี ถานบรกิ ารสุขภาพในสว นกลางจํานวนมากสง ผลดหี รือไม 1 โรงพยาบาลสมเด็จเจาพระยา ตง้ั อยทู ่ีเขตคลองสาน จังหวดั กรุงเทพมหานคร อยา งไร กอต้งั ขึน้ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลาเจา อยหู วั รัชกาลท่ี 5 เพอ่ื ใหก าร แนวตอบ สงผลดี เน่อื งจากปจจุบนั ประเทศไทยมจี าํ นวนประชากรเพม่ิ ข้ึน รกั ษาผูป วยทเ่ี ปนโรคทางจิตเวช ซงึ่ เดมิ ชาวบานนยิ มเรียกวา โรงพยาบาลหลังคาแดง อยา งตอเนื่อง ทาํ ใหมคี วามจําเปน ตอ งไดรบั การบริการดานสุขภาพ ทงั้ น้ี ปากคลองสาน เพราะอาคารโรงพยาบาลใชกระเบ้อื งมงุ หลงั คาสีแดง เมื่อมีสถานบริการสาธารณสขุ จํานวนมากกจ็ ะชวยใหก ารเขา รบั บรกิ ารดา น 2 สถาบนั ธญั ญารกั ษ ปจ จบุ นั ไดเ ปด ใหบรกิ ารดานวิชาการ ท้ังการวิจยั สุขภาพอยางทว่ั ถึง และผเู ขารบั บริการสามารถใชบริการไดตามลาํ ดบั ขนั้ การประเมินเทคโนโลยี การถา ยทอดความรู และพัฒนานโยบายดานการบาํ บัดรักษา ของการรักษาอาการเจ็บปวยที่เปน อยู สารเสพตดิ รวมทงั้ เปด ใหบ รกิ ารบาํ บดั รกั ษาผตู ดิ ยาและสารเสพตดิ ทกุ ประเภทในระดบั ตตยิ ภมู ิ ท้ังแบบผปู ว ยนอกและผูป ว ยใน โดยบําบดั ดว ยยา จาํ นวน 200 เตียง และฟนฟูสมรรถภาพจาํ นวน 600 เตียง 112 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๕. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี ครสู มุ นกั เรยี นตามลาํ ดบั เลขทข่ี องหอ งอกี 1 คน อย่ใู นสังกัดของมหาวิทยาลัยมหดิ ล โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าอยใู่ น โดยไมซ าํ้ กบั คนเดิมออกมานาํ เสนอ โครงสรา ง สงั กดั ของมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ เปน็ ตน้ และบทบาทของสถานบริการสุขภาพ โดยหลังจาก ๖. สภากาชาดไทย ได้แก่ การนาํ เสนอ ครูใหน ักเรียนถามคําถามกับนักเรียน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คนอนื่ ๆ จากนนั้ ครเู สนอแนะและตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ด โดยส่วนใหญ่แล้วโรงพยาบาล ขอ สรปุ ทถ่ี กู ตอ งรวมกัน และสถาบันที่อยู่ในส่วนกลางเหล่าน้ี จะมี ขีดความสามารถในการให้การรักษาพยาบาล • การจัดบรกิ ารสขุ ภาพในสว นภมู ิภาค และดูแลสขุ ภาพอยูใ่ นระดบั ๓ หรือระดบั สูงสดุ มงุ เนน การจัดบรกิ ารในลักษณะใด สามารถที่จะให้บริการทั้งการรักษาโรคทั่วไป (แนวตอบ มุงเนน การจัดบริการใหครอบคลุม และโรคเฉพาะทางที่ต้องใช้ความช�านาญพิเศษ และทัว่ ถึงประชาชนทงั้ ในเขตเมืองและ นอกจากนั้น ยังมีหน้าที่ในการค้นคว้าวิจัย เขตชนบท) และพัฒนาเทคนิคการวิเคราะห์โรค การรักษา พยาบาล และการฟืนฟูสมรรถภาพผู้ป่วย ท�า โรงพยาบาลศิริราชเป็นหน่ึงในสถานบริการสุขภาพ • ยกตวั อยา งสถานบริการสขุ ภาพในสวน หนา้ ทฝ่ี กึ อบรมบคุ ลากรทางดา้ นการแพทยต์ าม ภาครัฐ ท่ีมีประชาชนมาใชบ้ ริการเป็นจำานวนมาก เพราะ ภูมิภาค ระดับจงั หวดั มคี วามเช่ือมน่ั ในการบาำ บัดรกั ษา และเสยี ค่าใช้จา่ ยนอ้ ย (แนวตอบ ไดแก โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศูนย และโรงพยาบาลทัว่ ไป) ความชา� นาญพเิ ศษเฉพาะโรค ตลอดจนมหี นา้ ทส่ี นบั สนนุ ดา้ นวชิ าการแกห่ นว่ ยงานระดบั ลา่ งอกี ดว้ ย • โรงพยาบาลมหาราช มหี นา ที่ในการให ๒) การจดั บรกิ ารสขุ ภาพในส่วนภมู ภิ าค การจดั บรกิ ารสขุ ภาพในสว่ นภมู ภิ าคนนั้ บรกิ ารตรวจรักษาแกประชาชนในดาน มุ่งเน้นการจัดบริการให้ครอบคลุมและทั่วถึงประชาชนท้ังในเขตเมืองและเขตชนบท ซ่ึงมีการ ใดบาง จัดบริการสุขภาพแบง่ เป็นระดบั ยอ่ ยๆ ตามการบรหิ ารงานได ้ ดงั น้ี (แนวตอบ ใหบรกิ ารตรวจรกั ษาแกประชาชน ๒.๑) ระดบั จงั หวดั จะประกอบดว้ ยโรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศนู ย ์ และ ทวั่ ไป และโรคเฉพาะทาง เชน โรคทางตา หู โรงพยาบาลทว่ั ไป ซ่ึงมคี วามแตกตา่ งกนั ในเร่ืองของบรกิ ารสุขภาพ ดังน้ี คอ จมูก เปน ตน ซงึ่ โรงพยาบาลมหาราช (๑) โรงพยาบาลมหาราช เป็นโรงพยาบาลที่มีจ�านวนเตียงผู้ป่วยมากกว่า มขี ดี ความสามารถในการใหบริการสุขภาพ อยใู นระดับ 3) โ๑ร,ค๐ท๐๐าง เหต ูยีคงอ ม จหี มนกู า1้ ทเปใ่ี นน็ กตาน้ ร ใ ห โรบ้ ครหกิ ารรอื ตอราวกจารรกัผษดิ าปแกกตป่ เิ หระลชา่ านชจี้ นา� ทเปว่ั น็ไปตแอ้ ลงะอโารศคยั เฉแพพาทะยทท์ าม่ีง คี เชวาน่ ม โเรชคย่ี ทวาชงาตญา พเิ ศษ โรงพยาบาลมหาราชจึงมีขดี ความสามารถในการให้บริการสขุ ภาพอยู่ในระดบั ๓ (๒) โรงพยาบาลศนู ย เปน็ โรงพยาบาลทม่ี ขี นาด ๕๐๐-๑,๐๐๐ เตยี ง มหี นา้ ท่ี ในการให้บริการตรวจรักษาแก่ประชาชนท่ัวไปและโรคเฉพาะทาง ซ่ึงจ�าเป็นต้องอาศัยแพทย์ท่ีมี ความเช่ียวชาญพิเศษเช่นเดียวกับโรงพยาบาลมหาราช แต่มีจ�านวนของบุคลากรและศกั ยภาพใน การใหบ้ รกิ ารนอ้ ยกวา่ โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลศนู ยน์ น้ั มขี ดี ความสามารถในการให้บริการ สขุ ภาพอยใู่ นระดบั ๓ 11๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู สถานพยาบาลคใู ดทมี่ ขี อบขา ยการทาํ งานใกลเคยี งกันมากท่สี ดุ ครอู าจใหน ักเรียนจัดทาํ ตารางแสดงรายช่ือโรงพยาบาลสถานบริการของรฐั ที่อยู 1. คลินกิ - รา นขายยา ภายในจงั หวดั โดยระบทุ ต่ี ง้ั เบอรโ ทรศพั ทต ดิ ตอ ระดบั การใหบ รกิ าร และขอ มลู อน่ื ๆ 2. คลินิก - โรงพยาบาล ตามความเหมาะสม แลวนําไปตดิ ทปี่ ายนิเทศ 3. โรงพยาบาล - โรงพยาบาลสงเสรมิ สุขภาพตาํ บล 4. โรงพยาบาลสงเสรมิ สขุ ภาพตําบล - ศนู ยส ขุ ภาพชุมชน นักเรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ โรงพยาบาลสง เสริมสขุ ภาพตําบล - ศูนยสุขภาพชมุ ชน เปน สถานพยาบาลทีม่ ีขอบขา ยการทาํ งานใกลเ คียงกนั มากที่สุด แต 1 โรคทางตา โรคทางหู คอ จมูก ปจ จุบันไดมโี รงพยาบาลเอกชนหลายแหง ทเ่ี ปดใหบ ริการโรคเฉพาะทาง เชน โรงพยาบาลจักษรุ ัตนิน เปนตน ซ่ึงเปน ศูนยส ขุ ภาพชุมชนจะมบี รกิ ารทางสขุ ภาพทีห่ ลากหลายกวา ตอบขอ 4. ทางเลือกหนง่ึ ในการอํานวยความสะดวกในการรกั ษาใหแกประชาชน คมู อื ครู 113
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นทอี่ อกมานาํ เสนอเลอื กเพอ่ื นอกี 1 คน (๓) โรงพยาบาลทั่วไป มีขนาดต้ังแต่ ๑๔๐-๔๐๐ เตียง (ไม่เกิน โดยไมซ ํ้ากบั คนเดมิ ออกมานาํ เสนอ โครงสรางและ ๕๐๐ เตยี ง) มหี นา้ ทคี่ ลา้ ยคลงึ กบั โรงพยาบาลศนู ยแ์ ตม่ ศี กั ยภาพในการรกั ษาพยาบาลทด่ี อ้ ยกวา่ เลก็ บทบาทของสถานบรกิ ารสุขภาพ โดยหลังจากการ น้อย ในเรือ่ งของจา� นวนบุคลากรและจา� นวนเตยี งของผปู้ ว่ ยที่สามารถรับไว้รักษาได้ โรงพยาบาล นาํ เสนอ ครใู หน กั เรยี นถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นคนอน่ื ๆ ทว่ั ไปมีขดี ความสามารถในการให้บรกิ ารสขุ ภาพอยู่ในระดบั ๒-๓ แล้วแต่กรณี จากน้นั ครเู สนอแนะและตงั้ คาํ ถามเพือ่ ใหไดขอ สรุป ๒.๒) ระดบั อา� เภอ จะมโี รงพยาบาลชมุ ชน ซง่ึ มขี นาดตงั้ แต ่ ๑๐-๑๒๐ เตยี ง (ไมเ่ กนิ ทถ่ี กู ตอ งรวมกัน ๑๕๐ เตยี ง) โรงพยาบาลชมุ ชนเปน็ สถานบรกิ ารทมี่ กี ารใหบ้ รกิ ารทางดา้ นสขุ ภาพแบบผสมผสาน โดย มกี ารใหบ้ รกิ ารดา้ นสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การตรวจวนิ จิ ฉยั การรกั ษาพยาบาล และการฟนื ฟสู มรรถภาพ • โรงพยาบาลศนู ย มหี นา ทใ่ี นการใหบ รกิ ารรกั ษา ทงั้ ผปู้ ว่ ยนอกและผปู้ ว่ ยใน มกี ารดา� เนนิ งานดา้ นการปอ้ งกนั โรคและการสขุ าภบิ าลในชมุ ชน มรี ะบบ อยา งไรบา ง การรับ-ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อตรวจรักษาต่อ และมีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาการทางวิชาการ (แนวตอบ มีหนา ทใ่ี นการใหบริการตรวจรักษา ที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขเป็นหลัก โรงพยาบาลชุมชนมีขีดความสามารถในการให้บริการ แกป ระชาชนทวั่ ไปและโรคเฉพาะทาง ซง่ึ จาํ เปน สขุ ภาพอยใู่ นระดับ ๒ ตอ งอาศยั แพทยท มี่ คี วามเชยี่ วชาญพเิ ศษ แตมี ๒.๓) ระดบั ตา� บลและหมบู่ ้าน ดังน้ี จาํ นวนบุคลากรและศกั ยภาพในการใหบ รกิ าร (๑) โรงพยาบาลสง เสริมสขุ ภาพตา� บล (รพ.สต.) เป็นสถานบริการสุขภาพ นอ ยกวา ) ที่เกิดจากการยกระดับศักยภาพของสถานีอนามัย หรือศูนย์สุขภาพชุมชน ซ่ึงเป็นหน่วยบริการ สผาสธมาผรสณาสนขุ ใทน้งั รดะา้ดนบั กตาา� รบสลรทา้ ม่ีงเขี สดีรคมิ วสาขุ มภสาาพม1 ากราถรเคพวม่ิ บมคามุกแขลน้ึ ะ โปด้อยงเกนันน้ โกราคร2 ด กา� เานรนิรกักษาราบพรยกิ าาบราสลาธ แาลรณะกสาขุร • โรงพยาบาลชมุ ชนในระดับอาํ เภอ มีการให ฟนื ฟูสมรรถภาพ รวมทัง้ การจดั การปัจจยั เส่ียงตอ่ สขุ ภาพ ทงั้ ในระดับบคุ คล ชุมชน และสงั คม บริการสขุ ภาพในดา นใดบา ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�าบลมีขีดความ (แนวตอบ การสง เสริมสขุ ภาพ การตรวจ สามารถในการใหบ้ รกิ ารอย่ใู นระดบั ๑-๒ วนิ จิ ฉยั การรกั ษาพยาบาล และการฟน ฟสู ภาพ (๒) สถานบริการสาธารณสุข ทงั้ ผปู ว ยนอกและผปู ว ยใน นอกจากนยี้ ังมี การดําเนนิ งานดา นการปองกันโรคและการ สขุ าภบิ าลในชมุ ชนท่ีเปนเขตรบั ผิดชอบ อยางมรี ะบบ) ขยายความเขา ใจ Expand ชุมชน (สสช.) เป็นสถานบริการสุขภาพท่ีให้ บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ผู้มารับบริการ ซ่ึงครอบคลุมงานหลักท่ีส�าคัญ ได้แก่ การ ใหน กั เรียนศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั การจัดระบบ ส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค บริการสุขภาพในประเทศไทยอยางละเอยี ด แลวนํา การรกั ษาพยาบาล และการฟนื ฟสู มรรถภาพ อาจให้ มาจดั ทําเปน รปู เลมรายงานสง ครูผสู อน บริการเป็นบางงานหรือทุกงานก็เป็นได้ ทั้งใน ส่วนของสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ หรือ โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำาบลเวยี งเหนือ เปน็ หนง่ึ ใน ของเอกชนก็ตาม ประกอบด้วย ศูนย์สุขภาพ สถานบรกิ ารสขุ ภาพทมี่ คี วามพรอ้ มในการรกั ษาพยาบาล ชุมชน คลินกิ ของรฐั รวมถึงสถานบรกิ ารอนื่ ใด ให้กับประชาชนในชมุ ชน ทีเ่ ขา้ ขา่ ยในลกั ษณะน้ี 11๔ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET โรงพยาบาลท่ีมีขนาดตัง้ แต 140 - 400 เตยี ง แตไ มเ กิน 500 เตียง คือ ครูอาจใหน กั เรียนเขยี นแสดงความคดิ เหน็ วา ในชมุ ชนทน่ี กั เรยี นอาศยั อยนู ัน้ โรงพยาบาลใด มกี ารจัดการสุขาภบิ าลในชมุ ชนอยา งไรบา ง บรรลุผลสําเร็จหรือไม และมีการ 1. โรงพยาบาลศูนย พฒั นาหรือเปลี่ยนแปลงไปอยา งไร โดยใหนกั เรียนเขียนลงในกระดาษรายงาน 2. โรงพยาบาลทั่วไป แลว นําสง ครูผูสอน 3. โรงพยาบาลชุมชน 4. โรงพยาบาลมหาราช นกั เรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ โรงพยาบาลทว่ั ไป มีขนาดตั้งแต 140-400 เตยี ง (ไมเ กิน 500 เตียง) มีหนา ทคี่ ลา ยกบั โรงพยาบาลศูนยซ ึ่งมขี นาด 500-1,000 เตียง 1 การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ คอื กระบวนการปฏิบตั ิเพือ่ การมีสขุ ภาพที่แข็งแรง แตม ีศกั ยภาพในการรักษาทด่ี อ ยกวา เลก็ นอย สวนโรงพยาบาลมหาราช ปราศจากโรคภยั ไขเ จ็บ และสามารถดํารงชีวติ อยใู นสงั คมไดอ ยางปกตสิ ุข จะมจี ํานวนเตียงผูปวยมากกวา 1,000 เตยี ง และโรงพยาบาลชุมชนจะมี 2 ปอ งกนั โรค คอื การขจดั ยบั ยัง้ พฒั นาการของโรค รวมถึงการประเมนิ และ ขนาดตั้งแต 10-120 เตียง (ไมเ กนิ 150 เตยี ง) ตอบขอ 2. การรกั ษาเฉพาะทาง เพอื่ ขจดั ความกา วหนาของโรคในทกุ ระยะ 114 คูม ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ นอกจากน้ียังมีศูนยสาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) เป็นลักษณะของ ครูต้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจ โดยนักเรียน การจัดบริการสุขภาพโดยประชาชนที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นผู้ท่ีให้บริการทาง สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยางอสิ ระ ดา้ นสาธารณสขุ มูลฐานเป็นหลัก เน้นการตรวจ คัดกรองและการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ • นกั เรียนรูจ ักหรอื เคยไดยินเกี่ยวกบั ขนั้ พน้ื ฐานตามขดี ความสามารถของอาสาสมคั ร หลกั ประกนั สขุ ภาพมาบางหรือไม สาธารณสุขท่ีได้รับการฝึกอบรมมา เช่น การ (แนวตอบ นกั เรยี นสวนใหญอ าจจะเคยไดย นิ ตรวจคัดกรองโรคเบาหวานด้วยการเจาะเลือด มาบาง ในรปู แบบของหลักประกันสุขภาพ ที่ปลายนิ้ว เพื่อตรวจสอบระดับน้�าตาลในเลือด ถว นหนา หรอื บตั รทอง 30 บาท รกั ษาทกุ โรค การตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงด้วยการ และระบบประกันสงั คม ซึ่งอาจรูจักไดจ าก วดั ความดนั โลหติ เปน็ ตน้ ผปู กครองของนักเรยี น) ๓. หลกั ประกันสุขภาพ • การทาํ ประกันสุขภาพ กอใหเกิดประโยชน ฝเปา่ ็นยผกกรู้าบัราทรปป�ารรสะะกัญกนั ญันภสายั 1ุขร กะภหบั าวฝพ่าา่ งย(บHผุคเู้eอคaาลltปh ร ๒ะIกn sนัฝuภ่าrยยัa2n โcคดeยือ)ผ รู้ บั อโปราครสตะาก่าสงมนั ๆัคภรแสยัลาตะธใกาหรล้บณงรสิกจุขาะรช(สอดง่สเมใสชร.)ิมค้ จสา่ะขุ ใเภนชาน้จ้ พกา่ ขายัน้รใตพนรน้ื วกฐจาาคนรดั รกกัรอษงา อยางไรบา ง พยาบาลและอน่ื ๆ ใหก้ บั ผเู้ อาประกนั ภยั เมอื่ ผเู้ อาประกนั ภยั เจบ็ ปว่ ยจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ หรอื อบุ ตั เิ หตุ (แนวตอบ จะชวยเพิ่มความอนุ ใจใหก บั ตนเอง กรณที เ่ี กดิ การเจบ็ ปว ย ซงึ่ ฝา ยผรู บั ประกนั ภยั จะเขา มาดูแลคา รักษาพยาบาลแทนเรา โดยทเี่ ราไมต อ งกงั วลกบั คารกั ษาพยาบาล ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ อีกท้ังยังไดร ับคาํ ปรึกษาและ การดแู ลจากทมี แพทยผ เู ชยี่ วชาญเปน อยา งด)ี หลักการโดยท่วั ไปของการประกนั สขุ ภาพ เปน็ การลดภาระค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉนิ สาํ รวจคน หา รวมถึงลดภาระของบุคคลรอบข้าง นอกจากน้ี การประกนั สขุ ภาพยงั เปน็ การกระจายความเสย่ี ง Explore ทางการเงนิ หรอื ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยอนั เกดิ จากความ ใหน ักเรียนศึกษาเรือ่ ง หลักประกนั สุขภาพจาก เจ็บป่วยของบุคคลไปสู่คนหมู่มาก โดยการ หนงั สือเรยี น และแหลง การเรียนรเู พิม่ เตมิ ตางๆ จ่ายเงินเข้าสู่กองกลางเป็นจ�านวนท่ีคงท่ี จากน้ันใหนักเรียนแบง กลมุ ออกเปน 4 กลุม ซึง่ เราเรียกว่า เบ้ียประกันภยั เป็นลกั ษณะของ กลมุ ละ 4-5 คน ใหส ง ตวั แทนออกมาหนา ชนั้ เรยี น การเปลีย่ นแปลงคา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาพยาบาล เพ่ือจับสลากเลือกประเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ จ�านวนมากท่ีไม่แน่นอนไปสู่ค่าใช้จ่ายจ�านวน น้อยๆ แตจ่ ่ายเปน็ จา� นวนคงทเี่ ปน็ ประจา� • สวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขาราชการ ในปัจจุบันรูปแบบของการประกันสุขภาพ • หลกั ประกนั สุขภาพถว นหนา ให้แก่ประชาชน เพ่ือการเข้าถึงบริการสุขภาพ • ระบบประกนั สังคม ในประเทศไทย สามารถจ�าแนกเปน็ ๔ รูปแบบ แม้รัฐบาลจะให้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่ • การประกันสขุ ภาพภาคเอกชน ใหญ่ๆ ได้แก่ ประชาชนกค็ วรหาวธิ ตี า่ งๆ เพอื่ ปอ้ งกนั ตนเองจากโรคภยั ไขเ้ จ็บ โดยการออกกำาลังกายเป็นประจำา 11๕ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู ขอใดไมจดั วาเปนสวสั ดกิ ารรักษาพยาบาลของขาราชการ 1 ผรู บั ประกันภัย คอื ผทู ี่ตกลงจา ยคาสนิ ไหมทดแทนใหแ กผูร ับประโยชน 1. การตรวจสุขภาพประจําป เมอ่ื ผเู อาประกนั ภยั ตอ งมีภาระคาใชจา ยจากการไปบาํ บดั รักษาอาการเจบ็ ไข 2. การใชบ ริการในกรณฉี ุกเฉิน ไดป ว ยในสถานพยาบาล ทัง้ นี้จะตอ งเปน ไปตามเง่ือนไขทไี่ ดตกลงกันไว 3. การรักษาพยาบาลและศลั ยกรรม 2 ผเู อาประกันภัย คอื ผทู ีบ่ รษิ ัทประกันภยั ตกลงจะชดเชยคาใชจา ยท่เี กิดขึน้ 4. การศัลยกรรมตกแตงเพ่อื ความงามและบริการปอ งกนั โรค จากการรักษาพยาบาล ไมว า คารกั ษาพยาบาลนน้ั จะเกดิ ข้นึ จากการเจ็บปว ย วิเคราะหค ําตอบ การศลั ยกรรมตกแตง เพอ่ื ความงามและบรกิ ารปอ งกนั โรค หรอื การบาดเจบ็ จากอุบัติเหตุ ไมถ ือวาเปนการรกั ษาโรค แตเ ปนการเสริมเพ่มิ เติม ซ่งึ อยนู อกเหนอื จาก สวัสดิการรกั ษาพยาบาลของขาราชการ หากตอ งการใชบ รกิ ารดังกลา วนี้ มุม IT ก็จะตองเสยี คา ใชจ า ยเองทง้ั หมด ตอบขอ 4. สามารถศึกษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั หลักประกนั สขุ ภาพ จากสาํ นกั งานหลักประกัน สขุ ภาพแหงชาติ ไดจาก http://www.nhso.go.th/FrontEnd/Index.aspx คมู ือครู 115
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นกลมุ ที่จับสลากไดป ระเดน็ สวัสดกิ าร ๓.1 สวสั ดกิ ารรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ รักษาพยาบาลของขาราชการและหลักประกัน สขุ ภาพถวนหนา ออกมานําเสนอ โดยหลังจาก ขอกาี้ ร ๓าช เคปกนน็า รบกบราา�กิรนใาหราทส้ญทิา งแธสลปิ ขุะรภบะโาคุ ยพคชทลนใอี่ แ์นยลคภู่ ะราคอยวบใาตคมร้รคะวั บมุ้ ไบคดหรแ้ อลกงกั ่ ดคปา้สู่รนมะกกรนาัสรน บร ี้กัไดิ ดษาแ้ ามกพา ่ บยรารดกบิ าาา แรลรลแกัะกษบข่ าตุ า้ พรรทยาชาย่ี บกงั ไาามลรบ่ แลลรกู ระจลศา้นุลั งยติปกภิรระารจวมา�ะ12 การนาํ เสนอครแู ละนักเรียนกลุมอื่นๆ เสนอแนะ ผปู้ ว่ ยนอกและผปู้ ว่ ยใน บรกิ ารฉกุ เฉนิ รวมทง้ั ยาและเวชภณั ฑ ์ การตรวจสขุ ภาพประจา� ป ี โดยทง้ั นี้ เพิ่มเตมิ และต้งั คําถามเพ่ือนาํ ไปสขู อ สรปุ ท่ถี กู ตอง ไม่รวมค่าบริการบางอย่าง เช่น ศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามและบริการป้องกันโรค เป็นต้น รว มกนั ผู้มีสิทธิสามารถไปรับบริการได้ท่ีโรงพยาบาลของรัฐแห่งใดก็ได้ และในช่วงหน่ึงผู้มีสิทธิสามารถ ไปใช้บริการท่ีโรงพยาบาลเอกชนได้ แต่สิทธิดังกล่าวมักมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา • ระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา ราชการ อยา่ งไรก็ตาม ผ้มู สี ิทธไิ ม่สามารถขอเบิกคา่ ใช้จา่ ยส�าหรับบรกิ ารท่ีคลินกิ ของเอกชนได้ ใหสทิ ธปิ ระโยชนแ ละความคุมครองแก บคุ คลใด ๓.๒ หลกั ประกันสขุ ภาพถว้ นหน้า (แนวตอบ ไดแก ขา ราชการ ลกู จา งประจาํ ขาราชการบํานาญ และบุคคลในครอบครวั หลักประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ เป็นนโยบายทรี่ ฐั บาลมีความมุ่งหวงั ให้ประชาชนมหี ลักประกัน เชน คูสมรส บิดา มารดาของตน และบตุ ร หรอื ความมน่ั ใจวา่ เมอ่ื เจบ็ ปว่ ยสามารถไปพบแพทยเ์ พอ่ื รบั บรกิ ารตรวจรกั ษา ขอคา� แนะนา� รวมถงึ ที่ยงั ไมบรรลนุ ติ ภิ าวะอกี 3 คน เปนตน ) ได้รับยารักษาโรค โดยไม่ต้องกังวลในเร่ืองค่ารักษาพยาบาล จนท�าให้ขาดโอกาสในการเข้ารับ การรกั ษา โดยรฐั บาลจะเปน็ ผจู้ า่ ยคา่ รกั ษาพยาบาลแทน นอกจากนยี้ งั มงุ่ เนน้ ในเรอื่ งของการสง่ เสรมิ • ระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา ราชการ สขุ ภาพและการปอ้ งกนั โรค เพื่อปอ้ งกันความเจ็บป่วยและเปน็ การสร้างเสรมิ สุขภาพมากกวา่ การ ใหบ รกิ ารทางสุขภาพในเรื่องใดบา ง ซอ่ มสขุ ภาพ (แนวตอบ ไดแ ก บริการรักษาพยาบาลและ การสร้างหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหน้า เริ่มต้นมาต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยรฐั มนี โยบายเพ่ือ ศลั ยกรรมผปู ว ยนอกและผปู วยใน บรกิ าร ให้ประชาชนทุกคนไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลมากเกินไป โดยเสียค่าใช้จ่าย ฉกุ เฉิน รวมท้งั ยาและเวชภัณฑ การตรวจ ครง้ั ละ ๓๐ บาท เป็นค่าธรรมเนยี มในการให้บรกิ าร ซง่ึ ในปจั จบุ ันได้มกี ารยกเลกิ ค่าธรรมเนยี ม สุขภาพประจาํ ป โดยท้ังนีไ้ มรวมคา บรกิ าร ดังกล่าวแล้ว และมีการให้บริการแก่ประชาชนผู้มีสิทธิโดยไม่คิดมูลค่า รวมถึงการให้ประชาชน บางอยา ง เชน ศลั ยกรรมตกแตง เพ่ือ ผมู้ สี ทิ ธสิ ามารถเขา้ รบั การรกั ษาในโรงพยาบาลใดกไ็ ดท้ ว่ั ประเทศ โดยไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเขา้ รบั การรกั ษา ความงาม และบริการปองกันโรค) เฉพาะโรงพยาบาลทีร่ ะบุตามสทิ ธ ิ เฉพาะในกรณฉี กุ เฉินเท่านั้น เชน่ โรคหรอื อาการของโรคทมี่ ี ลักษณะรุนแรงตอ้ งรกั ษาเป็นการเร่งด่วน โรคทต่ี อ้ งผ่าตดั ดว่ น เปน็ ตน้ • บคุ คลใดมสี ทิ ธเิ ขารวม “โครงการ 30 บาท ท้ังน้ี ประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องเป็นประชาชนผู้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง รักษาทุกโรค” ตามระบบสวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของขา้ ราชการและระบบประกนั สงั คมทม่ี อี ยแู่ ลว้ และประชาชนจะ (แนวตอบ ประชาชนผูท่ไี มไ ดรบั ความคุม ครอง ไดร้ บั “บตั รทอง” ซง่ึ ตอ่ มาไดม้ กี ารยกเลกิ และใหป้ ระชาชนผมู้ สี ทิ ธใิ ชบ้ ตั รประจา� ตวั ประชาชนแทนได ้ ตามระบบสวัสดกิ ารรักษาพยาบาลของ นบั ตง้ั แตเ่ ดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ ตน้ มา โดยโรงพยาบาลทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการนน้ั มที งั้ โรงพยาบาล ขา ราชการและระบบประกันสังคมทีม่ อี ยแู ลว ) ในสงั กดั ของกระทรวงสาธารณสขุ และโรงพยาบาลของรฐั ในสงั กดั อน่ื ๆ รวมถงึ โรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจสมัครเขา้ รว่ มโครงการด้วย 116 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET “โครงการ 30 บาท รักษาทกุ โรค” เปน การประกนั สุขภาพรปู แบบใด 1 บรรลุนติ ิภาวะ บุคคลที่มีอายถุ งึ กาํ หนดทก่ี ฎหมายใหพ นจากภาวะผเู ยาว 1. ระบบประกนั สงั คม และใหสามารถใชสทิ ธิตามกฎหมายไดดว ยตนเอง คอื มอี ายุ 20 ปบ ริบรู ณ หรอื 2. หลกั ประกนั สุขภาพถว นหนา ทาํ การสมรสเมอ่ื ชายและหญงิ มอี ายุครบ 17 ปบริบรู ณแลว 3. การประกนั สุขภาพภาคเอกชน 2 ศลั ยกรรม การปรับปรงุ ตกแตงอวัยวะตา งๆ เพื่อความสวยงามหรือแกไข 4. สวัสดิการรักษาพยาบาลของขาราชการ ความผดิ ปกตขิ องรูปรางทงั้ การผา การตัด การใสเขา ไป และการเอาออกมา เชน วเิ คราะหค าํ ตอบ เปน การประกันสุขภาพในรปู แบบของหลักประกันสขุ ภาพ การผา ตัดแกไขปากแหวงเพดานโหว การเสรมิ หนา อก การเสริมจมกู ถว นหนา เพอ่ื ใหป ระชาชนมหี ลกั ประกนั สขุ ภาพโดยไมต อ งรบั ภาระคา ใชจ า ย การแปลงเพศ เปน ตน ดา นการรกั ษาพยาบาลมากเกินไป ตอบขอ 2. 116 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๓ ระบบประกนั สงั คม ใหนกั เรียนกลมุ ท่จี ับสลากไดป ระเดน็ เรื่อง ระบบประกนั สังคมออกมานําเสนอ โดยหลงั จาก พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. ๒๕๓๓ กา� หนดใหส้ ถานประกอบการทมี่ ลี กู จา้ งตงั้ แต ่ ๑ คน การนาํ เสนอ ครูและนักเรยี นกลมุ อนื่ ๆ เสนอแนะ ขน้ึ ไป จะตอ้ งเปน็ ผปู้ ระกนั ตนตามกฎหมายน ้ี โดยนายจา้ งและลกู จา้ งจะตอ้ งจา่ ยเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ เพม่ิ เติม และตง้ั คําถามเพือ่ นาํ ไปสูขอสรุปท่ี ประกันสงั คม ร้อยละ ๑.๕ ของเงนิ ค่าจา้ งรายเดอื นของลกู จา้ งในแต่ละฝ่าย และรัฐบาลจะตอ้ งจ่าย ถูกตองรว มกัน สมทบอกี รอ้ ยละ ๑.๕ เชน่ เดยี วกนั โดยสทิ ธปิ ระโยชนท์ ผี่ ปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั จากกองทนุ ประกนั สงั คม ขไดาแ้ดกร า่ ปยรไะดโ1 ้ยปชรนะโท์ ยดชแนทท์ นดกแรทณนปีในระกสรบณอคี นั ลตอรดาบยตุหรร2 อืปเรจะบ็ โปยชว่ ยนอท์ นัดมแใิทชนจ่ ใานกกกราณรทที า� พุ งพานล ภแาลพะเจงานิ กทกดาแรปทรนะกสาบร • ระบบประกันสงั คม นายจา งและลูกจา ง อนั ตรายหรอื เจบ็ ปว่ ยอนั ไมใ่ ชจ่ ากการทา� งาน ประโยชนท์ ดแทนในกรณตี ายโดยมใิ ชป่ ระสบอนั ตราย จะตอ งจายเงินสมทบเขา กองทนุ ประกัน หรือการเจ็บป่วยจากการท�างาน ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร และประโยชน์ทดแทน สงั คมจาํ นวนเทาใด กรณชี ราภาพ (แนวตอบ รอยละ 1.5 ของเงนิ คาจา ง การบรกิ ารสขุ ภาพภายใตร้ ะบบประกนั สงั คมนนั้ จดั ในรปู ของเครอื ขา่ ย โดยทโ่ี รงพยาบาลของ รายเดอื นของลูกจางในแตล ะฝาย) รฐั หรอื เอกชนทสี่ นใจ สามารถสมคั รเขา้ รว่ มโครงการได ้ และผปู้ ระกนั ตนสามารถเลอื กโรงพยาบาล ในการเขา้ รับบรกิ ารสุขภาพไดต้ ามความพงึ พอใจ • สิทธิประโยชนท ี่ผปู ระกันตนจะไดร บั จาก กองทนุ ประกนั สงั คมไดแ กอ ะไรบาง (แนวตอบ ประโยชนท ดแทนกรณปี ระสบ อนั ตราย หรือเจ็บปว ยอนั มใิ ชจ ากการ ทาํ งาน ประโยชนทดแทนในกรณีคลอดบุตร ประโยชนท ดแทนในกรณีทพุ พลภาพจาก การประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ปวยอนั ไมใช จากการทํางาน ประโยชนท ดแทนในกรณี เสยี ชวี ิตโดยมใิ ชประสบอนั ตรายหรือ การเจบ็ ปวยจากการทํางาน ประโยชน ทดแทนกรณีสงเคราะหบ ุตร และประโยชน ทดแทนกรณชี ราภาพ) บัตรรับรองสิทธิการรกั ษาพยาบาลใชแ้ สดงสิทธทิ ่ีจะเข้ารับการบริการในโรงพยาบาลที่ผปู้ ระกนั ตนได้เลอื กใช้ 11๗ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอใดไมใ ชส ิทธปิ ระโยชนทจี่ ะไดร ับในระบบประกนั สังคม 1 เงินทดแทนการขาดรายได กรณีสมคั รใจลาออก ผปู ระกนั ตนจะไดรบั เงิน 1. ประโยชนทดแทนกรณีชราภาพ ทดแทนระหวางการวา งงานปละไมเกิน 90 วัน ในอตั รารอ ยละ 30 ของคาจาง 2. ประโยชนทดแทนในกรณีคลอดบุตร โดยคาํ นวณจากฐานเงนิ สมทบสูงสุดไมเกนิ 15,000 บาท หากใน 1 ปมีการยื่น 3. ประโยชนท ดแทนในกรณีสงเคราะหบตุ ร ขอรบั เงนิ ทดแทนระหวา งการวา งงานเกนิ กวา 1 ครั้ง ใหนับระยะเวลาการรับเงนิ 4. คมุ ครองดานการรกั ษาพยาบาลแกครอบครัว ทดแทนระหวางการวางงานรวมกันไมเกนิ 180 วนั เงนิ ทดแทนการขาดรายได วิเคราะหคาํ ตอบ ทุกขอ ลวนเปนสิทธิประโยชนท ี่จะไดร ับในระบบ จะจา ยเปนงวดเดือน โดยโอนเงินผา นบัญชีธนาคารตามทีผ่ ปู ระกนั ตนแจง ประกนั สงั คม แตส าํ หรบั การคมุ ครองดา นการรกั ษาพยาบาลแกค รอบครวั นนั้ 2 ประโยชนทดแทนในกรณคี ลอดบุตร ผปู ระกันตนท่จี ายเงนิ สมทบครบ 7 เดอื น ภายใน 15 เดอื น กอ นเดอื นคลอดบุตรมสี ทิ ธิเบกิ คาคลอดบตุ รได เปนสวัสดกิ ารรักษาพยาบาลของขา ราชการ ตอบขอ 4. คูมือครู 117
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรียนกลมุ ทีจ่ ับสลากไดป ระเดน็ เรอ่ื ง ระบบ การประกนั สงั คมเป็นเรื่องสา� คัญทร่ี ฐั บาลของประเทศตา่ งๆ ในโลกส่วนใหญน่ า� ระบบประกนั ประกันสงั คมออกมานําเสนอตอ โดยหลังจากการ สงั คมไปใช้ในการให้หลักประกนั ชวี ติ แก่ประชาชนของตนตัง้ แต่เกิดจนตาย โดยหลกั ประกันสังคม นาํ เสนอ ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ มีคุณลกั ษณะ ดังน้ี และต้งั คาํ ถามเพ่อื นําไปสูขอสรปุ ท่ีถกู ตองรว มกัน ๑. เป็นระบบการของการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขซ่ึงกันและกันระหว่างสมาชิก ซ่ึงโดยท่ัวไป รัฐบาลของประเทศจะให้ความส�าคัญแก่บุคคลท่ีท�างาน มีรายได้และอยู่ในระบบแรงงานก่อน • หากผปู ระกนั ตนเจบ็ ปว ยและมีความตอ งการ แเรลยี ะกจวะ่าข ย“แารยงคงวาานมนคอุ้มกครระอบงบ1ไ”ปสู่ผู้ท�างานที่มีรายได้นอกระบบการจ้างงานปกติ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่ อยหู องพิเศษในโรงพยาบาล ผูป ระกนั ตน ๒. เงนิ สมทบทเี่ กบ็ ไปนนั้ จะสะสมเปน็ กองทนุ ซงึ่ จะใหส้ ทิ ธปิ ระโยชนเ์ ฉพาะกบั บคุ คลทสี่ ง่ เงนิ สามารถเรียกรองสทิ ธเิ พ่ือยกเวนการเสีย สมทบ ซ่ึงประเทศไทยเรยี กวา่ “ผู้ประกันตน” เทา่ น้นั คาใชจ ายไดหรือไม อยา งไร ๓. การเก็บเงินสมทบซง่ึ ถือว่าเปน็ ภาษีพเิ ศษ จะเกบ็ จากบคุ คลทีก่ ฎหมายก�าหนดเท่านน้ั (แนวตอบ ไมได เพราะระบบประกนั สังคมนน้ั ความสา� เรจ็ ประการหนงึ่ ของการประกนั สงั คม คอื เปา้ หมายหลกั ทจ่ี ะทา� ใหก้ ารประกนั สงั คม จะใหส ิทธเิ พียงคา รกั ษาพยาบาลเทา นั้น หาก สามารถครอบคลุมทุกตัวบุคคลของประชาชนในชาต ิ (Universal Coverage) ในอนาคต ผูประกันตนมีความตองการอยูห องพเิ ศษ เม่ือจ่ายเงินสมทบครบ ๓ เดือน ภายในระยะเวลา ๑๕ เดือนก่อนเดือนรับบริการทาง จะตอ งเสียคา ใชจา ยทนี่ อกเหนอื เอง) การแพทย์และเลือกโรงพยาบาลแล้ว ผู้ประกันตนจะได้รับ “บัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล” ซงึ่ บตั รจะมชี อื่ ของผปู้ ระกนั ตนและชอื่ สถานพยาบาลทเี่ ลอื กไวแ้ ตไ่ มม่ ภี าพถา่ ยตดิ จงึ ตอ้ งใชค้ วบคู่ กับบัตรประจา� ตัวประชาชน การเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็น “ผู้ป่วยนอก” หรือ “ผู้ป่วยใน” ค่ารักษาที่เกิดข้ึนท้ังหมด ในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ผู้ประกันตนจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้น กรณีที่มีความต้องการอยู่ห้องพิเศษ หรือขอแพทย์พิเศษเอง สถานพยาบาลที่ผู้ประกันตน เลือกถือเป็นสถานพยาบาลหลัก ซ่ึงสถานพยาบาลหลักน้ันอาจมีสถานพยาบาลเครือข่าย เช่น โรงพยาบาลเล็กๆ หรือคลินิก เพ่ืออ�านวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตน สามารถเข้าไปรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น ในขณะเดียวกันถ้าโรคบางโรค โรงพยาบาลตามบัตรรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาลรกั ษาไม่ได ้ เช่น การผา่ ตดั หัวใจ ผา่ ตดั สมอง ผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เป็นต้น โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลก็จะส่งตัว ไปรักษากับโรงพยาบาลระดับสูง (โรงพยาบาลท่ีมีศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ ประกันตนที่เกินขีดความสามารถของสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลจะให้ บรกิ ารแกผ่ ปู้ ระกนั ตนได)้ ทส่ี ถานพยาบาลตามบตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาลนนั้ ทา� ขอ้ ตกลงไว้ โดยค่ารักษาพยาบาลท่ีเกิดข้ึนจะอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการ รักษาพยาบาล 118 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูอาจใหน ักเรียนสอบถามความคิดเห็นจากบคุ คลในครอบครวั วา ระบบ ใหนกั เรยี นสืบคนขอมลู เพ่ิมเติมเกีย่ วกบั ระบบประกันสังคม จากน้นั ประกันสังคมทไ่ี ดใชบริการนัน้ เปน การจดั บรกิ ารสขุ ภาพทใ่ี หค วามคมุ ครองกบั เขยี นสรุปสาระสาํ คญั ลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครผู สู อน ประชาชนมากนอยเพียงใด จากนั้นใหน กั เรียนรว มกนั แสดงความคิดเห็นในชัน้ เรียน กิจกรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ใหน กั เรียนสอบถามหรือสัมภาษณบุคคลทีเ่ คยเขา รบั บรกิ ารสุขภาพ 1 แรงงานนอกระบบ สว นใหญไมไดร ับคาแรงขนั้ ต่ํา และมีรายไดไ มแ นน อน จากระบบประกันสังคม จาํ นวน 2 คน วามคี วามพึงพอใจตอ การใชบริการ เขาไมถงึ ระบบประกนั สังคม เน่ืองจาก พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบบั ปจจบุ ันยกเวน สขุ ภาพดงั กลา วหรอื ไม อยางไร จากน้นั ใหน กั เรียนเขยี นรายงานสรุปขอ มลู การคมุ ครองแรงงานนอกระบบ จึงทําใหข าดหลกั ประกันท่ีจาํ เปนในการดํารงชีวิต ที่ไดจ ากการสมั ภาษณ แลว นําสง ครูผสู อน ทผี่ ใู ชแรงงานในระบบไดรบั ไมวา จะเปนกรณกี ารเจบ็ ปว ย ทุพพลภาพ เสยี ชวี ิต คลอดบตุ ร สงเคราะหบตุ ร ชราภาพ และวางงาน 118 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ผปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั บตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาล เมอื่ สง่ เงนิ สมทบครบ ๓ เดอื นภายใน ใหน กั เรยี นกลมุ ที่จับสลากไดป ระเดน็ เรื่อง ระยะเวลา ๑๕ เดอื นกอ่ นเดอื นรบั บรกิ ารทางการแพทย ์ โรงพยาบาลตามบตั รรบั รองสทิ ธกิ ารรกั ษา การประกนั สุขภาพภาคเอกชนออกมานําเสนอ พยาบาล คอื โรงพยาบาลทผี่ ู้ประกันตนเลือกเองสามารถเปล่ียนแปลงไดป้ ลี ะ ๑ คร้งั ชว่ งเดอื น โดยหลงั จากการนาํ เสนอ ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ มกราคมถงึ มนี าคมของทุกปี เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และต้ังคําถามเพ่อื นาํ ไปสู ขอสรุปทีถ่ ูกตองรวมกนั ๓.๔ การประกันสุขภาพภาคเอกชน • บุคคลกลุม ใดทส่ี ามารถเขา รับบรกิ าร ผู้ท่ีเข้าสู่ระบบน้ีมักเป็นกลุ่มผู้มีฐานะ มีรายได้สูง และกลุ่มผู้ท�างานที่มีบริษัทนายจ้างเป็น สรู ะบบการประกันสุขภาพภาคเอกชน หลักแหล่ง มีก�าลังทรัพย์พอที่จะซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันของเอกชน และใช้บริการ (แนวตอบ กลมุ ผูม ีฐานะ มรี ายไดส ูง และ ทางด้านสุขภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาบริการจากภาครัฐ ซ่ึงนับเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนในสังคม กลมุ ผทู ํางานทม่ี บี ริษทั นายจาง ขอบเขตของการให้บริการสุขภาพจะเป็นไปตามแต่สัญญาที่กระท�าระหว่างผู้ประกันตนกับบริษัท เปน หลกั แหลง มกี าํ ลังทรพั ยม ากพอ รบั ประกนั แต่พบว่าในการด�าเนินงานให้บรกิ ารนนั้ บริษัทประกันมกั จะเลอื กผู้ทา� ประกนั ดว้ ยการ ที่จะซ้ือประกนั สุขภาพกบั บริษัทประกัน พิจารณาจากสภาวะสุขภาพของผู้ท�าประกัน โดยปฏิเสธผู้ป่วย หรือผู้มีแนวโน้มว่าจะป่วยไม่ให้ ของเอกชน) เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพของตน เพื่อลดความเส่ียงในการด�าเนินงานของบริษัท ท�าให้บุคคล กลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อหาประกันสุขภาพได้ ทั้งๆ ท่ีเป็นผู้มีความจ�าเป็นสูงสุดท่ีจะต้องเข้ารับ • บริษทั ประกนั มกั จะเลอื กผูทําประกนั บริการทางการแพทย์ ซึ่งทางภาครัฐก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหาน้ี เพื่อท�าให้การดูแลสุขภาพ ดวยการพจิ ารณาจากอะไรเปน สาํ คัญ การบา� บดั รกั ษาโรค สามารถคุ้มครองประชาชนไดท้ ุกกลุม่ และเปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ เพราะเหตุใด (แนวตอบ พจิ ารณาจากสภาวะสุขภาพของ ข้อดีและขอ้ เสียของการประกนั สขุ ภาพภาคเอกชน ผูทาํ ประกนั โดยปฏิเสธผปู วยหรอื ผูมี แนวโนมวา จะปว ยไมใ หเ ขาสูระบบประกัน ข้อดี ข้อเสีย สขุ ภาพของตน เพ่อื ลดความเสีย่ งในการ ดําเนนิ งานของบรษิ ทั ) ๑. ใหค้ วามคมุ้ ครองประชาชนทไ่ี มไ่ ดร้ บั การคมุ้ ครอง ๑. คมุ้ ครองสขุ ภาพประชาชนได้จ�านวนจา� กดั จากรัฐและบริการที่หลักประกันสุขภาพของรัฐ ๒. จา� กดั สทิ ธปิ ระโยชนแ์ ละปฏเิ สธการใหค้ วามคมุ้ ครอง ขยายความเขา ใจ ไมค่ มุ้ ครองเพียงบางสว่ น กบั ผู้ท่มี คี วามเสี่ยงสงู Expand ๒. ช่วยให้ผู้มีประกันสุขภาพเอกชนสามารถเข้าถึง ๓. ม ผี ลกระทบตอ่ ความเปน็ ธรรมในการเขา้ ถงึ บรกิ าร ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุม ละ 3-4 คน รว มกนั บริการสขุ ภาพไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็วขึ้น ส�าหรับประชาชนกลุ่มอ่ืน เพราะกลุ่มท่ีมีประกัน วเิ คราะหห ลักประกันสขุ ภาพแตล ะรปู แบบ แลว ๓. เป็นการเพิ่มทางเลือกของการประกันและบริการ สุขภาพเอกชนมักจะไดร้ บั บรกิ ารกอ่ น นําเสนอหนาชั้นเรียน โดยประเด็นในการวเิ คราะห แกป่ ระชาชน ๔. คา่ บริการจัดการสงู เพราะตอ้ งทา� การตลาด เพือ่ มีดังตอไปนี้ ๔. มกี ารใชแ้ รงจงู ใจทจ่ี ะทา� ใหค้ ณุ ภาพของการบรกิ าร หาสมาชิก ท�าให้การขยายบทบาทของประกัน ดีข้นึ สุขภาพเอกชนท�าได้ไม่มากนัก • สทิ ธปิ ระโยชนทีป่ ระชาชนควรไดร บั ๕. เพิ่มทรพั ยากรให้ระบบบริการสุขภาพ • ความครอบคลุมถึงบริการสุขภาพ • ขอดแี ละขอเสียของหลักประกันสขุ ภาพ 119 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ด การประกนั สุขภาพภาคเอกชนจึงมกั เปนกลมุ ผมู ฐี านะและ ครอู าจสรปุ ทบทวนความรูเ กย่ี วกบั การเลือกใชบ ริการสุขภาพในชวี ิตประจาํ วนั มรี ายไดส งู เขา รบั บริการ ใหนกั เรียนฟงอีกครั้งหนึ่ง เนือ่ งจากเปน เรอ่ื งท่นี กั เรียนควรทาํ ความเขา ใจ และตอง วเิ คราะหคาํ ตอบ เนื่องจากมกี ําลงั ทรัพยม ากพอทีจ่ ะซือ้ ประกันสุขภาพ เรยี นรูเพือ่ การนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจําวนั ของตนเอง และบุคคลในครอบครวั ซง่ึ หาก กับบรษิ ทั ประกนั ของเอกชน และใชบ รกิ ารทางดานสขุ ภาพโดยไมตอ งพ่ึงพา นกั เรียนไมม คี วามรูหรือความเขา ใจในเรือ่ งนด้ี พี อ อาจทําใหน กั เรียนเสยี สิทธิในสิง่ ที่ บริการจากภาครัฐ จงึ ทาํ ใหการประกนั สขุ ภาพภาคเอกชนมกั เปนกลุม ตนเองหรอื บุคคลในครอบครวั ควรไดร บั โดยรเู ทา ไมถึงการณ ผมู ฐี านะ และมรี ายไดส ูงเขารับบรกิ าร คูม อื ครู 119
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบง กลุม ตามแถวที่นัง่ ของนกั เรยี น ๔. แนวทางการเลอื กใชบ้ รกิ ารทางสุขภาพ จากนัน้ ใหน ักเรยี นรว มกันระดมความคิดเกี่ยวกับ แนวทางการเลือกใชบรกิ ารทางสุขภาพ วากลมุ ของ จากหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ ทท่ี า� ใหป้ ระชาชนไดร้ บั บรกิ ารทางสขุ ภาพอยา่ งเทา่ เทยี มกนั นกั เรยี นมแี นวทางอยา งไร โดยใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ จะเห็นได้ว่า การให้บริการดูแลรักษาพยาบาลประชาชนน้ันต้องอาศัยทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ สงตัวแทนออกมาหนา ชน้ั เรยี น และแจกปากกา และภาคเอกชน รวมถงึ ประชาชนดว้ ย ไวทบ อรดใหก ับนกั เรยี น แลวเขยี นขอ มลู ท่ีได ปจั จบุ นั สวสั ดกิ ารบริการสุขภาพส�าหรับประชาชนมตี ัวเลือกให้ใชเ้ พิ่มขึ้น อีกทั้งการเลือกใช้ บนกระดาน โดยครจู ะจับเวลาประมาณ 2 นาที บริการทางการแพทย์สามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการได้มากมาย ทั้งน้ี การที่จะตัดสินใจเลือกใช้ เมื่อหมดเวลาใหน กั เรียนคนอนื่ ๆ ชว ยกนั ตรวจสอบ สวสั ดกิ ารเหล่าน ี้ เพอ่ื ให้ได้รับประโยชน์สงู สดุ ควรมีความร ู้ ความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ดงั นี้ ขอ มูลที่ได หากนักเรยี นกลมุ ใดไดข อมูลเปน จํานวน มากทส่ี ดุ และมคี วามถกู ตอ ง กลมุ นน้ั จะเปน ฝา ยชนะ ส�าหรบั ผเู้ ขา้ รบั บรกิ าร สา� หรับสถานบรกิ าร หลังจากการทาํ กิจกรรมเสรจ็ ส้นิ ใหน กั เรียนศึกษา เรอ่ื ง แนวทางการเลือกใชบ ริการทางสขุ ภาพ ๑. ร จู้ กั แหลง่ สถานบรกิ ารสขุ ภาพตา่ งๆ ใหค้ รอบคลมุ ๑. เ ทคนิคการบริการท่ีมีความพร้อม เช่น ความ จากหนงั สอื เรียน ท้ังหน่วยงานของรัฐและเอกชนว่ามีอยู่ที่ใดบ้าง เช่ียวชาญของแพทย์แต่ละสาขา ความพร้อม มจี ดุ ไหนทส่ี ะดวกตอ่ การเดนิ ทาง มกี ารใหบ้ รกิ าร ของเครอ่ื งมอื และอปุ กรณท์ างการแพทย ์ เปน็ ตน้ อธบิ ายความรู Explain ด้านใด และมจี ุดเด่นในด้านใด ๒. ก ารเข้าถึงบริการท่ีสะดวกไม่ยุ่งยากในด้าน ครูต้งั คาํ ถามเพ่ือกระตนุ การเรยี นรขู องนักเรยี น ๒. ม ีความเข้าใจถึงระเบียบการท�างานของสถาน ต่างๆ เช่น การเรียงล�าดับการให้บริการผู้ป่วย • แนวทางในการเลอื กใชบริการสุขภาพที่ บรกิ ารพยาบาล เงอ่ื นไขการใหบ้ รกิ ารตา่ งๆ ซง่ึ จะ ก่อน-หลัง ความสะดวกรวดเร็วในการท�าบัตร เหมาะสม ควรดําเนินการอยางไรบา ง (แนวตอบ ประเมินภาวะสุขภาพของตนเอง ทา� ใหง้ า่ ยและเกดิ ความรวดเรว็ ในการเขา้ รบั บรกิ าร ย่ืนบัตร การจ่ายเงนิ การแนะน�าประชาสัมพันธ์ ประเมินขดี ความสามารถของสถานบรกิ าร สขุ ภาพ พจิ ารณาปจ จัยแวดลอมอนื่ ๆ ในสถานพยาบาลน้นั ๆ และใหค้ า� ปรึกษา เปน็ ตน้ พจิ ารณาหลกั ประกันสุขภาพ และตดั สนิ ใจ ในการเลือกใชบ รกิ าร) ๓. ม คี วามร ู้ ความเขา้ ใจในขน้ั ตอนการเขา้ รบั บรกิ าร ๓. ก ารบริการและมนุษยสัมพันธ์ของเจ้าหน้าท่ีใน ทางการแพทย์ในสถานบริการทางสุขภาพต่างๆ ด้านต่างๆ เช่น การเอาใจใส่ต่อคนไข้ การให้ รวมถึงสิทธิการรักษาที่ได้รับจากรัฐ หรือเอกชน บริการที่เป็นมิตรต่อผู้ป่วย การให้สิทธิผู้ป่วยที่ ในด้านค่าใช้จา่ ย เท่าเทียมกัน เปน็ ตน้ ๔. ม ีความรู้ในด้านบุคลากรทางการแพทย์ว่าได้รับ ๔. ล ักษณะกายภาพต่างๆ เช่น ความสะอาด ใบอนุญาต หรือมีความสามารถเด่นในเร่ืองใด การจัดสวน ร่มไม้ เป็นต้น ช่วยให้เกิดความ มีใครที่เรารู้จักเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ซ่ึงอาจ ผ่อนคลาย และแสดงถึงภาพลักษณ์ท่ีดีของ ทา� ใหง้ ่ายตอ่ การติดตอ่ และปรกึ ษา สถานพยาบาลแก่ผ้มู าใชบ้ รกิ าร การท่ีประชาชนจะตัดสินใจใช้บริการของสถานบริการสุขภาพแห่งใดนั้น ข้ึนอยู่กับปัจจัย หลายประการ บางคนเลือกใช้สถานบริการท่ีอยู่ใกล้บ้าน เพราะเดินทางสะดวกและไม่ต้องเสีย ค่าใชจ้ า่ ยในการเดินทางมากนัก แตไ่ ม่ไดค้ า� นงึ ถึงคณุ ภาพในระบบของการรักษา ความเช่ียวชาญ ของแพทย ์ และการให้บรกิ าร บางคนอาจเลือกสถานบรกิ ารตามความมีช่ือเสียง หรือการบอกเลา่ 1๒0 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การตดั สินใจไปใชบ ริการที่สถานบริการสุขภาพมีหลายประการ ยกเวน ครอู าจใหน ักเรียนรวมกนั อภปิ รายวา กอนท่ีนักเรียนจะเขารบั การรกั ษาท่ี ขอ ใด โรงพยาบาล นักเรียนควรจะตอ งมีความรเู กย่ี วกับเรอ่ื งใดบา ง เพ่ือใหนกั เรยี น 1. คา ใชจ า ย สามารถปฏิบัตติ นไดอ ยางถกู ตอง 2. อาการของโรค 3. ความสะดวกสบาย มมุ IT 4. ยาและเคร่อื งมือแพทย วิเคราะหคําตอบ การตัดสินใจไปใชบ ริการที่สถานบริการสุขภาพนน้ั สามารถศกึ ษาเพม่ิ เติมเก่ียวกับ แนวทางการเลอื กใชบริการทางสขุ ภาพ จาก มหี ลายประการทคี่ วรคํานงึ ถงึ เชน คา ใชจ าย อาการของโรค ยาและ บทความเร่อื ง “หลกั การเลอื กใชบ ริการสขุ ภาพเบื้องตน ” ไดจ าก เคร่ืองมอื แพทย เปนตน โดยจะทาํ ใหผ ูไปใชบ รกิ ารไดรับการบรกิ าร www.thaihealthlife.com ไดอยา งเหมาะสม ตอบขอ 3. 120 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ของญาติสนิทมิตรสหายว่าที่น่ีรักษาดีก็จะมาใช้บริการ ซ่ึงแนวทางเหล่านี้บางแนวทางอาจท�าให้ ครตู ั้งคําถามตอ เพือ่ กระตนุ การเรียนรูข อง เกิดปัญหาต่อระบบบริการสุขภาพท้ังระบบได้ เช่น เกิดความแออัดของประชาชนท่ีมารอรับ นักเรียน บริการในสถานบริการสุขภาพขนาดใหญ่ โดย จะพบว่ามีคนไข้มารอตรวจเป็นจ�านวนมาก • การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพของตนเอง ควรมี ส่ิงเหล่าน้ีอาจท�าให้ประชาชนผู้มารอรับบริการ การประเมินในเรอื่ งใดเปนสาํ คญั สญู เสยี โอกาสในการรบั บรกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพไปได ้ (แนวตอบ ควรประเมินวา ปญหาสุขภาพ ดังน้ัน แนวทางในการเลือกใช้บริการสุขภาพที่ ของเราเปน เชน ไร ตองการไดรับบรกิ าร เหมาะสมน้นั ควรด�าเนนิ การ ดังน้ี ประเภทใด อาการของเรานัน้ เปนมากนอย เพยี งใด จําเปนที่จะตองเขารบั การรกั ษา ๑) ประเมินภาวะสุขภาพของ ในสถานบริการสุขภาพทต่ี อ งใชความ ตนเอง ว่าปัญหาสุขภาพของเราเป็นเช่นไร ชาํ นาญเปน พเิ ศษหรอื ไม อยา งไร) ตรกัอ้ ษงกาพารยไาดบร้ าบั ลบ กราิกราฟรนปื ฟระสู เมภรทรใถดภ บารพกิ1 หารรดอื า้บนรกกิ าารร เมอ่ื เกดิ อาการเจบ็ ปว่ ยเพยี งเลก็ นอ้ ย สามารถดแู ลสขุ ภาพ ดา้ นการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ หรือการปอ้ งกนั โรค ตนเองเบือ้ งต้นได้ โดยพกั ผอ่ นให้เพียงพอและผ่อนคลาย • ปจ จยั แวดลอ มตางๆ ท่คี วรคํานึงถงึ เพื่อ ซง่ึ ถา้ เปน็ บรกิ ารดา้ นการรกั ษาพยาบาล ควรทจี่ ะ ความเครียด ประกอบการตดั สินใจในการเลอื กใชบริการ สุขภาพ ไดแกอะไรบา ง ประเมนิ ตอ่ ไปดว้ ยวา่ อาการของเรานน้ั เปน็ มากนอ้ ยเพยี งใด ตอ้ งเขา้ รบั การรกั ษาจากสถานบรกิ าร (แนวตอบ ไดแก คาใชจ า ยในการเดนิ ทาง สุขภาพหรือไม่ ระยะเวลาในการเดินทาง เพอ่ื ทเ่ี รา จะไดไปรับบรกิ ารไดอ ยางทนั ทว งที ไมเ กดิ ๒) ประเมินขีดความสามารถของสถานบริการสุขภาพ ท่ีเราต้องการไปใช้ ความขลกุ ขลกั ในการใชบ ริการ) บริการว่าสามารถให้บริการอะไรได้บ้าง สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพของเราหรือไม่ มีบุคลากร ทางการแพทย์ท่ีมีความสามารถหรือเช่ียวชาญ จากน้นั ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมวา การท่จี ะตดั สินใจ ในสาขานั้นๆ มากพอหรอื ไม่ เลือกใชบ ริการสขุ ภาพจากสถานบริการแตล ะแหง นักเรยี นควรมวี จิ ารณญาณในการเลือกทีเ่ หมาะสม ๓) พจิ ารณาปจ จยั แวดลอ้ มอน่ื ๆ เพอื่ ใหไดส ถานบริการสุขภาพทม่ี ีประสิทธิภาพ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ สะดวก รวดเรว็ เสียคา ใชจายนอ ย และมคี ณุ ภาพ การบริการดีทส่ี ุดสําหรับตนเองและครอบครัว สขุ ภาพ เชน่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทาง ระยะเวลา ในการเดินทาง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ท่ีมีการ จราจรติดขัด เช่น กรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพ่ือท่ีเราจะได้ไปรับบริการได้อย่างทันท่วงที ไมเ่ กดิ ความขลกุ ขลกั ในการใชบ้ รกิ าร นอกจากนี ้ อาจจะต้องประเมินด้วยว่า จ�าเป็นท่ีจะต้องหา ที่พักใกล้ๆ กับสถานบริการนั้นๆ เพื่อรอรับ สภาวะการจราจรในเมืองใหญ่เป็นอีกหน่ึงปัจจัยสำาคัญที่ บรกิ ารหรือไม ่ อยา่ งไร ตอ้ งใชพ้ จิ ารณาเพอื่ เลอื กสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ทส่ี ะดวก กับการเดนิ ทาง 1๒1 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู หากนักเรยี นมีอาการปวดทองอยา งรุนแรงควรไปใชส ถานบริการสขุ ภาพ 1 การฟนฟสู มรรถภาพ หมายถึง การแกไ ขพยาธิสภาพที่เกดิ ขนึ้ และฟน ฟูเพ่อื ในขอใด ใหสมรรถภาพการทาํ งานสามารถกลับมาใชงานไดต ามปกติหรอื ใกลเ คยี งกบั ปกติ รวมท้งั การประเมินการสูญเสยี สมรรถภาพในการทํางานของรา งกายหลงั จากทไ่ี ด 1. คลินิก รับการฟน ฟูเต็มที่แลว ซึ่งการฟน ฟูสุขภาพเปน การใหบรกิ ารดา นการฟน ฟูแกผูป วย 2. รา นขายยา ทส่ี ญู เสยี สมรรถภาพนนั้ ๆ ซง่ึ อาจจะเปน ทางกายหรอื ทางจติ ใจตามความเหมาะสม 3. โรงพยาบาล กบั สภาพของผปู ว ย เพอ่ื ใหบ คุ คลเหลา นนั้ สามารถมชี วี ติ อยใู นสงั คมอยา งมคี วามสขุ 4. โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตาํ บล พอสมควรตามอตั ภาพทงั้ รา งกายและจิตใจ วิเคราะหค าํ ตอบ ควรไปโรงพยาบาล เพราะการปวดทอ งอยางรนุ แรงน้นั อาจจําเปน ตอ งมีการตรวจอยางละเอียดโดยแพทยผ เู ช่ยี วชาญ ซึ่งการไป โรงพยาบาลอาจทําใหไ ดร บั การรักษาดวยเคร่อื งมือแพทยทีค่ รบครนั และ ทันสมยั ตอบขอ 3. คมู อื ครู 121
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นอา นเกร็ดนา รูเรอื่ ง ขอ ควรรกู อ นไป ๔) ในกรณีที่มีหลักประกันด้านสุขภาพ ควรจะต้องพิจารณาว่าในหลักประกัน โรงพยาบาล จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา หากนักเรียนหรือญาติของนกั เรยี นเกดิ การเจบ็ ปวย สขุ ภาพประเภทตา่ งๆ ของตนเองน้ัน ได้ระบุสถานบริการทจ่ี ะเขา้ รบั บรกิ ารเป็นอันดับแรกหรือไม ่ และจําเปนจะตองไปโรงพยาบาล ควรปฏบิ ตั ิตน ซ่ึงควรเลือกรับบริการตามสถานบริการสุขภาพที่ระบุไว้ก่อน ยกเว้นในกรณีของเหตุฉุกเฉิน อยา งไรบาง โดยครสู ามารถอธิบายเพ่ิมเตมิ วา เพ่ือทจ่ี ะไดไ้ มม่ ปี ัญหาในการใชส้ ิทธิดงั กล่าวในภายหลงั กอนไปโรงพยาบาลควรเตรยี มบัตรประจําตัวผูปวย เตรยี มขอมูลเกี่ยวกับอาการปว ย และยาทงั้ หมดไป ๕) ตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ เม่ือพิจารณาประเด็นต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ดวยทุกคร้งั เพ่อื ใชเ ปนขอมูลเบอื้ งตน ก็ตัดสินใจใช้บริการสุขภาพได้เลย และในระบบของบริการสุขภาพเองน้ัน ก็จะมีระบบในการ ขยายความเขา ใจ Expand รับ-ส่งต่อผู้ป่วยอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่ผู้ให้การรักษาพิจารณาแล้วพบว่า จ�าเป็นต้องได้รับ การรักษาพยาบาลในสถานบริการสุขภาพท่ีมีขีดความสามารถสูงกว่าก็จะมีการส่งต่อผู้ป่วย เพ่ือ ใหนักเรียนแบงกลมุ กลุมละ 3-4 คน รว มกนั ไปรบั บรกิ ารทีเ่ หมาะสมกับปัญหาสขุ ภาพนั้นๆ สบื คนขอมลู เก่ยี วกบั สถานบรกิ ารสุขภาพท่อี ยูใน จากแนวทางดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า การที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการสุขภาพ ทอ งถิน่ วามบี ทบาทหนา ทอ่ี ยา งไรบา ง เงื่อนไขใน จากสถานบริการแต่ละแห่ง ประชาชนควรมีวิจารณญาณในการเลือกที่เหมาะสม เพ่ือให้ได้ การใหบ รกิ ารเปนอยางไร แลวนํามาจัดปายนิเทศ สถานบรกิ ารสขุ ภาพทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สะดวก รวดเรว็ เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย และมคี ณุ ภาพการบรกิ าร ที่ดที สี่ ุดส�าหรบั ตนเองและครอบครัว เกรด็ นา่ รู้ ขอ้ ควรร้กู ่อนไปโรงพยาบาล เพ่ือให้การไปรักษาพยาบาลของผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกรวดเร็ว ผู้ป่วยหรือญาติ ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ ๑. เตรียมบตั รประจาำ ตวั ผปู้ ว่ ยไปด้วยทุกครงั้ เพอ่ื ให้ง่ายต่อการสืบค้นประวัติการรกั ษา ๒. เตรียมขอ้ มลู สาำ คัญเกยี่ วกบั อาการป่วยให้มีความกระชับและชดั เจน ๓. หากมยี าทร่ี ับประทานอยู่ ควรนาำ ยาท้ังหมดไปด้วย เพอ่ื แพทยจ์ ะไดเ้ พมิ่ หรือลดยาไดถ้ ูกตอ้ ง ๔. เมอื่ แพทย์ตรวจรา่ งกายแล้ว ควรสอบถามถึงผลการวนิ ิจฉยั และปรึกษาแผนการรักษา ๕. •หากแตพอ้ ทงยเข์จ้าะรทับำากกาารรผนา่ ัดตใดั ห้ผคู้ปวร่วปยฏมิบาตตั ริ ดวจงั เนล้ี ือดหรือเอกซเรย1์ เพ่ือตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย ซง่ึ ผปู้ ่วยควรเขา้ รบั การตรวจตามท่แี พทยส์ ง่ั • ผปู้ ว่ ยตอ้ งงดอาหารและนาำ้ เพราะหากในกระเพาะอาหารไมว่ า่ งอาจเกดิ การสาำ ลกั หรอื อาเจยี นได้ ซ่งึ จะเป็นอนั ตรายตอ่ ผปู้ ่วย • ผปู้ ่วยท่ีใสฟ่ นั ปลอม จะตอ้ งถอดฟนั ปลอมกอ่ นเข้ารับการผา่ ตดั เพ่อื ปอ้ งกันมิใหฟ้ นั ปลอมหลุด • ผเขปู้ า้ ว่ไยปตออ้ดุ งตแนั จรง้ ใะหบแ้บพททายงเท์ ดรนิ าหบาวยา่ ใเจคยแพย้ า2ชนดิ ใดบา้ งและอาการแพเ้ ปน็ อยา่ งไร แพทยจ์ ะไดไ้ มใ่ ห้ ยาน้ันซ้ำาอกี เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ท่ีมา : บทความเรอ่ื ง “การพบแพทย์ : วิธเี ตรียมตัว” จากโรงพยาบาลบาำ รงุ ราษฎร์ 1๒๒ นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปน ส่ิงสําคญั ทส่ี ุดทผ่ี ปู วยหรอื ญาตผิ ปู วยจะตอ งนํามาโรงพยาบาล 1 เอกซเรย รังสีชนดิ หน่งึ ท่เี ราไมสามารถมองเหน็ ไดด ว ยตาเปลา มลี กั ษณะ ดวยทกุ ครงั้ เปน ทั้งคลนื่ และอนุภาคของแมเ หลก็ ไฟฟา ทมี่ ชี ว งคลื่นส้นั มาก ซึ่งมคี ณุ สมบตั พิ ิเศษ 1. ยาบํารงุ รางกาย คือ มีอํานาจทะลุทะลวงผา นวัตถุตา งๆ จงึ ถูกนาํ มาเปน เครอ่ื งมือทางการแพทย 2. ใบตรวจสุขภาพ สาํ หรบั ใชในการตรวจวินจิ ฉยั โรค 3. บตั รประจําตัวผูป ว ย 2 แพย า มักจะเกดิ อาการขน้ึ หลงั จากรบั ประทานยาทันทีหรือไมเกนิ 2 ช่ัวโมง 4. ของใชสาํ หรับผูปวย โดยอาการทีส่ าํ คัญ ไดแ ก มีผ่นื คนั คดั จมกู หายใจไมอ อก หายใจเสียงดังหวดี วเิ คราะหคําตอบ สิ่งทผี่ ปู ว ยหรอื ญาตผิ ูป วยจะตอ งเตรยี มนาํ มา แขนและขาบวม โรงพยาบาลดว ยทุกครั้ง คือ บัตรประจําตวั ผูปว ย เพ่อื ใหงายตอการสืบคน ประวตั กิ ารรักษา รวดเรว็ และไดข อมูลที่ถกู ตอ ง ตอบขอ 3. 122 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน กั เรียนรวมกนั เสนอแนะวา ทําอยา งไร สุขภาพของเราจึงจะแขง็ แรงสมบรู ณ จากนัน้ ให 10 เคลด็ ลบั เพื่อห่างไกลแพทย นกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง 10 เคลด็ ลับ เพื่อหา ง ไกลแพทย จากนัน้ ครตู ัง้ คาํ ถามเพอ่ื ขยายความ การเสรมิ สรา้ งและรกั ษารา่ งกายใหแ้ ขง็ แรง เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หเ้ จบ็ ปว่ ย เขาใจของนักเรียน สามารถปฏิบตั ิได้ ดงั น้ี • นกั เรยี นมวี ิธกี ารสรา งเสรมิ สุขภาพตนเอง ๑. การรับประทานอาหาร มีแนวปฏิบัติได้หลายอย่าง อยางไรบา งเพอ่ื ใหห า งไกลจากโรค เช่น รับประทานอาหารที่สด สะอาด และปลอดสารพิษ (แนวตอบ เชน รบั ประทานอาหารใหค รบ รับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ โดยเน้นอาหารท่ีมีกากใย ทงั้ 5 หมู ออกกาํ ลังกายอยางสมํา่ เสมอ หมาลกีกเลเชี่ย่นงอธาญัหาพรชื หมผักกั ดอผงล1ไอมา้ หเปาน็รทต่ีมน้ ีสีสรันวมฉถูดึงฉคาวดรแดล่ืมะนอมาหด้วายร นอนหลับพกั ผอนอยา งเพียงพอ ทาํ จิตใจ ท่มี รี สจดั และด่ืมนำ้าสะอาดอยา่ งนอ้ ยวันละ ๘ แกว้ ใหร า เรงิ แจม ใส ทํากิจกรรมเพื่อผอ นคลาย ๒. ออกกำาลงั กายอยา่ งสม่ำาเสมอ เพราะจะทาำ ให้รา่ งกาย ความเครยี ด เปนตน ) โแรขค็งเแบรางหแวลาะนป2้อเงปก็นันตโน้รคหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ๓. ดูแลรักษาร่างกายให้สะอาด ด้วยการอาบน้ำาทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ คร้ัง แปรงฟันอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง การรักษาความสะอาดบริเวณบ้านและหม่ันปลูก สระผมอยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละ ๒ ครัง้ ขับถา่ ยอจุ จาระให้เป็นเวลา ต้นไม้ดอกไม้ใหเ้ กดิ ความรม่ รืน่ สวยงาม เป็นวธิ ีการ ทกุ วนั ในตอนเชา้ หน่ึงท่จี ะช่วยป้องกันการเกดิ โรคได้ ๔. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ ๖-๘ ชั่วโมง และควรเข้านอนแต่หัวคำ่าแล้วต่ืนตอนเช้า จะทาำ ใหส้ ดช่นื กระปร้ีกระเปรา่ มากกวา่ การนอนดึกแลว้ ตน่ื สาย ๕. จัดสง่ิ แวดล้อมภายในบา้ นและรอบบา้ นใหน้ า่ อยู่อาศยั เชน่ หมนั่ ปัดกวาดเชด็ ถูมิใหบ้ ้านสกปรก เปด หนา้ ตา่ ง รับลมและแสงแดดมิให้บ้านอับชื้นและช่วยให้เกิดความสดช่ืน กำาจัดขยะมิให้ส่งกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ เชอ้ื โรค ปลกู ตน้ ไม้ ดอกไมใ้ ห้อากาศบรสิ ุทธิ์ ๖. ทำาจติ ใจใหร้ ่าเริงแจม่ ใสอยเู่ สมอ มองโลกในแง่ดี และรู้จกั การให้อภยั ๗. สร้างความสมั พันธ์ในครอบครวั ให้อบอุน่ มอบความรัก ความเข้าใจ และความเอื้ออารใี หแ้ ก่กนั และกัน ๘. ควรหาเวลาผ่อนคลายความเคร่งเครยี ดจากการทาำ งาน หรอื การเรียนหนงั สือบ้าง ๙. งดด่มื เครอื่ งดื่มที่มแี อลกอฮอล์ กาแฟ ชา น้าำ อดั ลม และงดสบู บหุ ร่ี รวมถึงสารเสพติดทุกชนิด ๑๐. งดการสาำ สอ่ นทางเพศ เพื่อปอ้ งกันโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ เชน่ โรคเอดส์ โรคซิฟลสิ เป็นตน้ การเลอื กใชบ รกิ ารทางสขุ ภาพ จะตอ งเลอื กและตดั สนิ ใจอยา งมเี หตผุ ล โดยการพจิ ารณา จากปจ จยั ตา งๆ เชน ประเมนิ ปญ หาสขุ ภาพของตนเองวา อยใู นระดบั ใด สถานบรกิ ารสขุ ภาพแหง นน้ั มขี ดี ความสามารถในการรกั ษาเปน เชน ไร มคี วามนา เชอื่ ถอื หรอื ไม รวมถงึ สทิ ธกิ ารประกนั สขุ ภาพ ท้งั ในสถานบรกิ ารของรฐั และเอกชน ซง่ึ สงิ่ เหลา นจี้ ะชว ยใหส ามารถตัดสินใจเลือกใชส ถานบรกิ าร ทางสุขภาพไดอยางเหมาะสมและมีคุณภาพ ไดรับการบริการตรงกับความตองการของเราได มากทส่ี ดุ 1๒๓ ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’50 ออกเกีย่ วกับการดแู ลสุขภาพของตนเอง 1 อาหารหมักดอง พบมากในผลไมด อง ผลไมแ ชอ ม่ิ โดยจะพบสารซคั คารนิ คาํ กลาวทวี่ า “มนุษยทุกคนมีหมอ 2 คน คอื ขาขวาและขาซา ย” หรือ ขณั ฑสกร ในปริมาณมากเกนิ กวาท่ีกาํ หนด เปน วตั ถุที่ใหค วามหวานแทน นํ้าตาล ซึง่ ใหความหวานมากกวาน้ําตาล 300 เทา ทัง้ นผ้ี ใู ชจะตองไดร ับอนุญาต นกั เรียนสามารถเปรียบเทยี บไดใกลเ คยี งกบั ขอ ความใด จากสาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กอ น เพราะสารซคั คารินเปน สาร 1. ออกกาํ ลงั กายดวยการเดนิ กอ มะเรง็ ซงึ่ หลายประเทศมีการออกประกาศหามใชแลว 2. ออกกาํ ลังกายปองกันโรค 2 โรคเบาหวาน เปน ภาวะของโรคท่ีเกดิ ขน้ึ จากระดับน้าํ ตาลในเลือดมปี รมิ าณ 3. การดแู ลตนเองกอนเสมอ สูงขนึ้ ขณะทเี่ นื้อเย่ือของรา งกายไมสามารถนาํ นา้ํ ตาลนั้นไปใชเปนพลงั งานได 4. การมหี มอหรือแพทยป ระจําครอบครวั ตามปกติ เม่ือมอี าการของโรคมากขนึ้ ในท่สี ุดน้ําตาลกจ็ ะถูกขับออกมาในรูปของ วเิ คราะหคาํ ตอบ สามารถเปรยี บเทียบไดก ับการเดนิ ซึง่ การเดนิ ถือวา ปส สาวะ ทําใหสามารถตรวจพบน้ําตาลในปส สาวะได ซึ่งหากภาวะน้าํ ตาลในเลอื ด สูงเปน ระยะเวลานาน จะทําใหเ กิดโรคแทรกซอนตอ อวัยวะตา งๆ ไดแทบทกุ ระบบ เปน การออกกําลงั กายอยา งหนงึ่ ทมี่ ีสวนชว ยในการเผาผลาญพลงั งานและ เชน ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด เปนตน สง ผลใหรางกายแขง็ แรง ปราศจากโรคภยั ไขเจบ็ ตางๆ เพราะถา หากเรา มีสุขภาพรางกายท่แี ข็งแรง เรากไ็ มมคี วามจาํ เปนตองไปพบแพทย และไมต อ งเสยี คา รักษาพยาบาลอกี ดว ย ตอบขอ 1. คมู ือครู 123
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การทํารายงานเรื่อง การจัดระบบบรกิ ารสุขภาพ คา� ถาม ประจา� หน่วยการเรยี นรู้ ในประเทศไทย ๑. สถานบรกิ ารสขุ ภาพของรฐั และเอกชนมคี วามแตกตา่ งกันในเรอื่ งใดบา้ ง จงอธิบาย 2. การวิเคราะหห ลกั ประกนั สุขภาพแตละรปู แบบ ๒. หากนกั เรยี นอาศยั อยู่ในเขตชนบท และมคี วามตอ้ งการใชบ้ รกิ ารทางสขุ ภาพ นกั เรยี นจะเลอื กใชบ้ รกิ าร 3. การจดั ทาํ ปา ยนเิ ทศเกย่ี วกบั สถานบรกิ ารสขุ ภาพ จากสถานบรกิ ารสุขภาพจากแหล่งใด เพราะเหตใุ ด ในทองถิ่น ๓. การสรา้ งหลกั ประกนั สขุ ภาพใหก้ บั ประชาชน นกั เรยี นคดิ วา่ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ การบรกิ ารสขุ ภาพ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่ อยา่ งไร ๔. สวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการมีข้อจ�ากัดในการใช้สิทธิที่แตกต่างจากหลักประกันสุขภาพใน 1. รายงานเรอื่ ง การจัดระบบบรกิ ารสุขภาพ ในประเทศไทย รูปแบบอื่นอย่างไรบา้ ง ๕. หากเพอื่ นของนกั เรยี นปว่ ยเปน็ โรครา้ ยแรงและตอ้ งไดร้ บั การผา่ ตดั แตม่ หี ลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ 2. ปา ยนเิ ทศเกีย่ วกบั สถานบรกิ ารสุขภาพ ในทอ งถ่นิ นกั เรยี นจะแนะนา� ใหเ้ พอ่ื นเลอื กใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพทเ่ี หมาะสมกบั ปญั หาสขุ ภาพและสทิ ธิในหลกั ประกนั สุขภาพทม่ี ีอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร กิจกรรม สร้างสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ ี ๑ นกั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานบรกิ ารสขุ ภาพทอ่ี ยู่ในทอ้ งถน่ิ วา่ มบี ทบาท หนา้ ทอ่ี ย่างไรบา้ ง วนั เวลา และเง่อื นไขในการใหบ้ ริการเปน็ อยา่ งไร แล้วน�ามาจัด กจิ กรรมที่ ๒ เป็นป้ายนิเทศ กิจกรรมท่ ี ๓ นักเรียนแต่ละคนส�ารวจข้อมูลเก่ียวกับหลักประกันสุขภาพของบุคคลในครอบครัว ตนเอง ว่าใครมหี ลกั ประกนั สขุ ภาพอะไรบ้าง และเขยี นสรุปส่งครูผู้สอน แบ่งนกั เรียนออกเป็น ๔ กลมุ่ แตล่ ะกล่มุ จับสลากศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเตมิ ถึงแนวทาง ในการใช้บริการเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์จากการมีหลักประกันสุขภาพประเภทต่างๆ ไดแ้ ก ่ สวสั ดิการด้านการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ หลกั ประกนั สุขภาพถว้ นหน้า ระบบประกันสังคม และระบบประกันสุขภาพเอกชน โดยนักเรียนสามารถสืบค้น ข้อมูลได้จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากน้ันวิเคราะห์ว่า หลักประกันสุขภาพ ประเภทใดท่ีนักเรียนสามารถใช้สิทธิเข้ารับบริการทางสุขภาพได้ แล้วน�าเสนอผล การศึกษาหน้าชน้ั เรยี น 1๒๔ แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. สถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐและเอกชนมีความแตกตา งกันในเรื่องของการใหบ รกิ าร และคาใชจ าย โดยสถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐนั้นจะมีความลา ชาในการใหบ รกิ าร ผปู ว ย แตจ ะเสยี คาใชจ ายนอย สําหรับสถานบรกิ ารสขุ ภาพของเอกชนนัน้ จะมคี วามรวดเร็วในการใหบ ริการ อีกท้ังยงั มีอุปกรณทางการแพทยทที่ ันสมยั แตค า ใชจาย ในการรกั ษาพยาบาลคอ นขางสงู 2. อาจเลือกใชบ รกิ ารสขุ ภาพในสถานบริการสขุ ภาพ เชน โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบล เพราะเปน สถานบริการสขุ ภาพทีอ่ ยูใกลบานมากทสี่ ดุ และมีบริการสาธารณสขุ ผสมผสานทั้งดานการสรา งเสริมสขุ ภาพ การควบคุมและปองกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟน ฟูสมรรถภาพทคี่ รอบคลมุ สําหรับประชาชน 3. ขน้ึ อยูก ับคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา ครอบคลุม เพราะประชาชนทกุ คนมสี ิทธทิ จ่ี ะไดร ับความคุม ครองทางดา นสขุ ภาพไมวา จะมฐี านะยากจนหรือรํา่ รวย โดย เลือกใชร ะบบประกันสขุ ภาพใหถูกตองตามความเหมาะสมหรอื สทิ ธทิ ่ตี นเองไดรับ 4. เปน การใหส ิทธปิ ระโยชนและความคุมครองดานการรักษาพยาบาลแกบุคคลในครอบครวั ทป่ี ระกอบอาชีพรบั ราชการ ไดแก คสู มรส บิดา มารดา และบุตรท่ยี ังไมบ รรลุ นติ ภิ าวะอกี 3 คน 5. แนะนาํ ใหเพ่อื นเขา รับการรักษาพยาบาลในสถานบริการสุขภาพใดกไ็ ดทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการรกั ษาทีด่ ี เน่อื งจากเปนกรณีฉกุ เฉินท่จี ําเปนตองไดรบั การผา ตัดอยาง เรง ดวน โดยไมตอ งคาํ นงึ วาจะตองเลอื กใชส ถานบริการสุขภาพที่ระบุไวตามสทิ ธเิ พียงเทา น้ัน 124 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. วเิ คราะหผลของการใชเ ทคโนโลยที ่ีมตี อ สขุ ภาพได 2. วเิ คราะหความเจรญิ กาวหนา ทางการแพทย ท่ีมผี ลตอสขุ ภาพ สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. ใฝเ รียนรู 3. มุงม่ันในการทาํ งาน ๘หนว ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage เทคโนโลยที างสขุ ภาพ ครูนาํ ภาพรูปแบบการรักษาทางการแพทย และความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ในสมยั อดตี และในปจ จุบันมาใหน กั เรยี นดู เพอ่ื เปรยี บเทยี บความแตกตาง จากนน้ั ครตู งั้ คําถาม ตัวชว้ี ดั ก ารแพทยในปจจุบันมีความเจริญ กระตุนความสนใจ โดยนกั เรยี นสามารถ แสดงความคิดเหน็ ไดอ ยางอิสระ ■ วเิ คราะหผ ลของการใชเ ทคโนโลยีท่มี ีตอ สุขภาพ กา วหนา มากขนึ้ เนอ่ื งจากมกี ารคดิ คน วธิ กี าร (พ ๔.๑ ม.๒/๒) • นักเรยี นคดิ วา การแพทยในสมยั อดตี กบั ■ วเิ คราะหค วามเจรญิ กา วหนา ทางการแพทยทม่ี ผี ลตอ สขุ ภาพ การแพทยใ นปจ จบุ นั มคี วามแตกตา งกัน (พ ๔.๑ ม.๒/๓) บาํ บดั รกั ษาดว ยการนาํ เทคโนโลยตี า งๆ เขา มา อยา งไร ชว ยเหลอื ซงึ่ ในการนาํ เทคโนโลยเี หลา นน้ั มาใช เราจะตองคํานึงถึงผลดี และผลเสียท่ีเกิดข้ึน • เพราะเหตใุ ด การแพทยใ นปจจุบนั จงึ ไดรับ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ดวยวาจะกอใหเกิดผลดีตอสุขภาพหรือเกิด ความนิยมกนั อยางแพรหลาย ■ ผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีตอ สขุ ภาพ ผลกระทบตอสุขภาพมากนอยเพียงใด โดยเรา • นักเรียนคดิ วา ความเจริญกา วหนาทาง ■ ความเจริญกาวหนา ทางการแพทยทม่ี ีผลตอ สขุ ภาพ จะตองรจู ักใชเ ทคโนโลยีอยางชาญฉลาด ทง้ั น้เี พอื่ การแพทยใ นปจ จบุ ันกอ ใหเ กดิ ผลกระทบตอ สุขภาพของเราไดหรือไม อยา งไร การมีสขุ ภาพทด่ี ี บีบ Leading ไว้ เกร็ดแนะครู ครูควรเนนใหน กั เรยี นรจู กั เลอื กใชเ ทคโนโลยที างสุขภาพตางๆ ดว ยความ ระมัดระวงั ไมก อ ใหเ กิดผลกระทบตอ สขุ ภาพของตนเอง เนอ่ื งจากปจจบุ ัน เทคโนโลยีทางสุขภาพตา งๆ ไดม กี ารพฒั นาและมีความเจรญิ กา วหนา มากยงิ่ ขนึ้ จงึ ทาํ ใหนกั เรยี นอาจไมรูเ ทาทันเทคโนโลยเี หลา นั้น อาจกอ ใหเ กดิ ผลเสียตอสขุ ภาพ ได ซ่ึงถานกั เรียนมีความรคู วามเขา ใจและนาํ ไปใชอ ยางถูกวธิ ี กย็ อมสงผลให นักเรียนเกิดความปลอดภัย และสามารถนาํ ประโยชนจ ากเทคโนโลยเี หลาน้ัน ไปใชไ ดอ ยางมปี ระสิทธภิ าพ คมู ือครู 125
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครตู ้ังคําถามกระตุน ความสนใจ โดยนกั เรียน ปจั จบุ นั มกี ารนา� เทคโนโลยมี าใชอ้ า� นวยความสะดวกในการดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั ซง่ึ เทคโนโลยี สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอ ยา งอสิ ระ ทนี่ า� มาใช้มีทง้ั คณุ และโทษ ในการใชเ้ ทคโนโลยีจึงควรค�านึงถึงผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้นทง้ั ทางบวกและ ทางลบ ดงั นน้ั การเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งชาญฉลาดจะชว่ ยให้ปลอดภยั และใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ ง • นักเรยี นคนใดรูจกั หรอื เคยไดยินเก่ียวกับ เต็มประสทิ ธภิ าพ นอกจากน้กี ารให้บรกิ ารทางการแพทย์และสุขภาพกม็ ีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีทางสุขภาพมาบางหรอื ไม เชน่ กนั จึงต้องรูจ้ ักเลอื กรูปแบบการใหบ้ รกิ ารท่เี หมาะสมกับตนเอง (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยางอสิ ระ) ๑. เทคโนโลยที างสขุ ภาพในชวี ติ ประจ�าวัน เทคโนโลยที างสขุ ภาพ หมายถึง การรวบรวมความรแู้ ละวธิ ีการทางวิทยาศาสตรม์ าใชอ้ ย่าง • เทคโนโลยีทางสุขภาพท่ีนักเรยี นรจู ัก เปน็ ระบบ ซงึ่ จะช่วยใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การปอ้ งกนั โรค การรักษาโรค มอี ะไรบาง และการฟ้ืนฟสู ุขภาพ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บุคคลหรือชุมชนมีสุขภาพที่ดีและมีความปลอดภัยในชีวิต มีความ ไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา ผลติ ภณั ฑ สา� คัญตอ่ สขุ ภาพและการดา� รงชีวิตประจ�าวนั ของเราอย่างมาก เน่อื งจากในแตล่ ะวนั เราต้องอาศยั เสรมิ อาหาร เครอื่ งสาํ อาง เครอ่ื งมือทาง เทคโนโลยีหลายอย่างเพ่ือการอุปโภคและบริโภค นับตั้งแต่เร่ิมตื่นนอนจนกระท่ังเข้านอน การแพทยท ม่ี ีความทนั สมัยมากข้นึ ฯลฯ) ซเค่ึงรเือ่ทงคใโชน้ไโฟลฟย้าีต ่าโงทๆร ศเัพหทล์ ่าเนค้ีเรป่ือ็นงสเคา� รอ่ือางง1อ อ�าปุนกวรยณคว์ทาามงสกะาดรแวพกใทหย้ก ์ ับเปวน็ิถตีก้นารด�าเนินชีวิตของเรา เช่น • เทคโนโลยีทางสุขภาพ มีความสําคัญอยา งไร ๑.๑ คณุ คา่ ของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ กับชีวติ เรา (แนวตอบ เพือ่ ใชในการดูแลสุขภาพ เทคโน๑โล)ย ีทดา้างนสคขุ ภุณาภพามพคี ณุชีวคิตา่2ต ่อคววถิ าีกมาเรจดรา�ิญเนกนิ้าชวหวี ิตนข้าอทงาบงุคเทคคลใโนนภโลายพีใรนวสม่ว น ดทงั ่ีนเกี้ ่ียวข้องกับ สรา งเสรมิ สุขภาพ ปองกนั รกั ษาโรคภัยไขเจบ็ และฟน ฟูสมรรถภาพรา งกาย เพอ่ื ใหต นเอง มสี ขุ ภาพดี ปราศจากโรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ) สาํ รวจคน หา Explore สุขภาพนั้น ช่วยให้บุคคลมีวิถีการด�าเนินชีวิตที่สะดวกสบาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพท้ัง ใหน กั เรียนศึกษาเร่อื ง เทคโนโลยีทางสุขภาพใน ร่างกาย จติ ใจ สังคม และปญั ญา ชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของบคุ คลให้สามารถใช้ชวี ติ ประจา� วนั ชวี ติ ประจาํ วนั จากหนงั สอื เรยี น และแหลง การเรยี นรู ไดอ้ ย่างมีความสขุ อน่ื ๆ เพม่ิ เตมิ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ ๒) ดา้ นประสทิ ธภิ าพของงาน ในทางการแพทยก์ ารนา� เทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใช้ • คุณคา ของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ • ประเภทของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ จะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการท�างานของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ทันสมัย ซึ่งจะท�าให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อการน�ามาใช้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ ของประชาชนดว้ ย ๓) ด้านประสิทธิผลของผลผลิต เทคโนโลยีในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาพช่วยให้ การศึกษา ค้นควา้ และการวิจยั ของนกั วชิ าการทางสุขภาพในหลากหลายสาขาวชิ า สามารถสร้าง ผลงานหรอื ผลผลติ ทมี่ คี ณุ คา่ และมปี ระโยชนต์ อ่ ชวี ติ มนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ รวมถงึ มคี วามทนั สมยั เหมาะสมกบั ชว่ งเวลา ชว่ ยใหก้ ารดแู ลรกั ษาโรคใหแ้ กผ่ คู้ นมปี ระสทิ ธภิ าพและสะดวกสบายมากขนึ้ ๑26 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การนาํ เทคโนโลยีทางสุขภาพมาใช กอ ใหเกดิ ประสทิ ธภิ าพในการดูแล 1 เครื่องสาํ อาง บางคนอาจใชเ คร่ืองสําอางแลว เกดิ ผลขา งเคียง โดยสวนใหญ สขุ ภาพในดานตา งๆ ยกเวน ขอใด จะเกิดขนึ้ บริเวณท่สี ัมผัสกับเครอ่ื งสําอางโดยตรง ซึ่งอาจเกิดอาการแพไดต ั้งแตก าร 1. การสรา งเสริมสุขภาพ ระคายเคือง คนั แสบ รอ น บวมแดง ผื่นขนึ้ ผวิ แหง แตก ลอก หรือมีอาการรุนแรง 2. การชวยลดการเกดิ อบุ ัติเหตุ ถึงขัน้ เปนแผลพุพองได 3. การฟน ฟูสมรรถภาพรา งกาย 2 คณุ ภาพชีวิต เปน เปา หมายของการดาํ เนนิ งานสาธารณสขุ เพ่อื ใหป ระชาชน 4. การปอ งกันรักษาโรคภยั ไขเ จ็บ ทุกคนมคี ณุ ภาพชวี ิตที่ดี นอกจากนีค้ ณุ ภาพชีวติ ยงั เปน เครือ่ งช้วี ัดความเจรญิ วเิ คราะหค าํ ตอบ การนําเทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใชช ว ยใหเกิด กา วหนาของมติ ิทางดานประชากร สงั คม สขุ ภาพ จติ วญิ ญาณ สิ่งแวดลอ ม และ ประสทิ ธิภาพในการดแู ลสุขภาพในดานตางๆ ทง้ั การสรางเสรมิ สุขภาพ องคป ระกอบอน่ื ๆ ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ความเปน อยทู ด่ี ขี องมนษุ ย ซงึ่ เปน เปา หมายทส่ี าํ คญั การปองกนั รักษาโรคภัยไขเ จ็บ และการฟน ฟสู มรรถภาพรางกาย เพ่อื ให ของการพัฒนาประชากรของประเทศตางๆ ในปจจุบนั บุคคลมสี ขุ ภาพทีด่ ีและมีความปลอดภัยในชวี ิต ตอบขอ 2. 126 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔) ดา้ นความประหยัด การใชเ้ ทคโนโลยที างสุขภาพ ช่วยประหยัดทง้ั แรงงานและ ใหนกั เรียนรว มกนั แสดงความคดิ เห็นวา เทคโนโลยีทางสขุ ภาพมคี ณุ คาอยา งไรตอ การ เวลาในการท�างาน รวมถึงช่วยให้บุคคลสามารถใช้เวลาในการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและเกิด ดําเนนิ ชีวติ ของเรา จากน้นั ครเู สนอแนะและ ประโยชน์มากข้ึน เนื่องจากขั้นตอนหรือ อธิบายเพิม่ เติมใหกบั นักเรียนวา เทคโนโลยีทาง กระบวนการผลิตได้รับการพัฒนาอยู่ตลอด สขุ ภาพมคี ณุ คาตอการดําเนนิ ชวี ติ ของเรา ไดแ ก เวลา เพื่อให้เกิดความประหยัดทั้งในเรื่องเวลา ชวยใหบ ุคคลมีวถิ กี ารดําเนนิ ชวี ิตท่ีสะดวกสบาย แรงงาน และการลงทนุ กอ ใหเกดิ ประโยชนต อสขุ ภาพทัง้ รา งกาย จิตใจ อารมณ และสังคม เพ่ือนาํ มาใชในการดูแล ๑.2 ประเภทของเทคโนโลยี สขุ ภาพ สรางเสรมิ สุขภาพ ปอ งกนั โรค และฟน ฟู ทางสุขภาพ สมรรถภาพรา งกายใหมีความแข็งแรง ปราศจาก โรคภัยไขเ จ็บตางๆ นอกจากนกี้ ารใชเ ทคโนโลยี เทคโนโลยีทางสุขภาพ จ�าแนกออกได้ ทางสขุ ภาพ ยังชวยใหเ กดิ ความประหยัดทัง้ ๓ ประเภทตามแนวทางพื้นฐานของสุขภาพ แรงงานและเวลาในการทาํ งาน รวมถงึ ชวยให ผู้บรโิ ภค คอื บุคคลสามารถใชเ วลาในการปฏบิ ตั งิ านไดอ ยา ง รวดเร็วและเกดิ ประโยชนม ากขนึ้ ๑) เทคโนโลยเี กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ สุขภาพ เป็นเทคโนโลยีที่น�ามาใช้เป็นเคร่ือง อปุ โภคและบรโิ ภคในชวี ติ ประจา� วนั โดยสามารถ สบู เปนผลิตภัณฑท ี่นาํ มาใช เพอ่ื ชําระลางส่ิงสกปรกจาก แบ่งออกได้เป็น ๕ ประเภท ดังน้ี รางกาย เพ่ือกอ ใหเกิดการมสี ขุ ภาพดี ๑.๑) เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคร่ืองสําอาง เป็นเทคโนโลยีที่น�ามา ประยุกตใ์ ชก้ บั เครอื่ งสา� อาง ท้ังอปุ กรณ์ ผลติ ภณั ฑ ์ กระบวนการผลติ และการปรงุ แตง่ เพ่อื ใหเ้ กิด ความสวยงามหรือมีสุขภาพดี เช่น น้�าหอม ลปิ สตกิ แปง้ สบ ู่ ยาสฟี นั ยาสระผม โฟมลา้ งหนา้ โฟมโกนหนวด ครมี ทาหนา้ ครมี ทาตวั ยากา� จดั กลนิ่ ตัว เปน็ ตน้ ๑.๒) เทคโนโลยีเก่ียวกับ ผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นเทคโนโลยีท่ีน�าความรู้ และวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรม์ าใชใ้ นกระบวนการ ผลิต การปรุงผสม การบรรจุ การเก็บรักษา และการถนอมอาหาร ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้ รับคุณค่าหรือประโยชน์จากอาหารมากท่ีสุด แนล้�ามะตันรพงชื ตเาสมริมคสวขุามภตาพ้อ งไกขา่สรขุ ขภอางพร1่ าเงปก็นาตยน้ เช่น ไขสุขภาพ เปนการนําเทคโนโลยีมาใชเพ่ือเพ่ิมคุณคา ทางอาหารใหม ากขึ้นกวา เดมิ เชน มโี อเมกา ๓ ปรมิ าณ คอเลสเตอรอลนอยลง เปน ตน ๑2๗ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู ขอใดกลา วไมถกู ตองเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางสุขภาพถงึ แมว า จะมีคุณคา ตอ การดําเนินชวี ติ ของเรา แตก็ยงั มี 1. ชว ยใหมนษุ ยม อี ายุยืนยาวขึน้ ผลกระทบตอ สุขภาพของเราดวยเชนกนั โดยครูอาจถามนักเรียนวา ผลกระทบของ 2. ชวยรกั ษาสภาพแวดลอมใหดีข้ึน เทคโนโลยที ี่มตี อ สขุ ภาพในชวี ิตประจําวันน้ันมีอะไรบา ง แลว ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ นัน้ 3. เพิ่มความสะดวกในการดาํ รงชวี ติ มคี วามรุนแรงอยา งไร และนกั เรียนมีแนวทางในการปอ งกนั แกไขอยางไรบาง 4. เพิ่มความรวดเรว็ ในการผลิตสนิ คา และบรกิ าร วเิ คราะหค ําตอบ จากความเจริญกา วหนา ของเทคโนโลยีที่มีการพฒั นา นักเรยี นควรรู อยางตอเนือ่ ง ซึ่งชวยทําใหเ รามีคุณภาพชีวติ ทยี่ นื ยาวและสะดวกสบาย มากยง่ิ ขนึ้ อีกทัง้ ยงั ชว ยเพม่ิ ความรวดเร็วในการผลิตสนิ คา และบริการ 1 ไขส ุขภาพ เปนไขท่ีมสี ารอาหารเสริมนอกเหนอื จากสารอาหารทมี่ ีอยู เชน อกี ดว ย แตใ นขณะเดยี วกนั ยง่ิ เทคโนโลยมี คี วามเจรญิ กา วหนา มากขน้ึ เทา ไหร โอเมกา 3 วิตามินอี สารตานอนมุ ูลอสิ ระ เปน ตน รวมทงั้ ไขทีไ่ ดจ ากไกเ ลีย้ ง ย่งิ จะสงผลกระทบใหสงิ่ แวดลอ มมีคณุ ภาพเสอื่ มโทรมมากขน้ึ เทานัน้ โดยธรรมชาติ และปราศจากการปนเปอนจากสารเคมี ตอบขอ 2. คูมือครู 127
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรียนรว มกันอภิปรายวา เทคโนโลยีทาง ๑.๓) เทคโนโลยีเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ยา เป็นการน�าเทคโนโลยีมาใช้เพื่อผลิต สุขภาพทนี่ กั เรยี นรจู กั หรอื เคยไดยนิ มีอะไรบาง มแลาสะคก้นดั หเปาน็ตตวั วยั ยาใาหทมา� เ่ๆป ็นหแรอืคปปรซับลู ป ยรางุ ตเมวั ด็ยคาเุมดกิม�าใเหนม้ิดปีแรบะบสฉทิ กุ ธเภิ ฉาินพ1 มเปาน็กตขน้้ึน เช่น การน�าสมนุ ไพรไทย จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั ๑.๔) เทคโนโลยีเก่ียวกับ ในประเดน็ ประเภทของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ ผลติ ภณั ฑท์ เี่ ปนเครอื่ งมอื แพทย์ ผลิตภัณฑท์ ่ี โดยครูและนกั เรียนคนอ่ืนๆ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ เปน็ เครอื่ งมอื แพทย ์ ไดม้ กี ารนา� เทคโนโลยมี าใช้ และตัง้ คาํ ถามเพือ่ นําไปสูขอ สรปุ ท่ถี กู ตอ งรว มกัน อยา่ งมาก โดยเฉพาะในสว่ นของผลติ ภณั ฑห์ รอื เครือ่ งมือและกระบวนการในการผลิต เพอ่ื ใช้ใน • ยกตวั อยา งเทคโนโลยที เ่ี ก่ียวกับผลติ ภณั ฑ การวนิ จิ ฉยั โรคและตรวจหาความผดิ ปกตทิ เี่ กดิ ขนึ้ สุขภาพ รวมถึงอุปกรณ์ท่ีใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น อุปกรณ์ตรวจคลื่นหัวใจโดยใช้ไฟฟ้า เคร่ืองวัด ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เทคโนโลยี แคปซูลสมุนไพรไทย เปนการนําเทคโนโลยีมาใชเพ่ือ ความดันโลหิตอัตโนมัติ อุปกรณ์ตรวจวัดระดับ เกี่ยวกับผลติ ภัณฑเครื่องสําอาง ผลิตภณั ฑ เพมิ่ ประสิทธิภาพในการรักษาโรคใหดขี น้ึ นา้� ตาลหรอื คอเลสเตอรอลในเลอื ด เปน็ ตน้ อาหาร ผลิตภัณฑยา ผลติ ภณั ฑท เี่ ปน เครอื่ งมอื แพทย และผลติ ภณั ฑท เ่ี ปน อปุ กรณ ๑.๕) เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เปนอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือสุขภาพ เป็น หรอื เครอ่ื งมอื สขุ ภาพ) การนา� เทคโนโลยมี าใชเ้ พอื่ การผลติ อปุ กรณห์ รอื เครอ่ื งมอื อา� นวยความสะดวกสบาย การสรา้ งเสรมิ เสกุขา้ ภอาน้ี พวด ไกฟาฟรผา้2 ่อเคนรคื่อลงานยวคดวฝาา มเทเคา้ รเียปดน็ ตแ้นละการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ เช่น เคร่ืองนวดไฟฟ้า • การนาํ เทคโนโลยีเกี่ยวกบั ผลิตภัณฑท ีเ่ ปน อุปกรณหรือเครื่องมือสุขภาพมาใช ๒) เทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีเพ่ือการให้บริการสุขภาพ กอใหเ กดิ ประโยชนอ ยา งไร ซึ่งแบ่งออกได้เปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี (แนวตอบ เพ่อื อํานวยความสะดวกสบาย ๒.๑) เทคโนโลยีเกี่ยวกับการ สรางเสริมสุขภาพ ผอนคลายความเครียด ตรวจและรกั ษาโรค ไดม้ กี ารนา� เทคโนโลยใี หมๆ่ และปอ งกนั โรคภัยไขเ จบ็ ตางๆ) มาใช้ ท้งั เคร่อื งมอื หรอื ผลิตภัณฑ์ กรรมวธิ กี าร ตรวจวินจิ ฉัย และการรักษาโรคโดยใชเ้ คร่อื งมือ • เทคโนโลยเี กี่ยวกบั การสรา งเสริมสขุ ภาพ ทันสมัยหรือโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เช่น มีประโยชนตอ เราอยางไร สวิรศา้ วงกภรารพมดเ้วนยื้อสเนยาื่อมแแลมะ่เผหิวลห็ก3น (MังเRทIีย : มM aเgคnรe่ือticง (แนวตอบ เพือ่ ชวยใหเ รามีโอกาสสรา งเสริม สุขภาพหรอื ทาํ ใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณไ ด เชน เครอ่ื งออกกําลงั กาย หนุ ยนตช ว ยดแู ล ผูที่ชวยเหลือตนเองไมไ ด เปนตน) เครื่องสรางภาพดวยสนามแมเหล็ก สามารถตรวจสอบ R e s o n a n c I m a g i n g ) เ ค ร่ื อ ง เ อ ก ซ เ ร ย ์ ความผิดปกติในรางกายไดอยางแมนยํา และรวดเร็ว คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง แคปซูลวินิจฉัยโรค ชวยอํานวยความสะดวกในการวินจิ ฉยั โรค ในระบบทางเดินอาหาร เปน็ ต้น ๑28 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดไมใชก ารแสดงถึงการใชเทคโนโลยีทมี่ ีผลตอ สขุ ภาพ 1 ยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉกุ เฉนิ เปนยาทีย่ ับย้งั การตั้งครรภแบบเฉียบพลนั 1. การผลติ หนุ ยนต ปอ งกนั ไมใ หไ ขท ่ไี ดรับการผสมแลว ฝง ตวั ทีผ่ นงั มดลูก ซ่ึงตองรับประทานยาภายใน 2. การผลติ วัคซนี ปอ งกนั โรค 48 ช่วั โมง หลงั การมีเพศสัมพันธ และตอ งรับประทานยาซํ้าอกี ครัง้ หลังจากท่ี 3. การผลติ ผลิตภณั ฑส าํ หรับการออกกาํ ลงั กาย รบั ประทานคร้ังแรก 12 ชัว่ โมง โดยอาจมีอาการขางเคยี ง คอื คลื่นไสและอาเจียน 4. การใชผ ลิตภัณฑใหมๆ เพอื่ ชวยในการรักษาโรค 2 เกาอ้นี วดไฟฟา หากนงั่ เปน ระยะเวลานานๆ จะสงผลกระทบตอ รางกาย วิเคราะหคาํ ตอบ เทคโนโลยที างสขุ ภาพ คอื การรวบรวมความรแู ละวธิ กี าร โดยอาจเกดิ การบาดเจบ็ ทีก่ ลามเน้ือ หรือกระดกู สันหลงั ได ทงั้ น้เี กา อ้ีนวดสามารถ ทางวิทยาศาสตรม าใชอ ยางเปน ระบบ ซึง่ จะชว ยใหเกิดประสิทธิภาพ ชวยไดเพียงกระตนุ ระบบไหลเวยี นโลหิตใหเ พิ่มมากขึน้ เทานน้ั แตไมส ามารถรกั ษา ในการดูแลสขุ ภาพ สรางเสรมิ สุขภาพ ปองกันโรค และฟน ฟสู มรรถภาพ โรคไดด งั สรรพคุณท่ีกลาวอาง รา งกาย สาํ หรบั การผลิตหนุ ยนตนนั้ เปนการพฒั นาเทคโนโลยีรปู แบบหนึ่ง 3 เครอื่ งสรางภาพดวยสนามแมเ หล็ก เปนเคร่ืองมือบนั ทกึ ภาพทางการแพทย ทส่ี ามารถอาํ นวยความสะดวกสบายใหก บั มนุษย แตไ มส ามารถนํามาใช โดยจะสงคล่นื วทิ ยุเขา สรู างกายของผรู ับการตรวจ สามารถใหรายละเอยี ดและ ในเรอื่ งที่เกี่ยวขอ งกบั สุขภาพได ตอบขอ 1. ความคมชดั เสมือนการตดั รางกายออกเปนสว นๆ แพทยจ งึ สามารถมองจดุ ท่ี ผดิ ปกติในรา งกายไดอ ยางละเอยี ด โดยไมก อ ใหเกิดอันตรายใดๆ 128 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ส ุขภาพดี ลดอัต๒รา.๒กา) รเเจทบ็ คปโวนยโแลลยะีเกกาี่ยรวเสกยี ับชกีวาิตรไดป้ อเชงก่นั นเโครรคอื่ งตเปรว็นจเหทาคเโชนอ้ื โไลวยรีัสทต่ีชับ่วอยกัใหเส้คบนชเนรดิามซ1ีี ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั การใช้อุปกรณ์สร้างคล่ืนความถ่สี ูงเพ่อื ไลห่ นู แมลงสาบ เปน็ ต้น ตอ ในประเดน็ ประเภทของเทคโนโลยีทางสุขภาพ ๒.๓) เทคโนโลยเี กย่ี วกบั การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ มจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ ชว่ ยใหค้ นเรา โดยครแู ละนกั เรียนคนอ่นื ๆ เสนอแนะเพิ่มเติม มโี อกาสสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพหรอื ทา� ใหร้ า่ งกายแขง็ แรงสมบรู ณไ์ ด ้ เชน่ เครอ่ื งออกกา� ลงั กายแบบใหม่ และตัง้ คําถามเพอื่ นาํ ไปสูขอสรปุ ทถี่ ูกตองรวมกนั โถสว้ มปลอดภยั สา� หรับผู้สูงอายุและผู้ปว ย หุ่นยนตช์ ว่ ยดูแลผ้ทู ช่ี ่วยเหลอื ตนเองไมไ่ ด ้ เป็นตน้ • เทคโนโลยเี ก่ียวกบั ขา วสารสุขภาพที่ ๓) เทคโนโลยีเกี่ยวกับขาวสารสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร นักเรียนรูจ ักมีอะไรบาง การเผยแพรข่ า่ วสารทางสุขภาพ โดยผ่านส่ือต่างๆ ทง้ั สอ่ื สิ่งพิมพ์ สอ่ื ที่ไมใ่ ชส่ ื่อสง่ิ พมิ พ์ และส่อื (แนวตอบ ไดแ ก เทคโนโลยกี ารพมิ พเ กยี่ วกบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซึ่งสามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี ขา วสารสขุ ภาพ เทคโนโลยคี มนาคมเกย่ี วกบั ๓.๑) เทคโนโลยีการพิมพ์เก่ียวกับขาวสารสุขภาพ เป็นเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้อง ขา วสารสขุ ภาพ และเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร กบั การพมิ พ ์ การบนั ทกึ ดว้ ยตวั อกั ษร การบนั ทกึ ดว้ ยภาพตา่ งๆ และการควบคมุ การพมิ พบ์ นระบบ เก่ียวกบั ขา วสารสขุ ภาพ) เครือขา่ ย เพ่อื ใหส้ ามารถพมิ พ์งานข่าวสารสุขภาพได้คมชัดและได้รูปแบบตามต้องการ ๓.๒) เทคโนโลยคี มนาคมเกีย่ วกบั ขา วสารสุขภาพ เป็นการนา� เทคโนโลยมี าใช้ • นกั เรียนคดิ วา เทคโนโลยีเก่ยี วกบั ขาวสาร ท้ังในกระบวนการและผลผลิต ท�าให้เป็นระบบท่ีสามารถส่งข้อมูลข่าวสารสุขภาพในรูปของ สขุ ภาพใดมบี ทบาทมากทส่ี ดุ เพราะเหตใุ ด ตวั อกั ษร รปู ภาพ และเสียงทเ่ี รยี กวา่ มลั ตมิ เี ดยี (แนวตอบ เทคโนโลยีคอมพิวเตอรเกีย่ วกบั (Multimedia) ผา่ นสอ่ื ประเภทตา่ งๆ ท้งั สื่อแบบ ขา วสารสขุ ภาพ เพราะเปนสอื่ ท่มี อี ทิ ธิพล ใช้สายและสื่อแบบไร้สายไปยังผู้รับข่าวสาร มากทสี่ ุดในการเขาถงึ ขอมลู ขาวสารตา งๆ ทางดา นสขุ ภาพ ซึ่งสามารถสืบคน ไดอยาง งา ยดายภายในเวลาอนั รวดเร็ว จึงเปน เทคโนโลยที มี่ คี วามนยิ มมากทสี่ ดุ ในปจ จบุ นั ) สุขภาพไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแมน่ ยา� ขยายความเขา ใจ Expand ๓.๓) เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เกยี่ วกบั ขา วสารสขุ ภาพ ในปจั จบุ นั คอมพวิ เตอร์ ใหน กั เรียนสบื คนภาพตวั อยา งเทคโนโลยีทาง ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสื่อสารด้าน สขุ ภาพมาอยางนอ ย 10 อยาง แลว นาํ ขอมลู ท่ีได สุขภาพ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร มาจัดทาํ เปน สมุดภาพ พรอ มทั้งบอกถงึ ประโยชน บนเวบ็ ไซต ์ (Website) ในอนิ เทอรเ์ นต็ (Internet) หรือคณุ คา ท่ไี ดรบั จากการใชเ ทคโนโลยี กซงึ่ามรแหี ลลากกเปหลลา่ียยนรคปู วแาบมบค เิดชเน่ ห บ็นทผค่าวนาเมวอ็บอบนอไลรน์ด2 ์ ทางสขุ ภาพนัน้ ๆ (Web Board) การน�าเสนอข้อมูลผ่านทาง เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน ์ เชน่ เฟซบกุ (Facebook) หรอื ทวติ เตอร ์ (Twitter) ผา่ นทางโทรศพั ทม์ อื ถอื โปสเตอรรณรงคด า นสุขภาพ เปนการนําเทคโนโลยีมาใช เปน็ ต้น เพือ่ สรา งความรูค วามเขา ใจดานสุขภาพใหแกประชาชน ๑2๙ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ใหน ักเรียนหาขา วเกย่ี วกับเทคโนโลยีทางสขุ ภาพมา 1 ขา ว จากน้ัน 1 ไวรัสตบั อกั เสบชนดิ ซี เปนไวรสั ขนาดเลก็ ท่ที าํ ลายเซลลตับเหมือนชนดิ เอ นาํ มาสรุปสาระสาํ คัญลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครผู สู อน และบี เมอ่ื เช้อื เขา สรู า งกายแลว จะเขาไปเจรญิ เติบโตอยภู ายในเซลลต บั โดยจะ ทําลายเซลลตับใหอ อ นแอลงเรือ่ ยๆ และทําใหเกดิ โรคตบั อักเสบเรอ้ื รงั จนในที่สุด กจิ กรรมทา ทาย อาจสงผลใหเปนโรคตับแขง็ และโรคมะเรง็ ตับได 2 เวบ็ บอรด คอื พน้ื ทบี่ างสว นของเวบ็ ไซตทจ่ี ดั ใหเปน เหมือนกระดานขา ว ใหน ักเรียนเลอื กเทคโนโลยีทางสุขภาพทนี่ กั เรยี นชืน่ ชอบมา 1 อยา ง ในการพดู คุย แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ แสดงความรู และอนื่ ๆ ของสมาชิกทเี่ ขา มา จากน้นั วิเคราะหวา เทคโนโลยที น่ี กั เรยี นเลอื กมาน้ันมีประโยชนอยางไร เย่ยี มชมเวบ็ ไซตแ หง น้นั โดยการโพสตข อความ ภาพ เสียง ใสไวบนเวบ็ บอรด เพ่ือ ตอสุขภาพของนักเรียน และถา ไมมีเทคโนโลยดี ังกลาว จะสงผลอยา งไร ใหสามารถสอ่ื สารกบั สมาชกิ คนอืน่ ๆ ได ซึ่งนกั เรียนควรใชอ ยา งมีวิจารณญาณ กบั นกั เรียนบา ง โดยใหสรปุ ผลการวิเคราะหลงในกระดาษรายงาน รูจ ักเลือกรับสวนทเี่ ปนดานดี ตัดสวนท่เี ปนดา นไมดี เชน การเขาสูเว็บไซตลามก แลว นาํ สงครผู สู อน หองสนทนาท่ีมีพฤตกิ รรมรุนแรงตา งๆ เปนตน เพ่ือการมพี ฤตกิ รรมทดี่ ีอันจะเปน ประโยชนต อ การดาํ เนินชีวติ ตอ ไป คมู ือครู 129
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรียนแบงกลมุ กลุมละ 3-4 คน ศกึ ษา ๒. ตวั อยา่ งของเทคโนโลยีทเ่ี ปนประเดน็ ทางสุขภาพ เร่อื ง ตวั อยางของเทคโนโลยีท่เี ปนประเด็นทาง ปัจจุบันเทคโนโลยีทางสุขภาพได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีการด�าเนินชีวิตและก่อให้เกิด สุขภาพ จากหนังสอื เรยี น และแหลง การเรยี นรู ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพของคนเราอยา่ งมาก โดยจะขอยกตวั อยา่ งของเทคโลยที เ่ี ปน็ ประเดน็ ทางสขุ ภาพ เพม่ิ เตมิ ตา งๆ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ มาน�าเสนอเป็นบางประเดน็ ดังน้ี • ผลิตภัณฑ GMOs 2.๑ ผลิตภัณฑ GMOs • วิตามินสังเคราะหแ ละวติ ามนิ จากธรรมชาติ อธบิ ายความรู Explain ในร่างกายของคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ท้ังพืช สัตว์ และจุลินทรีย์น้ัน มีหน่วยพันธุกรรมที่ ควบคมุ การแสดงออกของลักษณะต่างๆ เช่น ทา� ใหม้ ีตาสฟี ้า ตาสดี �า มีผวิ เหลือง ผวิ ขาว เป็นต้น ครถู ามนักเรยี นวา ผลติ ภัณฑ GMOs ทีน่ ักเรยี น ซ่ึงหน่วยพันธุกรรมดังกล่าวน้ี เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า “ยีน (Gene)” โดยยีนมีส่วนประกอบที่ส�าคัญ รจู กั นน้ั มอี ะไรบา ง โดยใหน กั เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถาม คอื ดเี อน็ เอ (DNA) เม่ือความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตรเ์ จริญขนึ้ จงึ มีการศึกษาคน้ ควา้ วเิ คราะห์ และแสดงความคิดเห็น ซึ่งครูสามารถเสนอแนะ โครงสร้างของยีนและได้ทดลองท�าการตัดต่อยีน โดยน�ายีนของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งใส่เข้าไปใน หรอื อาจยกตัวอยา งใหน ักเรียนเกิดความเขา ใจ สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหน่ึง ท�าให้ส่ิงมีชีวิตชนิดหลังแสดงลักษณะบางประการของสิ่งมีชีวิตชนิดแรก มากยง่ิ ขน้ึ เชน แตงโมสเ่ี หลี่ยม ดอกไม ทใ่ี หสีสัน ออกมา การทดลองดงั กลา่ วเปน็ ทมี่ าของ จเี อ็มโอ (GMOs) ซ่งึ ค�าว่าจเี อม็ โอ (GMOs) นั้น มาจาก ตามท่ีเรากาํ หนด เปน ตน จากน้ันครสู ุมนักเรยี น คา� ว่า จีเนติคอลลี โมดิฟาย ออกะนิสซมึ (Genetically Modified Organisms) แปลว่า สิ่งมชี ีวิต 2 กลุม ออกมานําเสนอในประเด็นผลติ ภณั ฑ ท่ผี า่ นการดดั แปลงหรอื ตบแตง่ ด้วยกรรมวธิ ที างพันธวุ ศิ วกรรม (Genetic Engineering) GMOs หลงั การนาํ เสนอเสร็จส้นิ ครแู ละนักเรียน ในปจั จบุ นั มกี ารนา� เทคนคิ การตดั ตอ่ ยนี มาใชใ้ นหลายๆ ดา้ น กอ่ ใหเ้ กดิ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ขนึ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม แลว ตงั้ คําถามเพือ่ นําไปสู หลากหลายชนิด เช่น ยา วัคซนี สารตรวจสอบทางห้องปฏิบัตกิ าร อาหาร สตั ว์ พชื เนือ้ สัตว์ ขอ สรุปท่ีถกู ตอ งรว มกนั สารที่ใช้ทางปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์เกษตร เป็นต้น ซึ่งท้ังหมดที่กล่าวมาน้ี มิใช่ว่าทุกชนิดจะเป็น ผลิตภัณฑ์ จีเอ็มโอ มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้น • GMOs (Genetically Modififified Organisms) เชน่ หมายถึงอะไร ที่ใช้ก●ับ ผยู้ปาวบยาโงรชคนเบิดา หเวชา่นน2 อินซูลิน1บางชนิด (แนวตอบ การดดั แปลงหรอื ตบแตง สง่ิ มีชีวิต (มีการรับรองโดย ดวยกรรมวิธีทางพนั ธุวศิ วกรรม) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาให้ สามารถใชไ้ ดใ้ นป พ.ศ. ๒๕๒๕) โกรทฮอร์โมน • ยกตัวอยางผลติ ภณั ฑท ี่นกั เรียนคดิ วา (Growth Hormone) ส�าหรับรักษาอาการ มีการนําเทคนคิ การตดั ตอยีนมาใชเ พ่ือ แคระแกร็น ยาปฏิชีวนะ วิตามินบี ๒ สาร กอ ใหเ กดิ เปนผลติ ภณั ฑ GMOs ท่ีรจู ักกนั อิริโธรโพอิติน (Erythropoietin) ส�าหรับใชร้ ักษา ในปจ จุบัน โรคโลหติ จาง เป็นต้น (แนวตอบ ขึ้นอยกู บั คําตอบของนกั เรียน โรคเอ●ด สว ์ ัควัคซซีนีนบปา้องงชกนันิดโ รคเชพ่นิษ สุนวัคขั ซบี้าน3 ปเป้อ็นงตกน้ัน โดยอาจตอบวา ยา วัคซีน สารตรวจสอบทาง พชื บางชนดิ ทต่ี ดั ตอ พนั ธกุ รรม อาจมที ง้ั ผลดแี ละผลกระทบ หอ งปฏิบตั ิการอาหาร สัตว พืช ผลิตภณั ฑ จงึ ควรพจิ ารณาใหร อบคอบกอนเลือกซื้อบรโิ ภค เกษตร เปนตน ) ๑3๐ นกั เรยี นควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ สามารถนําเนอ้ื หาเรื่อง ตัวอยา งของเทคโนโลยที ี่เปน ประเด็นทางสขุ ภาพ 1 อนิ ซูลิน เปนฮอรโมนที่สรางจากตับออ น มหี นาทคี่ วบคุมระดบั น้ําตาล ผลิตภณั ฑ GMOs ไปบูรณาการเชอ่ื มโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตร ในเลือดใหเปนปกติ วิชาวทิ ยาศาสตร เร่ือง เทคโนโลยชี วี ภาพในการขยายพนั ธุ ปรบั ปรงุ พนั ธุ และ 2 โรคเบาหวาน เปน ความผดิ ปกตขิ องตับออนท่ไี มส ามารถสรา งอนิ ซูลนิ ได เพิม่ ผลผลติ ของสัตว อยางเพียงพอ หรอื รา งกายตอบสนองตออนิ ซลู นิ ไดนอยกวาปกติ จึงไมสามารถ เผาผลาญคารโ บไฮเดรตไดอ ยา งเหมาะสม สง ผลใหร ะดบั นาํ้ ตาลในเลอื ดสงู กวา ปกติ 3 โรคพิษสนุ ัขบา เรยี กอีกอยางหนงึ่ วา โรคกลัวนํ้า (Hydrophobia) เปน โรค ตดิ เชอื้ ของระบบประสาทสว นกลางท่ีมอี นั ตรายรา ยแรงถึงชวี ิต เกดิ ในสัตว เลยี้ งลูกดว ยนมทุกชนิด โดยเฉพาะสุนัข และแมว สามารถติดตอ มาสูม นุษยได โดยเชอื้ จะแสดงอาการภายใน 14 - 90 วัน อาการของสุนขั ท่ีไดรบั เชอ้ื สวนใหญ จะดรุ าย บางคร้งั อาจซมึ เศราและหวาดระแวง นา้ํ ลายจะไหลยืดอยูตลอดเวลา หางตก มอี าการกลัวนํ้า ซ่งึ ปจ จบุ ันโรคนีย้ ังไมส ามารถรักษาใหห ายขาดได แตส ามารถฉดี วคั ซีนปองกนั โรคได 130 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ● ชดุ ตรวจสอบทางห้องปฏิบตั ิการ เช่น ชุดตรวจสอบยาปฏชิ วี นะ1ตกคา้ งในน�้านม เปน็ ตน้ ใหนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายวา การตัดตอยนี ● พืชตัดตอ่ พันธุกรรม มักพบในการเกษตรกรรม เพื่อใหพ้ ืชทนต่อสภาพแวดลอ้ ม (ความ ทางพนั ธุวศิ วกรรม หรอื GMOs นั้น มีประโยชน แห้งแลง้ สารฆ่าวชั พืช การติดเชือ้ ราหรือไวรสั แมลง) เช่น ฝา้ ย ถว่ั เหลอื ง ขา้ วโพด มะเขอื เทศ ตอการนํามาใชอ ยา งไรบา ง โดยครตู ั้งคาํ ถามเพ่อื มันฝรั่ง เป็นต้น และท�าให้ได้ผลผลิตตามที่ กระตนุ การเรียนรูข องนักเรยี น ต้องการ เช่น ท�าให้ดอกคาร์เนชั่นมีสีตามที่ ก�าหนดได้ ท�าให้ต้นข้าวสาลีผลิตแป้งท่ีเหมาะ • GMOs มีประโยชนอยา งไรกับมนุษย แก่การท�าขนมปงั เป็นตน้ (แนวตอบ ● สัตว์ตัดต่อพันธุกรรม มีการใช้สัตว์ 1. ชวยในการปรับปรุงพันธพุ ืชใหม ี ทดลองทมี่ กี ารตดั ตอ่ ยนี เพอ่ื ศกึ ษาความผดิ ปกติ ความสามารถในการตานแมลงและ ทางพันธุกรรมและหาแนวทางหรือพัฒนาการ โรคไดด ขี ึน้ รกั ษา หรอื มกี ารทดลองใชส้ ตั วต์ ดั ตอ่ พนั ธกุ รรม 2. ชวยในการพัฒนาพันธพุ ืชใหม ี เพอื่ ใชใ้ นการผลิตยาหรอื สารต่างๆ คุณภาพผลผลิตทีพ่ งึ ประสงค เมื่อพืชหรือสัตว์ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม 3. นําไปใชในการพฒั นาพนั ธสุ ตั ว เชน เหล่านี้ถูกน�ามาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร จึง มะเขือเทศที่ตัดตอพันธุกรรม จะสุกงอมชา ทําให การเปล่ยี นยีนใหหมู ทําใหหมโู ตเร็ว ไมเ นาเสียระหวางการขนสง และมีขนาดใหญก วา หมูปกติ แตก นิ อาหารลดลง เปนตน เรยี กวา่ อาหาร จีเอม็ โอ เชน่ นา้� นมถ่วั เหลืองที่ผลิตจากถ่วั เหลอื ง จเี อ็มโอ เป็นตน้ 4. นาํ ไปใชใ นการพฒั นาสายพันธุ จลุ นิ ทรยี ใ หม คี ณุ สมบตั พิ เิ ศษ ๑) ประโยชน์ของ จเี อ็มโอ ประโยชน์ของการตัดตอ่ พันธกุ รรมมหี ลายประการ ดงั น้ี เพอื่ ใหส ามารถนําไปใชประโยชน ๑. ช่วยในการปรับปรุงพันธุ์พืชให้มีความสามารถในการต้านแมลงและโรคได้ ในดา นตา งๆ เชน การผลติ วัคซนี ดีข้นึ เชน่ การตัดตอ่ พันธุกรรมในฝา้ ย ข้าวโพด และถ่วั เหลอื ง ทา� ใหพ้ ืชดงั กล่าวมีความตา้ นทาน การผลติ สว นประกอบของยา เปน ตน ) แมลงได้เอง โดยไม่ต้องฉดี พ่นสารเคม ี เปน็ ตน้ ๒. ช่วยในการพัฒนาพันธุ์พืชให้มีคุณภาพผลผลิตที่พึงประสงค์ เช่น ท�าให้ได้ มะเขอื เทศสุกงอมช้าลง การพัฒนาพนั ธพุ์ ืชใหม้ ีวติ ามนิ มากข้ึน การปรับปรงุ พันธพุ์ ชื ให้สามารถ ตรึงไนโตรเจนอสิ ระ (Nitrogen Fixation) จากอากาศได้ เปน็ ต้น ๓. น�าไปใช้ในการพัฒนาพันธุ์สัตว์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพ่ือพัฒนาเป็นอาหาร เช่น การเปล่ียนยีนให้หมู ท�าให้หมูโตเร็วและมีขนาดใหญ่กว่าหมูปกติ แต่กินอาหารลดลง เป็นต้น นอกจากหมแู ล้ว สัตวอ์ น่ื ๆ เช่น วัว สัตว์ปก สตั ว์น�า้ กถ็ กู ปรบั ปรุงพันธ์ ุ โดยมจี ุดประสงค ์ คอื ให้สัตวโ์ ตเร็ว กินอาหารนอ้ ย ทนทานต่อโรคและแมลง ให้ผลผลิตมากขนึ้ แตล่ ดต้นทนุ การผลติ ลง ๔. น�าไปใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์จุลินทรีย์ให้มีคุณสมบัติพิเศษ เพ่ือให้สามารถ น�าไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การผลิตวัคซีน การผลิตส่วนประกอบของยา รวมทั้งผลิต จุลนิ ทรียท์ ีม่ ีลักษณะพเิ ศษที่ใชย้ ่อยคราบน้า� มนั ในทะเล เป็นต้น ๑3๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู ขอ ใดไมใช ประโยชนของ GMOs 1 ยาปฏิชวี นะ เปน ยาทใ่ี ชฆา เชื้อแบคทเี รยี ไดแ ก ยาเพนิซลิ ลนิ เตตราซยั คลนิ 1. ชว ยใหพ ืชมีวิตามินมากข้นึ ซลั ฟา คลอแรมเฟนิคอล ซึง่ ยาเหลา นจ้ี ะใชร กั ษาโรคที่เกดิ จากการตดิ เชือ้ แบคทเี รีย 2. ชวยใหผ ลผลิตมีราคาสงู ขน้ึ เทา นัน้ แตถ า หากใชเ ปนเวลานานจะสง ผลใหเ กิดภาวะด้ือยา และเกิดการกด 3. ชว ยใหพ ชื มคี วามตา นแมลงและโรคไดดี ภูมิคมุ กันตานทานโรคของรางกายท่ีมตี ามธรรมชาติ ทําใหรา งกายออนแอลง 4. ชว ยใหสัตวโ ตเร็วและมขี นาดใหญกวา ปกติ ไมส ามารถตา นทานเชื้อโรคไดดวยภมู คิ ุมกนั ของตนเอง วิเคราะหค าํ ตอบ ประโยชนข อง GMOs มหี ลายประการ เชน ชว ยใหพชื มวี ติ ามนิ มากข้นึ มีความตา นทานแมลงและโรคไดดี ชวยใหสตั วโตเรว็ มุม IT และมขี นาดใหญก วาปกติ เปนตน แตเนอื่ งจากปจจุบนั พบวา ผลผลิต ทเ่ี กดิ จาก GMOs มีราคาถกู มาก การชวยใหผลผลติ มีราคาสงู ขน้ึ จงึ ไมใช สามารถศึกษาเพิ่มเติมเก่ยี วกบั ประโยชนข อง GMOs ไดจ าก http://biotech- nology-en.blogspot.com/2011/02/gmos.html ประโยชนข อง GMOs ตอบขอ 2. คูมอื ครู 131
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรียน 2 กลมุ โดยไมซํ้ากบั กลุมเดิม ๒) ขอ้ ควรระวงั เกย่ี วกบั จเี อม็ โอ เทคโนโลยที กุ อยา่ งนนั้ เมอื่ มปี ระโยชนก์ ม็ กั มโี ทษ ออกมานําเสนอตอ ในประเด็นผลติ ภัณฑ GMOs หลงั จากการนาํ เสนอเสรจ็ สิ้น ครูและนกั เรยี น ด้วยเสมอ พันธุวิศวกรรมท่ีน�ามาใช้ตกแต่งสายพันธุ์ของส่ิงมีชีวิตก็เช่นกัน อาจมีผลทางลบด้วย เสนอแนะเพิม่ เติม แลว ต้ังคาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสูขอ สรุป หากกระทา� โดยปราศจากความระมัดระวัง กลา่ วคือ จเี อ็มโอ ทผ่ี ลิตข้นึ อาจเกิดความไมป่ ลอดภยั ทถี่ กู ตองรว มกนั ทางชวี ภาพ (Biosafety) ซ่ึงอาจเปน็ ปญั หาตอ่ สุขภาพของมนุษย์ และมผี ลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ (Biodiversity) ได้ ซง่ึ ผลติ ภณั ฑ ์ จีเอม็ โอ นัน้ • ขอควรระวงั เก่ียวกบั GMOs มีอะไรบาง กอ่ ใหเ้ กดิ ข้อสงสยั ในหลายประเดน็ เชน่ (แนวตอบ ส ารพ ันธุกรร มจา●ก ไผวลรัสิต1หภรัณือฑส์จาราพก ันจธีเุกอรม็ รโมอท ่ีสกรอ่ ้าใงหสเ้ ากรดิ พอิษนั ตจระากย่อหใรหอื ้เไกมิด่ พเชิษ่นต กหคา้ากง หจรเีืออไม็มโ่ ออ านหั้นามร ี 1. พิจารณาดวู าผลติ ภณั ฑ GMOs กอ ให จเี อม็ โอ มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการเทยี บเทา่ กบั อาหารทมี่ าจากสายพนั ธต์ุ ามธรรมชาตหิ รอื ไม ่ เปน็ ตน้ เกิดอนั ตราย หรือมีสารพษิ ตกคา งหรอื ไม ● อาหาร จีเอ็มโอ เชน่ อาหารทะเล อาหารจากพืชตระกูลถว่ั ไข่ ซ่ึงถูกตกแตง่ 2. สารพันธุกรรมท่ใี ชตกแตงในส่งิ มชี ีวิต พันธุ์โดยยีนจากส่ิงมีชีวิตหนึ่งไปยังสิ่งมีชีวิตอีกพวกหน่ึง อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของ อาจกอ ใหเ กิดการแพรกระจายและถายทอด อาการภูมิแพ้ได้ ส่วนในกรณีของการตกแต่งพันธุกรรมในสัตว์จะปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่นั้น ไปสสู ง่ิ มชี วี ติ อ่ืนๆ ไดหรือไม) จะต้องมีการประเมนิ ความปลอดภยั ที่ครอบคลุมมากกว่าของจุลนิ ทรยี ์และพืช เป็นต้น ● สารพันธุกรรมที่ใช้ตกแต่งในส่ิงมีชีวิต อาจเกิดการแพร่กระจายและถ่ายทอด • การควบคมุ ผลติ ภัณฑ GMOs สามารถทาํ ได ไปส่สู ิ่งมชี วี ติ อืน่ ๆ ไดห้ รือไม่ อยา งไรบา ง ● การตัดต่อยีนของพืช เพ่ือท�าให้พืชสามารถฆ่าแมลงได้ เช่น ฝ้ายสามารถ (แนวตอบ สรา้ งสารพษิ ฆา่ แมลงไดเ้ อง หากผเี สอ้ื และผ้งึ มาตอมฝา้ ยน้แี ล้ว จะตายหรอื ไม่ เป็นต้น 1. ใหมีการจดทะเบยี นหนว ยงานวจิ ยั ทกุ อยา งท่ีเกยี่ วขอ งกบั การผลติ GMOs ๓) การควบคมุ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ในปจั จบุ นั การควบคมุ ผลติ ภณั ฑ ์ จเี อม็ โอ ไดร้ บั 2. การกาํ หนดใหม ีการข้ึนทะเบยี น ผลิตภัณฑ GMOs กอนอนญุ าตใหน าํ เขาจาก การดแู ลมากข้นึ ในระดบั สากล โดยมขี ้อกา� หนดท่ียอมรับกันท่วั ไป ดงั น้ี ตางประเทศมาจําหนาย ๑. ให้มีการจดทะเบียนหน่วยงานวิจัยทุกอย่างท่ีเก่ียวข้องกับการผลิต จีเอ็มโอ 3. การทาํ การตลาดผลิตภณั ฑจ าก พรอ้ มท้งั มกี ารตรวจสอบเป็นระยะ GMOs ทใี่ ชเปนอาหาร ตองผา นการดูแล ๒. การปล่อย จีเอ็มโอ เข้าสูส่ ง่ิ แวดลอ้ ม เช่น การปลกู เป็นต้น ตอ้ งย่นื เรื่องเพ่ือ ควบคมุ และอนญุ าตกอน จากหนวยงาน ขออนุญาตและต้องมีการประเมินรายการก่อนจากหลายหน่วยงานและคณะกรรมการอย่างอิสระ ของรฐั ) พรอ้ มตรวจสอบสถานทีท่ ดลอง ๓. การก�าหนดให้มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ จีเอ็มโอ ก่อนอนุญาตให้น�าเข้า จากต่างประเทศมาจา� หน่าย โดยกา� หนดใหม้ ีฉลากระบวุ ่าเปน็ สนิ ค้า จีเอม็ โอ บนผลติ ภัณฑต์ ่างๆ (กฎหมายจะแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะประเทศ) ๔. การท�าการตลาดผลิตภัณฑ์จาก จีเอ็มโอ ท่ีใช้เป็นอาหาร ต้องผ่านการดูแล ควบคมุ และอนญุ าตกอ่ นจากหน่วยงานของรฐั ๑32 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET GMOs นอกจากจะมีประโยชนแลว ยังสงผลเสยี อยางไรบา ง ครูอาจใหนักเรยี นหาขาวเกยี่ วกบั ผลดี และผลเสยี ของผลติ ภณั ฑ GMOs แนวตอบ อาจมีความเสี่ยงและความซบั ซอ นในการบริหารจดั การเพ่ือ แลว นาํ มาอภิปรายรวมกนั ในช้ันเรียน ใหม คี วามปลอดภัย ซง่ึ GMOs อาจกอ ใหเกิดอนั ตรายตอ ผูบรโิ ภคได เน่ืองจากสารอาหารจาก GMOs อาจมีสงิ่ ปนเปอนทีเ่ ปน อนั ตราย สงผล นกั เรียนควรรู ใหผบู ริโภคเกดิ การเจบ็ ปวยและอาจเสยี ชวี ติ ได ซง่ึ ขณะนีย้ ังไมส ามารถ ประเมินไดวาอาหาร GMOs จะมีผลกระทบตอ ชีวิตมนษุ ยอยางไร โดย 1 ไวรสั เปน สิง่ มชี ีวิตท่ีมีขนาดเลก็ มาก ไมสามารถมองเหน็ ไดจ ากการดผู าน กาํ ลังอยใู นระหวา งการดาํ เนนิ การวจิ ยั ของนกั วิทยาศาสตรใ นหลายสาขา กลองจุลทรรศนธรรมดา ตอ งดดู วยกลองจลุ ทรรศนอเิ ลก็ ตรอน ซึ่งมีกําลงั ขยาย ต้ังแต 5,000 เทาข้ึนไป ซ่งึ เชื้อไวรัสสามารถแบง ตวั ขยายจํานวนไดใ นเซลลร างกาย คนเรา โดยเซลลท มี่ เี ชอ้ื ไวรสั อยอู าจถกู ทาํ ลาย ทาํ ใหเ ซลลน นั้ ทาํ งานไดไ มเ หมอื นปกติ กอใหเกิดอาการของโรคตา งๆ ได 132 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2.2 วิตามนิ สงั เคราะหแ ละวติ ามนิ จากธรรมชาติ ครสู มุ นกั เรยี น 1 กลมุ โดยไมซ าํ้ กบั กลมุ เดมิ ออกมานาํ เสนอในประเดน็ วติ ามนิ สงั เคราะหแ ละ วิตามิน เป็นส่งิ ทีร่ า่ งกายขาดไม่ได ้ เพราะวิตามนิ มสี ารอาหารทีร่ า่ งกายต้องการหลายอยา่ ง วติ ามนิ จากธรรมชาติ หลงั จากการนาํ เสนอเสรจ็ สนิ้ อีกท้ังยังช่วยบ�ารุงร่างกายเพ่ือรักษาชีวิตให้อยู่รอดและมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น วิตามินบางตัว ครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ แลว มีหน้าท่ีคล้ายฮอร์โมนเป็นตัวควบคุมเมแทบอลิซึม (Metabolism) ของแร่ธาตุ คือ วิตามินดี ตง้ั คาํ ถามเพอ่ื นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั (Vitamin D) บางตวั ควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตและการเปลย่ี นแปลงไปทา� หนา้ ทเี่ ฉพาะของเซลลแ์ ละ เนอื้ เยอ่ื คอื วติ ามนิ เอ (Vitamin A) นอกจากนยี้ งั มสี ว่ นชว่ ยในการตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ไดแ้ ก ่ วติ ามนิ อ ี • วิตามินสังเคราะหก ับวติ ามินจากธรรมชาติ (Vitamin E) และวติ ามนิ ซี (Vitamin C) มีความแตกตา งกนั หรอื ไม อยางไร ในปจั จบุ นั ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ง่ ผลใหม้ ผี ลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารเกดิ ขนึ้ มากมาย (แนวตอบ มคี วามแตกตา งกัน เพราะวิตามนิ โดยเฉพาะวิตามินต่างๆ จึงท�าให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง สงั เคราะหนน้ั เปนวิตามินท่ีถูกสรา งหรือ ยังสะดวกต่อการรับประทานและหาซ้ือได้ง่าย ซ่ึงพบว่า วิตามินดังกล่าวน้ัน เป็นวิตามินที่ถูก ผลิตขึน้ มาในรูปของผลิตภณั ฑเสรมิ อาหาร สังเคราะห์ข้ึนมาโดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานจากธรรมชาติที่เรียกว่า “วิตามินสังเคราะห” โดย แตสาํ หรบั วติ ามินจากธรรมชาตนิ ั้นเปน นา� มาเลยี นแบบโครงสรา้ งสงั เคราะหข์ นึ้ ใหมท่ งั้ หมด โดยแตกตา่ งจากสารในธรรมชาต ิ และมกั เปน็ วติ ามินทไี่ ดจ ากธรรมชาติโดยตรง ซึ่งไดจาก สารเคมเี ชงิ เดยี่ ว อาจเกดิ ประโยชนต์ อ่ ผปู้ ว ยทไี่ ดร้ บั วติ ามนิ ตามคา� สง่ั แพทย ์ เนอื่ งจากรา่ งกายขาด การบริโภคพืชและสัตว สามารถดดู ซมึ เขา สู วิตามินหรือมีปัญหาในการรับประทานอาหาร เพ่ือให้ร่างกายได้รับวิตามินนั้นๆ บางคร้ังอาจก่อ รางกายไดอ ยางรวดเร็ว) ให้เกิดโทษหรือผลข้างเคียงได้เช่นกัน หากน�ามาใช้ในทางท่ีไม่ถูกต้องและอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อร่างกายได้ ซ่ึงแตกต่างจากในอดีตท่ียังไม่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางสุขภาพ เราจึง • นักเรียนคดิ วา วิตามนิ สังเคราะหม ขี อดี ได้รับวิตามินต่างๆ ท่ีได้จากพืชและเน้ือสัตว์เพียงเท่าน้ัน หรือท่ีเรียกว่า “วิตามินจากธรรมชาติ” และขอเสยี อยางไร ซึ่งวิตามินท่ีได้จากธรรมชาติเหล่าน้ีจะมีประโยชน์ต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมากและ (แนวตอบ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ขอ ดี คือ งายตอการรบั ประทาน เหมาะ เช่น วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการบ�ารุงสายตา สําหรบั ผทู ไี่ มช อบรับประทานผกั และผลไม จะพบมากในไข ่ ตบั นม มะละกอ กลว้ ย วติ ามนิ ซ ี แตมีความตอ งการไดรับวิตามนิ ซี ชว่ ยเสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ กร่ า่ งกายจะพบมาก ขอเสยี คือ ราคาแพง และหาก ในผักและผลไม้ เช่น กะหล่�าดอก มะเขือเทศ รบั ประทานเปนประจําจะเกิดการสะสม สับปะรด ฝร่งั ส้ม เปน็ ต้น ในรางกาย และถา ไมไ ดถ ูกขับออกมา ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่เกิดข้ึนใหม่น้ันจะให้ จะกอ ใหเ กดิ อนั ตรายตอ รา งกายได) คุณประโยชน์แก่เรามากมายแต่ก็อาจจะเกิด โทษดว้ ยเสมอ วติ ามนิ กเ็ ชน่ เดยี วกนั หากเลอื กใช้ ไมถ่ กู ตอ้ งก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังน้ัน เราจึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับ สมเปนผลไมที่มีวิตามินซีสูงที่ไดจากธรรมชาติ โดยสม ความตอ้ งการของรา่ งกายตนเองอยา่ งเหมาะสม ๑ ผลขนาดกลาง จะใหวติ ามินซีมากถึง ๗๐ มลิ ลิกรมั ๑33 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดไมใชว ิตามนิ ท่พี บไดจ ากธรรมชาติ ครสู ามารถแนะนํานกั เรียนวา การไดร ับวิตามนิ จากธรรมชาตนิ ้ันจะไดผ ลดี 1. ผกั สีเขยี ว มากกวา การไดรับวิตามนิ สงั เคราะห เพราะสามารถดูดซมึ เขาสรู างกายไดอยาง 2. ผลไมหลากสี รวดเรว็ แคเพยี งการรับประทานผักและผลไม เน้ือสตั ว ฯลฯ ใหพ อเหมาะรางกาย 3. เครือ่ งในสัตว กไ็ ดร บั วติ ามนิ แลว แตถาหากตอ งการบรโิ ภควิตามนิ สงั เคราะหซ ่งึ สวนใหญอยูใน 4. แคปซลู สกัดจากชาเขยี ว รปู ของผลิตภณั ฑเสริมอาหารนั้น นักเรยี นควรรูจกั เลอื กซื้ออยางถูกตอง โดยดฉู ลาก แนวตอบ วติ ามนิ ท่พี บไดจากธรรมชาตนิ ั้นมาจากพชื และสตั ว ซง่ึ สามารถ อย. และวนั หมดอายุ นอกจากน้ไี มค วรบริโภคตดิ ตอกนั เปน เวลานาน เพราะอาจ ดูดซึมเขา สรู างกายไดอยางรวดเรว็ เชน วติ ามินเอ พบมากในไข ตับ วิตามินซี ทาํ ใหว ติ ามินเกดิ การสะสมในรางกายมากเกนิ ไป และหากไมไ ดถ กู ขับออกจะกอ พบมากในฝร่ัง สม เปน ตน แตสําหรับแคปซูลสกัดจากชาเขยี วนนั้ เปน วติ ามนิ ใหเกดิ อันตรายตอ สขุ ภาพได สงั เคราะหทผี่ า นกระบวนการทางเทคโนโลยีทางสุขภาพท่อี ยูในรปู ของ ผลิตภัณฑเ สรมิ อาหารจึงไมใชว ติ ามินจากธรรมชาติ ตอบขอ 4. คูมือครู 133
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรยี นศกึ ษาเร่อื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี ๓. ผลกระทบของเทคโนโลยีทีม่ ีตอ่ สุขภาพ ทมี่ ตี อ สขุ ภาพ จากหนงั สอื เรยี นและแหลง การเรยี นรู เพม่ิ เตมิ ตา งๆ โดยมปี ระเดน็ ในการศกึ ษา ดงั ตอ ไปนี้ เปน็ สง่ิสจัง�าคเมปไ็นทใยนใชนีวปิตัจปจรุบะจันา� วมันีก าไรดใแ้ ชก้อ ่ ุปโกทรรณศพั ์สท่ือม์สาือรถอือิเ1 ลค็กอทมรพอนิวเิกตสอ์กรัน ์ อเคยร่า่ืองงแเพล่นร่หเพลลางยแ บจบนพกกลพายา รวมทัง้ อุปกรณเ์ สริม เช่น บลทู ูธ (Bluetooth) สมอลล์ทอลค์ (Small Talk) เป็นต้น นอกจากน้ยี ัง • โทรศพั ทมือถือ มกี ารผลติ เทคโนโลยเี พอื่ ใช้เสรมิ ความงามตา่ งๆ เชน่ การรักษาสวิ ด้วยเลเซอร์ (Smooth Beam • คอมพวิ เตอร Laser) เลนส์สมั ผสั (Contact Lens) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อุปกรณส์ อ่ื สารอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละ • เลนสสมั ผสั เทคโนโลยีเพ่ือใช้เสริมความงามเหล่านี้ หากใช้อย่างไม่ถูกวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของ ผู้ใชไ้ ด ้ ซงึ่ ในทีน่ จี้ ะขอยกตัวอยา่ งเทคโนโลยที ีส่ ง่ ผลกระทบต่อสขุ ภาพในบางประเดน็ ดงั น้ี อธบิ ายความรู Explain โทรศัพทม์ ือถือ ใหนักเรยี นรวมกันอภปิ รายวา จากผลความ คอื อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ใ่ี ชใ้ นการสอื่ สาร ในปจั จบุ นั นอกจาก เจริญกาวหนา ของวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยที ีม่ ี ความสามารถพนื้ ฐานในการใชพ้ ดู คยุ กนั แลว้ ยงั มคี ณุ สมบตั ทิ เี่ พมิ่ ขนึ้ การพฒั นาอยางตอ เน่ือง มผี ลกระทบตอสขุ ภาพ เช่น การส่งข้อความสนั้ ๆ ปฏิทิน นาฬกาปลุก กล้องถ่ายภาพ เกม ของเราอยา งไร แลว ใหน กั เรยี นยกตวั อยา งเทคโนโลยี การใช้งานอินเทอร์เน็ต เป็นต้น จึงท�าให้วัยรุ่นสนใจเป็นอย่างมาก ในปจ จุบนั ท่อี าจสงผลกระทบตอสุขภาพ จากน้ัน หากใชเ้ ปน็ เวลานานๆ อาจส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพได้ ครตู ง้ั คําถามกระตนุ การเรยี นรูของนักเรยี น ผลกระทบด้านบวก • เทคโนโลยที ่ีใชส าํ หรับการส่อื สารจาํ พวก ๑. ใช้ตดิ ตอ่ ประสานงาน ซงึ่ ในปัจจบุ ันเทคโนโลยโี ทรศพั ทม์ อื ถอื ยงั สามารถเชอื่ มต่อระบบอนิ เทอร์เน็ต โทรศพั ทมอื ถอื เมือ่ นําโทรศพั ทแนบกับหู เปนประจาํ จะกอใหเ กิดผลกระทบตอ สขุ ภาพ ได้ดว้ ย ดงั นน้ั จึงมผี ูใ้ ช้ระบบการสอื่ สารเพื่อท�างานนอกสถานท่ีหรอื ทา� งานทบี่ า้ นแทนการเดินทาง อยางไร มาทา� งานจ�านวนไม่น้อย (แนวตอบ กอ ใหเ กดิ ผลกระทบในระยะสั้น ๒. ใ ชเ้ พ่ือนดั หมายบคุ คล หรอื นดั หมายวนั เวลา สถานที ่ ที่แนช่ ัด เพ่ือลดความเส่ียงในการผดิ นัดหรอื ไดแก ปวดหู ปวดศีรษะ ตาพรามวั และมนึ งง ใชเ้ พอ่ื พดู คยุ ทกั ทายเพอื่ น ญาตสิ นทิ แทนการเดนิ ทางไปพบในบางโอกาสเมอื่ เราไมส่ ะดวก สว นผลกระทบในระยะยาวนน้ั ไดแ ก ๓. ใ ชเ้ พอื่ สอ่ื สารกนั ระหวา่ งประเทศ เชน่ การตดิ ตอ่ ธรุ กจิ ระหวา่ งประเทศ การตดิ ตอ่ เพอื่ นหรอื ญาตสิ นทิ โรคความจาํ เสื่อม และโรคมะเร็งสมอง) ทอี่ ยู่ตา่ งประเทศ เปน็ ต้น ๔. ใ ช้เพอ่ื ผ่อนคลายความเครยี ด เช่น ดูภาพยนตร ์ ฟงั เพลง ถา่ ยภาพ ถ่ายคลิปวดิ โี อ (Clip Video) เลน่ เกม เชอื่ มต่อกับอนิ เทอร์เน็ต เป็นต้น ผลกระทบด้านลบ ผใู้ ชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ทมี่ กั มพี ฤตกิ รรมการใชแ้ บบเอาหแู นบกบั ตวั เครอ่ื งอยตู่ ลอดเวลาชว่ งการสนทนา นานๆ จะทา� ใหค้ ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทเ่ี กดิ จากการรบั -สง่ สญั ญาณโทรศพั ท ์ แพรเ่ ขา้ มากระทบกบั อวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย ทงั้ บรเิ วณ ห ู ตา และเขา้ ไปถงึ สมอง ซงึ่ อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ การทา� ลายเซลลแ์ ละเนอื้ เยอ่ื ในบรเิ วณ ดังกล่าวได้ โดยผลกระทบในระยะส้ัน อาจมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพรา่ มวั ขาดสมาธ ิ และเครยี ด ส่วนผลกระทบในระยะยาวอาจทา� ใหเ้ กดิ โรคความจ�าเส่ือม มะเรง็ สมอง เนอ่ื งจากมีผลการศกึ ษาพบว่า เนอื้ งอกในสมอง มคี วามสัมพันธก์ ับการใชโ้ ทรศัพทม์ อื ถือ โดยเนื้องอกในสมองมักจะเปน็ ข้างเดยี วกบั ข้างทใ่ี ชฟ้ ัง-พูดโทรศพั ทม์ ือถือเปน็ ประจ�า ๑34 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปน ผลกระทบระยะสนั้ จากการใชโทรศพั ทม อื ถอื ครคู วรแนะนํานกั เรยี นวา การใชโ ทรศพั ทม ือถือใหเกดิ ความปลอดภัยน้ัน 1. หตู งึ ควรใชแ ตล ะครง้ั ใหม รี ะยะเวลานอยลง และควรใชอ ปุ กรณเ สรมิ จําพวก Small Talk 2. โรคมะเรง็ สมอง หรือ Bluetooth ทุกคร้งั เพราะจะทําใหไดร บั คล่นื แมเหล็กไฟฟานอยลง 3. ปวดหู ปวดศีรษะ 4. โรคความจาํ เส่อื ม นกั เรียนควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ผทู ่ีใชโทรศัพทม ือถือ มกั จะมีพฤตกิ รรมการใชแ บบเอาหู แนบกบั ตวั เคร่อื งอยูต ลอดชว งการสนทนานานๆ ซ่ึงอาจทาํ ใหม ีอาการปวดหู 1 โทรศัพทม อื ถอื การใชโทรศัพทมือถือในขณะขับรถมคี วามเส่ียงตอการเกิด ปวดศรี ษะ และมอี าการอื่นรว มดว ย คอื ตาพรา มัว มนึ งง ขาดสมาธิ อบุ ตั ิเหตบุ นทองถนน เนือ่ งจากผขู ับขีจ่ ะจดจอ อยกู ับการพูดคุยกับคูสนทนา จึงทาํ ให และเกดิ ความเครยี ด แตส ําหรบั อาการหตู ึง เกดิ โรคมะเรง็ สมอง และโรค ไมม ีสมาธิขณะขบั ขี่ นอกจากนก้ี ารแชทหรือพมิ พขอความในโทรศพั ทมือถอื ระหวา ง ความจาํ เสอื่ มนั้นเปน ผลกระทบในระยะยาว ตอบขอ 3. การขบั ขน่ี ้ันก็มีความเสย่ี งตออันตรายเชน กัน เพราะผขู ับขจี่ ะตองคอยกมมองและ จดจอ อยูกับหนา จอโทรศัพท จงึ เปน สาเหตใุ หเกดิ อุบัตเิ หตขุ ึ้นได 134 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คอมพวิ เตอร์ ครถู ามนักเรียนวา เมือ่ นักเรียนใชค อมพิวเตอร เปน็ ผลติ ผลทางเทคโนโลยอี นั ทนั สมยั ทช่ี ว่ ยอา� นวยความสะดวก- เปน ระยะเวลานานอยา งตอ เน่ือง นักเรียนรสู กึ สบายและเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการทา� งานในยคุ ขอ้ มลู ขา่ วสาร นบั วนั ถงึ ความผดิ ปกตขิ องรางกายหรือไมมีอาการ คอมพวิ เตอรจ์ ะเขา้ มามบี ทบาทในการดา� เนนิ ชวี ติ และการประกอบ- อยา งไรบา ง จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ การเรยี นรู การหลายแขนงมากข้ึนเร่ือยๆ โดยอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ได้ ของนกั เรยี น เชน่ กัน • การใชคอมพิวเตอรน านเกินกวา 6 ชั่วโมง ผลกระทบดา้ นบวก ๑. ด ้านการศกึ ษา ใชเ้ พ่อื งานด้านการเรียนการสอนในหลายรูปแบบ เชน่ การน�าบทเรยี น การผลติ ส่ือ ตอ วนั จะสงผลตอ สายตาอยางไร (แนวตอบ เกดิ อาการระคายเคอื ง ตาพรา การสอน เกมเพือ่ การศึกษาหรอื คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน และสายตาสัน้ ) ๒. ด ้านความบนั เทงิ เป็นการใชค้ อมพิวเตอร์เพื่อความบันเทงิ เช่น เลน่ เกม ฟังเพลง ชมภาพยนตร ์ • เพราะเหตุใด การใชคอมพิวเตอรจึงสงผล ใหเกดิ อาการทอ งรวงได เป็นต้น (แนวตอบ เพราะบนคียบ อรดมักจะมี ๓. ด า้ นการสอื่ สารและคมนาคม ใชใ้ นการตดิ ตอ่ สอื่ สารผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ สอื่ สารถา่ ยทอดผา่ นเครอ่ื งบนิ แบคทเี รียสะสมอยู และผใู ชงานจะนาํ มอื ท่ีสัมผัสกับคียบ อรด น้ันไปหยบิ จับอาหาร และรถไฟฟา้ แบคทเี รยี เหลานน้ั จึงอาจปะปนมากบั อาหาร ๔. ด้านการแพทย ์ เช่น การใชท้ ดลองประกอบวินิจฉยั ของแพทย์ ใชใ้ นการตรวจเลอื ด ตรวจปัสสาวะ ที่รับประทานเขาไป ซึง่ ทาํ ใหเกิดอาการ ทองรวงได) การผา่ ตดั หัวใจ การควบคุมแสงเลเซอร์ การเอกซเรยก์ ารตรวจคลนื่ สมอง คลืน่ หัวใจ เป็นต้น • อาการ RSI และอาการ CTS มอี าการ แตกตา งกนั อยางไร ผลกระทบดา้ นลบ (แนวตอบ อาการ RSI จะมีอาการตึงเครียด ๑. ป ญั หาเกยี่ วกบั สายตา การใชค้ อมพวิ เตอรน์ านเกนิ กวา่ ๖ ชว่ั โมงตอ่ วนั จะทา� ใหเ้ กดิ อาการระคายเคอื ง ของกลา มเนื้อ ซ่งึ เกิดขนึ้ ไดท ุกสว นของ รา งกายตั้งแตส ายตา ตน คอ หัวไหล ตาพรา่ และสายตาสน้ั นอกจากนยี้ งั มอี าการไมเกรนดว้ ย เพราะกลา้ มเนอื้ ตาจะบบี รดั เลนสต์ าจนลา้ แผน หลงั แขน ขอมอื และขอนิ้ว แตสาํ หรบั ๒. อาการทอ้ งรว่ งเพราะคยี บ์ อรด์ (Qwerty Tummy) สาเหตเุ กดิ จากบนคยี บ์ อรด์ มกั จะมแี บคทเี รยี สะสมอย ู่ อาการ CTS จะมอี าการชาและเจบ็ ปวด ที่บริเวณขอ มอื ไมไ ดเ กิดขนึ้ กับทกุ สวนของ เนอ่ื งจากหลายคนมกั รบั ประทานอาหารทหี่ นา้ จอคอมพวิ เตอร ์ แบคทเี รยี เหลา่ นจ้ี งึ อาจปะปนเขา้ มา รา งกาย ) ในอาหารผ่านทางการสัมผัสด้วยนิ้วมือท่ีใช้เคาะคีย์บอร์ดและหยิบจับอาหาร ท�าให้เกิดอาการ ๓. อ ทาอ้ กงารรว่ ซงไวี ดเี อ้ ส1 (CVS : Computer Vision Syndrome) จะมอี าการเมอื่ ยลา้ ตา ปวดตา เคอื งตา ตาแหง้ น้า� ตาไหล ตามวั เหน็ ภาพซ้อน ปวดคอ หลัง และไหล่ ๔. อ าการอาร์เอสไอ (RSI : Repetitive Strain Injury) เกิดจากการน่งั ทา� งานหนา้ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ แบบไมถ่ กู สขุ ลกั ษณะ จงึ ทา� ใหเ้ กดิ การตงึ เครยี ดของกลา้ มเนอื้ ซง่ึ สามารถเกดิ ไดท้ กุ สว่ นของรา่ งกาย ต้งั แต่สายตา ต้นคอ หัวไหล่ แผน่ หลงั แขน ข้อมอื และขอ้ น้ิว หากปลอ่ ยไวน้ านเกินไปอาจตอ้ ง ผ่าตัดเอน็ ๕. อ าการซที เี อส (CTS : Carpal Tunnel Syndrome) เกดิ จากการใช้งานซา�้ ๆ ท่บี รเิ วณข้อมอื ท�าให้ เอน็ รอบบริเวณขอ้ มอื หนาตัวขนึ้ และไปกดเส้นประสาทท่วี ิ่งผา่ น ทา� ใหเ้ กิดอาการชาและเจบ็ ปวด ๑3๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู โรคพังผืดกดทบั เสนประสาท มักเกดิ ข้นึ กบั ผูใชอุปกรณเทคโนโลยีใดเปนประจํา ครูควรแนะนาํ นกั เรียนวา หากนกั เรียนจําเปนตอ งใชคอมพวิ เตอรเปน เวลานาน 1. คอมพวิ เตอร ควรถนอมสายตาดวยการหาแผนกรองรังสีไวท ห่ี นาจอคอมพิวเตอรเพือ่ ชว ยลด 2. โทรศัพทมือถือ แสงจาใหน อ ยลง และควรหยดุ พักสายตา 15 นาที ทุกๆ 2 ช่ัวโมง โดยการหลับตา 3. หฟู งโทรศพั ทมอื ถอื สักครู มองออกไปไกลๆ ในพื้นทส่ี เี ขียว 4. เครื่องเลนเพลงแบบพกพา วิเคราะหค ําตอบ โรคพงั ผดื กดทบั เสน ประสาท สาเหตเุ กดิ จากการ นักเรียนควรรู ใชง านซา้ํ ๆ ที่บรเิ วณขอมือ สงผลใหเ อ็นรอบบริเวณขอ มอื กอ ตัวหนาขึ้น และ 1 อาการซีวเี อส เปน กลุมอาการทางสายตาท่ีเกิดจากการใชเวลาอยูหนา จอ ไปกดทบั เสน ประสาททว่ี ง่ิ ผา น ทาํ ใหเ กดิ อาการชาและเจบ็ ปวดได ตอบขอ 1. คอมพิวเตอรวันละหลายๆ ช่ัวโมง ซ่ึงผลท่ตี ามมาก็คือ อาการตาแหงและเกดิ การเกรง็ ของกลา มเน้อื ตาทาํ ใหมอี าการปวดตา เคืองตา และสายตาลา บางคนอาจ ไมส ามารถโฟกัสภาพใหช ัดเจนได และจะทําใหเ กิดอาการสายตายาวเรว็ ขน้ึ กวาปกติ คูมือครู 135
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา เลนสส มั ผสั หรอื เลเลนนสสส์ ์สมั มัผผสั สั หรอื คอนแทกตเ์ ลนส1 ์ (Contact Lens) เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ บก๊ิ อายส ทวี่ ยั รนุ นยิ มใชก นั ในปจ จบุ นั นน้ั อนั ตราย หรอื ไม สง ผลกระทบตอ สขุ ภาพอยา งไร จากนนั้ ที่คิดค้นขึ้นมาเพ่ือแก้ไขปัญหาการท่ีต้องสวมใส่แว่นตาและส�าหรับ ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น ผทู้ ี่มสี ายตาผดิ ปกติ เชน่ สายตาสั้นมาก หรอื ใชใ้ นการรกั ษาโรคที่ เกีย่ วข้องกับตาหรือใชเ้ พอ่ื วตั ถุประสงค์อ่นื เช่น เพือ่ ความสวยงาม • บิ๊กอายส (Big Eyes) ใชใ นการรกั ษาโรค ท่ที า� ให้มองเห็นตากลมโต หรือท่เี รียกว่า บิ๊กอายส์ (Big Eyes) ทเ่ี กี่ยวของกับดวงตาไดหรือไม เพราะเหตุใด คอนแทกตเ์ ลนสจ์ ะมลี กั ษณะเปน็ แผน่ พลาสตกิ ใสบางๆ แผน่ กลม (แนวตอบ ไมได เพราะบ๊ิกอายสเปน และตัวเลนสท์ ี่ใชจ้ ะมลี ักษณะเชน่ เดียวกบั เลนสท์ ี่ใช้กับแว่นตา โดย เลนสส ัมผัสท่ีใชเ พ่ือความสวยงาม ใหด วงตา คอนแทกต์เลนส์ประเภทนี้เหมือนกับคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นที่มี ดูกลมโตเทานั้น) หลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีด�าหรือสีเข้มต่างๆ ท่ี จะท�าให้มองเห็นวา่ ผ้ใู สม่ ตี าดา� ขยายใหญ่และกลมโตกวา่ ปกติ ซงึ่ การใสค่ อนแทกตเ์ ลนสอ์ ยา่ งไม่ถูกวิธีน้ัน • ผทู ใ่ี ชเลนสสมั ผสั ตดิ ตอกนั เปน เวลานานๆ อาจท�าให้เกิดการตดิ เชื้อท่ีดวงตา กระจกตาเปน็ แผล และอาจทา� ใหต้ าบอดได้ จะสง ผลกระทบตอสขุ ภาพอยางไร (แนวตอบ มีอาการตาแหง เกิดการอักเสบของ ผลกระทบดา้ นบวก กระจกตา และอาจติดเชือ้ ได) ๑. เพอื่ แก้ปญั หาสายตาท่ผี ดิ ปกติ ซง่ึ ได้ทง้ั สายตาสั้น ยาว เอียง และสายตาของผู้สูงอายุ ๒. เ พอื่ ความสวยงาม เชน่ การใชค้ อนแทกตเ์ ลนสส์ ตี า่ งๆ ใหเ้ ขา้ กบั เสอื้ ผา้ หรอื ใสค่ อนแทกตเ์ ลนสต์ าโต เพือ่ ท�าให้ตาดา� โตสวยงาม ๓. ใ ชร้ กั ษาโรคของตาดา� บางชนดิ เชน่ ใชค้ อนแทกตเ์ ลนสป์ ด ไวใ้ นผปู้ ว ยทม่ี ตี าดา� ถลอก หรอื ใชเ้ มอื่ มกี าร ทา� เลสกิ ซงึ่ ตอ้ งมกี ารผา่ กระจกตาออกแลว้ ปด โดยไมต่ อ้ งเยบ็ ซงึ่ การใสค่ อนแทกตเ์ ลนสไ์ วจ้ ะชว่ ยให้ กระจกตาทีถ่ ูกผา่ ติดกันแนบแนน่ ยิง่ ขึ้น ๔. ใ ช้เพ่ือรักษาสายตาสั้นใหห้ ายชวั่ คราว ซง่ึ เป็นการใช้คอนแทกตเ์ ลนสใ์ นเวลานอนเพือ่ ปรับความโคง้ ของตาใหแ้ บนลง (ลดภาวะสายตาส้นั ) เมอื่ ตื่นขน้ึ เอาเลนส์ออก สายตาก็จะหายส้ันไปช่วั เวลาหน่ึง จนบางคนหายจากสายตาสัน้ ได ้ แตเ่ นือ่ งจากมคี วามเส่ียงต่อการติดเช้อื ไดง้ ่าย วธิ ีน้ีจงึ ยังไมเ่ ป็นที่ แพร่หลาย ผลกระทบด้านลบ ๑. เ กดิ ตมุ่ อกั เสบบนหนงั ตาดา้ นใน สาเหตเุ กดิ จากการระคายเคอื งจากเลนส ์ และอาการทอี่ าจเกดิ ตอ่ เนอ่ื ง ตามมา เชน่ ภาวะตาตก ตาแดง ระคายเคอื ง มองภาพไมช่ ัด มีน�้าตา ตาไม่สู้แสง เป็นตน้ ๒. เ กดิ การอกั เสบของกระจกตาและเยอ่ื ตาขาว ส่วนท่สี ัมผัสกบั คอนแทกต์เลนส์ อาการนี้มกั เกดิ จาก การแพ ้ หรอื จากพษิ ขา้ งเคยี งของวตั ถกุ นั เสยี หรอื สารเคมที ใ่ี ชฆ้ า่ เชอื้ เปน็ อาการแพท้ ค่ี อ่ ยๆ เกดิ ขน้ึ ซงึ่ อาจใชเ้ วลา ๒-๓ ป นอกจากนี้การเกิดส่ิงสะสมบนเลนส์หรอื อาการตาแหง้ จะท�าใหอ้ าการอกั เสบ เกิดมากข้ึน ๑36 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ผูทใี่ สคอนแทกตเลนสเ ปน เวลานานๆ อาจกอใหเ กดิ ผลกระทบอยางไร 1 คอนแทกตเ ลนส คอนแทกตเ ลนสท ไ่ี ดค ณุ ภาพ มาตรฐานการรบั รอง 1. อาการ CVS จากสาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมคี วามกวา งไมเ กนิ 14.5 2. สายตาพรา มัว มลิ ลเิ มตร หากมขี นาดกวา ง 15 - 19 มลิ ลเิ มตร ถอื วา ผดิ กฎหมาย โดยผทู ใ่ี ส 3. เคืองตาและนาํ้ ตาไหล คอนแทกตเ ลนส ควรมอี ายุ 18 ปข น้ึ ไป หรอื เปน ผทู บี่ รรลนุ ติ ภิ าวะแลว 4. เกดิ การอักเสบและตดิ เชอื้ ไมแ นะนาํ ใหเ ดก็ อายตุ า่ํ กวา 15 ปใ ส เนอ่ื งจากยงั ขาดความระมดั ระวงั ความใสใ จ วเิ คราะหค าํ ตอบ ผูท ่ใี สคอนแทกตเ ลนสเ ปนเวลานานๆ อาจกอใหเ กิด ดแู ลทาํ ความสะอาด เสย่ี งตอ ปญ หาตาอกั เสบตดิ เชอื้ ซง่ึ มผี ลกบั อนาคตในระยะยาว การอักเสบของกระจกตาและเย่ือตาขาว มกั เกิดจากการแพ ซงึ่ เปน อาการแพ หากมคี วามจาํ เปน ตอ งใส เชน มปี ญ หาสายตา ควรปรกึ ษาจกั ษแุ พทยม ากกวา ทค่ี อ ยๆ เกิดขน้ึ 2 - 3 ป และเกิดการตดิ เชื้อในเวลาตอ มา ตอบขอ 4. รา นขายแวน หรอื รา นตดั แวน ทว่ั ไป 136 คูม อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. อ าการตาแหง้ ซง่ึ มกั เกดิ จากการแพ ้ พบในผทู้ ใ่ี ชค้ อนแทกตเ์ ลนสน์ าน ๒-๓ ป นอกจากนยี้ งั มปี จั จยั อนื่ ใหน กั เรยี นอา นเกรด็ นา รเู รอื่ ง ขอ ควรระวงั ทที่ �าให้ตาแห้งได้ เชน่ ในการใชค อนแทกตเ ลนส แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา การใชค อนแทกตเ ลนสเ พอ่ื ใหเ กดิ • การใชย้ าบางชนิด เช่น ยาขบั ปสั สาวะ หรือยารักษาโรคหวั ใจ ความปลอดภยั นนั้ ควรปฏบิ ตั ติ นอยา งไร จากนนั้ • การกะพรบิ ตาท่ผี ิดปกติ ครตู ง้ั คาํ ถามเพอื่ กระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น • ตาโปนผดิ ปกติ • ผวิ ของลูกตาผดิ ปกต ิ เน่ืองจากมจี ดุ เหลืองๆ บนกระจกตา หรอื ต้อลม หรือตอ้ เน้อื • วิธกี ารใสค อนแทกตเลนสอ ยา งถกู ตอง • ผวิ คอนแทกตเ์ ลนสไ์ มเ่ รียบ ควรปฏิบัตอิ ยา งไร ๔. ก ารอกั เสบ เนื่องจากเกิดบาดแผลหรือการช�า้ ทเ่ี ยื่อตา ตาแหง้ มีอาการแพ้ หรอื ขาดออกซิเจน และ (แนวตอบ ลา งมอื ฟอกสบใู หส ะอาดทกุ ครงั้ กอ นสมั ผสั เลนส และไมค วรใสค อนแทกต- เกิดการติดเช้อื ซึ่งเป็นอันตรายได้ จึงจา� เป็นต้องให้ผู้ปว ยหยดุ การใชค้ อนแทกตเ์ ลนส์จนกว่าแผลจะ เลนสข ณะวา ยนาํ้ เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ การ หายเสียก่อน ตดิ เชอ้ื ทด่ี วงตาได) ๕. การติดเชื้อ พบในผู้ที่ใช้เลนส์ชนิดที่ใส่ติดต่อกันนานๆ หรือการติดเชื้อเกิดจากตัวผู้ใช้เอง หรือ มาจากน้า� ยาทใ่ี ช้กบั เลนส์ หรอื ภาชนะบรรจุเลนส์ และโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิตา้ นทานต่า� เชน่ ผ้ปู ว ย • หากเกดิ อาการผดิ ปกตทิ ่ดี วงตาในขณะใส โรคเบาหวาน คอนแทกตเลนส ควรทําอยางไร (แนวตอบ ใหหยดุ ใสค อนแทกตเลนสท นั ที เกรด็ นา่ รู้ และรบี ไปพบจักษุแพทยโ ดยเรว็ ) ขอ ควรระวงั ในการใชค อนแทกตเลนส ขยายความเขา ใจ Expand ๑. การเลอื กใชค อนแทกตเ ลนสค แู รก ตอ งไดร บั การตรวจตาเสยี กอ นวา ไมม ขี อ หา มในการใชแ ละตอ งได รบั การประกอบขนาดทแ่ี นน อน เหมาะสมจากจกั ษแุ พทยห รอื ผเู ชยี่ วชาญเทา นนั้ ไมค วรไปซอื้ เองจากรา นทวั่ ไป ใหนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน เพราะการใชค อนแทกตเลนสท ีไ่ มพอดกี ับดวงตา อาจทาํ ใหก ระจกตาเปนแผล เกิดการตดิ เชอื้ หรอื ตาบอดได รวบรวมบทความหรอื ผลงานวจิ ัยเกยี่ วกับการใช ๒. ผูทีม่ ีสภาวะของดวงตาผดิ ปกติ เชน ตอ เนื้อ ตอ ลม ตาแดง กระจกตาไวตอความรสู กึ ลดลง ตาแหง เทคโนโลยที มี่ ีผลกระทบตอ สุขภาพ แลว นํามา กะพริบตาไมเ ต็มที่ ไมค วรใชคอนแทกตเ ลนส จัดปา ยนเิ ทศ ๓. ควรเปลี่ยนตลบั ใสคอนแทกตเ ลนสท ุก ๓ เดอื น ๔. ไมควรใสค อนแทกตเลนสข ณะวายน้ํา เพราะอาจทําใหเ กดิ การติดเช้ือทตี่ าได ๕. ลางมือฟอกสบใู หส ะอาดทกุ คร้ังกอ นสัมผสั เลนส ๖. หากเกิดอาการผิดปกติ เชน เจ็บหรอื ปวดตารว มกบั อาการแพแสง ตามวั ลง นาํ้ ตาไหลมาก ตาแดง ใหห ยดุ ใชค อนแทกตเลนสท ันที และรีบพบจักษุแพทยโ ดยเร็ว ๗. ปฏิบัติตามคําแนะนําของผูประกอบเลนสและคูมือ หรือฉลากอยางเครงครัด และควรไดรับการ ตรวจตาจากจกั ษแุ พทยเ ปนระยะๆ แมไมม ีอาการ ๘. ผูสวมใสตองมีเวลาใหดวงตาไดพักหรือปลอดจากการใสเลนส ถาเปนผูมีความผิดปกติของสายตา ควรมีแวนสายตาไวใชในระยะเวลาพกั ของดวงตา ทม่ี า : สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๑3๗ กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน ักเรียนคนควา ขอ มูลเก่ียวกับอันตรายจากการใชคอนแทกตเลนส ครคู วรแนะนาํ นักเรยี นวา หากนักเรยี นมปี ญหาทางดา นสายตา ควรไปพบ แลวจัดทําเปน แผน พับแจกใหก บั บุคคลอนื่ ภายในโรงเรยี น จกั ษุแพทยทันที และไมควรซอ้ื คอนแทกตเลนสมาใสเ องโดยเฉพาะตามทอ งตลาด ทม่ี ขี ายกนั ทวั่ ไป เพราะเสยี่ งอนั ตรายตอ สขุ ภาพเปน อยา งมาก ซง่ึ อาจทาํ ใหต าบอดได กิจกรรมทาทาย มุม IT ใหน ักเรยี นวิเคราะหความแตกตางระหวางคอนแทกตเ ลนสทใี่ ชเ พือ่ การรักษาโรค กับคอนแทกตเ ลนสท ใี่ ชเ พอื่ ความสวยงาม จากนัน้ ใหบ อก สามารถศึกษาเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับ อนั ตรายจากการใสบิก๊ อายส จากบทความเรื่อง ผลกระทบดา นบวก และผลกระทบดา นลบทเี่ กดิ จากการใชค อนแทกตเ ลนส “เตือน ! บิก๊ อายสระบาดซ้ํา เส่ียงติดเชอ้ื ตาบอด” ไดจ าก www.thaihealth.or.th ทงั้ 2 ชนดิ โดยจัดทําเปน รูปเลม รายงานแลว นําสงครผู ูสอน คูมอื ครู 137
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ครรู ว มสนทนากับนักเรยี น และถามนักเรยี นวา อย่างไรก็ตาม คอนแทกต์เลนส์หรือเลนส์สัมผัสถึงแม้ว่าจะใช้ส�าหรับผู้ที่มีปัญหา หากนกั เรียนจาํ เปน จะตอ งใชเ ทคโนโลยีทางสขุ ภาพ ทางสายตาทไี่ มอ่ ยากสวมแวน่ แตส่ า� หรบั บางคนกใ็ ชเ้ พอื่ ความสวยงามโดยการเปลย่ี นสขี องดวงตา นกั เรยี นจะมวี ธิ ีการเลือกหรือตดั สนิ ใจในการใช เชน่ ใหม้ สี นี า้� ตาล หรอื สฟี า้ เปน็ ตน้ หรอื รปู แบบของดวงตา แตไ่ มว่ า่ จะใชเ้ พอ่ื วตั ถปุ ระสงคใ์ ดกต็ าม เทคโนโลยเี หลา นนั้ ไดอยา งไร จากน้นั ใหน ักเรยี น เนื่องจากเลนส์ท่ีใช้ต้องสัมผัสผิวของดวงตาท่ีบอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย ศกึ ษาเรื่อง การตัดสนิ ใจเลือกรับและใชเทคโนโลยี ดงั นน้ั ถา้ ผใู้ ชค้ อนแทกตเ์ ลนสป์ ฏบิ ตั ติ ามคา� เตอื น ขอ้ ควรระวงั และขอ้ หา้ มใชด้ งั กลา่ วขา้ งตน้ กจ็ ะมี ทางสขุ ภาพ จากหนงั สอื เรียน เพือ่ เตรียมอภิปราย ความปลอดภัยและสามารถลดความเส่ยี งจากการใชค้ อนแทกต์เลนสไ์ ด้ รว มกัน ๔. การตดั สนิ ใจเลอื กรับและใช้เทคโนโลยที างสขุ ภาพ อธบิ ายความรู Explain ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีทางสุขภาพจะมีคุณค่าในการช่วยให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายและ ใหน กั เรียนรวมกนั อภิปรายเรือ่ ง การตดั สนิ ใจ มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนก็ตาม แต่หากมนุษย์ไม่รู้จักตัดสินใจเลือกรับและใช้เทคโนโลยีทางสุขภาพ เลอื กรบั และใชเ ทคโนโลยที างสขุ ภาพ โดยครอู ธบิ าย ขใหอ้เงหเมทาคะโสนมโลแยลีทะถ่ีมูกีตต่อ้อสงิ่ง แอวันดตลร้อามย หเรชือ่นค วกามารเสที่ย�างใหต่อ้เกสิดุขภภาาวพะกโล็อกาจร้เอกนิด1 ขก้ึนาไรดเ้ กเิดนภื่อางวจะามกลผพลิษกรตะ่าทงบๆ เพิ่มเตมิ วา การตัดสนิ ใจเลือกรับและใชเ ทคโนโลยี การขาดคุณธรรมหรือศีลธรรมต่อมวลมนุษย์ การใช้มนุษย์เป็นตัวทดลองเพ่ือค้นคว้าวิจัยในเร่ือง ทางสขุ ภาพ ควรมหี ลกั ดังนี้ การผลิตยาหรือวัคซีน การน�าเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการผลิตสารเคมีหรือเช้ือโรคเพื่อมุ่งร้าย ท�าลายกัน ขณะเดียวกันความต้องการผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในการบริโภค ท้ังอาหารและยารักษาโรคท ่ี 1. ศึกษาขอมูลของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพตา งๆ เพมิ่ มากขนึ้ ท�าให้มกี ารตัดแต่งพนั ธกุ รรม ซงึ่ อาจส่งผลอันตรายตอ่ สุขภาพได ้ เปน็ ต้น จากเอกสารหรอื คมู ือการใช ดังน้ัน การตัดสินใจเลอื กรับและใช้เทคโนโลยที างสุขภาพ จงึ ควรมีหลกั พจิ ารณา ดงั นี้ ๑. ไม่ควรหลงเชื่อค�าโฆษณาชวนเช่ือต่างๆ โดยใช้หลักของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า 2. ปฏิบตั ิตามข้ันตอนในการใชอยางถกู ตอง “กาลามสูตร” คือ ให้รู้จักใช้สติและปัญญาพิจารณาไตร่ตรองดูว่าข้อมูลท่ีได้รับฟังมานั้นเป็นจริง 3. คาํ นงึ ถงึ สขุ ภาพและความปลอดภยั เปน สาํ คญั และถกู ต้องมากนอ้ ยเพยี งใด เพ่ือไมใ่ หเ้ กดิ ผลเสียตามมา 4. ใชเครื่องมือหรืออุปกรณท างสุขภาพดว ย ๒. ศึกษาข้อมูลของเทคโนโลยีทางสุขภาพต่างๆ จากเอกสารหรือคู่มือการใช้ เพ่ือให้เกิด ความรู้ความเขา้ ใจขน้ั ตอนหรอื วิธกี ารใช้เทคโนโลยีทางสุขภาพนั้นๆ ความระมดั ระวงั ๓. ปฏิบัติตามข้ันตอนในการใช้อย่างถูกต้อง ท้ังอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ อุปกรณ ์ สอื่ สารอิเล็กทรอนกิ ส์ เทคโนโลยที ีม่ ลี ักษณะเป็นเคร่อื งจกั รกล หรือเครื่องยนต์ ๔. ค�านึงถึงวัตถุประสงค์ของการน�าเทคโนโลยีทางสุขภาพไปใช้ โดยพิจารณาจากประเภท ลักษณะ ประโยชนใ์ ชส้ อย ความถูกตอ้ ง และความเหมาะสม ๕. พิจารณาถึงคณุ ภาพของการผลิตและการนา� ไปใช้งานเพ่อื ให้เกดิ ประสิทธิภาพมากท่ีสดุ ๖. คา� นงึ ถงึ สขุ ภาพและความปลอดภยั เปน็ สา� คญั ถงึ แมว้ า่ เทคโนโลยบี างอยา่ งอาจจะมผี ลดี ตอ่ สุขภาพ แตข่ ้นั ตอนหรือกระบวนการผลติ อาจมีส่วนท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพโดยทางอ้อมหรอื ในระยะยาวได้ ๑38 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET บคุ คลใดไม สามารถตดั สนิ ใจและเลอื กใชเทคโนโลยที างสขุ ภาพไดอ ยาง 1 ภาวะโลกรอ น สาเหตุที่ทาํ ใหเกิดภาวะโลกรอ นก็เพราะวา กา ซเรอื นกระจก เหมาะสม เชน ไอนํา้ กาซคารบอนไดออกไซด โอโซน มีเทนและไนตรสั ออกไซด เปน ตน 1. จอส ปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนในการใชไ ดอ ยา งถูกตอง ท่เี พม่ิ ขนึ้ จากการทาํ กิจกรรมตางๆ ของมนุษย ไมว าจะเปน การเผาผลาญถา นหนิ 2. จอม ใชเ ครอ่ื งมือหรืออปุ กรณท างสขุ ภาพดว ยความระมัดระวงั และเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีท่ีมสี ว นผสมของกา ซเรือนกระจกท่มี นษุ ยใช และ 3. แจง ศกึ ษาขอ มูลของเทคโนโลยที างสขุ ภาพจากคูมอื การใชงาน อืน่ ๆ อกี มากมาย จงึ ทาํ ใหกา ซเรอื นกระจกเหลานีล้ อยขึ้นไปรวมตวั กันอยบู นชั้น 4. จมุ ไมค าํ นงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงคข องการนาํ เทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใชง าน บรรยากาศของโลก ทาํ ใหร งั สีของดวงอาทิตยทคี่ วรจะสะทอ นกลับออกไปในปริมาณ วิเคราะหคาํ ตอบ การตดั สินใจและเลอื กใชเ ทคโนโลยที างสขุ ภาพ ควร ท่เี หมาะสม กลับถูกกา ซเรอื นกระจกเหลานก้ี กั เกบ็ ไว ทําใหอ ุณหภมู ขิ องโลกคอ ยๆ ศกึ ษาขอมูลของเทคโนโลยีทางสุขภาพนน้ั ๆ จากคมู อื การใชงาน คํานงึ ถึง สงู ขน้ึ จากเดมิ ความปลอดภัยและความระมัดระวงั ปฏบิ ัติตามข้นั ตอนในการใชไ ดอยาง ถูกตอง และคํานงึ ถึงวัตถปุ ระสงคของการนาํ เทคโนโลยที างสขุ ภาพ มาใชง าน โดยพจิ ารณาจากประเภท ลกั ษณะ ประโยชนใ ชสอย ความถูกตอ ง และความเหมาะสม ตอบขอ 4. 138 คูมือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Evaluate Engage Explore Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครตู ง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยนกั เรียน สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอ ยา งอสิ ระ ๗. พจิ ารณาถึงราคา ค่าใช้จ่าย และผูใ้ ช้ เพ่ือให้เกดิ ความคุ้มคา่ แก่การลงทนุ • นกั เรยี นคิดวา ปจจบุ ันการแพทยของไทย ๘. เทคโนโลยีนั้น ควรมคี วามสะดวกและวิธกี ารใชท้ ่ไี มย่ ุ่งยากซับซอ้ นจนเกินไป ไดรับการพฒั นามากข้นึ กวาในสมยั อดตี ๙. ใชเ้ ครือ่ งมอื หรอื อุปกรณท์ างสุขภาพดว้ ยความระมัดระวงั อยา งไรบาง ๑๐. ควรค�านงึ ถงึ คุณธรรมและความถูกต้องเหมาะสมในการใช้ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอ ยางอสิ ระ) ๕. ความเจริญกา้ วหน้าทางการแพทยท์ ี่มีผลตอ่ สขุ ภาพ • นักเรียนคิดวา ววิ ฒั นาการทางการแพทย ววิ ฒั นาการทางการแพทย์ของไทยนัน้ มกี ารพัฒนามาตามล�าดบั นบั จากการใชก้ ารแพทย์ แผนปจจบุ นั เกิดขึ้นไดอ ยางไร แผนไทยหรือการแพทย์แผนโบราณมาต้ังแต่สมัยอดีตในสมัยสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความ และเมื่อมีการเร่ิมติดต่อกับชาติตะวันตก ก็ได้มีการน�าการแพทย์แผนปัจจุบันหรือการแพทย์ คดิ เหน็ ไดอยา งอิสระ โดยจะไดศ กึ ษาใน แผนตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย โดยเริ่มจากในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชท่ีมี เนอื้ หาตอ ไป) การติดต่อกับชาวฝรั่งเศส แต่ในสมัยต่อมา หลังจากท่ีสมเด็จพระเพทราชาได้ขับไล่ชาวฝร่ังเศส ออกไปแล้ว การแพทย์แผนปัจจุบันที่น�ามาโดยชาวฝร่ังเศสก็พลอยสูญหายไปด้วย คนไทยจึง • ระบบการแพทยของไทยในปจจบุ ัน กลับไปใชก้ ารแพทยแ์ ผนโบราณตามเดมิ มอี ะไรบาง การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ไดถ้ กู รอื้ ฟน้ื มาอกี ครงั้ ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ พรอ้ มกบั การเขา้ มา (แนวตอบ ไดแก การแพทยแ ผนปจ จบุ ัน ของนกั สอนศาสนาคริสต ์ ทีส่ า� คญั ก็คอื นายแพทยแ์ ดน บชี บรัดเลย ์ (Dan Beach Bradley) การแพทยแผนไทยและการแพทยแ ผนไทย หรือที่เรียกว่า “หมอบรัดเลย” ซึ่งได้เข้ามาปฏิบัติงานทางการแพทย์จนมีชื่อเสียงเป็นท่ีรู้จักกัน ประยุกต และการแพทยท างเลือก) ท่ัวไป ท้ังในหมู่ประชาชน ข้าราชการ และ สาํ รวจคน หา Explore บุคคลชั้นสูงของประเทศ นับจากน้ันเป็นต้นมา การแพทยแ์ ผนปัจจบุ ันไดม้ คี วามเจรญิ กา้ วหน้า มากขึ้นมาตามล�าดับ กล่าวคือ ในรัชสมัยของ ใหนกั เรยี นแบงกลุม กลุม ละ 3-4 คน ศกึ ษา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รง เรอ่ื ง ความเจรญิ กาวหนาทางการแพทยท ี่มีผลตอ มกี ารจา้ งแพทยช์ าวองั กฤษมาประจา� ในราชสา� นกั สขุ ภาพ จากหนงั สือเรยี นและแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ แต่กิจการส�าคัญท่ีท�าให้การแพทย์แผนปัจจุบัน เพ่มิ เตมิ โดยมีประเด็นในการศกึ ษา ดังน้ี สามารถปักหลักอย่างม่ันคงในประเทศไทยได้ ก็คือการท่ีมีพระราชด�าริให้สร้างโรงพยาบาล • ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจ จบุ นั ศิริราชข้ึน เพ่ือใช้เป็นท่ีบ�าบัดรักษาและพ�านัก • หลกั ในการพจิ ารณาเลือกใชบ รกิ ารทาง การแพทยท ี่เหมาะสม ส�าหรับราษฎรท่ีเกิดการเจ็บปวยจนกว่าอาการ อธบิ ายความรู Explain จะทเุ ลา ในขณะทกี่ อ่ นหนา้ นนั้ ถ้าราษฎรเจบ็ ไข้ ไดป้ ว ยตอ้ งไปอาศยั วงั ของเจา้ นายและเคหสถาน ศหมาสอบนราดั คเรลิสยตเป น แนลาะยยแังพเปทยนช ผาูเวรอิ่มเมตรนกิ นัททําเี่กขาา รมผาเาผตยัด1แพในร ครตู ง้ั คาํ ถามเพอ่ื กระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น ของขนุ นางเป็นที่พกั ชัว่ คราว • บุคคลใดเปนผูรเิ ริม่ การแพทยแ ผนปจจบุ ัน ประเทศไทยเปนครัง้ แรก ซ่งึ มคี วามเจริญกาวหนาเปน อยางมากจนถึง ๑3๙ ปจจบุ นั น้ี (แนวตอบ นายแพทยแ ดน บีช บรดั เลย (Dan Beach Bradley) หรือหมอบรัดเลย) แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดเปนผลมาจากความเจริญกาวหนาทางการแพทยทใ่ี ชในการรักษาโรค ครอู าจใหน ักเรยี นสบื คน ขอ มูลเกี่ยวกบั ประวัตแิ ละคณุ ูปการทางการแพทยของ 1. เครอื่ งใหย าสลบ หมอบรดั เลยท มี่ ตี อ สังคมไทย แลว เขยี นสรุปสาระสาํ คัญในรูปแบบของผงั ความคิด 2. เครื่องตรวจสารเคมี สง ครูผูสอน 3. เครอื่ งชวยการไดย นิ 4. เคร่ืองตรวจคลน่ื ความถี่ วิเคราะหคาํ ตอบ ความเจริญกา วหนาทางการแพทยทใ่ี ชในการรักษาโรค นักเรียนควรรู คือ เครื่องชวยการไดย ิน ซ่ึงจะสามารถชวยผบู กพรองทางการไดย ิน 1 การผา ตัด ปจจุบันมกี ารผา ตัดดว ยการสองกลอง 3 มติ ิ ซึ่งจะชวยเพมิ่ ความ ใหสามารถรับรูขอมูลตางๆ ได ตอบขอ 3. แมนยาํ ใหแพทยไดเห็นรายละเอียดเชิงลึกไดช ดั เจน สามารถกะระยะไดตรงจุด ชวยใหก ารผาตัดมีความปลอดภัยและรวดเร็วมากกวาการผา ตดั เปด แผลแบบเดิม อีกทง้ั ยังชวยลดการบาดเจบ็ และทาํ ใหผปู ว ยฟน ตวั ไดเ ร็วขน้ึ คูม ือครู 139
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี น 1 กลมุ ออกมานาํ เสนอในประเดน็ จากความเจริญก้าวหน้าของการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ส่งผล ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจ จบุ ัน โดยครู ให้การแพทย์แผนไทยที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเสื่อมถอยความนิยมไป แต่ในปัจจุบันได้มีการรื้อฟื้น และนักเรียนกลุมอนื่ ๆ เสนอแนะเพิม่ เตมิ และ ขึน้ มาใหม ่ โดยจัดใหม้ ีการเรียนการสอนหลกั สตู รการแพทย์แผนไทยเพ่ิมมากข้นึ และมีการผลติ ต้ังคาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสขู อสรุปท่ีถกู ตองรว มกนั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ผนไทย เพอ่ื เปน็ อีกทางเลอื กหนึ่งในการดแู ลสขุ ภาพของประชาชน • การแพทยแผนปจจบุ นั มลี กั ษณะอยางไร ๕.๑ ระบบการแพทยข องประเทศไทยในปจจบุ ัน (แนวตอบ เปน การแพทยท ใี่ หก ารรักษาทางยา การผาตัด รังสรี กั ษา และยาเคมีบําบัด ในประเทศไทยปจั จบุ นั นน้ั เมอื่ กลา่ วถงึ ระบบการแพทย ์ จะมกี ารจา� แนกออกไดเ้ ปน็ ๓ ประเภท โดยวชิ าความรดู า นแพทยศาสตรและการ คอื การแพทยแ์ ผนปจั จบุ ันหรอื การแพทยก์ ระแสหลัก การแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทย พยาบาลนนั้ แพทยและพยาบาลจะตองผา น ประยุกต ์ และการแพทย์ทางเลือก ซ่ึงมีความแตกตา่ งกนั ดงั ตอ่ ไปนี้ การเรียนการสอนและการฝก ฝนจากโรงเรียน แพทยแ ละโรงเรียนพยาบาล) รังสีรักษา แ๑ล)ะ ยกาเาครมแีบพ�าบทัดย1 ์แโผดยนวปิชจาคจวุบาันม รู้ดค้าือน แกพาทรแยศพาทสยต์ทรี่์แใหล้กะกาารรรพักยษาาบทาาลงนยั้นา การผ่าตัด แพทย์และ • การแพทยแผนไทย มลี ักษณะอยา งไร พยาบาลจะต้องผ่านการเรียนการสอนและการฝกฝนจากโรงเรียนแพทย์และโรงเรียนพยาบาล (แนวตอบ เปน การแพทยท่ใี ชห ลกั ทฤษฎคี วาม การแพทย์แผนปัจจบุ ันเป็นความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ทพ่ี สิ ูจน์และตรวจสอบได้ มีแหล่งท่ีมาจากการ สมดลุ ของธาตุตา งๆ ในรา งกายเขา มาอธบิ าย ศึกษาถูกต้องตามหลักวิชาและหลักสถิติ มีการค้นคว้าวิจัย มีการเผยแพร่องค์ความรู้ และมีการ ผสมผสานองคความรูจากวัฒนธรรมอินเดยี รบั รองจากองคก์ รหรอื สถาบนั ตา่ งๆ ทว่ั โลกวา่ ใหป้ ระโยชนต์ อ่ ผปู้ ว ยไดจ้ รงิ การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนา และการถา ยทอดสบื ตอ กนั มา นบั วา่ เปน็ การแพทย์กระแสหลกั ของสงั คมไทยท่ีประชาชนใหก้ ารยอมรับเปน็ อย่างสูง นอกจากนีก้ ารแพทยแผนไทยยงั รวมถึงการ ผลติ ยาแผนไทย การนวดไทย และ การผดุงครรภเขา ไปในกระบวนการ ทางแพทยอีกดวย) การแพทยแผนปจจุบัน จะใชเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวย เพ่ือใหการบําบัดรักษาโรคเปนไปอยาง มปี ระสทิ ธภิ าพและสะดวกรวดเร็ว ๑4๐ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน การรกั ษาแบบการแพทยแผนปจจุบัน ครูอาจใหนักเรยี นสบื คนขอมูลเกี่ยวกับการแพทยแ ผนปจ จบุ ันในประเทศ 1. การผาตดั อาเซยี น แลว นาํ มาอภิปรายรว มกันวา ประเทศในอาเซียนมคี วามเจรญิ กา วหนา 2. การนวดแผนไทย ทางการแพทยม ากนอยเพียงใด และคดิ วาเปนการบําบดั รกั ษาโรคทไ่ี ดผลหรอื ไม 3. การใชสมุนไพรรักษา 4. การปฏิบตั ิโยคะเพอ่ื บําบดั โรค นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ การรักษาแบบการแพทยแ ผนปจ จุบัน คือ การแพทย ท่ีใหการรกั ษาทางยา การผา ตดั รงั สรี กั ษา และยาเคมบี ําบัด เปน ความรู 1 ยาเคมบี าํ บัด เปน ยาที่ใชในการรักษาโรคมะเรง็ ทีม่ ีคุณสมบัตฆิ าเซลลมะเรง็ ทางวทิ ยาศาสตรที่พสิ ูจนและตรวจสอบได มกี ารคนควา วิจยั และมกี าร หรอื ยับยง้ั การเจริญเติบโตของเซลลม ะเร็ง ยาเคมบี าํ บัดบางชนิดไดม าจากพืช รบั รองจากองคก รหรือสถาบันตา งๆ ท่วั โลกวา ใหป ระโยชนตอผปู ว ย แตน าํ มาสงั เคราะหเพ่อื ใหไดปริมาณมากพอท่ีจะใชร กั ษาโรคมะเร็งใหห ายได ไดจ ริง ตอบขอ 1. 140 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) การแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ การแพทยแ์ ผนไทยและ ครูสุมนกั เรียนอีก 1 กลุม โดยไมซ ้าํ กับ การแพทยแ์ ผนไทยประยุกต์นั้น มคี วามแตกตา่ งกันในบางประเดน็ ดงั นี้ กลุม เดิม ออกมานําเสนอในประเดน็ ระบบ ๒.๑) การแพทยแ์ ผนไทย มักเป็นทีร่ ู้จกั กันในนามของ “การแพทยแ ผนโบราณ” การแพทยข องประเทศไทยในปจ จุบัน โดยครู เป็นความพยายามจะอธิบายถึงภาวะต่างๆ ที่ และนกั เรยี นกลุมอนื่ ๆ เสนอแนะเพิ่มเติม และ เก่ียวกับสุขภาพ ท้ังสภาวะปกติและสภาวะท่ี ตัง้ คาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสขู อสรุปท่ถี กู ตองรว มกนั ผดิ ปกต ิ (เปน็ โรค) โดยใชท้ ฤษฎคี วามสมดลุ ของ ธาตตุ ่างๆ ในร่างกายเขา้ มาอธิบาย ผสมผสาน • การแพทยแ ผนไทย มบี ทบาทหนาทใ่ี นการ องคค์ วามรจู้ ากวฒั นธรรมอนิ เดยี และพระพทุ ธ- บําบดั รักษาในดานใดบาง ศาสนา โดยการแพทย์แผนไทยน้ัน ถือเป็น (แนวตอบ ภูมิปัญญาด้านสุขภาพของคนไทยที่อยู่คู่กับ 1. เวชกรรมไทย เปนการทาํ หนาท่ใี น สังคมไทยมาตั้งแต่อดีต เป็นการบ�าบัดรักษา การตรวจวนิ จิ ฉยั โรค เพอ่ื หาสาเหตุ ทคี่ นไทยไดท้ ดลองปฏบิ ตั จิ รงิ แลว้ ไดผ้ ล จงึ สะสม ของการเกดิ โรคตามทฤษฎี และ องค์ความรู้ไว้ ซ่ึงการแพทย์แผนไทยมีประวัติ หลกั การของการแพทยแผนไทย และวิวัฒนาการควบคู่มากับประวัติศาสตร์ สมุนไพรไทยเปนภูมิปญญาพ้ืนบานท่ีตกทอดจากรุน จากน้นั จงึ ใหการรกั ษาตามกรรมวิธี ชาติไทย ดังมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่ใน สูรุน ซึ่งไดรับการทดสอบแลววาสามารถบํารุงรางกาย ของการแพทยแ ผนไทย บนั ทกึ ต่างๆ และรักษาโรคได 2. เภสัชกรรมไทย เปน การเตรยี มยา และผลติ ยาแผนไทย เชน การเตรยี ม นอกจากนี้ การแพทย์แผนไทย อาจหมายถึง กระบวนการทางการแพทย์ท่ี ยาผง ยาลูกกลอน เปน ตน เก่ียวกับการตรวจวินิจฉัย บ�าบัด การป้องกันโรค การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ การผดุงครรภ์ 3. ผดงุ ครรภไทย เปน การทําหนาท่ี การนวดไทย และหมายความรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย ประดิษฐ์อุปกรณ์ ในการดูแลสขุ ภาพของมารดาและ รวมทั้งเคร่ืองมือทางการแพทย์ โดยการอาศัยความรู้หรือต�าราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา เด็กในหญิงตง้ั ครรภต ้ังแตก อนคลอด ซึ่งการแพทย์แผนไทยน้ันอาจจะไม่มีองค์ความรู้ด้านกลไกการเกิดโรคและเทคนิคทางศัลยกรรม จนถึงหลังคลอด มากนกั 4. นวดไทย ทําหนาที่ในการรกั ษาและ แพทย์แผนไทยนนั้ มบี ทบาทหน้าที่ในการบา� บดั รักษารวม ๔ ด้าน คือ บรรเทาอาการของผูปว ยดวยการนวด (๑) เวชกรรมไทย เปน็ การทา� หนา้ ทใี่ นการตรวจวนิ จิ ฉยั โรค เพอื่ หาสาเหตุ รวมถงึ อาจมกี ารใชย าสมุนไพรชนิด รับประทานควบคูไปดว ย) ของการเกดิ โรคตามทฤษฎแี ละหลกั การของการแพทยแ์ ผนไทย จากนนั้ จงึ ใหก้ ารรกั ษาตามกรรมวธิ ี ของการแพทย์แผนไทย ซ่ึงส่วนใหญม่ ักใหก้ ารรกั ษาดว้ ยยาแผนไทยหรอื ยาสมนุ ไพร (๒) เภสชั กรรมไทย เปน็ การเตรยี มยาและผลติ ยาแผนไทย ซง่ึ มกี รรมวธิ ใี น การเตรยี มยาท้ังหมด ๒๘ วิธี เชน่ การเตรียมยาผง ยานตั ถ์ุ ยาลูกกลอน ยาเม็ดแคปซลู เปน็ ตน้ ๑4๑ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง การเลอื กซือ้ ยาสมุนไพร ควรมหี ลกั ในการเลอื กซือ้ อยางไร ครอู าจพานักเรยี นไปทัศนศกึ ษาเกย่ี วกบั การแพทยแ ผนไทยท่ีศนู ยก ารเรียนรู แนวตอบ ควรตรวจสอบดูวา ยานน้ั มกี ารขนึ้ ทะเบียนจากสํานกั งาน การดแู ลสขุ ภาพภาคประชาชน การแพทยแ ผนไทย อภัยภเู บศร เนอ่ื งจาก คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรอื ไม นอกจากนน้ั กต็ อ ง ดูวนั /เดือน/ป เปน แหลงพฒั นาและรวบรวมองคค วามรูดานการแพทยแ ผนไทยและสมนุ ไพร ท่ีผลิต วนั หมดอายุ การบรรจหุ ีบหอ วาไดม าตรฐานหรอื ไม คือ จะตองไมรั่ว เพ่ือมงุ หวงั ใหป ระชาชนคนไทยสามารถพึง่ ตนเองไดใ นการดูแลสุขภาพขนั้ พน้ื ฐาน ไมม ีรอยบุบ หรอื มกี ารเปด หีบหอ ซึง่ จะมผี ลทาํ ใหย าเส่ือมคณุ ภาพ แลว หาก อีกทงั้ ยังเปนการถา ยทอดภมู ปิ ญ ญาไทยใหก ับเยาวชนรนุ หลังไดรูจ ักและเหน็ นาํ ไปใชก็อาจเกดิ โทษได คณุ คา จากนน้ั ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน ชวยกนั สรปุ ผลการศึกษา แลวเลือกวธิ ีการบาํ บดั รกั ษาโรคดว ยการแพทยแผนไทยอยา งงายมา 1 วิธี พรอ มทัง้ สาธิตวิธีการรกั ษาหนาช้ันเรียน คมู อื ครู 141
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198