Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

Published by naratham1965, 2019-12-02 03:13:59

Description: คู่มือครู สุขศึกษา ม.2

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี นอกี 1 กลมุ โดยไมซ าํ้ กบั กลมุ เดมิ (๓) ผดงุ ครรภไ ทย เปน็ การทา� หนา้ ทใ่ี นการดแู ลสขุ ภาพของมารดาและเดก็ ออกมานําเสนอในประเด็นระบบการแพทยข อง ในหญงิ ตง้ั ครรภต์ งั้ แตก่ อ่ นคลอดจนถงึ หลงั คลอด ซงึ่ ในสมยั กอ่ นจะตอ้ งทา� คลอดใหก้ บั หญงิ ตง้ั ครรภ์ ประเทศไทยในปจ จบุ นั โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อน่ื ๆ แต่ในปัจจุบันน้ี บทบาทหน้าท่ีดังกล่าวมีน้อยลง แต่เน้นในการดูแลสุขภาพของหญิงหลังคลอด เสนอแนะเพิ่มเติม และตัง้ คําถามเพือ่ นาํ ไปสูขอ สรุป มากขน้ึ ท่ถี ูกตองรวมกัน (๔) นวดไทย ทา� หนา้ ทใี่ นการรกั ษาและบรรเทาอาการของผปู้ ว ยดว้ ยการนวด รวมถงึ อาจมีการใช้ยาสมุนไพรชนิดรบั ประทานควบคู่ไปดว้ ย • ลกั ษณะของการแพทยแ ผนไทยประยุกต ๒.๒) การแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต ์ การแพทยส์ าขาหนง่ึ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากแนวคดิ ของ มลี ักษณะอยางไร นายแพทยอ์ วย เกตสุ งิ ห์ ซึง่ ต้องการพัฒนาการแพทย์แผนไทยโบราณใหม้ ีความเป็นวิทยาศาสตร์ (แนวตอบ การแพทยแ ผนไทยประยกุ ตจ ะมี และมหี ลกั วชิ าการรองรบั ในการอธบิ าย โดยครงึ่ หนงึ่ ขององคค์ วามรจู้ ะตอ้ งรา่� เรยี นตามหลกั วชิ าการ การนาํ เครอื่ งมอื ทางการแพทยป จ จบุ นั มาใชไ ด ทางการแพทย์แผนตะวันตก ผสมผสานกับคัมภีร์แพทย์แผนโบราณของไทย ผู้ที่เรียนทางด้านนี้ บางอยาง และสามารถวินจิ ฉยั ตามหลักการ จะมีความสามารถในการใช้เครื่องมือทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้บางอย่างและวินิจฉัยตาม แพทยแผนปจ จบุ ันได เพยี งแตเ ม่อื ถึงข้ันตอน หลักการแพทย์แผนปัจจุบันได้ เพียงแต่เม่ือถึงขั้นตอนในการรักษานั้น จะต้องใช้วิธีการของการ ในการรกั ษา จะตอ งใชวธิ กี ารของการแพทย แพทยแ์ ผนไทย เชน่ การใชย้ าสมนุ ไพรนวด อบ ประคบ เปน็ ตน้ นอกจากนนั้ ยงั สามารถทา� คลอด แผนไทยเขา มาประยกุ ตใชรว มกนั เชน รวมถึงให้การบ�ารุงแม่และทารกตามแนวทางการแพทยแ์ ผนไทยเพื่อสร้างเสริมสุขภาพได้ด้วย การใชย าสมุนไพร นวด อบ ประคบ เปนตน ) แพทย์แผนไทยประยุกต์จะต้องสอบใบอนญุ าตประกอบโรคศลิ ปะ สาขาการแพทย์ แผนไทยประยุกต์โดยเฉพาะเสียก่อน จึงสามารถปฏิบัติงานในโรงพยาบาลหรือให้การรักษาแก่ ขยายความเขา ใจ Expand ผู้ปวยได้ และยังมีสิทธิท่ีจะสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรม เภสัชกรรม และผดุงครรภไ์ ด้อกี ดว้ ย ใหน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เกยี่ วกบั ระบบการแพทย ในปจ จุบันของประเทศอาเซยี นมาอยา งนอย 3 ประเทศ แลวใหวิเคราะหวา ระบบการแพทยของ ประเทศอาเซยี นท่ีนกั เรยี นไดศ ึกษาคน ควา น้นั มี ความแตกตา งกับการแพทยข องไทยอยา งไร โดย เขยี นสรปุ สาระสําคญั ลงในกระดาษรายงาน แลว นํา สง ครูผสู อน การนวดแผนไทย เปนหนึ่งในวิธกี ารดแู ลสุขภาพ จากภมู ปิ ญญาไทยท่ีไดรบั การยอมรบั ทางการแพทย ๑42 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ความแตกตา งระหวางการแพทยแผนปจจบุ ันและการแพทยท างเลือก ครอู าจใหนักเรียนศกึ ษาเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั ระบบการแพทยข องประเทศไทย มคี วามแตกตา งกนั อยางไร ในปจจุบนั เน่อื งจากนักเรยี นจะไดมีความรคู วามเขาใจในระบบการแพทยตา งๆ แนวตอบ การแพทยแ ผนปจ จบุ นั เปน การแพทยท ใ่ี หก ารรกั ษาทางยา มากยิง่ ขน้ึ ซ่งึ ครอู าจแนะนํานักเรยี นใหไ ปศึกษาจากแหลง การเรยี นรอู ื่นๆ เชน การผา ตดั รังสีรักษา และยาเคมีบําบดั สว นการแพทยทางเลอื ก เปนการ อินเทอรเน็ต หองสมุดในชุมชน หรอื การสอบถามจากญาตผิ ูใหญทีม่ ปี ระสบการณ รักษาท่ีชว ยบาํ บดั และรักษาอาการเจ็บปวยบางอยางได โดยไมใช ในการบําบัดรักษาระบบการแพทยต างๆ เปน ตน กระบวนการทางการแพทยแผนปจจุบันและการแพทยแผนไทย บรู ณาการอาเซยี น ใหน กั เรียนไปศกึ ษาขอมูลเกีย่ วกบั การรักษาตามหลักการแพทยแผนโบราณ ในประเทศสมาชิกอาเซียนมา 1 วธิ ี ซง่ึ เปนประเทศใดกไ็ ด โดยใหนาํ มาเปรยี บ เทียบกับวิธีการรกั ษาตามหลกั การแพทยแ ผนไทย 142 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การแพทย์ทางเลือก (Alter-native Medicine) ความหมายของการแพทย์ ใหน ักเรยี นอีกกลุมหนง่ึ โดยไมซ้าํ กับกลมุ เดมิ ทางเลือกน้ันขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ ในระยะเวลาแตกต่างกันความหมายก็แตกต่างกัน ออกมานาํ เสนอประเดน็ หลักในการพจิ ารณาเลือก เช่น ประเทศไทยสมยั รชั กาลท่ี ๔ มีหมอฝรั่งน�า ใชบ ริการทางการแพทยท ี่เหมาะสม จากนัน้ ครใู ห การแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาใช้ เราเรียกการ นกั เรยี นรว มกนั อภิปรายวา หลกั ในการพิจารณา แพทย์แผนตะวันตกในขณะน้ันว่า การแพทย์ เลือกใชบริการทางการแพทยน ้ันมีหลกั ในการเลือก ทางเลือก ในสถานทีท่ ต่ี า่ งกันกจ็ ะมคี วามหมาย อยางไร โดยครูต้งั คําถามเพ่ือกระตนุ การเรยี นรู แตกต่างกัน เช่น ในประเทศอินเดียจะใช้การ ของนักเรียน แแพพททยยแ์อ์ าผยนรุ อเนิวชเด1 ยีถเือปเ็นปกน็ ากราแรพแทพยท์หยล์แกัผ นเชป่นัจ จกบุ าันร ที่ถูกต้องตามกฎหมายของอินเดีย เพราะ • การพจิ ารณาเลือกใชบรกิ ารทางการแพทย ประชาชนทงั้ ประเทศยอมรบั ทจี่ ะใช ้ สว่ นประเทศ ควรมีหลกั ในการเลือกใชอ ยา งไรบาง (แนวตอบ ไดแ ก หลกั ของความนาเชือ่ ถอื หลักของความปลอดภัย หลกั ของการมี ประสิทธิผล และหลักของความคมุ คา ) จนี จะใชก้ ารแพทยแ์ ผนโบราณของจนี เปน็ หลกั ส�าหรับในประเทศไทยแล้วการแพทย์ทางเลือก คือ การแพทย์ที่มิใช่การแพทย์แผนปัจจุบัน ดังนัน้ การแพทยแ์ ผนไทย การแพทยแ์ ผนไทย ประยกุ ต ์ และการแพทยอ์ นื่ ๆ ทเี่ หลอื ถอื เปน็ การ การปฏิบัติโยคะ2 ถือเปนการแพทยทางเลือก เพราะ แพทยท์ างเลือกทง้ั หมด ชว ยบําบดั และรักษาอาการเจ็บปวยบางอยา งได ๕.2 หลกั ในการพจิ ารณาเลอื กใชบรกิ ารทางการแพทยท่เี หมาะสม จากการจ�าแนกประเภทของบริการทางการแพทย์และสุขภาพที่พบในประเทศไทยออกเป็น ๓ ประเภทดังกล่าวข้างต้นน้ัน พบว่ามีผลกระทบต่อรูปแบบของการเลือกใช้บริการและส่งผล กระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม เน่ืองจากประชาชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจและ เลือกใช้บริการทางแพทย์และสุขภาพดังกล่าวให้เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพท่ีตนเองเป็นอยู่ เพื่อ ใหห้ ายจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ แตม่ ผี ปู้ ว ยจา� นวนมากยงั ยดึ ตดิ กบั ทศั นคตเิ ดมิ คงยงั เชอ่ื ดา้ นใดดา้ นหนง่ึ หรือเช่ือค�าพูดของผู้อ่ืนมากกว่าพิจารณาจากความเหมาะสมของตนเอง ดังนั้น ในการเลือกใช้ บริการทางการแพทย์ ทั้งการแพทย์แผนปัจจบุ ัน การแพทยแ์ ผนไทย การแพทย์แผนไทยประยกุ ต ์ หรอื การแพทยท์ างเลอื กนน้ั ควรยดึ หลักสา� คญั ๔ ประการ ดงั นี้ ๑) หลกั ของความนา เชอ่ื ถอื โดยพจิ ารณาวา่ วธิ กี ารหรอื องคค์ วามรดู้ า้ นการแพทยน์ นั้ ได้รับการยอมรับมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในกรณีของการแพทย์ทางเลือก ควรพิจารณา ว่าการแพทย์ทางเลือกชนิดน้ัน ประเทศต้นก�าเนิดได้ให้การยอมรับหรือมีการใช้แพร่หลายเป็น เวลานานมากนอ้ ยเพยี งใด ๑43 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหน กั เรียนสอบถามบุคคลในครอบครัวของนกั เรยี นเก่ยี วกับการเลือกใช 1 การแพทยอายุรเวช เปนศาสตรการแพทยท างเลอื กของอินเดียทเ่ี กา แกท ่สี ดุ บรกิ ารทางการแพทยวามหี ลักในการเลือกใชอยางไร โดยเขยี นสรปุ ลง ศาสตรหน่ึงของโลก โดยจะใหค วามสําคญั กับสขุ ภาพองคร วม ทงั้ รางกาย จิตใจ ในกระดาษรายงาน แลวนาํ สง ครผู ูสอน และจิตวิญญาณ โดยมีความสมดุลกันและอยูรวมกันกับส่ิงแวดลอมในชีวิต การแพทยอายรุ เวชมีวิธกี ารตรวจวนิ ิจฉยั โรค เชน การตรวจชพี จร การตรวจปสสาวะ กิจกรรมทาทาย การตรวจเลือด และการตรวจรางกาย ซ่ึงแตกตางเฉพาะทาง และวธิ กี ารรกั ษาโรค ทห่ี ลากหลาย อาทิ การใชสมุนไพรและแรธ าตุ การนวด การผาตัด และโยคะ ใหนักเรียนสอบถามบคุ คลในชุมชนของนกั เรยี นอยา งนอย 2 คน 2 โยคะ หลกั สาํ คญั ในการฝกโยคะคือ การเรยี นรูท จี่ ะควบคมุ จติ วิญญาณ เกีย่ วกับการเลอื กใชบ รกิ ารทางการแพทยว า มหี ลกั ในการเลือกใชอยา งไร รา งกายท่ีสมบูรณแ ข็งแรงเปนเพยี งผลพลอยได โดยปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนแตล ะขนั้ ตอน โดยสรุปสาระสาํ คญั และนําบทสัมภาษณท่ไี ดน าํ สงครูผสู อน และควรฝกในสถานที่ทมี่ อี ากาศบรสิ ทุ ธ์ิ ปลอดโปรง ซึ่งจะทําใหก ารปฏิบตั ิมคี ณุ ภาพ มากย่ิงข้นึ คมู อื ครู 143

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Explain Expand อธบิ ายความรู หลงั จากการอภปิ รายครูเสนอแนะและอธิบาย เ ป็นพิษแบบ๒เฉ) ียหบลพกัลขัน1อหงรืคอพวาิษมแปบลบอเรด้ือภรังยั 2ห โรดือยไพมจิ่ าอรันณตารวาา่ ยมทผี ่ีจละตเกอ่ ิดสขขุ ึ้นภใานพรขะอยงะผยใู้าชวอ้ มยีหา่ รงือไรไ มม่ กี ซาึ่งร เพิม่ เติมวา การเลือกใชบ ริการทางการแพทย ทั้งการแพทยแผนปจจุบนั การแพทยแผนไทย เร่อื งดังกลา่ วนบั ว่ามีความสา� คัญมาก การแพทยแ ผนไทยประยุกต หรอื การแพทย ทางเลอื ก ควรยดึ หลกั สาํ คญั ไดแ ก หลกั ของความ ๓) หลักของการมีประสิทธิผล โดยต้องสามารถพิสูจน์หรือมีข้อพิสูจน์มาแล้วว่า นาเช่อื ถอื โดยพิจารณาวา วธิ กี ารหรือองคความรู ดา นการแพทยน นั้ ไดร บั การยอมรบั มากนอ ยเพยี งใด มีการใช้ได้จริง โดยอาจจะได้จากการใช้จริงแล้วหาย แล้วน�ามาบอกต่อ ซ่ึงอาจต้องมีจ�านวน หลักของความปลอดภัย โดยพจิ ารณาวามผี ล มากพอ หรือใช้มาเป็นเวลานานจนเป็นที่ยอมรับจากการศึกษาวิจัยหลากหลายวิธีการ ซ่ึง ตอ สขุ ภาพของผูใ ชอยางไร อันตรายท่จี ะเกิดขนึ้ ในประเดน็ ดงั กลา่ วน ้ี การแพทยแ์ ผนปัจจุบนั จะได้รบั การยอมรับท่สี ูงกวา่ เน่อื งจากมีกระบวนการ ในระยะยาวมีหรือไม หลักของการมีประสทิ ธิผล ศกึ ษาวิจยั ที่เป็นระบบ จะตองพิสจู นมาแลว วามกี ารใชไดจ ริง โดยอาจ จะไดจ ากการใชจรงิ แลวหาย แลวนํามาบอกตอ ๔) หลกั ของความคมุ้ คา โดยเปรยี บเทยี บวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการใชว้ ธิ กี ารนน้ั ๆ และหลกั ของความคุม คา โดยเปรียบเทยี บวา คาใชจายทเ่ี กิดขน้ึ จากการใชวธิ กี ารนั้นๆ คุม คา คุ้มค่าส�าหรับผู้ปวยหรือไม ่ ด้วยการพิจารณาจากฐานะทางเศรษฐกิจของผู้ปวยแต่ละคนเป็นหลัก สําหรับผปู วยหรือไม โดยพิจารณาจากฐานะทาง และคา� นงึ ถงึ ประโยชนส์ งู สดุ แกส่ ว่ นรวมในการรกั ษาแกผ่ ปู้ ว ยดว้ ย โดยผปู้ ว ยจะตอ้ งไดร้ บั การรกั ษา เศรษฐกิจของผูป วยแตละคนเปนหลกั จากการช่วยเหลือของแพทย์อย่างเต็มท่ี ขยายความเขา ใจ Expand ใหน กั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมสรางสรรค พัฒนาการเรียนรู กิจกรรมที่ 2 การผาตัด เปนระบบแพทยแผนปจจุบันที่ตองอาศัยความรูทางวิทยาศาสตรและเครื่องมือหรืออุปกรณทางการแพทยท่ี ทันสมัยเขามาชวยในการบําบดั รักษาผปู วย ๑44 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ในการพิจารณาเลอื กใชบริการทางการแพทยท เ่ี หมาะสม ควรยึดหลัก ครูอาจใหนักเรยี นหาขา วจากหนังสอื พิมพ หรืออินเทอรเน็ตเกีย่ วกับการบําบดั ตอ ไปน้ี ยกเวนขอ ใด รักษาโรคทีไ่ มมคี วามปลอดภัย และขาดความนาเช่อื ถือ โดยวิเคราะหวา การบําบดั 1. ความนาเชอ่ื ถอื รกั ษาดงั กลา วขาดความนา เชอ่ื ถอื อยา งไร โดยใหน าํ ขา วมาตดิ ไวบ นกระดาษรายงาน 2. ความปลอดภัย แลวนําสงครูผูส อน 3. ความประหยัด 4. ความคมุ คา นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหคาํ ตอบ ในการเลอื กใชบริการทางการแพทย ควรยดึ หลกั สําคัญ 4 ประการ ดังน้ี หลกั ของความนา เช่ือถือ หลักของความปลอดภัย หลัก 1 พษิ แบบเฉยี บพลัน หมายถงึ การไดรบั สารพิษในปรมิ าณมาก ในระยะเวลา ของการมีประสทิ ธิผล และหลักของความคุมคา แตสาํ หรับความประหยัดนน้ั นอยกวา 24 ชว่ั โมง สวนใหญจ ะเปน การฉีดเขาชอ งทอ ง ฉดี เขาใตผ ิวหนัง ไมใชหลักในการเลือกใชบ รกิ ารแพทยทเี่ หมาะสม เพราะหากคํานงึ ถึงความ การรบั ประทานหรอื ทาทผ่ี ิวหนังโดยตรง ประหยดั บางครั้งอาจไดผลการรกั ษาที่ไมดเี ทาทคี่ วร เชน การเลอื กรักษา 2 พษิ แบบเร้ือรงั หมายถงึ การไดรบั สารพิษเขาสูร า งกายในปริมาณนอ ย ทางคลินิกแทนการรักษาในโรงพยาบาล หากมีอาการเจ็บปว ยรนุ แรง ตดิ ตอ กนั เปนเวลานาน 1 - 3 เดือน ตอบขอ 3. 144 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน กั เรียนศกึ ษาเพิม่ เตมิ จากเสริมสาระเร่อื ง การถนอมสายตาเมือ่ ใชค อมพวิ เตอร จากน้นั ครู การถนอมสายตาเมือ่ ใชค อมพิวเตอร ตงั้ คาํ ถามเชื่อมโยง เพ่อื ขยายความเขา ใจของ นกั เรยี น ปจจุบันคอมพิวเตอรเขามามีบทบาทตอวิถีชีวิตของคนเรามากขึ้น เพราะชวยอํานวยความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเรียน • การถนอมสายตาจากการใชค อมพวิ เตอร การทาํ งาน การติดตอ ส่อื สาร ฯลฯ ผลกระทบทีต่ ามมา คือ ปญหา มวี ธิ ปี ฏบิ ตั อิ ยา งไร เก่ียวกับสายตา เน่ืองจากเราตองใชอวัยวะสวนนี้ตลอดเวลาที่ (แนวตอบ นงั่ อยหู นา จอคอมพวิ เตอร ดงั นน้ั หากเราตอ งการถนอมสายตา 1. วางคอมพิวเตอรใ หห างจากสายตา ใหอยูค ูก บั เราตลอดไป ควรปฏิบัติตามวธิ กี ารดงั ตอไปนี้ ประมาณ 1 ฟตุ และตอ งตา่ํ กวา ระดบั สายตาประมาณ 15 - 20 องศา ๑. ควรวางจอคอมพิวเตอรใหหางจากสายตาประมาณ 2. ควรติดแผน กรองรังสีไวท หี่ นา จอ ๑ ฟตุ และตองต่ํากวา ระดบั สายตาประมาณ ๑๕-๒๐ องศา คอมพวิ เตอร เพอ่ื ชว ยลดแสงจาให ๒. ควรจดั วางคอมพวิ เตอรโ ดยใหห นา ตา งอยขู า งจอภาพ นอยลง เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หเ กดิ แสงสะทอ นรบกวนเพราะทาํ ใหตองใชส ายตา แครอต มีสวนชวยในการบํารุงสายตา เพราะมี 3. ควรหยุดพักสายตา 15 นาที ทกุ ๆ เพงมองมากกวาปกติ วติ ามินเอ และมีเบตาแคโรทีนสูง 2 ชวั่ โมง โดยหลับตาสกั ครู มองออก ไปไกลๆ ในพื้นท่ีสีเขยี ว หรอื ลกุ ขึ้น ๓. ควรติดแผนกรองรังสีไวท่ีหนาจอคอมพิวเตอรเพื่อชวย เปลี่ยนอริ ิยาบถ ลดแสงจา ใหนอยลง 4. ควรตรวจสายตาปล ะ 1 ครงั้ เพอ่ื ดวู า ๔. คหวมรัน่ หกยะุดพพรักิบสตาา1ยบตอ ายๆ๑๕เพนือ่ าใทหี มทนี กุ ํ้าๆหล๒อชเล่วั ย้ีโมงดงวโงดตยาหอลยับเู สตมาอสักจคะรชูวยมลอดงคออวากมไปออไกนลลๆา ขใอนงพสา้ืนยทตี่สาเี ไขดยี มวาก มคี วามผิดปกติเกดิ ข้นึ หรือไม หากมี ๕. ปญ หาจะไดร ีบแกไ ข ๖. หลีกเล่ียงการวางคอมพิวเตอรใกลเคร่ืองใชไฟฟาที่สามารถใหกําเนิดสนามแมเหล็กไฟฟาแรงสูง เพราะ 5. รบั ประทานอาหารทมี่ วี ติ ามนิ เอสงู สนามแมเหล็กไฟฟาจากเครื่องใชเหลานั้น จะรบกวนการทํางานของจอภาพคอมพิวเตอรทําใหภาพสั่น ซึ่งจะมีผลตอ เชน ไข ตบั นม ผกั บงุ แครอต สายตาที่เพงมอง มะละกอ เปน ตน ๗. ผูที่ตองทํางานเก่ียวกับคอมพิวเตอรเปนประจํา ควรตรวจสายตาปละ ๑ คร้ัง เพ่ือดูวามีความผิดปกติเกิดข้ึน หรือไม หากมปี ญหาจะไดรีบแกไข ส่ิงสําคัญประการสุดทาย คือ ควรนอนหลับพักผอนใหเพียงพอ และรับประทานอาหารท่ีมีวิตามินเอสูง เชน ไข ตบั นม ผักบุง แครอต มะละกอ เปน ตน เพอื่ ชวยบํารุงสายตา เทคนิคทัง้ หมดนจ้ี ะชว ยถนอมสายตาของเราใหอยู ในสภาพดีไดย าวนาน ทม่ี า : เกรด็ ความรเู รอ่ื ง “วธิ ีถนอมสายตา หนาจอคอมพิวเตอร” จากโรงพยาบาลบางนา เทคโนโลยีทางสุขภาพมีคุณคาและอํานวยความสะดวกสบายตอชีวิตมนุษยเปนอยางย่ิง แตในขณะเดียวกันก็อาจสงผลเสียตอสุขภาพ ผูใชเทคโนโลยีตองพิจารณาตัดสินใจเลือกใช เทคโนโลยใี หเ หมาะสม โดยคาํ นงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงค ความปลอดภยั คา ใชจ า ยและมคี ณุ ธรรมในการใช ความเจรญิ กา วหนา ทางการแพทยข องประเทศไทยไดม วี วิ ฒั นาการมาตามลาํ ดบั จนทาํ ให ในปจ จบุ นั รปู แบบของการใหบ รกิ ารทางการแพทยแ ละสขุ ภาพมคี วามหลากหลายมากขนึ้ ดงั นน้ั ประชาชนผูใชบริการจึงจําเปนตองมีความเขาใจและเลือกใชรูปแบบของบริการทางการแพทย ใหเ หมาะสมและสอดคลองกับปญ หาสุขภาพทีเ่ ผชญิ อยู เพือ่ ใหเ กดิ ประโยชนสงู สุดแกต นเอง ๑4๕ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรยี นควรรู นักเรียนคิดวา แสงสวา งในหอ งท่จี ามากเกนิ ไป อาจกอใหเกิดผลเสียตอ 1 กะพริบตา หม่ันกะพริบตาบอยๆ เน่อื งจากจะทําใหตอมไขมนั ใตต าขับน้าํ ดวงตาของเราหรอื ไม อยางไร ออกมาลางดวงตา เพื่อใหด วงตาสะอาดและไมแ หง ซ่งึ ปกตแิ ลว จะกะพริบตาทกุ ๆ แนวตอบ แสงสวา งทจี่ า มากเกนิ ไป ไมว า จะเปน แสงสวา งจากไฟนอี อน 3 - 4 วนิ าที โดยเปลอื กตาจะเคลอื่ นไหวอยา งรวดเรว็ จงึ ทาํ ใหไ มร สู กึ กระคายเคอื งตา หรอื แสงสวา งจากแสงแดด อาจสง ผลเสยี ตอ ดวงตาของเราได ดงั นนั้ หากอยู ในหอ งทม่ี แี สงสวา งมากเกนิ ไป ควรใชม ลู ห่ี รอื ผา มา นเพอ่ื ปรบั แสงใหผ า นได มุม IT เพยี งบางสว น และหลกี เลยี่ งการใชเ ฟอรน เิ จอรท มี่ ผี วิ สะทอ น เชน โตะ สขี าว เกา อข้ี าว เปน ตน เพราะจะทาํ ใหแ สงสะทอ นเขา ดวงตาไดง า ย สามารถศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับ การถนอมดวงตาเม่อื ใชคอมพวิ เตอร ไดจาก http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&ld=460478 &Ntype=5 คูมือครู 145

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การทําสมดุ ภาพตัวอยางเทคโนโลยีทางสุขภาพ ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรยี นรู้ 2. กาจดั ปา ยนเิ ทศเก่ยี วกบั การใชเ ทคโนโลยีที่มี ๑. นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรบา้ งทป่ี จั จบุ นั การแพทยข์ องไทยมคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ มากยง่ิ ขน้ึ โดยใหเ้ ปรยี บเทยี บ ผลกระทบตอ สขุ ภาพ กบั การแพทย์ในสมยั อดีตทีผ่ า่ นมา 3. การเขยี นสรุปสาระสาํ คญั ความแตกตา งของ ๒. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยที เี่ ปน็ ผลติ ภณั ฑท์ างสขุ ภาพมา ๑ อยา่ ง จากนนั้ วเิ คราะหว์ า่ ผลติ ภณั ฑด์ งั กลา่ วนน้ั การแพทยใ นปจ จบุ ันของประเทศอาเซยี นกับ ส่งผลกระทบท้งั ทางด้านบวกและดา้ นลบอย่างไร ประเทศไทย 4. การปฏิบัตกิ ิจกรรมสรางสรรคพ ฒั นาการเรยี นรู ๓. นกั เรยี นคดิ วา่ สว่ นใหญน่ กั เรยี นจะใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พอื่ อะไรบา้ ง และสอดคลอ้ งกบั ความรหู้ รอื ประโยชน์ ท่ีไดร้ บั หรอื ไม่ อย่างไร หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๔. หากนกั เรยี นตอ้ งการซอ้ื ผลติ ภณั ฑร์ ะงบั กลนิ่ กาย นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารตดั สนิ ใจในการเลอื กซอ้ื อยา่ งไรบา้ ง 1. สมดุ ภาพตวั อยางเทคโนโลยที างสุขภาพ ทจ่ี ะท�าใหไ้ ดผ้ ลติ ภัณฑท์ ีป่ ลอดภัยและมคี ณุ ภาพ 2. ปา ยนิเทศเก่ยี วกับการใชเทคโนโลยที ่ีมี ๕. ทผ่ี า่ นมานกั เรยี นหรอื ครอบครวั ของนกั เรยี นเคยเขา้ รบั การรกั ษาในสถานพยาบาลทม่ี คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ผลกระทบตอ สุขภาพ ทางเทคโนโลยดี า้ นการแพทยห์ รอื ไม ่(หากเคย นกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจในผลการรกั ษามากนอ้ ยเพยี งใด) กจิ กรรม สร้างสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ นกั เรยี นชว่ ยกนั คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั เทคโนโลยที างสขุ ภาพ แลว้ นา� ขอ้ มลู มาอภปิ ราย ร่วมกันระหว่างครูและนักเรียนในชั้นว่า ตัวอย่างเทคโนโลยีทางสุขภาพดังกล่าวน้ัน กิจกรรมท่ี ๒ มผี ลดีหรือผลเสยี ต่อสขุ ภาพอยา่ งไร นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กา� หนดสถานการณป์ ญั หาสขุ ภาพ แลว้ รว่ มกนั พจิ ารณาวา่ สถานการณน์ น้ั มีความเหมาะสมหรอื ไม ่ และควรด�าเนนิ การอยา่ งไร ■ นอ้ ย มอี าการไขส้ งู และเพอ้ มาประมาณ ๑-๒ วัน ปา้ แจ่มแมข่ องนอ้ ย จงึ พาไปหา กิจกรรมท ี่ ๓ หมอรดน�า้ มนต ์ เพราะคิดวา่ น้อยผเี ขา้ ■ นดิ มอี าการปวดเมอื่ ยตามรา่ งกาย เนอ่ื งจากทา� งานหนกั จงึ ไปหาหมอนวดแผนไทย เพื่อให้ชว่ ยนวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย ■ แ ดง มีอาการปวดศรี ษะมาก เนอื่ งจากเครยี ดกบั ปัญหาเศรษฐกิจที่รมุ เรา้ จึงไปหา หมอฝงั เขม็ เพอื่ ฝงั เขม็ บรรเทาอาการปวดศรี ษะของตนเอง นกั เรยี นศึกษาผลการศึกษาวจิ ัยเกยี่ วกับผลติ ภณั ฑ์ จีเอ็มโอ แล้วนา� ผลการศึกษานัน้ มาวเิ คราะห์ผลกระทบทอี่ าจเกิดขนึ้ ทั้งทางบวกและทางลบ ๑46 แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. ขนึ้ อยกู ับคาํ ตอบของนักเรยี น โดยอาจตอบวา การท่ปี จ จบุ ันการแพทยของไทยมีความเจรญิ กา วหนา มากข้ึนนน้ั กอใหเกดิ ผลดตี อ ผปู วยท่ีเขา รับการบาํ บัดรกั ษา ทําให หายจากโรคภยั ไขเ จบ็ ตางๆ ไดอ ยางรวดเรว็ เนอื่ งจากมวี ธิ ีการรักษาท่ีดีขน้ึ และมอี ปุ กรณท างการแพทยท่ที นั สมัยครบครัน 2. ข้นึ อยกู บั คําตอบของนกั เรียน โดยอาจตอบวา ผลติ ภณั ฑเ สริมอาหาร โดยผลกระทบดานบวก คือ รับประทานงา ย และหาซื้อไดง ายตามรานขายยาและหา งสรรพสนิ คา ทั่วไป อกี ท้ังยังเหมาะกับผูทไี่ มสามารถรับวิตามินจากธรรมชาตไิ ด สว นผลกระทบดา นลบ คอื มรี าคาแพง และหากรับประทานมากเกินไปอาจเกิดการสะสมในรา งกาย กอ ใหเกิดอันตรายตอ สขุ ภาพตามมาได 3. ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรียน โดยอาจตอบวา ใชเพื่อการสบื คน ขอ มูลตา งๆ ดูหนงั ฟงเพลง ซึ่งการใชค อมพิวเตอรจ ะกอ ใหเ กดิ ประโยชนใ นดา นการศกึ ษา การติดตอ สอื่ สารและเพ่ือความบันเทิง ชวยผอ นคลายความเครยี ดตางๆ 4. ควรเลือกซ้อื ในแหลงที่มีความนาเชื่อถือ เชน รานเคร่ืองสําอาง หางสรรพสนิ คา เปน ตน และดูฉลาก อย. ทขี่ างขวด รวมถงึ วนั เดอื น ป ทผ่ี ลติ ดว ย 5. ขน้ึ อยกู ับคําตอบของนักเรยี น โดยสว นใหญจ ะตอบวา เคย ซ่ึงจะมีความพงึ พอใจในผลการรกั ษา เนอ่ื งจากมีวิธกี ารรกั ษาและอุปกรณการแพทยท่ีทันสมัย อีกทงั้ ผูปวย ยังสามารถฟน ตวั ไดอ ยางรวดเร็ว 146 คูม อื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู ระบุวธิ กี าร ปจ จยั และแหลงทชี่ วยเหลอื ฟน ฟผู ูติดสารเสพติดได สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1. มีวนิ ยั 2. อยอู ยา งพอเพียง 3. มุงมั่นในการทาํ งาน ๙หน่วยที่ กระตนุ ความสนใจ Engage การชว่ ยเหลือฟ้นื ฟูผตู้ ดิ สารเสพตดิ ครตู ง้ั คําถามกระตุน ความสนใจ โดยนกั เรยี น สามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอยา งอสิ ระ ตัวชวี้ ดั ก ารชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพติด • นกั เรยี นเคยไดร บั ขา วสารเกย่ี วกับ ■ ระบุวธิ ีการ ปัจจยั และแหลง่ ท่ีชว่ ยเหลือฟืน้ ฟผู ตู้ ิดสารเสพตดิ เปนการใหโอกาสผูติดสารเสพติดไดฟนฟู สถานการณสารเสพติดทเ่ี กดิ ขึน้ ในปจจุบัน (พ ๕.๑ ม.๒/๑) สภาพรางกายและจิตใจใหกลับมาใชชีวิต บางหรอื ไม อยูในสังคมไดเหมือนดั่งคนปกติท่ัวไป ซ่ึงวิธี • นกั เรยี นคดิ วา ปญหาสารเสพตดิ เปนปญหา การบาํ บดั ฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ นน้ั จะมดี ว ยกนั ทีร่ า ยแรงมากนอ ยเพียงใด สาระการเรียนรู้แกนกลาง หลายวิธีแตกตางกันไป และมีหนวยงานตางๆ • ถาหากวาสมาชิกในครอบครัวของนักเรียน มผี ูติดสารเสพตดิ นักเรียนจะมีวิธกี ารให ความชวยเหลอื ไดอ ยา งไร ■ วธิ กี าร ปจั จยั และแหลง่ ทช่ี ว่ ยเหลอื ฟนื้ ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ เขามาใหความชวยเหลือ อยางไรก็ตามผูติดสาร เสพติดจะตองใหความรวมมือและมีความมุงม่ัน ในการเลิกเสพสารเสพตดิ ดว ย การชว ยเหลือจงึ จะ ประสบผลสาํ เร็จ บีบ Leading ไว เกรด็ แนะครู ครูควรใหน ักเรยี นเหน็ ความสาํ คญั ของการชวยเหลือฟน ฟูผูตดิ สารเสพตดิ โดยอธบิ ายใหน กั เรียนเขา ใจวา นักเรยี นสามารถชวยเหลอื ไดดวยการนําผปู วยไป เขารับการบําบัดรักษา และใหกาํ ลงั ใจในการเลิกเสพสารเสพตดิ ซ่ึงถาหากนกั เรยี น สามารถชว ยเหลือผตู ิดสารเสพติดได กเ็ ปรยี บเสมือนวา นกั เรียนไดชวยชีวติ บคุ คลหนึง่ ที่เคยหลงผดิ ในวังวนของสารเสพตดิ ใหกลับมาดาํ เนนิ ชวี ติ ไดตามปกติ รวมกบั คนทัว่ ไปได โดยไมตกเปน ทาสของสารเสพติด เพราะผตู ิดสารเสพติด บางรายอาจตดิ สารเสพตดิ โดยไมต ง้ั ใจ หรือเสพติดแลวตอ งการที่จะเลกิ แตส ังคม ไมย อมรับ และไมใ หโ อกาสผูท่เี คยตดิ สารเสพติด คูมอื ครู 147

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครหู าภาพขา วการจบั กมุ ผคู า และผเู สพสารเสพตดิ ปัจจุบัน สังคมไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของสารเสพติดเป็นวงกว้าง ซึ่งมีจ�านวน มาใหน กั เรียนดู แลว ตงั้ คาํ ถามกระตุนความสนใจ ผู้ติดสารเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลจึงได้ตราพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยนักเรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอยา ง ข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งท�าให้ผู้ติดสารเสพตดิ เปรยี บเสมือนผ้ปู ่วยท่ตี อ้ งได้รบั การชว่ ยเหลือฟ้ืนฟู อิสระ ดงั นั้น การได้เรยี นรูเ้ กีย่ วกบั วธิ กี าร ปจั จยั และแหล่งช่วยเหลือฟนื้ ฟูผู้ติดสารเสพตดิ จะชว่ ยใหเ้ รา มคี วามรแู้ ละความเข้าใจ สามารถให้คา� แนะนา� และชว่ ยเหลอื ผูต้ ดิ สารเสพตดิ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง • นักเรยี นเคยเห็นขาวท่แี สดงถึงสถานการณ การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในรูปแบบ ๑. วงจรการแพรร่ ะบาดของสารเสพติด ใดบาง (แนวตอบ ขึน้ อยูกับคําตอบของนกั เรยี น สถานการณ์การแพร่ระบาดของสารเสพติดได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการ โดยอาจตอบวา เคยพบเห็นขา วเกยี่ วกับ ผลิตสารเสพติดท้ังภายในประเทศและมีการลักลอบน�าเข้ามาจากต่างประเทศมากมายหลายชนิด การเสพสารเสพตดิ ในหมูวยั รุน การใช โดยธรรมชาตขิ องผตู้ ดิ สารเสพตดิ สว่ นมาก มกั จะตอ้ งเพม่ิ ปรมิ าณของสารเสพตดิ ทใี่ ชอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สารเสพติดในสถานบันเทิง การซ้อื ขาย จงึ ตอ้ งผนั ตนเองจากผเู้ สพไปเปน็ ผจู้ า� หนา่ ยสารเสพตดิ เพราะตอ้ งการหาเงนิ ใหเ้ พยี งพอตอ่ การซอื้ สารเสพติดในแหลง ชมุ ชน) สารเสพติดมาใช้ในปริมาณที่มากข้ึน โดยใช้วิธีการขยายเครือข่ายให้มีผู้ติดสารเสพติดรายใหม่ ซงึ่ กลมุ่ เปา้ หมายสา� คญั คอื เพอ่ื น เมอื่ เพอ่ื นตดิ สารเสพตดิ แลว้ ตอ่ มาเพอ่ื นกต็ อ้ งเพม่ิ ปรมิ าณการใช้ • นกั เรยี นคดิ วา อะไรเปนสาเหตุทีท่ ําใหเ กิด มากขน้ึ จงึ ผนั ตวั เองไปเปน็ ผจู้ า� หนา่ ยสารเสพตดิ รายใหมใ่ หแ้ กเ่ พอื่ นรายตอ่ ๆ ไปทเ่ี พง่ิ ตดิ และจะเปน็ การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในปจ จุบัน วงจรเช่นน้ีต่อไปเร่ือยๆ ท�าให้ผู้ใช้สารเสพติดในล�าดับต้นๆ ต้องเปล่ียนบทบาทตนเองจากผู้เสพ (แนวตอบ การปราบปรามสารเสพติดยัง เพยี งอยา่ งเดยี วไปเปน็ ผขู้ ายปนั สว่ น ผขู้ ายรายยอ่ ย ผขู้ ายรายใหญ ่ และผขู้ ายสง่ ตามลา� ดบั ซงึ่ สามารถ ไมไ ดผลเทาท่คี วร เนื่องจากยงั มีการลักลอบ อธบิ ายตามแผนภูมิของกองบญั ชาการศกึ ษา สา� นักงานต�ารวจแห่งชาติไดด้ งั นี้ นาํ เขาสารเสพติดจากประเทศเพ่ือนบาน เขา มาสปู ระเทศไทย และกลมุ ผูค า บางราย การขยายเครือข่ายจากผู้ติดสารล�าดับ ยังคงมีอทิ ธพิ ลมาก) ที่ ๑ ไปยังผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ • นักเรียนคิดวา การชวยเหลอื ฟน ฟูผูติด ผูขายปนสวน เมื่อผู้ติดสารล�าดับท่ี ๑ ต้องเพ่ิม สารเสพตดิ มคี วามสําคญั หรือไม อยา งไร (แนวตอบ ข้ึนอยูก บั คําตอบของนักเรยี น ปริมาณของสารเสพติดที่ใช้อย่างต่อเน่ือง ซึง่ นักเรยี นจะไดศ กึ ษาในเนื้อหาตอ ไป) สาํ รวจคน หา Explore ผเู สพลำดบั ที่ ๒ จึงต้องหารายได้เพื่อน�าไปซื้อสารเสพติด วิธีการหารายไดท้ ง่ี า่ ยท่สี ดุ คอื การจ�าหน่าย ใหนกั เรยี นศกึ ษาเร่ือง วงจรการแพรร ะบาด สารเสพติด ซ่ึงส่วนใหญ่เพ่ือนมักเป็น ของสารเสพตดิ ความสาํ คญั และปจ จัยในการฟนฟู ผูตดิ สารเสพติด จากหนังสือเรยี น และแหลง การ เป้าหมายส�าคัญที่สุด เพราะชักชวนง่ายและปลอดภัยจากการถูกเจ้าหน้าที่ต�ารวจจับกุม โดยระยะแรก เรียนรูเพม่ิ เตมิ ตางๆ จะให้เพื่อนได้ทดลองใช้ฟรีก่อน ๒-๓ คร้ัง ในท่ีสุดเพื่อนก็จะกลายเป็นผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ จากการ หลงเชื่อค�าชักชวนของผู้ติดสารล�าดับที่ ๑ ผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ มักจะไปซ้ือสารเสพติดแบบปันส่วน จากผู้ติดสารล�าดับท่ี ๑ เพราะเช่ือม่ันวางใจกัน ดังนั้น ผู้ติดสารล�าดับที่ ๑ จึงผันตัวเองกลายเป็นผู้ขาย ปันส่วน ๑48 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตใุ ด ปญหาสารเสพติดในปจจบุ ันจงึ ทวคี วามรนุ แรงมากยิง่ ขน้ึ ครูควรช้แี นะใหนกั เรยี นเหน็ ถึงความรา ยแรงของการแพรระบาดของสารเสพตดิ ถงึ แมวาจะมีการปอ งกนั ปราบปราม และมกี ฎหมายลงโทษอยา งรุนแรง ที่เกิดขน้ึ เพอื่ ใหเ กดิ ความระแวดระวังในการดําเนินชีวิตใหห างไกลจากสารเสพติด แนวตอบ เพราะปญหาสารเสพตดิ อาจเกิดจากสาเหตปุ ญหาทางสังคม โดยอาจยกตัวอยา งปญ หาอาชญากรรม หรือปญหาสงั คมตา งๆ เพ่ือใหน ักเรียนเกิด การขาดความรกั ความอบอุน และความเครยี ดตางๆ อีกทั้งยงั มีวิธีการตางๆ ความตระหนกั ถึงโทษและภัยของสารเสพติดมากข้ึน ในการหลบหลกี การจบั กมุ ทาํ ใหห าซือ้ สารเสพติดไดงา ยมากข้นึ รวมถึง ผลประโยชนจากการคาและเคล่ือนยายสารเสพตดิ ทาํ ใหม กี ารคา ขายเกดิ ข้นึ บูรณาการอาเซยี น โดยไมเกรงกลัวตอ กฎหมาย ไมคํานึงถงึ หลักศลี ธรรม ทําใหเกดิ ผูคา รายยอย ในระดบั ชุมชนข้นึ สง ผลใหก ารปราบปรามจับกุมทําไดย าก เนอื่ งจาก ปจ จบุ นั ประชาคมอาเซยี นไดม คี วามเหน็ ชอบทจ่ี ะรว มดาํ เนินการใหภมู ิภาค เครอื ขา ยของผูคามอี ยูมาก เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเปน เขตปลอดยาเสพตดิ ดังที่กฎบตั รของอาเซยี นในดาน ของสงั คมไดก ลาวไววา ประเทศสมาชกิ ในกลุมอาเซยี นจะสงเสริมประชาชน และ สรา งสังคมใหมนั่ คง ปลอดภัยจากยาเสพติด เพมิ่ ความกนิ ดอี ยูดีของประชาชน อาเซียน ดว ยโอกาสทที่ ัดเทยี มกนั ในการเขาถงึ การพฒั นามนุษย สวสั ดิการ และ ความยตุ ธิ รรม ท้งั นี้เพ่อื ปอ งกันไมใหส มาชิกในประเทศตกเปนทาสยาเสพติด 148 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ผูข ายรายยอ ย การขยายเครือข่ายจากผู้ติดสารล�าดับ ใหน ักเรียนดูแผนผังวงจรการแพรร ะบาดของ ที่ ๒ ไปยังผู้ติดสารล�าดับที่ ๓ สารเสพตดิ จากหนงั สือเรยี นในหนา 148-149 จากนัน้ ใหน ักเรยี นรวมกันอภปิ รายวา จดุ เรมิ่ ตน ผูขายปนสว น เมอ่ื ผตู้ ดิ สารลา� ดบั ท ี่ ๓ ตดิ สารเสพตดิ การแพรระบาดของสารเสพติดน้นั เรมิ่ มาจากอะไร และอะไรเปนสาเหตุใหเ กิดการตดิ สารเสพติด จากการหลงเชื่อค�าชักชวนของผู้ติดสาร โดยครตู ัง้ คําถามกระตนุ การเรียนรขู องนกั เรยี น ผูเสพลำดบั ที่ ๓ ล�าดับที่ ๒ แล้ว ผู้ติดสารล�าดับที่ ๓ จะไป • การตดิ สารเสพตดิ เกดิ มาจากสาเหตใุ ด ขอซื้อสารเสพติดแบบปันส่วนจากผู้ติดสาร (แนวตอบ ความอยากรู อยากลอง โดยเฉพาะวัยรนุ มกั จะเกดิ ความคึกคะนอง ล�าดับท่ี ๒ ดังน้ัน ผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ จะ และถูกชักจูงไดงา ย นอกจากน้ี การใชยา อยา งพราํ่ เพร่ือเปน เวลานาน อาจสงผลให กลายเป็นผู้ขายปันส่วน โดยผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ จะไปซื้อสารต่อมาจากผู้ติดสารล�าดับที่ ๑ ผู้ติดสาร เกดิ การเสพติดยานั้นๆ ได) ล�าดับที่ ๑ จึงกลายเป็นผู้ขายรายย่อย • เพราะเหตใุ ด ผูติดสารเสพตดิ จงึ ผนั ตนเอง จากผูเสพไปเปนผูจําหนายสารเสพตดิ แทน ผูข ายรายใหญ การขยายเครือข่ายจากผู้ติดสารล�าดับ (แนวตอบ ผูติดสารเสพติดจาํ เปนจะตองเพิ่ม ที่ ๓ ไปยังผู้ติดสารล�าดับที่ 4 ปรมิ าณของสารเสพติดท่ใี ชอยางตอเนื่อง แตบ างรายอาจไมม ีเงินเพียงพอท่จี ะซอ้ื ผขู ายรายยอ ย เมอื่ ผตู้ ดิ สารลา� ดบั ท ่ี ๔ ตดิ สารเสพตดิ สารเสพตดิ เหลา นนั้ มาใชไ ด จึงตองผัน ตนเองมาเปน ผูจําหนา ยรวมดวย เพราะ ผูขายปนสว น จากการหลงเช่ือค�าชักชวนของผู้ติดสาร ตองการหาเงนิ มาซ้อื สารเสพตดิ เพ่อื นาํ มาใช ล�าดับที่ ๓ แล้ว ผู้ติดสารล�าดับที่ ๔ จะไป เสพตามความตอ งการของตนเอง) ผูเสพลำดบั ท่ี ๔ ขอซ้ือสารเสพติดแบบปันส่วนจากผู้ติดสาร • กลมุ เปา หมายทีส่ าํ คญั ทม่ี ีสวนชวยในการ ล�าดับที่ ๓ เพ่ือเสพ ดังนั้น ผู้ติดสารล�าดับ ขยายเครอื ขา ยผตู ิดสารเสพตดิ คอื บุคคลใด (แนวตอบ เพื่อน เปนกลมุ เปาหมายที่ ที่ ๓ จะกลายเป็นผู้ขายปันส่วน ผู้ติดสารล�าดับท่ี ๒ จะกลายเป็นผู้ขายรายย่อย และผู้ติดสารล�าดับที่ ๑ สําคัญที่สดุ เพราะชกั ชวนไดงา ย และ ปลอดภยั จากการถกู เจา หนาท่ีตาํ รวจจับกุม จะกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ โดยระยะแรกจะใหเพอื่ นไดท ดลองใช สารเสพตดิ ฟรีกอน 2 - 3 ครั้ง จนในทีส่ ดุ ผูขายสง การขยายเครือข่ายจากผู้ติดสารล�าดับ เพอ่ื นก็จะกลายเปนผตู ดิ สารเสพตดิ ในเวลา ท่ี 4 ไปยังผู้ติดสารล�าดับท่ี ๕ ตอ มา) ผูข ายรายใหญ เมอ่ื ผตู้ ดิ สารลา� ดบั ท ่ี ๕ ตดิ สารเสพตดิ ผูขายรายยอย จากการหลงเช่ือค�าชักชวนของผู้ติดสาร ผขู ายปน สวน ล�าดับที่ ๔ แล้ว ผู้ติดสารล�าดับที่ ๕ จะไป ขอซ้ือสารเสพติดแบบปันส่วนจากผู้ติดสาร ผเู สพลำดับท่ี ๕ ล�าดับที่ ๔ เพื่อเสพ ดังน้ัน ผู้ติดสารล�าดับ ที่ ๔ จะกลายเป็นผู้ขายปันส่วน ผู้ติดสาร ล�าดับที่ ๓ จะกลายเป็นผู้ขายรายย่อย ผู้ติดสารล�าดับที่ ๒ จะกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ และผู้ติดสารล�าดับ ท่ี ๑ จะกลายเป็นผู้ขายส่ง ๑49 ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอ สอบป ’53 ออกเก่ียวกบั การแพรร ะบาดของสารเสพติด ครสู ามารถนาํ ขา วการปราบปรามสารเสพตดิ หรอื ขาวการจับกมุ วยั รุนที่เสพ นกั เรยี นกําลงั ไปเขา หองน้ําของโรงเรยี น บงั เอญิ พบเพ่อื นๆ กาํ ลงั สูบบุหรี่ สารเสพตดิ ตามสถานบันเทิง หรือแหลงมั่วสุมตา งๆ มาใหน ักเรียนดู เพ่อื ใหเหน็ ถึง ปญ หาการแพรระบาดของสารเสพตดิ ในหมูวัยรุน เพอ่ื นชักชวนใหน กั เรยี นสูบบหุ ร่ีดว ย นักเรียนจะพูดวาอยา งไร 1. “เอาไวค อยสบู วันหลงั ” มมุ IT 2. “ถา มีหมากฝรง่ั ระงับกล่ิน เราถงึ จะสูบ” 3. “เราใหสญั ญากบั แมไ วว าจะไมสบู บุหร”ี่ สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การแพรร ะบาดของสารเสพติดในรอบ 10 ป 4. “ดีเหมือนกัน วันนีย้ งั ไมม โี อกาสไปซอื้ เลย” ไดจาก http://www.hiso.or.th/hiso/tonkit/tonkits_18.php วิเคราะหค ําตอบ ควรพดู วา “เราใหส ญั ญากบั แมไวว าจะไมส บู บุหร”ี่ เปนวธิ ีการปฏิเสธเพือ่ นที่เหมาะสมท่ีสุด เนือ่ งจากพดู ดว ยวาจาทีน่ มุ นวล และจริงจัง ซ่งึ การท่นี กั เรียนบอกวาใหส ญั ญากับแมเอาไว อาจจะพดู กบั เพื่อนไดวา เราไมอ ยากผดิ คาํ สัญญากับแม เพราะจะทําใหแ มรสู กึ เสยี ใจ และการโกหกแมเปน สง่ิ ที่ไมด จี ะเปนบาปตดิ ตวั เราไปตลอด โดยคาํ พดู ดงั กลาวอาจทําใหเพอ่ื นๆ ทกี่ ําลงั สูบบุหร่อี ยูน้นั สามารถปรบั เปลี่ยน พฤตกิ รรมเลกิ สบู บุหร่ไี ด ตอบขอ 3. คมู ือครู 149

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาอธบิ ายความสาํ คญั ก ารปกราาบรหปยราุดมย2แ้ังลวง้วจ รกนาี้ไรดบ้เ�าทบ่าัดกฟับื้นเปฟ3็นูใหก้ผาู้ตรหิดยสุดารยเั้งสกพาตริดแสพารม่ราะรบถากดลขับอตงัวสกาลรเับสใพจเตปิด็น1 คซน่ึงดนี อเกลจิกาใชก้ ของการฟน ฟผู ูตดิ สารเสพติด โดยครูและนักเรยี น สารเสพตดิ ก็เป็นอกี แนวทางหนงึ่ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตงั้ คําถามเพื่อนําไปสู ขอ สรปุ ท่ถี ูกตอ งรว มกนั ๒. ความสา� คญั และปจจยั ในการฟนื้ ฟผู ูต้ ิดสารเสพติด • การฟน ฟผู ูติดสารเสพติด มคี วามสําคญั ๒.๑ ความสา� คัญของการฟืน้ ฟผู ตู้ ิดสารเสพติด อยางไร (แนวตอบ เปน การใหโ อกาสผหู ลงผดิ ไดก ลบั ตวั ในอดีต สงั คมจะประณามผตู้ ิดสารเสพตดิ วา่ เปน็ อาชญากร ประชาชนส่วนใหญเ่ หน็ ด้วยกับ กลบั ใจใหมเ ปน คนดี ยุติการทํารายตนเอง การใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้าและผลิตสารเสพติดว่าเป็นผู้มีเจตนากระท�าความผิด จึง และคนรอบขา ง รวมถึงจะไดไมเปนภาระ สมควรได้รับการลงโทษตามความผิดท่ีได้กระทา� ลงไป แกส ังคมและประเทศชาต)ิ อย่างไรก็ตาม ได้มีอีกแนวคิดหน่ึงท่ีกล่าวว่า “มนุษยไม่ได้เลวโดยสันดาน การกระท�าผิด อาจเกดิ จากการคบเพอื่ นไมด่ ี รว่ มกบั การไดร้ บั การอบรมเลยี้ งดมู าในสภาพแวดลอ้ มทไ่ี มด่ ”ี ดงั นน้ั • นโยบายการฟน ฟสู มรรถภาพผตู ดิ สารเสพตดิ สังคมควรให้โอกาสผู้ติดสารเสพติดกลับตัวกลับใจและช่วยให้มีก�าลังใจไม่กลับไปใช้สารเสพติด ตามพระราชบัญญตั ฟิ น ฟูสมรรถภาพผูติด ซ�้าอกี จึงทา� ใหเ้ กิดพระราชบญั ญตั ฟิ ้ืนฟสู มรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้นึ ซงึ่ ก�าหนด ยาเสพติด พ.ศ. 2545 ไดกาํ หนดแนวทาง ให้มีการปฏิบัติต่อผู้ติดสารเสพติดเหมือนผู้ป่วย มิใช่อาชญากร และให้ผู้ต้องหาเข้ารับการฟื้นฟู การดําเนินการ เพอ่ื คาดหวังใหเ กดิ ประโยชน ภายใน ๓ ป ี โดยไมต่ อ้ งรบั โทษ เพราะไดม้ กี ารนา� หลกั การชะลอการฟอ้ งมาใชใ้ นการดา� เนนิ คดอี าญา ตอ ผูตดิ สารเสพตดิ อยา งไรบา ง ในกรณเี ป็นผตู้ อ้ งหาใช้สารเสพติด และมไี ว้ในครอบครองเพ่อื จ�าหน่ายจา� นวนเล็กนอ้ ยตามเกณฑ์ (แนวตอบ ไดแ ก ใหโอกาสผูตดิ สารเสพติด ทก่ี ฎหมายก�าหนด โดยมกี รมคมุ ประพฤติ สังกดั กระทรวงยุตธิ รรม เป็นหน่วยงานหลกั ในการน�า ไดกลบั ตัวกลับใจเปน คนดี ชวยใหผ ูติดสาร เสพตดิ ไมตองมีประวัติดา งพรอ ย สง ผลดี นโยบายการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดสารเสพติด ตอสุขภาพรา งกายและจติ ใจ ชวยลดปญหา ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา ผูตองโทษลน เรอื นจาํ และชว ยลดปญหา เสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ ไปด�าเนนิ การ อาชญากรรมไดใ นทางออ ม) แนวทางการดา� เนนิ การดงั กลา่ ว คาดหวัง ใหเ้ กดิ ประโยชน ์ ดงั นี้ ๑. ให้โอกาสผู้ติดสารเสพติดได้ กลบั ตวั กลับใจเป็นคนดี ๒. ลดการสญู เสยี ทรพั ยากรมนษุ ย์ ที่อาจมศี กั ยภาพช่วยพัฒนาประเทศได้ ๓. ช่วยให้ผู้ติดสารเสพติดไม่ต้อง การฟืน้ ฟูผู้ติดสารเสพติด โดยให้โอกาสและก�าลังใจ มีประวัติด่างพร้อย ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็น จะชว่ ยปอ้ งกันมใิ หผ้ ู้ฟ้ืนฟหู นั กลบั ไปเสพสารเสพติดอกี คนขค้ี กุ ๑๕๐ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นักเรยี นมีวธิ กี ารปฏบิ ตั ิตนอยางไรเพอ่ื ปองกันตนเองจากสารเสพตดิ 1 สารเสพตดิ ปญหาสารเสพตดิ เปน บอ เกดิ ท่ีนาํ ไปสูปญ หาสงั คมดานตา งๆ แนวตอบ ตอ งศึกษาหาความรูเก่ยี วกบั โทษของสารเสพติด ซง่ึ เม่ือทราบแลว เชน ปญ หาวัยรนุ ปญหาอาชญากรรม ปญ หาลว งละเมิดทางเพศ เปนตน ก็ไมค วรทดลอง แตควรทจ่ี ะใชเ วลาวา งใหเปน ประโยชน ไมว าจะเปน ซ่ึงปญ หาเหลา นนี้ อกจากจะสงผลกระทบตอ ตนเองและครอบครัวแลว ยงั สง การเลน กฬี า พกั ผอ นกบั เพอื่ นๆ ดหู นงั ฟง เพลง และหากมปี ญ หาในดา นตา งๆ ผลกระทบตอความมั่นคงของชาติ ตลอดจนดานเศรษฐกิจอีกดว ย กค็ วรปรกึ ษาผูปกครอง ครู หรอื ผใู หญท ี่ใหค วามดูแลเรา รวมถึงหลีกเลี่ยง 2 การปราบปราม ปจ จบุ นั ไดมหี ลายหนวยงานพยายามรวมรณรงคตอตาน การไปม่ัวสมุ หรอื คบเพอ่ื นท่ีใชส ารเสพติด สารเสพตดิ ทง้ั การใหค วามรผู านสอื่ ตางๆ หรอื การใชด ารานกั แสดง ซ่ึงวัยรนุ มักจะทํายึดถือเปน แบบอยา งมารว มรณรงคในการปราบปรามสารเสพติด 3 การบําบดั ฟน ฟู เปนการดาํ เนนิ งานเพ่อื แกไขสภาพรางกายและจติ ใจของ ผูต ิดสารเสพตดิ ใหเ ลกิ จากการเสพ และสามารถกลับไปดาํ รงชวี ติ อยูใ นสงั คมได อยา งปกตสิ ุข 150 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔. ส่งผลดตี อ่ สุขภาพร่างกายและจติ ใจของผูต้ ิดสารเสพตดิ ครสู มุ นกั เรยี นอกี 2 คน โดยไมซํา้ กับคนเดมิ ๕. เมอ่ื ผ้ตู ดิ สารเสพติดกลบั ตวั เปน็ คนด ี จะชว่ ยลดปญั หาอาชญากรรมได้ในทางออ้ ม ออกมาอธบิ ายปจ จยั ทีเ่ กยี่ วขอ งกบั การฟน ฟผู ตู ิด ๖. ช่วยลดปัญหาผู้ต้องโทษล้นเรือนจ�า และช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเลี้ยงดูผู้ต้องโทษ สารเสพตดิ โดยครแู ละนักเรียนรวมกันเสนอแนะ เ ช่น คจา่าอกาทหก่ี าลรา่ วคม่าาอแปุ ลโว้ภ คจะบเรหโิ น็ภไคด ว้คา่ ่ากเาจรา้ ฟหน้ืนฟา้ ทผู ที่ตู้ ดิตี่ ส้อางรมเาสดพแู ตลดิ 1 เ ปเปน็ น็ ภตา้นรกจิ ทมี่ คี ณุ คา่ และความส�าคญั เพม่ิ เตมิ และตั้งคําถามเพือ่ นําไปสขู อ สรปุ ท่ี อย่างย่ิง เพราะเป็นการให้โอกาสผู้หลงผิดกลับตัวกลับใจใหม่เป็นคนดี ยุติการท�าร้ายตนเองและ ถูกตองรว มกนั คนรอบข้าง รวมถงึ จะไดไ้ ม่เป็นภาระแกส่ ังคมและประเทศชาต ิ • การฟน ฟูผูตดิ สารเสพตดิ ประกอบดวย ๒.๒ ปจั จัยทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการฟื้นฟูผตู้ ดิ สารเสพติด ปจจัยทส่ี าํ คัญไดแ กอ ะไรบา ง (แนวตอบ ไดแ ก ผตู ิดสารเสพติดจะตอง การฟนื้ ฟูผตู้ ิดสารเสพตดิ จะประสบความส�าเรจ็ ได ้ ตอ้ งอาศยั ปัจจยั ท่สี า� คญั ๓ ประการ ดงั นี้ มคี วามรูความเขาใจพระราชบญั ญัตฟิ น ฟู พ๑.ศ. . ผ๒ู้ต๕ิด๔ส๕า2 รโเดสยพมตคี ิดวตา้อมงเขมา้ีคใวจาถมงึ เรจู้คตวนาามดเีขขอ้าใงจพพรระระารชาชบบญั ัญญญัตัติฉิฟบบัื้นดฟงั ูสกมลร่ารวถทภ่ใี หาโ้พอผกู้ตาิดส สมรรถภาพผตู ดิ สารเสพตดิ พ.ศ. 2545 ยาเสพตดิ ตองใหความรวมมือและมีความมุง ม่ัน ผู้ติดสารเสพติดไดม้ ีโอกาสปรบั ปรุงตนเอง ในการเลิกเสพสารเสพติด และตองมีความ ๒. ผตู้ ดิ สารเสพตดิ ตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื และมคี วามมงุ่ มนั่ ในการเลกิ สารเสพตดิ รวมถงึ ยินยอมพรอ มใจทจี่ ะเขา รบั การอบรม ตอ้ งต้งั ใจอย่างเดด็ เดยี่ วท่จี ะไม่กลับไปใช้สารเสพติดซ้�าอีกเม่อื พน้ จากการฟ้ืนฟูแล้ว ในกระบวนการฟน ฟู เชน การเขาคา ย การถกู ควบคุมความประพฤติ เปนตน) ๓. ผู้ติดสารเสพติดต้องมีความยินยอมพร้อมใจท่ีจะเข้ารับการอบรมในกระบวนการ ขยายความเขา ใจ Expand ฟ้ืนฟู เช่น การเข้าค่าย การถูกคมุ ประพฤติ เปน็ ต้น หากผตู้ ดิ สารเสพตดิ สามารถปฏบิ ตั ติ นไดด้ งั กลา่ ว กม็ ใิ ชเ่ รอ่ื งยากทจี่ ะบา� บดั ฟน้ื ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 4 - 5 คน รว มกัน ให้หายเป็นปกติ และสามารถกลบั ไปใช้ชีวติ ร่วมกบั คนทัว่ ไปในสังคมได ้ ทง้ั น้ีครอบครัวและสังคม จดั นทิ รรศการเกี่ยวกับภยั ของสารเสพตดิ ภายใน ควรเข้าใจความรู้สึกของผู้ติดสารเสพติดด้วย โดยครอบครัวน้ันควรให้ก�าลังใจและคอยส่งเสริมให้ หอ งเรยี นเปนเวลา 2 สปั ดาห ผตู้ ดิ สารเสพตดิ รว่ มทา� กจิ กรรมทเ่ี ปน็ การบา� บดั รกั ษาไมใ่ หก้ ลบั ไปเสพสารเสพตดิ อกี สา� หรบั สงั คม น้นั ควรใหโ้ อกาสผูต้ ดิ สารเสพติดได้มสี ่วนร่วมในการทา� กิจกรรมตา่ งๆ ร่วมกบั ผอู้ ืน่ โดยท่ไี ม่แสดง ท่าทางรังเกยี จหรือความไมเ่ ป็นมิตรกบั ผู้ตดิ สารเสพตดิ ๓. วธิ ีการบ�าบัดฟื้นฟูผู้ตดิ สารเสพติด การฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดเป็นกระบวนการส�าคัญที่จะท�าให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเลิกใช้ สารเสพตดิ ไดส้ า� เรจ็ และกลบั ไปใชช้ วี ิตตามปกตริ ่วมกบั ผูอ้ ื่นในสงั คมได้ จึงจ�าเปน็ ทผี่ ้ตู อ้ งการเลิก สารเสพตดิ และบุคคลทีเ่ กย่ี วข้องตอ้ งมคี วามรู ้ ทัง้ รูปแบบ องค์ประกอบ และขัน้ ตอนในการบ�าบดั ฟน้ื ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ เพอื่ จะไดท้ า� ใหก้ ารรกั ษาดา� เนนิ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสบความสา� เรจ็ ๑๕๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู ขอ ใดไมใ ช องคประกอบที่เก่ียวของกบั การฟนฟูผตู ดิ สารเสพตดิ 1 การฟน ฟูผตู ิดสารเสพตดิ ความสาํ เร็จในการฟนฟสู มรรถภาพผตู ิดยาเสพตดิ 1. ชุมชนยอมรบั มิไดข ึน้ อยกู บั หนวยงานใดหนว ยงานหนงึ่ หรอื บุคคลใดบุคคลหน่งึ แตข ้ึนอยกู ับ 2. โอกาสทสี่ ังคมเปดให ความรว มมือรว มใจของทกุ หนว ยงานที่เขา มาชวยกนั แกไขปญหายาเสพติด และ 3. ความพรอ มของครอบครวั ส่ิงสําคัญคนในชมุ ชนตองยอมรบั วาผูผานการบําบัดฟนฟูฯ เปนคนปกติใหอ ยรู ว ม 4. ความพรอมของผทู ่จี ะเขารับการบําบดั ในสังคม ซ่งึ จะเปนเคร่ืองมือสําคัญจะทาํ ใหก ระบวนการฟน ฟสู มรรถภาพผูตดิ วิเคราะหค าํ ตอบ สง่ิ ท่ีสําคญั ท่สี ดุ ที่จะทําใหการบําบดั ฟนฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ ยาเสพติดสมั ฤทธผิ ลไดด ที ี่สดุ ประสบความสาํ เร็จได คอื ความพรอมของผทู ่ีเขารบั การบาํ บัด ซง่ึ จะตอ งมี 2 พระราชบญั ญตั ิฟนฟูสมรรถภาพผูติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 เปน กฎหมาย ในระบบบงั คบั บาํ บดั บญั ญตั ขิ นึ้ ตามหลกั การทว่ี า “ผเู สพ คอื ผปู ว ย ไมใ ชอ าชญากร” จิตใจมงุ มั่นท่ีจะเลกิ สารเสพตดิ ใหไ ด ตอบขอ 4. ไดเ รมิ่ มผี ลบงั คบั ใชต งั้ แตว นั ท่ี 3 มนี าคม พ.ศ.2546 เปน ตน มา โดยมกี รมคมุ ประพฤติ เปน หนว ยงานหลกั ในการบรู ณาการกบั หนว ยงานภาคตี า งๆ คูม ือครู 151

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ใหนักเรียนชมวิดทิ ัศนเรื่อง การฟนฟูผตู ิด ๓.๑ การบา� บัดรักษาผ้ตู ิดสารเสพติด สารเสพติด จากนนั้ ครูตง้ั คาํ ถามกระตุนความสนใจ โดยนกั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยา ง การบ�าบัดรักษาผู้ตดิ สารเสพตดิ หมายถงึ การดา� เนนิ งานของหนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องกบั การ อิสระ บา� บดั รกั ษา เพอ่ื แกไ้ ขสภาพรา่ งกายและจติ ใจของผตู้ ดิ สารเสพตดิ ใหเ้ ลกิ จากการเสพ และสามารถ กลบั ไปด�ารงชีวติ อยู่ในสงั คมได้อย่างปกติ • เพราะเหตใุ ด เราจงึ ควรมีการชว ยเหลอื ฟน ฟู การบ�าบัดรกั ษาผ้ตู ดิ สารเสพติด แบง่ เป็น ๔ ขัน้ ตอน ดังน้ี ผูติดสารเสพตดิ (แนวตอบ เพ่อื ชว ยใหผ ตู ิดสารเสพติดสามารถ ๑. ข้ันเตรียมการ (Pre-Admission) เป็นการศึกษาประวัติข้อมูลและภูมิหลังของผู้ติด เลิกใชส ารเสพตดิ และกลับไปใชชวี ติ ไดตาม สารเสพตดิ ทง้ั จากผขู้ อรบั การรกั ษาและครอบครวั เพอื่ ชกั จงู ใหค้ า� แนะนา� และกระตนุ้ ใหผ้ ตู้ ดิ สารเสพตดิ ปกตริ วมกับผอู ่ืนในสังคมได) มีความตั้งใจในการรักษา การด�าเนินการ การสัมภาษณ์ การลงทะเบียน และวิธีการทางการแพทย์ ได้แก ่ การตรวจรา่ งกาย เอกซเรย ์ ตรวจเลือด ตรวจปสั สาวะ ชง่ั น้า� หนกั • หากบุคคลในครอบครัวของนกั เรยี น ติดสารเสพติด นักเรียนจะมีการชวยเหลอื ก ารด�า๒เน. นิ ขกนั้ าถร อกนาพรใษิ หยย้ าาช(นDดิeอtoนื่ xทifดicแaทtiนo nเช)น่ เป เน็มกธาารโบดนา� บ1 (ดั Mอeาtกhาaรdทoาnงeก)า ยยาท เ่ีสกมดิ นุจาไพกกร าหรใรชอื ส้ใาหร้เเลสิกพเสตพดิ ไดอ ยา งไรบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ทันทีที่เรียกว่า หักดิบ เป็นต้น แบ่งเป็นการถอนยาแบบผู้ป่วยนอก คือ ไม่ต้องให้ผู้ป่วยค้างคืนใน ไดอ ยางอิสระ โดยอาจตอบวา พาไปเขารับ สถานพยาบาล แตต่ อ้ งรับประทานยาตามเวลาทก่ี �าหนด และแบบผปู้ ่วยใน คือ การให้ผ้ปู ่วยค้างคนื การบาํ บดั รักษาในหนวยงานหรอื สถานบาํ บัด ในสถานพยาบาล ซง่ึ นอกจากจะถอนพษิ ยาแลว้ ยงั มกี ารรกั ษา รวมทงั้ การใหค้ วามรใู้ นเรอื่ งการดแู ลสขุ ภาพ ตา งๆ ไมท อดทิ้งผูต ดิ สารเสพติด และควรให ๓. ขน้ั ตอนในการฟน้ื ฟสู มรรถภาพ (Rehabilitation) ขน้ั ตอนนเ้ี ปน็ การปรบั สภาพรา่ งกาย กาํ ลังใจตลอดระหวา งการดําเนินการบําบัด และจติ ใจของผเู้ ลกิ ยาใหม้ คี วามเขม้ แขง็ ปรบั เปลยี่ นบคุ ลกิ ภาพและพฤตกิ รรมใหส้ ามารถกลบั คนื สสู่ งั คม รักษา) ไดอ้ ยา่ งปกต ิ โดยมกี ารดา� เนนิ การใชก้ จิ กรรมตา่ งๆ ไดแ้ ก ่ การใหค้ า� แนะนา� คา� ปรกึ ษา ทงั้ เปน็ รายบคุ คล และเป็นกลุม่ การสนั ทนาการ การฝกึ อาชพี เปน็ ตน้ นอกจากนีย้ ังมรี ูปแบบอ่นื ๆ อกี เชน่ การฟ้ืนฟู • การบําบดั ฟน ฟูผูติดสารเสพติด มวี ธิ กี าร สมรรถภาพแบบ “ชมุ ชนบา� บดั ” ซงึ่ เปน็ การสรา้ งชมุ ชนหรอื สงั คมจา� ลองใหผ้ เู้ ลกิ สารเสพตดิ มาอยรู่ วมกนั ชวยเหลืออยา งไรบาง เพอ่ื ใหก้ ารชว่ ยเหลอื กนั เลยี นแบบ ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ฝกึ ความรบั ผดิ ชอบ การรจู้ กั ตนเอง และรจู้ กั (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ แก้ไขปัญหาอยา่ งเหมาะสม เพอ่ื กลบั ไปด�ารงชวี ติ อยู่ในสังคมไดอ้ ยา่ งปกต ิ หรอื การฟื้นฟูจติ ใจ โดยใช้ ไดอ ยางอสิ ระ ซ่ึงจะไดศ ึกษาในเน้อื หาตอไป) หลักศาสนา เช่น การนา� ผู้เลิกสารเสพตดิ เข้ารบั การอุปสมบท การศึกษาหลกั ธรรมทางศาสนา เป็นตน้ 4. ขน้ั การตดิ ตามดแู ล (After-Care) เปน็ การตดิ ตามดแู ลผเู้ ลกิ สารเสพตดิ ทผ่ี า่ นการบา� บดั สาํ รวจคน หา Explore รักษาทั้ง ๓ ขั้นตอน เพ่อื ให้คา� แนะนา� ปรกึ ษา ใหก้ า� ลงั ใจ ทงั้ นีเ้ พ่อื มิใหห้ วนกลับไปเสพยาซา้� อีก ได้แก่ การเย่ยี มเยียน โทรศัพทน์ ดั พบ ใชแ้ บบสอบถามและการตรวจปสั สาวะหาสารเสพติด ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน ศกึ ษาเรอื่ ง วิธกี ารบาํ บัดฟน ฟผู ตู ิดสารเสพตดิ จากหนงั สอื เรยี น ๑๕๒ หรอื แหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เพมิ่ เตมิ โดยใหแ ตล ะกลมุ ออกมาจบั สลากเลอื กประเดน็ ท่ีจะนาํ เสนอ โดยมี ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ประเดน็ ดังตอไปนี้ • การบําบัดรกั ษาผูตดิ สารเสพติด • รูปแบบการฟนฟผู ูตดิ สารเสพตดิ • องคป ระกอบทีเ่ ก่ยี วของกับการฟนฟู ผูติดสารเสพติด • ขัน้ ตอนในการฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ นักเรียนควรรู 1 เมธาโดน ถงึ แมว ากระทรวงสาธารณสุขจะอนุญาตใหสถานพยาบาลจายยา การชว ยเหลือฟน ฟูผตู ดิ สารเสพตดิ มีประโยชนตอ สงั คม ยกเวนขอใด เมธาโดนใหแกผ ปู วยทตี่ ิดสารเสพตดิ กลับบา นไดแ ลวก็ตาม แตก ไ็ ดก าํ หนดปริมาณ 1. ทําใหสงั คมสงบสขุ ใหการจายยาเมธาโดนไปรบั ประทานนอกสถานพยาบาลไมควรเกินครง้ั ละ 350 2. ชวยลดปญหาอาชญากรรม มิลลิกรัม (ประมาณ 7 วนั ) แตอ ยางไรก็ตาม การใชเ มธาโดนอยา งไมร ะมัดระวงั 3. ทําใหม ผี ูใ ชแรงงานเพ่มิ มากขึ้น กม็ โี อกาสท่ีจะกอ ใหเ กิดอนั ตรายไดเ ชนกนั 4. ใหโ อกาสผกู ระทําผิดไดก ลบั สูสังคม มุม IT วเิ คราะหค ําตอบ การชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพตดิ จะชวยใหผตู ิด สารเสพติดไดก ลับตวั กลบั ใจเปน คนดี มีสขุ ภาพรางกายและจิตใจท่ดี ี มผี ล สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกย่ี วกับรปู แบบการบาํ บดั รกั ษาผูต ิดสารเสพตดิ ไดจาก ทางออมในการชวยลดปญ หาอาชญากรรม ซง่ึ จะสง ผลใหส งั คมเกดิ ความ http://www.thanyarak.go.th/thai/index.php?option=com_content&task= category&sectionid=3&id=37&Itemid=54 สงบสขุ ตอบขอ 3. 152 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๒ รปู แบบการฟ้นื ฟูผูต้ ิดสารเสพติด ใหน กั เรยี นกลมุ ที่จบั สลากไดป ระเด็น รปู แบบการฟน ฟูผูตดิ สารเสพตดิ ออกมานาํ เสนอ รปู แบบในการฟน้ื ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ จะมหี ลากหลาย เหตผุ ลทเ่ี ปน็ เชน่ นกี้ เ็ พอื่ ใหผ้ ตู้ ดิ สารเสพตดิ หลังการนาํ เสนอ ใหน ักเรยี นกลุมอ่ืนๆ ไดรวม มีโอกาสได้เลือกใช้บริการการรักษาที่เหมาะสมกับตนเองมากท่ีสุด ซึ่งจะท�าให้การรักษาน้ัน ซักถามขอ สงสยั โดยครชู ว ยเสนอแนะเพมิ่ เติม ประสบความส�าเร็จไดโ้ ดยง่าย สามารถจา� แนกได้ ดังนี้ และตัง้ คาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสูขอสรุปท่ีถูกตองรวมกนั ๑) ชุมชนบ�าบัด (Therapeutic • การบําบัดฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพติดแบบชมุ ชน Community) หลกั การสา� คญั ของรปู แบบน ้ี คอื บาํ บัด มลี ักษณะอยา งไร (แนวตอบ เปน การสรา งชมุ ชนจาํ ลองใหผ เู ลกิ เป็นการสร้างชุมชนจ�าลองให้ผู้เลิกสารเสพติด เสพสารเสพตดิ มาอยรู วมกนั เพ่ือใหสมาชิก มาอยู่รวมกัน เพ่ือให้สมาชิกเปลี่ยนแปลงและ เปล่ียนแปลงและพัฒนาตนเองไดโดยมกี าร พัฒนาตนเองได้ โดยมีการเรียนรู้ประสบการณ์ เรียนรูประสบการณซ ึง่ กนั และกนั รวมถึง ซึ่งกันและกัน รวมถึงให้ผู้เลิกสารเสพติดอยู่ใน ใหผเู ลิกเสพสารเสพตดิ อยูในสง่ิ แวดลอมท่ี สิ่งแวดล้อมท่ีอบอุ่นและปลอดจากสารเสพติด อบอุนและปลอดจากสารเสพตดิ ) การฟื้นฟูสมรรถภาพจะท�าให้ผู้เข้ารับการรักษา มีร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์เข้มแข็ง และ • ขั้นตอนการบําบดั ฟน ฟูผูต ดิ สารเสพติดใน มีแนวทางการด�าเนินชีวิตในสังคมได้อย่าง การใหผ้ ตู้ ดิ สารเสพตดิ อยรู่ ว่ มกนั เปน็ ชมุ ชนจา� ลอง เพอื่ ให้ รปู แบบของชุมชนบาํ บดั มกี ขี่ ั้นตอน ไดแ ก ปกติสุข โดยใช้กระบวนการส�าคัญ คือ กลุ่ม กา� ลงั ใจกนั จะชว่ ยใหก้ ารรกั ษาประสบความสา� เรจ็ มากขน้ึ อะไรบาง เพอ่ื ใหช้ ว่ ยเหลอื ตนเอง (Self help Group) การปรับเปล่ยี นพฤติกรรม (Behavior Modification) (แนวตอบ มี 3 ขน้ั ตอน ไดแก ระยะท่ี 1 การเรียนรู้ทางสงั คม (Social Learning) และคุณธรรม (Morality) ซ่งึ มีข้นั ตอน ดงั นี้ การสมัครใจเขา สสู ถานแรกรับ ซ่งึ จะใชระยะ เวลาในการบาํ บัดฟนฟูเปน เวลา 1 เดอื น ๑.๑) ระยะที่ ๑ การสมัครใจเข้าสู่สถานแรกรับ ใช้ระยะเวลาในการบ�าบัดฟื้นฟ ู ระยะที่ 2 การเขารบั การบาํ บัดฟน ฟู ใชระยะ ๑ เดือน เปรยี บเหมือนการปฐมนิเทศให้แกผ่ เู้ ข้ารับการรักษา เวลาในการบําบดั ฟนฟูเปน เวลา 9 เดอื นและ ระยะท่ี 3 การกลบั สสู ังคม ใชระยะเวลาใน ๑.๒) ระยะท่ี ๒ การเขา้ รบั การบา� บดั ฟน้ื ฟ ู ใชร้ ะยะเวลาในการบา� บดั ฟน้ื ฟ ู ๙ เดอื น การบาํ บดั ฟน ฟูเปน เวลา 9 เดอื นเชนกนั ) โดยผเู้ ขา้ รับการรกั ษาตอ้ งยนิ ยอมพกั อยใู่ นสถานบา� บดั และเข้ารว่ มกจิ กรรมทสี่ ถานบา� บัดก�าหนด เพื่อให้สามารถบรรลถุ ึงการค้นพบตนเองและการปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรม ๑.๓) ระยะที่ ๓ การกลับสู่สังคม ใช้ระยะเวลาในการบ�าบัดฟื้นฟู ๙ เดือน แบง่ เปน็ ๓ ขน้ั ตอน คอื ๓ เดอื นแรก เปน็ ระยะปฐมนเิ ทศ เพอ่ื เปน็ การเตรยี มตวั ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การรกั ษา สามารถออกไปเผชิญโลกภายนอกได ้ ๓ เดือนตอ่ มา เป็นระยะที่ออกไปทา� งานข้างนอก แต่ยงั คง ทกล่ีอับอกมไาปพทัก�าคง้าางนใขน้าสงถนาอนกบ �าแบตัด่ก ลเับพไื่อปเอตยรู่กียับมคกราอรบกคลรับัว1สหู่สรังือคทมี่พ ักแตลนะเ อง๓ แเลดะือกนลสับุดมทา้าทย่ีส ถเาปน็นบร�าะบยัดะ สัปดาห์ละ ๑ ครง้ั หนว่ ยงานทน่ี า� ระบบการบา� บดั ฟน้ื ฟแู บบชมุ ชนบา� บดั มาใช ้ ไดแ้ ก ่ ศนู ยฟ์ น้ื ฟสู มรรถภาพ ผ้ตู ิดสารเสพติดลาดหลมุ แกว้ จงั หวดั ปทมุ ธานี ในสงั กัดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุตธิ รรม ๑๕๓ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู หากนกั เรียนมเี พือ่ นตดิ สารเสพติด นกั เรยี นควรทาํ อยา งไร ครอู าจใหนักเรยี นแตล ะกลมุ รวมกันระดมความคิดวา นกั เรยี นจะมกี ระบวนการ 1. ไมพ ดู กับเพ่ือน อยา งไรเพอ่ื ปองกันตนเองใหห างไกลจากสารเสพติด 2. เลิกคบกับเพอ่ื น 3. แสดงทา ทางรังเกียจเพอื่ น นกั เรียนควรรู 4. แนะนาํ ใหเพอื่ นเลิกเสพสารเสพติด และเขารับการบําบดั วเิ คราะหคาํ ตอบ การเสพสารเสพติดมีผลกระทบท้ังตอรางกายผเู สพ 1 ครอบครัว เปนการบําบดั ทางดา นจิตวทิ ยา เพราะครอบครวั ถือเปน ทพ่ี ง่ึ ครอบครวั และสงั คม ซ่งึ หากนกั เรยี นมีเพื่อนติดสารเสพติดกค็ วรแนะนํา สุดทาย หากไดร บั การปฏิเสธหรอื วางเฉยจากครอบครัว จะทําใหผูเขารับ ใหเ พื่อนเลกิ เสพ และเขารบั การบาํ บดั รกั ษาจากหนว ยงานตางๆ โดยเร็ว การบาํ บดั ฟนฟูโดดเด่ยี ว ในท่ีสดุ กจ็ ะหันกลบั ไปใชส ารเสพตดิ เปนทพี่ ึง่ อกี ตอบขอ 4. คูมอื ครู 153

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนกลุมเดมิ ทีจ่ ับสลากไดป ระเดน็ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดแบบชุมชนบ�าบัดน้ี ประสบปัญหา รปู แบบการฟน ฟผู ูติดสารเสพตดิ ออกมานาํ เสนอตอ การขาดแคลนสถานทร่ี องรับผูต้ อ้ งการเลกิ สารเสพยตาดิบ า้1แทล่ีเพะจิม่ า� จน�าวนนวผนตู้ มดิ าสกาขรึน้เสเรพื่อตยิดๆโ ด ยรเวฉมพถางึ ะผจ้ตูาิดก หลงั การนําเสนอ ใหนกั เรียนกลุมอนื่ ๆ ไดรวม ซักถามขอ สงสยั โดยครูชว ยเสนอแนะเพิ่มเติม สารเสพติดส่วนใหญ่ที่เป็นเด็กและเยาวชนต้อง และตั้งคาํ ถามเพ่ือนําไปสูข อสรุปท่ถี ูกตองรว มกนั หยดุ เรยี น ๑-๑ ปคี รง่ึ เพอื่ เขา้ รบั การฟน้ื ฟ ู ทา� ให้ เสยี การเรยี นมาก ตอ่ มาจงึ ไดม้ กี ารพฒั นารปู แบบ • การฟน ฟูผตู ดิ สารเสพติดแบบเขมขน ทาง การฟน้ื ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ ใหเ้ ปน็ แบบเขม้ ขน้ ทาง สายใหม (FAST Model) เปน การบาํ บดั ฟนฟู สายใหม ่ (FAST Model) ขึ้น เพ่อื รองรบั ปญั หา ผตู ดิ สารเสพตดิ ในลักษณะใด (แนวตอบ เปน รปู แบบการบาํ บัดฟนฟูผูตดิ ๒) การฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด สารเสพตดิ โดยใหค รอบครัวไดเขา มามี รแูปบแบบเขบ้มนขี้ส้นถาทบาันงธสัญายญใาหรมัก่ ษ2(์ FกAรSมTกาMรแoพdทeยl)์ สวนรวมในกระบวนการบาํ บัดฟนฟู และ จะเนนใหผูต ิดสารเสพตดิ สามารถกลบั ไป กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาขึ้น โดยมี มสี ภาพรางกายท่ีเขมแข็งและมัน่ คงไดด งั เดมิ แนวคิดน�าครอบครัวให้เข้ามามีส่วนร่วมใน ซงึ่ จะใชร ะยะเวลารักษา 4 เดอื น ผู้ติดสารเสพติดท่ีปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานบ�าบัด กระบวนการบ�าบัดฟื้นฟู และจะเน้นการท�าให้ โดยผูตดิ สารเสพตดิ ตอ งนอนพักในสถาน อยา่ งเคร่งครดั จะชว่ ยให้การรักษาสัมฤทธิผ์ ลเรว็ ขน้ึ ผตู้ ดิ สารเสพตดิ สามารถกลบั ไปมสี ภาพรา่ งกาย บาํ บดั และญาตจิ ะตอ งปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบ ท่ีเข้มแข็งและมั่นคงได้ดังเดิม ใช้ระยะเวลารักษา ๔ เดือน โดยผู้ติดสารเสพติดต้องนอนพัก และตารางกิจกรรมทส่ี ถานบาํ บดั กาํ หนดไว ในสถานบ�าบัด และญาติท่ีเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและ อยา งเครงครดั ) ตารางกิจกรรมท่ีสถานบ�าบัดก�าหนดไว้อย่างเคร่งครัด ซ่ึงการจัดกิจกรรมในการบ�าบัดรูปแบบ (FAST Model) น ้ี เปน็ กจิ กรรมทม่ี คี วามหลากหลาย ประกอบดว้ ยกจิ กรรม ๒ สว่ น คอื กจิ กรรมบงั คบั และกิจกรรมเลือก ซึ่งกิจกรรมบังคับ เป็นกิจกรรมที่ช่วยปรับเปล่ียนพฤติกรรมที่บกพร่อง ของผตู้ ิดสารเสพตดิ ดงั น้ัน ทกุ คนทเ่ี ข้ารบั การบา� บดั จงึ จา� เป็นตอ้ งปฏบิ ัติ โดยกิจกรรมประกอบ ไปด้วย กิจกรรมกลุ่มบ�าบัด กิจกรรมงานบ�าบัด และกฎระเบียบในศูนย์ฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ส่วนกิจกรรมเลือก เป็นกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ติดสารเสพติดมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนจาก การฝึกให้ประกอบอาชีพ การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ การเพ่ิมพูนความรู้และเพ่ิมระดับการ ศึกษา ในกิจกรรมส่วนนี้ผู้รับการบ�าบัดจะมีโอกาสได้เลือกตามความสนใจและความถนัดของ ตนเอง ซ่ึงกิจกรรมประกอบดว้ ย กิจกรรมการฝกึ อาชีพ กจิ กรรมชมรมทฉี่ นั สนใจ และกจิ กรรม การศึกษา กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้ติดสารเสพติดมีความคิดในเชิงเหตุผล และมตี ารางกจิ กรรมการดา� เนนิ ชวี ติ ทส่ี มดลุ ขน้ึ สามารถดา� รงชวี ติ ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มากยง่ิ ขึ้น โดยองคป์ ระกอบของการบา� บดั ฟ้นื ฟูแบบเขม้ ข้นทางสายใหม ่ มดี งั น้ี ๑๕4 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปนการปอ งกนั การตดิ สารเสพตดิ ทเี่ ริม่ ตนจากครอบครวั 1 ยาบา เปนสารที่ถูกสงั เคราะหข ึ้นโดยออกฤทธต์ิ อจติ ประสาทแบบกระตนุ 1. ชวยเหลอื ผตู ิดสารเสพติดใหเ ขารบั การบําบัด ประสาท เมือ่ เสพเปนระยะเวลานานจะทําใหสมองไดรบั การกระตนุ อยเู สมอจน 2. ชว ยกันสรา งความรวมมือในการปอ งกันสารเสพตดิ ไมไ ดรบั การพกั ผอ น สงผลใหร างกายทรุดโทรมลง เกดิ โรคตางๆ ตามมา เชน 3. สรา งความรัก ความอบอนุ ความเขาใจในครอบครัว โรคตบั อกั เสบ โรคปอด ไตเสือ่ ม และสง ผลตอ จิตใจ ทําใหอ ารมณแปรปรวน 4. คบเพ่อื นทดี่ ีไมชักชวนกันไปสอู บายมขุ และส่งิ เสพตดิ ภาวะทางจิตเสอ่ื มโทรม เปน ตน วเิ คราะหค ําตอบ ลักษณะของครอบครัวท่ีดี สมาชกิ ทุกคนในครอบครวั ตอ ง 2 สถาบนั ธัญญารักษ เปน สถาบนั การแพทยเ ฉพาะทาง สังกัดกรมการแพทย มคี วามรกั ความอบอุน ความเขา ใจซึ่งกนั และกัน เพราะจะทาํ ใหสมาชกิ กระทรวงสาธารณสขุ ตง้ั อยูทอ่ี าํ เภอธัญบรุ ี จังหวดั ปทมุ ธานี มีภารกิจหลัก คือ ในครอบครัวมสี ัมพนั ธภาพที่ดีตอกัน ไมกอใหเกิดปญหาครอบครัว และ ใหบรกิ ารบําบัดฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ ทุกประเภท รวมถึงเปน สถาบนั วิชาการท่ศี กึ ษา สงผลใหลูกมพี ฤติกรรมทเ่ี หมาะสม ตอบขอ 3. คน ควา วิจยั และถายทอดองคค วามรทู างดานสารเสพติด 154 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู F = Family ครอบครัว1 หมายถึง การบ�าบัดฟืน้ ฟรู ูปแบบนี้จะให้ครอบครัว ซ่ึงเปน็ ปัจจัยสา� คัญ ใหน ักเรียนกลุม เดมิ ที่จบั สลากไดป ระเด็น รปู แบบการฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ ออกมานาํ เสนอตอ เข้ามามีส่วนร่วมในการเยียวยารักษาผู้ติดสารเสพติด เมื่อปรับสมดุลในครอบครัวให้เกิดความเข้าใจ โดยครูชวยเสนอแนะเพ่ิมเติม และตง้ั คําถามเพื่อนาํ และความไว้วางใจซ่งึ กนั และกันไดแ้ ลว้ ผู้ติดสารเสพติดก็จะมีทีย่ ึดเหน่ยี วทางจติ ใจ ไปสูขอสรุปท่ถี ูกตอ งรวมกัน A = Alternative Treatment Activity กจิ กรรมการรกั ษาทางเลอื ก หมายถงึ ใชก้ จิ กรรมทางเลอื ก • องคป ระกอบใดของการบําบัดฟน ฟผู ตู ิดสาร เสพตดิ แบบเขม ขน ทางสายใหม (FAST Model) ในการบ�าบัดฟื้นฟูท่ีเหมาะสมกับผู้ติดสารเสพติดแต่ละคนตามสภาพความเป็นจริง เช่น การเข้าร่วม มคี วามสาํ คญั มากทสี่ ดุ เพราะเหตใุ ด ชมรมท่ีสนใจ การเลน่ กีฬาท่ชี ่นื ชอบ เป็นต้น (แนวตอบ ครอบครัว (F = Family) มีความ สาํ คัญมากทีส่ ดุ เพราะครอบครวั เปนปจจัย S = Self Help กระบวนการเรยี นรู้เพอื่ ชว่ ยเหลือตนเอง หมายถึง ผ้ตู ิดสารเสพติดจะมีการ สาํ คญั ทต่ี อ งเขามามสี วนรวมในการเยยี วยา รกั ษาผตู ิดสารเสพติด เพอ่ื ใหผูตดิ สารเสพติด เรียนรู้และบ�าบัดรักษากาย จิต และสังคม โดยปรับสภาพท้ังพฤติกรรม เจตคติ ความรู้สึก และการ เกดิ ความไวว างใจ และมที ยี่ ึดเหนี่ยวทาง สร้างสัมพันธภาพ จนสามารถอยู่ได้อย่างปกติสุขและปลอดจากสารเสพติด โดยสมาชิกจะช่วยเหลือ จติ ใจ) ซงึ่ กันและกัน และได้รบั ความช่วยเหลือจากเจา้ หน้าทท่ี ท่ี �าการดูแลด้วย • เพราะเหตใุ ด จงึ ตองติดตามผลผูเขารับ T = Therapeutic Community ชมุ ชนบ�าบัด หมายถงึ การใหผ้ ้ตู ดิ สารเสพตดิ มาอยรู่ วมกัน การรกั ษาหลังการรกั ษาจนครบ 1 ป (แนวตอบ เพื่อปอ งกนั การหวนกลบั ไปใชส าร แบบครอบครัวใหญ่ ภายใต้ส่ิงแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัย เพื่อฝึกการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม เสพตดิ อกี โดยทางสถานบาํ บดั จะนดั ผตู ดิ ประกอบด้วย กลุ่มบ�าบัด เช่น กลุ่มประชุมเช้า กลุ่มซักประวัติ กลุ่มจิตบ�าบัด กลุ่มนันทนาการ สารเสพตดิ มาตรวจปส สาวะ ประเมินสภาพ กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน กลุ่มออกก�าลังกาย เป็นต้น เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ และงาน รา งกาย จติ ใจ และพฤตกิ รรม รวมถงึ ให บ�าบัด เช่น งานเกษตร งานเบเกอรี งานหัตถกรรม เป็นต้น เพ่ือฝึกความรับผิดชอบ พัฒนาการอยู่ คําแนะนาํ ปรกึ ษาตางๆ ที่เปน ประโยชน) ร่วมกบั ผ้อู ่นื และอาจน�าไปประกอบอาชีพได้ หลงั จากผเู้ ขา้ รบั การรกั ษาสามารถเลกิ สารเสพตดิ ไดแ้ ลว้ ตอ้ งตดิ ตามผลหลงั การรกั ษา เป็นระยะๆ จนครบ ๑ ปี เพื่อป้องกันการหวนกลับไปใช้สารเสพติดอีก โดยสถานบ�าบัดจะนัด ผตู้ ดิ สารเสพตดิ มาตรวจปสั สาวะ ประเมนิ สภาพรา่ งกาย จติ ใจ และพฤตกิ รรม รวมถงึ ใหค้ า� แนะนา� ปรึกษาตา่ งๆ ท่เี ป็นประโยชน์ หน่วยงานท่ีน�าระบบการบ�าบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดแบบเข้มข้นทางสายใหม่มาใช ้ ไดแ้ ก่ สถานฟ้นื ฟูสมรรถภาพผู้ติดสารเสพตดิ ในสังกัดของกองทัพบก กองทัพเรอื กรมการแพทย์ และกองร้อยอาสารกั ษาดินแดนในสังกัดกรมการปกครอง ๓) การฟน้ื ฟแู บบผปู้ ว่ ยนอกตามรปู แบบกาย จติ สงั คมบา� บดั (Matrix Program) รูปแบบน้ีเน้นการให้ความรู้ท่ีจ�าเป็นส�าหรับผู้ติดสารเสพติดและครอบครัว โดยสอดแทรกผ่าน กจิ กรรมตลอดระยะเวลาทท่ี �าการบ�าบัด ซ่ึงใช้เวลารักษา ๑ ป ี แบง่ เป็น ๒ ระยะ ดังน้ี ๑๕๕ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู ขอใดเปนหนา ทข่ี องพอ แมท่สี าํ คญั ทีส่ ดุ ในการปองกนั ไมใหลกู ติดสารเสพตดิ 1 ครอบครัว ควรสอดสองดแู ลวยั รนุ ไมใหยุงเกย่ี วกบั สารเสพตดิ ตองคอยอบรม 1. ขยนั ทาํ งานหาเงนิ เลี้ยงลกู สง่ั สอนใหร ูถ ึงโทษและภยั ของสารเสพตดิ หรอื หากบุคคลในครอบครวั มีผูเสพสาร 2. ดแู ลเอาใจใสเ ลยี้ งดลู ูกดว ยเงนิ เสพตดิ กค็ วรรบี พาไปเขารับการบาํ บัดรกั ษาอยางเรง ดว น โดยครอบครวั จะตองให 3. จดั สภาพแวดลอ มของบานใหน าอยู กาํ ลงั ใจผตู ิดสารเสพตดิ ดวย การบาํ บัดรกั ษาจงึ จะไดผลดี 4. ใหค วามรูเร่อื งของโทษและอนั ตรายจากการติดสารเสพตดิ วเิ คราะหค ําตอบ หนาท่ีของพอแมท่ีสาํ คญั ทส่ี ุดเพือ่ ปอ งกันใหล ูกหางไกล มุม IT จากสารเสพตดิ คอื การอบรมใหความรูเกีย่ วกบั อนั ตรายจากสารเสพตดิ ตา งๆ เพื่อใหล ูกเกิดความตระหนกั ถึงผลกระทบท่อี าจเกดิ ข้นึ หากเสพ สามารถศกึ ษาเพม่ิ เติมเกี่ยวกับครอบครวั มีสวนชว ยในการปอ งกันสารเสพตดิ จากบทความเรือ่ ง “เล้ยี งลูกอยางไรจงึ จะไมตดิ ยาเสพตดิ ” ไดจ าก สารเสพตดิ ตอบขอ 4. www.familynetwork.or.th คมู อื ครู 155

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นกลุมเดมิ ท่จี บั สลากไดป ระเดน็ ๓.๑) ระยะที่ ๑ คือ ระยะแบบเข้มข้น (Intensive Phase หรือ Intensive รปู แบบการฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ ออกมานาํ เสนอตอ Outpatient Program) เป็นช่วงแรกของการบ�าบัดฟื้นฟู ผู้ติดสารเสพติดจะเลิกใช้สารเสพติดได้ โดยครูชวยเสนอแนะเพมิ่ เติมและตง้ั คาํ ถามเพอ่ื นาํ หรอื ไม่ขนึ้ อยู่กบั ช่วงเวลานี้เปน็ สา� คญั ใชร้ ะยะเวลารักษา ๔ เดอื น มกี จิ กรรมหลัก ๔ อย่าง คอื ไปสขู อสรปุ ที่ถูกตองรว มกัน (๑) การใหค้ า� ปรกึ ษารายครอบครวั / บคุ คล (Individual Sessions / Conjoint Sessions) เป็นการให้ค�าปรึกษาแก่ผู้ติดสารเสพติดและครอบครัว เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลา • การฟน ฟูแบบผปู วยนอกตามรปู แบบกาย จติ ของการปรับตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาแบบน้ี จึงมีความจ�าเป็นที่ผู้ติดสารเสพติดและครอบครัว สงั คมบําบัด (Matrix Program) เปน รปู แบบ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บอย่างเคร่งครัด การรักษาจึงจะเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การบําบดั ฟน ฟผู ูติดสารเสพติดในลกั ษณะใด เป็นการให้ความรู้แก่ผู้ต(๒ิด)ส ากรลเสุ่มพฝตกึ ิดทเักกษี่ยะวกกาับรฤเลทกิ ธเ์ิขสอพงรสะายระเเสริม่พตตน้ิด ท(E่ีมaีผrลlyต R่อeสcมoอvงe1 ryซ S่ึงเkปill็น Gสrาoเuหpต)ุ (แนวตอบ รปู แบบนี้เนนการใหความรูท่จี ําเปน ที่ไม่สามารถเลิกเสพสารเสพติดได้ ทั้งๆ ที่มีความพยายามอย่างมาก และสอนทักษะที่จ�าเป็น สาํ หรบั ผตู ดิ สารเสพติดและครอบครัว โดย ส�าหรับชว่ ยในการเลิกสารเสพตดิ สอดแทรกผา นกิจกรรมตลอดระยะเวลา (๓) กลุ่มป้องกันการหวนกลับไปเสพซ�้า (Relapse Prevention Group) ที่ทาํ การบําบัด ซง่ึ ใชเวลารกั ษา 1 ป) เปน็ การให้ความรู้ผู้ติดสารเสพติด เพอื่ นา� ไปสกู่ ารปรับเปล่ยี นบุคลิกภาพและวธิ ีการด�าเนินชวี ติ (๔) กล่มุ ให้ความรู้แก่ครอบครวั (Family Education Group) เปน็ การให้ • การฟน ฟูแบบผูป ว ยนอกตามรปู แบบกาย จติ ความรู้ความเข้าใจแก่ครอบครัวของผู้ติดสารเสพติดเก่ียวกับสาเหตุของการใช้สารเสพติด การ สังคมบาํ บดั (Matrix Program) ทใ่ี ชเ วลา เปลี่ยนแปลงของสมองภายหลงั การใชส้ ารเสพตดิ ลกั ษณะความคิดและอารมณ์ของผูท้ อี่ ยู่ในภาวะ รกั ษา 1 ป แบงไดเ ปน ก่ีระยะ อะไรบา ง ตดิ ยา บทบาทหน้าทขี่ องผูป้ กครองต่อการช่วยเหลือผตู้ ิดสารเสพติดทงั้ ในระยะส้นั และระยะยาว (แนวตอบ แบง เปน 2 ระยะ ไดแ ก ระยะที่ 1 ๓.๒) ระยะที่ ๒ คอื ระยะสนบั สนนุ ให้ก�าลงั ใจ (Supportive Phase หรอื After ระยะแบบเขมขน (Intensive Phase หรอื Care Program) เป็นระยะประคับประคองผู้ติดสารเสพติดไม่ให้หวนกลับไปใช้สารเสพติดซ�้า Intensive Outpatient Program) เปน ชว งแรก ใชร้ ะยะเวลาในการรกั ษา ๘ เดอื น มกี จิ กรรมหลกั ของการบาํ บัดฟน ฟู ใชระยะเวลาในการรักษา ๒ อยา่ ง คอื 4 เดือน และระยะที่ 2 ระยะสนบั สนุน (๑) กลุ่มสนับสนุนทาง ใหกําลงั ใจ (Supportive Phase หรือ After Care Program เปน ระยะประคบั ประคองผตู ดิ สารเสพติดไมใ หห วนกลับไปใชส ารเสพตดิ ซํา้ ใชระยะเวลาในการรักษา 8 เดอื น) สงั คม (Social Support Group) เปน็ กลมุ่ ทจ่ี ะชว่ ย ใหผ้ ู้เลิกสารเสพติดไดแ้ ลว้ ประมาณ ๓-๔ เดอื น ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมโดยไม่ต้องพ่ึงพา สารเสพติด ซ่ึงจะได้รับก�าลังใจจากเพ่ือนๆ กลุ่มเลิกสารเสพติดด้วยกัน เน้นการเข้าร่วม กิจกรรมกลุ่มเพื่อปรึกษากัน ซึ่งกลุ่มสนับสนุน ความรักความอบอุ่นในครอบครัว จะเป็นเกราะป้องกัน ทางสังคมรูปแบบต่างๆ ได้แก่ กลุ่มผู้ติดสาร บุตรหลานจากสารเสพตดิ ได้ เสพติดนิรนาม กลมุ่ ผตู้ ิดสุรานิรนาม ๑๕6 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดคอื วธิ กี ารชว ยเหลือผตู ิดสารเสพตดิ ใหแ กส มาชกิ ในครอบครวั ครูสามารถใหนักเรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา นักเรยี นมีความคิดเห็น ไดอยา งเหมาะสม อยา งไรกบั คําวา ครอบครัวเปนพลงั ทเ่ี ขมแข็งท่สี ดุ ในการปองกนั ภัยจากสารเสพตดิ 1. ไมพ ูดคยุ กบั ผูปว ย 2. หา มผปู ว ยออกจากบา น นักเรยี นควรรู 3. หา มผูป ว ยเสพสารเสพตดิ โดยเด็ดขาด 4. ยอมรบั และใหก าํ ลงั ใจผูปว ยในการเลิกเสพสารเสพติด 1 ฤทธขิ์ องสารเสพติดที่มผี ลตอ สมอง ทาํ ใหเ กิดโรคสมองติดยา เนือ่ งจาก วิเคราะหค ําตอบ การยอมรบั และใหก าํ ลงั ใจผูปวยในการเลิกเสพ การทาํ งานของสมองสวนคดิ ถกู ทาํ ลาย จึงทาํ ใหสมองสว นอยากมอี ทิ ธิพลเหนอื สารเสพตดิ เปนวิธีการชว ยเหลอื สมาชิกในครอบครัวไดอยางเหมาะสมท่สี ดุ สมองสวนคิด เมอ่ื เกิดอาการอยากยา สมองสวนคิดจะไมสามารถยบั ยง้ั สมอง เน่ืองจากผูปวยตองการกาํ ลังใจและความดแู ลอยางใกลช ิด ไมควรพดู สวนอยากได จึงทาํ ใหผ ตู ิดสารเสพตดิ ตอ งดิน้ รนเพือ่ ใหไดม าซึ่งสารเสพติด ตอกยํา้ หรือซ้ําเติมผูปว ย เพราะอาจทาํ ใหผ ูปวยรูสึกเกดิ ความทอแทตอ การ เลกิ เสพสารเสพตดิ ได ตอบขอ 4. 156 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู (๒) การตรวจปสสาวะ (Urine Test)1 เป็นวิธีการที่ใช้ในการตรวจหา ใหนกั เรียนรวมกันสรุปในประเด็น รูปแบบ สารที่ต้องการในปัสสาวะเท่านั้นไม่ได้บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของผู้ใช้ ตลอดจนสภาพการติดยา การฟน ฟูผตู ดิ สารเสพติด โดยครูชว ยเสนอแนะ โดยจะท�าการสุ่มตรวจสัปดาห์ละ ๑ คร้ัง เพื่อ เพมิ่ เติม และตั้งคาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดขอสรปุ ทถ่ี ูกตอ ง ตรวจสอบว่าผู้เข้ารับการรักษาหวนกลับไปใช้ รว มกนั สารเสพติดอีกหรือไม่ นอกจากนี้การมีสาร ดงั กลา่ วในปสั สาวะอาจเปน็ ผลมาจากการใชย้ าเพอื่ • การฟน ฟูผตู ดิ สารเสพตดิ ในระยะท่ี 1 รักษาโรคก็ได้ ดังนั้น ผทู้ ที่ า� การตรวจปสั สาวะ Intensive Phase หรอื Intensive จะต้องตรวจอย่างพิถีพิถันและมีความรอบคอบ Outpatient Program เปน การบําบัดรกั ษา เปน็ อยา่ งมาก โดยไม่ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาดหรอื โดยการใชกิจกรรมใดบา ง เกดิ ความผิดพลาดน้อยที่สุด (แนวตอบ ไดแก การใหคาํ ปรกึ ษา หน่วยงานท่ีน�าระบบการฟื้นฟูแบบผู้ป่วย รายครอบครวั หรอื รายบคุ คล ฝกทักษะการ นอกตามรูปแบบกาย จิต สังคมบ�าบัดมาใช้ เลิกเสพระยะเรม่ิ ตน ปอ งกันการหวนกลบั ไดแ้ ก่ ศนู ย์บา� บัดผู้ตดิ สารเสพตดิ ในสังกัดกรม- ไปเสพซํ้า และใหค วามรูแกค รอบครวั ) การแพทย์ โรงพยาบาลท่ัวไปโรงพยาบาลศูนย ์ ผู้ติดสารเสพติดที่ผ่านการบ�าบัดฟื้นฟูแล้ว ต้องสุ่มตรวจ และโรงพยาบาลชุมชน ปัสสาวะ เพ่อื ปอ้ งกันไมใ่ หห้ วนกลบั ไปใชส้ ารเสพติดอกี • หลักการบาํ บดั ฟน ฟูผูตดิ สารเสพตดิ แบบ จิราสา มหี ลกั การในการบําบัดอยางไร ๔) การบ�าบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดแบบจิราสา ค�าว่า “จิราสา” เป็นค�าสมาส (แนวตอบ คือการใชบคุ คลหลากหลายเปน ระหวา่ งค�าวา่ “จริ ะ” แปลวา่ “ยงั่ ยนื ถาวร” และ “อาสา” แปลวา่ “ชว่ ยเหลืออาสาสมคั ร” ดงั นัน้ แนวรวมในการตานสารเสพตดิ เชน จิราสา จึงหมายถึง การช่วยเหลือกัน การเยี่ยมเยียน การอาสาสมัครอย่างเต็มใจและย่ังยืน อาสาสมคั รหรือผทู เี่ ตม็ ใจชว ยเหลือผูตดิ หลักการบ�าบัดฟื้นฟูของจิราสา คือ การใช้บุคคลหลากหลายเป็นแนวร่วมในการต้านสารเสพติด สารเสพตดิ ซึง่ ไมจ าํ เปน ตองเปน บุคลากร ทีมผบู้ �าบดั เป็นอาสาสมัครและผูท้ ี่เตม็ ใจช่วยเหลือผ้ตู ดิ สารเสพติด ซ่ึงไมจ่ �าเป็นต้องเปน็ บุคลากร ทางการแพทย อาจเปน พระหรือครทู ี่ผา น ทางการแพทย์ อาจเป็นพระหรือครูท่ีผ่านหลักสูตรเวชศาสตร์ฟื้นฟู และผ่านการปฏิบัติภายใต้ หลักสตู รเวชศาสตรฟ น ฟูโรคตดิ ยา และ ผา นการปฏบิ ัตภิ ายใตก ารดแู ลของ ผูเชย่ี วชาญกไ็ ด) การดแู ลของผเู้ ช่ียวชาญกไ็ ด้ วธิ กี ารบา� บดั ฟน้ื ฟแู บบจริ าสา สามารถปรบั ใชไ้ ดท้ ง้ั กบั ผปู้ ว่ ยในและผปู้ ว่ ยนอก โดยเนน้ การสรา้ งแรงจูงใจและป้องกนั การหวนกลับไปใช้สารเสพตดิ อกี ใชเ้ วลารกั ษา ๑๒-๑๖ สปั ดาห์ หนว่ ยงานทน่ี า� ระบบการบา� บดั ฟน้ื ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ แบบจริ าสามาใช ้ ไดแ้ ก ่ สถานฟน้ื ฟู สมรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ ในสังกดั กองทพั อากาศ ๕) โปรแกรมสา� นกั งานคมุ ประพฤต ิ โดยกา� หนดใหผ้ ้ตู ิดสารเสพตดิ มารายงานตัว ที่ส�านักงานคุมประพฤติ พร้อมกับก�าหนดให้ผู้เข้ารับการบ�าบัดฟื้นฟูเข้าร่วมกิจกรรมที่สามารถ ชว่ ยใหเ้ ลกิ สารเสพติดไดส้ �าเร็จ ๑๕๗ ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับวิธีการบําบดั ฟน ฟผู ูติดสารเสพตดิ ครูควรอธบิ ายเพิม่ เตมิ วา ยาบางชนดิ สามารถทําใหต รวจพบปสสาวะท่มี สี ีมวง ขอ ใดเปนแนวทางการปองกนั มใิ หมีการใชส ารเสพติดในชุมชนทไ่ี ดผลดี เหมอื นกับการตรวจสารเสพติดไดเ ชนกัน เชน ยาแกหวัด ยาแกไอ ยาลดความอวน เปน ตน อีกทง้ั หากผูเสพ เสพสารเสพตดิ ในปรมิ าณนอยหรอื เสพนานกวา 24 ช่วั โมง ท่สี ุด อาจจะตรวจไมพ บเจอสารเสพติดท่ีอยใู นปส สาวะไดเ ชน กนั ดงั นัน้ ผตู รวจสอบจงึ 1. จดั ใหพระมาอบรมเรอ่ื งการประพฤตดิ ี ตองมคี วามรอบคอบเปน อยางมาก เพราะอาจเกดิ ผลท่ีคลาดเคลือ่ นได 2. สอนใหเ ยาวชนรจู ักการปฏิเสธสารเสพติด 3. จดั ตํารวจหมูบา นคอยเฝาระวังผูติดยา นักเรียนควรรู 4. จดั กจิ กรรมและใหค วามรดู า นยาเสพติดแกเ ยาวชน วิเคราะหคําตอบ การจัดกจิ กรรมและใหค วามรูด า นยาเสพติดแกเยาวชน 1 การตรวจปสสาวะ (Urine Test) จะใชวิธกี ารตรวจขน้ั ตนแบบ CCR (Chemical Colour Reaction) อปุ กรณที่ใชจ ะเปน ชุดทดสอบทบ่ี รรจุไวด วย เปนแนวทางการปอ งกนั มิใหม ีการใชส ารเสพติดในชมุ ชนทีไ่ ดผ ลดีทส่ี ุด สารเคมี การตรวจสอบจะดูปฏิกิริยาสีของนา้ํ ปส สาวะกับน้าํ ยา หากมสี ารเสพตดิ เพราะหากเยาวชนมคี วามรูใ นเรือ่ งของโทษและผลกระทบของสารเสพตดิ น้าํ ยาจะเปล่ียนสีจากปกติไปเปน สมี ว งแดงหรอื มว งนํ้าเงนิ ซึ่งจะใชเ วลาทดสอบ จะสงผลใหเ ยาวชนมพี ฤติกรรมที่ดีไมเสย่ี งตอการตดิ สารเสพตดิ และเปน 2 - 5 นาที ก็จะทราบผล พลเมืองทดี่ ีของประเทศตอ ไป ตอบขอ 4. คูม อื ครู 157

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นกลุม ทีจ่ ับสลากไดประเด็น ๓.๓ องคป ระกอบทเี่ กย่ี วข้องกบั การฟ้นื ฟูผตู้ ดิ สารเสพติด องคป ระกอบท่ีเกย่ี วของกบั การฟน ฟูผตู ิดสารเสพติด ออกมานําเสนอ หลังการนาํ เสนอ ใหน กั เรยี น การจะบ�าบัดฟ้นื ฟูผู้ติดสารเสพติดให้ไดผ้ ลส�าเรจ็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพน้ัน จะต้องดา� เนนิ การ กลุมอืน่ ๆ ไดร วมซักถามขอ สงสัย โดยครชู วย แบบองคร์ วม กลา่ วคอื ใหก้ ารบา� บดั ทางกายของ เสนอแนะเพิม่ เตมิ และต้งั คาํ ถามเพอื่ นําไปสูขอสรุป สารเสพติดเป็นภยั มหนั ต์ ทกุ คนในชุมชนต้องร่วมมือกนั ผตู้ ดิ สารเสพตดิ เพราะจะมอี าการขา้ งเคยี งหรอื ท่ถี ูกตอ งรวมกนั ก�าจดั ให้หมดไป พิษตกค้างจากการเสพมาเป็นเวลานาน ท�าให้ สุขภาพร่างกายทรุดโทรมหรือมีโรคแทรกซ้อน • การบาํ บดั ฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ ใหไ ดผ ลสาํ เรจ็ ให้การบ�าบัดทางจิต เป็นการให้ก�าลังใจ หรือ อยางมีประสิทธภิ าพน้ัน จะตองดาํ เนนิ การ รักษาอาการทางจิตที่เกิดข้ึนจากเซลล์สมอง แบบองคร วมในการบาํ บัดดา นใดบา ง ถกู ทา� ลาย และบา� บดั ชมุ ชน โดยการปราบปราม (แนวตอบ ตอ งดาํ เนนิ การในการบาํ บดั ทางกาย การคา้ ขายสารเสพติด แหล่งม่ัวสมุ เสพยา ให้มี เพราะจะมีอาการขางเคียงหรือพษิ ตกคาง สภาพแวดล้อมเป็นชุมชนสีขาว โดยผนึกก�าลัง จากการเสพยามาเปนเวลานานทาํ ใหสุขภาพ ของผู้คนในชุมชนให้ร่วมมือกันขจัดภัยของ ทรุดโทรมหรอื มีโรคแทรกซอ น การบําบดั สารเสพตดิ ทางจิต ซ่งึ เปน การใหก ําลงั ใจ หรือรกั ษา อาการทางจติ ท่ีเกดิ ข้ึนจากเซลลสมองถูก สถานบ�าบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ทําลาย และการบําบัดชุมชน โดยการ ปราบปรามการคา ขายสารเสพตดิ แหลง มว่ั สมุ เสพยา ใหมีสภาพแวดลอ มเปน ชุมชนสขี าว) บา� บัดกาย บา� บัดใจ บา� บัดชุมชน รักษาอาการเจบ็ ปว่ ยจาก รกั ษาอาการทางจิตใจจาก แก้ไขพฤตกิ รรมของสมาชิก • โรคแทรกซอ้ น โรคตดิ เชอ้ื • หวาดกลัว ประสาทหลอน ในชมุ ชน • โรคปอด โรคตบั • จิตวปิ รติ จิตใจไมป่ กติ • ผเู้ กยี่ วขอ้ งกับสารเสพตดิ • มไี ข้ ปวดศรี ษะ ปวดกระดูก • คลุ้มคลงั่ วติ กกังวล • คนในครอบครัว ญาติ ครู ปปววดดกทลอ้ า้งม กเนลอา้ื้ ม ปเนวดอ้ื เเมกอื่รง็ย ตตาะมคตรววัิ 1 • จิตฟันเฟือน จติ หงุดหงิด • ผู้น�าชุมชน • • ปัญญาออ่ น • น �้ามูกน้า� ตาไหล ไอ จาม แ• ก แไ้ หขลสง่ภจา�าพหแนว่าดย3ลอ้ ม อาเจยี น • ถ่ายเปน็ เลอื ด • แหลง่ ม่ัวสุมเสพสารเสพตดิ •• เมซีรลอลยส์ แมผอลงเปเสน็ ่ือตมาแมลระ่าตงากยา2ย ๑๕8 นกั เรยี นควรรู บรู ณาการเชือ่ มสาระ สามารถนําเนอื้ หาเร่ือง องคประกอบทเ่ี ก่ียวของกบั การฟนฟผู ูติด 1 ตะคริว คือการหดเกร็งของกลา มเน้ืออยา งรุนแรงเปน เวลานาน โดยท่วั ไป สารเสพตดิ ดวยการบําบดั ทางจติ ไปบรู ณาการเช่ือมโยงกับกลุม สาระ ตะคริวมกั เกิดขึ้นไมเ กนิ 2 นาที แตอาจมีบางรายเกิดนานไดถ งึ 5 นาที หรือนาน การเรียนรูสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าพระพุทธศาสนา มากกวานัน้ สาํ หรบั ผูติดสารเสพตดิ อาจเกิดขึน้ ไดบอ ยจนทาํ ใหเกดิ ความทกุ ข เรอื่ ง การบริหารจติ ตามหลกั สติปฏฐาน ทรมานได สาเหตเุ ปนผลมาจากเซลลประสาทและเสน ประสาททค่ี วบคมุ การหดตัว และคลายตัวของกลา มเนอื้ ไดรบั ความเสยี หายจากพษิ ของสารเสพตดิ จงึ สง ผลให การทาํ งานผิดปกติไป 2 เซลลสมองเสือ่ มและตาย เกดิ จากการทส่ี ารเสพติดไปทาํ ลายเซลลส มองเปน เวลานาน ผตู ดิ สารเสพตดิ จึงมักจะมีอาการหลงๆ ลมื ๆ จาํ เหตุการณท่กี ระทาํ ลงไปแลวไมได ทาํ ใหมกี ารยาํ้ คดิ ย้ําทําอยกู บั สง่ิ เดิมๆ 3 แหลงจําหนา ย เมือ่ ทราบเบาะแสแหลง จําหนา ยสารเสพตดิ ควรรบี แจง เจาหนา ท่ีตํารวจในทอ งถน่ิ หรือสาํ นักงานคณะกรรมการปอ งกันและปราบปราม ยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพอื่ ดาํ เนนิ การจับกมุ และกวาดลางผคู าสารเสพตดิ 158 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.4 ขนั้ ตอนในการฟื้นฟูผู้ติดสารเสพตดิ ใหนักเรียนกลมุ ท่จี ับสลากไดประเดน็ ขนั้ ตอนในการฟนฟูผูติดสารเสพติด ออกมา ๑. ผู้ติดสารเสพติดลงทะเบียนด้วยความสมัครใจขอเข้ารับการบ�าบัดฟื้นฟู โดย นําเสนอ หลงั การนาํ เสนอใหน กั เรียนกลุมอ่นื ๆ กรอกประวตั สิ ว่ นตัวของตนเองอยา่ งละเอยี ด ไดร ว มซกั ถามขอ สงสยั โดยครชู ว ยเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๒. สถานบ�าบัดด�าเนินการคัดแยกเบ้ืองต้น โดยการพูดคยุ ซักถาม สังเกตอาการ ใช้ และตง้ั คําถามเพอ่ื นาํ ไปสูขอสรุปทถี่ ูกตองรว มกัน เคร่ืองมือวัด จากน้ันจึงแบ่งประเภทตามอาการทางกายและจิตใจ ผู้ติดสารเสพติดท่ีจะได้รับการ บ�าบัดฟื้นฟูจิตใจโดยไม่ต้องใช้ยา เป็นพวกที่ควบคุมสติอารมณ์ได้บางครั้ง ส่วนการบ�าบัดฟื้นฟู • ขน้ั ตอนในการฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ จิตใจท่ตี ้องใช้ยา เป็นพวกทมี่ อี าการทางจิต ควบคมุ ตวั เองไม่ได้ มขี นั้ ตอนอยา งไรบา ง ๓. การทา� ใหผ้ ตู้ ดิ สารเสพติดเกดิ ความไว้วางใจ รู้สึกปลอดภัย และจะไม่เป็นอันตราย (แนวตอบ เม่ือเข้ามารับการบ�าบัดฟื้นฟู ส่ิงส�าคัญที่สุด คือ ท�าให้ครอบครัวและญาติของผู้ติดสารเสพติด 1. ผูตดิ สารเสพตดิ จะตอ งลงทะเบียนดว ย ร วมถ ึงแก นน๔า� .ช ุมกชารนต รเขวา้จใสจอถบึงคก้นระหบาวคนวกาามรรบู้สา�ึกบซัด่อฟนืน้ เรฟ้นอู1ภยาา่ ยงใถน่อขงอแงทผ้แู้ตลิดะสถาูกรตเสอ้ พง ติด และดึงส่ิงที่ดี ความสมคั รใจเพื่อขอเขารบั การบําบดั ใหเ้ ผยออกมาโดยใชก้ ระบวนการกลุม่ และจติ บ�าบัด ฟนฟู ๕. การฟื้นฟู เป็นการรักษาทางกายและจิตใจ โดยการเอาคนออกจากสารเสพติด 2. สถานบาํ บัดดาํ เนินการคดั แยกเบอ้ื งตน ซึง่ อาจให้สารเสพตดิ บ้างตามความจ�าเปน็ วธิ กี ารรกั ษา มดี งั นี้ โดยการพูดคุยซักถาม สังเกตอาการ และใชเครื่องมือวัด • ท�าความเข้าใจกับผู้ติดสารเสพติดว่า ต้องต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการเป็นผู้ติด 3. การทําใหผ ตู ิดสารเสพตดิ เกิดความ สารเสพตดิ ไววางใจ รสู ึกปลอดภยั และจะไมเปน อันตรายเมือ่ เขา มารับการบาํ บดั ฟน ฟู • มีคนคอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด และเข้าไปช่วยแก้ไขให้ทันเวลา เม่ือผู้ติด 4. การตรวจสอบคนหาความรูส กึ ซอนเรน สารเสพติดอาจออกนอกกรอบหรอื เกดิ ความทอ้ ถอย ภายในของผูติดสารเสพติด 5. การฟน ฟู เปนการบําบัดรกั ษาทางกาย • มีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ติดสารเสพติดไม่คิดต้องการใช้สารเสพติด เช่น และจิตใจ กายภาพบ�าบัด นวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า วารีบ�าบัด ออกก�าลงั กาย เปน็ ต้น 6. เมอื่ ผตู ิดสารเสพตดิ ผานกระบวนการ บาํ บดั รักษาทางกายและจิตใจ จนควบคมุ ผู้ติดสารเสพตดิ สามารถขอรับค�าปรึกษา และการบา� บดั ได้จากสถานพยาบาลของรฐั ทก่ี ระจายอยู่ทว่ั ประเทศ ตนเองไดแ ลว กน็ าํ เขา สกู ระบวนการฟน ฟู จติ ใจ โดยใชห ลกั ธรรมทางศาสนาเขา ชว ย 7. การสรา งพลังรวมระหวางครอบครัว ชุมชน และผตู ิดสารเสพตดิ 8. ปฏญิ ญาณตนเลิกสารเสพตดิ และสราง พลงั ใจใหเ ขมแขง็ 9. การตดิ ตามผลเพอื่ คัดแยกผผู านการ บําบดั ฟน ฟ)ู ๑๕9 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู ขอใดหมายถึงการบาํ บดั รกั ษาทางจิตใหกบั ผูติดสารเสพตดิ ครูอาจพานกั เรยี นไปศึกษาดงู าน ทีส่ ถานบาํ บดั ฟน ฟูผูตดิ สารเสพติดในทอ งถิน่ 1. การแกไ ขพฤตกิ รรมของผูใชสารเสพติด ของตน และใหจ ดั ทาํ รายงานสรุปความรูท ี่ไดร บั สงครผู ูสอน 2. การรกั ษาโรคแทรกซอนทเี่ กิดจากการใชสารเสพตดิ 3. การสะกดจิตเพอ่ื ใหผ ูตดิ สารเสพติดเลกิ เสพไดอยา งเดด็ ขาด นกั เรยี นควรรู 4. การใหกาํ ลังใจ หรอื รกั ษาอาการทางจิตท่เี กดิ จากเซลลส มองถกู ทาํ ลาย วิเคราะหค ําตอบ การบาํ บดั ทางจติ ใหก บั ผตู ดิ สารเสพตดิ เปน การใหก าํ ลงั ใจ 1 ความรูสึกซอ นเรน การบําบดั ฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพติดควรคนหาความรูส กึ หรอื รักษาอาการทางจิตท่เี กดิ ข้ึนจากเซลลสมองถกู ทําลาย เพ่ือใหหายจาก ซอ นเรน หรอื ปมทท่ี าํ ใหบ คุ คลนนั้ ติดสารเสพตดิ เพือ่ ชว ยใหก ารบาํ บดั รักษาทําได อาการหวาดกลัว ประสาทหลอน จิตวปิ รติ คลุมคลงั่ วิตกกังวล จิตฟน เฟอ น งา ยข้ึน ตอบขอ 4. คูมือครู 159

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ หลงั จากการนําเสนอเรอ่ื ง วธิ กี ารบาํ บดั ฟนฟู ๖. เมื่อผู้ติดสารเสพติดผ่านกระบวนการรักษาทางกายและจิตใจจนควบคุมตนเอง ผตู ดิ สารเสพติด ใหนกั เรยี นรว มกนั สรุปและ ไถดือ้แศลีล้ว กนน็ั่งสา� เมขาา้ ธสิ กู่ ปรฏะบิบวัตนิธกรรามร1ฟ นื้เปฟ็นจู ตติ ้นใจ เโพดื่ยอใทช�าห้ ใหลกั้จิตปใฏจิบมัตีคิแวลาะมหเขล้กัมธแรขร็งมในทกางาศรปาสฏนิเสาเธขสา้ าชรว่เสยพ เชตน่ิด เสนอแนะวาการบาํ บัดฟน ฟูผตู ดิ สารเสพตดิ น้ัน มีสติปญั ญาเลือกสิง่ ทด่ี ีและไม่ดีให้แกต่ นเอง และขดั เกลาจติ ใจให้ละอายตอ่ ความชวั่ ท้ังปวง มคี วามสําคัญอยางไร โดยครูตัง้ คาํ ถามเพ่ือ ๗. การสรา้ งพลงั รว่ มระหว่างครอบครวั ชมุ ชน และผ้ตู ิดสารเสพติด โดยนดั พบและ ขยายความเขา ใจของนักเรียน มอบหมายให้ผู้ปกครองดแู ลบุตรหลานทต่ี ดิ สารเสพตดิ หลังจากน้นั จึงนดั ให้ทัง้ ๒ ฝ่ายมาเข้าค่าย บา� บดั ฟนื้ ฟอู ีกคร้ัง • เพราะเหตุใด จึงตอ งมวี ธิ ีการบาํ บดั ฟนฟผู ูติด ๘. ปฏิญาณตนเลิกสารเสพติดและสร้างพลังใจให้เข้มแข็ง เพ่ือป้องกันมิให้ผู้ผ่าน สารเสพติด การบ�าบัดฟ้นื ฟหู วนกลบั ไปใช้สารเสพติดอกี วิธีการน้เี ป็นเสมือนภูมคิ ้มุ กันทางออ้ ม เป็นการชว่ ย (แนวตอบ เพราะจะทาํ ใหผ เู ขา รบั การรักษา เสริมสร้างกา� ลงั ใจใหผ้ ูต้ ดิ สารเสพตดิ มีพลงั ใจทเ่ี ขม้ แขง็ เพื่อฟันฝา่ เอาชนะอา� นาจฝา่ ยต่า� ให้ได้ สามารถเลิกใชส ารเสพตดิ ไดสาํ เร็จ และกลบั ๙. การติดตามผลเพ่ือคัดแยกผู้ผ่านการบ�าบัดฟื้นฟู ซ่ึงเป็นขั้นตอนที่ส�าคัญ เพราะ ไปใชช ีวติ รว มกับผูอื่นในสงั คมไดอยางปกต)ิ ทา� ให้ทราบวา่ ผตู้ ิดสารเสพติดแตล่ ะคนผา่ นเกณฑ์หรอื ไม่ และจะมโี อกาสกลบั ไปใชส้ ารเสพตดิ อกี หรอื ไม ่ รวมถงึ ควรพฒั นาดา้ นใดเพม่ิ เตมิ ตลอดจนเปน็ การประคบั ประคองและชว่ ยผทู้ เ่ี พง่ิ เลกิ สาร จากนัน้ ใหนักเรยี นทําการศึกษาคนควา เพมิ่ เตมิ เสพติดแกไ้ ขปญั หาต่างๆ เกย่ี วกับวิธกี ารบําบดั ฟน ฟผู ตู ิดสารเสพติด แลว นาํ มาจดั ทําเปนรูปเลมรายงาน โดยมีประเด็นในการ ศึกษาดังตอ ไปนี้ • รปู แบบการฟน ฟูผูต ดิ สารเสพตดิ • ขน้ั ตอนในการฟน ฟผู ตู ิดสารเสพตดิ การปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรมของศาสนา จะท�าให้เกิดก�าลงั ใจเข้มแข็ง ไม่เข้าไปขอ้ งแวะกบั การใช้สารเสพตดิ ๑6๐ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูอาจถามนักเรียนวา การสรา งเสรมิ กาํ ลังใจใหผ ตู ดิ สารเสพตดิ ทเ่ี ขา รบั ใหนกั เรยี นศกึ ษาเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกับสถานบรกิ ารใหค ําปรึกษาและบาํ บัด การบาํ บัดฟน ฟู สามารถทาํ ไดอ ยางไรบา ง รักษาผตู ิดสารเสพตดิ มา 5 สถานบริการ แลวใหเ ขียนสรปุ ถึงหนา ทีห่ ลัก ของสถานบริการนั้นๆ แลว นําสง ครูผูสอน นักเรียนควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 ปฏิบัตธิ รรม มสี ว นชวยใหผ ูติดสารเสพตดิ ไมห นั กลับไปยุง เกี่ยวกับสารเสพติด อกี เนือ่ งจากการปฏบิ ตั ิธรรมนัน้ จะเปนการกลอ มเกลาจติ ใจใหผตู ดิ สารเสพติดมี ใหน ักเรยี นวิเคราะหวาหากบุคคลท่ีนักเรียนรจู ักติดสารเสพติด นกั เรยี น จิตใจทเี่ ขม แขง็ มีสติปญ ญาทีส่ ามารถคิดและตดั สินใจไดว า สิง่ ใดดี ส่ิงใดไมดี จะแนะนาํ หรอื พาบคุ คลนนั้ ไปบาํ บัดรักษาในหนวยงานใด เพราะเหตใุ ด ควรกระทาํ หรือไมควรกระทาํ ทจี่ ะสง ผลใหสามารถดาํ เนนิ ชวี ิตอยูในสงั คมตอไปได แลว เขียนผลการวิเคราะหนาํ สง ครผู ูสอน อยา งมคี วามสขุ 160 คูมือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๔. แหลง่ ชว่ ยเหลือฟ้ืนฟผู ตู้ ิดสารเสพตดิ ครูตง้ั คาํ ถามกระตุนความสนใจ โดยนกั เรียน สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยา งอสิ ระ ช ต�า่วรยวเหจตแลาหมือฟ่งพชื้นราะฟตรูผาิ ชู้ตกบิดรมญัสราญารชัตเสิฟทพัณ้นื ตฟฑิดสู ์ มคกรืรอรม ถพกภรินามิจพคแผุมลู้ตะปิดครยุ้มะาพคเสรฤพอต1งติ เิดสด ่ว็กพนแ.หศล.ะน เ๒่วย๕ยาง๔วาช๕นน2 สห นนกับ่วอสยงนงทาุนัพน บหคกลือ ัก กทสอี่ท�างา�นทหักัพนงเ้าารทนือ่ี กรมการปกครอง และกรมการแพทย์ ซ่ึงหนว่ ยงานดังกล่าว จ�าแนกตามลักษณะการด�าเนนิ งาน • นักเรยี นเคยพบเห็นหนวยงานท่ีชวยเหลอื ได้ดังน้ี ฟน ฟผู ูตดิ สารเสพติดบางหรอื ไม (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ ๑) หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การบังคบั ใช้กฎหมาย เชน่ การจับกมุ ตัว เปน็ ต้น คดิ เหน็ ไดอยา งอิสระ) ส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน่วยงานท้ังกองบัญชาการต�ารวจนครบาลและกองบัญชาการ • มหี นว ยงานใดบางทีเ่ ปนแหลงชว ยเหลือ ต�ารวจภูธรท่วั ประเทศ จะเป็นหนว่ ยงานที่รับผดิ ชอบ ส่วนการดา� เนนิ การชะลอการฟอ้ งเปน็ หน้าที่ ฟน ฟูผูต ิดสารเสพตดิ ของสา� นกั งานอัยการ ซ่ึงตง้ั อยู่ในทอ้ งท่เี กิดเหตุ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ คดิ เห็นไดอ ยางอิสระ โดยอาจตอบวา ๒) หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการควบคุมตัวระหว่างการตรวจพิสูจน์ ได้แก่ กรมคมุ ประพฤติ สํานักงานตาํ รวจแหงชาติ กรมราชทัณฑ กรมการแพทย) กรมราชทณั ฑ์ กรมพินจิ และคุ้มครองเดก็ และเยาวชน • หนวยงานท่ใี หค วามชวยเหลอื ฟน ฟูผตู ดิ ๓) หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับสถานที่เพ่ือการตรวจพิสูจน์การเสพหรือติด สารเสพตดิ มีบทบาทหนาที่ความรบั ผดิ ชอบ สารเสพติดและการฟนื้ ฟสู มรรถภาพผ้ตู ิดสารเสพตดิ มที ง้ั สถานบา� บดั ฟนื้ ฟผู ู้ติดสารเสพติด อยา งไรบา ง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ แบบเข้มงวด ได้แก่ กรมคุมประพฤติ กองทัพอากาศ และสถานบ�าบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด คดิ เห็นไดอยางอิสระ โดยจะไดศ ึกษาใน แบบไม่เขม้ งวด ได้แก ่ กองทัพบก กองทพั เรอื กรมการปกครอง และกรมการแพทย ์ เนอื้ หาตอไป) เกรด็ นา่ รู้ สาํ รวจคน หา Explore วนั ต่อตา้ นยาเสพตดิ สากล ใหนกั เรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 4-5 คน ศกึ ษา องคก์ ารสหประชาชาตกิ า� หนดใหว้ นั ท ี่ ๒๖ มถิ นุ ายนของทกุ ปเี ปน็ วนั ตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ โลกหรอื วนั ตอ่ ตา้ น เรือ่ ง แหลงชวยเหลอื ฟน ฟูผูต ิดสารเสพตดิ จาก ยาเสพตดิ สากล ทเ่ี กดิ จากการประชมุ ระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยการใชย้ าในทางทผี่ ดิ และการลกั ลอบใชย้ าเสพตดิ หนงั สอื เรยี นและแหลงการเรียนรูเ พ่ิมเตมิ ตางๆ ซงึ่ จดั ขน้ึ ทกี่ รงุ เวยี นนา ประเทศออสเตรยี ระหวา่ งวนั ท ่ี ๑๗-๒๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ดว้ ยเหน็ วา่ การมวี นั ตอ่ ตา้ น เชน หนวยงานตา งๆ อินเทอรเนต็ เปนตน ยาเสพตดิ สากล จะชว่ ยให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสา� คัญที่จะรว่ มกนั ปราบปรามยาเสพตดิ ใหห้ มดไป เหตผุ ลทเี่ ลอื กใชว้ นั ท ่ี ๒๖ มถิ นุ ายน ใหเ้ ปน็ วนั สา� คญั ดงั กลา่ ว กเ็ พอ่ื รา� ลกึ ถงึ เหตกุ ารณว์ นั แรกทขี่ า้ ราชการ ชาวจีน ชื่อ หลิน เจ๋อสวี แสดงความกล้าหาญสั่งปราบปรามการค้าฝิ่นของอังกฤษและชาติตะวันตกอ่ืนๆ ในมณฑลกวางตุ้ง โดยไม่หว่ันเกรงอิทธิพลใดๆ ซ่ึงเป็นมูลเหตุท่ีน�าไปสู่การเกิดสงครามฝิ่นระหว่างจีน และองั กฤษในเวลาตอ่ มา สา� หรบั คา� ขวญั วนั ตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ สากลใชว้ า่ “Do drugs control your life ? Your life. Your community. No place for drugs” แปลเปน็ ภาษาไทยวา่ “ยาเสพตดิ ครอบงา� ชวี ติ ของคณุ อยหู่ รอื เปลา่ ? ชวี ติ ของคณุ สงั คม ของคณุ ต้องไม่มีที่ส�าหรับยาเสพติด” ทม่ี า : www.thaisafenet.org ๑6๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู นักเรียนคิดวา สถาบันทางการศึกษาจะมสี ว นรว มในการปองกันและแกไ ข ครคู วรอธบิ ายใหนกั เรียนฟงวา ผูติดสารเสพตดิ สามารถติดตอ ขอรับความ ปญหาสารเสพตดิ ไดอ ยางไรบา ง ชว ยเหลอื จากหนว ยงานตา งๆ ของรฐั ไดท ว่ั ประเทศ โดยไมเ สยี คา ใชจ า ยใดๆ ทงั้ สน้ิ แนวตอบ บคุ ลากรท่เี กย่ี วของภายในโรงเรียน โดยเฉพาะครู อาจารย ควรมีสว นชว ยในการพฒั นานักเรียนและเยาวชนดว ยการสอดสองดแู ล นกั เรียนควรรู นักเรียน จดั หลกั สูตรกระบวนการเรยี นการสอนใหเ หมาะสม และจัด กจิ กรรมตา งๆ ทเ่ี ปน ประโยชนใหก บั นักเรยี น 1 กรมคุมประพฤติ มบี ทบาทหนาทีใ่ นการควบคมุ ความประพฤตทิ เ่ี ก่ยี วของ กบั สารเสพติด และมีความผิดไมร ายแรง โดยศาลจะสง่ั ใหถ กู คุมประพฤติ และ จะตอ งรายงานตวั ตอเจาหนาท่ีเปน ระยะๆ 2 กรมพนิ ิจและคมุ ครองเดก็ และเยาวชน มหี นา ท่ีคุมครองสิทธแิ ละสวสั ดภิ าพ เดก็ เยาวชน ผเู ยาวและครอบครัวใหเ ขาสกู ระบวนการยุตธิ รรม โดยสงเสริมการ ใชกระบวนการยุตธิ รรมทางเลอื กและมาตรการอน่ื ๆ นอกจากนย้ี งั ดาํ เนินการคดี ดานการปองกนั บาํ บดั แกไ ข ฟน ฟู พัฒนาและสงเคราะห และติดตามประเมินผล การดําเนนิ งาน คูม ือครู 161

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรียนแตล ะกลมุ รวมกันอภิปรายเรอ่ื ง สถานบ�าบัดฟืน้ ฟูผูต้ ดิ สารเสพติดแบบเขม้ งวด แหลง ชว ยเหลอื ฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ วา มหี นว ยงาน ใดบางท่ีนกั เรยี นรจู ัก หรือจากท่ีไดทําการศึกษามา ๑. กรมคุมประพฤติ ๒. กองทพั อากาศ โดยครูรว มเสนอแนะเพม่ิ เติม และตั้งคําถามเพ่อื นาํ ไปสูขอสรปุ ท่ถี กู ตอ งรว มกนั ■ ศูนย์ฟ้ืนฟูสมรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด ■ ศูนย์ฟนื้ ฟูสมรรถภาพผตู้ ิดยาเสพตดิ ลาดหลมุ แกว้ จงั หวดั ปทมุ ธานี กองทัพอากาศ ทุ่งสีกัน กรงุ เทพมหานคร • หนวยงานหลกั ทท่ี ําหนา ทีช่ ว ยเหลอื ฟนฟู ผูต ิดสารเสพตดิ คือหนว ยงานใด ■ ศ นู ยฟ์ ้นื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพติด (แนวตอบ กรมคุมประพฤติ ซ่ึงมหี นา ทีใ่ นการ อาคาร ๕๐๑๗ (Air House) กองทพั อากาศ คมุ ประพฤตทิ เ่ี กยี่ วขอ งกบั สารเสพติด และมี กรงุ เทพมหานคร ความผิดไมรายแรง โดยศาลจะสง่ั ใหถูกคุม ประพฤติ และจะตอ งรายงานตัวตอเจา หนาที่ ■ ศูนยฟ์ ื้นฟสู มรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด เปนระยะๆ) โรงเรยี นการบนิ จังหวัดนครปฐม • หนวยงานสนบั สนุนทีท่ ําหนา ทีช่ ว ยเหลือ ■ ศนู ย์ฟน้ื ฟูสมรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด ฟน ฟูผูติดสารเสพติด ไดแกหนว ยงานใดบาง กองบิน ๑ จงั หวัดนครราชสมี า (แนวตอบ ไดแก สํานักงานตํารวจแหง ชาติ กรมราชทณั ฑ กรมพนิ ิจและคมุ ครองเด็ก ■ ศนู ย์ฟน้ื ฟสู มรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด และเยาวชน กองทัพบก กองทัพเรอื กองบิน ๒ จังหวัดลพบุรี กรมการปกครอง และกรมการแพทย) ■ ศนู ย์ฟ้ืนฟูสมรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพติด กองบนิ ๔ จงั หวดั นครสวรรค์ ■ ศนู ยฟ์ ื้นฟสู มรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด กองบนิ ๕ จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ■ ศูนยฟ์ น้ื ฟูสมรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด กองบิน ๗ จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี ■ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ กองบนิ ๒๑ จงั หวัดอบุ ลราชธานี ■ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองบิน ๒๓ จังหวัดอุดรธานี ■ ศูนย์ฟน้ื ฟสู มรรถภาพผู้ติดยาเสพติด กองบิน ๔๑ จงั หวดั เชียงใหม่ ■ ศูนย์ฟน้ื ฟูสมรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพตดิ กองบนิ ๔๖ จงั หวดั พษิ ณุโลก ■ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด กองบนิ ๕๖ จังหวัดสงขลา ๑6๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นักเรยี นจะมสี ว นรวมในชมุ ชนอยา งไร เพ่ือไมใหส ารเสพตดิ แพรระบาด ครคู วรเชญิ วิทยากรจากหนวยงานทเี่ กย่ี วของกับการชวยเหลอื ฟนฟูผูต ิด ในชมุ ชน สารเสพติดมาใหความรูแกนกั เรียน เพอื่ ใหน กั เรียนทราบถงึ ข้นั ตอนของการบําบัด แนวตอบ โดยการจดั ใหม กี ารอบรมและเผยแพรค วามรเู กยี่ วกบั โทษของ ฟน ฟผู ูต ิดสารเสพติด สารเสพตดิ ซ่ึงอาจใหบ ุคลากรหรอื เจา หนา ทส่ี าธารณสขุ ในแหลง ชุมชนน้ันๆ มาใหค วามรแู กคนในชมุ ชน นอกจากนค้ี วรใหค นในชุมชนมีสว นรว มในการ มุม IT ทํากิจกรรมตางๆ เชน จัดใหมกี ารแขง ขันกีฬาภายในชุมชน การจดั เวรยาม คอยเฝา ดูสถานการณใ นชุมชน เปนตน สามารถศึกษาเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกับหนวยงานชว ยเหลอื ผตู ดิ สารเสพตดิ ของกรมคมุ ประพฤติ ไดจาก http://210.246.159.139/m2/probation/index.php สามารถศึกษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ศนู ยฟ นฟสู มรรถภาพผตู ดิ ยาเสพตดิ กองทัพ- อากาศไดจ าก http://www.ccd.rtaf.mi.th/ccd/rehabCenter.asp 162 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สถานบ�าบัดฟ้ืนฟูผตู้ ิดสารเสพตดิ แบบไมเ่ ขม้ งวด ครูตัง้ คําถามกระตุนการเรยี นรูข องนักเรยี นตอ โดยถามวา ๑. กองทัพบก ๒. กองทัพเรือ ๓. กรมการปกครอง ๔. กรมการแพทย์ • หนว ยงานทเ่ี กีย่ วขอ งกับสถานทเ่ี พอ่ื การ ■ ศูนย์ววิ ฒั น์พลเมอื ง ■ โรงเรยี นววิ ฒั นพ์ ลเมอื ง ■ ศูนยฟ์ ้นื ฟูสมรรถภาพ ■ สถาบนั ธญั ญารักษ์ ตรวจพิสูจนการเสพหรอื ติดสารเสพติด ศูนย์การทหารม้า กองทัพเรือ ๑ ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย จังหวัดปทมุ ธานี และการฟน ฟูสมรรถภาพผูตดิ สารเสพติด ค่ายอดิศร จงั หวัดชลบรุ ี อาสารักษาดินแดน ■ โ รงพยาบาล จําแนกไดอยา งไรบาง จังหวัดสระบุรี ■ โรงเรยี นววิ ฒั นพ์ ลเมอื ง จงั หวดั บุรรี มั ยท์ ี่ ๑ ธญั ญารกั ษข์ อนแก่น (แนวตอบ จําแนกไดดังนี้ คือ สถานบาํ บดั จังหวัดบุรีรัมย์ ฟนฟผู ตู ิดสารเสพติดแบบเขมงวด และ ■ ศนู ยว์ ิวัฒน์พลเมอื ง กองทพั เรอื ๒ จงั หวดั ขอนแกน่ สถานบาํ บดั ฟนฟูผูต ดิ สารเสพติดแบบ กองร้อยฝกึ รบพเิ ศษ จังหวดั ชลบุรี ■ ศนู ย์ฟ้นื ฟูสมรรถภาพ ■ โ รงพยาบาล ไมเ ขมงวด) ท่ี ๒ ปากชอ่ ง ■ โรงเรยี นววิ ฒั นพ์ ลเมอื ง ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย ธัญญารกั ษเ์ ชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา กองทัพเรือ ๓ อาสารักษาดินแดน จังหวัดเชยี งใหม่ • สถานบําบดั ฟนฟผู ตู ิดสารเสพติดแบบ ■ ศนู ย์ววิ ัฒน์พลเมอื ง จงั หวัดชลบุร ี จงั หวดั กาฬสินธทุ์ ่ี ๑ เขม งวด ไดแกอะไรบา ง กรมทหารพรานท ี่ ๒๖ ■ โรงเรยี นววิ ฒั นพ์ ลเมอื ง จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ ■ ศ นู ย์ฟื้นฟสู ุขภาพ (แนวตอบ กรมคมุ ประพฤติ และกองทพั คา่ ยปกั ธงชัย รตั นานุรกั ษ์ อากาศ) เรือนจา� ฐานทัพเรอื ■ ศนู ยฟ์ น้ื ฟูสมรรถภาพ จังหวดั ล�าปาง จงั หวดั นครราชสมี า สัตหบี จังหวัดชลบุรี ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย • สถานบําบัดฟนฟูผูตดิ สารเสพติดแบบ ■ ก องพลพัฒนาท ่ี ๑ อาสารกั ษาดินแดน ■ โ รงพยาบาล ไมเขมงวด ไดแกอะไรบาง จังหวดั เลยท ่ี ๒ ธญั ญารักษ์ (แนวตอบ กองทัพบก กองทัพเรอื คา่ ยสรุ ยิ วงศ์ จงั หวัดเลย แม่ฮ่องสอน กรมการปกครอง และกรมการแพทย) จังหวัดราชบรุ ี ■ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน ■ ศูนยว์ ิวฒั น์พลเมือง ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย กรมการสัตว์ทหารบก อาสารักษาดินแดน ■ โ รงพยาบาล จังหวัดเชยี งใหม่ จงั หวดั พะเยาท่ ี ๒ ธญั ญารกั ษส์ งขลา ■ ศูนยว์ ิวฒั นพ์ ลเมอื ง จังหวดั พะเยา ศูนยก์ ารทหารราบ ■ ศูนยฟ์ น้ื ฟสู มรรถภาพ จังหวัดสงขลา ค่ายธนะรชั ต์ ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย ■ โ รงพยาบาล จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ธัญญารักษ์ปัตตานี จงั หวัดปัตตานี ■ ศนู ย์ววิ ัฒนพ์ ลเมือง อาสารกั ษาดินแดน กองพลทหารราบท่ี ๙ จงั หวัดตากที ่ ๑ คา่ ยสรุ สีห ์ จงั หวัดตาก จงั หวัดกาญจนบุรี ■ ศนู ยฟ์ ื้นฟูสมรรถภาพ ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย ■ ศูนยว์ วิ ฒั นพ์ ลเมือง อาสารกั ษาดนิ แดน กองพลทหารราบที่ ๕ จงั หวัดพิษณุโลกท ่ี ๒ คา่ ยเทพสตรศี รีสุนทร จังหวัดพิษณุโลก จงั หวดั นครศรธี รรมราช ๑6๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ครอบครวั ควรมบี ทบาทและความสําคัญอยางไรตอ การฟน ฟูผูตดิ ครคู วรใหนักเรยี นศึกษาเพิม่ เตมิ เกี่ยวกบั หนว ยงานตา งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ งกบั การ สารเสพติด บาํ บัดรกั ษาและฟน ฟสู มรรถภาพผตู ดิ สารเสพตดิ โดยอาจใหนกั เรียนศึกษาจาก แนวตอบ ครอบครัวและญาติมีบทบาทและมสี ว นสําคัญในการฟน ฟูผูติด แหลง เรยี นรูอ่นื ๆ เชน หอ งสมุด อนิ เทอรเ น็ต หนวยงานทเี่ กย่ี วของโดยตรง สารเสพตดิ เพราะถือไดว า เปนการบาํ บัดทางจิตที่ใหกาํ ลงั ใจ ใหความ เปนตน เนอื่ งจากในหนังสือเรยี นของนกั เรยี นไมไ ดมีการบงบอกถึงบทบาทหนาท่ี เขาอกเขาใจ และใหค วามชว ยเหลือในการจดั สภาพแวดลอมในครอบครวั ของหนว ยงานตางๆ ไว นกั เรยี นจงึ สามารถรับรูไ ดเพยี งแคช ่ือของหนว ยงานเทานั้น ใหเกดิ บรรยากาศทีด่ ี มคี วามปลอดภัย มุม IT สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับสถานบาํ บัดฟน ฟผู ตู ดิ สารเสพตดิ จากหนว ยงาน กรมการแพทย ไดจ าก http://www.dms.moph.go.th/dmsweb/index.php คูมอื ครู 163

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสมุ นกั เรียน 2-3 กลุม ออกมานําเสนอเรอ่ื ง ๑. กองทพั บก สถานบ�าบดั ฟ้ืนฟูผู้ติดสารเสพติดแบบไมเ่ ข้มงวด ๔. กรมการแพทย์ แหลงชวยเหลือฟนฟผู ตู ิดสารเสพตดิ โดยหลงั จาก ทนี่ ักเรยี นแตล ะกลุม นาํ เสนอเสร็จสนิ้ ครูใหน กั เรยี น ๒. กองทพั เรอื ๓. กรมการปกครอง รวมกันแสดงความคดิ เหน็ วา แหลง ชวยเหลือฟนฟู ผตู ดิ สารเสพติดนั้น มคี วามสาํ คัญอยางไรมปี ระโยชน ■ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ ตอ ผูต ิดสารเสพตดิ อยางไรบาง จากนั้นครสู รปุ ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย สาระสําคัญ โดยอธบิ ายเพิม่ เติมวา ผูท่ีตดิ สารเสพติด อาสารกั ษาดนิ แดน มโี อกาสท่ีจะรกั ษาใหหายขาดได ถา หากมคี วามต้ังใจ จงั หวดั อุทัยธานที ่ี ๑ ซงึ่ ผูที่จะเขา รับการบําบัดรกั ษาจะตอ งอยูรักษาตาม ■ ศนู ยฟ์ นื้ ฟูสมรรถภาพ กฎของสถานบําบัดรักษานัน้ ๆ ซึ่งบางหนวยงานหรอื ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย แหลงความชว ยเหลอื ตา งๆ จะมีวิธบี าํ บัดรกั ษา บังคับการและบริการ ที่แตกตา งกนั ออกไป โดยบางแหงจะตองใหผปู วย สว่ นแยกชะอ�า รักษาอยูในโรงพยาบาลหรือสถานบําบัดนั้นๆ ตลอด จังหวัดเพชรบรุ ี เวลาทีจ่ ะใหก ารบาํ บดั รกั ษา แตในบางแหง อาจให ■ ศนู ยฟ์ น้ื ฟูสมรรถภาพ ผปู ว ยเดนิ ทางมารบั ประทานยาตอ หนา เจา หนา ท่ี ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย ทรี่ บั ผดิ ชอบทกุ วัน สาํ หรบั ในเขตกรงุ เทพมหานครนัน้ อาสารักษาดินแดน สถานทีใ่ หก ารบําบัดรกั ษาจะมีต้งั แตศูนยบริการ จงั หวดั นครศรธี รรมราช สาธารณสขุ โรงพยาบาลของรฐั และโรงพยาบาล ท ี่ ๑ ของเอกชนทกุ แหง สวนในตา งจงั หวดั จะใหบรกิ าร จงั หวดั นครศรธี รรมราช บาํ บดั รักษาผูปว ยที่ติดสารเสพติดอยูแลว ไมวา จะ ■ ศูนยฟ์ ้ืนฟูสมรรถภาพ เปนโรงพยาบาลของรฐั หรอื เอกชน ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ กองรอ้ ย อาสารักษาดนิ แดน จังหวดั นราธิวาสท่ ี ๑ จงั หวัดนราธิวาส ปัจจุบันหน่วยงานหลายแห่งของทางราชการได้เข้ามามีบทบาทช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดสารเสพติดให้แก่สังคม (จากภาพ) ศนู ย์ฟน้ื ฟูสมรรถภาพฯ กองบิน ๔๖ กองทัพอากาศ ๑64 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET จากสถานการณก ารแพรร ะบาดสารเสพติดในปจจบุ ัน นักเรยี นคิดวา ครสู ามารถใหน กั เรียนชมวดี ทิ ศั นเ ร่ือง แหลงชว ยเหลอื ฟนฟูผูต ดิ สารเสพติด ควรมมี าตรการใดท่จี ะชว ยปองกนั การแพรระบาดของสารเสพติดไดดีที่สุด โดยอาจยกตวั อยา งหนวยงานมา 1 หนว ยงาน และใหนักเรียนรวมกนั อภิปราย แนวตอบ สง่ิ ทส่ี ามารถชวยปอ งกนั การแพรระบาดของสารเสพติดไดด ีท่ีสดุ เพือ่ หาแนวทางปองกนั คนในชมุ ชนของนักเรียนใหหา งไกลจากสารเสพติด เพื่อให คอื การคอยสอดสอ งดแู ล ตกั เตือนเพอื่ น แจงครู ผปู กครอง หรือเจา หนาที่ นกั เรียนเกิดความตระหนักและเกิดความกลัวตอ การเขาไปบําบดั รกั ษาฟน ฟูจาก ใหร ับทราบ และไมเ ขาไปยงุ เกี่ยวกับสารเสพตดิ โดยเดด็ ขาด หนว ยงานดงั กลา ว หากนักเรียนหรอื บคุ คลในครอบครัวของนกั เรยี นมีโอกาสเส่ยี ง ตอการติดสารเสพติด 164 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหน ักเรยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เรอ่ื ง พระราชบญั ญตั ิ ฟนฟูสมรรถภาพผตู ิดยาเสพตดิ พ.ศ. 2545 จาก พระราชบัญญัติฟ้ืนฟสู มรรถภาพผ้ตู ดิ ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕4๕ เสริมสาระ จากนั้นใหน ักเรยี นรวมกนั วเิ คราะหแ ละ อภิปรายวา พระราชบัญญตั ดิ งั กลา วนนั้ มปี ระโยชน ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ มีแนวทางไว้ว่า ผู้ใดต้องหาว่ากระท�าความผิด ตอ ผูต ิดสารเสพติดมากนอ ยเพยี งใด และวิจารณ ฐานเสพยาเสพตดิ ทางราชการจะกา� หนดวธิ กี ารฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ ให ้ ซง่ึ จะขอสรปุ สาระสา� คญั ในบางมาตรา ขอ ดี-ขอเสยี ของพระราชบญั ญตั ิดงั กลาว มานา� เสนอ ดังนี้ วินิจฉัยว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน1์เป็น มาตรา ๒๒ เมื่อคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จากน้ันใหนักเรยี นคดิ คาํ ขวัญการตอ ตาน สารเสพตดิ มาคนละอยา งนอ ย 2 คาํ ขวญั พรอ มทง้ั ผู้ตดิ ยาเสพตดิ ให้จดั แผนการฟน้ื ฟูสมรรถภาพให้ผูน้ ้ัน และแจ้งผลการตรวจพสิ ูจนใ์ ห้พนกั งานอัยการทราบ บอกแนวคิดของคําขวญั นั้นๆ มาตรา ๒๕ ผเู้ ขา้ รับการฟ้ืนฟตู ้องอยู่รับการฟื้นฟสู มรรถภาพเป็นเวลาไม่เกิน ๖ เดือน ในกรณีท่ีปรากฏว่าผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจแก่คณะอนุกรรมการฯ ให้พิจารณาขยายระยะเวลาฟื้นฟู ออกไปได้ครั้งละไม่เกิน ๖ เดือน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันถูกส่งตัว หรือลดระยะเวลาการฟื้นฟูลง ตามท่ีเหน็ สมควร มาตรา ๒9 ระหว่างการตรวจพิสูจน์หรือการฟื้นฟู ถ้าผู้เข้ารับการฟื้นฟูหลบหนีจากการควบคุมหรือหลบหนี จากเขต ศูนย์ สถานทฟ่ี นื้ ฟูสมรรถภาพ ใหถ้ อื วา่ หนีการคมุ ขัง เจ้าหนา้ ท่ีมอี �านาจออกตดิ ตามจบั กมุ ได ้ มาตรา ๓๐ ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดต้องปฏิบัติตามระเบียบ และเงอื่ นไขตา่ งๆ ทก่ี า� หนดไว้โดยเครง่ ครดั มาตรา ๓๑ ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพท่ีได้รับการปล่อยชั่วคราวไม่ปฏิบัติตาม หรอื ฝา่ ฝืนระเบียบ เง่อื นไข ข้อบังคับทก่ี �าหนด เจ้าหน้าที่สามารถจบั ตัวกลบั เขา้ ไวใ้ นศูนยฟ์ ้นื ฟูได้โดยมิตอ้ งมีหมาย มาตรา ๓๒ ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพฝ่าฝืนมาตรา ๓๐ ให้ผู้มีอ�านาจลงโทษ สถานหน่งึ หรอื หลายสถาน ดงั ตอ่ ไปน ี้ ๑. ภาคทณั ฑ ์ ๒. ตัดการอนุญาตใหร้ ับการเยยี่ มหรือการติดตอ่ ไม่เกิน ๓ เดอื น ๓. จัดใหอ้ ยเู่ ดี่ยวครัง้ ละไมเ่ กิน ๑๐ วนั กรณีการลงโทษบุคคลซึ่งเป็นผู้ท่ีมีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ ให้น�ามาตรการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ัง ศาลเยาวชนและครอบครวั และวิธีพจิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครวั มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม ที่มา : ส�านักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สารเสพติดถือเปนภัยรายแรงของสังคม รัฐบาลจึงไดประกาศใชพระราชบัญญัติฟนฟู สมรรถภาพผูติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งทําใหผูติดสารเสพติดไดรับการปฏิบัติเสมือนเปน ผูปวยท่ีตองเขารับการรักษา เพื่อใหสามารถกลับไปดําเนินชีวิตตามปกติรวมกับคนทั่วไปได ดังนั้น เราทุกคนในสังคมจึงควรมอบโอกาสใหผูหลงผิดไดกลับเนื้อกลับตัวเปนคนดี เพื่อจะไดมี บคุ ลากรทมี่ ศี กั ยภาพมาชว ยกนั พฒั นาประเทศชาตติ อ ไป ขณะเดยี วกนั กส็ กดั การขยายตวั ของวงจร การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ดว ย ทงั้ นผ้ี ปู ระสงคข อรบั การบาํ บดั ฟน ฟสู มรรถภาพ สามารถตดิ ตอ ขอรับความชวยเหลือจากหนวยงานตางๆ ของรัฐไดท่ัวประเทศ โดยไมเสียคาใชจาย ซ่ึงจะมีวิธี การบําบัดชวยเหลือในหลายรูปแบบ โดยผูติดสารเสพติดจะตองใหความรวมมือในการเลิกเสพ สารเสพติดดวย ๑6๕ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู ขอใดไมใช สิง่ ทค่ี าดหวังใหเ กดิ ประโยชนของพระราชบัญญัตฟิ นฟู 1 ตรวจพสิ จู น สถาบันธญั ญารกั ษเปนหนวยงานที่ใหบริการดา นการตรวจพสิ จู น สมรรถภาพผตู ดิ ยาเสพติด พ.ศ. 2545 สารเสพติดและวตั ถุออกฤทธต์ิ อ จิตประสาทแกหนวยงานหรือบคุ คลตา งๆ เชน โรงพยาบาลเอกชน บรษิ ทั โรงงาน นกั ศกึ ษา ผตู อ งหา เปนตน โดยใหบ รกิ าร 1. ลดปญหาอาชญากรรม ทง้ั ในและนอกสถานท่ี 2. ชว ยลดปญหาผตู องโทษลน เรือนจํา 3. ชว ยเพ่ิมงบประมาณในหนวยงานทดี่ ูแล มมุ IT 4. ใหโอกาสผูต ิดสารเสพติดไดก ลับตวั เปนคนดี วิเคราะหค ําตอบ พระราชบญั ญตั ฟิ น ฟูสมรรถภาพผูตดิ ยาเสพตดิ สามารถศกึ ษาเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับพระราชบญั ญัติฟน ฟสู มรรถภาพผตู ดิ ยาเสพตดิ พ.ศ. 2545 มแี นวทางปฏบิ ตั ิท่ีคาดหวังใหเกดิ ประโยชนหลายดา น ไดแ ก พ.ศ. 2545 ไดจาก http://www.Thailawtoday.com/component/content/392. เพ่ือใหโ อกาสผูตดิ สารเสพตดิ ไดก ลบั ตวั เปนคนดี โดยไมม ปี ระวัตดิ างพรอย html?task=view สงผลดีตอสขุ ภาพของผเู สพ ลดการสูญเสยี ทรัพยากรมรุษย ลดปญ หา อาชญากรรม และปญหาผตู อ งโทษลน เรือนจาํ ตอบขอ 3. คมู ือครู 165

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate 1. การจดั นทิ รรศการเกย่ี วกบั ภยั ของสารเสพติด คา� ถาม ประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ 2. การจดั ทํารายงานเรื่อง วธิ กี ารบําบัดฟน ฟผู ตู ิด ๑. นักเรียนรู้สึกอย่างไรบ้างที่ปัจจุบันสังคมไทยมีการแพร่ระบาดสารเสพติดขยายเป็นวงกว้างท่ียาก สารเสพตดิ ต่อการแก้ไขปัญหา 3. การคิดคาํ ขวญั ตอ ตา นสารเสพติด ๒. หากนกั เรยี นไดพ้ บปะพดู คยุ กบั ผตู้ ดิ สารเสพตดิ ในสถานบา� บดั แหง่ หนง่ึ นกั เรยี นควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไร หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู จึงจะทา� ใหผ้ ูต้ ดิ สารเสพติดร้สู กึ ว่าตนเองยงั มีคุณค่าต่อสงั คม 1. นทิ รรศการเก่ียวกับภยั ของสารเสพตดิ ๓. นกั เรยี นคดิ วา่ การบา� บดั ฟนื้ ฟผู ตู้ ดิ สารเสพตดิ รปู แบบใดสามารถชว่ ยเหลอื ผตู้ ดิ สารเสพตดิ ไดม้ ากทสี่ ดุ 2. รายงานเรื่อง วธิ กี ารบาํ บัดฟนฟูผตู ิดสารเสพตดิ ซงึ่ จะกอ่ ให้เกดิ ผลดีต่อตวั ผ้เู สพ ครอบครวั และสงั คม ๔. หากนักเรียนมีโอกาสช่วยเหลือสังคมให้ห่างไกลจากสารเสพติด นักเรียนจะมีวิธีการช่วยเหลือ ไดอ้ ย่างไรบ้าง จงยกตวั อยา่ ง ๕. นกั เรยี นเคยมสี ่วนรว่ มในการรณรงค์ตอ่ ตา้ นสารเสพตดิ หรอื ไม ่ อย่างไร กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี ๑ นักเรยี นหาขา่ วเพอ่ื จัดปา้ ยนเิ ทศนา� เสนอในชน้ั เรียน ดังนี้ ■ การแพร่ระบาดของสารเสพติดในประเทศไทย กจิ กรรมท่ี ๒ ■ เยาวชนกับสารเสพตดิ กิจกรรมท่ี ๓ ■ โครงการตอ่ ตา้ นสารเสพติด นกั เรียนสบื คน้ ขอ้ มูลวิธีการให้ความชว่ ยเหลือผตู้ ิดสารเสพตดิ รวมท้ังแหล่งขอความ ชว่ ยเหลอื ทอ่ี ยู่ในพนื้ ท่ีใกลเ้ คยี ง จากแหลง่ การเรยี นรตู้ า่ งๆ แลว้ นา� มาอภปิ รายรว่ มกนั ในช้ันเรยี น นักเรียนร่วมกันจัดป้ายนิเทศในหัวข้อ “ภัยของสารเสพติด” ในบริเวณพื้นท่ีท่ีจัดไว้ รวมทง้ั ทา� ปา้ ยแนะนา� วธิ กี ารและขน้ั ตอนการไปขอรบั ความชว่ ยเหลอื ฟน้ื ฟสู มรรถภาพ ผตู้ ิดสารเสพตดิ จากหน่วยงานของรฐั ทอี่ ยู่ในพ้ืนท่หี รอื พ้ืนที่ใกล้เคยี ง ๑66 แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรยี นรู 1. ขนึ้ อยูก ับคาํ ตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ในปจ จุบันสงผลใหสงั คมไทยเกดิ ปญหาตา งๆ เชน ปญ หาเศรษฐกิจทร่ี ฐั จะตองจัดสรร งบประมาณในการบําบัดรักษาผูติดสารเสพติด ปญ หาอาชญากรรมทพ่ี บมาก คือ การจบั ตัวประกนั การฆาตกรรม การชงิ ทรพั ย ฯลฯ ซ่งึ ปญ หาเหลา น้ียอ มสง ผลให สังคมไทยเกิดความเส่ือมโทรมหรอื เสอ่ื มถอยลงไปมาก 2. ควรใหกําลงั ใจผตู ิดสารเสพตดิ และชวนพดู คยุ ในเรื่องทั่วไปทท่ี าํ ใหเ ขารูส กึ สบายใจ ไมเครยี ด ไมฟุงซาน และอาจชักชวนใหเ ขาทาํ กจิ กรรมบาํ บดั ตา งๆ เชน การทํา กจิ กรรมที่ตนเองชนื่ ชอบ การรอ งเพลง การเลนกฬี า เปนตน 3. ขนึ้ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา การบาํ บดั ฟน ฟูผตู ิดสารเสพติดทกุ รูปแบบนั้นจะมีวธิ ีการชว ยเหลอื ทีแ่ ตกตา งกันไป แตท ี่เหมือนกันคอื ชว ยใหผูตดิ สารเสพติดสามารถเลกิ เสพสารเสพตดิ ไดและไมเขาไปยุงเก่ียวอกี ทง้ั น้ตี ัวผูต ดิ สารเสพติดเองจะตองใหค วามรวมมือในการเขา รบั การบาํ บัด และครอบครวั ก็มีสวนสําคญั โดยการใหกาํ ลังใจและดูแลผตู ดิ สารเสพติดอยา งใกลช ิด 4. ขึน้ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา รวมรณรงคตอ ตา นสารเสพตดิ โดยการสอดสอ งในชมุ ชนของตนเอง หากพบวามีเหตกุ ารณทไ่ี มนาไววางใจ เชน มกี าร ซอื้ ขายสารเสพติด มัว่ สุมเสพสารเสพตดิ เปน ตน ใหร ีบแจง ตํารวจหรอื หนว ยงานทเี่ ก่ยี วของโดยเร็ว 5. ข้นึ อยกู ับคาํ ตอบของนักเรียน โดยนักเรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอ ยา งอิสระ 166 คูม อื ครู

กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 1. อธิบายวิธีการหลกี เลยี่ งพฤติกรรมเสีย่ งและ สถานการณเ ส่ียงได 2. ใชทักษะชวี ิตในการปองกนั ตนเองและ หลกี เลย่ี งสถานการณค ับขันทีอ่ าจนําไปสู อนั ตรายได สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชท ักษะชีวิต คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1. มีวินยั 2. มงุ มน่ั ในการทํางาน ๑๐หนว่ ยที่ การหลีกเล่ยี งพฤตกิ รรมเส่ียง กระตนุ้ ความสนใจ Engage และสถานการณเ์ สีย่ งต่ออันตราย ใหนกั เรยี นดูคลปิ วดิ ีโอพฤติกรรมเสย่ี งที่กอ ตวั ชีว้ ัด การหลีกเล่ียงจากพฤติกรรมเส่ียงและ ใหเ กิดอันตรายตางๆ เชน การทะเลาะววิ าท การเลน การพนนั การมวั่ สุมดมื่ เครอ่ื งด่มื ท่ีมี ■ อธบิ ายวธิ ีการหลีกเลีย่ งพฤตกิ รรมเสยี่ งและสถานการณเ์ ส่ยี ง สถานการณเ สย่ี งตา งๆ จะชว ยใหเ ราสามารถ แอลกอฮอล การแขงรถจกั รยานยนตบ นทองถนน (พ ๕.๑ ม.๒/๒) เปน ตน จากน้ันครูตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ ■ ใชท้ ักษะชวี ติ ในการป้องกนั ตนเองและหลกี เลี่ยงสถานการณ์ โดยนกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ ได คบั ขันทีอ่ าจนำาไปสูอ่ นั ตราย (พ ๕.๑ ม.๒/๓) รอดพนจากอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนได ซ่ึงวิธี อยางอิสระ การหลีกเล่ยี งน้นั สามารถทําไดหลายวิธี เชน สาระการเรยี นรู้แกนกลาง การเลอื กคบเพอ่ื นดี อยใู นสง่ิ แวดลอ มทเ่ี หมาะสม • นกั เรยี นเคยมพี ฤติกรรมดงั กลา วหรอื ไม ■ การหลกี เลีย่ งพฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณ์เสีย่ ง • นักเรยี นคิดวา พฤตกิ รรมดังกลาว กอให - การมว่ั สมุ มที กั ษะชวี ติ ในการปอ งกนั ตนเอง เปน ตน ซง่ึ ถา - การทะเลาะวิวาท หากปฏิบัติไดดังกลาวจะทําใหเราสามารถใชชีวิต เกดิ อนั ตราย หรือผลกระทบตอ สุขภาพ - การเขา้ ไปในแหลง่ อบายมุข ไดห รอื ไม อยา งไร - การแขง่ รถจักรยานยนต์บนท้องถนน อยา งไมป ระมาท และมคี วามสขุ • นกั เรยี นมีวิธกี ารหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรม ดังกลาวอยา งไรบา ง ฯลฯ ■ ทักษะชีวิตในการป้องกนั ตนเอง (ทักษะปฏิเสธ ทักษะการต่อรอง เป็นต้น) และหลีกเลี่ยง สถานการณ์คับขนั ทอ่ี าจนาำ ไปสอู่ ันตราย บบี Leading ไว เกร็ดแนะครู ครคู วรใหน กั เรียนไดเรยี นรวู ิธีการหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณ เสี่ยงตา งๆ รวมทั้งทกั ษะชวี ิตเพ่อื ปอ งกันตนเอง เน่ืองจากปจ จบุ นั วยั รนุ จะมี พฤตกิ รรมเสี่ยงหรอื นาํ ตนเองไปอยใู นสถานการณเส่ยี งทเ่ี ปนอันตรายตอตนเอง ซึ่งการกระทําเหลานนั้ นอกจากจะมีผลตอ สวสั ดภิ าพของตนเองแลว ยังกอใหเกิด ความเดือดรอน ความราํ คาญ และความเสียหายตอ ทรพั ยสนิ รวมทงั้ ชีวติ ของ บคุ คลอน่ื ดว ย คู่มือครู 167

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยนกั เรยี น ปัจจุบันมีเยาวชนจ�านวนมากมีพฤติกรรมเส่ียงท่ีเป็นอันตรายต่อตนเอง และสร้างความ สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยา งอิสระ เดือดร้อนให้กับสังคม การเรียนรู้วิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเส่ียงและสถานการณ์เสี่ยงรวมท้ัง การใชท้ กั ษะชวี ติ ในการปอ้ งกนั ตนเอง จะชว่ ยใหเ้ ราใชช้ วี ติ ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั อกี ทง้ั ไมเ่ ปน็ การสรา้ ง • นกั เรยี นคดิ วา พฤตกิ รรมเส่ียงของวยั รนุ ความเดือดรอ้ นใหแ้ กส่ งั คมอีกดว้ ย ในชมุ ชนทน่ี ักเรยี นอาศัยอยู มอี ะไรบาง และ คนในชุมชนหาแนวทางแกป ญ หาดงั กลาว ๑. การหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมเสย่ี งและสถานการณเ์ สยี่ งตอ่ อนั ตราย ไดอยา งไร พฤตกิ รรมเสยี่ ง เปน็ การกระทา� พฤตกิ รรมทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสย่ี งตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ อาจทา� ให้ (แนวตอบ ขึน้ อยกู บั คําตอบของนกั เรยี นโดย รา่ งกายเปน็ อันตราย สญู เสยี หน้าที่ ขาดโอกาสพัฒนาตามปกต ิ พิการ หรือเสยี ชวี ิต นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยา ง อิสระ) สถานการณเ์ สย่ี ง คอื สถานการณต์ า่ งๆ ทง้ั ทเี่ กดิ จากตวั บคุ คลโดยการเขา้ ไปอยหู่ รอื เกยี่ วขอ้ ง ในเหตุการณ์ หรือเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ส่งผลให้น�าไปสู่การเกิดอันตราย ความไม่ปลอดภัย • ยกตวั อยางสถานการณเสย่ี งทีเ่ ปน อันตราย ตอ่ สขุ ภาพ ชีวติ และทรพั ย์สนิ ตอ ตนเอง ปจั จบุ นั เยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งหลายประการ ตวั อยา่ งพฤตกิ รรมเสยี่ งและสถานการณ์ (แนวตอบ ข้ึนอยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น โดย เสี่ยงต่ออันตรายทีน่ า่ สนใจ มีดังนี้ อาจตอบวา การมัว่ สมุ การทะเลาะววิ าท การแขงขนั รถจกั รยานยนตบนทองถนน 1.1 การมวั่ สมุ การเขาไปในแหลง อบายมขุ ) แ ละคปณุ จั ภจาบุ พนั ชมีวเี ติย1ขาวอชงนตไนท ยซจ่งึ า�จนะขวนอไกมลน่ ่าอ้วถยนึงกยิ ามรรมวัว่มสตุมวั ทกนี่กั า�มลวั่ ังสเมุปทน็ า�ปกัญจิ หกรารอมยทา่ งมี่ มผี าลกก รดะงัทนบี้ ตอ่ สขุ ภาพ สา� รวจคน้ หา Explore ๑) การมว่ั สมุ ในทสี่ าธารณะ ปจั จบุ นั เรามกั จะพบวยั รนุ่ หรอื เยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรม ใหน ักเรียนแบง กลุมออกเปน 5 กลมุ แลวสง ตวั แทนออกมาจบั สลากเลอื กประเด็นในการศึกษา การม่ัวสุมในทสี่ าธารณะเปน็ จา� นวนมาก เช่น ราวสะพาน ปัมน้า� มนั เป็นต้น ซ่งึ วัยรนุ่ กล่มุ น้ีมกั จะ เรื่อง การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสยี่ งและสถานการณ หาโอกาสนัดเจอกัน หรือบางรายอาจมีการแสดงออกด้านความรักอย่างเปิดเผย ซ่ึงพฤติกรรม เสีย่ งตอ อนั ตราย จากหนงั สอื เรียน โดยมีประเด็น ดังกล่าวเปน็ พฤติกรรมท่ไี ม่เหมาะสม และอาจก่อใหเ้ กดิ ปญั หาตา่ งๆ ตามมาได้ ในการศึกษา ดงั ตอ ไปนี้ ผลกระทบของการมัว่ สุมในท่ีสาธารณะ • การมัว่ สมุ • การกอเหตทุ ะเลาะววิ าท ๑. เสย่ี งตอ่ การเกดิ อาชญากรรมตา่ งๆ เชน่ ลกั ขโมย การถกู • การเขาไปยังแหลง อบายมุข ท�ารา้ ย การถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศ เปน็ ตน้ • การแขง ขันรถจกั รยานยนตบ นทอ งถนน • ภัยจากฝูงชน ๒. อาจน�าไปสู่วงจรการขายสารเสพติดได้ เพราะเพื่อนใน กลมุ่ อาจชกั ชวนให้เสพสารเสพติด การรวมกลุ่มทำากิจกรรมที่สร้างสรรค์ จะช่วย ๓. มสี ัมพนั ธภาพกับบคุ คลในครอบครวั ไมด่ ี เพราะมักจะให้ ให้วัยรุ่นสามารถหลีกเล่ียงจากสถานการณ์ ความสนใจกบั เพือ่ นมากกว่าครอบครัว การมว่ั สุมในท่สี าธารณะต่างๆ ได้ ๔. อ าจก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นมาได้ สร้างความเดือดร้อน ความรา� คาญให้กบั ผู้อน่ื 168 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET บุคคลใดมพี ฤตกิ รรมเสยี่ งมากทสี่ ดุ ครอู าจใหนกั เรยี นออกมาเลา ประสบการณท ีเ่ คยพบเหน็ หรือไดยนิ เก่ียวกับบคุ คล 1. วัยรนุ ที่ชอบกระทําพฤตกิ รรมเสี่ยงหรือเขาไปอยใู นสถานการณเ ส่ียงตออนั ตรายวากอให 2. วัยเดก็ เกิดผลกระทบตอตนเอง ครอบครัว และสงั คมอยา งไร 3. วยั ชรา 4. วยั ผูใ หญ นักเรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ บุคคลทม่ี พี ฤตกิ รรมเสย่ี งมากท่สี ดุ คอื กลมุ วยั รนุ เนอ่ื งจากเปน วยั ท่มี กี ารเปล่ยี นแปลงอยา งมากในทกุ ๆ ดา น มคี วาม 1 คณุ ภาพชีวิต การพฒั นาคุณภาพชีวิตเปน การพัฒนาตนเองเพ่อื ใหมชี ีวิต คกึ คะนอง อยากรู อยากลอง และยงั ไมมีวุฒิภาวะเพยี งพอ จงึ อาจ ความเปน อยทู ดี่ ขี น้ึ ปรบั ปรงุ การดาํ เนนิ ชวี ติ ใหส อดคลอ งและรองรบั การเปลยี่ นแปลง ถกู ชกั ชวนหรือหลอกใหก ระทาํ พฤติกรรมเสย่ี ง หรอื เขา ไปอยใู น ทจี่ ะเกดิ ข้ึนในอนาคต เชน การใหค วามสําคญั กบั สุขภาพกายและสุขภาพจติ การใช สถานการณเสย่ี งได ตอบขอ 1. เวลาวางบําเพญ็ ประโยชนเ พือ่ สังคม การเพ่ิมพนู ความรู ทักษะและประสบการณ ในดา นตา งๆ เปนตน 168 ค่มู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒) การมวั่ สมุ เสพสารเสพตดิ ปจั จบุ นั มกี ารรณรงคป์ อ้ งกนั และปราบปรามสารเสพตดิ ใหนักเรยี นกลมุ ทจี่ ับสลากไดประเด็น การมว่ั สมุ ออกมานําเสนอ โดยครแู ละนกั เรยี น อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีเยาวชนจ�านวนไม่น้อยท่ีตกเป็นทาสของสารเสพติด อันเน่ืองมาจากปัญหา กลุม อน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพมิ่ เตมิ แลว ครอบครัว อย่ใู นสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ต็มไปด้วยสารเสพตดิ และความอยากรอู้ ยากลอง จงึ ถูกชกั จงู ตั้งคาํ ถามเพ่ือนําไปสูขอสรุปทถี่ กู ตองรว มกนั ไปร่วมมว่ั สุมเสพสารเสพตดิ ได้งา่ ย • การมั่วสมุ กบั การสงั สรรคต างกนั อยา งไร ผลกระทบของการมวั่ สมุ เสพสารเสพตดิ (แนวตอบ การมั่วสมุ จะใชกบั การรวมกลมุ ๑. ส ขุ ภาพรา่ งกายออ่ นแอ มภี มู ติ า้ นทานตา่� จงึ เจบ็ ปว่ ย1ไดง้ า่ ย ของบุคคลเพือ่ ประกอบกจิ กรรมทไ่ี มดีงาม และกอใหเกิดโทษตอ ตนเองและผอู น่ื รวมถงึ ๒. การใช้เขม็ ฉีดยารว่ มกบั ผอู้ นื่ อาจทา� ใหต้ ิดโรคเอดส์ได้ ครอบครวั และญาตมิ ิตร เชน การมัว่ สุมเสพ ๓. สารเสพติดหลายชนิด ท�าให้ผู้เสพไม่สามารถครองสติได ้ สารเสพตดิ การมัว่ สุมเลน การพนนั สวนการ สังสรรคน น้ั จะใชสําหรบั การรวมกลมุ ของ จึงอาจนา� ไปสกู่ ารถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ หรอื อบุ ตั เิ หตุ บุคคลเพื่อทาํ กจิ กรรมท่ดี งี ามและมีคณุ คา ๔. อ ารมณ์และจิตใจไม่ปกติ ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล และอาจ เชน การพบปะสงั สรรครบั ประทานอาหาร รว มกันเนอื่ งในวนั คลายวันเกิดเพ่ือน งานคืน คลุ้มคลั่งทา� ร้ายผู้อื่น สูเหยาของสถาบันการศึกษาตา งๆ เปน ตน) ๕. กอ่ อาชญากรรม เชน่ การลกั ขโมย การทา� รา้ ยผอู้ นื่ เปน็ ตน้ • การม่วั สมุ เสพสารเสพตดิ สง ผลกระทบตอ เยาวชนควรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน ์ วัยรุนอยางไรบาง เพราะเป็นวิธีหน่ึงท่ีช่วยให้ห่างไกลจาก (แนวตอบ รา งกายออ นแอและมภี มู ติ า นทานตาํ่ สารเสพตดิ ได้ จึงเจ็บปวยไดง า ย อารมณและจิตใจไมป กติ ฟุงซาน ผลการเรียนตกต่าํ และอาจนาํ ไปสู ๓) การม่ัวสุมเล่นการพนัน โดยเฉพาะการเล่นพนันฟุตบอล ซ่ึงระบาดไปสู่วัยรุ่น การกออาชญากรรมตางๆ ได เชน การลกั ขโมยของ การทํารา ยผอู ืน่ เปน ตน ) ไดง้ า่ ย เพราะฟตุ บอลเปน็ กฬี าทว่ี ยั รนุ่ ชน่ื ชอบ ทา� ใหว้ ยั รนุ่ บางคนทอี่ าจเรม่ิ ตน้ เลน่ การพนนั ฟตุ บอล คดิ ว่าเลน่ เพอ่ื ความสนกุ สนาน แตใ่ นทสี่ ดุ กจ็ ะถลา� ลึกลงไป และอาจก่อใหเ้ กิดผลกระทบทร่ี า้ ยแรง • การมว่ั สุมเลน การพนัน สง ผลกระทบตอ ตามมา วยั รนุ อยา งไรบา ง (แนวตอบ ผลการเรียนตกต่ํา นําไปสูการเปน ผลกระทบของการมั่วสมุ เลน่ การพนนั ผูข ายสารเสพตดิ และกอคดีอาชญากรรม เพราะตองการหาเงินมาใชหน้หี รือเลน ๑. ผลการเรียนตกต�่า เพราะไม่มีสมาธิอ่านหนังสือหรือ การพนนั บางรายอาจเกิดความเครียด ทบทวนบทเรยี น สมาธจิ ะไปจดจอ่ กบั การหาขอ้ มลู มาเลน่ จนนําไปสกู ารฆาตวั ตาย) การพนัน การดูกีฬาฟุตบอลให้เกิดประโยชน์ จะต้องดู ๒. น �าไปสู่การเป็นผู้ขายสารเสพติดหรือค้าประเวณี เพื่อ เพ่ือการศึกษา เพื่อความบันเทิง สนุกสนาน ตอ้ งการหาเงินมาใช้หน้ีพนนั โดยไมม่ กี ารพนันเขา้ มาเกี่ยวขอ้ ง ๓. ท า� ใหเ้ กิดคดีอาชญากรรม เช่น ปลน้ จ ี้ ลกั ขโมย ว่งิ ราว ฉ้อโกง เป็นตน้ ๔. ห ากเปน็ หน ้ี เม่ือถงึ ก�าหนดแล้วไม่ช�าระหน้ี จะถกู ตามล่า จากเจ้าหนี้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อตนเองหรือบุคคลใน ครอบครัว 169 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรียนควรรู บุคคลในขอใดมพี ฤตกิ รรมเสี่ยงตอ อนั ตราย 1 โรคเอดส สาเหตุเกิดจากการตดิ เชื้อและการแพรก ระจายของเช้ือไวรสั 1. ออมไปเรยี นดนตรไี ทยทกุ วันอาทิตย เอชไอวี ซ่ึงอยูในสารคดั หล่ังของผปู ว ย เชน น้าํ อสจุ ิ เลอื ด ของเหลวในชอ งคลอด 2. ออมไปทาํ บุญที่วัดกบั คณุ ยายในวันพระ เปน ตน สามารถตดิ ตอไดโ ดย 3. อั้มชวนเพ่อื นๆ มาเลนฟตุ บอลหลังเลิกเรยี น 4. อน ชอบไปเลน เกมคอมพวิ เตอรที่รานอินเทอรเน็ตเปนประจํา 1. การมีเพศสัมพันธทขี่ าดการปองกันอยางถูกตอ ง วเิ คราะหคาํ ตอบ การเลนเกมคอมพวิ เตอรทีร่ า นอินเทอรเนต็ อาจทําใหมี 2. การใชเข็มฉดี ยาทไ่ี มส ะอาด โดยมักพบในกลมุ ผใู ชส ารเสพติด ท่มี กั ใช พฤตกิ รรมเส่ียง เน่อื งจากรานอนิ เทอรเ น็ตบางแหงเปน แหลงมั่วสมุ อบายมุข เข็มฉดี ยาซํา้ หรือใชร ว มกัน สง ผลใหเ ชอ้ื โรคเอดสเ กดิ การแพรก ระจาย ซง่ึ อาจมกี ารขายเครอื่ งดืม่ แอลกอฮอลและสารเสพติด จงึ สามารถนําไปสู 3. ทางเลอื ด 4. การติดเช้อื จากแมส ลู ูก พฤตกิ รรมเส่ียงตา งๆ ได ตอบขอ 4. 5. วธิ ีการอนื่ ๆ ท่คี วรระวัง เชน การใชมีดโกนรวมกนั การเจาะหู การสัก เปน ตน ค่มู อื ครู 169

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหนักเรยี นศึกษาเรอื่ ง โรคตดิ การพนัน จาก เกร็ดน่ารู้ เกร็ดนา รูแลวรวมกนั วเิ คราะหวา ลกั ษณะของโรค ติดการพนนั นัน้ มีลักษณะอยา งไร และมสี าเหตุ โรคติดการพนนั เกดิ มาจากอะไร โดยครตู ้งั คาํ ถามเช่ือมโยงความรู โรคติดการพนัน (Pathological Gambling) ถือเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหน่ึง ซ่ึงผู้ป่วยไม่สามารถ ของนักเรียน ทนตอ่ แรงกระตนุ้ ทจี่ ะใหก้ ระทาำ บางสงิ่ บางอยา่ งทเ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ ได ้ โดยกอ่ นกระทาำ ผปู้ ว่ ยจะ รสู้ กึ ตนื่ เตน้ อยา่ งมาก และระหวา่ งกระทาำ ผปู้ ว่ ยจะอมิ่ เอมใจมากเชน่ กนั ผปู้ ว่ ยโรคตดิ การพนนั จะมลี กั ษณะอาการ • ลักษณะอาการของผทู ี่เปนโรคตดิ การพนัน ดังนี้ จะมีลักษณะอยางไร ๑. คิดหมกมนุ่ เก่ียวกับการเลน่ พนนั อยตู่ ลอดเวลา หากไมไ่ ดเ้ ลน่ จะกระสบั กระสา่ ย หงดุ หงิด (แนวตอบ คิดหมกมุน เกี่ยวกบั การเลน พนนั ๒. มีความพยายามจะหยุดเล่นพนนั หลายครง้ั แต่ไมส่ ามารถทาำ ไดส้ ำาเรจ็ อยตู ลอดเวลา หากไมไดเลน จะรสู ึกหงดุ หงิด ๓. เพิม่ ความถี่และจาำ นวนเงนิ ในการเล่นพนนั มากขน้ึ เรอื่ ยๆ แม้จะไมม่ ีเงนิ กอ็ าจทาำ เรื่องผดิ กฎหมาย ไมส ามารถทจี่ ะควบคมุ ความตอ งการในการ เพือ่ หาเงินมาเลน่ พนันต่อ เลนพนนั ของตนเองได จนตอ งเพิม่ ความถ่ี ๔. ไม่สามารถควบคุมความต้องการเล่นพนันของตนเองได้ จึงเล่นพนันอย่างไม่ยั้งคิด เม่ือชนะก็ และจาํ นวนเงินในการเลนพนันมากขนึ้ ต้องการเงินมากข้นึ เมอ่ื แพ้ก็ต้องการเงินคนื จึงลงเอยท่คี วามสญู เสยี จาำ นวนมาก เร่ือยๆ) ๕. ขอยืมเงินผู้อ่ืนบ่อยครั้ง เพ่ือนำาไปใช้หน้ีสินท่ีเกิดจากการเล่นพนัน แต่ผู้ป่วยจะยังคงคิดเสมอว่า การเลน่ พนนั อาจทาำ ใหม้ โี อกาสหาเงนิ มาใชห้ นส้ี นิ ได ้ ผปู้ ว่ ยโรคนจี้ งึ คดิ เขา้ ขา้ งตนเองตลอด เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ลน่ พนนั • โรคติดการพนัน เกดิ มาจากสาเหตใุ ดบาง (แนวตอบ สว นใหญเ กดิ มาจากส่งิ แวดลอ ม สาเหตุของโรคตดิ การพนนั โดยผูท ี่อยใู นสิง่ แวดลอ มท่ีเต็มไปดว ย ๑. พันธกุ รรม จากการศกึ ษาพบว่า โรคตดิ การพนันสามารถถา่ ยทอดทางพันธกุ รรมได้ การพนนั จะทาํ ใหถ กู ชกั จงู ไปเลนการพนนั ๒. สิ่งแวดลอ้ ม ผทู้ ่ีอยู่ในสงิ่ แวดล้อมทเ่ี ต็มไปด้วยการพนัน จะทาำ ใหถ้ กู ชกั จงู ไปเล่นพนันได้งา่ ย ไดงา ย และสื่อตางๆ ยงั มีอิทธิพลตอการ ๓. สอื่ ตา่ งๆ มักมีอทิ ธิพลต่อการเล่นพนันฟตุ บอล โดยเฉพาะสื่อทม่ี ีการวิเคราะห์การเล่นและทำานาย เลนพนัน โดยเฉพาะส่อื ท่มี ีการวเิ คราะห การเลนและทํานายผลการแขงขนั ของ ผค ลนกเราาร๔ยแ.บั ขย่งสง้ัขาชันรง่ั ขสใอจื่อไงปดแร ้ตแะ่ลตสะจ่ าทะทหมี ล ซสง่ั ึ่งสมเาอปรง็นเคขกอมางชีรผอื่โู้นปวา่่ม้ว “ยนโจ้าดะวปหใาหลมค้่ังนี สน2”าส รนมเาใคจกมเ ลซีชง่ึน่ื่อสกวา่าาร รนพ“จี้ ซนะีโทันราำมโใทาหกนผ้ ขินปู้ ึ้น1ว่”ย มลคีดวลางม สซขุ ่ึงใสจแาลระนสี้จนะกุชส่วนยาในห้ แตล ะทีม เชน การเลนพนันฟตุ บอล เปนตน นอกจากนี้ยงั พบวา พันธุกรรมและสารสือ่ ในการเล่นพนัน ประสาท ยังสงผลใหเกดิ โรคติดการพนนั ได ๕. สมองส่วนทเี่ รียกวา่ “อมกิ ดาลา (Amygdala)” ซ่ึงเปน็ ศูนยก์ ลางความพึงพอใจ มกี ารทาำ งานนอ้ ย เชนเดียวกัน) จึงต้องแสวงหากิจกรรมอื่นๆ ที่กระตุน้ ความสขุ อยา่ งทนั อกทันใจ เช่น การเลน่ พนนั เพศสมั พนั ธ์ เป็นตน้ หากเราตอ้ งการป้องกนั ตนเองจากการเปน็ โรคตดิ การพนัน สามารถทาำ ไดโ้ ดยอยู่ในสภาพแวดล้อมและ คบเพอื่ นที่ไมเ่ ล่นการพนนั และหลีกเลยี่ งจากสิง่ ย่วั ยุที่ทาำ ให้มคี วามตอ้ งการเลน่ พนนั แนวทางการรักษา สามารถทาำ ไดด้ ว้ ยการบาำ บดั ทางความคดิ และพฤตกิ รรม โดยในสว่ นของพฤตกิ รรมจะตอ้ งมกี ารจดั ตาราง เวลาวา่ ช่วงไหนทาำ กจิ กรรมอะไร เพื่อไมใ่ ห้ผปู้ ว่ ยหมกมนุ่ อย่กู บั การคิดเลน่ การพนนั สว่ นการใช้วธิ ีบำาบดั ทาง ความคิด จะต้องกระตุ้นให้นึกถึงข้อดี ข้อเสีย และอนาคตท่ีจะต้องเสียไป สำาหรับผู้ป่วยท่ีมีอาการหนักมาก อาจต้องใช้ยาแกอ้ าการซมึ เศรา้ รว่ มดว้ ย ทีม่ า : บทความเรอ่ื ง “ปญั หาสขุ ภาพจิตจากการตดิ การพนนั ฟตุ บอล” จากสาำ นักงานพัฒนาระบบข้อมูลขา่ วสารสุขภาพ 170 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET การปองกนั ไมใหเดก็ เปนโรคตดิ การพนัน สามารถทําไดอ ยา งไรบาง 1 ซโี รโทนิน เปนสารสื่อประสาทในสมอง ทาํ หนาทีเ่ กี่ยวกบั การแสดงออกทาง แนวตอบ พยายามเสรมิ สรางใหเด็กไดทํากิจกรรมที่ดี ทส่ี รา งสรรค อารมณ ความรสู กึ และควบคมุ วงจรการนอนหลบั ซ่งึ หากมีซโี รโทนินในรางกาย เพอ่ื ใหเกดิ ความพงึ พอใจในชีวติ ของตนเอง ใหเ ดก็ ไดรบั ประสบการณที่ดีจาก อยางเพยี งพอจะชว ยใหอารมณด ี รูสกึ ผอ นคลายและสงบ แตใ นภาวะเครียด กิจกรรมนัน้ ๆ ใชค วามสามารถของตนเองมากกวาการเส่ียงโชคหรอื โอกาส ซีโรโทนินจะลดลง สงผลใหนอนไมหลบั หงดุ หงดิ ขาดสมาธิ และซมึ เศรา รูจกั รอคอยความสาํ เรจ็ และทสี่ าํ คญั ผูใ หญไ มค วรเปน แบบอยา งในการเลน 2 โดปามนี เปนสารเคมีในสมองทีห่ ล่ังมาจากสมองสว นไฮโปธาลามสั พนันใหเ ด็กดู เพราะเด็กอาจเลยี นแบบได ซง่ึ ทาํ หนา ที่ยับยั้งการหลัง่ โพรแลคตนิ จากสมองสวนหนา ของตอมพิทูอทิ ารี เมอื่ รา งกายหล่ังสารโดปามีนออกมาจะสงผลตออารมณข องบคุ คล ทําใหม ี ความต่นื ตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธมิ ากข้นึ และไวตอ สิ่งกระตนุ ตางๆ รอบตัว 170 ค่มู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 4) การม่ัวสุมเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ปัญหาเยาวชนติดเกมคอมพิวเตอร์ทวี ใหน กั เรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดป ระเดน็ การมว่ั สมุ ออกมานาํ เสนอตอ โดยครูและนกั เรียนกลุม อ่นื ๆ คควอามมพริวุนเแตรองรม์ตาากมขร้ึน้าเนรเื่อกยมๆ1 ซโด่ึงยบมาีงเดแ็กหจ่ง�ากน็มวีสนภมาาพกเหปน็นีโแรงหเลรีย่งนมห่ัวสรือุมขอโบมายยเมงินุขข อมงีกพา่อรแแมอ่ไบปจเ�าลห่นนเก่ามย รวมกันเสนอแนะเพิม่ เติม แลว ต้งั คาํ ถามเพ่อื นําไปสู เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลแ์ ละบหุ รใ่ี หก้ บั เยาวชน รวมทง้ั มเี ยาวชนจา� นวนมากทห่ี มกมนุ่ กบั การเลน่ เกม ขอสรุปทถ่ี กู ตอ งรว มกนั จนเสยี การเรยี น และไม่สนใจสังคมหรือผ้อู ื่น ส่งผลต่อลกั ษณะบคุ ลกิ ภาพ และกลายเป็นเดก็ ที่มี ปญั หาทางด้านสุขภาพจิตตามมา • เพราะเหตุใด การเลน เกมคอมพวิ เตอร อาจทําใหเ กิดอาการปวดมอื หรือปวดไหลไ ด ผลกระทบของการม่ัวสุมเลน่ เกมคอมพวิ เตอร์ (แนวตอบ เพราะในขณะที่เราเลนคอมพิวเตอร อวยั วะเหลา นีจ้ ะตองเคลือ่ นไหวอยตู ลอดเวลา ๑. มปี ญั หาตอ่ สขุ ภาพรา่ งกาย เชน่ ปวดตา แสบตา ปวดศรี ษะ การเลน่ เกม อาจสง่ ผลใหม้ พี ฤตกิ รรมกา้ วรา้ วได้ จงึ อาจกอใหเกดิ อาการดังกลาวได นอกจากนี้ ปวดมือ ปวดไหล่ เหน่อื ยล้า ออ่ นเพลยี เปน็ ตน้ เนื่องจากเกิดการเลียนแบบความรุนแรงจาก ยังอาจทาํ ใหเ กิดอาการปวดหลงั ได เนอื่ งจาก เกม นง่ั อยูหนา จอคอมพวิ เตอรเปนระยะเวลานาน ๒. ส ่งผลให้เกิดความเครียด เพราะผู้เล่นเกมคอมพิวเตอร์ โดยไมไดเ ปลีย่ นอริ ยิ าบถ) ตอ้ งหาวธิ กี ารเอาชนะคตู่ อ่ สใู้ หไ้ ด ้ จงึ ตอ้ งครนุ่ คดิ หาเทคนคิ ในการต่อสตู้ ลอดเวลา • หากนกั เรยี นมีอาการแสบตาหรอื ปวดตา นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารผอ นคลายความเมอ่ื ยลา ๓. แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเลียนแบบความรุนแรงจากเกม ของดวงตาจากการเลน คอมพวิ เตอร คอมพิวเตอร์ ไดอยางไร (แนวตอบ ควรพักสายตาทุกๆ 2 ชัว่ โมง ๔. น �าไปสูก่ ารกระทา� ความผดิ เชน่ ลกั ขโมย วงิ่ ราว จ้ี ปล้น โดยใหหลบั ตาประมาณ 5 - 10 นาที เป็นต้น และอาจน�าไปสู่วงจรการขายสารเสพติด เพื่อ กะพริบตาบอ ยๆ เพือ่ บริหารกลา มเนื้อตา หาเงินมาเล่นเกมคอมพวิ เตอร์ หรือมองไปทีต่ นไมส ีเขียว ซ่ึงการปฏบิ ตั ิเชนนี้ จะชว ยใหส ามารถผอ นคลายความเมอื่ ยลา แนวปฏิบัตเิ พ่อื หลีกเลยี่ งการมวั่ สมุ ของดวงตาได) ๑. ศ ึกษาท�าความเข้าใจเก่ียวกับผลเสียท่ีเกิดจากการมั่วสุมเพ่ือกระท�าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จะได้ ระมัดระวงั ตนเองไม่เขา้ ไปเกย่ี วข้องดว้ ย ๒. หลกี เล่ียงการคบเพอ่ื นท่มี ีพฤตกิ รรมการมั่วสมุ เพราะจะท�าใหม้ โี อกาสถกู ชกั จูงไปร่วมมั่วสุมไดง้ า่ ย ๓. ห ้ามปรามเพอ่ื นท่ชี วนไปม่ัวสมุ กระท�าพฤตกิ รรมท่ไี มเ่ หมาะสม พร้อมเสนอแนวทางท่พี งึ ปฏิบัติในกลุม่ เพอ่ื น เช่น จับกลุ่มกนั เล่นดนตรี ทอ่ งเที่ยว เลน่ กฬี า ทา� กิจกรรมบ�าเพ็ญสาธารณประโยชน ์ เปน็ ตน้ ๔. เมอื่ พบเหน็ เพอ่ื นรวมกลมุ่ กนั มวั่ สมุ กระทา� พฤตกิ รรมทไ่ี มเ่ หมาะสม ควรรบี แจง้ ใหค้ รอู าจารยท์ ราบทนั ที ๕. เมอ่ื มปี ญั หาหนกั ใจ ควรปรกึ ษาบดิ ามารดาหรอื ครอู าจารย ์ ไมค่ วรเกบ็ ปญั หาไวข้ บคดิ เพยี งลา� พงั รวมถงึ ไม่ควรคิดว่าการไปรวมกลุ่มม่ัวสุมกับเพ่ือนเพื่อเสพสารเสพติด เล่นพนัน เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ จะเปน็ หนทางแกป้ ญั หา เพราะมแี ต่จะทา� ให้เกิดปญั หาหนกั ข้ึนไปอีก ๖. อยา่ ใช้ข้ออ้างกับตนเองว่าแค่ม่ัวสุมเล่นๆ ไมจ่ รงิ จัง เพราะนานไปจะท�าให้เกิดความเคยชนิ และก็จะตดิ เปน็ นสิ ยั ถอนตวั ไดย้ าก 171 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกรด็ แนะครู การม่วั สุมเลนเกมคอมพวิ เตอรทําใหเกดิ ผลเสยี มากมาย ยกเวน ขอใด ใหนักเรียนหาขาว ภาพ เก่ียวกับบคุ คลทีต่ ิดเกมจนมผี ลทาํ ใหเกิดผลเสียตางๆ 1. ผลการเรยี นตกต่าํ ตามมา เชน เสยี ชีวติ ทาํ รายพอ แม ทะเลาะกบั ครอบครัว เปนตน แลว นาํ ขอมลู ไป 2. ใชคอมพิวเตอรไ ดเกง ข้นึ ติดทีป่ ายนเิ ทศ 3. เปน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ 4. เกิดพฤตกิ รรมเลียนแบบความรนุ แรงจากเกมคอมพวิ เตอร นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ การมวั่ สมุ เลนเกมคอมพิวเตอรจ ะกอใหเ กิดผลกระทบ หลายดา น เชน ปวดหลัง เปน โรคกระเพาะอาหาร ผลการเรียนตกตาํ่ 1 รานเกม ปจ จบุ ันมรี านเกมจาํ นวนมากที่เขารวมโครงการรา นอินเทอรเ นต็ สขี าว โดยการทํารานใหโลง สวาง ไมป ด ทึบ งดใหบรกิ ารแกน ักเรยี นในเครอ่ื งแบบ ผเู ลนมีพฤติกรรมกาวราว ชอบใชความรนุ แรง เปน ตน ตอบขอ 2. และยินยอมใหเยาวชนเขามาเลน เกมไดหลังเวลา 16.30 น. เปนตน ไปจนถึงเวลา 22.00 น. คูม่ ือครู 171

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหนักเรยี นกลุมทจี่ บั สลากไดป ระเด็น 1.2 การกอ่ เหตทุ ะเลาะวิวาท1 การกอเหตุทะเลาะววิ าท ออกมานําเสนอ โดยครู และนักเรียนกลุมอน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพ่มิ เตมิ การก่อเหตุทะเลาะวิวาทท่ีเป็นประเด็นในปัจจุบัน คือ คู่กรณีท่ีแบ่งเป็นฝ่ายเป็นพวก แลว ตั้งคําถามเพอ่ื นาํ ไปสูข อสรปุ ที่ถกู ตอ งรว มกัน เพราะการทะเลาะวิวาทในลักษณะนี้มักจะได้รับการขยายความว่าเป็นเรื่องของกลุ่มของฝ่าย ซ่ึง ส่งผลให้เยาวชนบางคนหรือบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมรุนแรง มักจะมองผู้อื่นไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ใน • การกอเหตุทะเลาะววิ าทท่แี บง เปน ฝา ย กลมุ่ หรอื ฝา่ ยตรงขา้ มลว้ นเปน็ อรกิ บั ตนทง้ั สนิ้ ความคดิ เชน่ นจ้ี ะทา� ใหผ้ บู้ รสิ ทุ ธท์ิ ไี่ มม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง เปน พวก สง ผลกระทบตอผอู ่ืนอยา งไร พลอยไดร้ บั เคราะห์ถกู ท�ารา้ ย หรือบางคนกถ็ งึ กบั เสยี ชวี ติ ไปดว้ ย (แนวตอบ ทําใหผูบริสุทธิ์ทเ่ี ปนคนดี ท่ไี มมี สวนเก่ยี วขอ งกบั ความขัดแยงใดๆ พลอย ผลกระทบของการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ไดรบั เคราะห ถูกทาํ ราย หรือบางคนถงึ กับ เสยี ชวี ิตไปดว ย เพราะผทู ีก่ อเหตมุ ักจะมอง ๑. อ าจถูกลงโทษ หรือด�าเนินคดีตามกฎหมายตั้งแต่อายุ วัยรุ่นควรรวมกลุ่มกันทำาประโยชน์เพ่ือสังคม ผอู ่นื เปนคูอริกับตนทั้งส้นิ ซ่ึงเปนความคดิ ยงั นอ้ ย ดกี วา่ การก่อเหตุทะเลาะวิวาท ที่เปนอันตรายมากตอสันตสิ ุขของสงั คม) ๒. ส ง่ ผลใหเ้ ปน็ คนหวาดระแวง เพราะคดิ วา่ ผอู้ น่ื เปน็ ศตั รกู บั • แนวปฏิบตั ิเพ่ือหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมเส่ยี งและ ตนอย่ตู ลอดเวลา สถานการณเสีย่ งทกี่ อ ใหเกดิ การทะเลาะ วิวาทไดแกอะไรบาง ๓. ไมส่ ามารถปรบั ตวั เมอ่ื อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมได ้ และขาด (แนวตอบ ทกั ษะในการสร้างสัมพนั ธภาพทดี่ ีกบั ผู้อน่ื 1. หากพบสถานการณท อ่ี าจจะมกี ารทะเลาะ ววิ าท ควรควบคมุ สตใิ หด ีและหาทาง ๔. ส ง่ ผลใหบ้ คุ คลรอบขา้ งพลอยไดร้ บั ผลกระทบไปดว้ ย เชน่ หลกี เลี่ยงออกจากเหตุการณน ัน้ ทนั ที บาดเจบ็ เสียชีวติ เปน็ ตน้ 2. หลีกเล่ยี งพืน้ ทลี่ อ แหลมทเ่ี ส่ียงตอการเกดิ ทะเลาะวิวาท แนวปฏิบตั ิเพือ่ หลีกเล่ียงการก่อเหตุทะเลาะววิ าท 3. การเขา ไปอยใู นบรเิ วณทม่ี ผี คู นจาํ นวนมาก และไปเปนกลมุ ตองไมกระทาํ สงิ่ ใด ๑. รจู้ กั สงั เกตสภาพแวดลอ้ ม หากพบสถานการณท์ ผ่ี ดิ ปกตทิ อ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ การทะเลาะววิ าท ควรควบคมุ สติ ท่สี อื่ ออกไปในทาํ นองยวั่ ยุ ทัง้ คําพดู ให้ดีและหาทางหลกี เล่ยี งออกจากเหตกุ ารณ์น้นั ทันที ลลี าทาทาง เพราะอาจทําใหเ กิดการ ชกตอ ยทะเลาะวิวาทกันไดง าย เชน ๒. ห ลกี เลี่ยงพ้นื ท่ีล่อแหลมทเี่ ส่ยี งตอ่ การเกดิ การทะเลาะววิ าท ไปชมคอนเสิรต ไปชมกฬี า เปน ตน) ๓. หลีกเลี่ยงการนั่งบริเวณด้านหลังของรถโดยสาร เพราะกลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบรวมกลุ่มอยู่บริเวณ ดงั กล่าว ๔. ก ารเข้าไปอย่ใู นบรเิ วณที่มผี ู้คนจ�านวนมากและไปเป็นกลุ่ม เชน่ ไปชมคอนเสริ ์ต ไปชมกฬี า เปน็ ต้น ต้องไม่กระท�าสิ่งใดท่ีสื่อออกไปในท�านองยั่วยุ ทั้งค�าพูด ลีลาท่าทาง เพราะอาจท�าให้เกิดการชกต่อย ทะเลาะวิวาทกันไดง้ ่าย ๕. เมอ่ื พบเหน็ เพอื่ นรวมกลมุ่ กนั เพอ่ื จะกอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าทกบั ผอู้ นื่ ควรรบี แจง้ ใหค้ รอู าจารยใ์ นสถานศกึ ษา ทราบทันที 172 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเกย่ี วกบั แนวปฏิบัติเพ่อื หลีกเล่ียงพฤติกรรมเสยี่ งและ ครอู าจนําขาวหรือบทความที่เก่ยี วกับการทะเลาะวิวาทของนกั เรียนมาให สถานการณเส่ยี งตอ การทะเลาะววิ าท นักเรยี นอา น แลว ถามนกั เรียนวา สาเหตขุ องการทะเลาะววิ าทเกิดมาจากสาเหตุใด ถา เพ่ือนของนกั เรยี นมเี หตุทะเลาะววิ าทกัน นักเรียนควรปฏิบตั อิ ยา งไร ผลกระทบท่อี าจเกิดขึ้นเปนอยางไร และนักเรยี นมีวธิ ีการแกไขปญ หาการ จงึ จะดีทสี่ ุด ทะเลาะววิ าทอยา งไรบา ง 1. รีบเขา ไปขวางและบอกใหท ้ังสองฝา ยใจเย็นๆ 2. บอกใหท ้งั คูใจเยน็ และบอกใหเ พอื่ นไปตามครู นักเรยี นควรรู 3. รบี ดึงเพ่ือนคนใดคนหนง่ึ ออกไปใหไกลๆ 4. รบี เดินหนีไปใหเ รว็ ทส่ี ดุ และไปแจงครู 1 ทะเลาะวิวาท ปจ จัยทกี่ ระตุนใหวยั รนุ เกดิ การทะเลาะวิวาทเกดิ ขนึ้ จากหลาย วเิ คราะหคําตอบ เมือ่ เห็นเพือ่ นทะเลาะวิวาทกัน นกั เรยี นควรทจ่ี ะหา ม ปจจัย ไดแก การเปลย่ี นแปลงทางรางกาย การเปลี่ยนแปลงดา นฮอรโ มน พนื้ ฐาน เพอ่ื นทงั้ 2 ฝา ยกอ น แลวจงึ ไปบอกใหค รูทราบ เน่ืองจากทานสามารถที่จะ ทางอารมณ สภาพครอบครวั ระบบการศกึ ษาและสงั คม ทสี่ รา งความกดดันใหกบั ชว ยแกไขปญหาที่เกิดขน้ึ ไดด กี วา ตอบขอ 2. วยั รุน รวมท้งั สภาพสังคมท่ีเตม็ ไปดวยความรุนแรงรอบดา นทีว่ ัยรุน เหน็ จนชินชา ลว นเปน สาเหตใุ หว ยั รนุ เกดิ พฤตกิ รรมกา วรา วรนุ แรงใชก าํ ลงั ในการแกป ญ หาไดท งั้ สนิ้ 172 ค่มู ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ( Disco1th.๓equกแeห)า สลรถ่งเาอขนบา้อาไายบปมอยุขบมงันีอแวดยห2 ู่เแปลต็นง่ส่ จถอ�าาบนนวบานนัยมเมทางิุขกหโลดายยเแฉหพง่ ากะไ็ ผมับเ่ ข ม้ (งPวuดb )อ กี บทางั้ รย์ งั จ(Bา� หaนr)า่ ยดเคิสรโกอื่ งเทดม่ืก1 ใหน กั เรยี นกลมุ ทจ่ี บั สลากไดป ระเดน็ การเขา ไป ยังแหลง อบายมขุ ออกมานําเสนอ โดยครูและ ทีม่ แี อลกอฮอล์ และอาจมีการลักลอบจ�าหนา่ ยสารเสพตดิ ด้วย จึงเป็นเหตนุ �าไปส่พู ฤตกิ รรมเส่ยี ง นักเรยี นกลมุ อน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพิ่มเติม แลว อื่นๆ ตามมา ตงั้ คําถามเพื่อนาํ ไปสูข อสรปุ ท่ีถกู ตองรว มกัน ผลกระทบของการเข้าไปยังแหล่งอบายมุข • ยกตัวอยางแหลง อบายมขุ ท่นี กั เรยี นรจู ัก (แนวตอบ เชน ผบั บาร สถานอาบอบนวด ๑. สขุ ภาพรา่ งกายทรดุ โทรม เนอื่ งจากอากาศภายในสถานท่ี การอยใู่ นสถานทที่ ไ่ี มแ่ ออดั จะชว่ ยใหห้ า่ งไกล สถานบนั เทงิ ยามราตรี เปนตน) เหลา่ นมี้ กั เตม็ ไปดว้ ยควนั บหุ ร ่ี ซงึ่ สง่ ผลตอ่ ระบบทางเดนิ จากแหล่งอบายมขุ ตา่ งๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี หายใจ และอาจทา� ใหส้ ญู เสยี ระบบการไดย้ นิ เพราะมกี าร • การเขาไปในแหลง อบายมขุ กอ ใหเ กิด เปดิ เพลงเสียงดงั มากจนตอ้ งตะโกนคุยกัน ผลกระทบอยางไรบา ง (แนวตอบ ทาํ ใหส้นิ เปลอื งทรัพยส นิ เงนิ ทอง ๒. ส น้ิ เปลืองเงินทอง และเปน็ เหตทุ า� ใหเ้ ปน็ หนส้ี นิ ต่างๆ การเรยี นตกตํ่า สขุ ภาพออนแอ เสี่ยงตอ การ ๓. เ ส่ียงต่อการติดสารเสพติด การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ตดิ สารเสพติด และการทะเลาะวิวาท การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศสําหรบั ผูหญงิ การมี การมเี พศสมั พนั ธ ์ และการทะเลาะววิ าท ซง่ึ เปน็ ผลมาจาก เพศสมั พันธท ีน่ าํ ไปสโู รคตดิ ตอ ตางๆ) อาการมึนเมาจนครองสตไิ ม่อยู่ • แนวปฏิบตั เิ พอ่ื หลีกเล่ียงพฤตกิ รรมเส่ียง แนวปฏบิ ัติเพ่ือหลีกเลยี่ งการเขา้ ไปยงั แหล่งอบายมุข และสถานการณเสย่ี งตอการเขาไปยงั แหลง อบายมุข มอี ะไรบาง ๑. ศึกษาท�าความเข้าใจเก่ียวกับแหล่งอบายมุข เพ่ือจะได้รู้ว่าบริเวณใดเป็นแหล่งอบายมุข มีภัยอะไร (แนวตอบ ท่แี อบแฝงในสถานท่นี ้ันๆ จะไดร้ ู้เท่าทนั เมอ่ื มีผมู้ าชักชวนใหเ้ ขา้ ไปเกย่ี วขอ้ ง 1. ใชทักษะปฏิเสธ 2. หลีกเลย่ี งการคบเพื่อนท่ีนิยมไปเที่ยวเตร ๒. ใ ช้ทักษะปฏิเสธ ไม่ว่าใครก็ตามมาชักชวนให้เข้าไปเที่ยวยังแหล่งอบายมุข โดยเฉพาะข้ออ้างท่ีมักน�า ตามแหลง อบายมขุ เพราะจะทําใหถ กู มาใชว้ ่า เพ่อื เป็นประสบการณ์ ชกั จูงเขาไปใชบ รกิ ารไดง าย 3. เม่อื พบเหน็ เพือ่ นเขาไปในแหลงอบายมขุ ๓. หลกี เลยี่ งการคบเพ่อื นทีน่ ยิ มไปเทย่ี วเตรต่ ามแหล่งอบายมุข เพราะจะถกู ชักจูงเข้าไปใช้บริการไดง้ ่าย ควรรีบแจงใหครู อาจารยท ราบทนั ที) ๔. เมือ่ พบเห็นเพ่อื นเข้าไปใช้บริการแหล่งอบายมุข ควรรบี แจ้งใหค้ รอู าจารย์ทราบทันที ๕. ป รบั เปลย่ี นความคดิ ทว่ี า่ แหลง่ อบายมขุ เปน็ สง่ิ ทชี่ ว่ ยสรา้ งความสขุ สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แตค่ วามจรงิ แลว้ เปน็ สถานทท่ี ีท่ า� ใหเ้ ราเสยี เงิน เสยี สขุ ภาพ ชักนา� ใหเ้ ราก้าวไปส่ทู างแหง่ ความเส่อื ม ๖. ตระหนักอยู่เสมอว่า แหล่งอบายมุขเป็นสถานท่ีอโคจร คือ เป็นสถานท่ีท่ีไม่ควรเข้าไปและช่วงเวลาท่ี เปิดให้บริการนนั้ เป็นช่วงเวลาที่ผู้เรียนใช้ทา� การบา้ น อ่านหนงั สือ และเขา้ นอนแตห่ วั ค�่า เพ่ือเตรยี ม พร้อมกบั การเรยี นในวันถัดไป 17๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรียนควรรู เม่อื พบเห็นเพอ่ื นกาํ ลงั จะเขา ไปในแหลงอบายมุข อนั ดับแรกท่ีนกั เรยี น 1 ดิสโกเทก เปน สถานบนั เทงิ ทม่ี กี ารใหบ รกิ ารทงั้ ดนตรี เครอ่ื งดม่ื และพน้ื ทใ่ี ห ควรทําคือขอใด ออกมาเตน ราํ ซง่ึ จะเปด ใหบ รกิ ารในเวลากลางคนื โดยมกั จะเปด เพลงเสยี งดงั จงั หวะเรว็ ประกอบกบั การจดั ไฟหลากสวี บู วาบทน่ี ยิ มเรยี กวา ไฟเทก เพอื่ ใหผ ใู ชบ รกิ าร 1. รีบโทรแจง ตํารวจ ออกมาเตน ราํ กนั อยา งสนกุ สนาน 2. รบี แจง ใหค รอู าจารยท ราบทนั ที 2 สถานอาบอบนวด แมว า ประเทศไทยจะมกี ฎหมายปอ งกนั และปราบปราม 3. โทรบอกคุณพอ คณุ แมข องเพอื่ นใหม ารบั การคา ประเวณมี าตง้ั แต พ.ศ. 2503 และมกี ฎหมายควบคมุ ดแู ลสถานบรกิ ารตงั้ แตป  4. หา มเพ่ือน และพยายามพาเพือ่ นออกจากสถานทดี่ งั กลาว พ.ศ. 2509 แตก ารคา ประเวณภี ายในสถานบรกิ ารอาบอบนวด กย็ งั เปน สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ วเิ คราะหค ําตอบ หากพบวา เพือ่ นกาํ ลังจะเขา ไปในแหลงอบายมุข อยา งแพรห ลายมาจนถงึ ปจ จบุ นั น้ี นกั เรยี นควรเขาไปหา มเพอื่ น โดยอธิบายวาเปนส่ิงที่ไมด ี กลา วถึงผลเสีย หากเพ่อื นเขา ไปในสถานทดี่ งั กลาว และอาจชกั ชวนกันไปทาํ กิจกรรมอนื่ ที่สรา งสรรคและเปน ประโยชนแทน ท้งั น้ีตองหาทางโนมนา วใหเ พ่ือน ออกจากสถานท่ดี ังกลา วโดยเร็ว ตอบขอ 4. คมู่ ือครู 173

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหนกั เรยี นกลุมที่จับสลากไดป ระเดน็ 1.๔ การแข่งขนั รถจักรยานยนตบ นท้องถนน การแขงขันรถจกั รยานยนตบนทองถนน ออกมา นาํ เสนอ โดยครแู ละนักเรียนกลุมอนื่ ๆ รวมกนั ในพน้ื ทแี่ ถบชานเมอื งของกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล รวมถงึ จงั หวดั ใหญๆ่ หลาย เสนอแนะเพิม่ เตมิ แลวต้ังคําถามเพ่อื นําไปสู จังหวัดในชว่ งเวลาดกึ มกั จะมกี ลุ่มวัยรนุ่ นา� รถจกั รยานยนต์ท่ีทา� การดดั แปลงสภาพ โดยปรับแตง่ ขอ สรปุ ทถี่ ูกตอ งรวมกัน เคร่ืองยนต์ ดัดแปลงท่อ และอ่ืนๆ มาขี่ประลองความเร็วกัน โดยใช้ถนนหลวงเป็นสนามแข่ง ทา่ มกลางการสญั จรไปมาของประชาชนท่วั ไปและบางครงั้ ถงึ ขนั้ ปิดถนน ซงึ่ สรา้ งความเดือดร้อน • นกั เรียนมักจะพบการแขง ขัน รา� คาญใหก้ บั ประชาชนทอ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ทแี่ ขง่ เปน็ อยา่ งมาก ปจั จบุ นั ทางราชการไดเ้ ขม้ งวดกบั การ รถจกั รยานยนตใ นบรเิ วณใด ปราบปรามอย่างจรงิ จัง และดา� เนนิ คดตี ามกฎหมาย (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคาํ ตอบของนกั เรียน โดยอาจตอบวา ในพืน้ ที่แถบชานเมอื งของ ผลกระทบของการแข่งขันรถจักรยานยนต์บนท้องถนน กรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล รวมถงึ จงั หวดั ใหญๆ หลายจังหวัด ในชว งเวลาดึก ๑. กอ่ ใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ พกิ าร และเสยี ชวี ติ ทง้ั ผขู้ บั ข ่ี และ ผู้ท่ีสนใจการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ควร ซง่ึ กลุมวัยรนุ จะใชถนนหลวงเปนสนามแขง ผู้ทอ่ี ย่ใู นบรเิ วณนน้ั อาจโดนเฉย่ี วชนได้ กระทำาในสนามที่จัดไว้ เพ่ือความปลอดภัย รถจักรยานยนตท ามกลางการสัญจรไปมา ของผู้ขบั ขเ่ี องและผอู้ นื่ ของประชาชนทวั่ ไป) ๒. ส ูญเสียการได้ยิน เพราะต้องทนทุกข์ทรมานกับเสียง • การแขงขนั รถจักรยานยนตบ นทองถนน ๘ขอ๕ง รเดถซจิเักบรลย1านยนต์ท่ีแผดเสียงดังแสบแก้วหูเกินกว่า กอ ใหเกดิ ผลกระทบตอผูอืน่ อยางไร (แนวตอบ ทาํ ใหผ ูอน่ื ไดร ับความเดือดรอน ๓. ถกู ด�าเนนิ คดีตามกฎหมาย และเสยี อนาคต ซ่ึงจะตองทนทุกขท รมานกับเสียง ๔. ค รอบครัวไดร้ ับความเดอื ดร้อน หากผขู้ ับข่จี กั รยานยนต์ รถจักรยานยนตท ่ดี ังแสบแกว หู และผูท ่ี ขบั ขย่ี านพาหนะผานมา อาจเกิดอุบตั เิ หตุ บนทอ้ งถนนถกู จบั กมุ พอ่ แม ่ ผปู้ กครองกจ็ ะมคี วามผดิ ดว้ ย ขับรถชนหรอื พลิกคว่าํ ไดถ า หากขับมาดว ย เพราะถือว่าเปน็ การปลอ่ ยปละละเลย ความเรว็ ) แนวปฏิบตั เิ พ่ือหลกี เลยี่ งการแข่งขันรถจักรยานยนต์บนทอ้ งถนน ๑. ไ ม่แขง่ รถจกั รยานยนตบ์ นท้องถนน เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชวี ิตท้ังผขู้ บั ข่เี องและประชาชนทั่วไป ๒. ไ มเ่ ขา้ ไปดกู ารแขง่ ขนั เพราะอาจไดร้ บั อบุ ตั เิ หตรุ า้ ยแรงจากการถกู รถจกั รยานยนตพ์ งุ่ ชนดว้ ยความเรว็ สงู ๓. เ มอ่ื พบเหน็ กลมุ่ นกั แขง่ รถจกั รยานยนตบ์ นทอ้ งถนน ใหห้ ยดุ พาหนะ ไมข่ บั ขร่ี ว่ มขบวนหรอื ขบั ขสี่ วนทางไป และรีบออกจากบริเวณน้ันทันท ี รวมถึงรีบแจง้ เจ้าหน้าท่ีต�ารวจใหร้ บั ทราบ ๔. หลีกเล่ียงการคบเพ่ือนที่มีพฤติกรรมนิยมการแข่งขันรถจักรยานยนต์บนท้องถนน เพราะอาจถูกชักจูง ใหไ้ ปร่วมกระทา� การดังกล่าวไดง้ า่ ย หรือหากมีเพอื่ นมาชกั ชวน เราจะต้องปฏิเสธไปอยา่ งสุภาพ และ ไมต่ อ้ งให้ความสนใจกบั คา� พูดในท�านองทีว่ ่า เปน็ การแสดงออกของลกู ผู้ชาย เพราะลกู ผชู้ ายตัวจริงจะ ต้องช่วยเหลอื ผู้อื่น ไมท่ า� ให้บุคคลหรอื สงั คมเดอื ดร้อน 17๔ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดไมใ ช ปญ หาและผลกระทบที่เกดิ จากการแขงขนั รถจกั รยานยนต ครคู วรใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา มถี นนใดบา งในเขตพนื้ ทที่ นี่ กั เรยี นอาศยั อยู บนทอ งถนน มีการแขง ขันรถจกั รยานยนต และประชาชนในบริเวณนนั้ มคี วามรูสึกตอ การกระทํา 1. อาจถกู ตาํ รวจจับดําเนนิ คดีได ดงั กลา วน้ีอยา งไร 2. การจราจรติดขัด และอาจเกดิ อบุ ัติเหตุได 3. ทาํ ใหมที ักษะในการขับข่รี ถจักรยานยนตด ีข้ึน นกั เรยี นควรรู 4. กอ ใหเ กดิ มลพษิ ทางเสียง และเกิดปญ หาการจราจร วิเคราะหคาํ ตอบ การแขง ขนั รถจักรยานยนตบ นทอ งถนนจะสงเสยี งดัง 1 เดซิเบล เปนหนว ยวดั ความดงั ของเสยี ง ซง่ึ ระดบั เสียงท่เี ปน อนั ตรายตอ หู รบกวนประชาชนบรเิ วณใกลเ คียง ทาํ ใหเ กิดปญ หาการจราจรและ ของมนุษยค อื 80 เดซิเบลข้ึนไป ซึ่งความเสยี่ งของการสญู เสยี การไดยินจะข้ึนอยกู บั เกดิ อบุ ตั ิเหตุ และอาจทําใหผแู ขง ขนั ถูกตํารวจจบั ถูกยึดรถและ ความดงั ของเสยี ง และระยะเวลาของการไดย นิ ผปู กครองจะถือวามคี วามผดิ ดว ย ตอบขอ 3. 174 คมู่ ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1.๕ ภยั จากฝูงชน ใหนกั เรยี นกลมุ ท่ีจบั สลากไดป ระเด็น ภัยจาก ฝงู ชน ออกมานาํ เสนอ โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อนื่ ๆ ข้อมลู ขา่ วสารและการโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ทฉ่ี บั ไวในโลกปัจจบุ ัน ทา� ใหก้ ารจัดงาน รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ แลว ตง้ั คาํ ถามเพอ่ื นาํ ไปสู จัดกจิ กรรมบางอย่างดึงดดู ผคู้ นท่สี นใจเข้ามารว่ มเป็นจา� นวนมาก โดยเฉพาะงานมหกรรมใหญๆ่ ขอสรปุ ทถี่ ูกตอ งรวมกัน ๒จะ๕ม ีผกู้ครนกฎเบาียคดมเ สพีย.ดศก. ัน๒เข๕้า๕ม๓า ชใมนงเทานศ กซาล่ึงดหนลตารยีเคลริฟ้ัง กพ็กาลเาหยรเดป1 ็น(Lโศoกveน าPฏaกraรdรeม Tเeชc่นh nเoม ื่อMวuันsทicี่ Festival) เมอื งดยุ สบ์ วรก์ (Duisburg) ประเทศเยอรมน ี มผี ชู้ มจา� นวนมากแยง่ กนั วงิ่ เขา้ ไปในอโุ มงค์ • ยกตวั อยา งภัยจากฝูงชน แลว้ เกดิ เบียดเสียดเหยียบผู้ทล่ี ม้ ลงไปกับพน้ื ท�าให้มีผูเ้ สยี ชีวิต ๑๙ คน บาดเจ็บ ๓๔๒ คน เปน็ ต้น (แนวตอบ ขึ้นอยูกบั คําตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา เชน การชมคอนเสิรต ผลกระทบของภัยจากฝงู ชน การแขง ขันฟุตบอล งานมหกรรมตา งๆ ทจ่ี ัดข้นึ ในแตละป เปนตน) ๑. ก ่อให้เกิดการบาดเจบ็ เช่น ถูกกระแทก ถูกผลกั เปน็ ตน้ หรือผทู้ ี่ล้มลงอาจถกู เหยียบจนเสียชีวิตได้ • อทิ ธพิ ลใดมีสวนทําใหผูคนตา งเขามา รว มงานเปน จาํ นวนมาก ๒. อาจก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท และอาจส่งผลให้มีการใช้ (แนวตอบ อิทธพิ ลของสอ่ื โฆษณา และการ ความรนุ แรงได ้ เชน่ การใชก้ า� ลงั ชกตอ่ ย การใชอ้ าวธุ เปน็ ตน้ ประชาสมั พนั ธท ีฉ่ ับไวในโลกปจจบุ ัน จึงสงผลใหก ารจดั งานกิจกรรมบางอยาง ๓. เกิดการเจ็บป่วยได้ เพราะความแออัดของผู้คนอาจท�าให้ ดงึ ดดู ผคู นท่สี นใจเขา มารวมเปน เป็นลม หมดสต ิ และเกิดการขาดอากาศหายใจได้ จํานวนมาก) สถานที่ท่ีมีผู้คนเบียดเสียดเป็นจำานวนมาก • แนวปฏิบตั เิ พอ่ื หลีกเล่ียงพฤตกิ รรมเสยี่ งและ ตอ้ งรจู้ กั ระมดั ระวังภยั ท่ีจะเกดิ จากฝงู ชนดว้ ย สถานการณเ สีย่ งตอ ภยั จากฝูงชนไดแ ก อะไรบาง แนวปฏบิ ัตเิ พอื่ หลกี เลย่ี งภัยจากฝูงชน (แนวตอบ 1. หลกี เล่ียงการเขาไปอยใู นพนื้ ที่แออัด ๑. ห ลกี เลย่ี งการเขา้ ไปอยู่ในพืน้ ทแ่ี ออัด เพราะอาจเกดิ การเบยี ดเสียด ยอ้ื แย่งส่ิงของ ผลกั ดัน ถกู กระแทก เพราะอาจเกดิ การเบยี ดเสียด ยอ้ื แยง จนล้ม และถกู เหยียบได้ สิง่ ของ ผลกั ดัน ถูกกระแทกจนลม และถกู เหยยี บได ๒. ควรระมดั ระวังอย่าเข้าไปอยใู่ นบริเวณพ้นื ทีอ่ ับ เช่น ติดรวั้ ก�าแพง อโุ มงค ์ เป็นตน้ เพราะอาจถกู ดนั บบี 2. เมื่ออยทู ามกลางฝงู ชน ไมค วรวิ่ง อัดหนอี อกไปทางไหนไม่ได ้ ควรหาทางออกมาอยู่ในพ้ืนทีโ่ ล่งกวา้ ง เพราะอาจหกลม แลวถูกคนอนื่ เหยียบซํา้ ควรเดินอยางระมัดระวัง หากเหน็ คนอ่ืน ๓. เ มอ่ื มีเสยี งดัง อยา่ ตืน่ ตกใจ ควรตงั้ สติให้ด ี ประเมนิ เหตุการณ์ให้รอบคอบก่อนวา่ ควรท�าอยา่ งไร ลม อยใู หรบี ดึงเพอื่ ใหล กุ ข้นึ โดยเร็ว) ๔. เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน ไม่ควรว่ิง เพราะอาจหกล้มแล้วถูกคนอ่ืนเหยียบซ้�า ควรเดินอย่างระมัดระวัง ขยายความเขา้ ใจ Expand หากเหน็ คนอ่นื ล้มอยู่ให้รบี ดึงให้ลุกข้นึ โดยเร็ว ๕. การร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ควรตะโกนเสียงดังๆ เพ่ือให้ผู้อื่นได้ยิน เพราะในสถานท่ีท่ีมีฝูงชน ใหนกั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมสรางสรรค พฒั นาการเรยี นรู กิจกรรมที่ 1 และกจิ กรรมท่ี 2 พลุกพล่านมักจะมีเสียงดงั หากพูดหรือตะโกนเสียงเบา จะทา� ใหไ้ มม่ ใี ครได้ยิน 17๕ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู เม่ือตองอยใู นสถานทแ่ี ออดั ผูคนเบียดเสยี ดกันเปน จาํ นวนมาก นักเรียน ครูควรอธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน กั เรียนฟงวา ในพนื้ ท่ีแออดั อาจกอใหเกดิ อันตรายตอ ควรปฏบิ ัติตนอยา งไรเพ่ือใหเกดิ ความปลอดภัยตอ ชีวิตของนักเรยี น สขุ ภาพได เชน การตดิ เชอื้ โรคตา งๆ เปน ตน เนื่องจากเชือ้ โรคสามารถแพรก ระจาย ไดง ายเม่อื อยูใ นท่แี ออัด นอกจากนีย้ งั อาจกอ ใหเกดิ อันตรายตอ ผหู ญิงได เชน 1. ผลกั หรือดนั ผอู นื่ การถกู แอบถายคลปิ ใตก ระโปรง การถูกลวนลามหรอื ถูกเน้ือตองตัว เปน ตน 2. จดจําเสนทางเขา ออก 3. ตื่นตระหนกเมอื่ เกดิ เหตุการณท ไี่ มค าดคดิ ขน้ึ นกั เรยี นควรรู 4. ตะโกนหรอื กรีดรอ งเมอื่ เกิดเหตุการณท ไ่ี มคาดคิดขึ้น วเิ คราะหคาํ ตอบ เมื่อตองอยใู นสถานท่ีแออัด ควรจดจําเสนทางเขา ออก 1 เทศกาลดนตรเี ลฟิ พาเหรด จดั ขน้ึ ครง้ั แรกเมอ่ื ป พ.ศ. 2532 ทก่ี รงุ เบอรล นิ โดยเฉพาะทางออกฉุกเฉิน หรือประตูหนีไฟ เพราะคนสวนใหญจะหลบหนี ประเทศเยอรมนี และจดั ขึน้ ตอเน่ืองเปน ประจําทุกป จนกระทัง่ ป พ.ศ. 2550 ได ในเสน ทางปกติ ซงึ่ การจดจําและศึกษาเสน ทางออกฉกุ เฉนิ เผื่อไว จะชวยให ยา ยไปจดั ตามเมอื งตา งๆ ในเยอรมนี และในป พ.ศ. 2553 ไดเ กดิ เหตกุ ารณร ะหวา ง สามารถอพยพหนภี ัยออกมาไดอ ยางปลอดภยั ตอบขอ 2. การเดนิ พาเหรดตามทอ งถนนในงานเทศกาลดนตรีในครัง้ นี้ ซงึ่ มสี าเหตมุ าจากการ เบยี ดเสยี ดจนขาดอากาศหายใจ หรือลมลงจนถูกเหยียบในขณะทขี่ บวนกาํ ลังเดิน ลอดผานอุโมงคแหงหน่ึงของเมือง จงึ เปน เหตใุ หมผี ูบ าดเจบ็ และผูเ สียชีวติ เปน จํานวนมาก คมู่ ือครู 175

กระตุน้ ความสนใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore ใหน กั เรยี นศกึ ษาเรือ่ ง แนวทางการหลกี เลย่ี ง ๒ . แตนอ่ วอทันาตงรกาายรหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมเสย่ี งและสถานการณเ์ สย่ี ง พฤติกรรมเสย่ี งและสถานการณเ สี่ยงตอ อนั ตราย จากหนงั สือเรยี น หรือจากการสอบถามบคุ คลอื่น ในสังคมยุคปัจจุบัน มีสภาพแวดล้อมที่อาจชักจูงให้เยาวชนมีพฤติกรรมเส่ียงมากข้ึน ขณะ ทเี่ คยมีประสบการณ เดียวกัน สถานการณ์เสี่ยงต่ออันตรายก็สามารถเกิดข้ึนได้ตลอดเวลา ดังน้ัน เราจึงควรเรียนรู้ วธิ กี ารหลีกเลยี่ ง รับมอื หรือหาทางปอ้ งกนั ตนเองใหพ้ น้ จากความเสีย่ งเหล่าน้นั ซึง่ การหลีกเลีย่ ง อธบิ ายความรู้ Explain พฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณ์เส่ยี งตอ่ อนั ตรายควรฝกึ ทักษะ ดังน้ี ใหน ักเรียนรวมกนั เสนอแนวทางการหลีกเลยี่ ง ๑) มงุ่ อนาคต เปน็ การรบั รขู้ องบคุ คลดา้ นการดา� รงชวี ติ อยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมาย โดยเหน็ พฤติกรรมเสีย่ งและสถานการณเ สี่ยงตออนั ตราย ตา งๆ ไดแ ก การมว่ั สมุ การกอ เหตทุ ะเลาะววิ าท ความส�าคญั ของผลด ี ผลเสยี ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนสามารถควบคมุ ตนเองในการกระทา� การเขา ไปยงั แหลง อบายมขุ การแขง ขนั รถจกั รยานยนต หรอื ละเวน้ การกระทา� บางอยา่ งตามความตอ้ งการของตน เพราะเลง็ เหน็ ผลเสยี ทจ่ี ะเกดิ ตามมาทงั้ บนทอ งถนน และภัยจากฝูงชน โดยครูเปด โอกาส แก่ตนเองและผ้อู ่ืนในภายหลงั เพ่ือไปสเู่ ปา้ หมายทตี่ อ้ งการในอนาคต ใหน ักเรยี นไดร ว มแสดงความคิดเห็น แลกเปล่ยี น บุคคลท่ีมีความมุ่งอนาคตสูง ย่อมทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนในอนาคต เช่น ความรูซ่งึ กนั และกัน หากถกู เพือ่ นชกั จงู ใหม้ ีพฤติกรรมเส่ยี ง กส็ ามารถใช้ทกั ษะการปฏเิ สธได ้ เพราะเห็นวา่ พฤติกรรม ดงั กล่าวนัน้ ไม่เป็นผลดีกบั ตนเองและกอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อผูอ้ ่นื ตามมา เป็นตน้ บุคคลที่มีความมุ่งอนาคตต่�า ย่อมไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนในอนาคต เช่น หากถกู เพอื่ นชกั จงู ใหม้ พี ฤตกิ รรมเสยี่ ง กอ็ าจหลงผดิ และยอมกระทา� ตามเพอ่ื น โดยไมน่ กึ ถงึ ผลเสยี ทอ่ี าจจะตามมา เปน็ ตน้ ๒) ความเชือ่ อา� นาจในตนและความเชอ่ื อ�านาจนอกตน ๑. ความเชอื่ อา� นาจในตน เปน็ การเสรมิ กา� ลงั ทม่ี าจากความประพฤตแิ ละทศั นคติ ของบคุ คลนน้ั ๆ เปน็ ความคดิ ทว่ี า่ ความสา� เรจ็ และความลม้ เหลวทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ตนเปน็ ผลมาจากความ สามารถ ทกั ษะ หรอื การกระท�าของตนเอง ซึง่ บุคคลลกั ษณะน้จี ะมคี วามกระตอื รอื ร้น เมอ่ื ประสบ ความล้มเหลวก็จะมีความพยายามเพื่อให้ประสบความส�าเร็จ เช่น นักเรียนที่มีความเชื่ออ�านาจ ในตนเองสูงจะมีการดา� เนินชวี ิตที่ปลอดภยั และสามารถที่จะเอาตวั รอดจากสถานการณ์ต่างๆ ได ้ เป็นตน้ ๒. ความเชื่ออ�านาจนอกตน เป็นการเสริมก�าลังท่ีมีแหล่งมาจากภายนอกบุคคล เปน็ ความเชอ่ื ทวี่ า่ ความสา� เรจ็ และความลม้ เหลวของตนขน้ึ อยกู่ บั โชคลาง ความบงั เอญิ หรอื ขนึ้ อยู่ กบั อา� นาจของบคุ คลอนื่ ซงึ่ บุคคลลกั ษณะน้จี ะมีความเฉอ่ื ยชา ไม่กระตือรอื รน้ และมักจะไม่ค่อย ประสบความส�าเร็จในชีวิต เช่น นักเรียนที่มีความเชื่ออ�านาจนอกตนจะมีการด�าเนินชีวิตท่ี เต็มไปดว้ ยความเสีย่ ง ความประมาท และไมส่ ามารถทีจ่ ะหาวธิ หี ลกี เลีย่ งจากการถกู ชักชวนให้มี พฤติกรรมเสย่ี งหรือเขา้ ไปอยู่ในสถานการณเ์ ส่ียงได ้ 176 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET บุคคลใดสามารถหลกี เลีย่ งพฤติกรรมเส่ียงและสถานการณเสี่ยงตอ ครอู าจใหนักเรียนแบง กลุม กลุม ละ 4 - 5 คน รวมกันแสดงบทบาทสมมติ อันตรายไดอ ยา งเหมาะสม เก่ียวกับแนวทางการหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมเสี่ยงและสถานการณเ สย่ี งตอ อนั ตราย 1. สนชอบนัดเพื่อนไปดื่มสุราในตกึ รา ง เชน การมว่ั สุม การกอเหตุทะเลาะวิวาท การเขา ไปยังแหลงอบายมุข การแขงขัน 2. สาวไปเทยี่ วกับเพื่อนๆ เปนกลมุ ใหญเสมอ รถจกั รยานยนตบ นทอ งถนน ภัยจากฝงู ชน เปน ตน และหลังจากการแสดงเสรจ็ สิน้ 3. นนุ ชอบไปเทยี่ วสถานทที่ มี่ ีคนเยอะๆ เพราะทาํ ใหรูสกึ คึกคกั ครูควรใหน ักเรียนสรุปแนวทางการหลีกเล่ียงพฤตกิ รรมเส่ยี งและสถานการณเ สี่ยง 4. น่ิมคบเพื่อนทมี่ ีความประพฤตดิ แี ละอยใู นทาํ นองคลองธรรม ตอ อันตรายในประเดน็ ที่นกั เรยี นไดร บั ทงั้ นคี้ รูอาจทาํ แบบประเมนิ ใหกับนักเรียน วิเคราะหคาํ ตอบ การคบเพอื่ นทีม่ ีความประพฤตดิ ี อยใู นทํานอง ทุกกลุม โดยมเี กณฑก ารประเมินในแตละประเด็น ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ ไดร ว ม คลองธรรม มักจะนําพากันไปในทางท่ีดี สงเสริมความเจรญิ งอกงามใหก ับ ประเมนิ เพื่อน นอกจากน้ีครูอาจประเมนิ นกั เรียนทกุ กลมุ ไดเชนเดยี วกนั เพ่อื เลอื ก ตนเอง ซึ่งเปน วิธกี ารท่ีจะหลกี เลีย่ งพฤติกรรมเสี่ยงและสถานการณเส่ยี งได กลุมท่ีสามารถสรปุ ความรทู ่ีไดเรียนไปไดถ ูกตอ งและดที ่ีสุด และอาจใหรางวัลกบั วิธหี นึ่ง ตอบขอ 4. นักเรยี นกลมุ ดงั กลา ว 176 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ แนวทางในการปฏิบัตเิ พื่อหลีกเล่ียงพฤติกรรมเสย่ี งและสถานการณ์เสยี่ งต่ออนั ตราย ครูตั้งคําถามกระตนุ การเรยี นรูของนักเรียน ๑. หลกี เลยี่ งการมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งทงั้ ปวง ไมค่ ดิ วา่ เปน็ การกระทา� เพอ่ื อยากเรยี นรู้ • นกั เรียนมแี นวทางการปฏิบตั เิ พ่อื หลกี เลยี่ ง หาประสบการณห์ รอื จะทา� ใหต้ นเองโดดเดน่ ขน้ึ มา เพราะพฤตกิ รรมเสย่ี งบางอยา่ ง หากพลาดพลงั้ อาจท�าใหต้ นเองพิการ เสยี ชีวติ เป็นคดคี วาม หรือนา� ความเดอื ดรอ้ นมาสคู่ รอบครวั ได้ พฤติกรรมเสี่ยงและสถานการณเสย่ี งตอ ๒. หลีกเลยี่ งการเขา้ ไปในสถานที่ทเี่ สีย่ งอนั ตรายโดยไมจ่ า� เป็น หากพบวา่ ตนเอง อันตรายไดอ ยา งไรบา ง หลงเขา้ ไปอยใู่ นสถานการณเ์ สยี่ งนนั้ ตอ้ งตง้ั สตใิ หด้ ี และรบี หาวธิ กี ารออกมาจากบรเิ วณนนั้ โดยเรว็ (แนวตอบ เจา้ หน ้าท ีต่ �า รวจ๓ห.ร ือเผมู้เื่อกพย่ี บวขเห้อ็นงใสหถท้ ารนากบา1 รเณพื่อ์เสด่ีย�างเนอนิันกตารราขยัด ขซว่ึงาองา จจทับ�ากใมุ ห ้ผหู้อร่ืนอื เแดกือ้ไดขร ม้อใินห ้ผคู้อว่ืนรตแ้อจง้ง 1. หลกี เลย่ี งการเขาไปในสถานท่ีทีเ่ สย่ี งตอ ประสบจากสถานการณอ์ นั ตรายนน้ั ๔. ตระหนักถึงอันตรายของพฤติกรรมเสี่ยงและสถานการณ์เสี่ยงท่ีตนเอง อนั ตรายโดยไมจําเปน ต้องปฏิบัติหรือเข้าไปเก่ียวข้องด้วย เพราะบางคนรู้สึกว่าการกระท�าดังกล่าวเป็นสิ่งท่ีน่าต่ืนเต้น 2. เม่ือพบเห็นสถานการณท่ีเส่ียงตอ อนั ตราย เร้าใจ และท้าทาย ซง่ึ เปน็ ความคิดทผ่ี ิดอย่างยิง่ ๕. เลือกคบเพ่ือนที่มีความประพฤติดีและอยู่ในท�านองคลองธรรม เพราะการ ใหรบี แจง เจา หนาทต่ี าํ รวจใหท ราบ 3. เลอื กคบเพอ่ื นทม่ี คี วามประพฤติดี ไมเ กเร 4. ติดตามขา วสารทเ่ี กีย่ วขอ งกับภยั อนั ตราย จากสอ่ื ตางๆ 5. ไมห ลงเชอื่ คาํ ชกั ชวนของผูอ่ืนท่เี รา ไมส นิท) สนทิ สนมกบั ใคร เรามกั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลดา้ นความคดิ และความเชอื่ จากผนู้ น้ั ดว้ ย ดงั นนั้ จงึ ไมค่ วรคบเพอ่ื น ท่ีมีพฤติกรรมเส่ียง เพราะอาจชักจูงเราไปร่วมท�าส่ิงที่ไม่ดี และเราอาจต้องยอมท�าตามเพราะ สถานการณ์พาไป ๖. หากพบว่าเพื่อนที่คบอยู่ มีความพยายามชักจูงให้เรากระท�าพฤติกรรม เสี่ยงหรือเข้าไปในสถานการณ์เสี่ยง วิธีการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อาจท�าได้โดยการน�า ทกั ษะการปฏเิ สธและทกั ษะการตอ่ รองมาใช ้ เพอื่ ให้รอดพ้นจากพฤติกรรมเส่ียงและสถานท่ีเสี่ยง ตอ่ อนั ตราย สว่ นวธิ แี กไ้ ขปญั หาระยะยาว ควรลด ความสนทิ สนมลงและตีตัวออกห่างให้เร็วทส่ี ดุ ๗. หม่ันติดตามข่าวสารท่ี เก่ียวข้องกับภัยอันตรายจากสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น เพื่อนจะมีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อของบุคคลมาก เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการป้องกันตนเองให้พ้น ดังนั้น วัยรุ่นควรเลือกคบแต่เพื่อนที่มีความประพฤติดี จากภัยอันตรายเหล่าน้ัน จะไดช้ ักจงู กันทาำ สง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 177 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนเขียนแนวทางการปฏบิ ัติตนเพ่ือหลกี เล่ียงพฤติกรรมเสยี่ งและ ครคู วรแนะนํานกั เรยี นวา หากนกั เรียนพบเห็นเดก็ และเยาวชนท่ีมีการกระทาํ สถานการณเส่ียงจากประสบการณเดมิ ของนกั เรียนมาอยา งนอ ย 10 ขอ ไมเหมาะสม เชน ทะเลาะววิ าทกัน ม่ัวสุมเลนการพนัน ม่ัวสุมเสพสารเสพติด ลงในสมุด แลวนําสง ครูผสู อน เปน ตน สามารถแจงไดท ่สี ายดวน 1579 กระทรวงศึกษาธกิ าร กิจกรรมทาทาย นักเรยี นควรรู ใหน กั เรยี นทาํ รายงานเร่อื ง พฤตกิ รรมเสย่ี งและสถานการณเ สี่ยงตอ 1 แจงเจาหนาท่ีตาํ รวจหรอื ผูเก่ยี วของใหทราบ เมอื่ พบเห็นเหตุการณผดิ ปกติ อนั ตราย พรอมทง้ั เสนอแนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสีย่ ง หรืออาจทําใหผูอ น่ื เดือดรอ น เราจาํ เปน ตอ งมจี ิตสาธารณะ อยา นงิ่ ดดู าย ควรรีบแจง และสถานการณเ ส่ียงเขียนลงในสมุด แลว นาํ สง ครผู ูสอน เจา หนาทตี่ ํารวจ หรอื หนว ยงานองคกรทด่ี แู ลชว ยเหลือ เพ่ือหาวิธกี ารระงบั เหตุ ยับยงั้ ซง่ึ การกระทําเชนนถี้ อื วา ปฏิบัตติ นเปนพลเมอื งดี และมีสว นชวยทําใหส ังคม สงบสุข คู่มือครู 177

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู้ ครเู สนอแนะและอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั แนวทาง ๘. หมนั่ สังเกตสง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั โดยเฉพาะในระหว่างเดินทาง การรับรขู้ ้อมูล การหลกี เล่ยี งพฤติกรรมเสยี่ งและสถานการณเ สีย่ ง กอ่ นจะชว่ ยใหเ้ รามเี วลาหาหนทางแกไ้ ขสถานการณท์ เ่ี หมาะสมไวไ้ ดล้ ว่ งหนา้ และจงระลกึ เสมอวา่ ตออันตราย จากนัน้ ใหนักเรยี นอานเกรด็ นารเู ร่ือง การมสี ตอิ ยูก่ ับตวั ตลอดเวลาจะชว่ ยให้เราเอาตวั รอดได้ ปจจัยท่ีทาํ ใหว ัยรนุ มีพฤตกิ รรมเส่ียง แลวนาํ มา ๙. อย่าหลงเช่ือค�าชักชวนของผู้ใดท่ีจะท�าให้เรามีพฤติกรรมเสี่ยงหรือไปอยู่ใน อภปิ รายรว มกนั ในชั้นเรยี น โดยครตู ้ังคําถาม สถานการณเ์ ส่ยี ง หากไมแ่ น่ใจวา่ การกระทา� นัน้ มคี วามเสย่ี งหรือไม ่ มคี วามเหมาะสมหรอื ไม่ ควร ขอคา� ชแ้ี นะจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรอื ครอู าจารย์กอ่ นตัดสนิ ใจ • ปจจัยใดบางทท่ี ําใหว ยั รุนมีพฤตกิ รรมเสีย่ ง ๑๐. คา� นึงถงึ บิดามารดาหรือครอบครัวให้มาก เพราะการมพี ฤติกรรมเสย่ี ง ไม่ใช่ (แนวตอบ ไดแ ก สภาพแวดลอมในบา นซึ่งรวม ตัวเราเองเท่าน้ันท่ีเดือดร้อน แต่การกระท�าบางอย่างบิดามารดายังจะได้รับความเดือดร้อนตาม ไปถงึ ครอบครวั การศึกษา และเพอ่ื น) คมกุาดคว้ายม ขเชม่ ่นข ู่ หกราอืรถเลกู น่ ทพา� รนา้ นั ยฟหุตาบกไอมลใ่ ชอห้ านจ ้ีตห้อรงอื ขกาายรทแรขพั ง่ ขยนัส์ นิจกัขรอยงาคนรยอนบตคบ์รวันเทพอ้ ื่องใถชน้หนน1 ี ้หบาากงถรกู าจยบักก็ถมุูก รถจกั รยานยนต์กจ็ ะถกู ยึดเป็นของกลาง เพราะเปน็ ของกลางทีใ่ ชก้ ระทา� ความผิด และบดิ ามารดา ขยายความเขา้ ใจ Expand ต้องเสียค่าปรับหรืออาจถูกจ�าคุก ซ่ึงส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเราตามมาอีกหลายประการ เป็นตน้ ใหนกั เรยี นสรุปสาระสาํ คญั เร่ือง แนวทาง แนวทางดังท่ีกล่าวมาข้างต้น เป็นหลักการอย่างกว้างๆ ซ่ึงเราต้องเลือกน�าไปใช้ให้ การหลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณเ ส่ียง เหมาะสมกบั สถานการณแ์ ตล่ ะอยา่ ง ทง้ั นใี้ นวยั ของผเู้ รยี นทเี่ ปน็ วยั หวั เลยี้ วหวั ตอ่ เพอื่ นจะมบี ทบาท ตออันตราย ในรูปแบบของผังความคิด ความสา� คญั อยา่ งย่ิง ดงั นั้น จงึ ตอ้ งตัดความเกรงใจใหห้ มดไป หากมีเพอื่ นคนใดมาชักชวนให้เรา กระท�าในสง่ิ ท่เี ป็นพฤติกรรมเสย่ี งต่างๆ หรือจะชกั นา� ใหเ้ ราไปอย่ใู นสถานการณเ์ ส่ียงตอ่ อันตราย เกรด็ นา่ รู้ ปัจจัยทท่ี าำ ใหว้ ยั รุ่นมพี ฤตกิ รรมเสีย่ ง วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมากท่ีสุด ซึ่งสาเหตุที่ทำาให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมเส่ียงต่างๆ นั้น อาจเกิด มาจากปจั จยั ดังนี้ H = Home คอื สภาพของทีอ่ ยอู่ าศยั ความปลอดภัยภายในบา้ น หากวยั รุ่นอาศัยอยใู่ นบ้านหรือใน แหลง่ ชุมชนทีด่ ี ก็จะทาำ ให้มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตที่ด ี สามารถลดความเส่ียงตอ่ การเกดิ ปัญหาต่างๆ ได้ E = Education คือ การศึกษาซ่ึงเป็นส่ิงสำาคัญ เพราะวัยรุ่นทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิตและมี ความหวังว่าจะทำาเป้าหมายน้ันให้ประสบผลสำาเร็จ วัยรุ่นบางคนอาจไม่สามารถทำาตามเป้าหมายนั้น ก็จะ สิ้นหวังและหมดกำาลงั ใจ จนก่อใหเ้ กิดความเส่ยี งตา่ งๆ ได้ F = Friend คอื เพอ่ื นซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ วยั รนุ่ มาก หากคบเพอ่ื นทดี่ วี ยั รนุ่ กจ็ ะทาำ กจิ กรรมทด่ี ี มปี ระโยชน ์ แต่หากคบเพ่ือนทไี่ มด่ ี วยั รุ่นก็อาจทาำ กิจกรรมทเ่ี สยี่ งต่อการเป็นอนั ตรายได้เช่นกนั ทมี่ า : http://www.sahavicha.com 178 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตใุ ดเพือ่ นจึงมอี ทิ ธพิ ลทที่ าํ ใหวยั รุนมีพฤตกิ รรมเสย่ี งตางๆ ครคู วรแนะนาํ นกั เรยี นวา เพอื่ นเปน ปจ จยั สาํ คญั ทม่ี สี ว นทาํ ใหว ยั รนุ มพี ฤตกิ รรม 1. เพราะวัยรุนมกั จะเช่อื และทาํ ตามเพือ่ น เสยี่ งตา งๆ เพราะวยั รนุ อยใู นชว งวยั ทกี่ าํ ลงั ตดิ เพอ่ื น เชอ่ื เพอ่ื นมากกวา คนใน 2. เพราะอยใู นชว งวัยแหง การเปล่ียนแปลง ครอบครวั ดงั นนั้ จงึ ควรเลอื กคบเพอื่ นทด่ี ี มพี ฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม ไมเ กเร ไมช วนกนั 3. เพราะคดิ วาเพ่อื นจะคอยแนะนาํ แตสงิ่ ทีด่ ใี หเ สมอ ทาํ ในสงิ่ ทไี่ มด ี ดงั คาํ กลา วทว่ี า 4. เพราะคดิ วาถา กระทําตามเพือ่ นจะทาํ ใหเ พอื่ นรักมากขนึ้ วเิ คราะหค ําตอบ วัยรนุ มกั จะเช่อื และทําตามเพ่ือน เพราะอยากใหเ พือ่ น “คบคนพาล พาลไปหาผดิ คบบณั ฑติ บณั ฑติ พาไปหาผล” ยอมรบั จงึ ทําใหว ัยรุนมกั จะปฏิบตั ิตามเพือ่ นโดยท่ไี มรวู าสิ่งทต่ี นกระทํา อยูน ้นั เปนส่ิงท่ผี ิดหรอื ไมผดิ จึงอาจนําไปสูการมพี ฤติกรรมเสย่ี งตา งๆ นกั เรียนควรรู ทก่ี อใหเกดิ อันตรายตอตนเองและผอู น่ื ได ตอบขอ 1. 1 การแขงขันจักรยานยนตบนทองถนน มกั จะมีคําศพั ทเรยี กนักแขงเหลา น้วี า “เดก็ แวน” และบางคร้งั จะพบวามีเดก็ ผหู ญิงท่ซี อนทา ยรถจักรยานยนตซ ึ่งเรียกวา “เดก็ สกอ ย” โดยในหมวู ัยรุนมักเรียกกันวา “แวน บอย สกอ ยเกิรล” 178 คู่มอื ครู

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๓. ทักษะชีวิตในการป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ ครูตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยนักเรยี น สามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอยางอสิ ระ คบั ขันท่อี าจน�าไปสอู่ นั ตราย • นักเรยี นคดิ วา ทกั ษะชีวิตใดบางที่สามารถ ทักษะชีวิต (Life Skill) เป็นคุณลักษณะหรือความสามารถทางสติปัญญาของแต่ละบุคคล นํามาใชในยามท่ตี องเผชญิ กบั สถานการณ ทพี่ งึ ม ี และสามารถจะนา� มาใชใ้ นยามทต่ี อ้ งเผชญิ กบั สถานการณต์ า่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจา� วนั ได้ ตา งๆ ทเ่ี กิดข้นึ ในชีวติ ประจาํ วัน อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะชีวิตนี้บุคคลสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ ด้วยการเรียนรู้ ฝึกฝน หรือ (แนวตอบ ขน้ึ อยกู ับคําตอบของนักเรยี น ปฏบิ ตั ซิ า้� ๆ จนเกดิ ความคลอ่ งแคลว่ และเคยชนิ จนเปน็ ลกั ษณะนสิ ยั ทกั ษะชวี ติ มอี ยหู่ ลายอยา่ งขน้ึ โดยอาจตอบวา ทกั ษะการปฏิเสธ ทักษะ อยกู่ บั วา่ จะใชแ้ นวทางอะไรมาเปน็ เกณฑใ์ นการแบง่ แตท่ กั ษะชวี ติ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การปอ้ งกนั ตนเอง การตอ รอง ทักษะการคิด ตดั สนิ ใจ และ ทเ่ี ราควรเรียนร้ ู มีดังตอ่ ไปน้ี แกปญหา) ๑) ทกั ษะการปฏเิ สธและทกั ษะการตอ่ รอง เปน็ ทกั ษะทตี่ อ้ งใชค้ วบคกู่ นั แตก่ ข็ นึ้ อยู่ • นกั เรยี นเคยใชท กั ษะชีวติ ใดบาง ในการ หลีกเล่ยี งพฤติกรรมเสย่ี งและสถานการณ กบั แตล่ ะสถานการณ ์ เรอ่ื งทเี่ จรจา บคุ คล สถานท ี่ และปจั จยั อนื่ ๆ ทจ่ี ะตอ้ งใชพ้ จิ ารณาประกอบกนั เส่ียงตอ อันตราย สงั คมไทยนน้ั เปน็ สงั คมทเ่ี ออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผ่ เหน็ อกเหน็ ใจผอู้ น่ื ไม่กลา้ ปฏเิ สธหรอื ตอ่ รอง และรสู้ กึ ว่า (แนวตอบ ขึน้ อยูกบั คําตอบของนักเรยี น การปฏิเสธความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นเร่ืองท่ีไม่ถูกต้องเหมาะสมเสียมารยาท แต่ขณะเดียวกัน โดยนกั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็น พฤติกรรมลักษณะน้ีก็อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเส่ียงได้เช่นกัน หากขาดกระบวนการคิด ไดอ ยางอสิ ระ) การพจิ ารณา และการคาดคะเนอยา่ งรอบคอบ ดงั นน้ั การรูจ้ ักท่จี ะปฏเิ สธและ/หรอื ตอ่ รองจงึ เป็น สิง่ สา� คญั และจา� เป็นสา� หรบั สงั คมไทย ท้ังนก้ี เ็ พ่ือสวัสดิภาพและความปลอดภัยของตนเอง สา� รวจคน้ หา Explore แตป่ ญั หาใหญท่ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั คนไทยโดยเฉพาะวยั รนุ่ ในยคุ ปจั จบุ นั คอื ปฏเิ สธและตอ่ รอง ไมเ่ ปน็ ทงั้ ๆ ทรี่ วู้ า่ ทกั ษะการปฏเิ สธและตอ่ รองนน้ั จะชว่ ยปกปอ้ งตนเองมใิ หต้ กเปน็ เหยอ่ื หรอื เสยี่ ง ใหน กั เรียนศกึ ษาเรือ่ ง ทกั ษะชวี ิตในการ ต่ออนั ตรายอนั อาจเกดิ ขึน้ ได ้ เชน่ การปฏเิ สธที่จะโดยสารรถไปกับบุคคลแปลกหน้า การปฏเิ สธท่ี ปองกันตนเอง จากหนงั สือเรียน และแหลง จะไปแขง่ ขันจกั รยานยนตบ์ นท้องถนนกบั เพือ่ น เป็นต้น หากเรารู้จกั ปฏเิ สธแลว้ ยอ่ มไมท่ �าให้เรา การเรยี นรเู พิ่มเตมิ ตางๆ โดยมปี ระเด็นศกึ ษา ตอ้ งเผชญิ กบั ความเสยี่ งหรอื ตกอยใู่ นสภาวะวกิ ฤตทอี่ าจจะเปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ ซง่ึ หลกั การปฏเิ สธ ดังตอไปนี้ ทเี่ หมาะสมและไดผ้ ลด ี มีดงั น้ี ๑. ความหมายของการปฏิเสธจะต้องชัดเจนและหนักแน่น ไม่ให้ความหวังที่ไม่ • ทกั ษะการปฏิเสธและทกั ษะการตอรอง เป็นจริงกบั ฝ่ายตรงขา้ ม เพราะจะท�าใหเ้ ขายงั คงพยายามที่จะชกั จงู เราต่อไปเรอื่ ยๆ • ทกั ษะการคิด ตดั สนิ ใจ และแกป ญหา ๒. ไม่เปดิ โอกาสให้อีกฝา่ ยมขี ้ออ้างจนท�าให้เราจนมุม ไม่สามารถโตแ้ ย้งได้ • ทักษะการสอ่ื สาร ๓. ใชค้ �าพูดท่ีสุภาพ และไม่ท�าให้ฝา่ ยตรงขา้ มรสู้ ึกเสยี หนา้ หรือรสู้ ึกว่าตนเองถูก ต�าหนิ เพราะอาจทา� ให้เกิดผลกระทบต่อความสมั พันธ์ในอนาคตของเรากบั อีกฝา่ ยได้ หรืออาจจะ ทา� ให้อีกฝา่ ยร้สู ึกโกรธ จนกระทา� การทเ่ี ป็นอนั ตรายต่อเราได้ ๔. คา� พดู ทใ่ี ชต้ อ้ งแสดงออกอยา่ งชดั เจนวา่ เราตอ้ งการใหก้ ระทา� อยา่ งทพี่ ดู จรงิ ๆ ต้องพูดอย่างหนกั แนน่ และมที า่ ทจี ริงจงั 179 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู บุคคลท่มี ีทกั ษะชีวิตทด่ี ีจะเปน อยางไร ครูอาจกําหนดสถานการณทเี่ ส่ียงอันตราย แลวใหนกั เรียนแตล ะคนชว ยกนั 1. เปน คนดี เสนอคาํ พดู ปฏิเสธและตอรอง เพอื่ ใหตนเองปลอดภัยจากสถานการณน ั้นๆ จากนน้ั 2. เปน คนเกง ถามนักเรยี นวา หากมเี พอ่ื นมาชกั ชวนใหกระทาํ ในสิ่งที่เปนพฤติกรรมเส่ยี งนกั เรียน 3. เปนคนท่ีมีคนรกั มาก จะมวี ธิ ปี ฏิบตั ติ นอยางไร เพ่ือหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมเส่ยี งดงั กลา ว และเพราะเหตใุ ด 4. เปนคนที่อยูใ นสังคมอยา งมีความสขุ จึงเลอื กปฏบิ ตั เิ ชน น้นั วเิ คราะหค ําตอบ บคุ คลทม่ี ที กั ษะชวี ติ ทด่ี จี ะอยใู นสงั คมไดอ ยา งมคี วามสขุ เนอ่ื งจากจะสามารถปรบั ตวั และแกไ ขสถานการณต า งๆ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ มุม IT ทัง้ น้เี พื่อเปน การปกปองตนเองใหปลอดภยั จากพฤตกิ รรมและสถานการณ สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับการปองกนั วยั รนุ เพื่อหลีกเล่ียงพฤตกิ รรมเสีย่ ง เส่ียงตา งๆ ไดอยา งเหมาะสม ตอบขอ 4. และสถานการณเ ส่ียงตอ อันตราย ไดจ าก http://www.thaihealth.or.th/ healthcontent/article/29735 คมู่ ือครู 179

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมาสรปุ สาระสาํ คญั ๕. แสดงความขอบคณุ เม่ืออีกฝ่ายท�าตามข้อเสนอหรือข้อเรยี กรอ้ งของเรา ในประเด็น ทักษะการปฏิเสธและทักษะการตอรอง ๖. หลงั จากแสดงทา่ ทหี รอื กลา่ วปฏเิ สธแลว้ ใหพ้ ยายามเลยี่ งออกจากสถานการณ์ จากนั้นครูถามนักเรียนวา หากเพ่ือนชวนนักเรียน นั้นโดยเร็วทีส่ ุด ไปสังสรรคที่สถานบันเทิงยามคํ่าคืน นักเรียนจะ มีการปฏิเสธหรือการตอรองอยางไร โดยไมเสีย กรณีตัวอย่างการใชท้ กั ษะปฏิเสธ สัมพันธภาพที่ดีตอกัน โดยครูเสนอแนะและอธิบาย เพิ่มเติมวา หากเพ่ือนชักชวนนักเรียนไปสังสรรค สถานการณท์ ีค่ วรปฏิเสธ ตวั อย่างการใช้ทักษะปฏิเสธ ท่ีสถานบันเทิงยามค่ําคืน นักเรียนอาจจะใชทักษะ การปฏิเสธและการตอรองไปวา “พอดีวันน้ีเปน เพ่ือนชวนไปเล่นการพนนั “ไม่ละ่ การพนนั เป็นส่งิ ผดิ กฎหมาย อีกอยา่ งเรากลวั วันเกิดแม เราคงไปไมได ตองขอโทษดวยนะ” ถกู ตา� รวจจับดว้ ย” ซ่ึงนักเรียนควรพูดดวยทาทางและนํ้าเสียงอยาง จรงิ จัง เพ่ือแสดงความตง้ั ใจอยางชดั เจน เพื่อนชวนไปรา้ นเกมหนา้ โรงเรียน “วันนี้เราจะรีบกลับ เพราะการบ้านยังไม่เสร็จเลย ส่งพรงุ่ นีด้ ว้ ยสิ” เพื่อนชวนไปสังสรรคท์ ี่สถานบนั เทงิ ยามค�า่ คนื “เราไปไมไ่ ดห้ รอก เพราะแมเ่ ราไมช่ อบใหอ้ อกไปไหน กลางดึก เราขอโทษด้วยนะ” เพ่อื นชวนไปดูการแขง่ ขนั รถจักรยานยนต์ “ขอบคณุ ท่ีชวนนะ แตเ่ ราไม่ชอบดูเพราะมนั เส่ยี งต่อ การเกดิ อันตรายมากนะ” เพอ่ื นชวนไปดคู อนเสริ ต์ ทมี่ คี นเบยี ดเสยี ดจา� นวนมาก “เรารสู้ ึกไม่คอ่ ยสบาย ยงิ่ คนเยอะๆ ด้วยแลว้ จะทา� ให้ อาการป่วยของเราอาจแยล่ งได”้ ส�าหรับทกั ษะการตอ่ รอง1นน้ั จะใช้ในกรณที ี่นกั เรยี นก�าลงั กระทา� บางสงิ่ บางอย่าง แต่ ร้สู ึกว่าการกระท�าน้นั ยงั ไม่เหมาะสมเท่าท่คี วร จงึ จา� เป็นต้องมกี ารตอ่ รองกนั เพอ่ื ให้ไดข้ อ้ เสนอที่ ดที ี่สุดส�าหรบั ตัวเอง เช่น เพอ่ื นชวนไปเล่นเกมคอมพิวเตอรท์ ี่รา้ นอนิ เทอร์เนต็ เราอาจตอ่ รองว่า “ถ้าไปเล่นคอมพวิ เตอรเ์ พือ่ สบื คน้ ขอ้ มูล ดหู นัง ฟังเพลงผ่านระบบออนไลน์เราจะไป แต่ถา้ ไปเลน่ เกมคอมพิวเตอร์เราไมไ่ ปนะ” โดยขนั้ ตอนในการต่อรองสามารถทา� ได้ ดังนี้ ๑. การสอื่ ความ เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจถึงความตอ้ งการและคา� โตแ้ ยง้ ของแต่ละฝ่าย โดยอาจ เป็นการพูด ด้วยน้า� เสยี งทนี่ ุ่มนวล หรือกริ ยิ าอาการทสี่ ภุ าพหรอื เปน็ มิตรต่อกัน ๒. การฟัง ผู้ที่ท�าการต่อรองต้องมีทักษะในการฟัง เพ่ือให้สามารถสรุปประเด็น ข้อโต้แยง้ และจบั เหตผุ ลของฝา่ ยตรงขา้ มได้ ๓. การพูดโน้มน้าวจูงใจ ต้องมีความสามารถในการโน้มน้าวจูงใจให้อีกฝ่ายยอมรับ ข้อเสนอของตนเอง ซ่ึงจะนา� ไปสูข่ ้อตกลงได้งา่ ย ๔. การอ่านภาษากาย ถือเป็นทักษะส�าคัญในการต่อรอง เพื่อให้สามารถอ่าน ความหมายทีแ่ ท้จริงจากฝา่ ยตรงข้าม เพอื่ การประเมนิ ความจรงิ จากการเจรจา 180 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกบั การใชทักษะการปฏิเสธ ครูควรอธบิ ายเพ่ิมเติมวา การไปสังสรรคท ส่ี ถานบนั เทิงยามคา่ํ คืน เปน ขอใดเปนการใชท ักษะปฏิเสธทีไ่ มเหมาะสม สถานการณเสยี่ งทีอ่ าจกอใหเกดิ พฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม เชน 1. ปฏิเสธดว ยคําตอบนา เชอื่ ถือ ทาทีจรงิ จงั การมเี พศสมั พันธ นอกจากน้นั อาจเส่ียงตอ การเสพสารเสพติดได เพราะ 2. เม่อื ถูกรบเรา ใหหลกี เล่ยี งและปฏเิ สธดว ยถอยคําสภุ าพ สถานบันเทงิ มกั จะมีเครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล และมกี ารลกั ลอบนําเขาสารเสพติด 3. แสดงพฤติกรรมทส่ี ภุ าพในการปฏิเสธควบคูกับคาํ พดู เขามาจาํ หนายภายในรา น 4. พูดตัดบท แสดงความไมพ อใจ และตอบโตท นั ที วเิ คราะหคาํ ตอบ หลกั ในการปฏเิ สธทด่ี ี ควรปฏเิ สธอยา งจรงิ จงั ทง้ั ทา ทาง นักเรยี นควรรู คําพดู และน้าํ เสยี ง ดวยความเปนมติ รเพ่ือแสดงความต้งั ใจอยางชดั เจน ย้ิมแยม แจม ใส รจู กั ใชคําวา “ขอบคณุ ” เม่ือเขาแสดงไมตรีจติ ตอ เจตนา 1 ทักษะการตอรอง เปน ทักษะการสอ่ื สารที่มผี ลตอ อารมณ ความรสู ึก และ ของเขา พรอมทง้ั ปฏเิ สธดว ยคาํ วา “ขอโทษ” เพ่อื รกั ษาสมั พนั ธภาพท่ดี ี ความสมั พันธร ะหวางบุคคลในการแลกเปลย่ี นขอ มลู ขาวสาร เพอื่ รว มกันตดั สินใจ ตอกันไว ตอบขอ 4. และแกไขปญหา เพอ่ื ปอ งกันการเกิดพฤตกิ รรมที่ไมพงึ ประสงค โดยรกั ษาไวซึ่ง สมั พันธภาพที่ดีตอ กัน 180 คู่มอื ครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒) ทักษะการคิด ตัดสินใจ และแก้ปัญหา1 ทักษะทางด้านน้ี หากเราฝึกปฏิบัติ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา ทกั ษะการคดิ อย่เู ป็นประจา� จะช่วยท�าให้เราเปน็ คนทม่ี ีเหตผุ ล มคี วามรอบคอบ สามารถตัดสินใจแก้ไขปญั หา ตดั สนิ ใจ และแกปญหา สามารถหลีกเลย่ี ง เฉพาะหนา้ ไดด้ ใี นชวี ิตประจา� วนั พฤตกิ รรมเสยี่ งตา งๆ ไดอ ยางไร โดยครูเสนอแนะ ทักษะการคิด เมื่อประสบปัญหา เพ่มิ เติม และตั้งคาํ ถามเพ่อื นาํ ไปสูขอสรุปท่ี ใดๆ กแ็ ล้วแต ่ กระบวนการคดิ มักจะถูกน�ามาใช้ ถกู ตองรวมกัน ในการแก้ปัญหาเสมอ ซึ่งในการป้องกันตนเอง และหลีกเล่ียงสถานการณ์คับขันท่ีอาจน�าไปสู่ • นักเรยี นคิดวา ทักษะการคดิ ถูกนํามาใช อันตราย สามารถนา� ทกั ษะการคดิ มาใช้ ดงั น้ี ในการแกไ ขปญหาไดทกุ เม่อื หรอื ไม อยางไร ๑. ประเมินปัญหาและปัจจัย (แนวตอบ ทกั ษะการคิด มักจะถกู นาํ มาใช ตา่ งๆ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมของ ในการแกปญหาเสมอ โดยสามารถวิเคราะห วัยรุ่นท่ีจะส่งผลถึงการเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ แยกแยะขอมูลขา วสาร ปญหาและ คับขัน เช่น ค่านิยม กลุ่มเพื่อน ส่ิงแวดล้อม เมอื่ พบปญั หา อาจขอคาำ ปรกึ ษาหรอื คาำ แนะนาำ จากผใู้ หญ่ สถานการณตางๆ อยางมีจุดหมาย รอบตวั สอ่ื ตา่ งๆ เปน็ ตน้ เพอ่ื นา� มาใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู เพราะท่านสามารถชว่ ยเราแกไ้ ขปญั หาตา่ งๆ เหล่าน้ันได้ ในการวิเคราะห์ปัญหา เปน็ อย่างดี • หากนักเรียนลองแกป ญ หาดวยตนเองแลว แตย งั ไมป ระสบผลสาํ เร็จ นักเรียนควรทํา ๒. ใชท้ กั ษะการคดิ ในการแกป้ ญั หาอยา่ งมวี จิ ารณญาณ พยายามคดิ หาเหตผุ ลทมี่ ี อยางไร น�า้ หนักในการหลกี เลีย่ งสถานการณค์ บั ขัน เชน่ การชแ้ี จง ใหข้ อ้ มูลผลด ี ผลเสยี ที่เห็นไดช้ ัด เพ่อื (แนวตอบ ควรขอคําปรกึ ษาหรอื คาํ แนะนํา ใหผ้ อู้ นื่ คลอ้ ยตาม ซงึ่ อาจใชค้ า� พดู วา่ “อยา่ ไปแขง่ รถจกั รยานยนตบ์ นทอ้ งถนนเลยนะ มนั อนั ตราย จากพอ แม ครู อาจารย และผูใหญท่ีไวใ จได อาจท�าใหเ้ ธอบาดเจ็บหรือถงึ แกช่ ีวิตได้นะ” เปน็ ต้น เพราะทา นสามารถชวยหาวธิ ีแกไ ขปญหาทด่ี ี ทสี่ ดุ ใหเ ราได) ๓. ใชค้ วามคดิ ในทางสรา้ งสรรค ์ เพอื่ เปน็ ทางเลอื กใหผ้ ทู้ ช่ี กั ชวนเราเหน็ ขอ้ ดที จี่ ะ ปฏิบัตติ าม เช่น การชวนเพ่อื นไปท�ากิจกรรมท่ีสร้างสรรค ์ ได้แก ่ การเล่นกฬี า เล่นดนตรี และทา� กจิ กรรมนนั ทนาการ ทักษะการตัดสินใจ เป็นความสามารถที่ต้องใช้เหตุผล ความเหมาะสมในแต่ละ สถานการณ์มาคิดวิเคราะห์และหาทางออกท่ีดีท่ีสุด เพ่ือให้การตัดสินใจน้ันเป็นไปตามเป้าหมาย และมีแนวทางแก้ไขที่ดีที่สุดส�าหรับตนเองและผู้อื่นด้วย การฝึกทักษะการตัดสินใจ โดยเรียนรู้ กระบวนต่างๆ จึงเป็นสิ่งจ�าเปน็ อย่างมาก ดังน ้ี ๑. เรียนรู้กระบวนการตัดสินใจโดยน�าปัญหามาหาสาเหตุ แนวทางแก้ไข และ ตัดสินใจทจี่ ะแก้ปัญหานั้น ๒. ฝึกค้นหาตนเอง ทา� ความเข้าใจตนเอง หาข้อด ี ขอ้ เสยี ของตนเอง ๓. พิจารณาตนเองวา่ ต้องการอะไร ไมต่ ้องการอะไร 181 ปจ จยั ใดมอี ิทธิพลตอการตดั สนิ ใจ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู 1. ความรู 2. ความคิด ครูควรอธิบายเพ่มิ เติมวา ทกั ษะการคิด ตัดสนิ ใจ และแกป ญ หานนั้ เปนทกั ษะ 3. การวางแผน ทีต่ องใชควบคูก นั เสมอ หากฝกเปน ประจําจะชว ยทําใหเราเปนคนทม่ี เี หตผุ ล 4. การรวบรวมขอมลู มีความรอบคอบ สามารถตดั สนิ ใจแกไขปญ หาเฉพาะหนา ไดด เี ม่ืออยใู นสถานการณ ทคี่ ับขนั วเิ คราะหคาํ ตอบ ความรเู ปน สว นหนงึ่ ของการตดั สนิ ใจ เนอื่ งจากผทู ม่ี ี ความรมู าก จะมขี อ มลู ทส่ี ามารถรวบรวมไวใ ชเ ปน แนวทางในการวเิ คราะห นักเรยี นควรรู และตดั สนิ ใจเลอื กแนวทางทด่ี ที สี่ ดุ เพอ่ื แกไ ขปญ หาไดด มี ปี ระสทิ ธภิ าพ 1 การคดิ ตดั สนิ ใจ และแกป ญ หา เปน ทกั ษะทต่ี อ งใชค วบคกู นั และผสมผสานกนั มากกวา ผทู ม่ี คี วามรนู อ ย ตอบขอ 1. ระหวา งความคดิ และความรสู กึ ในการใชเหตุผลตดั สนิ ใจ เนอ่ื งจากจะมผี ลกระทบ ตอ ตนเองและผอู ่นื ดังน้นั จงึ ตองมีการตดั สนิ ใจอยางรอบคอบ คู่มือครู 181

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูตั้งคําถามกระตนุ การเรยี นรขู องนกั เรยี น ๔. เมื่อพบปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ ให้น�าปัญหามาฝึกวิเคราะห์หาสาเหตุ • ทักษะการแกปญหา จะตองนําทกั ษะ แนวทางแก้ไข และลองตัดสินใจแก้ปัญหาน้ันด้วยตนเอง แต่ถ้าแก้ไม่ตก ควรขอค�าปรึกษาหรือ ค�าแนะน�าจากผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ เช่น เพ่ือนมาชวนนักเรียนไปสถานบันเทิงยามค�่าคืน นักเรียนจึง การคิด และการตัดสนิ ใจมาใชควบคกู ัน มาวิเคราะห์ถึงผลเสียที่เกิดข้ึนว่า ถ้าไปจะเกิดผลเสียอย่างไรกับตนเอง และถ้าไม่ไปจะก่อให้เกิด หรือไม เพราะเหตใุ ด ผลดกี ับตนเองอย่างไร เมื่อนกั เรยี นวเิ คราะห์แล้ววา่ เป็นสง่ิ ทไ่ี มด่ แี ละไม่เหมาะสมกบั วัย นักเรียน (แนวตอบ การใชท กั ษะการแกปญ หานนั้ จึงตัดสินใจดว้ ยการปฏิเสธเพ่อื นว่าไม่สามารถไปได ้ เปน็ ต้น จะตองนําขอ สรปุ ของทกั ษะการคดิ การตัดสนิ ใจ มาลงมอื แกป ญ หาตามแนวทาง ทักษะการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการน�าความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ไป ที่วางไว เพราะจะทําใหเราไดรูจ ักปรับเปลย่ี น ใช้ในการเผชิญและจัดการกับปัญหาท่ีเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม โดยน�าข้อสรุปของทักษะการคิด หาวธิ ีการทเี่ หมาะสม) วิเคราะห์ การตัดสินใจ มาลงมือแกป้ ญั หาตามแนวทางทวี่ างไว้ ซงึ่ ทักษะการแก้ปัญหาน ้ี จะท�าให้ • กระบวนการแกปญ หามกี ขี่ นั้ ตอน อะไรบา ง เรามีประสบการณ์เพ่ิมมากข้ึนและรู้จักปรับเปลี่ยนหาวิธีการท่ีเหมาะสม นับเป็นการฝึกให้เรามี (แนวตอบ มี 6 ขนั้ ตอน ไดแก จําแนก ความอดทน มเี หตุผล และเปน็ คนทีส่ ามารถแกป้ ญั หาต่างๆ ได้เป็นอยา่ งดี พร้อมทั้งไดเ้ รียนรวู้ ิธี แยกแยะหรือเปาหมาย กาํ หนดทางเลือก การป้องกันปัญหาท่ีจะเกิดข้ึนอีกด้วย การแก้ปัญหาเป็นกระบวนการของความพยายามท่ีบุคคล ของการแกป ญ หา ตงั้ วัตถปุ ระสงค ตดั สนิ ใจ รว่ มกนั พจิ ารณาอยา่ งสขุ มุ รอบคอบ เพอื่ หาวธิ กี ารแกป้ ญั หาอปุ สรรคตา่ งๆ จนทา� ใหก้ ารดา� เนนิ การ เลอื กแนวทางการแกป ญ หาทเ่ี หมาะสมกับ บรรลุเปา้ หมายท่ีตอ้ งการ บรรทัดฐานมากทีส่ ดุ ดาํ เนินการแกป ญหา และประเมนิ ผลการแกป ญ หา) กระบวนการแกป้ ัญหาจะมดี ว้ ยกนั ท้ังหมด ๖ ขน้ั ตอน • เพราะเหตุใดจึงตองมกี ารประเมินผล การแกป ญหา ๑ จ�ำแนกแยกแยะปัญหำหรือเป้ำหมำย เป็นการก�าหนดปัญหาข้ึนมาด้วยการตั้งค�าถาม เพ่ือค้นหาปัญหา (แนวตอบ เพ่อื ใหท ราบถึงสัมฤทธผิ ลทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการดําเนนิ การ อกี ท้งั ยังใชเปน ขอ มูล จากน้นั จะท�าการแบ่งแยกประเภทเพือ่ ทราบถึงความจา� เป็นและความสา� คญั ของปัญหาแต่ละประเภท ในการกาํ หนดแนวทางแกป ญ หาในคร้งั ตอไป) ๒ กำ� หนดทำงเลอื กของกำรแกป้ ญั หำ เปน็ การระบแุ นวทางทเ่ี ปน็ ไปไดท้ ใี่ ชใ้ นการแกป้ ญั หา ซงึ่ สามารถกระทา� ได้โดยจะเริ่มจากการระดมสมองเพ่ือหาแนวทางต่างๆ จากน้ันจะท�าการจัดหมวดหมู่ เพ่ือให้ง่ายต่อการ ๓ เตลั้งอื วกัตแถนุปวรทะาสงงแคก์ ป้ เญัป็นหกาใานรกข�าั้นหตนอดนวตัต่อถๆุปรไปะสงค์ของบรรทัดฐาน1ที่จะใช้ในการแก้ปัญหา โดยมีลักษณะของ บรรทดั ฐานสองลกั ษณะ คือ บรรทดั ฐานส�าคญั ในการแก้ปญั หา และบรรทดั ฐานท่ีตอ้ งการ ๔ ตัดสินใจเลือกแนวทำงกำรแก้ปัญหำที่เหมำะสมกับบรรทัดฐำนมำกที่สุด เป็นการตัดสินใจเลือกแนวทางท่ี เหมาะสมทส่ี ดุ ในการแกป้ ญั หา โดยมคี วามสอดคลอ้ งกบั บรรทดั ฐานทมี่ ี ซงึ่ การเลอื กแนวทางในการแกป้ ญั หา บางครง้ั แนวทางท่ดี อี าจจะไม่ไดร้ บั เลือก เพราะไม่สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ ๕ ดำ� เนนิ กำรแกป้ ญั หำ จะดา� เนนิ การหลงั จากเลอื กแนวทางในการแกป้ ญั หาแลว้ โดยการดา� เนนิ การแกป้ ญั หา จะต้องมกี ารควบคุมใหก้ ารด�าเนินการเปน็ ไปตามแนวทางทีไ่ ดเ้ ลือกข้นึ มา ๖ ป ระเมนิ ผลกำรแกป้ ญั หำ เปน็ การตดิ ตามการดา� เนนิ การทเี่ ลอื กขนึ้ ดว้ ยการประเมนิ ผล โดยการประเมนิ ผล จะชว่ ยใหท้ ราบถงึ สมั ฤทธผิ ลทเี่ กดิ ขน้ึ จากการดา� เนนิ การ นอกจากนย้ี งั ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการกา� หนดแนวทาง แก้ปญั หาในคร้ังตอ่ ไป 182 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET สิ่งใดทคี่ วรนํามาใชรว มกบั ทักษะการคิด ตัดสนิ ใจ และแกป ญหา ครูอาจกาํ หนดสถานการณส มมติขึน้ มา แลวใหน กั เรียนฝก ปฏบิ ตั ิการแกป ญหา 1. ความรอบรู และความกลา หาญ โดยใชก ระบวนการแกป ญหาท้ัง 6 ข้นั ตอน จากน้ันครเู สนอแนะเพมิ่ เตมิ และให 2. ความมั่นคง และความกลา หาญ คําแนะนํากับนักเรียนที่ยงั ไมสามารถแกป ญ หาสถานการณดังกลาวได 3. ความรอบรู และประสบการณช วี ติ 4. ความมุงม่นั และประสบการณช วี ิต นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหคําตอบ บุคคลทจี่ ะมีทักษะการคิด ตดั สนิ ใจ และแกป ญหา ไดดนี นั้ จะตอ งเปน บคุ คลท่ีมีความรอบรเู ก่ยี วกบั เรื่องตางๆ และจะตอง 1 บรรทัดฐาน คอื ตัวกาํ หนดพฤตกิ รรมในชีวิตประจาํ วันของบุคคลในสังคม อาศัยประสบการณชีวติ ทผ่ี า นมาดว ย ซึง่ จะชวยใหส ามารถคดิ ตัดสินใจ ซ่งึ จะเปน ตวั บงชี้วาในสถานการณนนั้ ๆ บคุ คลควรปฏิบัตเิ ชนใดบาง ซึ่งพฤตกิ รรม และแกป ญหาไดอ ยางถูกตองเหมาะสม ตอบขอ 3. จะอยใู นแนวเดยี วกัน คือไมท ําความเดอื ดรอ นแกตนเองและผูอ่นื 182 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เป็นทักษะที่ต้องใช้ควบคู่กัน โดยเป็นการผสมผสาน ใหน กั เรยี นดกู ระบวนการตดั สนิ ใจและแกป ญ หา ระหว่างความคดิ และความรูส้ ึกในการใชเ้ หตผุ ลตดั สนิ ใจ ดังนั้น การทา� ความเข้าใจในกระบวนการ แลว ใหน กั เรียนรว มกันอภปิ รายวา กระบวนการ การตัดสินใจและแกป้ ัญหา จงึ เป็นส่งิ ที่มีความจ�าเป็นอย่างยง่ิ ทัง้ น้เี พื่อเปน็ การลดความเส่ยี งของ ตดั สนิ ใจและแกปญ หาน้นั มขี ้ันตอนอยา งไรบา ง การตดั สนิ ใจทผ่ี ดิ พลาด สามารถตดั สินใจไดท้ ันเวลา และสง่ ผลกระทบต่อบคุ คลต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้อง จากนัน้ ครูอธิบายเพิม่ เติมวา การตดั สนิ ใจและ น้อยท่ีสุด การแกป ญหานัน้ เปนทักษะทีต่ อ งใชค วบคูกัน โดยเปนการผสมผสานระหวางความคิดและ กระบวนกำรตัดสนิ ใจและแก้ปญั หำ ความรูส ึกในการใชเหตุผลตัดสนิ ใจ ดังนน้ั การทําความเขา ใจในกระบวนการตดั สินใจ ก�ำหนดปัญหำ และแกปญหา จึงเปน สงิ่ ที่มคี วามจําเปนอยางย่งิ ทัง้ นี้เพ่ือเปน การลดความเส่ยี งของการตดั สินใจ โดยใชพ้ ืน้ ฐานสังเกตพฤตกิ รรมบุคคล สถานการณ์ ประเด็นท่อี ยใู่ นความสนใจเพ่อื กา� หนดให้ได้ว่า อะไรเปน็ ปญั หา ทผ่ี ิดพลาด สามารถตดั สนิ ใจไดท ันเวลา และ ทแี่ ทจ้ รงิ เชน่ เพอื่ นสนทิ ของนกั เรยี นกา� ลงั ถกู ชกั จงู ใหเ้ ลน่ การพนนั ฟตุ บอล นกั เรยี นตอ้ งการชว่ ยเพอ่ื นเพอ่ื ไมใ่ หเ้ ขา้ ไปเสย่ี ง สงผลกระทบตอ บคุ คลตางๆ ที่เกีย่ วของนอ ยท่สี ุด ต่อสถานการณท์ ่ีเป็นอันตราย เป็นต้น กำรค้นหำสำเหตุของปญั หำ เป็นการพิจารณาหาสาเหตุของปัญหา เช่น นักเรียนคิดว่าการที่เพ่ือนถูกชักจูงให้เล่นการพนันฟุตบอลน้ันอาจจะ เกิดมาจากสาเหตุตา่ งๆ เชน่ ความอยากรู้อยากลอง การถกู ชกั ชวน เป็นต้น และคดิ หาทางเลือกทีม่ ีความเป็นไปได้ ในการแก้ไขปญั หา โดยควรคิดไวห้ ลายๆ ทางเลือก เช่น การเตอื นเพื่อน การบอกให้ครูทราบ เปน็ ตน้ กำรวิเครำะห์ขอ้ ดีข้อเสียรวบรวมขอ้ มลู การวเิ คราะหข์ ้อดี ข้อเสยี ของแต่ละทางเลือก เป็นการประเมินทางเลือกแตล่ ะทางวา่ จะเกิดผลดี ผลเสียอะไรบา้ ง ยากง่ายอยา่ งไร นับเปน็ การรวบรวมข้อมูลซ่งึ เปน็ ประโยชน์ตอ่ การตดั สนิ ใจและการช่วยประเมนิ ดังตารางต่อไปน้ี ทำงเลอื กทีก่ �ำหนดไว้ ข้อดี ขอ้ เสีย ๑. การเตอื นเพอ่ื น เพอื่ นอาจจะไมย่ งุ่ เกยี่ วกบั การพนนั เพ่อื นอาจจะไม่เช่ือและเกิดความ ทุกชนดิ ไมพ่ อใจเราได้ ๒. การบอกใหค้ รูทราบ เพ่อื ทา่ นจะไดห้ าวธิ ีช่วยเหลือได้ เพื่อนอาจถกู ครลู งโทษ หรอื ถกู อยา่ งถูกตอ้ ง พกั การเรียนได้ กำรตดั สินใจเลอื ก จะตอ้ งเปน็ การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทคี่ ดิ วา่ ถกู ตอ้ งเหมาะสมทส่ี ดุ ตามความคดิ ของตนเอง เชน่ การตดั สนิ ใจเลอื ก ทางเลอื กท่ี ๑ คือ การเตือนเพอื่ น เพราะเปน็ ทางเลอื กทไี่ ม่กอ่ ให้เกดิ ความรนุ แรง และยังส่งผลดีตอ่ เพ่ือนอกี ด้วย กำรหำแนวทำงกำรแก้ปญั หำ โดยการนา� วธิ ดี งั กลา่ วไปปฏบิ ตั วิ า่ ไดผ้ ลหรอื ไม่ หากไดผ้ ลกถ็ อื ไดว้ า่ การใชว้ ธิ นี เ้ี ปน็ วธิ กี ารทใี่ หผ้ ลดี ประสบผลสา� เรจ็ แต่ถา้ ไมไ่ ด้ผลก็ตอ้ งหาวธิ ีหรอื หาทางเลอื กใหม่ เช่น นักเรียนลองไปเตือนเพอ่ื น ปรากฏว่าเพ่อื นยอมรบั และไมย่ ุง่ เกย่ี ว กบั การพนันทุกชนดิ นักเรียนจงึ สามารถน�าวธิ นี ้ีไปใช้กบั คนอ่นื ต่อไปได้ 18๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู แนวทางการประเมนิ ตนเองกอ นตัดสนิ ใจทีจ่ ะเลนการพนนั ขอ ใดสาํ คัญทส่ี ุด ครูอาจใหน กั เรียนแบงกลมุ กลุมละ 4 - 5 คน แสดงบทบาทสมมตเิ ก่ยี วกบั 1. คนทวั่ ไปทาํ กันเชน น้ีหรือไม การใชทักษะชีวิตตา งๆ ในการปองกันตนเอง เพื่อตรวจสอบความรูความเขาใจของ 2. จะมผี ลกระทบตอการเรียนหรอื ไม นักเรยี นวา สามารถนาํ ความรูท่ีไดไปประยุกตใชใหเกิดประโยชนไ ดอยางไร โดยครู 3. มีการปองกันไมใ หเ สยี เงินเปน จาํ นวนมากหรอื ไม สามารถตรวจสอบไดจากการแสดงบทบาทสมมติของนักเรยี น ซ่งึ ครูควรแจก 4. พรอ มจะแกปญ หาตอ ผลกระทบท่อี าจจะเกิดขน้ึ ตามมาหรือไม ใบประเมนิ ใหก บั นักเรียนทกุ กลุม เพ่ือทาํ การสรปุ ผล และควรเสนอแนะเพ่ิมเติม วิเคราะหค ําตอบ การประเมินตนเองกอ นตดั สนิ ใจท่จี ะเลน การพนนั ใหกบั นักเรียนในแตละกลุมดวย ควรคาํ นงึ ถึงผลเสยี หรอื ผลกระทบที่จะตามมากอ นเปน ลาํ ดบั แรก เชน สงผล ใหก ารเรียนตกตํ่า เพราะจะทาํ ใหไมม สี มาธิในการเรียน จติ ใจจดจออยูกับ การเลน พนนั และคดิ หาวธิ ีทจ่ี ะหาเงินมาเลนพนนั อยูเ สมอ ตอบขอ 2. ค่มู อื ครู 183

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู้ ใหน ักเรียนรวมกันอภิปรายวา ทักษะการสื่อสาร ๓) ทักษะการสื่อสาร1 เป็นความสามารถในการใช้ภาษาพูดหรือภาษาท่าทาง เพ่ือ ทีด่ ีในการปอ งกันตนเองจากสถานการณเส่ียง ควร ปฏิบตั ิอยา งไรโดยครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา ทักษะการ แสดงออกถงึ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของตนในสถานการณต์ า่ งๆ ทงั้ นเี้ พอ่ื ใหส้ ามารถแกไ้ ขสถานการณไ์ ด้ สอ่ื สารที่ดีในการปองกันตนเองจากสถานการณ อยา่ งเหมาะสม โดยทักษะการสื่อสารท่ดี ีในการหลีกเลย่ี งสถานการณ์คบั ขนั ทอ่ี าจน�าไปสอู่ ันตราย เส่ียงนน้ั ควรใชถอยคําทม่ี ีเหตมุ ีผล ภาษาสุภาพ มีดังนี้ ไมเปน การขูบงั คับ หรอื ขวู า จะบอกคนอนื่ เพราะ ๑. การแสดงความคิดเห็น เป็นการแสดงให้ผู้อ่ืนรู้ว่าเราคิดเห็นอย่างไร และ อาจทําใหเกิดอันตรายตอตนเองได เสนอความคดิ เห็นดว้ ยน�้าเสยี งทห่ี นักแนน่ จรงิ จัง แตน่ ุม่ นวล ไม่เป็นการเสนอความคดิ เห็นดว้ ย ถอ้ ยคา� รุนแรง เชน่ “การเลนพนันเปน ส่ิงผดิ กฎหมาย ทําใหเปน หนี้สนิ เรากลัวเสียอนาคตท่ดี ีไป” ขยายความเขา้ ใจ Expand เป็นตน้ ๒. การขอรอ้ ง เปน็ การขอรอ้ งเพอื่ ใหผ้ ทู้ ช่ี กั จงู เราไปสสู่ ถานการณค์ บั ขนั ทนี่ า� ไปสู่ ใหน ักเรยี นทําใบงานเร่ือง ทกั ษะชีวติ ในการ อันตรายเกิดความเห็นอกเห็นใจเรา ซ่ึงเราควรมีวิธีการขอร้องโดยใช้ค�าพูดที่นุ่มนวล มีเหตุมีผล ปอ งกนั ตนเอง โดยครูกาํ หนดสถานการณต างๆ เพอื่ มิให้ผอู้ ่ืนคดิ ว่าเราเป็นการออกค�าส่งั มากกว่าการขอร้อง เชน่ “เราขอรอ งละ เราไปไมไ ดจ รงิ ๆ มาให แลวใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า จากสถานการณ เพราะเราตอ งไปทาํ ธุระสําคัญกับแม ขอโทษดว ยนะ” เป็นต้น ดงั กลาว นกั เรียนจะสามารถใชท กั ษะชวี ติ ใด ๓. การเจรจาตอ่ รอง เราควรใชถ้ อ้ ยคา� ทม่ี เี หตมุ ผี ล ภาษาสภุ าพ ไมเ่ ปน็ การขบู่ งั คบั เพื่อปองกันตนเองในการหลกี เล่ยี งพฤติกรรมเสย่ี ง หรอื ขูว่ า่ จะบอกคนอนื่ เพราะอาจท�าใหเ้ กดิ อันตรายต่อตัวเองได ้ เชน่ “วนั นน้ั เราไมว างพอดีเลย และสถานการณเ สย่ี งตออนั ตราย ไวโอกาสหนาเราคอยไปดคู อนเสิรตทม่ี ีคนไมเยอะกนั นะ” เป็นต้น ความสามารถในการสอ่ื สารท่ดี ี นบั เปน็ ทกั ษะทด่ี ใี นการหลกี เลีย่ งสถานการณ์คับขนั ท่อี าจนำาไปส่อู นั ตรายได้ 18๔ นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดถอื ไดว า ใชทักษะการส่อื สารเพ่ือหลกี เลยี่ งสถานการณเ ส่ียงไดเปน 1 การสอื่ สาร ยอ มไมร าบรืน่ ทกุ ครง้ั ไป เนือ่ งจากความคิดเห็นของแตละคน อยางดี ยอมไมเหมือนกัน ภาษาทใี่ ชอ าจถูกตคี วามไปอกี แบบหนงึ่ ได ดังน้ันผูสอ่ื สารตอ ง 1. “เราขอรอ งละ อยามายงุ กับเราเลยนะ” มองผูฟง ดว ยทศั นคตเิ ชิงบวก ไมตคี วามดานลบ และไมจ นิ ตนาการไปเองวาผฟู ง 2. “เราไมอยากไปอะ ไปชวนคนอื่นเถอะนะ” รสู ึกอยางไร เพราะมเิ ชนน้ันผูส ื่อสารกจ็ ะใชน า้ํ เสยี ง สหี นา กรยิ า และคําพดู ที่เปน 3. “วนั นีเ้ ราไมวาง ไวโ อกาสหนา เราคอ ยไปนะ” เชิงลบได ซึ่งจะทาํ ใหเกดิ การตอตา นจากผูฟงดวยเชนกัน 4. “เราไปไมไดหรอกนะ การบานยงั ไมเ สร็จเลยเน่ยี ” วิเคราะหคาํ ตอบ การสอื่ สารทีด่ ีเพื่อใหรอดพน จากสถานการณเส่ยี ง มุม IT ควรใชภ าษาถอ ยคาํ ทส่ี ภุ าพ ไมใ ชน า้ํ เสยี งทด่ี ดุ นั และไมท าํ ลายความสมั พนั ธ ทีด่ ีตอ กัน ตอบขอ 3. สามารถศกึ ษาเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับทกั ษะการสอื่ สารจากบทความเรื่อง “ทักษะสาํ คัญของนกั สื่อสารท่ีด”ี ไดจาก www.entraining.net 184 คูม่ ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ เสริมสาระ ใหนกั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เร่อื ง เลือกคบเพือ่ นดี จะไมมพี ฤติกรรมเสี่ยง จากเสรมิ สาระ แลว รวมกนั เลอื กคบเพอ่ื น1ดีจะไมม่ ีพฤตกิ รรมเสีย่ ง วิเคราะหว า เพอื่ นมอี ทิ ธพิ ลตอ นกั เรยี นอยางไร และเพือ่ นทดี่ ีนัน้ ควรมลี กั ษณะอยางไรท่ีจะทําให วัยรุ่นเป็นช่วงวัยท่ีให้ความสำาคัญอย่างมากกับกลุ่มเพื่อน เพ่ือนจึงมีอิทธิพลอย่างสูงต่อพฤติกรรมท่ีแสดงออกมา นักเรยี นไมม พี ฤติกรรมเสยี่ ง โดยครตู ง้ั คําถาม โดยลกั ษณะหนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในการคบเพอื่ น คอื จะเลอื กคบเพอ่ื นทม่ี คี วามชอบความสนใจคลา้ ยคลงึ กนั มลี กั ษณะบางอยา่ ง เช่ือมโยงความรขู องนักเรยี น เหมือนตนเอง สามารถสนองความพงึ พอใจของตนได ้ หรือสามารถไปมาหาส่กู ันได้ง่าย และจะระมดั ระวังไม่ทำาให้เพอื่ น ไม่พอใจ เพราะเกรงวา่ เพือ่ นจะปฏเิ สธไมย่ อมคบหาดว้ ย ดังน้ัน การที่เพื่อนคนหน่ึงซ่งึ มลี กั ษณะเปน็ ผู้นาำ ไปทาำ กจิ กรรม • เพราะเหตใุ ด กลมุ เพอ่ื นจงึ มอี ทิ ธพิ ลตอ วยั รนุ อะไร เพ่ือนคนอนื่ ๆ ในกลุม่ ก็มีแนวโน้มจะทำาตามอย่างดว้ ย มากท่สี ุด ตวั อยา่ งเชน่ ถา้ ในกลมุ่ เพอื่ นมกี ารมว่ั สมุ เลน่ การพนนั ฟตุ บอลหลายคน คนอนื่ ๆ ในกลมุ่ กม็ แี นวโนม้ จะเลน่ การพนนั (แนวตอบ เพราะวยั รนุ มักจะเช่ือเพอื่ น และ ฟุตบอลตามอย่าง ทั้งที่ส่วนลึกในใจของบางคนไม่อยากเล่น แต่ก็กลัวเพ่ือนจะต่อว่า จึงต้องเล่นตาม ดังคำากล่าวที่ว่า ทาํ ทุกอยางเพอ่ื ใหเปน ทยี่ อมรับของ “ตกกระไดพลอยโจน” กลมุ เพ่ือน ดังน้ันหากวัยรนุ รูจักเลือกคบ การเลือกคบเพื่อนดีมีความสำาคัญอย่างมากต่อการกำาหนดพฤติกรรมของวัยรุ่น รวมทั้งต้องรู้จักปฏิบัติตนท่ี เพอื่ นทด่ี ี กย็ อ มทาํ ใหม พี ฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม เหมาะสมต่อเพ่ือนด้วย โดยมีแนวทาง ดังนี้ แตในทางตรงขา มหากคบเพื่อนทีไ่ มด ี กอ็ าจ ๑. เลอื กคบเพ่ือนที่ด ี มีความจรงิ ใจ มีนาำ้ ใจ ไม่เหน็ แก่ตวั คอยใหก้ าำ ลังใจ หมั่นถามไถ่สารทกุ ข์สุกดบิ ทาํ ใหม ีพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมได โดยอาจ ๒. เลือกคบเพอื่ นทม่ี ีความประพฤติดี ไมด่ ่มื เหลา้ ไม่สบู บุหร ่ี ไม่เล่นการพนัน ไมช่ อบเทย่ี วกลางคนื ชักจูงกนั ทาํ ในสงิ่ ทไ่ี มด ี ซึ่งกอใหเ กดิ ผลเสีย ๓. ยอมรับความแตกต่างระหวา่ งบุคคลไม่พยายามไปเปลย่ี นแปลงเพื่อนให้เปน็ หรือให้ชอบเหมอื นอย่างเรา ทั้งตอ ตนเอง ครอบครัวและสงั คม) ๔. ไมเ่ อาเปรยี บเพื่อน ไมค่ ดิ เลก็ คิดน้อยและไมห่ วังผลประโยชนจ์ ากเพ่อื น ๕. รู้จกั ให้อภัย เมอ่ื อยูใ่ กลช้ ิดกัน โอกาสท่ีจะทำาผิดพลาดหรอื ไม่เขา้ ใจกันยอ่ มมีอยู่มาก ดงั นัน้ คนทเ่ี ปน็ เพอ่ื นกนั • เพ่ือนท่ดี ีควรมลี ักษณะอยา งไร จงึ ต้องมนี ำา้ ใจและรจู้ กั ใหอ้ ภยั ตอ่ กัน (แนวตอบ มคี วามรกั และความหวังดตี อ กนั ๖. ชักชวนกันทำาส่ิงที่ดี และต้องห้ามปรามความคิดของเพื่อน หากเพื่อนจะไปมีพฤติกรรมเส่ียง ให้พึงระลึกอยู่ อยา งจริงใจ ไมโ กหก ไมห ลอกลวงซ่ึงกนั เสมอว่า เพ่ือนทด่ี ตี ้องคอยหา้ มปรามมใิ ห้เพ่ือนไปกระทำาสิ่งที่ผิด และกัน ไมชกั ชวนกนั ทาํ ในสิ่งทผ่ี ดิ หรือสิง่ ท่ี แนวทางที่กล่าวมาน้ี หากเราปฏิบัติตามได้ ก็ย่อมจะทำาให้เรามีกลุ่มเพื่อนท่ีดี และจะช่วยให้เราอยู่ห่างไกลจาก ไมเหมาะสม มีนํ้าใจเอือ้ เฟอ เผอื่ แผ พูดจา พฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณเ์ ส่ียงต่ออนั ตรายตา่ งๆ ได้ สภุ าพออ นโยน ไมพ ูดคําหยาบคาย ไมร ังแก เพ่อื น เปน นักเรียนท่ดี ีของโรงเรยี น เปนลกู ทม่ี า : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ที่ดขี องพอแม เปน ตน) วัยรุนเปนวัยแหงความคึกคะนอง ซึ่งการตัดสินใจกระทําเร่ืองบางอยาง อาจเปน พฤติกรรมที่นําตนเองไปสูสถานการณเสี่ยงที่เปนอันตรายตอรางกายและชีวิตไมวาจะเปน พฤตกิ รรมม่ัวสมุ การกอ เหตทุ ะเลาะววิ าท การเขา ไปยังแหลงอบายมุข การแขงขันจกั รยานยนต บนทองถนน การเขาไปอยูรวมในฝูงชน เยาวชนท่ีอยูในชวงวัยรุน จึงตองมีสติย้ังคิด คํานึงถึง เหตผุ ลและความเหมาะสมใหม าก พงึ ระลกึ อยเู สมอวา การตดั สนิ ใจทาํ บางอยา งอาจสง ผลกระทบ ตอ เราและครอบครวั หรอื คนอนื่ ทเี่ ขาไมเ กย่ี วขอ งดว ยไปจนตลอดชวี ติ รวมทงั้ เมอ่ื มใี ครมาชกั ชวน ใหทําในสิ่งที่เปนพฤติกรรมเส่ียงหรือเขาไปอยูในสถานการณเสี่ยง ก็ตองรูจักใชทักษะชีวิต เพือ่ พาตนเองใหพน จากความไมป ลอดภยั นั้นได 18๕ ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอ สอบป ’52 ออกเกี่ยวกับการเลือกคบเพือ่ น ครอู าจใหน กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใหเขียนระบุชือ่ เพ่อื นทคี่ ดิ วา ดีท่สี ดุ สําหรับ ลักษณะใดทบ่ี คุ คลตอ งการคบเปน เพื่อนมากที่สดุ ตนเองมา 1 คน พรอ มทั้งอธบิ ายเหตุผลดว ยวา เหตใุ ดจึงเลือกเพอ่ื นคนดังกลา ว 1. ยมิ้ แยม แจมใส 2. เอื้อเฟอ เผอ่ื แผ นกั เรยี นควรรู 3. เอาใจเขามาใสใ จเรา 4. พดู จาไพเราะ 1 เลือกคบเพือ่ น ในทางพระพุทธศาสนาไดส อนหลักธรรมในการคบเพ่ือนไว วิเคราะหคาํ ตอบ ทุกขอ ที่กลา วมาเปนลกั ษณะของการคบเพอื่ นท่ดี ี แต ไดแ ก มติ รแท 4 และมติ รเทยี ม 4 สงิ่ ทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ ในการสรา งมติ รภาพท่ดี ีตอ กัน คือ การเอาใจเขามาใสใ จเรา มติ รแท หมายถึง มติ รท่ีรว มทุกขร วมสุขและพ่งึ พาอาศยั กันในยามคับขนั เปน เพราะจะทาํ ใหเรารูจ ักคดิ ถึงใจคนอื่น เหน็ ใจคนอน่ื และคดิ เปรียบเทียบดวู า มิตรดวยใจจรงิ มี 4 ประเภท คือ มติ รอปุ การะ มิตรรว มสขุ รวมทกุ ข มติ รแนะนาํ ถาเราเปนเขา เราจะรูส กึ อยา งไรถา มคี นมาปฏบิ ตั ิหรอื พูดกับเราในแบบที่เรา ประโยชน และมติ รมนี ้ําใจ กําลงั จะทาํ หรือพดู ออกไป ตอบขอ 3. มิตรเทียม หมายถึง ศตั รผู ูมาในรา งของมติ ร ไมควรคบ ควรหนใี หห างไกล มี 4 ประเภท คือ มติ รปอกลอก มิตรดแี ตพ ดู มติ รหวั ประจบ และมติ รชวนไป ในทางท่เี สื่อม คูม่ ือครู 185

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสรา งสรรคพฒั นาการเรยี นรู คา� ถาม ประจา� หน่วยการเรยี นรู้ กจิ กรรมที่ 1 และกิจกรรมท่ี 2 ๑. นักเรียนรู้สึกอย่างไรบ้างหากเพื่อนของนักเรียนชักชวนให้นักเรียนไปอยู่ในสถานการณ์เส่ียงต่างๆ 2. การสรปุ ผังความคิดเรอ่ื ง แนวทางการหลกี เลย่ี ง ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตราย พฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณเ สยี่ งตออนั ตราย ๒. หากนักเรยี นคบเพอื่ นท่มี ีพฤติกรรมเสยี่ ง เชน่ ชอบเล่นการพนนั ม่วั สุมเล่นเกมคอมพวิ เตอร ์ เปน็ ตน้ 3. การทําใบงานเร่อื ง ทักษะชวี ิตในการปอ งกนั นกั เรยี นจะใชท้ กั ษะชวี ติ ในการปอ้ งกนั ตนเองอยา่ งไรเพอ่ื ใหต้ นเองรอดพน้ จากพฤตกิ รรมเสยี่ งเหลา่ นนั้ ตนเอง โดยท่นี ักเรียนยงั คงความสมั พันธท์ ีด่ กี บั เพอื่ น หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๓. นักเรียนเคยพบเห็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์บนท้องถนนกับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในสนาม ที่จัดไวใ้ ห้หรือไม ่ นกั เรียนคิดวา่ มคี วามเหมอื นหรอื แตกตา่ งกันหรือไม่ ในเรื่องใด 1. ผังความคดิ เร่อื ง แนวทางการหลีกเลีย่ ง พฤตกิ รรมเสีย่ งและสถานการณเ สย่ี งตออันตราย ๔. “ไปเทย่ี วสถานบันเทิงกันไหมคนื น้”ี จากขอ้ ความดังกล่าว นักเรียนจะมีวิธีการหลกี เล่ียงสถานการณ์ นั้นอย่างไร 2. ใบงานเร่ือง ทักษะชีวติ ในการปอ งกันตนเอง ๕. น้องของนักเรียนมาปรึกษากับนักเรียนว่าถูกเพ่ือนชักชวนให้ไปชมคอนเสิร์ตที่มีผู้คนเป็นจ�านวนมาก ในฐานะที่นักเรียนเป็นพ่ีและมีความรู้ความเข้าใจในการหลีกเล่ียงสถานการณ์เสี่ยงมาพอสมควร นกั เรยี นจะให้คา� แนะนา� และการปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมแกน่ ้องไดอ้ ย่างไรบ้าง กิจกรรม สร้างสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ นกั เรยี นแตล่ ะคนหาภาพหรอื ขา่ ว เกย่ี วกบั การมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งของวยั รนุ่ คนละ ๑๒ ชนิ้ กจิ กรรมท ี่ ๒ จากหนังสือพมิ พร์ ายวัน นิตยสาร เวบ็ ไซต ์ น�าไปตดิ ลงบนกระดาษ พรอ้ มทั้งเขียน แสดงความคิดเหน็ ด้วยว่า ภาพหรือขา่ วน้ันสะท้อนหรอื ให้แง่คิดอะไรบ้าง กจิ กรรมท่ ี ๓ เชิญบุคคล ๒-๓ ท่าน ท่ีในอดีตเคยมีพฤติกรรมเส่ียงในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งต่อไปน ้ี การมว่ั สมุ การทะเลาะวิวาท ชอบไปเทยี่ วในแหลง่ อบายมขุ การแขง่ รถจักรยานยนต์ บนทอ้ งถนน และปจั จบุ นั ไดเ้ ลกิ พฤตกิ รรมเสย่ี งนนั้ แลว้ มาเลา่ ประสบการณ์ใหน้ กั เรยี น ฟงั โดยเนน้ ถึงผลกระทบท่ีได้รับจากการมีพฤติกรรมเสี่ยงและสาเหตุทตี่ ้องเลกิ นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั การใชท้ กั ษะชวี ติ ในการปอ้ งกนั ตนเองและหลกี เลย่ี ง สถานการณ์คับขันที่อาจน�าไปสู่อันตราย โดยเน้นการใช้ทักษะปฏิเสธและทักษะ การตอ่ รอง ทง้ั นอ้ี าจกา� หนดสถานการณส์ มมต ิ ๒-๓ กรณ ี แลว้ ใหน้ กั เรยี นออกมาแสดง ทหี่ นา้ ชัน้ 186 แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. ข้นึ อยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดยสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอ ยางอสิ ระ 2. ขน้ึ อยูก บั คําตอบของนักเรยี น โดยอาจตอบวา ใชท ักษะการปฏเิ สธและการตอ รอง ทกั ษะการคิด ตดั สนิ ใจและแกปญ หา และทักษะการส่อื สารโดยการใชทกั ษะเหลานี้ จะตอ งใชเหตุผลและความรอบคอบเขา มามสี วนชว ยกจ็ ะชว ยใหส ามารถหลีกเลยี่ งพฤติกรรมเสี่ยงและสถานการณเสี่ยงตางๆ ได 3. มคี วามแตกตางกันในเร่ืองของความปลอดภยั โดยการแขง ขนั รถจักรยานยนตบ นทองถนนน้นั มักจะแขงขันกนั บนถนนทผี่ คู นใชส ัญจรไปมา หรือถนนบนทางหลวง ซึ่งกอ ใหเกดิ อันตรายตอ ผูขับข่แี ละผูใชรถใชถนนทั่วไป สาํ หรับการแขง ขันรถจักรยานยนตใ นสนามนน้ั จะแขง ขันกันในสนามที่จดั ไวใ ห ซง่ึ จะมคี วามปลอดภัยตอ ผขู ับขี่ และผูใชร ถใชถนนท่วั ไป เพราะมีการจดั สนามแขงขันไวโดยเฉพาะ 4. อาจใชทักษะปฏิเสธไปวา “เราไปไมไ ดจรงิ ๆ พอดีตอ งไปธรุ ะกบั แม ขอโทษนะ” โดยจะตอ งใชค ําพูดท่ีนมุ นวล และทา ทางท่ีจริงจงั แตย ังคงความสัมพนั ธท ด่ี ตี อกนั ไว 5. อธบิ ายใหนองฟง วา การไปชมคอนเสริ ต ทมี่ ผี คู นเปน จาํ นวนมากนั้น อาจกอ ใหเกดิ อนั ตรายได เชน ถกู เหยียบ ขาดอากาศหายใจ เปนลมหมดสติ เปน ตน เพ่ือใหน อง เกิดความตระหนกั และไมไปยุงเกยี่ ว นอกจากนี้อาจใหนอ งรจู กั ใชท ักษะปฏเิ สธเพือ่ ใหรอดพน จากการถกู ชกั จงู จากเพ่อื นได 186 คู่มือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ำรวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ºÃóҹءÃÁ กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๕๑. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : [ม.ป.ท.]. กระทรวงสาธารณสขุ . กองควบคมุ เครอ่ื งมอื แพทย.์ สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. ๒๕๕๑. ความเส่ยี งและข้อควรคํานงึ เก่ยี วกับการใชค้ อนแทคเลนส. กรุงเทพมหานคร. ขวัญข้าว เผา่ ไท. ๒๕๕๒. สขุ ภาพดีสรา้ งได.้ กรงุ เทพมหานคร : ณ ดา สา� นกั พิมพ์. โควยี ,์ ฌอน. ๒๕๕๑. คมู่ อื ๗ อปุ นสิ ยั ใหว้ ยั รนุ่ เปน เลศิ . แปลโดย ฐปนยี ์ มนะเวส. กรงุ เทพมหานคร : อนิ สปายร.์ นวลศิริ เปาโรหิต. ๒๕๔๘. จิตวิทยาท่ัวไป : การปรับตัว. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย รามค�าแหง. บราวน,์ โจเซฟ อาร.์ ๒๕๔๙. สารานกุ รมชดุ ร่างกายของเรา : การรักษาดุลยภาพของรา่ งกาย. แปลโดย ประภาเพ็ญ สุวรรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์. . ๒๕๔๙. สารานุกรมชุดร่างกายของเรา : สมองและระบบประสาท. แปลโดย ประภาเพญ็ สวุ รรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจริญทศั น.์ . ๒๕๔๙. สารานกุ รมชดุ รา่ งกายของเรา : หวั ใจและโลหติ . แปลโดย ประภาเพญ็ สวุ รรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจริญทศั น์. พชิ ิต ภูติจันทร.์ ๒๕๔๗. วทิ ยาศาสตรการกีฬา. กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. มนัส ยอดค�า. ๒๕๔๘. สขุ ภาพกับการออกกําลังกาย. กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์. วทิ ติ วัณนาวิบูล และวทิ วัส วัณนาวิบลู . ๒๕๔๘. ปรชั ญาแนวคิดพืน้ ฐานการแพทยตะวันออก- ตะวันตก. กรงุ เทพมหานคร : หมอชาวบา้ น. สา� นักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. ๒๕๕๑. ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กล่มุ สาระ การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย. สมพร ขจรวุฒิเดช. ๒๕๕๑. เลนสส ัมผัสและแนวทางการควบคมุ . กรงุ เทพมหานคร. 18๗ คู่มอื ครู 187

กระตุ้นความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สวัสดิ์ ประทุมราช และจรรจา สุวรรณทัต. ๒๕๕๒. การเสริมสร้างและป้องกันวัยรุ่นจาก ความเส่ียง. กรุงเทพมหานคร : ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนาระบบพฤติกรรมไทย. ภารกจิ สรา้ ง เศรษฐกิจและสนั ตสิ ขุ สา� นกั งานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ. อดิลล่า พงศ์ย่ีหล้า. ๒๕๕๒. แนวทางในการป้องกันและแก้ปัญหาการติดเกมของเยาวชนไทย รวมท้ังการประเมนิ ต้นทนุ และคา่ ใชจ้ ่ายในการเลน่ เกม. กรุงเทพมหานคร : สา� นักงาน คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. Neidhardt, E.J. et al. 1984. General Health and Well-Being. Vancouver Western Centre Group. Patricia, Macnair. 2004. Life Story. London : Kingfisher Publication Plc. Seaward, Brian Luke. 2009. Managing stress: principles and strategies for health and well-being. 2thedition. Sudbury : Jones and Bartlett Publishers. Spencer, John W. 2003. Complementary and alternative medicine : an evidence-based approach. 2thedition. St. Louis : Mosby. Steve, Parker. 2005. The Human Body. London : Carlton Bopoks Limited. Victoria Clarke, et al. 2010. Lesbian, gay, bisexual, trans and queer psychology : an introduction. Cambridge : Cambridge University Press. 188 188 คู่มือครู

สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คู่มือครู บร. สุขศึกษา ม.2 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 8 5 8 6 4 9 1 32 25704 2.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook