48 ตวั อยา่ ง ส่วนประกอบของการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการท่วั ไป ในการเขยี นหรือพมิ พ์รายงานเชิงวิชาการทัว่ ไปแตล่ ะโรงเรยี นจะกาหนดให้เขียนในรปู แบบเดียวกนั ท้ังนี้เพ่ือความ เป็นระเบยี บและสะดวกในการประเมนิ ผล ส่วนประกอบของรายงานการค้นคว้าทั่วไปแบ่งได้ 3 ส่วน คือ ส่วนประกอบ ตอนต้น ส่วนเน้ือเร่ือง และส่วนประกอบตอนท้าย ดังน้ี ส่วนประกอบตอนต้น เปน็ สว่ นประกอบทีอ่ ย่ตู อนตน้ เล่มของรายงานก่อนถงึ เนือ้ เรอ่ื ง ประกอบด้วยสว่ นตา่ งๆ ดงั นี้ 1.ปกนอก คอื สว่ นท่ีเปน็ ปกหุม้ รายงานประกอบด้วยปกหน้า สัน และปกหลัง ควรเป็นกระดาษแข็งพอ สมควร สสี นั เหมาะสมกับเนื้อหา หรืออาจใชป้ กของแตล่ ะโรงเรียนซ่ึงได้จัดทาสาเรจ็ ไวแ้ ลว้ กไ็ ด้ อาจมภี าพหรอื ไมก่ ไ็ ดถ้ ้ามภี าพควร ใหส้ อดคล้องกับเนือ้ เรอื่ ง การจัดวางรูปแบบควรจัดให้สวยงามเหมาะสม ปัจจุบนั การพมิ พ์ด้วยคอมพวิ เตอร์ ทาให้สามารถ ออกแบบปกใหส้ วยงามได้อยา่ งสะดวกง่ายดาย ขอ้ ความทป่ี รากฏบนปกนอก ประกอบดว้ ย 1.1 ชือ่ เรื่อง อยู่ห่างจากขอบบนของหนา้ กระดาษลงมาประมาณ 1.5-2 นวิ้ และควรกะให้อยู่ก่ึงกลางพอดี (ไม่มี คาว่ารายงานเรื่อง) 1.2 ชือ่ ผู้เขียน ใหอ้ ยตู่ รงส่วนกลางของหน้ากระดาษ เขียนหรือพิมพ์ช่อื และนามสกลุ ของผู้เขียนรายงาน ในกรณี ทรี่ ายงานนนั้ มผี ู้เขยี นหลายคนให้ใสช่ ือ่ ทุกคนโดยจดั เรยี งตามลาดบั ตวั อกั ษร 1.3 สว่ นล่างของหน้าปก ประกอบดว้ ยขอ้ ความตามลาดบั ดงั นี้ 13.1 ชื่อของรายวิชาทก่ี าหนดให้เขยี นรายงาน 13.2 ชื่อของกลมุ่ สาระ 13.3 ช่อื ของโรงเรยี น 13.4 ภาคการศึกษา ปกี ารศึกษาทที่ ารายงาน บรรทัดลา่ งสุดของสว่ นล่างปกควรห่างจากขอบล่าง 1.5 –2 นิ้ว อาจแตกต่างกันบ้าง ในรายละเอียด ตามท่ีโรงเรียนกาหนด 2.หน้าปกใน อยู่ต่อจากปกนอกและมีข้อความเช่นเดียวกับปกนอกชื่อเร่ืองของรายงานพิมพ์อยู่ตรง ก่งึ กลางของหน้ากระดาษ โดยให้หา่ งจากขอบบนประมาณ 2 น้วิ และหา่ งจากขอบกระดาษซา้ ยและขวาเท่าๆ กัน ถ้าชอ่ื เร่ืองยาวแบง่ เปน็ สอง-สามบรรทัดตามความเหมาะสม ชื่อผู้เขียนรายงานโดยท่วั ไปเขยี นเฉพาะช่ือและนามสกลุ ไม่ตอ้ งเขียนคานาหน้านามเชน่ นาย นาง นางสาว ยกเวน้ ในกรณที ผ่ี เู้ ขียนมยี ศหรอื บรรดาศักด์ิ เชน่ ม.ร.ว ม.ล. หรอื ร.ต.ท. ฯลฯให้ใส่ไวด้ ว้ ยใตช้ อื่ ผูเ้ ขียนควรใสเ่ ลข ประจาตัวนักเรียนด้วย เวน้ ระยะจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเทา่ ๆ กัน และอย่หู ่างจากข้อความส่วนบนและ สว่ นล่างของหนา้ กระดาษเปน็ ระยะพอๆ กนั ในกรณีท่ีมผี ูเ้ ขยี นหลายคนใหเ้ ขียนชอื่ ทุกคนเรยี งตามลาดบั อักษร และใสเ่ ลขประจาตวั ไว้ต่อจากชอื่ ในบรรทัดเดยี วกนั ส่วนข้อความท่ีระบุว่าเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าประกอบรายวิชาใด โรงเรียนใด ภาคเรียนและปี การศึกษาใด จดั พิมพ์ไว้ส่วนท้ายของหน้ากระดาษโดยใหบ้ รรทัดสุดทา้ ยอยู่ห่างจากขอบลา่ งประมาณ 1 นิว้ 3.คานา คอื สว่ นทก่ี ลา่ วถึงวัตถุประสงค์ของรายงานเร่ืองนนั้ รวมทัง้ ความสาคญั และขอบเขตของเน้ือหา นอกจากนนั้ ยังอาจกล่าวขอบคุณผู้มีส่วนช่วยเหลือในการจัดทาจนสาเร็จด้วยดี คานาอาจมีเพียงย่อหน้า เดยี ว สอง หรอื สามย่อหน้ากไ็ ดข้ นึ้ อย่กู ับความเหมาะสมของเน้ือหา คานาไม่ควรเขียนยาวเกินไป ให้พิมพ์ คาว่า “คานา” ไว้กลางหน้ากระดาษไม่ขีดเส้นใต้ห่างจากขอบบน 2 น้ิว แล้วพิมพ์ข้อความในบรรทัดถัดลงมา เม่ือจบ ข้อความ
49 แลว้ ใหล้ งชอื่ นามสกุลของผเู้ ขยี น ถา้ ทางานเปน็ กล่มุ ใหล้ งคาว่า “คณะผู้จัดทา” และลงวันที่ เดือน (เขียนเต็มไม่ เขยี นยอ่ ) ปี (ไมต่ ้องมี พ.ศ.) กากบั ไว้ดว้ ย 4.สารบัญ (Table of Contents) ให้เขียนหรือพิมพ์คาว่า “สารบัญ” ด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ไว้กลาง หน้ากระดาษห่างจากขอบบนลงมา 2 นิ้ว มีลักษณะคล้ายโครงเร่ืองอยู่หลังคานา จัดทาเม่ือเขียนหรือพิมพ์ รายงานเสรจ็ แลว้ เปน็ หน้าที่บอก ชอ่ื ตอน บท หัวขอ้ ใหญ่หรอื หัวขอ้ ยอ่ ยเรียงตามลาดับเนื้อหาในเล่ม มีเลขหน้า เร่ิมต้นกากบั อยู่ดา้ นขวามอื พมิ พห์ า่ งขอบประมาณ 1 นวิ้ ขอ้ ความในหน้าสารบัญให้เขียนหรือพิมพ์ห่างจากขอบ ซา้ ยของหน้ากระดาษ 1.5 นิ้ว 5.สารบัญตารางหรือบญั ชตี าราง (List of Tables) จดั ทาเมอ่ื งานเขียนนัน้ มตี ารางจานวนมากและตาราง เป็นสว่ นประกอบทสี่ าคญั ของเนื้อหา (ถ้างานเขยี นนน้ั ทั้งเลม่ มตี ารางเพยี งหน่งึ หรือสองตารางก็ไม่จา เป็นต้องทา หน้าสารบัญตาราง) เรียงไว้ต่อจากหน้าสารบัญเปน็ หนา้ ทแี่ สดงให้ทราบถึงจานวนตารางท้ังหมดในเนื้อเรื่องเรียง ตามลาดบั ที่ปรากฏในรายงานซึง่ จะชว่ ยให้ผอู้ า่ นค้นหาได้สะดวก จดั หนา้ ลักษณะเดียวกับสารบญั โดยพมิ พ์ไว้กลาง หน้ากระดาษห่างจากขอบบนลงมา 2 นวิ้ พิมพค์ าวา่ “บญั ชตี าราง”หรอื “สารบัญตาราง”และเปล่ียนคาว่า “บท ที่”เปน็ “ตารางท่ี” 6.สารบัญภาพประกอบหรอื บญั ชภี าพประกอบ (List of Illustrations) อยตู่ ่อจากหนา้ บญั ชตี าราง (ถา้ มี) เป็นหน้าท่ีบอกให้ทราบถึงจานวนภาพประกอบ แผนผัง แผนท่ี กราฟ แผนภาพทางสถิติต่างๆ หรือแผนภูมิ ทั้งหมดในเรอื่ งไปจนถงึ ภาคผนวก พิมพ์คาว่า “บญั ชภี าพประกอบ”“สารบญั ภาพ” “สารบัญแผนภูมิ”และเปลี่ยน คาว่า “บทที่”เป็น “ภาพที่” การกากับหนา้ ในสว่ นประกอบตอนต้นนั้นให้เร่มิ นบั ต้งั แต่หน้าปกในเป็นต้นไปโดยใช้ ตัวอักษรกากบั งานเขยี นภาษาไทยใช้ ก ข ค... และงานเขียนภาษาอังกฤษใชเ้ ลขโรมนั I II III...เรยี งไปตามลาดับ สว่ นประกอบตอนกลางหรอื สว่ นเนื้อหา (Text) เปน็ สว่ นทเ่ี ป็นเนื้อหาโดยละเอยี ดซึง่ ผู้เขียนรายงานได้ เรยี บเรยี งขนึ้ จากการศกึ ษาคน้ ควา้ จงึ ถือว่าเปน็ สว่ นสาคญั ทสี่ ดุ ของงานเขยี นทางวชิ าการทุกประเภท ประกอบด้วย 1.บทนา (Introduction) เปน็ สงิ่ แรกท่ีจะทาใหผ้ ู้อา่ นไดส้ มั ผสั กบั ความคดิ และกลวิธกี ารเขยี นของผเู้ ขยี น มี ส่วนอยา่ งสาคัญในการจุดประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอ่านต่อไป ถ้าบทนาไม่น่า สนใจ สับสน หรือคลุมเครือผูอ้ ่านจะไม่รู้สกึ อยากอา่ นดงั น้นั บทนาจงึ ตอ้ งชดั แจ้ง น่าอ่าน และกระต้นุ ความสนใจของผู้อ่านตั้งแต่ แรก เริม่ ของการเขยี นรายงาน บทนาอาจมเี พียงย่อหนา้ เดียวหรอื ทัง้ บทกไ็ ด้ โดยท่ัวไปแล้วความยาวของรายงาน การ ศกึ ษาค้นคว้ามผี ลต่อความยาวของบทนา รายงานฉบับเลก็ ๆ อาจจะมีความนา ทีเ่ รียบเรยี งอย่างน่าอ่านเพียง หน่ึงยอ่ หน้าทเ่ี รียกวา่ ยอ่ หน้านา สาหรับบทนาท่ีแยกเป็นบทจะจัดอยู่ในบทท่ี 1 โดยเขียนแบบเดียวกับบทอื่นๆ คอื กลางหนา้ กระดาษ บรรทัดแรกเขียน “บทท่ี1” และบรรทัดถัดลงมาใช้ชื่อบทว่า “บทนา” หรืออาจใช้ชื่อบท เปน็ อย่างอน่ื ตามความเหมาะสม ในกรณีท่ีเขียนบทนาอย่างสั้นแต่เน้ือหาอื่นๆ แบ่งเป็นบทอาจใช้หัวข้อว่า “บท นา” หรือ “ความนา” โดยไม่ต้องมคี าวา่ บทที่เนอ้ื ความท่ีเรียบเรียงลงในบทนา เป็นการปูพื้นให้ผู้อ่านเข้าใจความ เป็นมาของเร่อื ง ความมงุ่ หมายและขอบเขตของเรอ่ื งหรือสภาพปัญหาที่ต้องการนาเสนอ หรอื ความบนั ดาลใจของ เรื่องทั้งนี้เพ่ือเป็นการนาผู้อา่ นเข้าสู่เนื้อเรอ่ื งให้ผู้อา่ นมองเหน็ ภาพรวมของเน้ือเร่อื งทั้งหมด 2.ส่วนเนอื้ หา (Body of Paper) เป็นสว่ นทเ่ี สนอเรื่องราวสาระทั้งหมดของรายงานการคน้ ควา้ การ นาเสนอเน้อื หาอาจแบง่ เปน็ บทหรือเปน็ ตอนเพ่ือใหผ้ ู้อ่านไดเ้ หน็ ประเดน็ สาคัญของเนอื้ หาตามลาดบั และต่อ เนอ่ื งกนั ส่วนการจะแบ่งเปน็ บทหรอื เปน็ ตอน หรอื เป็นหวั ข้ออยา่ งไรและมจี านวนมากนอ้ ยเทา่ ใดน้ันขน้ึ อยกู่ ับ
50 ลกั ษณะ ขอบเขต และความสัน้ ยาวของเน้อื เรอื่ งถา้ เป็นรายงานการค้นควา้ ขนาดสน้ั ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งแบง่ เปน็ บทหรือ ตอนกไ็ ด้เพียงแตแ่ บง่ ตามหัวขอ้ สาคญั ๆ ของเน้อื เรือ่ งใหเ้ หมาะสม 3. บทสรุปหรอื สรปุ (Conclusion) คือส่วนทเ่ี ขยี นย้าหรือเน้นประเด็นสาคัญของเนื้อหาหรือสรุปผลของ การศึกษาค้นควา้ เชน่ เดยี วกับทีบ่ ทนาเป็นความสาคัญขน้ั แรกในการชักจูงใหผ้ ู้อา่ นสนใจติดตามเนอ้ื เร่อื ง บทสรปุ กม็ บี ทบาทสาคัญในการทาใหผ้ ู้อ่านจบั ประเดน็ ของเนื้อเรอื่ งทไ่ี ด้อา่ นไปทง้ั หมด บทสรปุ จะอยู่ตอนท้ายของ เน้อื เรื่อง อาจแยกเป็นบทตากหากหรอื เปน็ เพยี งยอ่ หนา้ ท้ายๆ ของเรอ่ื ง ส่วนประกอบตอนท้าย (back matter หรือ reference matter) เป็นส่วนท่ีอยู่ถัดจากเน้ือเรื่อง ประกอบดว้ ย 1.หน้าบอกตอน (Half Title Page) คือหน้าที่พิมพ์ข้อความไว้กลางหน้ากระดาษเพื่อบอกว่าส่วนท่ีอยู่ ถัดไปคอื อะไร สว่ นใหญ่แลว้ หนา้ นจ้ี ะปรากฏในสว่ นประกอบตอนทา้ ยของรายงานการค้นคว้า เช่น หน้าบอกตอน “บรรณานกุ รม” หนา้ บอกตอน “ภาคผนวก” และหน้าบอกตอน “ดรรชนี” ในหนังสอื เล่มน้ี 2. บรรณานกุ รมหรอื เอกสารอา้ งอิง (Bibliography หรือ References) เปน็ รายชอื่ ทรพั ยากรสาร สนเทศ ท้ังหมดท่ีใช้ประกอบการค้นคว้า รายการแหล่งสืบค้นอ้างอิงทุกชิ้นท่ีปรากฏอยู่ในเนื้อหาต้องมาปรากฏอยู่ใน บรรณานุกรมดว้ ย แตอ่ าจมีบางรายการทีม่ ีอย่ใู นบรรณานุกรมแตไ่ ม่ปรากฏในการอ้างอิงเพราะผู้เขียนเพียงแต่ได้ แนวคิดมาจากแหลง่ สืบคน้ น้นั แต่ถ้าใช้คาว่าเอกสารอ้างอิง รายการที่อยู่ในเนื้อหาและในรายการเอกสารอ้างอิง ต้องมีตรงกันทุกรายการ การเขยี นบรรณานุกรม หรอื เอกสารอ้างอิงตอ้ งเขียนใหถ้ ูกตอ้ งตามแบบแผน 3. ภาคผนวก (Appendix) คือส่วนที่นามาเพ่ิมไว้ตอนท้ายของรายการเพราะไม่ใช่เนื้อหาที่แท้จริงหรือ ไมไ่ ดเ้ ป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเร่อื ง แต่เห็นว่ามปี ระโยชนเ์ พ่ือเพมิ่ ความสมบูรณ์ของเนื้อเรอื่ งหรือชว่ ยใหผ้ ู้อา่ นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองราวได้ดีข้ึน แต่ท้ังนี้รายการการค้นคว้าไม่จาเป็นต้องมีภาคผนวกเสมอไปข้ึนอยู่กับความจาเป็น และความเหมาะสมของแตล่ ะเรอ่ื ง 4. ดรรชนี หรอื ดัชนี (Index) คือบัญชีรายช่ือ หรอื คาสาคัญหรือหัวข้อในเน้ือเร่ืองท่ีนามาจัดเรียงไว้ตาม ลาดับอกั ษรพรอ้ มท้งั แจง้ เลขหนา้ ท่ปี รากฏ ดรรชนเี ปน็ เครื่องมือช่วยใหค้ ้นเรอ่ื งได้อย่างสะดวกรวดเรว็
51 ใบกจิ กรรม การสอ่ื สารและการนาเสนออย่างมปี ระสิทธภิ าพ (IS2) กิจกรรมที่ 3 นาเสนอผลการศกึ ษาความรู้ ช่อื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที่...........หอ้ ง........... 3.การนาเสนอผลการศกึ ษา(การสอ่ื สารและการนาเสนอในรปู แบบต่าง ๆ ) บันทกึ การเลือกรปู แบบการนาเสนอ ระดับคุณภาพ รูปแบบการนาเสนอ ดีเยี่ยม-4 รปู แบบการนาเสนอ .........1.เอกสารรายงานเชิงวชิ าการ 1.รายงานเชิงวชิ าการ .........2.นิทรรศการ(ภาพถ่าย ศลิ ปะ ส่งิ ประดิษฐ์ ฯลฯ) 2.สื่อ ICT .........3.การอภิปราย สมั มนา 3.สือ่ อืน่ ๆอกี 2 ชนิด .........4.โต้วาที .........5.คลิป หรอื ภาพยนตรส์ น้ั ดี-3 รปู แบบการนาเสนอ .........6. เพาเวอร์พอยท์ 1.รายงานเชิงวชิ าการ .........7. โปสเตอร์ 2.สื่อ ICT .........8. คลนิ กิ ความรู้ 3.สื่ออนื่ ๆอกี 1 ชนดิ .........9. แผ่นพบั (Brochure) .........10.สมดุ เลม่ เล็ก พอใช-้ 2 รปู แบบการนาเสนอ .........11.หนังสอื พิมพก์ าแพง 1.รายงานเชงิ วชิ าการ .........12. บทประพนั ธ์(โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ฯลฯ) 2.สือ่ ICT .........13. ภาพวาดศลิ ปะ .........14. บทความทางวชิ าการ ปรับปรงุ รูปแบบการนาเสนอ .........15. ละคร 1 รายงานเชงิ วิชาการ .........16. บทบาทสมมติ .........17 อื่น ๆ (ระบุ)................................................. ผลการประเมิน .................4 ..................3 ................2 ..............1 บันทึกข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครู /ครทู ี่ปรกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................... .......................................................................................................................................... ...................................... ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ............................. .................................................................................................................................................. .............................. ลงชือ่ ........................................................ (.........................................................) หมายเหตุ แนบช้ินงานท่ีเป็นภาพถ่ายหรอื เอกสารประกอบ
52 บันทกึ รอ่ งรอยการปฏิบตั กิ ิจกรรมของนักเรยี น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
53 ใบกจิ กรรม การส่อื สารและการนาเสนออยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ (IS2) กจิ กรรมที่ 4 การนาเสนอความรู้ผ่านช่องทางสื่ออเิ ลคทรอนกิ ส์ ชือ่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท.ี่ ..........ห้อง........... 4.การนาเสนอผลการศึกษาผ่านสอ่ื อเิ ลคทรอนิคส์ บันทึกการเขยี นโครงร่าง ระดบั คุณภาพ ชอ่ งทางการเผยแพร่ผ่านส่อื อเิ ลคทรอนิกส์ ดเี ยี่ยม-4 ช่องทางการเผยแพร่ .........1. you tube มากกวา่ 2 ชอ่ งทาง .........2. tweeter ดี-3 ชอ่ งทางการเผยแพร่ .........3. face book 2 ชอ่ งทาง .........4. Line พอใช-้ 2 ช่องทางการเผยแพร่ .........5. Skype 1 ชอ่ งทาง .........6. Bloge ปรับปรงุ 1 ช่องทางการเผยแพร่ .........7. Edmodo ไม่มกี ารเผยแพร่ .........8. Website (ส่วนตัว, โรงเรียน,สพม.,สพฐ.,สมป ฯลฯ) ผลงานสสู่ าธารณะ .........9. วารสารอิเลก็ ทรอนกิ สข์ องโรงเรียน .........10. อน่ื ๆ (ระบ)ุ ................................................. ผลการประเมิน .................4 ..................3 ................2 ..............1 บันทึกข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ี่ปรกึ ษา ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................ (.........................................................) หมายเหตุ แนบภาพชอ่ งทางการเผยแพร่ประกอบการประเมิน
54 บันทกึ รอ่ งรอยการปฏิบตั กิ ิจกรรมของนกั เรยี น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
55 ใบกิจกรรม การนาความรู้ไปใช้บรกิ ารสงั คม (IS3) กิจกรรมท่ี 1 การนาความร้ไู ปใช้บรกิ ารสังคม ชอื่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที.่ ..........หอ้ ง........... นาความรไู้ ปประยกุ ต์สร้างสรรคป์ ระโยชน์ตอ่ โรงเรยี นและชุมชน บันทกึ กจิ กรรม/โครงการ/โครงงาน ระดับคุณภาพ 1. ช่ือกจิ กรรม/โครงการ/โครงงาน.................................................................. ดีเยย่ี ม กจิ กรรม เปน็ ประโยชนต์ อ่ 2. ลกั ษณะกจิ กรรม ........... งานเดยี่ ว ...............งานกลมุ่ 4 1.ความคดิ สร้างสรรค์ 3. รูปแบบการนาเสนอ....................................... 2.โรงเรยี น 4. รปู แบบกิจกรรม .........สร้างสรรค์ ..........ปฏบิ ตั ิ. ...........บริการ 3.ชุมชน 5. วัตถุประสงค์ (ความคาดหวงั จากความสาเรจ็ ) 4.มมี ากกวา่ 2 รปู แบบ .................................................................................................................... ดี-3 กจิ กรรม เป็นประโยชนต์ ่อ .................................................................................................................... 1.โรงเรยี น 6. วธิ แี ละขนั้ ตอนการดาเนินงาน 2.ชมุ ชน .................................................................................................................... 3.มี 2 รปู แบบ .................................................................................................................... พอใช-้ 2 กิจกรรม เปน็ ประโยชนต์ อ่ .................................................................................................................... 1.โรงเรยี น .................................................................................................................... 2.มี 1 รปู แบบ .................................................................................................................... ปรบั ปรงุ กิจกรรม เป็นประโยชนต์ อ่ .................................................................................................................... 7. ผทู้ มี่ สี ว่ นร่วมหรือขอความชว่ ยเหลอื ........................................................... 1 ไมม่ ีการนาไปใชห้ รอื เผยแพรเ่ ป็นประโยชน์ ................................................................................................................... ต่อโรงเรยี น 8. ประโยชน์ของกจิ กรรมท่จี ะเกดิ ขึน้ กบั น.ร.คือ............................................ .................................................................................................................... 9. ประโยชนท์ ่จี ะเกดิ ขน้ึ กับผู้อน่ื คือ.................................................................. ................................................................................................................ ผลการประเมิน .................4 ..................3 ................2 ..............1 ตัวอยา่ งรูปแบบการนาเสนอ ความคดิ สรา้ งสรรค์ริเริม่ กจิ กรรมปฏบิ ตั ิ กิจกรรมบริการ 1.เขยี นหนงั สือ/การ์ตูนเดก็ 1. ฝกึ ทักษะ(ศิลปะ,ชา่ ง,กีฬา,วทิ ย์ ฯลฯ 1. ดูแล (ผูป้ ่วย คนชรา คนพิการ ฯลฯ) 2. ทาวารสาร(หอ้ ง/รร./สพม.) 2. เขา้ รว่ มกิจกรรมปลูกป่า ซอ่ มแซมฝายน้า ปลูกปา่ 2. สอนเดก็ ว่ายน้า เล่นกีฬา 3. ทาภาพยนตร์สารคดสี นั้ 3. สรา้ ง(ท่พี กั คนชรา ,สตั วเ์ ลี้ยงพเนจร ฯลฯ) 3. ซ่อมรถ ล้างรถ 4. ตวิ เตอรค์ วามรใู้ ห้เพ่ือน 4. ทาสีรวั้ รร. สัญญาณจราจร จดั ทาบอรด์ รร.ฯลฯ 4. ทาความสะอาด(รร. รพ.วดั ,สานักงาน ฯลฯ) 5.รณรงคร์ ะดมทนุ 5. ซอ่ มแซมส่งิ กอ่ สร้างใน รร. รพ. วดั 5. กิจกรรมหม่บู ้าน บริการน้าดมื่ ช่วยภยั พิบตั ิ 6. เวบ็ ไซดข์ อง รร./สพม./สพป.6. แสดง(ดนตรี ละคร นนั ทนาการ) ฯลฯ 7. หอ้ งสมุดสญั จร ฯลฯ บันทกึ ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของครู /ครูท่ีปรึกษา ............................................................................................................................. ........................................................ ลงชอื่ ........................................................ (.........................................................)
56 บันทกึ ร่องรอยการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ .............................................. ............................................................................................................................. .................................................
ภาคผนวก
58 ตวั อย่างรายการประเดน็ เพือ่ การเรียนการสอน การศึกษาค้นคว้าอิสระ(Independent Study) กล่มุ สาระการงานอาชีพ ธรุ กจิ จาหน่ายของท่รี ะลกึ กบั ภาษาทจ่ี าเป็นยคุ อาเซยี น ของท่รี ะลึกสาหรบั อาเซยี น อาชีพที่นา่ สนใจในอาเซยี น วชิ าชพี ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบในประชาคมอาเซยี น ศลิ ปะแหง่ การสรา้ งคันธนู งานบา้ น จดั ดอกไมร้ ายได้ในอาเซยี น อาหารไทยแหลง่ สมุนไพรช้ันดี บา้ นไทยกบั วิถีชวี ิตคนไทยทเ่ี ปลย่ี นไป ไข่ สสี นั ของชวี ิต/กาเนดิ ชวี ิตทพ่ี ิสดาร สิ่งแวดล้อมท่ีดใี นโรงเรียนมิตขิ องงานบา้ น ครอบครวั ไทยสายใยครอบครวั อาเซียน ช้อนพลาสติกประดิษฐ์งานสร้างสรรค์ ความสุขของครอบครัวท่ีแตกตา่ ง ใบตองสร้างสรรค์งานประดษิ ฐเ์ ศรษฐกจิ อาเซยี น งานไม้ของใชใ้ นบา้ นท่ีไม่ควรมองข้าม พันธ์ข้าวไทย : พนั ธข์ ้าวโลก/วถิ ีไทย/วถิ ีอาเซียน/วิถีตะวนั ออก อาหารพืน้ เมอื งอาเซียน (ลาว:ไทย) / (เวียดนาม:ไทย) / ( เขมร:ไทย) งานเกษตร ปลาสวยงามความสวยงามของชวี ติ สนุ ขั ความชอ่ื สตั ย์ที่มัน่ คง สง่ิ แวดล้อมทีด่ ใี นโรงเรยี นมติ ิของงานเกษตร อาหารธรรมชาติหรอื สังเคราะหเ์ หมาะกบั รา่ งกาย พันธข์ า้ วไทย : พันธ์ขา้ วโลก/วิถไี ทย/วถิ อี าเซยี น/วิถตี ะวันออก งานคอมพวิ เตอร์ หุ่นยนตท์ ่มี จี ิตใจ วิธแี ฮคเวบ็ หาคู่ออนไลน์ของฉัน การผจญภยั ในนิยายบนทวติ เตอร์ เทคโนโลยีจะช่วยแกป้ ญั หาท่ยี ง่ิ ใหญ่ การโกหกบนอินเตอรเ์ นต็ ภาษาเฟสบุ๊กภาษากลายพนั ธ์ ชีวิตออนไลนย์ ั่งยนื ดงั่ เชน่ รอยสกั สงั คมกม้ หนา้ : ยุคแหง่ ความโง่เขลา \"ประสาทสัมผัสทห่ี ก\"สงิ่ ทจี่ ะเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยี FB+LINE+ลอกการบา้ น วงจรชีวิตของเดก็ ไทย ภาษาในโลกสงั คมเครอื ข่าย (Social network) ถอดรหสั Stuxnet อาวุธร้ายแห่งศตวรรษใหมใ่ นโลกไซเบอร์ แอพท์ (Application) : เหรยี ญสองหน้า/เทคโนโลยที ต่ี อบสนองสงั คม กลมุ่ สาระศลิ ปะ รกั ในซเี มเจอร์ เดก็ กบั เสยี งเพลง ดนตรีกับชวี ติ ทต่ี ้องเรยี นรู้ ความสุขกบั ส่งิ ทท่ี าใหส้ นุก ดลู ะครยอ้ นดูตวั เอง สร้างอีควิ ให้สงู ดว้ ยศลิ ปะ โถส้วมอาเซยี น/นานาชาติ เพลงลกู ทุง่ สะทอ้ นชีวิตของคนชนบท เพลง : ความรู้สกึ อารมณ์ของคนทกุ วัย ขอ้ คดิ ดีๆจากเพลง ลูกทงุ่ /ไทยสากล/สากล ธรรมะจากเพลง ลูกทงุ่ /ไทยสากล/สากล คารมคมคดิ สอนชีวติ จากเพลง ลกู ทุ่ง/ไทยสากล/สากล ดนตรสี ร้างโลกใหเ้ กิดสขุ ทุกกาลเวลา รักจริงซอ่ นเร้น รักเล่นเปดิ เผย ศลิ ปะไทย/ศลิ ปะอาเซยี น/ศลิ ปะแหง่ อารมณ/์ ศลิ ปะสากล
ส่ิงทเ่ี ปล่ยี นแปลงของสญั ลกั ษณห์ ้องนา้ อาเซียน/นานาชาติ 59 คาคมความคิดจากละคร(ภาพยนตร)์ ฮิตของไทย (ฝรัง่ อนิ เดยี จีน ฯลฯ) บทเรียนชวี ิตจากละคร(ภาพยนตร์)ฮติ ของไทย (ฝร่งั อินเดยี จนี ฯลฯ) กลมุ่ สาระภาษาไทย เปดิ หนงั สอื เปิดใจคน ภาษาพลิกมนุษยชาติ ดอกไมใ้ นวรรณคดีไทย การแตง่ กายของหญงิ ไทยร่วมสมยั การใช้ภาษาไทยเพ่ือสื่อสารท่ีเปล่ยี นไป นางเอกในวรรณกรรม ยุคสมัยทเ่ี ปล่ยี นไป วรรณคดไี ทย : ภาษาคาคมสรา้ งสรรค์สงั คม นางในวรรณคดีไทย-นางเอกไทยที่เปล่ยี นไป นางเอกไทยต้นแบบสองดา้ นของเยาวชนไทย ศิลปะการรอ้ งขอ การตอ่ รองและการโต้แยง้ นางในวรรณคดไี ทย:คาคมขอ้ คดิ กับชีวิตที่ดี นางในวรรณคดีไทย:วถิ ชี ีวิตของหญงิ อาเซยี น นางในวรรณคดไี ทย:วิถชี วี ิตท่ดี ีของหญงิ ไทย นางในวรรณคดไี ทย: วิถีชีวติ ของหญงิ ตะวันออก การเปลย่ี นแปลงช่อื /ช่ือเลน่ ของเดก็ ไทย ชือ่ เลน่ ของเด็กไทย: อาณานคิ มทางภาษาตะวนั ตก การเปลยี่ นแปลงกบั คาบางคาในภาษาไทย สัญลักษณท์ างภาษาพฒั นาสังคมทีเ่ ปลย่ี นแปลง อิทธพิ ลของภาษาไทยกบั การสือ่ สาร/สนทนา รักชาตไิ ทยรักษภ์ าษาไทย กลุม่ สาระคณติ ศาสตร์ การแทนทสี่ งิ่ ทไ่ี มท่ ราบคา่ ด้วย X ฟี (Phi) ตวั เลขของสิง่ ในโลก เรยี นร้ฟู ี (Phi) จาก Skatpad (GSP) ฟี (Phi) คา่ ทีแ่ สนเล็กและขนาดเท่าจักรวาล คณติ ศาสตรช์ ่วยสังคมไทยให้อยรู่ อด คณิตศาสตร์ในดอกไม้ คณติ ศาสตร์ : ความฉลาดท่ีอยู่ในเคก้ (Cake) คณติ ศาสตรท์ ี่ใช้สร้างสรรค์ขนมเคก้ ความมหัศจรรย์ของเลขฟีโบนักชี กล่มุ สาระสงั คมฯ อาเซียนศกึ ษา ความสามัคคคี อื พลัง ความผิดพลาด ศลี ธรรมท่บี กพรอ่ ง บ่อเกิดความพอใจ วิกฤตการเมอื งไทย เพอ่ื นเราชาวอาเซยี น สตรผี เู้ ปลี่ยนโลก อะไรท่ที าให้ชีวิตมคี ุณคา่ ใส่บาตรพระไมใ่ ห้บาป สันปนั น้าเขตปันแผ่นดนิ สนั ปนั น้าสนั ปนั สามัคคี อยู่อาเซยี นนอยา่ งมคี วามสขุ มติ รภาพและการใหอ้ ภัย การเตบิ โตของประชากรโลก ถอดรหสั ตราแผน่ ดนิ อาเซยี น ความเพียร กญุ แจแหง่ ความสาเร็จ สิ่งทอี่ าเซยี นไมม่ ใี นครอบครวั เรา จดุ แข็งของไทยจุดแขง็ ของอาเซียน จดุ แข็งของไทยจดุ แข็งของอาเซยี น เลอื กอาหารใสบ่ าตร ไม่ใหบ้ าปกบั ตวั เอง แหลง่ พลงั งานไทยแหล่งพลงั งานอาเซยี น สงคราม สันติภาพ สตรเี พศ และอานาจ ความสามคั คีพลังสรา้ งสรรค์และทาลาย พระมหาชนก ความเพียรท่ยี ิง่ ใหญ่ ช้างเผอื กกชู้ าตไิ ทย /ประวัติศาสตรช์ าติไทย วธิ ีคดิ เกย่ี วกบั การกุศลของเราผิดอยา่ งมหันต์
60 กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตรส์ ามารถตอบคาถามทางศีลธรรมได้ การป้องกันวิกฤติสภาวะอากาศ เปล่ยี นขยะเปน็ ของเลน่ เพอื่ การเรียนรู้ โลกตอ้ งการนกั สารวจ ครวู ทิ ยาศาสตร์ — สนุกหน่อย การต่อต้านวิทยาศาสตร์ท่ไี มด่ ี การปลกู ถ่ายเซลล์ไมใ่ ช่อวยั วะ สง่ิ มหัศจรรยท์ ซี่ ้อนเรน้ ของโลกแหง่ ธรรมชาติ ส่ิงทดี่ ิฉันค้นพบในกองขยะของหมู่บ้าน สรา้ งกงั หนั จากกองขยะ ดวงอาทิตยจ์ ะดกี บั หวั ใจของเรา อนั ตรายของการเปลีย่ นแปลงของสภาวะอากาศ วทิ ยาศาสตร์ สาขาชีววิทยา (สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ) สมองทกี่ าลงั มคี วามรกั พฤตกิ รรมศีลธรรมในสัตว์ ครวั ใหญใ่ นใบพืช รม่ ไม้แหง่ ธรรมะ ดอกไม้ไทยดอกไม้อาเซยี น ลาตน้ ไม้เสาหลกั ของชีวติ พืช ก้านใบสายใยเครอื ขา่ ยอนั พศิ วง สมองรูไ้ ด้อยา่ งไรว่าคณุ อยทู่ ่ีไหน พืชทรงพมุ่ เพม่ิ ความชุม่ ชน่ื กบั ชีวติ แอนเิ มชัน่ ของชวี วิทยาท่มี องไมเ่ ห็น เสน้ แบง่ ระหวา่ งชีวิตและสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ สิง่ ผิดปกตทิ ่ีมนษุ ย์กาลังทากบั ตน้ ไม้ ...............หลักทางชีววทิ ยาท่นี า่ สนใจ สง่ิ ทผ่ี ิดปกติในกระบวนการผลิตอาหาร ไข่ สสี ันของชีวติ /กาเนิดชีวิตทพี่ ิสดาร ลายไมล้ ายศลิ ป์ในแดนดนิ ถิ่นธรรมชาติ กิง่ ไม้รม่ เงาพราวพร่างออกมา่ นออกซเิ จน เรยี นรู้ชีวติ พชื ในสวนพฤกษศาสตร์อาเซยี น ส่งิ แวดลอ้ มที่ดีในโรงเรยี นมิติของชีววิทยา สวนพฤกษศาสตร์อาเซยี นแหลง่ เรียนรธู้ รรมชาติ ความไว้วางใจ ศลี ธรรม—และออกซโี ตซนิ ความผดิ ปกตขิ องผลไม้ ธรรมชาตทิ ีถ่ ูกดัดแปลง ศลิ ปะอนั สนุ ทรยี ะของต้นไม้ /ใบไม้/รากไม้/ยอดไม/้ พุม่ ไม้ ความผดิ ปกติของผลไม้ ธรรมชาตทิ ถี่ ูกสรา้ งสรรคห์ รอื ทาลาย โลกที่แปลกประหลาดและมหศั จรรยข์ องสง่ิ มชี ีวิตท่เี รืองแสงได้ ผลติ ภัณฑ์ธรรมชาตจิ ากแหลง่ ผลติ ออกซิเจนและคารบ์ อนไดออกไซด์ ถอดรหสั ชีวติ พชื ทช่ี ื่อวา่ ......(เติมช่ือพืช เช่น มะเก๋ียง, ฉาฉา, ฤาษีผสม ฯลฯ) เรยี นรู้หลักการ(ทฤษฎี, แนวคดิ ) ชีววิทยาจาก........( ต้นไม,้ ลกู ข่าง, บมู เมอรแ์ รง ฯลฯ) สาขาเคมี ออกโตชินสารเร่งความรกั ...........หลกั ทางเคมที นี่ า่ สนใจ พลาสตกิ : สรา้ งสรรค์และทาลาย พลาสตกิ วัสดุเอนกประสงคท์ ไ่ี ม่พงึ ประสงค์ เรยี นรู้หลักการ(ทฤษฎ,ี แนวคดิ ) เคมีจาก.......( ต้นไม,้ ลูกขา่ ง, บูมเมอร์แรง ฯลฯ) สาขาฟสิ กิ ส์ จกั รยาน หลกั ทางฟสิ ิกสท์ สี่ นใจ พลงั งานจากสว่ นตา่ ง ๆของพชื หลกั ฟิสิกสใ์ นของเลน่ เด็ก ภมู ปิ ัญญาไทยกับหลักการ/ทฤษฎีฟสิ ิกส์ สาขาโลกและดาราศาสตร์ สึนามภิ ยั ร้ายใตท้ ้องทะเล ภูเขาไฟสสี นั ของดาวเคราะห์ ภูมลิ ักษณ์ภเู ขาไฟทนี่ ่าสนใจ โลกรา้ วภายในดงั่ ใจท่ีรา้ วรกั
สตเี ฟนฮอว์กง้ิ กบั คาถามสาคญั ของเอกภพ 61 แผ่นดินไหวภัยใกลต้ วั ท่เี กดิ ไกลตัว ภมู ลิ กั ษณภ์ เู ขาไฟศลิ ปะจากเปลอื กโลก ภัยพบิ ตั ิท่สี รา้ งความเสียหายกบั โลก อาฟเตอร์ช๊อกอาการผดิ ปกตขิ องเปลือกโลก กล่มุ สาระสุขศกึ ษา พลศกึ ษา ความสุขทีซ่ อ้ื ได้ สีชว่ ยเพ่ิมความจา เขาและเธอ... สุขภาพ โรคซมึ เศร้า ความลบั ร่วมทเี่ ราต่างมี ความพิเศษของสมองมนษุ ย์ ปญั หาอนั เจ็บปวดของแขนขาเทียม ความสุขที่แตกต่าง (ขยะ) ทองคาหลากสี (ขยะ) ขุมทรพั ยค์ นจน ย่ิงสูงอายุ ย่งิ มคี วามสุข สุขภาพดีเมือ่ กินสอี าหาร กนิ อาหารสมี ดี ีต่อสุขภาพ หวานซอ่ นพษิ ชวี ติ ไม่หวาน หวานซ่อนพิษ ชีวิตเบาหวาน การต้ังครรภ์ท่ไี ม่พงึ ประสงค์ เฉดสขี องความเปน็ เกย์ , ทอม (รองเท้าแตะ) ภัยเงียบใตฝ้ า่ เท้า อดึ ีหน้าตาดี อึดึมผี ลตอ่ สุขภาพ หน้าเหี่ยวกอ่ นวยั ใจเห่ียวกอ่ นเวลา ความเขา้ ใจใหมข่ องการป่วยทางจิต มี\"เพือ่ น\"เยอะ แตเ่ หมอื นอยู่คนเดียว มวยไทย(กลไกตอ่ สู้) ฤาจะสเู้ ทควันโด หน้าเห่ยี วกอ่ นวยั เส่ยี งภัยไกลสารเคมี ความรนุ แรงในครอบครัวไทย/ชนบท คนอายุ 30 ปไี ม่เหมอื นคนอายุ 20 ปี มวยไทยเส้นทางอาชพี คนไทยในตา่ งแดน มวยไทยศิลปะประจาชาตไิ ทยสสู่ ากล มวยไทยศลิ ปะการตอ่ ส้เู พอื่ สขุ ภาพและชีวิต เรือ่ งที่คุณยงั ไมเ่ คยรู้ เกย่ี วกบั ชวี ติ แตง่ งาน กฬี าพ้ืนบ้านทคี่ วรอนรุ ักษ์ บุคลิกและวาทกี บั ชีวีท่มี ีสุข กกิ๊ กับแฟนความแนบแน่นท่ีตา่ ง กกิ๊ กบั แฟนทาแทนกันไมไ่ ด้ กิก๊ ตา่ งแฟนเหมอื นแคนตา่ งเคียว ภยั คกุ คามสุขภาพที่ย่งิ ใหญ่ทส่ี ดุ อยา่ งเดยี วท่ีผหู้ ญงิ ตอ้ งเผชญิ การพัฒนางานสขุ ภาพโลกและความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศ ส่ิงทเ่ี ราไมร่ ้เู กีย่ วกับกายวภิ าคศาสตร์ขององคชาต การพัฒนากลไกดา้ นกฎหมายเพื่อเป็นเคร่อื งมือพัฒนาและดแู ลสุขภาพประชาชน ความร้เู ก่ยี วกบั ปัญหาสขุ ภาพของนกั เรยี นชาย และนักเรียนหญงิ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 \"ความจาระยะส้ัน\" ของคุณทาใหโ้ ลกมคี วามหมายได้อยา่ งไร กลุ่มสาระภาษาตา่ งประเทศ (อังกฤษ จีน เยอรมนั ฝร่งั เศส ญป่ี นุ่ ) A-Z ในครูที่ฉันรกั A-Z ในร่างกายของเรา A-Z ผลไม้ทีน่ ่าอรอ่ ย A-Z สาหรับเดก็ อนาคต A-Z เคร่ืองใชใ้ นครัวไทย A-Z ดอกไมไ้ ทยในอาเชียน ภาษาพลกิ มนุษยชาติ A-Z ยอดอาหารไทย ( เทศ/อาเซียน) A-Z แบบเรียนอนาคตของ Social network คาศัพท์ของผกั /ผลไมม้ สี ี ภาษาในโลกสังคมเครือขา่ ย(Social network) คาศพั ทก์ ับพืชสมนุ ไพร
62 อัจฉรยิ ะภาพทางภาษาของทารก ภาษากายของคุณเปล่ียนตัวตนของคุณได้ ข้อความภาษาองั กฤษท่โี ดนจงุ เบย คาศัพทข์ องการละเลน่ ของไทย/อาเซียน คาศพั ท์กบั เรื่องหมาๆ คาคมคาคนที่โดนโดน ความหลากหลายทางภาษาจนี ในไทย วาทะของคนสาคญั เปน็ ครรลองของชีวติ ภาษาอังกฤษ/จีน เปน็ /กบั เร่ืองใกล้ตัว คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษในชวี ิตประจาวนั ภาษาอังกฤษ/จนี กับชีวิตของไทยในอาเซียน อิทธิพลนยิ ายกาลงั ภายในตอ่ การเรียนภาษาจนี สญั ลกั ษณ์อังกฤษกบั วถิ ีชวี ิตไทย (อาเซยี น/โลก) คาทบั ศัพทภ์ าษาตา่ งประเทศในชีวติ ประจาวัน ภาษาตา่ งประเทศเคร่ืองมอื การขยายลัทธิอาณานิคมทางวฒั นธรรม ภาษาต่างประเทศเครื่องมือการขยายลัทธอิ าณานิคมทางเศรษฐกจิ ภาษาต่างประเทศเคร่อื งมอื การขยายลทั ธอิ าณานิคมทางสงั คม ภาษาตา่ งประเทศเครื่องมอื การขยายลทั ธอิ าณานิคมทางการศกึ ษา ภาษาต่างประเทศเครอ่ื งมอื การขยายลทั ธิอาณานิคมทางความคิด ประเดน็ ความสนใจของสังคม (กลุม่ ไรส้ าระ) ขออยา่ ยอมแพ้ รักวัวใหผ้ กู รักลกู ให้ตี นกั เรยี นตกี ัน การจุดประกายการเรยี น รกั โลกรกั ษธ์ รรมชาติ ความคิดดๆี มาจากไหน พลงั ทีซ่ ่อนเรน้ ของรอยยม้ิ แค่เปลีย่ นความคิด ชีวติ กต็ ่าง นักเรียนผมยาว/ผมสน้ั จากสงครามสคู วามสมานฉันท์ ความเป็นผนู้ าในทกุ ๆวนั ตเี ด็ก ความรนุ แรงในวฒั นธรรม อย่ารสู้ กึ เสยี ใจกบั ความเสียใจ พลังของความเปราะบางทางใจ ศิลปข์ องการเบย่ี งเบนความสนใจ ส่งิ ทเ่ี ราไมเ่ ขา้ ใจเกี่ยวกับความไว้วางใจ จะเปน็ เพอื่ นกับความเครยี ดไดย้ ังไง การสร้างสนั ติสขุ จากการวง่ิ มาราธอน อยกู่ บั มะเรง็ อยา่ งมีความสุข เคลด็ ลบั ของความสขุ สกู่ ารทางานท่ดี ีขน้ึ วงจรนอนหลบั ตามธรรมชาติของเรา เตรยี มตัวรบั มือการเปน็ อลั ไซเมอร์ ความยากจนเงนิ ทอง - และความรกั ความทุกขยากของมนษุ ยชาติ ครทู ี่ฉนั รกั /เพื่อนทฉี่ ันเลือกคบ เกษยี ณอายุครูเกษียณวฒั นธรรม การมองโลกแบบมีอคตใิ นเชงิ บวก เทคโนโลยเี ปล่ียนแปลงรา่ งกายมนุษย์ สงั คมกม้ หน้า กาลังฟ่ฟู า่ ในบุญวาทย์ เครือ่ งแบบของอาชพี ทข่ี า้ พเจา้ สนใจ เครอื่ งแบบสิง่ สะทอ้ นบทบาทและหน้าที่ สมองของคุณรไู้ ดอ้ ยา่ งไรว่าคณุ อยทู่ ่ีไหน ชาวนากระดกู สนั หลงั ทผ่ี ดิ ปกตขิ องชาติ ส่ิงแวดล้อมท่ดี ีในโรงเรียน/ประเทศ/โลก มนตรม์ หศั จรรย์แห่งความจริงและความลวง
จงเช่อื มัน่ ในความคดิ สรา้ งสรรค์ของคณุ พฤตกิ รรมการกินทค่ี ร่าชวี ติ บนโลกใบนี้ โรงเรียนเปน็ แหลง่ ทาลายความคิดสรา้ งสรรค์ ทาไมคนถงึ มีความเช่ือเก่ยี วกับส่งิ ประหลาด การเลน่ มนั มากกว่าเรอื่ งสนกุ —มนั คือชวี ิต รปู ร่างหนา้ ตาไม่ใช่เรือ่ งสาคญั สาหรับอาชพี นางแบบ 10 ขอ้ ตา่ งของจฑุ าเทพและฮอรโ์ มน (ชอื่ ละคร) การใชความรุนแรงไมอาจแกไขปญหาไดอ้ ยางย่ังยนื สนั ตภิ าพจะเกิดขน้ึ ดวยมอื ของเจ้าของแผนดนิ เทานัน้ ทรพั ยากรมนุษยส์ ิ่งมชี วี ิตทต่ี ้องพฒั นา สนั ตภิ าพคือกระบวนการ (Process) ไมใชผลลพั ธ์ จะอยอู่ ยา่ งประสบผลสาเรจ็ หรือเปน็ ทย่ี กยอ่ งสรรเสรญิ เดก็ จรจัด/เด็กขอทาน/เดก็ ขา้ งถนน ปมดอ้ ยของสงิ่ แวดลอ้ ม เครอื่ งแบบนกั ศกึ ษาหญงิ อาเซยี นทส่ี ะท้อนวฒั นธรรมตะวนั ออก หนงั สือคอื หนา้ ตา่ งของปญั ญา เวลาคือหนา้ ตา่ งของชวี ิต ความเพยี รพระมหาชนกแบบอย่างทส่ี ะทอ้ นธรรมพระพุทธเจา้ สิ่งทผ่ี มไดเ้ รียนร้จู าก เนลสัน แมนเดลา (บคุ คลทมี่ ีชื่อเสยี ง/สัตว์/พชื ) ............................................................................................................................. ............................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
63 การบรหิ ารจดั การการเรียนการสอน IS ในโรงเรยี นมาตรฐานสากลทบี่ รหิ ารดว้ ยระบบคณุ ภาพแบบเขม้ ข้น 1. ครูทร่ี ับผิดชอบ IS1 ดาเนนิ การให้ นักเรียนกาหนดประเดน็ 2. ครูจาแนกประเด็นของ นักเรียนตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 3. กลมุ่ บริหารวิชาการมอบให้ หน.กล่มุ สาระ นาไปให้ครูในกลมุ่ สาระพิจารณาเลอื กประเด็นท่ตี รง/ ใกลเ้ คียง/สนใจในสาระการเรยี นรทู้ สี่ อนอยู่ รบั เปน็ ท่ปี รกึ ษา 4. โรงเรียนออกประกาศแตง่ ตัง้ ครูทีป่ รกึ ษา นักเรียนพบครทู ป่ี รกึ ษา 5. นักเรียน+ ครูท่ปี รึกษา+ ครทู ่ีรบั ผิดชอบ ดาเนินกจิ กรรม IS1 ตามใบกิจกรรมควบค่ไู ปกบั การประเมินผลงาน/ชิน้ งาน 6. ครทู ีร่ ับผิดชอบ สง่ ผลการประเมิน IS1 ใหง้ านทะเบยี นโรงเรยี นชว่ งสอบปลายภาค 7. ครทู ร่ี ับผิดชอบ IS2 รับชว่ ง IS1 (เอกสารประกอบกจิ กรรม) ต่อร่วมกบั ครทู ป่ี รกึ ษาคนเดิม 8. ครูทร่ี ับผิดชอบ IS2 สรปุ และประเมินผลและสง่ ผลการประเมิน IS2 ให้งานทะเบยี นโรงเรียน 9. ครูทป่ี รกึ ษา+นักเรียน เตรียมจัดทา IS3 เพอื่ นาเสนอใน IS Day (ใช้เวลากจิ กรรมพัฒนา) 10. โรงเรียนจดั พมิ พ์ IS ท่ดี ใี นระดบั โรงเรียน.+สพม. และจดั IS Day 11. โรงเรียน.ใช้หมวด 4 ของ TQA ดาเนนิ การปรบั ปรงุ หมายเหตุ 1.นกั เรยี นสามารถดาเนนิ การ IS2 ไปพรอ้ มกบั IS 3ในภาคเรียนเดียวกนั ได้ 2.นกั เรยี นโครงการหอ้ งเรียนพเิ ศษ เช่น หอ้ งเรียนพเิ ศษวิทยาศาสตร์ หอ้ งเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ หอ้ งเรียนพเิ ศษคอมพิวเตอร์ ให้ใช้ สาระโครงงาน ตามทีป่ รากฏในหลักสูตร และครทู ป่ี รึกษาเป็นครทู ี่รบั ผิดชอบ โครงการพิเศษนั้น ๆ 3. สาหรบั การประเมินงานประเภทโครงงานของโครงการพเิ ศษ สามารถนาเกณฑ์ (Rubric) ของ IS ไปใช้เป็นแนวทางการประเมนิ ได้ 4. ครูที่ปรกึ ษา IS1-IS3 ควรเปน็ คนเดียวกนั ซงึ่ ไดต้ ดิ ตามอยา่ งต่อเนื่องจนนกั เรียนปฏบิ ัติ IS3 จน จบ 5. ครูทป่ี รกึ ษาทาหน้าทป่ี ระเมนิ ชน้ิ งาน ผลงานของนักเรยี น แลว้ ส่งผลการประเมนิ ให้กบั ครทู ี่ รบั ผดิ ชอบ
ใบกิจกรรมเพอ่ื การจัดการเรียนการสอน การศกึ ษาค้นควา้ อิสระ (Independent Study : IS) องิ ผลการเรียนรู้ IS1- IS3 ระดับช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 - ม.6) โรงเรียน …………………………………… จังหวดั ……………………
1 ผลการเรียนรู้ สาระการศกึ ษาค้นคว้าอิสระ ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผลการเรียนรู้ IS1 1. ต้งั ประเดน็ ปญั หา จากสถานการณป์ ัจจบุ นั และสงั คมโลก 2. ตง้ั สมมติฐานและใหเ้ หตผุ ลท่สี นบั สนนุ หรือโต้แยง้ ประเดน็ ความรโู้ ดยใช้ความรู้จากสาขาวชิ าตา่ ง ๆ และ มที ฤษฎรี องรับ 3. ออกแบบ วางแผน ใชก้ ระบวนการรวบรวมข้อมลู อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 4. ศกึ ษา ค้นคว้า แสวงหาความรเู้ กย่ี วกบั ประเดน็ ทเี่ ลอื กจากแหลง่ เรยี นรทู้ ี่มีประสทิ ธิภาพ 5. ตรวจสอบความนา่ เช่ือถอื ของแหลง่ ท่มี าของข้อมลู 6. วิเคราะห์ขอ้ ค้นพบดว้ ยสถิติที่เหมาะสม 7. สังเคราะห์ สรปุ องค์ความรู้ด้วยกระบวนการกลมุ่ 8. เสนอแนวคดิ การแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ระบบดว้ ยองค์ความร้จู ากการค้นพบ ผลการเรยี นรู้ IS2- IS3 1. วางโครงร่างการเขยี นตามหลักเกณฑ์ องคป์ ระกอบและวธิ กี ารเขยี นโครงร่าง 2. เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าเชงิ วชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรอื ภาษาอังกฤษ ความ ยาว 2,000 คา 3. นาเสนอข้อค้นพบ ขอ้ สรปุ จากประเดน็ ทเี่ ลอื กในรปู แบบเด่ยี ว (Oral Individual Presentation) หรอื กลุ่ม (Oral Panel Presentation) โดยใช้สอื่ เทคโนโลยที หี่ ลากหลาย 4. เผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณะ โดยใช้การสนทนา/วิพากษผ์ ่านส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ เช่น e-conference, so- cial media online 5. เหน็ ประโยชน์และคณุ ค่าการสร้างสรรค์งานและถ่ายทอดส่ิงทเ่ี รียนรู้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์
2 โครงการสอนสาระการศึกษาคน้ คว้าอิสระ IS1 ม.ปลาย สปั ดาห์ ผลการเรียนรู้ จานวน คะแนน ท่ี (ชม) 100 1 ปฐมนเิ ทศชแ้ี จงการเรยี นการสอน การวัดผลประเมนิ ผล ส่งิ ทจ่ี ะไดร้ บั จาก IS 1 1-3 1. ต้งั ประเด็น/คาถามเกีย่ วกับสถานการณป์ จั จุบันและสงั คมโลก 64 4-5 2. ต้ังสมมตฐิ านและให้เหตผุ ลทสี่ นบั สนนุ หรือโตแ้ ย้งประเดน็ ความรโู้ ดยใช้ 4 6 ความรูจ้ ากสาขาวิชาตา่ งๆและมที ฤษฎรี องรับ 6-7 3. ออกแบบ วางแผนรวบรวมข้อมลู โดยใชก้ ระบวนการรวบรวมข้อมลู อย่างมี 4 10 ประสิทธภิ าพ 8-9 4. ศึกษา ค้นควา้ แสวงหาความรขู้ อ้ มลู และสารสนเทศโดยระบุแหล่งเรยี นรู้ 4 10 ทั้งปฐมภูมิและทุติยภมู ิ 10-11 5.ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการแลกเปล่ยี นความคิดเห็นโดยใชค้ วามรจู้ าก 4 10 สาขาวชิ าและแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆและพจิ ารณาความน่าเชือ่ ถอื ของแหลง่ เรยี นร้อู ยา่ งมีวจิ ารณญาณเพอื่ ให้ได้ขอ้ มูลทคี่ รบถ้วนสมบูรณ์ 12 6.ทางานบรรลุผลตามเป้าหมายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยคาแนะนาของครทู ่ี 2 10 ใหค้ าปรกึ ษาอย่างต่อเนอื่ ง แจ้งสรุปผลการประเมนิ 50 คะแนนแรก และใหโ้ อกาสการพฒั นางาน 13-14 7.อธบิ ายความเปน็ มาของศาสตร์ หลกั การ และวิธคี ดิ ในสง่ิ ทศ่ี ึกษาค้นคว้า 4 10 15-16 8. วิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้วธิ กี ารท่เี หมาะสม 4 10 17 9. สงั เคราะห์และสรปุ องค์ความร้อู ภปิ รายผล เปรยี บเทยี บเช่ือมโยงความรู้ 4 10 จากแหลง่ ค้นคว้าต่าง ๆ 18 10. เสนอแนวคิดหรอื วิธีการแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ 3 10 รวม 40 100 หมายเหตุ เวลาเรียน 1 ภาคเรียน 20 สปั ดาห์ เวลาทใ่ี ช้สอบกลางภาค 1 สปั ดาห,์ สอบปลายภาค 1 สัปดาห์ เวลาเรยี นจริง 18 สปั ดาห์ การวัดและประเมนิ ผลใช้ Authentic Assessment ไมม่ กี ารสอบกลางภาคและปลายภาคเรยี น
3 โครงการสอนสาระการศกึ ษาค้นควา้ อสิ ระ IS2 ม.ปลาย สัปดาห์ ผลการเรยี นรู้ จานวน คะแนน ที่ (ชัว่ โมง) 100 1-5 11.เรียบเรียงและถ่ายทอดความคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์เปน็ ระบบ 10 15 6-10 12.เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ เชงิ วชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 15 20 4,000 คาหรือภาษาอังกฤษความยาว 2,000 คา โดยมกี ารอา้ งองิ แหลง่ ความรทู้ ี่เช่อื ถือไดท้ ั้งในและต่างประเทศ 11-15 13.นาเสนอในรปู แบบเดีย่ ว(Oral individual presentation) หรือกลุม่ 20 45 (Oral panel presentation) เปน็ ภาษาไทยหรอื ภาษาอังกฤษ โดยใชส้ ือ่ เทคโนโลยที ห่ี ลากหลาย 16-18 14.มีการวิพากษ/์ สนทนาเก่ียวกบั ผลงานผา่ นส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ชน่ e- 5 20 conference, social media online รวม 40 100 หมายเหตุ 1.เวลาเรยี น 1 ภาคเรียน 20 สัปดาห์ เวลาท่ใี ช้สอบกลางภาค 1 สปั ดาห,์ สอบปลายภาค 1 สัปดาห์ เวลาเรยี นจรงิ 18 สปั ดาห์ 2. การวดั และประเมินผลใช้ Authentic Assessment ไมม่ ีการสอบกลางภาคและปลายภาคเรียน 3. ครูท่ีรบั ผดิ ชอบและครทู ่ีปรึกษาควรใหน้ กั เรยี นไดป้ รบั ปรงุ ผลงานเปน็ ระยะ 4. แต่ละผลการเรยี นรคู้ รทู ร่ี ับผิดชอบควรตกลงกับผู้เรียนว่าจะมแี บ่งยอ่ ยให้มชี ้ินงานและการ ประเมนิ อย่างไร เพอ่ื ให้นักเรียนมสี ่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้และการประเมิน การสอนสาระการศึกษาค้นคว้าอิสระ IS3 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แบบที่ 1 สปั ดาหท์ ่ี ผลการเรยี นรู้ เวลา(ชั่วโมง) คะแนน 1-3 15.นาความรู้ไปประยกุ ตส์ ร้างสรรค์ประโยชน์ตอ่ สังคมและโลก 6-8 ผ/มผ 4-5 16.เผยแพร่ความรแู้ ละประสบการณ์ทีไ่ ด้จากการลงมือปฏิบตั เิ พอื่ 10-12 ผ/มผ ประโยชนต์ อ่ สงั คมและโลก รวม 18-20 ผ/มผ โครงการสอนสาระการศึกษาค้นควา้ อิสระ IS3 มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แบบที่ 2 สัปดาห์ท่ี ผลการเรยี นรู้ เวลา(ชว่ั โมง) คะแนน 1-3(4) 15.นาความรไู้ ปประยุกตส์ รา้ งสรรคป์ ระโยชนต์ ่อสังคมและโลก 3-4 ผ/มผ 4(5)-9(10) 16.เผยแพรค่ วามรูแ้ ละประสบการณท์ ไ่ี ดจ้ ากการลงมือปฏิบตั เิ พ่อื 6-7 ผ/มผ ประโยชน์ตอ่ สงั คมและโลก 11-18 กิจกรรมตามความสนใจและความถนัด 8 ผ/มผ หมายเหตุ 1. ผ้ทู ่ีรบั ผิดชอบ IS 3 คือครทู ป่ี รึกษากจิ กรรมชุมนมุ ซึ่งมเี วลาเรยี น 18-20 ช่วั โมง สามารถแบง่ เวลาใหน้ ักเรยี น ทากจิ กรรม IS 3 ตามแบบท่ี 1 และ แบบท่ี 2 2. โรงเรยี นสามารถทาพร้อมกบั IS2 ไดเ้ ลย
4 ตารางแสดงผลการประเมนิ ชิ้นงาน/ผลงาน ความกา้ วหนา้ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม IS 1 ด.ช. ด.ญ.................................................................................ห้อง...............เลขท่.ี .................. กิจกรรมที่ ระดบั คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ คะแนน คะแนน เต็ม ท่ีได้ คร้ังท1ี่ (4) คร้ังท2่ี (4) 10 10 1 การตัง้ คาถาม 10 10 2 การตงั้ สมมตฐิ าน 10 15 3/1 การสืบค้นความรู้ 10 10 3/2 แหลง่ สบื ค้นและบนั ทกึ อา้ งองิ แหลง่ ความรู้ 15 100 3/3 การแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ปรบั ปรุง 3/4 การบนั ทกึ ขอ้ มูล 4/1 การวเิ คราะห์ข้อมูล 4/2 การสงั เคราะห์ และสรปุ องค์ความรู้ 4/3 การนาเสนอความคิดจากความร้ทู ีไ่ ด้ รวม ระดบั ผลการเรยี น 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 หมายเหตุ ทาเครื่องหมาย √ ในชอ่ งระดับผลการเรียน ข้อเสนอแนะของครู...................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... ลงชือ่ .................................................. (ผปู้ ระเมินผล) .................................................. (ผปู้ ระเมินผล)
5 ตารางแสดงความก้าวหน้าการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม IS 2 ด.ช. ด.ญ...............................................................................ห้อง...............เลขท่.ี .................. กจิ กรรมท่ี ระดับคุณภาพ ระดบั คุณภาพ คะแนน คะแนน เต็ม ท่ีได้ คร้ังท1่ี (4) คร้งั ท2่ี (4) 25 1.การเขยี นเรียบเรยี งประเดน็ ความรู้ 25 25 (การเขียนโครงเรอื่ ง) 25 2. การเขียนรายงานเชงิ วชิ าการ 100 3.การนาเสนอผลการศกึ ษา ปรับปรงุ (การสือ่ สารและนาเสนอในรปู แบบตา่ ง ๆ ) 4.การนาเสนอผลการศกึ ษาผ่านสือ่ อเิ ลคทรอนคิ รวม ระดบั ผลการเรยี น 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 หมายเหตุ ทาเครอ่ื งหมาย √ ในช่องระดับผลการเรียน ข้อเสนอแนะของครู...................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... ลงชือ่ .................................................. (ผู้ประเมินผล) .................................................. (ผปู้ ระเมินผล) ตารางแสดงความกา้ วหน้าการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม IS 3 ด.ช. ด.ญ................................................................................ห้อง...............เลขที่................... กจิ กรรมท่ี ระดับคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ คะแนน คะแนน ครง้ั ท1่ี (4) ครัง้ ท2่ี (4) เตม็ ที่ได้ 1 การจัดทาโครงการ 30 2 การนาความรู้ไปใช้กบั สงั คม 70 รวม 100 ระดบั ผลการเรยี น 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 ปรับปรงุ หมายเหตุ ทาเคร่ืองหมาย √ ในชอ่ งระดับผลการเรียน ขอ้ เสนอแนะของครู...................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ลงช่ือ.................................................. (ผู้ประเมินผล) .................................................. (ผปู้ ระเมินผล)
6 ใบกิจกรรม การศกึ ษาค้นควา้ อิสระ 1 (IS1) กิจกรรมที่ 1 การต้งั คาถาม ชอื่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่.ี ..........ห้อง........... การตง้ั คาถาม กาหนดประเดน็ ,สถานการณ์,เหตุการณ์ เรอื่ งราว, ท่นี าไปสกู่ ารตง้ั คาถาม ............................................................................................................................. ................................... คาถาม ระดบั คุณภาพ ............................................................................................... ต้ังประเดน็ คาถาม ............................................................................................... 1.ดว้ ยตนเอง ............................................................................................... ดเี ย่ียม (4) 2.ชัดเจน ............................................................................................... 3.ครอบคลุมปจั จัย/ตัวแปรทีเ่ ก่ียวข้อง ............................................................................................... 4.สอดคลอ้ งกบั สถานการณป์ ัจจุบนั /โลก ............................................................................................... 5.แปลกใหม่และสรา้ งสรรค์ 6.มคี วามเป็นไปได้ ............................................................................................... ต้งั ประเด็นคาถาม ............................................................................................... ดี (3) 1.ครูชว่ ยช้ีแนะ ............................................................................................... 2.ชัดเจน ............................................................................................... 3.ครอบคลมุ ปัจจัยตวั แปรทเี่ ก่ยี วข้อง ............................................................................................... 4.สอดคลอ้ งกับสถานการณป์ จั จบุ ัน/โลก 5.มคี วามเป็นไปได้ ............................................................................................... ตัง้ ประเด็นคาถาม ............................................................................................... พอใช้ (2) 1.ดว้ ยตนเอง ............................................................................................... 2.ชัดเจน 3.ไม่ครอบคลมุ ปัจจัย/ตัวแปรทเ่ี กีย่ วข้อง ............................................................................................... 4.สอดคล้องกับสถานการณ์ปจั จบุ ัน/โลก 5.มีความเป็นไปได้ ............................................................................................... ............................................................................................... ปรบั ปรงุ (1) ต้ังประเด็นคาถาม ............................................................................................... .ใช้ประเด็นคาถามจากครู ตัดสินใจเลอื กคาถามท.่ี ....................................... เหตผุ ลทีส่ าคัญเพอื่ ใชอ้ ธิบาย (ต่อ) เหตผุ ลทสี่ าคัญเพอื่ ใช้อธิบาย .................................................................................... ............................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................... .................................................................................... ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะของครู/ครูที่ปรึกษา ................................................................................... ............................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................... ................................................................................... ลงช่ือ.................................................. ............................................................................................... (....................................................)
7 ตัวอยา่ งประเด็นคาถาม 3. สถานการณ์, เหตุการณ์ ประเด็น ตัวอยา่ ง ชีวิตกับความเหงา ส่ิงท่ีตอ้ งการหรือไม่ตอ้ งการ : ผู้หญิงคนหน่งึ อาศัยอยคู่ นเดียว (IS3:ดแู ลคนชรา) การตั้งคาถาม - การอาศัยอยคู่ นเดียวลาบากหรอื ไม่ - ทกุ คนสามารถอาศยั อยคู่ นเดยี วไดห้ รอื ไม่ - การอยู่บ้านคนเดียวสบายหรอื ลาบาก - การอย่คู นเดียวดีหรอื ไม่ - “การอยู่คนเดียว” เหมอื นหรอื ต่างกับ “การอย่อู ยา่ งวา้ เหว”่ - ผู้หญงิ หรอื ผชู้ าย ทอ่ี ยคู่ นเดยี ววา้ เหว่ หรือไม่ ของที่ระลกึ ความหมายทีล่ ึกกว่าส่ิงของ:วจิ ิตรให้ดอกมะลิ ดอกกหุ ลาบหรือของที่ระลึกแกเ่ พอ่ื นบา้ น การตั้งคาถาม - มเี หตผุ ลอะไรบา้ งทเี่ ราต้องให้ของขวัญกนั และกัน - การใหข้ องขวัญในโอกาสตา่ ง ๆ มคี วามจาเป็นหรือไม่ มเี หตผุ ลสาคญั อะไรบา้ งท่ี สามารถใช้สนบั สนนุ การกระทาเช่นนี้ - การเปน็ มติ รหรือเพอื่ นกนั เหมอื นกับการใหข้ องขวญั หรอื ไม่ แบบใด และอยา่ งไร - เหตสุ าคญั ใดบ้างทีน่ ักเรียนตอ้ งเปน็ มิตรกับเพอื่ นทุกคน ตวั อยา่ งของการคบมติ รท่ี สมควรศึกษาเป็นแบบอย่างทีค่ วรยึดถอื มาใช้กบั ชวี ติ ของเรา - สัตวป์ ่านานาชนดิ ทอ่ี าศัยอยู่ในปา่ ตอ้ งทาอะไรหรอื ไม่เพอื่ สรา้ งความเปน็ เพื่อน/มติ ร กับสตั ว์อ่นื แสดงตัวอยา่ งทเี่ กิดขึน้ เพอื่ ใชส้ นับสนนุ งานฉลองของคนไทย : มณแี ก้วเชิญเพ่ือนบา้ น ทัง้ ผู้ใหญ่และเดก็ มาร่วมฉลองวันปีใหม่ วันสงกรานต์ วนั คริสตม์ าส การต้ังคาถาม - การฉลองวันสาคญั ตา่ ง ๆ สาคัญ เละกอ่ ให้เกดิ ผลอยา่ งไรบา้ ง - การฉลองวันสาคัญตอ้ งรขู้ นบธรรมเนยี มประเพณนี น้ั อยา่ งไร - วนั สาคญั ตา่ ง ๆของไทยทีส่ ามารถจัดงานฉลองกนั ได้ และไมไ่ ด้ ขนึ้ อย่กู บั สงิ่ ใดบ้าง - : ศาลโลกกาลงั พิจารณาคดีเขาพระวิหาร การตัง้ คาถาม - เขาพระวหิ ารสาคญั อย่างไร เป็นของชาติใด - ศาลโลกมขี อบเขตของอานาจการพจิ ารณาคดอี ย่างไร - ประเด็นสาคัญอะไรบา้ งทที่ าใหเ้ กดิ ข้อขัดแยง้ เขาพระวิหาร - ถ้านักเรียนเป็นชาติย่ืนฟอ้ งตอ่ ศาลโลกจะต้องใชป้ ระจกั ษพ์ ยานสาคญั อะไร - ถา้ นกั เรียนเป็นชาติท่ถี ูกฟอ้ งจะตอ้ งเตรยี มประจักษ์พยานใดต่อสคู้ ดี - ปญั หานเ้ี หมอื นหรอื ต่างกับการสรา้ งบา้ นไปรกุ ล้าทีบ่ า้ นใกล้เคียงอย่างไร : ธงชาตขิ องทุกประเทศในอาเซียนจะมรี ปู สัญลักษณ์ตา่ ง ๆท่ปี รากฏบนผืนธง การตง้ั คาถาม - ธงชาติของแตล่ ะชาติมีสญั ลกั ษณใ์ ดบา้ ง - แถบสีบนผนื ธงชาติของชาติในอาเซยี นเหมอื นหรอื ต่างกันอยา่ งไร - แถบสี และรปู สญั ลกั ษณบ์ นผนื ธงชาตมิ คี วามหมายเหมอื นหรอื ตา่ งกันอยา่ งไร - ธงชาติไทยมแี ถบสี รปู สญั ลกั ษณเ์ หมอื น หรอื ตา่ งจากธงชาติประเทศอาเซยี นอยา่ งไร
8 ใบกจิ กรรม การศึกษาค้นควา้ อสิ ระ 1 (IS1) กจิ กรรมท่ี 2 การต้ังสมมติฐาน ชื่อ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที่...........หอ้ ง........... 2.การตั้งสมมติฐาน หมายถึง การกาหนดข้อความท่ีคาดคะเนคาตอบของปัญหา/เรื่องที่สนใจไว้ก่อนทาการศึกษา ซ่ึงการ คาดคะเนคาตอบนนั้ ม่งุ หวังใหค้ าตอบหรือผลทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาถูกต้องมากท่ีสุด สมมติฐานจึงเป็นเครื่องมือที่จะนาไปสู่การพิสูจน์ คน้ หาความจรงิ ในการศึกษาค้นคว้า สมมตฐิ าน ระดบั คณุ ภาพ ................................................................................................. ดีเยีย่ ม-4 เขียนคาดคะเนคาตอบล่วงหน้า ................................................................................................. 1.อาศัยความรู้จากสาขาวิชาตา่ ง ๆ ................................................................................................. 2.แสดงเชอ่ื มโยงปจั จยั /ตัวแปรชัดเจน ................................................................................................. 3.ครอบคลมุ ประเดน็ คาถาม ................................................................................................. 4.สอดคล้องประเดน็ คาถาม ................................................................................................. 5.สมเหตสุ มผล ................................................................................................. 6.เปน็ ไปได้ในการตรวจสอบ 7.มที ฤษฎีรองรบั ................................................................................................. ดี-3 เขยี นคาดคะเนคาตอบล่วงหน้า ................................................................................................. 1.อาศยั ความรู้จากสาขาวิชาตา่ ง ๆ ................................................................................................. 2.แสดงเช่อื มโยงปจั จยั /ตัวแปรชดั เจน ................................................................................................. 3.สอดคลอ้ งประเดน็ คาถาม ................................................................................................. 4.สมเหตสุ มผล ................................................................................................. 5.เป็นไปไดใ้ นการตรวจสอบ ................................................................................................. พอใช-้ 2 6.มที ฤษฎรี องรบั ................................................................................................ เขียนคาดคะเนคาตอบล่วงหน้า 1.อาศัยความรู้จากสาขาวิชาตา่ ง ๆ ................................................................................................. 2.แสดงเช่อื มโยงปจั จยั /ตวั แปรชัดเจน ................................................................................................. 3.สอดคล้องประเดน็ คาถาม ................................................................................................. ปรับปรงุ 4.เปน็ ไปไดน้ อ้ ยในการตรวจสอบ ................................................................................................. 1 5.ไม่มที ฤษฎรี องรบั ................................................................................................. เขียนคาดคะเนคาตอบล่วงหน้า ................................................................................................. 1.อาศัยความรู้จากสาขาวิชาต่าง ๆ 2.ไมส่ ัมพันธเ์ ชอ่ื มโยงปัจจยั /ตวั แปรชดั เจน ................................................................................................. 3.ไม่สอดคลอ้ งประเด็นคาถาม ................................................................................................ 4.เป็นไปได้นอ้ ยในการตรวจสอบ ................................................................................................ 5.ไมม่ ีทฤษฎรี องรับ ตัดสนิ ใจเลือกสมมติฐานท่.ี ....................................... ข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู/ครทู ่ีปรึกษา ประเดน็ เหตุผลทส่ี นับสนนุ /โต้แย้ง ............................................................................... ................................................................................................ ลงชือ่ ........................................................ ................................................................................................. (.........................................................)
9 ตัวอยา่ งการตง้ั สมมติฐาน การตง้ั สมมติฐานควรแสดงถงึ ความสมั พนั ธ์ของเรื่อง(ตวั แปรตาม)ท่ีตอ้ งการศึกษา ว่ามคี วามสมั พันธ์กับปัจจยั ทมี่ ผี ลตอเรอื่ ง/ประเด็นทีส่ นใจ/สงสยั (ตวั แปรตน้ ) ประโยคทีใ่ ชแ้ สดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรทงั้ สองสังเกตได้ เชน่ “มผี ลกระทบต่อ” “มอี ิทธิพลตอ่ ” “แปรผันกับ” “มากกวา่ ” “น้อยกวา่ ” “มคี วามสัมพันธก์ บั ” และข้อความทใี่ ชต้ งั้ สมมติฐานคอื วลี \"ถ้า.....ดังน้ัน.....\" หรอื “ถา้ ……แล้ว…หรือ...” - ผู้ที่สบู บุหรี่เป็นโรค มากกวา่ ผทู้ ไี่ มส่ บู บหุ ร่ี - การสบู บหุ รีม่ ี ความสัมพันธ์ ทางบวกกบั การเป็นมะเร็งในปอด - ผ้ทู ี่สูบบหุ ร่เี ป็นโรคมะเรง็ ในปอด มากกว่า ผ้ทู ไ่ี มส่ ูบบุหร่ี - ผทู้ ี่ไม่สบู บหุ รเ่ี ปน็ โรคมะเร็งในปอด นอ้ ยกวา่ ผู้ทสี่ บู บุหร่ี - ผู้ท่ีสูบบุหรี่เปน็ โรคมะเรง็ ในปอด แตกตา่ งกบั ผทู้ ่ไี มส่ บู บหุ รี่ - ถ้าราเพนนิซลิ เลียมยบั ย้งั การเจริญของ Bact ดงั นนั้ Bact จะไมเ่ จริญเม่อื มรี าเพนนซิ ลิ เลยี มขึ้น รวมอยู่ด้วย\" -\"ถ้าแสงแดดมสี ว่ นเกย่ี วข้องกบั การเจรญิ งอกงามของตน้ หญ้า ดงั น้ัน ต้นหญา้ บรเิ วณทีไ่ ม่ไดร้ บั แสงแดดจะไมเ่ จริญหรอื ตายไป\" -\"ถา้ แสงแดดมสี ว่ นเกย่ี วข้องกับการเจรญิ งอกงามของต้นหญา้ ดังนัน้ ตน้ หญา้ บรเิ วณทไ่ี ด้รบั แสงแดด จะเจรญิ งอกงาม\" - ถา้ ฮอร์โมนมผี ลต่อสขี องปลาสวยงาม ดงั นนั้ ปลาทเ่ี ลี้ยงโดยให้ฮอรโ์ มนจะมสี ีเร็วกวา่ ปลาทเ่ี ลีย้ งโดย ไมใ่ หฮ้ อรโ์ มนในชว่ งอายุเท่ากนั - ถา้ ควันบุหร่มี ผี ลตอ่ การเกิดมะเรง็ คนที่สบู บหุ รหี่ รือคลุ กคลีกบั คนสูบบุหรีจ่ ะมโี อกาสเปน็ โรคมะเรง็ ไดม้ ากกว่าคนทไ่ี มส่ ูบบหุ รี่หรือไมค่ ลกุ คลกี บั คนสบู บหุ ร่ี - ถา้ ความรอ้ นมผี ลตอ่ การสกุ ของผลไม้ ดังนน้ั ผลไม้ทผี่ ่านการอบไอนา้ จะมีอายกุ ารสกุ นานกว่าผลไม้ ทไี่ ม่ไดผ้ า่ นการอบไอนา้ - การใชเ้ ทคโนโลยีทันสมัยมีความสัมพันธ์กบั ประสิทธิผลและประสทิ ธภิ าพในการทางานทางบวก - คา่ ตอบแทนสวัสดกิ ารมีความสมั พนั ธ์กบั ขวญั และกาลงั ใจในการทางานทางบวก - ผ้หู ญงิ มีความสนใจนา้ หอมมากกวา่ ผชู้ าย - สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ มีความสมั พนั ธ์ กบั ประสทิ ธผิ ลในการทางาน - ความต้องการใช้เคร่ืองไฟฟา้ ของบุคคลในชุมชนชนบทและชุมชนเมอื งแตกตา่ งกนั - การใชค้ อมพิวเตอร์ มีความสมั พันธ์ กบั ประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพในการทางาน - วิธีการจงู ใจกบั ขวัญและกาลงั ใจในการทางาน มคี วามสัมพนั ธก์ ัน - วิธีการจูงใจกับขวญั และกาลังใจในการทางาน มคี วามสัมพนั ธ์กนั ทางบวก -ความคดิ ของผู้ประกอบการรา้ นอาหารของโรงเรยี นมรี ะดบั ที่มากกว่าของผปู้ ระกอบการร้านอาหาร ท่ัวไปความคิดเห็นของผปู้ ระกอบการกบั ของพนักงานท่มี ีตอ่ จรยิ ธรรมของนักธรุ กจิ แตกตา่ งกนั - การเปิดรบั สอื่ ประชาสัมพันธท์ ีใช้ในกิจกรรมชุมชนของชาวบ้านเกาะ(ไม่)มีความสมั พันธก์ บั การมี ส่วนรว่ มในงานกจิ กรรมชมุ ชนของชาวบา้ น
10 ตัวอย่างการต้งั สมมตฐิ าน (ตอ่ ) - ผู้สูงอายุทอี ยใู่ นเขตเมอื งมคี วามสนใจใชอ้ นิ เตอรเ์ น็ตในการรบั รู้ข่าวสารเก่ียวกบั การดูแลสขุ ภาพระดบั ปานกลาง (มาก/นอ้ ย) - นักเรียนกลมุ่ ทีอ่ ่านการต์ ูนเรื่องโรคเอดสก์ บั นักเรยี นทอ่ี า่ นจุลสารโรคเอดสม์ ที ัศนคตติ อ่ การป้องกัน โรคเอดส์แตกตา่ งกัน(ไม่แตกต่างกัน) - ความถนดั ทางตวั เลขกับผลการเรยี นวชิ าคณิตศาสตร์ของนกั เรียนระดบั ม.ต้น มีความสัมพันธ์กนั ทางบวก - นกั เรยี นที่มปี ระสบการณท์ างานแตกตา่ งกันมีความเขา้ ใจเกย่ี วกบั สภานักเรยี นแตกตา่ งกนั - ความถนดั ทางตัวเลขกับผลการเรียนวชิ าคณิตศาสตรข์ องนกั เรยี นมคี วามสมั พนั ธ์กนั ทางบวก - ความรู้เก่ยี วกับโรคเอดส์ของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่5หลงั การใชส้ ถานการณจ์ าลองก่อนและ หลงั การใช้สถานการณ์จาลองแตกตา่ งกัน - นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 แผนการเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละแผนการเรยี นศิลปภ์ าษามเี จตคตติ อ่ วิชา ภาษาไทยแตกต่างกนั - กลิน่ ใบตะไครก้ าจัดแมลงสาบได้ดกี วา่ กล่นิ ใบมะกรดู - การลดนา้ หนักดว้ ยวิธีควบคุมอาหารรว่ มกบั การออกกาลงั กายช่วยลดนา้ หนกั ได้ดกี ว่าการควบคมุ อาหารอย่างเดยี ว - ถา้ ความเร็วของวัตถุ มคี วามสมั พันธ์แบบผกผัน กับมวลของวัตถุ จริง ดังน้ันเมอ่ื มวลของวตั ถุมากขน้ึ ความเรว็ ของวัตถจุ ะลดลง - ถ้าปุย๋ ชีวภาพ มีแร่ธาตทุ ี่จาเปน็ แกก่ ารเจรญิ เติบโตของพืช มากกว่าปยุ๋ เคมี ดังน้นั ต้นถ่วั ท่ใี ช้ ปุย๋ ชวี ภาพจะเจรญิ เตบิ โตดกี ว่า ต้นถว่ั ท่ีใช้ปุย๋ เคมี - สตรีท่มี อี าชีพนักธุรกจิ อยใู่ นเขตเมอื งจะมสี ถติ กิ ารหยา่ รา้ งมากกวา่ สตรที ปี่ ระกอบอาชีพอืน่ - วยั รนุ่ ทม่ี ีพื้นฐานทางครอบครัว ฐานะยากจนและรา่ รวยจะมีปญั หาการตดิ ยาเสพตดิ แตกตา่ งกัน - วยั รนุ่ ท่ีมพี ้ืนฐานทางครอบครัวฐานะยากจน จะมปี ญั หาการตดิ ยาเสพตดิ มากกว่า วัยรนุ่ ท่ีมาจาก ครอบครัวฐานะรา่ รวย - วยั รุน่ ทม่ี พี ื้นฐานทางครอบครวั ฐานะยากจนจะมปี ญั หาการติดยาเสพติด นอ้ ยกว่า วัยรุ่นทีม่ ีพ้นื ฐาน ทางครอบครัวฐานะร่ารวย - วัยรุ่นที่มีพน้ื ฐานทางครอบครวั ฐานะยากจนมพี ฤตกิ รรมกา้ วรา้ ว มากกวา่ วัยร่นุ ที่มีพื้นฐานทาง ครอบครัวฐานะดี - นักเรยี นท่มี ภี ูมลิ าเนาตา่ งอาเภอและนกั เรียนทมี่ ีภูมิลาเนาอยใู่ นอาเภอเมอื งมชี อบดูภาพยนตร์ แตกตา่ งกนั - ลกู ค้าของหา้ งสรรพสนิ คา้ เซน็ ทรลั และหา้ งบิกซขี นึ้ อยกู่ บั ระดับรายได้ - ระดับรายได้ของลกู ค้าหา้ งเซ็นทรลั มคี วามสมั พันธท์ างบวกกับระดบั รายได้ของลูกค้าหา้ งบกี ซี - ถ้าอตั ราดอกเบย้ี เงนิ ฝากธนาคารลดลง คนจะออมเงินนอ้ ยลง - ผู้ชายสนใจการเป็นนายหน้า มากกวา่ ผหู้ ญงิ - คนจนี มคี วามสามารถในการคา้ มากกวา่ คนไทย
11 ตัวอย่างการตั้งสมมตฐิ าน (ต่อ) - พนกั งานขายทีฝ่ ึกอบรมตา่ งกันจะมพี ฤติกรรมการขายต่างกัน - ระดับการศึกษากบั ประสทิ ธิภาพในการทางานมคี วามสมั พนั ธ์กนั ทางบวก - สตรีทจี่ บการศกึ ษาสูงจะมีสัดส่วนของการแตง่ งานน้อยกว่าสตรีท่จี บการศกึ ษาตา่ กว่า - ผูส้ ูงอายหุ ญงิ จะมีอตั ราของภาวะทุพพลภาพสูงกว่าผู้สูงอายชุ าย - เพศหญิงและเพศชายมีสัดสวนการเรียนตอในระดับปริญญาโทแตกตางกัน - ระดับการศกึ ษามีความสัมพนั ธ์กบั ระดบั รายได้ - เพศหญิงมีสดั สวนการเรียนตอในระดับปรญิ ญาโทสูงกวาเพศชาย - ระดับการศึกษามคี วามสัมพนั ธ์เชิงบวกกบั รายได ผทู้ ม่ี ีระดบั การศกึ ษาสงู จะมรี ายไดสูงดวย) - นกั เรียนทีท่ บทวนบทเรียนด้วยตวั เองเปน็ ประจาทุกวันจะมีคะแนนสอบสูงกวา่ นักเรียนทไ่ี มไ่ ด้ ทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองเป็นประจาทุกวัน - พ้นื ท่ีท่ีมแี หลงเพาะพันธุยงุ ลายมากทาใหมีการเจ็บปวยดวยโรคไขเลอื ดออก - จานวนแหลง่ เพาะพันธุ์ยุงลายในพ้ืนท่ีมคี วามสมั พนั ธเ์ ชิงบวกกบั อัตราความชุกของโรคไข้เลอื ดออก ของประชากรในพื้นที่ - การเปน็ มะเรง็ กับการสบู บหุ รี่มีความสัมพันธก์ นั ” -“ผ้ชู ายมีความสามารถทางช่าง (เต้นรา, รอ้ งเพลง, ศลิ ปะการเรียนวิทยาศาสตร์ ฯลฯ) สงู กว่าผู้หญงิ ” - ความสามารถในการพูดภาษาไทยของเดก็ ชายและเดก็ หญิง แตกตา่ งกัน” - ปยุ๋ อนิ ทรี มผี ลทาให้พืชเจริญเติบโตสงู กว่าปุ๋ยเคมี - แตงโมทป่ี ลกู ในฤดทู ่ีแตกตา่ งกันจะให้ผลผลิตแตงโมท่ีแตกต่างกัน - ปัจจบุ นั ประชาชนในเมืองมีความสนใจในประเพณสี งกรานต์มากขึ้น - ผูป้ กครองของนักเรียนในประเทศไทยมักไมน่ ิยมส่งบตุ รหลานไปศึกษาต่อตา่ งประเทศ - คนทอ่ี ยู่ในเมอื งมกั มคี รอบครวั ท่ีเล็กกว่าคนท่อี ยใู่ นชนบท - นักเรียนทเ่ี รยี นต่างอาเภอมักสอบเข้ามหาวทิ ยาลัยไม่ได้ - การเลยี้ งดูของมารดานา่ จะมีความสมั พนั ธ์กับความฉลาดทางอารมณข์ องเด็ก - การหลบหนเี ขา้ เมืองของคนในประเทศเพ่ือนบา้ นนา่ จะเปน็ สาเหตุหนง่ึ ของปัญหาอาชญากรรมในเมือง - ความนยิ มในการเรียนกวดวชิ าของนกั เรียนชายมมี ากกว่านักเรยี นหญิง - นกั เรยี นทม่ี ีบดิ ามารดามคี วามคาดหวงั ในตัวบุตรสูงนา่ จะมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสูงกวา่ นักเรยี นท่ีมี บิดามารดามคี วาม คาดหวงั ในตัวบุตรสงู - ความนยิ มในการเรยี นกวดวิชาของนักเรยี นชายและนักเรียนหญิงน่าจะมคี วามแตกต่างกัน - ความคาดหวังของบดิ ามารดามีความสัมพนั ธ์กบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของบตุ ร -นักเรียนท่ีมีผูป้ กครองรับราชการ และนักเรียนที่มผี ปู้ กครองประกอบอาชพี เกษตรกรรมมีพฤติกรรม ความเป็นผูน้ าแตกต่างกัน - ครทู ่มี วี ุฒกิ ารศึกษาต่างกันจะมคี วามสามารถในการสอนแตกต่างกัน - เพศชายและเพศหญิงมคี วามสนใจด้านการเมืองไมแ่ ตกตา่ งกนั -เปลือกของกล้วยตา่ งชนดิ กัน มีผลตอ่ การดบั กล่ินขยะได้ต่างกนั - การเลือกแผนการเรยี นของนกั เรยี นมคี วามสมั พันธ์กับคา่ นยิ มในอาชีพ - ผู้ทส่ี ูบบหุ รมี่ โี อกาสเป็นโรคเกย่ี วกบั ทางเดินหายใจมากกวา่ ผทู้ ่ีไมส่ ูบบุหรี่ - การอบรมเลี้ยงดขู องครอบครัวมีผลต่อการตอ่ ตา้ นหรอื ยอมรับการทจุ ริตในการปฏิบตั ิหนา้ ทีร่ าชการ - การโฆษณาผ่านสอื่ โทรทัศน์มอี ทิ ธพิ ลต่อการตดั สินใจบรโิ ภคยารักษาโรคบางประเภท
12 ใบกจิ กรรม การศึกษาค้นคว้าอสิ ระ 1 (IS1) กิจกรรมท่ี 3/1 การสบื ค้นความรู้ ชือ่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที.่ ..........ห้อง........... 3/1 การออกแบบ วางแผน การออกแบบวางแผน ระดบั คุณภาพ ......................................................................................................................... ดีเยยี่ ม-4 ลาดบั ข้นั รวบรวมขอ้ มูล ......................................................................................................................... 1.ชดั เจน ......................................................................................................................... 2.ปฏบิ ตั ไิ ดง้ ่าย ......................................................................................................................... 3.มวี ิธีการรวบรวมขอ้ มูล ......................................................................................................................... เหมาะสม ......................................................................................................................... ด-ี 3 ลาดบั ขั้น รวบรวมขอ้ มูล 1.ชัดเจน ......................................................................................................................... 2.ปฏิบตั ิได้ ......................................................................................................................... 3.มีวิธกี ารรวบรวมข้อมลู ......................................................................................................................... เหมาะสม ......................................................................................................................... พอใช้-2 ลาดับขั้น รวบรวมข้อมลู ......................................................................................................................... 1.ชัดเจน ......................................................................................................................... 2.ปฏิบตั ไิ ดย้ าก ......................................................................................................................... 3.มวี ธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ......................................................................................................................... ไมค่ ่อยเหมาะสม ......................................................................................................................... ปรบั ปรุง- ลาดบั ขนั้ รวบรวมขอ้ มูล ......................................................................................................................... 1 1.ไม่มีการวางแผน 2.ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิได้ ปรบั ปรงุ การออกแบบ/วางแผน มีการปรบั แผนในขน้ั ..................................................................................................................................................... เหตผุ ลท่ใี ชอ้ ธบิ ายในการปรบั ปรงุ ................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................... ข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู/ครทู ่ีปรึกษา ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................ (.........................................................)
ใบกิจกรรม การศึกษาค้นคว้าอิสระ 1 (IS1) 13 กจิ กรรมที่ 3/2 การสืบคน้ ความรู้ ชือ่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่ี...........หอ้ ง........... 2. แหล่งสบื ค้นขอ้ มูล และการบนั ทกึ อ้างองิ แหลง่ ความรู้ บันทึกแหล่งทีใ่ ชส้ บื ค้นความรู้ ระดับคุณภาพ ....................................................................................................................... ดีเยยี่ ม-4 แหลง่ ทีใ่ ชศ้ ึกษาข้อมูล 1.ปฐมภูมิ ....................................................................................................................... 2.ทตุ ยิ ภูมิ ....................................................................................................................... 3.อา้ งอิงแหลง่ ที่มาครบ ....................................................................................................................... 4.ครอบคลุมทุกประเด็น ....................................................................................................................... ด-ี 3 แหลง่ ที่ใช้ศกึ ษาข้อมูล ....................................................................................................................... 1.ปฐมภมู ิ ....................................................................................................................... 2.ทตุ ยิ ภูมิ ....................................................................................................................... 3.อ้างอิงแหลง่ ท่มี าครบ ....................................................................................................................... 4.ไมค่ รอบคลมุ ทุกประเด็น ....................................................................................................................... พอใช้-2 แหลง่ ท่ีใชศ้ ึกษาข้อมลู ....................................................................................................................... 1.ไมห่ ลากหลาย ....................................................................................................................... 2.อ้างอิงแหลง่ ท่มี าไมค่ รบ ....................................................................................................................... 3.ไมค่ รอบคลุมทกุ ประเดน็ ....................................................................................................................... ปรับปรุง แหลง่ ทใ่ี ช้ศกึ ษาข้อมูล ....................................................................................................................... 1 1.ไมห่ ลากหลาย ....................................................................................................................... 2.ไมอ่ ้างองิ แหลง่ ทม่ี า ....................................................................................................................... 3.ไม่ครอบคลุมสมมติฐาน การเปลย่ี นแปลงแหลง่ สืบค้นขอ้ มลู (เพิม่ /ลด) ............................................................................................................................. ......................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อคิดเห็น หรอื ขอ้ เสนอแนะของครู/ครูที่ปรึกษา ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................ (.........................................................)
14 ใบกจิ กรรม การศึกษาค้นคว้าอิสระ 1 (IS1) กจิ กรรมที่ 3/3 การสืบค้นความรู้ ชือ่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท.่ี ..........ห้อง........... 3/3. การแลกเปลยี่ นความคิดเห็น บันทกึ ผลการแลกเปลย่ี นความคิดเห็น ระดับคุณภาพ .............................................................................................................. ดีเยย่ี ม-4 มกี ารแลกเปลี่ยน 1.ภายในและต่างกล่มุ ................................................................................................................. 2.รว่ มกันพจิ ารณาความ ................................................................................................................. น่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล ................................................................................................................. 3.ใช้ความรู้จากสาขาวชิ าตา่ ง ๆ ................................................................................................................. 4.ไดข้ อ้ มูลครบถ้วน ................................................................................................................. ด-ี 3 มีการแลกเปลยี่ น ................................................................................................................. 1.ภายในกลุ่ม ................................................................................................................. 2.ใช้ความร้จู ากสาขาวชิ าตา่ ง ๆ ................................................................................................................. 3.ไดข้ อ้ มลู ครบถว้ น ................................................................................................................. พอใช้-2 มกี ารแลกเปลย่ี น 1.ภายในกลุ่ม ................................................................................................................. 2.ใชค้ วามร้สู าขาวชิ าตา่ งๆ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ปรบั ปรุง ไมม่ ีการแลกเปลีย่ น ................................................................................................................. 1 ภายในกลุม่ ................................................................................................................. ................................................................................................................. ................................................................................................................. บันทกึ เพิม่ เตมิ การพิจารณาความน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มลู ....................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................... ....................................................................................................................................................................................... ข้อคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของครู/ครูท่ีปรึกษา ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................................... ลงชอื่ ........................................................ (.........................................................)
15 ใบกิจกรรม การศึกษาค้นคว้าอิสระ 1 (IS1) กจิ กรรมที่ 3/4 การสืบค้นความรู้ ชื่อ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท.่ี ..........หอ้ ง........... 4. การบันทึกข้อมลู บันทึกยอ่ ผลการสบื คน้ ข้อมลู ระดบั คุณภาพ ................................................................................................................... ดีเยี่ยม มีการบนั ทกึ ขอ้ มลู ..................................................................................................................... 4 1.เหมาะสม ..................................................................................................................... 2.ขอ้ มูลครบถว้ น ..................................................................................................................... 3.ปรึกษาครูสม่าเสมอ ..................................................................................................................... ตอ่ เน่อื ง ..................................................................................................................... ดี-3 มกี ารบนั ทึกข้อมลู 1.เหมาะสม ..................................................................................................................... พอใช้ 2.ขอ้ มลู ไมค่ รบถว้ น ..................................................................................................................... 2 3.ปรกึ ษาครไู ม่เกนิ 2 ครง้ั ..................................................................................................................... มีการบันทกึ ข้อมูล ..................................................................................................................... 1.เหมาะสม ...................................................................................................................... 2.ข้อมูลไมค่ รบถ้วน ...................................................................................................................... 3.ปรกึ ษาครูเพียงครง้ั เดียว ...................................................................................................................... ปรบั ปรงุ ไม่มีการบันทกึ ขอ้ มูล 1 ไมม่ ีการปรึกษาจากครู ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ................................................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................ ...................................................................... ปรึกษาครู ครงั้ ท่ี 1 เกี่ยวกับ..................................................................................................ลายมือชอ่ื คร.ู .................. ปรึกษาครู ครงั้ ที่ 2 เก่ียวกับ..................................................................................................ลายมือช่อื คร.ู .................. ปรกึ ษาครู ครง้ั ท่ี 3 เกย่ี วกับ..................................................................................................ลายมอื ชื่อคร.ู .................. ปรึกษาครู ครงั้ ที่ 4 เกี่ยวกับ..................................................................................................ลายมอื ชอ่ื คร.ู .................. ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู/ครทู ี่ปรึกษา ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................ (.........................................................)
ใบกจิ กรรม การศึกษาค้นควา้ อิสระ 1 (IS1) 16 กจิ กรรมท่ี 4/1 การสรุปองค์ความรู้ ช่ือ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่ี...........ห้อง........... 1. การอธิบายความเปน็ มาของศาสตร์(ความร)ู้ บนั ทึกอธบิ ายความเป็นมาของศาสตร/์ ความรู้ ระดับคุณภาพ ......................................................................................................................... ดเี ยยี่ ม-4 ความเป็นมาแสดงถึง ........................................................................................................................ 1.หลกั การ ......................................................................................................................... 2.วิธีคดิ ....................................................................................................................... 3.ถูกตอ้ ง ........................................................................................................................ 4.ชัดเจน ........................................................................................................................ ดี-3 ความเป็นมาแสดงถงึ ........................................................................................................................ 1.หลกั การ ........................................................................................................................ 2.ถกู ตอ้ ง ........................................................................................................................ 3.ชัดเจน ........................................................................................................................ พอใช-้ 2 ความเป็นมาแสดงถงึ ........................................................................................................................ 1.หลกั การ ........................................................................................................................ 2.ไมช่ ดั เจน ........................................................................................................................ ปรบั ปรงุ ความเป็นมาแสดง 1 ถึง 1.ไม่มกี ารอธบิ าย ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ............................................................................................................................. ..................................................... ประเดน็ สาคัญที่อธิบายเพมิ่ เตมิ (ถ้าม)ี ................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... บันทึกขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครู /ครูท่ีปรกึ ษา ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................ (.........................................................)
17 ใบกิจกรรม การศึกษาค้นควา้ อสิ ระ 1 (IS1) กิจกรรมท่ี 4/2 การสรุปองค์ความรู้ ชอ่ื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่.ี ..........หอ้ ง........... 2. การวเิ คราะห์ข้อมูล บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ ระดับคณุ ภาพ ........................................................................................................................ ดเี ยยี่ ม-4 วธิ กี ารวเิ คราะห์ขอ้ มลู ........................................................................................................................ 1.จาแนก ........................................................................................................................ 2.จดั กล่มุ ........................................................................................................................ 3.จดั เรยี งลาดบั ........................................................................................................................ 4.เรยี บเรยี งเปน็ ข้อ ........................................................................................................................ 5.ลาดบั ความสาคญั สอดคลอ้ งกับสมมตฐิ าน ........................................................................................................................ ด-ี 3 วิธกี ารวเิ คราะห์ขอ้ มูล ........................................................................................................................ 3 ใน 5 วธิ ีการ สอดคล้องกบั สมมตฐิ าน ........................................................................................................................ ใช้วิธกี ารวิเคราะห์ขอ้ มลู 1 หรือ 2 วธิ ี ........................................................................................................................ พอใช้-2 ไมส่ อดคล้องสมมตฐิ าน ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ปรับปรุง 1 ไม่มกี ารวิเคราะห์ข้อมลู วิเคราะห์ข้อมลู ผิด ....................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................................... ......................... ........................................................................................................................................................................................ ประเด็นสาคัญทตี่ อ้ งวเิ คราะห์....................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... บันทกึ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครู /ครทู ่ีปรึกษา ................................................................................................................................................... ..................................... ........................................................................................................................................................................................ ลงช่อื ........................................................ (.........................................................)
18 ใบกิจกรรม การศกึ ษาค้นคว้าอสิ ระ 1 (IS1) กิจกรรมท่ี 4/2 การสรปุ องค์ความรู้ ชือ่ ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที.่ ..........หอ้ ง........... 2. การสังเคราะห์ และสรปุ องค์ความรู้ บันทึกสรปุ ความรใู้ หมท่ ่เี กิดข้ึนกบั นกั เรียน ระดบั คุณภาพ ........................................................................................................................ ดีเยยี่ ม-4 การสงั เคราะหแ์ ละสรุป ........................................................................................................................ 1.ชัดเจน ........................................................................................................................ 2 มีการอภิปรายผล ........................................................................................................................ 3.เปรยี บเทยี บชดั เจน ........................................................................................................................ 4.เชอ่ื มโยง ........................................................................................................................ 5.สมเหตสุ มผล ........................................................................................................................ ด-ี 3 การสังเคราะหแ์ ละสรปุ ........................................................................................................................ 1.ชดั เจน ........................................................................................................................ 2 มกี ารอภปิ รายผล ........................................................................................................................ 3.เปรียบเทยี บชดั เจน ........................................................................................................................ พอใช้-2 4.เช่อื มโยง ........................................................................................................................ การสงั เคราะหแ์ ละสรปุ ........................................................................................................................ 1.ชดั เจน 2 มีการอภปิ รายผล ........................................................................................................................ 3.เปรียบเทยี บไม่ชัดเจน ........................................................................................................................ ปรบั ปรงุ 1 การสงั เคราะหแ์ ละสรปุ ........................................................................................................................ 1.ไม่ชดั เจน 2 ไม่มกี ารอภิปรายผล 3.ไม่เปรยี บเทียบ บันทกึ การเปรียบเทียบและเชื่อมโยงความรูใ้ หมไ่ ด้อย่างสมเหตุสมผล ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ........................................................................................................................................................................................ บันทึกข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ป่ี รึกษา ............................................................................................................................. ........................................................... ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ........................................................ (.........................................................)
19 ใบกจิ กรรม การศกึ ษาค้นควา้ อิสระ 1 (IS1) กิจกรรมท่ี 4/3 การสรุปองค์ความรู้ ช่อื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่.ี ..........ห้อง........... 3. การนาเสนอความรู้ทไี่ ดไ้ ปใช้แกป้ ัญหา บนั ทกึ การนาเสนอแนวคดิ จากความรูใ้ หมไ่ ปใช้ ระดบั คุณภาพ ........................................................................................................................ ดีเยยี่ ม-4 การนาเสนอแนวคิด ........................................................................................................................ ด-ี 3 1.ชัดเจน ........................................................................................................................ 2 เป็นระบบ ........................................................................................................................ 3.แกป้ ัญหาได้ ........................................................................................................................ การนาเสนอแนวคดิ ........................................................................................................................ 1.ชัดเจน ........................................................................................................................ 2 เป็นระบบ 3.แก้ปญั หาได้ไม่ชัดเจน ........................................................................................................................ พอใช้-2 การนาเสนอแนวคิด ........................................................................................................................ 1.ไมช่ ัดเจน 2 ไมเ่ ป็นระบบ ........................................................................................................................ 3.แกป้ ัญหาไดไ้ ม่ชดั เจน การนาเสนอแนวคดิ ........................................................................................................................ ปรบั ปรงุ 1 ไม่มกี ารนาเสนอแนวคิด ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ บันทึก (เพมิ่ เตมิ ) ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................................... บันทกึ ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของครู /ครูท่ีปรกึ ษา ............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ลงชือ่ ........................................................ (.........................................................)
20 ใบกจิ กรรม การสอ่ื สารและการนาเสนออยา่ งมีประสทิ ธิภาพ (IS2) กิจกรรมท่ี 1 การเขยี นเรยี บเรยี งความรู้ ช่อื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที่...........หอ้ ง........... 1.การเขยี นเรียบเรียงประเด็นความรู้ บันทกึ การเขยี นโครงรา่ ง ระดับคุณภาพ ........................................................................................................................ ดเี ยีย่ ม-4 การเรยี บเรยี งและถา่ ย ........................................................................................................................ ทอดความคดิ ........................................................................................................................ 1.เปน็ ลาดับชัดเจน ........................................................................................................................ ดี-3 2.เป็นระบบ ........................................................................................................................ การเรียบเรยี งและถ่าย ........................................................................................................................ ทอดความคดิ ........................................................................................................................ 1.เปน็ ลาดบั ชดั เจน 2.ยังไม่คอ่ ยเป็นระบบ ........................................................................................................................ พอใช-้ 2 การเรยี บเรียงและถ่าย ........................................................................................................................ ปรับปรงุ ทอดความคิด ........................................................................................................................ 1 1.ยงั ไม่เป็นลาดบั ชัดเจน ........................................................................................................................ 2.ไมเ่ ป็นระบบ ........................................................................................................................ การเรียบเรียงและถ่าย ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ทอดความคิด ไมเ่ ปน็ ลาดับ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ (ตอ่ ).............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... บันทกึ ขอ้ คดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ปี่ รึกษา ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................ (.........................................................)
21 1. การเขยี นโครงเร่ือง โครงเร่อื ง คือกรอบของเรอ่ื งที่ผู้ทารายงานจะใช้เป็นแนวทางในการเขียนรายงาน โดยการเขียนโครงเร่ือง น้ันผเู้ ขียนรายงานจะเร่มิ ตน้ จากการพิจารณาหวั ข้อรายงานอย่างถ่ีถ้วน วเิ คราะหแ์ นวคดิ ตา่ งๆทเี่ ก่ยี วขอ้ ง คัดเลือก แนวคดิ สาคญั รวมท้งั จัดลาดับวา่ แนวคดิ ใดมาก่อนหลัง และมคี วามสัมพันธ์กันอย่างไรโดยอาจจัดลาดับตามเวลา หรอื ตามเหตกุ ารณ์ โครงเรือ่ งประกอบด้วย บทนา หวั ข้อใหญ่ หัวข้อรอง หัวข้อยอ่ ย และบทสรปุ สาหรับหัวขอ้ เหล่านี้อาจจะใช้ ระบบตัวเลข หรือระบบตวั อกั ษร และตวั เลขชว่ ยในการเรียงลาดบั ดังนี้ ลาดับโครงโดยใชร้ ะบบตัวเลข ลาดบั โครงเร่ืองโดยใช้ระบบตัวอกั ษรและตวั เลข 1. ______________ ก. ______________ 1.1. ____________ 1.1.1. __________ 1. ___________ ก) ___________ ตวั อย่าง การเรียงลาดบั โครงเร่ืองโดยใช้ระบบตัวอกั ษรและตัวเลข การวางแผนกลยทุ ธ์การตลาด ก. บทนา ข. ความหมายและความสาคัญของการตลาด 1. ความหมาย 2. ความสาคัญ ก) ความสาคัญทางสงั คม ข) ความสาคญั ทางเศรษฐกิจ ค แนวคิดทางการตลาด 1. การมงุ่ เนน้ การผลิต 2. การมงุ่ เนน้ ตวั ผลิตภณั ฑ์ 3. การม่งุ เน้นการขาย 4. การมุง่ เนน้ การตลาด ง. การวางแผนกลยทุ ธ์ 1. ความหมาย 2. ปจั จัยและสภาพแวดล้อมทางการตลาด 3. ขั้นตอนการวางแผนกลยทุ ธ์ ก) การวเิ คราะห์โอกาสทางการตลาด ข) การวเิ คราะห์สว่ นแบง่ ทางการตลาด ค) การกาหนดเป้าหมายการตลาด จ. ผลของการวางแผนกลยุทธ์ 1. ผลต่อผู้ผลิต 2. ผลตอ่ ผู้บริโภค ฉ. สรปุ
22 ในการจัดโครงเรื่องน้ัน ไม่ควรแบ่งเนื้อเร่ืองออกเป็นหัวข้อย่อยๆ มากจนเกินไป และที่สาคัญคือ ต้องใหแ้ ต่ละหวั ขอ้ มคี วามสัมพนั ธก์ ัน เพ่ือให้รายงานมีความต่อเนื่อง และการเขียนไม่วกวน การจัดหรือการวาง โครงเรอ่ื งขึน้ อยกู่ ับเร่อื งท่ีทาการศึกษา ซึง่ สามารถจัดได้ 3 แบบ คือ 1) จัดตามลาดับเวลา 2) จัดตามลาดับความ สาพนั ธ์ของเนอื้ หา และ 3) จัดตามลาดบั เวลา และความสาพนั ธ์ของเนื้อหา ตังตัวอย่างตอ่ ไปนี้ ตวั อย่าง สว่ นหนึ่งของโครงเรอื่ งทจ่ี ัดตามลาดับเวลา ตวั อย่าง ส่วนหนงึ่ ของโครงเรอ่ื งทจี่ ดั ตาม บทบาทของดนตรใี นสงั คมและวฒั นธรรมไทย ความสัมพนั ธข์ องเนอื้ หา 1) บทนา ดนตรไี ทย 2) ดนตรีในสงั คมและวฒั นธรรมไทยในสมัยสโุ ขทยั 1. บทนา 2.1 พธิ ีกรรม 2. ประวตั ิการดนตรีในประเทศไทยโดยสงั เขป 2.2 การละเล่น 3. ประเภทของดนตรีไทย 2.3 ประเพณี 3.1 เครอ่ื งดดี 3) ดนตรีในสงั คมและวฒั นธรรมไทยในสมยั อยุธยา 3.2 เครือ่ งสี 3.1 พิธกี รรม 3.4 เครอื่ งตี 3.2 การละเลน่ 3.5 เคร่อื งเปา่ 3.3 ประเพณี 4. วงดนตรีไทย 4.1 วงเครอ่ื งสาย ตัวอย่าง ส่วนหนง่ึ ของโครงเรอ่ื งทจี่ ัดตามลาดับเวลา และความสัมพนั ธ์ของเน้ือหา ความสัมพนั ธ์ทางพุทธศาสนาระหวา่ งไทยกบั ลงั กาต้ังแต่รชั กาลสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวบรมโกศ จนถงึ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว 1. บทนา 2. การรบั นบั ถือพุทธศาสนาแบบลงั กาวงศ์ 2.1 การฟ้ืนฟูพุทธศาสนาในลังกา : พทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศ์ 2.2 พุทธศาสนาในดนิ แดนไทยกอ่ นการรบั พทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศ์ 2.3 การรับพทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศ์ในดินแดนไทย 3 การกอ่ ตงั้ นกิ ายสยามวงศใ์ นลงั กา 3.1 ความเสอ่ื มของพทุ ธศาสนาในลงั กา 3.2 ความพยายามท่จี ะฟนื้ ฟูพทุ ธศาสนาในพทุ ธศตวรรษท่ี 22 – 23 3.3 การสนองตอบจากฝา่ ยไทย และการก่อต้งั นกิ ายสยามวงศ์ 2. การรวบรวมบรรณานกุ รม การเขียนรายการบรรณานุกรม มแี บบแผน และหลกั ในการบนั ทึกรายการแบ่งไดต้ ามทรพั ยากรสารนเิ ทศ ดงั น้คี อื หนงั สือ บทความในวารสาร หนังสือพิมพแ์ ละสารานุกรม วทิ ยานิพนธ์ จลุ สาร การสมั ภาษณ์ และสื่อ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ในการเขยี นรายงานบรรณานกุ รม อาจทาได้ 2 รปู แบบ คือแบบ ก หรอื แบบ ข เม่อื ใช้แบบใดแบบหนึ่ง แล้วควรเป็นแบบเดยี วกันตลอด 2.1 แบบแผนบรรณานุกรมของหนังสือ มีดังนี้
23 แบบ ก ผแู้ ตง่ . ชื่อเร่อื ง. จานวนเล่ม. * ครั้งที่พมิ พ์. สถานท่ีพมิ พ์: สานักพมิ พ์, ปีทีพ่ มิ พ์. แบบ ข ผ้แู ตง่ . ปที พ่ี ิมพ์. ชอ่ื เร่ือง. จานวนเล่ม. ครง้ั ทีพ่ มิ พ์. สถานท่พี ิมพ์: สานกั พิมพ์. ตวั อยา่ ง แบบแผนบรรณานกุ รมของ หนงั สือท่ีมผี ู้แต่งคนเดียว แบบ ก สภุ าพรรณ ณ บางช้าง. ขนบธรรมเนียมประเพณี: ความเช่ือและแนวทางการปฏบิ ัติในสมัยสุโขทัย ถึงสมยั อยุธยาตอนกลาง. กรุงเทพมหานคร: สถาบนั ไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2535. แบบ ข สภุ าพรรณ ณ บางช้าง. 2535. ขนบธรรมเนยี มประเพณี: ความเชอ่ื และแนวทางการปฏิบตั ใิ นสมัย สโุ ขทัยถงึ สมยั อยุธยาตอนกลาง. กรงุ เทพมหานคร: สถาบันไทยศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ตัวอย่าง แบบแผนบรรณานกุ รมของ หนังสือท่มี ีผู้แต่ง 3 คน แบบ ก มัณฑนา ศรีขจรวุฒศิ ักด์ิ, ศศิพร เล็กสุขศรี, และสมรัชนี ออ่ งเอิบ. ประเมินผลแผนพัฒนาการศึกษา แหง่ ชาติฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2530-2534) ระยะครง่ึ แผนระดบั ก่อนประถมศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: กองประเมินผลการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ, 2534. แบบ ข มณั ฑนา ศรขี จรวฒุ ิศกั ดิ์, ศศพิ ร เลก็ สุขศรี, และสมรัชนี อ่องเอิบ. 2534. ประเมนิ ผลแผนพัฒนา การศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) ระยะครง่ึ แผนระดับก่อนประถมศึกษา. กรงุ เทพมหานคร:กองประเมนิ ผลการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. ตัวอย่าง แบบแผนบรรณานุกรมของ หนงั สือแปลที่ปรากฏช่อื ผแู้ ตง่ ในภาษาเดมิ แบบ ก สตเี วนสนั , วิลเลียม. นายอนิ ทร์ผปู้ ดิ ทองหลงั พระ. ทรงแปลโดย ** พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ภมู พิ ลอดุลยเดชฯ. กรุงเทพมหานคร: อมรินทรพ์ รน้ิ ติง้ แอนดพ์ ับลชิ ชงิ่ , 2536. แบบ ข สตเี วนสัน, วิลเลยี ม. 2536. นายอินทร์ผู้ปดิ ทองหลังพระ. ทรงแปลโดย พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยหู่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดชฯ. กรุงเทพมหานคร: อมรินทรพ์ ริน้ ตงิ้ แอนด์พบั ลิชชิ่ง. 2.2 แบบแผนบรรณานกุ รมของบทความในวารสาร รปู แบบ ผู้เขียนบทความ. “ชือ่ บทความ.” ชื่อวารสาร ปที ่ี, ฉบบั ที่ (ปีทีพ่ ิมพ์): เลขหนา้ . ตวั อยา่ ง แบบ ก เจตน์ เจริญโท. “การทอ่ งเทย่ี วกับสิง่ แวดลอ้ มไทย ทาอย่างไรจงึ จะยั่งยืน.”นติ ยสารโลกสเี ขยี ว 2, 4 (2536):16-20. แบบ ข เจตน์ เจรญิ โท. 2536. “การทอ่ งเที่ยวกบั ส่ิงแวดลอ้ มไทย ทาอย่างไรจึงจะยงั่ ยืน.” นติ ยสารโลกสเี ขียว 2, 4:16-20. * หนงั สือเล่มเดยี วจบไมต่ อ้ งระบุจานวนเล่ม หรอื จานวนหน้า แตถ่ า้ หนงั สอื น้นั มีหลายเล่มจบ และใช้ประกองการเขยี นทกุ เล่ม ให้ ระบจุ านวนเล่มท้ังหมดดว้ ย แต่ถ้าใช้เฉพาะเลม่ ใหร้ ะบุเล่มท่ีใช้ หลังจานวนเล่ม ใสเ่ ครอ่ื งหมายมหพั ภาค ** คาสามัญใช้คาว่า “แปลโดย” สาหรับภาษาอังกฤษใช้ “Translated by” 2.3 แบบแผนบรรณานุกรมของวทิ ยานิพนธ์ ตวั อยา่ ง แบบ ก กรรณิการ์ ชนิ ะโชติ. “คาไทยและอทิ ธพิ ลบางประการของภาษาไทยในภาษาเขมร.” วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาดุษฎบี ัณฑิต จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2522. แบบ ข กรรณกิ าร์ ชินะโชติ. 2522. “คาไทยและอิทธิพลบางประการของภาษาไทยในภาษาเขมร.” วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาดุษฎบี ณั ฑิต จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
24 2.4 แบบแผนบรรณานกุ รมของบทสมั ภาษณ์ ตัวอยา่ ง แบบ ก แมน้ มาส ชวลติ , คณุ หญิง. นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย. สัมภาษณ์, 11 มนี าคม 2537. แบบ ข แม้นมาส ชวลิต, คุณหญงิ . 2537. นายกสมาคมหอ้ งสมดุ แหง่ ประเทศไทย. สมั ภาษณ,์ 11 มีนาคม. 2.5 แบบแผนบรรณานุกรมของขอ้ มูล/สารนเิ ทศอิเลก็ ทรอนกิ ส์ แบบ ก ผแู้ ตง่ . ชื่อเรอื่ ง. [ประเภทของสอ่ื ทเี่ ขา้ ถงึ ]. เข้าถงึ ไดจ้ าก: แหลง่ ขอ้ มลู /สารนเิ ทศ. ป.ี ∗ แบบ ข ผแู้ ต่ง. ป.ี ชอื่ เรอื่ ง. [ประเภทของสอ่ื ทเี่ ขา้ ถึง]. เข้าถงึ ได้จาก: แหลง่ ขอ้ มลู /สารนิเทศ. ตวั อย่าง แบบแผนบรรณานกุ รมของ สาระสงั เขปบนซีดรี อม แบบ ก Realizing the Potential of Information Resource: Information, Technology, and Service. Boulder,CO: CAUSE, 1996. [CD-ROM]. Abstract from: SilverPlatter File: ERIC Item: ED392340 แบบ ข Realizing the Potential of Information Resource: Information, Technology, and Service. 1996. Boulder, CO: CAUSE. [CD-ROM]. Abstract from: SilverPlatter File: ERIC Item: ED392340 ตวั อยา่ ง แบบแผนบรรณานุกรมของ ข้อมลู ท่ีมเี นอ้ื หาเตม็ บนอินเทอร์เนต็ แบบ ก “ไอศกรีม” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก: http://www.car.chula.ac.th/mis/mkdata96/food- 96/ice-cre.html 1996. แบบ ข “ไอศกรีม” 1996. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.car.chula.ac.th/mis/mkdata96/ food-96/icecre.html แบบ ก “Info media : Researching Digital Video Libraries at Carnegie Mellon University.” [Online]. Available: http://ingormedia.cs.cmu.edu/html/main.html 1998. แบบ ข “Info media : Researching Digital Video Libraries at Carnegie Mellon University.” 1998. [Online]. Available: http://ingormedia.cs.cmu.edu/html/main.html ตัวอยา่ ง แบบแผนบรรณานกุ รมของ ข้อมลู /สารนเิ ทศอ่ืนๆ บนอินเทอรเ์ นต็ แบบ ก “Uninterruptable Power Source (UPS) FAQ.” [Online]. Available: ftp://161.200.32.34/pub/mirrors/FAQ/UPS-fag 1995. แบบ ข “Uninterruptable Power Source (UPS) FAQ.” 1995. [Online]. Available: ftp://161.200.32.34/pub/mirrors/ FAQ/UPS-fag 3. การเขยี นรายงาน 3.1 การเรียบเรยี งเนื้อเรือ่ ง การเรียนเรียงเน้ือเรอื่ งมักจะทาตามโครงเรอื่ งทไ่ี ด้วางไว้ โดยรายงานส่าวนใหญ่จะเร่ิมต้นด้วยบทนา หรือ ความนาเพื่อเป็นการปูพ้ืนให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความเป็นมาของปัญหา หรือเร่ืองท่ีต้องศึกษา ความมุ่งหมายและ ขอบเขตรายงาน แลว้ จงึ เป็นสว่ นเนือ้ เรื่อง และควรมีบทสรปุ ซึง่ อาจจะเป็นผลของการคน้ คว้า หรือข้อเสนอแนะท่ี ไดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าในการนาเสนอเนอ้ื เร่ือง ผู้เขยี นจะตอ้ งเขยี นจากความรู้ และความคิดของตนเอง ต้องรู้จัก ประมวลความรู้ และความคดิ จากแหล่งข้อมูลตา่ งๆท่ีไดร้ วบรวมมา และใหเ้ อกสารอ้างองิ เปน็ สว่ นประกอบ ผู้เขยี น
รายงานต้องพิจารณาในเรือ่ งความถูกตอ้ ง และความสมั พนั ธ์ของเนอื้ เรือ่ ง การแสดงความคิดเหน็ มเี หตุผล และการ มองประเด็นปัญหาต่างๆอย่างถี่ถว้ นลึกซ้ึง มุ่งใหผ้ อู้ ่านเกิดความรู้ และประโยชนจ์ ากรายงานนน้ั ๆ 25 3.2 การยอ่ หน้า การเขยี นยอ่ หนา้ จะช่วยแสดงความสมั พันธข์ องเร่อื ง และช่วยใหผ้ อู้ า่ นจับประเด็นได้ว่า ผู้เขียนรายงานจะ นาเสนอเน้อื หาอย่างไร นอกจากนย้ี งั ชว่ ยให้ผอู้ า่ นไดพ้ ักสายตาอกี ด้วย ดงั นัน้ ยอ่ หน้าไมค่ วรจะยาวเกินไป เนอ่ื งจาก ยอ่ หน้าท่ยี าวอาจจะมีแนวคดิ หลายเรือ่ งอยู่ในย่อหน้าเดียว ซ่ึงอาจทาให้ผู้อ่านเกิดความสับสนได้ แต่ย่อหน้าก็ไม่ ควรสั้นจนเกนิ ไป จนทาใหเ้ ปน็ การเขียนหวั ขอ้ ต่อๆกันไป ยอ่ หน้าทด่ี คี วรเขียนให้มีเน้อื หาสาระชดั เจนไม่นอกเร่อื ง และเขียนให้มีความคิด หรือประเด็นสาคัญเพียง ประการเดยี ว และมีขอ้ ความขยายทเ่ี ปน็ เร่ืองเดียวกัน นอกจากน้นั เม่ือเขียนย่อห้าควรจะเรียงข้อความให้สัมพันธ์ กัน ไม่กระโดข้ามไปมา ทัง้ ในย่อหนา้ เดยี วกัน และระหวา่ งยอ่ หน้ากบั ยอ่ หนา้ 3.3 การคดั ลอกข้อความโดยตรงหรืออญั พจน์ (Direct Quotation) อัญพจนเ์ ป็นการคัดลอกข้อความ หรอื คาพูดมาจากต้นฉบับของเอกสาร หรือขอ้ เขยี นของผ้อู นื่ โดยตรง การ คัดลอกข้อความนม้ี ักจะคัดจากตอนที่เห็นวา่ สาคัญ ข้อความทีค่ ัดลอกมาจะตอ้ งเป็นขอ้ ความทีม่ คี วามยาวไม่มาก จนเกนิ ไปและการคัดลอกขอ้ ความจะต้องคดั ใหเ้ หมือนขอ้ ความเดิมทกุ ประการ จุดมุ่งหมายของการคัดลอก ขอ้ ความโดยตรง กเ็ พอ่ื เน้นความสาคญั ของขอ้ ความที่ยกมา และเพอื่ สนบั สนนุ ความคดิ เห็นของผ้เู ขียนรายงาน ทา ใหเ้ นอ้ื หาของรายงานมคี วามน่าเชื่อถอื มากข้นึ ตัวอยา่ ง การคัดลอกข้อความโดยตรง ดนตรีไทยในปัจจุบันไดร้ ับพระมหากรุณาธิคณุ จากสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ในการทะนุ บารงุ อยู่ตลอดเวลา สาเหตุเพราะ “...ด้วยใจรักทางดนตรี กพ็ ยายามสง่ เสรมิ การเรยี นการสอนดนตรไี ทยในระดบั ตา่ งๆ ต้ังแต่เด็กเล็กๆ จนถงึ ระดบั ผ้ใู หญ.่ ..” (สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ 2530:5) 3.4 การอ้างองิ ในเนื้อเรอื่ ง ในการเขียนงานทางวิชาการท่ไี ม่ใชเ่ ขียนโดยประสบการณส์ ่วนตวั ของผูเ้ ขยี น มกั จะอาศัยแหล่งข้อมูลปฐม ภมู แิ ละทุติยภูมิ โดยจรยิ ธรรมและตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้เขียนต้องระบุแหล่งข้อมูลท่ีใช้ โดยเฉพาะเม่ือคัดลอก ข้อความจากแหล่งที่ใช้โดยตรง ในที่น้ีขอแนะนาการอ้างอิงแบบแทรกปนไปในเน้ือหา ระบบนาม-ปี (author- date) กรณที ่ผี ู้ทารายงานอา้ งงานของผู้อื่นโดยสรุปเนื้อหา หรือแนวคิดท้ังเล่มของงานช้ินน้ันให้ใช้รูปแบบ ชื่อผู้ แตง่ ปี พมิ พ์ ไว้ในวงเลบ็ โดยไม่ระบเุ ลขหน้า เชน่ (สุทธิลกั ษณ์ อาพันวงศ์ 2515) กรณีที่ผูท้ ารายงานได้สรปุ เนอ้ื หา และความคิดจากผลงานของผ้แู ตง่ คนนน้ั แล้วนามาเรียบเรียงเป็นถ้อยคา สานวนของตนในรายงาน ให้อา้ งองิ โดย ระบชุ ือ่ ผแู้ ต่ง ปพี มิ พ์ และ/หรือ เลขหน้าไว้ในวงเล็บ เช่น (อรรณพ เธียร ถาวร2520: 117) อกี กรณีหน่ึง ผทู้ ารายงานอาจอ้างชือ่ ผู้แต่ง แล้วใสป่ ีพิมพ์ และ/หรือเลขหนา้ ไวใ้ นวงเล็บเช่นจากการสารวจ ข้อมูลโดย รัตนา เตชะวสัญญู (253:47) พบว่า ...ในประเทศไทย รัชนี วีระวัฒนยิ่งยง (2535: 66-69) ได้ศึกษา เกย่ี ว กบั ...แบบแผน และตวั อย่างการเขียนรายการอา้ งอิงแบบแทรกปนไปในเนือ้ หาระบบ นาม-ปี มดี งั นี้
26 1) ผแู้ ตง่ คนเดียว ผูแ้ ต่งเปน็ คนไทย ใหใ้ ชช้ ่อื กอ่ น แลว้ ตามดว้ ยนามสกลุ ถงึ แม้วา่ คนไทยจะเขียนเอกสาร เป็นภาษาต่างหระเทศก็ตาม สาหรบั ผูแ้ ตง่ ชาวต่างประเทศ ให้ใชน้ ามสกลุ เท่าน้ัน 2) ผแู้ ต่งมีฐานนั ดรศักด์ิ บรรดาศักด์ิ และสมณะศักด์ิ ให้ใส่ฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ และสมณะศักดิ์ ไว้ หนา้ ชอื่ ดว้ ย 3) ผู้แต่งมียศ มีตาแหน่ง อย่างยศทางทหาร ตารวจ เป็นนายแพทย์ แพทย์หญิง นายสัตวแพทย์ หรือ ตาแหน่งทางวชิ าการ เช่น ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ไม่ต้องใสย่ ศ หรอื ตาแหน่งทางวิชาการ 4) ผูแ้ ตใ่ ชน้ ามแฝง ให้ใช้นามแฝงตามนั้น 5) ผ้แู ต่งคนเดยี วเขยี นหนงั สอื เรื่องเดยี วหลายเลม่ จบ ให้ระบุ ชือ่ ผู้แตง่ ป:ี หมายเลขของเล่มที่อา้ งถึง: เลขหนา้ 6) ผู้แตง่ มี 2 คน สาหรบั เอกสารภาษาไทย ใหใ้ ช้ “และ” คั่นระหวา่ งชอื่ ผ้แู ต่งคนทห่ี นง่ึ กบั ผแู้ ตง่ คนท่ีสอง สว่ นเอกสารภาษาตา่ งประเทศ ใหใ้ ช้ “and” ค่นั ระหว่างชื่อสกลุ ของผแู้ ตง่ คนที่ 1 กบั ผู้แต่งคนที่ 2 7) ไมป่ รากฏช่อื ผูแ้ ตง่ ให้ใชช้ ือ่ เรือ่ งแทน 8) การอ้างองิ สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ใหใ้ ช้แบบแผนเดียวกบั การอ้างอิงจากเอกสาร โดยไมต่ ้องระบเุ ลขหน้า ตวั อยา่ ง ฝรง่ั เศสเรมิ่ หวนกลับมาหาทางผลติ กญั ชา เปน็ งานอุตสาหกรรมใหญ่อกี ครงั้ หน่งึ โดยสถาบนั วศิ วกรรม ได้พยายามออกแบบพฒั นาเครอื่ งจกั รท่ีใช้ตีปน่ั เสน้ ใยจากตน้ และใบกญั ชา (ม.ล.จารพุ ันธ์ ทองแถม 2537: 66) 3.5 การเขยี นเชิงอรรถ เชิงอรรถเป็นการโยงให้ดูข้อความท่ีมีความสัมพันธ์กันที่ปรากฏอยู่ในหน้าอื่นๆ ของรายงาน โดยใช้ เคร่อื งหมายดอกจัน ( * ) กากับ ในแต่ละหนา้ กาหนดให้ใช้เคร่อื งหมาย * ไดไ้ ม่เกินจานวน 3 ตัว (***) ดงั นั้น ถา้ ใน หนา้ เดียวกนั มีเชงิ อรรถท่ตี ้องอธิบายความเพม่ิ เติมมากกว่า 3 เป็นลาดับท่ี 4 และที่ 5 ให้ใช้เคร่ืองหมาย + (Dag- ger) ++ (Double Dagger) กากับตามลาดับ *****************************************
27 ใบกิจกรรม การสื่อสารและการนาเสนออย่างมีประสิทธภิ าพ (IS2) กจิ กรรมที่ 2 การเขียนรายงานเชงิ วิชาการ ช่ือ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท.่ี ..........ห้อง........... 2. การเขยี นรายงานเชงิ วิชาการ ส่วนประกอบ ระดับคุณภาพ ส่วนประกอบตอนต้น ดเี ยย่ี ม การเขียนรายงาน 1.ปกนอก 4 1.ภาษาไทย 4000 คา 1.1 ชอ่ื เร่อื ง 1.2 ช่อื ผูเ้ ขยี น และ Eng 2000 คา 1.3 ส่วนลา่ งของหนา้ ปก 2.เนอื้ หาถกู ต้อง ชอ่ื รายวิชา ชือ่ กลุ่มสาระ ช่ือโรงเรยี น 3.สมบรู ณ์ ภาคการศึกษา ปีการศกึ ษาทท่ี ารายงาน 4.เข้าใจงา่ ย 5.แหลง่ อ้างอิงหลากหลาย 2. หนา้ ปกใน 6.เชือ่ ถือได้ 3. คานา 4. สารบญั ดี-3 การเขียนรายงาน 5. สารบญั ตารางหรอื บญั ชีตาราง 1.ภาษาไทย 4000 คา 6. สารบญั ภาพประกอบหรือบญั ชี และ Eng 2000 คา สว่ นประกอบตอนกลางหรอื ส่วนเนอื้ หา 2.เนอ้ื หาถูกตอ้ ง 1. บทนา 2. เนอื้ หา 3. บทสรปุ หรอื สรปุ 3.สมบูรณ์ สว่ นประกอบตอนท้าย 4.แหลง่ อ้างองิ หลากหลาย 1. หนา้ บอกตอน 5.เชอื่ ถอื ได้ พอใช้ การเขยี นรายงาน 2. บรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างองิ 2 1.ภาษาไทย 4000 คา 3. ภาคผนวก (Appendix) 2.เน้ือหาถูกต้อง 4. ดรรชนี หรอื ดัชนี (Index) 3.แหลง่ อา้ งอิงหลากหลาย 4.เชอ่ื ถือได้ ปรับปรงุ การเขยี นรายงาน 1 1.ภาษาไทย <4000 คา 2.แหลง่ อ้างองิ หลากหลาย 3.เช่ือถือได้ บันทึกข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ป่ี รึกษา ............................................................................................................................. ........................................................... ...................................................................................................................................................................................... .. ลงชอ่ื ........................................................ (.........................................................) หมายเหตุ แนบรายงานเชิงวชิ าการฉบบั จริงของนกั เรยี นดว้ ย
28 ตวั อยา่ ง ส่วนประกอบของการเขียนรายงานเชิงวชิ าการทวั่ ไป ในการเขียนหรือพิมพร์ ายงานเชิงวชิ าการทวั่ ไปแต่ละโรงเรียนจะกาหนดใหเ้ ขยี นในรปู แบบเดยี วกนั ท้ังน้ีเพื่อความ เปน็ ระเบียบและสะดวกในการประเมนิ ผล ส่วนประกอบของรายงานการค้นคว้าทั่วไปแบ่งได้ 3 ส่วน คือ ส่วนประกอบ ตอนตน้ ส่วนเน้อื เร่อื ง และสว่ นประกอบตอนทา้ ย ดังนี้ สว่ นประกอบตอนต้น เป็นส่วนประกอบที่อยู่ตอนต้นเล่มของรายงานก่อนถึงเน้ือเรื่อง ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ 1.ปกนอก คอื สว่ นทเี่ ป็นปกหุ้มรายงานประกอบดว้ ยปกหนา้ สนั และปกหลงั ควรเป็นกระดาษแขง็ พอสมควรสีสนั เหมาะสมกบั เนอื้ หา หรืออาจใช้ปกของแตล่ ะโรงเรยี นซ่ึงไดจ้ ัดทาสาเรจ็ ไว้แลว้ ก็ได้ อาจมีภาพหรือไม่ก็ได้ถ้ามีภาพควรให้ สอดคลอ้ งกบั เน้ือเร่อื ง การจดั วางรูปแบบควรจัดให้สวยงามเหมาะสม ปัจจุบันการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ทาให้สามารถ ออกแบบปกให้สวยงามได้อย่างสะดวกงา่ ยดาย ข้อความท่ปี รากฏบนปกนอก ประกอบดว้ ย 1.1ชอ่ื เร่ือง อยู่หา่ งจากขอบบนของหน้ากระดาษลงมาประมาณ 1.5-2 นิว้ และควรกะให้อยู่กึ่งกลางพอดี (ไม่มี คาวา่ รายงานเรือ่ ง) 1.2 ชอ่ื ผเู้ ขียน ใหอ้ ยูต่ รงสว่ นกลางของหนา้ กระดาษ เขยี นหรอื พิมพ์ช่อื และนามสกุลของผูเ้ ขยี นรายงาน ในกรณี ทีร่ ายงานนน้ั มผี เู้ ขยี นหลายคนให้ใส่ชอ่ื ทกุ คนโดยจัดเรยี งตามลาดับตวั อักษร 1.3 ส่วนลา่ งของหนา้ ปก ประกอบดว้ ยขอ้ ความตามลาดับ ดงั น้ี 13.1 ชื่อของรายวิชาที่กาหนดให้เขยี นรายงาน 13.2 ชื่อของกลุม่ สาระ 13.3 ชอ่ื ของโรงเรยี น 13.4 ภาคการศกึ ษา ปกี ารศกึ ษาที่ทารายงาน บรรทัดล่างสุดของส่วนล่างปกควรห่างจากขอบล่าง 1.5 –2 นิ้ว อาจแตกต่างกันบ้าง ในรายละเอียดตามท่ี โรงเรยี นกาหนด 2.หนา้ ปกใน อย่ตู อ่ จากปกนอกและมขี ้อความเชน่ เดียวกับปกนอกชอื่ เรือ่ งของรายงานพิมพ์อยตู่ รงก่ึงกลางของ หน้ากระดาษ โดยให้ห่างจากขอบบนประมาณ 2 นิ้ว และห่างจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเท่าๆ กันถ้าชื่อเร่ืองยาว แบง่ เป็นสอง-สามบรรทดั ตามความเหมาะสม ชือ่ ผเู้ ขยี นรายงานโดยทว่ั ไปเขียนเฉพาะชอ่ื และนามสกลุ ไมต่ อ้ งเขียนคานาหนา้ นาม เช่น นาย นาง นางสาว ยกเว้นในกรณีที่ผเู้ ขียนมียศหรือบรรดาศกั ด์ิ เชน่ ม.ร.ว ม.ล. หรอื ร.ต.ท. ฯลฯให้ใส่ไวด้ ว้ ยใตช้ ือ่ ผู้เขียน ควรใสเ่ ลขประจาตัวนกั เรียนด้วย เว้นระยะจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเทา่ ๆ กัน และอยู่หา่ งจากข้อความส่วนบนและ ส่วนล่างของหนา้ กระดาษเปน็ ระยะพอๆ กนั ในกรณที มี่ ีผเู้ ขยี นหลายคนใหเ้ ขยี นชอื่ ทุกคนเรยี งตามลาดบั อกั ษร และใส่เลข ประจาตัวไวต้ ่อจากช่อื ในบรรทัดเดียวกัน สว่ นขอ้ ความที่ระบุวา่ เปน็ รายงานการศึกษาคน้ คว้าประกอบรายวิชาใด โรงเรยี นใด ภาคเรียนและปีการศึกษาใด จดั พิมพ์ไว้สว่ นท้ายของหน้ากระดาษโดยใหบ้ รรทดั สุดท้ายอยหู่ ่างจากขอบลา่ งประมาณ 1 นิว้ 3.คานา คือส่วนท่ี กล่าวถงึ วตั ถปุ ระสงค์ของรายงานเร่อื งนัน้ รวมทัง้ ความสาคญั และขอบเขตของเน้ือหา นอกจากน้ันยงั อาจกลา่ วขอบคุณผมู้ ีสว่ นชว่ ยเหลือในการจัดทาจนสาเรจ็ ดว้ ยดี คานาอาจมีเพยี งย่อหนา้ เดยี ว สอง หรอื สามยอ่ หน้ากไ็ ดข้ ึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเนื้อหา คานาไม่ควรเขียนยาวเกินไป ให้พิมพ์ คาว่า “คานา” ไว้กลาง หนา้ กระดาษไม่ขีดเสน้ ใตห้ ่างจากขอบบน 2 นิว้ แล้วพิมพ์ขอ้ ความในบรรทดั ถดั ลงมา เม่ือจบข้อความ
29 แล้วให้ลงชือ่ นามสกุลของผเู้ ขียน ถา้ ทางานเป็นกลมุ่ ให้ลงคาว่า “คณะผ้จู ัดทา” และลงวนั ท่ี เดือน (เขยี นเต็มไมเ่ ขยี นย่อ) ปี (ไม่ต้องมี พ.ศ.) กากับไวด้ ว้ ย 4.สารบญั (Table of Contents) ให้เขยี นหรอื พมิ พค์ าวา่ “สารบญั ” ดว้ ยตวั อักษรตัวใหญ่ไว้กลางหน้ากระดาษ หา่ งจากขอบบนลงมา 2 นิ้ว มีลักษณะคล้ายโครงเร่ืองอยู่หลังคานา จัดทาเมื่อเขียนหรือพิมพ์รายงานเสร็จแล้ว เป็น หน้าท่ีบอก ช่ือตอน บท หัวข้อใหญ่หรือหัวข้อย่อยเรียงตามลาดับเนื้อหาในเล่ม มีเลขหน้าเริ่มต้นกากับอยู่ด้านขวามือ พิมพ์ห่างขอบประมาณ 1 นว้ิ ข้อความในหน้าสารบญั ให้เขยี นหรอื พิมพห์ ่างจากขอบซา้ ยของหน้ากระดาษ 1.5 นว้ิ 5.สารบัญตารางหรอื บญั ชตี าราง (List of Tables) จัดทาเม่ืองานเขียนน้ันมีตารางจานวนมากและตารางเป็น ส่วนประกอบทีส่ าคัญของเน้ือหา (ถา้ งานเขยี นนั้นทง้ั เลม่ มตี ารางเพียงหนึ่งหรอื สองตารางกไ็ มจ่ า เปน็ ต้องทาหน้าสารบัญ ตาราง) เรียงไวต้ ่อจากหน้าสารบญั เป็นหนา้ ทีแ่ สดงใหท้ ราบถงึ จานวนตารางทง้ั หมดในเนอ้ื เรื่องเรยี งตามลาดบั ท่ปี รากฏใน รายงานซงึ่ จะชว่ ยใหผ้ อู้ า่ นคน้ หาได้สะดวก จัดหน้าลกั ษณะเดยี วกบั สารบัญโดยพิมพไ์ วก้ ลางหน้ากระดาษห่างจากขอบบน ลงมา 2 นวิ้ พมิ พ์คาว่า “บัญชีตาราง”หรอื “สารบัญตาราง”และเปลยี่ นคาวา่ “บทท”่ี เป็น “ตารางท่ี” 6.สารบัญภาพประกอบหรอื บัญชีภาพประกอบ (List of Illustrations) อยู่ต่อจากหน้าบัญชีตาราง (ถ้ามี)เป็น หน้าท่บี อกใหท้ ราบถึงจานวนภาพประกอบ แผนผงั แผนท่ี กราฟ แผนภาพทางสถติ ิตา่ งๆ หรอื แผนภูมิ ท้งั หมดในเรื่องไป จนถึงภาคผนวก พมิ พค์ าว่า “บัญชภี าพประกอบ”“สารบญั ภาพ” “สารบญั แผนภูมิ”และเปล่ยี นคาวา่ “บทท”ี่ เป็น “ภาพ ที่” การกากับหน้าในส่วนประกอบตอนต้นนั้นให้เริ่มนับตั้งแต่หน้าปกในเป็นต้นไปโดยใช้ตัวอักษรกา กับ งานเขียน ภาษาไทยใช้ ก ข ค... และงานเขียนภาษาอังกฤษใช้เลขโรมนั I II III...เรียงไปตามลาดบั สว่ นประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหา (Text) เปน็ ส่วนทเี่ ปน็ เน้ือหาโดยละเอียดซ่งึ ผู้เขียนรายงานได้เรยี บเรียง ข้ึนจากการศกึ ษาคน้ คว้า จงึ ถือวา่ เปน็ สว่ นสาคัญท่ีสดุ ของงานเขียนทางวิชาการทกุ ประเภท ประกอบด้วย 1.บทนา (Introduction) เป็นสง่ิ แรกทจี่ ะทาใหผ้ อู้ า่ นได้สัมผัสกับความคิดและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน มีส่วน อย่างสาคัญในการจดุ ประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอา่ นต่อไป ถ้าบทนาไม่นา่ สนใจ สับสน หรือคลุมเครือ ผอู้ า่ นจะไม่รู้สกึ อยากอา่ นดังน้ันบทนาจงึ ตอ้ งชดั แจ้ง นา่ อา่ น และกระตุ้นความสนใจของผอู้ ่านต้งั แตแ่ รกเริ่มของการเขียน รายงาน บทนาอาจมีเพียงยอ่ หนา้ เดยี วหรือท้งั บทก็ได้ โดยทั่วไปแลว้ ความยาวของรายงานการศกึ ษาคน้ คว้ามีผลตอ่ ความ ยาวของบทนา รายงานฉบับเล็กๆ อาจจะมีความนา ที่เรียบเรียงอย่างน่าอ่านเพียงหน่ึงย่อหน้าที่เรียกว่าย่อหน้านา สาหรับบทนาทแี่ ยกเป็นบทจะจัดอยู่ในบทที่ 1 โดยเขียนแบบเดียวกับบทอื่นๆ คือกลางหน้ากระดาษ บรรทัดแรกเขียน “บทท1่ี ” และบรรทัดถดั ลงมาใชช้ อ่ื บทวา่ “บทนา” หรืออาจใชช้ อ่ื บทเป็นอยา่ งอน่ื ตามความเหมาะสม ในกรณีท่เี ขียนบท นาอย่างสนั้ แต่เน้ือหาอืน่ ๆ แบ่งเปน็ บทอาจใชห้ ัวข้อวา่ “บทนา” หรอื “ความนา” โดยไม่ต้องมีคาว่าบทที่เนื้อความทเ่ี รยี บ เรยี งลงในบทนา เปน็ การปพู ื้นใหผ้ อู้ า่ นเข้าใจความเปน็ มาของเรือ่ ง ความม่งุ หมายและขอบเขตของเร่อื งหรือสภาพปัญหา ท่ตี ้องการนาเสนอ หรอื ความบนั ดาลใจของเร่อื งทง้ั นเ้ี พ่ือเปน็ การนาผูอ้ ่านเข้าสเู่ น้ือเรื่องให้ผูอ้ ่านมองเห็นภาพรวมของเนื้อ เร่ืองทั้งหมด 2.ส่วนเน้ือหา (Body of Paper) เป็นส่วนท่ีเสนอเรื่องราวสาระท้ังหมดของรายงานการค้นคว้า การนา เสนอ เนื้อหาอาจแบ่งเปน็ บทหรือเป็นตอนเพื่อให้ผอู้ า่ นได้เหน็ ประเด็นสาคญั ของเนอื้ หาตามลาดบั และต่อเน่ือง กัน ส่วนการจะ แบ่งเป็นบทหรอื เปน็ ตอน หรือเปน็ หัวขอ้ อยา่ งไรและมจี านวนมากนอ้ ยเท่าใดนั้นขนึ้ อยูก่ บั ลักษณะ ขอบเขต และความส้ัน ยาวของเน้ือเร่อื งถา้ เป็นรายงานการค้นควา้ ขนาดสนั้ ไม่จาเป็นตอ้ งแบ่งเป็นบทหรอื ตอนกไ็ ดเ้ พียงแต่แบง่ ตามหัวขอ้ สาคัญๆ ของเนื้อเรือ่ งให้เหมาะสม 3. บทสรปุ หรอื สรุป (Conclusion) คอื สว่ นทเี่ ขียนยา้ หรือเนน้ ประเดน็ สาคัญของเน้ือหาหรือสรปุ ผลของ การศึกษาคน้ คว้า เชน่ เดยี วกบั ทบี่ ทนาเป็นความสาคญั ขัน้ แรกในการชักจงู ให้ผอู้ ่านสนใจตดิ ตามเน้ือเร่ือง
30 บทสรปุ กม็ บี ทบาทสาคัญในการทาใหผ้ อู้ า่ นจับประเดน็ ของเน้อื เรอ่ื งที่ไดอ้ ่านไปทง้ั หมด บทสรปุ จะอยตู่ อนท้ายของ เนอ้ื เรอ่ื ง อาจแยกเปน็ บทตากหากหรอื เป็นเพียงย่อหนา้ ทา้ ยๆ ของเรอื่ ง ส่วนประกอบตอนท้าย (back matter หรือ reference matter) เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย 1.หน้าบอกตอน (Half Title Page) คือหน้าที่พิมพ์ข้อความไว้กลางหน้ากระดาษเพ่ือบอกว่าส่วนที่อยู่ ถดั ไปคอื อะไร สว่ นใหญแ่ ล้วหนา้ นี้จะปรากฏในส่วนประกอบตอนท้ายของรายงานการค้นคว้า เช่น หน้าบอกตอน “บรรณานกุ รม” หนา้ บอกตอน “ภาคผนวก” และหนา้ บอกตอน “ดรรชนี” ในหนงั สอื เลม่ นี้ 2.บรรณานุกรมหรือเอกสารอา้ งองิ (Bibliography หรือ References) เป็นรายชือ่ ทรัพยากรสาร สนเทศ ทั้งหมดที่ใช้ประกอบการค้นคว้า รายการแหล่งสืบค้นอ้างอิงทุกชิ้นที่ปรากฏอยู่ในเน้ือหาต้องมาปรากฏอยู่ใน บรรณานกุ รมดว้ ย แตอ่ าจมีบางรายการท่มี อี ยใู่ นบรรณานุกรมแตไ่ มป่ รากฏในการอ้างอิงเพราะผู้เขียนเพียงแต่ได้ แนวคดิ มาจากแหล่งสบื คน้ นน้ั แต่ถ้าใช้คาว่าเอกสารอ้างอิง รายการท่ีอยู่ในเนื้อหาและในรายการเอกสารอ้างอิง ตอ้ งมีตรงกนั ทุกรายการ การเขียนบรรณานุกรม หรือเอกสารอ้างองิ ตอ้ งเขียนใหถ้ กู ต้องตามแบบแผน 3.ภาคผนวก (Appendix) คอื สว่ นที่นามาเพิ่มไว้ตอนทา้ ยของรายการเพราะไม่ใชเ่ นื้อหาที่แท้จริงหรอื ไม่ได้ เป็นสว่ นหนงึ่ ของเนื้อเรอ่ื ง แต่เห็นว่ามปี ระโยชน์เพ่อื เพม่ิ ความสมบูรณข์ องเน้ือเรอ่ื งหรือชว่ ยใหผ้ ้อู ่านมีความร้คู วาม เข้าใจเรื่องราวได้ดีขึ้น แต่ท้ังน้ีรายการการค้นคว้าไม่จาเป็นต้องมีภาคผนวกเสมอไปขึ้นอยู่กับความจาเป็นและ ความเหมาะสมของแตล่ ะเรอื่ ง 4.ดรรชนี หรือ ดัชนี (Index) คือบัญชีรายชื่อ หรือคาสาคัญหรือหัวข้อในเนื้อเรื่องท่ีนามาจัดเรียงไว้ ตามลาดับอกั ษรพร้อมทงั้ แจ้งเลขหน้าทีป่ รากฏ ดรรชนีเปน็ เครอ่ื งมือช่วยใหค้ ้นเร่อื งไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็ว.
31 ใบกจิ กรรม การสื่อสารและการนาเสนออยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ (IS2) กจิ กรรมท่ี 3 นาเสนอผลการศึกษาความรู้ ชอ่ื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขที่...........ห้อง........... 3.การนาเสนอผลการศกึ ษา(การส่ือสารและการนาเสนอในรปู แบบตา่ ง ๆ ) บนั ทกึ การเลอื กรูปแบบการนาเสนอ ระดับคุณภาพ รูปแบบการนาเสนอ ดีเยยี่ ม รูปแบบการนาเสนอ .........1.เอกสารรายงานเชงิ วิชาการ -4 1.รายงานเชงิ วชิ าการ .........2.นิทรรศการ(ภาพถ่าย ศลิ ปะ ส่งิ ประดิษฐ์ ฯลฯ) 2.ทั้งเด่ียว และ กลุ่ม .........3.การอภปิ ราย สัมมนา 3.ภาษาไทย และองั กฤษ .........4.โตว้ าที 4.สื่ออ่นื อีก 2 ชนิด .........5.คลิป หรอื ภาพยนตร์สัน้ ด-ี รปู แบบการนาเสนอ .........6. เพาเวอรพ์ อยท์ 3 1.รายงานเชงิ วชิ าการ .........7. โปสเตอร์ 2.ทั้งเดย่ี ว และ กลมุ่ .........8. คลนี ิกความรู้ 3.ภาษาไทย .........9. แผน่ พบั (Brochure) 4.สื่อ ICT 1 ชนดิ .........10.สมดุ เล่มเลก็ 5.ส่ืออืน่ ๆอกี 1 ชนดิ .........11.หนังสอื พมิ พก์ าแพง พอใช้ รูปแบบการนาเสนอ .........12. บทประพันธ์(โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ฯลฯ) -2 1.รายงานเชงิ วชิ าการ .........13. ภาพวาดศลิ ปะ 2.ทงั้ เดี่ยว และ กล่มุ .........14. บทความทางวิชาการ 3.ภาษาไทย .........15. ละคร 4.สอ่ื ICT 1 ชนิด .........16. บทบาทสมมติ ปรับปรุง รูปแบบการนาเสนอ 1 1.รายงานเชงิ วิชากา .........17 อื่น ๆ (ระบุ)................................................. 2.เป็นกลุม่ 3.ภาษาไทย ผลการประเมิน .................4 ..................3 ................2 ..............1 บันทึกขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ่ปี รึกษา ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................ (.........................................................) หมายเหตุ อาจแนบชน้ิ งานทเ่ี ปน็ ภาพถ่ายประกอบ
32 ใบกิจกรรม การสื่อสารและการนาเสนออย่างมปี ระสทิ ธิภาพ (IS2) กิจกรรมท่ี 4 การนาเสนอความรูผ้ ่านชอ่ งทางส่ืออิเลคทรอนิคส์ ชอ่ื ..........................................................สกลุ ..............................................................เลขท่ี...........ห้อง........... 4. การสนทนาและการวพิ ากษ์ผ่านสอื่ อเิ ลคทรอนิคส์ บันทกึ การเขียนโครงร่าง ระดับคุณภาพ ช่องทางการสนทนาและวิพากษ์ผา่ นสื่ออเิ ลคทรอนกิ ส์ ดีเยี่ยม-4 ชอ่ งทางการวิพากษ์ .........1. youtube มากกวา่ 2 ชอ่ งทาง .........2. tweeter ดี-3 ชอ่ งทางการวพิ ากษ์ .........3. face book 2 ชอ่ งทาง .........4. Line พอใช-้ 2 ช่องทางการวิพากษ์ .........5. Skype 1 ช่องทาง .........6. Bloge ปรบั ปรงุ 1 ช่องทางการวพิ ากษ์ .........7. Edmodo ไมส่ ามารถใช้การ .........8. Website (สว่ นตัว, โรงเรยี น,สพม.,สพฐ.,สมป ฯลฯ) สนทนาหรทอวพิ ากษ์ .........9. วารสารอเิ ล็กทรอนกิ สข์ องโรงเรียน ผา่ นสื่ออเิ ลคทรอนิคส์ .........10. อนื่ ๆ (ระบุ)................................................. ผลการประเมนิ .................4 ..................3 ................2 ..............1 บันทกึ ข้อคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของครู /ครทู ่ีปรกึ ษา ............................................................................................................................. ...................................................... .................................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................ (.........................................................) หมายเหตุ แนบหนา้ การสนทนาและวิพากษข์ องช่องทางสอื่ ท่ใี ชป้ ระกอบการประเมิน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109