Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อสอบ o-net สังคม ม.6 ชุด 2

ข้อสอบ o-net สังคม ม.6 ชุด 2

Published by อ.ธนพร, 2019-01-19 22:35:41

Description: ข้อสอบ o-net สังคม ม.6 ชุด 2

Search

Read the Text Version

ชุดท่ี 2 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเตรียมสอบ O-NET กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 ส่วนท่ี 1 :แบบปรนยั 5 ตวั เลือก แตล่ ะขอ้ มีคำตอบที่ถูกท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 32 ขอ้ (ขอ้ 1-32) : ขอ้ ละ 1 คะแนน สาระที่ 1 ศำสนำ ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขำ้ ใจประวตั ิ ควำมสำคญั ศำสดำ หลกั ธรรมของพระพทุ ธศำสนำหรือศำสนำ ที่ตนนบั ถือและศำสนำอื่น มีศรัทธำที่ถูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบตั ิตำมหลกั ธรรม เพ่ืออยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสันติสุข ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์สังคมชมพทู วปี และคติควำมเช่ือทำงศำสนำสมยั ก่อนพระพทุ ธเจำ้ หรือสังคม สมยั ศำสดำท่ีตนนบั ถือ (ส 1.1 ม.4-6/1) 1. กำรแบง่ วรรณะทำงสังคมในสมยั พทุ ธกำลก่อใหเ้ กิดผลกระทบอยำ่ งไรมำกท่ีสุด 1 เกิดควำมลำ้ หลงั 2 เกิดควำมแตกแยก 3 เกิดควำมไม่ยตุ ิธรรม 4 เกิดควำมเหล่ือมล้ำทำงสังคม 5 เกิดช่องวำ่ งระหวำ่ งคนรวยกบั คนจน ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์พทุ ธประวตั ิดำ้ นกำรบริหำร และกำรธำรงรักษำศำสนำ หรือวเิ ครำะห์ประวตั ิศำสดำ ท่ีตนนบั ถือตำมท่ีกำหนด (ส 1.1 ม.4-6/3) 2. พระพทุ ธเจำ้ ทรงธำรงรักษำพระพทุ ธศำสนำใหส้ ืบทอดต่อมำจนถึงปัจจุบนั ไดอ้ ยำ่ งไร 1 ทรงรวบรวมหลกั ธรรมไวเ้ ป็ นหมวดหมู่และบนั ทึกเป็นลำยลกั ษณ์อกั ษร 2 ทรงมอบหมำยหนำ้ ที่ในกำรสืบทอดพระพุทธศำสนำแก่พระมหำเถระ 3 ทรงสังคำยนำพระไตรปิ ฎก เพ่ือให้พระธรรมวนิ ยั มีควำมมน่ั คงสืบต่อไป 4 ทรงมอบหมำยใหพ้ ระสงฆเ์ ป็นผรู้ ับผิดชอบในกำรดูแลพระพุทธศำสนำ 5 ทรงใหช้ ำวพุทธยดึ เอำพระธรรมเป็นศำสดำหลงั จำกที่พระพุทธองคป์ รินิพพำนไปแลว้

ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์กำรพฒั นำศรัทธำ และปัญญำท่ีถูกตอ้ งในพระพุทธศำสนำ หรือแนวคิด ของศำสนำท่ีตนนบั ถือตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/5) 3. ในฐำนะพทุ ธศำสนิกชนนกั เรียนควรมีควำมศรัทธำอยำ่ งไร 1 ศรัทธำในสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิท้งั ปวง 2 ศรัทธำในกฎกำหนดสภำวะ 3 ศรัทธำในพระเจำ้ องคเ์ ดียว 4 ศรัทธำในกฎแห่งกรรม 5 ศรัทธำในวนั สิ้นโลก ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์หลกั กำรของพระพทุ ธศำสนำกบั หลกั วทิ ยำศำสตร์ หรือแนวคิดของศำสนำ ท่ีตนนบั ถือตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/7) 4. ขอ้ ใดสรุปถูกตอ้ งเกี่ยวกบั หลกั กำรของพระพทุ ธศำสนำกบั หลกั วทิ ยำศำสตร์ 1 พระพุทธศำสนำและวทิ ยำศำสตร์มุ่งแสวงหำควำมจริงจำกวตั ถุ 2 พระพุทธศำสนำและวทิ ยำศำสตร์สอนให้แสวงหำควำมจริงโดยกำรพสิ ูจน์ 3 พระพุทธศำสนำและวทิ ยำศำสตร์ยอมรับควำมจริงท่ีเป็ นนำมธรรมและรูปธรรม 4 พระพุทธศำสนำและวทิ ยำศำสตร์ใหค้ วำมสำคญั แก่มูลคำ่ มำกกวำ่ คุณคำ่ 5 พระพุทธศำสนำและวทิ ยำศำสตร์เชื่อวำ่ ควำมจริงรับรู้ไดด้ ว้ ยประสำทสมั ผสั

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์พระพุทธศำสนำวำ่ เป็นศำสตร์แห่งกำรศึกษำ ซ่ึงเนน้ ควำมสัมพนั ธ์ของเหตุปัจจยั กบั วธิ ีกำรแกป้ ัญหำ หรือแนวคิดของศำสนำท่ีตนนบั ถือตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/9) ฟ่ มุ เฟื อย ไมว่ ำงแผนกำรใชจ้ ่ำย สมุทยั ทุกข์ ชกั หนำ้ ไมถ่ ึงหลงั มีรำยไดน้ อ้ ย มรรค นิโรธ 1 มีเงินใชจ้ ่ำย และมีเงิน เหลือเกบ็ ออม 5. จำกแผนภำพ ตำมหลกั อริยสัจ 4 หมำยเลข 1 ตรงกบั สุภำษิตใด 1 อฐั ยำยซ้ือขนมยำย 2 น้ำพ่ึงเรือเสือพ่ึงป่ ำ 3 เกบ็ หอมรอมริบ 4 สิบเบ้ียใกลม้ ือ 5 หนกั ไม่เอำ เบำไมส่ ู้ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์พระพทุ ธศำสนำกบั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งและกำรพฒั นำประเทศ แบบยง่ั ยนื หรือแนวคิดของศำสนำที่ตนนบั ถือตำมท่ีกำหนด (ส 1.1 ม.4-6/11) 6. หลกั ธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง 1 มชั ฌิมำปฏิปทำ 2 สงั คหวตั ถุ 4 3 อิทธิบำท 4 4 เบญจศีล 5 เบญจธรรม

ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์หลกั ธรรมในกรอบอริยสัจ 4 หรือหลกั คำสอนของศำสนำที่ตนนบั ถือ (ส 1.1 ม.4-6/13) 7. หลกั ธรรมใดท่ีพุทธศำสนิกชนควรนำไปปฏิบตั ิเพ่อื ใหพ้ น้ จำกควำมทุกข์ 1 วติ ก 3 2 ภำวนำ 4 3 โลกธรรม 8 4 อุปำทำน 4 5 อุบำสกธรรม 5 ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์คุณค่ำและควำมสำคญั ของกำรสงั คำยนำพระไตรปิ ฎก หรือคมั ภีร์ของศำสนำ ที่ตนนบั ถือและกำรเผยแผ่ (ส 1.1 ม.4-6/15) 8. กำรสงั คำยนำพระไตรปิ ฎกมีควำมสำคญั อยำ่ งไร 1 เพ่อื ใหห้ ลกั ธรรมคำสอนมีควำมเหมำะสมกบั ยคุ สมยั 2 เพ่อื เผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำใหม้ ีผนู้ บั ถือมำกข้ึน 3 เพื่อใหพ้ ระพทุ ธศำสนำเป็นรำกฐำนของวฒั นธรรมสืบต่อไป 4 เพือ่ ใหพ้ ระพทุ ธศำสนำเกิดควำมมนั่ คงและคงอยสู่ ืบต่อไป 5 เพอ่ื ใหศ้ ำสนิกชนสำมำรถนำหลกั ธรรมคำสอนไปปฏิบตั ิไดส้ ะดวก ตัวชี้วดั เห็นคุณค่ำ เชื่อมนั่ และมุง่ มนั่ พฒั นำชีวติ ดว้ ยกำรพฒั นำจิต และพฒั นำกำรเรียนรู้ ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิกำร หรือกำรพฒั นำจิตตำมแนวทำงของศำสนำที่ตนนบั ถือ (ส 1.1 ม.4-6/19) 9. “นุชจรียม์ กั เลือกซ้ือแต่เส้ือผำ้ ที่มียห่ี อ้ และมีรำคำแพงเพ่ือแสดงใหผ้ อู้ ่ืนเห็นวำ่ ตนเองมีฐำนะ” ถำ้ นกั เรียนเป็ นเพือ่ นกบั นุชจรียจ์ ะแนะนำวธิ ีคิดแบบใดใหแ้ ก่นุชจรีย์ 1 วธิ ีคิดแบบอุบำยปลุกเร้ำคุณธรรม 2 วธิ ีคิดแบบคุณ-โทษและทำงออก 3 วธิ ีคิดแบบคุณคำ่ แท-้ คุณค่ำเทียม 4 วธิ ีคิดแบบเป็นอยขู่ ณะปัจจุบนั 5 วธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์

มาตรฐาน ส 1.2 เขำ้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศำสนิกชนท่ีดี และธำรงรักษำพระพทุ ธศำสนำ หรือศำสนำที่ตนนบั ถือ ตวั ชี้วดั ปฏิบตั ิตนเป็ นศำสนิกชนท่ีดีตอ่ สำวก สมำชิกในครอบครัว และคนรอบขำ้ ง (ส 1.2 ม.4-6/1) 10. กำรปฏิบตั ิตนเป็นศำสนิกชนท่ีดีขอ้ ใดเหมำะสมท่ีสุด 1 อุปสมบทเป็นพระภิกษุ 2 รักษำศีล 5 ใหบ้ ริสุทธ์ิ 3 ฝึกสมำธิเป็นประจำทุกวนั 4 บริจำคเงินใหแ้ ก่วดั จำนวนมำก ๆ 5 รับเป็นเจำ้ ภำพในกำรทอดผำ้ ป่ ำ ตัวชี้วดั ปฏิบตั ิตนถูกตอ้ งตำมศำสนพิธี พธิ ีกรรมตำมหลกั ศำสนำท่ีตนนบั ถือ (ส 1.2 ม.4-6/2) 11. ถำ้ นกั เรียนตอ้ งกำรทำบุญเล้ียงพระท่ีบำ้ น เนื่องในโอกำสข้ึนบำ้ นใหม่ นกั เรียนควรปฏิบตั ิตำมขอ้ ใด 1 นิมนตพ์ ระ 10 รูป 2 จดั เตรียมภูษำโยง 3 จดั เตรียมโตะ๊ หมู่บชู ำ 4 แจง้ รำยกำรอำหำรที่จะถวำยพระสงฆ์ 5 ทำหนงั สืออำรำธนำ พร้อมระบุเวลำ สถำนท่ี รำยกำรอำหำร จำนวนพระสงฆท์ ี่นิมนต์ ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์หลกั ธรรม คติธรรมที่เกี่ยวเน่ืองกบั วนั สำคญั ทำงศำสนำ และเทศกำลที่สำคญั ของศำสนำที่ตนนบั ถือ และปฏิบตั ิตนไดถ้ ูกตอ้ ง (ส 1.2 ม.4-6/4) 12. หลกั ธรรมในขอ้ ใดที่เก่ียวขอ้ งกบั วนั มำฆบชู ำ และนกั เรียนจะปฏิบตั ิตนตำมหลกั ธรรมดงั กล่ำวอยำ่ งไร 1 ทำงสำยกลำง ปฏิบตั ิโดยดำเนินชีวติ โดยยดึ หลกั ทำงสำยกลำง ไม่ตึงเครียดหรือหยอ่ นเกินไป 2 โอวำทปำฏิโมกข์ ปฏิบตั ิตนโดยไมท่ ำควำมชวั่ ทำควำมดี และทำจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ 3 อริยสจั 4 ปฏิบตั ิโดยเขำ้ ใจควำมจริงของชีวติ แสวงหำหนทำงพน้ ทุกข์ 4 สุจริต 3 ปฏิบตั ิโดยมีควำมประพฤติดีท้งั ทำงกำย วำจำ และใจ 5 เบญจศีล เบญจธรรม ปฏิบตั ิตนโดยรักษำศีล 5 ใหบ้ ริสุทธ์ิ

สาระท่ี 2 หนำ้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และกำรดำเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส 2.1 เขำ้ ใจและปฏิบตั ิตนตำมหนำ้ ที่ของกำรเป็ นพลเมืองดี มีค่ำนิยมที่ดีงำมและธำรงรักษำ ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวิตอยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอยำ่ งสันติสุข ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์และปฏิบตั ิตนตำมกฎหมำยท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ตนเอง ครอบครัว ชุมชน ประเทศชำติ และสังคมโลก (ส 2.1 ม.4-6/1) 13. กำรกระทำในขอ้ ใดถือเป็นควำมผดิ ทำงอำญำ 1 นำทรัพยส์ ินท่ีผอู้ ่ืนจำนำไวม้ ำขำยทอดตลำด 2 ปล่อยเงินกโู้ ดยคิดอตั รำดอกเบ้ีย ร้อยละ 30 ต่อปี 3 ยมื เงินจำกเจำ้ หน้ีแลว้ ไมช่ ดใชต้ ำมระยะเวลำที่กำหนด 4 ไมจ่ ่ำยค่ำเช่ำบำ้ น ผใู้ หเ้ ช่ำจึงยดึ เงินมดั จำล่วงหนำ้ 5 ใชก้ ำลงั ประทุษร้ำยเพอ่ื เอำทรัพยส์ ินของผอู้ ื่น ตัวชี้วดั ปฏิบตั ิตนและมีส่วนสนบั สนุนใหผ้ อู้ ื่นประพฤติปฏิบตั ิเพ่ือเป็นพลเมืองดีของประเทศชำติ และสังคมโลก (ส 2.1 ม.4-6/3) 14. กำรปฏิบตั ิตนในขอ้ ใดช่วยส่งเสริมใหป้ ระเทศชำติเจริญกำ้ วหนำ้ มำกท่ีสุด 1 เลือกคนดีมีควำมสำมำรถเขำ้ ไปทำหนำ้ ท่ีบริหำรประเทศ 2 เขำ้ ร่วมชุมนุมเพอื่ ตอ่ ตำ้ นกำรทำงำนของรัฐบำล 3 เป็นสำยใหเ้ จำ้ หนำ้ ที่เม่ือทรำบเบำะแสเกี่ยวกบั สำรเสพติด 4 ดูแลรักษำทรัพยส์ ินของส่วนรวม 5 สมคั รเขำ้ รับรำชกำร ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ควำมจำเป็ นท่ีจะตอ้ งมีกำรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย และเลือกรับวฒั นธรรมสำกล (ส 2.1 ม.4-6/5) 15. กำรอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทยในขอ้ ใดเหมำะสมที่สุด 1 ติดป้ ำยเชิญชวนใหค้ นในชุมชนร่วมกนั อนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย 2 จดั แสดงนิทรรศกำรเก่ียวกบั วฒั นธรรมไทย 3 วำดภำพวฒั นธรรมไทยส่งเขำ้ ประกวด 4 ปฏิบตั ิตนใหถ้ ูกตอ้ งตำมขนบธรรมเนียมประเพณีไทย 5 ผสมผสำนวฒั นธรรมไทยกบั วฒั นธรรมสำกล

มาตรฐาน ส 2.2 เขำ้ ใจระบบกำรเมืองกำรปกครองในสงั คมปัจจุบนั ยดึ มน่ั ศรัทธำ และธำรงรักษำไว้ ซ่ึงกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยอนั มีพระมหำกษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ปัญหำกำรเมืองท่ีสำคญั ในประเทศจำกแหล่งขอ้ มูลตำ่ ง ๆ พร้อมท้งั เสนอ แนวทำงแกไ้ ข (ส 2.2 ม.4-6/1) 16. ปัญหำควำมขดั แยง้ ทำงกำรเมืองท่ีสำคญั ในประเทศสำมำรถแกไ้ ขไดโ้ ดยวธิ ีใด 1 บงั คบั ใชก้ ฎหมำยอยำ่ งเคร่งครัด 2 กำหนดบทลงโทษแก่ผกู้ ระทำควำมผดิ อยำ่ งรุนแรง 3 ใหท้ ุกฝ่ ำยหนั หนำ้ คุยกนั เพ่ือควำมปรองดอง 4 ปรับปรุงกฎหมำยรัฐธรรมนูญใหท้ นั สมยั มำกข้ึน 5 ใหผ้ มู้ ีอำนำจทำงกำรเมืองเป็ นผตู้ ดั สินปัญหำ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์ควำมสำคญั และควำมจำเป็นที่ตอ้ งธำรงรักษำไวซ้ ่ึงกำรปกครองตำมระบอบ ประชำธิปไตยอนั มีพระมหำกษตั ริยท์ รงเป็ นประมุข (ส 2.2 ม.4-6/3) 17. หลกั กำรใดของระบอบประชำธิปไตยท่ีก่อใหเ้ กิดควำมยตุ ิธรรมในสังคม 1 หลกั ควำมเสมอภำค 2 หลกั เสียงขำ้ งมำก 3 หลกั กำรมีส่วนร่วม 4 หลกั สนั ติภำพ 5 หลกั ภรำดรภำพ 18. กำรธำรงไวซ้ ่ึงกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยมีควำมสำคญั อยำ่ งไร 1 รัฐบำลทำงำนอยำ่ งมีประสิทธิภำพมำกข้ึน 2 ประเทศชำติเกิดควำมสงบสุขเป็นระเบียบเรียบร้อย 3 ประชำกรในประเทศมีคุณภำพมำกข้ึน 4 ประชำกรในประเทศมีฐำนะเทำ่ เทียมกนั 5 ประชำกรในประเทศมีควำมรู้ควำมสำมำรถเท่ำเทียมกนั

สาระท่ี 3 เศรษฐศำสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 เขำ้ ใจและสำมำรถบริหำรจดั กำรทรัพยำกรในกำรผลิตและกำรบริโภค กำรใชท้ รัพยำกร ที่มีอยจู่ ำกดั ไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพและคุม้ ค่ำ รวมท้งั เขำ้ ใจหลกั กำรของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอื่ กำรดำรงชีวิตอยำ่ งมีดุลยภำพ ตัวชี้วดั อภิปรำยกำรกำหนดรำคำและคำ่ จำ้ งในระบบเศรษฐกิจ (ส 3.1 ม.4-6/1) 19. สถำนกำรณ์ในขอ้ ใดที่ก่อใหเ้ กิดปัญหำกำรวำ่ งงำน 1 อุปสงคแ์ รงงำนมีมำกกวำ่ อุปทำนแรงงำน 2 อุปสงคแ์ รงงำนมีนอ้ ยกวำ่ อุปทำนแรงงำน 3 อุปสงคแ์ รงงำนและอุปทำนแรงงำนเทำ่ กนั 4 อุปทำนแรงงำนมีนอ้ ยกวำ่ อุปสงคแ์ รงงำน 5 ควำมไม่มนั่ คงทำงกำรเมืองภำยในประเทศ ตวั ชี้วดั ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของระบบสหกรณ์ในกำรพฒั นำเศรษฐกิจในระดบั ชุมชนและ ประเทศ (ส 3.1 ม.4-6/3) 20. สหกรณ์มีควำมสำคญั ตอ่ กำรพฒั นำเศรษฐกิจของชุมชนอยำ่ งไร 1 เป็นแหล่งเงินกใู้ หแ้ ก่สมำชิกในชุมชนเพื่อใชท้ ำธุรกิจ 2 จำหน่ำยสินคำ้ รำคำถูกใหแ้ ก่สมำชิกในชุมชน 3 ส่งเสริมใหส้ มำชิกในชุมชนรู้จกั พ่ึงตนเอง 4 ช่วยแกป้ ัญหำควำมขดั แยง้ ในชุมชน 5 ส่งเสริมควำมร่วมมือในชุมชน

มาตรฐาน ส 3.2 เขำ้ ใจระบบและสถำบนั ทำงเศรษฐกิจตำ่ ง ๆ ควำมสมั พนั ธ์ทำงเศรษฐกิจและ ควำมจำเป็นของกำรร่วมมือกนั ทำงเศรษฐกิจในสงั คมโลก ตวั ชี้วดั อธิบำยบทบำทของรัฐบำลเก่ียวกบั นโยบำยกำรเงิน กำรคลงั ในกำรพฒั นำเศรษฐกิจของ ประเทศ (ส 3.2 ม.4-6/1) 21. “อตั รำเงินเฟ้ อเพ่ิมสูงข้ึนในรอบ 1 ปี โดยเฉพำะกำรเพม่ิ ข้ึนของรำคำสินคำ้ จำพวกอำหำร” จำกขอ้ ควำมรัฐควรแกไ้ ขปัญหำน้ีอยำ่ งไร 1 ลดอตั รำดอกเบ้ียเงินกู้ 2 ลดอตั รำดอกเบ้ียเงินฝำก 3 เกบ็ ภำษีจำกประชำชนใหน้ อ้ ยลง 4 กำหนดมำตรกำรควบคุมรำคำอำหำร 5 กำหนดมำตรกำรชะลอกำรปล่อยสินเช่ือ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์ผลดี ผลเสียของควำมร่วมมือทำงเศรษฐกิจระหวำ่ งประเทศในรูปแบบต่ำง ๆ (ส 3.2 ม.4-6/3) 22. ขอ้ ใดไม่ ใช่ผลดีของกำรจดั ต้งั เขตกำรคำ้ เสรีอำเซียน 1 เกิดกำรแข่งขนั กนั ระหวำ่ งประเทศสมำชิกท่ีมีสินคำ้ ส่งออกเหมือนกนั 2 ช่วยใหเ้ กิดกำรคำ้ และกำรลงทุนระหวำ่ งประเทศสมำชิกเพ่มิ ข้ึน 3 ช่วยเพ่ิมอำนำจกำรต่อรองในกำรเจรจำกำรคำ้ ระหวำ่ งประเทศ 4 เกิดกำรขยำยตวั ดำ้ นกำรคำ้ และกำรลงทุนในอำเซียนเพม่ิ มำกข้ึน 5 ตน้ ทุนกำรผลิตสินคำ้ ลดลงทำใหส้ ินคำ้ มีรำคำถูกลง

สาระที่ 4 ประวตั ิศำสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เขำ้ ใจควำมหมำย ควำมสำคญั ของเวลำ และยคุ สมยั ทำงประวตั ิศำสตร์ สำมำรถใช้ วธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์มำวิเครำะห์เหตุกำรณ์ต่ำง ๆ อยำ่ งเป็นระบบ ตัวชี้วดั ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของเวลำและยคุ สมยั ทำงประวตั ิศำสตร์ที่แสดงถึงกำรเปลี่ยนแปลง ของมนุษยชำติ (ส 4.1 ม.4-6/1) 23. กำรแบง่ ยคุ สมยั ก่อนประวตั ิศำสตร์และสมยั ประวตั ิศำสตร์ใชเ้ กณฑใ์ ดในกำรแบ่ง 1 กำรเพำะปลูก 2 กำรประดิษฐเ์ ครื่องมือเครื่องใช้ 3 กำรสร้ำงที่อยอู่ ำศยั 4 กำรประดิษฐ์ตวั อกั ษร 5 พฒั นำกำรของมนุษย์ มาตรฐาน ส 4.2 เขำ้ ใจพฒั นำกำรของมนุษยชำติจำกอดีตจนถึงปัจจุบนั ในดำ้ นควำมสัมพนั ธ์และ กำรเปล่ียนแปลงของเหตุกำรณ์อยำ่ งตอ่ เน่ือง ตระหนกั ถึงควำมสำคญั และสำมำรถ วเิ ครำะห์ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์อิทธิพลของอำรยธรรมโบรำณ และกำรติดต่อระหวำ่ งโลกตะวนั ออก กบั โลกตะวนั ตกที่มีผลต่อพฒั นำกำรและกำรเปล่ียนแปลงของโลก (ส 4.2 ม.4-6/1) 24. “ถนนทุกสำยมุง่ สู่กรุงโรม” จำกขอ้ ควำมเก่ียวขอ้ งกบั เหตุกำรณ์ใด 1 จกั รวรรดิโรมนั ไดส้ ร้ำงสรรคอ์ ำรยธรรมดำ้ นสถำปัตยกรรมตำ่ ง ๆ ท่ีมีควำมสวยงำม 2 จกั รวรรดิโรมนั รวบรวมอำนำจมำไวท้ ี่กรุงโรม เพ่ือใหเ้ ป็ นศูนยก์ ลำงในกำรปกครองอำณำจกั ร 3 จกั รวรรดิโรมนั เรียกเกบ็ ภำษีจำกเจำ้ เมืองต่ำง ๆ เพ่ือนำเงินภำษีมำสร้ำงถนนและสำธำรณูปโภค ในกรุงโรม 4 จกั รวรรดิโรมนั ไดส้ ่งเสริมใหม้ ีกำรติดต่อคำ้ ขำยกบั อำณำจกั รอ่ืนโดยกำรสร้ำงถนนเพื่อรองรับ กำรคมนำคม 5 จกั รวรรดิโรมนั ไดส้ ร้ำงถนนจำนวนมำกเพ่ือเช่ือมระหวำ่ งคำ่ ยทหำร และเมืองต่ำง ๆ กบั กรุงโรม

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรขยำยอิทธิพลของประเทศในยโุ รปไปยงั ทวปี อเมริกำ แอฟริกำ และเอเชีย (ส 4.2 ม.4-6/3) 25. กำรขยำยอิทธิพลของชำติตะวนั ตกเขำ้ มำในทวปี อเมริกำก่อใหเ้ กิดผลกระทบอยำ่ งไร 1 มีวตั ถุดิบป้ อนโรงงำนอุตสำหกรรมมำกข้ึน 2 ชนพ้ืนเมืองตกอยภู่ ำยใตก้ ำรปกครองของชนผวิ ขำว 3 ชำวพ้นื เมืองถูกขบั ไล่ออกไปจำกพ้ืนท่ี 4 ชำวพ้ืนเมืองถูกเกณฑไ์ ปเป็ นแรงงำนในยโุ รป 5 เกิดกำรฆำ่ ลำ้ งเผำ่ พนั ธุ์ชำวพ้ืนเมือง มาตรฐาน ส 4.3 เขำ้ ใจควำมเป็ นมำของชำติไทย วฒั นธรรม ภมู ิปัญญำไทย มีควำมรัก ควำมภูมิใจและ ธำรงควำมเป็ นไทย ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ประเด็นสำคญั ของประวตั ิศำสตร์ไทย (ส 4.3 ม.4-6/1) 26. สำเหตุสำคญั ท่ีทำใหม้ ีกำรวำ่ จำ้ งชำวต่ำงชำติท่ีมีควำมเช่ียวชำญเฉพำะดำ้ นเขำ้ มำรับรำชกำร ในสมยั รัชกำลที่ 5 คือขอ้ ใด 1 ชำวตำ่ งชำติมีควำมรู้ควำมสำมำรถมำกกวำ่ คนไทย 2 เพอ่ื ใหท้ รำบควำมเคล่ือนไหวของชำติตะวนั ตก 3 เพอ่ื ดำเนินนโยบำยในกำรพฒั นำประเทศใหท้ นั สมยั ตำมแบบตะวนั ตก 4 เพื่อป้ องกนั กำรตกเป็นอำณำนิคมของชำติตะวนั ตก 5 รัฐบำลของตำ่ งชำติเรียกร้องใหม้ ีกำรจำ้ งชำวตะวนั ตกเขำ้ รับรำชกำรไทย ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ปัจจยั ท่ีส่งเสริมกำรสร้ำงสรรคภ์ ูมิปัญญำไทย และวฒั นธรรมไทย ซ่ึงมีผลตอ่ สังคมไทยในยคุ ปัจจุบนั (ส 4.3 ม.4-6/3) 27. ขอ้ ใดไม่ ใช่เหตุผลที่เรือนไทยยกพ้นื สูง 1 ป้ องกนั น้ำทว่ มในฤดูน้ำหลำก 2 ป้ องกนั ภยั จำกสัตวห์ รือโจรผรู้ ้ำย 3 ใชเ้ ป็นพ้ืนท่ีทำกิจกรรมในครอบครัว 4 ช่วยระบำยควำมร้อนจำกตวั เรือนในเวลำกลำงวนั 5 เพอ่ื ควำมเป็ นสิริมงคลและแสดงถึงควำมมีฐำนะ

ตัวชี้วดั วำงแผนกำหนดแนวทำงและกำรมีส่วนร่วมกำรอนุรักษภ์ ูมิปัญญำไทยและวฒั นธรรมไทย (ส 4.3 ม.4-6/5) 28. นกั เรียนจะมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทยอยำ่ งไรจึงจะเหมำะสมท่ีสุด 1 บริจำคเงินเขำ้ กองทุนอนุรักษม์ รดกไทย 2 ปรับปรุงวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นใหเ้ ขำ้ กบั ยคุ สมยั 3 จดั โครงกำรเพอ่ื เผยแพร่วฒั นธรรมในทอ้ งถ่ินตนเอง 4 วำดภำพวฒั นธรรมหรือภมู ิปัญญำไทยเก็บสะสมไว้ 5 ผสมผสำนวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นตนเองใหเ้ ขำ้ กบั วฒั นธรรมของทอ้ งถ่ินอื่น สาระท่ี 5 ภมู ิศำสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เขำ้ ใจลกั ษณะของโลกทำงกำยภำพ และควำมสมั พนั ธ์ของสรรพส่ิงซ่ึงมีผลตอ่ กนั และกนั ในระบบของธรรมชำติ ใชแ้ ผนท่ีและเคร่ืองมือทำงภมู ิศำสตร์ในกำรคน้ หำ วเิ ครำะห์ สรุป และใชข้ อ้ มูลภมู ิสำรสนเทศอยำ่ งมีประสิทธิภำพ ตวั ชี้วดั ใชเ้ คร่ืองมือทำงภมู ิศำสตร์ในกำรรวบรวม วิเครำะห์ และนำเสนอขอ้ มลู ภูมิสำรสนเทศ อยำ่ งมีประสิทธิภำพ (ส 5.1 ม.4-6/1) 29. ถำ้ ตอ้ งกำรศึกษำกำรเปล่ียนแปลงของน้ำแขง็ บริเวณข้วั โลกเหนือควรใชเ้ ครื่องมือใดจึงจะเหมำะสมที่สุด 1 ภำพถ่ำยทำงอำกำศ 2 ภำพจำกดำวเทียม 3 แผนที่ภูมิประเทศ 4 เคร่ืองกำหนดคำ่ พิกดั 5 เคร่ืองมือวดั สภำพอำกำศ

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์กำรเปลี่ยนแปลงของพ้นื ที่ ซ่ึงไดร้ ับอิทธิพลจำกปัจจยั ทำงภูมิศำสตร์ ในประเทศไทย และทวปี ตำ่ ง ๆ (ส 5.1 ม.4-6/3) 30. ลกั ษณะภูมิประเทศในขอ้ ใดท่ีเกิดจำกกำรทบั ถมของตะกอนที่แมน่ ้ำพดั พำมำ 1 กมุ ภลกั ษณ์ 2 ท่ีรำบน้ำทว่ มถึง 3 สนั ดอนจะงอย 4 เนินตะกอนรูปพดั 5 สันดอนเช่ือมเกำะ มาตรฐาน ส 5.2 เขำ้ ใจปฏิสัมพนั ธ์ระหวำ่ งมนุษยก์ บั สภำพแวดลอ้ มทำงกำยภำพท่ีก่อใหเ้ กิดกำร สร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรม มีจิตสำนึก และมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษท์ รัพยำกรและ สิ่งแวดลอ้ มเพื่อกำรพฒั นำที่ยง่ั ยนื ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์สถำนกำรณ์และวกิ ฤตกำรณ์ดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มของ ประเทศไทยและโลก (ส 5.2 ม.4-6/1) 31. ขอ้ ใดเป็นสำเหตุสำคญั ท่ีสุดที่ทำใหเ้ กิดปัญหำทรัพยำกรน้ำเสีย 1 กำรบำบดั น้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ 2 กำรนำน้ำจำกแหล่งน้ำธรรมชำติมำใช้ 3 กำรเจริญเติบโตของวชั พชื ในน้ำ 4 กำรทิง้ น้ำที่ใชแ้ ลว้ ในครัวเรือนลงในแหล่งน้ำ 5 กำรขดุ เจำะน้ำบำดำลเพ่ือนำมำใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วดั ระบุแนวทำงกำรอนุรักษท์ รัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มในภมู ิภำคตำ่ ง ๆ ของโลก (ส 5.2 ม.4-6/3) 32. แนวทำงกำรอนุรักษท์ รัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มในขอ้ ใดเหมำะสมที่สุด 1 รณรงคใ์ หง้ ดใชร้ ถใชถ้ นนเพ่ือประหยดั ทรัพยำกรเช้ือเพลิง 2 แสวงหำทรัพยำกรใหม่มำใชแ้ ทนทรัพยำกรธรรมชำติท่ีกำลงั จะหมดไป 3 จดั ทำใบปลิวเกี่ยวกบั กำรอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ มแจกจ่ำยใหแ้ ก่ประชำชนทว่ั ไป 4 กำรจดั ต้งั สถำบนั รักษำสิ่งแวดลอ้ มแห่งชำติข้ึน 5 ออกกฎหมำยท่ีจะนำมำใชเ้ พื่อกำรอนุรักษท์ รัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม

ส่วนที่ 2 :แบบปรนยั 5 ตวั เลือก แต่ละขอ้ มีคำตอบท่ีถูกตอ้ งมำกกวำ่ 1 คำตอบ จำนวน 28 ขอ้ (ขอ้ 33-60) : ขอ้ ละ 1 คะแนน ตอบถูก 1 คำตอบ ได้ 0.5 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบ ได้ 1 คะแนน สาระที่ 1 ศำสนำ ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขำ้ ใจประวตั ิ ควำมสำคญั ศำสดำ หลกั ธรรมของพระพุทธศำสนำหรือ ศำสนำที่ตนนบั ถือ และศำสนำอื่น มีศรัทธำท่ีถูกตอ้ ง ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตำม หลกั ธรรมเพ่ืออยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสนั ติสุข ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์พระพุทธเจำ้ ในฐำนะเป็นมนุษยผ์ ฝู้ ึกตนไดอ้ ยำ่ งสูงสุดในกำรตรัสรู้ กำรก่อต้งั วธิ ีกำรสอนและกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำหรือวิเครำะห์ประวตั ิศำสดำที่ตนนบั ถือตำม ที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/2) 33. กำรแสวงหำหนทำงตรัสรู้ของพระพทุ ธเจำ้ สอดคลอ้ งกบั พุทธศำสนสุภำษิตใด 1 งมเขม็ ในมหำสมุทร 2 ฝนทงั่ ใหเ้ ป็นเขม็ 3 เขญ็ ครกข้ึนภูเขำ 4 ชำ้ ๆ ไดพ้ ร้ำเล่มงำม 5 ควำมพยำยำมอยทู่ ่ีไหนควำมสำเร็จอยทู่ ี่นนั่ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์ขอ้ ปฏิบตั ิทำงสำยกลำงในพระพทุ ธศำสนำ หรือแนวคิดของศำสนำท่ีตนนบั ถือ ตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/4) 34. ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั หลกั สมั มำวำยำมะ 1 มีสติรู้ตวั ทว่ั พร้อม 2 เห็นวำ่ ทำดีไดด้ ี ทำชวั่ ไดช้ ว่ั 3 ดำริไมพ่ ยำบำทปองร้ำยผอู้ ่ืน 4 พยำยำมรักษำควำมดีที่มีอยแู่ ลว้ ใหค้ งอยู่ 5 พยำยำมระวงั มิใหเ้ กิดควำมชว่ั ข้ึนในจิต

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ลกั ษณะประชำธิปไตยในพระพุทธศำสนำ หรือแนวคิดของศำสนำท่ีตนนบั ถือ ตำมท่ีกำหนด (ส 1.1 ม.4-6/6) 35. ขอ้ ใดแสดงใหเ้ ห็นวำ่ พระพุทธศำสนำยดึ หลกั ควำมเสมอภำคตำมหลกั ประชำธิปไตย 1 ผทู้ ี่เขำ้ มำอุปสมบทไม่วำ่ จะอยใู่ นวรรณะใดจะไดร้ ับควำมเทำ่ เทียมกนั 2 พระภิกษุทุกรูปมีสิทธิรับกฐินอยำ่ งเทำ่ เทียมกนั 3 พระภิกษุท่ีเขำ้ ประชุมทำสงั ฆกรรมทุกรูปมีสิทธิแสดงควำมคิดเห็นในทำงที่เห็นดว้ ย และในทำงคดั คำ้ น 4 มีกำรแบ่งอำนำจใหพ้ ระเถระผใู้ หญท่ ำหนำ้ ท่ีบริหำรปกครองหมูค่ ณะ 5 พระสงฆส์ ำมำรถถอนสิกขำบทที่เห็นวำ่ เลก็ นอ้ ยบทใดก็ได้ ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์กำรฝึกฝนและพฒั นำตนเอง กำรพ่งึ ตนเอง และกำรมุง่ อิสรภำพในพระพุทธศำสนำ หรือแนวคิดของศำสนำที่ตนนบั ถือตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/8) 36. ในวนั ที่พระพทุ ธเจำ้ ประสูติเสด็จยำ่ งพระบำทไป 7 กำ้ ว พร้อมดำรัสวำ่ “เรำเป็ นผเู้ ลิศแห่งโลก เรำเป็น ผปู้ ระเสริฐแห่งโลก เรำคือผเู้ ป็นใหญแ่ ห่งโลก” จำกขอ้ ควำมตรงกบั ขอ้ ใด 1 อวดตวั วำ่ ยง่ิ ใหญ่ 2 เป็นผมู้ ีอิทธิฤทธ์ิปำฏิหำริย์ 3 แสดงใหเ้ ห็นวำ่ เป็นผเู้ หนือกวำ่ มนุษยท์ ุกคน 4 เป็นกำรประกำศอิสรภำพของมนุษย์ 5 แสดงใหเ้ ห็นวำ่ มนุษยม์ ีศกั ยภำพในกำรพฒั นำตนเอง ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์พระพทุ ธศำสนำในกำรฝึกตนไม่ใหป้ ระมำท มุ่งประโยชนแ์ ละสนั ติภำพบุคคล สงั คม และโลก หรือแนวคิดของศำสนำท่ีตนนบั ถือตำมท่ีกำหนด (ส 1.1 ม.4-6/10) 37. ขอ้ ใดเป็นกำรฝึกตนไมใ่ หป้ ระมำทตำมแนวอภิณหปัจจเวกขณ์ 5 1 ยอมรับวำ่ วิญญำณมีจริงเม่ือตำยไปแลว้ ทุกคนจะตอ้ งเป็ นวิญญำณ 2 ยอมรับวำ่ ควำมสุขควำมทุกขเ์ ป็นของคูก่ นั 3 ยอมรับวำ่ ทุกคนมีกรรมเป็นของตนและจะตอ้ งไดร้ ับผลของกรรมน้นั 4 ยอมรับวำ่ กำรไมม่ ีโรคเป็นลำภอนั ประเสริฐ 5 ยอมรับวำ่ จะตอ้ งพลดั พรำกจำกส่ิงอนั เป็นท่ีรัก

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ควำมสำคญั ของพระพทุ ธศำสนำเก่ียวกบั กำรศึกษำท่ีสมบูรณ์ กำรเมืองและ สันติภำพ หรือแนวคิดของศำสนำท่ีตนนบั ถือตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/12) 38. กำรจดั กำรศึกษำใหส้ มบูรณ์ตำมหลกั พระพุทธศำสนำมุ่งเนน้ เพือ่ ให้เกิดส่ิงใดมำกที่สุด 1 เพอื่ ใหม้ นุษยเ์ กิดปัญญำ 2 เพ่ือใหม้ นุษยม์ ีสติสัมปชญั ญะ 3 เพือ่ นำปัญญำท่ีเกิดจำกกำรศึกษำมำพฒั นำตนเอง 4 เพอื่ ใหม้ นุษยม์ ีควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั หลกั ธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำอยำ่ งถ่องแท้ 5 เพอ่ื ใหม้ นุษยเ์ กิดควำมรอบรู้ในวชิ ำกำรต่ำง ๆ เพื่อใหส้ ำมำรถประกอบอำชีพได้ ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ขอ้ คิดและแบบอยำ่ งกำรดำเนินชีวติ จำกประวตั ิสำวก ชำดก เรื่องเล่ำ และศำสนิกชน ตวั อยำ่ งตำมที่กำหนด (ส 1.1 ม.4-6/14) 39. นกั เรียนจะนำแบบอยำ่ งของพระมหำชนกมำปฏิบตั ิในกำรดำเนินชีวิตอยำ่ งไร 1 มีควำมกตญั ญูกตเวทีต่อผมู้ ีพระคุณ 2 มีควำมเมตตำกรุณำตอ่ ผอู้ ่ืน 3 ไมย่ อ่ ทอ้ ต่ออุปสรรคและควำมยำกลำบำกตำ่ ง ๆ 4 มีควำมพยำยำมในกำรทำส่ิงตำ่ ง ๆ จนสำเร็จ 5 มีควำมขยนั หมนั่ เพียร 40. นกั เรียนจะนำคุณธรรมพระนำคเสนมำปฏิบตั ิอยำ่ งไร 1 ใชช้ ีวติ อยำ่ งมีสติไม่ประมำท 2 ใฝ่ กำรศึกษำเล่ำเรียน 3 มีควำมกตญั ญูกตเวที 4 มีควำมพยำยำม มุง่ มน่ั ต้งั ใจ 5 ยอมรับผดิ และรู้จกั แกไ้ ขปรับปรุงตวั เอง

ตัวชี้วดั เชื่อมนั่ ต่อผลของกำรทำควำมดี ควำมชว่ั สำมำรถวเิ ครำะห์สถำนกำรณ์ท่ีตอ้ งเผชิญและ ตดั สินใจเลือกดำเนินกำรหรือปฏิบตั ิตนไดอ้ ยำ่ งมีเหตุผลถูกตอ้ งตำมหลกั ธรรม จริยธรรม และกำหนดเป้ ำหมำย บทบำทกำรดำเนินชีวติ เพอ่ื กำรอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสันติสุข และอยู่ ร่วมกนั เป็ นชำติอยำ่ งสมำนฉนั ท์ (ส 1.1 ม.4-6/16) 41. มำนพตอ้ งลำออกจำกโรงเรียนเพื่อตอ้ งมำดูแลพอ่ ที่นอนป่ วยอยทู่ ่ีบำ้ น และตอ้ งหำงำนทำ เพื่อมำเป็ นค่ำใชจ้ ่ำยในกำรดูแลรักษำ วนั หน่ึงขณะท่ีมำนพกำลงั ขำยของอยนู่ ้นั ไดพ้ บกระเป๋ ำเงิน ตกอยจู่ ึงเก็บข้ึนมำดู และพบวำ่ มีเงินสกลุ ยโู ร เงินบำทจำนวนมำกและเอกสำรของเจำ้ ของ ซ่ึงเป็ นชำวต่ำงชำติ จำกสถำนกำรณ์ถำ้ นกั เรียนเป็ นมำนพจะตดั สินใจอยำ่ งไร 1 นำเงินสกลุ ยโู รไปส่งคืนเจำ้ ของและนำเงินบำทมำใชร้ ักษำพอ่ ท่ีป่ วย 2 ติดประกำศเพื่อใหเ้ จำ้ ของเงินมำรับคืนภำยใน 3 วนั ถำ้ ไม่มีผใู้ ดติดต่อเขำ้ มำจะเกบ็ เงินไวเ้ องท้งั หมด 3 เก็บเงินท้งั หมดไวเ้ พื่อใชเ้ ป็นทุนกำรศึกษำ 4 นำเงินท่ีเกบ็ ไดไ้ ปแจง้ ควำมที่สถำนีตำรวจ 5 สืบหำเจำ้ ของตำมที่อยใู่ นกระเป๋ ำและนำส่งคืนเจำ้ ของ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์หลกั ธรรมสำคญั ในกำรอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสันติสุขของศำสนำอ่ืน ๆ และชกั ชวน ส่งเสริม สนบั สนุนใหบ้ ุคคลอื่นเห็นควำมสำคญั ของกำรทำควำมดีต่อกนั (ส 1.1 ม.4-6/21) 42. จุดประสงคข์ องหลกั ธรรมคำสอนของทุกศำสนำท่ีมุง่ ใหศ้ ำสนิกชนปฏิบตั ิตนเหมือนกนั คือขอ้ ใด 1 ทำควำมดี 2 ละเวน้ กำรทำควำมชว่ั 3 บริจำคทำน 4 รักเพื่อนบำ้ นเหมือนรักตวั เอง 5 ศรัทธำในวนั สิ้นโลก

มาตรฐาน ส 1.2 เขำ้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศำสนิกชนท่ีดี และธำรงรักษำพระพทุ ธศำสนำ หรือศำสนำท่ีตนนบั ถือ ตัวชี้วดั ปฏิบตั ิตนถูกตอ้ งตำมศำสนพิธี พธิ ีกรรมตำมหลกั ศำสนำท่ีตนนบั ถือ (ส 1.2 ม.4-6/2) 43. ขอ้ ใดปฏิบตั ิตนถูกตอ้ งตำมหลกั ศำสนพธิ ี 1 กำรเดินเวยี นเทียนจะเดินเวยี นขวำ 3 รอบ 2 กำรถวำยสังฆทำนจะตอ้ งถวำยโดยเจำะจงพระรูปใดรูปหน่ึง 3 กำรทำบุญข้ึนบำ้ นใหมจ่ ะตอ้ งนิมนตพ์ ระมำเป็นจำนวนคู่ 4 ขณะเดินเวยี นเทียนให้ระลึกถึงเจำ้ กรรมนำยเวร 5 กำรทำจุลกฐินทุกฝ่ ำยจะตอ้ งช่วยกนั ทำใหเ้ สร็จภำยใน 1 วนั สาระท่ี 2 หนำ้ ที่พลเมือง วฒั นธรรม และกำรดำเนินชีวติ ในสงั คม มาตรฐาน ส 2.1 เขำ้ ใจและปฏิบตั ิตนตำมหนำ้ ท่ีของกำรเป็ นพลเมืองดี มีคำ่ นิยมท่ีดีงำม และธำรงรักษำ ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวติ อยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทย และสังคมโลกอยำ่ งสันติสุข ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ควำมสำคญั ของโครงสร้ำงทำงสงั คม กำรขดั เกลำทำงสังคม และกำรเปลี่ยนแปลง ทำงสังคม (ส 2.1 ม.4-6/2) 44. อ่ำนสถำนกำรณ์และตอบคำถำม ปัจจุบนั มีคำศพั ทใ์ หม่ ๆ ที่นิยมนำมำใชก้ นั อยำ่ งแพร่หลำยในเครือข่ำยสงั คมออนไลน์ ซ่ึงปัจจุบนั เทคโนโลยดี ำ้ นกำรสื่อสำรช่วยใหค้ ำศพั ทเ์ หล่ำน้นั เผยแพร่ไปอยำ่ งรวดเร็ว ทำใหเ้ กิดควำมวติ กกงั วล กนั วำ่ เด็กรุ่นใหม่จะทำใหภ้ ำษำไทยผดิ เพ้ยี นไป จำกสถำนกำรณ์ดงั กล่ำว กลุ่มบุคคลใดควรทำหนำ้ ท่ีในกำรขดั เกลำทำงสงั คม 1 กลุ่มทำงศำสนำ 2 กลุ่มกำรเมือง 3 กลุ่มเพอื่ น 4 ครูอำจำรย์ 5 กลุ่มเพือ่ นร่วมอำชีพ

ตัวชี้วดั ประเมินสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และเสนอแนวทำงพฒั นำ (ส 2.1 ม.4-6/4) 45. กำรกระทำในขอ้ ใดเป็นกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน 1 ตำรวจเขียนใบสงั่ ใหผ้ ทู้ ่ีขบั รถผดิ กฎจรำจรไปจำ่ ยคำ่ ปรับที่โรงพกั 2 แม่ทำโทษลูกโดยกำรขงั ไวใ้ นหอ้ งนอนและไมใ่ หไ้ ปเรียนหนงั สือ 3 ผจู้ ดั กำรฝ่ ำยบุคคลใหพ้ นกั งำนออกจำกงำนเน่ืองจำกทำผดิ กฎบริษทั 4 นกั เรียนถูกครูทำโทษใหท้ ำควำมสะอำดหอ้ งเรียนเนื่องจำกไม่ส่งกำรบำ้ น 5 ชำวบำ้ นถูกเวนคืนท่ีดินเพ่ือสร้ำงถนนตดั ผำ่ นโดยไม่ไดค้ ่ำตอบแทน มาตรฐาน ส 2.2 เขำ้ ใจระบบกำรเมืองกำรปกครองในสังคมปัจจุบนั ยดึ มน่ั ศรัทธำ และธำรงรักษำไว้ ซ่ึงกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยอนั มีพระมหำกษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ตัวชี้วดั เสนอแนวทำง ทำงกำรเมืองกำรปกครองที่นำไปสู่ควำมเขำ้ ใจ และกำรประสำนประโยชน์ ร่วมกนั ระหวำ่ งประเทศ (ส 2.2 ม.4-6/2) 46. ขอ้ ใดเป็นกำรดำเนินนโยบำยของประเทศไทยท่ีจะนำไปสู่กำรประสำนประโยชนร์ ่วมกนั ระหวำ่ งประเทศ 1 ประเทศไทยไดส้ ง่ั ซ้ือระบบจรวดนำวถิ ีจำกประเทศองั กฤษ 2 ประเทศไทยตอ่ ตำ้ นกำรนำเขำ้ สินคำ้ ละเมิดลิขสิทธ์ิจำกประเทศจีน 3 ประเทศไทย มำเลเซีย อินโดนีเซียจดั ทำโครงกำรสำมเหลี่ยมเศรษฐกิจ 4 ประเทศไทยไดเ้ สนอใหม้ ีกำรจดั ต้งั มลู นิธิอำเซียนเพื่อช่วยเหลือกนั ในกลุ่มประเทศสมำชิก 5 ประเทศไทยออกมำตรกำรท่ีไม่ใช่ภำษีเพ่อื กีดกนั สินคำ้ เกษตรจำกประเทศสมำชิกอำเซียน

ตัวชี้วดั เสนอแนวทำงและมีส่วนร่วมในกำรตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจรัฐ (ส 2.2 ม.4-6/4) 47. นกั เรียนสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจรัฐโดยวธิ ีใด 1 ยนื่ เรื่องขอตรวจสอบรำยกำรทรัพยส์ ินและหน้ีสินของผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมืองจำกธนำคำร 2 แจง้ ขอ้ มูลไปยงั หน่วยงำนที่เกี่ยวขอ้ งเม่ือเห็นเจำ้ หนำ้ ท่ีรัฐหรือผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง ทุจริตในหนำ้ ท่ี 3 ดำเนินกำรขอใหศ้ ำลออกหมำยเพอื่ เขำ้ ไปในเคหสถำนของผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง 4 ตรวจสอบควำมถูกตอ้ งและควำมมีอยจู่ ริง รวมท้งั ควำมเปลี่ยนของทรัพยส์ ินของผดู้ ำรง ตำแหน่งทำงกำรเมือง 5 ร่วมลงช่ือผมู้ ีสิทธิเลือกต้งั ไม่นอ้ ยกวำ่ 20,000 ชื่อต่อประธำนวฒุ ิสภำเพ่ือถอดถอน ผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง สาระที่ 3 เศรษฐศำสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 เขำ้ ใจและสำมำรถบริหำรจดั กำรทรัพยำกรในกำรผลิตและกำรบริโภค กำรใช้ ทรัพยำกรท่ีมีอยจู่ ำกดั ไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพและคุม้ ค่ำ รวมท้งั เขำ้ ใจหลกั กำรของ เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อกำรดำรงชีวติ อยำ่ งมีดุลยภำพ ตวั ชี้วดั ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งท่ีมีตอ่ เศรษฐกิจ สังคมของ ประเทศ (ส 3.1 ม.4-6/2) 48. ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งมีควำมสำคญั ต่อกำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศอยำ่ งไร 1 ช่วยใหป้ ระชำชนมีฐำนะร่ำรวยข้ึน 2 เพิ่มผลผลิตทำงกำรเกษตรและทรัพยำกรในชุมชน 3 สร้ำงควำมเขม้ แขง็ ใหช้ ุมชนเพอ่ื เป็นรำกฐำนในกำรพฒั นำประเทศ 4 ปรับโครงสร้ำงกำรผลิตสินคำ้ ในชุมชนเพ่อื ให้เกิดควำมสมดุลและยงั่ ยนื 5 ส่งเสริมคุณภำพชีวติ ของประชำชนและลดช่องวำ่ งระหวำ่ งคนรวยกบั คนจน

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ปัญหำทำงเศรษฐกิจในชุมชนและเสนอแนวทำงแกไ้ ข (ส 3.1 ม.4-6/4) 49. รัฐบำลควรเขำ้ มำแกไ้ ขปัญหำควำมยำกจนและควำมเหล่ือมล้ำในกำรกระจำยรำยไดโ้ ดยวธิ ีใด 1 ใชห้ น้ีใหป้ ระชำชนที่เป็นหน้ีนอกระบบ 2 เก็บเงินภำษีจำกคนรวยไปแบ่งใหค้ นจน 3 สนบั สนุนกำรลงทุนในภำคเกษตรกรรม 4 สนบั สนุนใหค้ นเขำ้ มำทำงำนในภำคอุตสำหกรรมมำกข้ึน 5 ขยำยกำรลงทุนในภำคอุตสำหกรรมไปยงั ภมู ิภำคต่ำง ๆ ของประเทศ มาตรฐาน ส 3.2 เขำ้ ใจระบบและสถำบนั ทำงเศรษฐกิจต่ำง ๆ ควำมสมั พนั ธ์ทำงเศรษฐกิจและควำม จำเป็นของกำรร่วมมือกนั ทำงเศรษฐกิจในสังคมโลก ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรเปิ ดเสรีทำงเศรษฐกิจในยคุ โลกำภิวตั น์ท่ีมีต่อสงั คมไทย (ส 3.2 ม.4-6/2) 50. กำรเปิ ดเขตกำรคำ้ เสรีอำเซียนก่อใหเ้ กิดผลกระทบต่อประเทศไทยอยำ่ งไร 1 รัฐบำลสูญเสียรำยไดจ้ ำกอตั รำภำษีนำเขำ้ ที่ลดลง 2 กำรนำเขำ้ วตั ถุดิบจำกประเทศสมำชิกมีรำคำถูกลงช่วยลดตน้ ทุนกำรผลิต 3 ผบู้ ริโภคสำมำรถบริโภคสินคำ้ ในรำคำท่ีถูกลง 4 ธุรกิจขนำดเล็กที่มีกำรผลิตต่ำไมส่ ำมำรถแขง่ ขนั กบั ประเทศอื่นได้ 5 กำรลดภำษีทำใหส้ ินคำ้ ไทยที่ส่งไปจำหน่ำยในอำเซียนมีรำคำถูกลงแขง่ ขนั กบั ประเทศอ่ืนได้

สาระท่ี 4 ประวตั ิศำสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เขำ้ ใจควำมหมำย ควำมสำคญั ของเวลำ และยคุ สมยั ทำงประวตั ิศำสตร์ สำมำรถใชว้ ธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์วเิ ครำะห์เหตุกำรณ์ตำ่ ง ๆ อยำ่ งเป็นระบบ ตัวชี้วดั สร้ำงองคค์ วำมรู้ใหมท่ ำงประวตั ิศำสตร์โดยใชว้ ธิ ีกำรทำงประวตั ิศำสตร์อยำ่ งเป็ นระบบ (ส 4.1 ม.4-6/2) 51. ขอ้ ใดเป็นข้นั ตอนแรกของกำรสร้ำงองคค์ วำมรู้ทำงประวตั ิศำสตร์เก่ียวกบั เร่ืองกำรเลิกทำส 1 เพรำะเหตุใดจึงมีกำรเลิกทำส 2 นำขอ้ มลู เกี่ยวกบั กำรเลิกทำสท่ีสืบคน้ ไดม้ ำวเิ ครำะห์ควำมน่ำเช่ือถือ 3 ตรวจสอบขอ้ มูลเก่ียวกบั กำรเลิกทำสจำกพงศำวดำร 4 สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั กำรเลิกทำสจำกหอ้ งสมุดแห่งชำติ 5 กำรเลิกทำสเกิดข้ึนเมื่อใด มาตรฐาน ส 4.2 เขำ้ ใจพฒั นำกำรของมนุษยชำติจำกอดีตจนถึงปัจจุบนั ในดำ้ นควำมสัมพนั ธ์ และกำรเปล่ียนแปลงของเหตุกำรณ์อยำ่ งต่อเนื่อง ตระหนกั ถึงควำมสำคญั และสำมำรถวเิ ครำะห์ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์เหตุกำรณ์สำคญั ตำ่ ง ๆ ที่ส่งผลต่อกำรเปล่ียนแปลงทำงสังคม เศรษฐกิจและ กำรเมืองเขำ้ สู่โลกสมยั ปัจจุบนั (ส 4.2 ม.4-6/2) 52. กำรแสวงหำอำณำนิคมของชำติตะวนั ตกเกิดข้ึนเน่ืองจำกปัจจยั ใด 1 ควำมตอ้ งกำรแรงงำนเพ่ือพฒั นำอุตสำหกรรมในประเทศ 2 ควำมตอ้ งกำรวตั ถุดิบเพอ่ื ป้ อนโรงงำนอุตสำหกรรม 3 ควำมตอ้ งกำรหำตลำดเพอ่ื รองรับสินคำ้ ที่ผลิตได้ 4 เกิดควำมเหล่ือมล้ำทำงสังคม มีกำรแบง่ ชนช้นั กนั 5 เกิดควำมขดั แยง้ ดำ้ นอุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองภำยในประเทศ

ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์สถำนกำรณ์ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 21 (ส 4.2 ม.4-6/4) 53. ปัญหำควำมขดั แยง้ รุนแรงที่เกิดข้ึนทว่ั โลกในปัจจุบนั เกิดจำกสำเหตุใด 1 ควำมแตกตำ่ งทำงดำ้ นเช้ือชำติและศำสนำ 2 กำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ 3 สภำพแวดลอ้ มเสื่อมโทรมลง 4 กำรรวมกลุ่มกนั ทำงเศรษฐกิจ 5 กำรแทรกแซงของประเทศมหำอำนำจ มาตรฐาน ส 4.3 เขำ้ ใจควำมเป็ นมำของชำติไทย วฒั นธรรม ภูมิปัญญำไทย มีควำมรัก ควำมภมู ิใจ และธำรงควำมเป็ นไทย ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์ควำมสำคญั ของสถำบนั พระมหำกษตั ริยต์ อ่ ชำติไทย (ส 4.3 ม.4-6/2) 54. ปัจจุบนั สถำบนั พระมหำกษตั ริยม์ ีควำมสำคญั ต่อชำติไทยอยำ่ งไร 1 ทรงเป็นอคั รศำสนูปถมั ภก 2 ทรงรวบรวมอำณำจกั รใหเ้ ป็ นปึ กแผน่ 3 เป็นศนู ยร์ วมจิตใจของคนไทยท้งั ชำติ 4 ทรงสร้ำงแสนยำนุภำพในดำ้ นกำรทหำร 5 ทรงกำหนดนโยบำยในกำรบริหำรประเทศ ตัวชี้วดั วเิ ครำะห์ผลงำนของบุคคลสำคญั ท้งั ชำวไทยและตำ่ งประเทศที่มีส่วนสร้ำงสรรค์ วฒั นธรรมไทยและประวตั ิศำสตร์ไทย (ส 4.3 ม.4-6/4) 55. ขอ้ ใดเป็นผลงำนของหมอบรัดเลย์ 1 กำรรักษำผปู้ ่ วยดว้ ยโรคอหิวำตกโรค 2 เผยแพร่เร่ืองกำรปลูกฝีและฉีดวคั ซีน 3 รักษำโดยวธิ ีผำ่ ตดั เป็นคร้ังแรก 4 เปิ ดโรงพยำบำลเพื่อรักษำผปู้ ่ วย 5 เปิ ดคลินิกรักษำโรคฟัน

สาระที่ 5 ภมู ิศำสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เขำ้ ใจลกั ษณะของโลกทำงกำยภำพ และควำมสัมพนั ธ์ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกนั และกนั ในระบบของธรรมชำติ ใชแ้ ผนท่ีและเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ในกำรคน้ หำ วเิ ครำะห์ สรุปและใชข้ อ้ มลู ภูมิสำรสนเทศอยำ่ งมีประสิทธิภำพ ตวั ชี้วดั วเิ ครำะห์อิทธิพลของสภำพภูมิศำสตร์ ซ่ึงทำใหเ้ กิดปัญหำทำงกำยภำพหรือภยั พบิ ตั ิ ทำงธรรมชำติในประเทศไทยและภมู ิภำคตำ่ ง ๆ ของโลก (ส 5.1 ม.4-6/2) 56. ขอ้ ใดเป็นสำเหตุของกำรเกิดสึนำมิที่จะส่งผลกระทบต่อชำยฝั่ง 1 กำรปะทุของภูเขำไฟใตท้ อ้ งทะเลท่ีมีควำมรุนแรง 2 กำรก่อตวั ของพำยหุ มุนในมหำสมุทร 3 กำรปะทุของภเู ขำไฟในภำคพ้ืนทวปี ท่ีมีควำมรุนแรง 4 กำรเคล่ือนตวั ของแผน่ เปลือกโลกบริเวณมหำสมุทร 5 กำรเคล่ือนตวั ของดินโคลนบริเวณเชิงเขำโดยฉบั พลนั ตวั ชี้วดั ประเมินกำรเปล่ียนแปลงธรรมชำติในโลกวำ่ เป็ นผลมำจำกกำรกระทำของมนุษยแ์ ละหรือ ธรรมชำติ (ส 5.1 ม.4-6/4) 57. กิจกรรมของมนุษยใ์ นขอ้ ใดที่ก่อใหเ้ กิดวกิ ฤตกำรณ์ดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม 1 กำรออกกฎหมำยคุม้ ครองส่ิงแวดลอ้ ม 2 กำรจดั ต้งั ชมรมเพ่อื กำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติ 3 กำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศ 4 ควำมเจริญกำ้ วหนำ้ ดำ้ นเทคโนโลยี 5 กำรเพม่ิ จำนวนของสัตวป์ ่ ำ 58. กำรเปล่ียนแปลงของธรรมชำติในขอ้ ใดท่ีเกิดจำกกำรกระทำของมนุษย์ 1 กำรเกิดภำวะโลกร้อน 2 กำรเกิดคล่ืนสึนำมิ 3 กำรเกิดโรคระบำด 4 กำรปะทุของภเู ขำไฟใตท้ ะเล 5 ทรัพยำกรธรรมชำติเส่ือมโทรมลง

มาตรฐาน ส 5.2 เขำ้ ใจปฏิสมั พนั ธ์ระหวำ่ งมนุษยก์ บั สภำพแวดลอ้ มทำงกำยภำพที่ก่อใหเ้ กิดกำร สร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรม มีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษท์ รัพยำกรและ ส่ิงแวดลอ้ มเพ่อื กำรพฒั นำที่ยง่ั ยนื ตวั ชี้วดั ระบุมำตรกำรป้ องกนั และแกไ้ ขปัญหำ บทบำทขององคก์ ำรและกำรประสำนควำม ร่วมมือท้งั ในประเทศ และนอกประเทศเกี่ยวกบั กฎหมำยสิ่งแวดลอ้ ม กำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดลอ้ ม (ส 5.2 ม.4-6/2) 59. ควำมร่วมมือของทุกประเทศในขอ้ ใดจะช่วยลดปัญหำภำวะโลกร้อน 1 อนุสญั ญำไซเตส 2 พธิ ีสำรเกียวโต 3 สนธิสญั ญำบำเซิล 4 พธิ ีสำรมอนทรีออล 5 อนุสัญญำแรมซำร์ ตัวชี้วดั อธิบำยกำรใชป้ ระโยชน์จำกสิ่งแวดลอ้ มในกำรสร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรมอนั เป็ นเอกลกั ษณ์ ของทอ้ งถิ่นท้งั ในประเทศไทยและโลก (ส 5.2 ม.4-6/4) 60. บุคคลในขอ้ ใดใชป้ ระโยชน์จำกส่ิงแวดลอ้ มในกำรสร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรม 1 ชำวอินเดียนแดงมีกำรเพำะปลูกพืชแบบยงั ชีพ 2 ชนเผำ่ โกล๊อคในประเทศจีนนิยมเล้ียงสัตวแ์ บบเร่ร่อน 3 ชำวแอบอริจินในประเทศออสเตรเลียประดิษฐบ์ มู เมอแรงข้ึนใชเ้ พื่อกำรล่ำสัตว์ 4 ชำวปิ๊ กมีในประเทศคองโกยงั ชีพโดยกำรเกบ็ ของป่ ำล่ำสัตว์ 5 ชำวเอสกิโมในข้วั โลกเหนือใชน้ ้ำแขง็ มำสร้ำงเป็ นที่พกั ชวั่ ครำว

ชุดท่ี 2 เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเตรียมสอบ O-NET กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ข้อ เฉลย เหตุผล 1 2 ควำมแตกแยกของคนในสังคม ส่งผลใหส้ งั คมเกิดควำมวนุ่ วำย ไมส่ งบสุข ขำดควำมกำ้ วหนำ้ 2 5 ก่อนท่ีพระพุทธเจำ้ จะปรินิพพำนพระองคท์ รงมอบหมำยใหช้ ำวพทุ ธยดึ ถือ พระธรรมเป็ นศำสดำแทนพระองค์ และยดึ ถือหลกั ธรรมเป็ นแนวปฏิบตั ิ ส่งผลให้ พระพทุ ธศำสนำคงอยสู่ ืบตอ่ มำ 3 4 เป็นควำมเชื่อวำ่ กำรกระทำสิ่งใดลงไปไม่วำ่ จะทำดีหรือชว่ั ผกู้ ระทำยอ่ มไดร้ ับผลของ กำรกระทำน้นั 4 2 หลกั กำรของวทิ ยำศำสตร์น้นั จะเชื่อเรื่องใดจะตอ้ งมีกำรพิสูจน์หำควำมจริงโดยกำร ทดลอง ในทำงพระพทุ ธศำสนำพระพทุ ธเจำ้ ทรงสอนใหเ้ ช่ืออยำ่ งมีสติ 5 3 ทุกข์ คือ ปัญหำท่ีเกิดข้ึน สมุทยั คือ สำเหตุของปัญหำ มรรค คือ ขอ้ ปฏิบตั ิในกำร แกป้ ัญหำ นิโรธ คือ ภำวะที่ปัญหำหมดไป ในกรณีน้ีคือ ชกั หนำ้ ไม่ถึงหลงั หมำยถึง รำยไดไ้ ม่พอกบั รำยจ่ำย ดงั น้นั กำรเก็บหอมรอมริบจะช่วยแกป้ ัญหำได้ และทำให้ มีเงินใชจ้ ่ำย และเหลือเก็บออม 6 1 มชั ฌิมำปฏิปทำ คือ ทำงสำยกลำง 8 ประกำร ไดแ้ ก่ ควำมเห็นชอบ ดำริชอบ วำจำชอบ กำรงำนชอบ ประกอบอำชีพชอบ เพยี รชอบ ต้งั สติชอบ สมำธิชอบ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั กำรดำเนินชีวติ ตำมหลกั เศรษฐกิจพอเพียง 7 2 ภำวนำ หมำยถึง กำรฝึกฝนอบรมหรือกำรพฒั นำ มี 4 ประกำร ไดแ้ ก่ กำยภำวนำ สีลภำวนำ จิตตภำวนำ ปัญญำภำวนำ กำรเจริญภำวนำเป็ นกำรฝึกฝนอบรมกำย จิตใจ และปัญญำ 8 4 กำรสงั คำยนำพระไตรปิ ฎกเป็นกำรรวบรวมหลกั ธรรมคำสอนของพระพุทธศำสนำ ไว้ เพอ่ื ใหห้ ลกั ธรรมคงอยสู่ ืบต่อไป 9 3 เป็นวธิ ีคิดแบบสกดั หรือบรรเทำตณั หำ เพื่อไมใ่ หก้ ิเลสเขำ้ มำครอบงำจิตใจ 10 2 เป็นแนวทำงท่ีพุทธศำสนิกชนทุกคนสำมำรถปฏิบตั ิไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเสียคำ่ ใชจ้ ่ำย 11 3 กำรนิมนตพ์ ระภิกษุไปงำนมงคลควรนิมนตเ์ ป็นเลขคี่ ภูษำโยงเป็นอุปกรณ์ที่ใชใ้ น งำนอวมงคล กำรนิมนตพ์ ระภิกษุไมค่ วรระบุอำหำรท่ีถวำยเพรำะผดิ พระธรรมวนิ ยั

ข้อ เฉลย เหตุผล 12 2 เป็นหลกั ธรรมที่พระพุทธเจำ้ ทรงแสดงใหแ้ ก่พระอรหนั ต์ 1,250 องค์ ที่มำประชุม พร้อมกนั โดยมิไดน้ ดั หมำย โอวำทปำฏิโมกขเ์ ป็ นหลกั ธรรมท่ีเป็นหวั ใจสำคญั ของ พระพุทธศำสนำ ไดแ้ ก่ กำรไมท่ ำควำมชวั่ กำรทำควำมดี กำรทำจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ 13 5 กำรทำร้ำยร่ำงกำยผอู้ ่ืนเป็ นควำมผดิ ทำงอำญำ 14 1 คนดีมีควำมสำมำรถจะเขำ้ ไปทำหนำ้ ที่บริหำรประเทศ โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อ ส่วนรวม ทำใหป้ ระเทศชำติเจริญกำ้ วหนำ้ 15 4 กำรปฏิบตั ิตนท่ีถูกตอ้ งตำมขนบธรรมเนียมประเพณีไทยเป็นกำรเผยแพร่วฒั นธรรม และจะช่วยสืบทอดวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยสู่ ืบต่อไป 16 3 กำรท่ีทุกฝ่ ำยหนั หนำ้ คุยกนั และมีกำรตกลงร่วมกนั จะทำใหป้ ัญหำควำมขดั แยง้ ลดลง 17 1 เสมอภำค คือ ควำมเท่ำเทียมกนั ตำมกฎหมำย ควำมเท่ำเทียมกนั ในเรื่องของสิทธิ และหนำ้ ที่ ควำมเสมอภำคจึงก่อใหเ้ กิดควำมเท่ำเทียมกนั ในสงั คมและก่อใหเ้ กิด ควำมยตุ ิธรรม 18 2 ในสงั คมจะมีควำมมนั่ คงปลอดภยั ถำ้ สมำชิกของสงั คมปฏิบตั ิตนตำมวถิ ีชีวติ แบบประชำธิปไตย 19 2 ควำมตอ้ งกำรจำ้ งแรงงำนมีนอ้ ยกวำ่ ควำมตอ้ งกำรเสนอเป็ นแรงงำน ส่งผลใหเ้ กิด ภำวะกำรวำ่ งงำน 20 1 กำรขยำยธุรกิจจะช่วยใหเ้ กิดกำรสร้ำงงำนและสร้ำงรำยไดใ้ หแ้ ก่คนในชุมชน เป็น กำรพฒั นำเศรษฐกิจของชุมชนใหเ้ จริญกำ้ วหนำ้ 21 5 กำรแกป้ ัญหำเงินเฟ้ อของรัฐบำลคือ ดำเนินนโยบำยแบบเกินดุล ลดกำรอดั ฉีดเงินหรือ ลดกำรใชจ้ ำ่ ยในระบบเศรษฐกิจ 22 1 กำรที่มีสินคำ้ ชนิดเดียวกนั ทำใหเ้ กิดกำรแข่งขนั กนั เช่น สินคำ้ เกษตรที่เขำ้ มำใน ประเทศไทย ซ่ึงมีรำคำถูกกวำ่ จะขำยไดม้ ำกกวำ่ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ภำยในประเทศ 23 4 นกั โบรำณคดีจะแบง่ ยคุ สมยั ทำงประวตั ิศำสตร์ คือ ยคุ ท่ีมนุษยป์ ระดิษฐต์ วั อกั ษร ข้ึนมำใช้ ยคุ สมยั ก่อนประวตั ิศำสตร์ศึกษำจำกเครื่องมือเครื่องใชท้ ี่มนุษยส์ ร้ำงข้ึน 24 5 จกั รวรรดิโรมนั มีทหำรปฏิบตั ิหนำ้ ท่ีรักษำชำยแดนประมำณ 500,000 คน เพ่ือเป็น กำรกระชบั กำรปกครองดินแดนอำณำนิคม จกั รวรรดิโรมนั จึงสร้ำงถนนเพือ่ เช่ือม ระหวำ่ งค่ำยทหำรกบั กรุงโรม 25 2 อเมริกำตกเป็นอำณำนิคมของชำติยโุ รป และมีชำวยโุ รปเขำ้ มำต้งั ถิ่นฐำนจำนวน มำก โดยใชแ้ รงงำนของชำวพ้ืนเมืองในกำรทำเกษตรกรรมในไร่ขนำดใหญ่

ข้อ เฉลย เหตุผล 26 3 เพอื่ ไมใ่ หต้ กเป็ นอำณำนิคมของชำติตะวนั ตก พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ - เจำ้ อยหู่ วั ไดด้ ำเนินนโยบำย เพอ่ื ปรับปรุงประเทศใหท้ นั สมยั โดยวำ่ จำ้ ง ชำวตะวนั ตกเขำ้ มำรับรำชกำร 27 5 กำรสร้ำงเรือนไทยยกพ้นื สูงเป็นกำรสร้ำงโดยกำรคำนึงถึงสภำพแวดลอ้ ม และประโยชนใ์ ชส้ อย 28 3 เป็นกำรแสดงควำมมีส่วนร่วมในกำรสืบทอดและอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย ท่ีเหมำะสมกบั นกั เรียนมำกที่สุด 29 2 ภำพถ่ำยดำวเทียมแสดงขอ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะภมู ิประเทศไดอ้ ยำ่ งกวำ้ งขวำงและ ครอบคลุมพ้ืนที่ สำมำรถนำมำใชศ้ ึกษำกำรเปลี่ยนแปลงของธำรน้ำแขง็ บริเวณ ข้วั โลกเหนือได้ 30 4 กมุ ภลกั ษณ์ เกิดจำกกำรกดั เซำะของลำน้ำ ที่รำบน้ำท่วมถึงและสันดอนเชื่อมเกำะ เกิดจำกอิทธิพลของน้ำข้ึนน้ำลง สันดอนจะงอย เกิดจำกกระแสคล่ืน เนินตะกอน รูปพดั เกิดจำกกำรทบั ถมของตะกอนที่แมน่ ้ำพดั พำมำ 31 4 น้ำเสียจำกครัวเรือนท่ีไม่ไดผ้ ำ่ นกำรบำบดั ก่อนทิง้ ลงสู่แหล่งน้ำยอ่ มส่งผลใหเ้ กิด น้ำเสียมำกท่ีสุด 32 5 เป็นขอ้ บงั คบั ท่ีทุกคนตอ้ งปฏิบตั ิตำม ผทู้ ่ีละเมิดจะตอ้ งถูกลงโทษตำมที่กฎหมำย กำหนด 33 2, 5 แสดงถึงควำมพยำยำมในกำรแสวงหำหนทำงแห่งกำรตรัสรู้จนกระทง่ั คน้ พบ หลกั อริยสัจ 4 34 4, 5 สัมมำวำยำมะ หมำยถึง ควำมพยำยำมชอบ เช่น พยำยำมระวงั ไมใ่ ห้เกิดควำมชว่ั ข้ึน ในจิต พยำยำมละควำมชวั่ ท่ีเกิดข้ึนใหห้ มดไป พยำยำมสร้ำงควำมดีท่ียงั ไมม่ ี พยำยำม รักษำควำมดีที่มีอยใู่ ห้คงอยตู่ ลอดไป 35 1, 3 1. วฒั นธรรมอินเดียจะมีกำรแบง่ ชนช้นั ออกเป็ น 4 วรรณะซ่ึงถือวำ่ เป็นประสงค์ ของพระเจำ้ แต่เม่ืออุปสมบทแลว้ ไม่วำ่ จะอยใู่ นวรรณะใดก็จะเท่ำเทียมกนั 3. กำรท่ีภิกษุทุกรูปแสดงควำมคิดเห็นไดเ้ ป็นกำรแสดงถึงควำมเสมอภำคตำมหลกั ประชำธิปไตย 36 4, 5 พทุ ธดำรัสดงั กล่ำวแสดงใหเ้ ห็นวำ่ มนุษยม์ ีศกั ยภำพพฒั นำตนเองไดส้ ูงสุด เมื่อมนุษยพ์ ฒั นำแลว้ ก็จะเป็ นผปู้ ระเสริฐสุด ดงั มีพระองคเ์ ป็นตวั อยำ่ งในฐำนะ ท่ีทรงเป็นตวั แทนของมนุษย์ เม่ือมนุษยม์ ีศกั ยภำพกไ็ มต่ อ้ งพ่งึ ออ้ นวอนเทพเจำ้ หรืออำนำจดลบนั ดำลจำกภำยนอก

ข้อ เฉลย เหตุผล 37 3, 5 กำรฝึกตนไม่ใหป้ ระมำทตำมแนวทำงอภิณหปัจจเวกขณ์ 5 ไดแ้ ก่ 1. ควำมแก่เป็น เรื่องธรรมดำไม่มีใครล่วงพน้ ไปได้ 2. ควำมป่ วยเป็นเร่ืองธรรมดำไม่มีใครล่วงพน้ ไปได้ 3. ควำมตำยเป็นเร่ืองธรรมดำไมม่ ีใครล่วงพน้ ไปได้ 4. เรำทุกคนจะตอ้ ง พลดั พรำกจำกส่ิงอนั เป็ นที่รัก 5. ทุกคนมีกรรมเป็นของตนและจะตอ้ งไดร้ ับ ผลกรรมน้นั 38 1, 3 หลกั กำรทำงพระพทุ ธศำสนำท่ีจะนำมำเป็นพ้ืนฐำนกำรจดั กำรศึกษำใหส้ มบรู ณ์ เพื่อมุง่ เนน้ ใหม้ นุษยเ์ กิดควำมฉลำดหรือเกิดปัญญำ และนำเอำปัญญำที่เกิดจำก กำรศึกษำมำพฒั นำตนเองให้เป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ 39 3, 4 พระมหำชนกเป็นผมู้ ีควำมเพียรพยำยำมทำสิ่งที่ต้งั ใจไว้ โดยไม่ยอ่ ทอ้ แมจ้ ะ ประสบควำมยำกลำบำก 40 2, 5 2. พระนำคเสนเป็ นผทู้ ี่มีควำมใฝ่ รู้ เรียนจบไตรเพทต้งั แต่อำยยุ งั นอ้ ย 5. พระนำคเสนเป็ นผทู้ ่ีมีควำมมน่ั ใจในตวั เองสูง ดูหม่ินผอู้ ื่น แตเ่ ม่ือรู้ตวั วำ่ เป็ น ส่ิงที่ผดิ กย็ อมรับผดิ และแกไ้ ขควำมประพฤติของตนเอง 41 4, 5 กำรนำเงินส่งคืนเจำ้ ของเป็ นกำรทำควำมดี เป็ นกำรยบั ย้งั ชงั่ ใจตวั เองไม่ใหท้ ำ ควำมชวั่ สอดคลอ้ งกบั หลกั หิริ-โอตตปั ปะ 42 1, 2 ศำสนำทุกศำสนำมีหลกั ธรรมคำสอนใหศ้ ำสนิกชนทำควำมดี ไม่ทำควำมชวั่ 43 1, 5 กำรถวำยสงั ฆทำนจะตอ้ งไมเ่ จำะจงพระรูปใดรูปหน่ึง กำรทำบุญงำนมงคลนิยม นิมนตพ์ ระมำเป็นจำนวนค่ี เช่น 5-7-9 รูป กำรเดินเวยี นเทียน 3 รอบเป็นกำรระลึก ถึงคุณของพระรัตนตรัย 44 3, 4 3. เพ่อื นเป็นผมู้ ีอิทธิพลต่อกำรขดั เกลำทำงสังคมในกลุ่มวยั รุ่นเป็ นอยำ่ งมำก เนื่องจำกวยั รุ่นเป็นวยั ที่เช่ือเพือ่ นและนิยมทำสิ่งตำ่ ง ๆ ตำมกนั ไป 4. ครูเป็นผทู้ ่ีมีควำมใกลช้ ิดกบั เด็กและมีหนำ้ ที่ในกำรอบรมสง่ั สอนใหม้ ีควำมรู้ 45 2, 5 2. กำรทำโทษโดยกำรกกั ขงั และไม่ใหไ้ ปโรงเรียนเป็นกำรละเมิดสิทธิในชีวติ และร่ำงกำยและสิทธิท่ีจะไดร้ ับกำรศึกษำ 5. กำรเวนคืนอสังหำริมทรัพยจ์ ะกระทำมิไดเ้ วน้ แต่เพื่อประโยชนข์ องรัฐ โดยตอ้ ง ชดใชค้ ำ่ ตอบแทนท่ีเป็ นธรรมใหแ้ ก่ผถู้ ูกเวนคืน 46 3, 4 3. เป็นควำมร่วมมือทำงดำ้ นเศรษฐกิจ กำรคมนำคมขนส่ง กำรท่องเที่ยวที่ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ร่วมกนั 4. เป็นควำมร่วมมือกนั เพื่อบรรเทำผลกระทบทำงดำ้ นสังคมจำกวกิ ฤตเศรษฐกิจ 47 2, 5 1, 3, 4 เป็นอำนำจหนำ้ ที่ขององคก์ รอิสระ

ข้อ เฉลย เหตุผล 48 3, 4 แผนพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติไดน้ ำเอำหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง มำใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรพฒั นำประเทศ โดยใหค้ วำมสำคญั กบั กำรจดั กำร กระบวนกำรชุมชนเขม้ แขง็ เพื่อส่งเสริมกำรรวมตวั กนั และปรับโครงสร้ำงกำรผลิต และบริกำร เพื่อเพม่ิ คุณค่ำสินคำ้ และกำรบริหำรจดั กำรที่ดี 49 3, 5 ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชำชนส่วนใหญ่ประกอบอำชีพเกษตรกร สนบั สนุนกำรลงทุนในภำคกำรเกษตรจึงทำใหป้ ระชำชนมีรำยไดม้ ำกข้ึน และกำรขยำยกำรลงทุนไปยงั ภมู ิภำคตำ่ ง ๆ จะช่วยสร้ำงงำนและสร้ำงรำยไดใ้ หแ้ ก่ ประชำชน และไมก่ ระจุกตวั อยใู่ นเมืองหลวง 50 1, 4 1. กำรลดอตั รำภำษีนำเขำ้ ทำใหร้ ัฐบำลสูญเสียรำยไดท้ ่ีจะนำมำใชใ้ นกำรพฒั นำ ประเทศ 4. ธุรกิจขนำดเล็กท่ีมีกำลงั กำรผลิตต่ำไม่สำมำรถแข่งขนั กบั ประเทศสมำชิกอ่ืน ที่มีกำลงั กำรผลิตสูงและมีเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั 51 1, 5 ข้นั ตอนแรกของกำรสืบคน้ เร่ืองรำวทำงประวตั ิศำสตร์คือกำรกำหนดประเด็นของ เรื่องที่ตอ้ งกำรศึกษำหรือกำรต้งั คำถำม 52 2, 3 กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมส่งผลใหเ้ กิดควำมตอ้ งกำรวตั ถุดิบเพ่ือผลิตสินคำ้ เมื่อผลิต สินคำ้ ไดม้ ำกจึงตอ้ งกำรหำตลำดเพือ่ รองรับสินคำ้ ที่ผลิตได้ 53 1, 5 1. ควำมขดั แยง้ ทำงศำสนำเป็ นสำเหตุหน่ึงท่ีทำใหเ้ กิดกำรตอ่ สู้โดยใชค้ วำมรุนแรง ในรูปแบบของกำรก่อกำรร้ำย โดยชนส่วนนอ้ ยในประเทศท่ีนบั ถือศำสนำต่ำงจำก ชนส่วนใหญ่ใชเ้ ป็ นขอ้ อำ้ งเพ่ือเรียกร้องแบง่ แยกดินแดน 5. ประเทศที่มีผกู้ ่อกำรร้ำยอยจู่ ะเป็นเป้ ำโจมตีจำกประเทศมหำอำนำจ เช่น สหรัฐอเมริกำเขำ้ ไปทำสงครำมในอฟั กำนิสถำน 54 1, 3 1. ในรัฐธรรมนูญกำหนดวำ่ พระมหำกษตั ริยไ์ ทยทรงเป็ นอคั รศำสนูปถมั ภก ทรง สนบั สนุนบำรุงทุกศำสนำ 2. พระมหำกษตั ริยท์ รงดำรงอยใู่ นทศพธิ รำชธรรม ทรงดูแลพสกนิกรชำวไทย ทว่ั ท้งั ประเทศ พระองคจ์ ึงทรงเป็นศูนยร์ วมจิตใจของคนไทยท้งั ชำติ 55 2, 3 หมอบรัดเลยจ์ บวชิ ำแพทยศ์ ำสตร์มำจำกสหรัฐอเมริกำ และไดน้ ำควำมรู้ทำงกำร แพทยแ์ ผนตะวนั ตกเขำ้ มำเผยแพร่ในประเทศไทย และไดเ้ ร่ิมรักษำดว้ ยวธิ ีกำร ผำ่ ตดั เป็ นคร้ังแรก นอกจำกน้ียงั เผยแพร่เร่ืองกำรปลูกฝีและฉีดวคั ซีนดว้ ย 56 1, 4 สำเหตุสำคญั ของกำรเกิดสึนำมิ คือ กำรปะทุของภูเขำไฟใตม้ หำสมุทรที่มีระดบั รุนแรง แผน่ ดินไหวท่ีมีศนู ยก์ ลำงอยลู่ ึกลงไปในมหำสมุทร กำรเกิดดินถล่มใตพ้ ้นื มหำสมุทรโดยฉบั พลนั กำรตกของดำวหำงหรืออุกกำบำตขนำดใหญล่ งสู่ทะเล

ข้อ เฉลย เหตุผล 57 3, 4 3. กำรพฒั นำเศรษฐกิจทำให้มีกำรนำทรัพยำกรธรรมชำติมำใชเ้ พม่ิ มำกข้ึน 4. ทำใหม้ ีกำรประดิษฐเ์ ครื่องมือเคร่ืองใชเ้ พื่อนำทรัพยำกรธรรมชำติมำใชใ้ ห้ ไดม้ ำกท่ีสุดทำใหท้ รัพยำกรธรรมชำติเสื่อมโทรมลง 58 1, 5 1. กำรเกิดภำวะโลกร้อนเป็นผลมำจำกกำรทำกิจกรรมของมนุษย์ เช่น กำรปล่อย ควนั เสียจำกโรงงำนอุตสำหกรรม กำรตดั ไมท้ ำลำยป่ ำ 5. เนื่องจำกกำรนำทรัพยำกรมำใชม้ ำกเกินควำมจำเป็น และไม่ดูแลรักษำทำให้ ทรัพยำกรธรรมชำติเสื่อมโทรมลง 59 2, 4 2. พิธีสำรเกียวโตมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ลดปัญหำภำวะโลกร้อน และกำรปล่อยแก๊ส เรือนกระจก 4. พิธีสำรมอนทรีออลมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ รณรงคใ์ หล้ ดกำรผลิตและกำรใชส้ ำร ทำร้ำยช้นั บรรยำกำศโอโซน 60 3, 5 3. เป็นกำรนำไมม้ ำประดิษฐเ์ พอ่ื ใชล้ ่ำนก ปัจจุบนั เป็ นสินคำ้ พ้ืนเมืองของ ชำวแอบอริจิน 5. เรียกวำ่ บำ้ นอิกลู ซ่ึงจะช่วยป้ องกนั ลมหนำว ภำยในบำ้ นจะปดู ว้ ยหนงั สัตว์ เพื่อเก็บรักษำควำมอบอุ่นไว้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook