ภาษาไทยเอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ภาษาไทย ม.ต้น เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ภาษาไทย ระดับชัน้ : ม.ต้น เรอ่ื ง : สรปุ เน้ือหาภาษาไทย ม. 1 - 3 เจ้าของ : โรงเรียน วี บาย เดอะ เบรน *1600150250623*
คอรส์ “ภาษาไทย ม.ตน้ ” สรุปเนื้อหาภาษาไทยเข้มขน้ ม. 1-3 คอรส์ นีเ้ ปน็ คอรส์ พน้ื ฐาน ที่สำ� คัญมากก่อนลงเรยี นคอร์สตะลยุ โจทย์อน่ื ๆ เน่อื งจากเปน็ คอรส์ ทจ่ี ะช่วย ปรบั พ้ืนความรู้ ปู พน้ื ฐานหลักการ สกัดประเด็นสำ� คัญท่ีจำ� เป็นต้องรใู้ นระดบั ชัน้ ม.ตน้ พ่ียูได้คัดสรรเน้ือหาที่สรุปจากหลักสูตรแกนกลาง โดยเฉพาะส่วนท่ีมักน�ำมาออกข้อสอบ ในสนามสำ� คญั หรอื การสอบแขง่ ขนั ตา่ ง ๆ อยา่ งเขม้ ขน้ และเพมิ่ ตวั อยา่ งทม่ี ที งั้ ระดบั พนื้ ฐานหรอื ระดับ “ยากมาก” เพ่ือเพิ่มพูนประสบการณ์ให้น้อง ๆ นอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดหลากหลาย รปู แบบในแตล่ ะบท ผนวกกบั แนวขอ้ สอบเสมอื นจรงิ ทมี่ ไี วใ้ หน้ อ้ ง ๆ ทบทวนและวดั ระดบั ความ เข้าใจของตนเอง เรียนอะไรในคอร์สน้ี ? เข้าใจ มั่นใจ เน้ือหาคัดสรร พร้อมลงสสู่ นามสอบจรงิ โดนใจ แบบฝกึ หัดทบทวน เป็นความรูพ้ ื้นฐาน ม.ปลาย แนวขอ้ สอบเข้มข้น ขอใหม้ ีความสขุ ในการเรียนคอรส์ นนี้ ะครบั แม้นใครรักรักมง่ั ชงั ชังตอบ ใหร้ อบคอบคดิ อา่ นนะหลานหนา รสู้ งิ่ ไรไมส่ ู้รูว้ ิชา รู้รกั ษาตวั รอดเปน็ ยอดดี (พระฤๅษสี อนสุดสาคร จากเรือ่ ง “พระอภัยมณ”ี )
เร่อื ง หนา้ บทที ่ 1 อักขราสทั วิภางค์ (เสียงและอักษรแทนเสยี ง) 1 เสียงและอักษรแทนเสียงพยญั ชนะ 3 เสียงพยญั ชนะตน้ 3 เสียงพยญั ชนะตน้ เดย่ี ว 3 เสยี งพยญั ชนะต้นควบกล�้ำ 6 อกั ษรนำ� 10 อกั ษรควบ 13 ไตรยางศ ์ 14 เสียงพยญั ชนะท้าย 16 เสยี งและอักษรแทนเสียงสระ 19 เสยี งสระเดย่ี ว 19 เสยี งสระประสม 20 รปู สระในภาษาไทย 22 เสียงและอกั ษรแทนเสียงวรรณยกุ ต์ 25 รปู วรรณยกุ ตใ์ นภาษาไทย 27 วิทยาประยกุ ต ์ 28 บทที่ 2 โครงสร้างพยางค์วิภาค (โครงสร้างพยางค์) 33 ความหมายและการนบั “พยางค์” 35 ความหมายของค�ำวา่ “พยางค์” 35 การนับจ�ำนวนพยางค ์ 35 พยางค์ปดิ พยางค์เปิด 39 พยางคค์ ำ� เป็น พยางค์ค�ำตาย 39 พยางคค์ ำ� คร ุ พยางค์คำ� ลหุ 39 หลกั การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างพยางค์โดยท่ัวไป 41 การประสมอกั ษร 42 วิทยาประยกุ ต์ 43
เร่อื ง หนา้ บทท ่ี 3 วากยประมวล (ค�ำในภาษาไทย) 45 ความหมายและส่วนประกอบของ “ค�ำ” 47 การจำ� แนกประเภททางความหมายของคำ� 48 คำ� ที่มีความหมายตามตัว กบั ความหมายเชิงอุปมา 48 ค�ำทีม่ ีความหมายตรงข้ามกัน 49 คำ� ทมี่ คี วามหมายบางส่วนอยรู่ ว่ มกัน 50 ชนดิ และหนา้ ท่ขี องคำ� ในภาษาไทย 52 ค�ำพอ้ งในภาษาไทย 57 หลักการสังเกตค�ำไทยแทแ้ ละค�ำยืม 64 หลกั การสังเกตค�ำไทยแท้ 64 หลกั การสงั เกตคำ� ยืมภาษาตา่ งประเทศ 68 หลกั การสังเกตคำ� ยมื ภาษาตา่ งประเทศโดยท่วั ไป 68 หลกั การสังเกตค�ำยมื ภาษาบาล ี 69 หลักการสังเกตค�ำยมื ภาษาสันสกฤต 70 หลกั การสงั เกตค�ำยมื ภาษาเขมร 72 การจัดกลมุ่ คำ� ยมื 73 การสรา้ งคำ� ในภาษาไทย 75 คำ� ซ้�ำ 77 ค�ำซ้อน 80 คำ� ประสม 82 ค�ำสมาส 84 วทิ ยาประยกุ ต์ 86 บทท่ี 4 ส�ำนวนปริยัติ (ถ้อยคำ� สำ� นวนไทย) 93 ลกั ษณะถอ้ ยค�ำส�ำนวนไทย 95 ตวั อยา่ งท่มี าของส�ำนวนไทย 97 จากวรรณคดี / วรรณกรรม 97 จากศาสนา / วัฒนธรรม / ประเพณี 98 จากกฬี าหรือการละเล่น 98 จากการสงั เกตส่งิ แวดลอ้ ม / ธรรมชาติ 99 การจัดกลุ่มสำ� นวนที่มีความหมายเหมอื นกนั 101 การจดั กลุม่ สำ� นวนทก่ี ล่าวถึงเรอื่ งท�ำนองเดียวกนั 104 หลกั การใช้สำ� นวนให้ถกู ต้องเหมาะสม 109 ใช้ใหต้ รงกบั ความหาย / สอดคลอ้ งกบั สถานการณ ์ 109 ใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งตามขนบ เมอ่ื ตอ้ งสือ่ สารอยา่ งเป็นทางการ 109 วทิ ยาประยุกต ์ 110
เร่อื ง พภิ ชั ประโยค (ประโยคในภาษาไทย) หนา้ บทที่ 5 ความหมายและส่วนประกอบของประโยคท่ีสมบรู ณ ์ 115 ลกั ษณะพืน้ ฐานทัว่ ไปของประโยคในภาษาไทย การแบง่ ชนดิ ของประโยคตามเกณฑต์ ่าง ๆ 117 จ�ำแนกตามโครงสรา้ งและหนว่ ยกริยาที่ปรากฏ 118 ประโยคความเดยี ว 119 ประโยคความรวม 119 ประโยคความซอ้ น 119 จำ� แนกตามเจตนาของผ้สู ง่ สาร 119 ประโยคแจ้งให้ทราบ 121 ประโยคถามใหต้ อบ 123 ประโยคบอกให้ท�ำ 123 จำ� แนกตามคำ� ขึ้นตน้ ของประโยคว่าท�ำหน้าทใี่ ด 123 ประโยคประธาน 124 ประโยคกรรม 124 ประโยคกริยา 124 วทิ ยาประยกุ ต์ 125 126 129 บทท่ี 6 สงั โยคพจนร์ ะดบั (ระดบั ภาษา) 133 การจ�ำแนกระดบั ภาษา 135 ภาษาระดบั ทางการ 136 ภาษาระดับไม่เป็นทางการ 137 ตัวอยา่ งลกั ษณะถ้อยค�ำที่ควรสงั เกตในภาษาระดบั ตา่ ง ๆ 138 ปัจจัยทช่ี ่วยกำ� หนดระดบั ภาษา 140 วทิ ยาประยกุ ต ์ 143 บทท่ี 7 ขตั ตยิ ศพั ทพ์ จนารถ (ราชาศพั ท)์ 149 ความหมายและขอบเขตของ “ราชาศพั ท”์ 151 ตัวอยา่ งค�ำทตี่ อ้ งท�ำให้เปน็ ค�ำราชาศพั ท์ 152 คำ� นาม 152 ค�ำกริยา 154 คำ� กริยาราชาศพั ทท์ ม่ี ักใช้ผดิ 156 วทิ ยาประยุกต ์ 157
เร่อื ง พิพิธภาสโวหาร (โวหารการเขยี น) หนา้ บทที่ 8 บรรยายโวหาร 161 พรรณนาโวหาร อธบิ ายโวหาร 163 วทิ ยาประยุกต ์ 164 165 171 บทท่ี 9 พิธานสรรพฉ์ นั ทลักษณ์ (ลักษณะคำ� ประพันธ์) 177 การส่งคำ� สมั ผสั ในบทรอ้ ยกรอง 179 ฉนั ทลกั ษณ์ของ “กลอน” 185 กลอนสุภาพ 185 กลอนแปด 187 กลอนดอกสร้อย 188 กลอนสักวา 189 กลอนบทละคร 190 ฉนั ทลกั ษณข์ อง “กาพย”์ 191 กาพย์ยานี 11 191 กาพย์ฉบัง 16 192 กาพยส์ รุ างคนางค ์ 28 193 ฉันทลกั ษณ์ของ “โคลง” 194 โคลงสส่ี ุภาพ 194 ฉนั ทลกั ษณ์ของ “ฉันท”์ 195 อนิ ทรวเิ ชียรฉนั ท์ 11 195 วสนั ตดลิ กฉนั ท์ 14 196 วทิ ยาประยุกต์ 200
เร่อื ง หนา้ บทที่ 10 วจิ กั ษว์ รรณศลิ ป์ (ความงามทางภาษาในงานประพนั ธ)์ 205 กลวิธีการประพันธ ์ 207 การสรรค�ำ 207 การซ้ำ� คำ� 208 การเลน่ ค�ำ 208 การเลน่ เสียง 209 การเล่นเสียงสมั ผสั พยญั ชนะ 209 การเล่นเสียงสมั ผสั สระ 210 การเลน่ เสียงวรรณยุกต ์ 211 การใช้คำ� อัพภาส 211 จดุ มงุ่ หมายของกวใี นการนำ� เสนอสาร 212 แสดงจินตภาพ 212 แสดงอารมณ์ 214 แสดงความคิด 215 ภาพพจนท์ ีม่ กั ปรากฏในวรรณคด ี 216 อุปมา 216 อุปลักษณ ์ 217 บุคคลวัตหรอื บคุ คลสมมตุ ิ 218 การใชค้ ำ� ถามเชิงวาทศลิ ป์ 218 อตพิ จนห์ รืออธิพจน์ 218 สัทพจน์ 219 กวโี วหาร 219 เสาวรจน ี 220 นารปี ราโมทย ์ 221 พโิ รธวาทัง 221 สัลลาปงั คพิสยั 222 วทิ ยาประยกุ ต์ 225
ใชต้ ัง้ ขอ้ สงั เกตเพ่ิมเติม หรือ แทรกความรูท้ นี่ า่ สนใจใหน้ อ้ ง ๆ ตน่ื ตาตืน่ ใจ ไดส้ าระที่ อัดแน่น นอกเหนอื จากเนอื้ หาหลกั เพื่อความรรู้ อบและรอบรู้จนถึงแกน่ ใชท้ ดสอบพลังความเขา้ ใจในแต่ละเรือ่ งที่ได้เรียนไป เพอื่ วดั และประเมินความสามารถก่อน ได้ลงมือทำ� วทิ ยาประยุกต์ ในคอรส์ นจ้ี ะมแี บบฝกึ หัดย่อยมากมายเพือ่ ช่วยใหท้ ักษะของนอ้ ง ๆ วัฒนามากยงิ่ ขน้ึ ใชเ้ ลยี นแบบสมรภมู ิข้อสอบจากสนามต่าง ๆ โดยพ่ยี เู ป็นผ้ปู ระดิษฐ์ข้นึ เพอ่ื ช่วยให้น้อง ๆ ได้ฝึกฝน และจำ� ลองสถานการณเ์ หมอื นวนั สอบ บางขอ้ ลุ่มลึก สมั ผัสความยากระดบั ม.ปลาย บางขอ้ ซบั ซอ้ น เกนิ กวา่ จะใชเ้ พยี งความรู้ เพราะตอ้ งอาศยั เทคนคิ ตลอดจนวธิ คี ดิ ทช่ี าญฉลาด
บทท่ี 1 บทท่ี 1 อกั ขราสทั วภิ างค์ เสียงและอักษรแทนเสียง 1) เสียงและอกั ษรแทนเสียงพยัญชนะ 2) เสียงและอักษรแทนเสยี งสระ เสียงพยญั ชนะตน้ เสยี งสระเดยี่ ว เสยี งพยญั ชนะตน้ เดย่ี ว เสียงส้นั อกั ษรตวั เดียว เสยี งยาว อกั ษรควบไม่แท้ เสยี งสระประสม อักษรนำ� 3) เสียงและอกั ษรแทนเสียงวรรณยกุ ต์ อกั ษรสูง นำ� อกั ษรต�่ำเดีย่ ว เสยี งระดบั อักษรกลาง นำ� อกั ษรต�่ำเดย่ี ว เสียงเปล่ยี นระดับ เสียงพยัญชนะต้นควบกล�้ำ อกั ษรควบแท้ ในระบบเสยี งภาษาไทยดั้งเดิม ไดร้ ับอิทธพิ ลจากภาษาอื่น ไตรยางศ์ เสยี งพยัญชนะทา้ ย 2
1 เสยี งและอักษรแทนเสยี งพยญั ชนะ บทท่ี 1 เสียงพยญั ชนะเรยี กอีกชือ่ หนง่ึ วา่ _______________________ เสยี งพยัญชนะในภาษาไทย จ�ำแนกเป็น ______ ประเภท คอื (1.1) __________________________ (1.2) __________________________ 1.1) เสยี งพยญั ชนะต้น 1.1.1) เสยี งพยญั ชนะต้นเด่ยี ว เสยี งพยญั ชนะตน้ เด่ยี วในภาษาไทยมจี �ำนวน ____ เสียง สาเหตทุ ี่จ�ำนวนเสียงมีนอ้ ยกวา่ จ�ำนวนรปู เพราะพยัญชนะหลายรูปซำ�้ เป็นเสียงเดยี วกนั ที่ เสยี ง รปู พยัญชนะท่ใี ช้แทนเสยี ง ตัวอยา่ งคำ� 1 /ก/ ก โกง กาก กฏุ ิ 2 /ค/ ข ฃ ค ฅ ฆ ไข ่ ครรภ์ เฆีย่ น 3 /ง/ ง หง แงง่ หงาย 4 /จ/ จ จร โจทย ์ จริง 5 /ช/ ฉ ช ฌ โฉด ช้า เฌอ 6 /ย/ ญ ย หย หญ อย ญาณ ยูง แหย ่ หญ้า อยาก 7 /ซ/ ซ ศ ษ ส สร ซาก ศพ ฤๅษ ี แส้ ศร ซร ทร (บางคำ�) เสริม เศร้า ไซร้ ไทร 8 /ท/ ฐ ถ ฑ ฒ ท ธ ฐาน ถา่ ย มณฑล เฒ่า ธาตุ 3
บทท่ี 1 ท่ี เสียง รูปพยญั ชนะที่ใช้แทนเสียง ตวั อยา่ งคำ� 9 /บ/ บ บาศ บตุ ร 10 /ด/ ฎ ด ฑ (บางคำ�) ดิบ ฎีกา มณฑป 11 /ต/ ฏ ต ต่งิ ไต 12 /ป/ ป ปักษ์ ปอง ปอ่ ง ปอ้ ง 13 /พ/ ผ พ ภ ผ ี เพศ ภูต 14 /ฟ/ ฝ ฟ ไฝ ฟกั 15 /ม/ ม หม มาศ หมิ่น 16 /น/ ณ น หน เณร เนตร หนอง 17 /ร/ ร หร ราษฎร ์ หรอื 18 /ล/ ล ฬ หล ลอง จฬุ า หลอ่ 19 /ว/ ว หว วัฏ แหวก 20 /ห/ ห ฮ โหด ฮึก 21 /อ/ อ ออ่ ย อศี อุณห ์ อาสน์ 4
บทท่ี 1 1 เสียงพยัญชนะต้นเด่ียว อาจปรากฏรูปพยัญชนะเพียงตัวเดียว หรือ สองตัวก็ได้ รปู พยัญชนะต้นตวั เดียว เช่น ธุช บาป ฟืน ภัณฑ์ รปู พยญั ชนะต้นสองตวั เช่น หนู อยู่ เศร้า สรง รปู พยญั ชนะตน้ สองตวั ทมี่ เี ปน็ เสยี งพยญั ชนะตน้ เดยี่ ว ไดแ้ ก่ อกั ษรควบไมแ่ ท้ และ อกั ษรนำ� ควบไมแ่ ท ้ เชน่ ทร ู่ รูป ทร เสียง /ซ/ โซรม รูป ซร เสียง /ซ/ อกั ษรนำ� เชน่ หงาย รูป หง เสยี ง /ง/ หลอม รูป หล เสยี ง /ล/ เสียงพยัญชนะอาจมีช่ือเรียกท่ีจ�ำแนกตามลักษณะการเปล่งเสียงหรืออวัยวะท่ีช่วยให้ เกดิ เสยี ง อาทิ เสียงนาสิก เช่น /น/ /ม/ /ง/ เสียงเสยี ดแทรก เช่น /ฟ/ /ส/ /ห/ เสียงกกั ระเบิด เชน่ /ด/ /บ/ เสียงอัฒสระ เช่น /ย/ /ว/ 5
บทท่ี 1 1.1.2) เสยี งพยัญชนะตน้ ควบกล้�ำ เรียกอกี ช่อื หนง่ึ ว่า เสยี ง _____________________________________ เกิดจากเสียงพยญั ชนะตน้ 2 เสยี ง ที่เปล่งเสยี งออกมาพร้อมกนั สามารถจดั กล่มุ ได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1.1.2.1) ในระบบเสยี งภาษาไทยแต่เดิม มี เสยี ง คือ ควบ /ร/ ควบ /ล/ ควบ /ว/ /ก/ /ค/ /ป/ /พ/ /ต/ 1.1.2.2) ไดร้ บั อิทธพิ ลจากภาษาอื่น มี เสยี ง คอื ควบ /ร/ ควบ /ล/ ควบ /ว/ /ฟ/ /บ/ /ท/ /ด/ 6
บทท่ี 1 เสยี งพยัญชนะตน้ ประสม กอด คอ ไป พา ต้า /ก/ /ค/ /ป/ /พ/ /ต/ ควบ เรา เล่า วา่ /ร/ /ล/ /ว/ เฟอร์ บี้ ท�ำ ได้ /ฟ/ /บ/ /ท/ /ด/ ควบ รวย แล้ว /ร/ /ล/ 7
บทท่ี 1 1 ทำ� เครอื่ งหมาย หน้าค�ำท่ปี รากฏเสยี งพยญั ชนะต้นเดย่ี ว 1) ทราบ 2) ทร ู่ 3) โปรด 4) จรงิ 5) ไซร้ 10) สรวล 6) คราญ 7) กราม 8) ตรุษ 9) แขวะ 15) ทลาย 20) จรด 11) ทรดุ 12) สรรค์ 13) พลุก 14) กรีส 16) อยาก 17) ปราณ 18) ขวน 19) แหลน 2 วงกลมพยางค์ทปี่ รากฏเสยี งพยัญชนะต้นควบกลำ้� 4) ทรานซิสเตอร ์ 1) ปรวด 2) พลัง 3) ตลับ 8) เทวนาครี 5) ขวนขวาย 6) ขรม 7) ปลาต 12) หวาย 9) บรม 10) บราลี 11) จนั ทรคราส 16) อนิ ทรวิเชยี ร 13) แตระอบุ ะ 14) ปรอท 15) ปราชัย 20) ปรากรม 17) อินทราภิเษก 18) มัทร ี 19) ครษี มายัน 8
3 บทท่ี 1 ขอ้ ความต่อไปนี้ ปรากฏเสียงพยญั ชนะตน้ ก่เี สียง (เสยี งทีซ่ ำ้� กันนบั เปน็ หนง่ึ เสยี ง) และปรากฏเสียงใดบา้ ง ขอ้ ข้อความ จำ�นวนเสยี ง ระบุเสียงท่ปี รากฏ พ. ตน้ 1 “ผเี สอ้ื ปีกลายบนิ วนในสวน ตรงขา้ มฝัง่ คลอง” 2 “แล้วสอนว่าอย่าไวใ้ จมนุษย ์ มนั แสนสดุ ลึกล้�ำเหลอื ก�ำหนด” 3 “เพราะคนไมจ่ ำ� เปน็ ก็ตอ้ งเดินจากไป ถึงแมว้ ่าภายในใจ จะรักเธอแค่ไหน” 4 “เธอเข้ามากระชากหวั ใจ ตงั้ แต่คร้ังแรกท่เี ราได้พบกัน” 5 “ฟ้ารอ้ งแดดร้อนฝนตกเธอกม็ า หายเหน่อื ยเม่อื ยลา้ ฝนซาเธอกไ็ ป” 9
บทท่ี 1 อักษรน�ำ ปรากฏเปน็ เสยี งพยญั ชนะตน้ เด่ยี ว จำ� แนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท โดยพจิ ารณาจากหมู่อักษร ทใี่ ชน้ ำ� และตาม 1) อักษรสงู น�ำ อกั ษรต่ำ� เด่ยี ว 1.1) อ่านออกเสียง 1 พยางค์ ค�ำทใี่ ช้ “ห” อกั ษรต�ำ่ เดย่ี วได้________ตวั ได้แก่ 1.2) อา่ นออกเสียงเรียงพยางค์ 2 พยางค์ พยางคแ์ รกออกเสยี ง อะ ก่ึงเสยี ง พยางค์หลังเหมอื นมี “ห” นำ� คำ� ทใี่ ช้อักษรสงู ตวั อืน่ ๆ ทีไ่ ม่ใช่ “ห” น�ำอักษรต�่ำเดย่ี ว เชน่ สงัด อ่านว่า สะ – หงัด ฉมวก อ่านวา่ ฉะ – หมวก ถวาย อ่านวา่ ถะ – หวาย ผงก อา่ นว่า ผะ – หงก ระวังค�ำบางค�ำทีไ่ ม่ใช่อกั ษรน�ำ แตม่ รี ูปพยัญชนะต้นในทำ� นองเดียวกนั กบั อกั ษรน�ำ เชน่ สมาคม สมาทาน สมาบตั ิ สมาชิก เสวก สวนะ ขนษิ ฐา 10
บทท่ี 1 2) อักษรกลาง นำ� อกั ษรตำ่� เดยี่ ว 2.1) อ่านออกเสยี ง 1 พยางค์ ค�ำทใ่ี ช้ “อ” น�ำอักษรต่ำ� เดยี่ วได้เพียงตัวเดยี ว คอื “ย” ในภาษาไทยมคี �ำท่ี อ น�ำ ย อยู่ ________ ค�ำ คือ ________ ________ ________ ________ 2.2) อา่ นออกเสยี งเรียงพยางค์ 2 พยางค์ พยางคแ์ รกออกเสยี ง อะ ก่งึ เสยี ง พยางค์หลังเหมอื นมี “ห” นำ� อกั ษรกลางตัวอ่ืน ๆ ทีไ่ ม่ใช่ “อ” น�ำอกั ษรต�ำ่ เด่ยี ว เช่น ตวาด อา่ นวา่ ตะ - หวาด ตลาด อา่ นวา่ ตะ - หลาด จรวด อา่ นวา่ จะ - หรวด ปรอท อ่านวา่ ปะ - หรอด ระวงั คำ� บางคำ� ที่ไม่ใชอ่ กั ษรนำ� แต่มีรปู พยญั ชนะต้นในท�ำนองเดียวกันกับค�ำทใ่ี ช้อกั ษรนำ� ซงึ่ อาจทำ� ใหส้ บั สน ปรากฏเสยี งอ่านไดใ้ นลักษณะต่าง ๆ ต้องสงั เกตและจดจำ� ใหด้ ี อาทิ อา่ นเรียงพยางค ์ เช่น ปลาต กลมั พก เจรญิ ปวารณา อ่านออกเสยี งควบ เช่น กรับ ไตร แตร ปรัก (= เงิน) อ่านได้หลายแบบ เช่น กรี [กรี / กะ – รี] 11
บทท่ี 1 2 ค�ำบางค�ำไม่ใชพ้ ยัญชนะตน้ ในรูปแบบอักษรนำ� แตอ่ ่านออกเสียงอยา่ งอักษรน�ำ เช่น กะรตั ก�ำเนิด ก�ำราบ กิเลส จ�ำรัส ด�ำรัส ด�ำร ิ ดิเรก ดลิ ก ต�ำรวจ ตำ� รบั ต�ำรุ บำ� ราบ บรุ ษุ ประมาท ประโยค ประโยชน์ ประวัติ สำ� รวจ สำ� เรจ็ สิร ิ อำ� มาตย์ 12
บทท่ี 1 อักษรควบ อกั ษรควบ คอื รปู พยญั ชนะตน้ 2 ตัว ของค�ำใด ๆ ท่ีออกเสียงเปน็ เสยี งพยัญชนะตน้ เด่ียว (อักษรควบไม่แท)้ หรือออกเสียงพร้อมกันทกุ ตวั (อักษรควบแท)้ จ�ำแนกได้เปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี 1) อกั ษรควบไมแ่ ท้ ออกเสียงเปน็ เสยี งพยญั ชนะต้นเดี่ยว ปรากฏรูปพยัญชนะตน้ 2 ตัว ในค�ำนั้น แตอ่ อกเสยี งเฉพาะพยัญชนะตัวแรกหรือ เปล่ียนเสียงเปน็ เสียงพยญั ชนะอ่นื ดงั น้ี 1.1) ออกเสยี งเฉพาะพยญั ชนะตวั แรก ได้แก่ จ ควบ ร ออกเสียง ________ เชน่ ________ ซ ควบ ร ออกเสียง ________ เช่น ________ ________ ________ ส ควบ ร ออกเสียง ________ เชน่ ________ ________ ________ ศ ควบ ร ออกเสยี ง ________ เชน่ ________ ________ ________ 1.2) เปล่ยี นเสียงเป็นเสียงอ่นื คอื ท ควบ ร ออกเสียง ________ เช่น ________ ________ ________ 13
บทท่ี 1 2) อักษรควบแท้ ออกเสียงเปน็ เสียงพยัญชนะตน้ ประสม (เสียงควบกลำ�้ ) ปรากฏรปู พยญั ชนะต้น 2 ตัว ในค�ำน้ัน และออกเสยี งพยัญชนะต้นทุกตัวพรอ้ มกนั (ดูเน้อื หาหวั ข้อ 1.1.2 เร่อื ง “เสยี งพยัญชนะตน้ ควบกล้�ำ” ทกี่ ล่าวไปแล้ว) ไตรยางศ์ การแบ่งพยัญชนะไทยทั้ง 44 ตวั ออกเปน็ 3 หมู่ ไดแ้ ก่ 1) อักษรสูง มสี มาชกิ พยัญชนะจ�ำนวน ________ ตวั ประโยคช่วยจ�ำ ผี ฝาก ถงุ ข้าว สาร ให ้ ฉนั ได้แก่ 2) อักษรกลาง มีสมาชิกพยญั ชนะจ�ำนวน ________ ตวั ประโยคช่วยจำ� ไก่ จิก เดก็ ตาย เด็ก ตาย บน ปาก โอง่ ได้แก่ 14
บทท่ี 1 3) อักษรตำ�่ มสี มาชกิ พยญั ชนะจำ� นวน ________ ตัว แบง่ เป็น (3.1) อกั ษรต่�ำเดยี่ ว หรือ ____________________________ มีสมาชกิ พยญั ชนะจ�ำนวน ตวั ประโยคชว่ ยจ�ำ งู ใหญ ่ นอน อยู่ ณ ริม วัด โม ฬ ี โลก ไดแ้ ก่ (3.2) อกั ษรต�ำ่ คู่ หรือ ____________________________ มสี มาชกิ พยญั ชนะจ�ำนวน ตวั ประโยคช่วยจำ� คน แซ ่ เฮง ชอบ แฟน พันธ ์ุ แท้ ได้แก่ 15
บทท่ี 1 1.2) เสยี งพยัญชนะทา้ ย เรยี กอีกชอื่ หน่งึ วา่ เสยี ง _________________________ มีจำ� นวน _____ เสยี ง (มาตรา) มาตรา เสียง รปู ตวั สะกด ตัวอยา่ งค�ำ กก /______/ ตรงมาตรา ไมต่ รงมาตรา กง /______/ ก ข ค ฆ มกั โศก สขุ ยคุ เมฆ กด /______/ ง - ส่ง ส่งั สงฆ ์ ปรางค์ กน /______/ กบ /______/ จ ช ซ ฎ พดั โปรด คช ก๊าซ กฎหมาย กม /______/ ฏ ฐ ฒ ฑ ปรากฏ อูฐ พฒั นา ครุฑ เกย /______/ ด ด ต ถ ท สัตย์ รถ บาท พธุ อากาศ เกอว /______/ ธ ศ ษ ส กระดาษ โอกาส กิจ น ร ล หน่ั วัน มาร กาล หาญ ญ ณ ฬ บริเวณ วาฬ บ ป พ ฟ ภ รับ ปราบ ธูป กาพย์ กราฟ โลภ ม - โฉม ห่าม ก้ม กล้าม ตำ�่ ล�้ำ ย - หาย สยั น์ ใจ ไฟ ว - เหว เรา เกลา้ เจา้ คำ� ทส่ี ะกดตรงตามมาตรา โดยมากมักเป็นค�ำไทยแท้ ยกเวน้ บางค�ำท่ีเป็นคำ� ยืม เช่น โปรด เดิน ถนน โลก กาย วยั เขง่ ปา้ ย หนุ้ ปนิ่ โต เสมหะ เสลด ค�ำทส่ี ะกดไมต่ รงตามมาตราเปน็ ค�ำยมื ทุกค�ำ เชน่ มขุ ภาค เมฆ คช กา๊ ซ ทาส นพ โลภ เจรญิ บริเวณ กาฬ หาญ ควร 16
บทท่ี 1 3 ค�ำบางค�ำแมไ้ มป่ รากฏรูปพยัญชนะท้าย แต่มเี สยี งพยญั ชนะทา้ ย เชน่ เสยี ง เกิดจาก ตวั อยา่ งค�ำ หมายเหตุ อำ� อะ + /ม/ กำ� ขำ� คำ� ชำ� ดำ� ตำ� ออกเสียงส้ัน อา + /ม/ น�้ำ ออกเสียงยาว ไอ อะ + /ย/ ไกล ไข ไจ ไพร ไฟ ไห ออกเสียงส้ัน อา + /ย/ ไม ้ ได้ ออกเสยี งยาว ใอ อะ + /ย/ ใกล้ ใจ ใหญ่ ใหม ่ ใช ้ ใคร ออกเสียงส้ัน เอา อะ + /ว/ เกา เขา เงา เชาว ์ เดา เยาว์ ออกเสียงสน้ั อา + /ว/ เล้า เจา้ เกลา้ ออกเสยี งยาว พยญั ชนะบางตัวในค�ำบางคำ� อาจไมอ่ า่ นออกเสยี ง อาทิ พยัญชนะต้นตัวแรกในอักษรน�ำ เช่น อย่า หลีก หนี ตัวสะกดบางตัวท่ีมีในค�ำ เช่น เนตร พราหมณ์ จักร พยัญชนะต้นที่เป็นอักษรควบไม่แท้ เช่น ไทร เศรษฐี สร้าง พยัญชนะที่มีเคร่ืองหมายทัณฑฆาต เช่น ปรัศว์ องก์ ทิพย์ 17
บทท่ี 1 รปู พยัญชนะทไี่ มอ่ า่ นออกเสยี ง 1) ห อ ในอกั ษรนำ� หนอน ใหม ่ อยาก อยู่ 2) ห ร ธ ในสะกดควบกลำ้� พรหม จกั ร พทุ ธ มติ ร 3) ทร ร ควบไมแ่ ท้ ทราย ทรุด สรวล ศรี 4) และทแ่ี น่ ๆ คอื ตวั การนั ต์ สังข์ ปรศั ว ์ เชษฐ์ ลักษมณ์ 18
บทท่ี 1 2 เสียงและอักษรแทนเสยี งสระ เสยี งสระเรยี กอกี ชื่อหนงึ่ วา่ เสยี ง ____________________ เสียงสระในภาษาไทย จ�ำแนกเป็น 2 ประเภท คอื (2.1) ______________ (2.2) ______________ 2.1) เสยี งสระเด่ยี ว มจี �ำนวน _______ เสยี ง แบ่งเป็น เสยี งสั้น จำ� นวน _______ เสียง และเสยี งยาว จำ� นวน _______ เสยี ง เสยี งสน้ั เสียงยาว 19
บทท่ี 1 4 ค�ำบางค�ำ รูปกับเสียงสระอาจไม่ตรงกัน ปรากฏรูปสระเหมือนกัน แต่อาจออกเสียงส้ันยาวต่างกัน เช่น ทาน ท่าน กลอง กล่อง เด่น น้�ำ น�ำ เดน เข่น แก่ง ปอง ป่อง เขน แก่น จอง จ้อง แกง (ตอน) เช้า (กระ) เช้า แกน 2.2) เสยี งสระประสม เสยี งสระประสม เรียกอีกช่ือหนงึ่ วา่ เสยี ง _____________________ เสียงสระประสม เกิดจาก ____________________________________________ เลื่อนเสยี งเข้าหากนั หรอื ประสมเสยี งกนั มจี ำ� นวน _______ เสียง ดงั นี้ เสยี งสระประสม เกิดจากเสียงสระ เอีย เออื อัว 20
บทท่ี 1 การออกเสียงสระประสมให้เป็นเสียงสั้นหรือยาว ไม่ท�ำให้ความหมายของค�ำเปล่ียนไป หากยังคงรักษาเสียงพยัญชนะต้น เสียงพยัญชนะท้าย และเสียงวรรณยุกต์ให้คงเดิม เช่น เกี๊ยะ เพยี ะ เสอื เมีย เลีย เรามีมาตรฐานการเขียนสะกดค�ำท่ีก�ำกับด้วยรูปสระประสมสั้น – ยาว โดยเฉพาะเท่าน้ัน เช่น เขยี นด้วยสระสั้นเท่านนั้ เขียนด้วยสระยาวเทา่ นนั้ เกยี๊ ะ เสือ เพยี ะ เกอื ก ผัวะ เมีย เสยี งสระประสม เอยี / เออื / อวั : เราเรียกสระประสม อี + อา / ออื + อา / อู + อา = สระเลอื่ น 21
บทท่ี 1 รูปสระในภาษาไทย รูปสระในภาษาไทยมี ______ รูป รปู สระบางรปู ไมไ่ ดใ้ ชแ้ ทนเสียงสระเสียงใดทันทเี พยี งรปู เดียว เพราะอาจต้องใช้รูปอน่ื ๆ มาประกอบกันเพือ่ ใชแ้ ทนเสียงสระเสยี งหนึ่ง ท่ี รูปสระ ช่ือสระ ตวั อย่าง 1 วสิ รรชนีย์ พระ สระ พละ 2 ไม้ผดั / ไมห้ นั อากาศ หัตถ ์ ทัณฑ ์ ภัสสร 3 ลากขา้ ง จาร ชาญ นาถ 4 ตนี เหยียด พลุก ตร ุ กรุง 5 ตนี คู้ พธู สูตร ศนู ย์ 6 ไม้หน้า เทพ เชษฐ์ เพล 7 ไมโ้ อ โลก โกฐ โกฏิ 8 ไมม้ ้วน ใหม ่ ใคร ใบ้ 9 ไมม้ ลาย ไกร ไขว ่ ไสย์ 10 พินท์ุอิ / พินทอุ ิ คชินทร ์ ปฐพนิ นรศิ 22
บทท่ี 1 ที่ รูปสระ ชอ่ื สระ ตัวอยา่ ง 11 ฝนทอง พลี ตร ี กวี 12 ฟันหนู สอ่ื ปรอื ถอื 13 หยาดน้ำ� คา้ ง / นฤคหิต ลำ� ล�่ำ ล้�ำ 14 ไม้ไตค่ ู้ เหน็ เผ็ด เพญ็ 15 ตัว ออ ยอม พอก ลอ่ ง 16 ตวั ยอ เรียม เกรยี ม เสยี บ 17 ตวั วอ รัว ปวง หว่ ง 18 ตวั รึ ฤดู ฤทยั ฤชา 19 ตัว รอื ฤๅษี ฤๅชุ ฤๅดี 20 ตวั ลึ - 21 ตัว ลอื ฦๅชา ฦๅสาย ตวั ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ต�ำราหลักภาษาไทยยังคงนับวา่ เปน็ รูปสระ แตไ่ ม่นบั วา่ เป็นเสยี งสระ 23
บทท่ี 1 5 ค�ำท่ีประสมด้วยสระเสียงเดียวกัน อาจมีรูปสระต่างกันเมื่อค�ำน้ันมีตัวสะกด เราสามารถสรุปลักษณะของรูปสระเหล่านั้นได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ ลกั ษณะรูปสระ ตวั อย่างค�ำไมม่ ตี ัวสะกด ตัวอยา่ งคำ� มตี ัวสะกด 1) สระคงรูป 2) สระลดรูป 3) สระเปล่ียนรปู สระเกิน แตเ่ ดมิ รวมเรยี กว่า “สระ” ปจั จบุ ันถอื วา่ เปน็ “พยางค์” เพราะมเี สยี งพยัญชนะปรากฏในพยางค์นั้น ไดแ้ ก่ อ�ำ เป็นเสียง อะ + _________ ฤ เป็นเสียง _________ + อึ ไอ เป็นเสียง อะ + _________ ฤๅ เป็นเสียง _________ + อือ ใอ เป็นเสียง อะ + _________ ฤๅ เป็นเสียง _________ + อือ เอา เป็นเสียง อะ + _________ ฦๅ เป็นเสียง _________ + อือ 24
บทท่ี 1 3 เสยี งและอกั ษรแทนเสยี งวรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยุกต์ เรยี กอกี ชอื่ หนง่ึ วา่ เสียง ____________________ เสยี งวรรณยุกตใ์ นภาษาไทยมาตรฐาน (ภาษาราชการ) มี _______ เสียง ทกุ พยางคใ์ นภาษาไทยล้วนมีเสียงวรรณยุกต์ เช่นค�ำวา่ รฐั ประหาร มี _______ พยางค ์ อา่ นว่า ___________________________ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ _______ เสียง คือ _______________________ วิวิธภาษา มี _______ พยางค์ อ่านวา่ ___________________________ มเี สียงวรรณยกุ ต์ _______ เสียง คอื _______________________ ค�ำบางคำ� หรอื บางพยางค์ รูปกบั เสยี งวรรณยุกต์อาจไม่ตรงกัน การผันเสียงวรรณยุกต์ อาจใช้น้วิ มอื ชว่ ยผันเสยี งเพอ่ื ความแมน่ ย�ำ ดงั รปู ค�ำ รปู เสียง ฉัน สอบ ตดิ แน่ 25
บทท่ี 1 ค�ำทมี่ ีมากกว่า 1 พยางค์ ล้วนมเี สียงวรรณยกุ ตท์ ุกพยางค์ ขอ้ สอบผนั เสยี งวรรณยกุ ตเ์ ปน็ Speed Test ดงั นนั้ ตอ้ งผนั ใหค้ ลอ่ งแคลว่ แมน่ ยำ� และถกู ตอ้ ง ทกุ พยางค์ เสียงวรรณยกุ ต์ทงั้ ห้าเสียง สามารถจดั กล่มุ ไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ดงั นี้ 3.1) วรรณยกุ ต์เสยี งระดับ ได้แกเ่ สียง สามญั = เสยี งระดบั เสมอ เชน่ โพธิ์ ทราม เปล เอก = เสียงตกเสมอ เช่น ผา่ น โศก สารท ตร ี = เสียงสูงเสมอ เช่น กก๊ รกุ ยกั ษ์ 3.2) วรรณยกุ ตเ์ สยี งเปลย่ี นระดับ เชน่ แก้ แลก พลาด เชน่ กว๋ ยเตย๋ี ว โหร ศาล ไดแ้ ก่เสียง โท = เสยี งสูง – ตก จัตวา = เสียงตก – สงู 26
บทท่ี 1 รปู วรรณยุกต์ในภาษาไทย รปู ท่ใี ชแ้ ทนเสยี งวรรณยกุ ต์ในภาษาไทยมี _________ รปู ไดแ้ ก่ บางค�ำ บางพยางค์ รูปกบั เสยี งวรรณยกุ ต์ไมต่ รงกนั เช่น จะ กลบั ปลวก จดั กฎ รปู _________ เสยี ง _________ ค่ำ� ยำ่� ค ู่ โล่ง รว่ ง รปู _________ เสยี ง _________ น้�ำ คำ้� คา้ ร ู้ ซ้ำ� ย้าย รปู _________ เสยี ง _________ ขา หา ฝา หู สาย สวย รปู _________ เสยี ง _________ มาก โลก รูป โยก เพส รูป _________ เสยี ง _________ รูปวรรณยกุ ตต์ รี และจัตวา ใชไ้ ดก้ บั อกั ษร _________ เทา่ นัน้ ถ้าใช้รูปวรรณยกุ ต์ตรหี รอื จัตวากับค�ำท่เี ปน็ อักษรสูงหรืออกั ษรตำ่� = สะกดผิด เชน่ โน๊ต เค๊ก เชิ๊ต คุ๊กกี้ ทถี่ ูกคอื _______ _______ _______ _______ คำ� บางค�ำมักมีผใู้ ชภ้ าษาไทยจำ� นวนหนง่ึ สะกดผิดบ่อย เช่น นะ่ ค่ะ นะคะ่ นะคะ 27
บทท่ี 1 1 คำ� ชแี้ จง : เลอื กคำ� ตอบทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสมเพยี งขอ้ เดยี ว 1. ขอ้ ใดมรี ปู พยญั ชนะตน้ เป็นอกั ษรสงู มากทส่ี ดุ (นับทกุ รปู ) 1. ใครขวางฟันฟาดแหลกลาญ ลา้ งผลาญป้ีปน่ วอดวาย 2. ภูเขาสูงแผ่นดินกวา้ งทางรก เรายกทพั ฝ่ากลา้ หาญ 3. ชาตเิ สือแลว้ ต้องไวล้ าย ชาตชิ ายแล้วต้องต่อกร 4. ชวี ติ อุทศิ เพอื่ ชาติ เราสูเ้ พอ่ื ราษฎรท์ ั้งหลาย 2. ทกุ คำ� ในข้อใดออกเสียงพยญั ชนะทกุ ตวั 1. อัจกลับ เรขาคณติ พรหมเทพ 2. คมนาคม ยนตรกิจ พันธมิตร 3. ภยนั ตราย วิทยายทุ ธ อุตรประเทศ 4. เทศบาลพัทยา อนารยชน กามเทพ 28
บทท่ี 1 3. ขอ้ ใดมีพยางค์ท่ีปรากฏเสียงพยัญชนะท้ายในมาตราแม่กดมากทส่ี ุด (นับทุกพยางค)์ 1. พระสามีท่สี นทิ พิศวาส งามสะอาดโอ่อา่ ดูกล้าหาญ 2. จงึ แยม้ เยอื้ นเอือ้ นโอษฐด์ ว้ ยโปรดปราน แลว้ ประทานหตั ถ์ใหจ้ ับรบั ทกุ นาย 3. เสร็จด�ำรัสตรสั ถามตามประสงค์ ก็เคล่ือนองคห์ ่างหนั กลับผนั ผาย 4. ราชบตุ รสดุ สวาทจึงนาดกราย มาทักทายพูดจาแล้วลาไป 4. ข้อใดออกเสียงพยัญชนะต้นควบกล้ำ� ทุกค�ำ 1. ขวญั ความ หวาย ขลัง พลงั 2. คล้ำ� หลอม ทลาย เกร็ง พลอย 3. ปราม เตรยี ม กร�ำ่ พลาง ขวดิ 4. กรน ครวญ กรา้ น หรู ผลิต 5. ขอ้ ใดมเี สียงพยัญชนะต้นมากทส่ี ุด (เสยี งทซี่ ำ้� กนั นับเปน็ หนึ่งเสียง) 1. ถงึ ทุกร้อนออ่ นระอาชวี าเศรา้ 2. ไม่ปล่อยใจให้เหงาเศร้ากข็ าม 3. ไม่ชา้ พลันกจ็ ะดบั ลบั ไปตาม 4. เหมือนมียามเชา้ ฉะนี้กม็ เี ย็น 29
บทท่ี 1 6. ทกุ คำ� ในขอ้ ใดมเี สียงพยญั ชนะต้นและเสยี งพยัญชนะท้ายเหมือนกัน 1. เณร ใหญ่ 2. ภาพ ญวน 3. ธาตุ ติด 4. ศษิ ย์ หม�่ำ 7. ค�ำในข้อใดประกอบดว้ ยสระลดรปู ทกุ คำ� 1. กวนขนม ตกใจ ยนื ขนาน 2. ปลดปลง ปกป้อง ปนู แดง 3. สน้ิ เคราะห์ กราบกราน ท่มุ ทุน 4. เกรยี้ วกราด กลบเกลื่อน เกรงกรง่ิ 8. ขอ้ ใดไม่มเี สียงสระประสม 1. ถึงแมเ้ ขาจะพูดจาวกวนไม่ไดค้ วาม 2. แต่ฉนั กไ็ มร่ ูส้ ึกวา่ ถูกกวนประสาท 3. สว่ นเธอคล้าย ๆ กบั พูดจาไดค้ วามชดั 4. ยงิ่ ทำ� ใหฉ้ ันปวดหัวมากทีส่ ุด 30
บทท่ี 1 9. คำ� ประพันธ์ตอ่ ไปน้ีมเี สียงสระเดยี่ วกี่เสยี ง (เสยี งทซี่ ำ�้ กนั นบั เปน็ หนง่ึ เสยี ง) “ทั้งนอกเมอื งในเมืองเนืองมา พร้อมกนั ยงั หนา้ ศาลากลาง” 1. 3 เสยี ง 2. 4 เสยี ง 3. 5 เสียง 4. 6 เสยี ง 10. ข้อใดทีม่ เี สียงวรรณยกุ ตค์ รบ 5 เสยี ง สนกุ คอื เรือ่ งอิเหนาเสน่ห์หา 1. ค�ำขนานธารเกษมก็สมช่ือ สายหยดุ ประยงคโ์ ยทะกา 2. ดอกพะยอมหอมหวนล�ำดวนดง อภวิ ันทล์ าบาทพระชินวร 3. วนั ร่งุ แรมสามค�่ำเป็นสำ� คญั ฉันขอแบ่งส่วนกศุ ลทกุ คนเอย 4. ท้งั คนฟังคนอ่านสารแสดง 31
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: