1 หลักสูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
2 คำชี้แจง แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ พอ่ื พัฒนาทกั ษะการคิด ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ นี้ มจี ดุ มุ่งหมายเพอ่ื นาเสนอแนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พ่อื พฒั นาทักษะการ คดิ ซึ่งเปน็ สมรรถนะหลักสมรรถนะหนึง่ ตามหลกั สูตรแกนกลางฯ ท่ีสอดคล้องตามตัวช้ีวัดและธรรมชาตขิ องแต่ละ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สาหรับครูผสู้ อนเลอื กนาไปใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ผเู้ รียนได้รบั การพฒั นาอย่างตอ่ เนือ่ งและเกิดทกั ษะทางดา้ นการคดิ สาหรับเอกสารนี้ใช้เปน็ แนวทางในการจัดกิจกรรมการ เรียนรูเ้ พอ่ื พฒั นาทักษะการคิด กล่มุ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ระดบั ประถมศกึ ษา สำระสำคญั ในแนวทำงกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นร้เู พอ่ื พฒั นำทกั ษะกำรคิด ประกอบด้วย ๓ สว่ น ดังนี้ ๑. กำรวิเครำะห์ตวั ชว้ี ัดสู่กำรพัฒนำทกั ษะกำรคิด มอี งค์ประกอบดงั นี้ ๑.๑ สำระมำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตัวชี้วดั ของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ท่กี าหนดในหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๑.๒ ผเู้ รยี นเรียนรอู้ ะไร/ทำอะไรได้ เปน็ การวเิ คราะหจ์ ากตัวชีว้ ัดให้เหน็ วา่ ในแตล่ ะตัวชีว้ ดั ผเู้ รยี นควรจะมคี วามรู้อะไรบา้ ง และสามารถปฏิบัตสิ งิ่ ใดได้บ้าง ๑.๓ ทกั ษะกำรคิด เป็นการวเิ คราะหท์ ักษะการคิดที่สัมพนั ธก์ ับตัวช้ีวดั ในแต่ละตัวซง่ึ เป็น กระบวนการสาคัญท่จี ะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการคิดไปสู้การสร้างชนิ้ งาน/ภาระงานไดส้ อดคล้องตามมาตรฐานการ เรียนร้/ู ตัวชว้ี ัด ๑.๔ ชน้ิ งำน/ภำระงำน เป็นการวิเคราะหช์ ้ินงาน/ภาระงานทีส่ ะท้อนความสามรถของผู้เรียน จากการใช้ความรู้และทักษะการคดิ ทีก่ าหนดไวซ้ ึง่ สอดคลอ้ งตามตัวช้ีวดั ๑.๕ แนวกำรจดั กำรเรียนรู้เพ่อื พฒั นำทักษะกำรคดิ เป็นการระบุกระบวนการของการคิด ท่ี จะนาไปจดั การเรยี นรู้เพ่อื พัฒนาให้ผ้เู รียนเกดิ ทกั ษะการคิดตามที่วิเคราะหไ์ ด้จากตวั ชีว้ ัด ๒. กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้เพ่อื พัฒนำทกั ษะกำรคดิ มีองค์ประกอบดังนี้ ๒.๑ ตัวชวี้ ัด เปน็ การวิเคราะห์ความสัมพันธ/์ เช่อื มโยงของแต่ละตวั ชี้วดั ที่สามารถนามาจัด กจิ กรรมการเรียนรู้รว่ มกนั ได้ในแตล่ ะชั้นป/ี ภาคเรียน ซงึ่ อาจมาจากกล่มุ สาระการเรียนรเู้ ดียวกัน หรอื ต่างกลุ่ม สาระการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั บางตัวอาจตอ้ งฝกึ ซา้ เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับการพัฒนาดา้ นทกั ษะการคิดให้สอดคลอ้ งตาม มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด ๒.๒ ควำมคดิ รวบยอด เปน็ การวิเคราะห์แกน่ ความรู้แตล่ ะตวั ชีว้ ดั ท่ีผูเ้ รยี นจะไดร้ บั จากการ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามตัวชวี้ ดั ในขอ้ ๒.๑ ๒.๓ สำระกำรเรยี นรู้ เป็นสาระการเรยี นรทู้ ีน่ ามาใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามตวั ชี้วัด ๒.๔ ทกั ษะกำรคิด เป็นทกั ษะการคดิ ท่ีนามาพฒั นาผเู้ รยี นให้สอดคล้องตามมาตรฐานการ เรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด ทวี่ ิเคราะห์ไวต้ ามข้อ ๒.๑ ๒.๕ ชิน้ งำน/ภำระงำน เปน็ ชนิ้ งาน/ภาระงานทส่ี ะท้อนความสามารถของผู้เรียนและทักษะ การคดิ ตามตัวช้วี ดั ทีน่ ามาจดั กจิ กรรมรวมกนั ๒.๖ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ เป็นเทคนคิ /วธิ กี ารสอนทีจ่ ะใชใ้ นการพฒั นาผเู้ รยี นและนาไป สู้การสรา้ งชนิ้ งาน/ภาระงาน และสอดแทรกดว้ ยการใชก้ ระบวนการพฒั นาทักษะการคิดทกี่ าหนดไวใ้ ห้ครบถว้ น ตามข้อ ๒.๔ หลกั สตู รกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดิร์ าษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
3 อนึง่ การวิเคราะห์ความสมั พันธ/์ เชอ่ื มโยงของแต่ละตวั ชว้ี ดั เพื่อจดั กลุ่มสาหรับนามาจัดกจิ กรรมการ เรียนรรู้ ว่ มกนั ตามข้อ ๒ เป็นการเสนอเพอ่ื เป็นตวั อยา่ งในทางปฏิบัติครผู ู้สอนสามารถปรบั เปลี่ยน หรือพฒั นา เพม่ิ เตมิ ไดต้ ามความเหมาะสม ท้งั นี้เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดต่อผ้เู รยี นในการพัฒนาทักษะการคดิ ๓ ตัวอย่ำงกำรจัดทำหนว่ ยกำรเรียนรู้ เปน็ การนาผลการวเิ คราะหก์ ารจัดกจิ กรรมการเรยี นร้เู พอื่ พัฒนาทกั ษะการคิด ขอ้ ๒.๑ - ๒.๖ สกู่ ารออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ โดยวธิ ีการคดิ แบบยอ้ นกลับ (Backward Design) ใน ๓ ข้ันตอน การกาหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ การกาหนดหลกั ฐานการเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นิมติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
4 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ศลิ ปะ บทนำ เพอื่ ให้เทา่ ทันกบั ความเจริญกา้ วหน้าทางวทิ ยาการด้านต่างๆ ของโลกยุคโลกาภวิ ิฒน์ ท่ีมีผลตอ่ การ เปลยี่ นแปลงทางชมุ ชนสังคม และเศรษฐกิจของทุกประเทศรวมท้ังประเทศไทยดว้ ย จงึ มคี วามจาเป็นทจี่ ะต้อง ไดร้ ับการปรับปรุง แก้ไขให้มีคณุ ภาพ และปรบั ปรุงแก้ไขในหลายๆสว่ น ในสว่ นของหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศิลปะ ตามหลกั สตู รแกนกลางข้นั พ้นื ฐานซง่ึ ถอื เปน็ กลไกสาคัญในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของประเทศ เพือ่ สร้างคนไทยให้เป็นคนดี มปี ัญญา มีความสขุ มีศักยภาพพร้อมทีจ่ ะแขง่ ขันและร่วมมอื อยา่ งสร้างสรรคใ์ นเวทโี ลก การเรียนร้ศู ลิ ปะ เป็นกิจกรรมการเรยี นทีม่ ปี ระโยชนต์ อ่ การพัฒนาผู้เรียนในหลายด้าน ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี น มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ มจี นิ ตนาการทางศิลปะ ช่นื ชมความงาม มีสนุ ทรียภาพ ความมีคุณค่าซ่งึ มผี ลตอ่ คุณภาพชวี ติ มนุษย์ กิจกรรมทางศลิ ปะยังช่วยพฒั นาผู้เรยี น ท้ังทางด้านร่างกาน จิตใจ สติปญั ญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนาไปสกู้ ารพฒั นาสิง่ แวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรยี นมคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง อนั เปน็ พื้นฐานในการศกึ ษา ตอ่ หรอื ประกอบอาชพี ได้ ในโลกของเด็ก ศิลปะคือ การแสดงออกอย่างอสิ ระเสรี ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและ ความคดิ สร้างสรรค์ในส่งิ ต่างๆ ความบรสิ ุทธิ์ จรงิ ใจ เปิดเผย ตรงไปตรงมา สงิ่ เหลา่ นีล้ ้านเปน็ ตัวกระตุ้นใหเ้ กดิ การ พฒั นาสมองทง้ั สองด้าน คือ ดา้ นอารมณ์และความเปน็ เหตุผล รวมทัง้ พฒั นาการด้านร่างกาย อารมณ์ สงั คม สตปิ ัญญา และการพัฒนาภาษา เพียงแตผ่ ู้ใหญ่ที่อย่ใู กลช้ ิดเปิดโอกาสสนับสนนุ ใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงออก ชน่ื ชมตอ่ ธรรมชาติ การเคลอ่ื นไหว ดนตรี ศลิ ปะ ความไพเราะ และสิ่งสวยงาม ตา่ ง ๆ ฝึกให้เดก็ รูจ้ ักใช้ประสาทสมั ผัสให้ สัมพันธ์กันอยา่ งเหมาะสม สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ได้สังเกต มีไหวพริบ มีความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ รจู้ กั ควบคุมตวั เองและ สามารถอยู่ร่วมกบั ผู้อนื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข และมีลักษณะนสิ ยั ท่ีดงี าม โรงเรยี นวัดพืชนิมิต (คาสวสั ดริ์ าษฎร์บารุง) จึงมีความจาเป็นที่จะตอ้ งได้รบั การปรบั ปรุงแกไ้ ขให้มี คุณภาพ โดยยดึ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ยึดนโยบายของเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา ความตอ้ งการของทอ้ งถิน่ และความตอ้ งการของผู้เรยี นเปน็ หลกั ในการจดั ทาหลกั สูตรกลมุ่ สาระเพอ่ื พฒั นา ผ้เู รียนให้มคี วามรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพนื้ ฐานของความเป็นไทยควบคกู่ ับความเป็นสากล วิสยั ทัศน์ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวัสดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นทุกคน ให้เป็นมนุษย์ ทม่ี คี วาม สมดลุ ทง้ั ด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ติ สานกึ รกั และภมู ใิ จในวัฒนธรรมประเพณที ้องถิ่น ความ เปน็ พลเมอื งไทยและเป็น พลโลก ยดึ มัน่ ในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ มีความรู้และทกั ษะพื้นฐาน รวมทงั้ เจตคติ ท่ีจาเป็นตอ่ การศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการศกึ ษา ตลอดชีวิต โดยมงุ่ เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั บนพืน้ ฐานความเชือ่ ว่า ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ต็มตาม ศกั ยภาพ โดยยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและนาไปส่ปู ระชาคมอาเซยี น หลกั กำร หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดพืชนิมิต (คาสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ารงุ ) มีหลักการที่สาคญั ดังนี้ 1. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเอกภาพของชาติ มีจดุ หมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มคี วามรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพน้ื ฐาน ของความ เป็นไทยควบคู่กบั ความเป็นสากล หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนิมิต (คาสวสั ด์ิราษฎรบ์ ารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
5 2. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาเพอ่ื ปวงชน ที่ประชาชนทกุ คนมโี อกาสได้รับการศกึ ษาอย่างเสมอภาค และมีคุณภาพ 3. เปน็ หลักสูตรการศกึ ษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ใหส้ ังคมมีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น 4. เป็นหลักสูตรการศึกษาทม่ี โี ครงสร้างยดื หยนุ่ ท้งั ดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้ 5. เปน็ หลักสูตรการศึกษาทเี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั 6. เป็นหลักสตู รการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย ครอบคลมุ ทุก กลุม่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์ 7. เปน็ หลกั สูตรการศกึ ษาทบ่ี ูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ทุกกล่มุ สาระทกุ ชัน้ เรียน 8. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาที่บูรณาการการเรยี นรู้ประชาคมอาเซยี น ทกุ สาระ จดุ หมำย หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดิร์ าษฎร์บารงุ ) มุ่งพัฒนาผเู้ รียนใหเ้ ป็นคนดี มีปญั ญา มีความสุขมีศกั ยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชพี จงึ กาหนดเปน็ จุดหมายเพือ่ ให้เกดิ กบั ผูเ้ รียน เมอื่ จบ การศกึ ษาภาคบังคบั ดังน้ี 1. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวนิ ยั และปฏบิ ตั ติ นตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. มคี วามรู้ ความสามารถในการสอื่ สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทกั ษะชวี ติ 3. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจิตทด่ี ี มีสขุ นิสยั และรกั การออกกาลงั กาย 4. มคี วามรักชาติ มจี ติ สานึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมนั่ ในวถิ ชี วี ติ และการปกครองตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข 5. มีจติ สานกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพัฒนาส่ิงแวดล้อม มจี ิต สาธารณะที่มงุ่ ทาประโยชน์และสรา้ งสิ่งที่ดงี ามในสังคม และอยูร่ ว่ มกนั ในสังคมอยา่ งมีความสุข สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ในการพัฒนาผเู้ รยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน มงุ่ เนน้ พฒั นาผูเ้ รยี นใหม้ คี ุณภาพ ตามมาตรฐานท่ีกาหนด ซง่ึ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดงั นี้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสด์ริ าษฎรบ์ ารงุ ) มุง่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคญั 5 ประการ ดงั นี้ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเข้าใจ ความรูส้ ึก และทัศนะของตนเองเพอ่ื แลกเปลยี่ นขอ้ มลู ข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่อื ขจดั และลดปัญหา ความขัดแยง้ ตา่ ง ๆ การเลือกรับหรอื ไม่รบั ข้อมูลข่าวสารด้วยหลกั เหตุผลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลอื กใช้ วธิ กี ารสอ่ื สาร ท่ีมปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทมี่ ีต่อตนเองและสงั คม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อยา่ ง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่อื นาไปสกู่ ารสร้างองคค์ วามรู้หรือสารสนเทศเพอ่ื การตดั สนิ ใจเก่ียวกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม หลักสูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารุง) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
6 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแกป้ ญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ที่ เผชญิ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรูม้ าใชใ้ นการป้องกนั และแก้ไข ปัญหา และมกี ารตัดสนิ ใจทม่ี ปี ระสิทธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบท่ีเกิดขนึ้ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั การเรียนร้ดู ้วยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง การทางาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสังคม ด้วยการสร้างเสรมิ ความสัมพนั ธ์อนั ดรี ะหว่างบคุ คล การจัดการปญั หาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรบั ตัวใหท้ ันกับการเปลยี่ นแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม และการรูจ้ ักหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมไมพ่ ึง ประสงคท์ ่ีสง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผูอ้ นื่ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื การพฒั นาตนเองและสงั คม ในด้านการเรียนรู้ การส่อื สาร การทางาน การแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดร์ิ าษฎรบ์ ารุง) มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่อื ใหส้ ามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจรติ 3. มีวินัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ หลกั สตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คาสวัสดร์ิ าษฎร์บารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
7 กลุม่ สำระกำรเรยี นรูศ้ ลิ ปะ ทำไมต้องเรียนศิลปะ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะเปน็ กลุม่ สาระทชี่ ่วยพัฒนาให้ผเู้ รยี นมีความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์มี จนิ ตนาการทางศิลปะ ชน่ื ชมความงาม มีสนุ ทรียภาพ ความมคี ุณค่า ซึง่ มผี ลตอ่ คุณภาพชีวติ มนุษย์ กิจกรรม ทางศิลปะชว่ ยพฒั นาผู้เรียนทัง้ ด้านร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจนการนาไปสู่การพฒั นา สิ่งแวดลอ้ ม สง่ เสริมให้ผเู้ รยี นมคี วามเช่ือมนั่ ในตนเอง อนั เป็นพื้นฐานในการศกึ ษาตอ่ หรอื ประกอบอาชพี ได้ เรียนรอู้ ะไรในศลิ ปะ กล่มุ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะมงุ่ พัฒนาใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวธิ ีการทางศลิ ปะ เกิด ความซาบซง้ึ ในคุณค่าของศลิ ปะ เปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนแสดงออกอยา่ งอสิ ระในศิลปะแขนงตา่ ง ๆ ประกอบด้วย สาระสาคัญ คอื • ทศั นศลิ ป์ มคี วามรูค้ วามเข้าใจองค์ประกอบศิลป์ ทศั นธาตุ สร้างและนาเสนอผลงาน ทางทัศนศิลป์จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อปุ กรณท์ ีเ่ หมาะสม รวมท้งั สามารถใชเ้ ทคนคิ วธิ ีการ ของ ศิลปนิ ในการสรา้ งงานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคา่ งานทัศนศิลป์ เข้าใจ ความสมั พนั ธ์ระหว่างทัศนศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คุณค่างานศิลปะทเ่ี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล ชืน่ ชม ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั • ดนตรี มีความรู้ความเขา้ ใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คณุ ค่าดนตรี ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ทางดนตรอี ย่างอสิ ระ ช่ืนชมและประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณคา่ ดนตรีทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาทอ้ งถิน่ ภมู ปิ ญั ญาไทย และสากล ร้องเพลง และเลน่ ดนตรีในรปู แบบต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เสยี งดนตรี แสดงความรู้สึกทม่ี ีตอ่ ดนตรี ในเชิงสนุ ทรยี ะ เข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งดนตรกี ับประเพณี วฒั นธรรม และเหตุการณ์ ในประวัตศิ าสตร์ • นำฏศิลป์ มีความรู้ความเขา้ ใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์อย่าง สร้างสรรค์ ใชศ้ พั ท์เบ้อื งต้นทางนาฏศิลป์ วเิ คราะหว์ พิ ากษ์ วิจารณค์ ุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความร้สู กึ ความคิด อย่างอิสระ สร้างสรรค์การเคล่ือนไหวในรปู แบบต่าง ๆ ประยุกต์ใชน้ าฏศิลปใ์ นชีวติ ประจาวัน เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ ระหว่างนาฏศิลป์กบั ประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศิลป์ที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญา ท้องถนิ่ ภมู ปิ ัญญาไทย และสากล หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พชื นิมติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
8 คุณภำพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษำปที ่ี 3 • รู้และเข้าใจเกีย่ วกบั รูปรา่ ง รปู ทรง และจาแนกทัศนธาตุของส่ิงต่าง ๆ ในธรรมชาติสิง่ แวดล้อมและ งานทศั นศิลป์ มีทักษะพื้นฐานการใชว้ สั ดุอุปกรณ์ในการสรา้ งงานวาดภาพระบายสี โดยใชเ้ สน้ รปู ร่าง รปู ทรง สี และพ้นื ผวิ ภาพปะตดิ และงานป้นั งานโครงสรา้ งเคลื่อนไหวอย่างง่าย ๆ ถา่ ยทอดความคดิ ความรู้สกึ จาก เรื่องราว เหตกุ ารณ์ ชวี ิตจริง สร้างงานทศั นศิลป์ตามท่ีตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและวิธีการในการปรบั ปรุง งานของตนเอง • รแู้ ละเข้าใจความสาคญั ของงานทัศนศลิ ป์ในชวี ติ ประจาวัน ที่มาของงานทศั นศิลป์ ในท้องถิ่น ตลอดจนการใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ และวธิ กี ารสรา้ งงานทศั นศลิ ป์ในทอ้ งถิน่ • ร้แู ละเขา้ ใจแหล่งกาเนิดเสยี ง คณุ สมบัติของเสียง บทบาทหน้าที่ ความหมาย ความสาคญั ของบท เพลงใกลต้ วั ที่ไดย้ นิ สามารถท่องบทกลอน ร้องเพลง เคาะจังหวะ เคลื่อนไหวรา่ งกายใหส้ อดคล้องกับบทเพลง อา่ น เขียน และใชส้ ัญลักษณ์แทนเสยี งและเคาะจังหวะ แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับดนตรี เสยี งขับร้องของตนเอง มสี ว่ นร่วมกบั กิจกรรมดนตรใี นชวี ิตประจาวัน • รู้และเข้าใจเอกลักษณ์ของดนตรใี นท้องถ่ิน มคี วามช่นื ชอบ เหน็ ความสาคญั และประโยชน์ของดนตรี ต่อการดาเนนิ ชวี ิตของคนในทอ้ งถ่ิน • สรา้ งสรรคก์ ารเคลือ่ นไหวในรปู แบบต่าง ๆ สามารถแสดงทา่ ทางประกอบจงั หวะเพลง ตามรูปแบบ นาฏศิลป์ มมี ารยาทในการชมการแสดง รู้หนา้ ท่ีของผู้แสดงและผชู้ ม รปู้ ระโยชน์ ของการแสดงนาฏศิลป์ใน ชีวติ ประจาวนั เขา้ รว่ มกจิ กรรมการแสดงทเี่ หมาะสมกบั วัย • รู้และเขา้ ใจการละเลน่ ของเด็กไทยและนาฏศิลป์ท้องถนิ่ ชน่ื ชอบและภาคภูมิใจในการละเลน่ พ้ืนบา้ น สามารถเชือ่ มโยงสิ่งที่พบเห็นในการละเลน่ พน้ื บ้านกับการดารงชีวติ ของคนไทย บอกลกั ษณะเด่นและเอกลักษณ์ ของนาฏศลิ ปไ์ ทยตลอดจนความสาคัญของการแสดงนาฏศิลปไ์ ทยได้ จบช้นั ประถมศึกษำปที ่ี 6 • รแู้ ละเขา้ ใจการใช้ทัศนธาตุ รูปรา่ ง รปู ทรง พน้ื ผิว สี แสงเงา มที ักษะพ้ืนฐานในการใช้วัสดุอปุ กรณ์ ถา่ ยทอด ความคดิ อารมณ์ ความรู้สึก สามารถใช้หลักการจัดขนาด สดั ส่วน ความสมดุล นา้ หนกั แสงเงา ตลอดจนการใช้สี คู่ตรงขา้ มทเ่ี หมาะสมในการสร้างงานทศั นศิลป์ 2 มิติ 3 มติ ิ เชน่ งานสอื่ ผสม งานวาดภาพระบายสี งานปนั้ งาน พมิ พภ์ าพ รวมท้ังสามารถ สร้างแผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบเพอ่ื ถา่ ยทอดความคดิ จินตนาการเปน็ เรื่องราวเก่ยี วกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และสามารถเปรียบเทยี บความแตกต่างระหวา่ งงานทัศนศลิ ป์ท่ีสรา้ งสรรค์ ด้วย วัสดุอุปกรณ์และวธิ กี ารท่แี ตกตา่ งกัน เข้าใจปญั หาในการจัดองคป์ ระกอบศิลป์ หลกั การลด และเพ่ิมในงานป้ัน การสื่อความหมายในงานทัศนศลิ ป์ของตน รู้วิธีการปรับปรุงงานให้ดขี น้ึ ตลอดจน ร้แู ละเข้าใจคุณคา่ ของงาน ทัศนศิลปท์ ีม่ ผี ลต่อชีวติ ของคนในสงั คม • รู้และเขา้ ใจบทบาทของงานทศั นศิลป์ที่สะท้อนชีวติ และสงั คม อทิ ธพิ ลของความเชื่อความศรทั ธา ในศาสนา และวัฒนธรรมท่มี ีผลตอ่ การสร้างงานทัศนศิลปใ์ นทอ้ งถิ่น • รแู้ ละเขา้ ใจเกีย่ วกับเสยี งดนตรี เสยี งรอ้ ง เครื่องดนตรี และบทบาทหน้าทีร่ ูถ้ ึงการเคลื่อนท่ีขึน้ ลง ของทานอง เพลง องคป์ ระกอบของดนตรี ศัพทส์ งั คตี ในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของบทเพลงทฟี่ ัง รอ้ งและบรรเลง เคร่อื งดนตรี ด้นสดอยา่ งง่าย ใชแ้ ละเกบ็ รักษา เครื่องดนตรอี ยา่ งถูกวธิ ี อ่าน เขยี นโน้ตไทยและสากลในรูปแบบ หลกั สูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คาสวสั ด์ิราษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
9 ตา่ ง ๆ รลู้ ักษณะของผู้ท่จี ะเลน่ ดนตรีได้ดี แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับองค์ประกอบดนตรี ถ่ายทอดความรู้สกึ ของ บทเพลงทีฟ่ ัง สามารถใช้ดนตรีประกอบกจิ กรรมทางนาฏศลิ ปแ์ ละ การเลา่ เรอ่ื ง • ร้แู ละเข้าใจความสมั พนั ธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวติ ประเพณี วฒั นธรรมไทย และวฒั นธรรมต่าง ๆ เรอ่ื งราวดนตรใี นประวัติศาสตร์ อิทธพิ ลของวฒั นธรรมตอ่ ดนตรี รูค้ ุณค่าดนตรที ี่มาจากวฒั นธรรมต่างกัน เหน็ ความสาคัญในการอนรุ ักษ์ • รูแ้ ละเขา้ ใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาท่า นาฏยศพั ท์พน้ื ฐาน สร้างสรรคก์ าร เคล่ือนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครงา่ ย ๆ ถา่ ยทอดลีลาหรอื อารมณ์ และสามารถออกแบบเคร่อื ง แต่งกายหรืออปุ กรณป์ ระกอบการแสดงง่าย ๆ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งนาฏศลิ ปแ์ ละการละครกบั ส่ิงทป่ี ระสบ ในชีวิตประจาวนั แสดงความคิดเหน็ ในการชมการแสดง และบรรยายความรู้สึกของตนเองท่มี ตี อ่ งานนาฏศลิ ป์ • รู้และเข้าใจความสมั พันธแ์ ละประโยชนข์ องนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบการแสดง ประเภทตา่ ง ๆ ของไทยในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ และส่งิ ทก่ี ารแสดงสะท้อนวัฒนธรรมประเพณี เห็นคณุ คา่ การรกั ษาและ สืบทอดการแสดงนาฏศิลป์ไทย หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารุง) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
10 โครงสรำ้ งเวลำเรยี น หลกั สตู รโรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ารุง) ไดก้ าหนดเวลาเรยี นของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 8 กลมุ่ สาระ ที่ เปน็ เวลาเรียนพน้ื ฐาน เวลาเรียนเพม่ิ เตมิ และเวลาในการจัดกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น จาแนกแตล่ ะชน้ั ปี ดงั นี้ กลุม่ สำระกำรเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลำเรียนระดบั ประถมศกึ ษำ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ • กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภำษำไทย 200 200 200 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศำสตร์ 200 200 200 ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๘๐ ๘๐ 120 120 120 สังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม 40 40 40 80 80 80 ประวตั ิศำสตร์ 40 40 40 40 40 40 สุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ 40 40 40 80 8๐ 80 ศิลปะ 40 40 40 40 4๐ 40 กำรงำนอำชีพ ๔๐ ๔๐ 40 4๐ 4๐ 40 ภำษำอังกฤษ 160 160 160 120 120 120 รวมเวลำเรยี น (พนื้ ฐำน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘4๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘4๐ • รำยวชิ ำเพิ่มเติม ภาษาองั กฤษเพ่ือการสือ่ สาร 40 40 40 40 40 40 การป้องกนั การทุจริต 40 40 40 40 40 40 รวมเวลำเรียน (เพม่ิ เติม) 80 80 80 80 80 80 • กจิ กรรมพัฒนำผู้เรียน แนะแนว 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ ลูกเสอื -เนตรนารี 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ชมุ นุม 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ 3๐ รวมเวลำ กจิ กรรมพฒั นำผเู้ รียน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสตู ร ๑,040 ๑,040 ๑,040 ๑,040 ๑,040 ๑,040 หมำยเหตุ * จัดบูรณาการการเรียนรูร้ ่วมกนั ตามความสอดคลอ้ งของเนอื้ หาและการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ทมี่ า : อา้ งองิ จากค่มู อื บรหิ ารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ หน้าท่ี ๗ - ๑๒ ของ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ท่ีมา : อ้างองิ จาก ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่อื งการบริหารจัดการเวลาเรียนภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓ ลงวันท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ทม่ี า : อ้างอิง จากประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื งแนวทางการบรหิ ารจดั การเวลาเรียนของสถานศกึ ษาขั้น พนื้ ฐาน ลงวนั ที่ 1๑ กรกฎาคม ๒๕60 หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารุง) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
11 คำอธบิ ำยประกอบโครงสรำ้ งหลักสูตร ๑. การจัดโครงสร้างเวลาเรียนกลมุ่ สาระการเรยี นรูศ้ ลิ ปะ ในระดับชน้ั ประถมศกึ ษา ๑-๓ จานวน ๔๐ ช่วั โมง ๒. การจัดโครงสรา้ งเวลาเรยี นกลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ ในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษา ๔-๖ จานวน ๔๐ ชั่วโมง รหัสวชิ ำ โครงสร้ำงหลักสูตรกล่มุ สำระกำรเรยี นรูศ้ ลิ ปะ เวลำเรยี น/ตอ่ ปี ศ ๑๑๑๐๑ จานวน ๔๐ ช่ัวโมง ศ ๑๒๑๐๑ ระดับประถมศกึ ษำ จานวน ๔๐ ช่ัวโมง ศ ๑๓๑๐๑ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ศ ๑๔๑๐๑ รำยวชิ ำพน้ื ฐำน จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ศ ๑๕๑๐๑ จานวน ๔๐ ช่วั โมง ศ ๑๖๑๐๑ ช่ือวชิ ำ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ศิลปะ๑ ศิลปะ๒ ศลิ ปะ๓ ศิลปะ๔ ศลิ ปะ๕ ศลิ ปะ๖ หลกั สูตรกล่มุ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คาสวัสดิ์ราษฎรบ์ ารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
12 สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ สำระท่ี 1 ทัศนศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 1.1 สร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์ตามจนิ ตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วิเคราะห์วพิ ากษ์ วิจารณ์ คณุ ค่างานทศั นศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ต่องานศิลปะ อย่าง อสิ ระ ชื่นชม และประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ิตประจาวนั มำตรฐำน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งทัศนศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ งานทัศนศิลป์ ทเี่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ภูมปิ ญั ญาไทย และสากล สำระที่ 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์วจิ ารณ์ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดตอ่ ดนตรีอย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยุกตใ์ ช้ ชวี ิตประจาวัน มำตรฐำน ศ 2.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่าของดนตรที ี่ เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล สำระท่ี 3 นำฏศิลป์ มำตรฐำน ศ 3.1 เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ป์อย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ คุณคา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรูส้ กึ ความคดิ อย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และ ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั มำตรฐำน ศ 3.2 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศลิ ป์ที่ เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ภมู ิปญั ญาไทยและ สากล หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนิมิต (คาสวสั ดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
13 ตัวชว้ี ัดและสำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระท่ี 1 ทัศนศิลป์ มำตรฐำน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณค์ ุณค่างานทศั นศลิ ป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดตอ่ งานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ชั้น ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.1 1. อภิปรายเกย่ี วกบั รปู ร่าง ลักษณะ รปู รา่ ง ลกั ษณะ และขนาดของสงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั ในธรรมชาติและสิ่งทมี่ นษุ ย์สร้างขน้ึ และขนาดของสงิ่ ต่าง ๆ รอบตัว ในธรรมชาติและสิ่งท่ีมนุษย์สรา้ งขึ้น ความรู้สึกทม่ี ตี ่อธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม 2. บอกความรสู้ กึ ท่ีมตี ่อธรรมชาติ และ รอบตัว เชน่ รูส้ ึกประทับใจกบั ความงาม ส่ิงแวดลอ้ มรอบตัว ของบริเวณรอบอาคารเรียน หรอื รู้สกึ ถงึ ความไมเ่ ปน็ ระเบยี บ ของสภาพภายใน 3. มีทักษะพืน้ ฐานในการใชว้ ัสดุ หอ้ งเรยี น อุปกรณส์ รา้ งงานทศั นศิลป์ การใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เช่น ดนิ เหนียว ดนิ น้ามนั ดินสอ พู่กัน กระดาษ สเี ทียน สนี า้ 4. สร้างงานทศั นศิลป์โดยการทดลองใชส้ ี ดินสอสสี ร้างงานทัศนศิลป์ ด้วยเทคนคิ งา่ ย ๆ การทดลองสีด้วยการใชส้ นี า้ สีโปสเตอร์ 5. วาดภาพระบายสภี าพธรรมชาติ สีเทยี นและสีจากธรรมชาติทีห่ าได้ในท้องถิน่ ตามความรสู้ ึกของตนเอง การวาดภาพระบายสตี ามความรู้สึก ของตนเอง สำระที่ 1 ทัศนศิลป์ มำตรฐำน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งทศั นศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ งานทัศนศิลป์ทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ภูมิปญั ญาไทย และสากล ช้ัน ตัวชว้ี ัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.1 1. ระบงุ านทศั นศิลป์ในชวี ิตประจาวัน งานทศั นศลิ ป์ในชวี ิตประจาวัน หลกั สตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสด์ิราษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
14 สำระท่ี 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณค์ ุณค่าดนตรี ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรีอย่างอิสระ ชืน่ ชม และประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวนั ช้ัน ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.1 1. รวู้ า่ สงิ่ ตา่ ง ๆ สามารถก่อกาเนดิ เสยี ง การกาเนิดของเสยี ง ท่ีแตกต่างกนั - เสียงจากธรรมชาติ - แหลง่ กาเนิดของเสยี ง - สีสันของเสียง 2. บอกลักษณะของเสียงดงั -เบา และความ ระดับเสียงดัง-เบา (Dynamic) ชา้ - เร็วของจังหวะ อัตราความเรว็ ของจงั หวะTempo 3. ท่องบทกลอน รอ้ งเพลงง่าย ๆ การอา่ นบทกลอนประกอบจังหวะ การร้องเพลงประกอบจงั หวะ 4. มีส่วนรว่ มในกจิ กรรมดนตรีอย่าง กจิ กรรมดนตรี สนุกสนาน - การรอ้ งเพลง 5. บอกความเก่ียวขอ้ งของเพลงท่ีใช้ - การเคาะจงั หวะ ในชวี ติ ประจาวนั - การเคลอ่ื นไหวประกอบบทเพลง o ตามความดัง- เบาของบท เพลง o ตามความช้าเร็วของจงั หวะ เพลงท่ใี ช้ในชวี ิตประจาวัน - เพลงกลอ่ มเด็ก - บทเพลงประกอบการละเล่น - เพลงสาคัญ (เพลงชาติไทย เพลงสรรเสรญิ พระบารม)ี สำระท่ี 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณคา่ ของดนตรีทเ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ช้นั ตัวช้ีวัด สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ป.1 1. เลา่ ถงึ เพลงในท้องถ่ิน ทีม่ าของบทเพลงในทอ้ งถนิ่ 2. ระบุสิง่ ท่ชี นื่ ชอบในดนตรที ้องถ่ิน ความนา่ สนใจของบทเพลงในท้องถ่นิ หลกั สตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดิร์ าษฎร์บารงุ ) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
15 สำระท่ี 3 นำฏศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 3.1 เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วจิ ารณ์ คุณค่านาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดอย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยุกต์ใช้ ในชวี ติ ประจาวัน ชัน้ ตัวชวี้ ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง ป.1 1. เลียนแบบการเคลอ่ื นไหว การเคลือ่ นไหวลักษณะต่าง ๆ - การเลียนแบบธรรมชาติ - การเลียนแบบคน สตั ว์ ส่ิงของ 2. แสดงทา่ ทางงา่ ย ๆ เพอื่ ส่ือความหมาย การใช้ภาษาทา่ และการประดษิ ฐ์ แทนคาพดู ท่าประกอบเพลง การแสดงประกอบเพลงท่ีเกย่ี วกับ ธรรมชาตสิ ตั ว์ 3. บอกส่งิ ทต่ี นเองชอบ จากการดหู รอื การเป็นผชู้ มท่ีดี ร่วมการแสดง สำระที่ 3 นำฏศิลป์ เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม มำตรฐำน ศ 3.2 เห็นคณุ คา่ ของนาฏศลิ ปท์ ีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล ชั้น ตัวชวี้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.1 1. ระบุ และเล่นการละเล่นของเด็กไทย การละเลน่ ของเด็กไทย 2. บอกส่งิ ทต่ี นเองชอบในการแสดง - วิธกี ารเลน่ นาฏศิลป์ - กตกิ า การแสดงนาฏศลิ ป์ หลกั สูตรกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวสั ดริ์ าษฎร์บารุง) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน 16 ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ศลิ ปะ ชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ ๑ เวลำ 4๐ ชวั่ โมง อภปิ ราย บอก มีทกั ษะ สร้าง วาดภาพ ระบุ ท่อง เลา่ เลยี นแบบ แสดง เกยี่ วกับรูปรา่ ง ลักษณะ และขนาดของสิ่งต่าง ๆ รอบตวั ในธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขน้ึ ความรู้สกึ ทีม่ ีตอ่ ธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม รอบตัว ส่ิงแวดล้อมในหมู่บ้าน มีพื้นฐานในการใช้วัสดุ อุปกรณ์สร้างงานทัศนศิลป์โดยการทดลองใช้สี ด้วย เทคนคิ งา่ ย ๆวาดภาพระบายสีภาพธรรมชาติตามความรู้สึกของตนเองงานทัศนศิลป์ในชวี ติ ประจาวัน ส่ิงตา่ ง ๆ สามารถกอ่ กาเนิดเสียง ท่ีแตกต่างกนั ลักษณะของเสียงดัง-เบา และความชา้ - เร็ว ของจังหวะ บทกลอน ร้อง เพลงง่าย ๆ มสี ่วนร่วมใน กิจกรรมดนตรอี ย่างสนุกสนานความเก่ียวข้องของเพลงท่ีใชใ้ นชีวิตประจาวนั เพลงใน ท้องถ่ิน ส่ิงที่ช่ืนชอบในดนตรีท้องถิ่น เคร่ืองดนตรจี ากพืชและสัตว์ในหมู่บ้าน การเคล่ือนไหว ท่าทางง่าย ๆ เพื่อ ส่ือความหมาย แทนคาพูด ส่ิงท่ีตนเองชอบ จากการดูหรือร่วมการแสดง เล่นการละเล่นของเด็กไทย รู้ เข้าใจ เหน็ คุณค่า ชื่นชม เกยี่ วกับรปู ร่าง ลักษณะ และขนาดของส่ิงต่าง ๆ รอบตวั ในธรรมชาติ และสิ่งทมี่ นุษยส์ รา้ งข้ึน ความรูส้ ึกท่ีมตี ่อธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมรอบตัว สิง่ แวดล้อมในหมู่บ้าน มพี ื้นฐานในการใชว้ ัสดุ อุปกรณ์สร้าง งานทัศนศลิ ป์โดยการทดลองใช้สี ด้วยเทคนิคงา่ ย ๆวาดภาพระบายสีภาพธรรมชาตติ ามความรู้สกึ ของตนเองงาน ทศั นศลิ ป์ในชีวิตประจาวัน ส่งิ ตา่ ง ๆสามารถกอ่ กาเนดิ เสียง ที่แตกต่างกัน ลักษณะของเสียงดงั -เบา และความ ชา้ -เร็ว ของจังหวะ บทกลอน รอ้ งเพลงง่าย ๆ มีสว่ นรว่ มใน กิจกรรมดนตรอี ย่างสนุกสนานความเกี่ยวข้องของ เพลงท่ีใช้ในชีวิตประจาวนั เพลงในท้องถ่นิ เครือ่ งดนตรีจากพืชและสัตว์ในหมู่บ้าน ส่งิ ที่ช่ืนชอบในดนตรที ้องถิ่น การเคลื่อนไหว ท่าทางง่าย ๆเพื่อสอ่ื ความหมาย แทนคาพูด สิ่งทต่ี นเองชอบ จากการดูหรือร่วมการแสดง เล่น การละเลน่ ของเด็กไทย รักและม่งุ ม่ันในการทางาน โดยการฝึกปฏิบัติ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และการอภิปราย เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ สามารถสื่อสารส่งิ ท่เี รยี นรู้ มีความสามารถแสดงออกทางศิลปะอย่างสร้างสรรค์ สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยุกตใ์ ช้กบั ชวี ติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ศ ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ศ ๑.๒ ป.๑/๑ ศ ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ศ ๒.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ศ ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ หลักสตู รกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
17 ศ ๓.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ รวม ๖ มาตรฐาน ๑๘ ตวั ช้ีวัด โครงสร้ำงรำยวชิ ำ รำยวชิ ำ ศิลปะ รหัสวิชำ ศ 11101 ระดบั ช้ันประถมศึกษำปีที่ 1 เวลำ ๔0 ช่วั โมง / ปี หน่วย ชอ่ื หน่วยกำร จำนวน 1 ช่ัวโมง / สัปดำห์ จำนวน 1 หน่วยนำ้ หนกั ท่ี เรยี นรู้/มำตรฐำน ขอบขำ่ ยสำระกำร สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนัก ,ตวั ชวี้ ดั เรียนรู้ (ชม.) คะแนน 1. - ศลิ ปะกับงาน สร้างสรรค์ สำระทัศน์ศลิ ป์ ๒๐ ชวั่ โมง ศ 1.1 ป.1/1 - รูปรา่ ง ลกั ษณะและ - ความเขา้ ใจงานทศั นศิลป์ใน 5 25 ศ 1.1 ป.1/2 ขนาดของส่ิงตา่ งๆ ด้านการเปรยี บเทียบ จาแนก รอบตวั ในธรรมชาตแิ ละ เรื่องรูปร่าง รปู ทรง พน้ื ผวิ 5 25 2. -ทศั นศิลปก์ ับงาน ส่ิงทมี่ นษุ ยส์ ร้างขึ้น เสน้ สี ทาใหม้ ีทักษะ ในการ 5 25 สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ผลงานได้ ศ. 1.1 ป.1/3 - ความรสู้ ึกทม่ี ตี อ่ ธรรมชาติและ 3. ทัศนศลิ ป์กับ ส่ิงแวดลอ้ มรอบตัว เชน่ ธรรมชาติ รสู้ ึกประทบั ใจกับความ ศ.1.1 ป.1/4 งามของบรเิ วณอาคาร ศ.1.1 ป.1/5 เรยี น หรือรูส้ ึกถงึ ความ ไมเ่ ปน็ ระเบียบของ สภาพภายในห้องเรยี - การใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ - การสร้างสรรค์ผลงาน เช่นดินเหนยี ว ดินน้ามนั ทศั นศิลป์ได้ดีนัน้ จะต้องรจู้ กั ดนิ สอ พกู่ นั กระดาษ สี และมพี ืน้ ฐานในการใชว้ ัสดุ เทยี น สนี า้ ดินสอสี อุปกรณ์ ได้ถกู ต้อง เหมาะสม สร้างงานทศั นศลิ ป์ - การทดลองสี ดว้ ยการ - การทดลองสดี ้วยเทคนิค ใชส้ นี ้า สเี ทยี นและสจี าก ง่ายๆ และหลากหลาย ทาให้ ธรรมชาตทิ ่หี าไดใ้ น เกดิ ความรสู้ ึกท่ีดีตอ่ ธรรมชาติ ทอ้ งถิน่ - การวาดภาพระบายสี ตามความรสู้ ึก หลักสูตรกล่มุ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คาสวสั ดร์ิ าษฎร์บารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
4. ทัศนศิลป์กบั - งานทัศนศลิ ปใ์ น -งานทศั นศิลป์ทีม่ าจาก 5 18 วฒั นธรรมต่างๆ ชวี ติ ประจาวัน วฒั นธรรมต่างๆ ล้วนแต่สรา้ ง 25 ศ.1.2 ป.1/1 คณุ ค่าต่อชวี ิตประจาวัน หน่วย ช่อื หน่วยกำรเรียนร/ู้ สำระหลักสตู ร สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก ท่ี มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด แกนกลำง (ชม.) คะแนน สำระดนตรี ๑๐ ช่วั โมง 5 เกิดเสยี ง ๒ 20 ศ 2.1 ป1/1 การกาเนดิ ของเสียง - เสียงจากเสียงสิ่งทีม่ ชี ีวิต 6 แทนเสยี ง และไม่มีชีวิต - เสียงจาก ธรรมชาติ - สาเหตุที่ทาให้เกดิ เสียง - แหลง่ กาเนดิ - เสยี งสงู ๆ , ตา่ ๆ ของเสยี ง - สสี นั ของเสียง ๒ 20 ศ 2.1 ป1/2 ระดับเสยี งดัง-เบา - เสยี งดัง , เบา (Dynamic) อตั ราความเรว็ ของ - ความช้า , เรว็ ของจังหวะ จงั หวะTempo 7 เลน่ เสียง ๒ 20 ศ 2.1 ป.1/3 การอา่ นบทกลอน - อ่านบทกลอนประกอบ ศ 2.1 ป.1/4 ประกอบจงั หวะ จงั หวะ การรอ้ งเพลงประกอบ - รอ้ งเพลงประกอบจงั หวะ จังหวะ กจิ กรรมดนตรี - กิจกรรมดนตรี - การร้องเพลง รอ้ งเพลง ( ดัง , เบา ) - - การเคาะจงั หวะ เคาะจงั หวะ ( ช้า , เรว็ ) การเคลอื่ นไหว ประกอบบท เคล่ือนไหวประกอบ เพลง เพลง หลกั สูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คาสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
19 : ตามความดงั - เบาของ บทเพลง : ตามความชา้ -เรว็ ของ จังหวะ หน่วย ช่ือหน่วยกำรเรยี นร/ู้ สำระหลักสูตร สำระสำคญั เวลำ น้าหนกั ท่ี มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด แกนกลำง (ชม.) คะแนน สาระดนตรี (ต่อ) 8 เลำ่ เสยี ง เพลงที่ใช้ใน - เพลงที่ใช้ในชีวิตประจาวนั 2 20 ศ 2.1 ป.1/5 เพลงกล่อมเด็ก ชวี ิตประจาวัน (เพลงอ่ือ) ๒ 20 ศ 2.2 ป1/1 เพลงประกอบ ๑0 100 - เพลงกลอ่ ม การละเล่น ( รีรีขา้ วสาร , ๒ 40 9 รกั ษเ์ สียง จ้าจม้ี ะเขือเปาะ) ๒ 20 ศ 2.2 ป1/2 เดก็ เพลงชาติไทย เพลงสรรเสริญพระบารมี 10 ธรรมชาติแห่งการ - บทเพลง - ท่มี าของบทเพลงใน เคลือ่ นไหว ประกอบ ทอ้ งถ่นิ (ศ 3.1 ป.1/1) การละเล่น 11 ภาษานาฏศลิ ป์ - เพลงสาคญั (ศ 3.1 ป.1/2) (เพลงชาติไทย เพลงสรรเสริญ พระบารมี) ทีม่ าของบทเพลงใน ท้องถ่นิ ความนา่ สนใจของบท - ความน่าสนใจและ ความสาคัญของบทเพลงใน เพลงในท้องถิน่ ท้องถน่ิ (ละครซอ) รวม สำระนำฏศลิ ป์ ๑0 ช่วั โมง การเคลอื่ นไหวลักษณะ -การเคลื่อนไหวเลียนแบบ ตา่ งๆ ธรรมชาติ - เลียนแบบธรรมชาติ -การเคล่ือนไหวเลียนแบบ - การเลียนแบบคน สัตว์ คน สัตว์ ส่งิ ของ สงิ่ ของ การใช้ภาษาท่า และการ -การใช้ภาษาท่าแสดง ประดิษฐ์ท่าประกอบ ทา่ ทางสอื่ ความหมายแทน เพลงและการแสดง คาพูด หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนิมติ (คาสวสั ด์ิราษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
20 ประกอบเพลงที่เกีย่ วกับ -การประดษิ ฐท์ า่ ทาง ธรรมชาติสตั ว์ ประกอบเพลงท่เี ก่ยี วกบั ธรรมชาติ ลำดับที่ ชื่อหนว่ ยกำร สำระเรียนร้แู กนกลำง สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก เรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน สำระนำฏศิลป์ (ต่อ) 12 นาฏลกั ษณ์ การแสดงนาฏศลิ ป์ -บอกการแสดงนาฏศิลป์ท่ี ๒ 10 ตนเองชอบ (ศ 3.1 ป.1/3, - การแสดงนาฏศิลป์ ระบา ศ.3.2ป.1/2) รา ฟอ้ น 13 ลีลาหลากหลาย -การใช้ภาษาทา่ และการ - การใชภ้ าษาท่า และการ ๒ 20 ( ศ 3.1 ป.1/2 ) ประดษิ ฐท์ ่าประกอบ ประดษิ ฐท์ า่ ประกอบเพลง เพลง - การแสดงประกอบเพลงท่ี - การแสดงประกอบ เกี่ยวกบั ธรรมชาตสิ ัตว์ เพลงทเ่ี ก่ยี วกับธรรมชาติ สัตว์ 14 การละเลน่ ของ การละเล่นของเด็กไทย - ระบกุ าร เล่นการละเลน่ ๒ 10 เดก็ ไทย - วิธีการเลน่ ของเด็กไทย (ศ 3.1 ป.1/3, - กติกา - การเปน็ ผ้ชู มท่ดี ี ศ 3.2 ป.1/1) การเป็นผูช้ มทด่ี ี รวม 10 100 รวมหมด 40 300 คะแนนรวมทัง้ หมด ( ผลบวก 3 สำระหำรด้วย 3 ) 100 หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
21 ตวั ชว้ี ดั และสำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระที่ 1 ทศั นศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คณุ คา่ งานทัศนศลิ ป์ ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคิดตอ่ งานศลิ ปะอยา่ งอสิ ระ ชื่นชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ชั้น ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง ป.2 1. บรรยายรูปรา่ ง รปู ทรงทีพ่ บในธรรมชาติ รูปร่าง รูปทรงในธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม และสง่ิ แวดลอ้ ม เช่น รปู กลม รี สามเหลย่ี ม สเี่ หลี่ยม และ กระบอก 2. ระบุทัศนธาตุที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม และ เสน้ สี รูปรา่ ง รปู ทรงในสิ่งแวดล้อม งานทศั นศิลป์ โดยเนน้ เรื่องเส้น และงานทศั นศิลป์ประเภทต่าง ๆ เชน่ งานวาด สี รปู ร่าง และรูปทรง งานปั้น และงานพมิ พ์ภาพ 3. สร้างงานทศั นศลิ ป์ต่าง ๆ โดยใช้ทศั น เส้น รูปรา่ งในงานทศั นศิลป์ประเภทต่าง ๆ ธาตทุ ีเ่ น้นเสน้ รปู ร่าง เชน่ งานวาด งานปั้น และงานพมิ พภ์ าพ 4. มีทักษะพ้ืนฐานในการใช้วสั ดุ การใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ สร้างงานทศั นศิลป์ 3 มิติ อปุ กรณ์ สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ 3 มิติ 5. สร้างภาพปะตดิ โดยการตดั หรือ ภาพปะตดิ จากกระดาษ ฉกี กระดาษ 6. วาดภาพเพอ่ื ถา่ ยทอดเร่อื งราวเกย่ี วกับ การวาดภาพถา่ ยทอดเรื่องราว ครอบครัวของตนเองและเพอ่ื นบ้าน 7. เลอื กงานทัศนศลิ ป์ และบรรยายถงึ สิง่ เนือ้ หาเรอ่ื งราวในงานทัศนศิลป์ ที่มองเหน็ รวมถึงเน้อื หาเรื่องราว 8. สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลป์เป็นรูปแบบ งานโครงสร้างเคล่ือนไหว งานโครงสรา้ งเคลอ่ื นไหว สำระท่ี 1 ทศั นศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งทัศนศลิ ป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่า งานทศั นศิลป์ทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน ภมู ปิ ัญญาไทย และสากล ชัน้ ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.2 1. บอกความสาคัญของงานทศั นศิลป์ ความสาคญั ของงานทัศนศิลป์ในชีวติ ทพี่ บเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน ประจาวนั หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คาสวัสดริ์ าษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
22 สำระท่ี 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ย่างอสิ ระ ชนื่ ชม และประยุกต์ใช้ ในชวี ิตประจาวนั ชนั้ ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.2 1. จาแนกแหล่งกาเนดิ ของเสยี งท่ไี ดย้ ิน สีสนั ของเสยี งเคร่ืองดนตรี สสี นั ของเสยี งมนุษย์ 2. จาแนกคณุ สมบัติของเสยี ง สงู - ต่า , การฝกึ โสตประสาท การจาแนกเสียง ดงั -เบา ยาว-สน้ั ของดนตรี สงู -ตา่ ดัง-เบา ยาว-สัน้ 3. เคาะจงั หวะหรอื เคลื่อนไหวร่างกาย การเคลือ่ นไหวประกอบเนือ้ หาในบทเพลง ให้สอดคล้องกบั เน้ือหาของเพลง การเลน่ เคร่ืองดนตรปี ระกอบเพลง 4. รอ้ งเพลงง่าย ๆ ท่ีเหมาะสมกบั วัย การขบั รอ้ ง 5. บอกความหมายและความสาคัญ ความหมายและความสาคัญของเพลง ของเพลงทีไ่ ด้ยิน ทไ่ี ดย้ ิน - เพลงปลกุ ใจ - เพลงสอนใจ สำระที่ 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.2 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของดนตรีท่เี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถ่ิน ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล ชน้ั ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง ป.2 1. บอกความสัมพันธข์ องเสยี งร้อง บทเพลงในท้องถิน่ เสยี งเครือ่ งดนตรใี นเพลงท้องถิ่น โดยใช้คางา่ ย ๆ - ลักษณะของเสียงร้องในบทเพลง - ลักษณะของเสียงเคร่อื งดนตรีทีใ่ ช้ 2. แสดงและเข้าร่วมกจิ กรรมทางดนตรี ในทอ้ งถน่ิ ในบทเพลง กจิ กรรมดนตรใี นโอกาสพเิ ศษ - ดนตรีกบั โอกาสสาคัญในโรงเรยี น ดนตรีกับวนั สาคัญของชาติ หลกั สูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวัสดิ์ราษฎรบ์ ารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
23 สำระท่ี 3 นำฏศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 3.1 เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ปอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์ คุณค่านาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดอยา่ งอิสระ ชนื่ ชม และประยกุ ต์ใช้ ในชีวติ ประจาวนั ช้นั ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.2 1. เคลอื่ นไหวขณะอยู่กบั ทแ่ี ละเคลอื่ นท่ี การเคล่ือนไหวอย่างมรี ูปแบบ 2. แสดงการเคลอื่ นไหวทส่ี ะทอ้ นอารมณ์ - การนั่ง ของตนเองอย่างอสิ ระ - การยนื - การเดนิ 3. แสดงทา่ ทาง เพ่อื สอื่ ความหมาย แทนคาพดู การประดษิ ฐท์ า่ จากการเคลือ่ นไหว อยา่ งมรี ูปแบบ เพลงทเ่ี ก่ยี วกับสิง่ แวดลอ้ ม หลกั และวธิ ีการปฏิบตั นิ าฏศิลป์ - การฝกึ ภาษาท่าสื่อความหมายแทน อากัปกริ ยิ า การฝึกนาฏยศพั ท์ในสว่ นลาตัว สำระที่ 3 นำฏศลิ ป์ เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวตั ิศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม มำตรฐำน ศ 3.2 เห็นคณุ ค่าของนาฏศิลป์ท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมิปญั ญาไทยและสากล ชนั้ ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.2 1. ระบุและเล่นการละเลน่ พืน้ บา้ น การละเล่นพื้นบ้าน - วิธีการเลน่ - กติกา 2. เชื่อมโยงส่งิ ท่ีพบเหน็ ในการละเลน่ ท่ีมาของการละเล่นพ้นื บ้าน พ้ืนบ้านกับสิ่งทพ่ี บเห็นในการดารงชวี ิตของ คนไทย 3. ระบสุ ่งิ ท่ีชนื่ ชอบและภาคภูมิใจ การละเลน่ พืน้ บ้าน ในการละเล่นพน้ื บ้าน หลักสตู รกล่มุ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คาสวสั ด์ิราษฎรบ์ ารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
24 คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน ศ๑2๑๐๑ ศิลปะ กล่มุ สำระกำรเรียนรูศ้ ลิ ปะ ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 2 เวลำ 4๐ ชวั่ โมง บรรยาย อภิปราย บอก มที ักษะ สรา้ ง วาดภาพ ระบุ ท่อง เล่า เลยี นแบบ แสดง จาแนก เคาะ ร้องเพลง เกี่ยวกับรูปร่าง รูปทรงที่พบใน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทัศนธาตุท่ีอยู่ในส่ิงแวดล้อมและงาน ทศั นศิลป์ โดยเน้นเรอ่ื งเส้น สี รูปร่าง และรปู ทรง ปั้นสตั ว์ชนดิ ต่างๆทมี่ ใี นหมูบ่ ้าน งานทัศนศิลป์ตา่ ง ๆ โดยใช้ ทัศนธาตุท่ีเน้นเส้น รูปร่าง การใช้วัสดุ อุปกรณ์ สร้างงานทัศนศิลป์ ๓ มิติ ภาพปะติดโดยการตัดหรือฉีก กระดาษ ภาพปะติดภาพสถานท่ีท่องเท่ียว เพอ่ื ถ่ายทอดเรื่องราวเกีย่ วกับครอบครัวของตนเอง และเพอ่ื นบ้าน รวมถึงเนื้อหาเร่ืองราว เป็นรูปแบบงานโครงสร้างเคล่ือนไหว ความสาคัญของงานทัศนศิลป์ ท่ีพบเห็นใน ชีวิตประจาวันงานทัศนศิลป์ประเภทต่าง ๆ ในท้องถิ่น โดยเน้นถึงวิธีการสร้างงานและวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ แหล่งกาเนิด ของเสียงที่ได้ยินคุณสมบัติของเสียง สูง- ต่า , ดัง-เบา, ยาว-สั้น ของดนตรี เคาะจังหวะหรือ เคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับเน้ือหาของเพลงง่าย ๆ ที่เหมาะสมกับวัยความหมายและความสาคัญของ เพลงท่ีไดย้ ิน ความสัมพันธ์ของเสยี งร้อง เสยี งเครื่องดนตรีในเพลงท้องถน่ิ โดยใชค้ าง่าย ๆ เคร่ืองดนตรีในบา้ น หนองคู ได้แก่ กลอง แคน ซุง เข้ารว่ มกิจกรรมทางดนตรีในทอ้ งถิ่น เคลื่อนไหวขณะอยู่กับทแ่ี ละเคลอื่ นท่ี ที่ สะทอ้ นอารมณ์ ของตนเองอยา่ งอิสระเลียนแบบทา่ ทางสตั ว์ในการรา สัตวท์ มี่ ีในบ้านหนองคู ทา่ ทาง เพ่อื ส่ือ ความหมาย แทนคาพดู แสดงทา่ ทางประกอบจงั หวะอย่างสร้างสรรค์ มมี ารยาทในการชมการแสดง เล่น การละเล่นพน้ื บา้ น เชอื่ มโยงสง่ิ ท่พี บเห็นในการละเล่นพื้นบ้านกับสิ่งที่พบเหน็ ในการดารงชวี ิตของคนไทย สิง่ ท่ี ช่นื ชอบและภาคภูมิใจ ในการละเล่นพ้ืนบ้าน รู้ เข้าใจ เห็นคุณคา่ ช่ืนชม เก่ียวกับรูปรา่ ง รูปทรงที่พบใน ธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม ทัศนธาตุท่ีอยู่ในสิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ โดยเน้นเร่ืองเส้น สี รูปร่าง และ รปู ทรง ปนั้ สัตว์ชนิดต่างๆทมี่ ีในหมู่บ้าน งานทัศนศิลป์ต่าง ๆ โดยใช้ทัศนธาตุทีเ่ น้นเส้น รูปร่าง การใช้วัสดุ อุปกรณ์ สรา้ งงานทัศนศิลป์ ๓ มิติ ภาพปะติดโดยการตัดหรือฉีกกระดาษ ภาพปะติดภาพสถานที่ทอ่ งเที่ยว ในหมู่บา้ นหนองคู วาดภาพเพ่ือถ่ายทอดเรื่องราวเก่ียวกับครอบครัวของตนเอง และเพื่อนบา้ น รวมถึงเน้อื หา เร่ืองราว เปน็ รปู แบบงานโครงสร้างเคลื่อนไหว ความสาคญั ของงานทัศนศิลป์ ทพ่ี บเหน็ ในชีวติ ประจาวันงาน ทศั นศิลป์ประเภทตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ิน โดยเนน้ ถงึ วธิ ีการสร้างงานและวัสดุอุปกรณ์ ทใี่ ช้ แหล่งกาเนิด ของเสยี งท่ี ได้ยินคณุ สมบัติของเสยี ง สูง- ตา่ , ดัง-เบา, ยาว-ส้นั ของดนตรี เคาะจงั หวะหรือเคลื่อนไหวรา่ งกายให้สอดคลอ้ ง กบั เนอ้ื หาของเพลงง่าย ๆ ท่เี หมาะสมกับวัยความหมายและความสาคญั ของเพลงท่ไี ด้ยิน ความสัมพันธข์ องเสียง รอ้ ง เสียงเคร่ืองดนตรีในเพลงท้องถิ่น เคลื่อนไหวขณะอยู่กับที่และเคลื่อนที่ ท่ีสะทอ้ นอารมณ์ ของตนเองอย่าง อิสระเลียนแบบท่าทางสัตว์ในการรา เพื่อสื่อความหมาย แทนคาพูด แสดงท่าทางประกอบจังหวะอย่าง สรา้ งสรรค์ มมี ารยาทในการชมการแสดง เลน่ การละเล่นพนื้ บ้าน เช่ือมโยงสง่ิ ทีพ่ บเหน็ ในการละเล่นพื้นบ้านกับ สิ่งทพี่ บเหน็ ในการดารงชีวิตของคนไทย สิ่งที่ชื่นชอบและภาคภมู ิใจ ในการละเลน่ พน้ื บ้าน รักและมุ่งมั่นในการ ทางาน หลกั สูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คาสวสั ด์ริ าษฎร์บารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
25 โดยการฝึกปฏิบัติ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และการอภิปราย เพื่อใหเ้ กดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถสอ่ื สารสง่ิ ทเ่ี รยี นรู้ มีความสามารถแสดงออกทางศิลปะอย่างสร้างสรรค์ สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้กับชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม มำตรฐำน/ตัวชีว้ ดั ศ ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘ ศ ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ศ ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ศ ๒.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ศ ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ศ ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ รวม ๖ มำตรฐำน ๒๕ ตวั ชี้วดั หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
26 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ รำยวิชำ ศลิ ปะ รหสั วิชำ ศ12101 ระดบั ประถมศกึ ษำปที ี่ 2 เวลำ ๔0 ชัว่ โมง/ปี จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดำห์ จำนวน 1 หนว่ ยนำ้ หนัก หน่วย ช่ือหน่วยกำร ขอบข่ำยกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรยี น/มำตรฐำน ชม. คะแนน ตัวชี้วัด สำระทัศนศิลป์ ๒0 ช่วั โมง 1 ศลิ ปะกบั งาน 1.รปู ร่าง รูปทรงในธรรมชาติ เส้น สี รปู รา่ ง รูปทรง ในธรรมชาติ ๕ 25 สรา้ งสรรค์ และสง่ิ แวดลอ้ ม และส่งิ แวดลอ้ มชว่ ยใหเ้ กดิ ความ ศ.1.1 ป.2/1 2.เส้น สี รปู รา่ ง รูปทรง ใน รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ และเกิด ศ.1.1 ป.2/2 สิง่ แวดล้อม จินตนาการใหมๆ่ ได้ 3.ความรสู้ ึกทม่ี ตี ่อทัศนศิลปใ์ น ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ๒ ทศั นศลิ ป์กบั งาน 1.เส้น รูปร่างในงานทัศนศลิ ป์ การรูแ้ ละเข้าใจในการใชว้ ัสดุ 5 25 สร้างสรรค์ ประเภทต่างๆ เชน่ งานวาด งาน อุปกรณช์ ่วยใหเ้ กิดความรู้สกึ ศ.1.1 ป. 2/3 ปัน้ และงานพิมพ์ ภาคภูมิใจในงานทัศนศลิ ป์ของ ศ.1.1 ป.2/4 2.การใชว้ สั ดุ อุปกรณส์ ร้างงาน3 ตนเอง ศ.1.1 ป.2/5 มิติ 3.ภาพปะติดจากกระดาษ 3 ทศั นศลิ ป์กับ 1.การวาดภาพถา่ ยทอดเรอื่ งราว เร่ืองราวในงานทศั นศลิ ปท์ ี่มาจาก 5 25 ธรรมชาติ 2.เนือ้ หาเรอ่ื งราวในงาน ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มชว่ ยให้ ศ. 1.1 ป. 1/6 ทศั นศิลป์ ถ่ายทอดเร่ืองราวของตนเองและ ศ.1.1 ป.1/7 3.งานโครงสร้างเคล่อื นไหว ผู้อน่ื ได้ ศ.1.1 ป.1/8 4 ทศั นศลิ ป์กบั 1.ความสาคญั ของงานทัศนศลิ ป์ งานทัศนศลิ ปใ์ นชีวติ ประจาวนั และ 5 25 วัฒนธรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวัน ท้องถน่ิ ชว่ ยให้เกดิ ความรักและ ศ 1.2ป,2/1 2.งานทัศนศิลป์ในท้องถิน่ ภาคภูมใิ จในท้องถิน่ ของตนเอง ศ 1.2ป.2/2 3.ความรู้สึกที่ดีตอ่ ทศั นศิลป์ใน ยงิ่ ขน้ึ ชวี ิตประจาวนั และท้องถน่ิ รวม 20 100 หลกั สูตรกล่มุ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คาสวสั ด์ริ าษฎรบ์ ารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
27 หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำร ขอบขำ่ ยกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก ท่ี เรียน/มำตรฐำน ชม. คะแนน ตวั ช้ีวัด 5 เกิดเสียง สำระ ดนตรี 20 ชัว่ โมง ศ2.1 ป2/1 6 แทนเสยี ง สสี นั ของเสียงเคร่อื งดนตรี - เสียงเคร่อื งดนตรีสงู ๆ , ต่าๆ 2 20 ศ2.1 ป2/2 สีสันของเสยี งมนุษย์ - เสียงร้องสงู ๆ , ต่าของมนุษย์ (1) 20 (1) 20 7 เลน่ เสยี ง การฝกึ โสตประสาท การ - ลกั ษณะเสยี งสูง , ตา่ , ดัง , เบา , 1 ศ2.1 ป2/3 จาแนกเสียงสงู -ตา่ ดัง-เบา ยาว , สนั้ 20 ยาว-สนั้ 9 ศ2.1 ป2/4 (1) การเคลือ่ นไหวประกอบเน้ือหา - เคลื่อนไหวตามความหมายของ 8 ชมเสยี ง ในบทเพลง บทเพลง (2) ศ2.1 ป2/5 การเลน่ เคร่อื งดนตรปี ระกอบ - เล่นเคร่ืองประกอบจังหวะ( ลูก เพลง แซก )เขา้ กับเพลง (2) ศ2.2 ป2/1 - รอ้ งเพลง (2) การขบั รอ้ ง เพลงกอไผ่ (2) เพลงไตรรงค์ เพลงสวสั ดี 4 ความหมายและความสาคญั - ความหมายเพลงความสาคัญของ (1) เพลง (1) ของเพลงที่ไดย้ ิน (1) - เพลงปลุกใจ เพลงอยุธยา - เพลงสอนใจ เพลงตรงต่อเวลา (1) บทเพลงในทอ้ งถ่ิน - ลกั ษณะของเสียงรอ้ ง - เพลงพนื้ เมือง เพลงลอ่ งแม่ปิง ในบทเพลง - ลักษณะของเสียงเครอ่ื ง ดนตรีทใี่ ช้ในบทเพลง ดนตรีพ้นื เมืองเหนือ หลกั สูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดิ์ราษฎร์บารงุ ) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
หน่วย ชื่อหนว่ ยกำร ขอบข่ำยกำรเรียนรู้ สำระสำคญั 28 ท่ี เรียน/มำตรฐำน เวลำ นำ้ หนัก ตัวชวี้ ัด สำระดนตรี (ตอ่ ) ชม. คะแนน 9 รกั ษเ์ สียง กิจกรรมดนตรีในโอกาส - เพลงในงานวนั สาคญั 4 20 ศ2.2 ป2/2 (2) (2) พิเศษ เพลงแมพ่ ิมพ์ของชาติ - ดนตรีกับโอกาสสาคัญ เพลงค่านา้ นม ในโรงเรียน - ดนตรีกับวันสาคญั ของ ชาติ รวม 20 100 15 10 สำระนำฏศลิ ป์ 20 ชว่ั โมง 10 กำรเคล่ือนไหว -การเคล่ือนไหวอยา่ งมรี ูปแบบ การเคล่อื นไหวทีอ่ ยู่กบั ที่เคลอ่ื นท่ี เบอ้ื งตน้ - การน่ัง และการแสดงการเคลื่อนไหว -ลีลาท่าทาง - การยนื สะทอ้ นอารมณ์ของตนเองอย่าง - สรา้ งสรรค์ลีลา - การเดนิ อิสระ ศ 3.1 ป.2/1, - การประดษิ ฐท์ ่าจากการ ศ 3.1 ป2/1 เคล่ือนไหว อยา่ งมีรปู แบบ เพลงที่เกยี่ วกบั สิ่งแวดล้อม 11 ภำษำนำฏศลิ ป์ - หลักและวิธีการปฏบิ ตั ิ แสดงท่าทางเพือ่ สอ่ื ความหมาย 15 15 ศ 3.1 ป.2/3, นาฏศลิ ป์ การฝึกภาษาทา่ สอื่ แทนคาพดู อย่างสร้างสรรค์ ศ 3.1 ป2/4 ความหมายแทนอากปั กริ ิยา และการฝึกนาฏยศพั ทใ์ นส่วน ลาตวั - การใชภ้ าษาทา่ และ นาฏยศัพท์ประกอบจงั หวะ หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นมิ ติ (คาสวสั ดิร์ าษฎร์บารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
29 หน่วย ชื่อหน่วยกำร ขอบข่ำยกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนกั ท่ี เรยี น/มำตรฐำน ชม. คะแนน ตัวช้วี ัด สารนาฏศลิ ป์ (ตอ่ ) 12 สร้ำงสรรค์ดว้ ย - มารยาทในการชมการแสดง การเล่นการละเลน่ พนื้ บ้านกบั ส่ิงที่ 10 15 จินตนำกำร การเขา้ ชมหรือมีสว่ นรว่ ม พบเห็นในการดารงชวี ิตของคนไทย - วถิ ีชวี ติ กันาฏ- -การละเลน่ พนื้ บ้าน ศิลปไ์ ทย - วิธีการเลน่ ศ 3.1 ป.2/5, - กตกิ า ศ.3.2 ป.2/1, - ทม่ี าของการละเล่นพืน้ บา้ น ศ.3.2 ป.2/2, - การละเลน่ พืน้ บ้าน ศ.3.2 ป.2/3 รวม 20 100 รวมหมด 80 300 คะแนนรวมทง้ั หมด ( ผลบวก 3 สำระหำรดว้ ย 3 ) 100 หลกั สตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คาสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
30 ตัวชวี้ ดั และสำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระท่ี 1 ทัศนศิลป์ มำตรฐำน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณค์ ณุ คา่ งานทัศนศิลป์ ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคดิ ต่องานศลิ ปะอย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ชัน้ ตัวชีว้ ัด สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ป.3 8. ระบุสงิ่ ท่ีช่นื ชมและสิ่งท่ีควรปรับปรุงใน การแสดงความคิดเห็นในงานทัศนศิลปข์ อง งานทศั นศลิ ป์ของตนเอง ตนเอง 9. ระบุ และจัดกลุ่มของภาพตามทัศนธาตุ การจัดกลุ่มของภาพตามทศั นธาตุ ท่ีเน้นในงานทัศนศลิ ป์นั้น ๆ 10. บรรยายลกั ษณะรูปร่าง รูปทรง รูปรา่ ง รูปทรง ในงานออกแบบ ในงานการออกแบบส่งิ ตา่ ง ๆ ทม่ี ีในบ้าน และโรงเรียน 8. ระบุสิง่ ที่ชนื่ ชมและสง่ิ ที่ควรปรับปรุงใน การแสดงความคิดเหน็ ในงานทัศนศลิ ป์ของ งานทัศนศิลป์ของตนเอง ตนเอง 9. ระบุ และจัดกลมุ่ ของภาพตามทศั นธาตุ การจัดกลมุ่ ของภาพตามทศั นธาตุ ทเี่ น้นในงานทศั นศิลป์นั้น ๆ 10. บรรยายลกั ษณะรปู รา่ ง รูปทรง รปู รา่ ง รูปทรง ในงานออกแบบ ในงานการออกแบบสิ่งตา่ ง ๆ ทมี่ ีในบา้ น และโรงเรยี น 8. ระบสุ ง่ิ ที่ชนื่ ชมและสิ่งท่ีควรปรับปรุงใน การแสดงความคิดเห็นในงานทัศนศิลป์ของ งานทัศนศิลปข์ องตนเอง ตนเอง 9. ระบุ และจัดกล่มุ ของภาพตามทัศนธาตุ การจดั กลุม่ ของภาพตามทัศนธาตุ ที่เนน้ ในงานทศั นศิลปน์ ัน้ ๆ สำระท่ี 1 ทัศนศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 1.2 เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ ค่า งานทศั นศลิ ปท์ ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ภมู ิปญั ญาไทย และสากล ชั้น ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.3 1. เล่าถึงทมี่ าของงานทัศนศิลป์ในทอ้ งถิน่ ทม่ี าของงานทัศนศิลป์ในทอ้ งถนิ่ 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั วัสดุอปุ กรณ์และ วัสดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี ารสรา้ งงานทศั นศลิ ป์ วธิ ีการสรา้ งงานทศั นศิลป์ในทอ้ งถน่ิ ในทอ้ งถนิ่ หลกั สูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คาสวสั ด์ิราษฎรบ์ ารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
31 สำระท่ี 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์คุณค่าดนตรี ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชน่ื ชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.3 1. ระบุรูปร่างลกั ษณะของเคร่ืองดนตรี ที่ รูปร่างลักษณะของเครอื่ งดนตรี เห็นและได้ยินในชวี ิตประจาวัน เสียงของเครือ่ งดนตรี 2. ใช้รูปภาพหรือสัญลกั ษณ์แทนเสียง และ สัญลักษณ์แทนคณุ สมบตั ิของเสยี ง (สูง-ต่า ดงั - จงั หวะเคาะ เบา ยาว-สัน้ ) สญั ลักษณแ์ ทนรปู แบบจังหวะ 3. บอกบทบาทหน้าทข่ี องเพลงที่ไดย้ ิน บทบาทหนา้ ที่ของบทเพลงสาคญั - เพลงชาติ - เพลงสรรเสริญพระบารมี - เพลงประจาโรงเรยี น 4. ขบั รอ้ งและบรรเลงดนตรีง่าย ๆ การขับร้องเด่ยี วและหมู่ การบรรเลงเครอื่ งดนตรปี ระกอบเพลง 5. เคล่อื นไหวทา่ ทางสอดคล้องกบั อารมณข์ อง การเคล่ือนไหวตามอารมณ์ของบทเพลง เพลงทีฟ่ ัง 6. แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เสียงดนตรี เสียง การแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเสียงรอ้ งและ ขบั รอ้ งของตนเองและผอู้ ่นื เสยี งดนตรี - คุณภาพเสยี งร้อง - คุณภาพเสยี งดนตรี 7. นาดนตรไี ปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั หรอื โอกาสต่าง การใช้ดนตรใี นโอกาสพเิ ศษ ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - ดนตรใี นงานรืน่ เรงิ - ดนตรใี นการฉลองวันสาคัญของชาติ สำระท่ี 2 ดนตรี มำตรฐำน ศ 2.2 เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คุณค่า ของดนตรที ี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่นิ ภูมิปัญญาไทยและสากล ชน้ั ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.3 1. ระบลุ ักษณะเดน่ และเอกลักษณ์ เอกลกั ษณข์ องดนตรีในท้องถิ่น ของดนตรีในทอ้ งถิ่น - ลักษณะเสยี งร้องของดนตรีในท้องถิ่น - ภาษาและเนื้อหาในบทร้องของดนตรใี น ทอ้ งถ่ิน - เครื่องดนตรีและวงดนตรใี นท้องถน่ิ 2. ระบุความสาคญั และประโยชนข์ องดนตรี ดนตรีกับการดาเนินชีวติ ในทอ้ งถิน่ ตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ ของคนในทอ้ งถ่ิน - ดนตรใี นชีวิตประจาวัน ดนตรีในวาระสาคญั หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นิมติ (คาสวัสดิ์ราษฎร์บารงุ ) พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
32 สำระที่ 3 นำฏศิลป์ มำตรฐำน ศ 3.1 เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์ คณุ คา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดอยา่ งอิสระ ชืน่ ชม และประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวัน ช้นั ตวั ชว้ี ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.3 2. แสดงท่าทางประกอบเพลงตามรูปแบบ หลกั และวิธกี ารปฏิบตั นิ าฏศิลป์ นาฏศลิ ป์ - การฝกึ ภาษาท่าส่อื อารมณ์ของมนุษย์ - การฝกึ นาฎยศพั ทใ์ นสว่ นขา 3. เปรยี บเทียบบทบาทหนา้ ที่ของผแู้ สดง และผชู้ ม หลกั ในการชมการแสดง - ผ้แู สดง 4. มีส่วนร่วมในกจิ กรรมการแสดงท่ี - ผูช้ ม เหมาะสมกับวยั การมสี ่วนรว่ ม หลกั และวธิ กี ารปฏิบัตนิ าฏศิลป์ - การฝกึ ภาษาท่าส่ือความหมายแทน อากัปกริ ยิ า การฝกึ นาฏยศพั ท์ในส่วนลาตวั สำระท่ี 3 นำฏศิลป์ เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม มำตรฐำน ศ 3.2 เห็นคณุ ค่าของนาฏศลิ ป์ทีเ่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ป.3 1. เล่าการแสดงนาฏศิลป์ที่เคยเห็น การแสดงนาฏศลิ ปพ์ ้ืนบา้ นหรอื ท้องถิ่น ในท้องถิน่ ของตน 2. ระบุสิง่ ท่เี ปน็ ลกั ษณะเด่นและเอกลกั ษณ์ การแสดงนาฏศลิ ป์ ของการแสดงนาฏศิลป์ - ลกั ษณะ เอกลกั ษณ์ 3. อธบิ ายความสาคัญของการแสดง ท่ีมาของการแสดงนาฏศิลป์ นาฏศิลป์ - สง่ิ ท่เี คารพ หลักสูตรกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คาสวสั ด์ิราษฎรบ์ ารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน 33 ศ๑3๑๐๑ ศิลปะ กล่มุ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี่ 3 เวลำ 4๐ ช่วั โมง ศึกษาและปฏิบัตปิ ฏิบตั เิ กี่ยวกับรูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มและงานทัศนศลิ ปว์ ัสดอุ ุปกรณ์ที่ ใช้ในงานทัศนศิลป์ประเภทวาด งานปั้น งานพิมพ์ภาพ การจาแนก เส้น สี รูปร่าง รูปทรง พื้นผิวใน ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ การวาดภาพระบายสีสิ่งของรอบตัว ด้วยสีเทียน ดินสอสี และสี โปสเตอร์ การใช้วัสดุอุปกรณ์ในงานป้ัน การใช้เส้น รูปร่าง รูปทรง สี และพื้นผิว การวาดภาพถ่ายทอด ความคิด การแสดงความคิดเห็นในงานทัศนศิลป์ของตนเอง การจัดกลุ่ม ของภาพตามทัศนธาตุ ลักษณะ รูปร่าง รูปทรงในงานออกแบบ ที่มาของงานทัศนศิลป์ในท้องถิ่น การใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการสร้างงาน ทัศนศิลป์ในท้องถนิ่ รูปร่างและลกั ษณะของเคร่ืองดนตรี เสียงของเครื่องดนตรี สัญลักษณแ์ ทนคุณสมบัตขิ อง เสียง สัญลักษณ์แทนรปู แบบจังหวะ บทบาทหน้าที่ของบทเพลงสาคัญ การขับร้องเด่ียวและหมู่ การบรรเลง เครื่องดนตรปี ระกอบเพลง การเคลื่อนไหวตามอารมณ์ของบทเพลง การแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเสียงร้อง และเสียงดนตรี การใช้ดนตรีในโอกาสพิเศษ เอกลักษณ์ของดนตรีในท้องถิ่น ดนตรีกับการดาเนินชีวิตใน ท้องถิ่น การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ หลักและวิธีการปฏิบัตนิ าฏศิลป์ หลกั ในการชมการแสดง การบูรณา การนาฏศิลป์กับสาระการเรียนรูอ้ ื่น ๆ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้านหรอื ทอ้ งถ่นิ ของตน ลักษณะและเอกลกั ษณ์ การแสดงนาฏศลิ ป์ ที่มาของการแสดงนาฏศิลป์ โดยการฝึกปฏิบัติ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และการอภิปราย เพ่ือให้เกดิ ทักษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถส่อื สารสงิ่ ทเ่ี รียนรู้ มีความสามารถแสดงออกทางศลิ ปะอยา่ งสร้างสรรค์ เห็นคุณค่าของศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย มีจินตนาการทาง ศิลปะ มสี ุนทรียภาพ มีความซาบซ้งึ ในคุณคา่ ของศิลปะและมคี วามเช่อื ม่นั ในตนเอง รหัสตวั ช้ีวัด ศ ๑.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗,ป.๓/๘,ป.๓/๙,ป.๓/๑๐ ศ ๑.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ศ ๒.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗ ศ ๒.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ศ ๓.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕ ศ ๓.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓ รวมทงั้ หมด ๒๙ ตวั ช้ีวัด หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
34 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ รำยวิชำ ศลิ ปะ รหสั วชิ ำ ศ 13101 ระดบั ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 3 เวลำ ๔0 ชวั่ โมง / ปี จำนวน 1 ช่ัวโมง / สัปดำห์ จำนวน 1 หน่วยน้ำหนกั หน่วย ชื่อหน่วยกำรเรียน ขอบข่ำยกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนกั ท่ี มำตรฐำน ตัวชว้ี ัด ชม. คะแนน สำระทศั นศิลป์ ๒0ชั่วโมง 1 ศิลปะกับงาน 1.รูปร่าง รปู ทรงในธรรมชาติและ -เส้น สี รปู ร่าง รปู ทรงใน ๕ 25 สรา้ งสรรค์ สง่ิ แวดลอ้ มและงานทศั นศิลป์ ธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มเปน็ ศ1.1 ป.3/1 2.วสั ดุ อปุ กรณ์ที่ใช้สรา้ งงานทัศนศลิ ป์ แนวทางในการสรา้ งงาน ศ1.1 ป.3/2 ประเภทงานวาด งานปนั้ และงานพิมพ์ ทัศนศิลป์ ศ1.1 ป.3/3 ภาพ ศ1.1 ป.3/4 3.เส้น สี รูปร่าง รปู ทรง พื้นผวิ ใน ธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อมและงานทศั นศลิ ป์ 4.การวาดภาพสิง่ ของรอบตวั ดว้ ยดนิ สอ สี สเี ทยี นและสโี ปสเตอร์ 2 ทัศนศลิ ป์กบั งาน 1.การใชว้ ัสดุ อุปกรณใ์ นงานปัน้ -ความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้ 5 25 สรา้ งสรรค์ 2.การใชเ้ สน้ รูปร่าง รปู ทรง สีและ วัสดุ อปุ กรณ์ ช่วยใหก้ ารสรา้ ง ศ1.1 ป.3/5 พื้นผวิ วาดภาพถ่ายทอดความคิด งานทศั นศลิ ปส์ ะดวกและ ศ1.1 ป.3/6 ความรสู้ ึก รวดเร็วข้นึ ศ1.1 ป.3/7 3.วัสดุ อปุ กรณ์ เทคนคิ วิธกี ารในการ สร้างงานทศั นศลิ ป์ 3 ทศั นศลิ ป์กับ 1.การแสดงความคิดเห็นในงาน การประเมนิ ผลและการแสดง 5 25 ธรรมชาติ ทศั นศลิ ป์ของตนเอง ความคดิ เห็นในผลงานของ ศ1.1 ป.3/8 2.การจัดกลมุ่ ของภาพตามทศั นธาตุ ตนเองเป็นการปรับปรงุ และ ศ1.1 ป.3/9 3.รูปร่าง รปู ทรงในการออกแบบ พฒั นาผลงานไดด้ ีย่งิ ข้ึน ศ1.1 ป.3/10 4 ทัศนศิลปก์ ับ 1.ท่มี าของงานทัศนศิลป์ในทอ้ งถ่นิ ทศั นศิลปใ์ นท้องถิ่นเป็น 5 25 วฒั นธรรมตา่ งๆ 2.วัสดุ อุปกรณ์และวธิ กี ารสรา้ งงาน รากฐานให้คนเกดิ ความรกั ศ 1.2 ป.3/1 ทศั นศลิ ป์ในท้องถิน่ และภูมใิ จในทอ้ งถิน่ ของ ศ 1.2 ป.3/2 3.ทศั นศลิ ป์ในทอ้ งถิน่ ทภี่ าคภูมิใจ ตนเอง รวม 20 100 หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พืชนมิ ติ (คาสวัสดร์ิ าษฎร์บารงุ ) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
35 หนว่ ช่อื หนว่ ยกำร สำระหลักสตู รแกนกลำง สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก ยท่ี เรยี นร/ู้ (ชม.) คะแนน มำตรฐำน/ สำระดนตรี ๑0 ชัว่ โมง ตวั ชี้วัด 5 เกดิ เสยี ง การต้ังชอื่ ตาสรูปร่างและเสยี ง 1 20 ศ2.1ป3/1 1 20 รูปร่างลักษณะของเคร่อื งดนตรี - รูปรา่ งจะเข้ , ซอดว้ ง , ขลยุ่ 2 20 6 สญั ลักษณ์เสยี ง ศ2.1ป3/2 เสยี งของเคร่อื งดนตรี - เสียงซออู้ , ฉ่ิง , กลอง 3 20 7 ปฏบิ ตั เิ สียง สัญลกั ษณ์แทนคุณสมบตั ิของเสียง (สงู - - สัญลกั ษณโ์ นต้ เสยี งสูง , ต่า , ศ2.1ป3/4 ตา่ ดัง-เบา ยาว-สน้ั ) ดัง , เบา , ยาว , สนั้ ศ2.1ป3/5 สัญลกั ษณ์แทนรปู แบบจังหวะ - สัญลกั ษณ์จงั หวะ ฉิง่ , ฉบั 8 ชมเสียง ศ2.1ป3/6 การขับร้องเด่ยี วและหมู่ - รอ้ งเพลงเด่ยี ว , หมู่ การบรรเลงเครอ่ื งดนตรีประกอบเพลง - เลน่ เครอื่ งประกอบจังหวะ ศ2.2 ป3/1 ประกอบเพลง ( ฉิง่ , กรบั ) การเคลื่อนไหวตามอารมณข์ องบท - เคลื่อนไหวตามอารมณ์บท เพลง เพลง การแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเสียง - มารยาทในการแสดงความ รอ้ งและเสยี งดนตรี คดิ เหน็ ฟงั เพลงทก่ี าหนดให้ แล้ว - คณุ ภาพเสียงรอ้ ง วาดภาพตามจินตนาการตาม - คณุ ภาพเสยี งดนตรี เน้ือหาของเพลงท่ีไดฟ้ ัง ประดษิ ฐเ์ คร่ืองดนตรีจาก เอกลักษณ์ของดนตรใี นท้องถ่นิ เศษวสั ดุงา่ ยๆ - ลักษณะเสยี งร้องของดนตรีใน เสยี งรอ้ งเพลงภาคเหนือ , ทอ้ งถิน่ อสี าน - ภาษาและเน้ือหาในบทรอ้ งของ ภาษาเพลงภาคเหนอื , ดนตรีในท้องถ่นิ อีสาน - เครื่องดนตรแี ละวงดนตรใี น เครือ่ งดนตรภี าคเหนือ , ทอ้ งถิน่ อีสาน หลกั สตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนมิ ิต (คาสวัสด์ิราษฎรบ์ ารงุ ) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
36 หนว่ ชื่อหนว่ ยกำร สำระหลักสูตรแกนกลำง สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนัก ยที่ เรยี นรู/้ (ชม.) คะแนน มำตรฐำน/ สำระดนตรี (ตอ่ ) ตวั ชีว้ ัด 9 บทบำทเสยี ง บทบาทหนา้ ท่ีของบทเพลงสาคัญ - หนา้ ท่ขี องเพลง ๓ 20 ศ2.1ป3/3 เพลงชาติ - เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี ๑0 100 ศ2.1ป3/7 - เพลงสรรเสรญิ พระบารมี เพลงประจาโรงเรยี น ๓ 30 - เพลงประจาโรงเรียน ๔ 40 ศ2.2 ป3/2 การใชด้ นตรีในโอกาสพเิ ศษ ดนตรีในงานรนื่ เรงิ 10 จังหวะกบั การ สงกรานต์ เคลือ่ นไหว - ดนตรใี นงานร่ืนเรงิ ดนตรงี านฉลองวนั ขน้ึ ปี ศ 3.1 ป.3/1 - ดนตรใี นการฉลองวันสาคัญของ ใหม่ สรปุ ความรู้เร่ือง คุณค่า 11 นาฏลลี า ชาติ ทางดนตรี สรา้ งสรรค์ ดนตรีกับการดาเนนิ ชีวิตในท้องถ่ิน ศ 3.1 ป.3/2, ศ.3.2ป.3/3 - ดนตรีในชวี ิตประจาวนั ศ.3.2 ป3/2 - ดนตรใี นวาระสาคัญ ดนตรีพธิ เี ปิด (มหาฤกษ)์ รวม สำระนำฏศลิ ป์ ๑0 ชว่ั โมง การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ สรา้ งสรรค์การเคลื่อนไหวใน - ราวงมาตรฐาน รปู แบบต่างๆในสถานการณ์ - เพลงพระราชนิพนธ์ ส้นั ๆ - สถานการณ์ส้นั ๆ - สถานการณ์ทกี่ าหนดให้ - หลักและวิธกี ารปฏบิ ตั นิ าฏศลิ ป์ - แสดงท่าทางประกอบเพลง - การฝกึ ภาษาท่าสื่ออารมณ์ของ ตามรูปแบบนาฏศลิ ป์ มนุษย์ - อธบิ ายความสาคัญของการ - การฝึกนาฎยศัพท์ในส่วนขา แสดงนาฏศิลป์ - การแสดงนาฏศิลป์ - สงิ่ ท่เี ปน็ เอกลักษณเ์ ดน่ ของ - ลกั ษณะ การแสดงนาฏศิลป์ - เอกลกั ษณ์ - อธบิ ายความสาคัญของ - ทม่ี าของการแสดงนาฏศิลป์ การแสดงนาฏศลิ ป์ - ส่ิงที่เคารพ หลกั สตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนมิ ิต (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารงุ ) พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
37 ลำดั ชอ่ื หน่วยกำร สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง สำระสำคัญ เวลำ นำ้ หนกั บท่ี เรียนรู้ ชม คะแนน สำระนำฏศิลป์ (ตอ่ ) 12 ร่วมกนั อนรุ ักษ์ ๔ 30 ศ 3.1ป.3/3, - ทม่ี าของการแสดงนาฏศิลป์ - เปรียบเทยี บบทบาทหนา้ ท่ี ศ.3.2ป3/4, ศ.3.2ป.3/1 - สิง่ ท่เี คารพ ของผู้แสดงและผู้ชมใน - การแสดงนาฏศลิ ป์พื้นบา้ นหรือ กจิ กรรมการแสดงทเ่ี หมาะสม ท้องถิ่นของตน กบั วัย - การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ - เล่าการแสดงนาฏศิลป์ท่ีเคย - ราวงมาตรฐาน พบเหน็ ในท้องถ่ิน - เพลงพระราชนิพนธ์ - สถานการณส์ น้ั ๆ สถานการณ์ที่กาหนดให้ รวม 10 100 รวมหมด 40 300 คะแนนรวมทงั้ หมด ( ผลบวก 3 สำระหำรดว้ ย 3 ) 100 หลักสูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นิมติ (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารุง) พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
38 ตวั ช้ีวัดและสำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง สำระท่ี ๑ ทศั นศลิ ป์ มำตรฐำน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทศั นศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดตอ่ งานศลิ ปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน ชนั้ ตัวช้ีวัด สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง ป.๔ ๑. เปรยี บเทยี บรปู ลกั ษณะของรปู รา่ ง รูปร่าง รูปทรง ในธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและ รปู ทรงในธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม งานทัศนศิลป์ และงานทศั นศิลป์ ๒. อภปิ รายเก่ยี วกบั อทิ ธิพลของสี อทิ ธพิ ลของสี วรรณะอุ่น และวรรณะเย็น วรรณะอ่นุ และสวี รรณะเย็นทีม่ ีต่อ อารมณ์ของมนษุ ย์ ๓. จาแนกทศั นธาตุของส่งิ ต่าง ๆ เส้น สี รปู ร่าง รูปทรง พืน้ ผวิ และพ้นื ทีว่ ่าง ในธรรมชาตสิ ิง่ แวดล้อมและงาน ในธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อมและงานทศั นศิลป์ ทัศนศลิ ป์โดยเนน้ เรอ่ื งเส้น สี รูปรา่ ง รปู ทรงพืน้ ผิว และพ้นื ท่วี า่ ง ๔. มีทกั ษะพ้นื ฐานในการใชว้ สั ดุ การใช้วัสดุ อุปกรณ์สร้างงานพมิ พ์ภาพ อุปกรณส์ รา้ งสรรคง์ านพมิ พภ์ าพ ๕. มที กั ษะพ้นื ฐานในการใช้วสั ดุ การใช้วัสดุ อุปกรณใ์ นการวาดภาพระบาย อุปกรณส์ รา้ งสรรค์งานวาดภาพระบายสี สี ๖. บรรยายลกั ษณะของภาพโดยเน้น การจัดระยะความลึก น้าหนักและแสงเงา เรอื่ งการจดั ระยะ ความลึก น้าหนักและ ในการวาดภาพ แสงเงาในภาพ ๗. วาดภาพระบายสี โดยใชส้ ีวรรณะ การใชส้ วี รรณะอ่นุ และใช้สีวรรณะเย็น วาด อนุ่ และสีวรรณะเย็น ถ่ายทอดความรู้สึก ภาพถา่ ยทอดความร้สู กึ และจนิ ตนาการ และจนิ ตนาการ ๘. เปรยี บเทยี บความคิดความรู้สกึ ความเหมอื นและความแตกต่างในงาน ท่ถี า่ ยทอดผ่านงานทัศนศิลปข์ องตนเอง ทัศนศลิ ป์ความคิดความรู้สกึ ท่ถี ่ายทอดในงาน และบุคคลอื่น ทศั นศิลป์ ๙. เลือกใชว้ รรณะสเี พื่อถ่ายทอด การเลอื กใชว้ รรณะสีเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ อารมณ์ ความรสู้ ึกในการสรา้ งงาน ทัศนศิลป์ ความร้สู ึก หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวัสดิ์ราษฎร์บารุง) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
39 สำระท่ี ๑ ทัศนศลิ ป์ มำตรฐำน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คุณคา่ งานทศั นศิลป์ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ ภมู ปิ ัญญาไทย และสากล ชน้ั ตัวชวี้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ป.๔ ๑. ระบุ และอภิปรายเกย่ี วกบั งาน งานทัศนศลิ ปใ์ นวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน ทศั นศิลป์ ในเหตุการณ์ และงานเฉลิม ฉลองของวัฒนธรรมในทอ้ งถิน่ ๒. บรรยายเก่ียวกบั งานทศั นศลิ ป์ งานทัศนศิลปจ์ ากวัฒนธรรมต่าง ๆ ทมี่ าจากวัฒนธรรมต่าง ๆ หลกั สตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คาสวัสดิร์ าษฎรบ์ ารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
40 สำระที่ ๒ ดนตรี มำตรฐำน ศ ๒.๑ เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ณุ ค่าดนตรี ถ่ายทอดความร้สู กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรีอย่างอิสระ ชน่ื ชม และประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวนั ชน้ั ตัวชี้วัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ป.๔ ๑. บอกประโยคเพลงอย่างง่าย โครงสรา้ งของบทเพลง - ความหมายของประโยคเพลง - การแบง่ ประโยคเพลง ๒. จาแนกประเภทของเครอื่ งดนตรที ี่ใช้ใน ประเภทของเคร่อื งดนตรี เพลงทฟ่ี ัง เสยี งของเคร่ืองดนตรีแต่ละประเภท ๓. ระบทุ ิศทางการเคล่อื นทขี่ ้ึน – ลงงา่ ย ๆ การเคลื่อนที่ข้ึน - ลงของทานอง ของทานอง รูปแบบจังหวะและความเร็ว รูปแบบจงั หวะของทานองจังหวะ ของจงั หวะในเพลงทีฟ่ ัง รูปแบบจังหวะ ความช้า - เร็วของจังหวะ ๔. อา่ น เขยี นโน้ตดนตรีไทยและสากล เครือ่ งหมายและสัญลกั ษณ์ทางดนตรี - กญุ แจประจาหลัก - บรรทดั หา้ เสน้ - โน้ตและเครือ่ งหมายหยดุ - เส้นกัน้ ห้อง โครงสร้างโน้ตเพลงไทย - การแบ่งหอ้ ง - การแบง่ จังหวะ ๕. ร้องเพลงโดยใชช้ ว่ งเสยี งทีเ่ หมาะสมกบั การขบั รอ้ งเพลงในบนั ไดเสยี งทเ่ี หมาะสม ตนเอง กับตนเอง ๖. ใชแ้ ละเก็บเครอื่ งดนตรอี ยา่ งถูกต้อง การใชแ้ ละการดแู ลรักษาเคร่ืองดนตรี ของ และปลอดภัย ตน ๗. ระบุวา่ ดนตรีสามารถใช้ในการสอ่ื ความหมายของเนือ้ หาในบทเพลง เรอื่ งราว หลกั สตู รกล่มุ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดิร์ าษฎร์บารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
41 สำระท่ี ๒ ดนตรี มำตรฐำน ศ ๒.๒ เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของดนตรีทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ภูมิปัญญาไทยและสากล ชัน้ ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.๔ ๑.บอกแหลง่ ท่มี าและความสัมพันธ์ ความสมั พันธข์ องวถิ ีชีวติ กับผลงานดนตรี ของวิถชี ีวติ ไทย ทส่ี ะท้อนในดนตรี และเพลงทอ้ งถน่ิ - เน้ือหาเรื่องราวในบทเพลงกบั วถิ ีชีวิต - โอกาสในการบรรเลงดนตรี ๒.ระบุความสาคัญในการอนุรกั ษส์ ่งเสรมิ การอนรุ ักษ์วฒั นธรรมทางดนตรี วฒั นธรรมทางดนตรี - ความสาคญั และความจาเปน็ ในการ อนรุ กั ษ์ - แนวทางในการอนรุ ักษ์ สำระที่ ๓ นำฏศิลป์ มำตรฐำน ศ ๓.๑ เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คณุ คา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ อย่างอสิ ระ ชื่นชม และประยุกตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวนั ชั้น ตวั ชว้ี ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง ป.๔ ๑. ระบทุ ักษะพนื้ ฐานทางนาฏศิลปแ์ ละ หลักและวธิ ีการปฏิบตั นิ าฏศิลป์ การละครทีใ่ ช้สือ่ ความหมายและอารมณ์ - การฝึกภาษาท่า - การฝึกนาฏยศพั ท์ ๒. ใชภ้ าษาทา่ และนาฏยศพั ท์หรอื ศพั ท์ การใช้ภาษาท่าและนาฏยศพั ทป์ ระกอบ ทางการละครงา่ ย ๆ ในการถา่ ยทอด เพลงปลุกใจและเพลงพระราชนิพนธ์ เรอื่ งราว การใช้ศพั ท์ทางการละครในการถ่ายทอด เรื่องราว ๓. แสดง การเคล่อื นไหวในจังหวะตา่ ง ๆ การประดิษฐ์ท่าทางหรือทา่ ราประกอบ ตามความคิดของตน จังหวะพน้ื เมอื ง ๔. แสดงนาฏศลิ ป์เปน็ คู่ และหมู่ การแสดงนาฏศลิ ป์ ประเภทคแู่ ละหมู่ - ราวงมาตรฐาน - ระบา ๕. เล่าส่ิงท่ีชื่นชอบในการแสดงโดยเนน้ การเลา่ เร่ือง จุดสาคญั ของเรอื่ งและลกั ษณะเด่น ของตวั ละคร - จุดสาคัญ - ลกั ษณะเด่นของตัวละคร หลักสูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนิมิต (คาสวสั ด์ริ าษฎร์บารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
42 สำระที่ ๓ นำฏศิลป์ มำตรฐำน ศ ๓.๒ เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม เหน็ คุณค่าของนาฏศลิ ปท์ เ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ภูมิปัญญาไทยและสากล ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.๔ ๑.อธิบายประวตั ิความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์ ความเป็นมาของนาฏศลิ ป์ หรอื ชุดการแสดงอย่างงา่ ย ๆ ท่มี าของชดุ การแสดง ๒. เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ การชมการแสดง กบั การแสดงท่มี าจากวัฒนธรรมอื่น - นาฏศลิ ป์ - การแสดงของทอ้ งถ่นิ หลกั สตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน 43 ศ๑4๑๐๑ ศลิ ปะ กล่มุ สำระกำรเรยี นรูศ้ ิลปะ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ 4 เวลำ 4๐ ช่วั โมง ศึกษาเก่ียวกบั รูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ มและงานทศั นศลิ ป์ อทิ ธพิ ลของสีวรรณะอุ่นและ สีวรรณะเย็น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผิวและพื้นท่ีว่าง ในธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและ งานทัศนศิลป์ การใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ สร้างงานพิมพ์ภาพและการวาดภาพระบายสี การใชว้ ัสดุ การจัดระยะความลึก น้าหนัก และแสงเงาในการวาดภาพ การใช้สีวรรณะอุ่นและการใช้สีวรรณะเย็นวาดภาพถ่ายทอดความรู้สึกและ จนิ ตนาการ ความเหมือนและความแตกต่างในงานทัศนศิลป์ ความคิด ความรู้สึกทถี่ ่ายทอดในงานทัศนศิลป์ การเลอื กใช้วรรณะสีเพอ่ื ถา่ ยทอดอารมณ์และ งานทศั นศิลปใ์ นวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ งานทศั นศลิ ปจ์ ากวัฒนธรรม ต่าง ๆ โครงสร้างของบทเพลง ประเภทของเคร่ืองดนตรี เสียงของเครอ่ื งดนตรีแต่ละประเภท การเคลอ่ื นที่ ขึ้น – ลงของทานอง รูปแบบจังหวะ ของทานองจงั หวะ รปู แบบจงั หวะ ความช้า-เรว็ ของจงั หวะ เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ทางดนตรี โครงสร้างโน้ตเพลงไทย การขับร้องเพลงในบนั ไดเสียงที่เหมาะสมกับตนเอง การใช้ และการดูแลรักษาเคร่ืองดนตรขี องตน ความหมายของเนื้อหาในบทเพลง ความสัมพันธ์ของวถิ ีชีวิตกับผลงาน ดนตรี ความรู้สึก การอนุรักษ์วัฒนธรรมทางดนตรี หลักและวิธีการปฏิบัตินาฏศิลป์ การใช้ภาษาท่าและ นาฏยศัพท์ประกอบเพลงปลุกใจและ เพลงพระราชนิพนธ์ การประดิษฐ์ท่าทางหรือท่าราประกอบ จังหวะ พ้ืนเมือง การแสดงนาฏศิลป์ประเภทคู่และหมู่ การเล่าเรื่องส่ิงที่ชื่นชอบในการแสดง ความเป็นมาของ นาฏศลิ ป์ ท่ีมาของชุดการแสดง การชมการแสดง การทาความเคารพกอ่ นเรียนและก่อนแสดง ของนาฏศิลป์ การรักษาและการสืบทอดการแสดงนาฏศลิ ป์ โดยการฝึกปฏิบัติ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และการอภปิ ราย เพ่ือให้เกดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ สามารถส่ือสารส่งิ ทีเ่ รยี นรู้ มีความสามารถแสดงออกทางศลิ ปะอยา่ งสร้างสรรค์ เห็นคุณค่าของศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย มีจนิ ตนาการทาง ศลิ ปะ มีสุนทรยี ภาพ มคี วามซาบซง้ึ ในคณุ ค่าของศิลปะและมีความเช่อื มั่นในตนเอง รหัสตัวช้ีวัด ศ ๑.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗,ป.๔/๘,ป.๔/๙ ศ ๑.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒ ศ ๒.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗ ศ ๒.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒ ศ ๓.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕ ศ ๓.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔ รวม ๒๙ ตวั ช้ีวัด หลักสตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวัสด์ริ าษฎรบ์ ารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
รำยวชิ ำ ศลิ ปะ โครงสร้ำงรำยวชิ ำ 44 เวลำ ๔0 ชั่วโมง / ปี รหสั วชิ ำ ศ 14101 ระดับชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 จำนวน 1 ช่ัวโมง / สัปดำห์ จำนวน 1 หน่วยนำ้ หนกั ลำดับ ชอ่ื หนว่ ยกำร สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระสำคัญ เวลำ นำ้ หนัก ชม คะแนน ท่ี เรยี นรู้ ๕ 25 สำระทัศนศลิ ป์ ๒0 ชว่ั โมง 1 ศลิ ปะกับงาน 1.รูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติและ ความเขา้ ใจในงาน สรา้ งสรรค์ งานทศั นศลิ ป์ ทัศนศลิ ป์ในดา้ นการ ศ.1.1 ป. 4/1-5 2.อิทธิพลของสวี รรณะอุ่นและสี เปรยี บเทียบ จาแนก วรรณะเย็น เรอ่ื งรูปรา่ ง รูปทรง 3.เส้น สี รปู ร่าง รูปทรงใน พืน้ ผิว เส้น สี ทาใหม้ ี ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและงาน ทักษะพน้ื ฐานในการ ทศั นศลิ ป์ สร้างสรรค์ผลงานได้ 4.การใช้อุปกรณส์ ร้างงานพมิ พ์ ภาพ วาดภาพระบายสี 2 ทัศนศลิ ป์กบั งาน 1.การจดั ระยะความลึก น้าหนัก การสรา้ งสรรค์ผลงาน 5 25 สรา้ งสรรค์ แสงเงาในการวาดภาพ ทศั นศิลปไ์ ด้ดนี ้นั ศ.1.1 ป. 4/6-9 2.การใชส้ วี รรณะอนุ่ วรรณะเย็น จะตอ้ งรจู้ ักจดั ระยะ วาดภาพถ่ายทอดความรสู้ ึกและ ความลึก น้าหนัก แสง จินตนาการ เงา การใชส้ เี พ่อื 3.ความเหมอื น/ความแตกตา่ งใน ถา่ ยทอดอารมณ์ งานทศั นศลิ ป์ ความคิด/ ความรสู้ ึกและ ความรสู้ ึกทีถ่ ่ายทอดในงาน จินตนาการ ทัศนศลิ ป์ 4.การเลือกใช้วรรณะสีเพ่ือ ถา่ ยทอดอารมณ์ความรูส้ กึ หลกั สูตรกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมิต (คาสวสั ดริ์ าษฎร์บารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
45 ลำดับ ชื่อหน่วยกำร สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนกั ชม คะแนน ท่ี เรียนรู้ 5 25 สำระทัศนศลิ ป์ (ตอ่ ) 5 25 20 100 3 ทัศนศิลปก์ ับ งานทศั นศิลปใ์ นชีวิตประจาวัน การระบแุ ละอภปิ ราย 1 20 วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ เก่ยี วกบั งานทัศนศลิ ป์ ๒ 20 ศ.1.2 ป. 4/1 ในเหตุการณแ์ ละงาน เฉลิมฉลองของ วัฒนธรรมในทอ้ งถ่ิน ทาให้เกิดความรู้สึกชืน่ ชม เหน็ คุณคา่ และ นาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั 4 ทศั นศลิ ป์กับ งานทัศนศลิ ป์จากวัฒนธรรมต่างๆ งานทศั นศลิ ป์ทม่ี าจาก วัฒนธรรมตา่ งๆ วฒั นธรรมล้านนา และ ศ.1.2 ป. 4/2 วฒั นธรรมตา่ งๆ น้นั ควรค่าแกก่ ารอนรุ ักษ์ รวม สำระดนตรี ๑0 ช่วั โมง 5 ประเภทของเสยี ง ศ2.1 ป4/2 ประเภทของเครอ่ื งดนตรี - เคร่อื งดนตรพี ืน้ เมือง ภาคตา่ งๆ เสียงของเครือ่ งดนตรีแต่ละ - เสียงเครือ่ งดนตรี ประเภท พ้ืนเมืองภาคตา่ งๆ 6 ทฤษฎีของเสียง เคร่ืองหมายและสญั ลักษณ์ทาง ศ2.1 ป4/4 ดนตรี - เครือ่ งหมาย , - กญุ แจประจาหลัก สัญลักษณ์ - บรรทดั หา้ เสน้ กุญแจซอล , ฟา - โน้ตและเครอื่ งหมาย บรรทดั หา้ เสน้ ตัวโน้ตสากล , ตวั หยดุ หยุด - เส้นกน้ั ห้อง โครงสรา้ งโนต้ เพลงไทย เสน้ กน้ั ห้อง - การแบ่งหอ้ ง - โครงสร้างโนต้ เพลง - การแบง่ จังหวะ ไทย การแบ่งหอ้ ง การแบง่ จงั หวะ หลักสูตรกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คาสวัสด์ิราษฎรบ์ ารงุ ) พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
46 ท่ี ช่ือหนว่ ยกำร สำระหลักสตู รแกนกลำง สำระสำคัญ เวลำ นำ้ หนกั เรียนร/ู้ มำตรฐำน/ (ชม.) คะแนน ตัวช้วี ัด สำระดนตรี 20 (ต่อ) 7 ปฏบิ ตั เิ สียง ๒ 20 ศ2.1 ป4/5 การขบั ร้องเพลงในบันไดเสียงท่ี - การขับรอ้ งเพลงไทย เหมาะสมกบั ตนเอง สากล ศ2.1 ป4/6 การใช้และการดูแลรกั ษาเครอื่ ง ดนตรี ของตน - การดแู ลรักษาซึง , สะ ลอ้ 8 องคป์ ระกอบเสยี ง ๒ 20 ศ2.1 ป4/1 โครงสรา้ งของบทเพลง - โคลงสรา้ งบทเพลง วิเคราะหว์ ่า วงดนตรี - ความหมายของประโยค พ้นื บ้านของแตล่ ะภาค มี จุดเดน่ ท่ีเคร่อื งดนตรี เพลง และการรอ้ ง - การแบง่ ประโยคเพลง 8 ศ2.1 ป4/3 การเคลื่อนท่ีข้ึน - ลงของ - ทานองสูงๆ ต่าๆ ๑ 20 ศ2.1 ป4/7 ทานอง - จังหวะทานองแต่ละ รปู แบบ รปู แบบจังหวะของทานอง - รูปแบบจงั หวะ จังหวะ - Tempo ของแตล่ ะ จงั หวะ รูปแบบจังหวะ - การตีความบทเพลง ความช้า – เรว็ ของจงั หวะ ความหมายของเนอื้ หาในบท เพลง หลกั สูตรกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพชื นิมติ (คาสวัสดร์ิ าษฎร์บารุง) พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
47 ท่ี ช่อื หนว่ ยกำร สำระหลักสูตรแกนกลำง สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั เรยี นร้/ู มำตรฐำน/ (ชม.) คะแนน ตวั ชว้ี ัด สำระดนตรี (ตอ่ ) 9 บทบำทเสียง ๒ 20 ศ2.2 ป4/1 ความสัมพนั ธ์ของวิถีชวี ิตกับ - วิถชี วี ิตกับผลงานดนตรี ผลงานดนตรี เพลงเพ่ือชวี ติ - เนอ้ื หาเรือ่ งราวในบทเพลง การนาเสนอดนตรี - การอนรุ ักษ์ กบั วิถีชวี ิต - โอกาสในการบรรเลง ความสาคัญของการ ศ2.2 ป4/2 ดนตรี อนุรักษ์ การอนุรักษ์วัฒนธรรมทาง ดนตรี แนวทางการอนุรกั ษ์ - ความสาคญั และความ จาเปน็ ในการอนุรักษ์ - แนวทางในการอนรุ ักษ์ รวม ๑0 100 สำระนำฏศิลป์ ๑0 ชั่วโมง 10 นำฏยศพั ท์ - หลักและวธิ ีการปฏบิ ตั ินาฏศลิ ป์ หลักและวธิ ีการ ๒ 20 เบือ้ งตน้ ปฏิบตั นิ าฏศิลป์ ศ 3.1 ป.4/1 - การฝึกภาษาท่าการฝกึ - การฝกึ ภาษาท่า นาฏยศัพท์ - การฝึกนาฏยศพั ท์ 11 ภำษำนำฏศลิ ป์ - การประดษิ ฐ์ทา่ ทางหรือท่ารา การใชภ้ าษาทา่ และ ๓ 30 สำกล ประกอบจงั หวะพนื้ เมือง - นาฏยศัพท์ - ความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์ นาฏยศัพท์ประกอบ เพลงปลกุ ใจและเพลง ประกอบเพลงปลกุ - - การทาความเคารพกอ่ น พระราชนพิ นธ์ ใจ,เพลงพระราช- นิพนธ์ เรยี นและก่อนแสดง การใช้ศัพท์ทางการ - ภาษาทา่ - การชมการแสดง ละครในการถา่ ยทอด - ศพั ทก์ ารละคร เร่อื งราว - นาฏศิลป์การแสดงของ ทอ้ งถ่ิน ถ่ายทอดเรื่องราว ศ 3.1 ป.4/2, ศ.3.2ป.4/3, ศ.3.2 ป.4/2 หลักสตู รกลุ่มสาระศลิ ปะ โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คาสวัสด์ริ าษฎร์บารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
48 ท่ี ชอ่ื หนว่ ยกำร สำระหลักสูตรแกนกลำง สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก เรยี นรู/้ มำตรฐำน/ (ชม.) คะแนน ตวั ช้วี ัด สำระดนตรี (ต่อ) 3 กำรแสดงพื้นเมือง -การประดิษฐท์ ่าทางหรือท่ารา ทาทา่ ทางประกอบเพลง ๒ 10 - ฟอ้ นเลบ็ พน้ื เมอื ง ศ 3.1 ป.4/3, ประกอบจงั หวะพน้ื เมือง ศ.3.2 ป.4/3 - ความเป็นมาของนาฏศิลป์ การทาความเคารพก่อนเรยี นและ ก่อนแสดง 4 สร้ำงสรรค์ด้วย - การประดิษฐ์ท่าทางหรอื ท่ารา การแสดงนาฏศิลป์ ๓ 40 จินตนำกำร ประกอบจังหวะพน้ื เมือง ประเภทค่แู ละหมู่ - การรา่ ยรา - ความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์ -ราวงมาตรฐาน เบ้อื งตน้ การทาความเคารพกอ่ นเรยี นและ -ระบา - การแสดงบทบาท ก่อนแสดง การเล่าเร่อื ง สมมุติเบอื้ งตน้ - ความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์ - จุดสาคัญ - ประวัตินาฏศิลป์ ไทย - ลกั ษณะเด่นของตวั ละคร -การชมนาฏศลิ ป์ - การอนรุ กั ษ์ นาฏศิลป์ไทย ศ 3.1 ป.4/3, ศ.3.2ป.4/4, ศ.3.2ป.4/1 รวม 10 100 รวมท้ังหมด 40 300 คะแนนรวมทงั้ หมด ( ผลบวก 3 สำระหำรดว้ ย 3 ) 100 หลกั สตู รกลมุ่ สาระศลิ ปะ โรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คาสวัสดริ์ าษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
49 ตัวช้วี ัดและสำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระที่ 1 ทศั นศลิ ป์ มำตรฐำน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณค์ ณุ ค่างานทศั นศิลป์ ถา่ ยทอดความรูส้ กึ ความคิดต่องานศลิ ปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน ชนั้ ตัวช้ีวัด สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง ป.5 1. บรรยายเกย่ี วกับจังหวะตาแหนง่ จังหวะ ตาแหน่งของสิง่ ต่าง ๆ ในสง่ิ แวดลอ้ ม ของสิง่ ตา่ ง ๆ ทีป่ รากฏในสง่ิ แวดลอ้ ม และงานทศั นศลิ ป์ และงานทศั นศิลป์ ความแตกต่างระหวา่ งงานทัศนศลิ ป์ 2. เปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ ง งานทัศนศิลป์ ทส่ี รา้ งสรรค์ดว้ ยวัสดุ อุปกรณแ์ ละวิธกี ารทีต่ ่างกัน 3. วาดภาพ โดยใช้เทคนคิ ของแสงเงา แสงเงา น้าหนัก และวรรณะสี น้าหนัก และวรรณะสี 4. สร้างสรรค์งานปน้ั จาก ดนิ น้ามนั หรือ การสรา้ งงานป้นั เพอื่ ถา่ ยทอดจินตนาการ ดินเหนยี ว โดยเนน้ การถ่ายทอด ด้วยการใช้ดนิ น้ามันหรอื ดินเหนยี ว จินตนาการ 5. สร้างสรรคง์ านพิมพ์ภาพ โดยเนน้ การจดั ภาพในงานพมิ พ์ภาพ การจดั วางตาแหนง่ ของสิ่งต่าง ๆ ในภาพ 6. ระบุปัญหาในการจัดองคป์ ระกอบศิลป์ การจดั องค์ประกอบศลิ ป์และการสอ่ื และการสอื่ ความหมายในงานทัศนศลิ ป์ ความหมาย ในงานทศั นศลิ ป์ ของตนเอง และบอกวิธีการปรบั ปรุงงาน ให้ดขี น้ึ 7. บรรยายประโยชน์และคุณคา่ ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของงานทัศนศิลป์ ของงานทศั นศิลป์ที่มีผลต่อชีวติ ของคน ในสังคม หลกั สูตรกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คาสวัสดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
50 สำระที่ 1 ทัศนศิลป์ มำตรฐำน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหว่างทศั นศิลป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ งานทัศนศลิ ปท์ ่ีเปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ภมู ิปญั ญาไทย และสากล ชั้น ตัวช้ีวัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.5 1. ระบุ และบรรยายเกย่ี วกบั ลักษณะ ลักษณะรูปแบบของงานทัศนศิลป์ รูปแบบของงานทัศนศิลป์ในแหลง่ เรียนรู้ หรือนทิ รรศการศิลปะ 2. อภิปรายเกีย่ วกับงานทัศนศลิ ป์ งานทศั นศิลป์ท่ีสะท้อนวฒั นธรรมและ ที่สะท้อนวัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ภมู ิปัญญาในท้องถิ่น ในทอ้ งถิ่น หลักสตู รกลุม่ สาระศลิ ปะ โรงเรียนวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ารุง) พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
Search