เหล้า เบียร์ สาเก
มนุษยค์ น้ พบน้ำเมำจำกผลของกำรหมกั ยอ้ นไปไดถ้ ึง สมยั บำบิโลนและอียปิ ตท์ ี่พบวำ่ ถำ้ เอำผลองุ่นมำบีบใหแ้ ตก แลว้ หมกั กบั ขำ้ วท่ีทำใหช้ ้ืนจะไดน้ ้ำท่ีมีฟองเลก็ นอ้ ย ดื่มแลว้ รู้สึกคร้ึมอกคร้ึมใจ ส่วนในแง่วทิ ยำศำสตร์ หลุยส์ ปำสเตอร์ พบเช้ือรำชนิดที่เรียกวำ่ ยสี ต์ เป็นสิ่งมีชีวติ และใชน้ ้ำตำลท่ีได้ จำกกำรยอ่ ยแป้งเป็นอำหำร แลว้ ถ่ำยเอำของเสียออกมำ ซ่ึงก็ คือแอลกอฮอล์ และคำร์บอนไดออกไซด์
ประเภทของ “เหล้า”
วสิ ก้ี (Whisky) เหลำ้ วสิ ก้ีทำมำจำกขำ้ วต่ำงๆ เช่น ขำ้ วสำลี ขำ้ วบำร์เล่ย์ ขำ้ วไรน์ จำกน้นั นำไปบ่มในถงั ไมโ้ อค๊ (Oak Barrel) เป็นเวลำ 3 ปี ข้ึนไปเพื่อใหไ้ ดส้ ี กล่ิน รสที่ดีข้ึน ก่อนจะ นำมำบรรจุขวด อำจจะมีกำรปรุงแต่ง สี กลิ่น รสอีกคร้ัง กไ็ ด้ เพอื่ ใหไ้ ดม้ ำตรฐำนตำมควำมนิยมของผบู้ ริโภค สี เหลืองทองอำพนั รสนุ่ม กลิ่นหอมละมุ่น
วอดกำ้ (Vodka) วอดก้า (Vodka) เป็นเหลำ้ สีขำวใส มีกล่ินเพยี งเลก็ นอ้ ยจน แทบไม่รู้สึก เป็นเหลำ้ ที่หมกั จำกขำ้ ว หรือมนั ฝรั่ง แลว้ แต่ วตั ถุดิบของผผู้ ลิตประเทศน้นั ๆ ผำ่ นกำรกลน่ั (อยำ่ งนอ้ ย 3 คร้ัง หรือมำกกวำ่ กไ็ ด)้ เพอ่ื ใหว้ อดกำ้ ท่ีบริสุทธ์ิที่สุด ซ่ึงโซจู (Soju) จำกประเทศเกำหลี กน็ บั วำ่ เป็นวอดกำ้ (Vodka) ชนิด หน่ึงเหมือนกนั
จิน (Gin) จิน (Gin) มีลกั ษณะสีขำวใสบริสุทธ์ิ มีกล่ินหอมจำก ธญั พืช รำกไมแ้ ละสมุนไพร ส่วนมำกจะกลนั่ มำจำกขำ้ วบำร์เลย์ และตอ้ งผสมกบั ผลจูนิเปอร์ (Juniper Berry) มำกกวำ่ เคร่ืองเทศและสมุนไพรต่ำงๆ ถึง 51% จึงจะเรียกวำ่ เหลำ้ จิน ได้ เหลำ้ จินมีสีใสเหมือนเหลำ้ วอดกำ้ (VODKA) แต่กล่ิน และรสชำติค่อนจะขำ้ งชดั เจนกวำ่ มำกเนื่องจำกมีกลิ่นของ ธญั พืชเจือปน
รัม (Rum) เป็นเหลำ้ ที่ทำมำจำกกำกน้ำตำลออ้ ย(Molasses) รัม (Rum) มีปริมำณดีกรีแอลกอฮอลอ์ ยทู่ ี่ประมำณ 35-40% แต่มีบำงยหี่ อ้ ที่ ผลิตใหม้ ีดีกรีสูงมำกๆ ถึง 75% ผลิตกนั มำกในแถบประเทศทะเล แคริเบ้ียน (Caribbean) และยงั ถือเป็นเหลำ้ ชนิดแรกของทวีป อเมริกำ (แถบท่ีคน้ พบออ้ ยเป็นท่ีแรกของโลกนนั่ เอง)
เตกลี ่า (TEQUILA) เตกลี ่า (TEQUILA) เป็นเหลา้ ท่ีผลิตในประเทศแม็กซโิ ก (Maxico) กลนั่ มาจากตน้ กระบองเพชร พนั ธ์อุ กาเว่ (Agave) หรอื เรียกกันว่า \"บลู อกาเว่\" (Blue Agave) และ ต้องใชอ้ กาเว่ท่ีมอี ายุ 8-12 ปี ขึ้นไปเทา่ นัน้ อกาเว่(Agave) มี อยมู่ ากในประเทศเม็กซโิ ก มรี สชาตริ ้อนแรง บาดคอ ส่วน แมซเคิล (Mezcal) จัดเปน็ เหลา้ เตกลี ่า เกรดพรีเมี่ยม ที่ใช้อกาเว่ 100% ในการผลิตนนั่ เอง
บรั่นดี (Brandy) บรนั่ ดี (Brandy) เป็นเหล้าทผี่ ลิตมาจากการนาองุ่นบ่มคล้ายไวน์ แลว้ นาไปกลั่นตอ่ ซงึ่ ในอังกฤษจะเรียกกันว่า \"Brandywine\" ตอ่ มา ภายหลังเรยี กสัน้ ๆ วา่ \"Brandy\" โดยบร่ันดียงั มอี กี สองประเภท คอื - Cognac คอนยัค เป็นเหลา้ บรัน่ ดีท่ผี ลติ ขึ้นในแคว้นคอนยคั ของ ประเทศฝรง่ั เศส - Armagnac อาร์มายคั เป็นบรนั่ ดีที่ผลิตขนึ้ ในแคว้นอารม์ ายัค ของ ประเทศฝร่งั เศสเชน่ กนั ซึ่งทั้งสองจัดเปน็ บรนั่ ดีเกรดพรีเม่ยี ม
อเพอรทิ ฟี (Aperitif) อเพอรทิ ีฟ (Aperitif) คือ เหลา้ ทีน่ ยิ มด่มื กอ่ นอาหาร เปน็ เครือ่ งด่ืมเก่าแกจ่ ดั อยูใ่ นประเภทเหล้ายา นยิ มกันมากในประเทศ ฝรัง่ เศส อติ าลี ทาจากเหลา้ เหล้าอง่นุ สมนุ ไพร และเคร่ืองเทศ ส่วนใหญจ่ ะมรี สชาตขิ ม
ลิเคียว (Liqueur) ลิเคยี ว (Liqueur) หรอื หลายคนอาจคุ้นในช่ือเหล้า หวาน จดั วา่ เป็นเหลา้ ทผ่ี สมผลไม้ รากไม้ รากยา เคร่ืองเทศ และสมุนไพรต่างๆ สว่ นมากจะมรี สหวานโดย บางชนดิ ก็จะมีการแตง่ เติมสีสัน และกล่นิ เพิ่มลงไปทา ให้เหล้ากลุ่มนมี้ ีความหลากหลายซึ่งมีรวม ๆ กนั มี มากกว่า 1,000 ชนิดท่ัวโลก
วธิ ีการผลิตเหล้า เหลา้ ทกุ ชนิดทม่ี จี าหนา่ ยอยู่ทว่ั ไป จะมขี ้ันตอนในการผลติ เหมอื นกันแต่อาจจะมวี ิธกี ารและ เทคนคิ ในการผลิตแตกต่างกันไปบ้าง จึงทาให้ได้เหล้าทมี่ ีคณุ ภาพต่างๆกนั สาหรับขั้นตอนใน การผลิตวิสก้มี อี ยูด่ ว้ ยกัน 5 ขน้ั ตอน คือ ขนั้ ตอนท่ี 1 การทามอลติง เปน็ ข้นั ตอนท่นี าเมลด็ ข้าว เชน่ ขา้ วบารเ์ ลย์ มาทาให้เป็นข้าวมอลท์ ขน้ั ตอนท่ี 2 การทาแมชชิง เป็นขนั้ ตอนที่นาข้าวมอลท์ทไ่ี ดม้ าละลายตม้ กบั น้า ซงึ่ สารละลายทีไ่ ด้ เรยี กวา่ วอร์ต ขั้นตอนท่ี 3 การหมกั เปน็ ขัน้ ตอนที่เติมเช้ือยีสต์ แลว้ ปล่อยใหเ้ กดิ การหมักได้แอลกอฮอลเ์ กดิ ขึ้น ขน้ั ตอนท่ี 4 การกลนั่ เป็นขนั้ ตอนทท่ี าการกล่นั เพอ่ื ใหไ้ ดว้ ิสกีท้ ี่ดีตามต้องการ ขั้นตอนที่ 5 การบม่ เปน็ ขัน้ ตอนท่ีนาวิสก้ีท่ไี ดม้ าทาการบ่มในถงั ไม้โอ๊ก เพอื่ ใหไ้ ดว้ สิ กที้ ม่ี ีรสชาติดีข้นึ
วิธีการอ่านฉลากของเหลา้ 1.ชือ่ เหล้า 2.ประเภทของเหล้า 3.ประเทศผู้ผลิต 4.ชอื่ ทีอ่ ยูข่ องผูน้ าเขา้ มาจาหนา่ ย 5.ปรมิ าณบรรจุ 6.ปริมาณแอลกอฮอล์ 7.ปีทีผ่ ลติ 8.เขตควบคมุ คณุ ภาพ 9.สถานที่บรรจุขวด 10.คณุ ภาพ 11.ผู้ส่งออกและที่อยู่
แกว้ มาร์ตินี่ (Martini glass) แก้วมาร์ตนิ ี่ ปัจจุบันนาแกว้ มารต์ ินมี่ าใส่เหลา้ คอ็ กเทลและเหล้าเพยี วๆ(Straight up)อย่างแพรห่ ลาย ด้วยการออกแบบให้มีกา้ นทรงยาว และมตี ัวแก้วไว้ใสเ่ หล้า แก้วมาร์ตินีน่ า่ จะไดม้ ีการเตรียมไว้ สองขนาดคอื แบบ Single martini ขนาดความจุ 2-3 ออนซ์ สาหรับใสเ่ หล้าตัวเดยี ว และ แบบ Double martini ขนาดความจุ 3-4 ออนซ์ สามารถใส่เหลา้ ตัวถงึ 2-3 ตัว แกว้ บร่ันดี (Brandy) นิยมใชใ้ ส่บรั่นดหี รือเหล้าตวั เดียวเพยี วๆ ที่เน้นดว้ ยกล่นิ หอม แก้วบร่ันดีนี้ ถูกออกแบบมา ให้ถือดว้ ยฝา่ มอื เพราะต้องการใหม้ ีการถา่ ย อุณหภมู คิ วามร้อนจากตัวเราไปสแู่ ก้ว เมื่อนา้ เหล้าในแกว้ อุ่นขึ้น ก็จะส่งกลน่ิ หอมพวยพุ่งออกมา
แกว้ ลเิ คยี ว / คอร์เดียล (Liqueur / Cordial glass) มคี วามจุ 1- 2 ออนซ์ สามารถใสเ่ หล้าไดเ้ พียง 1-2 ตวั เทา่ นน้ั สว่ นมากจะเป็นเหล้าลเิ คียว เพ่อื ไวส้ าหรับด่ืมหลงั หรือก่อนอาหาร แตก่ ็มีค็อกเทลบางตัวทต่ี ้องใส่แกว้ ลเิ คยี ว คอื Rainbow, B-52 และการด่มื แบบ Straight-up ท่วั ๆไป แกว้ ร็อค / โอลด์แฟชนั่ แก้วลเิ คียว แก้วรอ็ ค / โอลดแ์ ฟชนั่ (Rock / Old Fashioned glass) หลายคนเรยี กว่าเป็นแก้วทรงมู่ทู่ สไตล์โบราณๆ แกว้ ชนิดน้ีนยิ มใสน่ า้ แขง็ ก้อน แลว้ ราดดว้ ยเหล้าตัวเดียวหรอื 2 ตัว ลงไป ในสไตล์ on the rock ค็อกเทลทีน่ ยิ ม ใช้
แกว้ ไฮบอล (Hi-ball / Highball glass) เป็นแกว้ ทรงสงู ทมี่ ีรูปทรงมาตรฐาน ใชไ้ ด้ในทกุ ที่ทกุ แห่ง นา่ จะเปน็ แกว้ ทเ่ี รยี กไดว้ ่า Universal Glass เลยทเี ดียว มีความจุอยู่ท่ีประมาณ 8-10 ออนซ์ เครื่องดมื่ ผสมทใี่ ช้แกว้ ชนดิ น้ี กเ็ ช่น Bloody Mary, Tequila Sunrise ฯ แกว้ ไฮบอล แกว้ เปก๊ หรอื แกว้ ช๊อต แก้วเป๊กหรอื แก้วชอ๊ ต (Shot glass) เป็นแกว้ ทค่ี อเหลา้ คอทองแดงชอบยกกนั ทลี ะกรบ๊ึ สอ งกรบึ๊ มีความจุประมาณ 1/2 ออนซ์ หรือไม่เกนิ 2 ออนซ์ เหลา้ ท่ใี ช้แกว้ น้ี ส่วนมากจะมดี ีกรี แรง และไม่ค่อยแชเ่ ยน็ บางคร้ังยังนาไปเป็นแกว้ ตวงเชน่ เดียวกบั \"จ๊ิกเกอร\"์ (Jigger) สาหรับ ผสมคอ็ กเทลกไ็ ด้
MENU เครื่องด่มื ที่ใหบ้ รกิ ารในรา้ น
ประวัติความเปน็ มา “เบียร์” หลักฐานบอกวา่ การผลติ เบยี รม์ ีมาเป็นเวลานานเกอื บ 5,000 ปี บนั ทกึ แควน้ เมโสโปเตเมีย ราว 2,800 ปกี ่อนครสิ ต์ศกั ราชพูดถึง การแบง่ ปันเบยี ร์ให้ผู้ใชแ้ รงงาน สมยั อยี ิปตโ์ บราณก็พบว่ามีการ ผลิตเบียร์และนยิ มดื่มเบียรอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง มภี าพเขียนและภาพ สลักบนแผน่ หินเปน็ หลกั ฐาน
ประเภทของ ”เบยี ร์” เบยี ร์ (Beer) เปน็ เครอื่ งดม่ื ยอดนิยมของคนหลายๆ ประเทศเลยทีเดยี ว เราสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ เอล (Ale) ลา เกอร์ (Lager) และเบยี ร์ลัมบคิ (Lambic) ซงึ่ เบียรท์ ัง้ สามชนดิ นี้ ถูกแบง่ ตาม ระดบั อณุ หภูมิ และ ยสี ต์ ท่ใี ช้ในการผลติ เบยี ร์ แตล่ ะประเภทจะแยกย่อยออกเปน็ สไตล์ ดงั นี้
1.ประเภทของเบียรเ์ อล (ALE BEER) เบยี รเ์ อล (ALE BEER) ผลติ โดยใชอ้ ณุ หภูมิอยทู่ ี่ 18- 24 องศา เซลเซยี ส และหมกั แบบ Top-Fermenting Yeast คือการที่ยสี ต์ จะ ลอยอยทู่ ผี่ วิ หนา้ ของเบียรเ์ มอื่ เสร็จสนิ้ กระบวนการหมกั ความโดดเด่น ของเบยี ร์เอลนน้ั อย่ทู ่รี สชาตคิ อ่ นไปทางหวาน, มีสีหลากหลาย ตง้ั แต่ ทองสว่าง จนถงึ สีน้าตาล โดยแตกตา่ งกันไปตามเมลด็ ขา้ วที่นามาใชใ้ น กระบวนการผลิต และแบ่งแยกย่อยลงไปไดอ้ ีก ดังนี้
WHEAT BEER (วที เบยี ร)์ / WEISSBIER (ไวซ์เบยี ร)์ / HEFEWEIZEN (เฮเฟอไวเซน็ ) เป็นเบียร์ทโ่ี ดดเด่นดว้ ยสีเหลืองสว่าง และรสสมั ผสั ทส่ี ดช่นื เหมาะจะด่มื คกู่ บั อาหารทะเล, เนอื้ ไก,่ หมู, สลัด หรอื ชสี เนอ้ื นมุ่ กไ็ ด้เช่นกนั
เพลเอล (Pale Ale) เพลเอล (Pale Ale) มเี อกลกั ษณแ์ สนสะดุด ตาด้วยสสี ว่าง ใหร้ สสัมผัสของ ขา้ วมอลต์ (Malt) และ ฮอปส์(Hops) ที่หนักแน่น ควร ดืม่ ค่กู ับ ปลา, อาหารทะเล, เชดดา้ ชีส (Cheddar Cheese ) และเนอ้ื เปน็ ต้น
อนิ เดยี เพลเอล (INDIA PALE ALE) อินเดียเพลเอล (INDIA PALE ALE) หรอื ไอพเี อ (IPA) เป็นเบยี ร์ทแ่ี ตกออกมา จาก เพลเอล(Pale Ale )อีกทหี น่ึง เปน็ เบยี ร์ทใ่ี หส้ ที องสว่าง จนถงึ เขม้ และดว้ ย รสที่เนน้ ฮอปส์ (Hops ) จึงมีรสติดขมท่ี ปลายลนิ้ อีกด้วย ควรด่มื คูก่ ับ เนื้อ และ ปลา เป็นต้น
อมั เบอรเ์ อล (Amber Ale) อัมเบอรเ์ อล (Amber Ale ) มตี น้ กาเนดิ มา จาก ประเทศเบลเยย่ี ม (Belgium) และถูก เรยี กว่า \"Amber\" หรอื \"อัมพัน\" จากสี นา้ ตาลสวยคล้ายกับอัมพัน มรี สชาตคิ อ่ นไป ทางหวาน จากการใสข่ า้ วมอลต์ ทีค่ อ่ นขา้ ง เยอะลงไปในการผลิต สามารถดื่มคู่กบั เน้อื หม,ู ปลา และบลูชสี ได้
สเตาท์ (Stout) เป็นเบียรท์ ่นี าขา้ วมอลต์ หรือ ขา้ วบาเลย์ มาคัว่ ก่อนท่จี ะนาไปหมัก และผสม Hops (ฮอปส์) เพยี งเล็กน้อย จงึ ใหร้ สชาติทค่ี ่อนข้าง หวาน และใหก้ ลิ่นคลา้ ยชอ็ กโกแลต, เมล็ดกาแฟ ค่วั หรือข้าวโอต๊ เบียร์สเตาท์ (Stout Beer ) จึง เขา้ ไดด้ กี บั เน้ือท่ีผา่ นการย่าง เช่น บารบ์ ีควิ , เบอร์เกอร์ รวมถึง ชอ็ กโกแลต อกี ดว้ ย
พอร์เตอร์ (Porter) Porter (พอรเ์ ตอร)์ ผลติ ข้นึ จาก Malt (ขา้ ว มอลต)์ ที่ผ่านการคั่ว และอบ ดว้ ยความรอ้ น ท่ีสูงกว่า Stout Beer (เบยี ร์สเตาท)์ จึงให้รส สมั ผสั ทห่ี นกั แนน่ แตใ่ นขณะเดยี วกนั กม็ ี ความสดชน่ื , สดใส อกี ดว้ ย เหมาะกบั การ จบั คกู่ บั อาหารหนัก ๆ เชน่ เน้อื แดง, ชอ็ กโกแลต และชีสเนือ้ แข็ง
2.ชนดิ ของ เบยี รล์ าเกอร์ (LAGER BEER ) เบียรล์ าเกอร์ (LAGER BEER ) ผลติ โดยใช้อุณหภูมิอยทู่ ี่ 7- 12 องศาเซลเซียส (ตา่ กว่าเบยี รเ์ อล) หมักแบบ Bottom- Fermenting Yeast หรือยีสต์ท่ีจมอยูท่ ก่ี ้นภาชนะ เมอื่ เสร็จสิ้นการหมัก น่ันเอง เบียรล์ าเกอรม์ คี าแรคเตอร์ทสี่ ด ช่นื , สะอาด และน่มุ นวล โดยจะแยกยอ่ ยลงไปอีก ดังนี้
เพลลาเกอร(์ PALE LAGER ) เพลลาเกอร์(PALE LAGER ) และ พิลสเ์ นอร์ (PILSNER) เปน็ เบียรย์ อด นยิ มของคอเบียรท์ วั่ โลกเลยกว็ า่ ได้ มกั จะ ใหส้ ีท่สี วา่ งสดใส, สัมผัสรสของขา้ วมอลต์ หนกั แน่น และสดช่นื , ฟองละเอียด และ แอลกอฮฮลส์ ูง สามารถดมื่ คู่กบั เนอ้ื ปลา, อาหารรสเผด็ , เช่นอาหารเอเชยี เป็นต้น
เบยี ร์บ็อค (Bock Beer ) เบียร์บ็อค (Bock Beer ) เป็นเบยี รม์ ตี ้นกาเนดิ จากประเทศเยอรมนี, ให้สเี ขม้ , โดดเดน่ ด้วยกลนิ่ และรสชาตขิ อง Malt (มอลต์) และ Hops (ฮอปส)์ ควรดมื่ คู่ กบั เน้ือวัว เนอ้ื หมู แฮม เป็นตน้
ดุงเคล (Dunkel) ดงุ เคล (Dunkel) เป็น Lager Beer (เบียร์ ลาเกอร์) ทมี่ ีตน้ กาเนดิ จากประเทศเยอรมนี เชน่ เดียวกัน, มสี ีเข้ม, มีปริมาณแอลกอฮอล์ สงู , มักจะให้รสของชอ็ กโกแลต, กาแฟ และ ชะเอม ควรด่มื คกู่ ับ เนื้อวัว, ผกั และชสี ที่มี รสเผ็ด เปน็ ตน้
3.ชนิดของ เบยี รล์ ัมบคิ (LAMBIC BEER ) เบยี ร์ลมั บคิ (LAMBIC BEER ) ผลติ จากยีสต์ชนิดพิเศษ มีตน้ กาเนิดมาจากประเทศเบลเยย่ี ม และในปจั จบุ นั กลายเป็นที่ นยิ มไปทวั่ โลก มักจะมีรสชาตเิ ปร้ยี วสดชืน่ วธิ ีการ ผลติ Lambic Beer (เบียรล์ มั บิค) ตามประเพณีดงั้ เดิม คอื ผลิตในชว่ งฤดหู นาว ตง้ั แต่สิงหาคม จนถึงเมษายน โดยการ บม่ ในถงั ไมอ้ กี หลายปกี อ่ นจะสามารถนามาดื่มได้
FRUIT LAMBIC FRUIT BEER (เบียร์ผลไม)้ หรอื KRIEK BEER (ครีคเบียร)์ มกั จะมีการเตมิ Morello Cherry (เชอร์ร่ี โมเรลโล) รสเปรี้ยว เขา้ ไปในการผลติ เพอื่ เพิ่มกลิน่ และรสอนั เปน็ เอกลกั ษณ์ มกั จะ ให้คาแรคเตอร์เข้มขน้ ผลไม้ สดใส สดชน่ื สามารถดื่มคกู่ ับ ผลไม้, ชอ็ กโกแลต, และชีส เน้อื นุ่ม ได้เปน็ อย่างดี
วิธีผลติ เบียร์ 5. การหมกั ช่วงสุดท้าย จะบง่ บอกถึงอายขุ องเบยี ร์ ผผู้ ลติ หลายรายจะถ่ายเบยี รอ์ อกจากถงั หมักแรก และ 3. กานราตม้มาหนมาักขตอ่ งในเหอลกี วถทังห่กี นรอึง่ งเมบายี บรเ์รอรลจจลุ ะงมในีระหยมะอ้เวทลอางกแาดรหงขมนกั สาดามใหสัปญด่ซาึ่งหเร์ ยี ในกขว่าณะCทoี่เpบpียeร์ลr าเตก้มอร์จะใช้เวลา 1. •แขย4งกแบสีอล.อลาตะงากกเรรเะ์เาล7บ3อ6หคพท์เแครา0..อลรลรอ่ืกหลาเารกกอ่ืยวกกใาวร้วมจปไงาหม์อันรา์โปกัุใปรรบบรจา้ขสหเกกระ์ยแัดรหไรา้่ใรงุารมนฮสีชารสวือลรรอาตเจกถง่ว่นสมังกดงณอจ์งัุน็จจชา้ารขระกหาะทกอไาขต้นั4เวกนตลกง่ีเวก5จขตปป้ตเิองัวดาิบาอ้า็นจม้ร่าถ่ืนมกกวยีนหานะเงึๆาาสบเรกสรมน้ัา้อมร9จ์รเาอืุดตาหบบลพ็จ0ะรรทณามกแ็ดยีทใะเ์มิ่ลน้าลหกัลรรขยาเแยา4ขยท์ะแ้ท้วใะา้ ลใทห0้าปน์เห่ีหวเีอ่นะปวไีร้๋อาุณมกง้ปชทลส็นโงเักาดวั่าาหพชว่เกรมทใโมยาภนื่อแหามีอีใ่ขตลมูผรลใมช้สงาน้ึิเด็หตสิป้วบใ้กัย่วอธม้นจม้หรนุพเยีหยญับงึทะกมยผรอลขูก่มียาาา์คสุดพเงันับรใทราหงมงจชืหหสก์ณชทามอกาทเ้่ง็คมใน่ีาบกลกหอนี่1ือกัดิะียานอ้เ0กจยิขยยรจแก้นัะาอมเ็นม์อะนลปรแกงใีรลงถบว้ับตเ็นช็นสศงบูกจรกต้ใแแชาานยีรนงึต้ังอเอลาจรซนาแก่าตละอท์ุลมลตางาิดกถกงา่ีตกเข่รอขี่าซใรมกอ้ัน้าหนยนึ้ฮียม่ิรางวอลมภอสแอกแกนองกัลาลรงาผบั้กนชเ์ะเะรแ่ไอบไรมนบหเวลปาปรยีะาห้วมะวจน็บรเนใกััตาุ้ใพชก์นดกวถอ่ื้เาเนัาถเุไวใรใรพมรนังลเหฆาทมหพ่ื่อชาข้จา่ าอื่มปใว่ึงนเะใหปชงขักรหนสท้ือ้เะร้า้ข่งกาะตี่มไวจไ้าขปิดสม้ดเาาวรา้แใงณง้กกงนิ่มวคา่ป็เอนตตย์แ3ง้กั้นัวขมิล0จจด้ึนใะนงึบวว้ยเกันยฮตสีโร็อดติมะพยท์ ททเี่ ่ังหว่ับลไรปอื รอจาุ จ 2. ก•ารเบอใสดลภ่ยนาสี ชาตขน์จา้ะวเกบปดิากกรต์เาลิจระยหใง์มชอกัเ้ กวทลม่อี าาุณโบดหรยภรเฉจมู ลลุริ ่ยีะงหใ6นว0เา่ คงวรนั 1ือ่ 5งขบถ้ึนดงึ อข2ยน0ู่กาับอดชงใศนหาดิ ญเขซ่อลเตงเซเมิ บยี นยีส้ารรท์ แ้อ่ีจลนะะผลใลชงไิตเ้ วปแลเลพาะปือ่ วรทิธะกีามาใาหรณห้ มสากั ม คารสโ์ บปั ไดฮาเหด์ รตท่ีไดจ้ ากขน้ั ตอนแรกแตกตัวออกเป็นน้าตาล ผลที่ไดจ้ ากการบดนค้ี อื ส่วนผสม ของเหลวทม่ี รี สหวาน เรยี กวา่ เวริ ์ท (Wort)
วิธีการอ่านฉลากของเครือ่ งดม่ื 1.ชือ่ เบียร์ 2.ประเภทของเบยี ร์ 3.ประเทศผ้ผู ลิต 4.ชอ่ื ทอี่ ยูข่ องผูน้ าเขา้ มาจาหนา่ ย 5.ปริมาณบรรจุ 6.ปรมิ าณแอลกอฮอล์ 7.ปที ่ผี ลิต
อุปกรณ์ที่ใช้ทา 1.หม้อต้ม ตอ้ งใชห้ ม้อตม้ 1 ใบ ขนาดเท่าไรกไ็ ด้ตามความตอ้ งการ หรอื สตู รเบียรท์ ต่ี ้องการทา ทสี่ าคัญคอื หม้อ จะตอ้ งปลอดสารตะกว่ั 2.ผา้ ขาวบาง 2 ผืน 3.ไม้พาย สาหรับคนข้าว 4.เทอรโ์ มมิเตออร์ (Thermometer) ใชว้ ดั อุณหภูมนิ ้าตามสตู รเบียร์ 5.ถังหมักเบียร์ 1 ใบ ใชส้ าหรบั หมัก (Fermentation) 6.ชุดถ่ายเคร่อื งด่มื 1 ชดุ (Siphon) ใช้ถา่ ยเบียร์ลงถงั หมัก 7.เครื่องวัดปรมิ าณนา้ ตาล Og/Sg (Brix Refractometer) ใช้เพื่อวัดปริมาณน้าตาลในน้า เวอรต์ (Wort) เพอ่ื คานวณ ปริมาณแอลกอฮอล์ทจี่ ะได้หลังจากการหมัก 8.แอรล์ ็อก (Air lock) และ ลูกยาง (Grommet) ใชร้ ่วมกันเพื่อปอ้ งกันอากาศเขา้ และเปน็ ช่องทางใหย้ สี ได้ระบาย Co2
เป็นแก้วเบยี รท์ ม่ี ลี กั ษณะสงู โปร่งบาง ซ่งึ จริงๆ กจ็ ะมีไซส์ และรปู แบบท่หี ลากหลายอยู่เหมอื นกัน ทงั้ น้ี ลักษณะกค็ ือจะเนน้ ความสงู และเพรยี วของตัวแกว้ และเปน็ แกว้ ที่นักดม่ื เบียรใ์ นประเทศกลุม่ ยุโรปและ อเมริกนั นยิ มใชด้ ื่ม และ Pilsner เหมาะกบั เบียร์หลากหลายประเภทไม่ว่าจะเปน็ Light Beer,Lager, American Pale Ale และอีกมากมาย อย่างไรก็ดกี ารใชส้ ่วนใหญก่ ็จะเนน้ ไปท่ี Lager น่ังเอง แก้วเบียร์ Snitfer หรือทีบ่ างคนอาจเรยี กวา่ แก้ว Balloon ซ่ึงเปน็ แก้วที่หลายครงั้ หลายหนเราก็จะ เห็นเขาใช้กับการด่มื บรน่ั ดี หรือคอนยคั ด้วยเชน่ กัน โดยจดุ เร่มิ ตน้ ของการใช้แกว้ เบยี ร์ประเภทน้ี เริ่มตน้ ขึ้นและเป็นท่นี ยิ มในประเทศเบลเยย่ี ม และเป็นแกว้ ท่เี หมาะกบั การทา Stir เบียรใ์ หไ้ ดก้ นิ อ โรม่าจากตวั เบียรม์ ันเอง ดังนัน้ เหมาะกบั เบียร์ทมี่ รี สแรงอย่างเช่น Belgian ales และ Double IPAs เป็นต้น
น่ีเป็นแก้วเบยี ร์อีกหนึ่งแบบท่เี ราเหน็ ไดท้ ัว่ ไป และกม็ ีลกั ษณะใกลเ้ คียงกับแกว้ เบยี ร์ แก้วเบยี ร์ ไวซเ์ ซน่ Plisner แต่จะมีความต่างตรงความอว้ นทป่ี ากแกว้ ซง่ึ ปากแก้วของมนั ช่วยทาให้เกิดฟอง (Weizen) หนาน่มุ สรา้ งกล่ินของ wheat beer เพม่ิ อรรถรสใหก้ บั การดื่ม ดงั นัน้ มันจึงเหมาะกบั เบยี ร์ Weizenbock, Kristalweizen, Dunkelweizen Hefeweizen, และพวก wheat ale เปน็ ต้น แกว้ เบียร์มคั Mug เป็นแก้วยอดนิยมอกี หนงึ่ ประเภทท่ีเห็นกนั บอ่ ยในบ้านเรา เพราะใช้งานง่าย จบั ถือ (Mug) สะดวกสบาย อีกทงั้ นงั เหมาะกบั เบียร์หลากหลายประเภท จงึ ไมแ่ ปลกที่จะใช้งานกนั อย่าง แพร่หลายในหลายประเทศไมว่ า่ จะเป็นในกลมุ่ ยโุ รป เยอรมนั องั กฤษ และอเมริกา เพราะ ความหนาของตวั แก้วจะช่วยรักษาความเย็นของตวั แก้ว และการทมี่ นั มีด้ามจบั ทาให้เราไม่ ต้องใช้มืออนุ่ ๆ ในการจบั แก้ว ทาให้สามารถรักษาอณุ หภมู ิเพม่ิ ไปอีก โดยเหมาะใช้กบั เบยี ร์ ประเภท German Lagers, American Lagers และ English Ales
แกว้ Tulip เป็นอีกแบบหนึ่งท่ีดสู วยงามและเรียบหรู นอกจากรูปทรงทสี่ วยงามแล้ว ตัวแก้วนน้ั ยัง สามารถช่วยขับกลิน่ ของ Hop และ Malt ในเบียรอ์ อกมา ทาใหม้ ีลักษณะคลา้ ยคลึงกบั Goblet และ Snitfer มากเลยทีเดยี ว แกว้ Tulip นน้ั เหมาะกับเบยี รเ์ ขม้ ๆ อย่าง Double / Imperial IPA, Belgian Strong Dark Ale นน่ั เอง แก้วเบียร์ โกเบล็ด Goblet จะเป็นแก้วทเี่ ราจะไดเ้ ห็นสีสนั และเฉดสีของเบียร์ทแ่ี ลดสู วยงามและอ่มิ เอิบ ซึ่งมีการออกแบบ (Goblet) ทที่ าให้ฟองของเบียรไ์ ดค้ วามหนาท่พี อดี ไมเ่ ยอะ ไมน่ ้อยจนเกนิ ไป โดยเฉพาะเมอื่ ทาการรินเบยี ร์อยา่ ง ถกู ต้อง โดยตวั แก้วจะมีลกั ษณะใหญ่เหมอื นชาม ดงั น้ันจงึ เหมาะกบั เบยี ร์ประเภท Imperial IPA or Stout, Belgian ale, Belgian IPA และ German Bocks
MENU เครื่องด่มื ที่ใหบ้ รกิ ารในรา้ น
ประวตั ิความเปน็ มา “สาเก” สาเกเปน็ เครอื่ งดม่ื ประจาชาตขิ องชาวญปี่ ุ่นมานานหลายศตวรรษ ไม่ทราบ แนช่ ดั ว่ามีต้นกาเนดิ จากไหน หรือเม่อื ไร แต่สันนิษฐานวา่ ชาวญีป่ ุ่นรับเอาวธิ กี าร หมกั สุราดว้ ยข้าวมอลตจ์ ากประเทศจนี เมื่อหลายพันปีมาแลว้ ในยคุ อาสกึ ะ สาเกที่หมกั จากขา้ ว, น้า และมอลตเ์ ปน็ เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ ท่ีไดร้ ับความนยิ มมาก ในสมัยเฮอนั สาเกเร่มิ ถูกใช้ประกอบในพธิ ีทางศาสนา และ ผู้คนก็เริ่มดืม่ สาเกกนั บอ่ ยขน้ึ ในช่วงแรกโรงผลิตเหลา้ อยู่ในการดูแลของรัฐบาลเปน็ เวลานาน แต่ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 10 ตามวดั และศาลเจา้ กเ็ ร่ิมหมกั เหลา้ กนั เอง และ ก็กลายเป็นสถานท่หี ลกั ในการหมักสาเกเปน็ ระยะเวลานานถงึ 500 ปี
ประเภทของ “สาเก”
1.จนุ ไม (JUNMAI) จนุ ไม (JUNMAI) เป็นสาเกบริสทุ ธ์ิ ไมไ่ ด้ผสมนา้ ตาล หรอื แอลกอฮอลเ์ พม่ิ รสชาตเิ ขม้ ขน้ กลน่ิ ไมฉ่ ุนมาก คนญีป่ ุ่นจะนิยมเสิรฟ์ แบบรอ้ น ที่อณุ หภมู ิประมาณ 38 C เพราะทาใหด้ ม่ื ง่ายขึ้น แต่ไม่ควร อุน่ สาเกด้วยไมโครเวฟ หรือต้ม เพราะจะทาใหส้ าเกเสีย รสชาตไิ ป
ฮอนโจโซ (Honjozo) เป็นสาเกที่มกี ารผสมแอลกอฮอลเ์ พม่ิ จึงมรี สชาตินมุ่ ละมุน และมีรสสัมผสั มากกวา่ จนุ ไม ควรเสิร์ฟ ในอุณหภูมหิ ้องประมาณ 25 C หรือแคพ่ ออนุ่ เพราะอุณหภมู ิ ไมม่ ผี ลตอ่ รสชาตเิ ทา่ ใดนกั
3.กินโจ (Ginjo) กินโจ (Ginjo) เปน็ สาเกที่ผู้ผลติ ชาวญ่ีปุ่น ทาการบด ขัด เม็ดข้าวมากขนึ้ เพิม่ ยีสต์ หมกั ในอุณหภมู ิต่า และใช้ เทคนคิ พเิ ศษ กินโจจงึ เปน็ สาเกทีม่ ีรสชาตเิ ดน่ ทส่ี ดุ หวานลก็ นอ้ ย ออ่ น น่มุ ละมุน สว่ นใหญเ่ สิร์ฟแบบเย็น แต่ ไมค่ วรเยน็ จดั เพราะจะทาใหเ้ สียรส
4.ไดกนิ โจ (Daiginjo) ไดกนิ โจ (Daiginjo) เปน็ สาเกทีข่ ัดกรองเม็ดขา้ วออก มากกวา่ สาเกกินโจถงึ 50-65% จงึ มรี สชาติและรสสมั ผัสที่เขม้ ขน้ เหมาะ กับการเสิรฟ์ เย็น
วิธผี ลิตสาเก 1.ขัน้ ตอนแรกในการทาเหลา้ สาเก คือ การสีขา้ วเพ่ือเอาผิวชัน้ นอกของเม็ดข้าวออกให้ เหลือแต่เน้ือในท่เี ต4ม็ .ไหปลดัง้วจยาแกปนง้ น้ั กกอ่็จะนใทสจ่ี ่นะา้ นแาลขะา้ วยทีส่ีสตแีท์ ลีไ่ ดว้ ม้จาากหกมากั รเใพนากะาลรงทไาปเผหสลมา้ สหามเกกั ใตหอ่ ้อเอปก็นมราะยะเวลา มคี ณุ ภาพทีด่ ี ข้าวจะ2ต-3้องสถปั กู ดนาาหม์ ากสรีจะนบเวหนลกือาร7ห0ม%ัก-ใ5น0ล%ักษนณ่ันะหนม้ทีายาใคหว้เาหมลวา้ า่ สราาเวกๆมปี30ร%มิ าณ– แ5อ0ล%กอฮอลท์ ่ี ของเมลด็ ขา้ วจะถกู สขูงดั กสวีอ่าอเคกรไ่ือปงแอลกอฮอลช์ นิดอ่นื ๆ อยา่ งเชน่ เบียร์ โดยไมต่ ้องผา่ นกระบวนการกลั่น 2.ข้าวทีส่ ีแลว้ จะ5ถ.หกู ลนงั าจมาากลก้ารงะแบชว่นน้ากทา้ิงรไหวม้ แกั ลเสะรท็จาสใหนิ้ ข้แา้ลวว้ สสกุ ว่โดนยผกสามรทใีห่ส่ใมนักหจมะ้อถนกู ึ่งนามาเขา้ สู่ 3.ตอ่ มาก็จะเข้าส่ขู ้นั ตอนกากรหระมบักวโนดกยาจระกมรกีอางรเพเตอื่ ิมสเกชดั้ืออราอชกนมดิาหเปน็นงึ่ เลหงลไปา้ สเพาเ่อื กชว่ ยใน กระบวนการหมักข้าว6เป.หน็ ลเวงั จลาาก5น-้ัน7 วเหนั ลา้ สาเกที่กรองแลว้ จะถูกนามาบ่มเป็นระยะเวลา 9-12 เดอื น กอ่ นนามาบรรจขุ วด และพร้อมสาหรบั การบริโภค
วธิ กี ารอา่ นฉลากของสาเก
อุปกรณ์ที่ใช้ทา 1. อลมู เิ นยี มไวส้ าหรับหวดขา้ ว 2. ผา้ ขาวบาง 3. ชามคลุกผสม 4. ภาชนะหมัก อาทิ ไห หมอ้ ดินเผา ถงั น้าชนดิ มฝี าปิด หรอื กระตกิ นา้
Search