Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 2 เซลล์ไฟฟ้า

หน่วยที่ 2 เซลล์ไฟฟ้า

Published by sarojnuang, 2018-05-13 02:12:41

Description: หน่วยที่ 2 เซลล์ไฟฟ้า

Search

Read the Text Version

กระแสไฟฟา้( Electric Current )

ความรเู้ ก่ยี วกบั ประจุไฟฟา้ ( Electric Charge) ประจุไฟฟ้า คือ สิ่งที่แสดงอานาจไฟฟา้ มี 2 ชนดิ 1. ประจุบวก ( +) 2. ประจลุ บ ( - )

จาแนกชนิดของวัตถุ โดยพจิ ารณาจากประจไุ ฟฟ้า1. วตั ถทุ ีเ่ ปน็ กลางทางไฟฟ้า คือ วตั ถุท่ไี มแ่ สดงอานาจไฟฟ้า เนอื่ งจากมีจานวนประจบุ วกเท่ากับประจลุ บ2. วัตถุทแ่ี สดงอานาจทางไฟฟา้ คอื วตั ถุที่สามารถดงึ ดูดวตั ถุใดๆได้ เพราะมีจานวนประจุบวกกบั ประจุลบไม่เทา่ กนั ถา้ วัตถนุ ั้นมจี านวนประจบุ วก > ประจลุ บ วัตถนุ ้นั จะแสดงอานาจไฟฟา้ บวก ถ้าวัตถนุ นั้ มีจานวนประจุลบ > ประจุบวก วตั ถุนน้ั จะแสดงอานาจไฟฟ้าลบ

สมบัตขิ องประจุไฟฟ้าถ้าประจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดียวกนั จะ ผลกั กนัถ้าประจุไฟฟา้ ต่างกนั จะ ดูดกนั

กระแสไฟฟ้า ( Electric Current ) คอื ปริมาณประจไุ ฟฟ้าทีเ่ คลอ่ื นที่ผา่ นพ้ืนท่ี ตัดขวางของตัวนาจากจุดหน่งึ ไปยังอกี จุดหนงึ่ ใน 1 หน่วยเวลาเกดิ จาก การไหลของประจไุ ฟฟา้ อย่างต่อเนือ่ ง

ชนิดของกระแสไฟฟ้า มี 2 ชนดิ1. ไฟฟา้ กระแสตรง ( Direct Current ; D.C ) คอื กระแสไฟฟา้ ทีไ่ หลในทิศทางเดยี ว ไม่มกี ารสลบั ขัว้ เชน่กระแสไฟฟ้าท่ีไดจ้ ากถ่านไฟฉาย แบตเตอรร่ี ถยนต์2. ไฟฟา้ กระแสสลับ ( Alternating Current ; A.C ) คือ กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลวนสลบั ทางไปมาอยตู่ ลอดเวลา เชน่กระแสไฟฟา้ ในตามบ้านเรือน

การผลิตกระแสไฟฟ้า มี 2 วิธี เซลล์ไฟฟ้าเคมีกระแสไฟฟ้าจากการเหนี่ยวนา

1. เซลลไ์ ฟฟา้ เคมี คือ อุปกรณท์ ่ีทาหนา้ ทผ่ี ลิตกระแสไฟฟ้าจากการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี เป็นการเปลยี่ น พลังงานจากปฏกิ ริ ยิ าเคมี ใหเ้ ป็น ไฟฟ้า

สว่ นประกอบของเซลลไ์ ฟฟา้ เคมี 1.1 แผน่ โลหะท่ีตา่ งกนั 2 ชนดิ ทาหน้าทีเ่ ป็นข้วั ไฟฟ้า ขั้วบวกและขัว้ ลบ 1.2 อเิ ลก็ โทรไลต์ (eletrolyte) สารละลายทีน่ าไฟฟา้ จะมไี อออนบวกและไอออนลบโดยจะจ่มุ แผ่นโลหะทั้ง 2 ชนดิ ลงในสารละลายทน่ี าไฟฟา้ ได้

2.หลกั การของเซลล์ไฟฟ้าเคมี มขี ั้นตอนดงั น้ี 1. เมือ่ จ่มุ แผ่นโลหะทัง้ 2 ชนดิ ท่ตี า่ งกนั ลงในสารละลาย จะสามารถแตกตวั ให้ไอออนบวกและไอออนลบได้ 2. โลหะท่ีตา่ งกันจะแตกตัวให้อิเล็กตรอนได้ต่างกันโลหะทแี่ ตกตัวให้อเิ ลก็ ตรอนได้ดีกวา่ จะมีศักยไ์ ฟฟา้ ต่า เรยี กว่า ข้ัวลบโลหะที่เสยี อเิ ล็กตรอนไดย้ ากกวา่ จะมศี กั ย์ไฟฟา้ สงู เรียกว่า ขว้ั บวก 3. อเิ ลก็ ตรอนจะไหลจากขั้วทีม่ ีศกั ยไ์ ฟฟ้าตา่ ไปยงั ขว้ั ทมี่ ศี ักยไ์ ฟฟ้าสูง กระแสไฟฟ้าจะไหลจากข้ัวท่ีมีศกั ย์ไฟฟ้าสูงไปยงั ขั้วทมี่ ศี กั ย์ไฟฟา้ ตา่ 4. กระแสไฟฟา้ จะไหลจนกระท้ังศกั ยไ์ ฟฟา้ ทขี่ วั้ ทงั้ สองเท่ากนั จึงจะหยดุไหล แสดงวา่ ไฟหมด

ตวั อย่างเซลล์ไฟฟ้าในชวี ติ ประจาวัน 1.เซลล์ปฐมภมู ิ เปน็ เซลล์ที่เมอ่ื ใช้ไฟแล้วไมส่ ามารถประจไุ ฟ เพ่อื นากลบั มาใช้ใหมไ่ ด้ เช่น เซลล์ถ่านไฟฉาย เซลล์แอลคาไลน์

2.เซลล์ทุติยภมู ิ เป็นเซลล์สะสมไฟฟ้าที่เมอื่ ใช้ไฟหมดแลว้ สามารถประจไุ ฟเพอื่ นา กลบั มาใช้ ใหมไ่ ด้ เช่น แบตเตอรี่

2. กระแสไฟฟา้ จากการเหน่ียวนา1.2 กระแสไฟฟ้าจากการเหนย่ี วนา กระแสไฟฟ้าจากการเหน่ียวนาเกดิ จากตัวนาหรือขดลวดเคลือ่ นท่ี ตัดสนามแมเ่ หล็ก หรอื เม่อื สนามแม่เหล็กทผี่ ่านตัวนาเกิดการ เปล่ียนแปลง จะทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหน่ียวนา เรยี กเครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้าชนิดนี้ว่า\"ไดนาโม\" หรือ \"เคร่อื งกาเนิดไฟฟา้ \"

ไดนาโม เป็นเคร่อื งกลท่ีเปลย่ี นพลงั งานกลเปน็ พลงั งานไฟฟา้ เม่ือเคล่ือนขดลวดตัดกบั สนามแมเ่ หลก็ หรือเคลอ่ื นแมเ่ หล็กตัดกับขดลวด จะทาใหส้ นามแม่เหล็กเกดิ การเปล่ยี นแปลง จึงเกิดกระแสไฟฟ้าเหนีย่ วนาข้นึ ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าทเี่ กดิ ขนึ้ จะมากหรือนอ้ ยข้นึ อย่กู ับปัจจยั ตา่ งๆดังนี้ - จานวนรอบของขดลวด - กาลงั ข้ัวของแทง่ แมเ่ หล็ก - ความเร็วของการเคลือ่ นทขี่ องขดลวดหรอื แทง่ แมเ่ หลก็ - พ้ืนที่ของขดลวด ถ้ามพี น้ื ทมี่ ากก็จะเกิดกระแสไฟฟ้าได้มาก

ไดนาโมแบ่งเปน็ 2 ชนิด คอื 1.ไดนาโมกระแสตรง มวี งแหวนเดยี วโดยแบง่ เป็น 2 ซีกไม่ตดิ กัน แตล่ ะ ซกี ต่อกับปลายขดลวดคนละข้าง เรยี กวงแหวนนีว้ ่า “แหวนแยกหรอื คอมมิวเทเตอร”์

2. ไดนาโมกระแสสลับ มวี งแหวน 2 วง สมั ผสั อย่กู บั แปรงทต่ี ่อไปยัง วงจรภายนอก พลังงานทนี่ ามาใช้หมุนขดลวดของเครื่องกาเนดิ ไฟฟา้ มหี ลายประเภท เชน่ พลังงานความร้อนได้จากเช้อื เพลงิ เช่น นา้ มนั ถา่ นหนิ เป็นตน้พลังงานนา้ ได้จากเขื่อนก้ันนา้ เครอื่ งจกั รไอน้า



ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ คือ ความแตกตา่ งของพลังงานไฟฟ้าระหวา่ งจุดสองจุด ซ่ึงทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าข้ึน โดยกระแสไฟฟ้าจะไหลจากจุดท่ีมีระดับพลังงานไฟฟ้าสูง (ศักย์ไฟฟ้าสูง) ไปยังจุดที่มีระดับพลังงานไฟฟ้าต่ากว่า (ศกั ยไ์ ฟฟ้าตา่ ) และจะหยุดไหลเม่อื ศกั ย์ไฟฟา้ ท้ังสองจดุ เทา่ กนั ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุดสองจุดเปรียบได้กับการไหลของน้าซ่งึ จะไหลจากทสี่ ูงไปยังท่ตี า่ และจะหยดุ ไหลเมอ่ื ระดับน้าเท่ากัน



ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะไหลในตัวนาไฟฟ้า เม่ือมีความต่างศักย์เกิดขึ้นที่ขั้วของแหล่งกาเนิดไฟฟ้า ความต่างศักย์ของแหล่งกาเนิดไฟฟ้าแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน เช่น ถ่านไฟฉายมีความต่างศักย์ประมาณ 1.5 โวลต์แบตเตอร่ีรถยนต์มีความต่างศักย์ 12 โวลต์ ไฟฟ้าที่ไหลเข้าบ้าน มีความต่างศักย์ 220 โวลต์ ถ้าความต่างศักย์ มีค่ามากขึ้น แสดงว่าระดับพลังงานไฟฟ้าก็จะมากขึ้นดว้ ย

แอมมิเตอร์ (Ammeter) เป็นเครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้า หน่วยของกระแสไฟฟา้ คือ แอมแปร์ (A) แอมมิเตอร์เปน็ เครื่องมือท่ีมีความตา้ นทานน้อย มสี ัญลักษณ์ คอื แอมมิเตอร์ตอ่ อนุกรมกบั วงจร

โวลต์มิเตอร์ (Voltmeter) เป็นเครื่องมือวัดความต่างศักย์ไฟฟ้าหรือพลังงานไฟฟ้าที่ต่างกัน ระหว่างจุด 2 จุด ในวงจร โวลต์มิเตอร์มีความตา้ นทานสูง ความตา่ งศักย์มีหนว่ ยเป็นโวลต์ (V) มีสญั ลักษณ์ คือโวลต์มเิ ตอรต์ อ่ แบบขนานกบั วงจร

ความตา้ นทานไฟฟา้ (Resistance)ความต้านทานไฟฟา้ (Resistance) คอื ความสามารถของสารแต่ละชนิดท่ียอมให้กระแสไฟฟา้ ผ่านไปได้

ความต้านทานไฟฟา้ (Resistance)- ถา้ สารนัน้ มคี วามตา้ นทานน้อย กระแสไฟฟา้ จะไหลผา่ นได้ มาก เราจะเรียกสารน้นั ว่า “ตวั นาไฟฟ้า (Conductor)” เชน่ เหลก็ ทองแดง เงนิ เป็นต้น- ถา้ สารน้นั มีความต้านทานมาก กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านได้น้อยหรือผ่านไมไ่ ด้เลยเรียกสารน้นั วา่ “ฉนวนไฟฟ้า (Insulator)” เช่น ไม้ แก้ว พลาสติก เปน็ ต้น โลหะทน่ี าไฟฟา้ ไดด้ ีทีส่ ุดคือ เงิน > ทองแดง > ทอง > อะลูมิเนยี ม > แมกนเี ซียม > สงั กะสี > นกิ เกิล

ความตา้ นทานไฟฟ้า (Resistance)ความตา้ นทานไฟฟา้ เขียนแทนด้วย R มีหนว่ ยวัดเปน็ โอหม์ (Ohm)เขยี นย่อวา่ Ω และใชส้ ัญลักษณ์

ปจั จัยท่มี ีผลตอ่ ความตา้ นทาน1. ชนดิ ของลวดตัวนา โดยทวั่ ไปลวดตวั นาจะเป็นพวกโลหะ เน่ืองจากโลหะมคี วามตา้ นทานไฟฟา้ ตา่ ตวั นาตา่ งชนิดกนั ทีม่ ขี นาดเท่ากนั จะมีค่าความต้านทานไฟฟ้าแตกต่างกนั เช่น เงนิ มคี วามต้านทานไฟฟ้า นอ้ ย มากทองแดงมีความตา้ นทานไฟฟา้ มากกวา่ เงนิ แต่ราคาถูกกวา่ เงนิ ดงั นนั้สายไฟตามบา้ นจงึ ทาด้วยทองแดง

ปัจจยั ที่มีผลต่อความตา้ นทาน2. ความยาวของลวดตวั นา ลวดตัวนาทมี่ ีความยาวเพ่ิมขน้ึ ความตา้ นทานไฟฟา้ จะเพม่ิ ขึ้นดว้ ยดงั นั้น ความต้านทานไฟฟ้าจงึ เป็นสดั สว่ นโดยตรงกบั ความยาวของลวดตัวนา

ปจั จยั ท่มี ผี ลตอ่ ความตา้ นทาน

ปัจจัยทม่ี ีผลต่อความตา้ นทาน3. พ้ืนที่หน้าตัดของลวดตวั นา ถา้ ลวดตวั นามพี ้ืนท่หี น้าตัดเพม่ิ ข้ึน ความต้านทานไฟฟา้ ในขดลวดตัวนาจะลดลง น้ันคอื ความต้านทานไฟฟ้าจะเป็นสดั ส่วนผกผันหรือส่วนกลบั กบั พื้นท่ีหน้าตัดของลวดตัวนา

ปจั จยั ท่มี ผี ลตอ่ ความตา้ นทาน

ปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ความต้านทาน4. อุณหภมู ขิ องลวดตัวนา - ถา้ ลวดตวั นาทาดว้ ยโลหะบริสทุ ธ์หิ รือโลหะผสม เม่ือลวดตัวนานน้ั มีอุณหภมู เิ พ่ิมขน้ึ ความต้านทานไฟฟ้าของลวดตวั นาจะเพิม่ ขนึ้ ด้วย - ถ้าลวดตัวนาเป็นสารกึ่งตัวนา (Semiconductor) เช่น ซิลิคอนเจอร์เมเนยี ม โบรอน เมอื่ มีอณุ หภูมิสูงข้นึ ความต้านทานไฟฟ้าจะลดลง

สารกง่ึ ตัวนาเป็นสารทใ่ี นภาวะปกตินาไฟฟ้าไดด้ กี ว่าฉนวนไฟฟ้า แต่นา ไฟฟ้าได้น้อยกวา่ ตวั นาไฟฟ้า

2.4 กฎของโอหม์โอหม์ เป็นนกั ฟิสกิ ส์ชาวเยอรมนั ไดท้ ดลองศกึ ษาความต้านทานไฟฟา้ ของ ลวดตัวนาหลายๆ ชนดิ และต้ังเป็นกฎของโอห์ม โดยกล่าวไวว้ ่า “เมื่อ อุณหภูมิของตวั นำคงท่ี อตั รำสว่ นระหวำ่ งควำมต่ำงศกั ยไ์ ฟฟ้ำที่ ปลำยทง้ั สองของตัวนำต่อกำรไหลของกระแสไฟฟำ้ ในตวั นำจะ คงท่ี และเทำ่ กับควำมตำ้ นทำนของตวั นำนั้น”

จากกฎของโอห์มเขียนความสมั พนั ธข์ อง V, I และ R ได้ดังน้ีเม่อื I แทนกระแสไฟฟา้ มหี นว่ ยเป็นแอมแปร์ (A) V แทนความต่างศกั ย์ มหี นว่ ยเป็นโวลต์ (V) R แทนความตา้ นทานไฟฟา้ มหี นว่ ยเปน็ โอห์ม (Ω) ซึ่งเปน็ คา่ คงท่ี

ตัวอยา่ ง 1 ไฟทา้ ยของรถยนตเ์ ชอื่ มตอ่ กับแบตเตอรข่ี นาด 12โวลต์ ถา้ กระแสไฟฟา้ มคี า่ 0.5 แอมแปร์ ความต้านทานของไฟทา้ ยรถยนตม์ ีค่าเทา่ ไร

ตวั อย่างท่ี 2 ใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นขดลวดทม่ี ีความต้านทาน10 โอหม์ มขี นาด 12 แอมแปร์ จงหาคา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า

แบบฝกึ หดั1.หลอดไฟหลอดหนึ่งต่อกับความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า 220 โวลต์ มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น 5 แอมแปร์ ไส้หลอดไฟฟา้ จะมคี วามต้านทานไฟฟ้าเทา่ ใด2.ตวั ต้านทาน 800 โอหม์ มกี ระแสไฟฟา้ ผา่ น 0.02แอมแปร์ ปลายท้งั สองของตัวตา้ นทานนี้ต่อกบั ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ เทา่ ใด3.หลอดไฟมคี วามต่างศกั ยร์ ะหว่างขัว้ 110 โวลต์ ไส้หลอดมีความตา้ นทาน 55 โอหม์ จะมกี ระแสไฟฟ้าผา่ นกแี่ อมแปร์

แบบฝกึ หดั4.ลวดตัวนาเสน้ หนงึ่ มีความตา้ นทาน 10 โอห์ม ถา้ ความตา่ งศกั ย์ระหว่างปลายทั้งสองของลวดตวั นาน้ีมีคา่ 50 โวลต์ กระแสไฟฟา้ท่ไี หลผ่านลวดตัวนานม้ี คี า่ กแ่ี อมแปร์5.ลวดตวั นาเสน้ หน่งึ มคี วามตา้ นทาน 6 โอห์ม มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน 0.25 แอมแปร์ ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างปลายทง้ั สองของลวดตวั นาเปน็ เทา่ ใด

การต่อความต้านทานในวงจรไฟฟา้ 1. การต่อแบบอนุกรม 2. การต่อแบบขนาน 3. การตอ่ แบบผสม

1. การตอ่ แบบอนุกรม เป็นการตอ่ เรียงเป็นเสน้ เดยี วกนั ผลทเ่ี กิดข้นึ ในวงจร เปน็ดงั นี้1. Iรวม = I1 = I2 = I32. Vรวม=V1+ V2+ V33. Rรวม=R1+R2+R3

2.การตอ่ แบบขนาน เป็นการต่อแบบครอ่ มขน้ั กนั ผลทีไ่ ด้จากการตอ่ ตวัต้านทานแบบขนานในวงจรไฟฟา้ เปน็ ดังน้ี1. Iรวม = I1 + I2 + I32. Vรวม=V1= V2= V3 1 1 1 13. Rรวม = R1 + R2 + R3

3.การตอ่ แบบผสม เป็นการต่อแบบอนุกรมและแบบขนานรวมอยใู่ นวงจรไฟฟ้าเดียวกนั ต้องแยกคดิ ทลี ะตอน ไม่มีสูตรคานวณโดยเฉพาะ

แบบทดสอบหลังเรยี นกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์และความตา้ นทานไฟฟ้า1. สิง่ ที่นาพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งกาเนดิ มายังเครื่องใช้ไฟฟ้าในบา้ นเรือนคอื ส่งิ ใดก. สายไฟ ข. ไดนาโมค. กระแสไฟฟ้า ง. ความต่างศกั ย์ไฟฟา้2. กระแสไฟฟา้ คืออะไรก. กระแสสมมติ ข. กระแสโปรตอนค. กระแสนวิ ตรอน ง. กระแสอิเล็กตรอน

3. เราสามารถใช้ไฟฟา้ กระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับจากแหลง่ ใด ก. แบตเตอร่ี เซลล์สรุ ยิ ะ ข. ถ่านไฟฉาย เซลล์สรุ ิยะ ค. ไฟฟา้ ตามบ้านเรอื น แบตเตอรี่ ง. ถ่านไฟฉาย ไฟฟา้ ตามบา้ นเรือน4. ข้อใดเป็นคณุ ลักษณะและการตอ่ ในวงจรของแอมมิเตอร์ ก. มีความตา้ นทานน้อย ต่อขนานในวงจร ข. มคี วามตา้ นทานน้อย ตอ่ อนุกรมในวงจร ค. มีความตา้ นทานมาก ตอ่ ขนานในวงจร ง. มีความตา้ นทานมาก ตอ่ อนกุ รมในวงจร

5. ความแตกต่างระหวา่ งระดบั พลงั งานไฟฟ้าระหว่างจุด 2 จุด ในวงจรไฟฟา้ ใด ๆ คือข้อใดก. ประจไุ ฟฟ้า ข. กระแสไฟฟา้ค. ความต่างศักย์ไฟฟา้ ง. ความต้านทานไฟฟ้า6. โลหะท่ีมคี วามต้านทานไฟฟ้าเปน็ ศูนยห์ มายถงึ ข้อใดก. ตัวนาไฟฟา้ข. ตวั นาไฟฟา้ ยวดยง่ิค. ความตา้ นทานไฟฟา้ง. ความตา้ นทานไฟฟ้าย่งิ ยวด

7. ข้อใดคอื หนว่ ยของกระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และความต้านทาน ไฟฟา้ ก. แอมแปร์ โอห์ม โวลต์ ข. โวลต์ แอมแปร์ โอหม์ ค. แอมแปร์ โวลต์ โอห์ม ง. โอหม์ โวลต์ แอมแปร์8. เมือ่ อุณหภูมขิ องลวดตัวนาซ่งึ ทาจากโลหะเพิม่ ขึน้ จะทาใหเ้ กดิ ผลในขอ้ ใด ก. เกิดการลดั วงจร ข. ค่าความต้านทานไฟฟ้าสูงขึ้น ค. คา่ ความต้านทานไฟฟา้ ลดลง ง. คา่ ความต้านทานไฟฟ้าไม่เปลย่ี นแปลง

9. วัตถุชนิดใดทีม่ คี วามต้านทานไฟฟ้ามากทสี่ ุด ก. ทองแดง เงิน ข. สังกะสี แก้ว ค. เหลก็ พลาสติก ง. ยาง พลาสตกิ10. ลวดตัวนาทาด้วยทองแดงชนิดเดยี วกัน ลวดเส้นใดมคี วามตา้ นทานนอ้ ย ทส่ี ุด ก. ยาว 13 cm พ้ืนท่ีหนา้ ตัด 0.05 cm2 ข. ยาว 13 cm พน้ื ที่หนา้ ตดั 0.04 cm2 ค. ยาว 14 cm พนื้ ทีห่ น้าตดั 0.03 cm2 ง. ยาว 14.5 cm พืน้ ทีห่ น้าตดั 0.01 cm2

3.วงจรไฟฟา้ ในบา้ น

วงจรไฟฟา้ เป็นเสน้ ทางที่กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านอุปกรณต์ ่างๆ จนครบวงจร การตอ่ หลอดไฟฟ้ามีอยู่ 2 แบบ คือ การตอ่ แบบอนกุ รมและการตอ่ แบบขนาน อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นวงจรไฟฟ้าไดแ้ ก่ สายไฟ ฟิวส์สะพานไฟ สวิตซ์ เตา้ รับและเตา้ เสยี บในการต่อวงจรไฟฟา้ ภายในบ้านซ่ึงจะได้ศกึ ษาอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นวงจรไฟฟา้ ดังต่อไปนี้

อปุ กรณ์ทใี่ ช้ในวงจรไฟฟ้า 1. สายไฟฟ้า 2. ฟิวส์ 3. สะพานไฟ 4. สวิตช์ 5. เตา้ รับและเตา้ เสยี บ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook