Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

Published by koranis9, 2020-11-10 19:38:00

Description: หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

Search

Read the Text Version

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ คำนำธรรม “คนตำ่ งจงั หวดั มีควำมทุกข์กำย แตม่ คี วำมสขุ ใจ ในขณะทคี่ น กรงุ เทพฯ มีควำมสุขกำย แต่กลบั มีควำมทุกข์ใจกันมำก ดังนนั้ จึงควรสร้ำงที่พักทำงใจขน้ึ ในกลำงกรงุ ” พระราชดารัสส่วนหน่ึงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช พระบรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอัน ประเสริฐ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดาเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในงานพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐิน พระราชทานแดพ่ ระสงฆ์วัดปทุมวนาราม ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๓๕ ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๑ คณะสงฆ์วัดปทุมวนารามได้ทา สัญญาเช่าพ้ืนที่ศาลาพระราชศรัทธาและสวนป่าจากสานักงาน ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และได้ปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างบางส่วน พร้อมทั้งพื้นท่ีโดยรอบเพ่ือให้สอดคล้องและรองรับกับกิจกรรม ต่างๆ ตามนโยบายของคณะสงฆ์วัดปทุมวนาราม โดยยึดหลักการ และแนวทางกิจกรรมทุกอย่าง เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานธรรม อันมีค่าแห่งหิตานุหิตประโยชน์ แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย และ เพื่อราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านผู้ เสดจ็ สู่สวรรคาลัย ดังนั้น คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสก และอุบาสิกาวัดปทุม วนาราม จึงได้จัดกิจกรรมสานต่อปฏิปทาพระกรรมฐาน สืบสาน พระราชศรัทธา พระราชปณิธานธรรมเพื่อน้อมถวายเป็นพระราช กุศล ด้วยการกราบนิมนต์พระเถราจารย์ฝ่ายอรัญวาสี มาบรรยาย ธรรมทุกเดือน ท่ีศาลาพระราชศรัทธา เพื่อเป็นการฟื้นฟูและดารง ๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ รักษาไว้ซึ่งปฏิปทาจริยาวตั รอันดีงาม ท่ีบูรพาจารย์วัดปทุมวนาราม ได้นาพาประพฤติปฏิบัติมา ในแต่ละเดือนก็ได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ ผู้ ปฏบิ ตั ิตามปฏปิ ทาพระกรรมฐานสาย หลวงป่มู ั่น ภรู ทิ ัตตมหาเถระ, หลวงปู่ชา สุภัททมหาเถระ ฯลฯ ดังมีรายนามและคาสอนท่ีปรากฏ ในหนังสือเล่มน้ี ทั้งองค์ความรู้ แนวทางการปฏิบัติ รวมท้ังข้อวัตร ในการดาเนินชีวิตของความเป็นพระท่ีได้รับการพร่าสอนมาจาก พระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์ พร้อมกับประสบการณ์ตรงที่ได้ลง มือปฏิบัติตามหลักคาสอนของพระพุทธชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ ถ่ายทอดเป็นคาพูดและบันทึกรวบรวมไว้ในหนังสือมรดกธรรมเล่ม น้ี ผู้อ่านสามารถปลูกศรัทธา ทาความเข้าใจ สร้างกาลังใจ และน้อมนาไปปฏิบัติในชีวิตประจาวันได้ก็จักสาเร็จประโยชน์แห่ง ตนตามสมควรแก่ธรรมท่ีตนได้ประพฤติปฏิบัติ ขออนุโมทนาใน ความวิริยะอุตสาหะของท่านผู้มีจิตศรัทธาในการรวบรวมและ จัดพิมพ์หนังสือมรดกธรรม ศาลาพระราชศรัทธาในครั้งน้ี และขอ ความสขุ ความเจริญจงมีแกท่ กุ ทา่ นเทอญฯ พระธรรมธัชมนุ ี ประธานบริหารศาลาพระราชศรัทธา เจา้ อาวาสวัดปทมุ วนาราม ๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ สำรบญั คานาธรรม ๑-๒ ๑. หลวงปบู่ ุญมา คมั ภรี ธมั โม ๔ - ๒๒ ๒. หลวงพอ่ วิชัยมนุ ี (ไพฑรู ย์ เมตตจติ โต) ๒๓ - ๓๖ ๓. พระอาจารยโ์ สภา สมโณ ๓๗ – ๖๙ ๔. หลวงปู่อุทัย สิริธโร ๗๐ – ๘๗ ๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ หลวงปู่บุญมำ คัมภรี ธัมโม วัดปำ่ สีห์พนมประชำคม ต.บงใต้ อ.สวำ่ งแดนดิน จ.สกลนคร แสดงเมื่อวนั อำทิตยท์ ่ี ๑๐ มิถุนำยน ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรทั ธำ วดั ปทมุ วนำรำม รำชวรวหิ ำร ให้ทาความเข้าใจการสมาทานรักษาศีล อย่าให้มันเป็นศีล พิธีเฉย ๆ ให้ทาความเข้าใจ รักษาศีล – รักษาให้มันเป็นอะไร ก็ รักษาให้มันเป็นศีลน่ีแหละ เมื่อมันเป็นศีลแล้ว มันก็จะเป็นธรรม เมอื่ มนั เปน็ ธรรมแลว้ จติ ใจมนั จะเกิดเมตตาสงสารบุคคลอนื่ สัตว์อื่น เมตตาสงสารบุคคลอื่นสัตว์อืน่ แล้วกค็ ดิ หรอื ช่วยบุคคลอ่นื สตั ว์อื่นที่ เขาตกทุกขไ์ ด้ยาก เมตตาสงสารซ่ึงกันและกนั ก็เปน็ ศลี เพราะฉะนั้น เม่ือสมาทานไปแล้วให้พากันรักษา ให้จนกว่าว่าชีวิตจะหาไม่ ให้ ตง้ั ใจ เมอ่ื ปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ล้ว ก็เปน็ สมบตั ิของเราทกุ คนผทู้ ี่ปฏิบัติ ๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ สรุปแล้ว ของดีท่ีสุดในโลกคือศีล ยอดธรรมคือศีล แล้วก็ นอกนั้น ตัวพระวินัยก็เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เวลา พระพุทธเจ้าจะเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน ท่านก็สั่งไว้แล้ว ตัวแทนของ ท่าน ก็คือธรรม คือวินัย เพราะฉะน้ัน การรักษาศีล – ถ้าไม่รักษา มันจะเป็นอะไรล่ะที่นี้ มันก็เป็นโทษ เป็นบาป เป็นกรรม – กรรมที่ ทาลงไปแล้ว มันไม่หายไปที่ไหน มันต้องให้ผล สรุปแล้ว พวกเรา ท้ังหลายอยู่ในโลกน่ี อยู่เพราะกรรม – กรรมมันมีอยู่ ๒ กรรม – กรรมดี และกรรมชั่ว อยู่ ๒ อย่าง กรรมดีให้ผลเป็นสุข กรรมช่ัว ให้ผลเป็นทุกข์ ท่านก็ว่า ให้ละเว้น ถ้าละเว้นได้ มันก็เป็นบุญ เป็น กุศล มนั เปน็ ตรงกันข้ามล่ะ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม ๓ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม วจีกรรม ๔ พูดปด พูดคาหยาบ พูดส่อเสียด พูดสับปลับ เพ้อเจ้อ พวกเราคงเข้าใจทุกคน ครูบาอาจารย์รูปไหนมาเทศน์ก็เทศน์เร่ือง ศลี เรอื่ งกรรม อันเดยี วกัน อย่างเดยี วกัน ทนี ้ี ทก่ี รรมมนั ให้ผล เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย เป็นโน่นเปน็ นี่ ป่วยเปน็ โรคน้ี ออด ๆ แอด ๆ กรรมท้ังน้ัน แหละ เพราะฉะนั้น ท่านจึงว่าเรามีกรรมเป็นของของตน มีกรรม เป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่ พึ่งอาศัย เราทากรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจะเป็น ทายาท คือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป กรรมดีให้ผลเป็น สุข กรรมชั่วใหผ้ ลเป็นทุกข์ ที่ยกตัวอย่าง พระพำกุละ ท่านเกิดร่วม พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าชื่อว่ากัสสปะ ท่านได้รักษาศีล ท่านได้ ปฏบิ ตั ิศลี ธรรมมา เม่ือท่านแตกตายทาลายขันธ์ ท่านก็ได้มาเกิดร่วมศาสนา พระพุทธเจ้าของเรานี่ อายุสั้น ๘๐ ปี ไม่เคยกินยา ปวดหัว ตัวร้อน ๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เจ็บไขไ้ ดป้ ว่ ย ไม่มี ไมม่ ีปญั หา ยาสักเม็ดหน่ึงก็ไมไ่ ดก้ นิ ทที่ า่ นก็ออก บวชอีก ก็ได้ ๘๐ พรรษา รวมแล้วพระพากุละ อายุ ๑๖๐ ปี ไม่มี ปัญหาอะไรเลย สุดท้ายท่านก็ได้สาเร็จเป็นพระอรหันต์ พ้นทุกข์ไป เลย นี่ อานิสงส์ของการปฏิบตั ิศลี ธรรม เพราะฉะน้นั สรุปแล้ว ของ ดีที่สุดก็ คอื ศีล คือธรรม จะถามว่าอะไรคือศีล จิตใจของพวกเราท้ังหลายนี่แหละ เป็นศีล จิตใจนี่แหละเป็นธรรม สติก็คือจิตใจ สมาธิก็คือจิตใจ ปัญญาก็คือจิตใจ ส่วนก้อนสกนธ์กายอันน้ี มันเป็นไปอีกอย่างหน่ึง ก้อนสกนธ์กายของพวกเรา มันมธี าตุท้งั ๔ มดี นิ มีนา้ มีไฟ มีลม ทน่ี ้ี บางคนจะไม่เข้าใจว่า ธาตุดิน ธาตุน้า ธาตุไฟ ธาตุลม มันอยู่ที่ไหน อยู่กับเรา ธาตุดินก็มี ท่านแจกออกไว้ ก็มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เยื่อเอ็นกระดูก เยื่อในกระดูก ตับอ่อน ไส้น้อย ไส้ใหญ่ อาหารใหม่ อาหารเกา่ น่ีคือธาตดุ นิ เปน็ สมบตั ขิ องบิดา ของใคร ของเรา ธาตุน้ามี น้าดี น้าเสลด น้าหนอง น้าเลือด น้าเหงื่อ น้ามัน ข้น น้าลาย น้ามูตร น้าไขข้อ น้ามูก อันน้ีเป็นสมบัติของมารดาของ พวกเรา ทนี่ ่กี ็ ธาตไุ ฟ ไฟยังกายให้อบอุ่น ไฟยงั กายให้ทรดุ โทรม ไฟ ยังกายให้กระวนกระวาย ไฟเผาอาหารให้ย่อย ธาตุลม ลมพัดขึ้น เบ้ืองบนต้ังแต่พื้นเท้ายังมาถึงศีรษะ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมพัด ประจาตัว ลมหายใจเข้าออก เพราะฉะน้นั พระพุทธเจา้ และพระ อริยเจ้าท้ังหลาย กอ่ นจะรบั ศีลก่อนจะทาพธิ ตี ่าง ๆ ตอ้ งขนึ้ นะโม น้ีก่อน ไหว้ครูก่อน นะ – นี่แสดงถึง ระลึกถึงคุณของมารดา โม – ระลึกถึงคุณของคุณบิดา รวมว่า นะโม – นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต – ภะคะวะโต อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า อะระหะโต ท่านเป็นพระ ๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ อรหันต์ สัมมำ ท่านตรัสรู้ชอบแล้ว สัมพุทธัสสะ ทัสสนะ ท่าน เห็นชอบแลว้ ท่านเห็นอะไร ท่านเห็นอริยสัจธรรมทั้ง ๔ อริยสัจธรรมท้ัง ๔ พระพทุ ธเจ้า พระอรยิ เจา้ เสด็จเขา้ สปู่ รินิพพานไปหมดแล้ว อริยสจั ธรรมทั้ง ๔ อยู่ที่ไหน ปัจจุบัน สรุปแล้วมาอยู่กับพวกเราทุกคน อริยสัจธรรมท้ัง ๔ คืออะไร คือทุกข์ นี่ ๑ สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ นี่ ๑ นิโรธ คือความดับทุกข์ นี่ ๑ มรรค คือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ๑ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ – ๓ อย่าง ๓ ก้อนน้ี มันเป็นหนทางเข้าไปดับ ทุกข์ ทา่ นให้ช่ือว่า มรรค ทพี่ ระพุทธเจ้าทา่ นไดม้ าแสดงให้พระปัญจ วัคคยี ์ท้งั ๕ ตอนทา่ นตรัสรเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ ใหม่ ๆ ยังวา่ พระอัญญา โกณฑัญญะ กาหนดตามไป ไดด้ วงตาเห็นธรรมก่อนเพ่อื น เพราะฉะน้นั สรปุ แล้ว ของดที ่สี ดุ คือ ทกุ ข์ ถา้ ใครเห็นทกุ ข์ มาก ๆ คนน้ันแหละจะพน้ ทุกข์ ทาไมมันจะพ้น ก็เพราะมนั ดทู ุกข์ ดู ทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านส่ังมา ทุกข์ ควรกาหนดรู้ ควรดู ควรวิจัย วิจารณ์ให้เห็นจริง ตามความเป็นจริง สมุทัย เหตุให้ทุกข์เกิด ควร ปลง ควรวาง ควรละ นิโรธ ควรทาให้แจ้ง นิโรธ กับ หนีโลด คืออัน เดียวกันแหละ ทาไมมันถึงหนีโลด ก็เพราะว่ามันเห็นทุกข์ เห็นเหตุ ให้ทุกข์เกิด แล้วถามว่าเหตุที่ทาให้ทุกข์เกิดอยู่ที่ไหน – เหตุที่ทาให้ ทุกข์เกิด ก็คือ ก้อนสกนธ์กายของพวกเรานี้แหละ หมดท้ังก้อน มี แต่ก้อนสมุทัย ตัวเหตุให้ทุกข์เกิด พระพุทธเจ้าสั่งให้ละ ให้วาง สุดท้ายปลายทางจริง ๆ ให้ปลงใหว้ าง นิโรธควรทาให้แจง้ นัน่ แหละ เมือ่ มนั เห็นทุกข์มาก จนหาที่ ปลงท่ีวางไม่ได้ ท่านไม่ให้ส่งจิตส่งใจหรือวิ่งไปหาหมอ ไปหาท่ีพึ่ง ทางอ่ืน โดยส่วนมาก พอมันเกิดข้ึนมาก็กลัวตาย – ทีน้ีพอกลัวตาย ๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ วิ่งไปหาหมอ ไปหายา ไปโรงพยาบาล ไปหาหมอ หมอก็คือหมอ หมอก็ตายเหมือนกัน หมอก็มีรูปร่างกายอันเดียวกัน เพราะฉะน้ัน พระพทุ ธเจา้ ถึงมาสอน ตัดตน้ ตอมัน ตน้ ตอมันคืออะไร ต้นตอไม่ให้มันเกิด ถ้าไม่เกิด มันก็ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ส่วนดวงจิต ดวงใจของพวกเรานี่ มันไม่มีรูปร่าง มันไม่มีตน ไม่มีตัว รปู ไม่มี ไม่มตี น ไมม่ ตี ัว มนั เปน็ นามธรรม ทีนีก้ ็ ธาตุทัง้ ๔ ธาตไุ ฟก็ ไม่มีตนมีตัว เป็นนามธรรมเหมือนกัน ธาตุลมก็ไม่มีตนมีตัว ความ รอ้ นก็ไมม่ ตี นมีตัว ลมกไ็ ม่มตี นมีตัว ท่ีนีท้ ี่พอมองเห็นดว้ ยตาธรรมดา เราน่ี มีแต่น้ากับดินเท่าน้ัน สรุปแล้ว มีของหมดท้ังโลกท้ังสงสาร มีของ ๔ อย่างเท่านี้ มีดิน มีน้า มีไฟ มีลม นอกนั้นก็สมมติเรียกใช้อยู่ในโลกเฉย ๆ ถ้าจะ ให้ย่นเข้ามาให้มันน้อยจริง ๆ ก็ ธาตุดิน ย่นให้มันน้อย ก็เหลือดิน เมล็ดเดียว จิตใจของเราก็มีจิตใจดวงเดียว ท่านให้พิจารณาให้เข้า ไปถึงความจริง สมมติว่า เวทนาเกิดข้ึน เมื่อมันเกิดข้ึนมากๆ ท่าน ให้เข้าไปพิสูจน์ ไปวิจัย วิจารณ์ เมื่อเข้าไปถึงความจริงแล้ว มันก็ไม่ มีเวทนา ความทุกข์ ความเจ็บปวดรวดร้าว อยู่ท่ีกายก็ไม่มี อยู่ท่ีจิต ก็ไม่มี สรุปแล้วก็กลายเปน็ ตัวอุบตั ิ ทีน้ี ทีม่ ันกลัวลม้ กลวั ตายอย่างนู้นอย่างน้ี พระพุทธเจ้าและ พระอริยเจ้าก็ช้ีนาว่าตัวกิเลส ตัวอวิชชา ตัณหาน่ี จิตของเรามัน ทางานไม่เป็นหรอก ดวงจิตรู้เท่านั้น แต่ของพวกเราน่ี มันยังไม่ได้ เปน็ ดวงรู้ มนั ยังเปน็ ดวงหลงอยู่ มนั หลงตน เมอื่ มนั หลงตน มนั ก็มา ยึดเอาธาตุท้ัง ๔ เอาดิน เอาน้า เอาไฟ เอาลม ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลน่ี จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ มันไม่เป็นของใคร ผืน แผ่นดิน ไม่เป็นของใคร เป็นสมบัติกลางเป็นอยู่อย่างนี้ ทีน้ี ถ้าย่น ๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ เข้ามา ถ้าจะจัดให้เป็นของเจ้าของ ให้มีเจ้าของ ธาตุดินก็เป็นของ บิดา ธาตุน้าก็เป็นของมารดา จะถามว่าของเราอยู่ตรงไหน ไม่มี เพราะตา่ งคนต่างกใ็ ช้สมบัติของบิดามารดา เพราะฉะนั้น ผู้ใช้เป็น เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตน ผู้ใช้ไม่เป็น เป็นบาปเป็นกรรม เอาสมบัติของบิดา มารดา ไปทาความช่ัว เสียหาย เอาไปฆ่าสัตว์ เอาไปลักทรัพย์ เอาไปประพฤติผิดในกาม เอาไปดื่มสุราเมรัยต่าง ๆ สารพัด ไม่มีศีลมีธรรมประจาจิต ประจา ใจ หนักเข้าก็ไม่เช่ือพระพุทธเจ้า ว่าบุญก็ไม่มี บาปก็ไม่มี นรกก็ไมม่ ี สวรรค์ก็ไม่มี เมื่อพวกนี้ ความเห็นเป็นอย่างน้ีแล้ว เมื่อเขาแตกตาย ทาลายขันธ์ลงไป กรรมช่ัวท่ีเขาทาไว้นั่นล่ะ จะผลักดันจิตใจให้ไป เกิดในภูมิที่ต่า ภูมิที่ต่าไปเกิดท่ีไหน ภูมิที่ต่าไปเกิดในเมืองนรก ไป เกิดเป็นเปรต ไปเกดิ เปน็ อสรู กาย ไปเกดิ เป็นสัตวเ์ ดรัจฉาน ทนี ฝ้ี ่ายกุศล ฝ่ายผทู้ ีล่ ะ ไมฆ่ ่าสตั ว์ ไม่ลักทรพั ย์ ไมป่ ระพฤติ ผิดในกาม ไม่ดื่มสุราเมรัย รักษาศีล ๕ บริสุทธ์ิ ต่าที่สุดก็มาเกิดเป็น มนุษย์อันบริสทุ ธ์ิ บรบิ รู ณ์ ถ้าสงู ขน้ึ ไปอีก ก็ไปเกิดบนสวรรค์ สวรรค์ ๖ ชั้น พรหม ๑๖ ช้ัน และสุทธาวาส ๕ สุดท้ายก็คือ พระนิพพาน ฝ่ายกุศล ทีนี้จะถามว่า พวกเราเป็นฆราวาสญาติโยม จะปฏิบัติจะรู้ ได้ เห็นได้ไหม พระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ต้องสงสัย หรอก ขอให้ตั้งใจปฏิบัติเท่าน้ัน เวลาธรรมจะโผล่หน้าให้เราดู ประโยคแรก ก็คือ ทุกข์ มันจะมาก่อน เม่ือมันเป็นทุกข์มาก ๆ อย่า ไปหลบมัน เพราะว่ากิเลสมันกลัวทุกข์ มันกลัวล้ม กลัวตาย เราก็ เอาทุกข์นี่ ไปต่อสู้กับมัน เม่ือมันเกิดขึ้นมาก ๆ ให้เราดู เอาตัวน้ี แหละ เข้าไปต่อสู้มัน อย่าไปหลบมัน ปล่อยมัน เสียสละ ที่น้ี การ เกดิ แก่ เจ็บ ตาย ของพวกเรานล่ี ่ะ ถา้ ย้อนหลัง มันเป็นหมนื่ ๆ เป็น ๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ แสน ๆ เป็นล้าน ๆ แล้ว แต่มันจาไม่ได้เฉย ๆ ตัวสัญญา ความจา เนยี่ ถ้าพวกเรารู้มันได้ เห็นมันได้ ก็ควรจะเช่ือพระพุทธเจ้า ที่ พระพุทธเจ้าท่านระลึกชาติหนหลังได้ ปุพเพนิวำสำนุสสติญำณ ระลึกชาติหนหลังได้ หม่ืนชาติ แสนชาติ อนันตชาติ ท่านรู้ได้หมด พอท่านระลึกชาติหนหลังได้ ท่านพิจารณา วันที่ท่านจะได้ตรัสรู้ พิจารณาดูชาติภพที่เกิด ตั้งแต่พลบค่า จนถึง ๔ ทุ่ม ยังไม่ได้ตรัสรู้ ท่านจึงได้น้อมจิตน้อมใจกาหนด ลมหายใจเข้าไปอีก จิตสงบ รวมเข้าไปอกี ญาณท่ี ๒ เกดิ ขน้ึ จุตปู ปำตญำณ รสู้ ัตว์ร้สู งิ่ แปรผัน ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย สัตว์โลก สัตว์ตัวนี้ตายน่ี ไปเกิดน่ัน สัตว์ตัว นั้นตายนี่ ไปเกิดน่ัน รู้ได้หมด พิจารณาเรื่องภพชาติของสัตว์ ต้ังแต่ ๔ ทมุ่ จนถึงตี ๒ ๔ ชว่ั โมง คืนนัน้ ท่านไม่ได้นอนเลยนะเนย่ี ยังว่าท่ีท่านระลึกชาติหนหลังได้นี่ น้อยถึงเป็นนกกระจาบ ใหญ่ถึงช้าง เป็นหมดทุกตัวสัตว์ แต่ละชาติ ๆ รู้ – มีความสุข ความ ทุกขอ์ ยา่ งไร รู้ไดห้ มด เพราะฉะน้ัน พระพทุ ธเจา้ พระอรยิ เจา้ ท่าน เห็นทุกข์ หลักล้าน เป็นล้านๆ เพราะฉะน้ัน ท่านจึงเบ่ือ มันจึงเบ่ือ หน่าย เกิดสลด สังเวช ว่าตัวน่ีหลง หลงมาเกิด มาแก่ มาเจ็บ มา ตาย มันต้องถึงใจจริง ๆ มันถึงจะขาดตอนกันจริง ๆ เพราะฉะนั้น พวกเรานี่ ถา้ ผทู้ ีม่ นี ิสยั เคยปฏบิ ตั ิมากอ่ น จากหลาย ๆ ชาติทผ่ี า่ นมา พอปฏิบัติไป มาเจอกับของเก่ามาบวกกัน บางทีก็ผ่านพ้นไปได้ เหมือนกัน ถ้ามันไม่ผ่านจริง ๆ ก็เอาให้มันได้ อจลศรัทธำ – ความ เชอื่ มั่นในพระพุทธศาสนา คอื พระโสดา – ถา้ เปน็ ถึงพระโสดา แลว้ นี่ จะให้ไปนับถือศาสนาอื่น ลัทธิอ่ืน มันไม่ไป เพราะเช่ือม่ันแล้ว เช่ือตรงไหน – เชื่อตรงว่า ร่างกายกับจิตนี่ ไม่ใช่อันเดียวกัน ตัว ๑๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ สักกำยทิฏฐิ นี่ และก็มาเห็นว่าตนเป็นกาย และกายมาเป็นตน ไม่ สงสัยแล้ว ตัว สักกำยทิฏฐิ วิจิกิจฉำ ไม่สงสัย และก็ สีลัพพต- ปรำมำส ก็ไม่สงสัยว่าอะไรคือศีล ศีลอยู่ที่ไหน น่ีก็ไม่สงสัยอีก ถ้า มันเห็นจริงตามความเป็นจริงอย่างนี้ จะให้หลงไปนับถือศาสนาอ่ืน ลัทธอิ น่ื มันไมไ่ ป เพราะมันเช่ือมนั่ ทีน้ี ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ถ้าผ่าน ได้เป็นพระโสดาแล้วน่ี อยา่ งชา้ ทา่ นว่าบารมมี ันยังไมแ่ ก่ ให้ปฏิบัตไิ ป ปฏบิ ตั ไิ ป อยา่ งช้า ๗ ชาติ ถ้าชาติละ ๑๐๐ ปี ก็ ๗๐๐ ปี ปฏบิ ัติต่อไป นี่ ที่น้ี ๗ ชาติ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ก็มาปฏิบัติต่อ เพราะฉะน้ันอย่าไปสงสัย การปฏิบัติ มรรค คือหนทางเข้าไปดับทุกข์ มีอะไรล่ะ ถ้าย่นมรรคท้ัง ๘ ลงมา มีอะไร ก็มีศีล แล้วก็ สมำธิ แล้วก็ ปัญญำ - ความรักษากาย วาจา ใจ ใหเ้ รยี บร้อย ให้เปน็ ปกติ ทา่ นให้ชื่อว่าศลี ตามหลกั ความรอบรู้ในกองสังขาร ช่ือว่าปัญญา ถามว่ากองสังขาร อยู่ที่ไหน ก็รูปร่าง กายของพวกเรา นี่กองสังขาร ท้ังรอบ ท้ังรู้ ท้ังรู้ ภายนอก ท้ังรู้ภายใน – รูภ้ ายในร่างกายวา่ มนั มีอะไรบ้าง ความรอบ รู้ในกองสังขาร ชื่อว่าปัญญาน่ี ให้เห็น เห็นถึงสุข เห็นถึงทุกข์ เห็น ถึงอาการ มันแปรปรวน เปล่ียนแปลง ไม่จีรังยั่งยืน ก็ให้เห็น ให้ พิจารณา ค้นคว้าหา ให้มันรู้ว่าก้อนสกนธ์กาย ร่างกาย ของเรานี่ มันมาจากท่ีไหนและสุดท้ายปลายทาง มันจะไปที่ไหน ให้หลักท่ีไป ท่ีมาของร่างกาย เมื่อหายความสงสัย จากร่างกายแล้ว ก็มา พจิ ารณาเร่ืองจติ ใจอีก ใช้พิจารณา ค้นคว้าพิจารณา ให้รู้จักอาการของจิต อาการ ของกาย จนกว่าว่าจิตมันสิถอน ทีนี้พวกเราพากันปฏิบัตินี่ ต้ังต้น ตั้งแต่การให้ทาน การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนา สะสมบุญ ๑๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ กุศล ให้มันมาก ที่พวกเราพากันปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้านี่ ถึงซ่ึง พระนิพพาน – พระนิพพาน พวกเราอย่าไปเข้าใจว่ามันอยู่ใน ท้องฟ้า อากาศ – อยู่ที่ไหน – อยู่ที่ดวงจิต ดวงใจของเรานี่แหละ พระนิพพำน ก็คอื นพิ พิทำ – ความเบื่อ ทาอย่างไรมนั จะเบื่อ เบื่อ ร่างกายตนเองน่ี ว่าเป็นทุกข์ เบื่อจิตใจตนเอง ว่ามันหลง – เม่ือมัน เบ่ือหน่าย มันก็คลายความกาหนัดยินดี เม่ือมันคลายความกาหนัด ยินดี จิตมันก็พ้น – พ้นไปจากนี่ล่ะ – พ้นไปจากรูปร่างกายตนเอง พน้ ไปจากรูป จากความสุข ความทกุ ข์ พน้ ไปจากสญั ญา – ความจา ได้หมายรู้ พ้นไปจากสังขาร – ความปรุงความแต่ง ความนึกคิด ความดีใจ เสียใจ พ้นไปจากวิญญาณ – ความรับทราบ ตา หู จมูก ล้นิ กาย ใจ น่ี – พน้ ไปจากที่นี่แลว้ ทีน้ี ถ้ากายไม่มี เวทนา มันก็ไม่มี กายไม่มี สัญญาก็ไม่มี กายไม่มี สงั ขารก็ไมม่ ี กายไม่มี วญิ ญาณก็ไม่มี – วญิ ญาณกห็ มายถึง ข้อกองรู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางจิตใจ – เรียกว่า วิญญาณ ความรับทราบ – อยู่ท่ีน่ี และก็ทาให้มันติดตอ่ กัน และก็กาหนดลมหายใจ สูดเข้ายาวๆ เมื่อเวลาภาวนา เมื่อกาหนด ไป - กาหนดไป จนกว่าลมมันสั้นเข้า – สั้นเข้า สุดท้าย ลมมัน หายไป เราจะได้รู้ เพราะฉะนน้ั ท่านสอนให้เรามาปฏบิ ัติ รักษาจิตใจ ไม่ให้มันตึงเครียด และก็มาปฏิบัติให้จิตใจ มันหยุดคิด หยุดนิ่ง เม่ือ จิตใจหยุดคิด ตั้งม่ันเป็นสมาธิได้แล้ว น่ันแหละ มันเป็นปากทาง ปากทางเข้าสู่ความสงบ เป็นหนทางดับทุกข์ ดับทุกข์ตรงท่ีไหน ดับ ตรงทม่ี นั เกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเกดิ ที่จติ ส่วนรา่ งกาย เขาไม่รู้อิ โหน่อิเหน่อะไร ร่างกาย ดินก็ไม่รู้จักสุขจักทุกข์ น้าก็ไม่รู้จักสุขจัก ทุกข์ ลมก็ไม่รู้จักสุขจักทุกข์ ไฟก็ไม่รู้จักสุขจักทุกข์ ผู้ที่รู้จักสุขจัก ๑๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ทุกข์ กค็ ือ จติ ใจ ดวงจิตดวงใจอนั น้ีก็เป็นนามธรรมอีก มันไมม่ ีตนมี ตัว สรุปแล้ว มันหลงอะไรทีนี้ สรุปแล้ว มันก็หลงลม ลม ๆ แล้ง ๆ กัน เพราะฉะน้ัน ประโยคแรกที่พวกเรามาเกิด มีแต่ดวงจิตดวงใจ ลว้ น ๆ ร่างกายยงั ไมม่ ี ทีนี้ก็ หลวงปู่ก็เลยมาเทียบ ดวงจิตดวงใจของพวกเราเนี่ย เทียบกับพยัญชนะ คือ ตัว ก ไก่ ตัวเดียว ตัวสระ ก็ไปเทียบกับธาตุ ท้ัง ๔ ดิน น้า ไฟ ลม และมาจากบิดา มารดา และเอาสระมาบวก กับตัว ก ไก่ – ก ไก่ – ก อะ กะ ก อา กา ก อิ กิ ก อือ กือ ก อุ กุ ก อู กู – พอถึงนี้ก็จบแล้ว เป็นก้อน เป็นตัว เป็นตนขึ้นมา ที่น่ี ก็ กู กับ มึง พากันสร้างโลกขึ้นมา กู คือ ใคร กู ก็คือ ผู้หญิง มึง ก็คือ ผูช้ าย - กู ก็คอื ผชู้ าย มงึ กค็ อื ผ้หู ญงิ กู กค็ อื สตั วต์ วั ผู้ มงึ ก็คอื สัตว์ ตัวเมยี - กู กค็ อื สัตว์ตัวเมีย มงึ กค็ อื สัตว์ตวั ผู้ - สัตว์ ๔ ตัว มาสร้าง โลก ผลลัพธ์ คืออะไร ทีนี้ – ได้ก้อนทุกข์มา ได้ก้อนเจ็บ ก้อนปวด มา – สรุปแล้ว ทุกข์เพราะ มันมี มีอะไร มีร่างกาย .. ฉะน้ัน การไม่ มีกจ็ บแลว้ เหลือแต่ดวงธรรม เหลือแต่ดวงจติ ดวงใจ เพราะฉะน้ัน ทาความเข้าใจ มรรค คือ หนทาง ปฏิบัติ คือ ศีล สมำธิ ปัญญำ บางคนเข้าใจผิด พระก็ยังไปสอนโยมอีก ว่ามัน หมดมรรค หมดผล มันแปลว่าคนไม่รูจ้ ักหนทาง มรรคกค็ อื ศลี สมาธิ ปัญญา ที่ท่านเรยี ง มรรคท้งั ๘ ก็มี สมั มาทฏิ ฐิ สัมมาสังกัป โป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมา-วายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมำทิฏฐิ ปัญญาการเห็นชอบ เห็นอริยสัจ ธรรมทั้ง ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สัมมำสังกัปโป ดาริออกจาก กาม กามที่ไหน ก้อนสกนธ์กายของเราน่ีแหละ ก้อนกาม หมดทั้ง ก้อน กอ้ นกาม กามอันน้ี มันมีทง้ั คุณ มนั มีทงั้ โทษ ถ้าไม่มกี าม พวก ๑๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ เราก็ไม่ได้เกิด โทษมันก็มหันต์ คุณมันก็อนันต์ ทีนี้ กามตัวนี้ ก้อน สกนธ์กาย มันเป็นเรือ เป็นแพ ให้พวกเราน่ังข้ามแม่น้าโอฆะอัน กันดาร มีเพราะก้อนสกนธ์กายน้ี มีทัง้ คุณมีทง้ั โทษ มรรคข้อที่ ๔ กับข้อที่ ๕ น้ี สัมมำกัมมันโต สัมมำอำชีโว การงาน การทามาหาเลี้ยงชีพ เม่ือการทามาหาเลี้ยงชีพ ไม่ให้ไป กระทบบุคคลอ่ืน สัตว์อ่ืน ไม่ให้ไปทาให้บุคคลอ่ืน สัตว์อ่ืนเขาเป็น ทกุ ข์ ไม่ทาใหบ้ คุ คลอน่ื สตั วอ์ ื่นเขาเดอื ดร้อน สมั มำอำชีโว เล้ียงชีพ ให้มันชอบให้ถูกทาง อย่าไปทาให้บุคคลอ่ืนสัตว์อ่ืน เขาเป็นทุกข์ เดือดร้อน สัมมำอำชีโว การกิน ก็เหมือนกัน อาหารท่ีพระพุทธเจา้ ท่านสั่ง ท่ีมันผิด เน้ือมนุษย์ เน้ือช้าง เนื้อหมา เนื้อหมี เน้ือเสือโคร่ง เน้ือเสือเหลือง เน้ือเสือดาว พวกน้ีท่านให้เว้น ถ้าไม่เว้น มันไม่ถูก หนทาง มันไม่ถูกกับมรรค มันไม่ใช่หนทาง แล้วก็การค้าการขายก็ เหมือนกัน ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์ท่ีมีชีวิตให้เขาฆ่าเป็นอาหาร ค้าขายศาสตราอาวุธ ค้าขายเครื่องดักสัตว์ อย่างน้ี ค้าขายเคร่ือง ดองของเมา มันผิด ผิดจากหนทางมรรค หนทางของพระพุทธเจ้า นี่ต้องปฏิบัติ ต้องศึกษา ท่านให้รู้ ท่านให้เว้น ให้มันถูกหนทาง สัมมากัมมนั โต กับสมั มาอาชีโว สัมมำวำยำโม เพียรละบาปท่ีเกิดขึ้นแล้ว เป็นต้น ผู้ที่ไม่ เคยได้รักษาศีล ก็เพียรพยายามละวาง เมื่อเพียรพยายามละวางไป แล้วก็เพียรรักษาไว้ไม่ให้มันหมดไป สิ้นไป เส่ือมไปจากจิตจากใจ รักษาไว้แล้วกร็ กั ษาบุญกุศลทีเ่ กิดข้นึ แล้วไมใ่ หเ้ ส่ือมไป ส้นิ ไป สะสม ไปเรื่อย ๆ ท่านจึงว่า สัมมาวายาโม เพียรพยายามไม่ให้บาปเกดิ ขน้ึ เพียรพยายามให้บุญกุศลเกิดขึ้น และก็เพียรพยายามรักษาบุญกุศล ท่ีเกดิ ข้ึนแลว้ ไม่ให้หมดไปสิ้นไปเสอ่ื มไปจากจิตจากใจ สมั มาวายาโม ๑๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ สัมมำสติ ทีนี้ ระลึกสิ่งท่ีมันเป็นบุญเป็นกุศล อย่าไประลึก พยาบาท อาฆาต จองล้างจองผลาญ บุคคลอื่น สัตว์อื่น อย่าไป ระลึกโลภ อยากชิงได้ส่ิงของของคนอ่ืนมาเปน็ สิ่งของของตน อย่าไป ระลกึ เบยี ดเบยี นบุคคลอ่ืน สตั วอ์ ื่น ระลึกให้มันชอบธรรม สมั มำสติ สัมมำสมำธิ ต้ังใจไว้ว่า ขึ้นช่ือว่าความชั่วเสียหายน้อยหนง่ึ นิดเดียว เราก็จะไม่ให้มันเกิดข้ึนภายในร่างกายและจิตใจของพวก เราเลย เพราะฉะน้ัน ท่านจึงให้รักษาธรรม ๒ ข้อนี้ ธรรมคุ้มครอง โลก หิริ ความละอาย ละอายต่ออะไร ละอำยต่อบำป ต่อกรรม โอตตัปปะ ความเกรงกลัว กลัวอะไร กลัวต่อบำป ต่อกรรม ไม่ให้ บาปกรรมเกิดขน้ึ ทา่ นจงึ ชีว้ า่ ธรรมคุม้ ครองโลก จะถามว่าโลกอยู่ท่ี ไหน – ไม่ใช่ธรรมคุ้มครองแผ่นดนิ แมน่ ้าลาคลองอะไร อันน้ันกโ็ ลก เหมือนกัน แต่ว่าโลกมันมี โลกนอก โลกใน โลกใน ก็คือ ร่างกาย และจิตใจของเรา นีเ่ รียกว่า โลกใน โลกนอก ก็คือ บุคคลอ่ืน สัตว์อ่ืน ต้นไม้ ภูเขา เถาวัลย์ น่ีก็ โลก โลกแปลว่าหมู่สัตว์ข้องอยู่เป็นนิจ โลกแปลว่าวุ่นวาย โลก แปลว่าร้อน ร้อนเพราะอะไร ร้อนเพราะไฟ ไฟราคะ ความกาหนัด ยนิ ดี ในรูป ในเสียง ในรส ในกลน่ิ ในสัมผสั ไฟโทสะ คอื ความโกรธ ไฟโมหะ คอื ความหลง มนั เผาอยู่ตลอดเวลา เรากไ็ มร่ ู้ อาการท่ีไม่รู้ ท่านก็ช้ีให้ว่า ตัวอวิชชา ความที่ไม่รู้ เพราะฉะน้ัน มาปฏิบัติ มา รักษาสติ ให้มันเย็นขึ้น ให้มันรู้ เมื่อมันรู้ มันก็จะมีสติ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว จะให้ทาความช่ัวเสียหายใส่ตน ถ้ามันรู้แล้ว มันจะไม่ทา มันจะมีความละอาย ถ้าจะให้ไปทาความชั่วเสียหาย ให้ตายดีกว่า มันจะเป็นอยา่ งน้ี จิตใจเป็นศีล จิตใจเป็นธรรม ๑๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ นี่สรุปแล้ว ของดีท่ีสุดก็คือส่ิงน้ี เพราะฉะน้ัน ประโยคแรก ท่านก็ให้รู้จักบุญคุณของบิดา มารดา ทุกวันน้ีเด็กรุ่นใหม่ เขาไปดู ถกู คนแก่วา่ คนแก่เขาลา้ สมยั พวกเขาทันสมัย หลวงปวู่ ่าพวกวยั รุ่น น่ี มันล้าสมัย มันไม่ทันสมัย ผู้ที่ทันสมัย จะรู้จักธรรม รู้จักศีล รู้จัก บุญคุณของพระพุทธเจ้า เพราะฉะน้นั เขาจะไมห่ นีจากศีลจากธรรม เด๋ียวน้ีเขากาลังก่อกวนกัน เขาสิล้าง ล้างไม่ให้มีกษัตริย์ ถ้าไม่มี กษัตริย์ พทุ ธศาสนาก็จะไมม่ ี ตายไปด้วยกนั นีล่ ่ะ เพราะฉะนั้น พวก เราใหพ้ ากันรักษา อนรุ ักษ์ไว้ ชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตริย์ ใหม้ ัน คงเสน้ คงวา เด๋ียวนี้เขาจะมาวุ่นวายก่อ จะเอาเด็กน้อย เอาประชาชน เป็นใหญ่ มันผิดแล้ว เอาเด็กน้อยมาเป็นใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ไม่มี อานาจวาสนาหรือ ทีน้ีประเทศอเมริกา อาจารย์ช่ือ สมภพ ท่านไป เห็นแล้ว เขาเอาคนแก่ไปขงั ไว้ ลกู อยากเหน็ หนา้ ลูกก็ไม่ได้เห็น เขา เอาไปไหน เขาเอาไปขังไว้ แล้วก็มเี จ้าหน้าที่ไปรกั ษา รักษาแลว้ จะ ไปรักษาได้ขนาดไหน ไม่ใช่พ่อใช่แม่เขาใชไ่ หมละ ทีน้ี พวกคนแก่ ก็ วิตก เป็นทุกข์เป็นร้อน ท่านอาจารย์ ท่านไปเห็น ท่านว่าเหมือนกับ ตกนรก มันตกนรกทั้งเป็น ว่าเมืองไทยเรากาลังจะเริ่มเป็น พวกเรา ช่วยพากันต่อต้าน อย่าให้มันเป็นอย่างน้ัน ให้ระลึกถึงบุญคุณของ พ่อของแม่ ยกพ่อยกแม่ไวท้ ่ีสูง มันจะเปน็ บุญเป็นกุศล เพราะฉะน้ัน ใหพ้ วกเราทาความเขา้ ใจศาสนา ศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันเกิดมานานแล้ว พระพุทธเจ้ามาตรัส (รู้) ในโลก อยู่ในพระสูตร สัมพุทเธ น่ี ๓ ล้าน ๕ แสน ๘ หมื่น ๔ พัน ๑๙๒ พระพุทธเจ้าแล้ว มาตรัสธรรมอัน เดียวกันน่ี มาสอนให้รู้จักตน มาสอนให้รู้จักบุญจักบำป ๑๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ พระพุทธศาสนา พุทธะ ก็คือ ตัวผู้รู้ คือใคร ก็คือดวงจิตดวงใจ ของเรำ ธรรมะ ก็คือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ำ สังฆะ ก็ คือผู้ที่ปฏิบัติ ถ้าผู้ปฏิบัติ ถ้าจิตใจเห็นธรรมจริงๆ เป็นพระโสดา (บัน) แล้ว จิตใจเป็นพระ พระน่ีไม่ได้อยู่กับหัวโล้นหรือผ้าเหลือง จิตใจเป็นพระ ไม่ได้เก่ียวกับเพศ ไม่ได้เกี่ยวเพศหญิงเพศชาย ไม่ได้ เก่ยี วผบู้ วชหรอื ไมบ่ วช รไู้ ดท้ ้ังนั้น พระพุทธเจา้ ถา้ ไปดูอยใู่ นหนังสือ พระไตรปิฎก ไม่ได้กดี กนั รไู้ ดท้ ั้งน้นั แตก่ อ่ น เห็นบ่ พระพุทธเจ้ามา เทศน์ พระพำหิยะ เป็นฆราวาสญาติโยม ได้รับธรรมของ พระพุทธเจ้าก็ได้สาเร็จเป็นพระอรหันต์ท้ังๆ ที่เป็นฆราวาส นั่น มัน ไม่มีอะไรปิดบัง ถ้าตั้งใจเอาจริง ๆ สรปุ แลว้ นะ ธรรมมนั จะโผล่หน้า ขึ้นมา ให้เราดู ให้เรารู้ ให้เราเห็น ประโยคแรกก็คือทุกข์ นั่นแหละ ใหม้ นั ทุกข์มาก ๆ มันจะมา หลวงปู่ท่านว่า อำโรคฺยปรมำ ลำภำ ผู้ไม่มีโรค เป็นลาภ อย่างย่ิง ทีน้ี ถ้าแปลทับศัพท์มัน โรคฺยปรมำ ลำภำ ผู้มีโรค เป็น ลาภอย่างยิ่ง เมื่อมันผ่านทุกข์เข้าไป จิตเข้าไปเห็นศีลเห็นธรรมจริง ลาภมันจะเกิด ตัวศีล น่ันคือ ลาภ ตัวธรรม น่ันคือ ลาภ สรุปแล้ว ถ้ามันไม่ทุกข์ ไม่มีเหตุให้ทุกข์เกิด จะไม่รู้ จะไม่เห็น เว้นแต่ผู้ที่มี นสิ ัยมาก่อน ทีพ่ รอ้ มจะรจู้ ะเห็น อนั นนั้ มนั ง่าย ท่านเทียบไวว้ า่ สขุ ำ ปฏิปทำทันธำภิญญำ ผู้ปฏิบัติเป็นสุขได้ง่ายก็มี ปฏิบัติเป็นสุขได้ ยากก็มี ปฏิบัติเป็นทุกข์ได้ง่ายก็มี ปฏิบัติเป็นทุกข์ได้ยากก็มี มัน แล้วแต่นิสสัยของใครของมัน แต่ว่าได้รับผลทุกคน ถ้าตั้งจิตต้ังใจ ถ้ามนั ไมผ่ า่ นไม่พ้นในชาติปจั จุบัน ก็ตัง้ ใจปฏิบตั ไิ ปเรือ่ ย ๆ อธษิ ฐาน จิตไปเรอ่ื ย ๆ ขออยา่ ใหจ้ ิตใจของขา้ พเจา้ หนั เหไปอยา่ งอืน่ ให้ตั้งมน่ั อยู่ในบวรพระพุทธศาสนา เพราะฉะน้ัน บางทีพวกเราน่ี เกิดพร้อม ๑๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ พระพุทธเจ้าองค์แรกก็ได้ ทาไมมันยังได้ตกค้างมาได้ถึงขนาดนี้ ท้ัง หลวงป่ทู ่ีพดู นก่ี เ็ หมอื นกนั แหละ พวกเดยี วกนั น่ะแหละ ท่านประกาศว่า อะระหัง สัมมำสัมพุทโธ ภะคะวำ พุทธงั ภะคะวันตัง อะภิวำเทมิ ก็กราบก็ไหว้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เกิดข้ึนแล้วในโลก มันไม่ได้ยิน มีหูมีไหม มี เหมือนกับหูแอบเข้า หู ป้อง ตามีไหม มี เหมือนกับตาไม้ไผ่ มันไม่รับธรรม เม่ือมันไม่รับ ธรรม มันก็เลยค้างโลก วนมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย เกิดมาแต่ละ คร้ัง พอเข้าไปปฏิสนธิครั้งแรก ชาติก็เกิดเป็นตัวสมุทัยชำติปิ ทุก- ขำ, ชรำปิ ทุกขำ, มรณัมปิ ทุกขัง, โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนสั สุ ปำยำสำปิ ทุกขำ, อัปปิเยหิ สัมปะโยโค, ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข, ยมั ปจิ ฉงั นะ ละภะติ ตมั ปิ ทุกขัง, สังขิตเตนะ ปญั จุปำทำ นักขันธำ ทุกขำ, อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อริยะ สจั จัง พระพทุ ธเจา้ ทา่ นว่า มันเปน็ ตัวสมุทัย มนั เป็นเหตุใหท้ ุกข์เกิด ต้ังใจรบั พร ท่ีพวกเราได้มารวมกัน มาสดบั ฟังธรรมคาสอน ของพระพุทธเจ้า แนวทางปฏบิ ัติ หาหนทางพ้นทุกข์ผ่านพ้นมาแลว้ บญุ ก็ไดแ้ ล้ว เวลาพวกเรารบั พร เสร็จแล้วใหพ้ วกเราแผ่เมตตา อุทศิ ส่วนบุญกุศลไปให้ ประโยคแรก อุทิศไปให้บิดา มารดา เพราะว่า บิดามารดาของพวกเรา ไม่มีแค่สองคนเท่าน้ี ถ้าย้อนหลังเป็นอดีต มันเป็นร้อยเป็นพันเป็นหม่ืน บางทีรายใดรายหน่ึงไปตกค้างท่ีใดท่ี หน่ึง ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด เขาอาศัยพวกเรา ผู้มีโอกาสมีเวลาได้ กระทาบาเพ็ญน่ีแหละ ทุกคร้ังทุกวันอย่างน้อยก็วันละสองครั้งเช้า และเย็น ก่อนนอน และก็ก่อนจะลุกขึ้นไปทาการทางาน ไหว้พระ สวดมนต์เสร็จแลว้ ก็อธษิ ฐานจติ แผ่เมตตา ส่งไปใหบ้ ิดามารดา ๑๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ทีนี้ อุทิศให้บิดามารดา แล้วก็อุทิศให้อุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติสนิท มิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร พระภูมิเจ้าที่ แม่นางธรณี แม่นางคงคา พระยามัจจุราช นายนิรยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งส่ี และสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยรอบสุดขอบเขตจักรวาล ข้างล่างถึง อเวจีมหานรก ขา้ งบนจนถึงท่สี ุดมหาพรหม และสรรพสตั ว์ทั้งหลาย และพระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ ขอท่านเหล่าน้ันให้มีส่วนแห่ง บญุ ของพวกเรา ทีน้ีถ้าหากว่าท่านเหล่าน้ันไม่สามารถรับข่าวสารอันนี้ได้ พวกเราก็บอกว่าขอความกรุณาจากเทพเจ้าที่สิงสถิต ประดิษฐาน อยู่ในสากลโลก สากลพิภพอันน้ี ขอจงนาข่าวสารอันน้ีไปให้ท่าน ท้ังหลายท่ีเอ่ยนามมาน้ี ถ้ารู้แล้วทราบแล้วก็ขอจงอนุโมทนาบุญ เหมือนกับตนทาเองเถิด ผู้มีทุกข์ขอให้มีสุข ผู้มีสุขแล้วก็ขอให้มีสุข ยิ่งๆขึน้ ไปด้วยเทอญ รับพร ยถา วาริวหา ปรู า ปริปเู รนตฺ ิ สาครํ เอวเมว อโิ ต ทนิ นฺ ํ เปตานํ อปุ กปฺปติ อิจฺฉติ ํ ปตฺถติ ํ ตุมฺหํ ขปิ ปฺ เมว สมชิ ฺฌตุ สพเฺ พ ปเู รนตฺ ุ สงกฺ ปฺปา จนฺโท ปณณฺ รโส ยถา มณิ โชตริ โส ยถา สพพฺ ตี ิโย ววิ ชฺชนฺตุ สพพฺ โรโค วนิ สฺสตุ มา เต ภวตวฺ นตฺ ราโย สขุ ี ทฆี ายุโก ภว อภิวาทนสีลสิ ฺส นิจจฺ ํ วฑุ ฒฺ าปจายิโน จตตฺ โร ธมมฺ า วฑฒฺ นตฺ ิ อายุ วณฺโณ สขุ ํ พลํ ๑๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ แกน่ ธรรมหลวงปบู่ ุญมำ คมั ภรี ธัมโม พระพุทธศาสนา พุทธะ ก็คือ ตัวผู้รู้ คือดวงจิตดวงใจของเรา ธรรมะ กค็ ือพระธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจา้ สงั ฆะ ก็คือผู้ท่ี ปฏิบตั ิ สูตรสัมพุทเธ ๓ ล้าน ๕ แสน ๘ หมื่น ๔ พัน ๑๙๒ พระพุทธเจ้า มาตรัสธรรมอันเดียวกัน มาสอนให้รู้จักตน มา สอนให้รู้จกั บญุ จักบำป จิตใจของพวกเราทั้งหลายนี่แหละเป็นศีล จิตใจนี่แหละเป็น ธรรม สติก็คือจิตใจ สมำธิก็คือจิตใจ ปัญญำก็คือจิตใจ ของดี ทสี่ ดุ ก็คอื ศลี คือธรรม ท่านจึงให้รักษาธรรม ๒ ข้อนี้ ธรรมคุ้มครองโลก หิริ ละอาย ต่อบาป ต่อกรรม โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป ต่อกรรม ไม่ใหบ้ าปกรรมเกดิ ขึน้ เพราะฉะน้ัน มาปฏิบัติ มารักษำสติ ให้มันเย็นข้ึน ให้มันรู้ มัน ก็จะมีสติ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว จะไม่ทาความช่ัวเสียหายใส่ ตน มันจะมีความละอาย จิตใจเป็นศีล จิตใจเป็นธรรม รู้จัก บญุ คุณของบิดา มารดา นะ – นี่แสดงถึง ระลึกถึงคุณของมารดา โม – ระลึกถึงคุณ ของบิดา รวมว่า นะโม – นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต – ภะคะวะโต อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า อะระหะโต ท่านเป็น พระอรหันต์ สัมมำ ท่านตรัสรู้ชอบแล้ว สัมพุทธัสสะ ทัสสนะ ท่านเหน็ ชอบแลว้ ๒๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ ท่านเห็นอรยิ สัจธรรมทัง้ ๔ ซงึ่ อยู่กบั พวกเราทกุ คน คือทุกข์ ๑ สมุทัย เหตแุ หง่ ทุกข์ ๑ นิโรธ คอื ความดบั ทุกข์ ๑ มรรค คือ ขอ้ ปฏบิ ตั ิให้ถึงความดับทุกข์ ๑ ทุกข์ ควรกาหนดรู้ ควรดู ควรวิจัย วิจารณ์ให้เห็นจริง ตาม ความเป็นจริง สมุทัย เหตุให้ทุกข์เกิด ควรปลง ควรวาง ควร ละ นิโรธ ควรทาให้แจ้ง ทาให้เข้าใจ มรรค คือ หนทางปฏบิ ัติ คือ ศลี สมำธิ ปัญญำ สัมมำทิฏฐิ ปัญญาการเห็นชอบ เห็นอริยสัจธรรมท้ัง ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สัมมำสังกัปโป ดาริออกจากกาม จากก้อนสกนธ์กายของเรา ทกุ ข์เพราะมนั มรี ่างกาย ฉะนนั้ การไม่มีกจ็ บแลว้ เหลือแต่ดวง ธรรม เหลือแตด่ วงจิตดวงใจ สัมมำวำจำ วาจาชอบ เว้นจากพูดปด พูดคาหยาบ พูด ส่อเสยี ด พดู สปั ปลบั เพ้อเจอ้ สัมมำกัมมันโต สัมมำอำชีโว การงาน การทามาหาเล้ียงชีพ ชอบ สัมมำวำยำโม เพียรละบาปท่ีเกิดข้ึนแล้ว เพียรรักษาบุญกุศล ท่ีเกิดขึ้นแล้วไม่ให้เส่ือมไป ส้ินไปจากจิตจากใจ สะสมไป เร่อื ยๆ สมั มำสติ ระลึกสง่ิ ท่ีมันเปน็ บุญเป็นกุศล ระลกึ ให้มนั ชอบธรรม อย่าไประลึกพยาบาท อาฆาต จองล้างจองผลาญ บุคคลอ่ืน สัตว์อื่น อย่าไประลึกโลภ อยากชิงได้ส่ิงของของคนอื่นมาเป็น สิง่ ของของตน อยา่ ไประลกึ เบียดเบยี นบคุ คลอืน่ สตั ว์อืน่ ๒๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ สัมมำสมำธิ ต้ังใจไว้ว่า ขึ้นช่ือว่าความชั่วเสียหายน้อยหนงึ่ นิด เดยี ว เรากจ็ ะไม่ให้มันเกดิ ขนึ้ ภายในร่างกายและจติ ใจของพวก เราเลย พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร มารดาบดิ า ท่านเรียกว่าเป็นพรหม ๒๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ พระวิชัยมุนี (ไพฑูรย์ เมตตจิตโต) วดั สำรำญนเิ วศ ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนำจเจริญ แสดงเมือ่ วันอำทติ ย์ท่ี ๒๒ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรัทธำ วัดปทมุ วนำรำม รำชวรวหิ ำร นับว่าเป็นโอกาสดที ี่พวกเราท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่าง ยิง่ ผทู้ ีไ่ ดม้ าน่งั ปฏิบตั ิธรรม ณ ศาลาพระราชศรัทธาแห่งนี้ โดยได้รับ เมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าอาวาสและท่านเจา้ คุณ เจ้า คุณโสฯ เป็นผู้นา เป็นผู้ดูแลคอยอานวยความสะดวกให้ญาติโยม ท่ี จริงการศึกษาธรรม การปฏิบัติธรรมเป็นส่ิงจาเป็น เป็นส่ิงท่ีพวก เราซ่ึงเป็นชาวพุทธ ควรจะขวนขวาย แสวงหา ปฏิบัติให้เกิดให้มีใน ชีวิตของเรา และยิ่งได้รับความสะดวกสบาย จากพระเจ้าพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ซ่ึงนับว่าพวกเราโชคดี ถือว่าเป็นผู้มีบุญ ท่านนิมนต์ พระเถระ หลวงปู่ หลวงพอ่ ครบู าอาจารย์ มาให้ธรรมะ ๒๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซ่ึงเป็นพระบรมศาสดาของ พวกเราท่านทั้งหลาย พระองค์กว่าจะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมา- สัมโพธิญาณเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ลองผิดลองถูก เสียเวลาต้ัง ๖ ปี นงั่ อยู่นีไ่ ม่ได้เสียเวลา แค่ใช้เวลาไปในทางท่ีไม่ค่อยมีประโยชน์ ไปมากกว่า เอาเวลาไปใช้เป็นคุณเป็นประโยชน์สาหรับชีวิต อันน้ี มนุษย์ ณ ปัจจุบัน จะเป็นอย่างน้ัน ถ้ามานึกมาเปรียบเทียบกับคร้ัง กอ่ น คนปจั จบุ ันคดิ ว่า ประมำทมำก ทาไมวา่ อย่างนนั้ พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสให้พวกเราท่านท้ังหลายสังเกต สังเกตสิ่งรอบๆตัวดู ดูใกล้ ๆ ที่ไหนล่ะ ที่ลมหำยใจ หำยใจเข้ำ หำยใจออก มันสะดวก โปรง่ โล่งไหม บางทมี ันก็สะดดุ ติด ๆ ขดั ๆ เป็นหวัดบ้าง โรคน้ัน โรคนี้ หลายโรค และก็โรคที่ไม่ปรากฏให้เห็น ล่วงหน้าก็มี อุบัติเหตุเภทภัยต่างๆ ถ้ามัวประมาท ไม่สนใจศึกษา ธรรม ปฏิบัติธรรม มัวประมาท เพราะการศึกษาธรรมปฏิบัติธรรม น้ัน พระพุทธเจ้าสอนพวกเราท่านทั้งหลาย ให้รู้จักใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เกดิ มาทง้ั ทีได้เปน็ คนเปน็ มนุษย์สุดแสนประเสริฐ อัคคัง ฐำนัง มนุส เสสุ ดีเลิศประเสริฐแล้ว และพวกเราย่ิงโชคดีมาก ได้มาเกิดใน ประเทศไทย อยู่ในดินแดนพระพุทธศาสนา มีครูบาอาจารย์คอย เป็นพ่ีเล้ียง คอยนาทาง ถ้าไม่สนใจไม่ใส่ใจ ก็ถือเป็นผู้หลับใหลผู้ หลงใหล สุดท้ายก็ตายเปล่า ช่วยไม่ได้ อันนี้พูดให้พวกเราท่าน ท้ังหลายได้มีกาลังใจ และได้ฟังจากท่านเจ้าคุณ ท่านบอกว่า ช่วง หลงั ๆ มาน่ี มญี าตมิ ีโยมมารว่ มทาวัตรสวดมนตเ์ ปน็ จานวนมาก อัน นี้นา่ อนโุ มทนา ผู้มาใฝ่ใจ ใส่ใจศึกษาธรรม เป็นผู้เห็นคุณค่าของชีวิต พระพุทธเจ้าสอนให้เราท่านทั้งหลายรู้จักใช้ชีวิต ให้ดี อันสิ่งสาคัญ ๒๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ในชีวิตของแต่ละท่านแต่ละคน ไม่ว่าผู้ชายผู้หญิง พูดให้เห็นง่ายๆ ให้ดู ให้รู้ ให้เข้าใจ มีอยู่ ๒ อัน คือ กำยกับใจ เรื่องดูแลเอาใจใส่ บริหาร เรื่องร่างกายนั้น โดยธรรมชาติ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ต้อง อธิบายสาธยายมากความ แต่สิ่งหน่ึงท่ีปล่อยปละละเลย ไม่ค่อยใส่ ใจ สนใจ คืออะไรล่ะ กบ็ อกแล้วว่ามี ๒ อนั คอื กำยกับใจ วันน้ี จะไปทานม้ือเช้า มื้อเท่ียง มื้อค่า ท่ีไหนมันอร่อย ท่ี ไหนมันแซ่บ ฮัลโหลหากันชวนกันไป ไปเท่ียวที่นั่น ท่ีน่ี เจริญ เพลิดเพลนิ ดูแลเอาใจใส่ทางรา่ งกายมาก สว่ นขา้ งใน คือ “ใจ” น้ัน ปล่อยปละละเลย เมื่อปล่อยปละละเลย ท่านทั้งหลายรู้ไหม มันมี โรคนะ โรคทางกาย มันมาปรากฏ มันมาแสดง คุณหมอ โรงพยาบาลช่วยเยียวยารักษา รักษาได้ก็มี รักษาหายก็มี รักษา ไม่ได้ ล้มหายตายก็มาก แต่เร่ือง จิตใจ นั่นนะ คุณหมอคุณแพทย์ก็ ยังเป็นอยู่ ยาท่ีจะรักษาเยียวยาข้างใน คือ ใจ น้ันนะ ถ้าเว้นจาก ธรรมโอสถแล้วไม่มี ธรรมโอสถ พุทธโอสถ สังฆโอสถ เป็นยา ขนานเอกในโลก สกั กัตวำ พทุ ธรัตนงั ธมั มรตั นงั สังฆรัตนงั โอสถังอตุ ตมัง วะรัง ไม่ใช่ธรรมดานะ เป็นโอสถขนำนเอกในโลก รักษาที่หมอ ทั้งหลาย ไมว่ ่าเมอื งนอก เมืองใน เมืองไหนก็แลว้ แตร่ ักษาไม่ได้ แต่ พุทธโอสถ ธัมมโอสถ สังฆโอสถ รักษาได้ อยู่สบายในโลก นี่พวก เราอย่ามองข้าม หมดที่ไปหมดทางไป ค่อยหันหน้าเข้าวัด ค่อยหัน หน้าเข้ามาสนใจฟังเทศน์ ฟังธรรม ไม่ทันกาล ในขณะเมื่อสุขภาพ ร่างกายยังดี มีเร่ียวมีแรงมาเองได้ ไปมาสะดวกได้ นี่ต้องรีบ ท่ีจริง ถ้าชาวพุทธ มันก็ไม่พ้นวัด แต่เขาหามมาไม่เกิดประโยชน์ ใส่รถมา เข็นมา ประโยชน์น้อย หรือมาวันสุดท้าย นี่ย่ิงไม่ได้ประโยชน์ มา ๒๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ อย่างพวกท่านทั้งหลาย นี่ได้ประโยชน์ ในฐานะท่ีพวกเรามา ณ ท่ี ตรงนี้ คดิ วา่ วตั ถุประสงค์ เปา้ หมายหลกั คอื มาปฏิบตั ธิ รรม หลักปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ขออาตมาอธิบายเพ่ือ เป็นแนวทาง ดังบาลีที่ยกขึ้นไว้ว่า พุทธำนุสติ เมตตำ จะ อสุภัง มรณสติ มีธรรมะอยู่ ๔ ประการ สาหรับพวกเราชาวพุทธ ควรจะ น้อมนามาปฏิบัติ ให้เกิด ให้มีข้ึนในตัวในตน ปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร ประจาวัน ประจาชีวิต เมื่อใดวันใดไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมะ ๔ ประการนี้ ให้มีความรู้สึก เกิดความรู้สึกว่าขาด ชีวิตน่ีไม่สมบูรณ์ วันนี้มันขาดอันใดอันนึง ขาดยังไง มันไม่เต็ม ชาวพุทธต้องมี จิตใจ น้อมรำลึกถึงท่ีพ่ึง คือ พระรัตนตรัย พุทธำนุสติ หรือระลึกถึงคุณ พระพุทธเจำ้ อย่างพวกเราจะปฏิบัติ สวดมนต์ ภาวนา บทแรกทีแรก แม้กระท่ังวา่ กราบน่ี กายกรรมเอาบญุ ทางกายนี่ กรำบครง้ั ที่ ๑ กม็ ี ควำมหมำย ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้ำ คร้ังที่ ๒ ระลึกถึงคุณพระ ธรรม ครั้งที่ ๓ ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ ทาไปทามา ทามาทาไป นานๆ เข้า ก็เป็นพิธี สวดมนต์ก็พอเป็นพิธี รับศีลก็เป็นพิธี สวดไป ด้วย ถวายทานไปด้วย คุยกันไปด้วย มันก็เลยค่อยเลอะเลอื น เลอะ เทอะ ผิดจากวัตถุประสงค์ท่ีท่านวางไว้ ต้องทำด้วยจิตด้วยใจ ทำ ให้ถึงใจ พร้อมด้วยกำย พร้อมด้วยใจ และให้ถึงใจ พอมันถึงใจ แล้ว มันไม่ตกหล่นเสียหายไปท่ีไหนแล้ว มันจะค้างอยู่ท่ีใจ ตัวนี้จะ เป็นที่พึ่ง เป็นส่ิงเยียวยารักษาทุกอย่างเลย ข้างใน ทาชีวิตให้ สมบูรณ์ ถ้ามคี ุณพระพุทธเจา้ คณุ พระธรรม คณุ พระสงฆใ์ นจิตในใจ แล้ว ท่านถึงบอก ต้องมีพุทธำนุสติ ไม่ใช่บอกว่า ต่อไปปฏิบัติธรรม ๒๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ นะ เข้าท่ีแล้ว ก็ระลึก พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ นะ สมควรแล้วนะ แผ่เมตตาหายจ้อย พุทโธไม่ปรากฏ พุทโธไม่มีในใจเลย แต่มีอะไรล่ะ ปัดโธ่!! มาว่าอะไรเรา มาแสดง กิริยาท่าทาง ไม่รู้จักเราเหรอ น่ะ ไปอย่างนั้น ทาพอเป็นหลักการ ทาพอเปน็ พิธีกรรม พธิ ีการ ถ้าทาด้วยใจ ทาให้ถึงใจ มันอยู่ในใจตลอด ถึงอยากให้ คล้องพระข้างใน ดีท่สี ุด ถา้ มีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆอ์ ยู่ใน นั้นแล้ว ไอ้พวกเปรต พวกผี สิ่งไม่ดี มันไม่มีโอกาสได้มาแทรกนะ มันกลัวพระ ส่ิงไมด่ ี กลวั ความดี กลวั ส่งิ ทด่ี ี เพราะความดี หรอื พระ ที่เราเอามาไว้ในใจ เอามาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ช่ัวประเดี๋ยวประด๋าว เลยหายไป ทีนี้โบราณ อาจารย์ท่านถึงสอน หลักปฏิบัติ ให้พวกเรา ท่านท้ังหลาย ระลึกท่ีพ่ึงของพวกเรา คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และต่อมา เตือน เตือน เราเป็นคน เป็นมนุษย์ รัก ความสุข เกลียดความทุกข์ หัวใจเราต้องการปรารถนาอันใด จิตใจ ชวี ติ ผอู้ น่ื คนอน่ื สตั วอ์ ืน่ ก็ไม่ตา่ งกนั ที่ว่าแผ่เมตตา แผ่เมตตา พอมารวมกันในวัดเยอะ ๆ เป็น จานวนเป็นร้อย หลายร้อย บางทีสวดมนต์ก็แผ่เมตตานะ ตามหลัก ชาวพุทธชาววัด ตอนท้าย ๆ ก็แผ่เมตตาก็มาทะเลาะกันในวัดก็มี เหมือนกัน แล้วแผ่ยังไงล่ะ แผ่เมตตาในวัดแต่ก็ยังมาทะเลาะกันอยู่ น่ี แผ่ยังไง แผ่เมตตา แล้วกระเป๋าหาย ของหายอยู่นี่ นี่มันแผ่โดย อะไรล่ะ มันแผ่ท่ีปาก ใจมันไม่แผ่ อืม อย่าเผลอนะ ใจว่า แต่ปาก สพั เพ สตั ตำ อยู่ แต่ใจบอกว่ามึงอย่าเผลอนะ กูได้จังหวะ กไู ดเ้ วลา เอาเลย เอาคืนนะ่ ๒๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ต้องแผ่ด้วยใจ เหมือนกับเราต้องการส่ิงดีๆ คนอื่นก็หัวใจ เดียวกัน โลโก ปัตถัมภิกำ เมตตำ โลกอยู่เย็นเป็นสุขเพรำะมี เมตตำธรรมนะ เมตตานี่ อุ้มชูชาวโลกอยู่ ที่มีเหตุเภทภัยท้ังหลาย ท้ังปวง ปัญหาทั้งหลายท้ังปวง คุกตะรางเรือนจามันคับแคบ นี่ แหละ ขาดหมู่น้ีแหละ เมตตา เมตตาน่ีแหละตัวสาคัญเลย ขึ้นโรง ขึ้นศาลกันเพราะอภัยไม่เป็น อย่าเผลอนะ สัพเพ สัตตำว่างั้น แต่ อย่าเผลอนะ ถ้ำมันมีเมตตำด้วยจิตด้วยใจจริง ๆ แล้ว ชุ่มเย็น ไม่ ว่าสังคมน้อย สังคมใหญ่ สังคมไหนก็แล้วแต่แหละ ที่ไหน เพศใด วัยใด ถ้ำมีเมตตำในหัวใจ ชุ่มเย็น ไปอยู่ที่ไหนก็เย็น ไม่เป็นพิษ เป็นภัย ไม่สร้ำงควำมเดือดร้อนให้ผู้ใด น่ีก็เป็นหลกั ปฏิบตั ิท่ีสาคญั เราท่านท้ังหลาย ควรคิดควรพิจารณา ย้อนเข้ามา โอปนยิโก น้อม เข้ำมำ ไม่ต้องปิดตอ้ งบงั เจา้ ของล่ะ เมตตาท่เี ราเคยแสดงออกไป กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แสดงจริง ๆ หรือเป็นมารยาสาไถย เป็นน้าใจจริงไหม ระลึกถึงคุณ พระพทุ ธเจา้ คณุ พระธรรม คณุ พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบา อาจารย์ เหน็ คุณท่านจริงไหม ต้องให้มันเหน็ จริง ใจถึงจะออ่ นโยน ใจไม่แข็งกระด้าง เอาล่ะข้อต่อมาอีก ท่านไม่ให้เราลืมตนลืมตัว ไม่ให้เราหลงตนหลงตัว ทุกคนล่ะ ไม่ว่าใคร ก็เป็นธรรมชาติของ สรรพสัตวข์ องมนุษย์ รักสวยรักงาม แต่ในหลักทางพระพุทธศาสนา ท่านให้มีขอบมีเขต อย่าหลงอย่าลืม เพลิดเพลินจนหลงจนลืม โดยเฉพาะคือผ้ปู ฏิบัตธิ รรม บางทีก็หลง เหน็ ภรรยาคนอ่นื เขา้ ใจว่า เปน็ ภรรยาตน เหน็ สามีคนอืน่ กห็ ลงอีกล่ะ หลงเจ้าของน่ะแหละ มัน ถึงเป็นอย่างน้ัน ดูหน่อยว่าความสวยความงามมันคงท่ีคงทนไหม จี รงั ยง่ั ยนื ไหม ไม่หรอก ธรรมท่านว่า ๒๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ ถ้าดูจริง ๆ ตามหลักสัจธรรม คาสอนของพระพุทธเจ้า สวยแบบโลกงำมแบบโลก ไม่จีรังย่ังยืน ไม่เท่ียงแท้แน่นอนดอก ประเดี๋ยวประด๋าว อสุภะมันแฝงอยู่นั่น ความไม่งามที่ว่า สุภะ สวยงาม อสภุ ะมาอยู่ ดแู ลกวดขนั เอาใจใส่ทกุ วท่ี กุ วัน ทุกเวลา่ เวลา บางคนตดิ สวยตดิ งามกว่าจะออกจากหอ้ ง ออกจากบ้านได้ เสียเวลา หลายช่ัวโมง ส่องแล้วส่องอีก ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา ยังไม่พอใจ ไม่หนาใจ เรียกคนนั้นมาดู เรียกคนน้ีมาดู เอ้อ เสื้อตวั นี้ กางเกงตัวนี้ อันนั้นอันน้ี ผมทรงนี้ คิ้วอย่างนี้ ตาอย่างน้ี ฮู้ว! หลาย แท้ ๆ กรรมฐานสาคัญดว้ ย อสภุ ะ ไม่ขยายมากหรอก เดย๋ี วจะไป กระทบกระเทือนบางท่าน พดู พอเป็นแนวทางย่อ ๆ นกั บวชอยู่ได้ก็ เพราะมอี สภุ ะ ถา้ ไปหลงสุภะ ทิ้งอสุภะ เจ๊งเลยเนย่ี ไมว่ ่าแตน่ กั บวช ล่ะ ชาวบ้านก็คือกัน มันก็จะหลง บ่ น่ี เอ้อ คนน้ันมันสวยกว่าของ เราเว้ย อันนั้นมันดีกว่าของเราเว้ย มันหลง ไม่มีขอบมีเขตล่ะบัดน้ี ท่านถึงเตือนไว้ สะกิดใจ เอ้อ สวย อยู่ใกล้ ๆ เราก็พอแรงแล้วล่ะ เพียงพอแลว้ ล่ะ พอดพู อแลอยู่ อย่าใหม้ นั มากเกนิ ข้อต่อมาอีก อันน้ีสาคัญมาก มรณัสสติ มรณัสสติคืออะไร ล่ะ อย่าลืมตาย โอย ไม่อยากจะฟังล่ะ ตาย ๆ อ้ะ ไม่ได้หนา แล้วก็ ยังมาบัญญัติเป็นศัพท์ เป็นพิธี เกี่ยวกับตาย เก่ียวกับงานตาย เป็น งานอวมงคล .. มงคลคอื ดี อวมงคลคอื ไมด่ ีหรือไง แตม่ ันตรงขา้ มกับ ภาษาอีสาน ประเพณีทางอีสาน บ้านเรือนท่ีมีคนตาย เขาเรียกว่า เฮือนดี บำ้ นดี ไปไหนล่ะ – ไปงานเฮอื นดี – งานเฮอื นดเี ป็นงานที่มี เฉพาะบ้านที่มงี านศพนะ แต่ศาสนพิธที ี่เป็นหลักสตู รเรียน อาตมาก็ เรียนเหมือนกันนะ งานมงคล งานอวมงคล สวดอันนี้กับงานนี้ สวด ๒๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ อันน้ีกับงานนั้น แต่ธรรมจรงิ ๆ ลองคิดสิ ไม่ว่าล่ะ เร่ืองหลักสูตรยก ใหท้ ่าน แตม่ นั น่าคิด มันตรงข้ามกันกับประเพณีชาวอีสาน เกี่ยวกับ งานศพ เขาจะเรยี กว่า เฮือนดี ไปงาน เฮือนดี บำ้ นดี เปน็ มงคล ลองนึกดูสิ คนไม่รู้จักตาย ถ้าขาดศีลขาดธรรมแล้ว มันจะ อยู่ค้าฟ้าค้าแผ่นดินเหรอ เกิดความโลภหลาย ๆ มันจะเป็นอย่างไร ล่ะทีน้ี แล้วเกิดโกรธมาก ๆ ล่ะ ย่ายีผู้อื่น เบียดเบียนผู้อ่ืน พอมี กาลังมากก็เบียดเบียนผู้มีกาลังน้อย มีสติปัญญามากก็เบียดเบียนผู้ มีสติปัญญาน้อย เอาแล้ว ยุ่งเลยท่ีน้ี พอเขาจะอยู่ค้าฟ้าค้าแผ่นดิน มันลืมเป็นลืมตาย ลืมเป็นมันไม่ลืมหรอก มันลืมตาย ไม่นึกว่าวัน ข้างหน้า ความตาย เราเดินไปหา เราเดินไปสู่ความตาย อย่าลืม น่ี เป็นพระกรรมฐานท่ีสาคัญ ที่พวกเราชาวพุทธท่านทั้งหลาย ควรจะ น้อม นึก ปฏิบัติเตือนสติได้ทุกวัน ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ผู้น้ันเป็นชาวพุทธล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีหลง ไม่มีเผลอไปสร้างความ เดอื ดร้อนให้ผูอ้ นื่ ให้บา้ นเมอื ง ให้สงั คม ทีว่ ่าเปน็ นกั ปฏิบัตธิ รรม เขา้ วัด ฟังเทศนจ์ ากหลวงปู่ ครบู า อาจารย์ ไปกราบไปไหว้ หลวงปู่ ครูบาอาจารย์องค์น้ัน สานักนั้น เคยไปปฏิบัติ เคยไป เคยฟัง ดเี ลศิ ประเสริฐ เป็นมงคลทีเ่ ราได้ไปพบ ไปกราบ ไปไหว้ ไปได้ยิน ได้ฟัง คาพูด คาเทศน์ของท่าน แต่ทีน้ี ที่ นามาพูดมาแสดง มาย้าตรงน้ี ให้พวกท่านทั้งหลายได้มาทบทวนสิ่ง ท่ีดี ท่เี ป็นมงคลท่ีเราเคยได้ยนิ ไดฟ้ งั ได้ผ่าน ทางหู ทางตา ไดส้ มั ผัส มาในชีวิตของเราน่ี ใหน้ ้อมมาประมวล มาทบทวน มาตรวจตรา มา พิจารณา ส่องเข้าไปในน้ี ยังเหลืออยู่ไหม ที่เขาว่าไปปฏิบัติ กรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ระลึกถึงอารมณ์กรรมฐาน อยู่ ๓๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ กับอารมณ์กรรมฐาน น้อมจิตน้อมใจ ในอารมณ์กรรมฐาน จิตใจอยู่ ไหม ไดส้ มั ผสั ความนิ่ง ความสงบ เป็นยังไง วัดดู เทียบดู ความร้อน ความเย็น เป็นยังไง สวดมนต์เก่ง บ่นก็เก่ง อันนั้นมันก็เสมอ เท่าเดิม ต้องเอาตัวนี้มาลด มาละ พูด เป็นภาษาสากลหน่อย คือ กิเลส เราเข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม สวด มนต์ ไหวพ้ ระ ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ กค็ ือ จะเอาธรรมะ เอาส่งิ เหลา่ นี้มา ป้องกันส่ิงที่ยังไม่เกิด คือส่ิงไม่ดี คือกิเลสน่ัน ป้องกันรักษาไม่ให้เขา้ มาหาเรา สิ่งท่ีมันมีก็ให้รู้ และนึกคิดพิจารณาหาหนทาง เอาออก เอาหนีจากชีวิตจิตใจของเรา นี่มันมีแบบนี้ ๒ อันนี้ล่ะ กำยกับใจ นี่ รกั ษำให้ดี กำยกับใจ น่ี เป็นชีวิตของเรำ ช่วงนี้ ระยะน้ีตอนมีลมหายใจ จะเห็นรูปธรรมชัดเจน แต่ นามธรรมมันไม่เป็นรูปเป็นร่าง ต้องตั้งสติ ต้องพิจำรณำ ส่องเข้า ไปสิ เหมือนท่ีอาตมาบอกให้ท่านทั้งหลาย ทบทวน ได้สัมผัส ได้ยิน ไดฟ้ ังสง่ิ ทด่ี ีเปน็ มงคล ที่น่งั อย่นู ี้ คงไดย้ ินไดผ้ ่านมาเยอะนะเนยี่ บาง ทีเราลืมคาตักเตือน คาเทศน์ โอวาท คาสอนของหลวงปู่ ครูบา อาจารย์ เราลืม พอเห็นหน้าท่าน ถึงนึกได้ พอเข้าวัด ถึงนึกได้ พอ ออกจากวัด ห่างครูบาอาจารย์ไป ไปอยูก่ บั อะไรละ่ อำรมณ์ หัวจิตหัวใจนึกถึงอะไรล่ะ ทิ้งหมดเหรอ อันนั้นใช้ไม่ได้ พอ เราท้ิง เราห่าง จิตใจเป็นยังไงล่ะ ทบทวน น่ังทบทวน ร้อนเป็นฟืน เป็นไฟ บ้านก็อยู่ไม่สุข มองดู คนท่ีเคยอยู่ร่วมกัน ไม่อยากจะมอง แต่แปลก พอไปมองหน้าผู้อ่ืน มันย้ิมให้ได้ เบื่อ หน้าเก่า หน้าเดิม นั่นแหละกิเลส ห่างพระ ห่างศีล ห่างธรรม เป็นอย่างน้ัน ถ้ามีพระ พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ อยู่ในจิตในใจ เพิ่นป้องกัน รักษา พวกเราแคล้วคลาดปลอดภัย ห้อยก็ได้ ไม่ห้อยก็ได้ พระเคร่ืองนี่ ๓๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ พอเราอาราธนาท่านมาประดิษฐ์ไว้ในจิตในใจเน่ีย โอ้ ไม่ใช่ธรรมดา นะ ถา้ ทาไดอ้ ย่างนี้ ทาได้ไหมละ่ ทาได้ ถา้ จะทา ทำให้ถึงใจ ทำด้วยใจ แต่อย่าสักว่า ถ้าสักว่าแล้วมันลืม ท่านท้ังหลาย น่ีคือ ท่ีพ่ึง น่ีคือ แนวทำงปฏิบัติ ประกันชีวิต ป้องกันชีวิตของเรำให้ปลอดภัยอยู่รอดจำกสิ่งไม่ดีบำปกรรม ปลอดภัย ณ วันนี้ วันหน้า ปีนี้ ปีหน้า ภพน้ี ภพหน้า มันร่วมกัน ทางานกายกับใจ แต่สุดท้าย มันท้ิงให้ใจผู้เดียว เวลานอนหลับมัน ยังไปกับใจอยู่ เคยนึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ดี เอาไปฝัน ร้องไห้ เสียใจ แต่ร่างกายก็นอนเฉยอยู่นัน่ นี่ยังไม่เท่าไรนะ ร่างกายเอาเข้า เมรแุ ลว้ จบแล้ว แตใ่ จไมจ่ บนะ ตราบใดที่ยังมี ยางเหนียว คือ “กิเลส” ภพชาติ วัฏฏะวน หาท่ีอยู่ หาภพ จติ เทยี วเกดิ เทียวตาย เทยี วตาย เทียวเกิด ในวัฏฏ- สงสารอันนี้ ที่ท่านสอนคือ ให้รู้จักหาที่พ่ึงจริง ๆ ควรเป็นท่ีพ่ึงจริง แล้วคือ ควำมดี ภาษาพระก็คือ บุญ บาปน่ีพ่ึงไม่ได้ บาปมาทาลาย ชีวิต ทาลายจิตใจ ที่นั่งอยู่น่ี คือ บุญ ไม่รู้จักบุญก็ ให้รู้ซะ ตัวเรา ท้งั ตวั ชวี ติ ท้งั ชีวิต นี่คือ “ก้อนบญุ ” ถ้าบุญไมม่ าก บญุ ไมเ่ พียงพอ ไม่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์สมบัติ ยังงั้นเปน็ มนษุ ย์วบิ ตั ิ มนุษย์สมบัติ พวกเราได้แล้ว ได้มาแล้ว บุญ คราวน้ีมาต่อ อีก บุญหนุนนามาแล้ว มาต่อบุญอีก มายกฐานะจากมนุษย์สมบัติ ให้ครองสวรรค์สมบัติ ใครจะอยู่ชั้นใด ภูมิใด ยกข้ึนมาสิ หัวใจ ยก ด้วยการปฏิบตั ิ สร้างที่อยู่ของเราให้เป็นสวรรค์ วิมาน ไม่ให้ตกนรก ทั้งวันทั้งคืน ใช้ไม่ได้ ร้อนกาย ร้อนใจ ทั้งวันทั้งคืน ใช้ไม่ได้ ตัวใจนี่ สาคัญสุด บางทีทรัพย์สมบัติ เคร่ืองอุปโภค บริโภค ยาดี ๆ ของกิน ของรับประทาน ของใช้ดี ๆ ข้างนอก มีหมด ครบทุกอย่าง ครบ ๓๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เครื่องทุกอย่าง แต่ใจยังร้อน ใจยังทุกข์ มีไหม มี มีหลายโคตร ภาษาอีสานบอกหลายโคตร มันเยอะแยะ ธนาคารน่ันก็มีเงิน ธนาคารน่กี ็มเี งิน ในกระเปา๋ น่กี ม็ ีตงั ค์ แต่ทกุ ข์ใจอยลู่ ่ะ จะกินยาอะไรรักษาล่ะ ธรรมโอสถ มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เริ่มเย็นแล้ว น่ีแหละยาตัวน้ีสาคัญ กำจัดทุกข์โศก โรคภัยได้นะ ไม่ใช่ธรรมดานะ คุณของพระพุทธเจ้ำ คุณของพระธรรม คณุ ของ พระสงฆ์น่ี ท่านถึงบอก ว่าให้เข้ำถึงด้วยใจ ให้ถึงใจ ทำบุญ ทำ กุศลมาไหว้พระต่าง ๆ ทำจริง ๆ ทำบ่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ กลำยเป็น อุปนิสัย ควำมเคยชินในสิ่งท่ีดี ปิดโอกำสให้ส่ิงท่ีไม่ดีคือบำป มำ แทรกแซงในชีวติ จิตใจของเรำได้ นก่ี ็ปลอดภยั น่ีแหละคอื ประกัน ชวี ิต ปลอดภยั ตลอดไปดว้ ย ไม่ใช่ธรรมดา ขออนุโมทนาท่ีท่านทั้งหลายได้ปลีก หาโอกาสนาตัวเองมา หาท่ีพ่ึงมาแสวงหาท่ีพึ่ง กลับไปบ้านมีใครบ้างอยู่ด้วยกัน มาทา ด้วยกันท่ีบ้านอีก สร้างวัดท่ีบ้านอีก ชวนลูกชวนหลานชวนสมาชิก ทาเป็นตัวอย่าง แนะนากันจะได้ที่พึ่ง เกิดที่พ่ึงทุกคน ๆ ความชุ่ม เย็นก็จะเกิดขึ้นในครอบครัวของเราในชีวิตของเรา อันนี้สาคัญ ให้ ทา่ นทงั้ หลายไดป้ ฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติไปเรอื่ ย ๆ เอาอะไรเปน็ เกณฑ์ เอาลม หายใจ หมดลมหายใจเมือ่ ไร ค่อยเลิกนะ ยกมือไม่ขึ้นแต่ยังหายใจอยู่ ก็พุทโธ ธัมโม สังโฆ ลุกไม่ข้ึน นอนอยู่ท่ีเตียง คนไข้ คนป่วย ก็พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่พุทธำนุสติ ธัมมำนุสติ สังฆำนุสติ พอเจ็บไข้ได้ป่วย มีส่ิงต่าง ๆ ใดมาปรากฏ เราไดพ้ ิจารณา เราไดท้ บทวน นค่ี ือความจริง วา่ สงั ขาร รา่ งกายของ สตั วท์ ัง้ หลาย ตกอย่ใู นความไม่เทีย่ ง อนจิ จงั ทุกขัง อนตั ตำ ๓๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ มรณัง มรณัง ตายแน่ แต่ก่อนตาย เราได้ที่พึ่งแล้ว เรามีที่ พ่งึ แล้ว ไมต่ ้องวิตกกงั วล ยิ้มสบาย ภาษาอสี านบอก ตายแซ่บ ๆ ไม่ ต้องทุกข์ ไม่ต้องทุรนทุราย กระวนกระวาย หลับสบาย เคยได้ยิน เขาพูด มีคนมาถามหลวงพ่อ ถ้าสวดอันน้ี ท่องอันนี้ได้ พอตายแล้ว ผิวเหลือง มันจะเหลืองจะดา ก็ช่างหัวมัน มันตายแล้วนี่ จะสวดให้ ผิวมันเหลืองเหรอ อันน้ีมันศพ พระพุทธเจ้าท่านให้พิจารณาเป็น อสุภะ มันจะไปยินดี ยินร้ายกับเน้ือหนังทาไม มันผุมันพังแล้ว เน้ือ หนงั มังสังของปลาตัวเลก็ ๆ ภาษาอีสานมี คอื มันมหี ลาย ๆ กไ็ ปยัด ใส่ไห เป็นปลาร้า ปลาแดก เป็นของกินได้เป็นของดี ไอ้คนจะอ้วน จะพีขนาดไหน ตายแลว้ ไม่เกดิ ประโยชน์ใด ๆ เน่าเหมน็ จะสเี หลอื ง สีอะไรก็ชา่ งหวั มนั สวดพทุ โธ เสกพทุ โธ เขา้ ใจนี่ ใหใ้ จมันดกี อ่ นตาย ตายแล้ว ก็ช่างหัวมัน อาตมาว่า ข้ีเกียจพูด เอาย่อ ๆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ใน ใจ ไมห่ ลง เออ้ อนั น้ี จาไดน้ ะ พทุ โธ ธมั โม สังโฆ อยา่ ลืม ลมื ไมไ่ ด้ เทสนำวสำเน ท่ีสุดแห่งการแสดงธรรมเทศนา ด้วย อานุภาพแห่งคุณพระพุทธเจา้ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ตลอดถึง บุญกุศลคุณงามความดีที่ท่านทั้งหลาย ได้กระทาบาเพ็ญ ณ โอกาส ครั้งน้ี จงมารวมกันเป็นตบะ เดชะ พลวะปัจจัย ปกป้องคุ้มครอง ท่านท้ังหลายให้ ปราศจากทุกข์ โศก โรค ภัย อุปสรรค อุปัทวันตราย ท้ังหลาย ทั้งปวง เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ธรรมสารสมบัติ โดยท่ัวกันทุกท่าน ทุกคน เทอญ แสดงธรรมเทศนามาสมควรแกเ่ วลา ๓๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ โลโกปตั ถมั ภกิ า เมตตา โลกอยเู่ ย็นเปน็ สขุ เพราะมีเมตตาธรรม แกน่ ธรรมพระวิชยั มนุ ี (ไพฑูรย์ เมตตจิตโต) หลักปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ดังบาลีท่ียกข้ึนไว้ว่า พุทธำนุสติ เมตตำ จะ อสุภัง มรณัสสติ มีธรรมะอยู่ ๔ ประการ สาหรับพวกเราชาวพุทธ ควรจะน้อมนามาปฏิบัติ ให้ เกิดให้มีข้ึนในตัวในตน ปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจาวันประจา ชวี ิต จติ ใจน้อมราลกึ ถงึ ท่ีพึ่งคือพระรัตนตรัยพทุ ธำนุสติ ธัมมำนสุ ติ สังฆำนุสติ คุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของ พระสงฆ์ ต้องทาด้วยจิตด้วยใจ ทาให้ถึงใจ พร้อมด้วยกาย พรอ้ มด้วยใจ และให้ถงึ ใจ กราบครงั้ ท่ี ๑ ก็มคี วามหมาย ระลกึ ถงึ คณุ พระพุทธเจำ้ ครง้ั ท่ี ๒ ระลึกถงึ คณุ พระธรรม คร้งั ที่ ๓ ระลกึ ถงึ คณุ พระสงฆ์ สกั กัตวำ พุทธรัตนัง ธัมมรัตนงั สงั ฆรัตนัง โอสถังอุตตมงั วะ รงั โอสถขนานเอกในโลก ธรรมโอสถ มีพทุ โธ ธมั โม สงั โฆ เริม่ เยน็ แลว้ ทาจรงิ ๆ ทาบอ่ ย ๆ ทาเรื่อย ๆ ให้กลายเป็นอุปนิสัย ๓๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ มนุษย์สมบัติ ชีวิตทั้งชีวิต นี่คือ “ก้อนบุญ” รักษาให้ดี กาย กบั ใจน่ี เปน็ ชีวิตของเรา โลโกปัตถัมภิกำ เมตตำ โลกอยู่เย็นเป็นสุขเพราะมีเมตตา ธรรม ๓๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ พระอำจำรยโ์ สภำ สมโณ วดั แสงธรรมวังเขำเขียว ต.วังนำ้ เขยี ว อ.วังน้ำเขียว จ.นครรำชสมี ำ แสดงเมื่อวันอำทติ ย์ท่ี ๑๙ สิงหำคม ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรัทธำ วัดปทุมวนำรำม รำชวรวหิ ำร วันนี้ได้มีโอกาสได้มาเยี่ยมพี่น้อง โดยเฉพาะชาว กรุงเทพมหานคร จะชาวไหนก็แล้วแต่เถอะ ถือว่าเราท่านท้ังหลาย ได้มาสู่สถานที่ตรงน้ี คือ ศาลาพระราชศรัทธาต่างมุ่งหวังเพ่ือ พระพุทธศาสนาทุกท่านทุกคน เราเป็นลูกพ่อแม่เดียวกัน คือมี พระพุทธเจ้า มีธรรมของพระองค์ และมีพระสงฆ์เป็นสรณะ เป็นที่ พ่ึงของเราท่านทั้งหลาย ทุกคน ๆ ถือว่าการมาวันนี้ มาเยี่ยมพ่ีน้อง ท่ีเป็นชาวพุทธด้วยกันท่ีอยู่ในกรุงเทพมหานครได้มาดูสถานท่ี เห็น สถานที่ตรงน้ีถือว่าเป็นสถานท่ีเป็นมงคล เป็นมงคลต้ังแต่แรก ๆ ๓๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ ต้ังแต่ผู้ริเริ่มสร้างสถานท่ีตรงน้ีไว้สาหรับให้คนกรุงเทพฯ ที่ไม่มี โอกาสไปเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ตามภาคต่าง ๆ สมกับศาลา หลังนี้ก็ทราบว่าเป็นศาลาพระราชศรัทธาซ่ึงในหลวง ร.๙ เรา ท่าน ได้ประเดิมทุน ถ้าจาไม่ผิด ด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นห่วงใยชาว กรุงเทพมหานครที่ไม่มีท่ีพึ่ง คาว่า ที่พ่ึงกับเคร่ืองอาศัย พ่ีน้อง ท้งั หลายต้องแยกกัน เครื่องอาศัยคือปัจจัยท้ัง ๔ บรรดาพ่ีน้องท้ังหลายก็ทราบ อยู่แล้วว่าไม่อดไม่อยาก ถือว่ากรุงเทพมหานครนี่ สมบูรณ์บริบูรณ์ ท่ีสุด แต่ท่ีคนกรุงเทพฯ ขำดมำกที่สุด คืออะไรรู้ไหม คือควำมสุข ภำยในใจ ตรงน้ีถึงเป็นพระราชดาริของในหลวง ร.๙ ท่าน พร้อม กับท่านอาจารย์มหาถาวร ถ้าจาไม่ผิด แรก ๆ ท่านได้พากันสร้าง พระองค์สละพระราชทรัพย์ นับว่าเป็นมหามงคลต้ังแต่แรก ครูบา อาจารย์ท่ีท่านได้พาดาเนินมาก็ สมัยก่อนได้ทราบว่า สถานที่นี่เป็น ที่อบรมในดา้ นจิตตภาวนา มาเรือ่ ย ๆ จนมาขาดชว่ ง คอื ชว่ งหน่ึงท่ี ท่านได้ลว่ งลบั ดบั ขันธ์ไปแลว้ ทนี ก้ี ไ็ ด้มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้า อาวาสทา่ น แล้วกท็ ่านอาจารย์เจา้ คุณมหาโสฯ ทา่ นกม็ าคิดริเริ่มอีก คืออยากสร้างกรรมฐาน คือสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานในใจกลาง กรุงเทพ ท่านก็เลยคิดริเร่ิมใหม่ นาศรัทธาญาติโยมผู้ท่ีส่งเสริมใน ด้านปรับภูมิทัศน์สถานท่ีต่าง ๆ ดูแล้วก็สะอาดหู สะอาดตา งาม เป็นสถานที่ท่ีควรท่ีจะมาพักผ่อนในด้านจิตใจ มองเห็นแล้วก็ สวยงามไปหมด อยากเห็นสถำนที่ตรงนี้เป็นสถำนท่ีประพฤติ ปฏิบตั ิธรรม เพราะสมัยปัจจุบันนี้ โลกเจริญแต่ในด้ำนวัตถุ แต่จิตใจ แห้งผำก ไปไหนมแี ตว่ ัตถุ ไม่เคยพูดทางด้านจิตใจ แมแ้ ต่การศึกษา ๓๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ ก็พูดแต่เรื่องวัตถุ ไม่เคยพูดทางด้านจิตใจ โลกท้ังหลายถึงไม่มีท่ีพึ่ง ไม่มีสรณะ เพราะฉะน้ัน ที่มันเป็นปัญหาอย่างที่ข้ึนอารัมภบท ตอนต้นนี่ ก็เพราะเราท่านทั้งหลาย ไม่ค่อยที่จะสนใจเร่ืองการ ประพฤติปฏิบัติ ส่วนนับถือ ก็น่าจะพากันนับถืออยู่ แต่การปฏิบัติ ร้สู กึ วา่ จะร่อยหรอ และแทบจะไมม่ ีเลย ในวงชาวพทุ ธเรา สงั เกตได้ ง่าย ตามวัดวาอาวาส ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะวัดกรรมฐาน เริ่มร่อยหรอลงเร่อื ย ๆ เรอื่ ย ๆ เรื่อย ๆ ท้งั ๆ ทวี่ ดั สร้างขึน้ มา ไมใ่ ช่ สร้างให้พระ ให้สงฆ์ท่านอยู่นะ สร้างเพ่ือเป็นศาสนสถาน ท่ีจะ ศรัทธาญาติโยมที่จะมาสร้างบุญญาบารมี ให้สมกับว่าเราเป็นชาว พุทธ แต่สมัยปัจจุบันน้ี กลับไม่ค่อยจะเห็นภาพอย่างนี้ มาวัดมาวา มาฟังเทศน์ฟังธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรม แต่ไปดูตามห้างที่ผ่านๆ มา ดูแล้วก็ดู ไม่ว่าสถานที่ท่องเท่ียว เต็มไปหมด ไปแต่ข้างกิเลส เข้าหาแต่กิเลส เม่ือถูกส่งเสริมแต่กิเลสมาก ๆ เข้า มนุษย์ก็เลยลืม ศีลลมื ธรรม คาว่า ศีลธรรม คือคุณงำมควำมดีท่ีจะให้มนุษย์อยู่ ด้วยกันด้วยควำมไว้วำงใจกันได้ จัดระเบียบมนุษย์ให้อยู่ด้วยกัน แม้คุณจะไปทาหน้าท่ีการงานต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ตามอานาจวาสนา ตามหน้าท่ีการงานของแต่ละคนละท่าน แต่สรุปแล้วน่ี สิ่งที่จะเป็น หลักจิตหลักใจจริง ๆ ศูนย์รวมจริง ๆ คือ ศีลธรรม ถ้ามนุษย์ไม่มี ศีลไม่มีธรรมแล้ว ยังไงประเทศชาติบ้านเมือง จะเจริญสักแค่ไหนก็ ตามแต่เถอะ จะพัฒนาไปแบบไหนก็พัฒนาเถอะ ถ้ามนุษย์ไม่กลัว บาปกลัวกรรมแล้ว สิ่งท่ีจะถูกพัฒนามาเพ่ือจะเป็นเครื่องมือสังหาร เป็นเครื่องมือท่ีจะสนองกิเลสให้มนุษย์น่ี รังแกกันได้มากที่สุด เอา ๓๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เปรียบกันมากที่สุด โลภก็โลภมากที่สุด โกรธก็โกรธเลวท่ีสดุ เพราะ ไม่มองเห็นโทษ ธรรมเท่านั้นท่ีจะเข้าไปชาระ ธรรมเท่าน้ันที่จะเข้า ไปแก้ตรงนี้ เพราะฉะน้ัน อย่างที่พูดเมื่อกี้น้ีว่า กฎหมายของ พระพุทธเจา้ ไม่ได้มมี ากเหมือนพวกเราทา่ นทงั้ หลายหรอก มีอยู่ ๕ ข้อนี่เอง ท่ีพูดไปแล้ว แต่จะพูดในภาพรวม ๆ ว่า เร่ืองของศาสนาไม่ใช่เร่ืองเล็กน้อย เป็นเรื่องท่ียิ่งใหญ่ทีเดียว ถ้า มนุษย์เอาแต่หาอยู่หากิน มนุษย์มีแต่แก่งแย่งชิงดี มนุษย์มีแต่ความ เอารัดเอาเปรียบกัน มันไม่ใช่เราจะพัฒนาเพ่ือความเจริญ มันจะ เพื่อความเส่ือมลง ๆ การท่ีจะเป็นส่ิงเหล่าน้ี เร่ืองของศำสนำ จึง เป็นเบรก เบรก ความยับยั้งด้วยควำมโลภ ด้วยความไม่ลืมหูลมื ตา เบรกควำมโกรธ ด้วยความยับยั้งชั่งจิตช่ังใจไม่ได้ เบรกควำมหลง ไว้ เพื่อจะไม่ใหล้ ะเมิดกฎหมายน่ันเอง ถ้าโลกไมม่ สี ติ โลกไม่มีอรรถมธี รรมแล้วนี่ ยงั ไง ก็ไม่มีอะไร ท่ีจะไปเบรก กลับเป็นส่ิงส่งเสริมเพ่ิมให้มากมูลพูนทวีไปอีก ปัญหา ของมนุษย์ก็จะมากข้ึนเรื่อย ๆ เร่ือย ๆ เร่ือย ๆ ฉะนั้น ท่านถึงให้มี ศาสนาไง แต่ที่น้ี ศาสนาอยู่ท่ีไหน เหมือนกับถามท่านทั้งหลาย อธิบายให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า ศีลอยู่ที่ไหน ก็อยู่ท่ีขำ ๒ แขน ๒ หัว ๑ ไม่พามันไปเดินไปลักของเขา มือไมก้ ็ไม่ไปขโมยของเขามา มนั สมองกไ็ ม่คดิ ในส่ิงทเี่ ปน็ พิษเป็นภยั หูตาก็ให้สารวม ไมไ่ ด้คดิ ท่ีไป เอารดั เอาเปรียบ ไม่ได้มองเพ่อื จะฉกจะฉวยเอาของใคร ท่ีหลวงปู่ฝ้ันท่านพูด ไม่ผิดหรอกว่าขำ ๒ แขน ๒ หัว ๑ รักษำแค่นี้เท่ำกับรักษำศีลแล้ว รักษาแค่ ๕ อย่างก็เท่ากับรักษา กฎหมาย ทั้งไม่ว่าจะกี่ร้อยก่ีล้านมาตรา เพราะกฎหมายเป็นส่ิงท่ี หยาบ แต่กฎของกรรมเป็นสิ่งท่ีละเอียดกว่ากฎหมายอีก ถ้าเรา ๔๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ รักษาได้ เราก็ไม่จาเป็นต้องอาราธนาอย่างที่ว่าเน่ีย แล้วปัญหาใน ตวั ของตัวก็ไม่เกดิ ปัญหาในตวั สังคมก็ไม่ขยายออกไป สง่ิ เหล่านี้มัน มาจากหัวใจท่ีไม่ได้รับการอบรม ไม่ได้รับการฝึกหัด ไม่ได้เข้าถึง ศาสนาน่นั เอง พอสังเกตดูชาวพุทธเราในเมืองไทยเนี่ย ตา่ งคนก็ต่าง ว่า ชาวพุทธ ชาวพุทธ พุทธกันท่ัว ไม่รู้ว่าภาคไหน จังหวัดใด มีแต่ เครื่องหมาย แต่การแสดงออกของชาวพุทธ ในยุคน้ี สมัยนี้ แทบจะ ไม่มีกนั เลย นับตั้งแตพ่ ระลงมาอีกดว้ ย ถา้ ต่างคนต่างรักษา ต่างคนตา่ ง ประพฤติปฏิบตั ิ ตา่ งคนกต็ ่างทาหน้าท่ีดว้ ยความเป็นชาวพทุ ธนะ ไม่ มีอะไรจะราบเรียบเท่ากับพระพุทธศาสนา พุทธศำสนำไป ประดิษฐำนอยู่ตรงไหน แผ่นดินใด ในหัวใจดวงใด หัวใจดวงน้ัน ก็เป็นหัวใจท่ีเป็นมงคล แผ่นดินนั้นก็เป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นไปหมด แต่เป็นเพราะอย่างนี้ หัวใจแต่ละดวง ละดวง เข้าถึงศาสนาไม่ได้ นี่ ก็ทราบข่าวเหมือนกัน แต่ก่อนตรงน้ีก็มีท้ังพระอินทร์ พระพรหม อะไรเต็มไปหมด ตอนน้ีดูตรงไหนก็งามไปหมด เราเป็นชาวพุทธ อย่าเอาอะไร ส่ิงแปลกปลอมเข้ามาในวัด การสร้างวัดสร้างวา โดยเฉพาะพระสงฆ์องค์เจ้าเราท่ีอยู่ในวัดในวา ไม่ควรจะเอาส่ิง เหล่านีเ้ ข้ามาแปลกปลอม เราเป็นชาวพทุ ธ อยา่ มาสร้างพระพิฆเนศ อย่ามาสร้างราหู อย่าเอาเจ้าพ่อเจ้าแม่กวนอิมมาอยู่ เพราะเราเป็น ชาวพุทธ เราเป็นอุบาสก อุบาสกิ า อยา่ เอาพระอนิ ทร์พระพรหมเข้า มาอยู่ตรงนี้ เราเป็นชาวพุทธ ท้าวมหาพรหมยังกราบพระพุทธเจ้า เลย กราบธรรมของพระองค์อีกด้วย กราบพระสงฆ์สาวกที่ท่าน ปฏิบตั ิดีปฏบิ ัติชอบอีกดว้ ย ๔๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ เพราะฉะน้ัน ส่ิงเหล่าน้ีไม่ควรจะเอาเข้ามา ให้มีแต่ สัญลักษณข์ องพระพุทธเจา้ นที่ ราบขา่ วว่าในหลวงรชั กาลที่ ๑๐ เรา พระองค์ทรงโปรดเมตตาวัดน้ี เขา้ มาแล้ว พระองคใ์ หเ้ อาออก น่ี สม กับที่พระองค์เป็นพุทธมามกะจริง ๆ ส่ิงไหนแปลกปลอม พระองค์ ไม่ให้เอาเข้ามา สมกับคาสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแบบน้ี เราเป็น ชาวพทุ ธ อยา่ เอาสง่ิ เหลา่ นเ้ี ข้ามา แล้วกล่าวอะไร เรากล่าว พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉำมิ เราไม่ได้ กราบข้ีหมูรา ข้ีหมาแห้ง เราไม่ได้เอาสิ่งอย่างอื่นเข้ามาแปลกปลอม เพ่ือจะมาหลอกเอาเงินเอาทอง เอาอะไรต่อมิอะไร ทาให้ศาสนา แปดเป้ือน อยากเห็นสถานท่ีตรงน้ี เป็นสถานที่มหามงคล สถานท่ี ตรงนี้ เป็นสถานท่ีของชาวพุทธ เป็นศาสนธรรม เป็นศาสนสถาน สถานที่ท่ีจะเอาศาสนธรรมเข้ามา หัวใจแต่ละดวง ละดวงก็จะมี อรรถมีธรรม ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พระพุทธก็ถือ พระธรรมก็ถือ พระสงฆ์ก็ถือ นางตะเคียนก็ถือ พระพิฆเนศก็ถือ อะไรก็ถือ แม้กระทั่งพญามารก็ถอื ซ่งึ มนั ไมใ่ ช่ เพราะฉะนั้น อย่าเอาเข้ามา ไม่อย่างน้ันแล้วน่ี ศาสนาก็จะ แปดเป้ือน วดั วาอาวาสก็จะมีผลมปี ระโยชน์ อยา่ งท่ีโลกทัง้ หลายพูด ว่า พทุ ธพาณชิ ย์ นั่นเอง สร้ำงวดั เราอย่าไปคดิ อย่างน้นั อย่าไปเอา อย่างน้ัน เอำธรรมเข้ำหัวใจคน อย่าหวังเอาเงินเอาทอง อย่าหวัง อะไรทั้งนั้น นอกจากหวังให้หัวใจคนเข้ำถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้มาเห็นสถานท่ีตรงนี้แล้วน่ี สะอาดสะอ้าน มีตั้งแต่ พระพุทธรูป มีต้ังแต่รูปพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบ นีส่ มกบั วา่ กล่าวพุทธัง ธัมมงั สงั ฆัง สรณงั คจั ฉำมิ ๔๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ พทุ ธศาสนาสอนอยู่ตรงนี้ ไมไ่ ด้สอนเพื่อเอาลาภ ไม่ได้สอน เพ่ือช่ือเสียง ไม่ได้สอนเพ่ือจะเอาบริษัท บริวาร สอนเพ่ือจะเอำ หัวใจคนให้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงพระรัตนตรัย เพราะฉะน้ัน เราท่านท้ังหลายเคยตรวจตราดบู ้างไหม ในฐานะที่เรา เป็นอุบาสก อุบาสิกา เรามีไหม ศีล ๕ คุณสมบัติของมนุษย์ คุณสมบัติของอุบาสก อุบาสิกา เรามีพระพุทธเจ้า มีธรรมของ พระองค์ มีพระสงฆ์ดารงอยู่ในหัวจิตหัวใจของแต่ละท่านแต่ละดวง มีแค่นี้ถือว่าเป็นพุทธมามกะ ถือว่าเป็น อุบาสก อุบาสิกา ถือว่าเปน็ เหล่ากอของพระพทุ ธเจ้า ในระยะหลัง เริ่มจะผิดจะเพี้ยนกันมากแล้ว ปัญหามันถึง เกิด แต่ละวัด ละวัด สร้างสิ่งวัตถุขึ้นมาเพ่ือจะหลอกล่อคนเข้าวัด เอาตลาดร้านเรเข้าไปอีกด้วย หลอกคน หรือหวังจะให้คนเข้าวัด อันนั้นเข้าไปเพ่ือธุรกิจ ไม่ได้เข้าไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระ ศาสนา พี่น้องทั้งหลายโปรดเข้าใจว่าพระพุทธศาสนาไม่ได้เดินทาง น้ี ธรรมของพระองค์เป็นธรรมท่ีบริสุทธิ์ เราเป็นชาวพุทธ เราอย่า เอาส่ิงเหล่าน้ีเข้าไปแปลกปลอม อย่าไปเคลือบแฝง ไม่อย่างน้ัน ศาสนาเราจะ .. ศาสนาไม่ได้เส่ือม อนุชนรุ่นหลังผู้ที่จะเข้ามาทีหลงั จะเข้าใจว่า น่ีหรือคือเนื้อคือหนังของศาสนา น่ีหรือคาสอนของ พระพุทธเจ้า สอนกันอย่างน้ีหรือ เพราะคนไม่ถึงศาสนา จึงมักจะ โจมตีศาสนา ดูถูกศาสนาอีกด้วย มันเป็นบาปเป็นกรรมแก่ผู้ดูถูก จริง ๆ แลว้ ศาสนาไมไ่ ดส้ อนอยา่ งนี้ ศาสนาไม่เคยเสื่อม แม้จะไม่มีผู้นับถือศาสนา ศาสนาก็ยัง เป็นศาสนา พระพุทธเจ้ายังเป็นพระพุทธเจ้า ธรรมของพระพุทธ องค์ก็ยังคงเส้นคงวา เป็นอกำลิโก ไม่เลือกกาลเลือกสมัยอยู่ ถึงได้ ๔๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เคยบอกบรรดาพ่ีน้องทั้งหลายโปรดได้ทราบว่า พุทธศำสนำเป็น ศำสนำคู่โลกคู่สงสำร ไม่ใช่ศาสนาที่จะมาแต่งมาเติมเอา ไม่ใช่ ศาสนาท่ีจะมาน่ังเทียนเขียนเอา หรือว่ามาบันทึกเอามาบัญญัติเอง เมื่อไร อย่างศีล ๕ คนท้ังหลายก็ว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติ จริง ๆ แล้วไม่ใช่พระองค์มาทรงบัญญัติขึ้น แต่เป็นเพราะการตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้าว่า สิ่งเหล่าน้ีเป็นอย่างน้ี อย่างนี้ การตรัสรู้ของ พระพุทธเจา้ เทา่ น้ัน คือนาส่ิงที่พระองค์ได้ตรัสรู้มาบอก บอกว่าการ ทากรรม สิ่งเหล่านี้ คือ ส่ิงไม่ดี สิ่งเหล่าน้ี นี่คือความเป็นจริง น่ีคือ สัจธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ได้เห็นมาอย่างน้ี เป็นมาอย่างน้ี ไม่ใช่ พระพุทธเจ้ามานั่งเทียน ไม่ใช่เป็นปรัชญา มาน่ังคิด นอนคิดเอา เมอ่ื ไร ไมไ่ ดเ้ ปน็ อย่างนนั้ พุทธศำสนำเกิดข้ึนมำด้วย อริยสัจ ๔ ไม่ได้มาตบมาแต่ง ข้ึน ไม่ได้มาสร้างขึ้น เห็นไหม พระพุทธเจ้าท่ีพระองค์ได้ตรัสไว้ ก่อนท่ีพระองค์ได้ตรัสรู้ว่า ธรรมมีอยู่ เกิดอยู่ ก่อนพระองค์ที่จะมา ตรัสรู้ด้วยซ้าไป เพียงแต่ทาของคว่าให้หงายขึ้นมาเท่านั้นเอง เราถงึ เห็นคุณของพระพุทธเจ้า เราถึงกล่าว พุทธัง สรณัง คัจฉำมิ เอา คุณของพระพุทธเจ้า แม้จะมีธรรม มีมากัปไหน กัลป์ใดก็แล้วแต่ เถอะ แต่ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้านาส่ิงเหล่าน้ีขึ้นมาเผย ขึ้นมาเปิดเผย สภาวธรรมข้ึน สิ่งเหล่านี้ บรรดาสัตว์โลกท้ังหลายก็คิดข้ามไปข้าม มา เดินข้ามไปข้ามมาอยู่นั่น เพราะพุทธศาสนาถึงเกิดข้ึนด้วยการ ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ให้พี่น้องท้ังหลายเข้าใจ ไม่อย่างนั้นก็จะ เข้าใจ ตีความหมายของพุทธศาสนา ตีความหมายผิดหมด หาว่า พระพุทธเจ้าเกิดมาได้ ๒,๕๐๐ กว่าปี เกิดมาตรงไหน นี่คือพระธาตุ ๔๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ พระขันธ์ พระรปู พระโฉมของพระพุทธเจา้ ของศาสดาของมหาบุรุษ ที่เกิดข้ึนมาตรัสความจริง มาตีแผ่ให้บรรดาสัตว์โลกทั้งหลายได้รู้ ตา่ งหาก จริง ๆ แล้ว ธรรมของพระพุทธเจ้ามีก่อนหน้านอ้ี ีก เหมือน ดวงอาทิตย์ใครไปสร้างมัน ความร้อนของไฟ ใครไปปรุงแต่งให้มัน ร้อน เกลือใครไปปรุงแต่งให้มันเค็ม มันเป็นสัจธรรมของมัน มัน เป็นอยู่อย่างนั้น สภาวะธรรมท้ังหลายที่พระพุทธเจ้านาข้ึนมาตรัส ไม่ว่าบาปบุญคุณโทษ นรกสวรรค์ เช่นเดียวกัน ไม่ใช่พระองค์ไป สร้างข้ึนมา ว่าถ้าทาไม่ดี เด๋ียวจะตกนรก ทาความดี เดี๋ยวก็ได้ข้ึน สวรรค์ สิ่งเหลา่ นี้ มันเป็นสัจธรรมตา่ งหาก นแ่ี หละ ทวี่ า่ เราอศั จรรย์ ธรรมของพระพุทธเจ้า ส่ิงที่ว่าเป็นธรรม เป็นธรรมข้ึนมา มันเป็น สัจธรรม คือ ควำมจริง ความจริง อยู่อย่างน้ี แต่ในเมื่อบรรดาสัตว์ โลก มันมีแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันมีกิเลส ราคะ ตัณหา อวิชชา ตัณหา อุปาทาน มันมาก มันก็เลยมองไม่เห็น เพราะฉะนั้น มันถึงเดนิ ขา้ มไปข้ามมาอย่อู ย่างน้ี เลยตีความหมายของพระพุทธศาสนาต่า ๆ ตามกิเลสของ เจา้ ของ หนกั เข้าก็บอกว่าบาปบญุ คุณโทษนรกสวรรค์ไม่มีบ้าง หนกั เขา้ ก็บอกว่าศาสนาก็คือคาสอนบ้าง ก็เพราะว่าเราทา่ นทั้งหลายไป ตคี วามหมายอย่างนี้ ตแี บบโลก ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตตร- ธรรม เป็นธรรมที่โลกที่มีกิเลสหนาเอ้ือมไม่ถึงต่างหาก เราจะมาตี แค่โลกียธรรมได้อย่างไร ธรรมทุกบททุกบาท สอนคือสอนให้เข้าถึง ความจริงต่างหาก แล้วจะมาเข้าใจว่านรกเพิ่งมีเมื่อ ๒,๐๐๐ กว่าปี ได้อย่างไร สวรรค์เพ่ิงจะมาปรากฏตอนท่ีพระพุทธเจ้าเพ่ิงมาตรัสรู้ ไดอ้ ยา่ งไร ใหเ้ ขา้ ใจซะ ชาวพุทธทุกวนั น้ี ส่วนมากจะไม่เขา้ ใจกันเลย ๔๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ ตีความหมายตามกิเลสของเจ้าของ ไม่เคยมองเห็นศาสนาเลย ไม่ เคยปฏิบตั ิศาสนา แลว้ จะเข้าใจศาสนาไดไ้ ง เม่ือไมเ่ ขา้ ใจศาสนา มนั ถงึ เอาศาสนาไปคลุกเคล้ากบั ส่งิ ต่า ๆ ของเจา้ ของ ธรรมของพระพุทธองค์ไม่ว่าทุกบททุกบาทสอน สอนเพื่อ คุณงามความดีทั้งน้ัน แต่ท่ีบรรดาสัตวท์ ั้งหลายไม่สามารถทาได้ แต่ ทาตามอาเภอใจของเจา้ ของ ก็เพราะถูกกิเลสมนั เบียดมันบัง มนั ปก มนั ปิดไว้ ถงึ ใหบ้ รรดาท่านทงั้ หลายโปรดเข้าใจวา่ พทุ ธศาสนาน่ี มัน ไม่ใช่ที่เราจะต้องมาคิดเอา บางรายเอานักวิทยาศาสตร์มาเทียบ .. มาเทียบอะไร ของมันอยู่กับโลก นักวิทยาศาสตร์ก็มีแต่กิเลสทั้งน้ัน เหตุผลน้ัน มันเป็นเหตุผลของอยู่ในโลกต่างหาก มันเหตุกับผล ให้ เข้าใจ แต่พุทธศาสนาอยู่นอกเหตุเหนือผลนู่น แล้วจะเอามา เปรียบเทียบได้อย่างไร เนี่ยบรรดาสัตว์ เราชาวพุทธท้ังหลาย ไม่ ค่อยจะเข้าใจ ไม่ค่อยจะสนใจที่ประพฤติปฏิบัติศาสนา เลย ตีความหมายตามกิเลสของเจ้าของ เอาความรู้ หลักวิชาทางโลกไป บรหิ ารศาสนาบา้ ง เอาวิชาการทางโลกไปวางไว้ในกรอบของศาสนา บ้าง มันไม่ใช่ ฟังแต่ว่าโลกกุตรธรรม ธรรมท่ีเหนือโลก ผู้ที่อยู่ใน โลก คิดอยู่ในโลก วนอยู่กับโลก ไม่สามารถที่จะเข้าใจพุทธศาสนา ได้ นอกจากผู้ที่ปฏิบัติธรรมเท่าน้ัน ถึงมาวันนี้ถึงอยากให้บรรดาพ่ี นอ้ งทั้งหลายไดส้ นใจธรรมะภำคปฏิบตั ิ สถานท่ีตรงนี้ก็เป็นสถานท่ีเหมาะแล้ว เป็นท่ีสมควรแล้ว ถึงหาไม่ค่อยจะมีแล้วในกรุงเทพฯ สถานท่ีแบบน้ี ทาไว้เพื่ออะไร เพื่อให้ชาวพุทธเรา ได้มีโอกาส วาสนาได้มาสร้างสมบุญญาบารมี มาค้น มาเดินตามหาพระพุทธเจ้า จะเอาอะไรไปจับ เอากล้อง ๔๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ จุลทรรศนน์ ่นั เหรอ ไปจบั พระพุทธเจา้ อันนม้ี นั ของโลกมันไม่ใช่ของ เหนอื โลก เอาของหยาบ ๆ อย่างน้ีไปจับ มนั ไม่มีทางจะจบั ได้ แม้แต่ จิตใจที่เป็นนามธรรม ท่ีเป็นจิตใจที่โดนถูกกิเลสครอบหัวไว้ มันยัง ไมไ่ ดร้ ู้ได้เข้าใจเลยเร่ืองของศำสนำ ตอ้ งอำศยั กำรปฏิบัติเท่านน้ั น่ี แทบจะไม่มีเลย เคร่ืองหมายของชาวพุทธ วันพระวันเจ้า น่ีวันน้ีวัน พระด้วย อยากเหน็ ชาวพทุ ธเราเขา้ วดั นห่ี ันหนา้ เข้า ลงเหว หันหลงั ให้วัด แล้วจะเข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างไร หัดเข้าวัดเข้าวาเข้า หาศาสนา นับต้ังแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ลงมา จนกระทั่งถึงประชาชนคน ธรรมดาก็ให้เข้าวัดสิ เราจะได้เห็นพระพุทธศาสนาเบ่งบานใน ประเทศไทยบ้าง ประเทศอื่นเขาไม่นับถือ อย่างไรมันก็ไม่น่ัน แต่ จริง ๆ แลว้ ถงึ ไม่นบั ถอื พุทธศาสนาก็ปรากฏ ทาไมถึงว่าอย่างนั้น ใครก็มีขันธ์ ๕ ทุกคน มีพุทธศาสนา ไหม พระพุทธเจ้าช้ีบอกแล้ว เห็นไหมน่ัน ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างน้ี มีมนุษย์หน้าไหนในโลกน้ี มันจะไม่เจออย่างนี้ นี่ก็คือ พระพทุ ธเจ้าชบ้ี อกแลว้ พยากรณ์ไวห้ มดแลว้ ผิดทไ่ี หน เอา้ แม้พวก นั้นจะไม่รู้เร่ืองพุทธศาสนาก็แล้วแต่ ความโลภ ความโกรธ ความ หลง ราคะตัณหา บรรดาสรรพสัตว์ท้ังหลายในโลกธาตุน้ี ต่างคนก็ ต่างมาติดจมอยู่อย่างนี้ สิ่งเหล่าน้ีใครพูด นอกจากพระพุทธศาสนา พดู เทา่ น้ัน แล้วใครว่าพุทธศาสนาไม่ครอบโลกธาตุ เราเข้าใจแต่ ศาสนาเป็นวัตถุ เป็นพระเป็นเณรบ้าง เป็นวัดเป็นวาบ้าง นี่มันวัตถุ นม่ี นั ศาสนวตั ถุ ไม่ใชศ่ าสนธรรม ศาสนธรรมเราต้องปฏิบัตสิ ิ นับแต่ ให้ทานข้ึนมา พอพูดเร่ืองทาน ก็บอกว่าพระเห็นแก่ตัว เพราะพระ ท้ังหลายส่วนมากจะสอนให้ทาน เป็นส่วนใหญ่ ต่างคนก็ต่างมองว่า ๔๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ศาสนามีแต่สอนเอาทั้งนั้น เข้าวัดก็เสียตังค์ ไม่ต้องเสียตังค์หรอก มี อะไรก็เอาตรงน้ันมาทาให้เป็นประโยชน์แก่หัวใจเจ้าของ ไม่มีวัตถุ เงินทองข้าวของ เอาแค่กายวาจาใจ เอาแค่ขันธ์ ๕ นี่มาก้มลงกราบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แค่น้ีก็ได้บุญแล้ว มาน่ังสมาธิภาวนา นี่ บริกรรมพุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่ก็ได้บุญแล้วนี่ มาเดินจงกรมอีก กลับไปกลับมา จะเอาสักก่ีเวลา ก่ีนาทีก็ได้ นี่ก็เป็นบุญแล้ว บุญไม่ จาเป็นท่ีจะต้องหิ้วสังฆทาน ไม่จาเป็นต้องเอาเงินซื้อบุญหรอก ที่ เขาเอาเงินถวาย เอาปัจจัยถวาย เอาส่ิงของถวาย น่ันคนเขา เหลือเฟือแล้ว พอท่ีจะมีอยู่ ช่วยเหลือจุนเจือกันไป อย่างท่ีหลวงปู่ ม่นั ว่า มแี ล้วค่อยเอามาให้ พอหรือยงั ถ้าพอแล้ว ค่อยเอามา หลวงปู่มั่น ท่านไม่เคยทาใหใ้ ครกระทบกระเทือน ไม่ใชเ่ อา คาว่าบุญไปหลอก เป็นพระก็คอยแต่จะหลอก หลอกส่ิงน้ัน หลอก สิ่งนี้ ว่าทาบุญสิ่งน้ัน ทาบุญสิ่งน้ี มันได้บุญมาก ถ้าคนถึงพระ รัตนตรัยแล้ว ไม่ต้องเชื้อเชิญ เขามีเหตุผลของเขาแล้ว เขาจะทา ของเขาเอง ยิ่งคนถึงพระรัตนตรัยด้วยแล้ว ทาบุญไม่อ้ัน ไม่ต้องไป ไหวว้ านกไ็ ด้ ไม่ตอ้ งขอร้อง ไม่ต้องบอกก็ได้ ทายงั ไงทเี่ ราชาวพุทธที่ จะเข้าถึงศาสนาเสียก่อน เหมือนกินก๋วยเต๋ียว กินแล้วค่อยจ่ายตังค์ พทุ ธศาสนาเหมือนกันสอนให้ปฏบิ ัติ ให้เชอื่ ตามความเปน็ จริงของที่ ตัวเองได้พิสูจน์แล้ว เมื่อเชื่อแล้ว ในสิ่งเหล่าน้ี มันจะเป็นมาเอง หรอกน่ะ ไม่ใช่อยู่ๆ มาเอาแต่บุญยัดเยียด ไม่ใช่อยู่ ๆ มาเอาอะไร ต่อมิอะไร ไปยดั เยยี ดกนั ให้รู้จกั พำกันเข้ำวดั เขำ้ หำพระรตั นตรัย เขำ้ ถงึ พระรัตนตรยั เขำ้ ถึงพทุ ธ ธรรม สงฆ์เสยี ก่อนน่ะ ถ้าพอเข้าถึงตรงนีแ้ ล้ว มนั เปน็ ของมนั เองหรอกน่ะ เหมือน ทานก๋วยเต๋ียวรู้ว่ารสชาติมันดี ซ้ือส่ิงของมาได้ ควรที่จะให้ก็ให้แล้ว ๔๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ ทีนี้ ไม่ให้มันก็ไม่เป็นธรรม พุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน มาเข้ามา เสยี ก่อน น้อมกำย วำจำ ใจ นอ้ มธำตุ ๔ ขันธ์ ๕ เขำ้ มำก่อนเถอะ เข้ำมำหำพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อใจมีพระพุทธ พระ ธรรม พระสงฆ์แล้ว แล้วใจดวงน้ันมันเที่ยงตรงต่อพระรัตนตรยั แล้ว ยังไงก็ไม่เป็นอ่ืน เร่ืองการทาบุญ ไม่มีใครสู้ชาวพุทธ การบริจาคก็ เหมอื นกัน ถา้ ใจเขาถึงพทุ ธ ธรรม สงฆ์แล้ว ยังไงเขากร็ เู้ หตุ รูผ้ ล น่ี ยังไม่ทันไรเลย แป๊ป ๆ ก็เอาเงินซื้อบุญแล้ว ไปไหนไม่มีตังค์ก็เลย เข้าวัดไม่ได้ บรรดาพี่น้องชาวพุทธท้ังหลาย ไม่ต้องมีอะไรหรอก สาหรบั คนทไี่ ม่มี พออยพู่ อกิน มาเถอะ เหมือนท่สี มเดจ็ พระสังฆราช ท่านพูดวา่ ไม่ให้เอาเงนิ ทาบุญ ความจริงพระองค์ไม่ได้ตรสั อย่างน้ัน เราไมเ่ ขา้ ใจพระองค์เอง พระองค์อยากใหร้ ู้ ใหเ้ ข้าถงึ พระพุทธ พระ ธรรม พระสงฆ์ เสียก่อน พอเข้าถึงแล้ว ควรจะทามากน้อยแค่ไหน ผู้นั้นจะทราบเอง เข้าใจเอง ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงห้ามไม่ให้เอาเงิน ไม่ให้เอาปัจจัยทาเมื่อไร อันน้ีอยากเอามาพูดกันเป็นประเด็นแรก ให้ใจเราเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสียก่อน ให้กาย วาจา ใจเรา น้อมเข้าสู่พระศาสนาเสียก่อน เราท่านทั้งหลายค่อยวา่ กันจะ ทาบญุ แบบไหน คนท่ีเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ถึงพระ รัตนตรัยแล้ว เขาจะทราบเอง ไม่วา่ เขาจะใหท้ าน เร่ืองรกั ษาศีล ศีล เขาไม่บกพร่องอยู่แล้ว คนเข้าถึงพระรัตนตรัย เรื่องภาวนาดว้ ยแล้ว ย่ิงภาวนา ใจก็ยิ่งเปิดกว้าง เปิดกว้างออก ใจเปิดกว้างมากเท่าไร ความซ้ึงในธรรมะ ความเข้าใจในศาสนา ยิ่งเข้าใจมาก คน ๆ นั้น แหละ ทีน้ี อย่าว่าแต่ให้เลย โลกทั้งใบยังให้ได้เลย เห็นไหม พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ท่านทั้งหลาย เช่น พระหลวงปู่บ้านตาดท่านอยู่เพ่ือ ๔๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook