Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ

การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ

Published by TECH IHRD, 2021-02-01 07:39:59

Description: การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ

Search

Read the Text Version

ก า ร เ บิ ก จ่ า ย ค่ า เ ช่ า บ้ า น ข้ า ร า ช ก า ร

การจัดการความรู้ (Knowledge Management หรือ KM) ในองค์ความรู้ เรื่อง การเบิกจ่ายค่าเช่า บ้านข้าราชการ เป็นการนําความรู้จากการปฏิบัติงานตลอดจนรวบรวมกฎหมาย ระเบียบ และข้อมูลต่าง ๆ ที่ เก่ียวข้อง มารวบรวมไว้เพื่อให้บุคลากรของกลุ่มตรวจสอบภายใน สป.ทส. ได้ศึกษาพัฒนาความรู้และช่วยใน การปฏิบัติงานตรวจสอบ สืบเนื่องมาจากกลุ่มตรวจสอบภายในได้จัดทําแผนการจัดการความรู้ ประจําปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้กําหนดกิจกรรมชุมชนนักปฏิบัติ (COP) เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่ม ตรวจสอบภายใน เร่ือง การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ ดังน้ันเพื่อสนับสนุนการจัดการความรู้และการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเพื่อนําองค์ความรู้มาจัดทําแนวการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ ให้ บุคลากรของกลุ่มตรวจสอบภายใน สามารถเข้าถึงความรู้พร้อมแบ่งปันความรู้ภายในกลุ่มตรวจสอบภายใน และดําเนินการเผยแพร่องค์ความรู้เก่ียวกับการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการในเว็บไซต์ของกลุ่มตรวจสอบ ภายใน สป.ทส. ใหบ้ ุคคลทสี่ นใจได้เข้าถงึ องคค์ วามรดู้ งั กลา่ ว

2 ความสาํ คัญและความเปน็ มา ค่าเช่าบ้านข้าราชการ เป็นค่าตอบแทนอย่างหนึ่งซึ่งทางราชการให้กับข้าราชการนอกเหนือจาก เงินเดือนและเงินตอบแทนอื่นท่ีได้รับจากทางราชการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก่ข้าราชการผู้ที่ได้รับความ เดือดร้อนในเร่ืองท่ีอยู่อาศัยเน่ืองจากทางราชการเป็นเหตุ คือ ได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจํา สํานักงานแห่งใหม่ในต่างท้องที่ท่ีข้าราชการผู้นั้นได้ปฏิบัติราชการอยู่ จึงได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย หากทางราชการไม่ได้จัดบ้านพักให้ ไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรส หรือได้รับคําส่ังให้ เดินทางไปประจาํ สํานกั งานใหม่ในต่างท้องที่ตามคําร้องของตนเอง ซ่ึงหากข้าราชการจะต้องไปเช่าบ้านเพื่อใช้ เป็นที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้เท่าท่ีจ่ายจริงตามสมควรแก่สภาพแห่งบ้าน รวมทั้ง ให้ข้าราชการท่ีมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านที่เช่าซื้อบ้านหรือผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านที่ค้างชําระอยู่ใน ท้องท่ีท่ีไปประจําสํานักงานใหม่เพ่ือใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยและได้อาศัยอยู่ในบ้านนั้นจริง สามารถนําหลักฐานการ ชําระค่าเช่าซ้ือหรือผ่อนชําระเงินกู้ดังกล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้านแทนการเช่าบ้านได้ ทั้งน้ี แต่ไม่เกินจํานวนเงินท่ี กําหนดไว้ในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการ เว้นแต่ ข้าราชการผู้น้ันเข้าข้อยกเว้นที่ทําให้ไม่เกิดสิทธิได้รับค่า เช่าบ้าน ค่าเช่าบ้านจึงไม่ใช่สวัสดิการที่จัดให้กับข้าราชการเพราะสวัสดิการจะมีลักษณะท่ีทุกคนจะต้องได้ เหมือนกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กระทรวงการคลังจําเป็นต้องออกกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ เพื่อกําหนด สทิ ธแิ ละวธิ ีการเบิกจ่ายคา่ เช่าบ้านตามสิทธขิ องข้าราชการ และมีการแกไ้ ขเพิ่มเตมิ เพื่อให้มีความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกับสภาพการณ์ปัจจุบันทเี่ ปล่ยี นแปลงไป สาระสําคญั ของกฎหมายและระเบยี บที่เก่ยี วข้อง การกําหนดสทิ ธแิ ละวิธีการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตามสิทธิข้าราชการ กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง จึงได้กาํ หนดกฎหมาย ระเบียบ และหลกั เกณฑท์ ี่เก่ยี วขอ้ งเพอ่ื เปน็ แนวปฏบิ ตั เิ ดยี วกนั ดงั น้ี 1. พระราชบัญญตั ิการกาํ หนดหลกั เกณฑ์เก่ียวกบั การจา่ ยเงนิ บางประเภทตามงบประมาณรายจา่ ย พ.ศ. 2518 มาตรา 3 การจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายในประเภทดังต่อไปนี้ ใหก้ ระทําได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎกี า (1) คา่ เชา่ ซื้อบา้ นขา้ ราชการ (2) ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการหรือค่าท่ีอยู่อาศยั ของขา้ ราชการ (3) ค่าใช้จา่ ยในการเดนิ ทางไปราชการ (4) เบย้ี ประชมุ กรรมการ (5) เงินเดือนระหวา่ งลาของข้าราชการ (6) เงินสวัสดิการจากทางราชการ พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหน่ึง ให้กําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงิน วิธีการเบิกจ่ายอัตราการ จา่ ย ของผมู้ ีสิทธิได้รบั เงินนั้นและหลักเกณฑอ์ นื่ ตามทเี่ หน็ สมควร มาตรา 4 นับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบค่าเช่าบ้านข้าราชการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พระราชกฤษฎีกาวา่ ดว้ ยการจ่ายเงนิ เดือนระหว่างลาของข้าราชการพลเรอื นและตลุ าการและพระราชกฤษฎีกา วา่ ดว้ ยการจ่ายเงินเดือนระหว่างลาของของข้าราชการอัยการ และประกาศกระทรวงการคลังท่ีออกตามความ ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และระเบียบการจ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการในประเภทต่างๆที่ใช้อยู่ในวันท่ี

3 พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้ได้ต่อไประหว่างท่ียังมิได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาประกาศ กระทรวงการคลัง หรอื ระเบยี บท่อี อกตามพระราชบัญญตั นิ ข้ี ้นึ ใหม่ มาตรา 5 ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี 2. พระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการ ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2547 และทแี่ ก้ไขเพมิ่ ถึงฉบับท่ี 5 พ.ศ. 2561 มาตรา 21 พระราชกฤษฎกี านีใ้ ห้ใช้บังคบั ต้ังแตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ใหย้ กเลิก (1) พระราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการ พ.ศ. 2547 (2) พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2532 (3) พระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บ้านขา้ ราชการ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2533 (4) พระราชกฤษฎกี าคา่ เชา่ บา้ นข้าราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2535 (5) พระราชกฤษฎกี าค่าเช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2539 (6) พระราชกฤษฎกี าค่าเช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2541 (7) พระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2541 (8) พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ข้าราชการ”5 หมายความวา่ ข้าราชการพลเรอื นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น ข้าราชการฝา่ ยตลุ าการศาลยตุ ิธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนในถาบัน อุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการรัฐสภาตาม กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา ข้าราชการตํารวจตามกฎหมายว่าด้วยตํารวจแห่งชาติข้าราชการ ทหารตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบข้าราชการทหาร และขา้ ราชการครตู ามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา” “เงินเดือน” หมายความวา่ เงินเดอื นสุทธิที่ข้าราชการไดร้ บั ท้งั นี้ เมือ่ หักเงินเบกิ ลดเนื่องจาก การปรับช้ันเงินเดือนออกแล้ว และรวมกับเงินเพ่ิมพิเศษรายเดือนสําหรับค่าวิชาหรือเงินเพิ่มการ เลอื่ นฐานะ หรือสาํ หรับประจาํ ตาํ แหน่งท่ตี อ้ งฝา่ อนั ตรายเปน็ ปกติ หรือสาํ หรบั การสู้รบ “สถาบันการเงิน” หมายความว่า สถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ หรือสหกรณ์ท่ีดําเนินกิจการเกี่ยวกับ การเคหะ ทั้งนี้ ตามท่ีกระทรวงการคลังกําหนด และกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วย กองทนุ บําเหน็จบาํ นาญข้าราชการ “ท้องที่” หมายความว่า กรุงเทพมหานคร อําเภอ ก่ิงอําเภอ หรือท้องที่ของอําเภอหรือก่ิงอําเภอท่ี กระทรวงการคลังประกาศกําหนดให้เปน็ ท้องท่เี ดยี วกนั ตามมาตรา 5 “ท้องท่ที ่ีเริม่ รับราชการครั้งแรก” หมายความว่า ท้องที่ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการ หรอื มีคาํ สงั่ ให้ไปปฏิบตั ริ าชการ และไดม้ กี ารรายงานตวั เพ่ือปฏิบัตริ าชการตามพระราชกฤษฎีกานเี้ ป็นครัง้ แรก “ท้องที่ท่ีกลบั เข้ารับราชการใหม่” หมายความวา่ ท้องที่ทกี่ ลับเข้ารบั ราชการเป็นข้าราชการตามพระ ราชกฤษฎกี าน้ี “ภัยพิบัติ” หมายความว่า ภัยธรรมชาติหรือความเสียหายอย่างใด ๆ ซ่ึงเกิดขึ้นโดยที่ผู้ซ่ึงได้รับความ เสียหายน้ันไมม่ สี ว่ นทจ่ี ะต้องรว่ มรบั ผดิ ด้วย 5 มาตรา 4 แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2561

4 มาตรา 5 ให้กระทรวงการคลังมีอํานาจประกาศกําหนดให้อําเภอหรือกิ่งอําเภอหลายท้องท่ีรวมกัน เป็นทอ้ งท่เี ดยี วกันได้ มาตรา 6 การจา่ ยเงนิ งบประมาณรายจา่ ยเป็นเงินคา่ เชา่ บ้านข้าราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ อตั ราตามพระราชกฤษฎกี านี้ การเบกิ จ่ายให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทีก่ ระทรวงการคลังกําหนด มาตรา 72 ข้าราชการผู้ใดได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีมีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านข้าราชการเทา่ ท่ตี ้องจ่ายจรงิ ตามท่ีสมควรแก่สภาพแห่งบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินจํานวนเงินที่กําหนดไว้ตาม บญั ชอี ตั ราคา่ เชา่ บ้านข้าราชการท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ท้ังนี้ เว้นแต่ผนู้ ั้น (๑)3 ทางราชการไดจ้ ัดที่พักอาศยั ให้ตามหลักเกณฑ์ท่ีกระทรวงการคลังกําหนด (1) ทางราชการได้จัด ทพ่ี กั อาศัยใหอ้ ยูแ่ ล้ว (2) มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธ์ิของตนเองหรือคู่สมรสในท้องที่ท่ีไปประจําสํานักงานใหม่ โดยไม่มี หนคี้ า้ งชําระกบั สถาบนั การเงิน (3) ได้รบั คาํ สัง่ ให้เดนิ ทางไปประจําสาํ นักงานใหม่ในต่างทอ้ งท่ีตามคํารอ้ งขอของตนเอง ความในวรรคหน่งึ ใหใ้ ชบ้ ังคบั แก่ข้าราชการผูไ้ ดร้ ับคําส่ังใหเ้ ดนิ ทางไปประจําสาํ นักงานในตา่ งทอ้ งทีท่ ่ี เป็นทอ้ งท่ที ีเ่ ริ่มรับราชการครั้งแรกหรือท้องทท่ี ่ีกลับเข้ารบั ราชการใหม่ด้วย ข้าราชการผู้ใดได้รับเงินเดือนไม่ตรงกับที่กําหนดในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้ายพระราช กฤษฎีกานี้ ให้ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามส่วนของเงินเดือนโดยคํานวณตามวิธีการที่กระทรวงการคลัง กําหนด มาตรา 7/14 ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี โอนมาเป็น ขา้ ราชการไมว่ ่าคร้งั ใดกต็ าม การบรรจุและแต่งตั้งผู้โอนมาเป็นข้าราชการน้ันในท้องท่ีใดให้ถือว่าเป็นการบรรจุ และแต่งต้ังในท้องที่ท่ีเริ่มรับราชการคร้ังแรกตามพระราชกฤษฎีกาน้ี และไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ จนกวา่ จะไดร้ บั คําสั่งให้เดินทางไปประจาํ สาํ นกั งานในต่างทอ้ งทตี่ ามมาตรา 7 มาตรา 8 ข้าราชการผู้ใดต้องไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีเนื่องจากสํานักงานที่ ปฏิบัติราชการประจําอยู่เดิมได้ย้ายสถานที่ทําการไปตั้งในท้องท่ีใหม่ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตาม พระราชกฤษฎีกาน้ีเช่นเดียวกับข้าราชการซ่ึงได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีตามมาตรา ๗ เว้นแต่ท้องท่ีใหม่ท่ีสํานักงานได้ย้ายไปนั้นอยู่ใกล้เคียงกับท้องที่ที่ตั้งสํานักงานเดิมตามหลักเกณฑ์ที่ กระทรวงการคลังกําหนดมาตรา 7 เว้นแต่ท้องที่ใหม่ที่สํานักงานได้ย้ายไปน้ันอยู่ใกล้เคียงกับท้องท่ีท่ีตั้ง สํานกั งานเดิมตามหลักเกณฑท์ ีก่ ระทรวงการคลังกาํ หนด มาตรา 9 ข้าราชการผู้ใดรับราชการหรือได้รับคําสั่งให้ไปรับราชการในท้องท่ีใด และไม่มีสิทธิได้รับ คา่ เช่าบ้านข้าราชการเพราะเหตุที่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธ์ิของตนเองหรือคู่สมรสตามมาตรา 7(2) แม้ว่า กรรมสิทธ์ิในเคหสถานได้โอนไปด้วยเหตุใด ก็ไม่ทําให้เกิดสิทธิที่จะได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการในระหว่างรับ ราชการในท้องที่นน้ั เวน้ แต่เคหสถานนน้ั ถูกทําลายหรอื เสยี หายเน่ืองจากภัยพิบัตจิ นไมส่ ามารถพกั อาศยั อย่ไู ด้ 1 ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 121/ตอนพเิ ศษ 81 ก/หนา้ 29/27 ธนั วาคม 2547 2 มาตรา 7 แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2550 3 มาตรา 7(1) แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 4 มาตรา 7/1 เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556

5 มาตรา 10 ถ้าข้าราชการและคู่สมรสรับราชการในท้องที่เดียวกันและต่างก็มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี ให้เบิกจ่ายได้เฉพาะคนใดคนหน่ึงข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ีและมีคู่สมรสเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร พนักงานส่วนท้องถ่ิน หรือ พนกั งานหรอื ลกู จ้างของรัฐวิสาหกจิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณ หรือพนักงานหรือเจ้าหน้าที่องค์กร อสิ ระตามรฐั ธรรมนญู หรอื องค์การมหาชน ถ้าคู่สมรสของผู้น้ันได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านหรือข้าราชการผู้น้ันได้ อยู่ในที่พักอาศัยที่ทางราชการจัดให้แก่คู่สมรสในท้องท่ีเดียวกันข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา 11 ข้าราชการซ่ึงมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการอยู่แล้ว ภายหลังได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น ให้มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการเทา่ ท่ตี อ้ งจ่ายจริงตามท่สี มควรแก่สภาพแหง่ บ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินจํานวน เงินท่ีกาํ หนดไว้ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ถ้าเงินเดือนท่ีได้รับเพิ่มข้ึนไม่ตรง กับท่ีกําหนดในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการดังกล่าว ให้ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามส่วนของเงินเดือน โดยคาํ นวณตามวิธีการท่กี ระทรวงการคลงั กาํ หนด มาตรา 12 การลดหรืองดเบิกจ่ายเงินเดือนแก่ข้าราชการผู้ใด เนื่องจากการถูกตัดเงินเดือนหรือการ ลาโดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน ไม่กระทบต่อสิทธิของผู้นั้นท่ีจะได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราช กฤษฎกี านีแ้ ละให้ผ้นู ั้นมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเสมือนหน่ึงไม่มีการลดหรืองดเบิกจ่ายเงินเดือนเช่นว่า นนั้ เว้นแต่เป็นการลาตดิ ตามคสู่ มรสซึง่ ย้ายไปรบั ราชการในตา่ งประเทศ มาตรา 13 ขา้ ราชการผูใ้ ดซึง่ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บ้านขา้ ราชการถกู สงั่ พักราชการหรอื ถูกสั่งให้ออกจาก ราชการไว้ก่อน หรอื มีกรณีอืน่ ใดอันเปน็ เหตุใหถ้ กู งดเบิกจ่ายเงินเดือนให้งดเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ เม่ือ กรณีถึงที่สดุ ถ้าปรากฏว่าผู้นน้ั มีสทิ ธไิ ด้รับเงินเดือนในระหว่างกรณีเช่นว่านั้นสําหรับเดือนใด ให้มีสิทธิได้รับค่า เช่าบา้ นข้าราชการสาํ หรบั เดือนน้ันตามพระราชกฤษฎีกาน้ี มาตรา 14 ให้ขา้ ราชการมสี ิทธไิ ด้รับเงินคา่ เชา่ บา้ นข้าราชการตั้งแตว่ ันทขี่ ้าราชการผนู้ ้ันได้เช่าอยู่จริง แต่ไม่ก่อนวนั ทรี่ ายงานตวั เพ่อื เขา้ รบั หนา้ ท่ี และใหส้ ิ้นสุดในวนั ท่ีขาดจากอัตราเงนิ เดือนหรือวันที่อยู่ในข่ายหมด สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี ถ้าผู้ซึ่งได้รับแต่งต้ังให้ไปรับราชการในท้องที่อ่ืนไม่ สามารถออกเดนิ ทางไปได้ในวนั ที่สง่ มอบหนา้ ทใี่ ห้มสี ทิ ธิไดร้ ับคา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการต่อไปอีกไม่เกินสิบวันนับแต่ วันส่งมอบหน้าที่ เว้นแต่มีความจําเป็นจะต้องอยู่ต่อไปอีก ให้เบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการต่อไปได้เท่าท่ีจําเป็น โดยได้รับการอนุมัติจากผู้ออกคาํ ส่ังแต่งต้ัง มาตรา 15 ในกรณีที่ข้าราชการซึ่งได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการอยู่แล้วในท้องท่ีหน่ึงและต่อมาได้รับ แต่งตั้งให้ไปรับราชการในท้องที่อื่นซึ่งตนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ให้ ข้าราชการผู้นน้ั มีสิทธินําหลกั ฐานการชาํ ระคา่ เช่าบา้ นในท้องท่ีเดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการในท้องที่ใหม่ได้ ถ้าคู่สมรสหรือบุตรซึ่งอยู่ในอุปการะของข้าราชการผู้น้ันไม่อาจติดตามข้าราชการผู้นั้นไปได้ และมีความ จําเปน็ ตอ้ งอาศยั อยใู่ นบ้านในท้องทเ่ี ดมิ ต่อไป มาตรา 16 ข้าราชการซึ่งรับราชการประจําในต่างประเทศ ถ้าจําเป็นต้องเช่าบ้านให้เบิกค่าเช่าบ้าน ข้าราชการไดต้ ามหลกั เกณฑ์และอตั ราทก่ี ระทรวงการคลงั กําหนด มาตรา 17 ในกรณีที่ข้าราชการซึ่งมีสิทธิได้รบั ค่าเชา่ บ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ีได้เช่าซื้อ หรอื ผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านที่ค้างชําระอยู่ในท้องที่ท่ีไปประจําสํานักงานใหม่ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย และไดอ้ าศัยอยู่จริงในบ้านนั้น ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ ดงั กลา่ วมาเบกิ คา่ เช่าบ้านข้าราชการได้ไม่เกินจํานวนเงินท่ีกําหนดไว้ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้าย พระราชกฤษฎีกานี้ ตามเงอื่ นไขดังต่อไปนี้

6 (1) ตนเอง หรือคู่สมรส ได้ทําการผ่อนชําระค่าเช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านใน ท้องที่น้ัน จะเบิกจ่ายได้เฉพาะบ้านหลังแรกเท่าน้ัน เว้นแต่บ้านหลังท่ีเคยใช้สิทธิถูกทําลายหรือเสียหาย เนื่องจากภยั พบิ ตั จิ นไม่สามารถพกั อาศยั อยู่ได้ (2) หากเช่าซ้ือหรือกู้เงินเพื่อชําระราคาบ้านร่วมกับบุคคลอ่ืนซ่ึงไม่ใช่คู่สมรสและมีกรรมสิทธิ์รวมกับ บุคคลอ่ืนในบ้านนัน้ จะเบิกจ่ายค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ได้ตามสัดส่วนแห่งกรรมสิทธ์ิสําหรับบ้านหลัง ดงั กลา่ ว (3) จะต้องเปน็ การผ่อนชาํ ระค่าเชา่ ซอ้ื หรอื ผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านกับสถาบันการเงินและ สัญญาเชา่ ซอ้ื หรือสญั ญาเงินกจู้ ะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารท่ีกระทรวงการคลงั กาํ หนด (4) จะต้องไม่เคยใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้สําหรับบ้านหลังหน่ึง หลังใดในท้องที่น้ันมาแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีท่ีได้รับแต่งต้ังให้กลับไปรับราชการในท้องที่ท่ีเคยใช้สิทธินั้นอีก และเป็นการใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ตามท่ีได้เคยใช้สิทธิมาแล้ว หรือ ขณะทย่ี า้ ยมารบั ราชการในท้องที่นั้นบา้ นทเ่ี คยใช้สทิ ธิได้โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว (5) หากเงนิ กู้เพอื่ ชาํ ระราคาบา้ นสงู กวา่ ราคาบ้าน ให้นําค่าผ่อนชําระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ ได้ โดยให้คํานวณตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการทกี่ ระทรวงการคลงั กําหนด ให้นําบทบัญญัติมาตรา ๙ ถึงมาตรา ๑๔ มาใช้บังคับกับการเช่าซ้ือหรือการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระ ราคาบ้านโดยอนุโลม มาตรา 18 ข้าราชการซึ่งได้ใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระ ราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 17 และต่อมาได้รับแต่งต้ังให้ไปรับราชการในท้องท่ีอื่นซึ่ง ตนมสี ิทธไิ ด้รบั ค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี ให้ข้าราชการผู้น้ันมีสิทธินําหลักฐานการชําระค่า เชา่ ซื้อหรอื คา่ ผอ่ นชําระเงนิ ก้เู พอ่ื ชําระราคาบา้ นในท้องทเ่ี ดิมมาเบกิ ค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการในทอ้ งท่ใี หม่ได้ มาตรา 19 สิทธิท่ีจะเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พุทธศักราช 2483 ซ่ึงมาตรา 18 และมาตรา 19 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 กําหนดให้มีอยู่ต่อไปนั้น ให้ยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย ระเบยี บคา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการ พุทธศักราช 2483 มาตรา 20 สิทธิท่ีจะเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการของข้าราชการซ่ึงได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจํา สาํ นักงานใหมต่ ามคาํ รอ้ งขอของตนเองตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 ซึ่งมีอยู่ก่อน วันท่ีพระราชกฤษฎีกาน้ีใช้บังคับ ให้ยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการ พ.ศ. 2527 3. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2549 และทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เติมถงึ ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ. 2552 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 มาตรา 6 วรรคสอง มาตรา 7 วรรคสอง มาตรา 8 มาตรา 11 และมาตรา 17(3) และ (5) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 กระทรวงการคลังจึง ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกว่า“ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลกั เกณฑ์และวิธกี ารเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงนิ คา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการ พ.ศ. 2549” ข้อ 2 ระเบียบน้ใี ห้ใชบ้ งั คับตง้ั แตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป

7 ข้อ 3 บรรดาระเบียบ ประกาศ คําส่ัง และหลักเกณฑ์อ่ืนใดท่ีเกี่ยวกับค่าเช่าบ้านข้าราชการในส่วนที่ กาํ หนดไวแ้ ล้วในระเบยี บนี้ หรือซึง่ ขัดหรือแย้งกบั ระเบียบน้ี ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนี้แทน ขอ้ 4 ในกรณที ่ีส่วนราชการไม่สามารถปฏบิ ัติตามทีก่ าํ หนดไวใ้ นขอ้ 8 ข้อ 9ข้อ 10 และข้อ 17 หรือ มีความจําเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือจากข้อกําหนดดังกล่าว ให้ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่ข้ึนตรงต่อ นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่ไม่สังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง แล้วแต่กรณีเป็นผู้วินิจฉัย ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงความประหยัดและประโยชน์ของราชการเป็นสําคัญ แล้วแจ้งให้ ปลดั กระทรวงการคลงั ทราบด้วย นอกเหนือจากท่กี าํ หนดไวใ้ นวรรคหนง่ึ ให้สว่ นราชการหารอื หรือขอทาํ ความตกลงกับกระทรวงการคลงั ข้อ 5 บรรดาแบบพมิ พท์ ีใ่ ช้เก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบน้ีหรือ ตามทีก่ รมบญั ชีกลางกาํ หนดในกรณที ่ไี ม่ไดก้ าํ หนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ 6 ให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านยื่นคําขอรับค่าเช่าบ้านตามแบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ท้ายระเบยี บนี้ ณ สาํ นักงานท่ีขา้ ราชการผูน้ ัน้ ปฏบิ ัตริ าชการ เวน้ แต่ระเบียบน้ีจะกาํ หนดไวเ้ ป็นอยา่ งอนื่ ขอ้ 7 การย่ืนแบบ 6005 ใหย้ ืน่ ตอ่ ผู้รบั รองการมีสิทธิตามข้อ 8 พร้อมด้วยสัญญาเช่าบ้านสัญญาเช่า ซอื้ หรือสญั ญาเงนิ กูเ้ พอื่ ชาํ ระราคาบ้านและหลกั ฐานอืน่ ทีเ่ กี่ยวข้อง ในกรณีการยื่นหลักฐานท่ีเป็นสัญญาเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน ต้องแนบสัญญาซื้อขายบ้าน สัญญาซื้อ ขายบ้านพร้อมที่ดิน หรือสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้าน แล้วแต่กรณี เป็นหลักฐานประกอบด้วย และหากวงเงินใน สญั ญาดังกล่าวต่ํากว่าสัญญาเงินกู้ ข้าราชการผู้ใช้สิทธิต้องยื่นหลักฐานท่ีสถาบันการเงินรับรองว่า หากมีการกู้ เงนิ ตามวงเงินในสญั ญาดังกล่าว จะตอ้ งมีการผ่อนชาํ ระรายเดอื นเปน็ จํานวนเท่าใด 1 “ให้ขา้ ราชการผูใ้ ชส้ ทิ ธจิ ัดสง่ รายงานขอ้ มูลของขา้ ราชการในการขอรับค่าเช่าบ้านพร้อมการย่ืนแบบ 6005 และให้ผู้มีอํานาจรับรองการมีสิทธิตามข้อ 8 มีอํานาจพิจารณารับรายงานข้อมูลข้าราชการในการ ขอรบั ค่าเช่าบ้านท่ียน่ื โดยให้แจง้ รายละเอยี ดประกอบอย่างน้อยดังตอ่ ไปนี้ (1) ข้อมูลประวัติการรับราชการต้ังแต่เร่ิมรับราชการ และการโอน ย้าย ในกรณีเป็นการย้ายให้ช้ีแจง ขอ้ มูลวา่ เกดิ จากคาํ รอ้ งขอของตนเองหรือไม่ (2) ขอ้ มลู การมเี คหสถานของข้าราชการและคูส่ มรสทกุ แหง่ ในทอ้ งทท่ี ีร่ บั ราชการ (3) ขอ้ มูลด้านอาชีพและสถานทท่ี าํ งานของคู่สมรสของข้าราชการ และให้แจ้งว่าหน่วยงานแห่งน้ันได้ ให้สิทธิเบกิ ค่าเชา่ บ้าน หรอื จดั บ้านพักใหก้ บั คู่สมรสในท้องท่ที รี่ ับราชการของขา้ ราชการหรอื ไม่ (4) ข้อมูลการมเี คหสถานของบดิ า มารดา ของคูส่ มรสและของข้าราชการ รวมทั้งบุตรท่ียังไม่บรรลุนิติ ภาวะทกุ แห่งในท้องท่ีทีร่ ับราชการ (5) ขอ้ มูลสถานะการมีชวี ิตอยูข่ องบดิ า มารดา ของคูส่ มรสและของข้าราชการ หากในภายหลังมีกรณี ทบ่ี ุคคลดงั กลา่ วเสียชีวิตหรือสาบสญู ใหแ้ จ้งรายละเอียด วนั เดอื น ปี ทเี่ สยี ชวี ติ หรือสาบสญู ” 2ข้อ 8 ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้รับรองการมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านของข้าราชการในสังกัดในแบบ 6005 (1) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ให้เลขานุการรัฐมนตรี เลขานุการกรมหรือหัวหน้าส่วน ราชการตงั้ แตร่ ะดบั กองหรือเทยี บเทา่ ข้นึ ไป เปน็ ผูร้ บั รองสว่ นราชการในราชการบริหารส่วนกลางที่มีสํานักงาน อยู่ในภูมิภาคหรือแยกต่างหากจากกระทรวง ทบวง กรม ให้หัวหน้าสํานักงานซ่ึงดํารงตําแหน่งไม่ตํ่ากว่า 1 ขอ้ 7 แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกี่ยวกบั การเบกิ จ่ายเงนิ ค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2552 2 ข้อ.8 แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกยี่ วกบั การเบกิ จ่ายเงนิ ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552

8 ประเภทท่ัวไป ระดับชํานาญงานขึ้นไป ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการข้ึนไป หรือดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่า ระดบั 6 หรอื เทยี บเท่าเปน็ ผู้รับรอง (2) ส่วนราชการในราชการบรหิ ารสว่ นภูมภิ าค ให้หัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดหรือหัวหน้าส่วน ราชการประจาํ อําเภอ แล้วแต่กรณเี ป็นผูร้ บั รอง (3) ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมหรือสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ให้ผู้บังคับบัญชาที่มียศตั้ง แต่พนั ตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรือพันตํารวจตรีขน้ึ ไป เป็นผูร้ ับรองให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอย่างน้อย หนึ่งระดับหรือหน่ึงชั้นยศ เป็นผู้รับรองการมีสิทธิของบุคคลตาม (1) (2) และ (3) ซึ่งมิได้ดํารงตําแหน่งตาม ท่ีกําหนดไว้ในวรรคสามให้ข้าราชการประเภททั่วไป ระดับอาวุโสข้ึนไป ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ พิเศษข้ึนไป ประเภทอํานวยการ ประเภทบริหาร หรือดํารงตําแหน่งต้ังแต่ระดับ 8 ข้ึนไป หรือเทียบเท่าหรือ ข้าราชการทหารท่ีมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือข้าราชการตํารวจที่มียศพันตํารวจเอกขึ้นไป เปน็ ผูร้ บั รองการมสี ทิ ธิของตนเอง” ข้อ 9 เมื่อมีการรับรองสิทธิขอรับค่าเช่าบ้านแล้ว ให้ผู้มีอํานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้านตามข้อ 10 แต่งตั้งข้าราชการจํานวนไม่น้อยกว่าสามคนเป็นคณะกรรมการ เพ่ือตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายละเอียด ดังต่อไปน้ี (1) กรณีเช่าบ้าน ให้ตรวจสอบว่าได้เช่าบ้านและพักอาศัยอยู่จริง ระยะเวลาเร่ิมต้นของการเช่าบ้าน และการเข้าพกั อาศยั ตลอดจนความเหมาะสมของอตั ราคา่ เช่าบ้านเมือ่ เปรยี บเทียบกับสภาพแห่งบา้ น (2) กรณีเช่าซ้ือบ้านหรอื กเู้ งนิ เพื่อชาํ ระราคาบ้าน ให้ตรวจสอบสัญญาเช่าซ้ือบ้านหรือสัญญาเงินกู้เพื่อ ชําระราคาบ้าน วงเงินเช่าซื้อหรือวงเงินกู้ เอกสารหลักฐานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง และวันเริ่มต้นการเข้าพักอาศัยอยู่ จรงิ ในบ้าน เมอื่ คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ และรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้จัดทํารายงานการตรวจสอบ การขอรับค่าเช่าบ้านตามแบบท้ายระเบียบนี้ เสนอต่อผู้มีอํานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามข้อ 10 เพอ่ื พจิ ารณาอนมุ ัติการเบกิ จ่ายต่อไป ข้อ 10 การอนุมตั ิใหเ้ บกิ ค่าเช่าบา้ นในแบบ ๖๐๐๕ ใหเ้ ป็นอํานาจของบุคคล ดงั ต่อไปนี้ 3“(1) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ให้เป็นอํานาจของหัวหน้าส่วนราชการระดับ กรมหรอื ผู้ทีห่ วั หน้าส่วนราชการระดบั กรมมอบหมายซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ตํ่ากว่าประเภททั่วไป ระดับอาวุโสขึ้น ไป ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการข้ึนไป ประเภทอํานวยการ ประเภทบริหาร หรือดํารงตําแหน่งไม่ต่ํา กว่าระดับ ๗ หรือเทียบเท่า หรือข้าราชการทหารที่มียศตั้งแต่พันโท นาวาโท นาวาอากาศโทหรือข้าราชการ ตาํ รวจทีม่ ยี ศพนั ตํารวจโทขึ้นไป” (2) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้หัวหน้าส่วนราชการซ่ึงเป็นผู้เบิกเงินจาก คลังเป็นผูอ้ นุมตั ิ เวน้ แต่เปน็ การเบิกค่าเชา่ บ้านของหวั หนา้ ส่วนราชการน้นั ใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวัดเป็นผู้อนุมัติ สําหรับค่าเช่าบ้านของหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอหรือกิ่งอําเภอ ท่ีเบิกเงินจาก สาํ นักงานคลังจังหวัด ณ อําเภอ ใหน้ ายอําเภอหรือปลดั อาํ เภอผเู้ ป็นหวั หนา้ ประจาํ กิ่งอาํ เภอเป็นผอู้ นุมตั ิ ขอ้ 11 ข้าราชการซึ่งไดร้ บั อนมุ ตั ิใหเ้ บิกค่าเช่าบ้านตามสิทธิแล้ว ให้ยื่นขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจําเดือน ตามแบบขอเบกิ เงนิ ค่าเช่าบ้าน (แบบ 6006) ทา้ ยระเบยี บน้ี พร้อมหลกั ฐานการชําระเงนิ ณ สาํ นักงานท่ีข้าราชการ ผนู้ ้นั ปฏบิ ตั ริ าชการ ให้บุคคลตามข้อ 10 เป็นผูม้ อี าํ นาจอนมุ ตั กิ ารเบกิ จ่ายเงินค่าเชา่ บ้านตามวรรคหนง่ึ 3 ข้อ 10 (1) แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวิธกี ารเก่ียวกบั การเบกิ จ่ายเงนิ คา่ เช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552

9 ข้อ 12 ค่าเช่าบ้านถือเป็นรายจ่ายท่ีเกิดข้ึนเมื่อส่วนราชการได้รับแบบ 6006 และให้เบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจ่ายประจาํ ปงี บประมาณท่ไี ดร้ ับแบบดังกล่าว ข้อ 13 สัญญาเช่าบ้าน สัญญาเช่าซ้ือ หรือสัญญาเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้าน ตามข้อ 7 ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑแ์ ละวิธีการ หรืออย่างนอ้ ยตอ้ งมีสาระสาํ คญั ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) สญั ญาเชา่ บา้ น ต้องระบุวัน เดือน ปี ที่ทําสัญญา ชื่อคู่สัญญา สถานที่เช่า วันเริ่มต้นแห่ง สญั ญาเช่า ระยะเวลาการเช่า วันสน้ิ สุดสัญญาเชา่ และอตั ราคา่ เชา่ ตอ่ เดือน (2) สัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้าน ให้ใช้ตามแบบสัญญาของสถาบัน การเงนิ ได้ โดยตอ้ งระบุชอ่ื คสู่ ญั ญา สถานที่เช่าซื้อหรือสถานท่ีกู้เงิน วันเริ่มต้นแห่งสัญญา ระยะเวลาการชําระ ค่าเช่าซื้อหรือการผ่อนชําระเงินกู้ วันสิ้นสุดสัญญา จํานวนวงเงินท่ีเช่าซ้ือหรือวงเงินกู้ และจํานวนเงินที่ต้อง ผ่อนชาํ ระรายเดอื น ข้อ 14 การทําสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านของข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านตอ้ งทํากับสถาบนั การเงิน ดงั ต่อไปนี้ (1) ธนาคารพาณชิ ยต์ ามกฎหมายวา่ ด้วยธนาคารพาณิชย์ (2) รัฐวิสาหกิจท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือดําเนินกิจการเกี่ยวกับการเคหะ หรือดําเนินธุรกิจ เก่ียวกับการใหก้ ้ยู ืมเงินเพือ่ เช่าซื้อบ้านหรอื ผอ่ นชําระราคาบ้าน (3) สหกรณ์ท่ีจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์และมีวัตถุประสงค์เพ่ือดําเนินกิจการ เก่ยี วกบั การเคหะ (4) กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญ ขา้ ราชการ (5) ธนาคารอิสลามแหง่ ประเทศไทยตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (6) บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกําหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ซึ่งดําเนิน กจิ การรับซอื้ หรือรับโอนสนิ ทรพั ย์ด้อยคณุ ภาพของสถาบนั การเงินตาม (1) (7) นิติบุคคลที่มวี ัตถปุ ระสงค์และดําเนินกิจการเก่ียวกบั การเคหะ หรือการให้เช่าซื้อบ้านหรอื ใหก้ ้ยู ืมเพือ่ ชาํ ระราคาบ้าน ข้อ 15 ใหข้ ้าราชการผมู้ สี ิทธไิ ดร้ ับคา่ เช่าบา้ นยนื่ แบบ 6005 ฉบับใหม่ ในกรณดี งั ตอ่ ไปนี้ (1) โอนยา้ ยโดยเปลยี่ นสังกัดหรือเปลยี่ นสาํ นักเบิกเงนิ เดือน (2) ได้รับคาํ ส่ังใหเ้ ดินทางไปประจาํ สํานักงานในต่างท้องที่โดยไม่เปลี่ยนสาํ นักเบกิ เงนิ เดอื น (3) เปล่ียนแปลงสัญญาเชา่ บ้าน สญั ญาเชา่ ซ้อื บา้ น หรอื สัญญาเงนิ ก้เู พ่ือชําระราคาบ้าน ในกรณีนําหลกั ฐานการชาํ ระค่าเช่าซื้อหรอื ค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านในท้องท่ีเดิม มาเบิกต่อเนื่องในท้องท่ีใหม่ ให้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งต้ังตามข้อ 9 วรรคหน่ึง ตรวจสอบหลักฐานที่ นํามาเบิกค่าเช่าบ้านในช่วงเวลาท่ีรับราชการในท้องท่ีเดิมและระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าเช่าบ้าน แลว้ ดาํ เนินการตอ่ ไปตามขอ้ 9 วรรคสอง ข้อ 10 และข้อ 11 4“ขอ้ 16 การรับรองสิทธิ การอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านและการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ การใชส้ ทิ ธเิ บกิ ค่าเช่าบ้านของขา้ ราชการตามขอ้ 15(2) ให้ถอื ปฏิบัติ ดงั น้ี (1) ใหบ้ คุ คลตามข้อ 8 ประจาํ สํานักงานทผี่ ูใ้ ช้สทิ ธิไปปฏบิ ตั ิราชการเปน็ ผู้รบั รองสทิ ธิในแบบ 6005 (2) ให้บุคคลตามข้อ 10 ประจําสํานักงานท่ีเบิกเงินเดือนของผู้ใช้สิทธิเป็นผู้มีอํานาจอนุมัติในแบบ 6005 และแบบ 6006 4ขอ้ 16 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ด้วยหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการเกี่ยวกับการเบิกจา่ ยเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552

10 (3) ให้บุคคลตามข้อ 10 ประจําสํานักงานท่ีผู้ใช้สิทธิไปปฏิบัติราชการเป็นผู้มีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบการใชส้ ทิ ธเิ บกิ คา่ เชา่ บา้ นข้าราชการตามขอ้ 9” ขอ้ 17 ขา้ ราชการผ้มู สี ิทธิเบกิ ค่าเช่าบา้ นในอตั ราทเี่ พ่มิ ขนึ้ เนือ่ งจากไดร้ ับเงินเดอื นหรือเลื่อนตําแหน่ง สูงขึ้น ใหย้ ื่นหลกั ฐานทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพ่อื ประกอบการเบิกจ่ายโดยไม่ต้องย่นื แบบ 6005 ใหม่ ข้อ 18 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านซึ่งได้ย่ืนแบบ 6005 ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติต่อมา ได้รับคําสั่งให้เดินทางไปประจําสํานักงานใหม่ในสังกัดเดิม ไม่ว่าอยู่ในท้องที่เดียวกันหรือต่างท้องท่ี หรือได้รับ คาํ ส่งั ให้เดินทางไปประจําสาํ นักงานใหมโ่ ดยไม่เปลยี่ นสํานักเบิกเงินเดือน ให้ยื่นแบบ 6005 และแบบ 6006 พร้อมท้ังหลักฐานการชําระค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซื้อ หรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ในช่วงเวลาที่ตนมีสิทธิ ณ สํานักงาน เดิมทสี่ าํ นักงานใหม่ ในกรณีท่ีข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้รับคําส่ังตามวรรคหนึ่ง หากได้รับอนุมัติในแบบ 6005 ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ย่ืนแบบ 6006 หรือย่ืนไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ ให้ย่ืนแบบ 6006 ใหม่ พร้อมท้ังหลักฐาน ตามวรรคหนง่ึ ทสี่ ํานักงานใหม่ สําหรับแบบ 6005 ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ให้สํานักงานเดิมจัดส่งให้สํานักงานใหม่ โดยเรว็ ข้อ 19 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้รับคําส่ังให้โอนไปรับราชการประจําสํานักงานใหม่โดย เปล่ียนสังกัด แต่ยังไม่ได้ย่ืนขอรับค่าเช่าบ้านหรือยังไม่ได้ยื่นขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านในช่วงเวลาที่ตนมีสิทธิ ณ สํานักงานเดิม ใหย้ ื่นแบบ 6005 และแบบ 6006 ทส่ี าํ นักงานเดิม ข้อ 20 การย่ืนขอรับค่าเชา่ บ้านหรอื ขอเบกิ คา่ เช่าบา้ นของข้าราชการผ้มู สี ิทธิไดร้ ับค่าเช่าบา้ นซึ่งถึงแก่ กรรม หรอื เกษียณอายรุ าชการ หรือลาออกจากราชการไปก่อนยน่ื คําขอใหด้ าํ เนินการ ดังนี้ (1) กรณีถึงแก่กรรม ให้ทายาทของข้าราชการผู้น้ันย่ืนคําขอ ณ สํานักงานที่รับราชการครั้ง สุดทา้ ย (2) กรณีเกษยี ณอายรุ าชการหรือลาออกจากราชการ ใหข้ า้ ราชการผู้นั้น ยื่นคําขอ ณ หน่วยงาน ผ้เู บกิ บํานาญหรือสาํ นักงานท่ีรับราชการครัง้ สดุ ท้าย แล้วแต่กรณี ข้อ 21 ภายใต้บังคับข้อ 13 และข้อ 14 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่คู่สมรสได้เช่าบ้าน เช่าซื้อบ้าน หรือกู้เงินเพ่ือชําระราคาบ้านในระหว่างสมรสและปรากฏชื่อคู่สมรสแต่เพียงผู้เดียวในสัญญาเช่า บ้านสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้าน สัญญาซ้ือขายที่ดินหรือบ้านพร้อมที่ดิน สัญญาจ้างปลูก สรา้ งบ้านโฉนดท่ดี ิน หรอื หลกั ฐานการชาํ ระเงนิ ใหข้ ้าราชการผ้นู ้นั นําหลกั ฐานดังกลา่ วมาประกอบการเบิกจ่าย ค่าเชา่ บา้ นจากทางราชการได้ นับแต่วันที่มีสทิ ธิไดร้ บั ค่าเช่าบา้ น ข้อ 22 ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านให้ข้าราชการผู้น้ัน นําหลักฐานการชําระเงินและสําเนาคําพิพากษาดังกล่าวมาเป็นหลักฐานประกอบการยื่นแบบ 6005 และ แบบ 6006 โดยไมต่ ้องมีการแตง่ ตัง้ คณะกรรมการเพ่อื ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามขอ้ 9 5“ข้อ 23 ในกรณที ี่มกี ารขยายวงเงินกู้หรือขยายระยะเวลาการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านให้ นําหลักฐานการผ่อนชําระมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามจํานวนเงินกู้และระยะเวลาการผ่อนชําระที่เหลืออยู่ของ สญั ญาเงินกู้ฉบบั แรกเท่านั้น” ความในวรรคหนง่ึ ไมใ่ ช้บังคับกับการเปลี่ยนแปลงขอ้ กําหนดในสัญญาเงนิ กู้เพ่ือชําระราคาบ้านทค่ี า้ ง ชําระอยู่เนื่องจากสถาบันการเงินเปลีย่ นแปลงอัตราดอกเบ้ีย ทั้งนี้ ตอ้ งมิใชเ่ หตุจากผกู้ ู้ 5ขอ้ 23 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ยี วกับการเบกิ จ่ายเงินค่าเชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552

11 ข้อ 24 การย้ายสถานท่ีทําการของสํานักงานไปตั้งในท้องที่ใหม่ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกา คา่ เช่าบา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 ให้ท้องท่ใี หม่ที่อยใู่ กล้เคียงกับท้องท่ีตั้งสํานักงานเดิมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) การย้ายทีต่ ัง้ สํานักงานจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดใกล้เคียง ต้องเป็นเขตท้องท่ีใกล้เคียง หรือติดต่อกับกรุงเทพมหานครและมีรถยนต์โดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้บริการตามบัญชีรายชื่อ ท้องท่ใี กลเ้ คยี งทา้ ยระเบียบน้ี (2) การย้ายที่ต้ังสํานักงานภายในจังหวัดเดียวกันหรือระหว่างจังหวัด ต้องเป็นเขตท้องท่ี ตดิ ต่อกันและมขี นสง่ สาธารณะประจาํ ทางให้บรกิ าร ข้อ 25 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ให้เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านได้ตามอัตราเงินเดือนสุทธิแต่ถ้า อัตราเงินเดือนสุทธิขั้นใดไม่ตรงกับอัตราเงินเดือนในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พ.ศ. 2547 ให้เบิกในอัตราท่ใี กลเ้ คยี งแต่ไม่เกินอตั ราเงนิ เดือนสทุ ธิที่ได้รับ ข้อ 26 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านซึ่งมีเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนสําหรับค่าวิชาหรือเงินเพ่ิม การเลื่อนฐานะหรือสําหรับประจําตําแหน่งที่ต้องฝ่าอันตรายเป็นปกติหรือสําหรับการสู้รบ ให้นําเงินเพิ่มดังกล่าว มารวมกับเงนิ เดือนสทุ ธทิ ี่ไดร้ ับ แลว้ เทยี บกับอตั ราเงินเดือนตามขั้นเงินเดือนในระดับหรือช้ันยศที่ได้รับในปัจจุบัน หรือขน้ั เงินเดือนใกลเ้ คยี งในระดับหรือช้ันยศเดียวกันหรือระดับหรือช้ันยศถัดไปตามลําดับ แล้วให้ได้รับค่าเช่า บ้านตามขนั้ เงินเดือนนน้ั กรณที ่ตี ้องเบกิ ลดเนือ่ งจากการปรบั ชน้ั เงนิ เดอื น ให้นําเงินเดือนสุทธิที่หักเบิกลดเนื่องจากการปรับช้ัน เงินเดือนแล้วเทียบกับอัตราเงินเดือนตามขั้นเงินเดือนในระดับหรือชั้นยศที่ได้รับในปัจจุบันหรือขั้นเงินเดือน ใกล้เคียงในระดับหรือช้ันยศเดียวกันหรือระดับหรือช้ันยศตํ่าลงมาตามลําดับ แล้วให้ได้รับค่าเช่าบ้านตามข้ัน เงินเดือนน้นั กรณีทหี่ ักเบิกลดแลว้ เงินเดือนสทุ ธติ ํ่ากว่าอตั ราเงินเดอื นข้ันตํ่าสุดตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านแต่ละประเภท ให้ไดร้ บั คา่ เชา่ บา้ นเท่าทีจ่ ่ายจรงิ แต่ต้องไม่เกินเดอื นละ 800 บาท ท้องท่ีใกล้เคยี งกรณีกรงุ เทพมหานครกบั จังหวดั ใกลเ้ คยี ง 1. จงั หวดั นนทบุรี 1.1 อาํ เภอเมอื งนนทบรุ ี 1.2 อาํ เภอบางกรวย 1.3 อําเภอบางบวั ทอง 1.4 อาํ เภอบางใหญ่ 1.5 อําเภอปากเกร็ด 2. จงั หวัดปทุมธานี 2.1 อําเภอเมอื งปทมุ ธานี 2.2 อาํ เภอคลองหลวง 2.3 อําเภอธัญบุรี 2.4 อาํ เภอลําลูกกา

12 3. จงั หวดั สมทุ รปราการ 3.1 อําเภอเมอื งสมุทรปราการ 3.2 อาํ เภอบางบ่อ 3.3 อําเภอบางพลี 3.4 อําเภอพระประแดง 3.5 อําเภอพระสมทุ รเจดีย์ 4. จังหวดั สมทุ รสาคร 4.1 อําเภอเมอื งสมทุ รสาคร 5. จงั หวดั นครปฐม 5.1 อาํ เภอพทุ ธมณฑล 4. หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ พ.ศ. 2560 โดย รายละเอียดเกีย่ วกบั กฎหมาย ระเบยี บ และหลกั เกณฑ์ดังกลา่ วขา้ งต้นแสดงได้ดังต่อไปนี้ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไข เพมิ่ เตมิ โดยมาตรา ๓ แหง่ พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2556 กระทรวงการคลัง จึงกาํ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีปฏบิ ตั ิในการจัดขา้ ราชการเข้าพกั อาศยั ในทีพ่ กั ของทางราชการ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ 1 หลักเกณฑ์นี้เรียกว่า “หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทาง ราชการ พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ 2 หลักเกณฑ์นี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหน่ึงร้อยย่ีสิบวันนับแต่วันที่หลักเกณฑ์น้ี ประกาศใช้ บงั คับเปน็ ตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวิธีปฏบิ ัตใิ นการจัดข้าราชการเข้าพักอาศยั ในท่ีพักของทางราชการ พ.ศ. 2551 บรรดาหลักเกณฑ์หรือวิธีปฏิบัติอ่ืนใดซึ่งขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้ หลักเกณฑแ์ ละวธิ ปี ฏิบตั นิ แ้ี ทน ข้อ 4 ท่ีพักของแต่ละส่วนราชการจะกําหนดให้เป็นที่พักสําหรับข้าราชการระดับใด ให้พิจารณาตาม ความจาํ เป็นและเหมาะสม รวมทง้ั ความประหยัดและประโยชน์ของทางราชการเป็นสําคัญ และสามารถปรับเปล่ียน ได้ ซึ่งการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการให้หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าของงบประมาณหรือ ผู้ท่ีหัวหน้าส่วนราชการมอบหมายเป็นผู้มีอํานาจจัดท่ีพัก และสามารถกําหนดวิธีปฏิบัติ ในการจัดข้าราชการ เข้าพักอาศยั ในท่พี กั ของทางราชการ ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) เม่ือท่ีพักของทางราชการว่างอยู่และสามารถเข้าพักอาศัยได้ ให้ผู้มีอํานาจจัดที่พัก ดําเนินการจัด ให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้โดยไม่ต้องรอให้ข้าราชการยื่นคําร้องขอเพ่ือเข้าพัก อาศัย (2) เมื่อผู้มีอํานาจจัดท่ีพักของแต่ละส่วนราชการได้จัดท่ีพักให้แก่ข้าราชการผู้ดํารงตําแหน่ง ประเภท ทัว่ ไป ระดับอาวุโสขึ้นไป ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษขึ้นไป ประเภทอํานวยการ ประเภทบริหาร หรอื เทยี บเท่า หรอื ขา้ ราชการทหารซง่ึ มยี ศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกขึ้นไป หรือข้าราชการตํารวจซ่ึงมี ยศพันตํารวจเอกข้ึนไป หรือข้าราชการตุลาการและข้าราชการอัยการ ทุกระดับชั้น เข้าพักอาศัยในที่พักของ ทางราชการแลว้ ข้าราชการผูน้ น้ั จะตอ้ งเขา้ พักอาศยั ไมว่ า่ จะเป็นผู้มสี ิทธิ ไดร้ ับคา่ เชา่ บา้ นข้าราชการหรือไม่

13 (3) ทพ่ี ักของแต่ละสว่ นราชการนอกจากที่พักตาม (2) ให้จัดขา้ ราชการผู้ดํารงตําแหน่ง ประเภทท่ัวไป ระดับชาํ นาญงานลงมา ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการลงมา หรือเทียบเท่า หรือข้าราชการทหาร ซ่ึงมียศ พันโท นาวาโท นาวาอากาศโทลงมา หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพันตํารวจโทลงมา และเป็นผู้มีสิทธิได้รับ ค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการเข้าพกั อาศยั ไม่ว่าข้าราชการผู้น้ันกําลังใช้สิทธเิ บิกคา่ เช่าบา้ นข้าราชการอยูห่ รือไมก่ ต็ าม (4) ในการจัดทพ่ี ักตาม (2) และ (3) หากข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ และยื่นขอ ใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน จากทาง ราชการในท้องท่ีท่ีปฏิบัติราชการ ตามมาตรา 17 หรือมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และได้รับการอนุมัติให้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ ในท้องที่นั้นก่อนท่ี ถูกจัดที่พัก ผู้มีอํานาจจัดท่ีพักไม่ต้องจัดข้าราชการผู้น้ันเข้าพักอาศัยในท่ีพักของราชการ แม้ต่อมาข้าราชการ ดังกล่าวไดร้ บั คําสง่ั ใหเ้ ดนิ ทางไปประจาํ สาํ นกั งานใหม่ซึ่งอยใู่ นท้องทเี่ ดียวกนั กไ็ มต่ ้องจดั ข้าราชการผู้น้ันเข้าพัก อาศัยในทีพ่ ักของทางราชการเชน่ กัน (5) ในการจัดท่พี กั ตาม (2) และ (3) หากขา้ ราชการผ้ใู ดไดใ้ ชส้ ิทธนิ าํ หลักฐานการชาํ ระ ค่าเช่าซ้ือหรือ คา่ ผอ่ นชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการในท้องท่ีเดิมแล้ว ตามมาตรา 1) หรือ มาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ต่อมาได้รับคําส่ัง ให้เดินทางไปรับราชการในท้องท่ีใหม่ซึ่งตนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ให้ผู้มีอํานาจจัดท่ีพักดําเนินการ จัดท่ีพักใหแ้ กข่ ้าราชการรายอืน่ เข้าพักอาศัยกอ่ น แล้วจงึ จัดที่พักให้แก่ข้าราชการผู้ใช้สิทธิดังกล่าวเข้าพักอาศัย ในลาํ ดับถดั ไป (6) กรณีส่วนราชการมีท่พี ักประจาํ ตาํ แหนง่ ของหัวหน้าหน่วยงาน หัวหน้าหน่วยงานต้องเข้าพักอาศัย หากมขี า้ ราชการรายอื่นได้พกั อาศยั ในท่พี ักดังกล่าวอยู่ ผูม้ อี าํ นาจจัดท่ีพักต้องดําเนินการจัดให้ข้าราชการรายอ่ืน น้ันออกจากท่ีพักโดยเร็ว และหัวหน้าหน่วยงานดังกล่าวต้องเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการแทนภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่รายงานตัวเพื่อเข้ารับหน้าท่ี แต่ในระหว่างที่ผู้มีอํานาจจัดท่ีพัก ยังไม่ดําเนินการดังกล่าว หากหัวหน้าหน่วยงานผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการจําเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซื้อหรือผ่อนชําระ เงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริง ย่อมมีสิทธินําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้าน จากทางราชการได้ในช่วง ระยะเวลาท่ีไมส่ ามารถเข้าที่พักของทางราชการ โดยไม่ไดร้ ับประโยชน์ ตามขอ้ 4 (4) (7) กรณีข้าราชการมีคู่สมรสซึ่งรับราชการอยู่ในสังกัดเดียวกัน และสามารถพักอาศัยอยู่ในที่พักเดียวกัน ได้ ผมู้ ีอํานาจจัดทพี่ ักสามารถใช้ดุลยพนิ จิ จัดใหข้ ้าราชการดังกลา่ วใหเ้ ขา้ พักอาศัยในท่พี กั ของทางราชการดว้ ยกนั ได้ (8) เมื่อจัดที่พักตามหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ยังคงมีท่ีพักเหลือว่างอยู่ ผู้มีอํานาจจัดที่พักสามารถ จัด ข้าราชการทีบ่ รรจุเข้ารับราชการครั้งแรกและเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ ได้ โดยการกําหนดระยะเวลาเข้าอยู่อาศัยให้อยู่ในดุลพินิจของส่วนราชการและต้องบริหารเงินงบประมาณท่ี ไดร้ ับ ใหอ้ ย่ภู ายในวงเงนิ ทีไ่ ดร้ บั จดั สรรด้วย กรณีที่มีการใช้ดุลพินิจจัดข้าราชการที่บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกเข้าพักอาศัย ในท่ีพักของทาง ราชการแล้วกระทบตอ่ เงนิ งบประมาณท่ีสว่ นราชการมอี ยู่ ก็สามารถจดั ให้ออกจากท่พี ักของทางราชการได้ (9) เมื่อจัดที่พักตามหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ยังคงมีที่พักเหลือว่างอยู่ผู้มีอํานาจจัดที่พักอาจจัดให้ ขา้ ราชการผู้ท่ไี ม่มีสทิ ธไิ ดร้ ับค่าเชา่ บา้ นข้าราชการเข้าพักอาศัยได้เปน็ การชัว่ คราว (10) กรณีท่ีพักของทางราชการมีไม่เพียงพอสําหรับผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ หรือกรณีท่ี ข้าราชการท่ีมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการซึ่งย้ายมาใหม่ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยในท่ีพักของทางราชการได้

14 เน่ืองจากผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการได้เข้าพักอาศัยอยู่ก่อนแล้วตาม (9) ทําให้ไม่สามารถจัดให้ผู้มี สทิ ธไิ ด้รบั ค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการเข้าอยอู่ าศยั ได้ กรณดี งั กล่าว ผมู้ ีอํานาจจัดที่พักต้องดําเนินการจัดให้ผู้ไม่มีสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการออกจากท่ีพักของทางราชการและจัดให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้าอยู่ อาศัยในท่ีพักของทางราชการแทนภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ีรายงานตัวเพ่ือเข้ารับหน้าที่ แต่ในระหว่างท่ีผู้มี อํานาจจัดท่ีพกั ยังไม่ดาํ เนนิ การดังกล่าว หากผู้มสี ิทธไิ ด้รบั ค่าเชา่ บ้านข้าราชการจําเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซื้อ หรอื ผอ่ นชําระเงินกู้เพอ่ื ชําระราคาบา้ น และไดอ้ าศัยอยจู่ รงิ กย็ ่อมมีสิทธินําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการได้ในชว่ งระยะเวลาทไ่ี มส่ ามารถเขา้ ท่ีพักของทางราชการ โดยไมไ่ ดร้ บั ประโยชน์ ตามขอ้ 4 (4) (11) หากผู้มีอํานาจจัดที่พักจัดให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้ค่าเช่าบ้านข้าราชการ ตาม (2) และ (3) เข้า พกั แล้ว ข้าราชการผู้นัน้ ไม่เข้าพกั ให้ถือว่าสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดที่พักอาศัย ให้ อยูแ่ ลว้ ตามมาตรา 7 (1) แหง่ พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แกไ้ ขเพม่ิ เติม ข้อ 5 ข้าราชการทไ่ี ดส้ ละสิทธกิ ารเขา้ พกั อาศัยในท่พี ักของทางราชการ หากต่อมาข้าราชการ ดังกล่าว ร้องขอเข้าพักขณะท่ีท่ีพักของทางราชการว่างลง หรือได้ท่ีพักมาใหม่ เนื่องจากมีความเดือดร้อนในเร่ืองท่ีอยู่ อาศัย ผูม้ อี าํ นาจจัดที่พกั อาจพิจารณาจดั ใหข้ า้ ราชการดงั กล่าวเขา้ พักในที่พักของทางราชการได้ ข้อ 6 ข้าราชการท่ีไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเนื่องจากผู้มีอํานาจจัดท่ีพักได้จัดที่พักให้แล้ว แต่สละสิทธิการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ หากต่อมาที่พักของทางราชการนั้นได้ถูกร้ือถอนไป ท้ังหมด ให้ถือว่าข้าราชการผู้น้ันไม่มีที่พักของทางราชการจัดให้ จึงไม่เป็นผู้ต้องห้ามในการได้รับสิทธิค่าเช่า บ้าน ข้าราชการ ตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไข เพิม่ เติม อีกตอ่ ไปนับแตว่ ันทที่ ่พี กั ของทางราชการได้ถกู รือ้ ถอนไปทัง้ หมด ข้อ 7 กรณีที่พักของทางราชการว่างลง แต่มีสภาพชํารุด ทรุดโทรม มีลักษณะไม่ปลอดภัย ต่อชีวิต รา่ งกายและทรัพย์สินของผู้เข้าอยู่อาศัย หรือมีเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟไหม้ น้ําท่วม หรือมีเหตุอื่นใดอันเป็นเหตุให้ ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ ผู้มีอํานาจจัดที่พักไม่ต้องจัดให้ข้าราชการเข้าพักจนกว่าจะซ่อมแซมที่พักแล้วเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ และให้ผู้มีอํานาจจัดที่พักจัดให้ ข้าราชการ เขา้ พกั อาศัยต่อไป กรณีได้จัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการแล้ว ต่อมาเกิดเหตุตามวรรคแรก จนไม่ สามารถอยู่อาศยั ได้ หากข้าราชการผ้นู นั้ เปน็ ผ้มู สี ิทธิไดร้ ับค่าเชา่ บ้านขา้ ราชการจําเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซ้ือ หรือผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริง ให้มีสิทธินําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการได้ จนกว่าจะซ่อมแซมที่พักเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยน้ันได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่ อาศัยได้ และส่วนราชการได้จัดข้าราชการผู้น้ัน หรือผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการรายอ่ืนเข้าพักอาศัย ตอ่ ไป กรณีข้าราชการได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามวรรคสองแล้ว เม่ือซ่อมแซมที่พัก แล้ว เสร็จหรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ และเมื่อผู้มีอํานาจจัดที่พัก จัด ให้ข้าราชการดังกล่าวกลับเข้าพักอาศัยแล้ว หากข้าราชการผู้น้ันไม่เข้าพักให้ถือว่าสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดที่พักอาศัยให้อยู่แล้ว ตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการ พ.ศ. 2547 และท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ และไมไ่ ด้รบั ประโยชน์ ตามขอ้ 4 (4)

15 ข้อ 8 ให้ผู้มีอํานาจจัดที่พักจัดให้มีทะเบียนควบคุมการจัดข้าราชการเข้าและออกในท่ีพัก ของทาง ราชการตามแบบท่ีหน่วยงานกําหนดทุกคร้ัง และให้มีการมอบทะเบียนควบคุมดังกล่าวให้แก่ผู้มีอํานาจ จัดที่ พกั คนตอ่ ไปทกุ ครัง้ ทพี่ ้นตาํ แหนง่ หนา้ ที่ ข้อ 9 ในกรณีข้าราชการได้รับคําส่ังให้ไปช่วยปฏิบัติราชการประจําต่างสํานักเบิกเงินเดือน หรือต่าง สาํ นักงานในท้องทเี่ ดียวกัน ให้ผู้มีอํานาจจัดที่พักซ่ึงประจําสํานักงานท่ีข้าราชการผู้น้ันปฏิบัติราชการอยู่ เป็นผู้ มีอํานาจจดั ข้าราชการดงั กลา่ วเขา้ พกั อาศยั ในทีพ่ กั ของทางราชการตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ปี ฏบิ ัตินี้ ข้อ 10 กรณีหนว่ ยงานใดได้จัดให้ข้าราชการผู้ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้าพัก อาศัยใน ท่ีพักของทางราชการก่อนวันท่ีหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ข้าราชการผู้น้ันมีสิทธิอยู่อาศัย ในที่ พกั ของทางราชการจนกว่าจะถูกจัดออกจากท่ีพักของทางราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตนิ ้ี ข้อ 11 ในการจดั ข้าราชการเขา้ พกั อาศยั ในทพี่ กั ของทางราชการครั้งแรกตามหลักเกณฑ์และ วิธีปฏิบัติน้ี หากหวั หนา้ สว่ นราชการหรือผู้มีอํานาจจดั ที่พักเห็นว่ามีความจาํ เปน็ และไม่เสียหายแก่ทางราชการ อาจใช้ดุลพินิจ จัดข้าราชการเขา้ พกั อาศยั ในทพี่ ักของทางราชการเสียใหม่ โดยข้าราชการซึ่งเดิมถูกจัดเข้าพัก ในที่พักของทาง ราชการไม่วา่ จะเขา้ พกั อาศยั หรือสละสิทธิการเขา้ พกั อาศัยกต็ าม หากขา้ ราชการดังกล่าว ไม่ถูกจัดเข้าพักอาศัย ในที่พักของทางราชการในคร้ังใหม่ก็จะถือว่าทางราชการไม่ได้จัดที่พักอาศัยให้อีกต่อไป ทั้งนี้ นับแต่วันท่ีได้มี การจดั ขา้ ราชการเขา้ พกั อาศัยในที่พักของทางราชการในครัง้ ใหม่ 5. แนวทางปฏิบตั ติ ามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑว์ ่าดว้ ยคา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการ แนวทางปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการ แบ่งประเด็น การนาํ เสนอออกเป็น 2 สว่ น ได้แก่ ส่วนท่ี 1 พระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไข เพม่ิ เติมถงึ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2561 และสว่ นท่ี 2 การยื่นขอรับเงนิ คา่ เชา่ บา้ น ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม 1.1 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 พระราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2552 พระราชกฤษฎีกาค่า เช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 และพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2561 สิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไข เพ่ิมเตมิ นน้ั กาํ หนดขนึ้ เพือ่ เป็นการชว่ ยเหลอื ขา้ ราชการท่มี ภี าระคา่ ใช้จ่ายด้านทอ่ี ยู่อาศัย อันเน่ืองมาจากการท่ี ข้าราชการได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานในต่างท้องที่ และมีความเดือดร้อนในเร่ืองท่ีอยู่อาศัยอัน เน่อื งมาจากทางราชการเปน็ เหตุ แต่โดยท่ีผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้มีการร้องเรียนเก่ียวกับการใช้สิทธิเบิกค่าเช่า บ้านไปโดยทุจริตมาโดยตลอด จึงจะขอช้ีแจงการใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านเสียก่อนว่า ค่าเช่าบ้านข้าราชการนั้น คณะรัฐมนตรไี ดม้ มี ติ เมอ่ื วนั ท่ี 24 มีนาคม 2541 หากตรวจพบว่าข้าราชการผู้ใดมีเจตนากระทําผิดในการใช้ สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านให้ถือว่าเป็นการกระทําโดยทุจริต มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ท้ังนี้ ให้ส่วนราชการ พิจารณาลงโทษไล่ออกจากราชการ ไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญ ต่อไปจะได้กล่าวถึงสิทธิการได้รับค่าเช่า บ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2550 พอสงั เขปบางบทมาตราทมี่ คี วามสําคัญในการพิจารณาถงึ สิทธิของตนเองท่ีจะได้รับค่า เช่าบา้ นหรอื ไม่ สําหรับพระราชกฤษฎกี าคา่ เชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552 ได้มีการปรับปรุงแก้ไข บญั ชอี ัตราคา่ เชา่ บ้านข้าราชการท้ายพระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยค่าเชา่ บา้ นข้าราชการใหส้ อดคล้องกับการกําหนด ตําแหน่งและอัตราเงินเดือนตามบัญชีเงินเดือนข้ันตํ่าขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญท้ายพระราชบัญญัติ

16 ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ส่วนพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. 2556 ไดม้ ีการปรบั ปรุงแก้ไขมาตรา 7 (1) และแกไ้ ขเพมิ่ เติม มาตรา 7/1 กรณเี จ้าหน้าท่ีขอรัฐตามกฎหมายอ่ืนโอน มาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ และสําหรับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 5) ได้มี การปรับปรุงแก้ไข มาตรา 4 และยกเลิกบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการดังนี้ (1) บัญชีอัตราค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการหมายเลข 1 2 6 ใหใ้ ช้บญั ชที ้ายพระราชกฤษฎกี าน้ี 1.2 บุคคลผูม้ สี ิทธไิ ดร้ ับค่าเช่าบ้าน (มาตรา 3) ข้าราชการ 8 ประเภท ได้แก่ 1. ขา้ ราชการพลเรือนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน 2. ขา้ ราชการฝ่ายตุลาการศาลยตุ ธิ รรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บข้าราชการฝา่ ยตลุ าการศาล ยตุ ิธรรม 3. ขา้ ราชการฝ่ายอยั การตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บข้าราชการฝา่ ยอัยการ 4. ข้าราชการพลเรือนในมหาวทิ ยาลยั ตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนใน มหาวิทยาลัย 5. ขา้ ราชการฝ่ายรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบขา้ ราชการฝ่ายรัฐสภา 6. ขา้ ราชการตํารวจตามกฎหมายว่าดว้ ยตํารวจแห่งชาติ 7. ข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบขา้ ราชการทหาร 8. ขา้ ราชการครูตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บข้าราชการครู 1.3 การเกดิ สทิ ธิได้รบั คา่ เชา่ บ้าน (มาตรา 7) ข้าราชการผู้ได้รับคําส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีและไม่เข้า ข้อยกเว้นทท่ี ําให้ไมม่ ีสิทธิได้รบั คา่ เชา่ บา้ น ในกรณดี ังต่อไปน้ี มสี ทิ ธิได้รับคา่ เช่าบ้าน 1. ทางราชการได้จัดที่พักอาศัยใหต้ ามหลักเกณฑ์ท่ีกระทรวงการคลังกําหนด 2. มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องท่ีท่ีไปประจําสํานักงานใหม่โดยไม่ มหี นค้ี า้ งชําระกบั สถาบนั การเงิน 3. ได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานใหม่ในต่างท้องท่ีตามคําร้องขอของตนเองสําหรับ กรณีท่ีข้าราชการได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานใหม่ในท้องที่ท่ีเร่ิมรับราชการครั้งแรกหรือท้องท่ีที่ กลบั เขา้ รับราชการใหม่ไดถ้ กู ยกเลิกโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2550 แล้วจึง ไม่เข้าข้อยกเว้นทีท่ ําให้ไมม่ ีสิทธิไดร้ ับค่าเชา่ บา้ น มาตรา 7/1 ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐซ่ึงไม่ใช่ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ีโอนมาเป็น ข้าราชการไม่ว่าคร้ังใดก็ตาม การบรรจุและแต่งต้ังผู้โอนมาเป็นข้าราชการน้ันในท้องที่ใด ให้ถือว่าเป็นการบรรจุ และแต่งตั้งในท้องที่ท่ีเร่ิมรับราชการครั้งแรกตามพระราชกฤษฎีกานี้ และไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ จนกว่าจะได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีตามมาตรา 7 (หากโอนมาก่อนวันท่ี 10 ตลุ าคม 2556 ซง่ึ พระราชกฤษฎกี าค่าเช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2556 มีผลใชบ้ ังคับสทิ ธิการได้รับ ค่าเชา่ บา้ นย่อมมีต่อไป) 1.4 กรณีใดเป็นการได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจําหรือลักษณะประจําในสํานักงานแห่งใหม่ พจิ ารณาจากการท่ีสว่ นราชการมีคาํ สั่งใหข้ ้าราชการยา้ ยไปปฏิบตั ิราชการอีกหน่วยงานหน่ึง ได้แก่ การเดินทาง ไปประจาํ สํานักงาน ไปรักษาการในตําแหน่งหรือรักษาราชการแทน เพื่อดํารงตําแหน่งใหม่ ณ สํานักงานแห่งใหม่ นอกจากน้นั หากส่วนราชการได้มีคําส่ังให้ข้าราชการเดินทางไปประจําต่างสํานักงานในลักษณะประจํา แม้จะ ไม่ได้โอนอัตราเงินเดือนตามตัวไปด้วย (ไม่ได้เบิกจ่ายเงินเดือนทางสํานักงานใหม่) หรือไม่มีอัตราว่างในสํานักงาน

17 แห่งใหม่ก็ตาม และข้าราชการผู้นั้นได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคําสั่งดังกล่าวหรือได้รับคําสั่งให้ไป ช่วยราชการประจํา หรือได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการต่างสํานักงานท่ีไม่มีกําหนดระยะเวลาก็ถือว่าเป็นการ ไปราชการประจําเช่นเดียวกัน รวมท้ังกรณีท่ีส่วนราชการมีคําส่ังให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการต่างสํานักงาน โดยมกี าํ หนดระยะเวลาตั้งแตห่ นึ่งปขี ้นึ ไปดว้ ย ตวั อยา่ ง นายปวรรุจ และนายพุฒภิ ัทร รับราชการที่อาํ เภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ต่อมาส่วนราชการมีคําสั่ง ใหน้ ายปวรรุจ ไปปฏิบัติราชการทอ่ี ําเภอเมอื ง จังหวดั เพชรบุรี เป็นระยะเวลา 9 เดอื น สว่ นนายพุฒิภัทร ได้รับ คาํ สงั่ ใหไ้ ปชว่ ยราชการ ท่ีอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดเพชรบุรี โดยไม่มีกาํ หนดระยะเวลาจนกว่าจะมีคําส่ังเปล่ียนแปลง เช่นกันกรณีของนายปวรรุจ ไม่ถือว่าได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในลักษณะประจํา เพราะมีกําหนด ระยะเวลาเพียง 9 เดือน กรณีการได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจํา จะต้องมีระยะต้ังแต่ 1 ปีขึ้นไปกรณี ของนายพุฒิภัทร ถือว่าได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติราชการในลักษณะประจํา เพราะเป็นคําสั่งท่ีไม่มีกําหนด ระยะเวลาทแ่ี น่นอนจนกว่าจะมคี ําสงั่ เปลี่ยนแปลง 1.5 กรณีใดถอื ว่าข้าราชการไดร้ บั คําส่ังใหเ้ ดินทางไปปฏบิ ตั ิราชการประจาํ สาํ นกั งานในต่างท้องท่ี คําว่า“ท้องท่ี” ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ี แก้ไขเพ่ิมเติม หมายความว่า กรุงเทพมหานคร อําเภอ ก่ิงอําเภอ หรือท้องที่ของอําเภอหรือกิ่งอําเภอที กระทรวงการคลังประกาศกําหนด ให้เป็นท้องที่เดียวกันตามมาตรา 5 แต่ปัจจุบันกระทรวงการคลังยังมิได้ อาศยั อํานาจตามมาตรา 5 ประกาศรวมท้องที่หลายท้องท่ีเป็นท้องที่เดียวกัน เพราะหากได้มีการประกาศรวม เขตท้องที่เป็นท้องท่ีเดียวกันจะทําให้ข้าราชการบางส่วนได้ประโยชน์ แต่ก็จะทําให้ข้าราชการอีกส่วนหน่ึงเสีย ประโยชน์เช่นกัน เชน่ หากกระทรวงการคลังไดป้ ระกาศรวมเขตท้องที่กรุงเทพมหานครกับอําเภอเมืองนนทบุรี จะทําให้ข้าราชการกลุ่มที่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในท้องท่ีกรุงเทพมหานครหรือในท้องท่ีอําเภอเมืองนนทบุรี สามารถใชส้ ทิ ธนิ าํ หลักฐานการผ่อนชําระค่าเช่าซ้ือหรือผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านในท้องที่ท้ังสองแห่ง มาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ แต่กลุ่มของข้าราชการที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในทั้งสองท้องที่ หาก ตอ่ มาไดร้ ับคาํ ส่ังย้ายไปปฏิบัติราชการในท้องท่ีใดท้องที่หน่ึงระหว่างกรุงเทพมหานครหรืออําเภอเมืองนนทบุรี ก็ไมท่ าํ ใหเ้ กิดสิทธไิ ด้รบั คา่ เชา่ บ้าน เปน็ ต้น ตวั อยา่ ง ก) นายกรวทิ ย์ รับราชการทสี่ ํานกั งานซึง่ ต้งั อย่ใู นเขตกรงุ เทพมหานคร ตอ่ มาได้รบั คําสั่งให้เดินทางไป ปฏิบัติราชการประจําในอําเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี กรณีเช่นน้ีถือว่านายกรวิทย์ ได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติงาน ประจําในต่างท้องที่ หากนายกรวิทย์ ไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา 7 (1) – (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่า บา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เติม นายกรวิทย์ ยอ่ มมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ เชา่ บ้านจากทางราชการ ข) นายลพชัย รับราชการท่ีกรุงเทพมหานคร เขตดุสิต ต่อมาได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจํา ต่างสํานักงาน ซึ่งต้ังอยู่ในกรุงเทพมหานคร เขตสาธร กรณีเช่นน้ีไม่ถือว่าเป็นการได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติ ราชการต่างท้องที่เพราะ คําว่า”ท้องที่” ตามมาตรา 4 กําหนดเขตท้องท่ีของกรุงเทพมหานครทั้งหมดทุกเขต เป็นท้องที่เดียวกันดังนั้น สิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านกรณีที่นายลพชัย เป็นผู้ไม่มีสิทธิอยู่แล้วก็ย่อมไม่เกิดสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้านแต่อย่างใดและหากนายลพชัย เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านอยู่ก่อนแล้วในท้องที่ กรุงเทพมหานครก็ไม่ทําให้สิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านเปลี่ยนแปลง เว้นแต่การที่นายลพชัย ย้ายจากเขตดุสิตไป ปฏบิ ัตริ าชการ เขตสาธร และท่สี าํ นักงานใหม่มที ี่พกั จดั ให้ จะทําให้นายลพชัย ไมม่ ีสทิ ธิไดร้ ับคา่ เช่าบา้ น

18 1.6 ข้อยกเว้นท่ที ําให้ไม่มีสทิ ธิได้รบั ค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 (1) - (3) เมื่อข้าราชการได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องที่ก็จะเกิดสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้าน แต่หากการไปปฏิบัติราชการน้ัน เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 7 (1) - (3) ดังต่อไปนี้ ย่อมทําให้ ไม่มีสทิ ธิได้รบั คา่ เช่าบ้านจากทางราชการ 1.6.1 ทางราชการได้จัดทพ่ี ักอาศยั ใหต้ ามหลักเกณฑท์ ีก่ ระทรวงการคลังกาํ หนด การที่ทางราชการจัดท่พี ักไวใ้ ห้ วตั ถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับข้าราชการท่ี ได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติประจําที่สํานักงานแห่งใหม่ และเพ่ือประหยัดเงินงบประมาณรายจ่ายค่าเช่า บ้านให้กับข้าราชการโดยให้มีบ้านอยู่อาศัยตามสมควรแก่ฐานะและตําแหน่งหน้าที่ เมื่อข้าราชการผู้ใดได้รับ คาํ สง่ั ใหไ้ ปปฏิบัตริ าชการประจําสาํ นกั งานในต่างท้องท่ีและได้รับการจัดบ้านพักจากทางราชการแล้ว ย่อมไม่มี สิทธิได้รับคา่ เช่าบ้านจากทางราชการ หากไม่ยอมเขา้ อยูอ่ าศยั ถอื วา่ สละสิทธิในบ้านพัก และข้าราชการผู้นั้นจะ เป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการ โดยหลักเกณฑ์ในการจัดบ้านพักของทางราชการน้ัน หัวหน้า ส่วนราชการหรือผู้มอี ํานาจจดั บ้านพักของส่วนราชการ จะตอ้ งถอื ปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัด ขา้ ราชการเข้าพกั อาศยั ในท่พี ักของทางราชการ พ.ศ. 2547 หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้า พักอาศัยในที่พักของทางราชการ พ.ศ. 2550 และหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัย ในท่ีพักของทางราชการพ.ศ. 2551 แลว้ แตก่ รณี 1.6.2 มีเคหสถานอนั เปน็ กรรมสิทธขิ์ องตนเองหรือคู่สมรสในท้องที่ที่ไปประจําสํานักงานใหม่โดย ไม่มหี นค้ี ้างชําระกับสถาบนั การเงิน ตามมาตรา 7 (2) ขา้ ราชการรายใดได้รบั คําส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานใหม่ในต่างท้องที่ แต่ในท้องที่นั้นมีเคหสถานที่ตนเองหรือคู่สมรสมีกรรมสิทธ์ิอยู่ ข้าราชการผู้น้ันย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เว้นแต่เคหสถานท่ีตนเองหรือคู่สมรสมีกรรมสิทธิ์อยู่น้ันยังมีหน้ีท่ีค้างชําระกับสถาบันการเงินอยู่ กรณีเช่นน้ี ขา้ ราชการย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการ จนกว่าจะได้รับคําสั่งให้โอนย้ายไปรับราชการในท้องที่ อน่ื หรือจนกว่าเคหสถานแห่งน้นั จะหมดภาระไม่มีหนที้ คี่ ้างชาํ ระกบั สถาบันการเงินแลว้ ข้าราชการผู้นี้ก็จะเป็น ผู้ไม่มีสิทธไิ ดร้ ับคา่ เชา่ บ้านในทอ้ งทดี่ ังกล่าว ตวั อยา่ ง นายภานุ รบั ราชการที่กรุงเทพมหานครไดร้ ับคําส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจาํ ท่อี ําเภอเมือง จังหวัด นครปฐมซึ่งในเขตท้องที่อําเภอดังกลา่ วคูส่ มรสของนายภานุ มีบา้ นทีม่ กี รรมสิทธ์อิ ยู่ โดยไม่มีหนี้ค้างชาํ ระกับ สถาบนั การเงนิ กรณีเช่นนี้ นายภานุย่อมไม่มีสิทธไิ ดร้ ับค่าเช่าบ้าน กรณีข้อเท็จจริงข้างต้นเปลี่ยนเป็นคู่สมรสของนายภานุ มีเคหสถานตั้งอยู่ในเขตท้องที่ท่ีนายภานุ ได้รับคําส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจํา แต่มีหนี้ค้างชําระกับพ่ีสาวของคู่สมรส เน่ืองจากคู่สมรสไปยืม เงินมาปลกู สรา้ งบา้ น กรณีเชน่ นี้ นายภานกุ ็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เพราะเคหสถานที่คู่สมรสมีกรรมสิทธิ์น้ัน มไิ ดม้ หี นีค้ ้างชําระกบั สถาบนั การเงินแตเ่ ปน็ หนี้กับบคุ คลธรรมดา 1.6.3 ไดร้ ับคาํ สง่ั ให้เดินทางไปประจาํ สํานักงานใหมใ่ นตา่ งทอ้ งที่ตามคาํ ร้องขอของตนเอง การร้องขอย้ายของข้าราชการไม่ว่าจะมีความประสงค์ไปในท้องที่ใด อําเภอใด เม่ือได้แจ้ง ความประสงค์กับส่วนราชการแล้ว และส่วนราชการได้มีคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในสํานักงานท้องที่ที่ตนได้ แจง้ ความประสงคไ์ ว้ ย่อมทําให้ข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่หากส่วนราชการมิได้มีคําส่ังให้ไป ปฏิบตั ิราชการในทอ้ งทที่ ี่ขา้ ราชการไดแ้ จ้งความประสงคข์ อย้ายไว้ โดยส่ังให้ไปปฏิบัติราชการในท้องที่อ่ืน หรือ อาํ เภออื่นแทนข้าราชการผู้น้นั ย่อมไม่เข้าข้อยกเวน้ ท่ีทําใหไ้ ม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านกรณีย้ายตามคําร้องขอของ ตนเอง

19 กรณีทจ่ี ะพิจารณาว่ากรณีใดจะถือว่าเป็นการย้ายตามคําร้องขอของตนเองนั้น ให้พิจารณา ว่าเป็นการยา้ ยเนือ่ งจากความต้องการของตวั ข้าราชการผู้ย้ายเองเป็นหลัก มิใช่เน่ืองจากความต้องการของทาง ราชการตวั อย่าง เช่น การขอย้ายติดตามคสู่ มรส เป็นต้น กรณีท่ีข้าราชการได้ย้ายตามคําร้องขอของตนเอง แต่ในคําส่ังให้ข้าราชการเดินทางไป ปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องที่ไม่ได้ระบุข้อความไว้ในคําสั่งว่า“ตามคําร้องขอของตนเอง” หาก ข้อเทจ็ จรงิ ปรากฏว่าขา้ ราชการผ้นู นั้ เป็นผรู้ ้องขอย้ายจรงิ ก็ถือวา่ เปน็ กรณีทขี่ ้าราชการได้รับคําสั่งให้เดินทางไป ปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องที่ตามคําร้องขอของตนเอง ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการซึ่งการกาํ หนดใหร้ ะบไุ ว้ในคาํ สัง่ วา่ “ตามคาํ รอ้ งขอของตนเอง” ในกรณีท่ีข้าราชการร้องขอย้ายก็เพ่ือให้ เกิดความชัดเจนในการพิจารณาอนุมัติใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้าน และเพ่ือประโยชน์ในการควบคุมการเบิก จ่ายเงินคา่ เช่าบ้านของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เปน็ ไปในแนวทางเดยี วกนั กรณีการโอนข้าราชการไม่ว่ากรณีใด ๆ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการและมี สาเหตุมาจากส่วนราชการที่รับโอนขาดแคลนบุคลากรหรือต้องการให้ข้าราชการท่ีมีความรู้ความสามารถ เฉพาะด้านของส่วนราชการอื่นมารับราชการในส่วนราชการน้ัน ย่อมไม่ถือว่าเป็นการได้รับคําส่ังให้เดินทางไป ประจําสํานักงานใหม่ตามคําร้องขอของตนเอง (หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนท่ีสุด ท่ี กค 0526.5/ว 109 ลงวนั ที่ 20 ธันวาคม 2542) หากไมเ่ ข้าข้อยกเวน้ ตามมาตรา 7 อนมุ าตราอื่น ยอ่ มมสี ทิ ธไิ ด้รบั คา่ เช่าบ้าน สําหรับกรณีท่ีข้าราชการได้โอนเปล่ียนหน่วยงานซ่ึงส่วนราชการจะมีข้อตกลงในการโอน ของข้าราชการผู้นน้ั วา่ “จะไม่ขอใชส้ ทิ ธเิ บิกค่าเช่าบ้านนั้น” ก็ย่อมจะมีผลผูกพันคู่สัญญาระหว่างข้าราชการกับ สว่ นราชการทีท่ ําใหข้ ้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามข้อตกลงท่ีได้ให้ไว้แก่ส่วนราชการ เว้นแต่ ส่วน ราชการน้ันจะไมย่ ึดถอื ขอ้ ตกลงดงั กล่าวเป็นสาระสําคญั อีกต่อไป โดยจะยนิ ยอมใหข้ ้าราชการผู้น้ันมีสิทธิเบิกค่า เช่าบ้านจากทางราชการได้ ตวั อยา่ ง นายกมั ปนาท รับราชการในท้องท่ีอําเภอเมือง จังหวัดเลย ได้ร้องขอย้ายไปปฏิบัติราชการ ที่อําเภอเมืองจังหวัดลําปาง แต่ส่วนราชการมีคําส่ังให้ย้ายไปปฏิบัติราชการในอําเภอแม่เมาะ จังหวัดลําปาง แทน กรณีเช่นน้ีถือว่าข้าราชการผู้น้ีได้รับคําส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ี โดย มิใช่กรณีย้ายตามคําร้องขอของตนเอง หากไม่เข้าข้อต้องห้ามที่ทําให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 แหง่ อนมุ าตราอืน่ ยอ่ มมีสิทธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการผู้ซ่ึงได้รับคําสั่งให้ย้ายไปรับราชการทางสํานักงานแห่ง ใหม่ ไมว่ ่าจะโดยการโอน หรือย้ายตามคําร้องขอของตนเอง หากสํานักงานแห่งใหม่น้ันยังอยู่ในท้องที่เดียวกัน กับสํานักงานเดิมซ่งึ ได้รบั สิทธเิ บิกค่าเชา่ บ้านอยู่กอ่ นแลว้ ก็ใหเ้ บิกคา่ เช่าบ้านในท้องท่นี น้ั ได้ตอ่ ไป ตวั อยา่ ง นายปิยะวัฒน์ มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในกรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ร้องขอย้ายตนเองไป ปฏิบัติราชการในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กรณีเช่นน้ีเป็นกรณีท่ีได้รับคําสั่งย้ายไปปฏิบัติงานในท้องท่ีเดียวกัน คือ ท้องที่กรุงเทพมหานคร สิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่ สํานักงานในเขตดุสิตที่ ข้าราชการได้ขอย้ายไปมีบ้านพักของทางราชการว่างอยู่ และข้าราชการผู้น้ีถูกจัดเข้าพักอาศัยในบ้านพักของ ทางราชการ ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 7 (1) แต่มิจําต้องพิจารณาตามมาตรา 7 (3) เพราะ กรณดี งั กลา่ ว ยงั มิใช่กรณไี ด้รบั คําสง่ั ใหไ้ ปปฏบิ ัติราชการประจาํ สาํ นกั งานใหม่ในต่างทอ้ งท่ี กรณีสอบเลื่อนระดับของข้าราชการ การที่ส่วนราชการแจ้งให้ผู้ท่ีสอบคัดเลือกได้แสดง ความประสงค์เลือกท้องท่ีที่จะขอรับการแต่งต้ัง เป็นเพียงเพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง และเพ่ือ ประโยชน์ในการบริหารงานบคุ คลภายในของสว่ นราชการเท่าน้นั ดังนั้น กรณที ี่ขา้ ราชการได้รับการเลื่อนระดับ

20 ตําแหน่งให้ไปดํารงตําแหน่ง ณ สํานักงานใหม่ตรงตามประสงค์ จึงไม่ถือว่าเป็นการย้ายตามคําร้องขอของ ตนเอง กรณขี า้ ราชการย้ายไปประจําสํานักงานในต่างท้องที่ตามคําร้องขอของตนเอง ซึ่งกรณีท่ีไม่ เข้าข้อยกเว้นที่ทําให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ต้องพิจารณาว่าข้าราชการที่ได้รับคําส่ังให้ย้ายไป ประจําสํานักงานในต่างท้องที่ตามคําร้องขอของตนเอง เป็นผู้มีสิทธิอยู่ก่อนตามมาตรา 5 แห่งพระราช กฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้า ราช (ฉบบั ท่ี 7) พ.ศ. 2541 หรือไม่โดยใหพ้ จิ ารณาวา่ ข้าราชการดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านก่อนวันท่ีพระ ราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบ้านข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2541 ใช้บงั คับ (วันท่ี 26 มิถุนายน 2541) หรอื ไม่ โดย ไม่ตอ้ งพิจารณาว่า ไดม้ ีการเช่าบา้ นหรือเชา่ ซอ้ื หรอื กเู้ งนิ เพ่อื ชําระราคาบา้ นอยู่ก่อนวนั ดงั กลา่ วหรอื ไม่ ตวั อยา่ ง นายกึกก้อง ข้าราชการได้ร้องขอย้ายไปปฏิบัติราชการประจําในท้องท่ีกรุงเทพมหานคร ก่อนวันที่ 26 มิถุนายน 2541 โดยไม่ถูกจัดเข้าบ้านพัก ไม่มีเคหสถานเป็นของตนเองหรือคู่สมรส และไม่ใช่ ท้องท่ีท่ีเริ่มรับราชการคร้ังแรกหรือท้องที่ที่กลับเข้ารับราชการใหม่ โดยที่นายกึกก้อง ไม่เคยใช้สิทธิเบิกค่าเช่า บ้านเลยภายหลงั จากวนั ท่ี 26 มถิ ุนายน 2541 นายกึกกอ้ ง ก็ยอ่ มมีสทิ ธไิ ดร้ บั คา่ เช่าบ้าน โดยไม่ต้องพิจารณา ว่านายกกึ กอ้ งไดเ้ คยใชส้ ทิ ธิเบิกคา่ เช่าบ้านมาแล้วหรือไม่ 1.7 สทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นเกิดข้นึ ในกรณสี ํานักงานท่ปี ฏิบัตริ าชการประจาํ อย่เู ดิมได้ย้ายสถานที่ทําการ ไปตั้งอย่ใู นตา่ งท้องท่ี (มาตรา 8) กรณีท่ีสํานักงานที่ปฏิบัติราชการประจําอยู่ต้องย้ายสํานักงานไปต้ังในท้องท่ีใหม่ ข้าราชการท่ี ปฏิบัติราชการในสํานักงานแห่งน้ันต้องย้ายไปปฏิบัติราชการด้วย จึงได้รับความเดือนร้อนเร่ืองท่ีอยู่อาศัยหาก ทางราชการไม่ได้จัดบ้านพักให้ ไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธ์ิของตนเองหรือคู่สมรส หรือได้รับคําส่ังให้ เดินทางไปประจําสํานักงานใหม่ในต่างท้องที่ตามคําร้องขอของตนเอง ข้าราชการผู้น้ันย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านจากทางราชการเว้นแต่กรณีท่ีสํานักงานที่ย้ายไปนั้นตั้งอยู่ในท้องที่ใกล้เคียงกับท้องท่ีที่ต้ังสํานักงานเดิม กรณเี ช่นน้ี ไม่ทาํ ใหข้ า้ ราชการเกิดสทิ ธิไดร้ บั คา่ เช่าบ้านในกรณีสํานักงานย้ายที่ตั้งสํานักงานโดยหลักเกณฑ์การ พจิ ารณาทอ้ งทีใ่ กล้เคยี งกับท้องที่ทีต่ ั้งสาํ นักงานเดิม ซึง่ ไม่มสี ิทธไิ ด้รับค่าเช่าบา้ นเปน็ ไปตามที่กระทรวงการคลัง กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พ.ศ. 2549 และทแ่ี กไ้ ขเพ่ิมเตมิ ตัวอยา่ ง สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเดิมตั้งอยู่ในบริเวณกระทรวงศึกษาธิการ ในท้องท่ี กรงุ เทพมหานครต่อมาได้ยา้ ยไปตง้ั อย่ทู ่พี ทุ ธมณฑล อาํ เภอพุทธมณฑล จงั หวดั นครปฐม ซ่ึงเป็นท้องท่ีใกล้เคียง ท่ีทําให้ข้าราชการของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่เกิดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามประกาศของ กระทรวงการคลัง แต่มีข้อยกเว้นสําหรับข้าราชการของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติท่ีเดิมก่อนที่ สํานักงาน จะย้ายไปอําเภอพุทธมณฑลตนได้เป็นผู้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาการท่ีสํานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ย้ายไปท่ีพุทธมณฑลซ่ึงเป็นท้องท่ีใกล้เคียงท่ีไม่ทําให้เกิดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน สําหรบั ขา้ ราชการรายนี้ก็จะยังคงมสี ิทธไิ ดร้ บั ค่าเช่าบ้านอย่เู วน้ แต่การย้ายไปปฏบิ ัตงิ านท่ีพุทธมณฑลน้ัน ได้เข้า ข้อยกเว้นตามมาตรา 7 (1)-(3) กรณีเช่นน้ีจะทาํ ให้ข้าราชการรายนไี้ มม่ สี ทิ ธไิ ดร้ ับคา่ เช่าบา้ นได้เชน่ กัน ตัวอย่าง กรณหี ากรัฐบาลมีนโยบายย้ายท่ีทําการของสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปที่อําเภอบ้าน นา จังหวัดนครนายกกรณีเช่นนี้ มิใช่การย้ายสํานักงานไปในท้องท่ีใกล้เคียงกับท่ีต้ังสํานักงานเดิม ตาม

21 หลักเกณฑ์ท่ีกระทรวงการคลังได้วางไว้ ดังนั้น ข้าราชการของสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ย่อมมีสิทธิได้รับ คา่ เชา่ บา้ น หากไม่เขา้ ข้อยกเวน้ ทท่ี ําใหไ้ มม่ สี ทิ ธไิ ดร้ ับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 (1) - (3) 1.8 การงดหรือลดเบิกจ่ายเงินเดือนเนื่องจากการถูกตัดเงินเดือนหรือการลาโดยไม่มีสิทธิได้รับ เงนิ เดือนไมก่ ระทบตอ่ สทิ ธิการได้รบั คา่ เชา่ บา้ น (มาตรา 12) กรณีท่ีข้าราชการเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านแต่ถูกตัดเงินเดือนหรือลาโดยไม่มีสิทธิได้รับ เงินเดือนจะนําเหตุการณ์ตัดเงินเดือนหรือลาดังกล่าวไปตัดสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านไม่ได้ ข้าราชการผู้นี้ย่อมมี สทิ ธิไดร้ บั ค่าเช่าบ้านเสมือนหนึ่งไม่มีการงดหรือลดเบิกจ่ายเงินเดือน เว้นแต่กรณีการลาติดตามสามีหรือภริยา ซึ่งย้ายไปรบั ราชการในตา่ งประเทศ ตัวอยา่ ง ขา้ ราชการอยรู่ ะหว่างลาศึกษาต่อ หากมคี วามจําเป็นต้องเช่าบา้ นให้ครอบครัวของข้าราชการอยู่อาศัย หรอื เพือ่ เก็บสมั ภาระ ก็มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ แต่การจะนําบ้านท่ีใช้สิทธิไปให้ผู้อื่นเช่าโดยท่ี ข้าราชการผู้น้ันมิได้อยู่อาศัยด้วย หรือไม่มีความจําเป็นต้องเก็บสัมภาระ หรือให้ครอบครัวอยู่อาศัยย่อมเป็น การปฏิบัติที่ขัดกับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ ท่ีข้าราชการจะต้องเป็นผู้เดือดร้อนเรื่องท่ีอยู่อาศัย ยอ่ มไม่สามารถเบิกค่าเช่าบา้ นในกรณีดงั กล่าวได้ กรณีข้าราชการที่ปฏิบัติราชการอยู่อําเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ลาศึกษาต่อท่ีกรุงเทพมหานคร ข้าราชการผู้น้ีย่อมมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านที่จังหวัดยะลาได้ แต่การจะมาเช่าบ้านอยู่ในกรุงเทพมหานครแล้วนํา หลักฐานการเช่าบ้านไปเบิกค่าเช่าบ้านท่ีสํานักงานในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัดยะลา กรณีเช่นน้ี ไม่สามารถ กระทําได้เพราะการเช่าบ้านในกรุงเทพมหานครมิใช่การเช่าเพื่อปฏิบัติราชการในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัด ยะลา 1.9 สิทธกิ ารได้รบั คา่ เชา่ บา้ น (มาตรา 14) ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จะมีสิทธิได้รับตั้งแต่วันท่ีข้าราชการผู้น้ันได้เช่าอยู่จริง แต่ไม่ ก่อนวันรายงานตัวเพ่ือเข้ารับหน้าที่ และให้สิ้นสุดลงในวันท่ีขาดจากอัตราเงินเดือน หรือวันท่ีอยู่ในข่ายหมด สทิ ธิได้รบั ค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎกี าฯวันรายงานตวั เพ่อื เขา้ รบั หนา้ ที่ หมายถงึ วนั ที่ข้าราชการผู้น้ันได้ไป รายงานตัวเพือ่ เข้ารับหน้าทีณ่ สํานกั งานแห่งใหม่ในตา่ งทอ้ งที่ ตัวอย่าง นายระพีพงศ์ รับราชการท่ีกรุงเทพมหานครไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติ ราชการท่ีอําเภอเบตง จังหวัดยะลา มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ซ่ึงในระหว่างที่นายระพีพงศ์ ยังไม่ได้ เดินทางไปรายงานตัวท่ีอําเภอเบตง จังหวัดยะลา นายระพีพงศ์ ได้ทําสัญญาเช่าบ้านกับนายเกริก ที่อําเภอ เบตง จังหวัดยะลาแล้วต่อมาอีก 5 วัน นายระพีพงศ์ จึงมาปฏิบัติราชการท่ีอําเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้ รายงานตัวแล้ว กรณีเช่นน้ีนายระพีพงศ์ ย่อมมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ตั้งแต่วันรายงานตัวเพ่ือปฏิบัติราชการ โดยไม่มีสทิ ธิไดร้ บั คา่ เช่าบา้ นในช่วงเวลา 5 วนั ทีน่ ายระพีพงศ์ ได้ทําสญั ญาเชา่ บ้านกับนายเกริก แต่ยังไม่ได้มา รายงานตัวเพอื่ ปฏบิ ตั ริ าชการ วนั ที่ขาดจากอัตราเงนิ เดอื นหรือวันท่ีอยู่ในข่ายหมดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาน้ี เช่น วันท่ีได้รับการแต่งตั้งให้ไปดํารงตําแหน่งใหม่โดยขาดจากอัตราเงินเดือนและไปต้ังเบิกเงินเดือน ณ สํานักเบิก เงินเดือนแห่งใหม่ วันที่ข้าราชการถึงแก่ความตาย วันพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญ ขา้ ราชการวนั ท่ไี ด้รบั อนญุ าตให้ลาออกจากราชการ หรอื วันที่หมดภาระในการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระ เงินกเู้ พอ่ื ชาํ ระราคาบ้านทีค่ ้างชาํ ระอยู่ ตามนยั มาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาน้ี เป็นตน้

22 สิทธทิ ีจ่ ะได้รับคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ กรณที ไี่ ม่สามารถออกเดินทางไปได้ในวันส่งมอบหน้าที่ ในกรณีที่ ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการได้รับคําสั่งให้เดินทางไปประจําสํานักงานแห่งใหม่ในต่างท้องท่ี สทิ ธทิ ี่จะได้รับคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการยอ่ มสน้ิ สุดลงในวนั ทีข่ าดจากอตั ราเงนิ เดือนเดิม และไปตั้งเบิกเงินเดือน ณ สํานักเบิกเงินเดือนแห่งใหม่ แต่ถ้าเป็นกรณีที่ข้าราชการผู้ได้รับแต่งตั้งให้ไปรับราชการในท้องท่ีอื่นไม่สามารถ ออกเดนิ ทางได้ในวันท่ีส่งมอบหน้าท่ี ใหม้ ีสิทธิได้รับคา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการตอ่ ไปอกี ไมเ่ กนิ สิบวนั นับแต่วันส่งมอบ หนา้ ที่ เว้นแต่ กรณที ี่จําเปน็ จะต้องอยตู่ อ่ ไปอกี ให้เบิกได้เทา่ ท่ีจาํ เป็นโดยได้รับการอนมุ ตั ิจากผอู้ อกคําส่งั แต่งตงั้ สําหรับวันส่งมอบหน้าท่ี ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไข เพ่มิ เตมิ มิได้กาํ หนดไว้ว่า จะต้องส่งมอบหน้าที่กันเม่ือใด เพียงแต่กําหนดไว้ว่า กรณีท่ีผู้ซ่ึงได้รับแต่งตั้งให้ไปรับ ราชการในทอ้ งทอ่ี ่นื ไมส่ ามารถออกเดินทางไปได้ในวันส่งมอบหน้าที่ ให้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านต่อไปอีกไม่เกิน สิบวนั นบั แตว่ นั ส่งมอบหน้าท่ี เว้นแต่ กรณีจําเป็น ฉะนั้น เมื่อมีการแต่งต้ังให้ข้าราชการไปรับราชการในท้องท่ี อน่ื กถ็ ือว่าขา้ ราชการผ้นู นั้ พ้นจากตําแหนง่ เดิมแล้ว ตามนยั ระเบียบสาํ นกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการรับส่งงานใน หน้าท่ีราชการพ.ศ. 2524 ให้ผู้บังคับบัญชากําหนดวันรับส่งงานในหน้าที่ตามที่เห็นสมควร แต่ไม่ให้เกิน สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้พ้นจากตําแหน่งทราบคําส่ัง เว้นแต่จะมีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติ คณะรฐั มนตรีกําหนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอื่น ตัวอย่าง นายศิรวัฒน์ รับราชการครั้งแรกในท้องที่อําเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันรับราชการใน ท้องท่ีอําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาส่วนราชการมีคําส่ังให้นายศิรวัฒน์ กลับไป ปฏิบัติราชการท่ีอําเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จึงทําให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านท้องท่ีอําเภอบ้านแหลม เพราะเปน็ ท้องทท่ี ี่เรม่ิ รับราชการครัง้ แรก แตเ่ นื่องจากนายศิรวัฒน์ ก. ยังไม่สามารถส่งมอบงานให้เสร็จภายใน วนั ท่ี 30 กันยายน 2548 จะตอ้ งอยปู่ ฏบิ ัติราชการต่อไปอีก 30 วัน ตามคําส่ังผู้บังคับบัญชา กรณีเช่นน้ีย่อม ถอื วา่ นายศริ วัฒน์ สน้ิ สุดสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่อําเภอเมืองในวันท่ี 30 ตุลาคม 2548 เม่ือส่งมอบ งานเสรจ็ แลว้ แต่หากนายศิรวัฒน์ยังไม่สามารถส่งมอบงานให้แล้วเสร็จตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา นายศิรวัฒน์ก็ ยอ่ มมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นตอ่ ไปอกี ไม่เกนิ 10 วัน นับแต่วันทส่ี ง่ มอบงาน 1.10 สิทธิการนําหลกั ฐานการชาํ ระคา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการในท้องที่เดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่ใหม่ (มาตรา 15) ข้าราชการผู้ใดมสี ทิ ธไิ ด้รับค่าเช่าบ้านโดยเช่าบ้านอยู่แล้ว ต่อมาได้ย้ายไปประจําในท้องที่อ่ืนซ่ึง ตนมีสิทธิได้รบั คา่ เชา่ บ้าน หากค่สู มรสหรือบุตรซ่ึงอยู่ในอุปการะของข้าราชการผู้นั้น ไม่อาจติดตามข้าราชการ ผู้นั้นไปได้และบุคคลดังกล่าวมีความจําเป็นต้องอาศัยอยู่ในบ้านในท้องที่เดิมต่อไป ก็ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิ นําหลักฐานการชาํ ระค่าเชา่ บา้ นในทอ้ งทเ่ี ดิมมาเบกิ คา่ เชา่ ในท้องท่ใี หม่ได้ ตวั อย่าง นายสุวโรจน์ ปฏิบัติราชการในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,500 บาท ต่อมาได้รับคาํ ส่ังใหไ้ ปปฏบิ ัติราชการประจาํ ท่อี ําเภอรามนั จังหวัดยะลา ทําให้ครอบครัวของนาย สุวโรจน์ไม่สามารถไปอาศัยอยู่ในอําเภอรามัน จังหวัดยะลาได้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบของ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดยการไปปฏิบัติงานท่ีจังหวัดยะลา นายสุวโรจน์ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการซึ่ง สามารถนําหลักฐานการเช่าบ้านในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ครอบครัวของนายสุวโรจน์ ใช้เป็นที่ พกั อาศยั มาเบิกค่าเชา่ บา้ นจากทางราชการได้ 1.11 สิทธิการนําหลกั ฐานการชาํ ระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บ้าน (มาตรา17)

23 สิทธกิ ารนาํ หลกั ฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บ้านจะต้องทําความเข้าใจเสียก่อนว่า สิทธิตามมาตรา 17 น้ี มิได้เกิดข้ึนทันทีที่ข้าราชการได้รับคําสั่งให้ เดนิ ทางไปปฏิบตั ิราชการประจําในต่างทอ้ งที่ ขา้ ราชการผ้ทู ่ีจะสามารถใชส้ ิทธิตามมาตรา 17 น้ีได้ จะต้องเป็น ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ก่อน กล่าวคือ ต้องได้รับคําส่ังให้เดินทางไปประจําสํานักงานในต่าง ท้องท่ีโดยไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา7 (1) - (3) จึงสามารถใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระ ราคาบา้ นมาเบิกค่าเชา่ บ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 ดงั นัน้ จึงเป็นหลักสําคัญมากท่ีจะใช้พิจารณาว่า ขา้ ราชการผู้ได้รับคําสงั่ ใหไ้ ปปฏิบัติงานประจําสํานักงานในต่างท้องที่ จะมีสิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้ เพื่อชาํ ระราคาบ้านมาเบกิ คา่ เชา่ บา้ นจากทางราชการตามมาตรา 17 ได้หรอื ไม่ 1.12 หลักเกณฑ์การใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือซ้ือบ้านมาเบิก ค่าเช่าบ้าน มีดงั นี้ 1. จะตอ้ งอยู่ระหว่างการผอ่ นชาํ ระคา่ เชา่ ซ้ือบ้าน หรือผอ่ นชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านท่ีค้าง ชาํ ระอยใู่ นขณะน้นั 2. บ้านหลังท่ีเช่าซ้ือหรือผ่อนชําระเงินกู้นั้น จะต้องอยู่ในท้องที่ที่ข้าราชการผู้น้ันย้ายไปปฏิบัติ ราชการประจาํ อยู่ทีส่ าํ นกั งานแหง่ ใหม่ 3. บ้านที่เช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้ จะต้องใช้เพื่อเป็นท่ีอยู่อาศัยและข้าราชการผู้น้ันได้อยู่ อาศยั จริง 4. ตนเองหรือคู่สมรส ได้ทําการผ่อนชําระค่าเช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านใน ท้องท่ีนั้นจะเบิกจ่ายไดเ้ ฉพาะบ้านหลงั แรกเท่าน้นั เวน้ แต่บา้ นหลงั ทเ่ี คยใชส้ ิทธิถูกทาํ ลายหรือเสยี หายเนื่องจาก ภัยพบิ ตั จิ นไม่สามารถพักอาศยั อยไู่ ด้ 5. หากเช่าซ้ือหรือกู้เงินเพื่อชําระราคาบ้านร่วมกับบุคคลอ่ืน ซึ่งไม่ใช่คู่สมรสและมีกรรมสิทธ์ิ รวมกับบุคคลอื่นในบ้านนั้น จะเบิกจ่ายค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านได้ตามสัดส่วนแห่ง กรรมสิทธิ์สําหรับบ้านหลังดังกลา่ ว 6. จะตอ้ งเปน็ การผ่อนชําระค่าเช่าซ้ือหรือผอ่ นชาํ ระเงนิ กู้เพอื่ ชาํ ระราคาบา้ นกับสถาบันการเงิน และสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเงินกู้จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกําหนด (ตาม หนังสอื กรมบัญชกี ลาง ดว่ นทส่ี ุด ท่ี กค 0409.5/ว 162 ลงวนั ท่ี 10 พฤศจิกายน 2549) 7. จะต้องไม่เคยใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้สําหรับบ้านหลัง หนึ่งหลังใดในท้องทน่ี นั้ มาแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีท่ีได้รับแต่งต้ังให้กลับไปรับราชการในท้องท่ีที่เคยใช้สิทธินั้นอีก และเป็นการใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ตามท่ีได้เคยใช้สิทธิมาแล้ว หรือ ขณะท่ยี ้ายมารับราชการในทอ้ งทนี่ ้นั บา้ นทเ่ี คยใช้สทิ ธไิ ดโ้ อนกรรมสทิ ธ์ิไปแล้ว 8. หากเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านสูงกว่าราคาบ้าน ให้นําค่าผ่อนชําระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการได้ โดยใหค้ ํานวณตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการทกี่ ระทรวงการคลงั กาํ หนด (ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ดว่ นท่ีสุด ท่ี กค 0409.5/ว 162 ลงวันที่ 10 พฤศจกิ ายน 2549) ตวั อย่าง ขา้ ราชการรายหนง่ึ ไดซ้ ื้อบ้านจํานวน 2 หลังในทอ้ งที่ที่สํานักงานทต่ี นปฏิบัติราชการตั้งอยู่ ข้าราชการ ผู้น้จี ะมีสทิ ธินาํ หลกั ฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชาํ ระราคาบา้ นมาเบกิ คา่ เช่าบ้านได้เพียงหลังแรกที่ตนเองซื้อมา ตามมาตรา 17 (1) หากซ้ือมาพร้อมกันทั้งสองหลังให้เลือกว่า จะใช้สิทธินําหลักฐานบ้านหลังใดมาเบิกค่าเช่า บ้านจากทางราชการ

24 ตัวอยา่ ง นายองค์เอก เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ได้ร่วมกับน้องชายทําสัญญาซื้อขายบ้านในท้องที่ที่ปฏิบัติ ราชการประจําเพื่ออยู่อาศัย โดยผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในราคา 500,000 บาท นายองค์เอก สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ครึ่งหนึ่งของ สดั ส่วนกรรมสิทธ์ิเป็นจํานวนเงนิ 250,000 บาท ตามมาตรา 17 (2) กรณีสามีภริยาซ้ือบ้านร่วมกับบิดาของภริยา ราคา 300,000 บาท สามีและภริยาจะมีสัดส่วนของ กรรมสิทธ์ิเป็น2 ใน3 ส่วน สามีหนึ่งส่วน ภริยาหนึ่งส่วน และบิดาของภริยาหน่ึงส่วน เม่ือสามีและภริยารับ ราชการในทอ้ งทเี่ ดียวกนั โดยสามเี ปน็ ผูม้ สี ิทธิเบกิ คา่ เช่าบา้ นเพยี งคนเดยี ว สามสี ามารถใช้สิทธินําหลักฐานการ ผอ่ นชําระเงนิ ก้มู าเบกิ ค่าเช่าบ้านได้เปน็ จํานวน 2 ใน 3 สว่ นของกรรมสทิ ธขิ์ องราคาบา้ น คือ 200,000 บาท กรณีที่ก่อนจดทะเบียนสมรส นายอติรุจ กับนางสาวปัทมา และบิดาของนางสาวปัทมา ได้ซ้ือบ้าน รว่ มกนั ราคา 3,000,000 บาท ต่อมานายอติรุจ และนางสาวปัทมา ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยที่นายอติรุจ เป็นผมู้ สี ทิ ธเิ บกิ คา่ เช่าบ้าน นายอติรจุ สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามสัดส่วน ของกรรมสิทธิ์เพียงหนึ่งส่วน เป็นจํานวนเงิน 1,000,000 บาท เพราะเป็นการได้กรรมสิทธิ์มาก่อนสมรส จึง ตกเปน็ สนิ สว่ นตวั ของแตล่ ะคนระหว่างนายอติรุจ นางสาวปัทมา และบิดาของนางสาวปัทมา เม่ือนายอติรุจ มี สิทธนิ าํ หลกั ฐานการผอ่ นชาํ ระเงินกูเ้ พ่ือชาํ ระราคาบา้ นมาเบกิ ค่ าเช่าบ้าน จึงสามารถใชส้ ทิ ธิได้ตามสัดส่วนของ กรรมสทิ ธใ์ิ นส่วนของนายอติรุจเองเท่าน้นั สิทธิการนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 เมื่อ ข้าราชการรายใดใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีใดแล้ว ต่อมาได้รับคําส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการในท้องที่ใหม่และมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่น้ัน ก็สามารถใช้ สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 ในท้องท่ีใหม่ได้ ซ่ึง หากต่อมาได้ย้ายกลับมาปฏิบัติราชการในท้องที ่เคยใช้สิทธิตามมาตรา 17 แล้ว แต่ยังผ่อนชําระไม่หมดก็ สามารถนําหลกั ฐานการผ่อนชําระเงินกบู้ า้ นหลงั ท่ีเคยใช้สิทธิมาเบิกค่าเช่าบ้านต่อไปได้ตามมาตรา 17 (4) แต่ จะซอื้ บ้านหลงั ใหม่ในทอ้ งท่ที ่ีเคยใช้สิทธิ และนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้ในบ้านหลังใหม่มาเบิกค่าเช่าบ้าน กบั ทางราชการไม่ได้เพราะต้องเปน็ การใช้สทิ ธใิ นบา้ นหลังแรกเท่าน้ัน เว้นแต่ ก่อนย้ายมาในท้องท่ีที่เคยใช้สิทธิ ตามมาตรา 17 ได้ขายบ้านหลังนัน้ ไปก่อนทีจ่ ะย้ายมาปฏบิ ัติหนา้ ทใี่ นท้องที่นน้ั กรณเี ช่นนี้สามารถซ้ือบ้านหลัง ใหม่และใช้สทิ ธเิ บิกคา่ เชา่ บา้ น ตามมาตรา 17 ได้ ตัวอยา่ ง นายอนุภัทร รับราชการที่กรุงเทพมหานคร ได้ใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคา บ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้รับคําส่ังย้ายไปปฏิบัติราชการท่ี อําเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด และมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน กรณีนี้นายอนุภัทร สามารถใช้สิทธิตามมาตรา 17 ใน ท้องท่ีอําเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ดได้ และหากต่อมานายอนุภัทร ได้รับคําสั่งให้ย้ายกลับมาปฏิบัติราชการท่ี กรุงเทพมหานครอีกคร้ัง และมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นายอนุภัทร ก็สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระราคา บ้านหลังท่ีเคยใช้สิทธิในท้องที่กรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านได้อีก แต่นายอนุภัทร ไม่มีสิทธินําหลักฐาน การผอ่ นชําระบา้ นหลงั อืน่ ในทอ้ งทกี่ รงุ เทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ เนื่องจากไม่ใช่การใช้สิทธิในบ้านหลัง แรกของทอ้ งที่กรงุ เทพมหานคร เว้นแต่การท่ีนายอนุภัทร ได้รับคําส่ังให้กลับมาปฏิบัติราชการท่ีกรุงเทพมหานคร น้ัน นายอนุภัทรได้ขายบ้านหรือโอนกรรมสิทธ์ิไปให้บุคคลอื่นแล้ว ก่อนท่ีตนจะย้ายกลับมาปฏิบัติราชการท่ี กรงุ เทพมหานคร กรณีเชน่ นี้นายอนุภทั ร สามารถใช้สทิ ธนิ าํ หลักฐานการผ่อนชําระราคาบ้านหลังใหม่มาเบิกค่า เชา่ บ้านในท้องท่กี รงุ เทพมหานครได้

25 กรณขี า้ ราชการใชส้ ิทธินําหลักฐานการชําระคา่ เช่าซื้อหรอื ค่าผอ่ นชาํ ระเงนิ กเู้ พ่อื ชําระราคาบ้านมาเบิก ค่าเช่าบ้านได้ขายบ้านหลังดังกล่าวไประหว่างท่ียังผ่อนชําระบ้านหลังดังกล่าวไม่หมด ไม่ทําให้มีสิทธิได้รับค่า เช่าบ้านอกี ครั้ง ตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 ตัวอย่าง นายสมิทธ์ิ รับราชการในท้องที่กรุงเทพหมานคร และได้ใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือ ชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามมาตรา 17 ต่อมาระหว่างท่ียังผ่อนชําระราคาบ้านไม่ หมด ได้โอนบ้านหลังดังกล่าวให้กับบิดามารดาไป นายสมิทธ์ิ ไม่มีสิทธินําหลักฐานการเช่าบ้านผู้อ่ืนมาเบิกค่า เช่าบ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 วรรคสองประกอบมาตรา 9 และไม่มีสิทธินําหลักฐานการผ่อน ชําระเงินกู้บ้านหลังใหม่ในท้องท่ีกรุงเทพมหานคร มาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 (1) และ 17 (4) 1.13 สิทธิการนําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านในท้องที่เดิม มาเบกิ ค่าเชา่ บ้านต่อเนื่องในท้องทีใ่ หม่ (มาตรา18) ข้าราชการผู้ท่ีได้ใช้สิทธินําหลักฐานค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บ้านตามมาตรา 17 แล้ว ต่อมาได้รับคําส่ังให้ไปปฏิ บัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีและมีสิทธิได้รับ คา่ เชา่ บ้านตามมาตรา 7 ในทอ้ งท่ีนน้ั ข้าราชการผู้น้ันสามารถนําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระ เงินกเู้ พื่อชาํ ระราคาบา้ นในท้องทเ่ี ดมิ มาเบกิ คา่ เชา่ บ้านในทอ้ งทีใ่ หม่ได้ ตัวอย่าง นายสริ ภิ ูมิ รับราชการท่กี รงุ เทพมหานคร และไดใ้ ช้สทิ ธินาํ หลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคา บ้านในท้องที่กรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมานายสิริภูมิ ได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการท่ี อําเภอเมืองจังหวัดราชบุรี และเกิดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายสิริภูมิ สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านในท้องที่กรุงเทพมหานคร มาเบิกค่าเช่าบ้านใน ท้องท่ีอําเภอเมือง จังหวัดราชบุรีได้ตามมาตรา 18 หรือนายสิริภูมิ จะซ้ือบ้านท่ีอําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แล้วนําหลกั ฐานการผ่อนชาํ ระเงินก้บู ้านหลงั ท่จี งั หวัดราชบุรีมาเบิกค่าเชา่ บา้ นก็ได้ ตามมาตรา 17 หากข้าราชการรายใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 แล้วเป็นผู้ขอใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อน ชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอํานาจอนุมัติในแบบขอรับ คา่ เชา่ บ้านไว้แล้ว (แบบ6005) หากต่อมาได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีและมี สิทธไิ ด้รบั คา่ เช่าบ้านในทอ้ งทใ่ี หม่ จึงจะสามารถใชส้ ิทธินาํ หลักฐานการผอ่ นชาํ ระเงินกู้เพื่อซื้อบ้านในท้องท่ีเดิม มาเบกิ คา่ เช่าบ้านในท้องทใี่ หม่ได้ ตามมาตรา 18 สทิ ธิการนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามาตรา 17 และสิทธิ การนาํ หลักฐานการผ่อนชาํ ระเงนิ กู้เพ่ือชําระราคาบ้านในท้องที ่เดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่ใหม่ตามมาตรา 18 นี้มิใช่สิทธิท่ีติดตามตัวของข้าราชการผู้เคยใช้สิทธิตามมาตรา 17 และมาตรา 18 โดยอัตโนมัติ เม่ือ ข้าราชการผู้นั้นได้รับคําส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องที่ ส่วนราชการจะต้องพิจารณาว่า ข้าราชการดังกล่าวที่ได้รับคําสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติราชการประจําสํานักงานในต่างท้องท่ีนั้น มีสิทธิได้รับค่าเช่า บา้ นตามมาตรา 7 แล้วหรือไม่เม่ือข้าราชการผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 จึงจะสามารถใช้ สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 ได้ และเม่ือเป็นผู้ที่ สว่ นราชการได้อนุมตั ใิ นแบบขอรบั คา่ เช่าบา้ น (แบบ 6005) แล้ว จึงถือว่าเปน็ ผไู้ ด้ใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อน ชาํ ระเงินกู้ เพ่ือชําระราคาบา้ นมาเบิกค่าเช่าบ้านหากต่อมาไดร้ ับคําสั่งย้ายไปปฏิบตั ริ าชการประจําสํานักงานใน

26 ต่างท้องท่ีและมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 จึงจะมีสิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคา บ้านในทอ้ งท่เี ดมิ มาเบกิ ค่าเชา่ บ้านในทอ้ งทใ่ี หม่ตามมาตรา 18 ได้ แต่ถ้าหากข้าราชการผู้ที่ได้ใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านอยู่ในท้องที่ใด ได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจําต่างท้องที่อีกท้องท่ีหนึ่ง ซ่ึงในท้องท่ีนั้นส่วนราชการได้จัดบ้านพักให้กับ ข้าราชการเข้าพักอาศัย ซ่ึงทําให้ข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 มิใช่เป็นการรอนสิทธิ ของข้าราชการแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพราะสิทธิข้าราชการท่ีจะนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคามา เบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 18 มิได้ติดตามตัวมาด้วย เป็นแต่เพียงสิทธิที่จะสามารถใช้ได้เมื่อตนเองเกิดสิทธิ ไดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นเทา่ นั้นเม่ือย้ายมารับราชการในท้องท่ใี หมส่ ว่ นราชการกส็ ามารถพิจารณาสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ในทอ้ งที่ใหมไ่ ด้ 1.14 แนวทางการพจิ ารณาสิทธิการไดร้ ับคา่ เชา่ บ้านตามมาตรา 7 1. ตามนัยมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม กําหนดว่า “ข้าราชการผ้ใู ดรับราชการหรือได้รับคาํ สงั่ ใหไ้ ปรับราชการในท้องท่ีใดและไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เพราะเหตุมีเคหสถานของตนเองหรือของคู่สมรส แม้ข้าราชการผู้นั้นได้โอนกรรมสิทธ์ิในเคหสถานนั้นไป ก็ไม่ ทําให้เกิดสิทธิท่ีจะได้รับค่าเช่าบ้านในระหว่างรับราชการในท้องท่ีน้ัน” หรือเคหสถานน้ันเป็นสินส่วนตัวของคู่ สมรสอีกฝ่ายหน่ึง (มีอยู่ก่อนจดทะเบียนสมรส) ซึ่งข้าราชการผู้น้ันมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย เมื่อคู่ สมรสไดข้ ายเคหสถานนั้นไปขา้ ราชการดังกล่าวอย่ใู นข่ายต้องห้ามท่ีทําให้ไมม่ สี ิทธิได้รับคา่ เช่าบา้ นในทอ้ งท่นี ้นั 2. ข้าราชการท่ีมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ถ้าสละสิทธิไม่เข้าพักอาศัยในบ้านพักท่ีทางราชการจัดให้จะมา ขอเบกิ ค่าเช่าบา้ นไมไ่ ด้ แต่การสละสิทธิบ้านพักของทางราชการดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันข้าราชการหากบ้านพัก ของทางราชการท้ังหมดได้ร้อื ถอนไปแล้ว จนไม่มีบ้านพกั ทท่ี างราชการจะสามารถจัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัย ไดห้ ากข้าราชการมีความจาํ เปน็ ต้องเช่าบ้าน เชา่ ซอ้ื หรือผอ่ นชาํ ระเงินกู้ และได้อยู่อาศัยจริงก็มีสิทธิเบิกค่าเช่า บ้านจากทางราชการได้ 3. ขา้ ราชการมีเคหสถานของตนเองอยู่ในท้องที ท่ ่ีย้ายมารับราชการประจํา โดยไม่มีหน้ีค้างชําระกับ สถาบนั การเงนิ ต่อมาบา้ นชํารุดทรุดโทรมมาก จึงร้ือถอนท้ังหลังแล้วไปกู้เงินเพื่อก่อสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทน หลังเดิมนั้น เป็นกรณีข้าราชการได้มีเคหสถานเป็นของตนเองในท้องที่ท่ีรับราชการประจํา ซึ่งต้องห้ามมิให้มี สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 7 (2) ประกอบมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ และในเม่ือ ข้าราชการไม่มสี ิทธไิ ดร้ ับคา่ เช่าบา้ นข้าราชการในท้องท่ีที่ตนรับราชการประจําอยู่ ตามมาตรา 7 ตั้งแต่ต้นแล้ว แมว้ า่ ข้าราชการผนู้ น้ั ได้รบั ความเดือดร้อนเร่ืองที่อยู่อาศัย ซึ่งมิใช่ความผิดของตนก็ตาม ก็ไม่มีสิทธินําหลักฐาน การชําระคา่ เชา่ ซื้อหรือคา่ ผ่อนชําระเงินกู้เพ่อื ชําระราคาบ้านมาเบิกคา่ เชา่ บา้ นข้าราชการ ตามมาตรา 17 แห่ง พระราชกฤษฎกี าฯ 4. ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านและได้เช่าซื้อบ้านหรือผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านใน ทอ้ งที่ทป่ี ฏิบัตริ าชการประจํา แต่ยังมิได้เข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านน้ัน เนื่องจากมีเหตุจําเป็นไม่อาจเข้าพักในบ้าน หลังดังกล่าวได้ หากข้าราชการผู้น้ันได้เช่าบ้านผู้อ่ืนเพ่ืออยู่อาศัยและได้อาศัยอยู่จริงในบ้านนั้น ก็ยังคงมีสิทธิ ไดร้ ับคา่ เช่าบา้ นดังกล่าวอยตู่ ่อไปจนกระทั่งสิทธไิ ดร้ ับค่าเช่าบา้ นข้าราชการส้ินสุดลง กล่าวคือ เมื่อข้าราชการผู้ น้ันได้ย้ายเข้าไปพักอาศัยในบ้านหลังที่ตนเองเช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้ สิทธิในการนําหลักฐานการเช่าบ้าน ผู้อน่ื มาเบิกคา่ เช่าบา้ นย่อมสิน้ สุดลง

27 ตัวอยา่ ง นายเอกอรุณ เปน็ ผูม้ ีสทิ ธไิ ด้รบั ค่าเชา่ บ้าน และไดเ้ ช่าบ้านอย่อู าศัย ต่อมาได้ซ้ือบ้านโดยการผ่อนชําระ เงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านกับธนาคาร แต่เน่ืองจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า บ้านหลังที่นายเอกอรุณ ซื้อถูกน้ําท่วม จนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ กรณีน้ีถือว่า นายเอกอรุณ มีเหตุจําเป็นอันไม่อาจเข้าพักอาศัยได้ เม่ือนายเอก อรุณยังต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่เช่า ก็ย่อมมีสิทธินําหลักฐานการเช่าบ้านผู้อื่นมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ จนกว่า นายเอกอรณุ จะยา้ ยเข้าไปอยอู่ าศัยในบา้ นหลังท่ีตนซ้อื 5. ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับมรดกเป็นบ้าน โดยเจ้าของมรดกมิได้ทําพินัยกรรมไว้ บ้านย่อมเป็นมรดก ตกทอดแก่ทายาททุกคน ข้าราชการผู้นั้นจะไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกา ฯแต่มสี ทิ ธไิ ด้รับคา่ เชา่ บ้านหรอื ไม่ จะพจิ ารณาตามข้อเทจ็ จริง ดังนี้ - หากข้าราชการผู้น้ันเป็นทายาทคนเดียว ที่มีสิทธิได้รับมรดก ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ตอ้ งหา้ มตามมาตรา 7 (2) - หากข้าราชการได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยบ้านเป็นกรรมสิทธิ์รวม จะต้องพิจารณาว่าข้าราชการผู้น้ัน สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวได้ โดยไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ตามมาตรา 1360 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์หรือไม่ กล่าวคือ การเข้าอยู่อาศัยของข้าราชการในบ้านน้ัน ต้องไม่เป็นการ รบกวนสิทธิการอยู่อาศัยของเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ย่อมถือว่าข้าราชการผู้น้ีไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ตาม มาตรา 7 (2) - หากข้าราชการไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดกไม่ว่าจะโดยการแบ่งปันทรัพย์มรดกหรือโดยการสละมรดก ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่า ข้าราชการผู้น้ันสามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวได้ แต่ไม่ยอมรับส่วนแบ่ง มรดกหรือสละมรดก ก็ต้องถือว่าข้าราชการผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนในเร่ืองท่ีอยู่อาศัยอันเนื่องมาจากตนเอง เปน็ เหตุจึงไมค่ วรมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ เช่าบ้านตามมาตรา 7 (2) แต่ถ้าข้าราชการผู้นั้นแม้ได้รับส่วนแบ่งมรดกหรือไม่ สละมรดกก็ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านน้ันได้ ย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นับแต่วันที่เช่าอยู่อาศัยจริง แต่ อย่างไรก็ตามการไม่ได้รับแบ่งมรดกหรือการสละมรดกของข้าราชการ จะต้องเป็นไปโดยสุจริตมิได้มีเจตนา เพ่อื ให้ตนมสี ทิ ธเิ บกิ ค่าเช่าบ้านขา้ ราชการได้ 6. โดยท่ีค่าเช่าบ้านข้าราชการเป็นเงินท่ีข้าราชการมีสิทธิจะได้รับจากการไปรับราชการในสํานักงาน ต่างท้องท่ี เพราะทางราชการเป็นเหตุ จึงมีการกําหนด“ท้องที่” ที่ข้าราชการเร่ิมรับราชการคร้ังแรกข้ึน เพ่ือ เป็นข้อสันนิษฐานเบ้ืองต้นว่าข้าราชการอยู่ ณ ที่ใดเม่ือเข้ารับราชการคร้ังแรก โดยมาตรา4 แห่งพระราช กฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้นิยาม“ท้องที่” ไว้ว่าหมายความถึง กรุงเทพมหานครอําเภอ หรือกิ่งอําเภอ หรือท้องท่ีของอําเภอหรือกิ่งอําเภอที่กระทรวงการคลังประกาศ กําหนดให้เปน็ ท้องทเ่ี ดยี วกนั ซึง่ จะเหน็ ไดว้ ่านิยามดังกล่าวมิไดป้ ระสงคใ์ ห้ใชต้ าํ บลเป็นหลัก แต่จะใช้อําเภอหรือ กิ่งอําเภอเปน็ หลกั ในการกําหนดเป็นท้องที่ท่ีรับราชการคร้ังแรก จึงต้องพิจารณาจากท้องที่ท่ีเป็นเขตพื้นท่ีการ ปกครองของอาํ เภอหรือกงิ่ อาํ เภอตามสภาพความเป็นจริง โดยการเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนท่ีการปกครองที่เกิดข้ึน ภายหลัง จะต้องไม่มีผลกระทบสิทธิท่ีเกิดข้ึนมาก่อน ดังน้ัน เขตพ้ืนที่การปกครองของอําเภอหรือกิ่งอําเภอที่ เป็นอยู่ในขณะที่ข้าราชการได้รับคําสั่งให้ไปประจําท้องที่ใดในการเริ่มรับราชการคร้ังแรกของตน ย่อมเป็น ท้องที่ท่ีเริ่มรับราชการครั้งแรกของขา้ ราชการผู้นน้ั 7. สํานักงานที่ข้าราชการเริ่มรับราชการคร้ังแรก ต้ังอยู่ในอาณาบริเวณของอําเภอเดิม ต่อมา ข้าราชการได้รับคําส่ังให้ย้ายไปประจําสํานักงานใหม่ ซ่ึงเดิมสํานักงานใหม่ตั้งอยู่ในตําบลหนึ่งตําบลใดของ อําเภอเดมิ แต่ปจั จุบันตาํ บลเหล่านั้น ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอําเภอใหม่แล้ว นั้น เป็นกรณีที่จะต้องพิจารณา

28 ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกับข้อ 6 ข้างต้น ดังน้ัน ท้องที่เร่ิมรับราชการครั้งแรกของข้าราชการดังกล่าว จึงได้แก่ ทอ้ งที่ตามเขตพ้นื ท่ีการปกครองของอําเภอหรือกงิ่ อาํ เภอในขณะท่ขี ้าราชการผู้น้ันเร่ิมรับราชการ และกรณีเป็น การย้ายไปประจําสํานักงานในท้องที่ท่ีเร่ิมรับราชการคร้ังแรกตามมาตรา 7 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่า บ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 ข้าราชการดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามบทบัญญัติ ดังกลา่ ว(ปัจจบุ นั การยา้ ยมารับราชการ ณ ท้องที่ที่เร่มิ รับราชการคร้งั แรกตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2550 เป็น ต้นไป ไมเ่ ขา้ ขอ้ ยกเว้นดังกลา่ ว) 8. กรณีข้าราชการทีย่ ้ายมารับราชการประจําในท้องที่หนึ่งตามคําร้องขอของตนเองกอ่ นวนั ท่ี 26 มถิ ุนายน 2541 ซึง่ เป็นวนั ที่พระราชกฤษฎกี าค่าเชา่ บา้ นข้าราชการ (ฉบบั ที่ 6) พ.ศ. 2541 มผี ลใช้บังคับ และพักอาศยั อยูใ่ นบ้านท่ีคสู่ มรสเชา่ อยเู่ พียงผู้เดยี ว โดยค่สู มรสเปน็ ผูใ้ ช้สิทธนิ ําหลักฐานการชําระคา่ เชา่ บ้านมา เบิกค่าเช่าบา้ นจากทางราชการมาโดยตลอด ตอ่ มาภายหลังวนั ที่ 26 มถิ นุ ายน 2541 ค่สู มรสไดเ้ สียชวี ิตหรอื ได้ย้ายไปรบั ราชการประจําในท้องท่ีอืน่ ถือวา่ ข้าราชการมีสิทธไิ ด้รบั ค่าเช่าบา้ นจากทางราชการตามมาตรา 5 แหง่ พระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการ (ฉบับที่6) พ.ศ. 2541 ซง่ึ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการ (ฉบับท่ี7) พ.ศ. 2541 ตัวอยา่ ง นางไขแข เดมิ รบั ราชการที่อาํ เภอเมอื ง จงั หวดั ลําพูน ตอ่ มาวันท่ี 20 มกราคม 2541 ได้ยา้ ยมารับ ราชการประจําในท้องที่อาํ เภอเมือง จงั หวดั พิษณุโลก ตามคําร้องขอของตนเอง โดยได้พักอาศัยในบา้ นทีส่ ามี เช่าอยเู่ พยี งผูเ้ ดียวและสามเี ป็นผ้ใู ชส้ ทิ ธนิ ําหลกั ฐานการชําระค่าเช่าบ้านมาเบกิ คา่ เช่าบา้ นจากทางราชการมา โดยตลอด ตอ่ มาในวนั ที่ 6 กรกฎาคม 2546 สามไี ด้ยา้ ยไปรับราชการประจาํ ในทอ้ งท่กี รุงเทพมหานคร กรณี เชน่ น้ี นางไขแขสามารถขอเช่าบา้ นหลังดังกลา่ วและใชส้ ิทธินําหลกั ฐานการชาํ ระค่าเช่าบ้านมาเบกิ จากทาง ราชการได้ เพราะนางไขแขเป็นผูม้ ีสทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บ้านตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ก่อนวนั ท่ี 26 มถิ นุ ายน 2541 1.15 แนวทางการพิจารณาสิทธิการนําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระ ราคาบา้ นมาเบกิ คา่ เช่าบา้ นตามมาตรา 17 1. กรณขี ้าราชการใช้สิทธนิ ําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมา เบกิ คา่ เช่าบา้ นจากทางราชการ ขณะเดียวกนั กแ็ บง่ หอ้ งบ้านหลงั ดงั กลา่ วใหผ้ อู้ ืน่ เช่าอยอู่ าศัย ให้เบิกค่าเช่าบ้าน จากทางราชการได้ไม่เกินสิทธิที่กําหนดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ โดยไม่ต้องหักเงินค่าเช่าที่ได้รับจากการแบ่ง ห้องเช่าจากเงนิ ทผี่ อ่ นชาํ ระเงินกู้รายเดือน แต่ทั้งน้ี จะตอ้ งอาศัยอยู่จรงิ ในบา้ นหลังดังกล่าวดว้ ย ในกรณีข้าราชการได้เช่าห้องที่แบ่งให้เช่านั้น หากเช่าและอาศัยอยู่จริง ก็เบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการได้เช่นกนั 2. ข้าราชการซึ่งอยู่ระหว่างการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านใน ท้องที่ที่รับราชการประจําตามมาตรา 17 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ต่อมาบ้านทรุดโทรมมากจึงร้ือถอนออกไป ทั้งหลังแล้วไปกู้เงินมาปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทนหลังเดิม สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการเพ่ือการเช่าซื้อ หรือการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านหลังแรกตามมาตรา 17 ส้ินสุดลง เม่ือมีการรื้อถอนบ้านท้ังหลัง เพราะพระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บา้ นข้าราชการดังกลา่ ว ได้ให้สิทธิข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ มีสิทธนิ าํ หลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านหลังแรกและได้อาศัยอยู่จริงใน บา้ นนน้ั มาเบิกคา่ เชา่ บ้านได้ เม่ือบ้านหลังแรกสิ้นสภาพไป สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 7 แห่ง พระราชกฤษฎีกาฯของขา้ ราชการผู้นั้นย่อมหมดไป และการใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อน

29 ชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านสําหรับบ้านหลังใหม่ย่อมเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 17 (4) เน่ืองจาก ข้าราชการผู้นั้นได้เคยใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้สําหรับบ้านในท้องท่ีท่ี ประจํานั้นมาแล้ว รวมทั้งไม่มีสิทธินําหลักฐานการเช่าบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 3. กรณขี า้ ราชการผู้หน่ึงร่วมกับคู่สมรสกู้เงินและซื้อบ้านในท้องท่ีท่ีตนรับราชการประจําอยู่และได้ใช้ สิทธินาํ หลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านดังกล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้าน ย่อมถือว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นสินสมรส ซึ่งข้าราชการรายดังกล่าวมีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแล้ว หากข้าราชการผู้นี้ได้จดทะเบียน หย่าจากคสู่ มรส และได้ยกบา้ นหลังดงั กล่าวพร้อมทง้ั ภาระหนี้สินตามสัญญากู้เงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คู่สมรส เพียงผู้เดียว ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แม้ต่อมาจะได้เช่าบ้านหรือเช่าซื้อบ้านหรือกู้เงินเพ่ือชําระราคาบ้าน หลังใหม่ก็ไม่มีสิทธิท่ีจะนําหลักฐานการชําระค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซื้อ หรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน หลังใหม่มาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 และมาตรา 17 (1) แห่งพระราช กฤษฎีกาฯ ตัวอย่าง นางชมพูนุช ได้รับคําส่ังให้ย้ายไปรับราชการประจําท่ีอําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งตนมีสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้าน และใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านหลังดังกล่าวจากทางราชการ ต่อมาได้จดทะเบียนหย่าจากคู่สมรสโดยตกลงยกบ้านและภาระหน้ีตามสัญญากู้ดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คู่สมรส เพยี งผเู้ ดยี วและไปเช่าบา้ นหลงั อน่ื เพอ่ื อยอู่ าศยั กรณเี ชน่ นี้ นางชมพูนุช จะนําหลักฐานการชําระค่าเช่าบ้านมา เบิกคา่ เช่าบ้านไดห้ รอื ไม่ และหากนางชมพนู ชุ ไปกู้เงินมาเพอื่ ซือ้ บ้านหลังใหม่ในทอ้ งท่ีอําเภอปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรจี ะนาํ หลักฐานการผอ่ นชาํ ระเงนิ ก้เู พื่อชําระราคาบา้ นหลังใหมม่ าเบกิ คา่ เช่าบา้ นไดห้ รอื ไม่ กรณีดังกล่าวเมื่อนางชมพูนุช ได้กู้เงินและซ้ือบ้านในท้องที่ดังกล่าวร่วมกับคู่สมรสและได้ใช้สิทธินํา หลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านมาแล้ว ย่อมถือว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็น สินสมรส ซ่ึงนางชมพูนุช มีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แม้ต่อมาจะได้หย่าจากคู่สมรสและยกบ้านและภาระ หนี้สินตามสัญญาดังกล่าว นางชมพูนุช ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านอีกต่อไปและไม่สามารถนําหลักฐานการ ชาํ ระค่าเช่าบ้านท่ีตนเชา่ อย่มู าเบิกค่าเช่าบา้ น ตามมาตรา 17 วรรคสองและมาตรา 9 แหง่ พระราชกฤษฎีกาฯ สําหรับกรณีที่นางชมพูนุช ไปกู้เงินมาเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ในท้องท่ีอําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เม่ือนางชมพนู ุช เคยใช้สิทธนิ ําหลักฐานการผอ่ นชาํ ระเงนิ ก้เู พ่อื ชําระราคาบ้านหลังแรกในท้องที่ดังกล่าวมาเบิก คา่ เช่าบ้านจากทางราชการมาแล้ว ย่อมไม่สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบ้านหลังใหม่ ในทอ้ งที่นน้ั มาเบิกคา่ เชา่ บ้านจากทางราชการได้อกี ตามมาตรา 17 (4) แห่งพระราชกฤษฎกี าฯ 4. นายจิรายุ เปน็ ข้าราชการไดซ้ ้ือบา้ นหลังหน่ึงในท้องที่ที่เริ่มรับราชการคร้ังแรก จึงไม่มีสิทธิได้รับค่า เช่าบ้านทําให้ไม่สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือซื้อบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ ต่อมาได้สมรสกับ นางสาวพลอยพรรณซึ่งเป็นข้าราชการและได้ย้ายมาปฏิบัติราชการในท้องท่ีท่ีนายจิรายุได้ซื้อบ้านไว้ นางสาว พลอยพรรณมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในท้องท่ีท่ีมาปฏิบัติราชการโดยไม่ติดเง่ือนไขว่า มีเคหสถานของคู่สมรส เพราะยังอยู่ระหวา่ งการผ่อนชําระเงินกู้ ตามมาตรา 7 (2) นางสาวพลอยพรรณจะใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อน ชําระเงินกู้บ้านหลังท่ีนายจิรายุซื้อไว้ก่อนสมรสมาเบิกค่าเช่าบ้านไม่ได้ เพราะไม่ใช่กรรมสิทธ์ิของนางพลอย พรรณเปน็ สินส่วนตัวของนายจิรายุ และจะไปซื้อบ้านหลังใหม่แล้วมาเบิกค่าเช่าบ้านก็ไม่ได้ เพราะมีเคหสถาน ของคสู่ มรสในทอ้ งท่ีดงั กลา่ วแลว้

30 5. นายจรัสพงษ์ ข้าราชการ รับราชการที่อําเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ซื้อ บา้ นในทอ้ งที่ดังกล่าว และนาํ หลกั ฐานการผอ่ นชาํ ระเงินก้มู าเบกิ ค่าเชา่ บ้านแล้ว ตอ่ มาไดร้ ับคําสั่งย้ายไปปฏิบัติ ราชการประจําอําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จึงได้นําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อ ซอ้ื บา้ นในทอ้ งทอี่ ําเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มาเบิกค่าเช่าบ้านต่อเนื่องในท้องที่ท่ีสํานักงานตั้งอยู่ คือ อําเภอ เมอื งจงั หวัดเชียงใหม่ ตามมาตรา 18 ต่อมาไดร้ ักชอบกับนางสาวจันทร์สม ที่รับราชการท่ีอําเภอเมือง จังหวัด เชยี งใหม่รวมท้ังนางสาวจนั ทรส์ ม ก็มีสิทธเิ บกิ ค่าเช่าบ้านในทอ้ งท่ดี งั กลา่ วดว้ ย และได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านอยู่ เมื่อนายจรัสพงษ์และนางจันทร์สม จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการฯ มาตรา 10 กําหนดให้ข้าราชการที่มีคู่มีสมรสท่ีรับราชการในท้องท่ีเดียวกันและมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านทั้งสอง คนใหเ้ บิกจา่ ยได้เฉพาะคนใดคนหนึ่ง นายจรัสพงษ์ และนางจันทร์สม จึงตกลงให้นายจรัสพงษ์ เป็นคนใช้สิทธิ เบิกค่าเช่าบ้านหลังที่นายจรัสพงษ์ เป็นผู้ซ้ือไว้ในอําเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มาเบิกต่อเนื่องตามมาตรา 18 ต่อมาเม่ือนายจรัสพงษ์ได้รบั คาํ ส่งั ยา้ ยไปปฏบิ ัติราชการในทอ้ งทีอ่ น่ื และไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีที่ย้าย ไป นางจันทร์สม ก็ไม่สามารถนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อซ้ือบ้านหลังท่ีนายจรัสพงษ์ ซ้ือไว้ที่จังหวัด ปทุมธานีมาเบิกค่าเช่าบ้านที่อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ได้ ตามมาตรา 18 เพราะนางจันทร์สม ไม่ใช่เป็นผู้ เคยใช้สิทธินําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อซ้ือบ้านหลังที่ตั้งอยู่จังหวัดปทุมธานีมาก่อนตามมาตรา 17 แต่ นางจันทร์สม สามารถใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 และใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านกรณีเช่าซื้อหรือผ่อน ชาํ ระเงินกู้ตามมาตรา 17 ในทอ้ งทีอ่ ําเภอเมอื งจงั หวดั เชียงใหม่ได้ หากต่อมานางจันทร์สม ได้รับคําส่ังให้ย้ายไปปฏิบัติราชการที่อําเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี และมีสิทธิ ไดร้ ับค่าเช่าบ้าน กไ็ มส่ ามารถนาํ หลักฐานการผอ่ นชาํ ระเงินกเู้ พอ่ื ซอ้ื บ้านหลังทนี่ ายจรัสพงษ์ ซ้ือไว้มาเบิกค่าเช่า บ้านตามมาตรา 17 ได้ เพราะนางจันทร์สม ไม่มีกรรมสิทธ์ิในบ้านหลังดังกล่าว และจะใช้สิทธิเช่าบ้านหลัง ดังกล่าวจากนายจรัสพงษ์ ผู้เป็นสามี แล้วนํามาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ก็มิได้ เพราะความสัมพันธ์ ระหว่างสามีภริยาท่ีจะต้องเล้ียงดูซึ่งกันและกัน และความสัมพันธ์ในการจัดการทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ได้กาํ หนดไว้ นางจนั ทร์สม จะซื้อบ้านหลังอื่น แล้วนํามาเบิกค่าเช่าบ้านตาม มาตรา 17 กม็ ไิ ดเ้ น่ืองจากติดบ้านหลังแรกตามมาตรา 17 (1) 6. นายดิน ขา้ ราชการ มีสทิ ธิไดร้ บั ค่าเช่าบา้ นในท้องท่ีอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดอ่างทอง ได้นําหลักฐานการ ผอ่ นชาํ ระเงินกู้เพ่ือชําระราคาบา้ นในเขตอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั อา่ งทอง มาเบกิ คา่ เช่าบ้าน ตามมาตรา 17 ต่อมา ไดร้ บั คําส่ังย้ายไปปฏิบัติราชการที่กรุงเทพมหานคร มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จึงนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้ เพ่ือซอ้ื บ้านทีจ่ งั หวดั อา่ งทอง มาเบิกค่าเชา่ บ้านต่อเน่ืองทก่ี รุงเทพมหานครตามมาตรา 18 ต่อมาได้แต่งงานกับ นางสาวฟ้า ซึง่ เป็นขา้ ราชการรบั ราชการท่ีกรุงเทพหมานคร และมีสทิ ธิได้รับค่าเช่าบ้านด้วยเช่นกัน จึงตกลงกัน ให้นายดินเป็นผู้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 10 โดยเปล่ียนสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านมาเป็นการซื้อบ้านท่ี กรุงเทพมหานครและนําหลักฐานการผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาเมื่อนายดิน ได้รับคําสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการท่ีอําเภอเมือง จังหวัดอ่างทองอีกคร้ัง นายดินก็สามารถนําฐานการผ่อนชําระ เงินกู้บ้านหลังท่ีเคยใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีอําเภอเมือง จังหวัดอ่างทองเดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านตาม มาตรา 17 (4) ได้อกี ครั้ง สว่ นนางฟา้ ท่ียังคงรับราชการทีก่ รุงเทพมหานคร ก็สามารถใช้สิทธินําหลักฐานการ ผ่อนชําระเงินกู้เพ่ือซ้ือบ้านหลังที่ต้ังอยู่กรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านต่อจากนายดินผู้เป็นสามีต่อไปได้ ตามมาตรา 17 เพราะการทสี่ ามภี รยิ ามีสทิ ธไิ ด้รับค่าเช่าบา้ นในท้องที่เดียวกัน แล้วให้คนใดคนหนึ่งใช้สิทธิเบิก ค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 ย่อมถือว่าคู่สมรสอีกฝ่ายหน่ึงเป็นผู้ร่วมใช้สิทธิด้วยตามมาตรา 10 แห่งพระราช กฤษฎีกาฯ

31 7. นายกฤตชยั กบั นางสาวฟ้ารุ่ง รับราชการในท้องท่อี ําเภอเมือง จังหวัดพังงา มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ท้ัง 2 คน ได้ร่วมกันกู้เงินเพื่อซื้อบ้านที่ท้องท่ีดังกล่าวเป็นจํานวนเงิน 1 ล้านบาท ข้าราชการทั้งสองคนได้นํา หลักฐานการผ่อนชําระเงินก้เู พอื่ ซื้อบา้ นหลังดังกล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 โดยธนาคารกําหนดให้ ผ่อนชําระเดือนละ 10,000 บาท เมื่อบ้านหลังดังกล่าวมีกรรมสิทธ์ิรวม 2 คน จึงเบิกค่าเช่าบ้านได้ตาม สัดส่วนของกรรมสิทธ์ิคนละครึ่ง เท่ากับ 5,000 บาท ข้าราชการทั้งสองคนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เดือนละ 3,000 บาท นายกฤตชัยจึงเบิกค่าเช่าบ้านกรณีเช่าซ้ือตามมาตรา 17 ได้เดือนละ 3,000 บาท นางสาวฟ้า รุ่งก็สามารถเบกิ คา่ เชา่ บา้ นในกรณเี ชา่ ซ้อื ไดเ้ ดือนละ 3,000 บาท เช่นกัน หากตอ่ มานายกฤตชัย และนางสาวฟ้ารุ่ง ได้จดทะเบียนสมรสกัน สิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 10 กาํ หนดใหใ้ ชส้ ทิ ธิเบิกไดเ้ ฉพาะคนใดคนหนึง่ กรณีเช่นนี้ นายกฤตชัย และนางฟ้ารุ่งจะต้องตกลงให้ใครเป็น คนใชส้ ิทธเิ บิกคา่ เชา่ บา้ น โดยท่จี ะเบิกได้เพยี ง 3,000 บาทต่อเดอื น และคู่สมรสอีกฝ่ายไม่สามารถใช้สิทธิเบิก ค่าเช่าบ้านตามสิทธิของตนที่เคยเบิกไว้ได้ และหากต่อมานายกฤตชัย และนางฟ้ารุ่ง ได้หย่าขาดจากกัน ก็จะ ทําให้ข้าราชการทั้งสองคนกลับมามีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในกรณีเช่าซื้อตามมาตรา 17 ตามสิทธิของตนได้อีก คร้งั คอื นายกฤตชัย สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้เดอื นละ 3,000 บาท และนางฟา้ ร่งุ ก็สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ เดอื นละ 3,000 บาท สว่ นที่ 2 การยน่ื ขอรับเงนิ ค่าเช่าบ้าน 2.16 แนวปฏบิ ัติในการยื่นขอรับเงนิ ค่าเช่าบ้าน การยื่นขอรบั เงินค่าเช่าบ้านครั้งแรก หรือมีการโอนย้ายโดยเปล่ียนสังกัด หรือเปลี่ยนสํานักเบิกเงินเดือน หรือมีการเปล่ียนแปลงค่าเช่าบ้านที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว หรือมีการเปลี่ยนบ้านเช่า เปล่ียนสัญญากู้เงินหรือ สัญญาเชา่ บ้านเดมิ ครบกําหนด ผมู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บ้านจะตอ้ งยนื่ แบบการขอรบั ค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ต่อ ผมู้ อี าํ นาจรบั รองการใช้สิทธิทกุ คร้ัง พร้อมแนบเอกสารดังต่อไปนี้ 1. บันทึกขอ้ ความขออนุมัตเิ บิกเงนิ ค่าเช่าบ้าน 2. สําเนาคําสั่งบรรจุแต่งต้ัง คําสั่งการโอน ย้าย ในกรณีเป็นการย้ายให้ช้ีแจงข้อมูลว่าเกิดจากคําร้อง ขอของตนเองหรอื ไม่ 3. แบบรายงานขอ้ มูลการขอรับคา่ เช่าบา้ น ประกอบดว้ ยข้อมลู ดงั น้ี ขอ้ มูลประวัติการรบั ราชการตงั้ แต่เร่ิมรับราชการ และการโอน ย้าย ในกรณีเป็นการย้ายให้ ชี้แจงขอ้ มลู วา่ เกดิ จากคาํ ร้องขอของตนเองหรอื ไม่ ข้อมูลการมเี คหสถานของข้าราชการและคสู่ มรสทกุ แหง่ ในทอ้ งท่ที รี่ ับราชการ ข้อมูลด้านอาชีพและสถานที่ทํางานของคู่สมรส และให้แจ้งว่าหน่วยงานแห่งนั้นได้ให้สิทธิ เบิกค่าเชา่ บา้ นหรอื จดั บ้านพักให้กับคู่สมรสในท้องทท่ี ีร่ บั ราชการของข้าราชการหรอื ไม่ ขอ้ มูลการมีเคหสถานของบิดา มารดา คู่สมรสและของข้าราชการ รวมท้ังบุตรที่ยังไม่บรรลุ นติ ิภาวะทุกแห่งในท้องทีท่ ีร่ ับราชการ ข้อมูลสถานการณ์มีชีวิตอยู่ของบิดา มารดา คู่สมรสและของข้าราชการ หากในภายหลัง บุคคลดงั กลา่ วเสยี ชีวติ หรอื สาบสูญใหแ้ จ้งรายละเอียดวัน เดือน ปี ที่เสยี ชีวติ หรือสาบสญู 4. แบบรายงานการตรวจสอบการขอรับค่าเชา่ บ้าน และการรับรองของคณะกรรมการตรวจสอบ ขอ้ เทจ็ จรงิ 5. คาํ สง่ั เลื่อนขัน้ เงินเดือนและแต่งต้ังขา้ ราชการ 6. หลกั ฐานที่ตอ้ งแนบประกอบการเบิกคา่ เชา่ บ้านมีดังนี้

32 1) กรณีเช่าบ้าน หนังสอื สญั ญาเชา่ แผนที่ทางไปบา้ นเชา่ หลกั ฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้านของเจา้ ของบ้านเช่า ถา้ เป็นการเช่าชว่ งให้แสดงสัญญาเชา่ ระหว่างผใู้ หเ้ ช่าช่วงกบั เจา้ ของบ้านเช่า 2) กรณเี ช่าซือ้ สัญญาเช่าซื้อบ้าน สาํ เนาทะเบยี นบา้ นของบ้านท่ีเชา่ ซอื้ 3) กรณผี ่อนชําระเงินก้เู พื่อชําระราคาบ้าน (กเู้ งนิ เพ่ือซ้ือบ้าน) สัญญาซอ้ื ขายบา้ นและที่ดิน**ทจ่ี ดทะเบียนต่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี สัญญากูเ้ งนิ สัญญาจํานอง สําเนาทะเบยี นบา้ นของบา้ นทผี่ อ่ นชําระเงินกู้ สาํ เนาโฉนดทดี่ ินพร้อมฉบบั จรงิ เพือ่ ใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบ 4) กรณผี อ่ นชําระเงนิ กู้เพื่อชาํ ระราคาบา้ น (กู้เงนิ เพ่ือปลกู สร้างบา้ น) สัญญาจา้ งปลูกสร้างบ้าน** หนังสือขออนญุ าตปลกู สร้างบ้าน หลกั ฐานการขอหมายเลขประจาํ บา้ น สัญญาขายที่ดินท่ีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี กรณีซื้อท่ีดินและปลูกสร้างบ้านใน คราวเดยี วกัน สําเนาโฉนดที่ดินพร้อมฉบบั จรงิ เพื่อใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบ สญั ญากู้เงิน สัญญาจํานองหรือหนงั สือค้ําประกนั 7. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนเอกสารหลักฐาน ประกอบการขอเบิกคา่ เชา่ บ้าน หากไม่ถูกต้องให้ส่งคืนผู้ขอใช้สิทธิเพื่อแก้ไข เมื่อถูกต้องแล้วให้เสนอผู้มีอํานาจ ลงนามรบั รองสิทธิการได้รับเงินคา่ เช่าบ้าน (แบบ 6005) 8. หัวหน้าส่วนราชการผู้มีอํานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้าน แต่งต้ังข้าราชการจํานวนไม่น้อยกว่าสาม คนเปน็ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเทจ็ จริง 9. คณะกรรมการรายงานผลการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ 10. ผู้มอี ํานาจรบั รองการใช้สิทธิและอนุมัติให้เบิกเงินค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิในแบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) 11. เมื่อได้รับอนุมัติให้เบิกค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิแล้ว ให้ผู้มีสิทธิย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจําเดือน ตามแบบขอเบกิ เงินค่าเชา่ บา้ น (แบบ 6005) พร้อมแนบหลกั ฐานการชําระเงนิ (ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เช่าบ้าน/เช่า ซื้อ/ผอ่ นชาํ ระเงนิ กู้) ณ สํานกั งานที่ข้าราชการผู้น้ันปฏบิ ัตริ าชการ 12. ผมู้ ีอํานาจอนมุ ัตใิ ห้เบกิ จา่ ยเงนิ คา่ เชา่ บา้ นไดต้ ามสิทธิ หมายเหตุ**กรณีวงเงินในสัญญาซ้ือขายหรือสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้านตํ่ากว่าสัญญากู้เงิน ผู้ใช้สิทธิต้องยื่น หลกั ฐานทสี่ ถาบนั การเงินรบั รองว่า หากมีการกู้เงินตามวงเงินในสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างดังกล่าว จะต้อง มกี ารผอ่ นชําระรายเดือนเปน็ จาํ นวนเทา่ ใด

33 3.17 ผู้รับรองการมีสิทธไิ ดร้ ับค่าเชา่ บ้านในแบบ 6005 1. สว่ นกลางในราชการบริหารส่วนกลาง ให้เลขานกุ ารรฐั มนตรี เลขานุการกรม หรือหัวหนา้ สว่ นราชการตั้งแตร่ ะดับกองหรือ เทยี บเทา่ ขนึ้ ไปเปน็ ผ้รู ับรอง สว่ นราชการในราชการบรหิ ารส่วนกลางที่มีสํานักงานอยู่ในภูมภิ าคหรอื แยกต่างหากจาก กระทรวง ทบวง กรม ใหห้ ัวหนา้ สํานักงานซึ ง่ ดํารงตําแหน่งไมต่ ํา่ กวา่ ประเภททัว่ ไป ระดับชํานาญงานขนึ้ ไป ประเภทวชิ าการ ระดับชํานาญการขึ้นไป หรือดาํ รงตําแหน่งไมต่ ่ํากวา่ ระดบั 6 หรอื เทียบเท่า เปน็ ผู้รบั รอง 2. สว่ นราชการในราชการบริหารส่วนภมู ภิ าค ให้หัวหนา้ สว่ นราชการประจําจงั หวัด หรือหวั หน้าสว่ นราชการประจําอําเภอ แล้วแต่กรณี เปน็ ผู้รับรอง 3. ส่วนราชการในสงั กัดกระทรวงกลาโหมหรือสํานกั งานตํารวจแหง่ ชาติ ใหผ้ ู้บงั คับบัญชาท่ีมี ยศตง้ั แต่พันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรอื พันตาํ รวจตรีข้นึ ไป เปน็ ผู้รับรอง ใหผ้ ้บู ังคับบญั ชาเหนือขน้ึ ไปอยา่ งนอ้ ยหนงึ่ ระดับหรอื หนึง่ ชั้นยศ เป็นผู้รับรองการมสี ทิ ธิของ บคุ คลตามข้อ 1 ข้อ 2 และ ขอ้ 3 ซ่ึงมิไดด้ าํ รงตําแหน่งตามท่ีกาํ หนดไวใ้ น ข้อ 4 4. ใหข้ ้าราชการประเภทท่ัวไป ระดับอาวุโสขน้ึ ไป ประเภทวชิ าการ ระดับชํานาญการพเิ ศษขึ้น ไปประเภทอํานวยการ ประเภทบรหิ าร หรือดํารงตาํ แหน่งต้ังแตร่ ะดับ 8 ขนึ้ ไป หรือเทียบเท่า หรือข้าราชการ ทหารทีม่ ียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือข้าราชการตาํ รวจทีม่ ียศพันตาํ รวจเอกข้ึนไป เป็นผู้รบั รอง การมีสทิ ธิของตนเอง 3.18 ผมู้ อี าํ นาจอนุมัตใิ หเ้ บิกค่าเช่าบ้านในแบบ 6005 1. สว่ นราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ให้หวั หนา้ สว่ นราชการระดับกรม หรือผทู้ ่หี ัวหน้าสว่ นราชการระดบั กรมมอบหมายซง่ึ ดํารง ตําแหน่งไมต่ ่ํากวา่ ประเภทท่วั ไป ระดบั อาวโุ สขน้ึ ไป ประเภทวิชาการ ระดบั ชํานาญการขึ้นไป ประเภท อาํ นวยการ ประเภทบรหิ ารหรือดาํ รงตาํ แหน่งไม่ต่าํ ระดับ 7 หรอื เทียบเทา่ หรือขา้ ราชการทหารทม่ี ยี ศตั้งแต่ พนั โท นาวาโท นาวาอากาศโทหรือข้าราชการตํารวจทีม่ ียศพันตาํ รวจโทขน้ึ ไป เป็นผู้อนมุ ัตสิ ว่ นราชการใน ราชการบรหิ ารสว่ นกลางที่มีสํานักงานอยใู่ นส่วนภูมิภาคหรือแยกต่างหากจากกระทรวง ทบวง กรม หวั หนา้ สว่ นราชการระดบั กรมจะมอบหมายให้หวั หน้าสาํ นักงานซึ่งเปน็ ผ้เู บกิ เงินจากคลงั เปน็ ผู้อนุมัติสําหรบั หนว่ ยงาน นั้นก็ได้ 2. สว่ นราชการในราชการบริหารสว่ นภมู ิภาค ใหห้ ัวหน้าส่วนราชการซง่ึ เปน็ ผเู้ บกิ เงนิ จากคลงั เป็นผู้อนุมตั ิ เว้นแต่ เปน็ การเบิกค่าเช่าบา้ น ของหวั หน้าส่วนราชการน้นั ใหผ้ ้วู า่ ราชการจงั หวัดเปน็ ผอู้ นมุ ัติ สําหรับค่าเช่าบ้านของหวั หนา้ ส่วนราชการประจําอําเภอ ให้นายอําเภอเป็นผู้อนุมัติเม่ือได้รับอนุมัติให้ เบิกค่าเช่าบ้านตามสิทธิแล้ว ให้ย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจําเดือนตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) พร้อมแนบหลักฐานการชาํ ระเงิน ณ สํานักงานท่ีขา้ ราชการผูน้ นั้ ปฏบิ ัติราชการ 3.19 การขอเบิกคา่ เช่าบา้ นประจาํ เดอื นในแบบ 6006 1. ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านต้องย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจําเดือนตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่า บ้าน (แบบ 6006) ตอ่ ผมู้ ีอาํ นาจอนมุ ตั กิ ารเบิกจา่ ยเงนิ ค่าเช่าบา้ น โดยแบง่ เปน็ 2 กรณี

34 (1) กรณีเบิกค่าเช่าบ้านเดือนแรก แบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ที่ได้รับอนุมัติแล้ว และแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 6006) พร้อมหลักฐานการชําระเงินค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อน ชาํ ระเงนิ กู้แล้วแตก่ รณี (2) กรณีเบิกค่าเช่าบ้านเดือนต่อไป ให้ย่ืนเฉพาะแบบขอเบิกค่าเช่าบ้าน (แบบ 6006) พรอ้ มหลักฐานการชาํ ระเงินค่าเช่าบ้านคา่ เช่าซ้อื หรอื คา่ ผอ่ นชําระเงนิ กู้ แล้วแตก่ รณีจนส้ินสุดสญั ญา 2. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของหลักฐาน ขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน หากไม่ถูกต้องให้ส่งคืนผู้มีสิทธิเพื่อแก้ไข เมื่อถูกต้องแล้วให้จัดทําบันทึกขออนุมัติ เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านประจําเดือน และควบคุมการเบิกจ่ายเงินของผู้มีสิทธิเป็นรายบุคคลไว้ในทะเบียนคุมการ เบิกจา่ ยเงนิ คา่ เช่าบา้ น 3. ผูม้ อี าํ นาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงนิ คา่ เชา่ บ้านตามสทิ ธิในแบบขอเบิกเงินคา่ เช่าบ้าน (แบบ 6006) 4. เจา้ หน้าทผ่ี ู้รับผดิ ชอบเบิกจ่ายเงนิ ค่าเชา่ บ้าน พร้อมจา่ ยเงินประจาํ เดือนให้แก่ผ้มู ีสิทธิเบกิ ค่า เช่าบ้าน แสดงขัน้ ตอนการขอเบิกคา่ เช่าบา้ นได้ดังภาพท่ี 1 ภาพท่ี 1 ขั้นตอนการขอเบิกคา่ เชา่ บา้ น

35 3.20 สาระสําคัญของสัญญาเช่าบ้าน เช่าซ้ือ หรือผ่อนชําระเงินกู้ สัญญาเช่าบ้าน เช่าซ้ือ หรือผ่อน ชาํ ระเงินกู้อย่างน้อยต้องมีสาระสาํ คญั ดงั ตอ่ ไปน้ี กรณสี ญั ญาเช่าบา้ น (1) ต้องระบวุ นั เดอื น ปี ทีท่ ําสัญญา (2) ระบชุ อื่ คูส่ ัญญา (3) ระบสุ ถานที่เชา่ (4) ระบุวันเริ่มต้นและวนั สิ้นสดุ สัญญาเช่า รวมทงั้ ระยะเวลาทีเ่ ชา่ (5) อัตราคา่ เชา่ ต่อเดือน กรณีสญั ญาเช่าซอ้ื /สญั ญาเงนิ กเู้ พอ่ื ชําระราคาบ้านใช้สญั ญาตามแบบของสถาบนั การเงนิ ได้ โดย (1) ต้องระบชุ ื่อคสู่ ญั ญา (2) ระบสุ ถานท่เี ชา่ ซ้ือหรือสถานทกี่ ู้เงนิ (3) ระบุวันเริ่มตน้ วันสิ้นสดุ แหง่ สญั ญา และระยะเวลาการชําระค่าเชา่ ซ้ือหรือผ่อนชําระเงินกู้ (4) ระบวุ งเงินเชา่ ซื้อหรอื วงเงินก้แู ละจํานวนเงินท่ตี ้องผ่อนชาํ ระรายเดือน 3.21 สถาบันการเงนิ ท่กี าํ หนดให้ทาํ สญั ญาเช่าซื้อ/สญั ญาเงินกเู้ พื่อชาํ ระราคาบ้าน 1. ธนาคารพาณชิ ย์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธนาคารพาณิชย์ 2. รฐั วสิ าหกิจท่ดี าํ เนินกจิ การเกีย่ วกบั เคหะ หรือให้กยู้ มื เพอ่ื เช่าซอื้ หรือผ่อนชําระราคาบา้ น 3. สหกรณ์ท่จี ดทะเบยี นตามกฎหมายและดําเนินกจิ การเกี่ยวกับการเคหะ 4. กองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการ 5. ธนาคารอสิ ลามแหง่ ประเทศไทยตามกฎหมายว่าดว้ ยธนาคารอสิ ลามแห่งประเทศไทย 6. บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกําหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ซ่ึงดําเนิน กจิ การรับซ้ือหรอื รบั โอนสินทรัพย์ดอ้ ยคุณภาพของธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมาย 7. นติ บิ ุคคลท่ีดําเนินกิจการเกีย่ วกับการเคหะ การใหเ้ ชา่ ซือ้ หรอื ใหก้ ้ยู ืมเพอื่ ชําระราคาบา้ น 3.22 หลักเกณฑ์และวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการจัดขา้ ราชการเขา้ พกั อาศัยในที่พักของทางราชการ พ.ศ. 2560 การกําหนดที่พักสําหรับข้าราชการ เป็นอํานาจของหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ได้รับมอบหมายใช้ดุลพินิจ กาํ หนดท่พี ักของทางราชการ 1. ความจําเป็นและเหมาะสม 2. ความประหยดั และประโยชน์ของทางราชการเปน็ สาํ คัญ 3. สามารถปรบั เปลย่ี นได้ การจัดขา้ ราชการเขา้ พกั อาศัยในทีพ่ ัก กรณที ่ี 1 ขา้ ราชการระดับอาวุโส ชาํ นาญการพิเศษข้นึ ไป หรือระดบั 7 ขน้ึ ไป หรือเทยี บเท่า (ทหารยศชนั้ พันโท ตาํ รวจยศพนั ตํารวจโท) ถา้ ถูกจดั ต้องเข้าพักอาศยั * ไมว่ า่ ขา้ ราชการจะมสี ิทธเิ บิกคา่ เชา่ บา้ นหรือไม่ * ไมว่ ่าข้าราชการจะเปน็ ผ้ใู ช้สิทธเิ บิกค่าเชา่ ซอื้ หรอื ผ่อนชาํ ระเงินกอู้ ยกู่ อ่ นแล้วหรอื ไม่ กรณีที่ 2 ขา้ ราชการระดับชํานาญงาน ชํานาญการลงมา หรอื ระดบั 6 ลงมา หรือเทียบเท่าทหารซ่ึงมี ยศพนั ตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรลี งมา ตาํ รวจซง่ึ มียศพันตาํ รวจตรลี งมา - จดั ผมู้ สี ิทธไิ ดร้ ับคา่ เชา่ บา้ น ไม่วา่ จะใช้สทิ ธิเบิกค่าเช่าบา้ นอยหู่ รือไม่ - ถ้าเป็นผมู้ ีสิทธิซึ่งอยรู่ ะหว่างใช้สทิ ธเิ ชา่ ซอื้ หรือผอ่ นชําระเงนิ กู้ ไม่ตอ้ งจัดเข้าท่ีพัก - ยา้ ยภายในท้องทีท่ รี่ ับราชการประจํา ไมต่ ้องจัดเขา้ ท่ีพักของทางราชการ

36 - ยา้ ยต่างทอ้ งท่จี ัดเข้าบ้านพกั ได้ แมท้ ้องทเี่ ดมิ ทีอ่ ยู่ระหว่างใชส้ ทิ ธเิ บิกคา่ เช่าซื้อ การสละสทิ ธเิ์ ข้าพักในทพี่ ักที่ทางราชการจัดให้ การสละสิทธิ์เข้าพักในท่ีพักท่ีทางราชการจัดให้ ข้าราชการผู้น้ันจะหมดสิทธิ์ได้รับค่าเช่าบ้าน เนื่องจากทางราชการจดั ที่พกั ให้แลว้ หรอื กรณีทางราชการจัดทีพ่ ักใหแ้ ตไ่ ม่ไดอ้ ยู่อาศยั โดยไปพักอาศยั ในท่อี ื่น กรณสี ทิ ธิกลับคนื มาเมื่อบา้ นพักถูกรอ้ื ถอนท้งั หมด หรือมีการจดั เข้าพักในที่พักใหมท่ ั้งหมด ข้าราชการที่สละบ้านพักไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านภายหลังบ้านพักว่างลง ผู้มีอํานาจจัดที่พักอาจ พิจารณาจัดใหข้ ้าราชการเข้าพกั ในทพ่ี ักของทางราชการได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook