Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

Published by Pikul Muangkam, 2019-08-31 21:28:15

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน รหสั วชิ า อ 31101 ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 จดั ทาโดย นางพิกลุ เหมืองคา ตาแหน่ง ครูชานาญการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเคงิ่ อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ สานกั งานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คาอธบิ ายรายวิชา รายวชิ า ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน รหสั วชิ า อ 31101 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชัว่ โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ปฏิบตั ิตามคาแนะนาในคู่มือการใชง้ านตา่ งๆ คาช้ีแจง คาอธบิ าย และคาบรรยายที่ฟงั และอา่ นอ่านออกเสยี ง ข้อความ ขา่ ว ประกาศ โฆษณา บทรอ้ ยกรอง และบทละครสน้ั (skit) ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรือ่ งทเ่ี ป็นสารคดีและบนั เทิงคดี พรอ้ มทัง้ ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งประกอบสนทนาและเขียนโต้ตอบขอ้ มลู เกย่ี วกับตนเองและเร่อื งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว / เหตุการณ์ ประเด็นทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม และสือ่ สาร อย่างตอ่ เนอื่ งและเหมาะสม พดู และ เขยี นเพอ่ื ขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย อธบิ าย เปรยี บเทียบและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับเร่ือง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ ฟังและอา่ นอย่างเหมาะสม พูดและเขียนบรรยายความรูส้ กึ และแสดงความคิดเห็นของตนเองเก่ยี วกบั เรอื่ งตา่ งๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตกุ ารณ์อยา่ งมีเหตุผล พูดและเขยี นนาเสนอข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรือ่ งและประเด็นตา่ งๆ ตามความสนใจของสงั คม เลอื กใชภ้ าษา น้าเสยี ง และกิรยิ าทา่ ทางเหมาะกบั ระดับ ของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา อธบิ าย/อภิปรายวถิ ชี ีวิต ความคิด ความ เช่ือ และที่มาของขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจ้าของภาษา เข้ารว่ ม แนะนา และจดั กิจกรรมทางภาษาและ วฒั นธรรมอย่างเหมาะสม อธิบาย/เปรยี บเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสรา้ งประโยค ข้อความ สานวน คาพงั เพย สภุ าษิต และบทกลอนของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย คน้ คว้า/สืบคน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ขอ้ มูลท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ จากแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆ และนาเสนอด้วยการพดู และการเขยี น ใช้ ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นควา้ รวบรวม วิเคราะห์ และสรปุ ความรู้/ข้อมลู ต่างๆ จากส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ ต่างๆ ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ โดยใชก้ ระบวนการแสดงบทบาทสมมติ การใช้เกมจาลองสถานการณ์ การระดมความคดิ การค้นพบความรู้ ดว้ ยตนเอง การแกป้ ัญหา การทากิจกรรมการเรียนภายใตก้ ารแนะนาชว่ ยเหลืออยา่ งใกล้ชิด การใช้โสตทัศนปู กรณ์ การให้ผเู้ รยี นเสนอรายงานหน้าช้นั เรยี น และการใช้คาถาม เหน็ คุณค่าของการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ มวี ินัย ใฝ่ เรยี นรู้ อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มั่นในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร มาตรฐาน 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งทฟี่ งั และอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตุผล 1. ปฏิบัติตามคาแนะนาในคมู่ อื การใช้งานตา่ งๆ คาช้แี จง คาอธิบาย และคาบรรยายท่ีฟังและอา่ น 2. อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครส้ัน (skit) ถกู ตอ้ งตามหลักการอา่ น 3. อธบิ ายและเขยี นประโยคและข้อความให้สมั พนั ธก์ บั สอื่ ท่ีไม่ใช่ความเรยี งรูปแบบตา่ งๆ ท่ีอ่าน รวมท้ังระบแุ ละเขยี นสื่อ ทไี่ มใ่ ช่ความเรยี งรูปแบบตา่ งๆ ให้สัมพนั ธ์กับประโยค และขอ้ ความท่ฟี ังหรืออา่ น 4. จบั ใจความสาคญั วเิ คราะหค์ วามสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟงั และอ่านเรอื่ งที่เป็นสารคดี และบนั เทิงคดี พร้อมทั้งใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่างประกอบ มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ 1. สนทนาและเขยี นโต้ตอบข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว / เหตกุ ารณ์ ประเดน็ ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสาร อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและเหมาะสม 2. เลอื กและใชค้ าขอรอ้ ง ใหค้ าแนะนา คาชแ้ี จง คาอธบิ าย อย่างคลอ่ งแคล่ว 3.พูดและเขียนแสดงความตอ้ งการ เสนอ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลอื ในสถานการณ์จาลองหรือ สถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม 4. พดู และเขียนเพอ่ื ขอและให้ข้อมลู บรรยาย อธิบาย เปรยี บเทยี บ และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั เรื่อง/ประเด็น/ขา่ ว/ เหตุการณท์ ฟ่ี งั และอา่ นอยา่ งเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกีย่ วกับ เร่ืองตา่ งๆ กจิ กรรม ประสบการณ์ และ ขา่ ว/เหตุการณ์อย่างมเี หตุผล มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่างๆ โดยการพูด และการเขยี น 1. พดู และเขยี นนาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรอ่ื งและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของ สงั คม 2. พูดและเขียนสรุปใจความสาคัญ/แกน่ สาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กจิ กรรม ขา่ ว เหตุการณ์ และสถานการณต์ าม ความสนใจ 3. พูดและเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทง้ั ในท้องถน่ิ สังคม และโลก พรอ้ ม ท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อย่างประกอบ

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมกับ กาลเทศะ 1. เลอื กใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั ระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภปิ รายวถิ ชี วี ิต ความคดิ ความเชื่อ และทีม่ าของขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจ้าของภาษา 3. เข้าร่วม แนะนา และจัดกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษาและ วัฒนธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม 1. อธบิ าย/เปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหว่างโครงสรา้ งประโยค ขอ้ ความ สานวน คาพงั เพย สภุ าษิต และบทกลอน ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. วิเคราะห์/อภปิ ราย ความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งวิถชี วี ติ ความเชอ่ื และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากบั ของ ไทยและนาไปใชอ้ ยา่ งมเี หตุผล สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลุม่ สาระการเรยี นรูอ้ ่ืน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ืน่ และเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน 1. ค้นควา้ /สืบค้น บนั ทกึ สรปุ และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ข้อมูลท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ื่น จากแหล่ง เรยี นรตู้ า่ งๆ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม 1. ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จาลองทีเ่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรยี น สถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครอื่ งมอื พนื้ ฐานในการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรูก้ บั สังคมโลก 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสบื คน้ /คน้ ควา้ รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากส่ือและแหลง่ การ เรียนรูต้ ่างๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ขอ้ มลู ข่าวสารของโรงเรยี น ชมุ ชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ รวมท้ังหมด 21 ตัวชวี้ ัด

ผังมโนทศั น์ รายวิชาภาษาอังกฤษ รหสั วิชา อ 31101 ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 Unit 1 : Schools Then and Now Unit 2 : You Have to Do It! จานวน 10 ชัว่ โมง : 25 คะแนน จานวน 10 ชวั่ โมง : 25 คะแนน รายวชิ าภาษาองั กฤษ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จานวน 60 ชวั่ โมง \\ Unit 4 : They’re the Ones! Unit 3 : Do You Know Where It Is? จานวน 10 ช่ัวโมง : 25 คะแนน จานวน 10 ช่วั โมง : 25 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง School then and now รายวชิ า ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน รหัสวชิ า อ 31101 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลาเรยี น 10 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจทคี่ งทน) หน่วยการเรยี นรนู้ ้ีมจี ดุ มุง่ หมายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่าขอ้ ความต่อเน่ือง (text) มเี ง่อื นงา (clues) ท่ีช่วยในการเดา ความหมายของคา นกั เรียนจะได้อา่ นขอ้ ความสน้ั ๆ ที่ใหข้ อ้ มูลเกยี่ วกบั โรงเรียนของชาติตะวนั ตกในอดตี และปจั จุบัน และบทความท่ีให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับการศึกษาของเด็กในยุคกรกี โรมนั และจีนโบราณ ฟงั บุคคลเล่าประสบการณใ์ นโรงเรียนใน อดีต พดู สนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับส่ิงท่ีตนเคยทา พดู นาเสนอเกี่ยวกับสภาพของโรงเรียนในอดีตทีไ่ ด้จากการสัมภาษณ์ ผู้อาวโุ ส เขยี นบรรยายส่ิงที่ตนทาในโรงเรียนทง้ั ในอดตี และปัจจุบัน นอกจากนีย้ งั เรียนรคู้ าศัพท์เกยี่ วกับโรงเรยี นและ กจิ กรรมทที่ าในวยั เด็ก รวมทั้งหน้าที่ภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ท่ีเป็นพน้ื ฐานของกิจกรรมการฟงั พูด อา่ น และ เขียนในหน่วยการเรียนรนู้ ้ี 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัดช้ันป/ี ผลการเรยี นรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต. 1.1.1 ม .4-6/3 ตัวชวี้ ัดท่ี 1 อธิบายและเขยี นประโยคและข้อความให้สมั พนั ธก์ ับส่อื ท่ไี มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ทอ่ี ่าน รวมทัง้ ระบแุ ละเขยี นสอ่ื ที่ไมใ่ ช่ความเรยี งรปู แบบต่างๆ ให้สมั พนั ธ์กบั ประโยค และข้อความทฟี่ งั หรืออ่าน มาตรฐาน ต. 1.2.1 ม .4-6/3 ตวั ช้ีวัดที่ 1 สนทนาและเขยี นโต้ตอบขอ้ มูลเกยี่ วกับตนเองและเรอ่ื งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว / เหตกุ ารณ์ ประเด็นทอ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คม มาตรฐาน ต. 1.3.1 ม .4-6/1 ตัวชี้วดั ที่ 1 พดู และเขยี นนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เรอื่ งและประเด็นตา่ งๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต. 1.3.2 ม .4-6/2 ตัวชีว้ ดั ที่ 1 พูดและเขียนสรปุ ใจความสาคญั /แกน่ สาระทีไ่ ดจ้ ากการวิเคราะห์เรอื่ ง กิจกรรม ข่าว เหตกุ ารณ์ และ สถานการณต์ ามความสนใจ มาตรฐาน ต. 2.1.1 ม .4-6/1 ตวั ชีว้ ัดที่ 1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั ระดับของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาท สงั คม และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต. 3.1.1 ม .4-6/1 ตัวช้ีวดั ท่ี 1 ค้นคว้า/สบื คน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับขอ้ มูลที่เกยี่ วข้องกับกลุม่ สาระการ เรียนรูอ้ ่นื จากแหลง่ เรียนรูต้ า่ งๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียน

3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge (นกั เรียนต้องร้อู ะไร) - คาศัพท์ - entire (adj.): used to emphasize that you mean all of something (ทัง้ หมด) - cane (n.): a stick used by teachers in the past to hit children as a punishment (ไมเ้ รยี ว) - paddle (n.): a short pole with a wide flat end, used for moving a small boat in water (ไม้พาย) - detention (n.): a school punishment in which you have to stay at school after the other student have left (การคุมตวั ) - break (n.): to stop for a short time in order to have a rest or eat something (ชว่ ง พกั ) - academic (adj.): relating to education, especially in a college or university (ดา้ นวชิ าการ) - behavior (n.): the things that a person or animal does (พฤตกิ รรม) - counselor (n.): someone who gives advice about problems (ผใู้ ห้คาปรกึ ษา) - Used to - Past (อดีตกาล) -Present (ปัจจุบนั กาล) 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิอะไรได้) - จบั ใจความสาคัญ วิเคราะหค์ วาม ตคี วาม จากข้อความทีอ่ า่ น 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบ้าง) มีวนิ ัย : เข้าเรยี นตรงเวลา ใฝ่เรียนรู้ : ค้นควา้ หาความรู้จากแหลง่ เรียนร้ตู ่าง ๆ มงุ่ ม่ันในการทางาน : ขยัน มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ งานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความกล้าแสดงออก 6. คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ - มวี นิ ยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ มน่ั ในการทางาน

7. ช้ินงาน/ภาระงาน : - การศกึ ษาเรือ่ ง Past และ Present - ทา แบบฝกึ หดั เรอื่ ง Present และ Past - อ่านขอ้ ความสน้ั ๆ บทความ - พดู สนทนาโต้ตอบเก่ียวกับสงิ่ ทต่ี นเคยทา - พูดนาเสนอเกี่ยวกับสภาพของโรงเรียน - เขียนบรรยายสงิ่ ทต่ี นทาในโรงเรยี นท้ังในอดีตและปจั จุบัน 8. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบ 1 - 2 1. นาเข้าสูบ่ ทเรียน - ครบู อกนักเรียนว่า ในอดตี เราเคยมีบางสิ่งบางอยา่ ง แตเ่ ดี๋ยวน้ีเราไมม่ สี ง่ิ น้ัน ๆ อีกแลว้ เชน่ บรเิ วณบางแหง่ เคยใช้ เป็นทเ่ี พาะปลกู แต่บัดนกี้ ลายเปน็ ท่ีตง้ั ของโรงงานอตุ สาหกรรม ในกรุงเทพมหานครเคยมรี ถรางใช้ในถนนสายหลัก แตบ่ ดั นไี้ ม่มีแลว้ 2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ ้ีนกั เรียนจะได้อา่ นขอ้ ความทก่ี ลา่ วถึงสง่ิ ท่ีเคยมเี คยเป็นในประเทศตะวันตก แต่บัดน้ไี มม่ แี ละไม่เป็นเช่นนัน้ แล้ว เม่ืออ่านแลว้ นักเรียนจะตอ้ งเปรียบเทียบสภาพของประเทศตะวนั ตกกับของไทย กจิ กรรมกอ่ นอา่ น 1. ตรวจสอบความรู้เดิม - ครอู า่ นออกเสียงชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ Schools Then and Now และใหน้ ักเรยี นเดาวา่ ข้อความที่จะอ่านเป็นเร่อื ง เก่ียวกับอะไร - ครใู ห้นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หนา้ 2-3 ทีละภาพและพูดเก่ยี วกับสิ่งทีน่ ักเรียนเหน็ ในภาพ โดยต้ังคาถามนา ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปนี้ - Who are the people? - Where are they? - How old are they? - What are they doing? ฯลฯ กจิ กรรมระหว่างอา่ น 1. อ่านขอ้ ความ - ครูเปดิ ซดี บี ันทึกเสียง CD 1 Track 2 นักเรยี นฟงั ขอ้ ความย่อหนา้ แรกของกิจกรรม New Language ในหนงั สอื เรยี น หน้า 2 และอ่านในใจตาม ครหู ยุดซดี ีบันทึกเสยี ง ให้นักเรยี นอ่านในใจอกี ครั้งหน่งึ และเปรียบเทยี บข้อมูลใน ขอ้ ความกบั ส่ิงท่พี ูดเก่ียวกับภาพเมือ่ ทากิจกรรมก่อนอ่าน - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 2 ให้นักเรียนฟังข้อความในย่อหน้าต่อ ๆ ไป หยุดซีดีบันทึกเสียงเม่ือจบทุก ย่อหน้า ให้นักเรียนอ่านในใจตามอีกครั้งหนึ่ง ครูบอกนักเรียนให้อ่านเอาความ ยังไม่ต้องกังวลกับคาที่ไม่ทราบ ความหมาย

- ครูให้นกั เรียนอา่ นข้อความท้ังหมดในหนงั สอื เรียน หน้า 2-3 อีกครั้งหนง่ึ กิจกรรมหลงั อา่ น 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครเู ขียนคาถามต่อไปน้ีบนกระดาน ใหน้ ักเรยี นลอกลงบนกระดาษ 1. What is the main idea of this passage? A. Parents were more involved in school in the past. B. Students today are much happier than those in the past. C. Students of all ages used to be in the same classroom. D. Schools today are different from those in the past? 2. What is the best word to describe school teachers in the past? A. cruel B. strict C. fearsome D. serious - ครใู หน้ กั เรียนตอบคาถามบนกระดาน และทากิจกรรม Language Check ในหนังสอื เรยี น หนา้ 3 - ครูให้นักเรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ และใหบ้ อกเหตผุ ลหรือทมี่ าของคาตอบแต่ละข้อ (ดเู ฉลยคาตอบทา้ ยเล่ม) คาตอบของคาถามบนกระดาน 1. D 2. C 2. ประเมนิ ผลการอา่ นข้อความ - ครูประเมนิ ผลความเข้าใจข้อความท่ีอ่านจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องท่ีได้จากการทากิจกรรม Language Check ในหนังสือเรียน หนา้ 3 รวมกับคาตอบของคาถามบนกระดาน และใชเ้ กณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 60 3. เสรมิ สร้างความร้ดู า้ นคาศพั ท์ - ครูให้นักเรียนถามความหมายของคาศัพท์ในข้อความในหนังสือเรียน หน้า 2-3 ท่ีไม่ทราบความหมาย ครูบอก ความหมายของบางคาทันที บางคาครูชนี้ าใหน้ กั เรียนเดาความหมายของคาจากคาหรอื ขอ้ ความที่อยู่รอบ ๆ คานั้น ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้ a cane, a paddle - ครชู ใ้ี ห้นักเรยี นดขู อ้ ความ …to beat students with a cane or a wooden paddle และถามนักเรยี นว่า เวลาเด็ก ๆ ถูกตี ผใู้ หญ่ใช้อะไรตี นกั เรียนอาจบอกว่า ไม้บรรทดั กิ่งมะยม เขม็ ขัดหนงั ฯลฯ ดังนั้น cane และ paddle จึงเปน็ เครอื่ งมือทคี่ รูใช้ตีนักเรียน และจาก Adjective ท่บี รรยาย paddle ทาใหท้ ราบว่า paddle เป็นอุปกรณท์ ีใ่ ช้ตี ทท่ี าด้วยไม้ ครูบอกว่าการท่ีนกั เรียนรู้เพียงแค่ว่า cane และ paddle เป็นอปุ กรณท์ ่คี รูใชต้ ี ก็พอทีจ่ ะจบั ใจความท่อี า่ นได้ แต่ถ้าต้องการรู้ใหช้ ัดกต็ อ้ งเปิดหาความหมายในพจนานกุ รม detention - ครเู ขยี นข้อความตอ่ ไปนี้บนกระดาน Nowadays detention is one of the most common punishments in some countries. - ครชู ใี้ ห้นักเรียนดคู าทีค่ รขู ีดเสน้ ใต้และเขียนวงล้อมรอบ อธิบายวา่ โครงสรา้ งของประโยคนีค้ อื A is B คาทอี่ ยขู่ า้ งหน้าและข้างหลัง “is” มคี วามหมายตรงกนั โดยอาศัยโครงสรา้ งนเ้ี ราสามารถบอกได้ว่า detention เปน็ punishment หรอื การลงโทษประเภทหนึง่ แตก่ ย็ งั บอกวิธีการลงโทษไมไ่ ด้

- ครูอ่านออกเสียงในยอ่ หนา้ แรกในหนังสอื เรยี น หน้า 3 ซ่ึงอยตู่ ่อจากประโยคทคี่ รูเขยี นบนกระดาน “Students go to a certain area in the school during break or after classes and do academic work.” - ครบู อกนกั เรียนวา่ ประโยคน้ีอธิบายถึงวธิ ีการลงโทษท่ีเรียกว่า detention นักเรียนอาจเคยมีประสบการณ์แบบ นี้ จึงพอสรุปไดว้ ่า detention กค็ อื การลงโทษโดยการกกั ตวั ไว้ใหท้ างานระหว่างพกั หรอื หลังเรยี น 4. เปรียบเทียบโรงเรียนของชาตติ ะวันตกและของไทย - ครูใหน้ กั เรียนจับคู่กนั และแจก Worksheet 1 สาหรับหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ใหน้ กั เรยี นแต่ละคู่ บอกนักเรียนให้ อา่ นขอ้ ความในหนงั สือเรยี น หนา้ 2-3 อกี ครั้งหนงึ่ และใหแ้ ต่ละค่ชู ว่ ยกนั หาขอ้ มูลว่าโรงเรียนของชาติตะวนั ตกแต่ เดมิ เป็นอยา่ งไรและเด๋ียวนเี้ ป็นอยา่ งไร แล้วนาขอ้ มลู น้ันไปเขียนลงในตารางใน Worksheet 1 ในคอลมั นท์ เ่ี ปน็ ขอ้ มลู ของโรงเรียนของชาตติ ะวันตก - ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละคูช่ ว่ ยกันคดิ เปรียบเทียบโรงเรียนของชาตติ ะวันตกกับโรงเรียนของไทย เฉพาะประเด็นที่ กล่าวถงึ ในหนงั สอื เรียน หน้า 2-3 และเขยี นข้อมูลเกีย่ วกับโรงเรียนของไทยในอดีตเท่าท่ที ราบและในปัจจบุ นั ลงใน คอลมั น์ “Then” และ “Now” ของโรงเรยี นไทย - ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกนั เฉลยคาตอบโดยครลู อกแผนภมู ใิ น Worksheet 1 บนกระดาน ให้นักเรียนท่ีสมัครใจผลัดกัน ออกมาเขียนข้อมูลลงในแต่ละคอลัมน์ในแผนภูมิ แล้วนักเรียนทั้งช้ันช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องโดยครูเป็นผู้ ชีน้ า 5. ประเมินผลการเปรียบเทยี บโรงเรียนของชาตติ ะวนั ตกและของไทย - ครูประเมนิ ผลการเปรยี บเทียบโรงเรียนของชาตติ ะวนั ตกและของไทยจากจานวนขอ้ มลู ทีถ่ ูกต้องในแผนภูมิ และใช้ เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60 คาบ 3 - 4 กจิ กรรม Conversation 1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครูใหน้ ักเรียนดูภาพตอนบนขวาของหนงั สอื เรยี น หนา้ 4 ให้นักเรยี นพูดเกย่ี วกับภาพ และให้เดาวา่ บคุ คลท้ัง 2 พูด เก่ียวกบั อะไร 2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้นี กั เรยี นจะตอ้ งอ่านออกเสยี งบทสนทนา และฟังบคุ คล 2 คนพูดถึงวันเก่า ๆ เมื่อคร้งั ยังเป็นนักเรียน นักเรียนจะต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักการอ่าน และบอกรายละเอียดเกี่ยวกับ ข้อความท่ีฟัง กจิ กรรมกอ่ นอา่ น 1. เตรยี มความพร้อมดา้ นคาศัพท์ - ครเู ขียนคาศัพท์และสานวนภาษาในบทสนทนาท่ีคาดวา่ นักเรยี นไม่ทราบความหมายบนกระดาน ดงั นี้ - scanned - end up - teacher’s pet - couldn’t stand (someone) - tell on (someone) - gossip blog

- ครูให้นกั เรยี นท่ีรู้ความหมายบอกความหมายของคา/สานวนเหล่านี้แกเ่ พือ่ น และครูบอกความหมายของคา/ สานวนทไี่ ม่มผี ใู้ ดทราบความหมาย - ครูให้นกั เรยี นปิดหนังสอื เรียนและเปิดซีดบี ันทกึ เสียง CD 1 Track 5 ใหน้ ักเรียนฟังการสนทนาระหว่างบคุ คล 2 คน 2 ครั้ง และให้บอกส่งิ ท่ที ้ัง 2 คนพดู กนั เท่าที่จะบอกได้ 2. ตง้ั จดุ ประสงคใ์ นการอา่ น - ครูอ่านออกเสยี งคาถามในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสอื เรียน หน้า 4 บอกนักเรียนให้ใช้คาถาม เหลา่ นเ้ี ป็นจุดประสงค์ในการอา่ น กจิ กรรมระหวา่ งอา่ น 1. อ่านบทสนทนา - ครูใหน้ กั เรียนจับค่กู ันอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสอื เรยี น หน้า 4 เพื่อหาคาตอบสาหรับ คาถามทง้ั 4 ในกิจกรรม About the Conversation - นักเรยี นแต่ละคอู่ า่ นบทสนทนา แลว้ ช่วยกันตอบคาถาม กจิ กรรมหลงั อ่าน 1. ตรวจสอบความเข้าใจบทสนทนา - ครูให้นกั เรียนที่สมัครใจผลดั กนั อ่านคาตอบแต่ละข้อของคาถามท้ัง 4 ขอ้ และนักเรยี นที่เหลือตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง (ดูเฉลยท้ายเล่ม) 2. อ่านออกเสียงบทสนทนา - ครูเปิดซดี บี นั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 5 ใหน้ ักเรยี นฟงั อีกครง้ั หนง่ึ หยุดซดี ีบนั ทึกเสียงเมื่อจบคาพูดของบุคคลเพ่ือให้ นกั เรยี นพดู ตามเบา ๆ - ครูให้นักเรยี นจบั คู่กันฝกึ อา่ นบทสนทนาในกจิ กรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 4 เม่ืออ่านคล่องแล้วให้ นักเรยี นแต่ละคูน่ ดั หมายกบั ครเู พ่อื อา่ นออกเสียงใหค้ รฟู ังนอกเวลาเรียน 3. ประเมินผลการออกเสียง - ครูประเมนิ ผลการอา่ นออกเสียงบทสนทนาของนักเรียนแตล่ ะคู่ โดยใช้แบบประเมินการอ่านออกเสยี ง และใช้ เกณฑ์ ผ่านระดับพอใช้ กจิ กรรม Listening 1. ฟังบคุ คลพดู ถงึ สมยั ท่ีตนเป็นนกั เรียน - ครูบอกว่านักเรยี นจะไดฟ้ งั บุคคล 2 คนพดู ถึงสมัยท่ตี นเปน็ นักเรียน - ครอู ่านออกเสยี งประโยคในกจิ กรรม Listening ในหนงั สอื เรียน หน้า 4 ใหน้ ักเรียนถามถา้ ไม่เข้าใจประโยคใด แล้ว บอกวา่ เม่อื นกั เรยี นฟงั คาพูดของบคุ คลท้ัง 2 แลว้ ให้เขียน T ไว้ที่ประโยคทถี่ กู ต้องตามขอ้ มูลทไี่ ด้ฟงั - ครเู ปิดซดี บี นั ทึกเสยี ง CD 1 Track 6 ใหน้ กั เรียนฟงั และพยายามสรุปวา่ แต่ละคนพูดอะไร - ครูเปิดซีดบี ันทกึ เสียงอีกคร้งั หนึ่ง คร้งั นี้ให้นักเรยี นฟังและเขียน T ข้างหนา้ ประโยคที่ถูกตอ้ งตามขอ้ มูลท่ไี ดฟ้ ัง - ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกคาตอบ และเปิดซีดีบันทกึ เสียงอีกครั้งหนง่ึ เพ่อื ยืนยันคาตอบของนกั เรียน (ดูเฉลยท้าย เล่ม) 2. ประเมนิ ผลการฟัง - ครปู ระเมินผลความเข้าใจคาพดู ของบุคคลจากจานวนคาตอบทถี่ ูกตอ้ งในการทากิจกรรม Listening ในหนังสอื เรียน หนา้ 4 และใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 60

คาบ 5 - 6 กิจกรรม Grammar 1. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรียนร้นู น้ี กั เรียนจะไดเ้ รยี นรกู้ ารใช้ used to + Verb, Adverb: ago และ Conjunctions: so, because เพ่อื นาไปใช้ในการพูดโต้ตอบเก่ยี วกบั สิง่ ทเ่ี คยทาครงั้ แรก หรอื ครงั้ สุดท้ายท่ีทา และ เหตุผลที่เลกิ ทา 2. ใช้ used to + Verb - ครใู ห้นกั เรยี นดูกรอบ Grammar ในหนังสือเรยี น หน้า 5 ในส่วนที่แสดงการใช้ used to + Verb ครอู ธบิ ายวา่ used to ใชพ้ ดู ถงึ สิง่ ท่เี คยทาในอดตี แตต่ อนนี้ไมไ่ ด้ทาแล้ว - ครอู ่านออกเสียงประโยคบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคาถามที่ใช้ used to - ครูบอกสงิ่ ท่คี รเู คยทา โดยใช้ used to ในประโยค และใหน้ ักเรยี นผลดั กนั บอกครูเกี่ยวกบั ส่งิ ทน่ี กั เรียนเคยทา แต่ ตอนน้ีไมท่ าแล้ว - ครูให้นักเรยี นทากิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรียน หน้า 5 ให้นักเรยี นดภู าพและบอกส่ิงท่ีเห็นในแตล่ ะภาพ จากน้ัน ใหน้ กั เรยี นดตู วั อยา่ งการทากิจกรรมในขอ้ 1 ครอู ธิบายวา่ ภาพท่เี ห็นคอื ส่งิ ที่บุคคลในภาพ ในท่นี ีค้ ือ Rick เคยทา ประโยคท่ีใชจ้ ึงเปน็ Rick used to play soccer ข้อความใต้ภาพ now basketball แสดงสิ่งท่ี Rick ทา ในปจั จบุ ัน ประโยคส่วนหลงั จึงเป็น …but now he plays basketball. - ครใู หน้ ักเรยี นดคู าใตภ้ าพอ่นื ๆ จะพบวา่ มีชอื่ บคุ คลหรือผกู้ ระทา และมีคาชี้แนะเกีย่ วกับสง่ิ ท่ที าในปัจจบุ ัน ครใู ห้ นักเรยี นเขียนประโยคบรรยายภาพ โดยใช้ประโยคข้อ 1 เป็นแบบอย่าง - ครูใหน้ กั เรยี นผลดั กนั ออกมาเขยี นประโยคข้อ 2-6 บนกระดาน เมอ่ื ตรวจสอบความถูกตอ้ งแล้ว ให้ใช้เป็นเฉลย คาตอบ (ดเู ฉลยท้ายเล่ม) 3. ใช้ ago ในประโยค - ครเู ขียนคา ago บนกระดาน อธบิ ายวา่ ใช้ ago เพ่ือกล่าวถึงเหตุการณ์ในอดตี ago จะอยู่หลังถ้อยคาบอกเวลา ดังตัวอย่างท่อี ย่ตู อนกลางของกรอบ Grammar ในหนังสอื เรยี น หนา้ 5 - ครูอา่ นออกเสียงประโยคตวั อย่างทัง้ 3 ประโยค และนักเรยี นอา่ นในใจตาม - ครูให้นกั เรยี นทากิจกรรม Grammar C ในหนงั สือเรียน หน้า 6 ครูอา่ นออกเสียงคาส่งั และใหน้ กั เรียนเขยี น ประโยคบอกว่า นกั เรียนทาสง่ิ ทอ่ี ยูใ่ นรายการครั้งหลงั สุดเม่อื ไร โดยดูประโยคขอ้ 1 เปน็ ตัวอย่าง - เม่อื นักเรยี นทากจิ กรรม Grammar C เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรยี นแลกเปลีย่ นงานท่ีทากบั เพ่อื น ต่างคนต่างตรวจแกง้ าน ของกนั และกนั - ครูให้นักเรียนทสี่ มัครใจ ผลดั กันอา่ นประโยคท่ีตนเขยี นคนละประโยค ครชู ว่ ยแก้ไขประโยคทไี่ ม่ถกู ต้อง (ตอบได้ หลายอยา่ ง) - ครอู า่ นออกเสยี งคาสง่ั ของกจิ กรรม Grammar D ในหนังสอื เรยี น หน้า 6 นักเรยี นอา่ นในใจตาม - ครูอธบิ ายการใช้ first และ last ครบู อกว่า first ใชเ้ ม่ือกล่าวถงึ เวลาแรกทเี่ ราทาสง่ิ ใดสิ่งหนึ่ง และ last ใช้เมื่อ กลา่ วถึงเวลาล่าสุดท่ีเราทาส่งิ ใดสิง่ หน่ึง - ครเู รียกนกั เรียนคนหนง่ึ ใหอ้ อกมาพูดถาม-ตอบประโยคตวั อย่างในหนงั สอื เรยี นคู่กบั ครู - ครูใหน้ กั เรียนดูภาพท่เี ปน็ ตวั ช้ีแนะในกจิ กรรม Grammar D ใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกสง่ิ ทเ่ี ห็นในแตล่ ะภาพ แลว้ ให้ นกั เรยี นจับคู่ผลัดกนั พูดถาม โดยใช้ first หรอื last ในประโยคคาถาม และตอบโดยใช้ ago ในประโยคคาตอบ - ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคอู่ อกมาพูดถาม-ตอบเกีย่ วกับภาพแตล่ ะภาพทห่ี น้าชนั้ เรียน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)

4. ใช้ so, because - ครนู าประโยคจากกิจกรรม Conversation ในหนงั สือเรียน หน้า 4 มาเขยี นบนกระดาน I used to end up in detention a lot because I didn’t always do my homework. - ครเู ขียนแผนภาพแสดงเหตแุ ละผลของประโยคบนกระดาน ดังนี้ cause result I didn’t always do my I used to end up in detention homework. a lot. - ครูช้ใี หน้ ักเรียนเหน็ ความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตุผลของประโยคบนกระดาน ซง่ึ มี because เปน็ ตัวเช่อื ม - ครูเขยี นอกี ประโยคบนกระดาน ดงั น้ี - I didn’t always do my homework, so I used to end up in detention a lot. - ครูใหน้ ักเรยี นดคู วามหมายของ so และ because ในส่วนทา้ ยสุดของกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 5 ครอู ธบิ ายวา่ so หมายถงึ “as a result” หรอื “ผลท่ีตามมา” ส่วน because หมายถงึ “for the reason that” หรือ “ด้วยเหตุผลที่ว่า” แล้วใหน้ กั เรียนอ่านประโยคตวั อย่างการใช้ so และ because ในกรอบ Grammar และ ทาความเข้าใจกับการใช้คาเชือ่ ม 2 คาน้ี - ครใู หน้ ักเรยี นทากิจกรรม Grammar B ในหนังสือเรยี น หนา้ 6 ให้เลอื กใช้ so หรือ because ในประโยค เสรจ็ แล้วครใู ห้นักเรียนผลดั กนั อา่ นประโยคทเี่ ลือกใช้คาเช่อื มเรียบร้อยแล้ว (ดเู ฉลยท้ายเล่ม) 5. พูดถามและตอบเกีย่ วกบั ส่งิ ที่เคยทา - ครเู ขยี นบทสนทนาโตต้ อบต่อไปนบ้ี นกระดาน A: I used to play soccer, but now I play table tennis. B: When did you last play soccer? A: Five years ago. B: Why did you stop playing soccer? A: Because I broke my leg. - ครูสมมติตนเองเป็น A และใหน้ กั เรียนคนหนึ่งเป็น B ออกมาพูดโต้ตอบตามบทสนทนาบนกระดานกับครูท่ีหนา้ ชั้น - ครูเขยี นโครงบทสนทนาบนกระดานดงั นี้ A: I used to , but now I . B: When did you first / last play ? A: ago. B: Why did you stop ? A: Because . - ครูให้นกั เรยี นจบั ค่กู นั ศกึ ษาบทสนทนาและโครงบทสนทนาบนกระดาน บอกนักเรยี นให้พูดโต้ตอบกนั เก่ียวกับสิง่ ที่เคยทาครั้งแรก หรือครงั้ สุดทา้ ยที่ทา และเหตุผลทเ่ี ลิกทา โดยใช้แบบอย่างบนกระดาน และใหส้ ลบั บทบาทกัน ด้วย - นักเรียนแต่ละคู่พดู โตต้ อบกนั ขณะทีน่ กั เรียนทางาน ครูเดนิ ไปรอบ ๆ ชั้นเรยี น เพอ่ื สงั เกตการพูดของนักเรยี น 6. ประเมินผลการพดู ถาม-ตอบเกย่ี วกับสิ่งท่เี คยทา - ครปู ระเมนิ การพดู ของนักเรียนแตล่ ะคู่โดยใชแ้ บบประเมนิ การสนทนากิจกรรมคู่ และใช้เกณฑผ์ ่านระดบั พอใช้ กิจกรรม Speaking

1. เตรียมการพดู นาเสนอ - ครอู า่ นออกเสียงคาส่ังและคาถามของกิจกรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หนา้ 6 และอธบิ ายคาส่ังและคาถามจน แน่ใจว่านกั เรยี นทกุ คนเขา้ ใจ - ครใู ห้นกั เรียนทากจิ กรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หน้า 6 เปน็ การบ้าน ใหใ้ ชค้ าถามในกิจกรรมถามบิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา หรอื ยายเกย่ี วกบั โรงเรียนทที่ ่านเรียน ถา้ บุคคลที่สัมภาษณ์พูดภาษาองั กฤษไม่ได้ กใ็ ห้ใชภ้ าษาไทย คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรียนรนู้ ้ีนักเรียนจะพดู นาเสนอขอ้ มลู ท่ีได้จากการสมั ภาษณ์ 2. พูดนาเสนอเกีย่ วกับโรงเรยี นสมัยก่อน - ครูใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หน้า 6 โดยใชข้ อ้ มูลจากทนี่ ักเรียนทาการบา้ นจากคาบทแ่ี ล้ว สมั ภาษณ์บิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา หรอื ยายเก่ยี วกบั โรงเรยี นทีท่ ่านเรียน - ครูให้นักเรยี นเขยี นคาตอบจากการสมั ภาษณเ์ ปน็ ภาษาอังกฤษ และเรียบเรียงข้อมูลใหต้ ่อเนื่อง - ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 6 คน ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนนาเสนอขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์ในกลุม่ 3. ประเมนิ ผลการพดู นาเสนอ - ครปู ระเมินการพดู นาเสนอของนกั เรยี นแต่ละคนโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพดู และใช้เกณฑผ์ ่านระดับพอใช้ คาบ 9 กิจกรรม Reading 1. นาเขา้ สู่บทเรียน - ครูถามนกั เรยี นว่า เมอ่ื พดู ถึง ancient Greek, ancient Rome และ ancient China นักเรียนนึกถงึ อะไรบ้าง นักเรยี นอาจบอกช่อื บคุ คล ช่ือเมอื ง สถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรมหรือเหตุการณ์ เชน่ สงคราม 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนกั เรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ ี้นกั เรยี นจะได้อา่ นบทความเก่ยี วกบั กรกี โรมัน และจนี ยคุ โบราณ กจิ กรรมก่อนอา่ น 1. เดาเนือ้ หาจากช่ือเรอื่ งและภาพ - ครูใหน้ ักเรยี นดชู อื่ บทความ School in Ancient Times และภาพในกจิ กรรม Reading ในหนังสือเรยี น หน้า 7 และเดาวา่ บทความท่ีอา่ นเก่ียวกับอะไร จากเครื่องแต่งกายของบุคคลในภาพบนขวา ซ่งึ ไมแ่ น่ใจว่าเปน็ เคร่อื งแต่ง กายของชาวกรีกหรือโรมันโบราณ นักเรยี นอาจบอกว่าบทความน่าจะเก่ยี วกับ ancient Greek/Roman school แล้วบทความยังใหข้ ้อมูลเก่ยี วกับ ancient school in China อกี ด้วย 2. ตัง้ จุดประสงคใ์ นการอา่ น - ครูให้นักเรียนช่วยกันคาดเดาว่าจะได้ข้อมูลอะไรจากบทความน้ีบ้าง หรืออีกนัยหน่ึง บทความน้ีจะตอบคาถาม อะไรบ้าง ครูให้นักเรียนช่วยกันต้ังคาถามที่คาดว่าจะได้คาตอบจากบทความน้ี และครูเขียนทุกคาถามท่ีนักเรียน บอกบนกระดาน ต่อไปนีค้ ือตวั อย่างคาถาม

- Where was the school? - Who were students? - What subjects did students study? - ครใู ห้นกั เรียนใช้คาถามบนกระดานเป็นจุดประสงคใ์ นการอ่าน คืออา่ นเพื่อหาคาตอบใหค้ าถามเหล่าน้ี กิจกรรมระหว่างอ่าน 1. อ่านบทความ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 7 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านในใจตาม ถ้าพบคาที่ไมท่ ราบความหมาย ใหข้ ีดเส้นใต้ ไว้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกครั้งหน่ึง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้นักเรียนที่ สมคั รใจออกไปเขียนคาตอบขา้ งคาถามบนกระดาน นักเรียนจะเห็นได้ว่า ไม่มีคาตอบในบทความสาหรับบางคาถาม บนกระดาน กจิ กรรมหลังอ่าน 1. พฒั นาคาศัพท์ - ครูใหน้ ักเรยี นออกมาเขียนคาศัพท์ทไี่ มท่ ราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นักเรียนที่ทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ใหค้ รูเป็นคนบอก ความหมาย 2. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครเู ขียนคาถามแบบเลือกตอบตอ่ ไปน้ีบนกระดาน 1. What does the passage tell about? A. The equality in education in ancient Rome. B. The education reform by one emperor of the Han dynasty. C. The subjects that Greek boys studied in ancient schools. D. The education in Greece, Rome, and China in ancient times. 2. What can be inferred about the education of girls in ancient times? A. Greek girls were illiterate. B. Roman girls received bilingual education. C. Roman and Chinese girls were equal in terms of education. D. Compared with average Greek and Roman girls, the Chinese had more opportunity in education. - ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นบทความเรอ่ื ง School in Ancient Times อกี ครั้งหนึ่ง แล้วตอบคาถามบนกระดาน และทา กิจกรรม About the Reading ในหนังสอื เรยี น หน้า 7 - ครใู หน้ กั เรียนบอกคาตอบของคาถามบนกระดาน คาตอบของคาถามบนกระดาน 1. D. 2. D. - ครใู ห้นกั เรยี นท่สี มคั รใจผลดั กันออกมาเขียนคาตอบของคาถาม ในกิจกรรม About the Reading บนกระดาน และ ให้นกั เรียนคนอืน่ ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) 3. ประเมินผลการอ่านบทความ

- ครปู ระเมินผลความเข้าใจบทความของนกั เรยี นจากจานวนคาตอบท่ถี ูกต้องท่ีได้จากการทากิจกรรม About the Reading ในหนงั สือเรียน หน้า 7 รวมทง้ั คาตอบท่ไี ดจ้ ากคาถามบนกระดาน และใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 คาบ 10 กิจกรรม Writing 1. แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในหน่วยการเรียนร้นู น้ี กั เรียนจะตอ้ งเขียนบรรยายกิจกรรมทีน่ ักเรยี นทาในโรงเรยี นขณะนี้ และ ท่ี นกั เรียนเคยทาเมือ่ เรียนในโรงเรยี นประถมศกึ ษา และคน้ ควา้ เก่ยี วกับระบบการศกึ ษาของประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะประเทศในกล่มุ ASEAN กิจกรรมก่อนเขียน 1. ระดมความคิด - ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกกิจกรรมทน่ี ักเรียนทาในโรงเรยี นขณะนี้ และเขียนสง่ิ ท่ีนักเรยี นบอกบนกระดาน - ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอกกจิ กรรมท่ีนกั เรียนเคยทาในขณะท่เี รยี นในโรงเรียนประถมศกึ ษา และเขียนส่ิงท่ีนักเรียน บอกบนกระดาน 2. สรา้ งแผนภาพความคิด - ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนสรา้ งแผนภาพความคิดกอ่ นเขยี น โดยชีแ้ นะใหน้ กั เรียนแยกเขียนกิจกรรมที่ทาเป็น 2 คอลัมน์ดงั น้ี Things I used to do in elementary school Activities I do in school nowadays กจิ กรรมการเขียน 1. เขยี นบรรยายกจิ กรรมทีเ่ คยทาและที่ทาอยู่ในปจั จุบนั ในโรงเรยี น - ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรม Writing ในหนังสือเรยี น หน้า 7 ให้เขียนบรรยายกิจกรรมท่ที าในโรงเรยี นในปัจจบุ นั - นักเรยี นใชข้ ้อมูลในแผนภาพความคิดท่ีสรา้ งข้นึ ในกจิ กรรมกอ่ นเขยี น เรียบเรียงงานเขยี นบรรยายของตน - นกั เรยี นตรวจทานงานเขียนของตนเอง

- นักเรยี นจับคกู่ บั เพอ่ื น แลกกนั อ่านงานเขยี นบรรยายของกันและกนั และให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรงุ ตามท่ี เห็นสมควร - นักเรียนปรับปรุงงานเขยี น และเขียนร่างสุดทา้ ยส่งครู กจิ กรรมหลงั เขียน 1. ประเมนิ ผลการเขยี นบรรยาย - ครปู ระเมนิ ขอ้ เขียนบรรยายของนักเรียนโดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมินผลงานเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้ 2. นาเสนองานเขยี น - ครแู บ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ให้แต่ละคนนาเสนองานเขียนของตน โดยอ่านออกเสียงใหเ้ พื่อนในกลุ่มฟัง - ครูให้แต่ละกลุ่มสรุปว่ามีกิจกรรมใดบ้างที่ส่วนใหญ่ของกลุ่มเคยทาเหมือนกัน และมกี ิจกรรมใดในปัจจุบนั ที่สว่ นใหญ่ ทาเหมือนกัน 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ รายการสื่อ จานวน สภาพการใชส้ อื่ 1. หนงั สือเรียน New World 4 ขัน้ ตรวจสอบความรู้เดิม ขั้นสร้างความ สนใจ ขยายความรู้ 2. ห้องสืบค้น ขน้ั สร้างความสนใจ ขยายความรู้ 3. Worksheet 1 ขน้ั ขยายความรู้ 4. บัตรคา ข้ันขยายความรู้ 5. บัตรภาพ ขัน้ สรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรียนรู้ วิธีวัด เครอื่ งมือวัดฯ ประเดน็ / การเรียนรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน แบบตรวจคาอบ เกณฑ์การให้ ประเมินผลจาก จับใจความสาคัญ การพูดประโยคและ จานวนคาตอบที่ คะแนน วเิ คราะห์ความ ข้อความแสดง ถกู ตอ้ ง ใช้เกณฑ์ผา่ นร้อยละ ตีความ ความชอบและไมช่ อบ 50 จากขอ้ ความทีอ่ ่าน การทางานบา้ นโดยใช้ ประเมนิ การอา่ นออก แบบประเมินการอา่ น ข้อมูลจากตารางใน ออกเสียง ใช้เกณฑ์ผ่านระดบั อา่ นออกเสยี งบท กิจกรรม Language พอใช้ สนทนาถูกต้องตาม Check หลกั การอา่ น การอา่ นออกเสียง บทสนทนาในกจิ กรรม Conversation

สนทนาโตต้ อบข้อมูล การสนทนาโต้ตอบ ประเมินการสนทนา แบบประเมิน ใช้เกณฑ์ผ่านระดบั เกีย่ วกบั ส่ิงทเี่ คยทา โต้ตอบ การสนทนากจิ กรรมคู่ พอใช้ พูดนาเสนอเรอ่ื งใน การพดู นาเสนอ ประเมินการพดู แบบประเมนิ การพูด ใช้เกณฑ์ผ่านระดบั อดตี พอใช้ จบั ใจความสาคญั คาตอบทไี่ ดจ้ ากการ ประเมินผลจาก แบบตรวจคาตอบ ใชเ้ กณฑ์ผ่านรอ้ ยละ วิเคราะห์ความ สรปุ ทากิจกรรม About จานวนคาตอบที่ 50 ความ ตีความ the Reading ใน ถูกตอ้ ง บทความที่อ่าน หนังสอื เรียน หนา้ 7 และคาตอบทไ่ี ดจ้ าก คาถามทค่ี รสู ัง่ เขียนบรรยาย ผลงานการเขยี น ประเมินการเขยี น แบบประเมนิ การเขยี น ใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดบั กิจกรรมท่ีทาใน พอใช้ โรงเรียน 11. จุดเนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผูเ้ รยี น 1. ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ 2. ความมีเหตุผล รู้จักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลติ สอ่ื ที่ มีจติ สานึกทดี่ ี เออ้ื อาทร เหมาะสมและสอดคลอ้ งเน้ือหาเป็น ประนปี ระนอม นกึ ถึงประโยชน์ สว่ นรวม/กลมุ่ ประโยชนต์ อ่ ผ้เู รยี นและพฒั นาจากภมู ิ ปญั ญาของผูเ้ รยี น - ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความ ไมห่ ยดุ นิ่งทีห่ าหนทางในชีวิต หลุดพน้ ถกู ต้อง สุจริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทุกขย์ าก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ติ เพอื่ ให้หลุดพน้ จากความไม่ร)ู้ - ปฏบิ ตั ติ นในแนวทางทดี่ ี ลด เลิก สงิ่ ยว่ั กเิ ลสให้หมดสิน้ ไป ไม่ก่อความชั่วให้ เปน็ เครอ่ื งทาลายตัวเอง ทาลายผู้อน่ื พยายามเพิ่มพนู รักษาความดี ทีม่ ีอยู่ให้ งอกงาม สมบรู ณ์ยิ่งข้ึน

3. มีภมู คิ ุมกนั ในตัวทด่ี ี ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ 4. เงอื่ นไขความรู้ ระมดั ระวงั ระมัดระวงั สร้างสรรค์ 5. เงื่อนไขคณุ ธรรม ภมู ธิ รรม : ซื่อสัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซอื่ สตั ย์ สุจริต ขยนั อดทน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ งานและกาลัง แบง่ ปนั - การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - การเกิดกาลัง การ นาความรเู้ หล่าน้นั มาพจิ ารณาให้ สามารถนาความร้เู หล่าน้นั มา ไดเ้ ปรียบ เชิงกล เช่อื มโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน พิจารณาให้เช่ือมโยงกนั สามารถ ส่ิงแวดล้อม งานและพลังงาน การดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั - การเลือกใช้อย่างถูกวธิ ี - การอนุรกั ษ์ส่งิ แวดล้อม ใหก้ บั ผเู้ รยี น มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มี มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มี ความซื่อสัตยส์ ุจริตและมีความอดทน ความซอ่ื สัตย์สุจรติ และมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการ มคี วามเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการ ดาเนนิ ชีวิต ดาเนนิ ชีวิต ครู ผูเ้ รยี น งานและกาลงั - ปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการเกิดงาน งานและกาลัง - ปรมิ าณที่เกย่ี วขอ้ งกบั การเกดิ งาน - ระบปุ จั จัยท่ีมีผลตอ่ การเกิดงาน - ทดลองเปรียบเทยี บการเกดิ งาน และ กาลงั และ กาลงั พร้อมคานวณปริมาณที่ เกย่ี วขอ้ ง ครู งานและพลงั งาน ผูเ้ รยี น - การเลือกใชอ้ ย่างถกู วิธี/ เทคนิค วิธีการ งานและพลังงาน - กระบวนการการอนุรักษ์ - ยกตวั อย่างการใชอ้ ปุ กรณ์/ ส่ิงแวดลอ้ ม เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ อยา่ งถกู วธิ ี - แสนอแนะแนวทางอนรุ กั ษ์ ส่ิงแวดลอ้ ม ลงช่ือ..................................................ผสู้ อน ( นางพกิ ลุ เหมอื งคา ) ฃ

Worksheet 1 Direction: Complete the chart below with correct information about western and Thai schools. Western Schools Thai Schools Then Now Then Now

เฉลยคาตอบ Worksheet 1 Direction: Complete the chart below with correct information about western and Thai schools. Western Schools Thai Schools Then Now Then Now students of all ages different classrooms different classroom in the same for students of for students of classroom different ages and different ages and grades grades one teacher for the entire school teachers talked and students working in teachers talk and students listened groups students listen: students seldom teachers hit students detention is work in groups common teachers hit students teachers discussed school counselor - teachers are not students problems talks to student or allowed to hit with parents at parent student home - detention is sometimes used - normally classroom teachers talk to students and parents - students’ home visit by classroom teachers in some schools

ประเด็น 4 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น น้าหนกั คะแนน 321 เขียนโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ 2 8 โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง 1 4 โครงสร้างทาง ไวยากรณไ์ ด้ ไวยากรณ์ โครงสร้าง โครงสรา้ ง 1 4 ไวยากรณ์ ถกู ต้อง ผิดพลาดเลก็ นอ้ ย 2 8 ทกุ ประโยค ไวยากรณผ์ ิดพลาด ไวยากรณ์ผดิ พลาด 6 24 การสะกดคา สะกดคาและ สะกดคาและ และการใช้ ใช้เครอ่ื งหมาย ใชเ้ คร่อื งหมาย หลายแหง่ เกินครงึ่ หนงึ่ เคร่ืองหมายวรรค วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอน ทงั้ หมด ผดิ พลาด ของงานเขยี น ตอน เลก็ นอ้ ย สะกดคาและ สะกดคาและ ใช้เคร่ืองหมาย ใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอน วรรคตอน ผดิ พลาด ผดิ พลาด หลายแห่ง เกินครงึ่ หน่งึ ของงานเขียน ใช้คาศัพท์ ใชค้ าศัพทแ์ ละ มปี ญั หาอยูบ่ า้ งใน ใช้คาศพั ท์ และสานวน สานวนเหมาะสม เหมาะสม แต่อ่านแลว้ การใชค้ าศัพทแ์ ละ และสานวน อ่านแลว้ เขา้ ใจ ไมเ่ ขา้ ใจ การใชค้ าศัพท์ ชัดเจนท้ังหมด บางแหง่ สานวน ผดิ พลาดหลาย อ่านแลว้ ไมเ่ ขา้ ใจ แหง่ อ่านแลว้ หลายแหง่ ไม่เขา้ ใจเป็น ส่วนมาก เขียนได้ตรง เขียนได้คอ่ นข้าง เขยี นไม่ค่อย เขยี นไม่ตรง ประเดน็ ตรงประเดน็ ตาม ตามที่กาหนด และ ท่ีกาหนด และ ตรงประเดน็ ตาม ประเดน็ เรยี บเรยี งเน้ือหา เรียบเรียงเน้ือหา การนาเสนอ ตามลาดบั ไดค้ ่อนข้าง ทกี่ าหนด และ ตามทก่ี าหนด และ เนอ้ื หา เหมาะสม เหมาะสม เรียบเรียงเนื้อหา เรียบเรียงเน้ือหา รวม ไม่ค่อยเหมาะสม ไมเ่ ป็นไป เทา่ ทคี่ วร ตามลาดบั เกณฑ์การประเมนิ ดีมาก 20-24 คะแนน ดี 16-19 คะแนน พอใช้ 12-15 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกว่า 12 คะแนน

ประเดน็ 4 เกณฑก์ ารประเมินการพดู นา้ หนกั คะแนน 321 ความถกู ต้อง - สือ่ สารได้ตรง - ส่ือสารได้ตรง - สอ่ื สารไดต้ รง - สื่อสารไมค่ อ่ ย 2 8 ดา้ นเนือ้ หา ประเดน็ ประเดน็ เป็น ประเด็นเป็น ตรงประเด็น 2 8 สว่ นใหญ่ บางสว่ น 1 4 - เนือ้ หาถกู ต้อง - เน้ือหาไม่ค่อย 5 20 - เน้ือหาถกู ต้อง - เน้อื หาถูกตอ้ ง ถกู ต้อง ตามหัวข้อที่ เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน กาหนด การออกเสยี ง - ออกเสียง - ออกเสียง - ออกเสยี ง - ออกเสยี ง การใช้คาศัพท์ ถกู ต้อง ได้ถูกต้อง ถูกต้อง ไมถ่ กู ต้อง สานวน และ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น โครงสร้างภาษา - ใช้คาศพั ท์ - ใชค้ าศพั ท์ สานวน และ - ใช้คาศัพท์ - ใชค้ าศพั ท์ สานวน และ ความสามารถ โครงสร้างภาษา สานวน และ สานวน และ โครงสร้างภาษา ในการพูด ถูกตอ้ งและ โครงสร้างภาษา โครงสรา้ งภาษา แบบ เหมาะสม ถกู ต้องเปน็ ส่วน แบบ ง่าย ๆ และ ใหญ่ งา่ ย ๆ และ มขี อ้ ผิดมาก - พดู ได้ มีข้อผิดบ้าง คล่องแคล่ว - พดู ได้ - พูดเหมอื น คล่องแคล่ว - พูดได้ ท่องจา - พดู เปน็ คล่องแคลว่ แต่ ธรรมชาติ - พดู เป็น ไมเ่ ป็นธรรมชาติ - ประสานสายตา ธรรมชาติ กับผู้ฟังบ้างเป็น - ประสานสายตา - ประสานสายตา ระยะ กับผู้ฟงั - ประสานสายตา กับผฟู้ งั นอ้ ย กับผฟู้ ัง - แสดงออกทางสี หนา้ และทา่ ทาง - แสดงออกทางสี อย่างเหมาะสม หน้าและทา่ ทาง บา้ งเล็กนอ้ ย รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรับปรุง น้อยกวา่ 10 คะแนน

ประเดน็ เกณฑ์การประเมนิ ความสามารถในการสนทนา 4 3 2 1 น้าหนัก คะแน น การออกเสียง ออกเสียงถูกตอ้ ง ออกเสียงถกู ต้อง ออกเสยี งถูกต้อง ออกเสยี ง 1 4 ตามหลักการ ตามหลักการ เปน็ บางส่วน ไม่ถกู ตอ้ ง คาศพั ท์ สานวน ออกเสียง มีเสยี ง ออกเสียง แตพ่ อเข้าใจ ทาใหไ้ มเ่ ข้าใจ 3 12 และ เน้นหนักในคา/ เป็นสว่ นใหญ่ 3 12 ประโยคอยา่ ง ใช้คาศัพท์ สานวน ใช้คาศพั ท์ สานวน 2 8 โครงสร้างภาษา สมบูรณ์ ใช้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้าง และโครงสรา้ ง 1 4 ใช้คาศัพท์ สานวน และโครงสร้าง ประโยคแบบ ประโยคแบบ เนื้อหา และโครงสร้างภาษา ประโยคถูกต้อง เปน็ ง่าย ๆ และมี ง่าย ๆ และมี 10 40 ถกู ตอ้ งและ สว่ นใหญ่ แตไ่ ม่ ขอ้ ผดิ บ้าง ข้อผดิ มาก ความ เหมาะสม หลากหลาย เนือ้ หาถูกต้อง เน้ือหาไม่ถูกต้อง คลอ่ งแคลว่ เน้ือหาถูกต้อง เป็นบางส่วน หรอื มีขอ้ ผิดมาก เนอื้ หาถูกต้อง เป็นสว่ นใหญ่ การแสดงท่าทาง มีรายละเอียด พูดคล้ายแบบ พดู เป็นแบบ และน้าเสียง ครบถ้วนสมบูรณ์ พดู ตดิ ขดั บางครง้ั ท่องจา พอส่อื สาร ท่องจา ตะกุกตะกกั พูดได้อยา่ ง แต่ยังสามารถ ได้บ้าง ส่ือสารไดน้ ้อยมาก ประกอบการพูด เปน็ ธรรมชาติ ส่อื สารไดช้ ัดเจน หรอื ไมไ่ ดเ้ ลย คลอ่ งแคลว่ พูดโดยไม่แสดง พูดโดยไม่แสดง สือ่ สารไดช้ ัดเจน แสดงท่าทางและ ทา่ ทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ แสดงทา่ ทางและ พดู ดว้ ยน้าเสยี ง น้าเสียงคล้าย น้าเสียงเปน็ พดู ดว้ ยน้าเสยี งท่ี ที่เหมาะสมกบั การอา่ นหรือ การพดู แบบทอ่ งจา เหมาะสมกบั บทบาทและ การท่องจา บทบาทและ สถานการณใ์ นระดบั สถานการณด์ มี าก ดี รวม เกณฑ์การประเมิน ดมี าก 34-40 คะแนน ดี 27-33 คะแนน พอใช้ 20-26 คะแนน ควรปรับปรุง นอ้ ยกว่า 20 คะแนน

ประเด็น เกณฑ์การประเมนิ ผลงานและการนาเสนอผลงาน 4 3 2 1 น้าหนัก คะแน น ผลงาน/ชน้ิ งาน - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถกู ตอ้ ง - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถกู ต้อง 3 12 ตรงประเด็น ตรงประเด็น ตรงประเด็น ประเดน็ ท่ี 2 8 การนาเสนอ นาเสนอมีนอ้ ย 5 20 ผลงาน - เขียนตวั สะกด - เขียนตัวสะกดผดิ - เขียนตวั สะกดผิด ถูกตอ้ ง บ้าง 1-3 แหง่ บา้ ง 4-6 แหง่ - เขยี นตวั สะกดผิด มากกว่า - เนอื้ หาตอ่ เนือ่ ง - เน้ือหาต่อเน่ือง - เน้อื หาสัมพนั ธ์ 6 แหง่ สมั พนั ธก์ นั สัมพันธก์ นั กันเปน็ สว่ นใหญ่ - เนื้อหาสัมพนั ธ์ - มสี ัญลักษณห์ รอื - มสี ญั ลกั ษณห์ รอื - มสี ญั ลกั ษณ์หรือ กนั บางส่วน ภาพประกอบ ภาพประกอบ ภาพประกอบ เหมาะสม ประกอบเปน็ สว่ น ประกอบบา้ ง - ไมม่ ภี าพหรือ นา่ สนใจ ใหญ่ สญั ลักษณ์ - มีความประณตี ประกอบ - มคี วามประณตี - มีความประณีต พอสมควร สวยงาม สวยงาม - ผลงานขาดความ - การออกเสียง ประณีต - การออกเสียง - การออกเสียง Stress Stress Stress Intonation - การออกเสียง Intonation Intonation เสยี งพยัญชนะ Stress เสยี งพยัญชนะ เสยี งพยัญชนะ ตน้ คาและทา้ ย Intonation ตน้ คา และทา้ ย ตน้ คาและท้าย คาผิดหลักการ เสียงพยัญชนะ คาถูกต้องตาม คาผิดหลักการ ออกเสียง ตน้ คาและทา้ ย หลักการ ออกเสียง 1-3 4-6 แหง่ คาผดิ หลกั การ ออกเสียง แหง่ ออกเสยี ง - การพูดนาเสนอ มากกว่า 6 แห่ง - การพดู นาเสนอ - การพูดนาเสนอ ไม่คอ่ ยตอ่ เน่ือง ต่อเนอื่ งนา่ สนใจ น่าสนใจ และไมค่ ่อย - การพูดนาเสนอ หยดุ คดิ บา้ ง นา่ สนใจ ไมต่ ่อเนื่องและไม่ 1-3 ครง้ั หยุดคดิ 4-6 ครงั้ น่าสนใจ รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกวา่ 10 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง You Have to Do It! รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน รหสั วิชา อ 31101 ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 นา้ หนักเวลาเรียน เวลาเรยี น 10 ชว่ั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจท่ีคงทน) หนว่ ยการเรียนรนู้ มี้ จี ุดม่งุ หมายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจไวยากรณ์ have to / had to เพื่อใช้สื่อสารเก่ยี วกบั สงิ่ ที่ จาเป็นต้องทา นักเรียนจะไดอ้ ่านข้อความเกีย่ วกับกฎหมายแปลก ๆ ทัว่ โลก ฟังคาแนะนาวิธที างานบ้าน พูดและเขยี น เก่ยี วกับงานบ้านท่ีต้องทา นอกจากน้ีนักเรยี นยงั ไดเ้ รยี นรคู้ าศัพท์ สานวนต่าง ๆ เกย่ี วกับงานบ้าน รวมทัง้ หน้าที่ทาง ภาษา โครงสร้างประโยคไวยากรณท์ เี่ ปน็ พ้นื ฐานของกิจกรรม การฟงั พดู อ่าน และเขียนในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี 2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้วี ดั ชน้ั ป/ี ผลการเรียนรู/้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/3 อธบิ ายและเขยี นประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กบั ส่อื ทไ่ี ม่ใช่ความเรยี งรูปแบบต่างๆ ทอ่ี ่าน รวมทัง้ ระบุ และเขียนสื่อท่ี ไมใ่ ชค่ วามเรยี งรูปแบบตา่ งๆ ให้สมั พันธก์ ับประโยค และข้อความท่ฟี งั หรืออ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสาคัญ วิเคราะหค์ วามสรปุ ความ ตคี วาม และแสดงความคิดเหน็ จากการฟังและอ่านเรือ่ งท่ี เปน็ สารคดีและบนั เทงิ คดี พรอ้ มทงั้ ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งประกอบ ต 1.2 ม.4-6/5 พดู และเขียนบรรยายความรู้สกึ และแสดงความคิดเหน็ ของตนเองเกย่ี วกับ เรอื่ งต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณอ์ ย่างมีเหตุผล ต 1.3 ม.4-6/1 พูดและเขยี นนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์ เรอ่ื งและประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจของสงั คม ต 3.1 ม.4-6/1 คน้ ควา้ /สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับข้อมลู ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับกลุ่มสาระการเรียนร้อู ่นื จากแหล่งเรยี นร้ตู ่างๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge (นกั เรยี นตอ้ งรู้อะไร) คาศพั ท์ - vacuum (v.): to clean a place using a vacuum cleaner (ดดู ฝุ่น) - rug (n.): a piece of thick cloth or wool that is put on the floor as a decoration (พรม) - laundry (n.): clothes, sheets etc that need to be washed, or that have been washed (ซักผา้ หรอื ผ้าทซ่ี กั แลว้ ) - feed (v.): to give food to a person or animal (ใหอ้ าหาร) - take out (v.): to remove something (เอาไปทงิ้ ) - garbage (n.): waste material, such as paper, empty container, and food thrown away (ขยะ)

- chore (n.): a job that you have to do, especially a boring one: household chores (งานบา้ น) สานวนภาษา - take the dog for a walk หรอื walk the dog หมายถึง การพาสุนขั ออกไปเดินเลน่ เดินออกกาลังกาย - clean up after the dog หมายถึง การทาความสะอาด เกบ็ อุจจาระของสนุ ัข หน้าทภี่ าษา - To talk about household chores - To talk about obligations in the present โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - have to / does not have to/don’t have to - had to / didn’t have to 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติอะไรได)้ - พดู ประโยคและขอ้ ความแสดงความชอบและไมช่ อบการทางานบ้านใหส้ มั พันธก์ ับข้อมลู ในตาราง - จับใจความสาคัญ บอกรายละเอียดจากคาแนะนาทอ่ี า่ นและฟงั - บอกรายละเอียดจากบันทกึ ประจาวนั ทอี่ า่ น - เขยี นและพูดนาเสนอสิ่งท่ีจาเป็นตอ้ งทา - จับใจความสาคญั วิเคราะห์ความ สรปุ ความ ตคี วามจากบทความท่อี ่าน 3.3 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude (นักเรยี นควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบ้าง) มีวนิ ยั : เขา้ เรียนตรงเวลา ใฝ่เรียนรู้ : ค้นควา้ หาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ ม่งุ ม่ันในการทางาน : ขยัน มคี วามรับผิดชอบต่องานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความกลา้ แสดงออก 6. คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ - มวี นิ ยั - ใฝ่เรียนรู้ - มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน :

- เรียนรู้และฝึกใชไ้ วยากรณ์ have to / had to - อ่านข้อความเกี่ยวกับกฎหมาย - ฟังคาแนะนาวธิ ที างานบา้ น - พดู และเขียนเกี่ยวกบั งานบ้านที่ต้องทา 8. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบ 1 - 2 กิจกรรม New Language 1. นาเขา้ สู่บทเรยี น - ครเู ขียนคาศัพท์ Chore บนกระดาน พรอ้ มอธบิ ายความหมาย บอกนกั เรยี นใหบ้ อกงานบ้านท่ีนักเรยี นทาทบี่ า้ น ครเู ขยี นคาเหล่านน้ั บนกระดาน 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรียนว่า ในบทเรียนนน้ี ักเรียนจะไดอ้ า่ นคาศัพท์เกย่ี วกับงานบา้ นและพดู เกยี่ วกับงานบ้านทชี่ อบหรอื ไม่ ชอบทา 3. อ่านคาศพั ท์เกย่ี วกับงานบา้ น - ครูให้นกั เรียนดูภาพงานบา้ นในกจิ กรรม New Language ในหนังสอื เรยี น หน้า 8 และพูดเกี่ยวกบั ภาพ - ครูเปดิ ซีดบี นั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 8 ใหน้ กั เรยี นฟังหน่งึ ครง้ั - ครูเปิดซดี บี ันทกึ เสยี ง CD 1 Track 8 อีกครัง้ หนึ่งและหยดุ ซีดบี ันทึกเสียงเปน็ ระยะเพอื่ ใหน้ กั เรียนออกเสยี ง คาศพั ท์ตาม จากนั้นใหน้ กั เรยี นทาเคร่อื งหมายในช่องหนา้ งานบ้านทนี่ กั เรยี นตอ้ งทา 4. พดู แสดงความชอบและไม่ชอบการทางานบา้ น - ครูให้นกั เรยี นดูภาพงานบา้ นในหนังสือเรยี น หน้า 9 และอ่านข้อความในตาราง ครูอธิบายโครงสร้าง like / love / hate doing something จากน้ันให้นักเรียนเติมข้อมูลลงในตารางแบบสารวจเกี่ยวกับการทางานบ้านของ ตนเอง และให้นกั เรียนจับคพู่ ูดเกีย่ วกบั งานบ้านทตี่ นเองชอบหรอื ไม่ชอบทา เช่น - I have to make my bed, but I like doing it. - I have to feed the pets, but I love doing it. - I hate doing the dishes, but I have to do it. - ครใู ห้นักเรยี นตอบคาถามในกจิ กรรม Language Check ในหนงั สือเรียน หน้า 9 และให้นักเรียนเปรียบเทียบคาตอบ ของตนเองกับเพอื่ นวา่ งานบา้ นในข้อใดที่ต้องทาและไม่ต้องทา แล้วให้นักเรียนพูดบอกความชอบและไม่ชอบการ ทางานบา้ นของตนเองหนา้ ชั้นเรียน โดยใช้ข้อมลู จากตารางในหนังสอื เรยี น หน้า 9 - ครูประเมินผลการพูดแสดงความชอบและไม่ชอบการทางานบ้านโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพดู และใช้เกณฑ์ผา่ น ในระดับพอใช้ กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสียงคา have to - ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนงั สือเรียน หนา้ 9 ครูเปดิ ซดี บี นั ทึกเสียง CD 1 Track 9 ให้ นกั เรยี นฟงั ประโยคทม่ี ี have to และออกเสยี งตามหลาย ๆ ครั้งให้ถูกตอ้ ง

- ครูเปดิ ซดี ีบันทึกเสยี ง CD 1 Track 9 ซ้าอกี ครัง้ หน่ึง และให้นักเรยี นจับคู่ฝกึ อ่านออกเสียงในกิจกรรม Pronunciation กจิ กรรม Practice 1. ถามและตอบคาถามเกี่ยวกบั งานบ้านท่ชี อบและไมช่ อบทา - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Practice ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 ให้ นักเรียนฟังคาถามและคาตอบ จากนั้นครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 อีกคร้ังหน่ึง หยุดซีดีเม่ือจบแต่ละ ประโยคเพื่อให้นักเรยี นออกเสียงตามหลาย ๆ คร้ัง - ครใู หน้ ักเรียนจบั คู่ ฝึกอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบในกจิ กรรม Practice ข้อ 1 - ครูสุ่มใหน้ ักเรยี นบางคู่ออกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ข้อ 1 2. พูดถามและตอบคาถามโดยใช้ have to - ครูให้นักเรียนทากจิ กรรม Practice ข้อ 2 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 9 โดยครเู ปดิ ซดี ีบันทกึ เสยี ง CD 1 Track 10 ให้ นกั เรียนฟงั คาถามและคาตอบ จากน้ันครเู ปดิ ซีดีบันทึกเสยี งอีกครั้งหน่ึง หยดุ ซีดบี ันทกึ เสยี งเม่ือจบแตล่ ะประโยค เพือ่ ใหน้ ักเรียนออกเสียงตามหลาย ๆ คร้ัง - ครูให้นกั เรยี นจับคู่ ฝึกอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 2 - ครูสุ่มใหน้ ักเรียนบางคอู่ อกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบในกจิ กรรม Practice ข้อ 2 คาบ 3 - 4 กิจกรรม Conversation 1. นาเขา้ สู่บทเรียน - ครใู ห้นกั เรยี นดูภาพในกจิ กรรม Conversation ในหนังสอื เรยี น หน้า 10 ให้นักเรียนพูดเกี่ยวกบั ภาพ และให้เดา ว่าอะไรคือหวั ข้อของการสนทนา 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรยี นรนู้ ีน้ ักเรียนจะได้ฟงั และอา่ นบทสนทนาแล้วตอบคาถามเก่ียวกับบทสนทนา น้ัน 3. เตรยี มความพร้อมดา้ นคาศพั ท์ - ครูเขียนคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในบทสนทนาท่ีคาดวา่ นกั เรยี นไม่ทราบความหมายบนกระดานดงั น้ี - A mess - Whew! - You’re grounded. - ครูให้นักเรยี นบอกความหมายของคาศัพท์สานวนเหลา่ นี้ ครบู อกความหมายของคาศพั ทแ์ ละสานวนทีไ่ ม่มผี ใู้ ด ทราบความหมาย 4. ฟงั บทสนทนา - ครใู ห้นกั เรียนปิดหนงั สอื เรียน และครูเปิดซีดบี ันทึกเสยี ง CD 1 Track 11 ให้นักเรียนฟังการสนทนาระหว่างบคุ คล 2 คน 2 ครง้ั และใหน้ กั เรยี นบอกส่งิ ทที่ งั้ สองคนพดู กันเทา่ ทจ่ี ะบอกได้

5. อ่านบทสนทนา - ครูใหน้ ักเรียนอ่านออกเสียงคาถามท้งั 6 ขอ้ ในกจิ กรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 10 กอ่ นที่จะอ่านบทสนทนา - ครูใหน้ ักเรยี นอ่านบทสนทนาในกจิ กรรม Conversation ในหนังสือเรียน หนา้ 10 และทากิจกรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรียนหนา้ เดยี วกัน - ครใู หน้ กั เรียนผลัดกนั ออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน และนักเรียนคนอ่นื ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง (ดเู ฉลย ทา้ ยเลม่ ) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอา่ นบทสนทนาจากจานวนคาตอบที่ถกู ต้องจากการทากิจกรรม About the Conversation โดยใช้เกณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 70 กิจกรรม Listening 1. นาเข้าสบู่ ทเรียน - ครถู ามนักเรยี นเก่ียวกบั ปญั หาในการทางานบ้าน 2. แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้นกั เรยี นจะได้ฟงั บคุ คลพูดเกยี่ วกับคาแนะนาในการทางานบา้ นนกั เรียนจะ ตอ้ งฟังและเขยี นคาแนะนาเหลา่ นน้ั กิจกรรมก่อนฟงั 1. เตรียมความพร้อมก่อนฟัง - ครูใหน้ กั เรียนดูภาพในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรยี น หนา้ 10 และพูดเกีย่ วกับภาพ เช่น - The woman is ironing. - She’s smiling. - She likes ironing. - ครูให้นักเรียนดูรายการงานบ้านในตารางของกิจกรรม Listening ในหนังสอื เรียน หนา้ 10 ซึง่ นักเรยี นจะตอ้ งฟัง แล้วเขียนคาแนะนาเกี่ยวกับการทางานบ้านเหล่าน้นั กจิ กรรมระหว่างฟงั 1. ฟังบุคคลพดู เก่ียวกบั คาแนะนาในการทางานบ้าน - ครเู ปดิ ซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 12 ในกจิ กรรม Listening ในหนงั สอื เรียน หนา้ 10 คร้งั ที่ 1 และใหน้ ักเรียน ฟังสิ่งทีบ่ คุ คลพูด - ครูเปิดซดี บี นั ทกึ เสียง CD 1 Track 12 ครง้ั ท่ี 2 หยุดซีดีบันทึกเสียงเมื่อแต่ละบุคคลพูดจบ เพ่ือให้นักเรียนฟังและ เตมิ ขอ้ ความในตารางของกจิ กรรม Listening กจิ กรรมหลังฟัง 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจข้อความท่ฟี งั - ครูให้นักเรยี นเปรยี บเทียบคาตอบกับเพ่ือนขา้ งเคียง - ครูให้นักเรียนชว่ ยกนั บอกคาตอบ และเปิดซีดีบันทกึ เสยี ง CD 1 Track 12 อีกครั้งหนึ่งเพ่ือยนื ยันคาตอบของ นกั เรยี น (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) 2. ประเมนิ ผลการฟงั - ครูประเมนิ ผลการฟังของนกั เรียนจากจานวนคาตอบที่ถกู ตอ้ งในการทากิจกรรม Listening ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 10โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 50

คาบ 5 - 6 กิจกรรม Grammar 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนกั เรียนว่า ในหนว่ ยการเรียนรู้นนี้ กั เรียนจะไดเ้ รยี นรกู้ ารใช้ have to และ don’t / doesn’t have to เพื่อนาไปใชส้ ่ือสารเกยี่ วกบั สิ่งท่ีจาเปน็ ต้องทาและไม่ต้องทา 2. เขา้ ใจและใช้ have to - ครูบอกนักเรียนใหศ้ กึ ษาโครงสรา้ งประโยคท่ีใช้ have to ในกรอบ Grammar ในหนงั สอื เรียน หนา้ 11 ครอู ธิบาย วา่ have to ใช้พดู ถงึ เหตกุ ารณ์ทจ่ี าเปน็ ต้องทา สว่ นรปู ปฏเิ สธของ have to คือ don’t have to / doesn’t have to ใช้กลา่ วถึงเหตุการณท์ ่ีไม่จาเป็นต้องทา - ครเู ขียนตวั อยา่ งประโยคที่ใช้ have to บนกระดาน Affirmative Negative I have to go to the dentist today. I don’t have to go to the dentist today. He has to clean the kitchen. She doesn’t have to clean the kitchen. อธบิ ายว่า have to + V1 ใชพ้ ดู ถงึ เหตุการณ์ในปัจจุบนั - ครเู ขยี นตัวอยา่ งประโยค had to / didn’t have to ท่ีใช้เมือ่ พูดถึงเหตกุ ารณ์ในอดีต - I had to go to the dentist yesterday. - I didn’t have to go to the dentist yesterday. - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรียน หน้า 11 โดยครูทาข้อท่ี 1 ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง ให้นักเรียนทาข้อท่ีเหลือโดยเลือกใช้ have to ในรูปที่ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่านประโยค (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) - ครูใหน้ กั เรียนทากจิ กรรม Grammar B ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 11 โดยครูอา่ นออกเสียงคาสั่งและประโยคตวั อย่าง แลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนขอ้ ความเพ่ิมเติมในประโยคอกี 7 ประโยค บอกสิ่งทต่ี อ้ งทาหรอื ไมต่ ้องทา หลงั จากนกั เรยี น ทากจิ กรรม Grammar B เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนแลกเปลยี่ นกนั ตรวจแกง้ านกบั เพ่ือน จากนั้นครูใหน้ กั เรยี นทีส่ มัคร ใจอา่ นประโยคของตนคนละประโยค ครชู ว่ ยตรวจแกไ้ ขประโยคที่ไมถ่ กู ตอ้ ง - ครูให้นกั เรียนทากิจกรรม Grammar C ในหนังสอื เรียน หน้า 12 โดยให้นักเรียนอ่านข้อความในบันทึกประจาวัน ของ Rebecca จากนั้นใหน้ กั เรียนอ่านคาถามทัง้ 8 คาถาม แลว้ ตอบคาถามเหล่านน้ั ครใู ห้นักเรียนผลัดกันออกมา เขยี นคาตอบบนกระดาน และนักเรยี นคนอน่ื ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบันทึกประจาวัน จากจานวนคาตอบที่ถูกตอ้ งจากการทากิจกรรม Grammar C โดยใช้เกณฑผ์ ่านร้อยละ 70 กจิ กรรม Writing 1. เขียนเล่าเกย่ี วกับงานบ้านทีต่ อ้ งทา - ครูอ่านออกเสยี งคาสัง่ ของกิจกรรม Writing ในหนงั สือเรียน หน้า 12 และอธิบายคาส่งั ให้นกั เรยี นทกุ คนเขา้ ใจ - ครูใหน้ ักเรียนเขียนเลา่ เก่ยี วกับงานบา้ นท่ีตนและสมาชกิ คนอ่นื ๆ ในครอบครัวตอ้ งทา โดยใชข้ ั้นตอนในการเขยี น ดงั น้ี 1) กอ่ นลงมือเขยี น (Prewriting)

- คน้ หาหัวข้อเรื่อง เช่น Things to do around my house. หรือ My family members’ chores. - รวบรวมข้อมูล เชน่ สมาชกิ ในบา้ นแต่ละคนมหี นา้ ทท่ี างานบา้ นอะไรบา้ ง - คน้ คิดใจความหลัก - เตรียมการเขียนหรือวางโครงรา่ ง 2) การร่างงานเขยี น (Drafting) 3) การปรับปรงุ รา่ งงานเขียน (Revising) 4) การบรรณาธกิ าร/พิสูจน์อักษร (Editing/Proofreading) 5) การเขยี นรา่ งสุดทา้ ย (Writing the Final Draft) - ครปู ระเมินงานเขยี นของนกั เรียนแตล่ ะคนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียน และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรูน้ น้ี กั เรยี นจะได้พูดนาเสนอเกยี่ วกับสิง่ ที่ตอ้ งทาทั้งในวันน้ี วันพรุ่งนี้ และเมอื่ วานนี้ 2. พูดนาเสนอเก่ียวกบั สิ่งที่ต้องทา - ครูให้นักเรยี นทากจิ กรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 12 ครูอ่านคาสั่งให้นักเรียนฟัง จากนั้นครูให้นักเรียนดู ภาพดา้ นขวามอื ของกจิ กรรม Speaking และใหน้ กั เรียนพูดเก่ยี วกบั บุคคลในภาพว่า เขาต้องทาอะไรบา้ ง - ครูใหน้ กั เรยี นทางานเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน อภิปรายในกลุ่มวา่ สงิ่ ทต่ี อ้ งทาวันน้ีหรอื พรงุ่ น้คี อื อะไรบา้ ง งานบา้ น ทตี่ ้องทาเป็นประจาคืออะไรบ้าง และส่ิงท่ีตอ้ งทาเมื่อวานนี้คืออะไรบา้ ง ครูเตือนใหน้ ักเรยี นใช้ประโยค have to ให้ถูกต้องกับ Present หรอื Past - ครใู หต้ วั แทนกลุ่มทุกกลมุ่ ออกมาพดู นาเสนอขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการอภิปรายภายในกลุม่ 3. ประเมนิ ผลการพูดนาเสนอ - ครูประเมินผลการพูดนาเสนอของนกั เรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การพดู และใช้เกณฑผ์ ่านระดับพอใช้ คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Reading 1. นาเข้าส่บู ทเรียน - ครูถามนักเรียนวา่ ผู้เสนอกฎหมายท่ใี ชใ้ นประเทศคือใคร และต้องผา่ นความเหน็ ชอบจากผใู้ ด นักเรียนอาจตอบว่า เสนอโดยรฐั บาลและได้รับความเหน็ ชอบจากรฐั สภา 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ น้ี กั เรยี นจะได้อา่ นบทความเกี่ยวกับกฎหมายพิลกึ ทั่วโลก กิจกรรมก่อนอ่าน 1. เดาเน้อื หาจากชือ่ เรื่องและภาพ - ครใู หน้ กั เรียนดูช่ือบทความ Silly Laws around the World และภาพในกิจกรรม Reading ในหนงั สอื เรียน หน้า 13และเดาว่าบทความทีจ่ ะอา่ นเก่ียวกับอะไร นักเรียนอาจบอกว่า บทความนา่ จะเก่ียวกบั กฎหมายตา่ ง ๆ ที่ใชก้ ับ สัตว์ 2. ต้ังจุดประสงค์ในการอ่าน

- ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตง้ั คาถามท่คี าดว่าจะได้คาตอบจากบทความน้ี ครูเขยี นคาถามเหลา่ นั้นบนกระดาน ตัวอย่าง คาถาม - What are those silly laws? - In what country were those laws made? Why? - ครูให้นกั เรยี นใช้คาถามบนกระดานเป็นจุดประสงค์ในการอา่ น กจิ กรรมระหว่างอา่ น 1. อา่ นบทความ - ครเู ปิดซดี บี นั ทึกเสียง CD 1 Track 13 ในกจิ กรรม Reading ในหนงั สือเรียน หนา้ 13 ให้นกั เรียนฟงั และอ่านในใจ ตาม ถา้ พบคาทไี่ ม่ทราบความหมาย ให้ขีดเส้นใต้ไว้ - ครูใหน้ ักเรยี นอ่านบทความในใจอีกครั้งหน่ึง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้นักเรียนที่ สมคั รใจออกไปเขียนคาตอบใต้คาถามบนกระดาน กิจกรรมหลังอา่ น 1. พัฒนาศพั ท์ - ครใู หน้ กั เรียนออกมาเขยี นคาศัพท์ท่ไี ม่ทราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นักเรียนท่ีทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไมม่ ีผู้ใดทราบ ครูให้นกั เรียนค้นหาความหมาย จากพจนานุกรม 2. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครใู หน้ ักเรียนอา่ นบทความเรอื่ ง Silly Laws around the World อีกคร้งั หนึ่ง แลว้ ทากจิ กรรม About the Reading ในหนงั สือเรียน หน้า 13 - ครูให้นักเรียนทส่ี มคั รใจผลัดกนั ออกมาเขยี นคาตอบของคาถามในกจิ กรรม About the Reading บนกระดานและ ให้นักเรียนคนอ่ืน ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม) 3. ประเมนิ ผลการอา่ นบทความ - ครปู ระเมินผลความเข้าใจบทความของนักเรยี นจากจานวนคาตอบที่ถกู ตอ้ งจากการทากิจกรรม About the Reading โดยใช้เกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ 60 คาบ 9 – 10 กจิ กรรม World Link 1. แจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในบทเรียนน้ีนักเรยี นจะตอ้ งค้นคว้าเรื่องทน่ี า่ สนใจเกีย่ วกับ กฎหมายแปลก ๆ ในโลก 2. คน้ คว้าเก่ียวกบั กฎหมายแปลก ๆ ในโลก - ครใู ห้นกั เรียนทากจิ กรรม World Link ในหนงั สอื เรยี น หน้า 13 ให้นักเรยี นทางานกลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน - นกั เรียนใชอ้ นิ เทอร์เนต็ คน้ หาข้อมลู เกีย่ วกับกฎหมายแปลก ๆ ในโลก 3. นาเสนอขอ้ มูล - นักเรียนนาเสนอข้อมูลในกลุ่มโดยการเขียนสรปุ และมีภาพประกอบ - ครใู หน้ ักเรยี นนาข้อมลู ท่ีได้มาสงั เคราะห์และเรียบเรียง แล้วเลือกตวั แทนกล่มุ ให้พูดนาเสนอหน้าช้ันเรยี น

4. ประเมนิ ผลงานค้นควา้ - ครปู ระเมนิ ผลงานค้นควา้ ของนกั เรยี นโดยใช้เกณฑ์การประเมินผลงานและการนาเสนอผลงาน และใช้เกณฑ์ผ่าน ระดบั พอใช้ 9. สือ่ การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จานวน สภาพการใชส้ อื่ รายการสือ่ ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม ข้นั สรา้ งความ สนใจ ขยายความรู้ 1. หนงั สอื เรียน New World 4 ข้ันสร้างความสนใจ ขยายความรู้ 2. หอ้ งสืบคน้ 3. บตั รคา ขัน้ ขยายความรู้ 4. บัตรภาพ ขน้ั สร้างความสนใจ ขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วิธวี ดั เครือ่ งมอื วดั ฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ ประเมนิ การอ่านออก แบบประเมนิ การอ่าน จบั ใจความสาคัญ การอา่ นบทสนทนา ออกเสยี ง คะแนน บอกรายละเอยี ดจาก ใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ บทสนทนาท่ีอ่าน 50 บอกรายละเอยี ดจาก คาตอบท่ไี ด้จากการทา ประเมนิ ผลจาก แบบตรวจคาตอบ ใช้เกณฑ์ผา่ นร้อยละ จานวนคาตอบท่ี 50 บันทกึ ประจาวันท่ี กจิ กรรม Grammar C ถูกต้อง ประเมินงานเขียน อา่ น ประเมินการพดู เขียนเลา่ เก่ยี วกับงาน งานเขยี นเลา่ เก่ียวกบั แบบประเมิน ใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั การเขียน พอใช้ บ้านทีต่ ้องทา งานบ้านที่ตอ้ งทา แบบประเมนิ การพดู ใช้เกณฑ์ผา่ นระดับ พูดนาเสนอส่ิงที่ การพูดนาสนอ พอใช้ จาเปน็ ตอ้ งทา

11. จุดเนน้ ของโรงเรียน การบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ผเู้ รยี น 6. ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ 7. ความมีเหตุผล รจู้ กั ใช้เทคโนโลยีมาผลติ สือ่ ที่ มีจิตสานกึ ทดี่ ี เออ้ื อาทร 8. มีภมู ิคุมกันในตวั ทดี่ ี เหมาะสมและสอดคล้องเนื้อหาเป็น ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ 9. เงื่อนไขความรู้ ประโยชนต์ ่อผเู้ รียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลุ่ม 10. เงอื่ นไขคณุ ธรรม ปญั ญาของผู้เรยี น - ยดึ ถอื การประกอบอาชพี ด้วยความ ไม่หยดุ นิ่งท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถูกตอ้ ง สจุ ริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทกุ ขย์ าก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพอ่ื ใหห้ ลุดพน้ จากความไมร่ ้)ู - ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก สิ่ง ย่วั กเิ ลสให้หมดสนิ้ ไป ไมก่ อ่ ความชวั่ ให้ เปน็ เครื่องทาลายตวั เอง ทาลายผู้อน่ื พยายามเพมิ่ พนู รักษาความดี ทม่ี อี ย่ใู ห้ งอกงาม สมบรู ณ์ยิง่ ข้นึ ภมู ปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภมู ิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภูมธิ รรม : ซ่อื สตั ย์ สุจริต ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงตอ่ เวลา เสยี สละและ แบ่งปัน นาความรูเ้ หล่าน้นั มาพจิ ารณาให้ สามารถนาความร้เู หล่าน้ันมาพจิ ารณา เชอื่ มโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผน ใหเ้ ชอื่ มโยงกัน สามารถประยกุ ตใ์ ช้ใน การดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชวี ติ ประจาวัน ใหก้ ับผู้เรยี น มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มี ความซ่ือสัตย์สุจริตและมคี วามอดทน ความซ่อื สัตย์สุจริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการ มคี วามเพียร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการ ดาเนินชีวิต ดาเนนิ ชวี ิต

สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ครู ผูเ้ รยี น งานและกาลงั งานและกาลงั งานและกาลงั - ปจั จัยท่ีมผี ลต่อการเกดิ งาน - ระบปุ จั จยั ทมี่ ีผลต่อการเกิดงาน - การเกิดงานแตล่ ะกรณี - ปริมาณท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การเกดิ งาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกิดงาน - การเกิดกาลงั การ และ กาลัง พรอ้ มคานวณปริมาณที่ ไดเ้ ปรยี บ เชงิ กล และ กาลัง เกี่ยวขอ้ ง สิ่งแวดล้อม ครู ผ้เู รยี น งานและพลังงาน งานและพลังงาน - การเลอื กใช้อยา่ งถกู วิธี - การเลือกใชอ้ ย่างถูกวิธี/ เทคนคิ งานและพลงั งาน - การอนรุ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม วิธกี าร - ยกตวั อยา่ งการใช้อุปกรณ/์ - กระบวนการการอนรุ กั ษ์ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวธิ ี สิง่ แวดล้อม - แสนอแนะแนวทางอนรุ ักษ์ ส่ิงแวดลอ้ ม ลงช่อื ..................................................ผูส้ อน ( นางพิกุล เหมอื งคา )

ประเด็น 4 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น น้าหนกั คะแนน 321 เขียนโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ 2 8 โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง 1 4 โครงสร้างทาง ไวยากรณไ์ ด้ ไวยากรณ์ โครงสร้าง โครงสรา้ ง 1 4 ไวยากรณ์ ถกู ต้อง ผดิ พลาดเลก็ นอ้ ย 2 8 ทกุ ประโยค ไวยากรณผ์ ิดพลาด ไวยากรณ์ผดิ พลาด 6 24 การสะกดคา สะกดคาและ สะกดคาและ และการใช้ ใช้เครอ่ื งหมาย ใชเ้ คร่อื งหมาย หลายแหง่ เกนิ คร่ึงหน่ึง เคร่ืองหมายวรรค วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอน ทงั้ หมด ผิดพลาด ของงานเขยี น ตอน เลก็ นอ้ ย สะกดคาและ สะกดคาและ ใช้เคร่ืองหมาย ใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอน วรรคตอน ผดิ พลาด ผดิ พลาด หลายแห่ง เกินครง่ึ หนง่ึ ของงานเขยี น ใช้คาศัพท์ ใชค้ าศัพทแ์ ละ มปี ัญหาอยูบ่ า้ งใน ใช้คาศพั ท์ และสานวน สานวนเหมาะสม เหมาะสม แต่อ่านแลว้ การใชค้ าศัพทแ์ ละ และสานวน อ่านแลว้ เขา้ ใจ ไมเ่ ขา้ ใจ การใชค้ าศัพท์ ชัดเจนท้ังหมด บางแหง่ สานวน ผดิ พลาดหลาย อ่านแลว้ ไมเ่ ขา้ ใจ แหง่ อา่ นแลว้ หลายแหง่ ไม่เขา้ ใจเปน็ ส่วนมาก เขียนได้ตรง เขียนได้คอ่ นข้าง เขยี นไม่ค่อย เขยี นไม่ตรง ประเดน็ ตรงประเดน็ ตาม ตามที่กาหนด และ ที่กาหนด และ ตรงประเดน็ ตาม ประเดน็ เรยี บเรยี งเน้ือหา เรียบเรียงเน้ือหา การนาเสนอ ตามลาดบั ไดค้ ่อนข้าง ทกี่ าหนด และ ตามทก่ี าหนด และ เนอ้ื หา เหมาะสม เหมาะสม เรียบเรยี งเนื้อหา เรียบเรียงเน้ือหา รวม ไมค่ ่อยเหมาะสม ไมเ่ ป็นไป เทา่ ทคี่ วร ตามลาดบั เกณฑ์การประเมนิ ดีมาก 20-24 คะแนน ดี 16-19 คะแนน พอใช้ 12-15 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกว่า 12 คะแนน

ประเดน็ 4 เกณฑก์ ารประเมินการพดู นา้ หนกั คะแนน 321 ความถกู ต้อง - สือ่ สารได้ตรง - ส่ือสารได้ตรง - สอ่ื สารไดต้ รง - ส่ือสารไมค่ อ่ ย 2 8 ดา้ นเนือ้ หา ประเดน็ ประเดน็ เป็น ประเด็นเป็น ตรงประเด็น 2 8 สว่ นใหญ่ บางสว่ น 1 4 - เนือ้ หาถกู ต้อง - เน้ือหาไม่ค่อย 5 20 - เน้ือหาถกู ต้อง - เน้อื หาถูกตอ้ ง ถูกต้อง ตามหัวข้อที่ เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน กาหนด การออกเสยี ง - ออกเสียง - ออกเสียง - ออกเสยี ง - ออกเสยี ง การใช้คาศัพท์ ถกู ต้อง ได้ถูกต้อง ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง สานวน และ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น โครงสร้างภาษา - ใช้คาศพั ท์ - ใช้คาศพั ท์ สานวน และ - ใช้คาศัพท์ - ใชค้ าศพั ท์ สานวน และ ความสามารถ โครงสร้างภาษา สานวน และ สานวน และ โครงสร้างภาษา ในการพูด ถูกตอ้ งและ โครงสร้างภาษา โครงสรา้ งภาษา แบบ เหมาะสม ถกู ต้องเปน็ ส่วน แบบ ง่าย ๆ และ ใหญ่ งา่ ย ๆ และ มีขอ้ ผิดมาก - พูดได้ มีข้อผิดบ้าง คล่องแคล่ว - พดู ได้ - พูดเหมอื น คล่องแคล่ว - พูดได้ ท่องจา - พดู เปน็ คล่องแคลว่ แต่ ธรรมชาติ - พดู เป็น ไมเ่ ป็นธรรมชาติ - ประสานสายตา ธรรมชาติ กับผู้ฟังบ้างเป็น - ประสานสายตา - ประสานสายตา ระยะ กับผู้ฟงั - ประสานสายตา กับผฟู้ งั นอ้ ย กับผฟู้ ัง - แสดงออกทางสี หนา้ และทา่ ทาง - แสดงออกทางสี อย่างเหมาะสม หน้าและทา่ ทาง บา้ งเล็กนอ้ ย รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรับปรุง น้อยกวา่ 10 คะแนน

ประเดน็ เกณฑ์การประเมนิ ความสามารถในการสนทนา 4 3 2 1 น้าหนัก คะแน น การออกเสียง ออกเสียงถูกตอ้ ง ออกเสียงถกู ต้อง ออกเสยี งถูกต้อง ออกเสยี ง 1 4 ตามหลักการ ตามหลักการ เปน็ บางส่วน ไม่ถกู ตอ้ ง คาศพั ท์ สานวน ออกเสียง มีเสยี ง ออกเสยี ง แตพ่ อเข้าใจ ทาใหไ้ มเ่ ข้าใจ 3 12 และ เน้นหนักในคา/ เป็นสว่ นใหญ่ 3 12 ประโยคอยา่ ง ใช้คาศัพท์ สานวน ใช้คาศพั ท์ สานวน 2 8 โครงสร้างภาษา สมบูรณ์ ใช้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้าง และโครงสรา้ ง 1 4 ใช้คาศัพท์ สานวน และโครงสร้าง ประโยคแบบ ประโยคแบบ เนื้อหา และโครงสร้างภาษา ประโยคถูกต้อง เปน็ ง่าย ๆ และมี ง่าย ๆ และมี 10 40 ถกู ตอ้ งและ สว่ นใหญ่ แตไ่ ม่ ขอ้ ผดิ บ้าง ข้อผดิ มาก ความ เหมาะสม หลากหลาย เนือ้ หาถูกต้อง เน้ือหาไม่ถูกต้อง คลอ่ งแคลว่ เน้ือหาถูกต้อง เป็นบางส่วน หรอื มีขอ้ ผิดมาก เนอื้ หาถูกต้อง เป็นสว่ นใหญ่ การแสดงท่าทาง มีรายละเอียด พูดคล้ายแบบ พดู เป็นแบบ และน้าเสียง ครบถ้วนสมบูรณ์ พดู ตดิ ขดั บางครง้ั ท่องจา พอส่อื สาร ท่องจา ตะกุกตะกกั พูดไดอ้ ยา่ ง แต่ยังสามารถ ได้บ้าง ส่ือสารไดน้ ้อยมาก ประกอบการพูด เปน็ ธรรมชาติ ส่อื สารไดช้ ัดเจน หรอื ไมไ่ ดเ้ ลย คลอ่ งแคลว่ พูดโดยไม่แสดง พูดโดยไม่แสดง สือ่ สารไดช้ ัดเจน แสดงท่าทางและ ทา่ ทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ แสดงทา่ ทางและ พดู ดว้ ยน้าเสยี ง น้าเสียงคล้าย น้าเสียงเปน็ พดู ดว้ ยน้าเสยี งท่ี ที่เหมาะสมกบั การอา่ นหรือ การพดู แบบทอ่ งจา เหมาะสมกบั บทบาทและ การท่องจา บทบาทและ สถานการณ์ในระดบั สถานการณด์ มี าก ดี รวม เกณฑ์การประเมิน ดมี าก 34-40 คะแนน ดี 27-33 คะแนน พอใช้ 20-26 คะแนน ควรปรับปรุง นอ้ ยกว่า 20 คะแนน

ประเด็น เกณฑ์การประเมนิ ผลงานและการนาเสนอผลงาน 4 3 2 1 น้าหนัก คะแน น ผลงาน/ชน้ิ งาน - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถกู ตอ้ ง - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถกู ต้อง 3 12 ตรงประเด็น ตรงประเด็น ตรงประเด็น ประเดน็ ท่ี 2 8 การนาเสนอ นาเสนอมีนอ้ ย 5 20 ผลงาน - เขียนตวั สะกด - เขียนตัวสะกดผดิ - เขียนตวั สะกดผิด ถูกตอ้ ง บ้าง 1-3 แหง่ บา้ ง 4-6 แหง่ - เขยี นตัวสะกดผิด มากกว่า - เนอื้ หาตอ่ เนือ่ ง - เน้ือหาต่อเน่ือง - เน้อื หาสัมพนั ธ์ 6 แหง่ สมั พนั ธก์ นั สัมพันธก์ นั กันเปน็ สว่ นใหญ่ - เนื้อหาสัมพนั ธ์ - มสี ัญลักษณห์ รอื - มสี ญั ลกั ษณห์ รอื - มสี ญั ลกั ษณ์หรือ กนั บางสว่ น ภาพประกอบ ภาพประกอบ ภาพประกอบ เหมาะสม ประกอบเปน็ สว่ น ประกอบบา้ ง - ไมม่ ภี าพหรือ นา่ สนใจ ใหญ่ สญั ลักษณ์ - มีความประณตี ประกอบ - มคี วามประณตี - มีความประณีต พอสมควร สวยงาม สวยงาม - ผลงานขาดความ - การออกเสียง ประณีต - การออกเสียง - การออกเสียง Stress Stress Stress Intonation - การออกเสียง Intonation Intonation เสยี งพยัญชนะ Stress เสยี งพยัญชนะ เสยี งพยัญชนะ ตน้ คาและทา้ ย Intonation ตน้ คา และทา้ ย ตน้ คาและท้าย คาผิดหลักการ เสียงพยัญชนะ คาถูกต้องตาม คาผิดหลักการ ออกเสียง ตน้ คาและทา้ ย หลักการ ออกเสียง 1-3 4-6 แหง่ คาผดิ หลกั การ ออกเสียง แหง่ ออกเสียง - การพูดนาเสนอ มากกวา่ 6 แห่ง - การพดู นาเสนอ - การพูดนาเสนอ ไม่คอ่ ยตอ่ เน่ือง ต่อเนอื่ งนา่ สนใจ น่าสนใจ และไมค่ ่อย - การพูดนาเสนอ หยดุ คดิ บา้ ง นา่ สนใจ ไมต่ ่อเนอ่ื งและไม่ 1-3 ครง้ั หยุดคดิ 4-6 ครงั้ น่าสนใจ รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกวา่ 10 คะแนน

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง Do You Know Where It Is? รายวิชา ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน รหสั วิชา อ 31101 ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 น้าหนกั เวลาเรียน เวลาเรียน 10 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทคี่ งทน) หน่วยการเรียนรนู้ ้มี ีจุดมงุ่ หมายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจการถาม-ตอบเกย่ี วกับเสน้ ทางและท่ีตั้งของสถานท่ี นกั เรยี นจะ ได้อ่านบทความเกีย่ วกับการแบกเป้เดนิ ทางท่องเที่ยว และบทสนทนาส้นั ๆ เก่ยี วกบั การบอกทาง ฟงั พูดและเขยี นเกี่ยวกับ ท่ีต้งั และเส้นทางไปสถานทต่ี ่าง ๆ นอกจากน้นี กั เรียนยงั ได้เรียนรูค้ าศัพท์ต่าง ๆ เก่ียวกบั สถานท่ี รวมท้ังหน้าที่ทางภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณท์ เ่ี ปน็ พ้ืนฐานของกิจกรรม การฟัง พูด อา่ น และเขยี นในหนว่ ยการเรียนรู้นี้ 2. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ดั ชัน้ ป/ี ผลการเรยี นรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/3 อธบิ ายและเขียนประโยคและข้อความให้สมั พันธก์ ับสือ่ ทีไ่ มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ทอ่ี า่ น รวมท้ัง ระบแุ ละเขียนสอื่ ทไี่ ม่ใช่ความเรยี งรูปแบบตา่ งๆ ให้สมั พันธก์ บั ประโยค และขอ้ ความทฟ่ี ังหรืออ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จบั ใจความสาคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรอ่ื ง ที่ เป็นสารคดีและบันเทงิ คดี พรอ้ มท้งั ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งประกอบ ต 1.2 ม.4-6/1 สนทนาและเขยี นโต้ตอบขอ้ มูลเก่ียวกับตนเองและเรอื่ งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว / เหตุการณ์ ประเดน็ ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสังคม และส่อื สาร อยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม ต 1.3 ม.4-6/1 พดู และเขยี นนาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เรอ่ื งและประเด็นตา่ งๆ ตามความสนใจของสงั คม ต 1.3 ม.4-6/2 พูดและเขยี นสรปุ ใจความสาคัญ/แก่นสาระท่ไี ด้จากการวเิ คราะห์เรื่อง กิจกรรม ขา่ ว เหตกุ ารณ์ และ สถานการณต์ ามความสนใจ ต 2.1 ม.4-6/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกริ ิยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 3.1 ม.4-6/1 ค้นควา้ /สืบคน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับข้อมลู ทีเ่ กยี่ วข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ่ืน จากแหลง่ เรียนรู้ต่างๆ และนาเสนอด้วยการพดู และการเขียน ต 4.1ม.4-6/1 ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองทเี่ กิดข้นึ ในห้องเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน และ สังคม ต 4.2 ม.4-6/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรปุ ความรู้/ข้อมลู ตา่ งๆ จากสือ่ และ แหล่งการเรียนรูต้ า่ งๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี

3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge (นกั เรียนตอ้ งรู้อะไร) คาศัพท์ กจิ กรรม New Language - ATM (n.): Automated Teller Machine, a machine that you use with a card to get money from your bank account (บัตรกดเงิน) - hostel (n.): a cheap place for people to stay when they are away from home (ที่ พักราคาไมแ่ พง) - park (v.): to put your car somewhere for a period of time (จอดรถ) - parking lot (n.): an open area where people com park their cars (ลานจอดรถ) - light (n.): a set of red, green, and yellow lights that control the movement of traffic (สญั ญาณไฟจราจร) - block (n.): a group of buildings with four streets that go around it (ชว่ งตึก) - mall (n.): a large covered area containing a lot of shops (หา้ งสรรพสนิ ค้า) - สานวนภาษา กจิ กรรม New Language - catch the subway หมายถึง ใช้บริการรถไฟใต้ดิน - catch the bus หมายถงึ ใช้บรกิ ารรถเมล์ - go over หมายถงึ ข้ามไป เชน่ go over the bridge คอื ข้ามสะพานไป - หน้าทภี่ าษา - To ask about directions and locations - To describe locations - โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - Indirect Questions - Prepositions of Place 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นักเรียนสามารถปฏิบัติอะไรได้) - จับใจความสาคญั บอกรายละเอียดจากบทสนทนาที่อ่านและฟงั - สนทนาโตต้ อบเกย่ี วกบั ตาแหนง่ ของสง่ิ ของ โดยใช้ภาษา นา้ เสยี ง กริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตาม มารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาในสถานการณ์จาลองในหอ้ งเรียน -เขียนบรรยายสถานท่ี - พดู บอกเส้นทางไปบ้านโดยรถประจาทาง - วเิ คราะหค์ วาม สรปุ ความ ตคี วามจากบทความที่อา่ น - ใชภ้ าษาองั กฤษคน้ ควา้ สบื คน้ เกยี่ วกับเส้นทางเดนิ ป่าทไ่ี ดร้ ับความนยิ มทส่ี ุดสาหรบั นักแบกเปเ้ ดินทาง

3.3 คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) มีวนิ ัย : เขา้ เรียนตรงเวลา ใฝ่เรียนรู้ : ค้นคว้าหาความร้จู ากแหลง่ เรยี นรูต้ า่ ง ๆ ม่งุ มั่นในการทางาน : ขยนั มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความกล้าแสดงออก 6. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ - มีวินยั - ใฝเ่ รียนรู้ - มุ่งมัน่ ในการทางาน 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน : - ถาม-ตอบเก่ยี วกับเส้นทางและที่ตั้งของสถานท่ี - อ่านบทความเกี่ยวกับการแบกเป้เดนิ ทางท่องเท่ยี ว และบทสนทนาสั้น ๆ - ฟงั พดู และเขยี นเก่ยี วกบั ท่ตี ้งั และเส้นทางไปสถานที่ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบ 1 - 2 กิจกรรม New Language 1. นาเขา้ สู่บทเรยี น - ครูใหน้ กั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หนา้ 14-15 และใหน้ กั เรยี นบอกคาศัพท์เกย่ี วกบั สถานท่ีในภาพ ครถู าม นักเรียนเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั สถานท่ีทีน่ กั เรยี นมักจะไปและเขียนคาศพั ทเ์ หล่าน้นั บนกระดาน ครเู ลอื กสถานที่ท่ีใกลก้ บั โรงเรยี น และใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกเสน้ ทาง 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรู้นน้ี ักเรียนจะได้อ่านบทสนทนาสัน้ ๆ เกยี่ วกบั การบอกทาง และตอบคาถาม True/False เก่ยี วกับบทสนทนาทีอ่ า่ น 3. อ่านบทสนทนาสัน้ ๆ - ครูเปิดซดี บี นั ทกึ เสียง CD 1 Track 14 ในกจิ กรรม New Language ในหนงั สือเรียน หนา้ 14-15 ใหน้ กั เรียนฟัง และอ่านตามในใจ

- ครใู หน้ กั เรียนบอกคาศพั ท์ทีไ่ มค่ นุ้ เคย ครอู ธบิ ายคาศพั ท์เหล่านน้ั และให้นักเรียนออกเสียงตามครู - ครใู ห้นกั เรยี นอ่านบทสนทนาทั้งหมดในกจิ กรรม New Language ในหนังสือเรียน หนา้ 14-15 อีกครง้ั หนึ่ง - ครูให้นักเรียนตอบคาถามในกิจกรรม Language Check ในหนังสือเรียน หน้า 14 และช่วยกันเฉลยคาตอบ (ดูเฉลย ท้ายเลม่ ) - ครปู ระเมนิ ผลความเข้าใจในการอ่านจากจานวนคาตอบที่ถกู ต้องในการทากิจกรรม Language Check ในหนังสือ เรยี น หน้า 14 และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสียงสงู ตา่ ในประโยค Indirect Questions - ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรยี น หนา้ 15 ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 15 ให้ นกั เรียนฟงั การออกเสียงสงู ต่าในประโยค Indirect Questions และออกเสยี งตามหลาย ๆ คร้ังใหถ้ ูกตอ้ ง - ครเู ปิดซดี ีบันทกึ เสยี งซา้ อกี ครง้ั หนึ่ง แล้วให้นกั เรยี นจบั ค่ฝู ึกอ่านออกเสียงประโยคในกจิ กรรม Pronunciation กจิ กรรม Practice 1. พดู ถาม-ตอบโดยใช้ Indirect Questions - ครูให้นกั เรียนทากิจกรรม Practice ในหนงั สือเรียน หน้า 15 โดยครเู ปิดซดี ีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 16 ให้ นกั เรยี นฟงั คาถามและคาตอบในขอ้ 1-2 จากน้นั ครเู ปิดซีดบี นั ทึกเสยี งอกี ครั้งหนึง่ หยุดซีดเี มอ่ื จบแตล่ ะประโยค เพื่อใหน้ ักเรียนออกเสยี งตามหลาย ๆ คร้งั - ครูให้นักเรียนจับคู่ ฝึกอ่านออกเสียงคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ครูเดนิ สงั เกตการออกเสียงของ นกั เรียน - ครูให้นักเรียนแต่ละคู่เขียนคาถามและคาตอบคล้ายกับในกิจกรรม Practice โดยเปล่ียนเป็นสถานที่อื่น แล้วฝึก สนทนากัน - ครสู มุ่ ให้นักเรยี นบางคูอ่ อกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบทนี่ กั เรยี นชว่ ยกันเขียน กิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัด ขอ้ A ในหนงั สือแบบฝึกหดั New World 4 หน้า 9 (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) คาบ 3 - 4 กจิ กรรม Conversation 1. นาเขา้ สบู่ ทเรียน - ครใู ห้นกั เรียนดูภาพตอนบนขวาของหนงั สือเรียน หนา้ 16 ใหน้ กั เรียนพดู เกยี่ วกับภาพ และใหเ้ ดาว่าอะไรคอื หวั ขอ้ ของการสนทนา 2. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ครบู อกนกั เรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นนี้ กั เรียนจะได้ฟังและอ่านบทสนทนาแล้วตอบคาถามเกี่ยวกับบทสนทนาน้ัน 3. เตรยี มความพร้อมด้านคาศัพท์ - ครูเขยี นคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในบทสนทนาที่คาดวา่ นักเรยี นไมท่ ราบความหมายบนกระดาน ดงั นี้ - line - route

- I’m starving - I got that. - ครใู หน้ ักเรียนบอกความหมายของคาศพั ทแ์ ละสานวนเหล่านี้ ครูบอกความหมายของคาศัพทแ์ ละสานวนที่ไม่มีผู้ใด ทราบความหมาย 4. ฟังบทสนทนา - ครูให้นกั เรียนปิดหนงั สือเรียน และเปดิ ซีดีบันทึกเสยี ง CD 1 Track 17 ให้นักเรียนฟงั การสนทนาระหวา่ งบุคคล 2 คน 2 คร้งั และให้นักเรยี นบอกส่ิงทที่ งั้ สองคนพดู กันเท่าทจี่ ะบอกได้ 5. อ่านบทสนทนา - ครใู ห้นกั เรยี นอ่านออกเสียงคาถามในกิจกรรม About the Conversation ในหนงั สือเรยี น หนา้ 16 กอ่ นที่จะ อ่าน บทสนทนาเพือ่ หาคาตอบใหก้ ับคาถามเหล่านัน้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 16 และทากิจกรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรียนหน้าเดียวกนั - ครใู หน้ ักเรียนผลดั กันออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน และนักเรียนคนอื่นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง (ดูเฉลย ทา้ ยเลม่ ) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบทสนทนาจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการทากิจกรรม About the Conversation และใช้เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 70 กิจกรรม Listening 1. ฟังบทสนทนาและเขยี นบอกทาง - ครูอ่านออกเสียงคาสงั่ ในกิจกรรม Listening ในหนงั สือเรียน หนา้ 16 ใหน้ กั เรียนฟังและบอกนักเรียนวา่ ในบทเรยี น นี้ นักเรยี นจะได้ฟงั บทสนทนา 4 บทสนทนา ถาม-ตอบเกี่ยวกับเส้นทางไปสถานท่ี 4 แห่ง คือ pizza place, train station, post office, และ restroom นกั เรยี นจะตอ้ งฟังและเขยี นบอกทางไปสถานท่เี หล่านนั้ - ครูเปดิ ซดี ีบนั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 18 คร้งั ท่ี 1 ให้นักเรียนฟังและพยายามจบั ใจความสาคัญ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสยี งครง้ั ที่ 2 ใหน้ ักเรียนฟังและหยดุ ซีดเี มือ่ จบแต่ละบทสนทนาเพ่ือให้นักเรียนเขียนคาตอบลงใน ตารางในกจิ กรรม Listening - ครตู รวจคาตอบโดยให้นกั เรยี นช่วยกนั บอกคาตอบ และเปิดซดี ีอกี คร้ังหนึ่งเพ่ือยืนยันคาตอบของนักเรียน (ดูเฉลย ท้ายเล่ม) 2. ประเมินผลการฟงั - ครปู ระเมนิ ผลการฟงั ของนกั เรยี นจากจานวนคาตอบทีถ่ กู ตอ้ งในการทากิจกรรม Listening ในหนงั สอื เรียน หนา้ 16และใชเ้ กณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 50 กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูใหน้ ักเรยี นทางานเป็นคู่สร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการบอกทางไปสถานท่ีท่ีนัดเจอกัน จากนั้นฝึกพูดบทสนทนา นัน้ และแสดงบทบาทสมมตใิ หค้ ูอ่ ่ืนหรอื เพื่อนในชนั้ เรยี นชม

คาบ 5 - 6 กจิ กรรม Grammar 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรียนว่า ในหนว่ ยการเรยี นรู้นน้ี กั เรียนจะไดเ้ รียนรู้การใช้ประโยค Indirect Questions และ Prepositions of Place เพื่อนาไปใชถ้ ามและบอกเส้นทาง 2. เข้าใจและใช้ Prepositions of Place - ครูบอกนกั เรียนให้ศกึ ษา Prepositions of Place และภาพประกอบในกรอบ Grammar ในหนังสือเรยี น หน้า 17 ครอู ธิบายวา่ Prepositions of Place คือ คาท่ีใช้บรรยายตาแหนง่ ของสง่ิ ของหรือสถานที่ - ครูเขยี น Prepositions of Place เหลา่ น้บี นกระดาน above, below, opposite, over, through, under, at the top of, at the bottom of อธบิ ายความหมายของแต่ละคาและให้นกั เรยี นออกเสียงตาม - ครเู ขยี นประโยคตัวอย่างการใช้ Prepositions of Place ต่อไปนีบ้ นกระดาน ตรวจสอบวา่ นักเรียนเข้าใจ ความหมายของคาบุพบทเหลา่ น้ีโดยให้นักเรยี นอาสาวาดภาพประกอบ - The house is at the top of the hill. - The car went over the bridge. - The bus is going through the tunnel. - The bus stop is opposite the school. - The parking lot is at the bottom of the hill. - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรียน หน้า 17 โดยครูทาข้อท่ี 1 ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง ให้ นกั เรียนทาขอ้ ที่เหลือโดยพิจารณาเลอื กใชค้ าบุพบทที่ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่านประโยค (ดู เฉลย ท้ายเล่ม) 3. เขา้ ใจและใช้ประโยค Indirect Questions - ครูบอกนักเรยี นใหศ้ กึ ษา Indirect Questions ในกรอบ Grammar ในหนงั สือเรยี น หน้า 17 ครูอธิบายวา่ Indirect Questions ใช้เพื่อแสดงความสุภาพและเปน็ ทางการมากกวา่ Direct Questions - ครูเขยี นประโยค Direct Questions และ Indirect Questions ตอ่ ไปนี้บนกระดาน อธิบายว่า Indirect Questions มกั จะเริม่ ต้นประโยคด้วย Do you know หรือ Could/Can you tell me แล้วตามดว้ ยประโยค คาถามซ่งึ เรยี งลาดบั ด้วย Question Word, Subject, Verb Direct Question Indirect Question Where is the post office? Do you know where the post office is? Where does he live? Do you know where he lives? Who are they? Can you tell me who they are? Why is she crying? Can you tell me why she is crying? What did they say? Could you tell me what they said? กรณีประโยคคาถาม Yes/No Questions ซึง่ ไมม่ ี Question Word ใหใ้ ช้ if ใน Indirect Questions เช่น Did she pass her driving test? Do you know if she passed her driving test?

- ครใู หน้ กั เรยี นฝึกใชป้ ระโยค Indirect Questions โดยครเู ขยี นประโยค Direct Questions ต่อไปนี้บนกระดาน และให้นักเรียนช่วยกันเปลย่ี นใหเ้ ป็น Indirect Questions จากนั้นครูและนักเรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง Direct Question Indirect Question Where is my book? When does the movie start? Why did they leave early? Which student got the highest grade? Is this the correct answer? คาตอบท่ีอาจได้จากนักเรยี น - Do you know where my book is? - Do you know when the movie starts? - Can you tell me why they left early? - Can you tell me which student got the highest grade? - Could you tell me if this is the correct answer? - ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรม Grammar B และ C ในหนังสือเรียน หน้า 18 โดยครูอ่านออกเสียงคาส่ังและประโยค ตวั อย่าง แลว้ ใหน้ ักเรยี นเขียนประโยค Indirect Questions ให้ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่าน ประโยค (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) 4. พดู ถามและตอบเก่ียวกบั ตาแหนง่ ของสง่ิ ต่าง ๆ ในบา้ น - ครูให้นักเรียนจับคู่กัน ผลัดกันถาม-ตอบเกี่ยวกับตาแหน่งของส่ิงต่าง ๆ ในบ้าน ย้าให้นักเรียนตอบคาถามโดยใช้ Prepositions of Place ครูเขียนตัวอยา่ งประโยคบนกระดาน ดังนี้ A: Can you tell me where your bedroom is? B: It’s opposite the living room. - ครูประเมินการสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับตาแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน โดยใช้เกณฑ์การประเมินความสามารถใน การสนทนา และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้ คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Writing 1. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ ี้ นกั เรียนจะไดเ้ ขียนบรรยายสถานทตี่ ่าง ๆ ทีอ่ ยูใ่ กล้ ๆ 2. เขยี นบรรยายสถานท่ีใกล้ ๆ - ครใู หน้ ักเรียนบอกสถานทท่ี ่ีอยู่ใกลโ้ รงเรยี น ครเู ขียนคาเหลา่ น้ันบนกระดาน - ครเู ขยี นบรรยายสถานที่เหล่านนั้ บนกระดานใหน้ ักเรียนดเู ป็นตวั อย่าง Example: There’s a park opposite the entrance to school. It has green spaces and a field for soccer. There’s a parking lot next to the school on the right. Teachers park their cars there.

There’s an office building next to the school on the left. There are several law offices in the building. - ครูให้นักเรียนเขียนบรรยายสถานท่ีท่ีอยู่ใกล้บ้านของนักเรียน อาจให้นักเรียนวาดภาพแผนท่ีประกอบการเขียน บรรยาย จากน้ันแลกเปลีย่ นกันตรวจแก้ไขงานของตนกับเพ่ือน 3. ประเมินการเขยี นบรรยายสถานทใี่ กล้ ๆ - ครูประเมินผลการเขยี นของนกั เรยี นแต่ละคนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในหนว่ ยการเรยี นรนู้ น้ี ักเรียนจะไดพ้ ูดบอกเส้นทางไปบา้ นของนกั เรียนโดยทางรถประจาทาง 2. พูดบอกเสน้ ทางไปบา้ นของนักเรียนโดยรถประจาทาง - ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรม Speaking ในหนังสือเรยี น หนา้ 18 ครอู า่ นคาส่ังให้นักเรยี นฟงั จากนัน้ ครูให้นักเรยี นดู ภาพ GPS ด้านขวามือของกิจกรรม Speaking และใหน้ กั เรียนพูดบอกประโยชนข์ องเครือ่ ง GPS - ครูใหน้ ักเรยี นทางานเปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน ศึกษาคาศพั ท์ในกรอบสีเหลืองของกจิ กรรม Speaking ครู ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรยี นบอกความหมายของแตล่ ะคา จากน้นั ให้นกั เรยี นพูดบอกเสน้ ทางไป บ้านของตนให้เพ่อื น ๆ ในกลมุ่ ฟงั - ครใู ห้ตัวแทนกลุ่มทกุ กลุม่ ออกมาพูดบอกเสน้ ทางไปบา้ นของตนหน้าช้ันเรียน 3. ประเมินผลการพูดบอกเส้นทาง - ครปู ระเมินการพูดของนกั เรยี นแต่ละกลุม่ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การพูด และใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ กิจกรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด ข้อ B และ C ในหนังสือแบบฝึกหัด New World 4 หน้า 10 หลังจากทากิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรยี น หนา้ 17 (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) - ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด ข้อ D, E, F และ G ในหนังสือแบบฝึกหัด New World 4 หน้า 11-12 เป็นการบ้าน (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม) คาบ 9 – 10 กจิ กรรม Reading 1. นาเขา้ สู่บทเรยี น - ครูเขียนคาศัพท์ Backpacking บนกระดานและถามความหมายจากนักเรียน ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบได้ ครอู ธบิ ายความหมายแก่นักเรียน 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ีน้ กั เรียนจะได้อา่ นบทความเกยี่ วกับการแบกเป้เดนิ ทางท่องเทีย่ ว

กิจกรรมก่อนอ่าน 1. เดาเน้อื หาจากช่อื เรอ่ื งและภาพ - ครูให้นักเรียนดูช่ือบทความ Backpacking - Now and Then และภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 19 และเดาว่าบทความทจี่ ะอ่านเกี่ยวกับอะไร นักเรียนอาจบอกว่า บทความน่าจะเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว โดยมเี ป้เพียงใบเดยี ว - ครูเขียนตาราง KWL บนกระดาน ให้นกั เรียนช่วยกันเขียนข้อมูลทน่ี ักเรียนทราบเกย่ี วกับการแบกเปเ้ ดินทาง ทอ่ งเท่ียวลงในตารางชอ่ ง K K WL (What you know) (What you want to know) (What you’ve learned) 2. ต้งั จุดประสงคใ์ นการอา่ น - ครใู หน้ กั เรียนช่วยกนั ตงั้ คาถามที่ต้องการจะไดค้ าตอบจากบทความนี้ ครูเขียนคาถามเหล่าน้นั ในตารางบนกระดาน ชอ่ ง W ตวั อย่างคาถาม - When did backpacking become popular? - In what countries can we find backpackers? - Where do backpackers like to go? - What do backpackers carry? - What are the differences between backpacking at present and in the past? - ครใู หน้ ักเรียนใชค้ าถามบนกระดานเป็นจดุ ประสงคใ์ นการอา่ น กิจกรรมระหวา่ งอา่ น 1. อ่านบทความ - ครเู ปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 19 นกั เรียนฟงั และอ่านในใจตาม ถ้าพบคาท่ไี ม่ทราบความหมาย ให้ขีดเส้นใต้ไว้ - ครใู ห้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกคร้ังหน่ึง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้นักเรียนท่ี สมัครใจออกไปเขียนคาตอบข้างคาถามในตารางชอ่ ง L บนกระดาน นักเรียนอาจจะพบวา่ ไม่มีคาตอบในบทความ สาหรบั บางคาถามบนกระดาน กิจกรรมหลงั อ่าน 1. พฒั นาคาศัพท์ - ครใู หน้ ักเรียนออกมาเขียนคาศพั ท์ทไ่ี ม่ทราบความหมายบนกระดาน - ครใู ห้นักเรยี นทีท่ ราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ครูให้นักเรียนค้นหาความหมาย จากพจนานกุ รม 2. ตรวจสอบความเขา้ ใจ

- ครูให้นกั เรยี นอ่านบทความเรอื่ ง Backpacking-Now and Then อกี คร้งั หนง่ึ แล้วทากจิ กรรม About the Reading ในหนงั สอื เรียน หนา้ 19 - ครูให้นกั เรยี นท่สี มคั รใจผลัดกันออกมาเขียนคาตอบของคาถามในกิจกรรม About the Reading บนกระดานและ ให้นกั เรียนคนอ่นื ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) 3. ประเมนิ ผลการอา่ นบทความ - ครปู ระเมินผลความเข้าใจบทความของนกั เรยี นจากคาตอบที่ถูกตอ้ งในการทากจิ กรรม About the Reading และ ใช้เกณฑ์ผา่ นร้อยละ 60 9. ส่อื การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จานวน สภาพการใชส้ ื่อ รายการสื่อ ข้นั ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ขั้นสร้างความ สนใจ ขยายความรู้ 1. หนงั สอื เรยี น New World 4 ข้ันสรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 2. หอ้ งสืบค้น 3. บตั รคา ขน้ั ขยายความรู้ 4. บัตรภาพ ขนั้ สรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวดั เคร่ืองมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน แบบตรวจคาตอบ เกณฑก์ ารให้ ประเมินผลจากจานวน ระบุข้อมูลใหส้ มั พนั ธก์ บั คาตอบท่ีไดจ้ ากการทา คาตอบท่ีถกู ตอ้ ง แบบตรวจคาอบ คะแนน ประโยคและข้อความท่ี กิจกรรม Language Check ใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ ฟังหรอื อา่ น ประเมินผลจากจานวน แบบประเมิน 50 จับใจความสาคัญ คาตอบทไี่ ดจ้ ากการ คาตอบท่ี การสนทนากจิ กรรมคู่ บอกรายละเอียดจาก ทากิจกรรม About the ใช้เกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ บทสนทนาทอี่ า่ น ประเมินการสนทนา 50 Conversation สนทนาโต้ตอบเก่ียวกบั ใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดบั ตาแหนง่ ของสงิ่ ของ ในหนังสอื เรยี น หน้า 16 พอใช้ ถ้อยคา น้าเสียง สหี น้า และอากปั กริ ิยาท่ีใช้ใน การสนทนา เขยี นบรรยายสถานท่ี งานเขียนบรรยายสถานท่ี ประเมินงานเขยี น แบบประเมนิ การเขียน ใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ พดู บอกเส้นทางไปบ้าน ถ้อยคาพดู บอกเสน้ ทาง ประเมินการพดู โดยรถประจาทาง แบบประเมนิ การพูด ใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดับ พอใช้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook